• ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียงของรัสเซีย (IRBM) "Oreshnik" โดยอ้างอิงจากเศษชิ้นส่วนที่พบ อาจพัฒนามาจากขีปนาวุธ RS-26 Rubezh

    ค้นพบเอกสารการจัดซื้อตั้งแต่ปี 2013 มีความเชื่อมโยงกับส่วนประกอบของขีปนาวุธ RS-26 "Rubezh" และ ขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดำน้ำ (Submarine-Launched Ballistic Missile - SLBM) S-30 "บูลาวา" (Bulava)

    เครื่องหมายจาก TsNIIAG ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยสำคัญของรัสเซีย และบันทึกจากโรงงาน Votkinsk ซึ่งผลิตขีปนาวุธ Topol-M และ Yars

    ส่วนประกอบเฉพาะผลิตขึ้นโดยใช้เครื่องจักร "Fehlmann Picomax 54" ที่มีความแม่นยำซึ่งผลิตในสวิส

    สอดคล้องกับเพนตากอนที่ยืนยันว่า "Oreshnik" พัฒนามาจากการออกแบบของขีปนาวุธ RS-26 เป็นส่วนใหญ่

    ขีปนาวุธดังกล่าวมีความเร็วที่กล่าวอ้างไว้คือ 10 มัค (12,300 กม./ชม.; 7,610 ไมล์/ชม. หรือ 3.40 กม./วินาที) ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น

    ระยะเวลาบินถึงเป้าหมายประเทศนาโต้ของขีปนาวุธ Oreshnik:
    ■ อังกฤษ - 19 นาที
    ■ โปแลนด์ - 8 นาที
    ■ เบลเยียม - 14 นาที
    ■ เยอรมนี - 11 นาที

    วิดีโอ1 - แสดงภาพเปรียบเทียบความเร็วประมาณ 2.5 กิโลเมตรต่อวินาที
    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียงของรัสเซีย (IRBM) "Oreshnik" โดยอ้างอิงจากเศษชิ้นส่วนที่พบ อาจพัฒนามาจากขีปนาวุธ RS-26 Rubezh ค้นพบเอกสารการจัดซื้อตั้งแต่ปี 2013 มีความเชื่อมโยงกับส่วนประกอบของขีปนาวุธ RS-26 "Rubezh" และ ขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดำน้ำ (Submarine-Launched Ballistic Missile - SLBM) S-30 "บูลาวา" (Bulava) เครื่องหมายจาก TsNIIAG ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยสำคัญของรัสเซีย และบันทึกจากโรงงาน Votkinsk ซึ่งผลิตขีปนาวุธ Topol-M และ Yars ส่วนประกอบเฉพาะผลิตขึ้นโดยใช้เครื่องจักร "Fehlmann Picomax 54" ที่มีความแม่นยำซึ่งผลิตในสวิส สอดคล้องกับเพนตากอนที่ยืนยันว่า "Oreshnik" พัฒนามาจากการออกแบบของขีปนาวุธ RS-26 เป็นส่วนใหญ่ ขีปนาวุธดังกล่าวมีความเร็วที่กล่าวอ้างไว้คือ 10 มัค (12,300 กม./ชม.; 7,610 ไมล์/ชม. หรือ 3.40 กม./วินาที) ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น ระยะเวลาบินถึงเป้าหมายประเทศนาโต้ของขีปนาวุธ Oreshnik: ■ อังกฤษ - 19 นาที ■ โปแลนด์ - 8 นาที ■ เบลเยียม - 14 นาที ■ เยอรมนี - 11 นาที วิดีโอ1 - แสดงภาพเปรียบเทียบความเร็วประมาณ 2.5 กิโลเมตรต่อวินาที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • บางคราวความเชื่อมั่น
    ก็เป็นทุกสิ่งที่เรามี
    เป็นความเชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆ
    จะดีขึ้นกว่าเดิม
    เกาะไว้ และเชื่อมั่นต่อไป
    แม้ว่าจะมีคุณคนเดียวที่เชื่อก็ตาม

    จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข
    บางคราวความเชื่อมั่น ก็เป็นทุกสิ่งที่เรามี เป็นความเชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆ จะดีขึ้นกว่าเดิม เกาะไว้ และเชื่อมั่นต่อไป แม้ว่าจะมีคุณคนเดียวที่เชื่อก็ตาม จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อี้ แทนคุณ" แฉหมอเจ้าของ รพ.ชื่อดัง หลอกคนมีอันจะกินลงทุนทิพย์ อ้างทำ Wellness Center ครบวงจร อึ้งความเสียหายพุ่ง 8-9 พันล้าน เตือนถ้าเชื่อใน "บุญ" เอาเงินมาคืนผู้เสียหายเถอะ ชี้ เงินที่เอาไปเป็นเงินบาปทั้งนั้น ไม่ใช้ชาตินี้ก็ต้องใช้ชาติหน้า แย้มข้อมูลเยอะมาก ขอเวลานิด เหตุอาจกระเทือนความเชื่อมั่นครั้งใหญ่

    วันนี้(20 พ.ย.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนกว่า 30 ราย กรณีนายแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง หลอกให้ลงทุนมูลค่าความเสียหายกว่าพันล้าน โดยมีพฤติการณ์หลอกลงทุนทำ Wellness โดยระดมทุนจากประเทศหนึ่งจากตะวันออกกลางมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งใช้เงินประมาณ 20,000 ล้านบาท มีการระบุว่าจะยกระดับ Wellness ของไทย และอ้างว่าต้องมีเงินค้ำสัญญาก่อน ซึ่งผู้เสียหายเป็นหมอ เป็นผู้มีอันจะกิน เฉลี่ยแล้ว 50 ล้านบาทขึ้นไปในแต่ละราย ตนคิดว่ากรณีนี้ใหญ่มาก เท่าที่ทราบมีการระดมทุนไปถึง 8,000-9,000 ล้านบาทแล้ว

    "ท่านมีโมเดล มีแผนชัดเจนว่าท่านจะทำอย่างไร ทำตึกอย่างไร ทำครบวงจรอย่างไร แต่ว่าอันนี้ก็ไม่อยากจะไปกล่าวหาท่าน หากท่านไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจ ลักษณะแบบนี้ ร่องรอยไม่ชอบมาพากลแบบนี้ ก็เชื่อได้ว่าท่านอาจจะตั้งใจที่จะปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลด้วยหรือไม่ตั้งแต่แรก ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบดู แต่ว่าอย่างไรก็ดีที่มีข่าวว่าท่านออกไปต่างประเทศแล้ว ผมก็ติดตามอยู่จากผู้เสียหายจำนวนมาก ก็เป็นไปได้ เพราะติดต่ออะไรไม่ได้แล้ว" นายแทนคุณ กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000111525

    #MGROnline #อี้แทนคุณ #WellnessCenter
    "อี้ แทนคุณ" แฉหมอเจ้าของ รพ.ชื่อดัง หลอกคนมีอันจะกินลงทุนทิพย์ อ้างทำ Wellness Center ครบวงจร อึ้งความเสียหายพุ่ง 8-9 พันล้าน เตือนถ้าเชื่อใน "บุญ" เอาเงินมาคืนผู้เสียหายเถอะ ชี้ เงินที่เอาไปเป็นเงินบาปทั้งนั้น ไม่ใช้ชาตินี้ก็ต้องใช้ชาติหน้า แย้มข้อมูลเยอะมาก ขอเวลานิด เหตุอาจกระเทือนความเชื่อมั่นครั้งใหญ่ • วันนี้(20 พ.ย.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนกว่า 30 ราย กรณีนายแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง หลอกให้ลงทุนมูลค่าความเสียหายกว่าพันล้าน โดยมีพฤติการณ์หลอกลงทุนทำ Wellness โดยระดมทุนจากประเทศหนึ่งจากตะวันออกกลางมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งใช้เงินประมาณ 20,000 ล้านบาท มีการระบุว่าจะยกระดับ Wellness ของไทย และอ้างว่าต้องมีเงินค้ำสัญญาก่อน ซึ่งผู้เสียหายเป็นหมอ เป็นผู้มีอันจะกิน เฉลี่ยแล้ว 50 ล้านบาทขึ้นไปในแต่ละราย ตนคิดว่ากรณีนี้ใหญ่มาก เท่าที่ทราบมีการระดมทุนไปถึง 8,000-9,000 ล้านบาทแล้ว • "ท่านมีโมเดล มีแผนชัดเจนว่าท่านจะทำอย่างไร ทำตึกอย่างไร ทำครบวงจรอย่างไร แต่ว่าอันนี้ก็ไม่อยากจะไปกล่าวหาท่าน หากท่านไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจ ลักษณะแบบนี้ ร่องรอยไม่ชอบมาพากลแบบนี้ ก็เชื่อได้ว่าท่านอาจจะตั้งใจที่จะปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลด้วยหรือไม่ตั้งแต่แรก ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบดู แต่ว่าอย่างไรก็ดีที่มีข่าวว่าท่านออกไปต่างประเทศแล้ว ผมก็ติดตามอยู่จากผู้เสียหายจำนวนมาก ก็เป็นไปได้ เพราะติดต่ออะไรไม่ได้แล้ว" นายแทนคุณ กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000111525 • #MGROnline #อี้แทนคุณ #WellnessCenter
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลอดชีวิตผม..ใช้เวลาศึกษา เสียเงินเสียทองไปจำนวนมาก..กับการพิสูจน์ ศาสตร์แขนงต่างๆ แทบทุกศาสนา เกือบ 30 ปีก่อน..บ้าขนาดไหน ทิ้งรายได้เดือนละเกือบแสนไปบวช เพื่อหาความจริง ว่า สิ่งที่เขาว่า หนีไปบวช สงบ อย่างโน่นนี่ จริงไหม...บวชอยู่เกือบ 3 เดือน เคร่งมาก รองเท้ายังไม่ใส่..และก็ได้คำตอบว่า ไม่ใช่...(มาได้คำตอบภายหลังว่า ถ้าจิตเราดี สงบ..ไม่ต้องอาศัยเครื่องแบบ หรือวัดเลย ที่ไหนก็ได้) พระเครื่องก็ไม่รู้กี่เกจิ...เทพเทวา สารพัดศาสนา..พิธีกรรมต่างๆอีกมากมาย ทั้งส่วนตัว ทั้งหมู่คณะ...ดูดวง ดูฮวงจุ้ย..ไหว้ผี ไหว้เทวดา ไปจนถึง หิน ต้นไม้ ของมงคลสารพัด อาบน้ำมนต์ ทำเทียน บังสกุล ไปยันวิธีดึงพลังจักรวาลเลย...และโดนนิสัยส่วนตัว...ไม่มีทางเอาความเชื่อ นำชีวิตเด็ดขาด..นอกจากเรื่อง บาปบุญ..ต้องเอาแบบที่พิสูจน์ได้จริง และทำเป็นสถิติ...ผู้เขียนค้นพบว่า...สิ่งที่ให้พลังได้จริง มีแค่ 5 หมวด คือ 1 .พลังจากธรรมชาติ 2. พลังจากบาปบุญของเรา 3.พลังพุทธคุณจากพระเครื่อง .พระบูชา..ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกเกจิ...ต้องเลือก..4 พลังจิต และสุดท้าย คือ พลังของตัวเลข.ที่ผู้เขียนพิสูจน์มา 10กว่าปี และทำสถิติไว้... .
    ตลอดชีวิตผม..ใช้เวลาศึกษา เสียเงินเสียทองไปจำนวนมาก..กับการพิสูจน์ ศาสตร์แขนงต่างๆ แทบทุกศาสนา เกือบ 30 ปีก่อน..บ้าขนาดไหน ทิ้งรายได้เดือนละเกือบแสนไปบวช เพื่อหาความจริง ว่า สิ่งที่เขาว่า หนีไปบวช สงบ อย่างโน่นนี่ จริงไหม...บวชอยู่เกือบ 3 เดือน เคร่งมาก รองเท้ายังไม่ใส่..และก็ได้คำตอบว่า ไม่ใช่...(มาได้คำตอบภายหลังว่า ถ้าจิตเราดี สงบ..ไม่ต้องอาศัยเครื่องแบบ หรือวัดเลย ที่ไหนก็ได้) พระเครื่องก็ไม่รู้กี่เกจิ...เทพเทวา สารพัดศาสนา..พิธีกรรมต่างๆอีกมากมาย ทั้งส่วนตัว ทั้งหมู่คณะ...ดูดวง ดูฮวงจุ้ย..ไหว้ผี ไหว้เทวดา ไปจนถึง หิน ต้นไม้ ของมงคลสารพัด อาบน้ำมนต์ ทำเทียน บังสกุล ไปยันวิธีดึงพลังจักรวาลเลย...และโดนนิสัยส่วนตัว...ไม่มีทางเอาความเชื่อ นำชีวิตเด็ดขาด..นอกจากเรื่อง บาปบุญ..ต้องเอาแบบที่พิสูจน์ได้จริง และทำเป็นสถิติ...ผู้เขียนค้นพบว่า...สิ่งที่ให้พลังได้จริง มีแค่ 5 หมวด คือ 1 .พลังจากธรรมชาติ 2. พลังจากบาปบุญของเรา 3.พลังพุทธคุณจากพระเครื่อง .พระบูชา..ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกเกจิ...ต้องเลือก..4 พลังจิต และสุดท้าย คือ พลังของตัวเลข.ที่ผู้เขียนพิสูจน์มา 10กว่าปี และทำสถิติไว้... .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย จะเป็น "ตัวเปลี่ยนเกม" สำหรับเคียฟ จากความเห็นที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของ อันดรี ซีบีฮา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน
    .
    "มันจะเป็นตัวเปลี่ยนเกม ยูเครนสามารถโจมตีได้ไกลขึ้น สงครามจะสั้นลง" ซีบีฮา บอกกับพวกผู้สื่อข่าวก่อนหน้าการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวาระครบรอบ 1,000 วัน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน
    .
    เขาอ้างว่า เคียฟมีสิทธิ์โดยชอบธรรมเต็มขั้น ในการโจมตีเป้าหมายทางทหารในดินแดนของรัสเซีย "มันอาจก่อผลกระทบในทางบวกมากๆต่อสถานการณ์ในสมรภูมิรบ" ซีบีฮากล่าว
    .
    ความเคลื่อนไหวที่ทำตามคำร้องขอของยูเครนมาช้านาน ในการอนุมัติให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่สหรัฐฯจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย มีขึ้น 2 เดือน ก่อน ไบเดน พ้นจากตำแหน่ง และเขาจะถูกแทนที่โดยว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีแนวโน้มจะลดความช่วยเหลือที่มอบให้แก่เคียฟ
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์(18พ.ย.) รัสเซียกล่าวหา ไบเดน โหมกระพือความตึงเครียด ด้วยความเคลื่อนไหวดังกล่าว
    .
    โรสแมรี ดิคาร์โล รองเลขาธิการแห่งสหประชาชาติ ด้านกิจการการเมือง อ้างถึงการไฟเขียวของสหรัฐฯ ระบุว่า "ทุกฝ่ายต้องรับประกันความปลอดภัยและปกป้องพลเรือน โดยไม่สนใจว่าพลเรือนเหล่านั้นจะอยู่ในจุดไหน"
    .
    ดิคาร์โล ซึ่งกล่าวในนาม อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ต่อว่า นี่คือวาระครบรอบ 1,000 วัน แห่งการเสียชีวิตในวงกว้าง การทำลายล้างและความสิ้นหวังที่ยังคงเกาะกุมประชาชนชาวยูเครนหลายล้านคน
    .
    เธอประณามกรณีที่มีพลเรือนบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และความเคลื่อนไหวของรัสเซียที่ยกระดับการโจมตีเล่นงานยูเครนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับขีปนาวุธ 120 ลูกและโดรน 90 ลำ ที่ก่อความเสียหายอย่างหนักแก่เครือข่ายพลังงานของยูเครน
    .
    "การเล็งเป้าทำลายสาธารณูปโภคด้านพลังงานของยูเครน อาจทำให้ฤดูหนาวที่กำลังมาถึง กลายเป็นฤดูหนาวที่หนักหนาสาหัสที่สุด นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น" เธอกล่าวเตือน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111067
    ..............
    Sondhi X
    การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย จะเป็น "ตัวเปลี่ยนเกม" สำหรับเคียฟ จากความเห็นที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของ อันดรี ซีบีฮา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน . "มันจะเป็นตัวเปลี่ยนเกม ยูเครนสามารถโจมตีได้ไกลขึ้น สงครามจะสั้นลง" ซีบีฮา บอกกับพวกผู้สื่อข่าวก่อนหน้าการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวาระครบรอบ 1,000 วัน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน . เขาอ้างว่า เคียฟมีสิทธิ์โดยชอบธรรมเต็มขั้น ในการโจมตีเป้าหมายทางทหารในดินแดนของรัสเซีย "มันอาจก่อผลกระทบในทางบวกมากๆต่อสถานการณ์ในสมรภูมิรบ" ซีบีฮากล่าว . ความเคลื่อนไหวที่ทำตามคำร้องขอของยูเครนมาช้านาน ในการอนุมัติให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่สหรัฐฯจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย มีขึ้น 2 เดือน ก่อน ไบเดน พ้นจากตำแหน่ง และเขาจะถูกแทนที่โดยว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีแนวโน้มจะลดความช่วยเหลือที่มอบให้แก่เคียฟ . ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์(18พ.ย.) รัสเซียกล่าวหา ไบเดน โหมกระพือความตึงเครียด ด้วยความเคลื่อนไหวดังกล่าว . โรสแมรี ดิคาร์โล รองเลขาธิการแห่งสหประชาชาติ ด้านกิจการการเมือง อ้างถึงการไฟเขียวของสหรัฐฯ ระบุว่า "ทุกฝ่ายต้องรับประกันความปลอดภัยและปกป้องพลเรือน โดยไม่สนใจว่าพลเรือนเหล่านั้นจะอยู่ในจุดไหน" . ดิคาร์โล ซึ่งกล่าวในนาม อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ต่อว่า นี่คือวาระครบรอบ 1,000 วัน แห่งการเสียชีวิตในวงกว้าง การทำลายล้างและความสิ้นหวังที่ยังคงเกาะกุมประชาชนชาวยูเครนหลายล้านคน . เธอประณามกรณีที่มีพลเรือนบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และความเคลื่อนไหวของรัสเซียที่ยกระดับการโจมตีเล่นงานยูเครนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับขีปนาวุธ 120 ลูกและโดรน 90 ลำ ที่ก่อความเสียหายอย่างหนักแก่เครือข่ายพลังงานของยูเครน . "การเล็งเป้าทำลายสาธารณูปโภคด้านพลังงานของยูเครน อาจทำให้ฤดูหนาวที่กำลังมาถึง กลายเป็นฤดูหนาวที่หนักหนาสาหัสที่สุด นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น" เธอกล่าวเตือน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111067 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 520 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เสียหายกว่า 20 ราย ร้องผบ.ตร.ช่วยเร่งรัดคดี หลังถูกหลอกลงทุนแชร์ลูกโซ่แอบอ้างบริษัทอสังหาชื่อดัง มีผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 8 พันคน บางรายหลงเชื่อลงทุนจนหมดตัวเครียดล้มป่วยเสียชีวิต มูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้าน พบนักร้องเรียนหญิงคนดังอาจมีเอี่ยว•วันนี้ (18 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ เคนโด้ พาตัวแทนผู้เสียหาย 20 คนเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินการเร่งรัดติดตามคดีกรณีแชร์ลูกโซ่ หลอกลงทุนอสังหาริมทรัพย์ พบมีผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 8 พันคน เสียหายกว่า 1 พันล้านบาท พบมีความเชื่อมโยงกับนักร้องเรียนหญิงคนดังอักษรย่อ ก.ไก่ โดยมีผู้เสียหายบางรายเครียดจนล้มป่วยเสียชีวิตเพราะหาทางออกไม่ได้ โดยมี พ.ต.อ.ชัยพร ออฟูวงศ์ รองผบก.ผก.นายตำรวจเวรอำนวยการเป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียน•คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000110820•#MGROnline #ลงทุน #แชร์ลูกโซ่ #แอบอ้าง #บริษัทอสังหา
    ผู้เสียหายกว่า 20 ราย ร้องผบ.ตร.ช่วยเร่งรัดคดี หลังถูกหลอกลงทุนแชร์ลูกโซ่แอบอ้างบริษัทอสังหาชื่อดัง มีผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 8 พันคน บางรายหลงเชื่อลงทุนจนหมดตัวเครียดล้มป่วยเสียชีวิต มูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้าน พบนักร้องเรียนหญิงคนดังอาจมีเอี่ยว•วันนี้ (18 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ เคนโด้ พาตัวแทนผู้เสียหาย 20 คนเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินการเร่งรัดติดตามคดีกรณีแชร์ลูกโซ่ หลอกลงทุนอสังหาริมทรัพย์ พบมีผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 8 พันคน เสียหายกว่า 1 พันล้านบาท พบมีความเชื่อมโยงกับนักร้องเรียนหญิงคนดังอักษรย่อ ก.ไก่ โดยมีผู้เสียหายบางรายเครียดจนล้มป่วยเสียชีวิตเพราะหาทางออกไม่ได้ โดยมี พ.ต.อ.ชัยพร ออฟูวงศ์ รองผบก.ผก.นายตำรวจเวรอำนวยการเป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียน•คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000110820•#MGROnline #ลงทุน #แชร์ลูกโซ่ #แอบอ้าง #บริษัทอสังหา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัพย์สมบัติส่วนบุคคล ตอนที่ 2

    เรื่องของทรัพย์สมบัติในตอนที่แล้ว มันช่างสร้างปัญหาในการดำรงชีวิตมากมาย รวมไปถึงการส่งผลต่อสุขภาพจิตด้วยและการดำเนินชีวิตด้วย

    หากแต่ภูมิปัญหาของพระพุทธเจ้า ได้สอนและจำแนกไว้เป็นอย่างดีและชัดเจนมากๆแล้วว่า ทรัพย์สมบัติแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ทรัพย์สมบัติภายนอก และทรัพย์สมบัติภายใน

    ตอนนี้เราจะมาลงรายละเอียดของทรัพย์สมบัติภายนอกกันครับ

    ทรัพย์สมบัติภายนอก มีอะไรบ้าง… เงิน , ทอง , บ้าน , รถยนต์ , โทรศัพท์มือถือ , รองเท้า , ปากกา, นาฬิกา หรือพูดง่ายๆว่าสิ่งที่เรามองออกไปรอบๆตัวที่เห็นทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีทรัพย์สมบัติภายนอกที่เรายึดเอาไว้ว่าเป็นของตัวเอง อีกหลายๆอย่างซึ่งไม่ใช่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ยกตัวอย่างเช่น ประเทศ(ของเรา) , โรงเรียน(ของเรา) , พ่อแม่(ของเรา) , ลูก(ของเรา) หรือ สามี/ภรรยา(ของเรา) สิ่งเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นทรัพย์สมบัติได้หรือเปล่า…ไม่แน่ใจ แต่เราก็ยึดไปแล้วว่าเป็นของเรา

    ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิ่งที่จับต้องไม่ได้ที่เราเรียกว่าเป็นของเราอีกเช่น ร่างกาย(ของเรา) , ชื่อเสียงเกียรติยศ(ของเรา) , รูปร่างหน้าตา(ของเรา) , ทรงผม(ของเรา) , ความสวย/หล่อ(ของเรา) , ศักดิ์ศรี(ของเรา) หรือภูมิหลัง(ของเรา)

    สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นของเราจริงๆหรือเปล่า? ถ้าเป็นของเราจริงๆเราต้องบังคับมันได้ เช่นบังคับให้จำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง , บังคับให้(เขา)ทำแบบนั้นแบบนี้ตามใจเรา หรือบังคับไม่ให้มันเสื่อมสภาพไป ซึ่งเราไม่สามารถบังคับอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นจะเรียกว่าเป็นของของเราได้ไหม

    สินทรัพย์ภายนอก เราต้องแลกมา หามา ได้มา ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ซึ่งเรายังคงต้องได้มาจากผู้อื่น ในมุมมองของการหาสินทรัพย์ภายนอกที่เป็นเงิน เราก็ต้องแลกด้วยแรง แลกด้วยส่วนต่างของกำไร แล้วเอาเงินจากอีกคนหรืออีกฝ่ายหนึ่งมา ซึ่งเงินก้อนนี้ก็ถูกดึงมากจากอีกฝ่าย และพวกเขาก็ดึงมากจากผู้อื่นๆ รวมไปถึงเงินของเราก็ยังต้องจับจ่าย ใช้มันออกไปให้คนอื่นเช่นกัน ทรัพย์เหล่านี้สูญเสียไปง่าย เสื่อมค่าก็ง่าย เหมือนว่าวัฎจักรนี้ไม่มีที่สิ้นสุดเลย

    ปัญหาหลักของคนเราทุกคนคือการสะสมและการปรียบเทียบทรัพย์สมบัติกับผู้อื่น สมบัติที่ว่าก็คือโดยเฉพาะทรัพย์สมบัติภายนอก ทรัพย์สมบัติภายนอกอย่างที่กล่าวมานั้น เป็นสิ่งของที่เหมือนๆกันทั้งหมด ทั้งเงิน สิ่งของ และอื่นๆ ซึ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันง่าย เช่น ฉันเงินเยอะกว่า บ้านหลังใหญ่กว่า รถยนต์พึ่งออกใหม่ โทรศัพท์รุ่นใหม่ พวกเราอยู่ในวังวนนี้มาโดยตลอด

    แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีก เมื่อมีความเชื่อและความยึดถือว่าคนรวย คนมีทรัพย์มาก เป็นคนเก่ง เป็นคนที่น่านับหน้าถือตา รวมไปถึงอาจจะมีอำนาจวาสนาสูงด้วย ทำให้คนเราต้องไข่วคว้าหาเงินทอง ทรัพย์สมบัติมากขึ้น มากขึ้น ไปเรื่อยๆ นอกจากต้องการมากแล้ว ยังต้องการให้มีมากขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทรัพย์สินเหล่านอกจากหลายๆคนมีมากมายมาตั้งแต่กำเนิดได้จากมรดกตกทอดมาจากคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย หรือจากคุณพ่อคุณแม่ด้วย บางคนหามาได้จากความมานะพยายาม บางคนสติปัญญาดี บางคนดวงดี ซึ่งในคนปกติอย่างเราๆ การหาทรัพย์สมบัติมาด้วยความสุจริตนั้นไม่ได้หามาได้ง่ายๆเลย

    การที่ต้องนำทรัพย์สมบัติสะสมมาเทียบเท่ากับคนอื่นๆเป็นเรื่องที่ยากและเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าหากทำได้เมื่อเทียบกับตัวเทียบที่หนึ่งแล้วยังไงต่อ คนที่เราคิดว่าเราไปเทียบด้วยนั้นรวยแล้วแต่ที่จริงก็ยังมีคนที่รวยกว่าและรวยมากกว่าอีก คนที่จ้องจะเปรียบเทียบก็ต้องเปรียบเทียบกับคู่เปรียบที่รวยกว่าเดิม และเมื่อทำได้มากกว่าคนนี้ก็มองหาคนที่อยู่สูงขึ้นไปอีก ถ้าพิจารณาดีๆจากคนรวยในโลกแล้วเราจะเห็นว่าคนที่รวยนั้นเขามีความรวยแบบไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ รวยมหารวย ถ้าเปรียบเทียบกันไปแบบนี้ กว่าเราจะตายไปก็คงจะไม่สามารถเป็นคนที่รวยชนะทุกคนในประเทศได้ รวมไปถึงเป็นที่หนึ่งของโลกด้วยเช่นกัน

    คนที่เห็นคนอื่นมีมาก มีสิ่งของชิ้นใหม่ อยากเป็นคนมีสมบัติมากๆ แต่ความสามารถ ความมีโชค ความขยัน และความอดทน ไม่เท่ากับคนอื่น ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จะได้สมบัติมามากๆได้ยังไง เขาก็ต้องหาทางที่ไม่ตรงไปตรงมา เช่น โกง ปล้น ยักยอก หรือบังคับขู่เข็น และนั่นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เป็นบาป สร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่น อ่านที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าทรัพย์สมบัติภายนอกมันต้องได้จากคนอื่นมา เหตุการณ์เหล่านี้สามารถเห็นได้ตามหน้าสื่อต่างๆมากมาย ผู้กระทำก็ถูกจับติดคุก ติดตาราง บางคนถึงขั้นวางยาพิษผู้เสียหาย

    เรื่องราวของทรัพย์สมบัติภายนอกยังไม่จบ รออ่านตอนที่ 3 นะครับ
    ทรัพย์สมบัติส่วนบุคคล ตอนที่ 2 เรื่องของทรัพย์สมบัติในตอนที่แล้ว มันช่างสร้างปัญหาในการดำรงชีวิตมากมาย รวมไปถึงการส่งผลต่อสุขภาพจิตด้วยและการดำเนินชีวิตด้วย หากแต่ภูมิปัญหาของพระพุทธเจ้า ได้สอนและจำแนกไว้เป็นอย่างดีและชัดเจนมากๆแล้วว่า ทรัพย์สมบัติแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ทรัพย์สมบัติภายนอก และทรัพย์สมบัติภายใน ตอนนี้เราจะมาลงรายละเอียดของทรัพย์สมบัติภายนอกกันครับ ทรัพย์สมบัติภายนอก มีอะไรบ้าง… เงิน , ทอง , บ้าน , รถยนต์ , โทรศัพท์มือถือ , รองเท้า , ปากกา, นาฬิกา หรือพูดง่ายๆว่าสิ่งที่เรามองออกไปรอบๆตัวที่เห็นทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีทรัพย์สมบัติภายนอกที่เรายึดเอาไว้ว่าเป็นของตัวเอง อีกหลายๆอย่างซึ่งไม่ใช่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ยกตัวอย่างเช่น ประเทศ(ของเรา) , โรงเรียน(ของเรา) , พ่อแม่(ของเรา) , ลูก(ของเรา) หรือ สามี/ภรรยา(ของเรา) สิ่งเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นทรัพย์สมบัติได้หรือเปล่า…ไม่แน่ใจ แต่เราก็ยึดไปแล้วว่าเป็นของเรา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิ่งที่จับต้องไม่ได้ที่เราเรียกว่าเป็นของเราอีกเช่น ร่างกาย(ของเรา) , ชื่อเสียงเกียรติยศ(ของเรา) , รูปร่างหน้าตา(ของเรา) , ทรงผม(ของเรา) , ความสวย/หล่อ(ของเรา) , ศักดิ์ศรี(ของเรา) หรือภูมิหลัง(ของเรา) สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นของเราจริงๆหรือเปล่า? ถ้าเป็นของเราจริงๆเราต้องบังคับมันได้ เช่นบังคับให้จำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง , บังคับให้(เขา)ทำแบบนั้นแบบนี้ตามใจเรา หรือบังคับไม่ให้มันเสื่อมสภาพไป ซึ่งเราไม่สามารถบังคับอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นจะเรียกว่าเป็นของของเราได้ไหม สินทรัพย์ภายนอก เราต้องแลกมา หามา ได้มา ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ซึ่งเรายังคงต้องได้มาจากผู้อื่น ในมุมมองของการหาสินทรัพย์ภายนอกที่เป็นเงิน เราก็ต้องแลกด้วยแรง แลกด้วยส่วนต่างของกำไร แล้วเอาเงินจากอีกคนหรืออีกฝ่ายหนึ่งมา ซึ่งเงินก้อนนี้ก็ถูกดึงมากจากอีกฝ่าย และพวกเขาก็ดึงมากจากผู้อื่นๆ รวมไปถึงเงินของเราก็ยังต้องจับจ่าย ใช้มันออกไปให้คนอื่นเช่นกัน ทรัพย์เหล่านี้สูญเสียไปง่าย เสื่อมค่าก็ง่าย เหมือนว่าวัฎจักรนี้ไม่มีที่สิ้นสุดเลย ปัญหาหลักของคนเราทุกคนคือการสะสมและการปรียบเทียบทรัพย์สมบัติกับผู้อื่น สมบัติที่ว่าก็คือโดยเฉพาะทรัพย์สมบัติภายนอก ทรัพย์สมบัติภายนอกอย่างที่กล่าวมานั้น เป็นสิ่งของที่เหมือนๆกันทั้งหมด ทั้งเงิน สิ่งของ และอื่นๆ ซึ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันง่าย เช่น ฉันเงินเยอะกว่า บ้านหลังใหญ่กว่า รถยนต์พึ่งออกใหม่ โทรศัพท์รุ่นใหม่ พวกเราอยู่ในวังวนนี้มาโดยตลอด แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีก เมื่อมีความเชื่อและความยึดถือว่าคนรวย คนมีทรัพย์มาก เป็นคนเก่ง เป็นคนที่น่านับหน้าถือตา รวมไปถึงอาจจะมีอำนาจวาสนาสูงด้วย ทำให้คนเราต้องไข่วคว้าหาเงินทอง ทรัพย์สมบัติมากขึ้น มากขึ้น ไปเรื่อยๆ นอกจากต้องการมากแล้ว ยังต้องการให้มีมากขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทรัพย์สินเหล่านอกจากหลายๆคนมีมากมายมาตั้งแต่กำเนิดได้จากมรดกตกทอดมาจากคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย หรือจากคุณพ่อคุณแม่ด้วย บางคนหามาได้จากความมานะพยายาม บางคนสติปัญญาดี บางคนดวงดี ซึ่งในคนปกติอย่างเราๆ การหาทรัพย์สมบัติมาด้วยความสุจริตนั้นไม่ได้หามาได้ง่ายๆเลย การที่ต้องนำทรัพย์สมบัติสะสมมาเทียบเท่ากับคนอื่นๆเป็นเรื่องที่ยากและเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าหากทำได้เมื่อเทียบกับตัวเทียบที่หนึ่งแล้วยังไงต่อ คนที่เราคิดว่าเราไปเทียบด้วยนั้นรวยแล้วแต่ที่จริงก็ยังมีคนที่รวยกว่าและรวยมากกว่าอีก คนที่จ้องจะเปรียบเทียบก็ต้องเปรียบเทียบกับคู่เปรียบที่รวยกว่าเดิม และเมื่อทำได้มากกว่าคนนี้ก็มองหาคนที่อยู่สูงขึ้นไปอีก ถ้าพิจารณาดีๆจากคนรวยในโลกแล้วเราจะเห็นว่าคนที่รวยนั้นเขามีความรวยแบบไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ รวยมหารวย ถ้าเปรียบเทียบกันไปแบบนี้ กว่าเราจะตายไปก็คงจะไม่สามารถเป็นคนที่รวยชนะทุกคนในประเทศได้ รวมไปถึงเป็นที่หนึ่งของโลกด้วยเช่นกัน คนที่เห็นคนอื่นมีมาก มีสิ่งของชิ้นใหม่ อยากเป็นคนมีสมบัติมากๆ แต่ความสามารถ ความมีโชค ความขยัน และความอดทน ไม่เท่ากับคนอื่น ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จะได้สมบัติมามากๆได้ยังไง เขาก็ต้องหาทางที่ไม่ตรงไปตรงมา เช่น โกง ปล้น ยักยอก หรือบังคับขู่เข็น และนั่นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เป็นบาป สร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่น อ่านที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าทรัพย์สมบัติภายนอกมันต้องได้จากคนอื่นมา เหตุการณ์เหล่านี้สามารถเห็นได้ตามหน้าสื่อต่างๆมากมาย ผู้กระทำก็ถูกจับติดคุก ติดตาราง บางคนถึงขั้นวางยาพิษผู้เสียหาย เรื่องราวของทรัพย์สมบัติภายนอกยังไม่จบ รออ่านตอนที่ 3 นะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนจีน (บางส่วน) มีความเชื่อว่า ถ้าเกจิอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่พลังจิตของท่าน จะเขื่อมต่อกับวัตถุมงคลของท่านได้...ถ้าท่านใด ยังไม่มีพระในดวงใจ ที่ปฏิบัติดี ก็แนะนำครับ
    คนจีน (บางส่วน) มีความเชื่อว่า ถ้าเกจิอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่พลังจิตของท่าน จะเขื่อมต่อกับวัตถุมงคลของท่านได้...ถ้าท่านใด ยังไม่มีพระในดวงใจ ที่ปฏิบัติดี ก็แนะนำครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔸️นับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ปริมาณอะลูมิเนียมในวัคซีนสำหรับเด็กเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าของปริมาณทั้งหมด
    ในขณะเดียวกัน การวินิจฉัยโรคออทิซึมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 27,000%
    https://thepeoplesvoice.tv/aluminum-levels-in-childhood.../
    ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของอะลูมิเนียมในวัคซีนมักเกี่ยวข้องกับบทบาทของอะลูมิเนียมในฐานะสารเสริมภูมิคุ้มกัน—ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น—การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างส่วนประกอบของวัคซีนและอัตราการเกิดออทิซึมที่เพิ่มมากขึ้น
    อัตราการเกิดโรคออทิซึมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980 เมื่อครั้งนั้น อัตราการวินิจฉัยโรคออทิซึมโดยประมาณอยู่ที่ 1 ใน 10,000 เด็ก ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 อัตราดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 150 และข้อมูลล่าสุดจากปี 2023 ระบุว่าอัตราดังกล่าวอยู่ที่ 1 ใน 36 เด็ก
    ดร. คริส เอ็กซ์ลีย์ จากมหาวิทยาลัยคีลในอังกฤษและเพื่อนร่วมงานได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่ทำการศึกษาเนื้อเยื่อสมองของผู้ป่วยออทิสติกเป็นครั้งแรก เพื่อตรวจสอบระดับอะลูมิเนียม (หมายเหตุ: ในสหราชอาณาจักรผู้ป่วยสะกดคำว่า “อะลูมิเนียม” เป็น “อะลูมิเนียม”) ที่พบในเนื้อเยื่อสมอง
    สำหรับใครก็ตามที่พยายามจะโน้มน้าวโลกให้เชื่อว่า “วิทยาศาสตร์ได้รับการพิสูจน์แล้วและวัคซีนไม่ได้ทำให้เกิดโรคออทิซึม” ผลการศึกษานี้ขัดแย้งกับคำกล่าวนี้อย่างมาก
    ในโพสต์บล็อกที่เขียนโดยศาสตราจารย์เอ็กซ์ลีย์ในวันที่ผลการศึกษาของเขาได้รับการตีพิมพ์
    เขาได้อธิบายผลลัพธ์อันล้ำสมัยดังต่อไปนี้:
    “…ในขณะที่ปริมาณอะลูมิเนียมในสมองของผู้ป่วยออทิสติกทั้ง 5 รายนั้นสูงอย่างน่าตกใจ แต่ตำแหน่งในเนื้อเยื่อสมองต่างหากที่เป็นจุดสังเกตที่โดดเด่น…หลักฐานใหม่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะลูมิเนียมเข้าสู่สมองของผู้ป่วย ASD [กลุ่มอาการออทิสติก] ผ่านทางเซลล์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบซึ่งมีอะลูมิเนียมสะสมอยู่ในเลือดและ/หรือน้ำเหลือง ซึ่งก็เหมือนกับที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในโมโนไซต์ที่บริเวณที่ฉีดวัคซีนรวมถึงสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียม”
    คำพูดของดร. เอ็กซ์ลีย์รวมถึงการอ้างถึง “โมโนไซต์ที่บริเวณฉีด” และความจริงที่ว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างโมโนไซต์เหล่านี้กับอะลูมิเนียมได้รับการพิสูจน์แล้วในวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ก่อนหน้านี้
    ฉันรู้ว่ามันฟังดูเป็นเทคนิคมาก แต่ลองฟังฉันก่อน
    “โมโนไซต์” คือเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งโมโนไซต์ชนิดหนึ่งคือ “แมคโครฟาจ” แมคโครฟาจอาจเปรียบได้กับมนุษย์ขยะในระบบภูมิคุ้มกันที่คอยกัดกินสิ่งแปลกปลอม เศษเซลล์ ฯลฯ
    อย่างที่คุณจะสังเกตเห็นในอีกไม่ช้านี้ ดูเหมือนว่าแมคโครฟาจจะมีบทบาทสำคัญและร้ายแรงในการกระตุ้นให้เกิดออทิซึม โดยทำหน้าที่นำอะลูมิเนียมที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งฉีดจากวัคซีนโดยตรงเข้าไปในสมอง ซึ่งสามารถขัดขวางการพัฒนาของสมองและกระตุ้นให้เกิดออทิซึมได้
    การศึกษาวิจัยของดร. เอ็กซ์ลีย์เรื่อง “ อะลูมิเนียมในเนื้อเยื่อสมองและออทิซึม ” ถือได้ว่าเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายของปริศนาที่เริ่มประกอบเข้าด้วยกันในปี 2004 และได้รับความสนใจมากขึ้นหลังปี 2010 ซึ่งช่วยส่งเสริมความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์อย่างมากว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นให้เกิดออทิซึมได้อย่างไร
    ไทม์ไลน์นี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนัก เนื่องจากศาลวัคซีนในสหรัฐฯ ได้ยกฟ้องสมมติฐานเกี่ยวกับวัคซีน-ออทิซึมในปี 2009 นานก่อนที่สิ่งที่ฉันจะอธิบายต่อไปนี้จะเกิดขึ้นเสียอีก
    วิทยาศาสตร์คือความต่อเนื่อง ความจริงที่ปรากฏผ่านการศึกษาหลาย ๆ อย่างซึ่งมักต้องนำมาประกอบเข้าด้วยกันก่อนจึงจะมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจน และบางครั้งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อาจดำเนินไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ความจริงที่ปรากฏปรากฏขึ้นในลักษณะที่ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป
    ในความเห็นของฉัน การศึกษาของดร. เอ็กซ์ลีย์ให้ข้อมูลเพียงส่วนเดียวที่ขาดหายไปจากคำอธิบายที่รัดกุมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายของฉันและเด็กอีกหลายๆ คน และได้ให้ "ความน่าจะเป็นทางชีววิทยา" แก่ผู้ที่ไม่เชื่อทั้งหมดว่าวัคซีนที่ฉีดเข้าที่ไหล่ของทารกสามารถกระตุ้นให้เกิดโรคออทิซึมได้อย่างไร
    สำหรับชาวอเมริกัน การแข่งขันเพื่อค้นหาสาเหตุของโรคออทิซึมทั้งหมดนั้นน่าจะชนะได้ในต่างแดน ดังที่คุณจะเห็นในไม่ช้านี้ วิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่อธิบายสาเหตุของโรคออทิซึมมาจากต่างประเทศ แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จาก Caltech จะเป็นคนผลักโดมิโนตัวแรกไปเมื่อปี 2549 ก็ตาม
    ทำไมถึงมีอะลูมิเนียมอยู่ในวัคซีน?
    อะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบสำคัญของวัคซีนส่วนใหญ่ที่ให้กับเด็ก อะลูมิเนียมทำหน้าที่เป็น “สารเสริมภูมิคุ้มกัน” ซึ่งหมายความว่าอะลูมิเนียมทำหน้าที่ “ปลุก” ระบบภูมิคุ้มกันให้ตื่นขึ้น กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันจดจำ “แอนติเจน” ในวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่วัคซีนทำหน้าที่ป้องกันโรค
    ปริมาณอะลูมิเนียมในวัคซีนที่ให้กับเด็ก ๆพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเริ่มตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 ด้วยสาเหตุสองประการ: 1) มีการเพิ่มวัคซีนเข้าไปในตารางวัคซีนสำหรับเด็กมากขึ้น และ 2) อัตราการฉีดวัคซีนสำหรับวัคซีนทุกชนิดที่ให้กับเด็กเพิ่มขึ้น (จาก 50–60% ของเด็ก ๆ ที่ได้รับวัคซีนในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เป็นมากกว่า 90% ในปัจจุบัน)
    ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เด็กจะได้รับอะลูมิเนียมจากวัคซีน 1,250 ไมโครกรัมภายในอายุ 18 เดือนหากได้รับวัคซีนครบถ้วน ปัจจุบัน ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 4,925 ไมโครกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่าจากปริมาณอะลูมิเนียมทั้งหมด
    คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ในผลการศึกษาที่ยอดเยี่ยม ซึ่งตีพิมพ์โดย Neil Miller
    ที่น่าประหลาดใจก็คือ อะลูมิเนียมไม่เคยผ่านการทดสอบทางชีวภาพเพื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยในการฉีดเข้าไปในทารก เนื่องจากอะลูมิเนียมได้รับการ "ยกเว้น" ไว้ในมาตรฐานความปลอดภัยสมัยใหม่ของเรา นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดา ดร. คริส ชอว์ และ ดร. ลูซิจา ทอมเยโนวิช ได้กล่าวถึงการละเว้นนี้ในการศึกษาวิจัยเชิงวิจารณ์ที่พวกเขาตีพิมพ์ในปี 2011 ในวารสารCurrent Medicinal Chemistryชื่อว่า “ สารเสริมฤทธิ์วัคซีนอะลูมิเนียม: ปลอดภัยหรือไม่ ” พวกเขาเขียนว่า:
    “อะลูมิเนียมเป็นสารพิษต่อระบบประสาทที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากการทดลองและเป็นสารเสริมฤทธิ์วัคซีนที่ใช้กันทั่วไป แม้ว่าจะมีการใช้สารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมอย่างแพร่หลายมานานเกือบ 90 ปีแล้ว แต่ความเข้าใจของวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมยังคงต่ำอย่างน่าตกใจนอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับพิษวิทยาและเภสัชจลนศาสตร์ของสารประกอบเหล่านี้อย่างขาดแคลน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล แม้จะเป็นเช่นนั้น แนวคิดที่ว่าอะลูมิเนียมในวัคซีนนั้นปลอดภัยก็ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางอย่างไรก็ตาม การวิจัยเชิงทดลองแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมมีศักยภาพในการทำให้เกิดความผิดปกติทางภูมิคุ้มกันที่ร้ายแรงในมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อะลูมิเนียมในรูปแบบสารเสริมฤทธิ์มีความเสี่ยงต่อภูมิคุ้มกันตนเอง การอักเสบของสมองในระยะยาว และภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้อง และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างกว้างขวางและรุนแรง”
    ICANตัดสินใจทดสอบความสามารถของ CDC และ NIH ในการผลิตงานวิจัยใดๆ เพื่อแสดงให้เห็นความปลอดภัยของสารเสริมฤทธิ์วัคซีนผ่านการฟ้องร้องภายใต้ FOIA ตอนนี้ฉันเดาว่าคุณคงรู้ว่าคดีจบลงอย่างไร... อ่านบทความฉบับสมบูรณ์
    “คำตอบของ CDC และ NIH ต่อคำร้องขอภายใต้พระราชบัญญัติเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล (FOIA) ของ ICAN เกี่ยวกับสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมเผยให้เห็นการยอมรับที่น่าตกตะลึง นั่นคือ พวกเขาไม่มีการศึกษาแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะสนับสนุนความปลอดภัยในการแนะนำให้ฉีดสารพิษต่อเซลล์และระบบประสาทนี้ซ้ำๆ เป็นส่วนหนึ่งของตารางการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กของ CDC”
    🔸️นับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ปริมาณอะลูมิเนียมในวัคซีนสำหรับเด็กเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าของปริมาณทั้งหมด ในขณะเดียวกัน การวินิจฉัยโรคออทิซึมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 27,000% https://thepeoplesvoice.tv/aluminum-levels-in-childhood.../ ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของอะลูมิเนียมในวัคซีนมักเกี่ยวข้องกับบทบาทของอะลูมิเนียมในฐานะสารเสริมภูมิคุ้มกัน—ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น—การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างส่วนประกอบของวัคซีนและอัตราการเกิดออทิซึมที่เพิ่มมากขึ้น อัตราการเกิดโรคออทิซึมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980 เมื่อครั้งนั้น อัตราการวินิจฉัยโรคออทิซึมโดยประมาณอยู่ที่ 1 ใน 10,000 เด็ก ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 อัตราดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 150 และข้อมูลล่าสุดจากปี 2023 ระบุว่าอัตราดังกล่าวอยู่ที่ 1 ใน 36 เด็ก ดร. คริส เอ็กซ์ลีย์ จากมหาวิทยาลัยคีลในอังกฤษและเพื่อนร่วมงานได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่ทำการศึกษาเนื้อเยื่อสมองของผู้ป่วยออทิสติกเป็นครั้งแรก เพื่อตรวจสอบระดับอะลูมิเนียม (หมายเหตุ: ในสหราชอาณาจักรผู้ป่วยสะกดคำว่า “อะลูมิเนียม” เป็น “อะลูมิเนียม”) ที่พบในเนื้อเยื่อสมอง สำหรับใครก็ตามที่พยายามจะโน้มน้าวโลกให้เชื่อว่า “วิทยาศาสตร์ได้รับการพิสูจน์แล้วและวัคซีนไม่ได้ทำให้เกิดโรคออทิซึม” ผลการศึกษานี้ขัดแย้งกับคำกล่าวนี้อย่างมาก ในโพสต์บล็อกที่เขียนโดยศาสตราจารย์เอ็กซ์ลีย์ในวันที่ผลการศึกษาของเขาได้รับการตีพิมพ์ เขาได้อธิบายผลลัพธ์อันล้ำสมัยดังต่อไปนี้: “…ในขณะที่ปริมาณอะลูมิเนียมในสมองของผู้ป่วยออทิสติกทั้ง 5 รายนั้นสูงอย่างน่าตกใจ แต่ตำแหน่งในเนื้อเยื่อสมองต่างหากที่เป็นจุดสังเกตที่โดดเด่น…หลักฐานใหม่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะลูมิเนียมเข้าสู่สมองของผู้ป่วย ASD [กลุ่มอาการออทิสติก] ผ่านทางเซลล์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบซึ่งมีอะลูมิเนียมสะสมอยู่ในเลือดและ/หรือน้ำเหลือง ซึ่งก็เหมือนกับที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในโมโนไซต์ที่บริเวณที่ฉีดวัคซีนรวมถึงสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียม” คำพูดของดร. เอ็กซ์ลีย์รวมถึงการอ้างถึง “โมโนไซต์ที่บริเวณฉีด” และความจริงที่ว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างโมโนไซต์เหล่านี้กับอะลูมิเนียมได้รับการพิสูจน์แล้วในวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ก่อนหน้านี้ ฉันรู้ว่ามันฟังดูเป็นเทคนิคมาก แต่ลองฟังฉันก่อน “โมโนไซต์” คือเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งโมโนไซต์ชนิดหนึ่งคือ “แมคโครฟาจ” แมคโครฟาจอาจเปรียบได้กับมนุษย์ขยะในระบบภูมิคุ้มกันที่คอยกัดกินสิ่งแปลกปลอม เศษเซลล์ ฯลฯ อย่างที่คุณจะสังเกตเห็นในอีกไม่ช้านี้ ดูเหมือนว่าแมคโครฟาจจะมีบทบาทสำคัญและร้ายแรงในการกระตุ้นให้เกิดออทิซึม โดยทำหน้าที่นำอะลูมิเนียมที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งฉีดจากวัคซีนโดยตรงเข้าไปในสมอง ซึ่งสามารถขัดขวางการพัฒนาของสมองและกระตุ้นให้เกิดออทิซึมได้ การศึกษาวิจัยของดร. เอ็กซ์ลีย์เรื่อง “ อะลูมิเนียมในเนื้อเยื่อสมองและออทิซึม ” ถือได้ว่าเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายของปริศนาที่เริ่มประกอบเข้าด้วยกันในปี 2004 และได้รับความสนใจมากขึ้นหลังปี 2010 ซึ่งช่วยส่งเสริมความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์อย่างมากว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นให้เกิดออทิซึมได้อย่างไร ไทม์ไลน์นี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนัก เนื่องจากศาลวัคซีนในสหรัฐฯ ได้ยกฟ้องสมมติฐานเกี่ยวกับวัคซีน-ออทิซึมในปี 2009 นานก่อนที่สิ่งที่ฉันจะอธิบายต่อไปนี้จะเกิดขึ้นเสียอีก วิทยาศาสตร์คือความต่อเนื่อง ความจริงที่ปรากฏผ่านการศึกษาหลาย ๆ อย่างซึ่งมักต้องนำมาประกอบเข้าด้วยกันก่อนจึงจะมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจน และบางครั้งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อาจดำเนินไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ความจริงที่ปรากฏปรากฏขึ้นในลักษณะที่ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป ในความเห็นของฉัน การศึกษาของดร. เอ็กซ์ลีย์ให้ข้อมูลเพียงส่วนเดียวที่ขาดหายไปจากคำอธิบายที่รัดกุมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายของฉันและเด็กอีกหลายๆ คน และได้ให้ "ความน่าจะเป็นทางชีววิทยา" แก่ผู้ที่ไม่เชื่อทั้งหมดว่าวัคซีนที่ฉีดเข้าที่ไหล่ของทารกสามารถกระตุ้นให้เกิดโรคออทิซึมได้อย่างไร สำหรับชาวอเมริกัน การแข่งขันเพื่อค้นหาสาเหตุของโรคออทิซึมทั้งหมดนั้นน่าจะชนะได้ในต่างแดน ดังที่คุณจะเห็นในไม่ช้านี้ วิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่อธิบายสาเหตุของโรคออทิซึมมาจากต่างประเทศ แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จาก Caltech จะเป็นคนผลักโดมิโนตัวแรกไปเมื่อปี 2549 ก็ตาม ทำไมถึงมีอะลูมิเนียมอยู่ในวัคซีน? อะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบสำคัญของวัคซีนส่วนใหญ่ที่ให้กับเด็ก อะลูมิเนียมทำหน้าที่เป็น “สารเสริมภูมิคุ้มกัน” ซึ่งหมายความว่าอะลูมิเนียมทำหน้าที่ “ปลุก” ระบบภูมิคุ้มกันให้ตื่นขึ้น กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันจดจำ “แอนติเจน” ในวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่วัคซีนทำหน้าที่ป้องกันโรค ปริมาณอะลูมิเนียมในวัคซีนที่ให้กับเด็ก ๆพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเริ่มตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 ด้วยสาเหตุสองประการ: 1) มีการเพิ่มวัคซีนเข้าไปในตารางวัคซีนสำหรับเด็กมากขึ้น และ 2) อัตราการฉีดวัคซีนสำหรับวัคซีนทุกชนิดที่ให้กับเด็กเพิ่มขึ้น (จาก 50–60% ของเด็ก ๆ ที่ได้รับวัคซีนในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เป็นมากกว่า 90% ในปัจจุบัน) ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เด็กจะได้รับอะลูมิเนียมจากวัคซีน 1,250 ไมโครกรัมภายในอายุ 18 เดือนหากได้รับวัคซีนครบถ้วน ปัจจุบัน ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 4,925 ไมโครกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่าจากปริมาณอะลูมิเนียมทั้งหมด คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ในผลการศึกษาที่ยอดเยี่ยม ซึ่งตีพิมพ์โดย Neil Miller ที่น่าประหลาดใจก็คือ อะลูมิเนียมไม่เคยผ่านการทดสอบทางชีวภาพเพื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยในการฉีดเข้าไปในทารก เนื่องจากอะลูมิเนียมได้รับการ "ยกเว้น" ไว้ในมาตรฐานความปลอดภัยสมัยใหม่ของเรา นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดา ดร. คริส ชอว์ และ ดร. ลูซิจา ทอมเยโนวิช ได้กล่าวถึงการละเว้นนี้ในการศึกษาวิจัยเชิงวิจารณ์ที่พวกเขาตีพิมพ์ในปี 2011 ในวารสารCurrent Medicinal Chemistryชื่อว่า “ สารเสริมฤทธิ์วัคซีนอะลูมิเนียม: ปลอดภัยหรือไม่ ” พวกเขาเขียนว่า: “อะลูมิเนียมเป็นสารพิษต่อระบบประสาทที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากการทดลองและเป็นสารเสริมฤทธิ์วัคซีนที่ใช้กันทั่วไป แม้ว่าจะมีการใช้สารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมอย่างแพร่หลายมานานเกือบ 90 ปีแล้ว แต่ความเข้าใจของวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมยังคงต่ำอย่างน่าตกใจนอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับพิษวิทยาและเภสัชจลนศาสตร์ของสารประกอบเหล่านี้อย่างขาดแคลน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล แม้จะเป็นเช่นนั้น แนวคิดที่ว่าอะลูมิเนียมในวัคซีนนั้นปลอดภัยก็ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางอย่างไรก็ตาม การวิจัยเชิงทดลองแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมมีศักยภาพในการทำให้เกิดความผิดปกติทางภูมิคุ้มกันที่ร้ายแรงในมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อะลูมิเนียมในรูปแบบสารเสริมฤทธิ์มีความเสี่ยงต่อภูมิคุ้มกันตนเอง การอักเสบของสมองในระยะยาว และภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้อง และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างกว้างขวางและรุนแรง” ICANตัดสินใจทดสอบความสามารถของ CDC และ NIH ในการผลิตงานวิจัยใดๆ เพื่อแสดงให้เห็นความปลอดภัยของสารเสริมฤทธิ์วัคซีนผ่านการฟ้องร้องภายใต้ FOIA ตอนนี้ฉันเดาว่าคุณคงรู้ว่าคดีจบลงอย่างไร... อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ “คำตอบของ CDC และ NIH ต่อคำร้องขอภายใต้พระราชบัญญัติเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล (FOIA) ของ ICAN เกี่ยวกับสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมเผยให้เห็นการยอมรับที่น่าตกตะลึง นั่นคือ พวกเขาไม่มีการศึกษาแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะสนับสนุนความปลอดภัยในการแนะนำให้ฉีดสารพิษต่อเซลล์และระบบประสาทนี้ซ้ำๆ เป็นส่วนหนึ่งของตารางการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กของ CDC”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป้าหมายการพัฒนาภายใน ในทางปฏิบัติ (IDG in ACTION)

    "เรามองว่ากรอบงาน IDG เกือบจะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงรถ"

    Selina Waddington Millstam อดีตหัวหน้าฝ่ายความสามารถระดับโลกของ Ericsson กล่าว นอกจาก Ikea และ Google แล้ว Ericsson ยังเป็นหนึ่งในองค์กรประมาณ 100 แห่งที่เริ่มทํางานด้วย IDG ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
    หลายคนใน Google ได้เริ่มต้นจากเล็ก ๆ โดยรวม 1 - 2 เป้าหมายไว้ในแผนกหรือทีมเดียวในขณะที่คนอื่น ๆ ได้พยายามนําไปใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้นตั้งแต่กลุ่มบริษัท Stena ของสวีเดนไปจนถึงแบรนด์รองเท้า Icebug

    เอกสารฉบับแรกของ IDG ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนกันยายนรวบรวมชัยชนะและความท้าทายบางอย่างจนถึงตอนนี้ ทําให้การอ่านสนุก คุณจะพบกับ Michiel Bakker รองประธานฝ่ายของ Google ที่ใคร่ครวญว่าความ "เปราะบาง" กับเพื่อนร่วมงานสร้างสิ่งที่ทรงพลังในการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

    Ikea และ Google เป็นหนึ่งในบริษัทที่ยอมรับเป้าหมายการพัฒนาภายใน
    เหตุใด Google ซึ่งมีรายได้ใกล้ 300,000 ล้านดอลลาร์ (239 พันล้านปอนด์) โดยมีพนักงาน 170,000 คนใน 55+ ประเทศ และต้องการมีส่วนร่วม ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ มันชัดเจนมากว่าสิ่งที่ทําให้ Google ประสบความสําเร็จจนถึงตอนนี้ จะไม่ทําให้เราประสบความสําเร็จในอนาคต "โลกกําลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว"

    แผนกของ Bakker ที่ Google ได้จัดเวิร์กช็อป 3 วัน ซึ่งเรียกว่า "ประสบการณ์ทางอารมณ์" โดยตัดสินใจทํางานกับความสามารถ 3 – 4 อย่างที่ "มีความสําคัญทางธุรกิจ"

    ทีมชั้นนําของ Tina Molund ที่ Ikea ตั้งข้อสังเกตถึงแรงจูงใจในการเข้าร่วม: "เวลาที่ทําให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นและสามารถสร้างความพึงพอใจได้ด้วย IDG ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการท้าทายความคิด"

    พนักงานเริ่มต้นด้วยการประเมินการกระทําและพฤติกรรมของตนเองที่เกี่ยวข้องกับทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้ง 5 ทักษะ ของ IDG ความท้าทายประการหนึ่งที่พบจากการประเมิน IDG คือการจัดลําดับความสําคัญของงานเมื่อผลกำไรอันเป็น Bottom Line ตะโกนดังที่สุด

    นับว่าเป็นเรื่องยากสําหรับผู้นําอาวุโสหลายคนที่จะให้ "เวลาและความสนใจ" กับคําถามต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและการพัฒนาภายใน"

    Waddington Millstam จาก Ericsson ยอมรับในเรื่องนี้และเธอยังกล่าวว่าผู้นําอาวุโสต้องมีความเชื่อในคุณค่าที่แท้จริงของ IDG

    Ikea, Google, Ericsson และองค์กรประมาณ 100 แห่งที่เริ่มทํางานด้วย IDG กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "โลกกําลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" ทําให้การนําพลังของการพัฒนาภายใน (IDG) มาสู่ผู้นํา 7,000 คนทั่วโลก มีความสําคัญมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่ต้องใช้เวลาก็ตาม

    ในประเทศไทยเรื่องนี้ยังใหม่แต่อีกไม่นานก็ได้เผชิญกับสิ่งที่องค์กรต่างๆเผชิญมาก่อน หนึ่งสิ่งในฐานะผู้นำต้องทำคืออะไรร่วมหาโซลูชั่นได้ที่ www.10-xconsulting.com
    เป้าหมายการพัฒนาภายใน ในทางปฏิบัติ (IDG in ACTION) "เรามองว่ากรอบงาน IDG เกือบจะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงรถ" Selina Waddington Millstam อดีตหัวหน้าฝ่ายความสามารถระดับโลกของ Ericsson กล่าว นอกจาก Ikea และ Google แล้ว Ericsson ยังเป็นหนึ่งในองค์กรประมาณ 100 แห่งที่เริ่มทํางานด้วย IDG ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หลายคนใน Google ได้เริ่มต้นจากเล็ก ๆ โดยรวม 1 - 2 เป้าหมายไว้ในแผนกหรือทีมเดียวในขณะที่คนอื่น ๆ ได้พยายามนําไปใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้นตั้งแต่กลุ่มบริษัท Stena ของสวีเดนไปจนถึงแบรนด์รองเท้า Icebug เอกสารฉบับแรกของ IDG ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนกันยายนรวบรวมชัยชนะและความท้าทายบางอย่างจนถึงตอนนี้ ทําให้การอ่านสนุก คุณจะพบกับ Michiel Bakker รองประธานฝ่ายของ Google ที่ใคร่ครวญว่าความ "เปราะบาง" กับเพื่อนร่วมงานสร้างสิ่งที่ทรงพลังในการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร Ikea และ Google เป็นหนึ่งในบริษัทที่ยอมรับเป้าหมายการพัฒนาภายใน เหตุใด Google ซึ่งมีรายได้ใกล้ 300,000 ล้านดอลลาร์ (239 พันล้านปอนด์) โดยมีพนักงาน 170,000 คนใน 55+ ประเทศ และต้องการมีส่วนร่วม ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ มันชัดเจนมากว่าสิ่งที่ทําให้ Google ประสบความสําเร็จจนถึงตอนนี้ จะไม่ทําให้เราประสบความสําเร็จในอนาคต "โลกกําลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" แผนกของ Bakker ที่ Google ได้จัดเวิร์กช็อป 3 วัน ซึ่งเรียกว่า "ประสบการณ์ทางอารมณ์" โดยตัดสินใจทํางานกับความสามารถ 3 – 4 อย่างที่ "มีความสําคัญทางธุรกิจ" ทีมชั้นนําของ Tina Molund ที่ Ikea ตั้งข้อสังเกตถึงแรงจูงใจในการเข้าร่วม: "เวลาที่ทําให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นและสามารถสร้างความพึงพอใจได้ด้วย IDG ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการท้าทายความคิด" พนักงานเริ่มต้นด้วยการประเมินการกระทําและพฤติกรรมของตนเองที่เกี่ยวข้องกับทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้ง 5 ทักษะ ของ IDG ความท้าทายประการหนึ่งที่พบจากการประเมิน IDG คือการจัดลําดับความสําคัญของงานเมื่อผลกำไรอันเป็น Bottom Line ตะโกนดังที่สุด นับว่าเป็นเรื่องยากสําหรับผู้นําอาวุโสหลายคนที่จะให้ "เวลาและความสนใจ" กับคําถามต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและการพัฒนาภายใน" Waddington Millstam จาก Ericsson ยอมรับในเรื่องนี้และเธอยังกล่าวว่าผู้นําอาวุโสต้องมีความเชื่อในคุณค่าที่แท้จริงของ IDG Ikea, Google, Ericsson และองค์กรประมาณ 100 แห่งที่เริ่มทํางานด้วย IDG กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "โลกกําลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" ทําให้การนําพลังของการพัฒนาภายใน (IDG) มาสู่ผู้นํา 7,000 คนทั่วโลก มีความสําคัญมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่ต้องใช้เวลาก็ตาม ในประเทศไทยเรื่องนี้ยังใหม่แต่อีกไม่นานก็ได้เผชิญกับสิ่งที่องค์กรต่างๆเผชิญมาก่อน หนึ่งสิ่งในฐานะผู้นำต้องทำคืออะไรร่วมหาโซลูชั่นได้ที่ www.10-xconsulting.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เสนอชื่อแมตต์ เกตซ์(Matt Gaetz) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากฟลอริดา ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดสหรัฐ (Attorney General of the United States) ซึ่งก็คือควบคุมดูแลกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา ตำแหน่งนี้เป็นเพียงตำแหน่งเดียวในคณะรัฐมนตรีที่ไม่ใช้ชื่อว่า "รัฐมนตรี" (secretary)

    เกตซ์ เป็นเพียงหนึ่งในสองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ยอมปรบมือให้เซเลนสกีระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภา (วิดีโอ1) และยังเรียกร้องให้มีการลงมติเพื่อหยุดให้ความช่วยเหลือยูเครนอีกด้วย

    ปฏิกิริยาจากชุมชนยิว หลังมีข่าวทรัมป์แต่งตั้ง เกตซ์ เป็นอัยการสูงสุดของสหรัฐฯ โจนาธาน กรีนแบลตต์ ซีอีโอของ ADL และคณะกรรมการชาวยิวอเมริกัน ประณามการแต่ตั้งครั้งนี้ทันที!

    นอกจากนี้ ตามรายงานของ TrackAIPAC ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองสหรัฐกับความเชื่อมโยงระหว่างอิสราเอล ระบุว่า เกตซ์ไม่เคยรับเงินสนับสนุนจาก AIPAC ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ของอิสราเอล

    อย่างไรก็ตาม เกตซ์ อาจเผชิญอุปสรรคในการเข้ารับตำแหน่งนี้ เนื่องจากเขาเคยถูกกล่าวหาว่ามีสัมพันธ์กับเด็กสาววัยเพียง 17 ปี และทันทีที่เขาได้รับเลือกจากทรัมป์ ข่าวนี้ได้ถูกนำมาเผยแพร่จนกลายเป็นประแสต่อต้านเล็กๆ รวมถึงนักการเมืองในซีกรีพับลิกันด้วยกันเองด้วย
    ทรัมป์เสนอชื่อแมตต์ เกตซ์(Matt Gaetz) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากฟลอริดา ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดสหรัฐ (Attorney General of the United States) ซึ่งก็คือควบคุมดูแลกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา ตำแหน่งนี้เป็นเพียงตำแหน่งเดียวในคณะรัฐมนตรีที่ไม่ใช้ชื่อว่า "รัฐมนตรี" (secretary) เกตซ์ เป็นเพียงหนึ่งในสองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ยอมปรบมือให้เซเลนสกีระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภา (วิดีโอ1) และยังเรียกร้องให้มีการลงมติเพื่อหยุดให้ความช่วยเหลือยูเครนอีกด้วย ปฏิกิริยาจากชุมชนยิว หลังมีข่าวทรัมป์แต่งตั้ง เกตซ์ เป็นอัยการสูงสุดของสหรัฐฯ โจนาธาน กรีนแบลตต์ ซีอีโอของ ADL และคณะกรรมการชาวยิวอเมริกัน ประณามการแต่ตั้งครั้งนี้ทันที! นอกจากนี้ ตามรายงานของ TrackAIPAC ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองสหรัฐกับความเชื่อมโยงระหว่างอิสราเอล ระบุว่า เกตซ์ไม่เคยรับเงินสนับสนุนจาก AIPAC ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม เกตซ์ อาจเผชิญอุปสรรคในการเข้ารับตำแหน่งนี้ เนื่องจากเขาเคยถูกกล่าวหาว่ามีสัมพันธ์กับเด็กสาววัยเพียง 17 ปี และทันทีที่เขาได้รับเลือกจากทรัมป์ ข่าวนี้ได้ถูกนำมาเผยแพร่จนกลายเป็นประแสต่อต้านเล็กๆ รวมถึงนักการเมืองในซีกรีพับลิกันด้วยกันเองด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ถ้าได้ฟังคลิปเต็มจะรู้ทันที
    ว่าพัต มีความเชื่อว่า ที่พี่หนุ่ม ให้ไปออกโหนกระแสคือคุมพี่หนุ่มได้
    โดยมีเนื้อความหนึ่งในเทปนั้นว่า
    "หนุ่มมันเอาแค่พัดไปออก คิดว่าพัดคือตัวแทนผสห"
    แต่ล่าสุด พี่หนุ่ม ได้ออกมาเฉลยแล้วว่า
    พี่หนุ่ม รู้ทุกอย่าง แค่อยากดูการแสดง
    ว่าจะแสดงอะไรออกมาบ้าง
    ความหน้าไม่มีความละอายของนังพัต
    -เปิดตัวรับเรื่องจาก ผสห
    -รับข้อมูล ผสห เอาไปขายต่อให้จำเลยย
    -ตบ ซับ ผสห
    -ตบ ซับ บอส
    คุยกับ ผสห แบบนึง คุยกับบอสอีกแบบนึง
    คือ ไม่อยากว่าอะไรเยอะ
    เอาว่า เดี๋ยวเมิงไม่รอด แน่นวล ฟันธง!
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #ถ้าได้ฟังคลิปเต็มจะรู้ทันที ว่าพัต มีความเชื่อว่า ที่พี่หนุ่ม ให้ไปออกโหนกระแสคือคุมพี่หนุ่มได้ โดยมีเนื้อความหนึ่งในเทปนั้นว่า "หนุ่มมันเอาแค่พัดไปออก คิดว่าพัดคือตัวแทนผสห" แต่ล่าสุด พี่หนุ่ม ได้ออกมาเฉลยแล้วว่า พี่หนุ่ม รู้ทุกอย่าง แค่อยากดูการแสดง ว่าจะแสดงอะไรออกมาบ้าง ความหน้าไม่มีความละอายของนังพัต -เปิดตัวรับเรื่องจาก ผสห -รับข้อมูล ผสห เอาไปขายต่อให้จำเลยย -ตบ ซับ ผสห -ตบ ซับ บอส คุยกับ ผสห แบบนึง คุยกับบอสอีกแบบนึง คือ ไม่อยากว่าอะไรเยอะ เอาว่า เดี๋ยวเมิงไม่รอด แน่นวล ฟันธง! อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Haha
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❗️ทรัมป์ประกาศเลือก แมตต์ เกตซ์ เป็นอัยการสูงสุด

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาจะเสนอชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แมตต์ เกตซ์ ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดของสหรัฐอเมริกา

    ทรัมป์กล่าวในรายการ Truth Social ว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะประกาศว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แมตต์ เกตซ์, จากฟลอริดา,ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอัยการสูงสุดของสหรัฐอเมริกา,"

    ทรัมป์อธิบายถึงเกตซ์ว่าเป็น "ทนายความที่มีพรสวรรค์และดื้อรั้น," ซึ่งระหว่างดำรงตำแหน่งในรัฐสภา เขาได้ผลักดันให้มีการปฏิรูปกระทรวงยุติธรรมที่จำเป็นอย่างยิ่ง

    เขายังเน้นย้ำถึง "บทบาทสำคัญของเขาในการเอาชนะเรื่องรัสเซีย, รัสเซีย, ข่าวลวงรัสเซีย, และการเปิดโปงการทุจริตของรัฐบาลที่น่าตกใจและเป็นระบบ รวมถึงการใช้อาวุธ" ในขณะที่อยู่ในคณะกรรมาธิการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎร

    “แมตต์จะยุติรัฐบาลที่ใช้อาวุธ, ปกป้องพรมแดนของเรา, ยุบองค์กรอาชญากร และฟื้นคืนศรัทธาและความเชื่อมั่นที่บอบช้ำของชาวอเมริกันที่มีต่อกระทรวงยุติธรรม,” ทรัมป์กล่าว
    .
    ❗️ TRUMP ANNOUNCES MATT GAETZ AS HIS PICK FOR ATTORNEY GENERAL

    President-elect Donald Trump said on Wednesday that he will nominate Congressman Matt Gaetz to serve as US Attorney General.

    "It is my Great Honor to announce that Congressman Matt Gaetz, of Florida, is hereby nominated to be The Attorney General of the United States," Trump said on Truth Social.

    Trump described Gaetz as a "deeply gifted and tenacious attorney," who during his term in Congress has pushed for "desperately needed reform at the Department of Justice."

    He also highlighted his "key role in defeating the Russia, Russia, Russia Hoax, and exposing alarming and systemic Government Corruption and Weaponization" while on the House Judiciary Committee.

    "Matt will end Weaponized Government, protect our Borders, dismantle Criminal Organizations and restore Americans’ badly-shattered Faith and Confidence in the Justice Department," Trump said.
    .
    3:40 AM · Nov 14, 2024 · 3,157 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1856799318692200585
    ❗️ทรัมป์ประกาศเลือก แมตต์ เกตซ์ เป็นอัยการสูงสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาจะเสนอชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แมตต์ เกตซ์ ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดของสหรัฐอเมริกา ทรัมป์กล่าวในรายการ Truth Social ว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะประกาศว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แมตต์ เกตซ์, จากฟลอริดา,ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอัยการสูงสุดของสหรัฐอเมริกา," ทรัมป์อธิบายถึงเกตซ์ว่าเป็น "ทนายความที่มีพรสวรรค์และดื้อรั้น," ซึ่งระหว่างดำรงตำแหน่งในรัฐสภา เขาได้ผลักดันให้มีการปฏิรูปกระทรวงยุติธรรมที่จำเป็นอย่างยิ่ง เขายังเน้นย้ำถึง "บทบาทสำคัญของเขาในการเอาชนะเรื่องรัสเซีย, รัสเซีย, ข่าวลวงรัสเซีย, และการเปิดโปงการทุจริตของรัฐบาลที่น่าตกใจและเป็นระบบ รวมถึงการใช้อาวุธ" ในขณะที่อยู่ในคณะกรรมาธิการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎร “แมตต์จะยุติรัฐบาลที่ใช้อาวุธ, ปกป้องพรมแดนของเรา, ยุบองค์กรอาชญากร และฟื้นคืนศรัทธาและความเชื่อมั่นที่บอบช้ำของชาวอเมริกันที่มีต่อกระทรวงยุติธรรม,” ทรัมป์กล่าว . ❗️ TRUMP ANNOUNCES MATT GAETZ AS HIS PICK FOR ATTORNEY GENERAL President-elect Donald Trump said on Wednesday that he will nominate Congressman Matt Gaetz to serve as US Attorney General. "It is my Great Honor to announce that Congressman Matt Gaetz, of Florida, is hereby nominated to be The Attorney General of the United States," Trump said on Truth Social. Trump described Gaetz as a "deeply gifted and tenacious attorney," who during his term in Congress has pushed for "desperately needed reform at the Department of Justice." He also highlighted his "key role in defeating the Russia, Russia, Russia Hoax, and exposing alarming and systemic Government Corruption and Weaponization" while on the House Judiciary Committee. "Matt will end Weaponized Government, protect our Borders, dismantle Criminal Organizations and restore Americans’ badly-shattered Faith and Confidence in the Justice Department," Trump said. . 3:40 AM · Nov 14, 2024 · 3,157 Views https://x.com/SputnikInt/status/1856799318692200585
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายอำเภอเกาะพะงัน ผนึกกำลัง ตร.ทุกหน่วย สร้างความเชื่อมันนักท่องเที่ยว หลังมีข่าวลือขู่ทำร้าน นทท.อิสราเอล สุดท้ายโอละพ่อ เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยว เขม่นกัน และเป็นการสร้างข่าวเท็จ วอนหยุดการกระทำ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000109394

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นายอำเภอเกาะพะงัน ผนึกกำลัง ตร.ทุกหน่วย สร้างความเชื่อมันนักท่องเที่ยว หลังมีข่าวลือขู่ทำร้าน นทท.อิสราเอล สุดท้ายโอละพ่อ เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยว เขม่นกัน และเป็นการสร้างข่าวเท็จ วอนหยุดการกระทำ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000109394 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    24
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1897 มุมมอง 1 รีวิว
  • ฝากนิยายด้วยนะคะ
    อัพตอนที่ 19 ค่ะ อัพทุกวันเสาร์ อาทิตย์ ที่ readAwrite นะคะ
    The Boundary เขตแดนพิศวง แนว ชญ ลึกลับ แฟนตาซี สืบสวนแบบเหนือธรรมชาติ
    Writer : Cirrus Halo
    มูลนิธิเหรียญปราชญ์ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อท้องถิ่น และรับคำร้องจากคนที่เดือดร้อนเพราะเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆ เอวากับนาชาญเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเหรียญปราชญ์จึงมีหน้าที่ต้องลงไปตรวจสอบและแก้ไขปริศนาเบื้องหลังความลึกลับของตำนานสยองขวัญและความเชื่อที่แปลกประหลาด ซึ่งเกี่ยวข้องกับภพภูมิทั้งสี่ได้แก่ ยักษ์ กุมภัณฑ์ พญานาค และคนธรรพ์ การเดินทางจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง โปรดติดตามได้ใน The Boundary เขตแดนพิศวงค่ะ

    https://www.readawrite.com/a/Zbrlo9-The-Boundary-40%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%A7?r=search_article
    ฝากนิยายด้วยนะคะ อัพตอนที่ 19 ค่ะ อัพทุกวันเสาร์ อาทิตย์ ที่ readAwrite นะคะ The Boundary เขตแดนพิศวง แนว ชญ ลึกลับ แฟนตาซี สืบสวนแบบเหนือธรรมชาติ Writer : Cirrus Halo มูลนิธิเหรียญปราชญ์ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อท้องถิ่น และรับคำร้องจากคนที่เดือดร้อนเพราะเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆ เอวากับนาชาญเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเหรียญปราชญ์จึงมีหน้าที่ต้องลงไปตรวจสอบและแก้ไขปริศนาเบื้องหลังความลึกลับของตำนานสยองขวัญและความเชื่อที่แปลกประหลาด ซึ่งเกี่ยวข้องกับภพภูมิทั้งสี่ได้แก่ ยักษ์ กุมภัณฑ์ พญานาค และคนธรรพ์ การเดินทางจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง โปรดติดตามได้ใน The Boundary เขตแดนพิศวงค่ะ https://www.readawrite.com/a/Zbrlo9-The-Boundary-40%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%A7?r=search_article
    WWW.READAWRITE.COM
    The Boundary (เขตแดนพิศวง): ลึกลับ
    มูลนิธิเหรียญปราชญ์ซึ่งทำหน้าที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อท้องถิ่นและตำนานอาถรรพ์ บางครั้งก็มีคำร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าความยุติธรรมซื้อได้ด้วยเงิน ความเชื่อถือก็ขายได้ด้วยคำโกหก
    #quotes #quoteoftheday #คำคม #คำคมโดนๆ
    ถ้าความยุติธรรมซื้อได้ด้วยเงิน ความเชื่อถือก็ขายได้ด้วยคำโกหก #quotes #quoteoftheday #คำคม #คำคมโดนๆ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • กวนอู..
    ก่อนอื่น ทำความเข้าใจก่อน เทพเจ้าของคนจีน ไม่ได้เหมือน เทวดา ของเรา...
    ผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้า ของชาวจีน เป็นใครก็ได้ ที่ทำคุณงามความดี...ความซื่อสัตย์ และทำสิ่งดีดีอื่น จนเป็นที่ประจักษ์ ...
    ...ท่่านมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคปลายราชวงศ์ฮั่น....
    ...แต่เพิ่งมาถูกยกย่องเป็นเทพเจ้า ในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นแมนจู....เนื่องจาก อ้างอิงความ จงรักภักดี แบบกวนอู เป็นแบบอย่าง...ชาวฮั่น จะได้ถูกปกครองได้โดยง่าย... (นัยยะทางการเมือง)
    ข้ามมาปัจจุบันเลย เดี๋ยวยาว...

    กวนอูเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นคนฉลาด กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับคนนับหมื่นคนได้ในคราวเดียว นักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีชาวจีนกลุ่มนึง....ในเมืองอะไร...จำไม่ได้แล้ว...ยกย่องนับถือท่านมาก...ทีนี้ คนก็ เอ้า พวก เศรษฐีบูชาแล้วรวยนี่....ฉันเอาด้วย...ทีนี้ความเชื่อ จากความภักดี กล้าหาญ ซื่อสัตย์ ก็เลยได้ เรื่องความมั่งคั่งเข้าไปด้วย......ชาวจีนก็เลยต่างบูชาท่านเพื่อทำตามตัวอย่างและสร้างความมั่งคั่งบนพื้นฐานของความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ
    กวนอู.. ก่อนอื่น ทำความเข้าใจก่อน เทพเจ้าของคนจีน ไม่ได้เหมือน เทวดา ของเรา... ผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้า ของชาวจีน เป็นใครก็ได้ ที่ทำคุณงามความดี...ความซื่อสัตย์ และทำสิ่งดีดีอื่น จนเป็นที่ประจักษ์ ... ...ท่่านมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคปลายราชวงศ์ฮั่น.... ...แต่เพิ่งมาถูกยกย่องเป็นเทพเจ้า ในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นแมนจู....เนื่องจาก อ้างอิงความ จงรักภักดี แบบกวนอู เป็นแบบอย่าง...ชาวฮั่น จะได้ถูกปกครองได้โดยง่าย... (นัยยะทางการเมือง) ข้ามมาปัจจุบันเลย เดี๋ยวยาว... กวนอูเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นคนฉลาด กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับคนนับหมื่นคนได้ในคราวเดียว นักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีชาวจีนกลุ่มนึง....ในเมืองอะไร...จำไม่ได้แล้ว...ยกย่องนับถือท่านมาก...ทีนี้ คนก็ เอ้า พวก เศรษฐีบูชาแล้วรวยนี่....ฉันเอาด้วย...ทีนี้ความเชื่อ จากความภักดี กล้าหาญ ซื่อสัตย์ ก็เลยได้ เรื่องความมั่งคั่งเข้าไปด้วย......ชาวจีนก็เลยต่างบูชาท่านเพื่อทำตามตัวอย่างและสร้างความมั่งคั่งบนพื้นฐานของความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เด็กรุ่นใหม่หลายคนยังไม่รู้จักบอสณวัฒน์ดีเท่าที่ควร
    พี่คิงส์บอกเลยว่า ผู้ชายคนนี้ เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ควรไปมีปัญหากับเค้า
    ถ้าเคยได้ยินว่า มีปัญหากับใครในวงการบันเทิงได้แต่อย่างมีกับ
    หนุ่ม กรรชัย พี่คิงส์ก็จะบอกว่า นอกจากพี่หนุ่ม บอส ณวัฒน์ เป็นอีกหนึ่งคน
    ที่ไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรที่จะไปมีปัญหากับเค้า
    - บอส ณวัฒน์ เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในการทำทุกอย่าง จนสามารถนำบริษัทเข้าสู่มหาชนได้ ผ่านร้อน ผ่านหนาว มายาวนาน
    แม้กระทั่งที่บอส มีข่าวครึกโครม จนต้องออกจากรายการไตรภพ ครัวคุณต๋อย และสภาวะนั้นทุกคนมองว่า ณวัฒน์ น่าจะจบแล้วกับเส้นทางบันเทิง
    เพราะ ณวัฒน์ เล่นหมดไม่สนรุ่น ไม่สนค่าย ไม่สนใคร
    แต่ด้วยความพยายามและความสม่ำเสมอ ทำให้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา
    และความชาญฉลาดที่ดันอิงฟ้า ขึ้นแท่นกลายเป็นขวัญใจประชาชนคนไทย
    ที่มีแฟนคลับ มากกว่าสาวเกามหาศาล จนกลายเป็นแบรนดิ้ง
    กลายเป็นองค์กร เป็นสถาบัน
    ดังนั้น บอส ณวัฒน์ ชื่อเสียงนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
    เพราะไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร ถ้ากล้ามาลองดีกับบอส
    คนนี้ไม่มีคำว่าอ่อนข้อ เหมือนกับคำที่นิยมใช้กันว่า
    "แรงมาแรงกว่ากลับไม่โกก" บอสณวัฒน์ จะตอบแทนกลับไป
    เป็นสิบ เป็นร้อยเท่า
    ตอนที่พี่คิงส์ เห็นข่าวว่า ทางสาวเกา จะมีปัญหากับบอส
    พี่คิงส์ยังคิดลึกๆว่า ป้า จ. น่าจะรู้จักชื่อเสียงของบอส ณวัฒน์
    เรื่องความเป็นคนสู้คนแบบกัดไม่ปล่อย คงจะไม่ยุ่งกับบอส
    แต่ที่ไหนได้ แฟนคลับสาวเกาที่อยู่ในโลกใบแคบๆ
    คิดว่าทั้งหมดคือจักรวาลสาวเกา หารู้ไม่ว่าเป็นเพียงชนกลุ่มเล็กๆ
    ที่คลั่้งไคล้นาง ซึ่งถ้าเทียบกับอิงฟ้าของบอสณวัฒน์
    ยังห่างกันเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
    แล้วสาวเกาจะเข้าใจคำไทยที่ว่า ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรม และไม่จบง่ายๆของจริงเป็นยังไง เดี๋ยวจะได้รู้กัน
    พี่คิงส์ หนาวแทนเลย
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เด็กรุ่นใหม่หลายคนยังไม่รู้จักบอสณวัฒน์ดีเท่าที่ควร พี่คิงส์บอกเลยว่า ผู้ชายคนนี้ เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ควรไปมีปัญหากับเค้า ถ้าเคยได้ยินว่า มีปัญหากับใครในวงการบันเทิงได้แต่อย่างมีกับ หนุ่ม กรรชัย พี่คิงส์ก็จะบอกว่า นอกจากพี่หนุ่ม บอส ณวัฒน์ เป็นอีกหนึ่งคน ที่ไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรที่จะไปมีปัญหากับเค้า - บอส ณวัฒน์ เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในการทำทุกอย่าง จนสามารถนำบริษัทเข้าสู่มหาชนได้ ผ่านร้อน ผ่านหนาว มายาวนาน แม้กระทั่งที่บอส มีข่าวครึกโครม จนต้องออกจากรายการไตรภพ ครัวคุณต๋อย และสภาวะนั้นทุกคนมองว่า ณวัฒน์ น่าจะจบแล้วกับเส้นทางบันเทิง เพราะ ณวัฒน์ เล่นหมดไม่สนรุ่น ไม่สนค่าย ไม่สนใคร แต่ด้วยความพยายามและความสม่ำเสมอ ทำให้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา และความชาญฉลาดที่ดันอิงฟ้า ขึ้นแท่นกลายเป็นขวัญใจประชาชนคนไทย ที่มีแฟนคลับ มากกว่าสาวเกามหาศาล จนกลายเป็นแบรนดิ้ง กลายเป็นองค์กร เป็นสถาบัน ดังนั้น บอส ณวัฒน์ ชื่อเสียงนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เพราะไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร ถ้ากล้ามาลองดีกับบอส คนนี้ไม่มีคำว่าอ่อนข้อ เหมือนกับคำที่นิยมใช้กันว่า "แรงมาแรงกว่ากลับไม่โกก" บอสณวัฒน์ จะตอบแทนกลับไป เป็นสิบ เป็นร้อยเท่า ตอนที่พี่คิงส์ เห็นข่าวว่า ทางสาวเกา จะมีปัญหากับบอส พี่คิงส์ยังคิดลึกๆว่า ป้า จ. น่าจะรู้จักชื่อเสียงของบอส ณวัฒน์ เรื่องความเป็นคนสู้คนแบบกัดไม่ปล่อย คงจะไม่ยุ่งกับบอส แต่ที่ไหนได้ แฟนคลับสาวเกาที่อยู่ในโลกใบแคบๆ คิดว่าทั้งหมดคือจักรวาลสาวเกา หารู้ไม่ว่าเป็นเพียงชนกลุ่มเล็กๆ ที่คลั่้งไคล้นาง ซึ่งถ้าเทียบกับอิงฟ้าของบอสณวัฒน์ ยังห่างกันเป็นสิบเป็นร้อยเท่า แล้วสาวเกาจะเข้าใจคำไทยที่ว่า ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรม และไม่จบง่ายๆของจริงเป็นยังไง เดี๋ยวจะได้รู้กัน พี่คิงส์ หนาวแทนเลย อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความเชื่อมั่น..สร้างพลังจิต และพลังจิตสามารถสร้างพลังงานได้......
    ความเชื่อมั่น..สร้างพลังจิต และพลังจิตสามารถสร้างพลังงานได้......
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เขียนเห็น อันนี้แชร์ และคนไปคอมเม้นต์กันแบบ...โห โง่มาตั้งนาน...และอื่นๆ...อยากถามว่า ...คุณได้ คิดรึยัง...
    ..มาดูเหตุผลกัน..
    1 ภาพซ้ายที่ทำมาตลอด หัวหลอดตัวตรง..ในขณะที่ด้านขวา ตัดเป็นปากฉลาม...วัตถุประสงค์คือใช้ เจาะ...เอาขึ้นมาดูดเผลอๆทิ่มเหงือก..
    2. ถ้าท่านสังเกตุ ผู้ผลิต เขาจะเอาหลอดติดกาวกับกล่องในทิศทางใด...ด้านงอ อยู่ข้างบนใช่ไหม? ...และทำกันแบบนี้ ทั้งโลก... (ซึ่งนั่นคือการบ่งบอกวิธีใช้) คุณคิดว่า บริษัทผู้ผลิต โง่ หรือไร? ที่จะเอาหลอดกลับด้านคิดมา....
    3. การโค้งงอ เทียบกับหลอดอื่นๆ ก็คือให้สามารถปรับทิศทาง ให้เหมาะแก่สรีระ ความถนัด ของแต่ละคนได้ .....
    🛑 สรุป...คุณทิ้ง ความเชื่อ ความรู้ ตลอดชีวิตของคุณ...เพียงเพราะมีไอ้มนุษย์อวดฉลาด ซึ่งเป็นใคร หรือรู้จริงหรือเปล่าในเรื่องนั้นๆ คุณก็ไม่ทราบ.. #แต่คุณเขื่อ#
    ....ทุกอย่าง ถ้าเราคิดก่อนเชื่อ จัดระบบความเป็นไปได้....เราจะรู้ได้เอง... (ถ้าคิดเป็น)
    #ภาพซ้ายนะถูกแล้ว#
    ผู้เขียนเห็น อันนี้แชร์ และคนไปคอมเม้นต์กันแบบ...โห โง่มาตั้งนาน...และอื่นๆ...อยากถามว่า ...คุณได้ คิดรึยัง... ..มาดูเหตุผลกัน.. 1 ภาพซ้ายที่ทำมาตลอด หัวหลอดตัวตรง..ในขณะที่ด้านขวา ตัดเป็นปากฉลาม...วัตถุประสงค์คือใช้ เจาะ...เอาขึ้นมาดูดเผลอๆทิ่มเหงือก.. 2. ถ้าท่านสังเกตุ ผู้ผลิต เขาจะเอาหลอดติดกาวกับกล่องในทิศทางใด...ด้านงอ อยู่ข้างบนใช่ไหม? ...และทำกันแบบนี้ ทั้งโลก... (ซึ่งนั่นคือการบ่งบอกวิธีใช้) คุณคิดว่า บริษัทผู้ผลิต โง่ หรือไร? ที่จะเอาหลอดกลับด้านคิดมา.... 3. การโค้งงอ เทียบกับหลอดอื่นๆ ก็คือให้สามารถปรับทิศทาง ให้เหมาะแก่สรีระ ความถนัด ของแต่ละคนได้ ..... 🛑 สรุป...คุณทิ้ง ความเชื่อ ความรู้ ตลอดชีวิตของคุณ...เพียงเพราะมีไอ้มนุษย์อวดฉลาด ซึ่งเป็นใคร หรือรู้จริงหรือเปล่าในเรื่องนั้นๆ คุณก็ไม่ทราบ.. #แต่คุณเขื่อ# ....ทุกอย่าง ถ้าเราคิดก่อนเชื่อ จัดระบบความเป็นไปได้....เราจะรู้ได้เอง... (ถ้าคิดเป็น) #ภาพซ้ายนะถูกแล้ว#
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • อับบาส อารากชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ปฏิเสธคำกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่ว่าเตหะรานเกี่ยวข้องกับแผนลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ และเรียกร้อง ให้เสริมสร้างความเชื่อมั่นระหว่าง 2 ชาติปรปักษ์
    .
    "มีเรื่องราวใหม่ถูกแต่งแต้มขึ้น มือสังหารไม่มีอยู่จริง พวกเขียนสคริปต์ถูกนำพาเข้ามาเพื่อสร้างสรรค์หนังตลกระดับล่าง" อารากชีโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    อารากชี อ้างถึงกรณีที่วอชิงตันกล่าวหาว่ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ออกคำสั่งให้ลอบสังหาร ทรัมป์ ผู้ซึ่งชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) และมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม
    .
    "ประชาชนชาวอเมริกาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว และอิหร่านเคารพสิทธิของพวกเขาในการเลือกตัวเลือกประธานาธิบดีของพวกเขา เส้นทางข้างหน้าก็สามารถเลือกได้เช่นกัน มันควรเริ่มต้นขึ้นด้วยความเคารพ" อารากชี กล่าว
    .
    "อิหร่านไม่ได้ไล่ล่าอาวุธนิวเคลียร์ นี่คือนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานคำสอนของอิสลาม และการคำนวณด้านความมั่นคงของเรา การเสริมสร้างความเชื่อมั่นมีความจำเป็นสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย มันไม่ใช่ถนนทางเดียว" เขากล่าว
    .
    ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า คำกล่าวหาที่น่ารังเกียจโดยอิสราเอลและพวกฝ่ายค้านอิหร่านที่อยู่นอกประเทศ "ก่อปัญหาซับซ้อนแก่อเมริกาและอิหร่าน"
    .
    บรรดานักวิเคราะห์และแหล่งข่าววงในอิหร่าน ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ของสถานการณ์ที่ผ่อนคลายลงระหว่างเตหะรานกับวอชิงตัน ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ แม้ไม่มีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตใดๆ
    .
    "อิหร่านจะดำเนินการต่างๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของตนเอง มีความเป็นไปได้ที่การพูดคุยอย่างลับๆ ระหว่างเตหะรานกับวอชิงตันจะเกิดขึ้น ถ้าภัยคุกคามด้านความมั่นคงของอิหร่านถูกปลดออกไป ทุกอย่างก็มีความเป็นไปได้" ซาอีด เลย์ลาซ นักวิเคราะห์ในเตหะราน ให้ความเห็น
    .
    ในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับคู่อริอย่างอิสราเอล ทางผู้นำอิหร่านก็มีความกังวลเช่นกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาค ดินแดนที่อิสราเอลกำลังสู้รบในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรของเตหะราน ทั้งในฉนวนกาซา และเลบานอน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108070
    ..............
    Sondhi X
    อับบาส อารากชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ปฏิเสธคำกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่ว่าเตหะรานเกี่ยวข้องกับแผนลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ และเรียกร้อง ให้เสริมสร้างความเชื่อมั่นระหว่าง 2 ชาติปรปักษ์ . "มีเรื่องราวใหม่ถูกแต่งแต้มขึ้น มือสังหารไม่มีอยู่จริง พวกเขียนสคริปต์ถูกนำพาเข้ามาเพื่อสร้างสรรค์หนังตลกระดับล่าง" อารากชีโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . อารากชี อ้างถึงกรณีที่วอชิงตันกล่าวหาว่ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ออกคำสั่งให้ลอบสังหาร ทรัมป์ ผู้ซึ่งชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) และมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม . "ประชาชนชาวอเมริกาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว และอิหร่านเคารพสิทธิของพวกเขาในการเลือกตัวเลือกประธานาธิบดีของพวกเขา เส้นทางข้างหน้าก็สามารถเลือกได้เช่นกัน มันควรเริ่มต้นขึ้นด้วยความเคารพ" อารากชี กล่าว . "อิหร่านไม่ได้ไล่ล่าอาวุธนิวเคลียร์ นี่คือนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานคำสอนของอิสลาม และการคำนวณด้านความมั่นคงของเรา การเสริมสร้างความเชื่อมั่นมีความจำเป็นสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย มันไม่ใช่ถนนทางเดียว" เขากล่าว . ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า คำกล่าวหาที่น่ารังเกียจโดยอิสราเอลและพวกฝ่ายค้านอิหร่านที่อยู่นอกประเทศ "ก่อปัญหาซับซ้อนแก่อเมริกาและอิหร่าน" . บรรดานักวิเคราะห์และแหล่งข่าววงในอิหร่าน ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ของสถานการณ์ที่ผ่อนคลายลงระหว่างเตหะรานกับวอชิงตัน ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ แม้ไม่มีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตใดๆ . "อิหร่านจะดำเนินการต่างๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของตนเอง มีความเป็นไปได้ที่การพูดคุยอย่างลับๆ ระหว่างเตหะรานกับวอชิงตันจะเกิดขึ้น ถ้าภัยคุกคามด้านความมั่นคงของอิหร่านถูกปลดออกไป ทุกอย่างก็มีความเป็นไปได้" ซาอีด เลย์ลาซ นักวิเคราะห์ในเตหะราน ให้ความเห็น . ในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับคู่อริอย่างอิสราเอล ทางผู้นำอิหร่านก็มีความกังวลเช่นกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาค ดินแดนที่อิสราเอลกำลังสู้รบในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรของเตหะราน ทั้งในฉนวนกาซา และเลบานอน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108070 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 789 มุมมอง 0 รีวิว
  • TikTok@jayvanasuwan #พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร #คนตื่นธรรม #ใจร่มร่ม #ฟังได้ไม่ผิด #ความเชื่อส่วนบุคคล #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    TikTok@jayvanasuwan #พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร #คนตื่นธรรม #ใจร่มร่ม #ฟังได้ไม่ผิด #ความเชื่อส่วนบุคคล #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 244 0 รีวิว
  • ศาลไม่ให้ประกันภรรยาทนายตั้ม พบย้ายทรัพย์ออกจากตู้เซฟ เปลี่ยนมือถือก่อนหนีไปเขมร
    .
    เปิดพฤติการณ์ทนายตั้มหลอกคุณอ้อยลงทุนหวยออนไลน์ ฟันส่วนต่างรถเบนซ์-เขียนแบบบ้าน ส่วนภรรยาใกล้ชิดย่อมรู้ทุกการกระทำ เผยก่อนถูกจับมีข่มขู่พยาน ด้อยค่าตำรวจ เปลี่ยนมือถือ ย้ายทรัพย์ออกจากเซฟ ก่อนขับรถไปชายแดน หวั่นหากปล่อยตัวเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน ด้านศาลไม่อนุญาตให้ประกันภรรยา แม้ทนายความยื่นประกัน 5 แสน ขอติดกำไลอีเอ็ม
    .
    วันนี้ (8 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำตัวนายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหาฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม เป็นผู้ต้องหาที่ 2 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิด ฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1
    .
    คำร้องระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างผู้ต้องหาที่ 1 ให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายต่อมาผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดข้อความจริง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ส่งมอบเงินให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 หลายเรื่องหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระ ได้แก่
    .
    1.ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางออนไลน์ อ้างว่าจะต้องจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเขียนโปรแกรมเป็นเงินจำนวน 2,000,000 ยูโร พร้อมกับนำสัญญาว่าจ้างมาให้ผู้เสียหายลงลายมือชื่อ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่าจ้างดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 1 คิดเป็นเงินไทย จำนวน 71,067,764.70 บาท
    .
    2. ผู้เสียหายได้มอบหมายให้ผู้ต้องหาที่ 1 หาซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถหาซื้อรถยนต์ดังกล่าวได้ในราคา 12,900,000 บาท และมีค่าติดฟิล์มรถยนต์จำนวน 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,930,000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วรถยนต์คันดังกล่าวมีราคาเพียง 11,400,000 บาท โดยไม่มีราคาติดฟิล์ม ทำให้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เงินค่าส่วนต่างจากราคารถยนต์และค่าฟิล์มรถ รวมเป็นเงินจำนวน 1,530,000 บาท
    .
    3. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าผู้ต้องหาที่ 1 ได้ติดต่อว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้เขียนแบบก่อสร้างโรงแรม ที่ผู้เสียหายจะก่อสร้าง โดยอ้างว่ามีค่าเขียนแบบโรงแรมเป็นจำนวนเงิน 9,000,000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วผู้ต้องหาที่ 1 ได้ไปว่าจ้างบริษัทอื่นให้เขียนแบบโรงแรมดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายในราคา 3,500,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินชำระค่าเขียนแบบดังกล่าวจำนวน 9,000,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารให้แก่บริษัทแห่งหนึ่งจากนั้นได้มีการถอนเงินไปมอบให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 ทำให้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เงินส่วนต่างค่าเขียนแบบโรงแรมเป็นเงินจำนวน 5,500,000 บาท
    .
    การกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหาที่ 1 เป็นความผิดฐานฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และจากการสืบสวนสอบสวนพบผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 มีการกระทำต่อทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน ดังนี้
    .
    1. หลังจากผู้ต้องหาที่ 1 ได้รับโอนเงินจากผู้เสียหายจำนวน 71 ล้านบาทเศษ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้โอนเงินจำนวน 71 ล้านบาท ออกจากบัญชีธนาคารของตนเองไปยังบัญชีอื่นของตนเองอีก 2 ทอด เพื่อชำระหนี้ค่าบ้านและที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ต้องหาที่ 2
    .
    2. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้รับมอบเงินสดของผู้เสียหายที่หลอกลวงเป็นค่าเขียนแบบโรงแรมจำนวน 9,000,000 บาทได้แบ่งเงินสดจำนวน 1,000,000 บาท ไปมอบให้แก่พี่สาวของผู้ต้องหาที่ 2 ก่อนพี่สาวของผู้ต้องหาที่ 2 นำไปเข้าบัญชีธนาคารของตัวเอง
    .
    ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
    .
    ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจาก ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นทนายความมีความรู้ทางกฎหมายเป็นอย่างดีและเป็นผู้ที่สังคมให้ความเชื่อถือ แต่กลับมีการกระทำผิดหลายครั้งหลายหนต่อเนื่องกัน ในลักษณะฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 เป็นภรรยาของผู้ต้องหาที่ 1 เป็นบุคคลใกล้ชิดและพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ย่อมรู้เห็นการกระทำผิดและร่วมกระทำความผิดฟอกเงินกับผู้ต้องหาที่ 1 โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนมีพฤติการณ์ที่จะหลบหนียุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ดังนี้
    .
    ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ให้พยานบุคคลที่สำคัญในคดีให้การต่อพนักงานสอบสวนในลักษณะปกปิดข้อเท็จจริงการกระทำความผิดของตนผู้ต้องหาที่ 1 มีพฤติการณ์สำคัญบางประการ ทำให้พยานเกิดความเกรงกลัวภายในอันตรายที่จะเกิดกับพยานหรือตัวครอบครัวเพื่อไม่ให้พยานมาให้การหรือไม่ให้การข้อเท็จจริงที่สำคัญต่อคดี ผู้ต้องหาที่ 1 มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในลักษณะลดทอนความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ทำให้ผู้เสียหายและพยานบุคคลที่มาให้การต่อพนักงานสอบสวนเกิดความไม่มั่นใจและไม่ไว้วางใจการทำงานของพนักงานสอบสวน
    .
    จากการสืบสวนพบว่าก่อนที่จะมาจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และบุคคลใกล้ชิดมีการเปลี่ยนโทรศัพท์และหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และพบว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้ต้องหาที่ 1 ใช้อยู่ประจำได้ปิดสัญญาณไป และขณะจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาที่ 1 - 2 ตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์มือถือผู้ต้องหาที่ 1 ใช้ซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ต้องหาที่ 2 ส่วนโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาที่ 2 ใช้ซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวผู้ต้องหาที่ 2 การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 - 2 ทำให้ยากแก่การติดต่อหรือติดตามตัวและค้นหาพยานหลักฐานในโทรศัพท์ ทั้งนี้ จากการตรวจค้นหาพยานหลักฐานที่บ้านพักผู้ต้องหาที่ 1- 2 พบว่าภายในบ้านมีตู้นิรภัยขนาดใหญ่สูง 2 เมตร ติดตั้งหลบซ่อน ทำให้ยากต่อการมองเห็นจากบุคคลภายนอก เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นเปิดตู้นิรภัยดังกล่าว พบว่ามีร่องรอยผ่านการเก็บทรัพย์สินแล้ว จึงไม่พบทรัพย์สินมีค่าใดๆ อยู่ภายในตู้ดังกล่าว น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 1 -2 ได้ร่วมกันยักย้ายทรัพย์สินออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจค้น
    .
    และขณะเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมขณะผู้ต้องหาที่ 1 -2 ขับรถยนต์อยู่บริเวณถนนสายกบินทร์บุรี-ฉะเชิงเทรา มุ่งหน้าไปทางชายแดนประเทศกัมพูชาและพบกระเป๋าเดินทางภายในมีเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ต้องหาที่ 1- 2 มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ
    .
    ประกอบกับคดีที่ผู้ต้องหาที่ 1 -2 ถูกตั้งข้อหาจับกุมมีอัตราโทษสูงถึง 10 ปีในคดีนี้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้กระทำความผิดฉ้อโกงและได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายจำนวนทั้งสิ้น 78,097,764.70 บาท ซึ่งเป็นความเสียหายมูลค่าสูง จากเหตุผลดังกล่าว หากผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้รับการปล่อยชั่วคราวไป เชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 1-2 น่าจะหลบหนีเข้าไปยุ่งหรือพยานหลักฐาน และจะเป็นอุปสรรคก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม มีผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว โดยระบุว่าคดีมีอัตราโทษสูงและมูลค่าความเสียหายสูง หากผู้ต้องการผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนี ซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหาย
    .
    ศาลอาญาพิจารณาแล้วอนุญาตฝากขังตามคำร้อง
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทนายของผู้ต้องหาที่ 2 ได้ยื่นคำร้องขอประกัน พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท รวมทั้งยื่นเงื่อนไขให้ศาล ติดกำไลอีเอ็ม รวมทั้งห้ามออกนอกประเทศ และมารายงานตัวตามนัดทุกครั้ง ล่าสุด ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว
    ..............
    Sondhi X
    ศาลไม่ให้ประกันภรรยาทนายตั้ม พบย้ายทรัพย์ออกจากตู้เซฟ เปลี่ยนมือถือก่อนหนีไปเขมร . เปิดพฤติการณ์ทนายตั้มหลอกคุณอ้อยลงทุนหวยออนไลน์ ฟันส่วนต่างรถเบนซ์-เขียนแบบบ้าน ส่วนภรรยาใกล้ชิดย่อมรู้ทุกการกระทำ เผยก่อนถูกจับมีข่มขู่พยาน ด้อยค่าตำรวจ เปลี่ยนมือถือ ย้ายทรัพย์ออกจากเซฟ ก่อนขับรถไปชายแดน หวั่นหากปล่อยตัวเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน ด้านศาลไม่อนุญาตให้ประกันภรรยา แม้ทนายความยื่นประกัน 5 แสน ขอติดกำไลอีเอ็ม . วันนี้ (8 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำตัวนายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหาฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม เป็นผู้ต้องหาที่ 2 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิด ฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 . คำร้องระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างผู้ต้องหาที่ 1 ให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายต่อมาผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดข้อความจริง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ส่งมอบเงินให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 หลายเรื่องหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระ ได้แก่ . 1.ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางออนไลน์ อ้างว่าจะต้องจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเขียนโปรแกรมเป็นเงินจำนวน 2,000,000 ยูโร พร้อมกับนำสัญญาว่าจ้างมาให้ผู้เสียหายลงลายมือชื่อ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่าจ้างดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 1 คิดเป็นเงินไทย จำนวน 71,067,764.70 บาท . 2. ผู้เสียหายได้มอบหมายให้ผู้ต้องหาที่ 1 หาซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถหาซื้อรถยนต์ดังกล่าวได้ในราคา 12,900,000 บาท และมีค่าติดฟิล์มรถยนต์จำนวน 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,930,000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วรถยนต์คันดังกล่าวมีราคาเพียง 11,400,000 บาท โดยไม่มีราคาติดฟิล์ม ทำให้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เงินค่าส่วนต่างจากราคารถยนต์และค่าฟิล์มรถ รวมเป็นเงินจำนวน 1,530,000 บาท . 3. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าผู้ต้องหาที่ 1 ได้ติดต่อว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้เขียนแบบก่อสร้างโรงแรม ที่ผู้เสียหายจะก่อสร้าง โดยอ้างว่ามีค่าเขียนแบบโรงแรมเป็นจำนวนเงิน 9,000,000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วผู้ต้องหาที่ 1 ได้ไปว่าจ้างบริษัทอื่นให้เขียนแบบโรงแรมดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายในราคา 3,500,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินชำระค่าเขียนแบบดังกล่าวจำนวน 9,000,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารให้แก่บริษัทแห่งหนึ่งจากนั้นได้มีการถอนเงินไปมอบให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 ทำให้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เงินส่วนต่างค่าเขียนแบบโรงแรมเป็นเงินจำนวน 5,500,000 บาท . การกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหาที่ 1 เป็นความผิดฐานฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และจากการสืบสวนสอบสวนพบผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 มีการกระทำต่อทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน ดังนี้ . 1. หลังจากผู้ต้องหาที่ 1 ได้รับโอนเงินจากผู้เสียหายจำนวน 71 ล้านบาทเศษ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้โอนเงินจำนวน 71 ล้านบาท ออกจากบัญชีธนาคารของตนเองไปยังบัญชีอื่นของตนเองอีก 2 ทอด เพื่อชำระหนี้ค่าบ้านและที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ต้องหาที่ 2 . 2. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้รับมอบเงินสดของผู้เสียหายที่หลอกลวงเป็นค่าเขียนแบบโรงแรมจำนวน 9,000,000 บาทได้แบ่งเงินสดจำนวน 1,000,000 บาท ไปมอบให้แก่พี่สาวของผู้ต้องหาที่ 2 ก่อนพี่สาวของผู้ต้องหาที่ 2 นำไปเข้าบัญชีธนาคารของตัวเอง . ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา . ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจาก ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นทนายความมีความรู้ทางกฎหมายเป็นอย่างดีและเป็นผู้ที่สังคมให้ความเชื่อถือ แต่กลับมีการกระทำผิดหลายครั้งหลายหนต่อเนื่องกัน ในลักษณะฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 เป็นภรรยาของผู้ต้องหาที่ 1 เป็นบุคคลใกล้ชิดและพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ย่อมรู้เห็นการกระทำผิดและร่วมกระทำความผิดฟอกเงินกับผู้ต้องหาที่ 1 โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนมีพฤติการณ์ที่จะหลบหนียุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ดังนี้ . ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ให้พยานบุคคลที่สำคัญในคดีให้การต่อพนักงานสอบสวนในลักษณะปกปิดข้อเท็จจริงการกระทำความผิดของตนผู้ต้องหาที่ 1 มีพฤติการณ์สำคัญบางประการ ทำให้พยานเกิดความเกรงกลัวภายในอันตรายที่จะเกิดกับพยานหรือตัวครอบครัวเพื่อไม่ให้พยานมาให้การหรือไม่ให้การข้อเท็จจริงที่สำคัญต่อคดี ผู้ต้องหาที่ 1 มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในลักษณะลดทอนความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ทำให้ผู้เสียหายและพยานบุคคลที่มาให้การต่อพนักงานสอบสวนเกิดความไม่มั่นใจและไม่ไว้วางใจการทำงานของพนักงานสอบสวน . จากการสืบสวนพบว่าก่อนที่จะมาจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และบุคคลใกล้ชิดมีการเปลี่ยนโทรศัพท์และหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และพบว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้ต้องหาที่ 1 ใช้อยู่ประจำได้ปิดสัญญาณไป และขณะจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาที่ 1 - 2 ตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์มือถือผู้ต้องหาที่ 1 ใช้ซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ต้องหาที่ 2 ส่วนโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาที่ 2 ใช้ซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวผู้ต้องหาที่ 2 การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 - 2 ทำให้ยากแก่การติดต่อหรือติดตามตัวและค้นหาพยานหลักฐานในโทรศัพท์ ทั้งนี้ จากการตรวจค้นหาพยานหลักฐานที่บ้านพักผู้ต้องหาที่ 1- 2 พบว่าภายในบ้านมีตู้นิรภัยขนาดใหญ่สูง 2 เมตร ติดตั้งหลบซ่อน ทำให้ยากต่อการมองเห็นจากบุคคลภายนอก เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นเปิดตู้นิรภัยดังกล่าว พบว่ามีร่องรอยผ่านการเก็บทรัพย์สินแล้ว จึงไม่พบทรัพย์สินมีค่าใดๆ อยู่ภายในตู้ดังกล่าว น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 1 -2 ได้ร่วมกันยักย้ายทรัพย์สินออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจค้น . และขณะเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมขณะผู้ต้องหาที่ 1 -2 ขับรถยนต์อยู่บริเวณถนนสายกบินทร์บุรี-ฉะเชิงเทรา มุ่งหน้าไปทางชายแดนประเทศกัมพูชาและพบกระเป๋าเดินทางภายในมีเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ต้องหาที่ 1- 2 มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ . ประกอบกับคดีที่ผู้ต้องหาที่ 1 -2 ถูกตั้งข้อหาจับกุมมีอัตราโทษสูงถึง 10 ปีในคดีนี้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้กระทำความผิดฉ้อโกงและได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายจำนวนทั้งสิ้น 78,097,764.70 บาท ซึ่งเป็นความเสียหายมูลค่าสูง จากเหตุผลดังกล่าว หากผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้รับการปล่อยชั่วคราวไป เชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 1-2 น่าจะหลบหนีเข้าไปยุ่งหรือพยานหลักฐาน และจะเป็นอุปสรรคก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม มีผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว โดยระบุว่าคดีมีอัตราโทษสูงและมูลค่าความเสียหายสูง หากผู้ต้องการผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนี ซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหาย . ศาลอาญาพิจารณาแล้วอนุญาตฝากขังตามคำร้อง . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทนายของผู้ต้องหาที่ 2 ได้ยื่นคำร้องขอประกัน พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท รวมทั้งยื่นเงื่อนไขให้ศาล ติดกำไลอีเอ็ม รวมทั้งห้ามออกนอกประเทศ และมารายงานตัวตามนัดทุกครั้ง ล่าสุด ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 776 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พุทธคุณ #เวรกรรม #ความเชื่อ #ศรัทธา
    https://youtu.be/FDck1WTPtMQ
    #พุทธคุณ #เวรกรรม #ความเชื่อ #ศรัทธา https://youtu.be/FDck1WTPtMQ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'กมธ.มั่นคง' กุมขมับ หน่วยงานรัฐตีกรรเชียง ไม่ให้ข้อมูลกรณีชั้น 14
    .
    การสืบสาวราวของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นที่พักพิงแทนเรือนจำของนายทักษิณ ชินวัตร นั้น ปรากฎว่าคณะกรรมาธิการฯ ใกล้เคียงกับคำว่าคว้าน้ำเหลวเข้าไปทุกที
    .
    ทั้งนี้ เป็นเพราะไม่มีหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล หรือแม้แต่บุคคลสำคัญอย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. รวมไปถึง พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯคาดว่าจะมาให้ข้อมูล สุดท้ายคดีพลิก เนื่องจากไม่ได้มาร่วมประชุมแต่อย่างใด
    .
    นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ยอมรับว่า ตลอดการทำหน้าที่ของประธาน กมธ. 53 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการน้อยที่สุด และหน่วยงานราชการไม่อยากจะตอบอะไร ทำให้ความสงสัยของสังคมกรณีชั้น 14 ก็คงจะต้องมีอยู่ต่อไป
    .
    "ความจำเป็นที่จะหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป ตนเชื่อว่า ศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องมีส่วนช่วยให้กระบวนการยุติธรรมของเราได้รับความเชื่อมั่นอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายรังสิมันต์ ระบุ
    .
    ขณะที่ การประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีเพียงการมาให้ข้อมูลของอดีตผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจอย่าง พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ แต่คณะกรรมาธิการฯก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก เนื่องจากอดีตนายตำรวจรายนี้ แจ้งเพียงว่า ช่วงที่ทำหน้าที่เป็นรองนายแพทย์ใหญ่ ไม่ทราบข้อมูลผู้ป่วย เพราะกำลังทำเรื่องเออรี่รีไทร์ และพักร้อนในช่วงนั้น เมื่อมีหนังสือส่งตัวมาให้รักษา เราก็รักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะผู้ป่วยและความเห็นของแพทย์ที่ดูแลด้วย โดยส่วนตัวเชี่ยวชาญด้านผ่าตัดผ่านกล้อง ไม่ได้เป็นผู้ผ่าตัดนายทักษิณ ส่วนนายทักษิณจะผ่าตัดหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ เพราะตอนนั้นลาพักร้อน 3 สัปดาห์ ส่วนการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับภาวะของโรค ส่วนตัวไม่เคยไปรักษาชั้น 14 ไม่สามารถตอบได้ ขณะที่เรื่องการบันทึกภาพระหว่างรักษาตัว ก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่จากประสบการณ์ที่เคยรักษาผู้ต้องขังนั้น ไม่เคยเห็นต้องบันทึกภาพ
    ..............
    Sondhi X
    'กมธ.มั่นคง' กุมขมับ หน่วยงานรัฐตีกรรเชียง ไม่ให้ข้อมูลกรณีชั้น 14 . การสืบสาวราวของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นที่พักพิงแทนเรือนจำของนายทักษิณ ชินวัตร นั้น ปรากฎว่าคณะกรรมาธิการฯ ใกล้เคียงกับคำว่าคว้าน้ำเหลวเข้าไปทุกที . ทั้งนี้ เป็นเพราะไม่มีหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล หรือแม้แต่บุคคลสำคัญอย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. รวมไปถึง พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯคาดว่าจะมาให้ข้อมูล สุดท้ายคดีพลิก เนื่องจากไม่ได้มาร่วมประชุมแต่อย่างใด . นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ยอมรับว่า ตลอดการทำหน้าที่ของประธาน กมธ. 53 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการน้อยที่สุด และหน่วยงานราชการไม่อยากจะตอบอะไร ทำให้ความสงสัยของสังคมกรณีชั้น 14 ก็คงจะต้องมีอยู่ต่อไป . "ความจำเป็นที่จะหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป ตนเชื่อว่า ศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องมีส่วนช่วยให้กระบวนการยุติธรรมของเราได้รับความเชื่อมั่นอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายรังสิมันต์ ระบุ . ขณะที่ การประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีเพียงการมาให้ข้อมูลของอดีตผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจอย่าง พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ แต่คณะกรรมาธิการฯก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก เนื่องจากอดีตนายตำรวจรายนี้ แจ้งเพียงว่า ช่วงที่ทำหน้าที่เป็นรองนายแพทย์ใหญ่ ไม่ทราบข้อมูลผู้ป่วย เพราะกำลังทำเรื่องเออรี่รีไทร์ และพักร้อนในช่วงนั้น เมื่อมีหนังสือส่งตัวมาให้รักษา เราก็รักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะผู้ป่วยและความเห็นของแพทย์ที่ดูแลด้วย โดยส่วนตัวเชี่ยวชาญด้านผ่าตัดผ่านกล้อง ไม่ได้เป็นผู้ผ่าตัดนายทักษิณ ส่วนนายทักษิณจะผ่าตัดหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ เพราะตอนนั้นลาพักร้อน 3 สัปดาห์ ส่วนการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับภาวะของโรค ส่วนตัวไม่เคยไปรักษาชั้น 14 ไม่สามารถตอบได้ ขณะที่เรื่องการบันทึกภาพระหว่างรักษาตัว ก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่จากประสบการณ์ที่เคยรักษาผู้ต้องขังนั้น ไม่เคยเห็นต้องบันทึกภาพ .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 671 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts