• ข้าวมันไก่เจ้อ้วน สายกินดึกต้องไม่พลาดเลยกับร้านนี้ เพราะเป็นร้านข้าวมันไก่ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว ไม่ว่าท้องจะร้องครวญเวลาไหนก็สามารถไปฝากท้องได้ที่ร้านนี้กันได้ทุกเมื่อเลยล่ะ แน่นอนว่าความดีงามไม่ได้อยู่ที่การเปิดบริการอย่างเดียว แต่ด้วยรสชาติของข้าวมันไก่ที่อร่อยลงตัวไปหมด ทำให้เป็นร้านโปรดในดวงใจใครได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นไก่ต้ม หรือไก่ทอด บอกเลยว่าต้องกลับมากินซ้ำบ่อยๆ

    ที่ตั้ง : ซอยพหลโยธิน 32/1 ตลาดบางเขน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
    เปิดบริกการ : 24 ชั่วโมง
    โทร : 0-2579-3039, 08-9771-2145
    #ข้าวมันไก่ #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    ข้าวมันไก่เจ้อ้วน สายกินดึกต้องไม่พลาดเลยกับร้านนี้ เพราะเป็นร้านข้าวมันไก่ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว ไม่ว่าท้องจะร้องครวญเวลาไหนก็สามารถไปฝากท้องได้ที่ร้านนี้กันได้ทุกเมื่อเลยล่ะ แน่นอนว่าความดีงามไม่ได้อยู่ที่การเปิดบริการอย่างเดียว แต่ด้วยรสชาติของข้าวมันไก่ที่อร่อยลงตัวไปหมด ทำให้เป็นร้านโปรดในดวงใจใครได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นไก่ต้ม หรือไก่ทอด บอกเลยว่าต้องกลับมากินซ้ำบ่อยๆ ที่ตั้ง : ซอยพหลโยธิน 32/1 ตลาดบางเขน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เปิดบริกการ : 24 ชั่วโมง โทร : 0-2579-3039, 08-9771-2145 #ข้าวมันไก่ #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เรื่องหลวงพ่อฤาษีขึ้นไปบนนิพพาน #ฟังพระพุทธองค์ทรงสอนบารมี๑๐ทัศ..." วันนี้ต้องสอนบรรดาท่านพุทธบริษัท เรียกว่าเอากันเฉือนขั้นสุดท้ายเลย เรียกว่าทิ้งทวนหรือทิ้งไพ่ใบสุดท้าย และพุ่งทวนเล่มใหญ่ท้ายสุดที่มีอยู่..🌸นั่นคือคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมครู ที่เรียกว่า.. บารมี ๑๐ ทัศ* วันนั้นสอนบารมี ๑๐ ทัศ แก่บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านทั้งหลายจะมีความเข้าใจหรือไม่เข้าใจเพียงใด อาตมาก็ไม่ทราบ เพราะสอนไม่ค่อยตรงเป้าหมาย..🌸 เมื่อสอนเสร็จ เวลาผ่านไปก็ดับไฟ สั่งให้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายพากันเจริญพระกรรมฐาน ทรงสติสัมปชัญญะ คือว่า.. ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ใช้คำภาวนา หรือพิจารณาตามอัธยาศัย เพราะการภาวนาก็ดี พิจารณาก็ดี นี่ อาตมาไม่ขัดใจใคร ใครเคยทำแบบไหนคล่องมาแล้ว ให้ทำอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอะไร..🌼 เพราะว่า.. การภาวนาหรือพิจารณาที่ทำมาแล้ว ถ้าไม่ผิดก็ไม่ควรจะเปลี่ยน เพราะแบบปฏิบัติมีมากด้วยกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ จึงจะถูก ทำอย่างไรก็ตาม ถ้าปรารภจิตเป็นสมาธิระงับจากนิวรณ์ หรือปรารภจิตเป็นปฏิปักษ์กับขันธ์ ๕ ใช้ได้หมด ถ้าตรงกับแนวคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมสุคตแล้ว อาตมาไม่ปฏิเสธการปฏิบัติของบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน..* เมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทเริ่มปฏิบัติ อาตมาก็คิดในใจว่า.. ร่างกายไม่ดีแบบนี้ เราจะทนมันอยู่ทำไม ไปเสียจากร่างกายดีกว่า ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงนี้ พอสัญญาณบอกเวลาปรากฏเราจึงจะกลับมา.* ฉะนั้น จึงไปได้เสียจากกาย ไปไหว้พระ จะไปแบบไหนอันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาไม่บอก บอกไม่ได้.. ไปอย่างไร ไปโดยวิธีไหน อยากรู้ก็ปฏิบัติกันเอาเอง.🌼 แต่ความจริงมันก็ไม่ใช่ของดีเด่นอะไรนัก การไปได้ มาได้ ถ้าใจเหลิงเกินไปก็ลงนรกได้ ไม่ใช่ของพิเศษ เมื่อออกไปแล้วก็พบองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์* นี่ขวางกับชาวบ้านเขาแล้ว เขาบอกว่า.. พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว จะพบได้ยังไง นั่นมันเรื่องของเขา บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย นี่มันเรื่องของอาตมา อาตมาพบกันได้ก็แล้วกัน.🌸 เมื่อพบแล้ว ก็เข้าไปนมัสการองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว พอเงยหน้าขึ้นมา..🌸 พระองค์ก็ทรงตรัสถามว่า : " สัมพเกษี วันนี้เธอสอนบารมี ๑๐ ทัศใช่ไหม.?"🌸 ก็กราบทูลพระองค์ท่านว่า : " ใช่พระพุทธเจ้าข้า "🌸 พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า : " สัมพเกษี บารมีแปลว่าอะไร.? ”* ตอนนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ขอได้โปรดทราบว่า.. ถ้าอาตมาสอนถูก พระองค์จะไม่ตรัสแบบนั้น อาตมารู้ทันรู้เท่าเข้าใจทันทีว่า.. การสอนวันนี้ผิดพุทธพจน์บทพระบาลี..🌼 นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท การสอนนี้ ไม่ใช่ว่ามันจะถูกเสมอไป มันก็ผิดได้เหมือนกัน เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตร มีพระพุทธฎีกาตรัสถามแบบนั้น อาตมาก็ทราบ..🌼 จึงได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า : " ข้าพระพุทธเจ้าไม่แน่ใจนัก พระพุทธเจ้าข้า แต่ที่เรียนกันมา ครูสอนว่า บารมี แปลว่า เต็ม "🌼 พระพุทธองค์ จึงตรัสถามว่า : " อะไรมันเต็ม และมันเต็มแบบไหน สมมุติว่า เธอจะปฏิบัติในทานบารมี.. ทำยังไง ทานบารมีมันถึงจะเต็ม ถ้าหากว่า จะนำของมาให้เต็มโลก เธอจะไปขนมาจากไหน.. ถ้าเราไม่นำของมาให้ ทำยังไงทานบารมีมันจึงจะเต็ม "🌼 แบบนี้มันก็อยู่ด้วยกันทั้งนั้นแหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าคนอย่างอาตมา ถ้าหากว่า ท่านที่เป็นนักปราชญ์ ดีกว่าอาตมาก็ไม่เป็นไร ท่านไปได้ เพราะท่านมีความเข้าใจ ท่านมีความฉลาด อาตมาบอกแล้วนี่ ว่า.. อาตมามีความรู้ไม่เท่าหางอึ่ง คือยาวไม่เท่าหางอึ่ง หรือไม่แค่หางอึ่ง เพราะความโง่มันมาก..🌼 เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคตรัสแบบนั้น..🌼 ก็ทูลถามพระองค์ว่า : " ข้าพระพุทธเจ้า ไม่เข้าใจในบารมีพระพุทธเจ้าข้า "🌺 พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า : " สัมพเกษี เธอเข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ว่าเธอดีแต่เฉพาะบริโภคเองเท่านั้น แต่การที่จะแบ่งปันให้บุคคลอื่นน่ะ เธอไม่มีความฉลาด การที่เธอตั้งกำลังใจในบารมี ๑๐ ทัศ เป็น ๓๐ ทัศ ด้วยกัน ๓ ชั้น เธอทำได้ แต่ว่าวันนี้ เธอสอนท่านบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เธอทำไม่ถูก เธอจงมีความเข้าใจเสียใหม่ว่า.. คำว่า บารมี มันแปลว่า เต็ม แต่อะไรมันเต็ม ตถาคตจะบอกให้ว่า.. บารมีนี่ควรจะแปลว่า "กำลังใจเต็ม "* นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท จำไว้ให้ดีว่า.. คำว่า บารมี ก็คือกำลังใจ ทำกำลังใจให้เต็ม..🌺 ตอนนี้ซิ ชักจะฉลาดขึ้นมาทันที มานึกในใจว่า เรานี่มันแสนจะโง่เสียมาก🌺 กำลังใจเต็ม ตอนไหน บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านก็ทรงให้ทวนเรื่องบารมี ๑๐ ทัศ ว่ามีอะไรบ้าง อาตมาก็ถวายคำตอบแก่พระองค์ว่า..๑. ทานบารมี๒. ศีลบารมี๓. เนกขัมมบารมี๔. ปัญญาบารมี๕. วิริยบารมี๖. ขันติบารมี๗. สัจจบารมี๘. อธิษฐานบารมี๙. เมตตาบารมี๑๐. อุเบกขาบารมี* องค์สมเด็จพระชินสีห์ จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า : " สัมพเกษีถูกแล้ว บารมีทั้งหมดนี้ใช้กำลังใจ สร้างกำลังใจให้มันทรงอยู่ในใจทั้งหมด ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่มีอะไรบกพร่องคือ..๑. จิตของเรา พร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ.๒. จิตพร้อมในการทรงศีล..🌻 นี่ซิ บรรดาท่านพุทธบริษัท พร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ ไม่ใช่ปล่อยให้ศีลมันหล่นหายไป..๓. จิตพร้อมในการทรง เนกขัมมะ เป็นปกติ..🌻 เนกขัมมะ ก็แปลว่า การถือบวช บวชผมยาว บวชผมสั้น บวชโกนหัว ไม่โกนหัวได้ทั้งนั้น..๔. จิตพร้อมที่จะใช้ ปัญญา เป็นเครื่องประหัตประหารอุปาทานให้พินาศไป..๕. วิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ..๖. ขันติ มีทั้งอดทั้งทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์..๗. สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลาว่า เราจะจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรในคำว่าไม่จริงสำหรับเรา ในด้านของการทำความดี..๘. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะพระนิพพาน๙. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตน เสมอด้วยบุคคลอื่น๑๐. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ ในเมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว อย่างที่เธอเป็นในวันนี้..💎 อุเบกขาบารมี ตัวนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า : ตรงกับภาษาไทยที่ใช้กันเป็นปกติว่า " ช่างมัน " ขันติบารมีนี่ก็เหมือนกัน ใช้คำว่า " ช่างมัน " ตรงตัวดี..* นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ทั้งหลายโดยถ้วนหน้า วันนี้ยังไม่สอนอะไรบรรดาท่านพุทธบริษัท เรามาคุยกันในคำว่า " บารมี " เสียก่อน เพื่อที่จะให้บรรดาพระโยคาวจรทั้งหลาย ได้ทราบชัดว่า.. บารมีที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ ให้เราสร้างให้มันเต็มนั้น ก็คือ สร้างกำลังใจ ปลูกฝังกำลังใจ ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์สมบูรณ์.. 💎 ไม่ใช่ว่า เราจะมานั่งคิด จะมานอนคิด เราจะมาทรงจิตว่า เอ๊..! บารมีของเรามันไม่มีนี่ ชาติก่อนบารมีของเรามันไม่พอ บารมีของเรายังไม่เต็ม เราจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ยังไงได้..* ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มีความเข้าใจตามนี้ พอยังจะรู้รึยังว่า.. เราจะสามารถะสร้างบารมีได้ ด้วยอาศัยกำลังใจ 💎 ความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัท มีกำลังใจอย่างเดียวเท่านั้น ที่เราจะสามารถทำมันให้ดีหรือไม่ดี อันนี้ก็ตรงกับพระบาลีที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ในเรื่อง พระจักขุบาล ว่า.." มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา "" ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ " 💎 นี่ความจริง เรื่องนี้ก็เรียนกันมาแล้วท่านบรรดาพุทธบริษัท แต่เวลาปฏิบัติจริง ๆ ทำไมมันถึงลืมก็ไม่ทราบ..💎 เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย หวังว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน คงจะเข้าใจคำว่า บารมี แล้วอย่าลืม บารมี แปลว่าเต็ม แต่ส่วนที่เราจะทำให้เต็มนั้นก็คือ กำลังใจ ให้กำลังใจมันพร้อม พร้อมที่จะทรงความดีในด้านบารมีไว้..💎 ถ้ากำลังใจของเราพร้อมทรงบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ครบถ้วนเพียงใด บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ความเป็นพระอริยเจ้าเป็นของง่าย..* ที่นำบารมีทั้ง ๑๐ ประการ มากล่าวในตอนนี้ ก็เพราะว่า.. ในตอนต้น พูดเรื่องพระโสดาบันเข้าไว้ เห็นว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายอาจจะคิดว่า.. แหม.. มันยากเกินไป ถ้ากำลังใจในการสร้างตนเป็นพระโสดาบัน มันยังครบถ้วนไม่ได้ ก็หันมาจัดการกับบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ให้มันครบถ้วนบริบูรณ์..* ทาน การให้ เป็นการตัดความโลภ.* ศีล เราก็ตัดความโกรธ* เนกขัมมะ ตัดอารมณ์ของกามคุณ* ปัญญา ตัดความโง่* วิริยะ ตัดความขี้เกียจ* ขันติ ตัดความไม่รู้จักการอดทน* สัจจะ ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจกลับกลอก* อธิษฐาน ทรงกำลังไว้ให้สมบูรณ์บริบูรณ์* เมตตา สร้างความเยือกเย็นของจิตใจ* อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกาย เราไม่ปรารภ🌺 เท่านี้แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทสมบูรณ์เพียงใด คำว่า.. พระโสดาบัน นั้น บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะรู้สึกว่าง่ายเกินไปสำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัท..🌼 ทำไมจึงว่าอย่างนั้น.. ก็เพราะว่า คนที่มีบารมีเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ มีกำลังใจเต็มทุกอย่างใน ๑๐ ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เรียกว่า "พระโสดาบัน" แล้ว ท่านเรียกว่าอะไร.. ท่านเรียกว่า "พระขีณาสพ" แปลว่า ผู้มีอาสวะอันสิ้นไปแล้ว หรือเรียกว่า "พระอรหัตผล" เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาอันดับสูงสุด เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้..🌸 เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้..🌷 ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี..."( จากหนังสือ *บารมี ๑๐* โดย พระราชพรหมยานฯ หน้าที่ ๘-๑๖ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี) #ที่มานิพพานังปรมังสุขัง.
    #เรื่องหลวงพ่อฤาษีขึ้นไปบนนิพพาน #ฟังพระพุทธองค์ทรงสอนบารมี๑๐ทัศ..." วันนี้ต้องสอนบรรดาท่านพุทธบริษัท เรียกว่าเอากันเฉือนขั้นสุดท้ายเลย เรียกว่าทิ้งทวนหรือทิ้งไพ่ใบสุดท้าย และพุ่งทวนเล่มใหญ่ท้ายสุดที่มีอยู่..🌸นั่นคือคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมครู ที่เรียกว่า.. บารมี ๑๐ ทัศ* วันนั้นสอนบารมี ๑๐ ทัศ แก่บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านทั้งหลายจะมีความเข้าใจหรือไม่เข้าใจเพียงใด อาตมาก็ไม่ทราบ เพราะสอนไม่ค่อยตรงเป้าหมาย..🌸 เมื่อสอนเสร็จ เวลาผ่านไปก็ดับไฟ สั่งให้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายพากันเจริญพระกรรมฐาน ทรงสติสัมปชัญญะ คือว่า.. ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ใช้คำภาวนา หรือพิจารณาตามอัธยาศัย เพราะการภาวนาก็ดี พิจารณาก็ดี นี่ อาตมาไม่ขัดใจใคร ใครเคยทำแบบไหนคล่องมาแล้ว ให้ทำอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอะไร..🌼 เพราะว่า.. การภาวนาหรือพิจารณาที่ทำมาแล้ว ถ้าไม่ผิดก็ไม่ควรจะเปลี่ยน เพราะแบบปฏิบัติมีมากด้วยกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ จึงจะถูก ทำอย่างไรก็ตาม ถ้าปรารภจิตเป็นสมาธิระงับจากนิวรณ์ หรือปรารภจิตเป็นปฏิปักษ์กับขันธ์ ๕ ใช้ได้หมด ถ้าตรงกับแนวคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมสุคตแล้ว อาตมาไม่ปฏิเสธการปฏิบัติของบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน..* เมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทเริ่มปฏิบัติ อาตมาก็คิดในใจว่า.. ร่างกายไม่ดีแบบนี้ เราจะทนมันอยู่ทำไม ไปเสียจากร่างกายดีกว่า ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงนี้ พอสัญญาณบอกเวลาปรากฏเราจึงจะกลับมา.* ฉะนั้น จึงไปได้เสียจากกาย ไปไหว้พระ จะไปแบบไหนอันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาไม่บอก บอกไม่ได้.. ไปอย่างไร ไปโดยวิธีไหน อยากรู้ก็ปฏิบัติกันเอาเอง.🌼 แต่ความจริงมันก็ไม่ใช่ของดีเด่นอะไรนัก การไปได้ มาได้ ถ้าใจเหลิงเกินไปก็ลงนรกได้ ไม่ใช่ของพิเศษ เมื่อออกไปแล้วก็พบองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์* นี่ขวางกับชาวบ้านเขาแล้ว เขาบอกว่า.. พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว จะพบได้ยังไง นั่นมันเรื่องของเขา บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย นี่มันเรื่องของอาตมา อาตมาพบกันได้ก็แล้วกัน.🌸 เมื่อพบแล้ว ก็เข้าไปนมัสการองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว พอเงยหน้าขึ้นมา..🌸 พระองค์ก็ทรงตรัสถามว่า : " สัมพเกษี วันนี้เธอสอนบารมี ๑๐ ทัศใช่ไหม.?"🌸 ก็กราบทูลพระองค์ท่านว่า : " ใช่พระพุทธเจ้าข้า "🌸 พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า : " สัมพเกษี บารมีแปลว่าอะไร.? ”* ตอนนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ขอได้โปรดทราบว่า.. ถ้าอาตมาสอนถูก พระองค์จะไม่ตรัสแบบนั้น อาตมารู้ทันรู้เท่าเข้าใจทันทีว่า.. การสอนวันนี้ผิดพุทธพจน์บทพระบาลี..🌼 นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท การสอนนี้ ไม่ใช่ว่ามันจะถูกเสมอไป มันก็ผิดได้เหมือนกัน เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตร มีพระพุทธฎีกาตรัสถามแบบนั้น อาตมาก็ทราบ..🌼 จึงได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า : " ข้าพระพุทธเจ้าไม่แน่ใจนัก พระพุทธเจ้าข้า แต่ที่เรียนกันมา ครูสอนว่า บารมี แปลว่า เต็ม "🌼 พระพุทธองค์ จึงตรัสถามว่า : " อะไรมันเต็ม และมันเต็มแบบไหน สมมุติว่า เธอจะปฏิบัติในทานบารมี.. ทำยังไง ทานบารมีมันถึงจะเต็ม ถ้าหากว่า จะนำของมาให้เต็มโลก เธอจะไปขนมาจากไหน.. ถ้าเราไม่นำของมาให้ ทำยังไงทานบารมีมันจึงจะเต็ม "🌼 แบบนี้มันก็อยู่ด้วยกันทั้งนั้นแหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าคนอย่างอาตมา ถ้าหากว่า ท่านที่เป็นนักปราชญ์ ดีกว่าอาตมาก็ไม่เป็นไร ท่านไปได้ เพราะท่านมีความเข้าใจ ท่านมีความฉลาด อาตมาบอกแล้วนี่ ว่า.. อาตมามีความรู้ไม่เท่าหางอึ่ง คือยาวไม่เท่าหางอึ่ง หรือไม่แค่หางอึ่ง เพราะความโง่มันมาก..🌼 เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคตรัสแบบนั้น..🌼 ก็ทูลถามพระองค์ว่า : " ข้าพระพุทธเจ้า ไม่เข้าใจในบารมีพระพุทธเจ้าข้า "🌺 พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า : " สัมพเกษี เธอเข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ว่าเธอดีแต่เฉพาะบริโภคเองเท่านั้น แต่การที่จะแบ่งปันให้บุคคลอื่นน่ะ เธอไม่มีความฉลาด การที่เธอตั้งกำลังใจในบารมี ๑๐ ทัศ เป็น ๓๐ ทัศ ด้วยกัน ๓ ชั้น เธอทำได้ แต่ว่าวันนี้ เธอสอนท่านบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เธอทำไม่ถูก เธอจงมีความเข้าใจเสียใหม่ว่า.. คำว่า บารมี มันแปลว่า เต็ม แต่อะไรมันเต็ม ตถาคตจะบอกให้ว่า.. บารมีนี่ควรจะแปลว่า "กำลังใจเต็ม "* นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท จำไว้ให้ดีว่า.. คำว่า บารมี ก็คือกำลังใจ ทำกำลังใจให้เต็ม..🌺 ตอนนี้ซิ ชักจะฉลาดขึ้นมาทันที มานึกในใจว่า เรานี่มันแสนจะโง่เสียมาก🌺 กำลังใจเต็ม ตอนไหน บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านก็ทรงให้ทวนเรื่องบารมี ๑๐ ทัศ ว่ามีอะไรบ้าง อาตมาก็ถวายคำตอบแก่พระองค์ว่า..๑. ทานบารมี๒. ศีลบารมี๓. เนกขัมมบารมี๔. ปัญญาบารมี๕. วิริยบารมี๖. ขันติบารมี๗. สัจจบารมี๘. อธิษฐานบารมี๙. เมตตาบารมี๑๐. อุเบกขาบารมี* องค์สมเด็จพระชินสีห์ จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า : " สัมพเกษีถูกแล้ว บารมีทั้งหมดนี้ใช้กำลังใจ สร้างกำลังใจให้มันทรงอยู่ในใจทั้งหมด ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่มีอะไรบกพร่องคือ..๑. จิตของเรา พร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ.๒. จิตพร้อมในการทรงศีล..🌻 นี่ซิ บรรดาท่านพุทธบริษัท พร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ ไม่ใช่ปล่อยให้ศีลมันหล่นหายไป..๓. จิตพร้อมในการทรง เนกขัมมะ เป็นปกติ..🌻 เนกขัมมะ ก็แปลว่า การถือบวช บวชผมยาว บวชผมสั้น บวชโกนหัว ไม่โกนหัวได้ทั้งนั้น..๔. จิตพร้อมที่จะใช้ ปัญญา เป็นเครื่องประหัตประหารอุปาทานให้พินาศไป..๕. วิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ..๖. ขันติ มีทั้งอดทั้งทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์..๗. สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลาว่า เราจะจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรในคำว่าไม่จริงสำหรับเรา ในด้านของการทำความดี..๘. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะพระนิพพาน๙. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตน เสมอด้วยบุคคลอื่น๑๐. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ ในเมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว อย่างที่เธอเป็นในวันนี้..💎 อุเบกขาบารมี ตัวนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า : ตรงกับภาษาไทยที่ใช้กันเป็นปกติว่า " ช่างมัน " ขันติบารมีนี่ก็เหมือนกัน ใช้คำว่า " ช่างมัน " ตรงตัวดี..* นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ทั้งหลายโดยถ้วนหน้า วันนี้ยังไม่สอนอะไรบรรดาท่านพุทธบริษัท เรามาคุยกันในคำว่า " บารมี " เสียก่อน เพื่อที่จะให้บรรดาพระโยคาวจรทั้งหลาย ได้ทราบชัดว่า.. บารมีที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ ให้เราสร้างให้มันเต็มนั้น ก็คือ สร้างกำลังใจ ปลูกฝังกำลังใจ ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์สมบูรณ์.. 💎 ไม่ใช่ว่า เราจะมานั่งคิด จะมานอนคิด เราจะมาทรงจิตว่า เอ๊..! บารมีของเรามันไม่มีนี่ ชาติก่อนบารมีของเรามันไม่พอ บารมีของเรายังไม่เต็ม เราจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ยังไงได้..* ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มีความเข้าใจตามนี้ พอยังจะรู้รึยังว่า.. เราจะสามารถะสร้างบารมีได้ ด้วยอาศัยกำลังใจ 💎 ความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัท มีกำลังใจอย่างเดียวเท่านั้น ที่เราจะสามารถทำมันให้ดีหรือไม่ดี อันนี้ก็ตรงกับพระบาลีที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ในเรื่อง พระจักขุบาล ว่า.." มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา "" ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ " 💎 นี่ความจริง เรื่องนี้ก็เรียนกันมาแล้วท่านบรรดาพุทธบริษัท แต่เวลาปฏิบัติจริง ๆ ทำไมมันถึงลืมก็ไม่ทราบ..💎 เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย หวังว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน คงจะเข้าใจคำว่า บารมี แล้วอย่าลืม บารมี แปลว่าเต็ม แต่ส่วนที่เราจะทำให้เต็มนั้นก็คือ กำลังใจ ให้กำลังใจมันพร้อม พร้อมที่จะทรงความดีในด้านบารมีไว้..💎 ถ้ากำลังใจของเราพร้อมทรงบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ครบถ้วนเพียงใด บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ความเป็นพระอริยเจ้าเป็นของง่าย..* ที่นำบารมีทั้ง ๑๐ ประการ มากล่าวในตอนนี้ ก็เพราะว่า.. ในตอนต้น พูดเรื่องพระโสดาบันเข้าไว้ เห็นว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายอาจจะคิดว่า.. แหม.. มันยากเกินไป ถ้ากำลังใจในการสร้างตนเป็นพระโสดาบัน มันยังครบถ้วนไม่ได้ ก็หันมาจัดการกับบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ให้มันครบถ้วนบริบูรณ์..* ทาน การให้ เป็นการตัดความโลภ.* ศีล เราก็ตัดความโกรธ* เนกขัมมะ ตัดอารมณ์ของกามคุณ* ปัญญา ตัดความโง่* วิริยะ ตัดความขี้เกียจ* ขันติ ตัดความไม่รู้จักการอดทน* สัจจะ ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจกลับกลอก* อธิษฐาน ทรงกำลังไว้ให้สมบูรณ์บริบูรณ์* เมตตา สร้างความเยือกเย็นของจิตใจ* อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกาย เราไม่ปรารภ🌺 เท่านี้แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทสมบูรณ์เพียงใด คำว่า.. พระโสดาบัน นั้น บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะรู้สึกว่าง่ายเกินไปสำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัท..🌼 ทำไมจึงว่าอย่างนั้น.. ก็เพราะว่า คนที่มีบารมีเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ มีกำลังใจเต็มทุกอย่างใน ๑๐ ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เรียกว่า "พระโสดาบัน" แล้ว ท่านเรียกว่าอะไร.. ท่านเรียกว่า "พระขีณาสพ" แปลว่า ผู้มีอาสวะอันสิ้นไปแล้ว หรือเรียกว่า "พระอรหัตผล" เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาอันดับสูงสุด เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้..🌸 เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้..🌷 ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี..."( จากหนังสือ *บารมี ๑๐* โดย พระราชพรหมยานฯ หน้าที่ ๘-๑๖ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี) #ที่มานิพพานังปรมังสุขัง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความดี ความงาม ความจริง
    อาจเป็นสิ่งเดียวกัน
    เมื่อสัมผัสความจริงของโลก ที่นี่ เดี๋ยวนี้
    ด้วยความรู้สึกตัวอยู่เสมอ
    ย่อมเกิดความงามในหัวใจ
    ซึ่งปลดเปลื้องความอยากในมายา

    จากหนังสือ |เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #นิ้วกลม
    ความดี ความงาม ความจริง อาจเป็นสิ่งเดียวกัน เมื่อสัมผัสความจริงของโลก ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ด้วยความรู้สึกตัวอยู่เสมอ ย่อมเกิดความงามในหัวใจ ซึ่งปลดเปลื้องความอยากในมายา จากหนังสือ |เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #นิ้วกลม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18-11-67/01 : หมี CNN / "เก๋า เก๋า" เมืองไทยยุค ไอ้บ้า ไอ้บี ไอ้โบ ไอ้เบ๊ ปลายกลียุคแล้วน่ะ! ยุคที่มรึงจะไม่มีวันได้เห็นอีก จนกว่าจะครบ 100 ปี ยุคที่จรรยาบรรณคือเรื่องโกหกตอแหล มีไว้เพื่อหาแดร๊ก ยุคที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่ทำหน้าที่ หิวเงิน หิวแสง ประชาชนตาดำดำ ต้องออกมาทำหน้าที่แทน ยุคที่โกหกตอแหลสุดโต่ง แถจนหมายังอายแทน? ยุคที่หมอรักษาชีวิตคน แต่หาแดร๊กบนความตายคนมากที่สุด ยุคที่ทูลเท็จได้รายวัน กล้าหมิ่นเบื้องบน เทียบชั้น อยากเป็น PRESIDENT แต่วาสนาเป็นได้แค่ที่รองตรีนเหี้ยวอชิงตัน ยุคที่ไม่ต้องถามหาความถูกผิด สิทธิมนุษยชนใหญ่กว่ากฎหมาย ยุคที่กฎหมามาเต็ม ใหญ่คับฟ้า ยุคที่หลอกควายไม่ได้ผุดได้เกิด ยุคที่ไร้ปัญญา ยุคที่หาเงินง่ายเพราะโกงเค้าแดร๊ก ยุคที่กระหรี่ยังสูงกว่าไฮโซ เพราะยังได้ค่าตัว ยุคที่มั่วกันเมามันส์ ไม่ต้องไปเช่าหนังโป๊ ซื้อหนังสือแนวเสือป่า เพราะมีให้ชมฟรี 24 ชม. แค่กด LIKE ยุคที่สัดเดรัจฉานเกลื่อนแผ่นดิน ยุคที่แยกไม่ออก ใครเหี้ย ใครคน? ยุคที่พ่อแม่ ต้องกราบตรีนลูก "ลูกเทวดา" ยุคที่คนดีดีต้องกลัวกฎหมายแทนคนชั่ว เพราะช่วยเค้า ตัวเองซวย เพราะไปเหยียบตรีนขาใหญ่ ยุคที่พระปลอมห่มผ้าเหลืองไม่ละอายต่อบาป อาชีพหลอกแดร๊ก พระดีเข้าป่ากันหมดแล้ว ยุคที่ทำเหี้ยอะไรก็ได้ เพราะกฎหมาเหนือกฎหมาย ไม่มียุคนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง กลียุคมาเพื่อเปลี่ยน นี่คือ "คีย์" ต้นกลียุคคือปล่อยสัดเดรัจฉานเต็มที่ ปลายกลียุคคือกวาดอีเดรัจฉานกลับขุมนรก สคริปต์นี้ กูไม่ได้เขียน สวรรค์แต่งมา นรกรับงาน? ใครที่ผ่านกลียุคมาแล้ว ยังรักษาสภาพ รักษาศีลเอาไว้ได้ มรึงเตรียมขึ้นชั้นได้เลย ผ่านการทดสอบ บทพิสูจน์ รักแท้ จากสรวงสวรรค์ ภพภูมิที่สูงกว่ารอมรึงอยู่ กูจะไปตามหา E.T. เพื่อนเลิฟกู บทพิสูจน์ สวรรค์ นรก วัดกันยุคนี้แหละ? มรึงจงภูมิใจที่ได้มาเกิดในรัชสมัยพ่อร.9 พ่อร.10 ทั้งยุคพระคุณ และยุคพระเดช คน 2 แผ่นดิน อย่างมรึงและกู ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรจะได้เห็นมาเยอะมาก ตั้งแต่สมัยเขียนจดหมายจีบกัน ยันมาถึง ส่งคลิปเปลือยให้กันแล้ว มันผ่านไปเร็วมาก ในช่วง 70 ปี ที่ผ่านมา สิ่งที่กูอยากจะบอกเช้านี้คือ ไทยเราจะผ่านทุกเรื่องราวได้หมดจรด สิ่งชั่วร้าย สะสม ที่ผ่านมา จะถูกขจัดออกด้วย HAITER สูตรเข้มข้น ภาพที่มรึงเห็นแล้วจะสงสารทันที น่าเวทนา กับสิ่งที่สัดนรกทั้งหลายจะได้รับเพื่อชดใช้ จงทำดี เพื่อตัวมรึงเอง แล้วผลดีนั่น จะส่งต่อถึงผู้อื่นเป็นโดมิโน่แอฟเฟคเอง เริ่มที่ตัวเราก่อน กูจะเปรียบเทียบของจริงในสิ่งที่ผ่านมา ที่กำลังจะเกิดขึ้น และที่เกิดไปแล้วให้มรึงเข้าใจ! ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ทุกอย่างคือบททดสอบจากสวรรค์ทั้งนั้น?เข้าประเด็น ซัดตรง ตามได้ตาม : โลกรอขั้วใหม่เปลี่ยนแกนโลกใหม่ เหี้ยรอแตกร่างแยกย้าย อาเซียน แอฟริกา ลาติน รอเกิดเต็มตรีน โลกกลับตาลปัตร อเมริกา ยุโรป ล้าหลัง ชาติประเทศโลกที่ 3 ขึ้นมาโดดเด่น ทั้งหมดเป็นเพราะ BRICS จะยกระดับทั้งโลกให้เสมอภาคกัน แต่เหี้ยไม่เอา เพราะถนัดผูกขาดศาลเตี้ย เมื่อทางเดินมันแยกทางกันชัด โลกจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย เหมือนในหนัง STAR WARS นั่นแหละ เตรียมดาบไลท์เซเบอร์ เก็บเอาไว้ให้ดีดี ลูกหลานมรึงได้ใช้แน่ ในยุคบางระจัน 2124 ยุคนี้ กลียุคกำลังจะจากไป ทิ้งทวนไอ้อี สารพัดสัดเดรัจฉาน เปิดออกให้โลกประจักษ์ชัด! ยุคที่ไฮโซต่ำกว่ากระหรี่ ยุคที่ 18 มงกุฎ กลายเป็นเทพเจ้า ยุคที่ควายหลอกควายกว่าไม่ละอาย เพราะไร้ศีลธรรม คนยุคก่อนถึงยังมีบุญมากกว่าคนยุคนี้ เพราะสิ่งล่อลวงไม่เยอะเท่า แต่เช่นกัน หากใครผ่านด่านทดสอบนี้ไปได้ บุญมรึงจะ x100 มากกว่ายุคปกติ เพราะมรึงเจอบททดสอบที่ยากกว่าเยอะ จะมีซักกี่คน? ที่ผู้หญิงแก้ผ้าเดินมาให้เอา แล้วมรึงบอก "กูเป็นเกย์" ปฎิเสธแบบมีศิลปะ จะมีซักกี่คน? ที่ซาตานเอาเงินมาให้ 100 ล้าน แล้วมรึงบอกว่า "น้อยไปไอ้สัส กูนึกว่าได้ซัก 10000 ล้าน เสียเวลาทำมาหาแดร๊กวันละ 300" เงิบสิ ไอ้สัส! ทั้งหมดที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ คือการผลัดใบใหม่โลก โลกกำลังสกรีน คัดสรร ผู้ที่ควรจะไปต่อ โลกก็มีหัวใจ ไม่ปล่อยให้ไอ้อีหน้าไหนมาทำลายดาวเคราะห์นี้เพื่อเหี้ยเพียงกลุ่มเดียวปล.มรึงเห็นยัง? อีทรัมปป์หางโผล่ ตีกิน 2 หน้า เพื่อรักษาบังลังก์ตัวเอง ทิ้งอีเสี้ยนยา ปล่อยให้รัสเซียเขมือบฉลุยตามขอ แต่แอบช่วยอียิวเหี้ย ยังปล่อยไม่ได้ ไม่งั้นอี DEEP STATE สั่งล่าหัวอีทรัมปป์ก่อนสาบานตนแน่ ฐานไม่ช่วยยิวเหี้ย อียูเครนมันตายห่าไปแล้ว กูไม่ได้ประโยชน์ อีทรัมปป์มองข้ามไปนานแล้ว แต่อีเยรูซาเล็ม ช่วยแค่เปลือก ลับหลังชงดาบให้ปูติน สีจิ้นผิง เผาอียิวเหี้ยให้เรียบวุธ ที่มาส่งเรือบรรทุกเครื่องบินไปก็เท่านั้น กระจอกไม่รู้จบสิ้น แค่ส่งไปเพื่อบอกนายใหญ่ กูช่วยแล้วน่ะ แต่มรึงวอนหาส้นตรีนเอง? ข้ามวิกแป๊บ มีเหรอ ครม.ยุคเหี้ยขายชาติจะไม่แดร๊ก รมต.น้ำว่าว เฮ้ย..น้ำเน่า จะไม่รู้ ไม่เห็น หัวไม่สั่ง หางไม่กระดิก มรึงคิดว่าอยากจะอ้างรมต.ใครก็ได้งั้นเหรอ เหี้ยไม่กล้ากร่างหากไม่มีแบ็คอัพ หมายังรู้? ถูกซัดทอดเป็นโดมิโน่แอฟเฟคแน่ อีพรรคขายชาติ ชะตากรรมมันตายโหงยกโคตรอยู่แล้ว ยังจะมีเพิ่มครม.ชั้นหมาเข้าไปอีก พรรคร่วม แม้แต่สมาชิกพรรคเหี้ย แตกคอกันเอง อีอุ้งอุ้ง หมดราคา ปาร์ตี้จบแล้ว ฮันนีมูนสั้นเกิน รอรับหมายศาลได้เลยจ๊ะ ทุกไอ้อี ทั้งครม.?หมี CNN(อย่ากระพริบตา ช่วงนี้แหละ ของดีกำลังจะมา เสียงกรีดร้องหิวโหยของเปรตขอส่วนบุญ จะดังก้องแผ่นดินทอง สวรรค์สั่งเชือดแล้ว ไอ้อีหน้าไหนที่คิดว่าจะรอดบ่วงกรรมได้ มรึงจะโดนหนักกว่าเพื่อน แสงทำงานเสมอภาค ไม่มีลำเอียง ความดีจะกลายเป็นเกราะคุ้มครองคนดี จน รวย ไม่ได้เป็นข้ออ้างบันไดสู่สวรรค์ ทุกคนล้วนมีกรรมในมือ วันที่ชั่งตาชั่งแห่งผลกรรม มรึงจะรู้เองว่า จะได้ไปต่อหรือไม่? อย่ากลัว คนจริง กล้าทำ กล้ารับ ผิดก็ชดใช้ กรรมดี สะสมไป เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม ใยก็ต้องกลัว มาเพื่อสิ่งนี้ แล้วไปก็เพื่อสิ่งนี้ สาวกหมี ตาสว่างกันหมดได้แล้ว มรึงต้องตกผลึกกันให้หมด ก่อนกูจะตายห่าไปซะ แล้วไปเจอกันในสวน "อีเดน" พระเจ้าสั่งไม่ให้แดร๊กแอปเปิ้ล กูเลยไปแดร๊กลิ้นจี่แทน ถึงได้ต้องกลับมาเกิดเจอพวกมรึงเนี่ยไง? ไอ้สัส เพราะลิ้นจี่ ตัวเดียว ตะกละแดร๊กเกิน!)18 พฤศจิกายน 6709.52 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    18-11-67/01 : หมี CNN / "เก๋า เก๋า" เมืองไทยยุค ไอ้บ้า ไอ้บี ไอ้โบ ไอ้เบ๊ ปลายกลียุคแล้วน่ะ! ยุคที่มรึงจะไม่มีวันได้เห็นอีก จนกว่าจะครบ 100 ปี ยุคที่จรรยาบรรณคือเรื่องโกหกตอแหล มีไว้เพื่อหาแดร๊ก ยุคที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่ทำหน้าที่ หิวเงิน หิวแสง ประชาชนตาดำดำ ต้องออกมาทำหน้าที่แทน ยุคที่โกหกตอแหลสุดโต่ง แถจนหมายังอายแทน? ยุคที่หมอรักษาชีวิตคน แต่หาแดร๊กบนความตายคนมากที่สุด ยุคที่ทูลเท็จได้รายวัน กล้าหมิ่นเบื้องบน เทียบชั้น อยากเป็น PRESIDENT แต่วาสนาเป็นได้แค่ที่รองตรีนเหี้ยวอชิงตัน ยุคที่ไม่ต้องถามหาความถูกผิด สิทธิมนุษยชนใหญ่กว่ากฎหมาย ยุคที่กฎหมามาเต็ม ใหญ่คับฟ้า ยุคที่หลอกควายไม่ได้ผุดได้เกิด ยุคที่ไร้ปัญญา ยุคที่หาเงินง่ายเพราะโกงเค้าแดร๊ก ยุคที่กระหรี่ยังสูงกว่าไฮโซ เพราะยังได้ค่าตัว ยุคที่มั่วกันเมามันส์ ไม่ต้องไปเช่าหนังโป๊ ซื้อหนังสือแนวเสือป่า เพราะมีให้ชมฟรี 24 ชม. แค่กด LIKE ยุคที่สัดเดรัจฉานเกลื่อนแผ่นดิน ยุคที่แยกไม่ออก ใครเหี้ย ใครคน? ยุคที่พ่อแม่ ต้องกราบตรีนลูก "ลูกเทวดา" ยุคที่คนดีดีต้องกลัวกฎหมายแทนคนชั่ว เพราะช่วยเค้า ตัวเองซวย เพราะไปเหยียบตรีนขาใหญ่ ยุคที่พระปลอมห่มผ้าเหลืองไม่ละอายต่อบาป อาชีพหลอกแดร๊ก พระดีเข้าป่ากันหมดแล้ว ยุคที่ทำเหี้ยอะไรก็ได้ เพราะกฎหมาเหนือกฎหมาย ไม่มียุคนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง กลียุคมาเพื่อเปลี่ยน นี่คือ "คีย์" ต้นกลียุคคือปล่อยสัดเดรัจฉานเต็มที่ ปลายกลียุคคือกวาดอีเดรัจฉานกลับขุมนรก สคริปต์นี้ กูไม่ได้เขียน สวรรค์แต่งมา นรกรับงาน? ใครที่ผ่านกลียุคมาแล้ว ยังรักษาสภาพ รักษาศีลเอาไว้ได้ มรึงเตรียมขึ้นชั้นได้เลย ผ่านการทดสอบ บทพิสูจน์ รักแท้ จากสรวงสวรรค์ ภพภูมิที่สูงกว่ารอมรึงอยู่ กูจะไปตามหา E.T. เพื่อนเลิฟกู บทพิสูจน์ สวรรค์ นรก วัดกันยุคนี้แหละ? มรึงจงภูมิใจที่ได้มาเกิดในรัชสมัยพ่อร.9 พ่อร.10 ทั้งยุคพระคุณ และยุคพระเดช คน 2 แผ่นดิน อย่างมรึงและกู ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรจะได้เห็นมาเยอะมาก ตั้งแต่สมัยเขียนจดหมายจีบกัน ยันมาถึง ส่งคลิปเปลือยให้กันแล้ว มันผ่านไปเร็วมาก ในช่วง 70 ปี ที่ผ่านมา สิ่งที่กูอยากจะบอกเช้านี้คือ ไทยเราจะผ่านทุกเรื่องราวได้หมดจรด สิ่งชั่วร้าย สะสม ที่ผ่านมา จะถูกขจัดออกด้วย HAITER สูตรเข้มข้น ภาพที่มรึงเห็นแล้วจะสงสารทันที น่าเวทนา กับสิ่งที่สัดนรกทั้งหลายจะได้รับเพื่อชดใช้ จงทำดี เพื่อตัวมรึงเอง แล้วผลดีนั่น จะส่งต่อถึงผู้อื่นเป็นโดมิโน่แอฟเฟคเอง เริ่มที่ตัวเราก่อน กูจะเปรียบเทียบของจริงในสิ่งที่ผ่านมา ที่กำลังจะเกิดขึ้น และที่เกิดไปแล้วให้มรึงเข้าใจ! ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ทุกอย่างคือบททดสอบจากสวรรค์ทั้งนั้น?เข้าประเด็น ซัดตรง ตามได้ตาม : โลกรอขั้วใหม่เปลี่ยนแกนโลกใหม่ เหี้ยรอแตกร่างแยกย้าย อาเซียน แอฟริกา ลาติน รอเกิดเต็มตรีน โลกกลับตาลปัตร อเมริกา ยุโรป ล้าหลัง ชาติประเทศโลกที่ 3 ขึ้นมาโดดเด่น ทั้งหมดเป็นเพราะ BRICS จะยกระดับทั้งโลกให้เสมอภาคกัน แต่เหี้ยไม่เอา เพราะถนัดผูกขาดศาลเตี้ย เมื่อทางเดินมันแยกทางกันชัด โลกจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย เหมือนในหนัง STAR WARS นั่นแหละ เตรียมดาบไลท์เซเบอร์ เก็บเอาไว้ให้ดีดี ลูกหลานมรึงได้ใช้แน่ ในยุคบางระจัน 2124 ยุคนี้ กลียุคกำลังจะจากไป ทิ้งทวนไอ้อี สารพัดสัดเดรัจฉาน เปิดออกให้โลกประจักษ์ชัด! ยุคที่ไฮโซต่ำกว่ากระหรี่ ยุคที่ 18 มงกุฎ กลายเป็นเทพเจ้า ยุคที่ควายหลอกควายกว่าไม่ละอาย เพราะไร้ศีลธรรม คนยุคก่อนถึงยังมีบุญมากกว่าคนยุคนี้ เพราะสิ่งล่อลวงไม่เยอะเท่า แต่เช่นกัน หากใครผ่านด่านทดสอบนี้ไปได้ บุญมรึงจะ x100 มากกว่ายุคปกติ เพราะมรึงเจอบททดสอบที่ยากกว่าเยอะ จะมีซักกี่คน? ที่ผู้หญิงแก้ผ้าเดินมาให้เอา แล้วมรึงบอก "กูเป็นเกย์" ปฎิเสธแบบมีศิลปะ จะมีซักกี่คน? ที่ซาตานเอาเงินมาให้ 100 ล้าน แล้วมรึงบอกว่า "น้อยไปไอ้สัส กูนึกว่าได้ซัก 10000 ล้าน เสียเวลาทำมาหาแดร๊กวันละ 300" เงิบสิ ไอ้สัส! ทั้งหมดที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ คือการผลัดใบใหม่โลก โลกกำลังสกรีน คัดสรร ผู้ที่ควรจะไปต่อ โลกก็มีหัวใจ ไม่ปล่อยให้ไอ้อีหน้าไหนมาทำลายดาวเคราะห์นี้เพื่อเหี้ยเพียงกลุ่มเดียวปล.มรึงเห็นยัง? อีทรัมปป์หางโผล่ ตีกิน 2 หน้า เพื่อรักษาบังลังก์ตัวเอง ทิ้งอีเสี้ยนยา ปล่อยให้รัสเซียเขมือบฉลุยตามขอ แต่แอบช่วยอียิวเหี้ย ยังปล่อยไม่ได้ ไม่งั้นอี DEEP STATE สั่งล่าหัวอีทรัมปป์ก่อนสาบานตนแน่ ฐานไม่ช่วยยิวเหี้ย อียูเครนมันตายห่าไปแล้ว กูไม่ได้ประโยชน์ อีทรัมปป์มองข้ามไปนานแล้ว แต่อีเยรูซาเล็ม ช่วยแค่เปลือก ลับหลังชงดาบให้ปูติน สีจิ้นผิง เผาอียิวเหี้ยให้เรียบวุธ ที่มาส่งเรือบรรทุกเครื่องบินไปก็เท่านั้น กระจอกไม่รู้จบสิ้น แค่ส่งไปเพื่อบอกนายใหญ่ กูช่วยแล้วน่ะ แต่มรึงวอนหาส้นตรีนเอง? ข้ามวิกแป๊บ มีเหรอ ครม.ยุคเหี้ยขายชาติจะไม่แดร๊ก รมต.น้ำว่าว เฮ้ย..น้ำเน่า จะไม่รู้ ไม่เห็น หัวไม่สั่ง หางไม่กระดิก มรึงคิดว่าอยากจะอ้างรมต.ใครก็ได้งั้นเหรอ เหี้ยไม่กล้ากร่างหากไม่มีแบ็คอัพ หมายังรู้? ถูกซัดทอดเป็นโดมิโน่แอฟเฟคแน่ อีพรรคขายชาติ ชะตากรรมมันตายโหงยกโคตรอยู่แล้ว ยังจะมีเพิ่มครม.ชั้นหมาเข้าไปอีก พรรคร่วม แม้แต่สมาชิกพรรคเหี้ย แตกคอกันเอง อีอุ้งอุ้ง หมดราคา ปาร์ตี้จบแล้ว ฮันนีมูนสั้นเกิน รอรับหมายศาลได้เลยจ๊ะ ทุกไอ้อี ทั้งครม.?หมี CNN(อย่ากระพริบตา ช่วงนี้แหละ ของดีกำลังจะมา เสียงกรีดร้องหิวโหยของเปรตขอส่วนบุญ จะดังก้องแผ่นดินทอง สวรรค์สั่งเชือดแล้ว ไอ้อีหน้าไหนที่คิดว่าจะรอดบ่วงกรรมได้ มรึงจะโดนหนักกว่าเพื่อน แสงทำงานเสมอภาค ไม่มีลำเอียง ความดีจะกลายเป็นเกราะคุ้มครองคนดี จน รวย ไม่ได้เป็นข้ออ้างบันไดสู่สวรรค์ ทุกคนล้วนมีกรรมในมือ วันที่ชั่งตาชั่งแห่งผลกรรม มรึงจะรู้เองว่า จะได้ไปต่อหรือไม่? อย่ากลัว คนจริง กล้าทำ กล้ารับ ผิดก็ชดใช้ กรรมดี สะสมไป เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม ใยก็ต้องกลัว มาเพื่อสิ่งนี้ แล้วไปก็เพื่อสิ่งนี้ สาวกหมี ตาสว่างกันหมดได้แล้ว มรึงต้องตกผลึกกันให้หมด ก่อนกูจะตายห่าไปซะ แล้วไปเจอกันในสวน "อีเดน" พระเจ้าสั่งไม่ให้แดร๊กแอปเปิ้ล กูเลยไปแดร๊กลิ้นจี่แทน ถึงได้ต้องกลับมาเกิดเจอพวกมรึงเนี่ยไง? ไอ้สัส เพราะลิ้นจี่ ตัวเดียว ตะกละแดร๊กเกิน!)18 พฤศจิกายน 6709.52 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍁อย่าลืมว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ได้เพราะอาศัยความดีหลายอย่างธ​รรมทาน #หลวงคำสอนหลวงพ่อ ๑.​ เราเคยมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรือมีกรรมบถ ๑๐ บริสุทธิ์ เราจึงเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ได้๒.​ เรามีทรัพย์สินเพราะเราเคยให้ทาน๓.​ เรามีปัญญาคิดอะไรได้บ้าง เพราะเราเคยอบรมในด้านความดี ในด้านธรรมมาก่อน🔸️เราต้องคำนึงของ ๓ อย่างนี้ เพราะมันเป็นความดีเดิมในเมื่อเราเป็นมนุษย์ได้แล้ว เราจะกลับไปเป็นสัตว์นรกอีกไหม​ ถ้าเราทำลายศีลข้อใดข้อหนึ่ง นั่นแสดงว่ามันจะกลับไปนรกอีก ประการที่ ๒ เราเกิดมาเป็นคนตระหนี่ เป็นคนดี​พอกลับไปเราก็ต้องกลับไปแก้กันใหม่ และประการที่ ๓ เราทำลายสติสัมปชัญญะของเราให้มันเสื่อมทรามลง เป็นการทำลายของเดิมที่เราก่อมาแล้วให้สลายตัวไป ถ้าเราคิดอย่างนี้แล้วจะดีขึ้น​ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงสั่งสอน ✅️#อย่าตามนึกถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว ✅️#และจงอย่าคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง✅️#พยายามรักษาความดีปัจจุบัน​ ⭕️ ถ้าปัจจุบันของเราดี เพราะอารมณ์ของเราจริงๆไม่มีอดีตไม่มีอนาคตหรอก มันมีแต่ปัจจุบันคือ ให้มีความรู้สึกว่าเดี่ยวนี้อยู่เสมอ คือ อารมณ์ทำเป็นอาจิณกรรม ถึงแม้ว่าครั้งละเล็กละน้อยมันก็ชิน อาจิณกรรมถ้าเป็นฝ่ายอกุศล มันมีโทษถึงอนันตริยกรรมได้ แต่ถ้าอาจิณกรรมฝ่ายกุศลมันก็มีผลมหันต์เหมือนกัน ถ้าเราไม่ตามนึกถึงมัน เรามุ่งหน้าทำแต่ความดี อันดับเลวที่สุดถ้าเราเป็นพระโสดาบัน กรรมที่ไม่ดีนั้นจะให้ผลลงอบายภูมิไม่ได้ มันจะให้ผลแต่เพียงว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ใหม่เท่านั้น มันตัดอบายภูมิ ใช่ไหม​ ได้กำไรตั้งเยอะ ดีไม่ดีเป็นอรหันต์เสียชาตินี้หมดเรื่องหมดราวไปเลย เพราะมันเหลือแค่เศษกรรม ใช่ไหม​ ดอกเบี้ยมันนิดหน่อย เอาอย่างนั้นนะ จำไว้แค่นี้ก็แล้วกันนะ #เอาเวลานี้ให้มันดีอยู่เสมอ อย่าไปเอาเวลาอื่นนะ เวลาปัจจุบันนี้เมื่อความรู้สึกยังมีอยู่ #ให้จิตมันว่างจากอารมณ์ที่เป็นอกุศล ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ #ทรงอนุสสติ​ 🔺️ #อนุสสติ แปลว่า #การตามนึกถึง คือให้นึกถึงความดีอยู่เสมอ​ อนุสสติ ก็มี พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ จาคานุสสติ เทวตานุสสติ มรณานุสสติ กายคตานุสสติ อุปสมานุสสติ และ อานาปานุสสติ ถ้าเราตามนึกถึงอนุสสติอย่างใดอย่างหนึ่ง มันเป็นเรื่องของความดี ทีนี้ความดีที่เราจะไปชำระหนี้ความชั่วเดิมให้หมดไป ถ้าจะไปนิพพานรับรองไม่ได้ไปแน่เพราะอะไร เกิดทุกชาติก็สร้างเรื่อยเสริมความชั่วอยู่เสมอ ทีนี้ทางพระพุทธศาสนาเราไม่มีการล้างบาป แต่ว่าในทางพุทธศาสนาให้สร้างกำลังจิตในด้านความดีให้มีกำลังสูงเพื่อหนีบาปให้พ้นไป====================== จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓ หน้า ๔๘-๕๘
    🍁อย่าลืมว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ได้เพราะอาศัยความดีหลายอย่างธ​รรมทาน #หลวงคำสอนหลวงพ่อ ๑.​ เราเคยมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรือมีกรรมบถ ๑๐ บริสุทธิ์ เราจึงเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ได้๒.​ เรามีทรัพย์สินเพราะเราเคยให้ทาน๓.​ เรามีปัญญาคิดอะไรได้บ้าง เพราะเราเคยอบรมในด้านความดี ในด้านธรรมมาก่อน🔸️เราต้องคำนึงของ ๓ อย่างนี้ เพราะมันเป็นความดีเดิมในเมื่อเราเป็นมนุษย์ได้แล้ว เราจะกลับไปเป็นสัตว์นรกอีกไหม​ ถ้าเราทำลายศีลข้อใดข้อหนึ่ง นั่นแสดงว่ามันจะกลับไปนรกอีก ประการที่ ๒ เราเกิดมาเป็นคนตระหนี่ เป็นคนดี​พอกลับไปเราก็ต้องกลับไปแก้กันใหม่ และประการที่ ๓ เราทำลายสติสัมปชัญญะของเราให้มันเสื่อมทรามลง เป็นการทำลายของเดิมที่เราก่อมาแล้วให้สลายตัวไป ถ้าเราคิดอย่างนี้แล้วจะดีขึ้น​ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงสั่งสอน ✅️#อย่าตามนึกถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว ✅️#และจงอย่าคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง✅️#พยายามรักษาความดีปัจจุบัน​ ⭕️ ถ้าปัจจุบันของเราดี เพราะอารมณ์ของเราจริงๆไม่มีอดีตไม่มีอนาคตหรอก มันมีแต่ปัจจุบันคือ ให้มีความรู้สึกว่าเดี่ยวนี้อยู่เสมอ คือ อารมณ์ทำเป็นอาจิณกรรม ถึงแม้ว่าครั้งละเล็กละน้อยมันก็ชิน อาจิณกรรมถ้าเป็นฝ่ายอกุศล มันมีโทษถึงอนันตริยกรรมได้ แต่ถ้าอาจิณกรรมฝ่ายกุศลมันก็มีผลมหันต์เหมือนกัน ถ้าเราไม่ตามนึกถึงมัน เรามุ่งหน้าทำแต่ความดี อันดับเลวที่สุดถ้าเราเป็นพระโสดาบัน กรรมที่ไม่ดีนั้นจะให้ผลลงอบายภูมิไม่ได้ มันจะให้ผลแต่เพียงว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ใหม่เท่านั้น มันตัดอบายภูมิ ใช่ไหม​ ได้กำไรตั้งเยอะ ดีไม่ดีเป็นอรหันต์เสียชาตินี้หมดเรื่องหมดราวไปเลย เพราะมันเหลือแค่เศษกรรม ใช่ไหม​ ดอกเบี้ยมันนิดหน่อย เอาอย่างนั้นนะ จำไว้แค่นี้ก็แล้วกันนะ #เอาเวลานี้ให้มันดีอยู่เสมอ อย่าไปเอาเวลาอื่นนะ เวลาปัจจุบันนี้เมื่อความรู้สึกยังมีอยู่ #ให้จิตมันว่างจากอารมณ์ที่เป็นอกุศล ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ #ทรงอนุสสติ​ 🔺️ #อนุสสติ แปลว่า #การตามนึกถึง คือให้นึกถึงความดีอยู่เสมอ​ อนุสสติ ก็มี พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ จาคานุสสติ เทวตานุสสติ มรณานุสสติ กายคตานุสสติ อุปสมานุสสติ และ อานาปานุสสติ ถ้าเราตามนึกถึงอนุสสติอย่างใดอย่างหนึ่ง มันเป็นเรื่องของความดี ทีนี้ความดีที่เราจะไปชำระหนี้ความชั่วเดิมให้หมดไป ถ้าจะไปนิพพานรับรองไม่ได้ไปแน่เพราะอะไร เกิดทุกชาติก็สร้างเรื่อยเสริมความชั่วอยู่เสมอ ทีนี้ทางพระพุทธศาสนาเราไม่มีการล้างบาป แต่ว่าในทางพุทธศาสนาให้สร้างกำลังจิตในด้านความดีให้มีกำลังสูงเพื่อหนีบาปให้พ้นไป====================== จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓ หน้า ๔๘-๕๘
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • “นิพฺพานปจฺจโย โหตุ” (นิพพานปัจจะโย โหตุ) แปลว่า “จงเป็นปัจจัยแก่พระนิพพาน”

    หมายความว่า ขอความดีหรือบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญนี้จงเป็นเหตุสนับสนุนให้ได้บรรลุถึงพระนิพพาน

    เป็นประโยคภาษาบาลีที่ติดปากคนไทยทั่วไป โดยเฉพาะคนรุ่นเก่า เมื่อทำบุญอย่างใดอย่างหนึ่งและกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญเสร็จแล้ว ก็จะกล่าวข้อความนี้เป็นการอธิษฐาน หรือตั้งความปรารถนา
    “นิพฺพานปจฺจโย โหตุ” (นิพพานปัจจะโย โหตุ) แปลว่า “จงเป็นปัจจัยแก่พระนิพพาน” หมายความว่า ขอความดีหรือบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญนี้จงเป็นเหตุสนับสนุนให้ได้บรรลุถึงพระนิพพาน เป็นประโยคภาษาบาลีที่ติดปากคนไทยทั่วไป โดยเฉพาะคนรุ่นเก่า เมื่อทำบุญอย่างใดอย่างหนึ่งและกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญเสร็จแล้ว ก็จะกล่าวข้อความนี้เป็นการอธิษฐาน หรือตั้งความปรารถนา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ อย่าอยู่ด้วยความโลภ หลงนะ ให้อยู่กับความดี ศิล ธรรม
    เรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ อย่าอยู่ด้วยความโลภ หลงนะ ให้อยู่กับความดี ศิล ธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรมดาครับ คนไม่เคยเจอแสง โดนแล้วมันติด เจอแล้วก็อยากเจออีก ลืมไปหมดว่าความดีหรือความชั่วมันมีหน้าตาที่ต่างกัน

    ตอนนี้ปาเกียว เจอแสงส่องใจ ไมโครโฟนส่องหน้า ก็ออกอาการบ้าเลือด โต้ไปหมดทุกเม็ด บางทีไม่ใช่เม็ดก็โต้ จะกิ่งก้านใบ เกียวเป็นโต้หมด ออกลูกแถข้างๆคูๆ ไหนจะโดนดูถูกว่า สายหลุด บ้างล่ะ แพ้ราบคาบบ้างล่ะ หมดสภาพ นั่นนี่

    ไม่ใช่หรอกครับ ทั้งหมดทั้งมวลคือ สื่อไปให้ราคา ไปทำให้เค้าเกิด ด้วยการไปให้ความสนใจ
    แบบนี้ ปาเกียวเค้าก็ชอบสิ เกิดมาทั้งชีวิตจะมีโอกาศกี่ครั้งที่จะได้ออกมาเจอแสงแบบนี้ และขนาดนี้

    อาจารย์ยิปมันของเราน่ะ ทำถูกแล้วครับ ที่หยุดสัมภาษณ์แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ทนาย
    แต่ก็หวังว่าคงไม่มีใครพลาดไปหลงลมปาเกียวเข้าอีก
    ธรรมดาครับ คนไม่เคยเจอแสง โดนแล้วมันติด เจอแล้วก็อยากเจออีก ลืมไปหมดว่าความดีหรือความชั่วมันมีหน้าตาที่ต่างกัน ตอนนี้ปาเกียว เจอแสงส่องใจ ไมโครโฟนส่องหน้า ก็ออกอาการบ้าเลือด โต้ไปหมดทุกเม็ด บางทีไม่ใช่เม็ดก็โต้ จะกิ่งก้านใบ เกียวเป็นโต้หมด ออกลูกแถข้างๆคูๆ ไหนจะโดนดูถูกว่า สายหลุด บ้างล่ะ แพ้ราบคาบบ้างล่ะ หมดสภาพ นั่นนี่ ไม่ใช่หรอกครับ ทั้งหมดทั้งมวลคือ สื่อไปให้ราคา ไปทำให้เค้าเกิด ด้วยการไปให้ความสนใจ แบบนี้ ปาเกียวเค้าก็ชอบสิ เกิดมาทั้งชีวิตจะมีโอกาศกี่ครั้งที่จะได้ออกมาเจอแสงแบบนี้ และขนาดนี้ อาจารย์ยิปมันของเราน่ะ ทำถูกแล้วครับ ที่หยุดสัมภาษณ์แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ทนาย แต่ก็หวังว่าคงไม่มีใครพลาดไปหลงลมปาเกียวเข้าอีก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง

    13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท

    กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี

    ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด

    ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี

    เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร

    แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ

    ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง

    ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ

    ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ

    โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง

    https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette

    #Thaitimes
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง 13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา" ฟ้อง"ณัฐพล-ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ ชี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
    ศาลแพ่งยกฟ้อง ม.ร.ว.ปรียนันทนาฟ้องณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • กวนอู..
    ก่อนอื่น ทำความเข้าใจก่อน เทพเจ้าของคนจีน ไม่ได้เหมือน เทวดา ของเรา...
    ผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้า ของชาวจีน เป็นใครก็ได้ ที่ทำคุณงามความดี...ความซื่อสัตย์ และทำสิ่งดีดีอื่น จนเป็นที่ประจักษ์ ...
    ...ท่่านมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคปลายราชวงศ์ฮั่น....
    ...แต่เพิ่งมาถูกยกย่องเป็นเทพเจ้า ในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นแมนจู....เนื่องจาก อ้างอิงความ จงรักภักดี แบบกวนอู เป็นแบบอย่าง...ชาวฮั่น จะได้ถูกปกครองได้โดยง่าย... (นัยยะทางการเมือง)
    ข้ามมาปัจจุบันเลย เดี๋ยวยาว...

    กวนอูเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นคนฉลาด กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับคนนับหมื่นคนได้ในคราวเดียว นักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีชาวจีนกลุ่มนึง....ในเมืองอะไร...จำไม่ได้แล้ว...ยกย่องนับถือท่านมาก...ทีนี้ คนก็ เอ้า พวก เศรษฐีบูชาแล้วรวยนี่....ฉันเอาด้วย...ทีนี้ความเชื่อ จากความภักดี กล้าหาญ ซื่อสัตย์ ก็เลยได้ เรื่องความมั่งคั่งเข้าไปด้วย......ชาวจีนก็เลยต่างบูชาท่านเพื่อทำตามตัวอย่างและสร้างความมั่งคั่งบนพื้นฐานของความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ
    กวนอู.. ก่อนอื่น ทำความเข้าใจก่อน เทพเจ้าของคนจีน ไม่ได้เหมือน เทวดา ของเรา... ผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้า ของชาวจีน เป็นใครก็ได้ ที่ทำคุณงามความดี...ความซื่อสัตย์ และทำสิ่งดีดีอื่น จนเป็นที่ประจักษ์ ... ...ท่่านมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคปลายราชวงศ์ฮั่น.... ...แต่เพิ่งมาถูกยกย่องเป็นเทพเจ้า ในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นแมนจู....เนื่องจาก อ้างอิงความ จงรักภักดี แบบกวนอู เป็นแบบอย่าง...ชาวฮั่น จะได้ถูกปกครองได้โดยง่าย... (นัยยะทางการเมือง) ข้ามมาปัจจุบันเลย เดี๋ยวยาว... กวนอูเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นคนฉลาด กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับคนนับหมื่นคนได้ในคราวเดียว นักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีชาวจีนกลุ่มนึง....ในเมืองอะไร...จำไม่ได้แล้ว...ยกย่องนับถือท่านมาก...ทีนี้ คนก็ เอ้า พวก เศรษฐีบูชาแล้วรวยนี่....ฉันเอาด้วย...ทีนี้ความเชื่อ จากความภักดี กล้าหาญ ซื่อสัตย์ ก็เลยได้ เรื่องความมั่งคั่งเข้าไปด้วย......ชาวจีนก็เลยต่างบูชาท่านเพื่อทำตามตัวอย่างและสร้างความมั่งคั่งบนพื้นฐานของความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพลง 不染 (อ่านว่า "ปู้หรั่น")
    .
    ขับร้องโดย Zhang Bichen ในงาน All Star Night 2023
    .
    เพลงเปิด (OP) ประกอบซีรีส์จีนเรื่อง "มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง" หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า "Ashes of Love"
    .
    不染 (ปู้หรั่น) แปลว่า "ไม่แปดเปื้อน" หรือ "ไม่ถูกทำให้มัวหมอง"
    .
    ความหมายของเพลง...
    .
    เพลงนี้มีเนื้อหาที่สื่อถึง ความรักที่บริสุทธิ์ และ ยืนหยัด ซึ่งแม้จะต้องผ่านความทุกข์และอุปสรรค แต่ยังคงยึดมั่นในความรักและความดีงาม เหมือนกับการไม่ถูกทำให้แปดเปื้อน แม้จะเผชิญกับความเจ็บปวดหรือเรื่องร้ายใด ๆ ก็ตาม
    .
    https://youtu.be/sQwwTUfISR0?si=KFsi-OMr-i13-C9Y
    เพลง 不染 (อ่านว่า "ปู้หรั่น") . ขับร้องโดย Zhang Bichen ในงาน All Star Night 2023 . เพลงเปิด (OP) ประกอบซีรีส์จีนเรื่อง "มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง" หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า "Ashes of Love" . 不染 (ปู้หรั่น) แปลว่า "ไม่แปดเปื้อน" หรือ "ไม่ถูกทำให้มัวหมอง" . ความหมายของเพลง... . เพลงนี้มีเนื้อหาที่สื่อถึง ความรักที่บริสุทธิ์ และ ยืนหยัด ซึ่งแม้จะต้องผ่านความทุกข์และอุปสรรค แต่ยังคงยึดมั่นในความรักและความดีงาม เหมือนกับการไม่ถูกทำให้แปดเปื้อน แม้จะเผชิญกับความเจ็บปวดหรือเรื่องร้ายใด ๆ ก็ตาม . https://youtu.be/sQwwTUfISR0?si=KFsi-OMr-i13-C9Y
    Like
    Wow
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สนธิญา" ร้อง กกต.ถอนชื่อ “ทนายตั้ม” ออกจากบัญชีสำรอง สว. จี้ นันทนา” รับผิดชอบมากกว่าแค่บอกพ้นมาทำหน้าที่ สว.แล้ว เหตุมอบโล่เป็นตราประทับรับประกันความดี ซ้ำชม “ครูภูมิใจในตัวเธอ” แล้วจะอ้างไม่ตรวจสอบไม่ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108470

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "สนธิญา" ร้อง กกต.ถอนชื่อ “ทนายตั้ม” ออกจากบัญชีสำรอง สว. จี้ นันทนา” รับผิดชอบมากกว่าแค่บอกพ้นมาทำหน้าที่ สว.แล้ว เหตุมอบโล่เป็นตราประทับรับประกันความดี ซ้ำชม “ครูภูมิใจในตัวเธอ” แล้วจะอ้างไม่ตรวจสอบไม่ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108470 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1007 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าไปลบความดีตัวเองออกให้รักษาความดีเอาไว้ เพียรลบความชั่วความไม่ดีออก
    อย่าไปลบความดีตัวเองออกให้รักษาความดีเอาไว้ เพียรลบความชั่วความไม่ดีออก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉันเป็นคนรักชาติ คลั่งขาติ รักสถาบันกษัตริย์ และรักคนที่ทำคุณความดี แต่ฉันไม่เข้าวัด เพราะไม่เห็นความสงบ แต่ฉันชอบทำทาน มากกว่า 💐💐🇹🇭❤️🇹🇭
    ฉันเป็นคนรักชาติ คลั่งขาติ รักสถาบันกษัตริย์ และรักคนที่ทำคุณความดี แต่ฉันไม่เข้าวัด เพราะไม่เห็นความสงบ แต่ฉันชอบทำทาน มากกว่า 💐💐🇹🇭❤️🇹🇭
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • กิเลสเลวทราม
    ตามถึงทุกที่
    ทำลายความดี
    มีอยู่ในใจ

    ใจร้ายพากาย
    ไปมาเลวร้าย
    ทำให้บรรลัย
    ไร้สำนึกดี

    ใจดีพากาย
    ไปมาดีมี
    เจริญทุกที่
    ดีสำนึกได้

    สติให้ดี
    มีปัญญาใช้
    ศีลธรรมอาศัย
    ให้เป็นหนึ่งเดียว
    กิเลสเลวทราม ตามถึงทุกที่ ทำลายความดี มีอยู่ในใจ ใจร้ายพากาย ไปมาเลวร้าย ทำให้บรรลัย ไร้สำนึกดี ใจดีพากาย ไปมาดีมี เจริญทุกที่ ดีสำนึกได้ สติให้ดี มีปัญญาใช้ ศีลธรรมอาศัย ให้เป็นหนึ่งเดียว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ชีวิตคนเรา ยามมีเงิน ก็อย่าได้ดูถูกใคร ยามไร้เงิน ก็อย่าได้ดูแคลนตัวเองไป ยามมีอำนาจ ก็อย่าได้ลำพองใจ ยามไร้อำนาจ ก็ไม่ต้องท้อแท้แต่อย่างใด เพียงจำไว้ ฝนย่อมไม่ตกทั้งเดือน ชีวิตใช่ว่าจะมีแต่อับจนเสมอ ขุนเขาไม่ได้เขียวทุกฤดู ทุกข์แค่ไหน สักวันย่อมสิ้นสุด

    คนฉลาดไม่ประกาศศัตรู มีแต่คนโง่ที่ทำ คนเก่งไม่ใช่คนที่คิดคำด่าได้แสบที่สุด คนเก่งไม่ใช่คนที่เดินไปตบใครก็ได้ แต่คนเก่งจริงๆ คือ คนที่ควบคุมตัวเองได้ และทำงานกับใครก็ได้ วุฒิภาวะต่ำทำงานใหญ่ไม่ได้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่มีวันสำเร็จ

    เมื่อมุ่งมั่นศรัทธาใจกล้าหาญ คิดทำการสิ่งใดก็ได้ผล
    อุปสรรคขวางหน้าต้องกล้าชน เกิดเป็นคนจงรักศักดิ์ศรีตัว
    ความเจ็บปวดเกินจะกล่าว ล้วนต้องแบกเอง

    อยู่มาวันหนึ่ง คุณพบในทันใดว่า ความดีของคุณ ก็เหมือนลูกกวาดสำหรับคนอื่น กินแล้วก็หมดไป ส่วนความไม่ดีของคุณ จะเหมือนแผลเป็นที่ไม่หาย จะอยู่ตลอดไป นี่คือวิสัยคน

    หากมีใครสักคน ด้วยความดีเล็กน้อยของคุณ ก็ให้อภัยความไม่ดีทั้งหมดของคุณแล้ว ก็จงถนอมรักษาไว้ให้ดี เพราะคนส่วนใหญ่นั้น จะเพียงด้วยความไม่ดีเล็กน้อยของคุณ หลงลืมความดีทั้งหมดของคุณ!

    ใครบ้างเล่าที่ไม่ใช่ บาดเจ็บไปพลาง เติบใหญ่ไปพลาง ใครบ้างเล่าที่ไม่ได้ หลั่งน้ำตาไปพลาง เข้มแข็งไปพลาง ชีวิตคนเรา เมื่อพูดกันถึงที่สุด ร้อยรสชาติล้วนต้องลิ้มเอง ความเจ็บปวดเกินจะกล่าวล้วนต้องแบกเอง ลมฝนที่กระหน่ำใส่ล้วนต้องฝ่าเอง!

    จึงทำงานด้วยใจรัก เป็นคนด้วยใจรู้คุณ หากมีเงิน ทำงานให้ดี หากไม่มีเงิน เป็นคนที่ดี นี่เองคือชีวิต

    หากไม่สะดุดล้ม ไม่รู้หรอกว่าใครจะพยุงคุณให้ลุก ไม่เจอความลำบาก ไม่รู้หรอกว่าใครจะช่วยคุณ ขอคนเหมือนกลืนดาบสามฟุต พึ่งคนเหมือนไต่ฟ้าเก้าชั้น.

    คนกับคน ใช่ว่าเชื่อใจได้ทั้งหมด ใจกับใจ ใช่ว่าล้วนยอมมอบความจริงใจ ส่งถ่านกลางหิมะ ล้ำเลิศกว่า ค่าควรทะนุถนอมกว่าปักดอกไม้บนแพรไหมมาก จึงรู้คุณผู้เคยเดินร่วมทางและเคยช่วยเหลือฉัน.

    ขอบคุณที่มาเจ้าของบทความ/ภาพ
    ปรัชญาคำคม/ปรัชญาชีวิต
    #ชีวิตคนเรา ยามมีเงิน ก็อย่าได้ดูถูกใคร ยามไร้เงิน ก็อย่าได้ดูแคลนตัวเองไป ยามมีอำนาจ ก็อย่าได้ลำพองใจ ยามไร้อำนาจ ก็ไม่ต้องท้อแท้แต่อย่างใด เพียงจำไว้ ฝนย่อมไม่ตกทั้งเดือน ชีวิตใช่ว่าจะมีแต่อับจนเสมอ ขุนเขาไม่ได้เขียวทุกฤดู ทุกข์แค่ไหน สักวันย่อมสิ้นสุด คนฉลาดไม่ประกาศศัตรู มีแต่คนโง่ที่ทำ คนเก่งไม่ใช่คนที่คิดคำด่าได้แสบที่สุด คนเก่งไม่ใช่คนที่เดินไปตบใครก็ได้ แต่คนเก่งจริงๆ คือ คนที่ควบคุมตัวเองได้ และทำงานกับใครก็ได้ วุฒิภาวะต่ำทำงานใหญ่ไม่ได้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่มีวันสำเร็จ เมื่อมุ่งมั่นศรัทธาใจกล้าหาญ คิดทำการสิ่งใดก็ได้ผล อุปสรรคขวางหน้าต้องกล้าชน เกิดเป็นคนจงรักศักดิ์ศรีตัว ความเจ็บปวดเกินจะกล่าว ล้วนต้องแบกเอง อยู่มาวันหนึ่ง คุณพบในทันใดว่า ความดีของคุณ ก็เหมือนลูกกวาดสำหรับคนอื่น กินแล้วก็หมดไป ส่วนความไม่ดีของคุณ จะเหมือนแผลเป็นที่ไม่หาย จะอยู่ตลอดไป นี่คือวิสัยคน หากมีใครสักคน ด้วยความดีเล็กน้อยของคุณ ก็ให้อภัยความไม่ดีทั้งหมดของคุณแล้ว ก็จงถนอมรักษาไว้ให้ดี เพราะคนส่วนใหญ่นั้น จะเพียงด้วยความไม่ดีเล็กน้อยของคุณ หลงลืมความดีทั้งหมดของคุณ! ใครบ้างเล่าที่ไม่ใช่ บาดเจ็บไปพลาง เติบใหญ่ไปพลาง ใครบ้างเล่าที่ไม่ได้ หลั่งน้ำตาไปพลาง เข้มแข็งไปพลาง ชีวิตคนเรา เมื่อพูดกันถึงที่สุด ร้อยรสชาติล้วนต้องลิ้มเอง ความเจ็บปวดเกินจะกล่าวล้วนต้องแบกเอง ลมฝนที่กระหน่ำใส่ล้วนต้องฝ่าเอง! จึงทำงานด้วยใจรัก เป็นคนด้วยใจรู้คุณ หากมีเงิน ทำงานให้ดี หากไม่มีเงิน เป็นคนที่ดี นี่เองคือชีวิต หากไม่สะดุดล้ม ไม่รู้หรอกว่าใครจะพยุงคุณให้ลุก ไม่เจอความลำบาก ไม่รู้หรอกว่าใครจะช่วยคุณ ขอคนเหมือนกลืนดาบสามฟุต พึ่งคนเหมือนไต่ฟ้าเก้าชั้น. คนกับคน ใช่ว่าเชื่อใจได้ทั้งหมด ใจกับใจ ใช่ว่าล้วนยอมมอบความจริงใจ ส่งถ่านกลางหิมะ ล้ำเลิศกว่า ค่าควรทะนุถนอมกว่าปักดอกไม้บนแพรไหมมาก จึงรู้คุณผู้เคยเดินร่วมทางและเคยช่วยเหลือฉัน. ขอบคุณที่มาเจ้าของบทความ/ภาพ ปรัชญาคำคม/ปรัชญาชีวิต
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูแลร่างกาย
    ใจระวังพร้อม
    รักษาถนอม
    น้อมนำอาศัย

    ความดีการงาน
    พานพบนอกใน
    แบกเหตุปัจจัย
    หมายทำลุล่วง

    ศีลธรรมกรรมดี
    มีไม่หลอกลวง
    ทำให้หมดห่วง
    พ้นบ่วงกิเลส

    ความเห็นตั้งต้น
    ยลรู้สังเกตุ
    ดีร้ายมีเหตุ
    เจตนามี

    กรรมคิดพูดทำ
    นำพาให้ดี
    ประคองชีวี
    ดีรักษาใจ
    ดูแลร่างกาย ใจระวังพร้อม รักษาถนอม น้อมนำอาศัย ความดีการงาน พานพบนอกใน แบกเหตุปัจจัย หมายทำลุล่วง ศีลธรรมกรรมดี มีไม่หลอกลวง ทำให้หมดห่วง พ้นบ่วงกิเลส ความเห็นตั้งต้น ยลรู้สังเกตุ ดีร้ายมีเหตุ เจตนามี กรรมคิดพูดทำ นำพาให้ดี ประคองชีวี ดีรักษาใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • 05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก!

    ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง?

    หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ)
    05 พฤศจิกายน 67
    10.10 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก! ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง? หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ) 05 พฤศจิกายน 67 10.10 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 483 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในมุมมองพุทธศาสนา การตัดสินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี มักเกิดจากการปรุงแต่งทางใจที่สร้างเกณฑ์และมาตรฐานขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนอาจมีความพอใจ ความพึงพอใจ และความชอบที่แตกต่างกัน ไม่มีมาตรฐานเดียวที่จะใช้วัดความดีงามหรือความสุขอย่างเป็นสากลได้จริง ๆ ความคิด ความรู้สึก หรือความพอใจเหล่านี้มีผลต่อการกระทำ พูด หรือคิด ซึ่งจะส่งผลต่อวิถีชีวิตและอนาคตของตนในระดับต่างๆ ตามกรรมที่สะสม

    พุทธศาสนาเน้นให้เข้าใจว่าการทำลายต้นเหตุของทุกข์ คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง โดยถือว่าความสงบจากการไม่ยึดติด ไม่เบียดเบียนกัน และไม่ผูกพันกับสิ่งที่ปรุงแต่งต่าง ๆ คือบรมสุข การตัดสินความดีความชั่วในทางพุทธ จึงไม่ได้วัดจากมาตรฐานของสังคมใด ๆ แต่พิจารณาจากเจตนาที่เกื้อกูลหรือเบียดเบียน และการลดละกิเลสเพื่อความสงบสุขของตนเอง
    ในมุมมองพุทธศาสนา การตัดสินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี มักเกิดจากการปรุงแต่งทางใจที่สร้างเกณฑ์และมาตรฐานขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนอาจมีความพอใจ ความพึงพอใจ และความชอบที่แตกต่างกัน ไม่มีมาตรฐานเดียวที่จะใช้วัดความดีงามหรือความสุขอย่างเป็นสากลได้จริง ๆ ความคิด ความรู้สึก หรือความพอใจเหล่านี้มีผลต่อการกระทำ พูด หรือคิด ซึ่งจะส่งผลต่อวิถีชีวิตและอนาคตของตนในระดับต่างๆ ตามกรรมที่สะสม พุทธศาสนาเน้นให้เข้าใจว่าการทำลายต้นเหตุของทุกข์ คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง โดยถือว่าความสงบจากการไม่ยึดติด ไม่เบียดเบียนกัน และไม่ผูกพันกับสิ่งที่ปรุงแต่งต่าง ๆ คือบรมสุข การตัดสินความดีความชั่วในทางพุทธ จึงไม่ได้วัดจากมาตรฐานของสังคมใด ๆ แต่พิจารณาจากเจตนาที่เกื้อกูลหรือเบียดเบียน และการลดละกิเลสเพื่อความสงบสุขของตนเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเพื่อมนุษยชาติ - ความดีกับความชั่ว - หากรัสเซียล่มสลาย มนุษยชาติก็ล่มสลาย

    พวกเรารัก ❤️ พี่น้องชาวรัสเซียแห่งครอบครัวมนุษย์แห่งแสงสว่าง 💫

    @SpaceForceGalacticFederation

    https://rumble.com/v2b5qeq-the-last-battle-for-mankind-good-vs-evil-if-russia-falls-humanity-falls.html
    การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเพื่อมนุษยชาติ - ความดีกับความชั่ว - หากรัสเซียล่มสลาย มนุษยชาติก็ล่มสลาย พวกเรารัก ❤️ พี่น้องชาวรัสเซียแห่งครอบครัวมนุษย์แห่งแสงสว่าง 💫 @SpaceForceGalacticFederation https://rumble.com/v2b5qeq-the-last-battle-for-mankind-good-vs-evil-if-russia-falls-humanity-falls.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • แรงศรัทธาล้นหลาม ยอดกฐินสูงลิ่วถึง 108,355,519.60 บาทในงานมหากฐินล้านกอง ล้านดวงใจ ล้านความดี เพื่อพระพุทธศาสนา ปีที่ 6 ณ วัดพุทธพรหมยานประจำปี 2567

    https://youtu.be/lBvxiIE65S0
    แรงศรัทธาล้นหลาม ยอดกฐินสูงลิ่วถึง 108,355,519.60 บาทในงานมหากฐินล้านกอง ล้านดวงใจ ล้านความดี เพื่อพระพุทธศาสนา ปีที่ 6 ณ วัดพุทธพรหมยานประจำปี 2567 https://youtu.be/lBvxiIE65S0
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปรับปรุงชีวิต"

    มนุษย์แต่ละคนย่อมมี "ข้อดี" และ "ข้อเสีย" ดังนั้น ท่านต้องพยายามหาวิธีการแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มพูนสิ่งที่ดีงามของท่าน ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน.

    ขณะเดียวกัน ท่านก็ไม่ควรลืมที่จะสะสมบุญกุศล เพื่อให้คุณงามความดีเจริญงอกงามในจิตใจ จนกลายเป็นบุญวาสนาต่อไปนั่นเอง.

    ณรงค์ คนขำ
    04/11/2567
    "ปรับปรุงชีวิต" มนุษย์แต่ละคนย่อมมี "ข้อดี" และ "ข้อเสีย" ดังนั้น ท่านต้องพยายามหาวิธีการแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มพูนสิ่งที่ดีงามของท่าน ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน. ขณะเดียวกัน ท่านก็ไม่ควรลืมที่จะสะสมบุญกุศล เพื่อให้คุณงามความดีเจริญงอกงามในจิตใจ จนกลายเป็นบุญวาสนาต่อไปนั่นเอง. ณรงค์ คนขำ 04/11/2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปรับปรุงชีวิต"

    มนุษย์แต่ละคนย่อมมี "ข้อดี" และ "ข้อเสีย" ดังนั้น ท่านต้องพยายามหาวิธีการแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มพูนสิ่งที่ดีงามของท่าน ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน.

    ขณะเดียวกัน ท่านก็ไม่ควรลืมที่จะสะสมบุญกุศล เพื่อให้คุณงามความดีเจริญงอกงามในจิตใจ จนกลายเป็นบุญวาสนาต่อไปนั่นเอง.

    ณรงค์ คนขำ
    04/11/2567
    "ปรับปรุงชีวิต" มนุษย์แต่ละคนย่อมมี "ข้อดี" และ "ข้อเสีย" ดังนั้น ท่านต้องพยายามหาวิธีการแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มพูนสิ่งที่ดีงามของท่าน ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน. ขณะเดียวกัน ท่านก็ไม่ควรลืมที่จะสะสมบุญกุศล เพื่อให้คุณงามความดีเจริญงอกงามในจิตใจ จนกลายเป็นบุญวาสนาต่อไปนั่นเอง. ณรงค์ คนขำ 04/11/2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร. มาซารุ อิโมโต
    เป็นแพทย์แผนใหม่ชาวญี่ปุ่น
    ที่ได้ทำการวิจัยศึกษาเกี่ยวกับผลึกของน้ำ
    ได้ค้นพบว่าจิตของมนุษย์และสภาพแวดล้อม
    รอบตัวนั้นมีผลต่อการก่อตัวของผลึกน้ำ
    และได้เขียนหนังสือจากงานวิจัยของเขา
    ชื่อ Hidden Messages in Water
    และได้ตีพิมพ์ขายทั่วโลกได้มากกว่า สี่แสนเล่ม
    เขาได้ทำการพิสูจน์แล้วว่าความคิด
    และความรู้สึกของมนุษย์นั้น
    สามารถเปลี่ยนแปลงโลกในสามมิติได้
    เขาได้ใช้กล้องจุลทรรศน์
    ที่มีกำลังขยายสูงถ่ายภาพในอุณหภูมิต่ำ
    ในช่วงที่ผลึกน้ำพึ่งก่อตัวใหม่ๆ
    ซึ่งน้ำที่อยู่ในสภาพต่างกัน
    จะก่อตัวเป็นผลึกไม่เหมือนกัน
    เขาได้พบว่าถ้าตัวอย่างน้ำ
    ที่เก็บมาจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน
    เพี่อทำให้เย็นจะก่อตัวเป็นผลึกรูปร่างไม่เหมือนกัน
    โดยน้ำที่มาจากสถานที่ตามธรรมชาติ
    จะก่อตัวเป็นผลึกที่สวยงาม
    กว่าน้ำที่เก็บตัวอย่างใกล้ๆกับโรงงานอุตสาหกรรม
    ซึ่งน้ำจากพี้นที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษนั้น
    จะไม่ก่อตัวเป็นผลึกเลย
    เสียงเพลงก็ยังมีอิทธิพลต่อผลึกของน้ำเช่นกัน
    เพลงทีมีความไพเราะก็จะก่อผลึกเป็นรูปร่างสวยงาม
    ไม่เหมือนกัน
    นอกจากนั้นแล้วเขาได้ทำการเปรียบเทียบ
    ผลึกของน้ำที่ก่อตัวโดยไม่ได้รับการอวยพร
    เทียบกับน้ำที่ได้รับการอวยพร
    พบว่า น้ำที่ได้รับการอวยพรนั้นจะมีผลึกสวยงาม
    เมื่อเทียบกับน้ำที่ไม่ได้รับการอวยพร
    โดยที่น้ำที่ไม่ได้รับการอวยพรไม่ก่อตัวเป็นผลึก
    สุดท้ายถ้าตัวอักษรหรือ
    คำพูดปิดไว้ที่ภาชนะใส่น้ำแล้ว
    ทำให้ก่อตัวเป็นผลึกขึ้นของน้ำ
    ก็จะได้ผลึกรูปร่างที่ต่างกันออกไป
    โดยข้อความที่มีความไพเราะ
    จะช่วยให้น้ำมีผลึกที่สวยงาม
    มากกว่าข้อความที่เต็มไปด้วยความรุนแรง
    จากการทดลองทั้งหมด
    พบว่าจิตของมนุษย์นั้น
    มีผลต่อการก่อตัวของผลึกน้ำ
    เนื่องจากการที่มนุษย์มีส่วนประกอบของน้ำ
    มากกว่า 70 เปอร์เซนต์
    ดังนั้นจะเห็นว่าจิตของมนุษย์นั้น
    นอกจากจะมีอิทธิพลต่อร่างกายตัวเองแล้ว
    ยังสามารถมีอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อม
    และ คนที่อยู่รอบข้างด้วย
    ถ้าเราคิดในสิ่งที่ดีและทำความดีผู้ที่อยู่รอบข้าง
    จะรู้สึกด้วยเช่นกัน
    และจะทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกได้อย่างมีความสุข
    https://www.youtube.com/watch?v=OI1Iyu7aTqc
    #ผลึกของน้ำ
    #คำพูดดีดี
    #สิ่งแวดล้อมดีดี
    #มาซารุอิโมโต
    #hiddenmassegesinwater
    ดร. มาซารุ อิโมโต เป็นแพทย์แผนใหม่ชาวญี่ปุ่น ที่ได้ทำการวิจัยศึกษาเกี่ยวกับผลึกของน้ำ ได้ค้นพบว่าจิตของมนุษย์และสภาพแวดล้อม รอบตัวนั้นมีผลต่อการก่อตัวของผลึกน้ำ และได้เขียนหนังสือจากงานวิจัยของเขา ชื่อ Hidden Messages in Water และได้ตีพิมพ์ขายทั่วโลกได้มากกว่า สี่แสนเล่ม เขาได้ทำการพิสูจน์แล้วว่าความคิด และความรู้สึกของมนุษย์นั้น สามารถเปลี่ยนแปลงโลกในสามมิติได้ เขาได้ใช้กล้องจุลทรรศน์ ที่มีกำลังขยายสูงถ่ายภาพในอุณหภูมิต่ำ ในช่วงที่ผลึกน้ำพึ่งก่อตัวใหม่ๆ ซึ่งน้ำที่อยู่ในสภาพต่างกัน จะก่อตัวเป็นผลึกไม่เหมือนกัน เขาได้พบว่าถ้าตัวอย่างน้ำ ที่เก็บมาจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เพี่อทำให้เย็นจะก่อตัวเป็นผลึกรูปร่างไม่เหมือนกัน โดยน้ำที่มาจากสถานที่ตามธรรมชาติ จะก่อตัวเป็นผลึกที่สวยงาม กว่าน้ำที่เก็บตัวอย่างใกล้ๆกับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งน้ำจากพี้นที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษนั้น จะไม่ก่อตัวเป็นผลึกเลย เสียงเพลงก็ยังมีอิทธิพลต่อผลึกของน้ำเช่นกัน เพลงทีมีความไพเราะก็จะก่อผลึกเป็นรูปร่างสวยงาม ไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นแล้วเขาได้ทำการเปรียบเทียบ ผลึกของน้ำที่ก่อตัวโดยไม่ได้รับการอวยพร เทียบกับน้ำที่ได้รับการอวยพร พบว่า น้ำที่ได้รับการอวยพรนั้นจะมีผลึกสวยงาม เมื่อเทียบกับน้ำที่ไม่ได้รับการอวยพร โดยที่น้ำที่ไม่ได้รับการอวยพรไม่ก่อตัวเป็นผลึก สุดท้ายถ้าตัวอักษรหรือ คำพูดปิดไว้ที่ภาชนะใส่น้ำแล้ว ทำให้ก่อตัวเป็นผลึกขึ้นของน้ำ ก็จะได้ผลึกรูปร่างที่ต่างกันออกไป โดยข้อความที่มีความไพเราะ จะช่วยให้น้ำมีผลึกที่สวยงาม มากกว่าข้อความที่เต็มไปด้วยความรุนแรง จากการทดลองทั้งหมด พบว่าจิตของมนุษย์นั้น มีผลต่อการก่อตัวของผลึกน้ำ เนื่องจากการที่มนุษย์มีส่วนประกอบของน้ำ มากกว่า 70 เปอร์เซนต์ ดังนั้นจะเห็นว่าจิตของมนุษย์นั้น นอกจากจะมีอิทธิพลต่อร่างกายตัวเองแล้ว ยังสามารถมีอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อม และ คนที่อยู่รอบข้างด้วย ถ้าเราคิดในสิ่งที่ดีและทำความดีผู้ที่อยู่รอบข้าง จะรู้สึกด้วยเช่นกัน และจะทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกได้อย่างมีความสุข https://www.youtube.com/watch?v=OI1Iyu7aTqc #ผลึกของน้ำ #คำพูดดีดี #สิ่งแวดล้อมดีดี #มาซารุอิโมโต #hiddenmassegesinwater
    Like
    Wow
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำดีแบบแม่นํ้า
    โดย นิลฉงน นลเฉลย
    (อาจารย์หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง)
    “ทำดีแบบแม่น้ำ” ทำอย่างไร ทำไมต้องเป็นแม่น้ำ จริงๆผมเขียนบทความชิ้นนี้ เพราะต้องการให้กำลังใจ
    กับ คนที่ทำความดี คนที่ชอบทำความดี คนที่อยากทำความดี เนื่องจาก ผมมักจะประสบ พบเจอ คนที่ทำ
    เรื่องดีๆ ที่มักประสบปัญหาว่า เรื่องดีเรื่องแรกมักจะชักนำเรื่องดีเรื่องอื่นๆเข้ามา ทำให้มีเรื่องดีๆที่อยากทำมากขึ้นเรื่อยๆ จนคิดว่ามีเวลาไม่พอที่จะทำทุกเรื่อง จะต้องเลือกว่าจะทำเรื่องไหนก่อน ปัญหาคือ พอจะลงมือเลือกก็เห็นว่า เรื่องดีๆแต่ละเรื่อง มีดีไปคนละแบบ เลือกยาก ตัดสินใจลำบาก เลยก่อให้ความกังวล ไม่สบายใจ ทั้งๆที่ตั้งต้นด้วยเรื่องที่ควรสร้างความสบายใจ คือเรื่องการทำความดี ผมคิดว่าพอจะมีทางออก
    สำหรับปัญหาแบบนี้ คือการที่ต้อง “ทำดีแบบแม่น้ำ” เอาละครับทีนี้ ทำดีแบบแม่น้ำคือ อะไร ก่อนจะตอบตรงนี้ ผมขออธิบายเรื่องการทำดี ๒ แบบ คือ แบบ แอ่งน้ำ และแบบลำธาร ก่อน
    การทำดีแบบ แอ่งน้ำ คือการทำดีที่อยู่กับที่ ทำของเราให้ดีที่อาจจะมีการขยาย แต่เป็นการขยายให้แอ่งน้ำนั้น ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ไม่คิดจะขับเคลื่อนอะไร ไม่มีเป้ าหมายที่จะผลักดันเรื่องดีๆนี้ไปที่อื่น ทำอยู่เฉพาะตัว
    เฉพาะที่ที่เรา ควบคุมได้ ไม่ยุ่งไม่เชื่อมต่อกับใคร มุ่งแต่ทำให้แอ่งน้ำนั้นใสสะอาด และหวังว่าจะมี น้ำดีไหล มารวมกันมากขึ้น
    การทำดีแบบถัดไปคือการทำดีแบบ ลำธาร คือ การทำดีที่เริ่ม มีเป้าหมาย มีแรงผลักดัน อยากจะให้เรื่องดีที่ได้ทำแล้วนั้น ถ่ายทอดไปยังที่อื่น พอเริ่มเคลื่อนไหว ก็เป็นธรรมดาที่ลำธารจะไหล ผ่านแอ่งน้ำ แล้วก็จะเริ่ม
    มีแอ่งน้ำใหม่ๆ ที่อยากเข้ามาร่วมอยู่ในลำธารสายนี้ ถึงตอนนี้ ลำธารก็จะเริ่มกังวล แค่เรื่องที่ลำธารอยากจะผลักดัน ยังทำไม่ไหว ลำธารเล็กๆ อย่างเรา จะรับเรื่องอื่นๆได้หรือ จะมีแรงพอที่จะฝ่าฟันอุปสรรคที่ขวางทางอยู่หรือ
    ทั้งการทำดีแบบแอ่งน้ำ และการทำดีแบบ ลำธาร ผู้ที่ทำจะรู้สึกว่าเราเป็น “เจ้าของ” เรื่องนั้น เป็น ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในชะตากรรม ของ แอ่งน้ำ และ ลำธาร ที่สร้างขึ้น ความกังวลนี้เอง ที่บางครั้งก่อให้เกิดความท้อ
    เราจะทำได้ไหม เราจะทำไหวไหม ถ้ามีน้ำเสียเข้ามาปนเปื้อนมากๆ ลำธาร หรือแอ่งน้ำของเรา จะยังคงเป็นน้ำดี อยู่ไหม กังวลกลัวคนไม่ดีจะมาทำให้เรื่องดีๆที่เราทำเอาไว้ “เสียหาย” พลอยทำให้ท้อ ไม่อยากทำต่อ ไม่อยากขยาย เพราะกลัวควบคุมไม่ได้ กลัวว่ากำลังจะไม่พอ
    การทำดีแบบสุดท้ายคือการทำดีแบบ แม่น้ำ ถ้าท่านนึกถึงแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่สักสายหนึ่ง ท่านจะพบว่า แม่น้ำสายนั้น มีก่อกำเนิดมาจาก แอ่งน้ำและ ลำธาร หลายร้อยสาย เมื่อมารวมกันเป็ นสายน้ำแล้ว จะมีพลังขับเคลื่อนที่มากมาย กลายเป็นสายน้ำที่เชี่ยวกราก ไหลไปสู่เป้าหมาย ถึงแม้กระแสน้ำจะเจอ อุปสรรค โขดหิน หรือ ภูเขาตั้งขวาง กระแสน้ำนั้นก็ยังคงพุ่งทะยาน ผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ หลายครั้งหลายคราที่แม่น้ำจะมีสิ่งปฏิกูล ของโสโครกไหลมาปนเปื้อน แต่ด้วยความยิ่งใหญ่ของสายน้ำ แม่น้ำก็สามารถพัดพาสิ่งปฏิกูลเหล่านั้นทิ้งไปได้ การทำดีแบบสายน้ำก็เช่นกัน ที่สำคัญคือถ้าเราจะทำดีแบบนั้น
    เราต้องเอาตัวเราเข้าเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของกระแสน้ำ เราไม่สามารถเป็น “เจ้าของ” เหมือนตอนที่เราทำแบบ แอ่งน้ำ หรือ ลำธารได้ เราเพียงทำได้แค่ เลือก กระแสน้ำ “ที่มีเป้าหมายร่วม” เหมือนกันกับเรา การที่เรายอมเข้าร่วมในกระแสแห่งการทำดี กระแสธรรม ที่มีเป้ าหมายที่ดีร่วมกันนี้เอง จะช่วยให้เรารับรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ไพศาลของกระแสน้ำ ลดความกังวลว่าเราจะทำเรื่องนั้นไหวไหม ได้ไหม เพราะเราไม่ใช่ผู้ที่กุมชะตาของกระแสน้ำอีก
    ต่อไป เราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่มีพลังขับเคลื่อนไปสู่เป้ าหมายใหญ่ ในขณะเดียวกัน เราก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่ไม่ต้องกังวลว่าจะรับผิดชอบเป้ าหมายที่ใหญ่นั้นได้หรือไม่
    นี่ละครับคือการทำดี แบบ แม่น้ำ การทำดีที่ยอมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระแสแห่งความดี ถ้าทำได้แบบนี้ เรื่องดีต่างๆ ที่เราเคยคิดว่า จะทำได้ไหมหนอ จะทำไหวไหมหนอ ก็จะกลายเป็นเรื่อง ที่ทำได้ ทำไหว แต่ไม่ใช่เราคนเดียวทำ แต่เป็นพวกเราที่ร่วมอยู่ในกระแสน้ำแห่งธรรมนี้ ร่วมกันทำ หัวใจสำคัญของการทำดีแบบแม่น้ำ คือ ต้องตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน เป้าหมายนั้นต้องเป็นเรื่องที่ดี ต้องเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ จะเป็นเป้าหมายแคบๆ เฉพาะตนไม่ได้ แม่น้ำต้องใจกว้างยอมรับการเข้าร่วมของลำธารทุกสายที่มีเป้าหมาย
    ร่วมกันได้ หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้ามีลำธารน้ำเสียไหลมารวม จะไม่พลอยทำให้น้ำในแม่น้ำเสียหรือ ไม่ครับ เพราะแม่น้ำมุ่งไปที่เป้า ไม่ได้สนใจที่ความบริสุทธิ์ของสายน้ำ ตราบใดที่เป้าหมายนั้นดี เป็นธรรมดาที่จะมี
    น้ำดีไหลเข้ามารวมมากกว่าน้ำเสีย (ถ้ามีน้ำเสียไหลมารวมมากต้องสงสัยว่าเป้าหมายนั้นดีจริงหรือ) น้ำเสียส่วนน้อยที่ไหลมารวมในแม่น้ำก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันแม่น้ำให้ไปถึงเป้ าหมายได้เช่นกัน การทำดีแบบแม่น้ำจะทำโดยไม่กังวลว่า คนที่ทำกับเราเขาดีจริงหรือ ตราบใดที่เป้ าหมายที่เขามีตรงกันกับเรา ที่สำคัญ คือ แม่น้ำแห่งความดีนี้มีหลายสาย คนบางคนที่ทำตัวเป็นโขดหินขวางทางน้ำในบางเรื่อง อาจกลายเป็นสายน้ำที่ร่วมขับเคลื่อนเรื่องดีๆเรื่องอื่น ครับ หวังว่าท่านผู้อ่าน จะพอมองเห็นภาพ การทำดีแบบแม่น้ำได้ชัดขึ้น และมีแรงใจที่จะทำความดีต่อไปครับ
    บุญกุศลอันใด ที่เกิดจากบทความชิ้นนี้ ขอมอบอุทิศถวายแด่ ล้นเกล้ารัชกาลที่สาม พร้อมทั้งพระประยูรวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพาร ทุกท่าน ทุกพระองค์ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น สามารถนำไปแจกจ่าย คัดลอก ทำซ้ำ ได้ตามต้องการ
    หากมีข้อซักถาม ข้อแนะนำหรืออยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เกิดจากการอ่านบทความชิ้นนี้ กรุณาส่ง อีเมลมาที่
    นิลฉงน นลเฉลย <nilchangonnolchaloey@gmail.com>
    ทำดีแบบแม่นํ้า โดย นิลฉงน นลเฉลย (อาจารย์หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง) “ทำดีแบบแม่น้ำ” ทำอย่างไร ทำไมต้องเป็นแม่น้ำ จริงๆผมเขียนบทความชิ้นนี้ เพราะต้องการให้กำลังใจ กับ คนที่ทำความดี คนที่ชอบทำความดี คนที่อยากทำความดี เนื่องจาก ผมมักจะประสบ พบเจอ คนที่ทำ เรื่องดีๆ ที่มักประสบปัญหาว่า เรื่องดีเรื่องแรกมักจะชักนำเรื่องดีเรื่องอื่นๆเข้ามา ทำให้มีเรื่องดีๆที่อยากทำมากขึ้นเรื่อยๆ จนคิดว่ามีเวลาไม่พอที่จะทำทุกเรื่อง จะต้องเลือกว่าจะทำเรื่องไหนก่อน ปัญหาคือ พอจะลงมือเลือกก็เห็นว่า เรื่องดีๆแต่ละเรื่อง มีดีไปคนละแบบ เลือกยาก ตัดสินใจลำบาก เลยก่อให้ความกังวล ไม่สบายใจ ทั้งๆที่ตั้งต้นด้วยเรื่องที่ควรสร้างความสบายใจ คือเรื่องการทำความดี ผมคิดว่าพอจะมีทางออก สำหรับปัญหาแบบนี้ คือการที่ต้อง “ทำดีแบบแม่น้ำ” เอาละครับทีนี้ ทำดีแบบแม่น้ำคือ อะไร ก่อนจะตอบตรงนี้ ผมขออธิบายเรื่องการทำดี ๒ แบบ คือ แบบ แอ่งน้ำ และแบบลำธาร ก่อน การทำดีแบบ แอ่งน้ำ คือการทำดีที่อยู่กับที่ ทำของเราให้ดีที่อาจจะมีการขยาย แต่เป็นการขยายให้แอ่งน้ำนั้น ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ไม่คิดจะขับเคลื่อนอะไร ไม่มีเป้ าหมายที่จะผลักดันเรื่องดีๆนี้ไปที่อื่น ทำอยู่เฉพาะตัว เฉพาะที่ที่เรา ควบคุมได้ ไม่ยุ่งไม่เชื่อมต่อกับใคร มุ่งแต่ทำให้แอ่งน้ำนั้นใสสะอาด และหวังว่าจะมี น้ำดีไหล มารวมกันมากขึ้น การทำดีแบบถัดไปคือการทำดีแบบ ลำธาร คือ การทำดีที่เริ่ม มีเป้าหมาย มีแรงผลักดัน อยากจะให้เรื่องดีที่ได้ทำแล้วนั้น ถ่ายทอดไปยังที่อื่น พอเริ่มเคลื่อนไหว ก็เป็นธรรมดาที่ลำธารจะไหล ผ่านแอ่งน้ำ แล้วก็จะเริ่ม มีแอ่งน้ำใหม่ๆ ที่อยากเข้ามาร่วมอยู่ในลำธารสายนี้ ถึงตอนนี้ ลำธารก็จะเริ่มกังวล แค่เรื่องที่ลำธารอยากจะผลักดัน ยังทำไม่ไหว ลำธารเล็กๆ อย่างเรา จะรับเรื่องอื่นๆได้หรือ จะมีแรงพอที่จะฝ่าฟันอุปสรรคที่ขวางทางอยู่หรือ ทั้งการทำดีแบบแอ่งน้ำ และการทำดีแบบ ลำธาร ผู้ที่ทำจะรู้สึกว่าเราเป็น “เจ้าของ” เรื่องนั้น เป็น ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในชะตากรรม ของ แอ่งน้ำ และ ลำธาร ที่สร้างขึ้น ความกังวลนี้เอง ที่บางครั้งก่อให้เกิดความท้อ เราจะทำได้ไหม เราจะทำไหวไหม ถ้ามีน้ำเสียเข้ามาปนเปื้อนมากๆ ลำธาร หรือแอ่งน้ำของเรา จะยังคงเป็นน้ำดี อยู่ไหม กังวลกลัวคนไม่ดีจะมาทำให้เรื่องดีๆที่เราทำเอาไว้ “เสียหาย” พลอยทำให้ท้อ ไม่อยากทำต่อ ไม่อยากขยาย เพราะกลัวควบคุมไม่ได้ กลัวว่ากำลังจะไม่พอ การทำดีแบบสุดท้ายคือการทำดีแบบ แม่น้ำ ถ้าท่านนึกถึงแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่สักสายหนึ่ง ท่านจะพบว่า แม่น้ำสายนั้น มีก่อกำเนิดมาจาก แอ่งน้ำและ ลำธาร หลายร้อยสาย เมื่อมารวมกันเป็ นสายน้ำแล้ว จะมีพลังขับเคลื่อนที่มากมาย กลายเป็นสายน้ำที่เชี่ยวกราก ไหลไปสู่เป้าหมาย ถึงแม้กระแสน้ำจะเจอ อุปสรรค โขดหิน หรือ ภูเขาตั้งขวาง กระแสน้ำนั้นก็ยังคงพุ่งทะยาน ผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ หลายครั้งหลายคราที่แม่น้ำจะมีสิ่งปฏิกูล ของโสโครกไหลมาปนเปื้อน แต่ด้วยความยิ่งใหญ่ของสายน้ำ แม่น้ำก็สามารถพัดพาสิ่งปฏิกูลเหล่านั้นทิ้งไปได้ การทำดีแบบสายน้ำก็เช่นกัน ที่สำคัญคือถ้าเราจะทำดีแบบนั้น เราต้องเอาตัวเราเข้าเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของกระแสน้ำ เราไม่สามารถเป็น “เจ้าของ” เหมือนตอนที่เราทำแบบ แอ่งน้ำ หรือ ลำธารได้ เราเพียงทำได้แค่ เลือก กระแสน้ำ “ที่มีเป้าหมายร่วม” เหมือนกันกับเรา การที่เรายอมเข้าร่วมในกระแสแห่งการทำดี กระแสธรรม ที่มีเป้ าหมายที่ดีร่วมกันนี้เอง จะช่วยให้เรารับรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ไพศาลของกระแสน้ำ ลดความกังวลว่าเราจะทำเรื่องนั้นไหวไหม ได้ไหม เพราะเราไม่ใช่ผู้ที่กุมชะตาของกระแสน้ำอีก ต่อไป เราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่มีพลังขับเคลื่อนไปสู่เป้ าหมายใหญ่ ในขณะเดียวกัน เราก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่ไม่ต้องกังวลว่าจะรับผิดชอบเป้ าหมายที่ใหญ่นั้นได้หรือไม่ นี่ละครับคือการทำดี แบบ แม่น้ำ การทำดีที่ยอมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระแสแห่งความดี ถ้าทำได้แบบนี้ เรื่องดีต่างๆ ที่เราเคยคิดว่า จะทำได้ไหมหนอ จะทำไหวไหมหนอ ก็จะกลายเป็นเรื่อง ที่ทำได้ ทำไหว แต่ไม่ใช่เราคนเดียวทำ แต่เป็นพวกเราที่ร่วมอยู่ในกระแสน้ำแห่งธรรมนี้ ร่วมกันทำ หัวใจสำคัญของการทำดีแบบแม่น้ำ คือ ต้องตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน เป้าหมายนั้นต้องเป็นเรื่องที่ดี ต้องเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ จะเป็นเป้าหมายแคบๆ เฉพาะตนไม่ได้ แม่น้ำต้องใจกว้างยอมรับการเข้าร่วมของลำธารทุกสายที่มีเป้าหมาย ร่วมกันได้ หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้ามีลำธารน้ำเสียไหลมารวม จะไม่พลอยทำให้น้ำในแม่น้ำเสียหรือ ไม่ครับ เพราะแม่น้ำมุ่งไปที่เป้า ไม่ได้สนใจที่ความบริสุทธิ์ของสายน้ำ ตราบใดที่เป้าหมายนั้นดี เป็นธรรมดาที่จะมี น้ำดีไหลเข้ามารวมมากกว่าน้ำเสีย (ถ้ามีน้ำเสียไหลมารวมมากต้องสงสัยว่าเป้าหมายนั้นดีจริงหรือ) น้ำเสียส่วนน้อยที่ไหลมารวมในแม่น้ำก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันแม่น้ำให้ไปถึงเป้ าหมายได้เช่นกัน การทำดีแบบแม่น้ำจะทำโดยไม่กังวลว่า คนที่ทำกับเราเขาดีจริงหรือ ตราบใดที่เป้ าหมายที่เขามีตรงกันกับเรา ที่สำคัญ คือ แม่น้ำแห่งความดีนี้มีหลายสาย คนบางคนที่ทำตัวเป็นโขดหินขวางทางน้ำในบางเรื่อง อาจกลายเป็นสายน้ำที่ร่วมขับเคลื่อนเรื่องดีๆเรื่องอื่น ครับ หวังว่าท่านผู้อ่าน จะพอมองเห็นภาพ การทำดีแบบแม่น้ำได้ชัดขึ้น และมีแรงใจที่จะทำความดีต่อไปครับ บุญกุศลอันใด ที่เกิดจากบทความชิ้นนี้ ขอมอบอุทิศถวายแด่ ล้นเกล้ารัชกาลที่สาม พร้อมทั้งพระประยูรวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพาร ทุกท่าน ทุกพระองค์ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น สามารถนำไปแจกจ่าย คัดลอก ทำซ้ำ ได้ตามต้องการ หากมีข้อซักถาม ข้อแนะนำหรืออยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เกิดจากการอ่านบทความชิ้นนี้ กรุณาส่ง อีเมลมาที่ นิลฉงน นลเฉลย <nilchangonnolchaloey@gmail.com>
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts