• อย่างนี้มันเสียชื่อประเทศไทยไหม!!
    แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ X เขียนตำแหน่งผู้นำจีนผิดพลาดอย่างแรงว่า
    “ในระหว่างการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เวียงจันทน์ ดิฉันได้มีโอกาสพบกับท่าน
    ประธานาธิบดีหลี่เฉียงของจีน และได้แสดงความยินดีที่ไทยและจีนจะเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีหน้า เป็นโอกาสที่จะยิ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน และ กิจกรรมอีกมากมาย ไทยและจีนเป็นมิตรที่ใกล้ชิด และมีความตั้งใจร่วมกันในการส่งเสริมความมั่นคง และความมั่งคั่งของภูมิภาค

    During the ASEAN Summits in Vientiane, I had the opportunity to meet with President Li Qiang of China and looked forward to our celebration of the 50th anniversary of the establishment of Thai-China diplomatic relations…“

    นายกฯอุ๊งอิ้งค์เขียนโดยขาดการศึกษาความรู้ว่า ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนมาสิบปีจนถึงปัจจุบันคือ สี จิ้นผิง ขณะที่นายหลี่ เฉียง เป็นนายกรัฐมนตรีจีน ที่นายกฯฟันน้ำนมไทยจับมือด้วยดังในภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชน

    โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง..
    “President”คือประธานาธิบดี สี จิ้นผิง
    ”Prime Minister “คือ นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง

    #Thaitimes
    อย่างนี้มันเสียชื่อประเทศไทยไหม!! แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ X เขียนตำแหน่งผู้นำจีนผิดพลาดอย่างแรงว่า “ในระหว่างการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เวียงจันทน์ ดิฉันได้มีโอกาสพบกับท่าน ประธานาธิบดีหลี่เฉียงของจีน และได้แสดงความยินดีที่ไทยและจีนจะเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีหน้า เป็นโอกาสที่จะยิ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน และ กิจกรรมอีกมากมาย ไทยและจีนเป็นมิตรที่ใกล้ชิด และมีความตั้งใจร่วมกันในการส่งเสริมความมั่นคง และความมั่งคั่งของภูมิภาค During the ASEAN Summits in Vientiane, I had the opportunity to meet with President Li Qiang of China and looked forward to our celebration of the 50th anniversary of the establishment of Thai-China diplomatic relations…“ นายกฯอุ๊งอิ้งค์เขียนโดยขาดการศึกษาความรู้ว่า ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนมาสิบปีจนถึงปัจจุบันคือ สี จิ้นผิง ขณะที่นายหลี่ เฉียง เป็นนายกรัฐมนตรีจีน ที่นายกฯฟันน้ำนมไทยจับมือด้วยดังในภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชน โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง.. “President”คือประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ”Prime Minister “คือ นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 Comments 1 Shares 342 Views 0 Reviews
  • ครบรอบ 44 ปี เพลงจีนกวางตุ้ง ซ่างห่ายทัน (上海灘) โดย ฟรานซิส ยิบ หรือ เย่ ลี่อี๋

    เพลงนี้คนไทยที่อายุเกิน 60 ปี คุ้นหู รู้จักกันดี ในเพลงประกอบซีรี่ยส์ "เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" เนื้อร้อง+แปลไทย
    浪奔 浪流 万里滔滔江水永不休

    淘尽了 世间事 混作滔滔一片潮流

    是喜 是愁 浪里分不清欢笑悲忧

    成功 失败 浪里看不出有未有



    คลื่นซัด คลื่นสาด แม่น้ำไหลรี่ไกลหมื่นลี้ไม่หยุดพัก

    เรื่องราวทั้งหลายในโลกถูกพัดพาสิ้น สุดท้ายรวมกันเป็นน้ำผืนเดียว

    เป็นสุข หรือว่าเศร้า คลื่นในจิตใจล้วนไม่สงบ มีทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้

    จะสำเร็จ หรือล้มเหลว คลื่นในจิตใจดูไม่ออกว่าเป็นอย่างไรแน่



    爱你恨你 问君知否 似大江一发不收

    转千湾 转千滩 亦未平复此中争斗

    又有喜 又有愁 就算分不清欢笑悲忧

    仍愿翻 百千浪 在我心中起伏够



    รักเธอเกลียดเธอ ถามเธอดูรู้หรือไม่ ดั่งแม่น้ำใหญ่ไหลไปไม่ย้อนกลับ

    เลี้ยวผ่านพันคุ้ง ลัดผ่านพันหาด ยังไม่อาจบรรเทาการต่อสู้ภายในจิตใจ

    มีทั้งสุข มีทั้งเศร้า แม้ความครุ่นคิดยังไม่สงบ มีทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้

    หวังเพียงคลื่นนับหมื่นนับพันนั้นซัดสาดอยู่ในหัวใจของฉันก็พอ



    https://www.youtube.com/watch?v=PpVNdL9Wz_M
    ครบรอบ 44 ปี เพลงจีนกวางตุ้ง ซ่างห่ายทัน (上海灘) โดย ฟรานซิส ยิบ หรือ เย่ ลี่อี๋ เพลงนี้คนไทยที่อายุเกิน 60 ปี คุ้นหู รู้จักกันดี ในเพลงประกอบซีรี่ยส์ "เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" เนื้อร้อง+แปลไทย 浪奔 浪流 万里滔滔江水永不休 淘尽了 世间事 混作滔滔一片潮流 是喜 是愁 浪里分不清欢笑悲忧 成功 失败 浪里看不出有未有 คลื่นซัด คลื่นสาด แม่น้ำไหลรี่ไกลหมื่นลี้ไม่หยุดพัก เรื่องราวทั้งหลายในโลกถูกพัดพาสิ้น สุดท้ายรวมกันเป็นน้ำผืนเดียว เป็นสุข หรือว่าเศร้า คลื่นในจิตใจล้วนไม่สงบ มีทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ จะสำเร็จ หรือล้มเหลว คลื่นในจิตใจดูไม่ออกว่าเป็นอย่างไรแน่ 爱你恨你 问君知否 似大江一发不收 转千湾 转千滩 亦未平复此中争斗 又有喜 又有愁 就算分不清欢笑悲忧 仍愿翻 百千浪 在我心中起伏够 รักเธอเกลียดเธอ ถามเธอดูรู้หรือไม่ ดั่งแม่น้ำใหญ่ไหลไปไม่ย้อนกลับ เลี้ยวผ่านพันคุ้ง ลัดผ่านพันหาด ยังไม่อาจบรรเทาการต่อสู้ภายในจิตใจ มีทั้งสุข มีทั้งเศร้า แม้ความครุ่นคิดยังไม่สงบ มีทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ หวังเพียงคลื่นนับหมื่นนับพันนั้นซัดสาดอยู่ในหัวใจของฉันก็พอ https://www.youtube.com/watch?v=PpVNdL9Wz_M
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • บูรณะครั้งใหญ่เลยละ สายไฟ LED ใหม่ ทำสะพานใหม่ยันพื้นถนนเลย เตรียมฉลองครบรอบ 10 ปี เมืองจำลองนี้
    บูรณะครั้งใหญ่เลยละ สายไฟ LED ใหม่ ทำสะพานใหม่ยันพื้นถนนเลย เตรียมฉลองครบรอบ 10 ปี เมืองจำลองนี้
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • พิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 37 ปี ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
    โดยมี คุณสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธี
    ทั้งนี้ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินการจัดตั้งเมื่อ วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2526 ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น และเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2530 ปัจจุบันให้เป็นหน่วยงานในสังกัดสถาบันวัฒนธรรมศึกษา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ภายในศูนย์ฯ ประกอบด้วยอาคารต่าง ๆ เช่น หอประชุมใหญ่และเล็ก โรงละคร ห้องสมุด ห้องปฏิบัติการภาษา และห้องโสตทัศนูปกรณ์ เป็นต้น ส่วน "หอไทยนิทัศน์" ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารนิทรรศการและการศึกษา นอกจากนี้ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยยังสามารถรองรับการจัดแสดงนิทรรศการ และการแสดงต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต ละครเวที รวมไปถึงเป็นสถานที่รองรับการจัดประชุมสัมมนาทั้งระดับชาติ และนานาชาติอีกด้วย

    #กรมส่งเสริมวัฒนธรรม #ครบรอบ #ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย #ศรีวัฒนธรรม #สยามโสภา #thaitimes #วัฒนธรรม
    พิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 37 ปี ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมี คุณสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธี ทั้งนี้ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินการจัดตั้งเมื่อ วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2526 ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น และเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2530 ปัจจุบันให้เป็นหน่วยงานในสังกัดสถาบันวัฒนธรรมศึกษา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ภายในศูนย์ฯ ประกอบด้วยอาคารต่าง ๆ เช่น หอประชุมใหญ่และเล็ก โรงละคร ห้องสมุด ห้องปฏิบัติการภาษา และห้องโสตทัศนูปกรณ์ เป็นต้น ส่วน "หอไทยนิทัศน์" ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารนิทรรศการและการศึกษา นอกจากนี้ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยยังสามารถรองรับการจัดแสดงนิทรรศการ และการแสดงต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต ละครเวที รวมไปถึงเป็นสถานที่รองรับการจัดประชุมสัมมนาทั้งระดับชาติ และนานาชาติอีกด้วย #กรมส่งเสริมวัฒนธรรม #ครบรอบ #ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย #ศรีวัฒนธรรม #สยามโสภา #thaitimes #วัฒนธรรม
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 245 Views 66 0 Reviews
  • เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เตือนเลบานอน ว่าอาจถูกทำลายล้างเหมือนกับ "ฉนวนกาซา" ในขณะที่รัฐยิงยกระดับปฏิบัติการทางภาคพื้นจัดการกับพวกฮิซบอลเลาะห์ ในพื้นที่ส่วนตอนใต้ตามแนวชายฝั่งของเลบานอน
    .
    เสียงเตือนอันแข็งกร้าวของเนทันยาฮู มีขึ้นในขณะที่กองทัพอิสราเอลส่งทหารเข้าไปเพิ่มเติม และเรียกร้องพลเรือนที่อยู่ตามพื้นที่ชายฝั่งให้อพยพออกมา
    .
    "คุณมีโอกาสปกป้องเลบานอนก่อนที่จะล่มสลายกลายเป็นนรกอเวจีในสงครามที่ยืดเยื้อยาวนาน ที่จะนำมาซึ่งการทำลายล้างและความทุกข์ทรมานแบบเดียวกับที่เราเห็นในกาซา" เนทันยาฮูกล่าวในวิดีโอ ซึ่งเป็นการพูดกับประชาชนชาวเลบานอนโดยตรง "ผมอยากบอกกับพวกคุณว่า ประชาชนชาวเลบานอน จงปลดปล่อยประเทศของคุณจากฮิซบอลเลาะห์ เพื่อที่สงครามนี้จะสามารถจบลงได้"
    .
    ก่อนหน้านี้ฮิซบอลเลาะห์ยืนยันได้ยิงจรวดหลายลูกเข้าใส่เมืองไฮฟาของอิสราเอล หลังจากกองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่ามีจรวดราวๆ 85 ลูกที่ยิงออกมาจากเลบานอน ขณะที่ฮิซบอลเลาะห์ขู่ยิงจรวดใส่เมืองต่างๆของอิสราเอลมากกว่านี้ หากว่าอิสราเอลไม่หยุดทิ้งบอมบ์ถล่มพื้นที่ศูนย์กลางประชากรของเลบานอน
    .
    ความเคลื่อนไหวของอิสราเอลในการยกระดับปฏิบัติการในเลบานอน มีขึ้นเกือบ 1 ปี หลังจากฮิซบอลเลาะห์เริ่มเปิดฉากยิงตอบโต้ตามแนวชายแดนกับอิสราเอล เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนฮามาส พันธมิตรของพวกเขา ตามหลังกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ บุกจู่โจมนองเลือดเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ที่กระตุ้นให้อสราเอลเปิดปฏิบัติการรุกรานฉนวนกาซา
    .
    นอกเหนือจากการต่อสู้กับฮามาสในกาซา ทางอิสราเอลประกาศคุ้มกันชายแดนทางเหนือของประเทศที่ติดกับเลบานอน เพื่อเปิดทางให้ประชาชนชาวอิสราเอลหลายหมื่นคนที่พลัดถิ่นจากการยิงถล่มข้ามชายแดนโดยฮิซบอลเลาะห์ สามารถเดินทางกลับบ้านได้
    .
    ทั้ง ฮามาส และ ฮิซบอลเเลาะห์ ประกาศไม่ยอมจำนนต่ออิสราเอล และในวันอังคาร(8ต.ค.) นาอิม กัสเซม รองหัวหน้าฮิซบอลเลาะห์ระบุว่าทางกลุ่มจะทำให้การเดินทางกลับสู่ทางเหนือของชาวอิสราเอล เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
    .
    อิสราเอล เปิดฉากโจมตีป้อมปราการต่างๆของฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เมื่อวันที่ 23 กันยายน ส่งผลให้นับตั้งแต่นั้นมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,150 รายและอีกมากกว่า 1 ล้านคนต้องหลบหนี
    .
    การโจมตีส่วนใหญ่ของอิสราเอลเล็งเป้าหมายเล่นงานป้อมปราการต่างๆของฮิซบอลเลาะห์ ทางใต้และทางตะวันออกของเลบานอน เช่นเดียวกับทางใต้ของกรุงเบรุต แต่ล่าสุดตามแนวชายฝั่งก็ไม่รอดพ้นเช่นกัน หลังประกาศเตือนอพยพล่าสุดของอิสราเอล บ่งชี้ว่าพวกเขากำลังขยายปฏิบัติการรุกรานไปยังทิศเหนือด้วย
    .
    หนึ่งวันก่อนหน้านี้ กองทัพอิสราเอลเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากพื้นที่ทางใต้ของแนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของเลบานอน โดยทางโฆษกบอกว่าอิสราเอล "จะปฏิบัติการในพื้นที่ทางทะเลจัดการกับความเคลื่อนไหวก่อการร้ายของพวกฮิซบอลเลาะห์ บริเวณทางใต้ของแม่น้ำอาวาลี เร็วๆนี้"
    .
    รองหัวหน้าฮิซบอลเลาะห์ บอกว่าการโจมตีของอิสราเอลได้สร้างความเจ็บปาด แต่โครงสร้างผู้นำของกลุ่มยังคงปฏิบัติการต่อไปได้และศักยภาพด้านการทหารของพวกเขายังคงไม่เป็นไร
    .
    อย่างไรก็ตาม โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เชื่อว่าฮิซบอลเลาะห์กำลังสั่นสะท้านและเป็นองค์กรที่แตกสลาย ที่ไม่เหลือสายบังคับบัญชาสำคัญๆและแสนยานุภาพการโจมตี ขณะที่โครงสร้างผู้นำอยู่ในภาวะพังครืน หลังจาก ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ถูกกำจัด"
    .
    กัลแลนท์ มีกำหนดเดินทางเยือนวอชิงตัน เพื่อพูดคุยหารือกับ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯในวันพุธ(9ต.ค.) ซึ่งคาดหมายว่าจะมุ่งเน้นไปที่แนวทางการตอบโต้ของอิสราเอล ต่อกรณีที่ถูกอิหร่านยิงห่าขีปนาวุธโจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    อย่างไรก็ตามเพนตากอน ยืนยันว่าการเดินทางเยือนดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปแล้ว หลังสื่อมวลชนอิสราเอลรายงานว่า เนทันยาฮู ต้องการให้คณะรัฐมนนตรีทำการตัดสินใจในเรื่องแนวทางการตอบโต้ให้ได้ก่อนที่รัฐมนตรีต่างประเทศจะออกเดินทางเยือนวอชิงตัน
    .
    การสู้รบที่ขยายวงกว้างมีขึ้น 1 วันหลังจากอิสราเอลและประชาชนทั่วโลก รำลึกวาระครบรอบ 1 ปี ของเหตุการณ์พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน สังหารผู้คนไปราวๆ 1,200 รายและจับตัวประกันไปประมาณ 251 คน ในนั้น 97 คน ยังคงถูกคุมตัวในกาซา แต่กองทัพอิสราเอลเชื่อว่า มี 34 รายในนั้น เสียชีวิตแล้ว
    .
    ปฏิบัติการรุกรานทางทหารแก้แค้นของอิสราเอล ได้สังหารผู้คนในกาซาไปแล้วอย่างน้อย 41,965 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
    .
    นับตั้งแต่นั้นความขัดแย้งได้ลุกลามไปเกือบทั่วภูมิภาค โดยกองกำลังอิสราเอลสู้รบกับกลุ่มต่างๆที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทั้งในเลบานอน เยเมนและซีเรีย
    .
    หนึ่งปีนับตั้งแต่อิสราเอล เปิดปฏิบัติการรุกรานทางทหารเข้าไปยังกาซา พื้นที่อันกว้างขวางในดินแดนแห่งนี้กลายสภาพเหลือแต่ซากหักพัง และประชากรเกือบทุกคน จากทั้งหมด 2.4 ล้านคน ต้องพลัดถิ่นอย่างน้อย 1 รอบ
    .
    คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศเปิดเผยว่าหลังจากสงครามลากยาวมากว่า 1 ปี พลเมืองในกาซายังคงใช้ชีวิตอยู่ตามศูนย์พักพิงที่ง่อนแง่น และประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร
    .
    ในวันอังคาร(8ต.ค.) สำนักงานป้องกันพลเรือนของฉนวนแห่งนี้ เปิดเผยว่าอิสราเอลได้โจมตีถล่มค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่ง ในย่านใจกลางกาซา ปลิดชีพผู้คนไปอีกอย่างน้อย 17 ราย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000096125
    ..............
    Sondhi X
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เตือนเลบานอน ว่าอาจถูกทำลายล้างเหมือนกับ "ฉนวนกาซา" ในขณะที่รัฐยิงยกระดับปฏิบัติการทางภาคพื้นจัดการกับพวกฮิซบอลเลาะห์ ในพื้นที่ส่วนตอนใต้ตามแนวชายฝั่งของเลบานอน . เสียงเตือนอันแข็งกร้าวของเนทันยาฮู มีขึ้นในขณะที่กองทัพอิสราเอลส่งทหารเข้าไปเพิ่มเติม และเรียกร้องพลเรือนที่อยู่ตามพื้นที่ชายฝั่งให้อพยพออกมา . "คุณมีโอกาสปกป้องเลบานอนก่อนที่จะล่มสลายกลายเป็นนรกอเวจีในสงครามที่ยืดเยื้อยาวนาน ที่จะนำมาซึ่งการทำลายล้างและความทุกข์ทรมานแบบเดียวกับที่เราเห็นในกาซา" เนทันยาฮูกล่าวในวิดีโอ ซึ่งเป็นการพูดกับประชาชนชาวเลบานอนโดยตรง "ผมอยากบอกกับพวกคุณว่า ประชาชนชาวเลบานอน จงปลดปล่อยประเทศของคุณจากฮิซบอลเลาะห์ เพื่อที่สงครามนี้จะสามารถจบลงได้" . ก่อนหน้านี้ฮิซบอลเลาะห์ยืนยันได้ยิงจรวดหลายลูกเข้าใส่เมืองไฮฟาของอิสราเอล หลังจากกองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่ามีจรวดราวๆ 85 ลูกที่ยิงออกมาจากเลบานอน ขณะที่ฮิซบอลเลาะห์ขู่ยิงจรวดใส่เมืองต่างๆของอิสราเอลมากกว่านี้ หากว่าอิสราเอลไม่หยุดทิ้งบอมบ์ถล่มพื้นที่ศูนย์กลางประชากรของเลบานอน . ความเคลื่อนไหวของอิสราเอลในการยกระดับปฏิบัติการในเลบานอน มีขึ้นเกือบ 1 ปี หลังจากฮิซบอลเลาะห์เริ่มเปิดฉากยิงตอบโต้ตามแนวชายแดนกับอิสราเอล เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนฮามาส พันธมิตรของพวกเขา ตามหลังกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ บุกจู่โจมนองเลือดเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ที่กระตุ้นให้อสราเอลเปิดปฏิบัติการรุกรานฉนวนกาซา . นอกเหนือจากการต่อสู้กับฮามาสในกาซา ทางอิสราเอลประกาศคุ้มกันชายแดนทางเหนือของประเทศที่ติดกับเลบานอน เพื่อเปิดทางให้ประชาชนชาวอิสราเอลหลายหมื่นคนที่พลัดถิ่นจากการยิงถล่มข้ามชายแดนโดยฮิซบอลเลาะห์ สามารถเดินทางกลับบ้านได้ . ทั้ง ฮามาส และ ฮิซบอลเเลาะห์ ประกาศไม่ยอมจำนนต่ออิสราเอล และในวันอังคาร(8ต.ค.) นาอิม กัสเซม รองหัวหน้าฮิซบอลเลาะห์ระบุว่าทางกลุ่มจะทำให้การเดินทางกลับสู่ทางเหนือของชาวอิสราเอล เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ . อิสราเอล เปิดฉากโจมตีป้อมปราการต่างๆของฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เมื่อวันที่ 23 กันยายน ส่งผลให้นับตั้งแต่นั้นมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,150 รายและอีกมากกว่า 1 ล้านคนต้องหลบหนี . การโจมตีส่วนใหญ่ของอิสราเอลเล็งเป้าหมายเล่นงานป้อมปราการต่างๆของฮิซบอลเลาะห์ ทางใต้และทางตะวันออกของเลบานอน เช่นเดียวกับทางใต้ของกรุงเบรุต แต่ล่าสุดตามแนวชายฝั่งก็ไม่รอดพ้นเช่นกัน หลังประกาศเตือนอพยพล่าสุดของอิสราเอล บ่งชี้ว่าพวกเขากำลังขยายปฏิบัติการรุกรานไปยังทิศเหนือด้วย . หนึ่งวันก่อนหน้านี้ กองทัพอิสราเอลเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากพื้นที่ทางใต้ของแนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของเลบานอน โดยทางโฆษกบอกว่าอิสราเอล "จะปฏิบัติการในพื้นที่ทางทะเลจัดการกับความเคลื่อนไหวก่อการร้ายของพวกฮิซบอลเลาะห์ บริเวณทางใต้ของแม่น้ำอาวาลี เร็วๆนี้" . รองหัวหน้าฮิซบอลเลาะห์ บอกว่าการโจมตีของอิสราเอลได้สร้างความเจ็บปาด แต่โครงสร้างผู้นำของกลุ่มยังคงปฏิบัติการต่อไปได้และศักยภาพด้านการทหารของพวกเขายังคงไม่เป็นไร . อย่างไรก็ตาม โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เชื่อว่าฮิซบอลเลาะห์กำลังสั่นสะท้านและเป็นองค์กรที่แตกสลาย ที่ไม่เหลือสายบังคับบัญชาสำคัญๆและแสนยานุภาพการโจมตี ขณะที่โครงสร้างผู้นำอยู่ในภาวะพังครืน หลังจาก ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ถูกกำจัด" . กัลแลนท์ มีกำหนดเดินทางเยือนวอชิงตัน เพื่อพูดคุยหารือกับ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯในวันพุธ(9ต.ค.) ซึ่งคาดหมายว่าจะมุ่งเน้นไปที่แนวทางการตอบโต้ของอิสราเอล ต่อกรณีที่ถูกอิหร่านยิงห่าขีปนาวุธโจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . อย่างไรก็ตามเพนตากอน ยืนยันว่าการเดินทางเยือนดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปแล้ว หลังสื่อมวลชนอิสราเอลรายงานว่า เนทันยาฮู ต้องการให้คณะรัฐมนนตรีทำการตัดสินใจในเรื่องแนวทางการตอบโต้ให้ได้ก่อนที่รัฐมนตรีต่างประเทศจะออกเดินทางเยือนวอชิงตัน . การสู้รบที่ขยายวงกว้างมีขึ้น 1 วันหลังจากอิสราเอลและประชาชนทั่วโลก รำลึกวาระครบรอบ 1 ปี ของเหตุการณ์พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน สังหารผู้คนไปราวๆ 1,200 รายและจับตัวประกันไปประมาณ 251 คน ในนั้น 97 คน ยังคงถูกคุมตัวในกาซา แต่กองทัพอิสราเอลเชื่อว่า มี 34 รายในนั้น เสียชีวิตแล้ว . ปฏิบัติการรุกรานทางทหารแก้แค้นของอิสราเอล ได้สังหารผู้คนในกาซาไปแล้วอย่างน้อย 41,965 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน . นับตั้งแต่นั้นความขัดแย้งได้ลุกลามไปเกือบทั่วภูมิภาค โดยกองกำลังอิสราเอลสู้รบกับกลุ่มต่างๆที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทั้งในเลบานอน เยเมนและซีเรีย . หนึ่งปีนับตั้งแต่อิสราเอล เปิดปฏิบัติการรุกรานทางทหารเข้าไปยังกาซา พื้นที่อันกว้างขวางในดินแดนแห่งนี้กลายสภาพเหลือแต่ซากหักพัง และประชากรเกือบทุกคน จากทั้งหมด 2.4 ล้านคน ต้องพลัดถิ่นอย่างน้อย 1 รอบ . คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศเปิดเผยว่าหลังจากสงครามลากยาวมากว่า 1 ปี พลเมืองในกาซายังคงใช้ชีวิตอยู่ตามศูนย์พักพิงที่ง่อนแง่น และประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร . ในวันอังคาร(8ต.ค.) สำนักงานป้องกันพลเรือนของฉนวนแห่งนี้ เปิดเผยว่าอิสราเอลได้โจมตีถล่มค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่ง ในย่านใจกลางกาซา ปลิดชีพผู้คนไปอีกอย่างน้อย 17 ราย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000096125 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    6
    0 Comments 0 Shares 886 Views 0 Reviews
  • การที่อิสราเอลเปิดการโจมตีพันธมิตรกลุ่มต่างๆ ของอิหร่านในอาณาบริเวณราว 5,000 ตารางกิโลเมตรของภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งการตัวท่าคุกคามอิหร่านโดยตรงในเวลานี้ เพิ่มความเป็นไปได้ที่อำนาจอิทธิพลซึ่งเตหะรานสั่งสมมาตลอด 2 ทศวรรษอาจสิ้นสุดลง รวมทั้งทำให้ดุลอำนาจในภูมิภาคนี้เปลี่ยนแปลง ทว่า ยากที่จะฟันธงได้ว่า จะเป็นไปในรูปแบบไหน

    บรรดาผู้คัดค้านและผู้สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล ซึ่งอยู่ในวอชิงตัน เทลอาวีฟ เยรูซาเลม และเมืองหลวงของประเทศต่างๆ ในโลกอาหรับ กำลังเสนอแนวคิดว่า อเมริกาควรทำอย่างไรต่อไป ขณะที่อิสราเอลเดินหน้าสะสมความสำเร็จเชิงยุทธวิธีต่อฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนและฮูตีในเยเมน เวลาเดียวกันก็ตามบดขยี้ฮามาสในกาซาแบบไม่มีพักมาตลอด 1 ปีเต็ม

    ริชาร์ด โกลด์เบิร์ก ที่ปรึกษาอาวุโสของมูลนิธิเพื่อการปกป้องประชาธิปไตยในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นพวกแนวคิดอนุรักษนิยม เรียกร้องอเมริกาให้การสนับสนุนที่จำเป็นทั้งหมดทแก่อิสราเอล เพื่อทำให้รัฐบาลอิหร่านลงถังขยะประวัติศาสตร์

    ขณะที่ โยเอล กูแซนสกี อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสสภาความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล ไปไกลกว่านั้นอีก โดยแนะคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ร่วมโจมตีอิหร่านโดยตรง เพื่อให้เตหะรานเข้าใจชัดเจนว่า “อย่ามาป่วนอเมริกาและอิสราเอล”

    อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยพากันย้ำบทเรียนเมื่อครั้งอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ส่งกองทัพอเมริกันรุกรานอิรักและโค่นล้มซัดดัม ฮุสเซน โดยไม่สนใจคำเตือนของอาหรับว่า ผู้นำเผด็จการของแบกแดดผู้นี้เป็นเครื่องมือคานอิทธิพลของอิหร่านที่จะขาดไปไม่ได้

    คนกลุ่มนี้ยังเตือนว่า การสะสมชัยชนะของรัฐยิวไปเรื่อยๆ โดยไม่พิจารณาถึงเรื่องความเสี่ยง, เป้าหมายสุดท้าย, หรือแผนการสำหรับอนาคต อาจนำซึ่งผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์

    วาลิ นาสร์ อดีตที่ปรึกษาในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และเป็นหนึ่งในผู้จัดทำรายงานการสั่งสมอิทธิพลของอิหร่านในตะวันออกกลางนับแต่ที่อเมริกาบุกอิรัก ชี้ว่าสุดท้ายแล้วอิสราเอลอาจอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องปกป้องตัวเองตามลำพังในสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น

    นาสร์เสริมว่า อเมริกาและหุ้นส่วนในตะวันออกกลางได้แต่รอดูว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้ไม่ฟังเสียงทัดทานแม้แต่จากวอชิงตันที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุด จะบุกตะลุยทำสงครามไปไกลแค่ไหน

    บรรดาผู้สนับสนุนเหล่านี้วาดหวังว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลจะทำให้อิหร่านและกลุ่มติดอาวุธที่เป็นตัวแทนของเตหะรานที่โจมตีอเมริกา อิสราเอล และหุ้นส่วน รวมทั้งยังร่วมมือกับรัสเซียและศัตรูอื่นๆ ของตะวันตก อยู่ในสภาพที่อ่อนแอลง

    ทว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเตือนว่า ปฏิบัติการทางทหารโดยที่ไม่ได้คลี่คลายความคับข้องใจของชาวปาเลสไตน์ เสี่ยงนำไปสู่วงจรสงครามที่ไม่สิ้นสุด ปลุกเร้าการก่อความไม่สงบและกลุ่มหัวรุนแรง และรัฐบาลในตะวันออกกลางก็ต้องปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบมากขึ้นเพื่อควบคุมสถานการณ์

    นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงที่อิหร่านจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อรับประกันความอยู่รอดของประเทศ จากที่มีข่าวว่า ก่อนที่อิสราเอลจะเปิดฉากโจมตีฮิซบอลเลาะห์นั้น ผู้นำอิหร่านที่กังวลกับปฏิบัติการของอิสราเอล ประกาศชัดเจนว่า สนใจฟื้นการเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์และปรับปรุงความสัมพันธ์โดยรวมกับอเมริกา

    ทั้งนี้ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา การโจมตีทางอากาศและการปฏิบัติการด้านข่าวกรองของอิสราเอล ได้นำไปสู่การสังหารผู้นำ นักรบ และทำลายคลังอาวุธของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตะวันออกกลาง รวมทั้งยังเป็นป้อมปราการที่คอยปกป้องการโจมตีดินแดนอิหร่านอีกด้วย

    ขณะเดียวกัน การโจมตีทางอากาศตลอดหนึ่งปีเต็มในฉนวนกาซา ได้สังหารเหล่าผู้นำของกลุ่มฮามาสจนเหลือผู้รอดชีวิตไม่กี่คนที่กบดานอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน กระนั้น ปรากฏว่ากองทัพอิสราเอลยังคงต้องวนกลับมาโจมตีกาซาหนักหน่วงอีกรอบในสัปดาห์นี้ และฮามาสยังสามารถสร้างความประหลาดใจด้วยการยิงจรวดใส่นครเทลอาวีฟเมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) ระหว่างที่อิสราเอลรำลึกครบรอบ 1 ปีที่ถูกฮามาสบุกโจมตีและเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามในกาซา

    มีการคาดการณ์กันว่า หากอิสราเอลตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธนับร้อยลูกใส่รัฐยิวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะยิ่งเร่งรัดการเปลี่ยนดุลอำนาจในตะวันออกกลาง และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อเมริกาพยายามหลีกเลี่ยงมานานหลายทศวรรษ

    วอชิงตันออกตัวว่า อิสราเอลไม่ได้แจ้งก่อนที่จะโจมตีผู้นำฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน และในการให้สัมภาษณ์รายการ “60 มินิตส์” ของเครือข่ายซีบีเอสที่ออกอากาศเมื่อวันจันทร์ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตในศึกชิงทำเนียบขาว ประกาศว่า อเมริกายังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือทางทหารเพื่อให้อิสราเอลป้องกันตัวเอง ควบคู่กับการผลักดันให้ยุติความขัดแย้ง

    ย้อนกลับไปตอนที่อเมริการุกรานอิรักและโค่นล้มซัดดัม ผู้สนับสนุนอาจวาดหวังที่จะทำให้ประชาธิปไตยหยั่งรากในอิรัก แต่ผลกระทบไม่พึงประสงค์กลับใหญ่กว่านั้นมหาศาล ซึ่งรวมถึงการผงาดขึ้นมาของอักษะแห่งการต่อต้านของอิหร่านที่ขยายตัวทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก อีกทั้งยังเกิดกลุ่มหัวรุนแรงใหม่ๆ ที่รวมถึงกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)

    ขณะนี้ผู้นำทั่วโลกยังมองไม่ออกว่า ดุลอำนาจระหว่างอิหร่าน อิสราเอล ตะวันออกกลาง รวมถึงอเมริกา จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหลังกองทัพอิสราเอลยุติสงคราม

    นาสร์เห็นว่า อิหร่านและพันธมิตรอ่อนแอลง เช่นเดียวกับอิทธิพลของอเมริกาที่ปล่อยให้อิสราเอลจูงจมูก

    สำหรับ เมห์ราน คัมราวา ศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในกาตาร์ มองว่า อิสราเอลอาจเป็นฝ่ายเจ็บ เช่น หากเปิดสงครามภาคพื้นดินในเลบานอนและตกอยู่ในสภาพติดหล่ม และเสริมว่า สงครามเย็นตลอด 4 ทศวรรษระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน เวลานี้ได้กลายมาเป็นสงครามร้อน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางยุทธศาสตร์ในตะวันออกกลาง แต่จะเปลี่ยนไปแบบไหนอย่างไรเป็นเรื่องยากมากที่จะคาดเดาในขณะนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000096119
    ..............
    Sondhi X
    การที่อิสราเอลเปิดการโจมตีพันธมิตรกลุ่มต่างๆ ของอิหร่านในอาณาบริเวณราว 5,000 ตารางกิโลเมตรของภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งการตัวท่าคุกคามอิหร่านโดยตรงในเวลานี้ เพิ่มความเป็นไปได้ที่อำนาจอิทธิพลซึ่งเตหะรานสั่งสมมาตลอด 2 ทศวรรษอาจสิ้นสุดลง รวมทั้งทำให้ดุลอำนาจในภูมิภาคนี้เปลี่ยนแปลง ทว่า ยากที่จะฟันธงได้ว่า จะเป็นไปในรูปแบบไหน บรรดาผู้คัดค้านและผู้สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล ซึ่งอยู่ในวอชิงตัน เทลอาวีฟ เยรูซาเลม และเมืองหลวงของประเทศต่างๆ ในโลกอาหรับ กำลังเสนอแนวคิดว่า อเมริกาควรทำอย่างไรต่อไป ขณะที่อิสราเอลเดินหน้าสะสมความสำเร็จเชิงยุทธวิธีต่อฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนและฮูตีในเยเมน เวลาเดียวกันก็ตามบดขยี้ฮามาสในกาซาแบบไม่มีพักมาตลอด 1 ปีเต็ม ริชาร์ด โกลด์เบิร์ก ที่ปรึกษาอาวุโสของมูลนิธิเพื่อการปกป้องประชาธิปไตยในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นพวกแนวคิดอนุรักษนิยม เรียกร้องอเมริกาให้การสนับสนุนที่จำเป็นทั้งหมดทแก่อิสราเอล เพื่อทำให้รัฐบาลอิหร่านลงถังขยะประวัติศาสตร์ ขณะที่ โยเอล กูแซนสกี อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสสภาความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล ไปไกลกว่านั้นอีก โดยแนะคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ร่วมโจมตีอิหร่านโดยตรง เพื่อให้เตหะรานเข้าใจชัดเจนว่า “อย่ามาป่วนอเมริกาและอิสราเอล” อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยพากันย้ำบทเรียนเมื่อครั้งอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ส่งกองทัพอเมริกันรุกรานอิรักและโค่นล้มซัดดัม ฮุสเซน โดยไม่สนใจคำเตือนของอาหรับว่า ผู้นำเผด็จการของแบกแดดผู้นี้เป็นเครื่องมือคานอิทธิพลของอิหร่านที่จะขาดไปไม่ได้ คนกลุ่มนี้ยังเตือนว่า การสะสมชัยชนะของรัฐยิวไปเรื่อยๆ โดยไม่พิจารณาถึงเรื่องความเสี่ยง, เป้าหมายสุดท้าย, หรือแผนการสำหรับอนาคต อาจนำซึ่งผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์ วาลิ นาสร์ อดีตที่ปรึกษาในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และเป็นหนึ่งในผู้จัดทำรายงานการสั่งสมอิทธิพลของอิหร่านในตะวันออกกลางนับแต่ที่อเมริกาบุกอิรัก ชี้ว่าสุดท้ายแล้วอิสราเอลอาจอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องปกป้องตัวเองตามลำพังในสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น นาสร์เสริมว่า อเมริกาและหุ้นส่วนในตะวันออกกลางได้แต่รอดูว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้ไม่ฟังเสียงทัดทานแม้แต่จากวอชิงตันที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุด จะบุกตะลุยทำสงครามไปไกลแค่ไหน บรรดาผู้สนับสนุนเหล่านี้วาดหวังว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลจะทำให้อิหร่านและกลุ่มติดอาวุธที่เป็นตัวแทนของเตหะรานที่โจมตีอเมริกา อิสราเอล และหุ้นส่วน รวมทั้งยังร่วมมือกับรัสเซียและศัตรูอื่นๆ ของตะวันตก อยู่ในสภาพที่อ่อนแอลง ทว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเตือนว่า ปฏิบัติการทางทหารโดยที่ไม่ได้คลี่คลายความคับข้องใจของชาวปาเลสไตน์ เสี่ยงนำไปสู่วงจรสงครามที่ไม่สิ้นสุด ปลุกเร้าการก่อความไม่สงบและกลุ่มหัวรุนแรง และรัฐบาลในตะวันออกกลางก็ต้องปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบมากขึ้นเพื่อควบคุมสถานการณ์ นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงที่อิหร่านจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อรับประกันความอยู่รอดของประเทศ จากที่มีข่าวว่า ก่อนที่อิสราเอลจะเปิดฉากโจมตีฮิซบอลเลาะห์นั้น ผู้นำอิหร่านที่กังวลกับปฏิบัติการของอิสราเอล ประกาศชัดเจนว่า สนใจฟื้นการเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์และปรับปรุงความสัมพันธ์โดยรวมกับอเมริกา ทั้งนี้ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา การโจมตีทางอากาศและการปฏิบัติการด้านข่าวกรองของอิสราเอล ได้นำไปสู่การสังหารผู้นำ นักรบ และทำลายคลังอาวุธของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตะวันออกกลาง รวมทั้งยังเป็นป้อมปราการที่คอยปกป้องการโจมตีดินแดนอิหร่านอีกด้วย ขณะเดียวกัน การโจมตีทางอากาศตลอดหนึ่งปีเต็มในฉนวนกาซา ได้สังหารเหล่าผู้นำของกลุ่มฮามาสจนเหลือผู้รอดชีวิตไม่กี่คนที่กบดานอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน กระนั้น ปรากฏว่ากองทัพอิสราเอลยังคงต้องวนกลับมาโจมตีกาซาหนักหน่วงอีกรอบในสัปดาห์นี้ และฮามาสยังสามารถสร้างความประหลาดใจด้วยการยิงจรวดใส่นครเทลอาวีฟเมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) ระหว่างที่อิสราเอลรำลึกครบรอบ 1 ปีที่ถูกฮามาสบุกโจมตีและเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามในกาซา มีการคาดการณ์กันว่า หากอิสราเอลตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธนับร้อยลูกใส่รัฐยิวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะยิ่งเร่งรัดการเปลี่ยนดุลอำนาจในตะวันออกกลาง และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อเมริกาพยายามหลีกเลี่ยงมานานหลายทศวรรษ วอชิงตันออกตัวว่า อิสราเอลไม่ได้แจ้งก่อนที่จะโจมตีผู้นำฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน และในการให้สัมภาษณ์รายการ “60 มินิตส์” ของเครือข่ายซีบีเอสที่ออกอากาศเมื่อวันจันทร์ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตในศึกชิงทำเนียบขาว ประกาศว่า อเมริกายังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือทางทหารเพื่อให้อิสราเอลป้องกันตัวเอง ควบคู่กับการผลักดันให้ยุติความขัดแย้ง ย้อนกลับไปตอนที่อเมริการุกรานอิรักและโค่นล้มซัดดัม ผู้สนับสนุนอาจวาดหวังที่จะทำให้ประชาธิปไตยหยั่งรากในอิรัก แต่ผลกระทบไม่พึงประสงค์กลับใหญ่กว่านั้นมหาศาล ซึ่งรวมถึงการผงาดขึ้นมาของอักษะแห่งการต่อต้านของอิหร่านที่ขยายตัวทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก อีกทั้งยังเกิดกลุ่มหัวรุนแรงใหม่ๆ ที่รวมถึงกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ขณะนี้ผู้นำทั่วโลกยังมองไม่ออกว่า ดุลอำนาจระหว่างอิหร่าน อิสราเอล ตะวันออกกลาง รวมถึงอเมริกา จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหลังกองทัพอิสราเอลยุติสงคราม นาสร์เห็นว่า อิหร่านและพันธมิตรอ่อนแอลง เช่นเดียวกับอิทธิพลของอเมริกาที่ปล่อยให้อิสราเอลจูงจมูก สำหรับ เมห์ราน คัมราวา ศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในกาตาร์ มองว่า อิสราเอลอาจเป็นฝ่ายเจ็บ เช่น หากเปิดสงครามภาคพื้นดินในเลบานอนและตกอยู่ในสภาพติดหล่ม และเสริมว่า สงครามเย็นตลอด 4 ทศวรรษระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน เวลานี้ได้กลายมาเป็นสงครามร้อน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางยุทธศาสตร์ในตะวันออกกลาง แต่จะเปลี่ยนไปแบบไหนอย่างไรเป็นเรื่องยากมากที่จะคาดเดาในขณะนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000096119 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    8
    0 Comments 0 Shares 891 Views 0 Reviews
  • ฮิซบอลเลาะห์ลั่น กลุ่มของตนสามารถก้าวข้ามผ่าน “การโจมตีอันเจ็บปวด” ขณะที่ฮามาสประกาศแม้สูญเสียหนักจากการสู้รบตลอดหนึ่งปี แต่ตอนนี้จิตวิญญาณของปาเลสไตน์ได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งเฉกเช่น “นกฟินิกซ์” ในตำนาน ที่ฟื้นจากความตาย ด้านอิสราเอลระดมกำลังเสริมปฏิบัติการภาคพื้นดินทางชายฝั่งด้านใต้ของเลบานอน พร้อมเตือนพลเรือนบริเวณริมฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนให้อพยพ
    .
    นาอิม กัสเซม รองหัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กล่าวในคำแถลงที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (8 ต.ค.) ว่า ความขัดแย้งระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเป็นสงครามที่คนร้องไห้ก่อนแพ้ ซึ่งฮิซบอลเลาะห์ไม่มีทางร้องไห้ก่อน พร้อมยืนยันว่า ฮิซบอลเลาะห์ยังคงมีศักยภาพสมบูรณ์แม้ผ่านการสู้รบมาตลอดหนึ่งปีก็ตาม
    .
    ความตึงเครียดในตะวันออกกลางรอบนี้ที่ปะทุขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากนักรบฮามาสบุกโจมตีตอนใต้ของอิสราเอล ได้ลุกลามเป็นการปฏิบัติการทางทหารทั้งภาคพื้นดินและอากาศถล่มโจมตีฉนวนกาซา และไม่เพียงเท่านั้นเวลานี้ยังแผ่ขยายเป็นการโจมตีใส่เลบานอน ขณะเดียวกันการที่รัฐยิวดูเหมือนอยู่เบื้องหลังการสังหารอุกอาจผู้นำฮิซบอลเลาะห์และฮามาสในกรุงเตหะราน ก็ทำให้อิหร่านเปิดการโจมตีโดยตรงต่อที่ตั้งทางทหารของอิสราเอล ท่ามกลางการคำรามของรัฐยิวว่าจะแก้เผ็ดเอาคืน
    .
    ในวันอังคาร อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เตือนอีกครั้งว่า จะตอบโต้อย่างรุนแรงหากอิสราเอลโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของประเทศตน
    .
    นอกจากนั้นอารากชียังออกเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียและประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค และหาทาง “หยุดยั้งการก่ออาชญากรรมของอิสราเอล” ในกาซาและเลบานอน
    .
    สำหรับที่เลบานอน กองทัพอิสราเอลเพิ่มความกดดันต่อฮิซบอลเลาะห์ โดยประกาศว่า กำลังปฏิบัติการรุกภาคพื้นดินแบบจำกัดเป้าหมาย ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเลบานอนด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปฏิบัติการในลักษณะเดียวกันนี้ที่บริเวณด้านตะวันออกเฉียงใต้
    .
    กองทัพอิสราเอลเสริมว่า ได้โจมตีชานเมืองทางใต้ของกรุงเบรุตเมื่อคืนวันจันทร์และสังหารซูเฮล ฮุสเซน ผู้รับผิดชอบด้านงบประมาณและการส่งกำลังบำรุงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งหากเป็นจริงจะถือเป็นผู้นำตลอดจนผู้บัญชาการทหารคนล่าสุดของฮิซบอลเลาะห์และฮามาสที่ถูกอิสราเอลลอบสังหาร
    .
    ไม่เพียงเท่านั้น อิสราเอลยังเตือนให้ชาวเลบานอน รวมถึงผู้ใช้เรือ หลีกเลี่ยงบริเวณชายฝั่งด้านใต้ของเลบานอน ซึ่งอยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เนื่องจากเร็วๆ นี้อิสราเอลจะเปิดการโจมตีฮิซบอลเลาะห์จากทางทะเล
    .
    ส่วนที่วอชิงตัน แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เตือนอิสราเอลให้งดโจมตีสนามบินในเบรุต รวมถึงถนนที่มุ่งหน้าสู่สนามบิน เพื่อให้คนอเมริกันและพลเมืองชาติอื่นๆ สามารถเดินทางออกจากเลบานอนได้
    .
    เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลทำพิธีรำลึกครบรอบ 1 ปีการบุกโจมตีของฮามาสเมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) โดยในการปราศรัยที่บันทึกล่วงหน้า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศว่า จะไม่ยุติ “ภารกิจศักดิ์สิทธิ์” ในการบรรลุเป้าหมายของสงครามและช่วยเหลือตัวประกันที่ยังถูกคุมขังในกาซา
    .
    อย่างไรก็ตาม แม้ถูกบดขยี้อย่างหนักตลอดปีที่ผ่านมา แต่ฮามาสยังคงประกาศพร้อมเผชิญหน้ากับอิสราเอล โดย อาบู โอเบดา โฆษกของฝ่ายติดอาวุธกล่าวในวันจันทร์ว่า ฮามาสจะยังคงต่อสู้ในสงครามพร่ากำลังที่ศัตรูจะต้องเจ็บปวดและสูญเสียครั้งใหญ่ และเสริมว่า ตัวประกันในกาซาจำนวนมากยังคงเผชิญสถานการณ์ที่ “ยากลำบากอย่างยิ่ง”
    .
    ขณะเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของฮามาสยอมรับว่า นักรบหลายพันคนของฮามาสและพันธมิตรต่อต้านอิสราเอลกลุ่มอื่นๆ เสียชีวิตในการสู้รบ
    .
    ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำอาวุโสของฮามาส ให้สัมภาษณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีสงครามกาซาว่า ฮามาสผ่านช่วงเวลาของการสูญเสียผู้พลีชีพ สูญเสียศักยภาพการสู้รบบางส่วน แต่ตอนนี้จิตวิญญาณของปาเลสไตน์ได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งเช่นเดียวกับนกฟินิกซ์ในตำนาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000096118
    ..............
    Sondhi X
    ฮิซบอลเลาะห์ลั่น กลุ่มของตนสามารถก้าวข้ามผ่าน “การโจมตีอันเจ็บปวด” ขณะที่ฮามาสประกาศแม้สูญเสียหนักจากการสู้รบตลอดหนึ่งปี แต่ตอนนี้จิตวิญญาณของปาเลสไตน์ได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งเฉกเช่น “นกฟินิกซ์” ในตำนาน ที่ฟื้นจากความตาย ด้านอิสราเอลระดมกำลังเสริมปฏิบัติการภาคพื้นดินทางชายฝั่งด้านใต้ของเลบานอน พร้อมเตือนพลเรือนบริเวณริมฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนให้อพยพ . นาอิม กัสเซม รองหัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กล่าวในคำแถลงที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (8 ต.ค.) ว่า ความขัดแย้งระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเป็นสงครามที่คนร้องไห้ก่อนแพ้ ซึ่งฮิซบอลเลาะห์ไม่มีทางร้องไห้ก่อน พร้อมยืนยันว่า ฮิซบอลเลาะห์ยังคงมีศักยภาพสมบูรณ์แม้ผ่านการสู้รบมาตลอดหนึ่งปีก็ตาม . ความตึงเครียดในตะวันออกกลางรอบนี้ที่ปะทุขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากนักรบฮามาสบุกโจมตีตอนใต้ของอิสราเอล ได้ลุกลามเป็นการปฏิบัติการทางทหารทั้งภาคพื้นดินและอากาศถล่มโจมตีฉนวนกาซา และไม่เพียงเท่านั้นเวลานี้ยังแผ่ขยายเป็นการโจมตีใส่เลบานอน ขณะเดียวกันการที่รัฐยิวดูเหมือนอยู่เบื้องหลังการสังหารอุกอาจผู้นำฮิซบอลเลาะห์และฮามาสในกรุงเตหะราน ก็ทำให้อิหร่านเปิดการโจมตีโดยตรงต่อที่ตั้งทางทหารของอิสราเอล ท่ามกลางการคำรามของรัฐยิวว่าจะแก้เผ็ดเอาคืน . ในวันอังคาร อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เตือนอีกครั้งว่า จะตอบโต้อย่างรุนแรงหากอิสราเอลโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของประเทศตน . นอกจากนั้นอารากชียังออกเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียและประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค และหาทาง “หยุดยั้งการก่ออาชญากรรมของอิสราเอล” ในกาซาและเลบานอน . สำหรับที่เลบานอน กองทัพอิสราเอลเพิ่มความกดดันต่อฮิซบอลเลาะห์ โดยประกาศว่า กำลังปฏิบัติการรุกภาคพื้นดินแบบจำกัดเป้าหมาย ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเลบานอนด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปฏิบัติการในลักษณะเดียวกันนี้ที่บริเวณด้านตะวันออกเฉียงใต้ . กองทัพอิสราเอลเสริมว่า ได้โจมตีชานเมืองทางใต้ของกรุงเบรุตเมื่อคืนวันจันทร์และสังหารซูเฮล ฮุสเซน ผู้รับผิดชอบด้านงบประมาณและการส่งกำลังบำรุงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งหากเป็นจริงจะถือเป็นผู้นำตลอดจนผู้บัญชาการทหารคนล่าสุดของฮิซบอลเลาะห์และฮามาสที่ถูกอิสราเอลลอบสังหาร . ไม่เพียงเท่านั้น อิสราเอลยังเตือนให้ชาวเลบานอน รวมถึงผู้ใช้เรือ หลีกเลี่ยงบริเวณชายฝั่งด้านใต้ของเลบานอน ซึ่งอยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เนื่องจากเร็วๆ นี้อิสราเอลจะเปิดการโจมตีฮิซบอลเลาะห์จากทางทะเล . ส่วนที่วอชิงตัน แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เตือนอิสราเอลให้งดโจมตีสนามบินในเบรุต รวมถึงถนนที่มุ่งหน้าสู่สนามบิน เพื่อให้คนอเมริกันและพลเมืองชาติอื่นๆ สามารถเดินทางออกจากเลบานอนได้ . เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลทำพิธีรำลึกครบรอบ 1 ปีการบุกโจมตีของฮามาสเมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) โดยในการปราศรัยที่บันทึกล่วงหน้า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศว่า จะไม่ยุติ “ภารกิจศักดิ์สิทธิ์” ในการบรรลุเป้าหมายของสงครามและช่วยเหลือตัวประกันที่ยังถูกคุมขังในกาซา . อย่างไรก็ตาม แม้ถูกบดขยี้อย่างหนักตลอดปีที่ผ่านมา แต่ฮามาสยังคงประกาศพร้อมเผชิญหน้ากับอิสราเอล โดย อาบู โอเบดา โฆษกของฝ่ายติดอาวุธกล่าวในวันจันทร์ว่า ฮามาสจะยังคงต่อสู้ในสงครามพร่ากำลังที่ศัตรูจะต้องเจ็บปวดและสูญเสียครั้งใหญ่ และเสริมว่า ตัวประกันในกาซาจำนวนมากยังคงเผชิญสถานการณ์ที่ “ยากลำบากอย่างยิ่ง” . ขณะเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของฮามาสยอมรับว่า นักรบหลายพันคนของฮามาสและพันธมิตรต่อต้านอิสราเอลกลุ่มอื่นๆ เสียชีวิตในการสู้รบ . ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำอาวุโสของฮามาส ให้สัมภาษณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีสงครามกาซาว่า ฮามาสผ่านช่วงเวลาของการสูญเสียผู้พลีชีพ สูญเสียศักยภาพการสู้รบบางส่วน แต่ตอนนี้จิตวิญญาณของปาเลสไตน์ได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งเช่นเดียวกับนกฟินิกซ์ในตำนาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000096118 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 885 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลไม่ได้ให้คำรับประกันใดๆกับรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน ว่าการเล็งเป้าโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน จะไม่อยู่ในข่ายพิจารณา ในปฏิบัติการแก้แค้นกรณีที่เตหะรานรัวห่าขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล เมื่อช่วงต้นเดือน เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    เจ้าหน้าที่รายนี้บอกกับซีเอ็นเอ็น ด้วยว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะบอกว่าอิสราเอลจะใช้วาระครบรอบ 1 ปีการโจมตีของพวกฮามาส ในวันที่ 7 ตุลาคม ลงมือแก้แค้นหรือไม่
    .
    "เราหวังและคาดหมายว่าจะพบเห็นความสุขุมเช่นเดียวกับความเข้มแข็ง แต่พวกคุณก็รู้ ไม่มีคำรับประกันใดๆ" เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว เมื่อถูกซีเอ็นเอ็นถามว่าอิสราเอลได้รับปากกับสหรัฐฯหรือไม่ ว่าที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่านไม่ได้อยู่ในข่ายเป็นเป้าหมายของการโจมตีแก้แค้น
    .
    พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯส่งเสียงสนับสนุนอิสราเอล ตอบโต้อิหร่านที่ยิงห่าขีปนาวุธเข้าใส่เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่หลายคนถึงขั้นออกมาพูดต่อสาธารณะว่าการกระทำดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับผลสนอง แต่ขณะเดียวกันพวกเจ้าหน้าที่ก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ลุกลามบานปลายในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในขณะดินแดนแถบนี้ตกอยู่ในภาวะผันผวนมากขึ้นเรื่อยๆ
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกก่อนหน้านี้ว่าสหรัฐฯไม่สนับสนุนอิสราเอล เล็งเป้าโจมตีโครงการนิวเคลียร์ รวมถึงที่ตั้งทางพลังงานของอิหร่าน "ถ้าเป็นผม ผมจะคิดเกี่ยวกับทางเลือกอื่นแทนการโจมตีบ่อน้ำมัน" ไบเดนกล่าวระหว่างแถลงข่าวในวันศุกร์(4ต.ค.)
    .
    พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าเมื่อไหร่ที่อิสราเอลจะตัดสินใจหรือลงมือตอบโต้ ในขณะประธานาธิบดีไบเดน ระบุในวันศุกร์(4ต.ค.) เชื่อว่า "อิสราเอลยังไม่ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวอย่างทันทีทันใด"
    .
    ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าสหรัฐฯทำงานมานานเกือบ 1 ปี ในความพยายามป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งกลายเป็นสงครามใหญ่ อย่างไรก็ตามพวกเจ้าหน้าที่ยอมรับว่า ณ เวลานี้ "สถานการณ์อยู่บนขอบเหว"
    .
    ไบเดน บอกว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯติดต่อกับพวกเจ้าหน้าที่อิสราเอล อย่างน้อยๆ 12 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่ เคิร์ต แคมป์เบลล์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่ามีความพยายามครั้งใหญ่ระหว่าง 2 ฝ่าย ในการคงไว้ซึ่งสายการติดต่อสื่อสาร เพื่อรับประกันความเข้าอกเข้าใจในมุมมองของอีกฝ่าย
    .
    "ตลอดช่วง 2 เดือนหลังสุด มันเป็นช่วงที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง ในแง่การโจมตีของอิหร่านเล่นงานอิสราเอล ไม่ใช่แค่อิสราเอลเท่านั้นที่คิดเกี่ยวกับทางเลือกในการตอบโต้ แต่สหรัฐฯก็เช่นกัน" แคมป์เบลล์ระบุ "สารสำคัญที่สุดของเราคือ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่ว่าเราจะทำอะไรกับอิหร่าน"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095613
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลไม่ได้ให้คำรับประกันใดๆกับรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน ว่าการเล็งเป้าโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน จะไม่อยู่ในข่ายพิจารณา ในปฏิบัติการแก้แค้นกรณีที่เตหะรานรัวห่าขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล เมื่อช่วงต้นเดือน เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว . เจ้าหน้าที่รายนี้บอกกับซีเอ็นเอ็น ด้วยว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะบอกว่าอิสราเอลจะใช้วาระครบรอบ 1 ปีการโจมตีของพวกฮามาส ในวันที่ 7 ตุลาคม ลงมือแก้แค้นหรือไม่ . "เราหวังและคาดหมายว่าจะพบเห็นความสุขุมเช่นเดียวกับความเข้มแข็ง แต่พวกคุณก็รู้ ไม่มีคำรับประกันใดๆ" เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว เมื่อถูกซีเอ็นเอ็นถามว่าอิสราเอลได้รับปากกับสหรัฐฯหรือไม่ ว่าที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่านไม่ได้อยู่ในข่ายเป็นเป้าหมายของการโจมตีแก้แค้น . พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯส่งเสียงสนับสนุนอิสราเอล ตอบโต้อิหร่านที่ยิงห่าขีปนาวุธเข้าใส่เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่หลายคนถึงขั้นออกมาพูดต่อสาธารณะว่าการกระทำดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับผลสนอง แต่ขณะเดียวกันพวกเจ้าหน้าที่ก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ลุกลามบานปลายในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในขณะดินแดนแถบนี้ตกอยู่ในภาวะผันผวนมากขึ้นเรื่อยๆ . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกก่อนหน้านี้ว่าสหรัฐฯไม่สนับสนุนอิสราเอล เล็งเป้าโจมตีโครงการนิวเคลียร์ รวมถึงที่ตั้งทางพลังงานของอิหร่าน "ถ้าเป็นผม ผมจะคิดเกี่ยวกับทางเลือกอื่นแทนการโจมตีบ่อน้ำมัน" ไบเดนกล่าวระหว่างแถลงข่าวในวันศุกร์(4ต.ค.) . พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าเมื่อไหร่ที่อิสราเอลจะตัดสินใจหรือลงมือตอบโต้ ในขณะประธานาธิบดีไบเดน ระบุในวันศุกร์(4ต.ค.) เชื่อว่า "อิสราเอลยังไม่ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวอย่างทันทีทันใด" . ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าสหรัฐฯทำงานมานานเกือบ 1 ปี ในความพยายามป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งกลายเป็นสงครามใหญ่ อย่างไรก็ตามพวกเจ้าหน้าที่ยอมรับว่า ณ เวลานี้ "สถานการณ์อยู่บนขอบเหว" . ไบเดน บอกว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯติดต่อกับพวกเจ้าหน้าที่อิสราเอล อย่างน้อยๆ 12 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่ เคิร์ต แคมป์เบลล์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่ามีความพยายามครั้งใหญ่ระหว่าง 2 ฝ่าย ในการคงไว้ซึ่งสายการติดต่อสื่อสาร เพื่อรับประกันความเข้าอกเข้าใจในมุมมองของอีกฝ่าย . "ตลอดช่วง 2 เดือนหลังสุด มันเป็นช่วงที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง ในแง่การโจมตีของอิหร่านเล่นงานอิสราเอล ไม่ใช่แค่อิสราเอลเท่านั้นที่คิดเกี่ยวกับทางเลือกในการตอบโต้ แต่สหรัฐฯก็เช่นกัน" แคมป์เบลล์ระบุ "สารสำคัญที่สุดของเราคือ ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่ว่าเราจะทำอะไรกับอิหร่าน" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095613 .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    Angry
    9
    0 Comments 0 Shares 766 Views 0 Reviews
  • เผยในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา อเมริกาอัดฉีดความช่วยเหลือทางทหารให้อิสราเอล ซึ่งกำลังทำสงครามหฤโหดในฉนวนกาซา และเวลานี้ขยายวงสู่เลบานอน เป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,900 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างต่ำ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอีก 4,860 ล้านดอลลาร์ในการเสริมปฏิบัติการทางทหารของตนเองในตะวันออกกลาง ที่รวมถึงการจัดการกลุ่มกบฏฮูตีที่ลอบโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง
    .
    รายงานจากโครงการค่าใช้จ่ายสงคราม (Costs of War project) ของมหาวิทยาลัยบราวน์ ในสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปีที่นักรบฮามาสจู่โจมบุกอิสราเอล ถือเป็นรายงานฉบับแรกที่มีการประเมินมูลค่าความช่วยเหลือที่อเมริกาให้อิสราเอล ขณะที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการสู้รบในกาซาและเลบานอน และพยายามจำกัดการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านภายในตะวันออกกลาง
    .
    ตัวเลขทางการเงินเหล่านี้ยังไม่รวมความสูญเสียด้านชีวิตมนุษย์ ทั้งเหยื่อกว่า 1,200 คนที่ถูกฮามาสสังหารระหว่างการบุกโจมตีอิสราเอลชนิดช็อกโลกเมื่อปีที่แล้ว พร้อมจับตัวประกัน 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา และผู้เสียชีวิตเกือบ 42,000 คนในกาซาจากปฏิบัติการล้างแค้นของอิสราเอล
    .
    นอกจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,400 คนในเลบานอน ซึ่งมีทั้งนักรบฮิซบอลเลาะห์และพลเรือน นับจากอิสราเอลขยายการโจมตีเข้าสู่ประเทศนี้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว
    .
    ค่าใช้จ่ายทางการเงินในรายงานฉบับนี้ที่จัดทำแล้วเสร็จก่อนที่อิสราเอลจะเปิดแนวรบที่สองในเลบานอนนั้น คำนวณโดย ลินดา เจ. บิลม์ส ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยรัฐกิจ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่เคยศึกษาประเมินค่าใช้จ่ายในสงครามทั้งหมดของอเมริกา นับจากวินาศกรรม 11 ก.ย. 2001 และนักวิจัยอีก 2 คนคือ วิลเลียม ดี. ฮาร์เติง และสตีเฟน เซมเลอร์ โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังต่อไปนี้:
    .
    ความช่วยเหลือทางทหารสูงสุดเป็นประวัติการณ์
    .
    อิสราเอลที่ได้รับการอุปถัมภ์จากอเมริกานับจากก่อตั้งประเทศในปี 1948 เป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากอเมริกามูลค่าสูงสุดคือ 251,200 ล้านดอลลาร์ นับจากปี 1959 เป็นต้นมา ทั้งนี้เมื่อปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อ
    .
    ขณะที่ ความช่วยเหลือ 17,900 ล้านดอลลาร์ที่ปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งอเมริกามอบให้นับจากวันที่ 7 ต.ค. 2023 ถือเป็นความช่วยเหลือทางทหารมูลค่าสูงสุดที่อัดฉีดให้อิสราเอลในปีเดียว
    .
    ทั้งนี้ อเมริกามีพันธะกรณีในการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลและอียิปต์ปีละหลายพันล้านดอลลาร์นับจากที่สองประเทศนี้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพที่วอชิงตันเป็นตัวกลางเมื่อปี 1979 นอกจากนั้น ในเวลาต่อมา คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังทำข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลปีละ 3,800 ล้านดอลลาร์จนถึงปี 2028
    .
    ความช่วยเหลือของอเมริกานับจากสงครามกาซาปะทุขึ้นนี้ ครอบคลุมถึงการให้เงินสนับสนุนทางการทหาร การขายอาวุธ อาวุธจากคลังสำรองของอเมริกาและอาวุธยุทโธปกรณ์มือสอง รวมเป็นมูลค่าอย่างน้อย 4,400 ล้านดอลลาร์
    .
    อาวุธจำนวนมากที่อเมริกาส่งมอบให้อิสราเอลในรอบปีที่ผ่านมาคือพวกเครื่องกระสุน ตั้งแต่กระสุนปืนใหญ่จนถึงระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์เจาะพื้นดินขนาด 2,000 ปอนด์ และระเบิดนำวิถี
    .
    นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่าย 4,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟื้นคืนความสมบูรณ์ของระบบป้องกันภัยทางอากาศ “ไอออนโดม” และระบบป้องกันขีปนาวุธ “เดวิดส์ สลิง” ของอิสราเอล ตลอดจนการจัดซื้อปืนไรเฟิลจู่โจม และเชื้อเพลิงเครื่องบิน
    .
    อย่างไรก็ดี นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดที่ครบถ้วนเกี่ยวกับสิ่งที่อเมริกาจัดส่งให้อิสราเอลนับจากวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว ดังนั้น ตัวเลข 17,900 ล้านดอลลาร์จึงเป็นเพียงมูลค่าความช่วยเหลือส่วนหนึ่งเท่านั้น และสำทับว่า คณะบริหารของไบเดนพยายามปิดบังมูลค่าความช่วยเหลือทั้งหมดและประเภทอาวุธที่จัดหาให้อิสราเอลผ่านขั้นตอนการดำเนินการของระบบราชการ
    .
    ปฏิบัติการทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลาง
    .
    คณะบริหารของไบเดนยังเสริมแสนยานุภาพทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลางนับตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องปรามและตอบโต้พวกที่เข้าโจมตีกองกำลังอิสราเอลและอเมริกา
    .
    ปฏิบัติการเพิ่มเติมเหล่านี้มีมูลค่าอย่างน้อย 4,860 ล้านดอลลาร์
    .
    ทั้งนี้ อเมริกามีทหาร 34,000 นายในภูมิภาคนี้ ณ วันที่ฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล และจากนั้นได้เพิ่มเป็นราว 50,000 นายในเดือนสิงหาคม เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำเข้าประจำการในตะวันออกกลางเพื่อป้องปรามการล้างแค้นอิสราเอล หลังจาก อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาสถูกสังหารในอิหร่าน และปัจจุบันอเมริกามีทหารประจำอยู่ราว 43,000 นาย
    .
    การสู้รบกับฮูตี
    .
    นับจากสงครามกาซาเริ่มต้น กองทัพอเมริกายังพยายามตอบโต้การโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงของกบฏฮูตีในเยเมน โดยนักวิจัยระบุว่า อเมริกามีค่าใช้จ่าย 4,860 ล้านดอลลาร์สำหรับ “ความท้าทายอสมมาตรที่ซับซ้อน ราคาแพง และคาดไม่ถึง” และถือเป็นปฏิบัติการสู้รบที่ตึงเครียดที่สุดที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เผชิญมานับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
    .
    นักวิจัยเสริมว่า อเมริกาส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือพิฆาต เรือลาดตระเวน และขีปนาวุธราคาหลายล้านดอลลาร์ไปต่อสู้กับโดรนของฮูตีที่ผลิตในอิหร่านราคาแค่ลำละ 2,000 ดอลลาร์
    .
    การคำนวณของนักวิจัยกลุ่มนี้ยังรวมถึงเงินค่าสู้รบที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างน้อย 55 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐฯต้องจ่ายมากขึ้นสืบเนื่องจากปฏิบัติการที่เข้มข้นในตะวันออกกลาง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095609
    ..............
    Sondhi X
    เผยในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา อเมริกาอัดฉีดความช่วยเหลือทางทหารให้อิสราเอล ซึ่งกำลังทำสงครามหฤโหดในฉนวนกาซา และเวลานี้ขยายวงสู่เลบานอน เป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,900 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างต่ำ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอีก 4,860 ล้านดอลลาร์ในการเสริมปฏิบัติการทางทหารของตนเองในตะวันออกกลาง ที่รวมถึงการจัดการกลุ่มกบฏฮูตีที่ลอบโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง . รายงานจากโครงการค่าใช้จ่ายสงคราม (Costs of War project) ของมหาวิทยาลัยบราวน์ ในสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปีที่นักรบฮามาสจู่โจมบุกอิสราเอล ถือเป็นรายงานฉบับแรกที่มีการประเมินมูลค่าความช่วยเหลือที่อเมริกาให้อิสราเอล ขณะที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการสู้รบในกาซาและเลบานอน และพยายามจำกัดการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านภายในตะวันออกกลาง . ตัวเลขทางการเงินเหล่านี้ยังไม่รวมความสูญเสียด้านชีวิตมนุษย์ ทั้งเหยื่อกว่า 1,200 คนที่ถูกฮามาสสังหารระหว่างการบุกโจมตีอิสราเอลชนิดช็อกโลกเมื่อปีที่แล้ว พร้อมจับตัวประกัน 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา และผู้เสียชีวิตเกือบ 42,000 คนในกาซาจากปฏิบัติการล้างแค้นของอิสราเอล . นอกจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,400 คนในเลบานอน ซึ่งมีทั้งนักรบฮิซบอลเลาะห์และพลเรือน นับจากอิสราเอลขยายการโจมตีเข้าสู่ประเทศนี้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว . ค่าใช้จ่ายทางการเงินในรายงานฉบับนี้ที่จัดทำแล้วเสร็จก่อนที่อิสราเอลจะเปิดแนวรบที่สองในเลบานอนนั้น คำนวณโดย ลินดา เจ. บิลม์ส ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยรัฐกิจ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่เคยศึกษาประเมินค่าใช้จ่ายในสงครามทั้งหมดของอเมริกา นับจากวินาศกรรม 11 ก.ย. 2001 และนักวิจัยอีก 2 คนคือ วิลเลียม ดี. ฮาร์เติง และสตีเฟน เซมเลอร์ โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังต่อไปนี้: . ความช่วยเหลือทางทหารสูงสุดเป็นประวัติการณ์ . อิสราเอลที่ได้รับการอุปถัมภ์จากอเมริกานับจากก่อตั้งประเทศในปี 1948 เป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากอเมริกามูลค่าสูงสุดคือ 251,200 ล้านดอลลาร์ นับจากปี 1959 เป็นต้นมา ทั้งนี้เมื่อปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อ . ขณะที่ ความช่วยเหลือ 17,900 ล้านดอลลาร์ที่ปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งอเมริกามอบให้นับจากวันที่ 7 ต.ค. 2023 ถือเป็นความช่วยเหลือทางทหารมูลค่าสูงสุดที่อัดฉีดให้อิสราเอลในปีเดียว . ทั้งนี้ อเมริกามีพันธะกรณีในการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลและอียิปต์ปีละหลายพันล้านดอลลาร์นับจากที่สองประเทศนี้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพที่วอชิงตันเป็นตัวกลางเมื่อปี 1979 นอกจากนั้น ในเวลาต่อมา คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังทำข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลปีละ 3,800 ล้านดอลลาร์จนถึงปี 2028 . ความช่วยเหลือของอเมริกานับจากสงครามกาซาปะทุขึ้นนี้ ครอบคลุมถึงการให้เงินสนับสนุนทางการทหาร การขายอาวุธ อาวุธจากคลังสำรองของอเมริกาและอาวุธยุทโธปกรณ์มือสอง รวมเป็นมูลค่าอย่างน้อย 4,400 ล้านดอลลาร์ . อาวุธจำนวนมากที่อเมริกาส่งมอบให้อิสราเอลในรอบปีที่ผ่านมาคือพวกเครื่องกระสุน ตั้งแต่กระสุนปืนใหญ่จนถึงระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์เจาะพื้นดินขนาด 2,000 ปอนด์ และระเบิดนำวิถี . นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่าย 4,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟื้นคืนความสมบูรณ์ของระบบป้องกันภัยทางอากาศ “ไอออนโดม” และระบบป้องกันขีปนาวุธ “เดวิดส์ สลิง” ของอิสราเอล ตลอดจนการจัดซื้อปืนไรเฟิลจู่โจม และเชื้อเพลิงเครื่องบิน . อย่างไรก็ดี นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดที่ครบถ้วนเกี่ยวกับสิ่งที่อเมริกาจัดส่งให้อิสราเอลนับจากวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว ดังนั้น ตัวเลข 17,900 ล้านดอลลาร์จึงเป็นเพียงมูลค่าความช่วยเหลือส่วนหนึ่งเท่านั้น และสำทับว่า คณะบริหารของไบเดนพยายามปิดบังมูลค่าความช่วยเหลือทั้งหมดและประเภทอาวุธที่จัดหาให้อิสราเอลผ่านขั้นตอนการดำเนินการของระบบราชการ . ปฏิบัติการทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลาง . คณะบริหารของไบเดนยังเสริมแสนยานุภาพทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลางนับตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องปรามและตอบโต้พวกที่เข้าโจมตีกองกำลังอิสราเอลและอเมริกา . ปฏิบัติการเพิ่มเติมเหล่านี้มีมูลค่าอย่างน้อย 4,860 ล้านดอลลาร์ . ทั้งนี้ อเมริกามีทหาร 34,000 นายในภูมิภาคนี้ ณ วันที่ฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล และจากนั้นได้เพิ่มเป็นราว 50,000 นายในเดือนสิงหาคม เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำเข้าประจำการในตะวันออกกลางเพื่อป้องปรามการล้างแค้นอิสราเอล หลังจาก อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาสถูกสังหารในอิหร่าน และปัจจุบันอเมริกามีทหารประจำอยู่ราว 43,000 นาย . การสู้รบกับฮูตี . นับจากสงครามกาซาเริ่มต้น กองทัพอเมริกายังพยายามตอบโต้การโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงของกบฏฮูตีในเยเมน โดยนักวิจัยระบุว่า อเมริกามีค่าใช้จ่าย 4,860 ล้านดอลลาร์สำหรับ “ความท้าทายอสมมาตรที่ซับซ้อน ราคาแพง และคาดไม่ถึง” และถือเป็นปฏิบัติการสู้รบที่ตึงเครียดที่สุดที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เผชิญมานับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 . นักวิจัยเสริมว่า อเมริกาส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือพิฆาต เรือลาดตระเวน และขีปนาวุธราคาหลายล้านดอลลาร์ไปต่อสู้กับโดรนของฮูตีที่ผลิตในอิหร่านราคาแค่ลำละ 2,000 ดอลลาร์ . การคำนวณของนักวิจัยกลุ่มนี้ยังรวมถึงเงินค่าสู้รบที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างน้อย 55 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐฯต้องจ่ายมากขึ้นสืบเนื่องจากปฏิบัติการที่เข้มข้นในตะวันออกกลาง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095609 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    6
    0 Comments 0 Shares 812 Views 0 Reviews
  • ฮิซบอลเลาะห์-ฮามาสยิงจรวดโจมตีเมืองไฮฟาและกรุงเทลอาวีฟ นครใหญ่อันดับ 3 และอันดับ 1 ของอิสราเอลเมื่อเช้าวันจันทร์ (7 ต.ค.) ขณะที่รัฐยิวรำลึกครบรอบ 1 ปีฮามาสบุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลแบบช็อกโลก ควบคู่กับการวางแผนขยายปฏิบัติการภาคพื้นดินในภาคใต้ของเลบานอนเพื่อบดขยี้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ทางด้านกองกำลังคุดส์ของอิหร่านระบุ เอสมาอิล กานี ผู้บัญชาการระดับสูงของตน “สบายดี” หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเขาอยู่ในบริเวณที่ถูกอิสราเอลบอมบ์ในกรุงเบรุตและขาดการติดต่อตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและเป็นพันธมิตรกับกลุ่มฮามาสในกาซา แถลงในวันจันทร์ว่า ยิงขีปนาวุธ “ฟาดี 1” เข้าโจมตีฐานทัพของอิสราเอลทางตอนใต้ของเมืองไฮฟา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของอิสราเอล และเมืองทิเบเรียส ที่อยู่ห่างออกไป 65 กม.
    .
    ตำรวจอิสราเอลยืนยันว่า มีจรวดยิงไปที่เมืองท่าไฮฟาจริง และสื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บ 10 คน
    .
    ด้านกองทัพอิสราเอลแถลงว่า มีจรวด 5 ลูกยิงจากเลบานอนไปที่ไฮฟา แต่อิสราเอลได้ยิงสกัดทำให้มีชิ้นส่วนจรวดตกลงในบริเวณดังกล่าว และกองทัพกำลังสอบสวนเหตุการณ์นี้อยู่
    .
    คำแถลงยังยืนยันว่า ทิเบเรียสถูกโจมตีด้วยจรวด 15 ลูก แต่บางลูกถูกสกัดได้ ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีจรวดอีก 5 ลูกโจมตีใส่เมืองดังกล่าว ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ สำหรับตำรวจบอกว่า ตึกบางแห่งเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวนหนึ่ง
    .
    กองทัพอิสราเอลสำทับว่า มีจรวดอย่างน้อย 4 ลูกยิงมาจากกาซา หลังจากอิสราเอลเริ่มพิธีรำลึกครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ฮามาสบุกโจมตีภาคใต้ของรัฐยิวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ได้เพียงไม่กี่นาที และกองทัพได้ตอบโต้ด้วยการโจมตีสถานที่ยิงจรวดของฮามาส รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานการก่อการร้ายใต้ดินในกาซา
    .
    นอกจากนี้ทางเหนือและตอนกลางของอิสราเอลที่เคยเป็นเป้าการโจมตีด้วยจรวดจากเลบานอนและกาซาเป็นประจำทุกวัน ยังมีรายงานเสียงไซเรนดังระงม
    .
    ขณะเดียวกัน ฝ่ายติดอาวุธของกลุ่มฮามาสออกคำแถลงระบุว่า นักรบของตนได้ยิงจรวดโจมตี “กิจกรรมการชุมนุมของศัตรู” ใกล้ชายแดนกาซา และในเวลาต่อมายังเผยว่า ยิงจรวดโจมตีนครเทลอาวีฟด้วย
    .
    กองกำลังความมั่นคงของอิสราเอลได้รับคำสั่งให้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมเต็มที่ทั่วประเทศในวันจันทร์ และประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของรัฐยิว เป็นประธานเริ่มพิธีรำลึกครบรอบ 1 ปี ด้วยการยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตเมื่อเวลา 6.29 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ฮามาสเริ่มโจมตีคิบบุซไรม์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นสถานที่จัดเทศกาลดนตรีโนวา และมีผู้ถูกฮามาสสังหารไปอย่างน้อย 370 คน
    .
    ทางด้านเทลอาวีฟ ครอบครัวตัวประกันและพวกผู้สนับสนุนได้จัดการชุมนุมตั้งแต่เช้าตรู่เรียกร้องให้ช่วยตัวประกันกลับบ้านอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกันนั้นมีการประกาศว่า พบตัวประกันอีกคนที่ถูกจับไปจากเทศกาลดนตรีโนวาเสียชีวิต
    .
    พิธีรำลึกคราวนี้เกิดขึ้นขณะที่อิสราเอลยังคงสู้รบในกาซาและเปิดสงครามใหม่เข้าสู่ตอนเหนือของเลบานอนเพื่อมุ่งกวาดล้างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ รวมทั้งกำลังเตรียมการตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธหลายร้อยลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จุดชนวนความกังวลว่า อาจเกิดสงครามเต็มรูปแบบทั่วตะวันออกกลาง และดึงอเมริกาตลอดจนถึงอิหร่านเข้าตะลุมบอนด้วย
    .
    นับจากเดือนที่แล้ว อิสราเอลระดมโจมตีที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทั่วเลบานอนและเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,110 คน และประชาชนกว่าล้านคนต้องทิ้งบ้านเรือน
    .
    กองทัพอิสราเอลบอกว่า เมื่อราวเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (6 ต.ค.) ได้โจมตีพื้นที่ตอนใต้เมืองหลวงเบรุตของเลบานอน ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของฮิซบอลเลาะห์ รวมทั้งโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเลบานอน และหุบเขาเบกา ทางตะวันออก
    .
    ด้านเจ้าหน้าที่ของเลบานอนกล่าวว่า อิสราเอลถล่มโจมตีใกล้สนามบินนานาชาติในกรุงเบรุตเพื่อขัดขวางไม่ให้หน่วยกู้ภัยเข้าไปค้นหาฮาเชม ซาฟิดดีน ผู้ที่คาดว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำฮิซบอลเลาะห์คนใหม่ และมีข่าวว่า ขาดการติดต่อตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้วหลังจากอิสราเอลโจมตีบริเวณดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.)
    .
    อย่างไรก็ตาม สำหรับอิสมาอิล กานี ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังคุดส์ของอิหร่านที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า อยู่ที่ตอนใต้ของเบรุตระหว่างการโจมตีของอิสราเอลและขาดการติดต่อไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ อิราจ มาสเจดี รองผู้บัญชาการคุดส์ ยืนยันว่า กานี “สบายดี” และอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095608
    ..............
    Sondhi X

    ฮิซบอลเลาะห์-ฮามาสยิงจรวดโจมตีเมืองไฮฟาและกรุงเทลอาวีฟ นครใหญ่อันดับ 3 และอันดับ 1 ของอิสราเอลเมื่อเช้าวันจันทร์ (7 ต.ค.) ขณะที่รัฐยิวรำลึกครบรอบ 1 ปีฮามาสบุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลแบบช็อกโลก ควบคู่กับการวางแผนขยายปฏิบัติการภาคพื้นดินในภาคใต้ของเลบานอนเพื่อบดขยี้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ทางด้านกองกำลังคุดส์ของอิหร่านระบุ เอสมาอิล กานี ผู้บัญชาการระดับสูงของตน “สบายดี” หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเขาอยู่ในบริเวณที่ถูกอิสราเอลบอมบ์ในกรุงเบรุตและขาดการติดต่อตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว . ฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและเป็นพันธมิตรกับกลุ่มฮามาสในกาซา แถลงในวันจันทร์ว่า ยิงขีปนาวุธ “ฟาดี 1” เข้าโจมตีฐานทัพของอิสราเอลทางตอนใต้ของเมืองไฮฟา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของอิสราเอล และเมืองทิเบเรียส ที่อยู่ห่างออกไป 65 กม. . ตำรวจอิสราเอลยืนยันว่า มีจรวดยิงไปที่เมืองท่าไฮฟาจริง และสื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บ 10 คน . ด้านกองทัพอิสราเอลแถลงว่า มีจรวด 5 ลูกยิงจากเลบานอนไปที่ไฮฟา แต่อิสราเอลได้ยิงสกัดทำให้มีชิ้นส่วนจรวดตกลงในบริเวณดังกล่าว และกองทัพกำลังสอบสวนเหตุการณ์นี้อยู่ . คำแถลงยังยืนยันว่า ทิเบเรียสถูกโจมตีด้วยจรวด 15 ลูก แต่บางลูกถูกสกัดได้ ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีจรวดอีก 5 ลูกโจมตีใส่เมืองดังกล่าว ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ สำหรับตำรวจบอกว่า ตึกบางแห่งเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวนหนึ่ง . กองทัพอิสราเอลสำทับว่า มีจรวดอย่างน้อย 4 ลูกยิงมาจากกาซา หลังจากอิสราเอลเริ่มพิธีรำลึกครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ฮามาสบุกโจมตีภาคใต้ของรัฐยิวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ได้เพียงไม่กี่นาที และกองทัพได้ตอบโต้ด้วยการโจมตีสถานที่ยิงจรวดของฮามาส รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานการก่อการร้ายใต้ดินในกาซา . นอกจากนี้ทางเหนือและตอนกลางของอิสราเอลที่เคยเป็นเป้าการโจมตีด้วยจรวดจากเลบานอนและกาซาเป็นประจำทุกวัน ยังมีรายงานเสียงไซเรนดังระงม . ขณะเดียวกัน ฝ่ายติดอาวุธของกลุ่มฮามาสออกคำแถลงระบุว่า นักรบของตนได้ยิงจรวดโจมตี “กิจกรรมการชุมนุมของศัตรู” ใกล้ชายแดนกาซา และในเวลาต่อมายังเผยว่า ยิงจรวดโจมตีนครเทลอาวีฟด้วย . กองกำลังความมั่นคงของอิสราเอลได้รับคำสั่งให้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมเต็มที่ทั่วประเทศในวันจันทร์ และประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของรัฐยิว เป็นประธานเริ่มพิธีรำลึกครบรอบ 1 ปี ด้วยการยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตเมื่อเวลา 6.29 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ฮามาสเริ่มโจมตีคิบบุซไรม์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นสถานที่จัดเทศกาลดนตรีโนวา และมีผู้ถูกฮามาสสังหารไปอย่างน้อย 370 คน . ทางด้านเทลอาวีฟ ครอบครัวตัวประกันและพวกผู้สนับสนุนได้จัดการชุมนุมตั้งแต่เช้าตรู่เรียกร้องให้ช่วยตัวประกันกลับบ้านอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกันนั้นมีการประกาศว่า พบตัวประกันอีกคนที่ถูกจับไปจากเทศกาลดนตรีโนวาเสียชีวิต . พิธีรำลึกคราวนี้เกิดขึ้นขณะที่อิสราเอลยังคงสู้รบในกาซาและเปิดสงครามใหม่เข้าสู่ตอนเหนือของเลบานอนเพื่อมุ่งกวาดล้างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ รวมทั้งกำลังเตรียมการตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธหลายร้อยลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จุดชนวนความกังวลว่า อาจเกิดสงครามเต็มรูปแบบทั่วตะวันออกกลาง และดึงอเมริกาตลอดจนถึงอิหร่านเข้าตะลุมบอนด้วย . นับจากเดือนที่แล้ว อิสราเอลระดมโจมตีที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทั่วเลบานอนและเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,110 คน และประชาชนกว่าล้านคนต้องทิ้งบ้านเรือน . กองทัพอิสราเอลบอกว่า เมื่อราวเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (6 ต.ค.) ได้โจมตีพื้นที่ตอนใต้เมืองหลวงเบรุตของเลบานอน ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของฮิซบอลเลาะห์ รวมทั้งโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเลบานอน และหุบเขาเบกา ทางตะวันออก . ด้านเจ้าหน้าที่ของเลบานอนกล่าวว่า อิสราเอลถล่มโจมตีใกล้สนามบินนานาชาติในกรุงเบรุตเพื่อขัดขวางไม่ให้หน่วยกู้ภัยเข้าไปค้นหาฮาเชม ซาฟิดดีน ผู้ที่คาดว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำฮิซบอลเลาะห์คนใหม่ และมีข่าวว่า ขาดการติดต่อตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้วหลังจากอิสราเอลโจมตีบริเวณดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.) . อย่างไรก็ตาม สำหรับอิสมาอิล กานี ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังคุดส์ของอิหร่านที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า อยู่ที่ตอนใต้ของเบรุตระหว่างการโจมตีของอิสราเอลและขาดการติดต่อไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ อิราจ มาสเจดี รองผู้บัญชาการคุดส์ ยืนยันว่า กานี “สบายดี” และอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095608 .............. Sondhi X
    Sad
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 777 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 8 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีงานเข้ามาหลายทาง มีโชคจากงาน แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา คนโสด: มีคนที่อายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ให้ระวังเรื่องอาหารการกิน ท้องเสียท้องร่วง การเดินทาง:
    ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: งานหนักพักผ่อนน้อย แต่มีความรุ่งเรืองก้าวหน้าดี การเงิน:มีจ่ายเกี่ยวกับลูก อาจได้เสียเงินก้อน จะหมดเงินกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ ความรัก: ระวังทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ และอาจจะยังไม่ใช่สเปค สุขภาพ:ปวดหัว เครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้าเดินทางไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องทำเรื่องที่ผิดศีลจะถูกจับได้

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่รายได้อาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ การเงิน:มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของสวยงาม ของเกี่ยวกับผู้หญิง เสริมสวย หรือจะหมดเงินกับคนรัก ความรัก:จะมีมือที่สามเข้ามาแทรกทำให้เกิดความทุกข์ใจต้องระวังผู้หญิงสูงขาว คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ความหวังและส่วนใหญ่จะเจอกับคนที่มีเจ้าของ สุขภาพ:ปวดขา ข้อเข่า ให้ระวังอันตรายจากของร้อน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:จะมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาช่วยเหลือ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ หรือหมดเงินกับลูก ความรัก:หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ มีโอกาสได้เดินทางกับคนรัก คนโสด: มีคนจากที่ทำงานหรือคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:ปวดหัว เครียด ปวดเมื่อยคอไหล่บ่า การเดินทาง:ให้ตรวจเช็คลมยางให้ดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: จะมีงานมากต้องรีบสะสาง อาจได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น การเงิน:มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลสของที่ไม่ค่อยจำเป็น ระวังถูกหลอกลวงทางการเงิน ความรัก: จะมีความรักคาราคาซัง จะเลิกก็ไม่เลิก อยู่กันแบบเป็นคู่เวรคู่กรรม คนโสด:มีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยข้อมือเส้นเอ็น อ่อนเพลียพักผ่อนน้อย การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: งานหนัก พักผ่อนน้อย ระวังทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: มีรายจ่ายมาก ได้เงินมาแล้วก็จ่ายไปยังไม่มีเก็บ ความรัก:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด: มีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบและอาจได้เงินได้โชคจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็วหรืออุบัติเหตุจากน้ำ

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ได้ตกแต่งบ้านใหม่ ปรับปรุงบ้าน ซื้อของเข้าบ้าน ความรัก:คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ทำให้อารมณ์เสีย คนโสด:มีคนท้วมหรืออ้วนผิวขาวเข้ามาชอบ สุขภาพ:ปวดขาข้อเข่า โรคกระดูก การเดินทาง:ปลอดภัยดี
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 8 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีงานเข้ามาหลายทาง มีโชคจากงาน แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา คนโสด: มีคนที่อายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ให้ระวังเรื่องอาหารการกิน ท้องเสียท้องร่วง การเดินทาง: ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: งานหนักพักผ่อนน้อย แต่มีความรุ่งเรืองก้าวหน้าดี การเงิน:มีจ่ายเกี่ยวกับลูก อาจได้เสียเงินก้อน จะหมดเงินกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ ความรัก: ระวังทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ และอาจจะยังไม่ใช่สเปค สุขภาพ:ปวดหัว เครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้าเดินทางไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องทำเรื่องที่ผิดศีลจะถูกจับได้ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่รายได้อาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ การเงิน:มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของสวยงาม ของเกี่ยวกับผู้หญิง เสริมสวย หรือจะหมดเงินกับคนรัก ความรัก:จะมีมือที่สามเข้ามาแทรกทำให้เกิดความทุกข์ใจต้องระวังผู้หญิงสูงขาว คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ความหวังและส่วนใหญ่จะเจอกับคนที่มีเจ้าของ สุขภาพ:ปวดขา ข้อเข่า ให้ระวังอันตรายจากของร้อน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:จะมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาช่วยเหลือ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ หรือหมดเงินกับลูก ความรัก:หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ มีโอกาสได้เดินทางกับคนรัก คนโสด: มีคนจากที่ทำงานหรือคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:ปวดหัว เครียด ปวดเมื่อยคอไหล่บ่า การเดินทาง:ให้ตรวจเช็คลมยางให้ดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: จะมีงานมากต้องรีบสะสาง อาจได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น การเงิน:มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลสของที่ไม่ค่อยจำเป็น ระวังถูกหลอกลวงทางการเงิน ความรัก: จะมีความรักคาราคาซัง จะเลิกก็ไม่เลิก อยู่กันแบบเป็นคู่เวรคู่กรรม คนโสด:มีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยข้อมือเส้นเอ็น อ่อนเพลียพักผ่อนน้อย การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: งานหนัก พักผ่อนน้อย ระวังทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: มีรายจ่ายมาก ได้เงินมาแล้วก็จ่ายไปยังไม่มีเก็บ ความรัก:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด: มีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบและอาจได้เงินได้โชคจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็วหรืออุบัติเหตุจากน้ำ #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ได้ตกแต่งบ้านใหม่ ปรับปรุงบ้าน ซื้อของเข้าบ้าน ความรัก:คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ทำให้อารมณ์เสีย คนโสด:มีคนท้วมหรืออ้วนผิวขาวเข้ามาชอบ สุขภาพ:ปวดขาข้อเข่า โรคกระดูก การเดินทาง:ปลอดภัยดี ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 8 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีงานเข้ามาหลายทาง มีโชคจากงาน แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา คนโสด: มีคนที่อายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ให้ระวังเรื่องอาหารการกิน ท้องเสียท้องร่วง การเดินทาง:
    ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: งานหนักพักผ่อนน้อย แต่มีความรุ่งเรืองก้าวหน้าดี การเงิน:มีจ่ายเกี่ยวกับลูก อาจได้เสียเงินก้อน จะหมดเงินกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ ความรัก: ระวังทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ และอาจจะยังไม่ใช่สเปค สุขภาพ:ปวดหัว เครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้าเดินทางไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องทำเรื่องที่ผิดศีลจะถูกจับได้

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่รายได้อาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ การเงิน:มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของสวยงาม ของเกี่ยวกับผู้หญิง เสริมสวย หรือจะหมดเงินกับคนรัก ความรัก:จะมีมือที่สามเข้ามาแทรกทำให้เกิดความทุกข์ใจต้องระวังผู้หญิงสูงขาว คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ความหวังและส่วนใหญ่จะเจอกับคนที่มีเจ้าของ สุขภาพ:ปวดขา ข้อเข่า ให้ระวังอันตรายจากของร้อน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:จะมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาช่วยเหลือ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ หรือหมดเงินกับลูก ความรัก:หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ มีโอกาสได้เดินทางกับคนรัก คนโสด: มีคนจากที่ทำงานหรือคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:ปวดหัว เครียด ปวดเมื่อยคอไหล่บ่า การเดินทาง:ให้ตรวจเช็คลมยางให้ดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: จะมีงานมากต้องรีบสะสาง อาจได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น การเงิน:มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลสของที่ไม่ค่อยจำเป็น ระวังถูกหลอกลวงทางการเงิน ความรัก: จะมีความรักคาราคาซัง จะเลิกก็ไม่เลิก อยู่กันแบบเป็นคู่เวรคู่กรรม คนโสด:มีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยข้อมือเส้นเอ็น อ่อนเพลียพักผ่อนน้อย การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: งานหนัก พักผ่อนน้อย ระวังทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: มีรายจ่ายมาก ได้เงินมาแล้วก็จ่ายไปยังไม่มีเก็บ ความรัก:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด: มีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบและอาจได้เงินได้โชคจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็วหรืออุบัติเหตุจากน้ำ

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ได้ตกแต่งบ้านใหม่ ปรับปรุงบ้าน ซื้อของเข้าบ้าน ความรัก:คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ทำให้อารมณ์เสีย คนโสด:มีคนท้วมหรืออ้วนผิวขาวเข้ามาชอบ สุขภาพ:ปวดขาข้อเข่า โรคกระดูก การเดินทาง:ปลอดภัยดี
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 8 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีงานเข้ามาหลายทาง มีโชคจากงาน แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา คนโสด: มีคนที่อายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ให้ระวังเรื่องอาหารการกิน ท้องเสียท้องร่วง การเดินทาง: ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: งานหนักพักผ่อนน้อย แต่มีความรุ่งเรืองก้าวหน้าดี การเงิน:มีจ่ายเกี่ยวกับลูก อาจได้เสียเงินก้อน จะหมดเงินกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ ความรัก: ระวังทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ และอาจจะยังไม่ใช่สเปค สุขภาพ:ปวดหัว เครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้าเดินทางไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องทำเรื่องที่ผิดศีลจะถูกจับได้ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่รายได้อาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ การเงิน:มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของสวยงาม ของเกี่ยวกับผู้หญิง เสริมสวย หรือจะหมดเงินกับคนรัก ความรัก:จะมีมือที่สามเข้ามาแทรกทำให้เกิดความทุกข์ใจต้องระวังผู้หญิงสูงขาว คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ความหวังและส่วนใหญ่จะเจอกับคนที่มีเจ้าของ สุขภาพ:ปวดขา ข้อเข่า ให้ระวังอันตรายจากของร้อน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:จะมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาช่วยเหลือ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ หรือหมดเงินกับลูก ความรัก:หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ มีโอกาสได้เดินทางกับคนรัก คนโสด: มีคนจากที่ทำงานหรือคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:ปวดหัว เครียด ปวดเมื่อยคอไหล่บ่า การเดินทาง:ให้ตรวจเช็คลมยางให้ดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: จะมีงานมากต้องรีบสะสาง อาจได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น การเงิน:มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลสของที่ไม่ค่อยจำเป็น ระวังถูกหลอกลวงทางการเงิน ความรัก: จะมีความรักคาราคาซัง จะเลิกก็ไม่เลิก อยู่กันแบบเป็นคู่เวรคู่กรรม คนโสด:มีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยข้อมือเส้นเอ็น อ่อนเพลียพักผ่อนน้อย การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: งานหนัก พักผ่อนน้อย ระวังทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: มีรายจ่ายมาก ได้เงินมาแล้วก็จ่ายไปยังไม่มีเก็บ ความรัก:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด: มีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบและอาจได้เงินได้โชคจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็วหรืออุบัติเหตุจากน้ำ #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ได้ตกแต่งบ้านใหม่ ปรับปรุงบ้าน ซื้อของเข้าบ้าน ความรัก:คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ทำให้อารมณ์เสีย คนโสด:มีคนท้วมหรืออ้วนผิวขาวเข้ามาชอบ สุขภาพ:ปวดขาข้อเข่า โรคกระดูก การเดินทาง:ปลอดภัยดี ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • 🙏วันนี้วันพระถวายสังฆทาน ณ วัดตะวันเย็น (3 ชุด) อ.โคกสำโรง ลพบุรี ให้กับ
    ✅ คุณพรภินันท์(อุ๊) เสรีมโนพัฒน์ CA,USA
    💖เนื่องในโอกาสครบรอบคล้ายวันเกิดของคุณแม่ทองม้วน ลากะสงค์💖
    👉 ข้าว น้ำพริกปลาร้า แตงกวา ปลาทอด 3 ชุด
    👉 น้ำดื่ม ดอกไม้ ธูปเทียน
    🙏 ขอให้คุณแม่ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์นะครับ
    🙏🙏🙏ขอเชิญทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ
    #padthaiinter
    #รับถวายสังฆทานออนไลน์
    🙏วันนี้วันพระถวายสังฆทาน ณ วัดตะวันเย็น (3 ชุด) อ.โคกสำโรง ลพบุรี ให้กับ ✅ คุณพรภินันท์(อุ๊) เสรีมโนพัฒน์ CA,USA 💖เนื่องในโอกาสครบรอบคล้ายวันเกิดของคุณแม่ทองม้วน ลากะสงค์💖 👉 ข้าว น้ำพริกปลาร้า แตงกวา ปลาทอด 3 ชุด 👉 น้ำดื่ม ดอกไม้ ธูปเทียน 🙏 ขอให้คุณแม่ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์นะครับ 🙏🙏🙏ขอเชิญทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ #padthaiinter #รับถวายสังฆทานออนไลน์
    0 Comments 0 Shares 71 Views 15 0 Reviews
  • บรรยากาศงานทำบุญครบรอบ 16 ปี 7 ตุลา รำลึก
    บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์
    16 ปี 7 ตุลา รำลึก 16 ปีแห่งการจากลาต้องไม่สูญเปล่า
    บรรยากาศงานทำบุญครบรอบ 16 ปี 7 ตุลา รำลึก บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์ 16 ปี 7 ตุลา รำลึก 16 ปีแห่งการจากลาต้องไม่สูญเปล่า
    Like
    Love
    Yay
    75
    1 Comments 6 Shares 2143 Views 0 Reviews
  • ร่วมทำบุญให้วีรชนที่สูญเสียชีวิตในวันที่ 7 ตุลาคม 2551
    #กู้ชาติพันธมิตร
    ครบรอบ16ปี
    ร่วมทำบุญให้วีรชนที่สูญเสียชีวิตในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 #กู้ชาติพันธมิตร ครบรอบ16ปี
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • ชายคนหนึ่งพยายามจุดไฟเผาตัวเองระหว่างการชุมนุมที่กรุงวอชิงตันเรียกร้องอเมริกายุติการช่วยเหลืออิสราเอลเมื่อวันเสาร์ (5 ต.ค.) นอกจากนั้น ยังมีผู้คนหลายหมื่นชุมนุมตามเมืองใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลก เรียกร้องให้ยุติสงครามนองเลือดในกาซาที่กำลังจะครบรอบ 1 ปี ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) รวมทั้งการสู้รบที่กำลังลุกลามไปในตะวันออกกลาง
    .
    ที่กรุงลอนดอน ผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ราว 40,000 คนเดินขบวนไปตามถนนใจกลางเมือง ขณะที่มีผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนรวมตัวกันในหลายเมืองหลวงของยุโรปอย่าง ปารีส โรม มาดริด เมืองหลวงของเอเชียอย่าง มะนิลา จาการ์ตา เมืองใหญ่ๆ ในออสเตรเลียอย่างซิดนีย์ เมืองใหญ่ในแอฟริกา อย่างเคป ทาวน์ ของแอฟริกาใต้ และเมืองหลวงของอเมริกาใต้อย่างบัวโนสไอเรส ตลอดจนหลายเมืองของสหรัฐฯ อย่างนิวยอร์กซิตี้ และกรุงวอชิงตัน โดยที่เมืองหลวงสหรัฐฯ นั้นมีการชุมนุมใกล้ทำเนียบขาวเพื่อประท้วงที่อเมริกายังคงให้การสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลทั้งในกาซาและเลบานอน
    .
    การสู้รบนองเลือดและการเข่นฆ่าพลเรือนกันอย่างไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ทางมนุษยธรรมครั้งล่าสุดนี้ เปิดฉากขึ้นด้วยการสู้รบขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งปะทุจากเหตุการณ์กลุ่มนักรบฮามาสบุกข้ามแดนเข้าไปโจมตีทางใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว สังหารเหยื่อ 1,200 คน และจับตัวประกันราว 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา แล้วอิสราเอลตอบโต้ทันทีด้วยการเปิดปฏิบัติการถล่มโจมตีทางอากาศและการใช้กำลังทหารรุกทางภาคพื้นดินในดินแดนฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้เกือบ 42,000 คน รวมทั้งมีชาวปาเลสไตน์เกือบ 2.3 ล้านคนต้องทิ้งบ้านเรือน ตลอดจนถูกกองทหารรัฐยิวสั่งอพยพโยกย้ายไปเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อน นำไปสู่วิกฤตความอดอยาก และหลายฝ่ายตั้งข้อกล่าวหาอิสราเอลว่ามีพฤติการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากนั้นกองทหารอิสราเอลยังปฏิบัติการกวาดล้างในระดับที่เบาบางลงมาในเขตเวสต์แบงก์ และล่าสุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐยิวได้เปิดการโจมตีทางอากาศ ตลอดจนส่งกำลังภาคพื้นดินบุกเข้าไปในเลบานอน
    .
    ในวันเสาร์ ที่กรุงวอชิงตัน ผู้ประท้วงที่โกรธแค้นกว่าพันคนชุมนุมหน้าทำเนียบขาว เรียกร้องให้อเมริกายุติการช่วยเหลือทางทหารและด้านอื่นๆ แก่อิสราเอล หลายคนชูธงปาเลสไตน์และเลบานอน
    .
    หลังจากการชุมนุมผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง มีชายผู้หนึ่งได้เข้าไปยังบริเวณที่มีการชุมนุม และพยายามจุดไฟเผาตัวเอง เขาประสบความสำเร็จในการจุดไฟให้เผาไหม้แขนซ้ายของตัวเอง ก่อนถูกผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ และตำรวจเข้าไปช่วยดับไฟได้ทันและนำส่งโรงพยาบาล โดยมีอาการบาดเจ็บที่ตำรวจระบุว่า ไม่มีอันตรายถึงชีวิต
    .
    ที่นิวยอร์ก คนนับพันชุมนุมกันที่ย่านไทม์สแควร์ บางคนถือรูปผู้เสียชีวิตในการโจมตีกาซาของอิสราเอล นอกจากนี้ ยังมีผู้ประท้วงในลอสแองเจลิสเรียกร้องให้ยุติ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ในกาซา
    .
    สำหรับที่ลอนดอน แอ็กเนส คอรี หนึ่งในผู้เข้าร่วมประท้วงที่นี่บอกว่า รัฐบาลอิสราเอลไม่รับฟังความหวังดีจากทั่วโลก แต่กลับเดินหน้ากระทำการป่าเถื่อนโหดร้ายในกาซา และขยายไปยังเลบานอนและเยเมน นอกจากนั้นยังอาจลามไปถึงอิหร่าน ขณะที่รัฐบาลอังกฤษป่าวประกาศว่า ไม่เห็นด้วย ทว่า ยังคงป้อนอาวุธให้อิสราเอลเช่นเดิม
    .
    อย่างไรก็ดี มีกลุ่มต่อต้านการประท้วงยืนโบกธงชาติอิสราเอลในบางจุดที่ขบวนผู้สนับสนุนปาเลสไตน์เดินขบวนผ่าน และตำรวจเผยว่า มีผู้ถูกจับกุม 15 คน แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุการจับกุม และไม่ได้ระบุว่า ผู้ถูกจับเป็นฝ่ายใด
    .
    ที่โรม อิตาลี ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่ฝูงชนหลังมีการปะทะกับตำรวจ รายงานระบุว่า ผู้ประท้วงราว 6,000 คนฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินขบวนในย่านใจกลางเมืองก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีการโจมตีอิสราเอลของฮามาส
    .
    ที่เบอร์ลิน ผู้ประท้วงราว 1,000 คนโบกธงปาเลสไตน์ พร้อมตะโกน “1 ปีของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” และมีการปะทะกับตำรวจ นอกจากนั้นยังมีการชุมนุมของกลุ่มประท้วงกระแสต่อต้านชาวยิวที่กำลังปะทุขึ้นในเยอรมนี
    .
    ในฝรั่งเศส ผู้คนหลายพันออกมาเดินขบวนในกรุงปารีส ลียง ตูลุส บอร์กโด และสตาร์สบูร์ก เพื่อแดสงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์
    .
    ที่กรุงมาดริด ผู้คนราว 5,000 คนเข้าร่วมการประท้วงเพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจชาวปาเลสไตน์ โดยถือป้ายเขียนข้อความอย่างเช่น “บอยคอตต์อิสราเอล”
    .
    ที่มะนิลา นักเคลื่อนไหวปะทะกับตำรวจปราบจลาจล หลังถูกห้ามไม่ให้ชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตอเมริกาเพื่อแสดงการคัดค้านที่วอชิงตันสนับสนุนอิสราเอล
    .
    ที่จาการ์ตา ผู้สนับสนุนปาเลสไตน์อย่างน้อย 1,000 คนชุมนุมใกล้สถานเอกอัครราชทูตอเมริกาเมื่อเช้าวันอาทิตย์ (6 ต.ค.) เรียกร้องให้วอชิงตันยุติการจัดหาอาวุธให้อิสราเอล
    .
    รายงานยังคาดว่า จะยังคงมีการชุมนุมต่อต้านสงครามกาซาในหลายเมืองในวันอาทิตย์ (6 ต.ค.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095168
    ..............
    Sondhi X
    ชายคนหนึ่งพยายามจุดไฟเผาตัวเองระหว่างการชุมนุมที่กรุงวอชิงตันเรียกร้องอเมริกายุติการช่วยเหลืออิสราเอลเมื่อวันเสาร์ (5 ต.ค.) นอกจากนั้น ยังมีผู้คนหลายหมื่นชุมนุมตามเมืองใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลก เรียกร้องให้ยุติสงครามนองเลือดในกาซาที่กำลังจะครบรอบ 1 ปี ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) รวมทั้งการสู้รบที่กำลังลุกลามไปในตะวันออกกลาง . ที่กรุงลอนดอน ผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ราว 40,000 คนเดินขบวนไปตามถนนใจกลางเมือง ขณะที่มีผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนรวมตัวกันในหลายเมืองหลวงของยุโรปอย่าง ปารีส โรม มาดริด เมืองหลวงของเอเชียอย่าง มะนิลา จาการ์ตา เมืองใหญ่ๆ ในออสเตรเลียอย่างซิดนีย์ เมืองใหญ่ในแอฟริกา อย่างเคป ทาวน์ ของแอฟริกาใต้ และเมืองหลวงของอเมริกาใต้อย่างบัวโนสไอเรส ตลอดจนหลายเมืองของสหรัฐฯ อย่างนิวยอร์กซิตี้ และกรุงวอชิงตัน โดยที่เมืองหลวงสหรัฐฯ นั้นมีการชุมนุมใกล้ทำเนียบขาวเพื่อประท้วงที่อเมริกายังคงให้การสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลทั้งในกาซาและเลบานอน . การสู้รบนองเลือดและการเข่นฆ่าพลเรือนกันอย่างไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ทางมนุษยธรรมครั้งล่าสุดนี้ เปิดฉากขึ้นด้วยการสู้รบขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งปะทุจากเหตุการณ์กลุ่มนักรบฮามาสบุกข้ามแดนเข้าไปโจมตีทางใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว สังหารเหยื่อ 1,200 คน และจับตัวประกันราว 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา แล้วอิสราเอลตอบโต้ทันทีด้วยการเปิดปฏิบัติการถล่มโจมตีทางอากาศและการใช้กำลังทหารรุกทางภาคพื้นดินในดินแดนฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้เกือบ 42,000 คน รวมทั้งมีชาวปาเลสไตน์เกือบ 2.3 ล้านคนต้องทิ้งบ้านเรือน ตลอดจนถูกกองทหารรัฐยิวสั่งอพยพโยกย้ายไปเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อน นำไปสู่วิกฤตความอดอยาก และหลายฝ่ายตั้งข้อกล่าวหาอิสราเอลว่ามีพฤติการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากนั้นกองทหารอิสราเอลยังปฏิบัติการกวาดล้างในระดับที่เบาบางลงมาในเขตเวสต์แบงก์ และล่าสุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐยิวได้เปิดการโจมตีทางอากาศ ตลอดจนส่งกำลังภาคพื้นดินบุกเข้าไปในเลบานอน . ในวันเสาร์ ที่กรุงวอชิงตัน ผู้ประท้วงที่โกรธแค้นกว่าพันคนชุมนุมหน้าทำเนียบขาว เรียกร้องให้อเมริกายุติการช่วยเหลือทางทหารและด้านอื่นๆ แก่อิสราเอล หลายคนชูธงปาเลสไตน์และเลบานอน . หลังจากการชุมนุมผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง มีชายผู้หนึ่งได้เข้าไปยังบริเวณที่มีการชุมนุม และพยายามจุดไฟเผาตัวเอง เขาประสบความสำเร็จในการจุดไฟให้เผาไหม้แขนซ้ายของตัวเอง ก่อนถูกผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ และตำรวจเข้าไปช่วยดับไฟได้ทันและนำส่งโรงพยาบาล โดยมีอาการบาดเจ็บที่ตำรวจระบุว่า ไม่มีอันตรายถึงชีวิต . ที่นิวยอร์ก คนนับพันชุมนุมกันที่ย่านไทม์สแควร์ บางคนถือรูปผู้เสียชีวิตในการโจมตีกาซาของอิสราเอล นอกจากนี้ ยังมีผู้ประท้วงในลอสแองเจลิสเรียกร้องให้ยุติ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ในกาซา . สำหรับที่ลอนดอน แอ็กเนส คอรี หนึ่งในผู้เข้าร่วมประท้วงที่นี่บอกว่า รัฐบาลอิสราเอลไม่รับฟังความหวังดีจากทั่วโลก แต่กลับเดินหน้ากระทำการป่าเถื่อนโหดร้ายในกาซา และขยายไปยังเลบานอนและเยเมน นอกจากนั้นยังอาจลามไปถึงอิหร่าน ขณะที่รัฐบาลอังกฤษป่าวประกาศว่า ไม่เห็นด้วย ทว่า ยังคงป้อนอาวุธให้อิสราเอลเช่นเดิม . อย่างไรก็ดี มีกลุ่มต่อต้านการประท้วงยืนโบกธงชาติอิสราเอลในบางจุดที่ขบวนผู้สนับสนุนปาเลสไตน์เดินขบวนผ่าน และตำรวจเผยว่า มีผู้ถูกจับกุม 15 คน แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุการจับกุม และไม่ได้ระบุว่า ผู้ถูกจับเป็นฝ่ายใด . ที่โรม อิตาลี ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่ฝูงชนหลังมีการปะทะกับตำรวจ รายงานระบุว่า ผู้ประท้วงราว 6,000 คนฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินขบวนในย่านใจกลางเมืองก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีการโจมตีอิสราเอลของฮามาส . ที่เบอร์ลิน ผู้ประท้วงราว 1,000 คนโบกธงปาเลสไตน์ พร้อมตะโกน “1 ปีของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” และมีการปะทะกับตำรวจ นอกจากนั้นยังมีการชุมนุมของกลุ่มประท้วงกระแสต่อต้านชาวยิวที่กำลังปะทุขึ้นในเยอรมนี . ในฝรั่งเศส ผู้คนหลายพันออกมาเดินขบวนในกรุงปารีส ลียง ตูลุส บอร์กโด และสตาร์สบูร์ก เพื่อแดสงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ . ที่กรุงมาดริด ผู้คนราว 5,000 คนเข้าร่วมการประท้วงเพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจชาวปาเลสไตน์ โดยถือป้ายเขียนข้อความอย่างเช่น “บอยคอตต์อิสราเอล” . ที่มะนิลา นักเคลื่อนไหวปะทะกับตำรวจปราบจลาจล หลังถูกห้ามไม่ให้ชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตอเมริกาเพื่อแสดงการคัดค้านที่วอชิงตันสนับสนุนอิสราเอล . ที่จาการ์ตา ผู้สนับสนุนปาเลสไตน์อย่างน้อย 1,000 คนชุมนุมใกล้สถานเอกอัครราชทูตอเมริกาเมื่อเช้าวันอาทิตย์ (6 ต.ค.) เรียกร้องให้วอชิงตันยุติการจัดหาอาวุธให้อิสราเอล . รายงานยังคาดว่า จะยังคงมีการชุมนุมต่อต้านสงครามกาซาในหลายเมืองในวันอาทิตย์ (6 ต.ค.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095168 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    15
    2 Comments 0 Shares 1043 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลถล่มหนักทั้งเลบานอนและกาซา ขณะกองทัพประกาศเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ฮามาสบุกโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว รวมทั้งเตรียมพร้อมเอาคืนการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้
    .
    พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวเมื่อวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่า กองทัพเตรียมพร้อมและได้ระดมกำลังเพิ่มก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีการบุกโจมตีของฮามาสในวันจันทร์ (7 ต.ค.)
    .
    เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนั้น ฮามาสยังจับตัวประกันราว 250 คนไปคุมขังในกาซา และผ่านมาหนึ่งปี สงครามการแก้แค้นของอิสราเอลในกาซายังคงดำเนินอยู่ และอิสราเอลยังขยายเป้าหมายไปโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
    .
    กองทัพอิสราเอลระบุว่า สังหารนักรบฮิซบอลเลาะห์ราว 440 คนจากปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินและการโจมตีทางอากาศนับจากวันจันทร์ที่แล้ว (29 ก.ย.) ที่กองทัพเริ่มบุกภาคพื้นดินเข้าสู่เลบานอน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำชาวอิสราเอลกลับคืนถิ่นฐานบริเวณชายแดนด้านเหนือติดกับเลบานอนอย่างปลอดภัย หลังจากต้องทิ้งไปเกือบปีเนื่องจากบริเวณดังกล่าวถูกฮิซบอลเลาะห์ระดมโจมตีด้วยจรวดอย่างต่อเนื่อง
    .
    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล ประกาศว่า อิหร่านเป็น “ภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง” หลังจากเตหะรานที่ให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธทั่วตะวันออกกลาง ยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันอังคารที่แล้ว (30 ก.ย.) เพื่อล้างแค้นที่อิสราเอลสังหารผู้นำระดับสูงหลายคนของฮิซบอลเลาะห์และฮามาส
    .
    การโจมตีดังกล่าวทำให้ชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์เสียชีวิต 1 คน และฐานทัพอากาศอิสราเอลแห่งหนึ่งเสียหาย
    .
    เจ้าหน้าที่ทหารอิสราเอลคนหนึ่งเผยว่า กองทัพกำลังเตรียมการตอบโต้อิหร่าน
    .
    ทางด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ระบุว่าอิหร่านโจมตีดินแดนอิสราเอล 2 ครั้งด้วยขีปนาวุธหลายร้อยลูกนับจากเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อิสราเอลจึงมีหน้าที่และมีสิทธิในการปกป้องตนเองและตอบโต้การโจมตีเหล่านั้น
    .
    ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ทางกลุ่มไม่สามารถติดต่อฮาเชม ซาฟิดดีน ที่คาดว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำกลุ่มคนใหม่ หลังจากอิสราเอลโจมตีใกล้สนามบินนานาชาติในกรุงเบรุตของเลบานอนเมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.)
    .
    ทั้งนี้ ฮิซบอลเลาะห์ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้นำใหม่แทนฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วจากการโจมตีครั้งใหญ่ในเบรุต
    .
    กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังเผยว่า นักรบของกลุ่มได้ปะทะกับกองทัพอิสราเอลบริเวณชายแดนทางใต้ของเลบานอน และอ้างว่า สามารถขับไล่ทหารอิสราเอลออกจากหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่งเมื่อเช้าวันอาทิตย์ นอกจากนั้น ยังยิงจรวดโจมตีขณะกองกำลังอิสราเอลอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งส่งโดรนโจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งของอิสราเอล
    .
    อย่างไรก็ดี สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนรายงานว่า ที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเบรุตถูกโจมตีกว่า 30 ระลอก โดยปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งและคลังจัดเก็บเวชภัณฑ์อีกแห่งถูกโจมตีด้วย
    .
    ด้านกองทัพอิสราเอลแถลงว่า ได้โจมตีคลังอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ โดยพยายามลดความเสี่ยงต่อพลเรือน
    .
    ข้อมูลจากทางการเลบานอนระบุว่า การโจมตีฮิซบอลเลาะห์ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,110 คนทั่วเลบานอนนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.
    .
    นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิกาติ ของเลบานอน เรียกร้องนานาชาติกดดันอิสราเอลให้หยุดยิง
    .
    ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงว่า เลบานอนกำลังเผชิญวิฤตร้ายแรง และเตือนว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลส่งผลให้ประชาชนนับแสนต้องยากจนขัดสนหรือทิ้งถิ่นฐาน และโรงพยาบาลอย่างน้อย 4 แห่งปิดทำการ
    .
    นอกจากนั้น กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นในเลบานอนยังเผยว่า ได้ปฏิเสธการร้องขอของกองทัพอิสราเอลให้ย้ายที่ตั้งบางแห่งออกจากตอนใต้ของเลบานอน
    .
    อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องอีกครั้งให้หยุดยิงทั้งในกาซาและเลบานอน พร้อมขู่อิสราเอลจะถูกตอบโต้รุนแรงขึ้นหากโจมตีอิหร่าน
    .
    ที่กาซา สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิสราเอลได้โจมตีมัสยิดและโรงเรียนแห่งหนึ่งในเดียร์ อัล-บาลาห์ตอนกลางของกาซา ซึ่งเป็นที่หลบภัยของประชาชน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน และบาดเจ็บ 93 คน
    .
    ขณะที่อิสราเอลยืนยันว่า ได้โจมตีอย่างแม่นยำต่อกลุ่มก่อการร้ายฮามาสในศูนย์บัญชาการในโรงเรียนและมัสยิดดังกล่าว
    .
    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ยังเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คนทางตอนเหนือของกาซานับจากคืนวันเสาร์ หลังจากอิสราเอลเตือนให้ชาวบ้านอพยพออกไปก่อนส่งรถถังเข้าโจมตี ขณะที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลกาซาแถลงว่า ช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีบ้านเรือน โรงเรียน และที่หลบภัย 27 แห่งทั่วกาซา
    .
    นอกจากนั้นในวันเสาร์ กองทัพอิสราเอลยังออกคำสั่งอพยพครั้งใหม่ในพื้นที่หลายส่วนในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของกาซา รวมทั้งนำรถถังบุกเข้าสู่เบตลาฮิยา และจาบาเลียทางเหนือของกาซาเมื่อคืนวันเสาร์ พร้อมส่งเครื่องบินโจมตีบ้านหลายหลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน
    .
    ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพอิสราเอลเผยว่า ได้ปิดล้อมจาบาเลียหลังได้รับข่าวกรองว่า ฮามาสกำลังพยายามซ่องสุมกำลังขึ้นมาใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว
    .
    ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41,780 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095167
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลถล่มหนักทั้งเลบานอนและกาซา ขณะกองทัพประกาศเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ฮามาสบุกโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว รวมทั้งเตรียมพร้อมเอาคืนการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ . พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวเมื่อวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่า กองทัพเตรียมพร้อมและได้ระดมกำลังเพิ่มก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีการบุกโจมตีของฮามาสในวันจันทร์ (7 ต.ค.) . เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนั้น ฮามาสยังจับตัวประกันราว 250 คนไปคุมขังในกาซา และผ่านมาหนึ่งปี สงครามการแก้แค้นของอิสราเอลในกาซายังคงดำเนินอยู่ และอิสราเอลยังขยายเป้าหมายไปโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน . กองทัพอิสราเอลระบุว่า สังหารนักรบฮิซบอลเลาะห์ราว 440 คนจากปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินและการโจมตีทางอากาศนับจากวันจันทร์ที่แล้ว (29 ก.ย.) ที่กองทัพเริ่มบุกภาคพื้นดินเข้าสู่เลบานอน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำชาวอิสราเอลกลับคืนถิ่นฐานบริเวณชายแดนด้านเหนือติดกับเลบานอนอย่างปลอดภัย หลังจากต้องทิ้งไปเกือบปีเนื่องจากบริเวณดังกล่าวถูกฮิซบอลเลาะห์ระดมโจมตีด้วยจรวดอย่างต่อเนื่อง . ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล ประกาศว่า อิหร่านเป็น “ภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง” หลังจากเตหะรานที่ให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธทั่วตะวันออกกลาง ยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันอังคารที่แล้ว (30 ก.ย.) เพื่อล้างแค้นที่อิสราเอลสังหารผู้นำระดับสูงหลายคนของฮิซบอลเลาะห์และฮามาส . การโจมตีดังกล่าวทำให้ชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์เสียชีวิต 1 คน และฐานทัพอากาศอิสราเอลแห่งหนึ่งเสียหาย . เจ้าหน้าที่ทหารอิสราเอลคนหนึ่งเผยว่า กองทัพกำลังเตรียมการตอบโต้อิหร่าน . ทางด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ระบุว่าอิหร่านโจมตีดินแดนอิสราเอล 2 ครั้งด้วยขีปนาวุธหลายร้อยลูกนับจากเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อิสราเอลจึงมีหน้าที่และมีสิทธิในการปกป้องตนเองและตอบโต้การโจมตีเหล่านั้น . ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ทางกลุ่มไม่สามารถติดต่อฮาเชม ซาฟิดดีน ที่คาดว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำกลุ่มคนใหม่ หลังจากอิสราเอลโจมตีใกล้สนามบินนานาชาติในกรุงเบรุตของเลบานอนเมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.) . ทั้งนี้ ฮิซบอลเลาะห์ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้นำใหม่แทนฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วจากการโจมตีครั้งใหญ่ในเบรุต . กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังเผยว่า นักรบของกลุ่มได้ปะทะกับกองทัพอิสราเอลบริเวณชายแดนทางใต้ของเลบานอน และอ้างว่า สามารถขับไล่ทหารอิสราเอลออกจากหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่งเมื่อเช้าวันอาทิตย์ นอกจากนั้น ยังยิงจรวดโจมตีขณะกองกำลังอิสราเอลอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งส่งโดรนโจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งของอิสราเอล . อย่างไรก็ดี สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนรายงานว่า ที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเบรุตถูกโจมตีกว่า 30 ระลอก โดยปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งและคลังจัดเก็บเวชภัณฑ์อีกแห่งถูกโจมตีด้วย . ด้านกองทัพอิสราเอลแถลงว่า ได้โจมตีคลังอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ โดยพยายามลดความเสี่ยงต่อพลเรือน . ข้อมูลจากทางการเลบานอนระบุว่า การโจมตีฮิซบอลเลาะห์ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,110 คนทั่วเลบานอนนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. . นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิกาติ ของเลบานอน เรียกร้องนานาชาติกดดันอิสราเอลให้หยุดยิง . ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงว่า เลบานอนกำลังเผชิญวิฤตร้ายแรง และเตือนว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลส่งผลให้ประชาชนนับแสนต้องยากจนขัดสนหรือทิ้งถิ่นฐาน และโรงพยาบาลอย่างน้อย 4 แห่งปิดทำการ . นอกจากนั้น กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นในเลบานอนยังเผยว่า ได้ปฏิเสธการร้องขอของกองทัพอิสราเอลให้ย้ายที่ตั้งบางแห่งออกจากตอนใต้ของเลบานอน . อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องอีกครั้งให้หยุดยิงทั้งในกาซาและเลบานอน พร้อมขู่อิสราเอลจะถูกตอบโต้รุนแรงขึ้นหากโจมตีอิหร่าน . ที่กาซา สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิสราเอลได้โจมตีมัสยิดและโรงเรียนแห่งหนึ่งในเดียร์ อัล-บาลาห์ตอนกลางของกาซา ซึ่งเป็นที่หลบภัยของประชาชน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน และบาดเจ็บ 93 คน . ขณะที่อิสราเอลยืนยันว่า ได้โจมตีอย่างแม่นยำต่อกลุ่มก่อการร้ายฮามาสในศูนย์บัญชาการในโรงเรียนและมัสยิดดังกล่าว . เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ยังเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คนทางตอนเหนือของกาซานับจากคืนวันเสาร์ หลังจากอิสราเอลเตือนให้ชาวบ้านอพยพออกไปก่อนส่งรถถังเข้าโจมตี ขณะที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลกาซาแถลงว่า ช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีบ้านเรือน โรงเรียน และที่หลบภัย 27 แห่งทั่วกาซา . นอกจากนั้นในวันเสาร์ กองทัพอิสราเอลยังออกคำสั่งอพยพครั้งใหม่ในพื้นที่หลายส่วนในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของกาซา รวมทั้งนำรถถังบุกเข้าสู่เบตลาฮิยา และจาบาเลียทางเหนือของกาซาเมื่อคืนวันเสาร์ พร้อมส่งเครื่องบินโจมตีบ้านหลายหลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน . ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพอิสราเอลเผยว่า ได้ปิดล้อมจาบาเลียหลังได้รับข่าวกรองว่า ฮามาสกำลังพยายามซ่องสุมกำลังขึ้นมาใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว . ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41,780 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095167 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    Love
    Yay
    9
    0 Comments 0 Shares 1052 Views 0 Reviews
  • อีกสัปดาห์​นึงจะถึงวันครบรอบที่เทวดาเสด็จ​กลับสวรรค์​อีกปีนึงแล้ว.
    จริงๆคิดถึงท่านตลอด​ แต่พอเข้าเดือนนี้(กับเดือนธันวาคม)​จะคิดถึงท่านเป็นพิเศษ...
    คิดถึงท่านเหลือเกิน
    https://youtu.be/7dZD3jrIxzI?si=z5cFU9lvW2iiSvFG
    อีกสัปดาห์​นึงจะถึงวันครบรอบที่เทวดาเสด็จ​กลับสวรรค์​อีกปีนึงแล้ว. จริงๆคิดถึงท่านตลอด​ แต่พอเข้าเดือนนี้(กับเดือนธันวาคม)​จะคิดถึงท่านเป็นพิเศษ... คิดถึงท่านเหลือเกิน https://youtu.be/7dZD3jrIxzI?si=z5cFU9lvW2iiSvFG
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • 7 ตุลารำลึก 16 ปี ถึงความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 4
    .
    งาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว"ครั้งต่อไป ผมประกาศไปแล้วจะจัด วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 แต่งวดนี้เราจัดที่หอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เดิมทีค่าบัตรเราคิด 500 บาท แต่วันนี้เราจะลดเหลือแค่ 300 บาท เดิมทีตั้งไว้ 200 บาท แล้วก็ไปซื้อข้าวกินตอนเที่ยงกันเอง แต่ตอนนี้เป็น 300 บาทแล้ว เพื่ออะไร ? ใครซื้อบัตรจ่าย 300 บาท ได้อาหารกล่องที่เราทำให้ทานทุกครั้ง อร่อยมาก 1 กล่อง มูลค่า 100 บาท
    .
    ถ้าใครไม่อยากพลาด ตอนนี้เราเริ่มเปิดให้จองผ่านไลน์ (LINE) @sondhitalk ผมเตือนหน่อยครับ เพราะที่นั่งโซนหน้าเต็มเร็วมาก แล้วงานครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ ไปเลยนะครับ หอประชุมใหญ่ จะครื้นเครงมาก สิบโมงเช้า เราจะเปิดด้วยวงดนตรีหลายวง ซึ่งตอนนี้กำลังติดต่อมาลีฮวนนาอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่ว่าคาราวาน แฮมเมอร์ และศิลปินอีกหลายคนที่เคยเป็นแฟนเก่าๆ ของพวกเรา พอเที่ยงก็จะมีการรับประทานอาหารกันก่อน บ่ายโมงค่อยเริ่มรายการต่อไป และจะเป็นรายการที่มีความหลากหลายมาก ท่านผู้ชมจะไม่มีวันผิดหวังอย่างแน่นอน
    .
    วันที่ 7 ตุลาคมนี้ ครบรอบ 16 ปีของการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนที่เสียชีวิตไป จะเป็นการทำบุญใหญ่ ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ เจ็ดโมงเช้า ทำบุญตักบาตรพระป่า หลังจากนั้นจะมีการปราศรัยจากอดีตแกนนำ มีผม มีอาจารย์ปานเทพ มีคุณมาลีรัตน์ แก้วก่า โน่นนี่นั่น แล้วต่อด้วยคอนเสิร์ตแฮมเมอร์ พร้อมด้วยศิลปินอื่นๆ ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ
    7 ตุลารำลึก 16 ปี ถึงความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 4 . งาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว"ครั้งต่อไป ผมประกาศไปแล้วจะจัด วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 แต่งวดนี้เราจัดที่หอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เดิมทีค่าบัตรเราคิด 500 บาท แต่วันนี้เราจะลดเหลือแค่ 300 บาท เดิมทีตั้งไว้ 200 บาท แล้วก็ไปซื้อข้าวกินตอนเที่ยงกันเอง แต่ตอนนี้เป็น 300 บาทแล้ว เพื่ออะไร ? ใครซื้อบัตรจ่าย 300 บาท ได้อาหารกล่องที่เราทำให้ทานทุกครั้ง อร่อยมาก 1 กล่อง มูลค่า 100 บาท . ถ้าใครไม่อยากพลาด ตอนนี้เราเริ่มเปิดให้จองผ่านไลน์ (LINE) @sondhitalk ผมเตือนหน่อยครับ เพราะที่นั่งโซนหน้าเต็มเร็วมาก แล้วงานครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ ไปเลยนะครับ หอประชุมใหญ่ จะครื้นเครงมาก สิบโมงเช้า เราจะเปิดด้วยวงดนตรีหลายวง ซึ่งตอนนี้กำลังติดต่อมาลีฮวนนาอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่ว่าคาราวาน แฮมเมอร์ และศิลปินอีกหลายคนที่เคยเป็นแฟนเก่าๆ ของพวกเรา พอเที่ยงก็จะมีการรับประทานอาหารกันก่อน บ่ายโมงค่อยเริ่มรายการต่อไป และจะเป็นรายการที่มีความหลากหลายมาก ท่านผู้ชมจะไม่มีวันผิดหวังอย่างแน่นอน . วันที่ 7 ตุลาคมนี้ ครบรอบ 16 ปีของการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนที่เสียชีวิตไป จะเป็นการทำบุญใหญ่ ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ เจ็ดโมงเช้า ทำบุญตักบาตรพระป่า หลังจากนั้นจะมีการปราศรัยจากอดีตแกนนำ มีผม มีอาจารย์ปานเทพ มีคุณมาลีรัตน์ แก้วก่า โน่นนี่นั่น แล้วต่อด้วยคอนเสิร์ตแฮมเมอร์ พร้อมด้วยศิลปินอื่นๆ ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ
    Like
    Love
    Yay
    32
    0 Comments 1 Shares 1383 Views 1 Reviews
  • ขอเชิญประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแข่งขันการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรไทย-จีน
    ในโอกาสนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ลงแข่งขันในนามทีมชาติไทย ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2567 เวลา 18.00 น. ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ทั้งสองประเทศมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกันมาอย่างยาวนาน

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB: สำนักประชาสัมพันธ์ เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์
    ขอเชิญประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแข่งขันการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรไทย-จีน ในโอกาสนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ลงแข่งขันในนามทีมชาติไทย ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2567 เวลา 18.00 น. ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ทั้งสองประเทศมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกันมาอย่างยาวนาน #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB: สำนักประชาสัมพันธ์ เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์
    Love
    Like
    8
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรียกร้องในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ให้ระงับป้อนอาวุธแก่อิสราเอลที่ใช้ในฉนวนกาซา ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดจากเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล
    .
    นอกจากนี้ มาครง ยังวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล ต่อการตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นที่ในเลบานอนด้วยเช่นกัน "ผมคิดว่าวันนี้ เป้าหมายลำดับต้นๆ คือการกลับสู่ทางออกทางการเมือง เราควรหยุดป้อนอาวุธที่ใช้สู้รบในกาซา" ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแดนน้ำหอม "ฝรั่งเศสจะไม่ป้อนอาวุธใดๆ"
    .
    มาครง เน้นย้ำความกังวลของเขาที่มีต่อความขัดแย้งในกาซาที่ยังคงเป็นไปอย่างเลวร้าย แม้มีเสียงเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับข้อตกลงหยุดยิง "เราคิดว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของเรา ผมคิดว่ามันคือความผิดพลาด ในนั้นรวมถึงสำหรับความมั่นคงของอิสราเอล" เขากล่าว พร้อมระบุว่าความขัดแย้งกำลังนำมาซึ่งความเกลียดชัง
    .
    ความเห็นของเขาเรียกเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดมาจาก เนทันยาฮู "ในขณะที่อิสราเอลกำลังสู้รบกับกองกำลังที่ป่าเถื่อนทั้งหลายที่นำโดยอิหร่าน พวกประเทศศิวิไลซ์ทั้งหมดควรยืนหยัดอยู่เคียงข้างอิสราเอล" เนทันยาฮูระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยทำเนียบนายกรัฐมตรีอิสราเอล "แต่ประธานาธิบดีมาครง และพวกผู้นำตะวันตกคนอื่นๆ ตอนนี้กลับมาเรียกร้องให้ใช้มาตรการปิดล้อมทางอาวุธกับอิสราเอล พวกเขามันน่าอดสู"
    .
    อิสราเอลสู้รบในสงครามในหลายแนวหน้ากับบรรดากลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่อริตัวฉกาจ
    .
    ทำเนียบของประธานาธิบดีมาครง เผยแพร่ถ้อยแถลงของตนเองเช่นกันในช่วงค่ำวันเสาร์ (5 ต.ค.) ตอบโต้ความเห็นของผู้นำอิสราเอล "ฝรั่งเศสเป็นมิตรที่แน่วแน่ของอิสราเอล" พร้อมระบุปฏิกิริยาตอบสนองของเนทันยาฮู "นั้นเลยเถิดเกินไปและไม่ใกล้เคียงความเป็นมิตรระหว่างฝรั่งเศสกับอิสราเอล"
    .
    ระหว่างการให้สัมภาษณ์ มาครง ยังบอกว่าควรให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายในเลบานอน "เลบานอนไม่อาจเป็นอีกหนึ่งกาซา" เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องของปารีสและวอชิงตันเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง "ผมเสียใจที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเลือกทางเลือกอื่น เขาต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปฏิบัติการทางภาคพื้นในแผ่นดินของเลบานอน"
    .
    สมาชิก 88 รัฐขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (OIF) ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศสและแคนาดา เรียกร้องการหยุดยิงในทันทีและยั่งยืนในเลบานอน อย่างไรก็ตาม มาครง เน้นย้ำเกี่ยวกับสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล และเปิดเผยว่าเขาจะพบปะกับบรรดาญาติๆ ของตัวประกันเชื้อสายฝรั่งเศส-อิสราอล ที่เคยถูกควบคุมตัวในกาซา ในวันจันทร์ (7 ต.ค.)
    .
    ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) ถือเป็นวาระครบรอบ 1 ปี ที่อิสราเอลถูกพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาสบุกจู่โจมอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา และเวลานี้แผ่ลามไปยังเลบานอน ประเทศที่อยู่ติดกัน ก่อวิกฤตในภูมิภาค
    .
    ผลจากปฏิบัติการโจมตีของฮามาส ได้ปลิดชีพไป 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานแก้แค้นของอิสราเอลถล่มกาซา ได้สังหารไปแล้วอย่างน้อย 41,825 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094758
    ..................
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรียกร้องในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ให้ระงับป้อนอาวุธแก่อิสราเอลที่ใช้ในฉนวนกาซา ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดจากเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล . นอกจากนี้ มาครง ยังวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล ต่อการตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นที่ในเลบานอนด้วยเช่นกัน "ผมคิดว่าวันนี้ เป้าหมายลำดับต้นๆ คือการกลับสู่ทางออกทางการเมือง เราควรหยุดป้อนอาวุธที่ใช้สู้รบในกาซา" ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแดนน้ำหอม "ฝรั่งเศสจะไม่ป้อนอาวุธใดๆ" . มาครง เน้นย้ำความกังวลของเขาที่มีต่อความขัดแย้งในกาซาที่ยังคงเป็นไปอย่างเลวร้าย แม้มีเสียงเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับข้อตกลงหยุดยิง "เราคิดว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของเรา ผมคิดว่ามันคือความผิดพลาด ในนั้นรวมถึงสำหรับความมั่นคงของอิสราเอล" เขากล่าว พร้อมระบุว่าความขัดแย้งกำลังนำมาซึ่งความเกลียดชัง . ความเห็นของเขาเรียกเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดมาจาก เนทันยาฮู "ในขณะที่อิสราเอลกำลังสู้รบกับกองกำลังที่ป่าเถื่อนทั้งหลายที่นำโดยอิหร่าน พวกประเทศศิวิไลซ์ทั้งหมดควรยืนหยัดอยู่เคียงข้างอิสราเอล" เนทันยาฮูระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยทำเนียบนายกรัฐมตรีอิสราเอล "แต่ประธานาธิบดีมาครง และพวกผู้นำตะวันตกคนอื่นๆ ตอนนี้กลับมาเรียกร้องให้ใช้มาตรการปิดล้อมทางอาวุธกับอิสราเอล พวกเขามันน่าอดสู" . อิสราเอลสู้รบในสงครามในหลายแนวหน้ากับบรรดากลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่อริตัวฉกาจ . ทำเนียบของประธานาธิบดีมาครง เผยแพร่ถ้อยแถลงของตนเองเช่นกันในช่วงค่ำวันเสาร์ (5 ต.ค.) ตอบโต้ความเห็นของผู้นำอิสราเอล "ฝรั่งเศสเป็นมิตรที่แน่วแน่ของอิสราเอล" พร้อมระบุปฏิกิริยาตอบสนองของเนทันยาฮู "นั้นเลยเถิดเกินไปและไม่ใกล้เคียงความเป็นมิตรระหว่างฝรั่งเศสกับอิสราเอล" . ระหว่างการให้สัมภาษณ์ มาครง ยังบอกว่าควรให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายในเลบานอน "เลบานอนไม่อาจเป็นอีกหนึ่งกาซา" เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องของปารีสและวอชิงตันเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง "ผมเสียใจที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเลือกทางเลือกอื่น เขาต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปฏิบัติการทางภาคพื้นในแผ่นดินของเลบานอน" . สมาชิก 88 รัฐขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (OIF) ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศสและแคนาดา เรียกร้องการหยุดยิงในทันทีและยั่งยืนในเลบานอน อย่างไรก็ตาม มาครง เน้นย้ำเกี่ยวกับสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล และเปิดเผยว่าเขาจะพบปะกับบรรดาญาติๆ ของตัวประกันเชื้อสายฝรั่งเศส-อิสราอล ที่เคยถูกควบคุมตัวในกาซา ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) . ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) ถือเป็นวาระครบรอบ 1 ปี ที่อิสราเอลถูกพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาสบุกจู่โจมอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา และเวลานี้แผ่ลามไปยังเลบานอน ประเทศที่อยู่ติดกัน ก่อวิกฤตในภูมิภาค . ผลจากปฏิบัติการโจมตีของฮามาส ได้ปลิดชีพไป 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานแก้แค้นของอิสราเอลถล่มกาซา ได้สังหารไปแล้วอย่างน้อย 41,825 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094758 .................. Sondhi X
    Like
    Yay
    Haha
    13
    0 Comments 0 Shares 1306 Views 0 Reviews
  • รำลึก 16 ปี 7 ตุลา

    เชิญพี่น้องพันธมิตรทำบุญครบรอบ 16 ปี 7 ตุลา รำลึก
    ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์

    - ทำบุญตักบาตรพระป่า
    - ฟังการปราศรัยจากอดีตแกนนำพันธมิตรฯ
    อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ , รสนา โตสิตระกูล , มาลีรัตน์ แก้วก่า , ศิริชัย ไม้งาม
    - คอนเสิร์ตแฮมเมอร์ พร้อมด้วยศิลปินอื่นๆ

    16 ปี 7 ตุลา รำลึก 16 ปีแห่งการจากลาต้องไม่สูญเปล่า
    รำลึก 16 ปี 7 ตุลา เชิญพี่น้องพันธมิตรทำบุญครบรอบ 16 ปี 7 ตุลา รำลึก ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ - ทำบุญตักบาตรพระป่า - ฟังการปราศรัยจากอดีตแกนนำพันธมิตรฯ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ , รสนา โตสิตระกูล , มาลีรัตน์ แก้วก่า , ศิริชัย ไม้งาม - คอนเสิร์ตแฮมเมอร์ พร้อมด้วยศิลปินอื่นๆ 16 ปี 7 ตุลา รำลึก 16 ปีแห่งการจากลาต้องไม่สูญเปล่า
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!!

    ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!!

    ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง
    ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน
    ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป

    สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ
    ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ
    แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว
    พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด ……
    แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!!

    ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย
    ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน
    เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก)
    และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!!

    วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ
    เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21
    ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา
    แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ
    โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า
    เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน……
    เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

    แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน…
    ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน……
    (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…)
    แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์
    ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!!
    แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ
    จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ……
    เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน……

    ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน
    เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้…
    แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม
    แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย……
    นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!!

    เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง
    ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า
    “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน)
    จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน
    และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad
    ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้
    ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น
    การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!!

    ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง
    ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ

    ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน
    ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ)

    วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!!

    สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ
    การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……)
    แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว
    เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า
    “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “

    วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน
    แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น”
    เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย
    ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!!

    ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น
    แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่……
    มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น
    เต้นมาร้องกันใหม่……

    การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย
    นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน……
    นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย
    เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด
    ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน
    แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.……

    ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden
    แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์
    สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร
    กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์

    เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย
    ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม
    เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
    มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต
    ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า
    Novorossiya อันหมายถึง New Russia…

    ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์
    ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน
    ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป……

    ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ
    Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ)

    วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว
    แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน…
    เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง
    สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี
    จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป
    แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน
    วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์
    ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!!

    ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!! ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!! ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด …… แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!! ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก) และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!! วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21 ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน…… เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน… ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน…… (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…) แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!! แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ…… เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน…… ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้… แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย…… นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!! เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน) จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้ ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!! ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ) วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!! สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……) แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “ วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น” เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!! ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่…… มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น เต้นมาร้องกันใหม่…… การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน…… นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.…… ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์ สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์ เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า Novorossiya อันหมายถึง New Russia… ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์ ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป…… ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ) วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน… เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์ ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!! ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • Smith&Wesson Model 629 .44 Magnum

    โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง

    เมื่อ คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด (Clint Eastwood) ในบทของสารวัตรมือปราบ ฮาร์รี่ คาลาแฮน (Harry Callahan) พูดกับคนร้ายในฉากแรกของภาพยนต์เรื่อง “มือปราบปืนโหด” หรือ Dirty Harry ภาพยนต์ซีรี่ส์บู้แอ๊คชั่นที่ยิงกันสนั่นจอเรื่องที่โด่งดังที่สุดในโลกเมื่อ 40 ปีที่แล้ว

    ด้วยทุนสร้าง 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มือปราบปืนโหด(ภาคแรก-ปีค.ศ.1971)ทำรายได้สูงถึง 35 ล้านเหรียญ, ภาคที่สอง คือ Magnum Force (ปี 1973), ภาคที่สาม-The Enforcer (ปี 1976), ภาคที่สี่-Sudden Impact (ปี 1983), และภาคสุดท้าย คือ The Dead Pool (ปี 1988)

    ไม่ว่าภาพยนต์เรื่องนี้จะออกมากี่ภาคก็ตาม ผลตอบรับ ก็คือ ปลุกกระแสความนิยมปืน “สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม” จนตลาดปืนทั่วโลกยอดขายถล่มทลาย แม้ว่าบริษัทผลิตปืนสมิธฯกำลังจะขุดหลุมฝัง(เลิกผลิต)ปืนสั้นกระสุนโหดรุ่นนี้อยู่ก่อนหน้านั้นก็ตาม
    ................

    อเมริกัน ได้ชื่อว่าเก่งในเรื่องการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน นับแต่ครั้งที่ต่อสู้แย่งผืนดินที่ทำกินกับอินเดียนแดงเผ่าต่างๆ จนกระทั่งถึงสงครามกลางเมือง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง-สอง และสงครามเวียดนาม

    อานุภาพกระสุนปืน(อำนาจหยุดยั้ง, ประหัตประหาร, และทะลุทะลวง)เป็นข้อสำคัญประการแรกสำหรับงานล่า ป้องกันตัว และจู่โจม ความแม่นยำเป็นอันดับที่สองโดยเฉพาะกรณีที่ระยะยิงตั้งแต่ 75 หลา(หรือ 68.6 เมตร)ขึ้นไป หรือในระยะที่ความหนาของใบศูนย์หน้าใหญ่ทับเป้าหรือตัวคน

    ดังที่ทราบกัน โดยหลักการ การเพิ่มอานุภาพกระสุนปืนมากขึ้นได้ก็ต้องอาศัย หนึ่ง-แรงดันในรังเพลิง(Chamber Pressure) ซึ่งจะให้ประโยชน์โดยปริยายในข้อที่สอง-คือ ความเร็วหัวกระสุน(Velocity), สาม-รูปแบบหัวกระสุน(Bullet type), ส่วนข้อที่สี่ คือ ขนาด-น้ำหนักหัวกระสุน(Bore & Weight) นั้น กลายเป็นเรื่องท้ายสุด หากว่าความเร็วกระสุนเกิน 3,000 ฟุตต่อวินาทีขึ้นไป ก็จะเกิดแรงปะทะคลื่นอากาศหรือ Shock Wave ทำให้บาดแผลแหกฉกรรจ์และกระเด็นล้มคว่ำได้ทันใด

    ยกตัวอย่าง กระสุนเอ็ม 16 หรือกระสุนปืนไรเฟิลล่าสัตว์ขนาด .223 หรือ 5.56x45 ม.ม.นาโต้(NATO) หัวกระสุนเล็กเท่ากับกระสุนลูกกรด คือ .22 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 55 เกรนมากกว่ากระสุนลูกกรด(40 เกรน)นิดเดียว ความเร็วต้น 3,250 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,325 ฟุต-ปอนด์ ฯลฯ เป็นต้น

    “สี่สี่แม็กนั่ม” หรือในชื่อเป็นทางการว่า .44 Remington Magnum เมื่อ 40 ปีที่แล้วเป็นกระสุนปืนสั้นที่อานุภาพเอกอุที่สุดในโลก(The Most Powerful Handgun in the World)

    ประดิษฐ์คิดค้นโดย เอลเม่อร์ คีธ (Elmer Keith) นักเขียนเรื่องปืนและนักผจญภัยกลางแจ้ง(Outdoor Adventurer)ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสหรัฐอเมริกา โดยร่วมกับบริษัทผลิตปืน สมิธแอนด์เวสสัน(Smith&Wesson)และบริษัทปืนและกระสุนยี่ห้อเรมิงตัน(Remington) ผลิตจำหน่ายในปีค.ศ.1955 (ปีพ.ศ.2498) จนปัจจุบัน

    เอลเม่อร์ คีธ นำกระสุนขนาด “สี่สี่-สเปเชี่ยล” หรือ .44 S&W Special (ผลิตในปีค.ศ.1907 แรงดันรังเพลิง 15,500 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.16 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 246 เกรน ความเร็วต้น 755 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 310 ฟุต-ปอนด์) มาทดลองพัฒนาเพิ่มแรงดันในรังเพลิง ซึ่งก็หมายถึงกระสุนความเร็วสูงโดยปริยาย เพื่อให้เป็น “สี่สี่-แม็กนั่ม”

    โดยไม่คิดนำกระสุนหน้าตัดใหญ่ที่โด่งดังในยุคโคบาลตะวันตก(Wild Western) คือ “สี่ห้า-โค้ลท์” หรือ .45 Colt (ผลิตในปีค.ศ.1872 แรงดันรังเพลิง 14,000 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.285 นิ้วฟุต หัวกระสุนหนัก 250 เกรน ความเร็วต้น 929 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 479 ฟุต-ปอนด์ และแบบ Buffalo Bore หัวกระสุนหนัก 325 เกรน ความเร็วต้น 1,325 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,267 ฟุต-ปอนด์) มาพัฒนา

    หลักการง่ายๆ ก็คือ กระสุนหน้าตัดใหญ่(Big Bore), หัวกระสุนหนักอึ้ง(Heavy Bullet), และ กระสุนความเร็วสูง(Higher Velocity) เปรียบง่ายๆว่า ซุงหนึ่งต้นหนัก 500 กิโลกรัมวางไว้เฉยๆข้างถนน รถยนต์ที่พุ่งชนต้นซุงต้นนี้ย่อมเสียหายน้อยกว่าการที่ถูกต้นซุงพุ่งมาด้วยความเร็ว 60 กม./ชม.ชนเข้ากับรถยนต์ที่จอดอยู่เฉยๆ (อ่านและคิดทบทวนอีกครั้งนะครับ)

    วัตถุประสงค์หลักในการประดิษฐ์คิดค้น ก็เพื่อล่าสัตว์เท้ากีบขนาดเขื่อง เช่น กวางเอ้ลค์(Elk) สูงถึงหัวไหล่ 1.50 เมตร หนักประมาณ 250-450 กิโลกรัม จนกระทั่งถึงควายป่าที่เรียกว่า Cape Buffalo ที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แต่น้ำหนักไม่มากเท่ากระทิงในบ้านเรา โดยการยิงจากปืนสั้นลูกโม่ลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต

    จึงเป็นจุดกำเนิดปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น Smith&Wesson Model 29
    สมิธแอนด์เวสสัน “สี่สี่-แม็กนั่ม”

    56 ปีมาแล้วที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น(Double-Action Revolver) กระสุนสี่สี่แม็กนั่มผลิตจำหน่าย อันที่จริงก็ด้วยวัตถุประสงค์ของการล่าสัตว์ด้วยปืนสั้น ซึ่งเป็นความคลาสสิคและใช้ศิลปะการล่ามากกว่าปืนยาว ยิ่งปืนสั้นลูกโม่แม้จะลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต หากได้ติดศูนย์กล้องเล็งขยาย 4-8 เท่า ก็ยิ่งทวีความยากลำบากในการเล็งยิงมากขึ้น

    แม้ปืนโมเดลนี้(ซึ่งรวมทั้งกระสุนด้วย)จะขายดิบดีในช่วงต้นๆของการเปิดจำหน่ายก็ตาม แต่แล้วยอดขายก็ตกฮวบตามวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่นเดียวกับรถ 4x4 Off-Road เพราะมนุษย์หันมาอนุรักษ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ ออกกำลังกายในร่มมากกว่ากีฬากลางแจ้งเช่นก่อน

    จนกระทั่ง ในปีค.ศ.1971 ที่ภาพยนต์บู้แอ๊คชั่นเรื่อง “มือปราบปืนโหด” ออกฉาย ทำให้ปืนและกระสุนสี่สี่แม๊กนั่มกลับขายดีถล่มทลาย เพราะผู้ชายส่วนมากอย่างเก่งกล้าหรือมีอาวุธที่อานุภาพเอกอุเหมือนพระเอก คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด นั้น จะเป็นกลยุทธ์การตลาดเช่นเดียวกับที่ภาพยนต์เรื่อง เจมส์ บอนด์ ปลุกกระแสความนิยมรถสปอร์ตอังกฤษยี่ห้อ แอสตัน มาร์ติน(Aston Martin) เป็นเหตุผลอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ

    สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29
    -ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่นบรรจุกระสุน 6 นัด โครงปืนใหญ่(S&W N-Frame)
    -ลูกโม่หมุนทวนเข็มนาฬิกา(Anti-Clockwise)
    -กระสุนปืนสั้นลูกโม่ชนวนกลาง(Revolver/Center-Fire Cartridge)ขนาด .44 Remington Magnum
    -ตัวปืนเสนอตลาดด้วย 7 ขนาดความยาวลำกล้อง ได้แก่ 3, 4, 5, 6, 6 ½ , 8 3/8 และหลังสุด 10 5/8 นิ้วฟุต
    -เฉพาะลำกล้อง 5 นิ้วฟุตเท่านั้นที่ฟักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนยาวเต็มความยาวลำกล้องหรือ Full Barrel Length Underlug

    โมเดล 29 เสนออยู่ 2 แบบ ได้แก่ แบบรมดำผิวหนา(Highly Polished Blued Finish) กับแบบนิเกิ้ลโครเมี่ยม(Nickle-Plated Surface)

    ในปีค.ศ.1960 โมเดล 29-1 ผลิตสู่ตลาดภายใต้การปรับปรุงด้านเทคนิคเล็กน้อย อาทิ สกรูยึดก้านกระทุ้งปลอกกระสุน(Ejector Rod Screw) ให้หลังหนึ่งปี โมเดล 29-2 ก็ปรากฏสู่ตลาดโดยเพิ่มสกรูตัวขันยึดความแน่นหนาให้กับสปริงสลักล็อคลูกโม่(Cylinder Stop Spring) ในปีค.ศ. 1979 หั่นลำกล้องจาก 6 ½ เหลือแค่ 6 นิ้วฟุต

    ทั้งโมเดล 29-1 และ 29-2 เพิ่มเทคนิคพิเศษอีกนิดนึง คือ ตัวลำกล้องขันเกลียวยึดแน่นกับโครงปืนพร้อมหมุดตอกย้ำ ส่วนตัวลูกโม่เซาะร่องฝังจานคัดปลอกกระสุนให้เรียบหน้าโม่ เรียกเทคนิคนี้ว่า Pinned & Recessed Model

    ปีค.ศ.1967-1971 บริษัทสนับสนุนทางยุทโธปกรณ์สหรัฐอเมริกา ชื่อ AAI Corporation (Aircraft Armaments, Inc.) สั่งผลิตปืนสมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 จำนวนหนึ่ง

    ลำกล้องสั้นแค่ 1.375 นิ้วฟุต ใช้ยิงกับกระสุน .40 หรือว่า 10 มอมอ และกระสุนลูกซองขนาด .410 เพื่อใช้ในปฏิบัติการพิเศษที่เรียกว่า QAPR (Quiet Special Purpose Revolver) เพื่อให้ทหารอเมริกันบุกเข้าจู่โจมและตรวจค้น “ถ้ำรูหนู” หรือ Tunnel Rats ที่ทหารเวียดนามอาศัยเป็นช่องทางหลบหนีหลบซ่อน

    ในปีค.ศ. 1982 โมเดล 29-3 ยกเลิกเทคนิคพิเศษดังกล่าวเพิ่มลดต้นทุนและระยะเวลาในการผลิต โดยหันมาใช้เทคนิค Crush-Fit Barrel หรือคล้ายๆกับ โคนลำกล้องตีปลอกฟิตแน่นกับโครงปืน ซึ่งได้ผลเท่าเทียมกันแต่ประหยัดต้นทุนและเวลาผลิตมากกว่า

    ในปีค.ศ.1988 (โมเดล 29-4) และปี 1990 (โมเดล 29-5) เสริมแรงให้กับชิ้นส่วนและโครงสร้างตัวปืนเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันมากขึ้น โดยเฉพาะทนแรงดันรังเพลิงและแรงสะบัดสะท้อนจากกระสุนแรงสูงสมัยใหม่ ปีค.ศ.1994 โมเดล 29-6 ผลิตจำหน่ายพร้อมกับด้ามยาง Monogrip กระชับมือยี่ห้อ ฮ้อว์ก(Hogue) สันบนโครงปืนมีรูไว้สำหรับขันสกรูติดตั้งศูนย์กล้องล่าสัตว์

    ในปีค.ศ.1998 โมเดล 29-7 ออกตลาดภายใต้การปรับปรุงชิ้นส่วนลั่นไก เช่น เข็มแทงชนวน, นกปืน, ไกปืน, ฯลฯ ล้วนผลิตจากกรรมวิธีฉีดโลหะขึ้นรูป(Metal Injection Molding Process) เพื่อป้องกันปัญหาแตกหักขณะใช้งานหนัก

    สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ถูกยกเลิกการผลิตไปอย่างถาวรในปีค.ศ.1999 ด้วยเหตุผลของอายุสินค้า(Model Life)ในเชิงการตลาด ปัจจุบัน ทั้งตลาดนอกและตลาดไทย นักเล่นปืนต่างมองหาสี่สี่แม็กนั่มรุ่นนี้ไว้สะสม เพราะตัวปืนมีความสวยงามมากกว่าปืนรุ่นใหม่ของสมิธฯ

    โดยเฉพาะ โมเดล 29 ในรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี (50th Anniversary Model 29) ที่ผลิตขึ้นจำกัดจำนวนเมื่อวันที่ 26 มกราคมปี 2006 ลักษณะพิเศษ ได้แก่ ลูกโม่กลมกลึงไม่มีร่อง(Non-Fluted Cylinder), สลักลายทองด้วยแสงเลเซอร์บนตัวปืน, ระบบสลักนิรภัยภายใน(Interlock Mechanism), ฯลฯ

    วันที่ 1 มกราคมปี 2007 โมเดล 29 คลาสสิคไลน์ รุ่นพิเศษแกะลายสวยหรู(Engraved Model)

    สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629”
    ในยุคที่โลหะวิทยาหันมาสนใจเหล็กสแตนเลส(Stainless Steel)กันอย่างบ้าคลั่ง

    ด้วยคุณสมบัติบางประการที่ให้ประโยชน์ใช้งานเหนือกว่าเหล็ก(Steel) เช่น ไม่เป็นสนิมเหล็ก, ทนสภาวะกัดกร่อนได้สูง(Anti-Corrosion), เนื้อโลหะเหนียวแน่น(High-Density)จากการหล่อขึ้นรูปได้มากกว่า, เนื้อผิวสวยงามดูน่าใช้น่าจับต้องมากกว่า, ฯลฯ
    สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629” จึงกำเนิดขึ้นมาด้วยเหล็กสแตนเลสแทนโมเดล 29 ที่เป็นเหล็ก ด้วยประการเช่นนี้

    โมเดล 629 สี่สี่แม็กนั่ม เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ.1978 ในขนาดลำกล้องยาว 6 นิ้วฟุต ส่วนลำกล้อง 4 และ 8 3/8 นิ้วฟุตออกสู่ตลาดในปีค.ศ.1980

    ในปีค.ศ.1982 โมเดล 629-1 ใช้เทคนิคพิเศษ Crush-Fit Barrel ตามอย่างโมเดล 29-3 ในปีค.ศ.1988 โมเดล 629-1 เพิ่มรุ่นพิเศษลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต ส้นด้ามมน(Round Butt) ชิ้นส่วนกลไกภายในเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับโมเดล 29-4 กรณีที่ตัวปืนปั๊ม 629-2E นั่นหมายถึงว่า บานพับหน้าลูกโม่หรือ Cylinder Crane ปรับให้ผิวเนื้อมีความแข็งแกร่งมากขึ้น

    ปีค.ศ.1990 โมเดล 629-3 มาในรูปแบบของด้ามยางฮ้อว์ก(Hogue), สันบนโครงปืนมีสกรูพร้อมติดตั้งศูนย์กล้องเล็ง, เปลี่ยนก้านกระทุ้งปลอกกระสุน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโมเดล 629-4 ที่เปิดตัวภายหลังในคุณสมบัติของปืนสั้นแข่งขันยิงเป้ามากขึ้น อาทิ นกปืน-ไกปืนใหญ่แบบปืนสั้นแข่งขันยิงเป้า, ศูนย์หน้ากระโดงปลาแถบแดง(Red Ramp Front Sight), ใบศูนย์หลังเส้นขาว(White Outline Rear Sight), ฯลฯ เป็นต้น

    ในปีเดียวกันนี้(1990) โมเดล 629 คลาสสิค(Classic) เสนอตลาดด้วยรูปแบบของ “ฝักเต็ม” หรือ Full Barrel Underlug หมายถึง มีแท่งตันถ่วงน้ำหนักต่อจากฝักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนใต้ลำกล้องยาวจรดปากกระบอกปืน

    ภายใต้รหัส 629-4s ลำกล้องยาว 5, 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต ปีค.ศ.1991 โมเดล 629 คลาสสิค ดีเอ๊กซ์ (629 Classic DX) ออกสู่ตลาดพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษเหนือใคร คือ เปลี่ยนใบศูนย์หน้าได้ 5 แบบ

    ปีค.ศ.1988 โมเดล 629-5 เปลี่ยนนกและไกปืน MIM และใช้เข็มแทงชนวนแบบฝังลอยในโครงปืน แทนเข็มแทงชนวนแบบนกสับเช่นก่อน

    โมเดล 629 คลาสสิค มิได้เป็นแค่สินค้ารุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้มีคุณภาพดีมากกว่าโมเดล 29 และโมเดล 629 เท่านั้น

    ในเชิงการตลาดถือว่าเป็นการ “ยกระดับ” สินค้า(Product Repositioning)ให้สูงขึ้น ซึ่งหมายถึง ราคาแพงขึ้นตามคุณภาพสินค้า ขณะเดียวกัน ก็ยกระดับชื่อยี่ห้อและตัวสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อตลาดระดับไฮเอ็น(High-end) คือ เศรษฐีและนักสะสมปืน

    ดังนี้ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 คลาสสิค ยุคหลังๆจึงมีสินค้ารุ่นพิเศษสู่ตลาด อาทิ แม๊กน่าคลาสสิค(MagnaClassic), วี-ค้อมพ์(V-Comp), สเต็ลท์ฮันเตอร์(Stealth Hunter), ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งความยาวลำกล้อง 7 ½ นิ้วฟุตที่มาคั่นกลางเป็นทางเลือกใหม่ ระหว่างลำกล้อง 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต อีกด้วย

    บทวิพากย์….
    ในแง่มุมของนักสะสมปืน(Gun Collectors) ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ไม่สามารถลงพิมพ์ในจำนวนหน้ากระดาษจำกัดนี้ได้หมด เช่น รุ่นลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต, เมาเท่นกันส์(Mountain Gun), และอื่นๆ

    แต่ในมุมของผู้ใช้ปืนทั่วไปก็พอที่จะใช้เนื้อที่หน้ากระดาษที่เหลือนั่งจับเข่าคุยกันได้ดังนี้ครับ

    คำถาม: “ใครบ้างที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม? และทำไมต้องเป็นสมิธแอนด์เวสสัน?”

    ตอบ: แม้กระสุนสี่สี่แม็กนั่มจะออกแบบมาแต่อ้อนออกให้ใช้กับปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น เพื่อกีฬาล่าสัตว์และป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายในงานสำรวจท่องเที่ยวป่า

    แต่กลุ่มผู้ซื้อปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้ส่วนมากกลับเป็นนักสะสมปืน นักเลงปืน และตำรวจทหารตามชายแดนหรือในท้องที่ทุรกันดาร ทั้งในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเมืองไทย

    ด้วยราคาตัวปืนและกระสุนที่แพงกว่าปืนอื่นในตลาด ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ผู้ที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม ก็คือ คนที่มีใจรักปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้จริงๆ

    ขณะที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม คลอดสู่ตลาดเมื่อ 56 ปีที่แล้ว ก็มีบริษัทผลิตปืนยี่ห้อ รูเก้อร์ (Ruger) สหรัฐอเมริกา ผลิตปืนสั้นที่ใช้กระสุนขนาดเดียวกันนี้ออกแข่งตลาด แต่เป็นปืนสั้นซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น(Single Action Revolver)

    นัยว่า เป็นเพราะพนักงานของบริษัทผลิตกระสุนเรมิงตันนำปลอกกระสุนขนาดใหม่ล่านี้ไปให้รูเก้อร์

    ปัจจุบัน แม้ว่าจะมีปืนสั้นหลายยี่ห้อที่แข่งค้ากับปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มของสมิธฯ เช่น โค้ลท์ อะนาคอนด้า(Colt Anaconda), รูเก้อร์ ซูเปอร์ เรดฮอว์ก(Ruger Super Redhawk)ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น, รูเก้อร์ ซูเปอร์ แบล็คฮอว์ก(Ruger Super Blackhawk)ซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น, ฯลฯ

    ยังไม่นับปืนพกกึ่งอัตโนมัติ(Semi-Automatic Pistol)ชื่อดังที่ใช้กระสุนสี่สี่แม๊กนั่มของปืนสั้นลูกโม่ เช่น เดสเสิร์ต อีเกิ้ล (IMI Desert Eagle), และอื่นๆ เป็นต้น

    แต่ที่เมืองนอกเมืองไทยพูดกันมากที่สุด ก็คือ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29, 629 และ 629 คลาสสิค ประณีตแม่นยำที่สุดในกระบวนปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มด้วยกัน

    ถาม: “ปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มใช้กระสุนอื่นยิงแทนได้ไหมในเมื่อไม่มีลูกซ้อมยิง?”

    ตอบ: ได้ คือ .44 สเปเชี่ยล(.44 S&W Special) ที่ปลอกหรือนัดกระสุนสั้นกว่าสี่สี่แม็กนั่มนิดเดียว (0.125 นิ้วฟุต)

    ทำนองเดียวกับที่เราใช้กระสุนสามแปดสเปฯ (.38 Special) ยิงซ้อมมือกับปืนสั้นลูกโม่สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum) เพราะขนาดหน้าตัดหัวกระสุนและความโตของปลอกกระสุนใกล้เคียงกันมาก แต่หลักการนี้ใช้ได้เฉพาะปืนสั้นลูกโม่เท่านั้น ปืนพกกึ่งอัตโนมัติหรือปืนสั้นออโตเมติคจะมีปัญหา

    ถาม: “สมมุติว่าขอใบอนุญาตและซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มมาได้แล้วจะไปยิงซ้อมที่สนามยิงปืนที่ไหน?”

    ตอบ: เดี๋ยวนี้ยากมากครับ สนามยิงปืนของราชการและเอกชนทั่วไปในบ้านเราไม่ค่อยอนุญาตให้ยิงปืนกระสุนสี่สี่แม็กนั่ม ซึ่งรวมทั้งปืนไรเฟิลขนาดต่างๆ ด้วย

    ปืนกระสุนดุที่อนุญาตให้ยิงซ้อมกันในสนาม อย่างมากก็แค่สิบเอ็ดมอมอ(.45 ACP), ลูกซองกระสุนลูกปราย, สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum)เป็นบางสนาม จริงๆจังๆก็คงเป็นสนามยิงปืนของทหารที่ Backstop (กำแพงหยุดกระสุนหลังเป้า) เตรียมไว้สำหรับเอ็ม 16 ก็พอจะพูดคุยขอกันได้บ้าง

    ถาม: “สี่สี่แม็กนั่มกระสุนนอกราคานัดละเท่าไร? กระสุนไทยมีผลิตไหม?”

    ตอบ: กระสุนสี่สี่แม็กนั่มที่พอจะหาซื้อได้ในตลาดปืนบ้านเรามีค่อนข้างน้อยมาก ถ้ามีก็ตกนัดละเกือบๆร้อยบาทหรือกว่านี้ เท่าที่ทราบ สี่สี่แม็กนั่มไม่มีผลิตขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพราะขาดวัสดุและดินปืนที่ต้องขออนุญาตกลาโหมเพื่อนำเข้า ยอดจำหน่ายมีแค่นิดเดียว จึงไม่คุ้มที่จะผลิตในประเทศไทย

    ถาม: “ที่ว่า ปืนสมิธฯสี่สี่แม็กนั่มแม่นยำกว่าปืนอื่นนั้นเป็นอย่างไร?”

    ตอบ: จากบทความต่างประเทศ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 แม็กน่าคลาสสิค ลำกล้องยาว 8 3/8 นิ้วฟุต ยิงด้วยกระสุน Garrett Cartridges หัวกระสุนหนัก 320 เกรน ความเร็วต้น 1,315 ฟุต/วินาที จากระยะยิง 25 หลา(ประมาณ 23 เมตร)จำนวน 6 นัดทำกลุ่มกระสุนได้ 1 นิ้วฟุต

    กระสุน Carbon Hunter หัวกระสุนหนัก 260 เกรน หัวรู(Hollow Point) ความเร็วต้น 1,450 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,214 ฟุต-ปอนด์ ระยะยิง 25 หลา จำนวน 6 นัดทำกลุ่มได้ 1x2 นิ้วฟุต

    ทั้งนี้ยังไม่มีการยิงพิสูจน์ความแม่นยำเทียบระหว่าง Smith&Wesson, Colt Anaconda, Ruger Super Redhawk ทั้งเมืองนอกและในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

    ถาม: “ถ้าจะซื้อปืนสั้นลูกโม่สี่สี่แม็กนั่มสักกระบอกในชีวิตจะเลือกอะไรดี?”

    ตอบ: ถ้าเลือกความประณีตแม่นยำ(Precision/Accuracy)ก็ต้องสมิธแอนด์เวสสัน ถ้าชอบความแข็งแรงบึกบึนทนทาน(Strong, Durability & Reliability)ก็ต้องฟันธงว่ารูเก้อร์ ส่วนอะนาคอนด้า(Anaconda)เป็นอะไรๆ ที่ต้องเป็นยี่ห้อโค้ลท์ไว้ก่อน

    ถาม: “ปืนสั้นลูกโม่เล่นกระสุนสี่สี่แม็กนั่มแบบไหนดี?”

    ตอบ: นักเลงสี่สี่แม็กนั่มตัวจริงจะเล่นกระสุน “หัวตัน-หัวหนัก” ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น Jacketed Soft Point, Semi-Wadcutter, Flat/Leaded Nose, รวมทั้งกระสุนพิเศษซาบ้อต(Sabot)

    จากประสบการณ์ส่วนตัว สี่สี่แม็กนั่มหัวรู น้ำหนัก 240 เกรน แม้จะมีความเร็วสูงถึงขั้น 1,400 ฟุต/วินาที จะมีปัญหา “เหินลม” ทำให้วิถีกระสุน(Trajectory)ไม่ราบเรียบไม่แม่นยำเท่าควร

    ขณะที่กระสุนหัวตัน น้ำหนักหัวกระสุนมากๆ (หรือบางทีก็น้ำหนัก 240 เกรนเท่ากัน) แต่ปลอกกระสุนมีเข็มขัดรัดหรือรอยย้ำ 2 แถว แม้ความเร็วน้อยกว่าแต่ให้ความแม่นยำหนักแน่นสูงกว่ามาก เรียกว่าได้ใจทุกนัดไป ข้อเสีย คือ ยิงสะบัดกัดมือมากกว่ากระสุนรุ่นใหม่ๆ ประมาณ +15%-20%

    ถาม: “ปืนสี่สี่แม็กนั่มต้องระวังอะไรบ้าง? ติดศูนย์กล้องดีไหม?”

    ตอบ: ข้อหนึ่ง-ถ้าเป็นเหล็กสแตนเลส เช่น โมเดล 629 และ 629 คลาสสิค ควรใส่กล่องเก็บหรือไม่ก็ตัดซองหนังใส่ปืนเก็บรักษา เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน รอยขนแมว ที่เกิดขึ้นเพราะผิวเหล็กสแตนเลสเนื้ออ่อนกว่าเหล็ก

    ข้อสอง-ไม่ควรใช้ยาขัดโลหะชนิดที่มีสารชะล้าง(Solven)ขัดถูกตัวปืน เพราะจะทำให้ตัวอักษรที่แกะสลักด้วยเลเซอร์เคลือบสีทองไว้ลางเลือนจางหาย

    ข้อสาม-หมั่นตรวจขันหมุดสกรูที่ตัวปืนทั้งก่อนและหลังการยิง เนื่องจากแรงสะบัดสะท้อนรุนแรงทำให้หมุดสกรูคลายตัวและอาจหลุดกระเด็นหาย

    ข้อสี่-ถึงจะหาซื้อกระสุนได้มากก็ไม่ควรยิงเล่นบ่อยๆ เพราะจะทำให้ตัวปืนทรุดโทรมเร็วกว่าที่ควรอย่างน่าเสียดาย

    ข้อห้า-อย่านำมายิงแห้งหรือเหนี่ยวไกเล่น(โดยไม่บรรจุกระสุนในตัวปืน)บ่อยๆ กลไกปืนอาจชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะเข็มแทงชนวนอาจหักโดยไม่รู้ตัว

    ข้อหก-ติดศูนย์กล้องเล็งได้ในกำลังขยายภาพไม่เกิน 4 เท่า สูงกว่านั้นจะเล็งยิงได้ลำบาก มือสั่นสายตาพร่ามัวเพราะไม่กล้าลั่นกระสุน(เพราะภาพมันฟ้องว่าศูนย์ปืนไม่เข้าเป้าเนื่องจากมือผู้ยิงสั่นไปมา) แต่สุดท้ายก็ต้องถอดศูนย์กล้องเล็งออกเพราะรู้สึกเกะกะหนักตัวปืนเปล่าๆ

    สรุปท้ายเรื่อง...

    สมิธแอนด์เวสสัน สี่สี่แม็กนั่ม เป็นทรัพย์สมบัติที่คู่ควรต่อผู้มีบารมีและนักสะสมปืนมากกว่าการมีใช้เพื่อต่อสู้ป้องกันชีวิตทรัพย์สิน ไม่ใช่ปืนสั้นประจำกายอย่างแน่นอน แต่จะเหมาะที่สุดในกรณีท่องไพรสำรวจป่าที่พกไว้ข้างเอวหรือข้างสีข้างลำตัวเพื่อป้องกันสัตว์เขี้ยวยาวดุร้ายต่างๆ

    แม้ปัจจุบัน ตลาดปืนโลกจะมี “ปืนโหดกระสุนดุ” รุ่นใหม่ๆที่มีอานุภาพสูงกว่าสี่สี่แม็กนั่ม ไม่ว่าจะเป็น .454 Casull, .460 S&W Magnum, .500 S&W Magnum, และอื่นๆ แต่

    “สี่สี่แม็กนั่มยังจะเป็นเพื่อนที่ดีของนักเล่นปืนตลอดไป”
    ขอบคุณครับ...

    Smith&Wesson Model 629 .44 Magnum โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง เมื่อ คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด (Clint Eastwood) ในบทของสารวัตรมือปราบ ฮาร์รี่ คาลาแฮน (Harry Callahan) พูดกับคนร้ายในฉากแรกของภาพยนต์เรื่อง “มือปราบปืนโหด” หรือ Dirty Harry ภาพยนต์ซีรี่ส์บู้แอ๊คชั่นที่ยิงกันสนั่นจอเรื่องที่โด่งดังที่สุดในโลกเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ด้วยทุนสร้าง 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มือปราบปืนโหด(ภาคแรก-ปีค.ศ.1971)ทำรายได้สูงถึง 35 ล้านเหรียญ, ภาคที่สอง คือ Magnum Force (ปี 1973), ภาคที่สาม-The Enforcer (ปี 1976), ภาคที่สี่-Sudden Impact (ปี 1983), และภาคสุดท้าย คือ The Dead Pool (ปี 1988) ไม่ว่าภาพยนต์เรื่องนี้จะออกมากี่ภาคก็ตาม ผลตอบรับ ก็คือ ปลุกกระแสความนิยมปืน “สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม” จนตลาดปืนทั่วโลกยอดขายถล่มทลาย แม้ว่าบริษัทผลิตปืนสมิธฯกำลังจะขุดหลุมฝัง(เลิกผลิต)ปืนสั้นกระสุนโหดรุ่นนี้อยู่ก่อนหน้านั้นก็ตาม ................ อเมริกัน ได้ชื่อว่าเก่งในเรื่องการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน นับแต่ครั้งที่ต่อสู้แย่งผืนดินที่ทำกินกับอินเดียนแดงเผ่าต่างๆ จนกระทั่งถึงสงครามกลางเมือง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง-สอง และสงครามเวียดนาม อานุภาพกระสุนปืน(อำนาจหยุดยั้ง, ประหัตประหาร, และทะลุทะลวง)เป็นข้อสำคัญประการแรกสำหรับงานล่า ป้องกันตัว และจู่โจม ความแม่นยำเป็นอันดับที่สองโดยเฉพาะกรณีที่ระยะยิงตั้งแต่ 75 หลา(หรือ 68.6 เมตร)ขึ้นไป หรือในระยะที่ความหนาของใบศูนย์หน้าใหญ่ทับเป้าหรือตัวคน ดังที่ทราบกัน โดยหลักการ การเพิ่มอานุภาพกระสุนปืนมากขึ้นได้ก็ต้องอาศัย หนึ่ง-แรงดันในรังเพลิง(Chamber Pressure) ซึ่งจะให้ประโยชน์โดยปริยายในข้อที่สอง-คือ ความเร็วหัวกระสุน(Velocity), สาม-รูปแบบหัวกระสุน(Bullet type), ส่วนข้อที่สี่ คือ ขนาด-น้ำหนักหัวกระสุน(Bore & Weight) นั้น กลายเป็นเรื่องท้ายสุด หากว่าความเร็วกระสุนเกิน 3,000 ฟุตต่อวินาทีขึ้นไป ก็จะเกิดแรงปะทะคลื่นอากาศหรือ Shock Wave ทำให้บาดแผลแหกฉกรรจ์และกระเด็นล้มคว่ำได้ทันใด ยกตัวอย่าง กระสุนเอ็ม 16 หรือกระสุนปืนไรเฟิลล่าสัตว์ขนาด .223 หรือ 5.56x45 ม.ม.นาโต้(NATO) หัวกระสุนเล็กเท่ากับกระสุนลูกกรด คือ .22 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 55 เกรนมากกว่ากระสุนลูกกรด(40 เกรน)นิดเดียว ความเร็วต้น 3,250 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,325 ฟุต-ปอนด์ ฯลฯ เป็นต้น “สี่สี่แม็กนั่ม” หรือในชื่อเป็นทางการว่า .44 Remington Magnum เมื่อ 40 ปีที่แล้วเป็นกระสุนปืนสั้นที่อานุภาพเอกอุที่สุดในโลก(The Most Powerful Handgun in the World) ประดิษฐ์คิดค้นโดย เอลเม่อร์ คีธ (Elmer Keith) นักเขียนเรื่องปืนและนักผจญภัยกลางแจ้ง(Outdoor Adventurer)ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสหรัฐอเมริกา โดยร่วมกับบริษัทผลิตปืน สมิธแอนด์เวสสัน(Smith&Wesson)และบริษัทปืนและกระสุนยี่ห้อเรมิงตัน(Remington) ผลิตจำหน่ายในปีค.ศ.1955 (ปีพ.ศ.2498) จนปัจจุบัน เอลเม่อร์ คีธ นำกระสุนขนาด “สี่สี่-สเปเชี่ยล” หรือ .44 S&W Special (ผลิตในปีค.ศ.1907 แรงดันรังเพลิง 15,500 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.16 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 246 เกรน ความเร็วต้น 755 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 310 ฟุต-ปอนด์) มาทดลองพัฒนาเพิ่มแรงดันในรังเพลิง ซึ่งก็หมายถึงกระสุนความเร็วสูงโดยปริยาย เพื่อให้เป็น “สี่สี่-แม็กนั่ม” โดยไม่คิดนำกระสุนหน้าตัดใหญ่ที่โด่งดังในยุคโคบาลตะวันตก(Wild Western) คือ “สี่ห้า-โค้ลท์” หรือ .45 Colt (ผลิตในปีค.ศ.1872 แรงดันรังเพลิง 14,000 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.285 นิ้วฟุต หัวกระสุนหนัก 250 เกรน ความเร็วต้น 929 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 479 ฟุต-ปอนด์ และแบบ Buffalo Bore หัวกระสุนหนัก 325 เกรน ความเร็วต้น 1,325 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,267 ฟุต-ปอนด์) มาพัฒนา หลักการง่ายๆ ก็คือ กระสุนหน้าตัดใหญ่(Big Bore), หัวกระสุนหนักอึ้ง(Heavy Bullet), และ กระสุนความเร็วสูง(Higher Velocity) เปรียบง่ายๆว่า ซุงหนึ่งต้นหนัก 500 กิโลกรัมวางไว้เฉยๆข้างถนน รถยนต์ที่พุ่งชนต้นซุงต้นนี้ย่อมเสียหายน้อยกว่าการที่ถูกต้นซุงพุ่งมาด้วยความเร็ว 60 กม./ชม.ชนเข้ากับรถยนต์ที่จอดอยู่เฉยๆ (อ่านและคิดทบทวนอีกครั้งนะครับ) วัตถุประสงค์หลักในการประดิษฐ์คิดค้น ก็เพื่อล่าสัตว์เท้ากีบขนาดเขื่อง เช่น กวางเอ้ลค์(Elk) สูงถึงหัวไหล่ 1.50 เมตร หนักประมาณ 250-450 กิโลกรัม จนกระทั่งถึงควายป่าที่เรียกว่า Cape Buffalo ที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แต่น้ำหนักไม่มากเท่ากระทิงในบ้านเรา โดยการยิงจากปืนสั้นลูกโม่ลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต จึงเป็นจุดกำเนิดปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น Smith&Wesson Model 29 สมิธแอนด์เวสสัน “สี่สี่-แม็กนั่ม” 56 ปีมาแล้วที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น(Double-Action Revolver) กระสุนสี่สี่แม็กนั่มผลิตจำหน่าย อันที่จริงก็ด้วยวัตถุประสงค์ของการล่าสัตว์ด้วยปืนสั้น ซึ่งเป็นความคลาสสิคและใช้ศิลปะการล่ามากกว่าปืนยาว ยิ่งปืนสั้นลูกโม่แม้จะลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต หากได้ติดศูนย์กล้องเล็งขยาย 4-8 เท่า ก็ยิ่งทวีความยากลำบากในการเล็งยิงมากขึ้น แม้ปืนโมเดลนี้(ซึ่งรวมทั้งกระสุนด้วย)จะขายดิบดีในช่วงต้นๆของการเปิดจำหน่ายก็ตาม แต่แล้วยอดขายก็ตกฮวบตามวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่นเดียวกับรถ 4x4 Off-Road เพราะมนุษย์หันมาอนุรักษ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ ออกกำลังกายในร่มมากกว่ากีฬากลางแจ้งเช่นก่อน จนกระทั่ง ในปีค.ศ.1971 ที่ภาพยนต์บู้แอ๊คชั่นเรื่อง “มือปราบปืนโหด” ออกฉาย ทำให้ปืนและกระสุนสี่สี่แม๊กนั่มกลับขายดีถล่มทลาย เพราะผู้ชายส่วนมากอย่างเก่งกล้าหรือมีอาวุธที่อานุภาพเอกอุเหมือนพระเอก คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด นั้น จะเป็นกลยุทธ์การตลาดเช่นเดียวกับที่ภาพยนต์เรื่อง เจมส์ บอนด์ ปลุกกระแสความนิยมรถสปอร์ตอังกฤษยี่ห้อ แอสตัน มาร์ติน(Aston Martin) เป็นเหตุผลอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 -ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่นบรรจุกระสุน 6 นัด โครงปืนใหญ่(S&W N-Frame) -ลูกโม่หมุนทวนเข็มนาฬิกา(Anti-Clockwise) -กระสุนปืนสั้นลูกโม่ชนวนกลาง(Revolver/Center-Fire Cartridge)ขนาด .44 Remington Magnum -ตัวปืนเสนอตลาดด้วย 7 ขนาดความยาวลำกล้อง ได้แก่ 3, 4, 5, 6, 6 ½ , 8 3/8 และหลังสุด 10 5/8 นิ้วฟุต -เฉพาะลำกล้อง 5 นิ้วฟุตเท่านั้นที่ฟักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนยาวเต็มความยาวลำกล้องหรือ Full Barrel Length Underlug โมเดล 29 เสนออยู่ 2 แบบ ได้แก่ แบบรมดำผิวหนา(Highly Polished Blued Finish) กับแบบนิเกิ้ลโครเมี่ยม(Nickle-Plated Surface) ในปีค.ศ.1960 โมเดล 29-1 ผลิตสู่ตลาดภายใต้การปรับปรุงด้านเทคนิคเล็กน้อย อาทิ สกรูยึดก้านกระทุ้งปลอกกระสุน(Ejector Rod Screw) ให้หลังหนึ่งปี โมเดล 29-2 ก็ปรากฏสู่ตลาดโดยเพิ่มสกรูตัวขันยึดความแน่นหนาให้กับสปริงสลักล็อคลูกโม่(Cylinder Stop Spring) ในปีค.ศ. 1979 หั่นลำกล้องจาก 6 ½ เหลือแค่ 6 นิ้วฟุต ทั้งโมเดล 29-1 และ 29-2 เพิ่มเทคนิคพิเศษอีกนิดนึง คือ ตัวลำกล้องขันเกลียวยึดแน่นกับโครงปืนพร้อมหมุดตอกย้ำ ส่วนตัวลูกโม่เซาะร่องฝังจานคัดปลอกกระสุนให้เรียบหน้าโม่ เรียกเทคนิคนี้ว่า Pinned & Recessed Model ปีค.ศ.1967-1971 บริษัทสนับสนุนทางยุทโธปกรณ์สหรัฐอเมริกา ชื่อ AAI Corporation (Aircraft Armaments, Inc.) สั่งผลิตปืนสมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 จำนวนหนึ่ง ลำกล้องสั้นแค่ 1.375 นิ้วฟุต ใช้ยิงกับกระสุน .40 หรือว่า 10 มอมอ และกระสุนลูกซองขนาด .410 เพื่อใช้ในปฏิบัติการพิเศษที่เรียกว่า QAPR (Quiet Special Purpose Revolver) เพื่อให้ทหารอเมริกันบุกเข้าจู่โจมและตรวจค้น “ถ้ำรูหนู” หรือ Tunnel Rats ที่ทหารเวียดนามอาศัยเป็นช่องทางหลบหนีหลบซ่อน ในปีค.ศ. 1982 โมเดล 29-3 ยกเลิกเทคนิคพิเศษดังกล่าวเพิ่มลดต้นทุนและระยะเวลาในการผลิต โดยหันมาใช้เทคนิค Crush-Fit Barrel หรือคล้ายๆกับ โคนลำกล้องตีปลอกฟิตแน่นกับโครงปืน ซึ่งได้ผลเท่าเทียมกันแต่ประหยัดต้นทุนและเวลาผลิตมากกว่า ในปีค.ศ.1988 (โมเดล 29-4) และปี 1990 (โมเดล 29-5) เสริมแรงให้กับชิ้นส่วนและโครงสร้างตัวปืนเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันมากขึ้น โดยเฉพาะทนแรงดันรังเพลิงและแรงสะบัดสะท้อนจากกระสุนแรงสูงสมัยใหม่ ปีค.ศ.1994 โมเดล 29-6 ผลิตจำหน่ายพร้อมกับด้ามยาง Monogrip กระชับมือยี่ห้อ ฮ้อว์ก(Hogue) สันบนโครงปืนมีรูไว้สำหรับขันสกรูติดตั้งศูนย์กล้องล่าสัตว์ ในปีค.ศ.1998 โมเดล 29-7 ออกตลาดภายใต้การปรับปรุงชิ้นส่วนลั่นไก เช่น เข็มแทงชนวน, นกปืน, ไกปืน, ฯลฯ ล้วนผลิตจากกรรมวิธีฉีดโลหะขึ้นรูป(Metal Injection Molding Process) เพื่อป้องกันปัญหาแตกหักขณะใช้งานหนัก สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ถูกยกเลิกการผลิตไปอย่างถาวรในปีค.ศ.1999 ด้วยเหตุผลของอายุสินค้า(Model Life)ในเชิงการตลาด ปัจจุบัน ทั้งตลาดนอกและตลาดไทย นักเล่นปืนต่างมองหาสี่สี่แม็กนั่มรุ่นนี้ไว้สะสม เพราะตัวปืนมีความสวยงามมากกว่าปืนรุ่นใหม่ของสมิธฯ โดยเฉพาะ โมเดล 29 ในรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี (50th Anniversary Model 29) ที่ผลิตขึ้นจำกัดจำนวนเมื่อวันที่ 26 มกราคมปี 2006 ลักษณะพิเศษ ได้แก่ ลูกโม่กลมกลึงไม่มีร่อง(Non-Fluted Cylinder), สลักลายทองด้วยแสงเลเซอร์บนตัวปืน, ระบบสลักนิรภัยภายใน(Interlock Mechanism), ฯลฯ วันที่ 1 มกราคมปี 2007 โมเดล 29 คลาสสิคไลน์ รุ่นพิเศษแกะลายสวยหรู(Engraved Model) สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629” ในยุคที่โลหะวิทยาหันมาสนใจเหล็กสแตนเลส(Stainless Steel)กันอย่างบ้าคลั่ง ด้วยคุณสมบัติบางประการที่ให้ประโยชน์ใช้งานเหนือกว่าเหล็ก(Steel) เช่น ไม่เป็นสนิมเหล็ก, ทนสภาวะกัดกร่อนได้สูง(Anti-Corrosion), เนื้อโลหะเหนียวแน่น(High-Density)จากการหล่อขึ้นรูปได้มากกว่า, เนื้อผิวสวยงามดูน่าใช้น่าจับต้องมากกว่า, ฯลฯ สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629” จึงกำเนิดขึ้นมาด้วยเหล็กสแตนเลสแทนโมเดล 29 ที่เป็นเหล็ก ด้วยประการเช่นนี้ โมเดล 629 สี่สี่แม็กนั่ม เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ.1978 ในขนาดลำกล้องยาว 6 นิ้วฟุต ส่วนลำกล้อง 4 และ 8 3/8 นิ้วฟุตออกสู่ตลาดในปีค.ศ.1980 ในปีค.ศ.1982 โมเดล 629-1 ใช้เทคนิคพิเศษ Crush-Fit Barrel ตามอย่างโมเดล 29-3 ในปีค.ศ.1988 โมเดล 629-1 เพิ่มรุ่นพิเศษลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต ส้นด้ามมน(Round Butt) ชิ้นส่วนกลไกภายในเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับโมเดล 29-4 กรณีที่ตัวปืนปั๊ม 629-2E นั่นหมายถึงว่า บานพับหน้าลูกโม่หรือ Cylinder Crane ปรับให้ผิวเนื้อมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ปีค.ศ.1990 โมเดล 629-3 มาในรูปแบบของด้ามยางฮ้อว์ก(Hogue), สันบนโครงปืนมีสกรูพร้อมติดตั้งศูนย์กล้องเล็ง, เปลี่ยนก้านกระทุ้งปลอกกระสุน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโมเดล 629-4 ที่เปิดตัวภายหลังในคุณสมบัติของปืนสั้นแข่งขันยิงเป้ามากขึ้น อาทิ นกปืน-ไกปืนใหญ่แบบปืนสั้นแข่งขันยิงเป้า, ศูนย์หน้ากระโดงปลาแถบแดง(Red Ramp Front Sight), ใบศูนย์หลังเส้นขาว(White Outline Rear Sight), ฯลฯ เป็นต้น ในปีเดียวกันนี้(1990) โมเดล 629 คลาสสิค(Classic) เสนอตลาดด้วยรูปแบบของ “ฝักเต็ม” หรือ Full Barrel Underlug หมายถึง มีแท่งตันถ่วงน้ำหนักต่อจากฝักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนใต้ลำกล้องยาวจรดปากกระบอกปืน ภายใต้รหัส 629-4s ลำกล้องยาว 5, 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต ปีค.ศ.1991 โมเดล 629 คลาสสิค ดีเอ๊กซ์ (629 Classic DX) ออกสู่ตลาดพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษเหนือใคร คือ เปลี่ยนใบศูนย์หน้าได้ 5 แบบ ปีค.ศ.1988 โมเดล 629-5 เปลี่ยนนกและไกปืน MIM และใช้เข็มแทงชนวนแบบฝังลอยในโครงปืน แทนเข็มแทงชนวนแบบนกสับเช่นก่อน โมเดล 629 คลาสสิค มิได้เป็นแค่สินค้ารุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้มีคุณภาพดีมากกว่าโมเดล 29 และโมเดล 629 เท่านั้น ในเชิงการตลาดถือว่าเป็นการ “ยกระดับ” สินค้า(Product Repositioning)ให้สูงขึ้น ซึ่งหมายถึง ราคาแพงขึ้นตามคุณภาพสินค้า ขณะเดียวกัน ก็ยกระดับชื่อยี่ห้อและตัวสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อตลาดระดับไฮเอ็น(High-end) คือ เศรษฐีและนักสะสมปืน ดังนี้ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 คลาสสิค ยุคหลังๆจึงมีสินค้ารุ่นพิเศษสู่ตลาด อาทิ แม๊กน่าคลาสสิค(MagnaClassic), วี-ค้อมพ์(V-Comp), สเต็ลท์ฮันเตอร์(Stealth Hunter), ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งความยาวลำกล้อง 7 ½ นิ้วฟุตที่มาคั่นกลางเป็นทางเลือกใหม่ ระหว่างลำกล้อง 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต อีกด้วย บทวิพากย์…. ในแง่มุมของนักสะสมปืน(Gun Collectors) ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ไม่สามารถลงพิมพ์ในจำนวนหน้ากระดาษจำกัดนี้ได้หมด เช่น รุ่นลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต, เมาเท่นกันส์(Mountain Gun), และอื่นๆ แต่ในมุมของผู้ใช้ปืนทั่วไปก็พอที่จะใช้เนื้อที่หน้ากระดาษที่เหลือนั่งจับเข่าคุยกันได้ดังนี้ครับ คำถาม: “ใครบ้างที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม? และทำไมต้องเป็นสมิธแอนด์เวสสัน?” ตอบ: แม้กระสุนสี่สี่แม็กนั่มจะออกแบบมาแต่อ้อนออกให้ใช้กับปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น เพื่อกีฬาล่าสัตว์และป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายในงานสำรวจท่องเที่ยวป่า แต่กลุ่มผู้ซื้อปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้ส่วนมากกลับเป็นนักสะสมปืน นักเลงปืน และตำรวจทหารตามชายแดนหรือในท้องที่ทุรกันดาร ทั้งในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเมืองไทย ด้วยราคาตัวปืนและกระสุนที่แพงกว่าปืนอื่นในตลาด ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ผู้ที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม ก็คือ คนที่มีใจรักปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้จริงๆ ขณะที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม คลอดสู่ตลาดเมื่อ 56 ปีที่แล้ว ก็มีบริษัทผลิตปืนยี่ห้อ รูเก้อร์ (Ruger) สหรัฐอเมริกา ผลิตปืนสั้นที่ใช้กระสุนขนาดเดียวกันนี้ออกแข่งตลาด แต่เป็นปืนสั้นซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น(Single Action Revolver) นัยว่า เป็นเพราะพนักงานของบริษัทผลิตกระสุนเรมิงตันนำปลอกกระสุนขนาดใหม่ล่านี้ไปให้รูเก้อร์ ปัจจุบัน แม้ว่าจะมีปืนสั้นหลายยี่ห้อที่แข่งค้ากับปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มของสมิธฯ เช่น โค้ลท์ อะนาคอนด้า(Colt Anaconda), รูเก้อร์ ซูเปอร์ เรดฮอว์ก(Ruger Super Redhawk)ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น, รูเก้อร์ ซูเปอร์ แบล็คฮอว์ก(Ruger Super Blackhawk)ซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น, ฯลฯ ยังไม่นับปืนพกกึ่งอัตโนมัติ(Semi-Automatic Pistol)ชื่อดังที่ใช้กระสุนสี่สี่แม๊กนั่มของปืนสั้นลูกโม่ เช่น เดสเสิร์ต อีเกิ้ล (IMI Desert Eagle), และอื่นๆ เป็นต้น แต่ที่เมืองนอกเมืองไทยพูดกันมากที่สุด ก็คือ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29, 629 และ 629 คลาสสิค ประณีตแม่นยำที่สุดในกระบวนปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มด้วยกัน ถาม: “ปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มใช้กระสุนอื่นยิงแทนได้ไหมในเมื่อไม่มีลูกซ้อมยิง?” ตอบ: ได้ คือ .44 สเปเชี่ยล(.44 S&W Special) ที่ปลอกหรือนัดกระสุนสั้นกว่าสี่สี่แม็กนั่มนิดเดียว (0.125 นิ้วฟุต) ทำนองเดียวกับที่เราใช้กระสุนสามแปดสเปฯ (.38 Special) ยิงซ้อมมือกับปืนสั้นลูกโม่สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum) เพราะขนาดหน้าตัดหัวกระสุนและความโตของปลอกกระสุนใกล้เคียงกันมาก แต่หลักการนี้ใช้ได้เฉพาะปืนสั้นลูกโม่เท่านั้น ปืนพกกึ่งอัตโนมัติหรือปืนสั้นออโตเมติคจะมีปัญหา ถาม: “สมมุติว่าขอใบอนุญาตและซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มมาได้แล้วจะไปยิงซ้อมที่สนามยิงปืนที่ไหน?” ตอบ: เดี๋ยวนี้ยากมากครับ สนามยิงปืนของราชการและเอกชนทั่วไปในบ้านเราไม่ค่อยอนุญาตให้ยิงปืนกระสุนสี่สี่แม็กนั่ม ซึ่งรวมทั้งปืนไรเฟิลขนาดต่างๆ ด้วย ปืนกระสุนดุที่อนุญาตให้ยิงซ้อมกันในสนาม อย่างมากก็แค่สิบเอ็ดมอมอ(.45 ACP), ลูกซองกระสุนลูกปราย, สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum)เป็นบางสนาม จริงๆจังๆก็คงเป็นสนามยิงปืนของทหารที่ Backstop (กำแพงหยุดกระสุนหลังเป้า) เตรียมไว้สำหรับเอ็ม 16 ก็พอจะพูดคุยขอกันได้บ้าง ถาม: “สี่สี่แม็กนั่มกระสุนนอกราคานัดละเท่าไร? กระสุนไทยมีผลิตไหม?” ตอบ: กระสุนสี่สี่แม็กนั่มที่พอจะหาซื้อได้ในตลาดปืนบ้านเรามีค่อนข้างน้อยมาก ถ้ามีก็ตกนัดละเกือบๆร้อยบาทหรือกว่านี้ เท่าที่ทราบ สี่สี่แม็กนั่มไม่มีผลิตขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพราะขาดวัสดุและดินปืนที่ต้องขออนุญาตกลาโหมเพื่อนำเข้า ยอดจำหน่ายมีแค่นิดเดียว จึงไม่คุ้มที่จะผลิตในประเทศไทย ถาม: “ที่ว่า ปืนสมิธฯสี่สี่แม็กนั่มแม่นยำกว่าปืนอื่นนั้นเป็นอย่างไร?” ตอบ: จากบทความต่างประเทศ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 แม็กน่าคลาสสิค ลำกล้องยาว 8 3/8 นิ้วฟุต ยิงด้วยกระสุน Garrett Cartridges หัวกระสุนหนัก 320 เกรน ความเร็วต้น 1,315 ฟุต/วินาที จากระยะยิง 25 หลา(ประมาณ 23 เมตร)จำนวน 6 นัดทำกลุ่มกระสุนได้ 1 นิ้วฟุต กระสุน Carbon Hunter หัวกระสุนหนัก 260 เกรน หัวรู(Hollow Point) ความเร็วต้น 1,450 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,214 ฟุต-ปอนด์ ระยะยิง 25 หลา จำนวน 6 นัดทำกลุ่มได้ 1x2 นิ้วฟุต ทั้งนี้ยังไม่มีการยิงพิสูจน์ความแม่นยำเทียบระหว่าง Smith&Wesson, Colt Anaconda, Ruger Super Redhawk ทั้งเมืองนอกและในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ถาม: “ถ้าจะซื้อปืนสั้นลูกโม่สี่สี่แม็กนั่มสักกระบอกในชีวิตจะเลือกอะไรดี?” ตอบ: ถ้าเลือกความประณีตแม่นยำ(Precision/Accuracy)ก็ต้องสมิธแอนด์เวสสัน ถ้าชอบความแข็งแรงบึกบึนทนทาน(Strong, Durability & Reliability)ก็ต้องฟันธงว่ารูเก้อร์ ส่วนอะนาคอนด้า(Anaconda)เป็นอะไรๆ ที่ต้องเป็นยี่ห้อโค้ลท์ไว้ก่อน ถาม: “ปืนสั้นลูกโม่เล่นกระสุนสี่สี่แม็กนั่มแบบไหนดี?” ตอบ: นักเลงสี่สี่แม็กนั่มตัวจริงจะเล่นกระสุน “หัวตัน-หัวหนัก” ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น Jacketed Soft Point, Semi-Wadcutter, Flat/Leaded Nose, รวมทั้งกระสุนพิเศษซาบ้อต(Sabot) จากประสบการณ์ส่วนตัว สี่สี่แม็กนั่มหัวรู น้ำหนัก 240 เกรน แม้จะมีความเร็วสูงถึงขั้น 1,400 ฟุต/วินาที จะมีปัญหา “เหินลม” ทำให้วิถีกระสุน(Trajectory)ไม่ราบเรียบไม่แม่นยำเท่าควร ขณะที่กระสุนหัวตัน น้ำหนักหัวกระสุนมากๆ (หรือบางทีก็น้ำหนัก 240 เกรนเท่ากัน) แต่ปลอกกระสุนมีเข็มขัดรัดหรือรอยย้ำ 2 แถว แม้ความเร็วน้อยกว่าแต่ให้ความแม่นยำหนักแน่นสูงกว่ามาก เรียกว่าได้ใจทุกนัดไป ข้อเสีย คือ ยิงสะบัดกัดมือมากกว่ากระสุนรุ่นใหม่ๆ ประมาณ +15%-20% ถาม: “ปืนสี่สี่แม็กนั่มต้องระวังอะไรบ้าง? ติดศูนย์กล้องดีไหม?” ตอบ: ข้อหนึ่ง-ถ้าเป็นเหล็กสแตนเลส เช่น โมเดล 629 และ 629 คลาสสิค ควรใส่กล่องเก็บหรือไม่ก็ตัดซองหนังใส่ปืนเก็บรักษา เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน รอยขนแมว ที่เกิดขึ้นเพราะผิวเหล็กสแตนเลสเนื้ออ่อนกว่าเหล็ก ข้อสอง-ไม่ควรใช้ยาขัดโลหะชนิดที่มีสารชะล้าง(Solven)ขัดถูกตัวปืน เพราะจะทำให้ตัวอักษรที่แกะสลักด้วยเลเซอร์เคลือบสีทองไว้ลางเลือนจางหาย ข้อสาม-หมั่นตรวจขันหมุดสกรูที่ตัวปืนทั้งก่อนและหลังการยิง เนื่องจากแรงสะบัดสะท้อนรุนแรงทำให้หมุดสกรูคลายตัวและอาจหลุดกระเด็นหาย ข้อสี่-ถึงจะหาซื้อกระสุนได้มากก็ไม่ควรยิงเล่นบ่อยๆ เพราะจะทำให้ตัวปืนทรุดโทรมเร็วกว่าที่ควรอย่างน่าเสียดาย ข้อห้า-อย่านำมายิงแห้งหรือเหนี่ยวไกเล่น(โดยไม่บรรจุกระสุนในตัวปืน)บ่อยๆ กลไกปืนอาจชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะเข็มแทงชนวนอาจหักโดยไม่รู้ตัว ข้อหก-ติดศูนย์กล้องเล็งได้ในกำลังขยายภาพไม่เกิน 4 เท่า สูงกว่านั้นจะเล็งยิงได้ลำบาก มือสั่นสายตาพร่ามัวเพราะไม่กล้าลั่นกระสุน(เพราะภาพมันฟ้องว่าศูนย์ปืนไม่เข้าเป้าเนื่องจากมือผู้ยิงสั่นไปมา) แต่สุดท้ายก็ต้องถอดศูนย์กล้องเล็งออกเพราะรู้สึกเกะกะหนักตัวปืนเปล่าๆ สรุปท้ายเรื่อง... สมิธแอนด์เวสสัน สี่สี่แม็กนั่ม เป็นทรัพย์สมบัติที่คู่ควรต่อผู้มีบารมีและนักสะสมปืนมากกว่าการมีใช้เพื่อต่อสู้ป้องกันชีวิตทรัพย์สิน ไม่ใช่ปืนสั้นประจำกายอย่างแน่นอน แต่จะเหมาะที่สุดในกรณีท่องไพรสำรวจป่าที่พกไว้ข้างเอวหรือข้างสีข้างลำตัวเพื่อป้องกันสัตว์เขี้ยวยาวดุร้ายต่างๆ แม้ปัจจุบัน ตลาดปืนโลกจะมี “ปืนโหดกระสุนดุ” รุ่นใหม่ๆที่มีอานุภาพสูงกว่าสี่สี่แม็กนั่ม ไม่ว่าจะเป็น .454 Casull, .460 S&W Magnum, .500 S&W Magnum, และอื่นๆ แต่ “สี่สี่แม็กนั่มยังจะเป็นเพื่อนที่ดีของนักเล่นปืนตลอดไป” ขอบคุณครับ...
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • A. Lange & Söhne เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของ Datograph ด้วย Handwerkskunst Special Edition
    A. Lange & Söhne เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของ Datograph ด้วย Handwerkskunst Special Edition
    0 Comments 0 Shares 110 Views 34 0 Reviews
  • 04-10-67/02 : หมี CNN / เหี้ยฝากมาบอก! มรึงจะมายินดีเหี้ยอะไรตอนนี้จ๊ะ? กูรู้ พวกมรึงคิดจะล่อกูมาลงแขก เหมือนที่ทำกับลวกเพ่ยิวมายเลิฟกู! รัสเซีย-จีน ไม่พูดเยอะ 1.รัสเซียลุย จีนเติมให้ไม่อั้น 2.BRICS นำ โลกตาม 3.ท่อแก็สเชื่อมต่อรัสเซีย-จีน-อิหร่าน ถึงกันหมดแล้ว โลกอยู่ในมือ 4.เทดอลล่าร์กันหมดโลก แล้วไอ้ราคาที่เห็นอยู่ มีแต่ควายใช้ไงล่ะ 5.ผนึกโลกลงแขกยิวสำเร็จ อาร์คติคมาแน่ แปซิฟิคมั่นคง สรุปคือ รัสเซียเล่นบทเพชรฆาต จีนเล่นบทพ่อพระ อิหร่านเล่นบทสงครามครูเสด โสมแดงรอดักตีท้ายครัววอชิงตัน สูตรสำเร็จความใคร่เหี้ยที่ดีที่สุดคือ "ฆ่าล้างโคตรยิว ทุกอย่างจบ" WAGNER กระจายไปทั่วโลก ภาพที่เห็นการต่อสู้ ไม่ว่าสมรภูมิไหนในโลก สอดมี WAGNER สอดไส้คาราเมลไปทั่ว ในอิรัก ซีเรีย เลบานอน อัฟกานิสถาน เยเมน ไนจีเรีย ไนเจอร์ โปแลนด์ ยูเครน โดยมีผีน้อยคิวทาโร่ กำกับการแสดง กลายร่างเป็นเงา เหี้ยยังหาไม่เจอ? อุโมงค์ใต้ดินฮามาส ลับสุดยอด ซับซ้อน เขาวงกต แม้แต่เหี้ยใช้เทคโนโลยีอะไร ก็หาแผนที่ใต้ดินไม่พบ เพราะคนที่เข้าไปวางกับดักให้ วางแผนให้ มิใช่ใครอื่น WAGNER ที่รัก สรุปคือแผนการรบในยูเครน รวมทั้งเยรูซาเล็ม พิมพ์เขียวฉบับเดียวกัน ทำพร้อมกัน เพื่อสอดประสานตามแผนการโจมตีภาพใหญ่ ล่ออีเหี้ยมะกันเข้ามาติดบ่วงสงคราม แล้วหลังบ้านจะยวบทันที การที่มันยังเคลื่อนไหวอะไรมากไม่ได้เพราะกังวลเลือกตั้งใหญ่ กว่ามรึงจะเลือกกันเสร็จ รับรองกันเสร็จ สงครามกลางเมืองมาแน่ ตอนนั้น อียิวเหลือแต่ซากแล้ว! แผนกั๊กขั้วใหม่เค้า ห่วงหน้าพะวงหลัง สู้ไม่สุด ไปไม่สุด มรึงมีแต่แพ้ยับ ต้องเทหมดหน้าตัก ถึงพอจะยังกู้สถานการณ์ได้จริง แต่เหี้ยวอชิงตัน อาจจะเสียบ้านแทนอียิว มรึงเลือกเอาน่ะ? ไอ้เหี้ย! ไม่ว่าทางไหน ก็ไม่พ้นกองตรีนกองทัพมหาเทพชัวร์! ปล.ยิ่งรัสเซียแนบแน่นกับจีนมากเท่าไหร่ ขั้วใหม่ยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งโลก มีใครจะไม่เอา? ปูติน สีจิ้นผิง จะมีชื่อในหน้าประวัติศาสตร์โลกอีก 100 ปี HALL OF FLAME จดจำชัวร์! ไม่ใช่อีลูกสาวร่าน แถวเหี้ยส่องหล้า ที่อยากจะเข้า HALL OF FLAME พ่วงคดีความยาวเป็นหางว่าว อีพ่อเหลี่ยมชั่วฆ่าลูกตัวเอง อีกะบังลม น้ำตาร่วง!

    Putin congratulates Xi on diplomatic anniversary นายปูตินแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสีเนื่องในโอกาสครบรอบการทูตระหว่างประเทศ

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : นายปูตินแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสีเนื่องในโอกาสครบรอบการทูตระหว่างประเทศ

    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินกล่าวในจดหมายต่อประธานาธิบดี สี จิ้นผิงในโอกาสครบรอบการทูตกับจีนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียดีที่สุดในประวัติการณ์หลังความสัมพันธ์ทางการทูต 75 ปี

    รัสเซียและจีนพึงพอใจกับความร่วมมือทางการเมือง การค้า และเศรษฐกิจตามที่ได้เปิดเผยในเว็บไซต์ของรัสเซีย นอกจากนั้นประเทศอื่น ๆ ยังได้ผลประโยชน์จากการเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น

    นายปูตินมั่นใจว่า ข้อตกลงต่างๆที่เจรจากับนายสีจะช่วย “สร้างความมั่นคงและความปลอดภัย” ในยุโรปและเอเชียรวมถึง “ทั่วโลก”

    ทั้งสองคนประชุมกันในเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคมปีนี้ จีนเป็นผู้สนับสนุนหลักต่อการแก้ปัญหาทางการทูตต่อความขัดแย้งกับยูเครนเหมือนกับบราซิลที่เสนอแผนการเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

    จีนเรียกร้องให้มีการตั้งฐานทัพอย่างสันติต่อวิกฤติและอ้างว่า การปฏิบัติการของสหรัฐและการขยายตัวของนาโต ทำให้เกิดการต่อสู้ การค้าระหว่างสองประเทศดีขึ้นตั้งแต่ปี 2022

    แถลงการจากรัฐบาลจีนระบุว่า “ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เห็นในรอบศตวรรษ รัสเซียและจีน ”มีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันและบรรลุผลจากความร่วมมือ“ และ ”เสียสละ“ เพื่อสนับสนุน ”โลกหลายขั้ว“ และ ”โลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกคน“

    ข้อความจากนายปูตินแก่นายสีระบุว่า สหภาพโซเวียต เป็นประเทศแรกที่ยอมรับสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นาย ปูตินแสดงความยินดีกับนายสีในโอกาสครบรอบ 75 ปีของก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC)

    https://www.rt.com/news/605107-putin-congratulates-xi-diplomatic/

    https://linevoom.line.me/post/1172801695419295999

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    04-10-67/02 : หมี CNN / เหี้ยฝากมาบอก! มรึงจะมายินดีเหี้ยอะไรตอนนี้จ๊ะ? กูรู้ พวกมรึงคิดจะล่อกูมาลงแขก เหมือนที่ทำกับลวกเพ่ยิวมายเลิฟกู! รัสเซีย-จีน ไม่พูดเยอะ 1.รัสเซียลุย จีนเติมให้ไม่อั้น 2.BRICS นำ โลกตาม 3.ท่อแก็สเชื่อมต่อรัสเซีย-จีน-อิหร่าน ถึงกันหมดแล้ว โลกอยู่ในมือ 4.เทดอลล่าร์กันหมดโลก แล้วไอ้ราคาที่เห็นอยู่ มีแต่ควายใช้ไงล่ะ 5.ผนึกโลกลงแขกยิวสำเร็จ อาร์คติคมาแน่ แปซิฟิคมั่นคง สรุปคือ รัสเซียเล่นบทเพชรฆาต จีนเล่นบทพ่อพระ อิหร่านเล่นบทสงครามครูเสด โสมแดงรอดักตีท้ายครัววอชิงตัน สูตรสำเร็จความใคร่เหี้ยที่ดีที่สุดคือ "ฆ่าล้างโคตรยิว ทุกอย่างจบ" WAGNER กระจายไปทั่วโลก ภาพที่เห็นการต่อสู้ ไม่ว่าสมรภูมิไหนในโลก สอดมี WAGNER สอดไส้คาราเมลไปทั่ว ในอิรัก ซีเรีย เลบานอน อัฟกานิสถาน เยเมน ไนจีเรีย ไนเจอร์ โปแลนด์ ยูเครน โดยมีผีน้อยคิวทาโร่ กำกับการแสดง กลายร่างเป็นเงา เหี้ยยังหาไม่เจอ? อุโมงค์ใต้ดินฮามาส ลับสุดยอด ซับซ้อน เขาวงกต แม้แต่เหี้ยใช้เทคโนโลยีอะไร ก็หาแผนที่ใต้ดินไม่พบ เพราะคนที่เข้าไปวางกับดักให้ วางแผนให้ มิใช่ใครอื่น WAGNER ที่รัก สรุปคือแผนการรบในยูเครน รวมทั้งเยรูซาเล็ม พิมพ์เขียวฉบับเดียวกัน ทำพร้อมกัน เพื่อสอดประสานตามแผนการโจมตีภาพใหญ่ ล่ออีเหี้ยมะกันเข้ามาติดบ่วงสงคราม แล้วหลังบ้านจะยวบทันที การที่มันยังเคลื่อนไหวอะไรมากไม่ได้เพราะกังวลเลือกตั้งใหญ่ กว่ามรึงจะเลือกกันเสร็จ รับรองกันเสร็จ สงครามกลางเมืองมาแน่ ตอนนั้น อียิวเหลือแต่ซากแล้ว! แผนกั๊กขั้วใหม่เค้า ห่วงหน้าพะวงหลัง สู้ไม่สุด ไปไม่สุด มรึงมีแต่แพ้ยับ ต้องเทหมดหน้าตัก ถึงพอจะยังกู้สถานการณ์ได้จริง แต่เหี้ยวอชิงตัน อาจจะเสียบ้านแทนอียิว มรึงเลือกเอาน่ะ? ไอ้เหี้ย! ไม่ว่าทางไหน ก็ไม่พ้นกองตรีนกองทัพมหาเทพชัวร์! ปล.ยิ่งรัสเซียแนบแน่นกับจีนมากเท่าไหร่ ขั้วใหม่ยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งโลก มีใครจะไม่เอา? ปูติน สีจิ้นผิง จะมีชื่อในหน้าประวัติศาสตร์โลกอีก 100 ปี HALL OF FLAME จดจำชัวร์! ไม่ใช่อีลูกสาวร่าน แถวเหี้ยส่องหล้า ที่อยากจะเข้า HALL OF FLAME พ่วงคดีความยาวเป็นหางว่าว อีพ่อเหลี่ยมชั่วฆ่าลูกตัวเอง อีกะบังลม น้ำตาร่วง! Putin congratulates Xi on diplomatic anniversary นายปูตินแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสีเนื่องในโอกาสครบรอบการทูตระหว่างประเทศ ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : นายปูตินแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสีเนื่องในโอกาสครบรอบการทูตระหว่างประเทศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินกล่าวในจดหมายต่อประธานาธิบดี สี จิ้นผิงในโอกาสครบรอบการทูตกับจีนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียดีที่สุดในประวัติการณ์หลังความสัมพันธ์ทางการทูต 75 ปี รัสเซียและจีนพึงพอใจกับความร่วมมือทางการเมือง การค้า และเศรษฐกิจตามที่ได้เปิดเผยในเว็บไซต์ของรัสเซีย นอกจากนั้นประเทศอื่น ๆ ยังได้ผลประโยชน์จากการเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น นายปูตินมั่นใจว่า ข้อตกลงต่างๆที่เจรจากับนายสีจะช่วย “สร้างความมั่นคงและความปลอดภัย” ในยุโรปและเอเชียรวมถึง “ทั่วโลก” ทั้งสองคนประชุมกันในเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคมปีนี้ จีนเป็นผู้สนับสนุนหลักต่อการแก้ปัญหาทางการทูตต่อความขัดแย้งกับยูเครนเหมือนกับบราซิลที่เสนอแผนการเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน จีนเรียกร้องให้มีการตั้งฐานทัพอย่างสันติต่อวิกฤติและอ้างว่า การปฏิบัติการของสหรัฐและการขยายตัวของนาโต ทำให้เกิดการต่อสู้ การค้าระหว่างสองประเทศดีขึ้นตั้งแต่ปี 2022 แถลงการจากรัฐบาลจีนระบุว่า “ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เห็นในรอบศตวรรษ รัสเซียและจีน ”มีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันและบรรลุผลจากความร่วมมือ“ และ ”เสียสละ“ เพื่อสนับสนุน ”โลกหลายขั้ว“ และ ”โลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกคน“ ข้อความจากนายปูตินแก่นายสีระบุว่า สหภาพโซเวียต เป็นประเทศแรกที่ยอมรับสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นาย ปูตินแสดงความยินดีกับนายสีในโอกาสครบรอบ 75 ปีของก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) https://www.rt.com/news/605107-putin-congratulates-xi-diplomatic/ https://linevoom.line.me/post/1172801695419295999 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 73 Views 1 Reviews
  • รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม https://www.pradenrath.com/?p=4048
    รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม https://www.pradenrath.com/?p=4048
    WWW.PRADENRATH.COM
    รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม - หนังสือพิมพ์ประเด็นรัฐ
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • ปักกิ่ง ประเทศจีน จัดพิธีเชิญธง เพื่อเฉลิมฉลองวันชาติครบรอบ ๗๕ ปี
    .
    Beijing China holds flag-raising ceremony to mark 75th National Day
    .
    3:40 PM · Oct 3, 2024 · 10.4K Views
    https://x.com/RT_com/status/1841760098148094275
    ปักกิ่ง ประเทศจีน จัดพิธีเชิญธง เพื่อเฉลิมฉลองวันชาติครบรอบ ๗๕ ปี . Beijing China holds flag-raising ceremony to mark 75th National Day . 3:40 PM · Oct 3, 2024 · 10.4K Views https://x.com/RT_com/status/1841760098148094275
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 212 Views 45 0 Reviews
  • รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม

    วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงร่วมพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา มีการจัดเตรียมสถานที่และสิ่งของบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ

    ในการเริ่มต้นพิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอพรให้กระทรวงและบุคลากรมีความเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ การบวงสรวงยังได้รับการประกอบพิธีโดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับกระทรวงวัฒนธรรม และเพื่อระลึกถึงบทบาทที่สำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป

    ต่อมาในเวลา 09.20 น. ได้มีพิธีสวดพุทธชัยมงคลคาถา โดยพระสงฆ์จำนวน 10 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงวัฒนธรรม การสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในวาระพิเศษเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรที่ร่วมกันสร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพิธีทางศาสนายังได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับอีกด้วย

    นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล และผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ร่วมกันทอดผ้าบังสกุล จำนวน 10 ผืน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเด็กนักเรียนในจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังสะท้อนถึงบทบาทที่กระทรวงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำบุญให้กับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเป็นการสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้ว นางสาวสุดาวรรณ และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาแสดงความยินดีและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครั้งที่ 22 ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกระทรวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการร่วมมือกันในการส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การถ่ายรูปร่วมกันและการมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน สื่อถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของงานที่กระทรวงวัฒนธรรมทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และสืบทอดไปสู่คนรุ่นหลัง

    กระทรวงวัฒนธรรมก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและโลก กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมงานศิลปะและการแสดงต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ กระทรวงยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การอบรม และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม

    ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มีความสมานฉันท์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมค่านิยมที่ดีในสังคมไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน

    ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมยังมีบทบาทในการนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงได้มีการจัดทำเนื้อหาด้านวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ การจัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้และกิจกรรมด้านวัฒนธรรม

    กระทรวงวัฒนธรรมมีการดำเนินกิจกรรมและโครงการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมไทย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้านและศิลปินแห่งชาติ รวมถึงการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย

    อีกทั้งกระทรวงยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มเยาวชน โดยการนำวัฒนธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงรากฐาน

    ภาพ/ข่าว​ โย​ ประเด็นรัฐ
    รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงร่วมพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา มีการจัดเตรียมสถานที่และสิ่งของบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ ในการเริ่มต้นพิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอพรให้กระทรวงและบุคลากรมีความเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ การบวงสรวงยังได้รับการประกอบพิธีโดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับกระทรวงวัฒนธรรม และเพื่อระลึกถึงบทบาทที่สำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป ต่อมาในเวลา 09.20 น. ได้มีพิธีสวดพุทธชัยมงคลคาถา โดยพระสงฆ์จำนวน 10 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงวัฒนธรรม การสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในวาระพิเศษเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรที่ร่วมกันสร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพิธีทางศาสนายังได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับอีกด้วย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล และผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ร่วมกันทอดผ้าบังสกุล จำนวน 10 ผืน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเด็กนักเรียนในจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังสะท้อนถึงบทบาทที่กระทรวงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำบุญให้กับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเป็นการสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้ว นางสาวสุดาวรรณ และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาแสดงความยินดีและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครั้งที่ 22 ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกระทรวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการร่วมมือกันในการส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การถ่ายรูปร่วมกันและการมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน สื่อถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของงานที่กระทรวงวัฒนธรรมทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และสืบทอดไปสู่คนรุ่นหลัง กระทรวงวัฒนธรรมก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและโลก กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมงานศิลปะและการแสดงต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ กระทรวงยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การอบรม และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มีความสมานฉันท์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมค่านิยมที่ดีในสังคมไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมยังมีบทบาทในการนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงได้มีการจัดทำเนื้อหาด้านวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ การจัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้และกิจกรรมด้านวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมมีการดำเนินกิจกรรมและโครงการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมไทย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้านและศิลปินแห่งชาติ รวมถึงการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย อีกทั้งกระทรวงยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มเยาวชน โดยการนำวัฒนธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงรากฐาน ภาพ/ข่าว​ โย​ ประเด็นรัฐ
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • 1 ตุลาคม 2567-รายงานจากเพจเฟซบุ๊ก สายัณห์ รุจิรโมรา ชี้ประเด็น การ audit การถือครองและการตรวจคุณภาพ (assay)ของจำนวนทองคำในคลังของรัฐบาลสหรัฐที่Fort Knox ตลอดถึงธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทองคำสำรองทั้งหมดนี้

    “ moneymetals
    50-Year Anniversary of the Notorious “Show Audit” of Fort Knox Gold
    การตรวจสอบปริมาณทองคำสำรองสหรัฐที่ Fort Knox เมื่อ 50 ปีก่อน เป็นเพียงทีวีโชว์ ..."show audit"

    Matthew Cortez. Sept 23, 2024

    เงินเฟ้อเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ตอนนี้กำลังกระจายไปทั่ว มันสูบความมั่งคั่งของผู้ออมเงินผ่านอำนาจซื้อของ "เงิน" ปีแล้วปีเล่า

    ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางทั่วโลก -ตั้งแต่ซาอุดิอราเบีย ยันถึงจีน และทั้งโลก- ต่างก็แข่งกันซื้อทองคำอย่างเร่งด่วน หลายประเทศเช่นพวกกลุ่ม BRICS ถึงขนาดคิดที่จะเลิกใช้ดอลลาร์ในการค้ากันแล้ว

    และเมื่อสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์เกิดความไม่แน่นอน ทั้งนักลงทุน ธุรกิจเอกชน และหน่วยงานของรัฐบาลต่างก็ถือทองคำเพื่อเป็นการปกป้องตนเองให้พ้นจากอิทธิพลจากเงินเฟ้อ

    จากรายงานที่เรารับรู้มาตลอด ทองคำรีเสิร์ฟของสหรัฐมีอยู่ 8,133 ตัน เกือบทั้งหมดนั้นเก็บรักษาที่คลังของรัฐบาลสหรัฐ (Bullion Depository) ที่ Fort Knox, Kentucky ...คลังนี้ถือเป็นสัญญลักษณ์ของสถานะอำนาจทางการเงินที่แข็งแกร่งของอเมริกาที่มีต่อทั้งโลก

    ทุนสำรองทองคำของสหรัฐนี้ไม่มีการตรวจสอบที่เชื่อถือได้มาตั้งแต่ปี 1974 ...ไม่นานหลังจากที่อเมริกาฉีกสัญญา Bretton Woods ที่ทำให้สถานะการถือครองทองคำของอเมริกาเป็นที่น่าเคลิอบแคลงสงสัย ที่จริงแล้ว การ audit ครั้งที่เกิดก่อนหน้าปี 1974 ก็ไม่น่าเชื่อถือเหมือนกัน

    นี่ก็ครบรอบ 50 ปีแล้วที่ประชาชนยังคงอยู่กับความน่าสงสัย คำถามก็ยังคงอยู่...ทองคำทั้งหมดของอเมริกา ยังอยู่มั้ย?

    ประวัติศาสตร์ของคลัง Bullion Depository ของสหรัฐที่ Kentucky

    ก่อสร้างปี 1936 เพื่อสนับสนุนคำสั่ง ปธน. ที่ 6102 (Executive Order 6102) ของปธน. รูสเวลท์ที่บังคับให้ประชาขนแลกทองคำของตนเป็นเงินกระดาษ ...คลังนี้ถูกเรียกตามสถานที่ตั้งว่า Fort Knox

    U.S. Bullion Depository แห่งนี้อยู่ใจกลางประเทศที่ห่างไกลจากชายฝั่งประเทศ เพื่อความปลอดภัยกรณีที่ถูกรุกราน

    ประตูของคลังแห่งนี้หนาถึง 21 นิ้ว ก่อสร้างด้วยเหล็กกล้าถึง 1,420 ตัน มันถูกออกแบบเป็นการเฉพาะเพื่อเก็บรักษาทองคำนับล้านๆ ออนซ์ (เป็นทองคำแท่งที่หลอมมาจากเหรียญ) ทีได้รับมาจากประชาชนสหรัฐ ตามคำสั่ง 6102 กับทองที่ยึดเข้ามาดื้อ ๆ จากประเทศในยุโรป ที่ถูกทำลายจากสงคราม

    ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีมาแล้ว ที่ประชาชนอเมริกันก็แคลงใจว่าในคลังยังมีทองคำอยู่จริงหรือ?

    ตอนนั้นมีหลายทฤษฎีที่เกี่ยวกับทองคำเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่ว ...ทฤษฎีหนึ่งที่นักฏหมายคนหนึ่งในวอชิงตันให้สัมภาษณ์สื่อ The National Tattler ว่า ทองคำมูลค่า $20,000 ล้านอันตรธานไปจากคลังของรัฐบาลแห่งนี้ ข่าวนี้แพร่ไปทั่วคองเกรสอย่างรวดเร็ว

    คนอเมริกันจำนวนมากข้องใจกับคลังแห่งนี้ คิดว่าทองคำน่าจะหมดไปแล้ว จากการถูกต่างประเทศแลกคืนตลอดหลายปีก่อนหน้านั้น

    The “Show Audit” of Fort Knox Gold in 1974 Created More Questions

    รัฐบาลแก้เกม โดยจัดให้มีการ "Show Audit" ของ Fort Knox Gold เมื่อวันที่ 23 กันยายน 1974 กระทรวงคลังเปิดห้องเก็บทองคำโชว์ แต่เปิดแค่ 1 ห้องจากทั้งหมด 15 ห้อง ให้นักการเมืองและนักข่าวเข้าชมทองคำอย่างใกล้ชิด เพื่อยืนยันว่ามันยังอยู่ ....ดูยังไง ๆ มันก็เป็นรายการทีวีโชว์ ไม่ใช่ audit ...(ผมจะแชร์ลิ้งค์ คลิปส่วนหนึ่งในคอมเมนท์ครับ)

    รายการโชว์ที่มีคลิปรวมกันประมาณสองชั่วโมง เต็มไปด้วยรอยยิ้มของนักการเมืองและนักข่าว ที่มองดูทองคำแท่งที่กองเต็มรวม..สูงถึงเพดานในห้องเก็บนั้น

    ตลอดช่วงของการเข้าชม กลับไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของ serial# ของทองคำแต่ละแท่ง หรือผลการตรวจสอบความบริสุทธิ์ (assay) หรือแม้แต่หลักฐานความเป็นเจ้าของของรัฐบาลสหรัฐ ....(ตอนนั้นยังมีการรับฝากจากรัฐบาลต่างประเทศอยู่มาก)

    นี่เป็นรายการทีวีที่ออกอากาศปี 1974 มากกว่าจะเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือ..แสดงจำนวนทองคำของสหรัฐในคลัง

    หลายสิบปีหลังจากนั้น มันก็ยังคงอึมครึมอยู่อย่างนั้น Fed ก็ยังพิมพ์เงินต่อไป ...ธนาคารกลางทั่วโลกก็เก็บสะสมทองคำกันต่อไป ....คนอเมริกันก็ยังเซ่อ..ไม่รู้อะไรเหมือนเดิมอยู่ต่อไป

    เมื่อปี 2021 สมาชิกสภา Alex Mooney (WV - R) เสนอออกกฎหมายให้มีการ audit การถือครอง ..การตรวจคุณภาพ (assay) และจำนวนทองคำของรัฐบาลสหรัฐ ตลอดถึงธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทองคำสำรองทั้งหมดนี้ ...แต่เรื่องก็เงียบไป น่าจะต้องมีการเสนออีกในปีต่อ ๆ ไป

    คลิป "show audit" ผมแปะไว้ที่คอมเมนท์ครับ

    https://www.moneymetals.com/news/2024/09/23/50-year-anniversary-of-the-notorious-show-audit-of-fort-knox-gold-003484

    #Thaitimes
    1 ตุลาคม 2567-รายงานจากเพจเฟซบุ๊ก สายัณห์ รุจิรโมรา ชี้ประเด็น การ audit การถือครองและการตรวจคุณภาพ (assay)ของจำนวนทองคำในคลังของรัฐบาลสหรัฐที่Fort Knox ตลอดถึงธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทองคำสำรองทั้งหมดนี้ “ moneymetals 50-Year Anniversary of the Notorious “Show Audit” of Fort Knox Gold การตรวจสอบปริมาณทองคำสำรองสหรัฐที่ Fort Knox เมื่อ 50 ปีก่อน เป็นเพียงทีวีโชว์ ..."show audit" Matthew Cortez. Sept 23, 2024 เงินเฟ้อเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ตอนนี้กำลังกระจายไปทั่ว มันสูบความมั่งคั่งของผู้ออมเงินผ่านอำนาจซื้อของ "เงิน" ปีแล้วปีเล่า ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางทั่วโลก -ตั้งแต่ซาอุดิอราเบีย ยันถึงจีน และทั้งโลก- ต่างก็แข่งกันซื้อทองคำอย่างเร่งด่วน หลายประเทศเช่นพวกกลุ่ม BRICS ถึงขนาดคิดที่จะเลิกใช้ดอลลาร์ในการค้ากันแล้ว และเมื่อสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์เกิดความไม่แน่นอน ทั้งนักลงทุน ธุรกิจเอกชน และหน่วยงานของรัฐบาลต่างก็ถือทองคำเพื่อเป็นการปกป้องตนเองให้พ้นจากอิทธิพลจากเงินเฟ้อ จากรายงานที่เรารับรู้มาตลอด ทองคำรีเสิร์ฟของสหรัฐมีอยู่ 8,133 ตัน เกือบทั้งหมดนั้นเก็บรักษาที่คลังของรัฐบาลสหรัฐ (Bullion Depository) ที่ Fort Knox, Kentucky ...คลังนี้ถือเป็นสัญญลักษณ์ของสถานะอำนาจทางการเงินที่แข็งแกร่งของอเมริกาที่มีต่อทั้งโลก ทุนสำรองทองคำของสหรัฐนี้ไม่มีการตรวจสอบที่เชื่อถือได้มาตั้งแต่ปี 1974 ...ไม่นานหลังจากที่อเมริกาฉีกสัญญา Bretton Woods ที่ทำให้สถานะการถือครองทองคำของอเมริกาเป็นที่น่าเคลิอบแคลงสงสัย ที่จริงแล้ว การ audit ครั้งที่เกิดก่อนหน้าปี 1974 ก็ไม่น่าเชื่อถือเหมือนกัน นี่ก็ครบรอบ 50 ปีแล้วที่ประชาชนยังคงอยู่กับความน่าสงสัย คำถามก็ยังคงอยู่...ทองคำทั้งหมดของอเมริกา ยังอยู่มั้ย? ประวัติศาสตร์ของคลัง Bullion Depository ของสหรัฐที่ Kentucky ก่อสร้างปี 1936 เพื่อสนับสนุนคำสั่ง ปธน. ที่ 6102 (Executive Order 6102) ของปธน. รูสเวลท์ที่บังคับให้ประชาขนแลกทองคำของตนเป็นเงินกระดาษ ...คลังนี้ถูกเรียกตามสถานที่ตั้งว่า Fort Knox U.S. Bullion Depository แห่งนี้อยู่ใจกลางประเทศที่ห่างไกลจากชายฝั่งประเทศ เพื่อความปลอดภัยกรณีที่ถูกรุกราน ประตูของคลังแห่งนี้หนาถึง 21 นิ้ว ก่อสร้างด้วยเหล็กกล้าถึง 1,420 ตัน มันถูกออกแบบเป็นการเฉพาะเพื่อเก็บรักษาทองคำนับล้านๆ ออนซ์ (เป็นทองคำแท่งที่หลอมมาจากเหรียญ) ทีได้รับมาจากประชาชนสหรัฐ ตามคำสั่ง 6102 กับทองที่ยึดเข้ามาดื้อ ๆ จากประเทศในยุโรป ที่ถูกทำลายจากสงคราม ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีมาแล้ว ที่ประชาชนอเมริกันก็แคลงใจว่าในคลังยังมีทองคำอยู่จริงหรือ? ตอนนั้นมีหลายทฤษฎีที่เกี่ยวกับทองคำเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่ว ...ทฤษฎีหนึ่งที่นักฏหมายคนหนึ่งในวอชิงตันให้สัมภาษณ์สื่อ The National Tattler ว่า ทองคำมูลค่า $20,000 ล้านอันตรธานไปจากคลังของรัฐบาลแห่งนี้ ข่าวนี้แพร่ไปทั่วคองเกรสอย่างรวดเร็ว คนอเมริกันจำนวนมากข้องใจกับคลังแห่งนี้ คิดว่าทองคำน่าจะหมดไปแล้ว จากการถูกต่างประเทศแลกคืนตลอดหลายปีก่อนหน้านั้น The “Show Audit” of Fort Knox Gold in 1974 Created More Questions รัฐบาลแก้เกม โดยจัดให้มีการ "Show Audit" ของ Fort Knox Gold เมื่อวันที่ 23 กันยายน 1974 กระทรวงคลังเปิดห้องเก็บทองคำโชว์ แต่เปิดแค่ 1 ห้องจากทั้งหมด 15 ห้อง ให้นักการเมืองและนักข่าวเข้าชมทองคำอย่างใกล้ชิด เพื่อยืนยันว่ามันยังอยู่ ....ดูยังไง ๆ มันก็เป็นรายการทีวีโชว์ ไม่ใช่ audit ...(ผมจะแชร์ลิ้งค์ คลิปส่วนหนึ่งในคอมเมนท์ครับ) รายการโชว์ที่มีคลิปรวมกันประมาณสองชั่วโมง เต็มไปด้วยรอยยิ้มของนักการเมืองและนักข่าว ที่มองดูทองคำแท่งที่กองเต็มรวม..สูงถึงเพดานในห้องเก็บนั้น ตลอดช่วงของการเข้าชม กลับไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของ serial# ของทองคำแต่ละแท่ง หรือผลการตรวจสอบความบริสุทธิ์ (assay) หรือแม้แต่หลักฐานความเป็นเจ้าของของรัฐบาลสหรัฐ ....(ตอนนั้นยังมีการรับฝากจากรัฐบาลต่างประเทศอยู่มาก) นี่เป็นรายการทีวีที่ออกอากาศปี 1974 มากกว่าจะเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือ..แสดงจำนวนทองคำของสหรัฐในคลัง หลายสิบปีหลังจากนั้น มันก็ยังคงอึมครึมอยู่อย่างนั้น Fed ก็ยังพิมพ์เงินต่อไป ...ธนาคารกลางทั่วโลกก็เก็บสะสมทองคำกันต่อไป ....คนอเมริกันก็ยังเซ่อ..ไม่รู้อะไรเหมือนเดิมอยู่ต่อไป เมื่อปี 2021 สมาชิกสภา Alex Mooney (WV - R) เสนอออกกฎหมายให้มีการ audit การถือครอง ..การตรวจคุณภาพ (assay) และจำนวนทองคำของรัฐบาลสหรัฐ ตลอดถึงธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทองคำสำรองทั้งหมดนี้ ...แต่เรื่องก็เงียบไป น่าจะต้องมีการเสนออีกในปีต่อ ๆ ไป คลิป "show audit" ผมแปะไว้ที่คอมเมนท์ครับ https://www.moneymetals.com/news/2024/09/23/50-year-anniversary-of-the-notorious-show-audit-of-fort-knox-gold-003484 #Thaitimes
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 539 Views 1 Reviews
  • ครบรอบ 1 ปี วันนี้เมื่อปีที่แล้ว 30 กันยายน2566 (SOLD OUT!!! ) เจ้าพ่อ Mandopop

    #jaychou #周杰伦 #周杰倫
    #เจย์โจว #โจวเจี๋ยหลุน
    #jaychouthailand
    #jaychouconcert
    #jaychouCarnival
    #JayChouCarnivalWorldTourinBKK
    ครบรอบ 1 ปี วันนี้เมื่อปีที่แล้ว 30 กันยายน2566 (SOLD OUT!!! ) เจ้าพ่อ Mandopop #jaychou #周杰伦 #周杰倫 #เจย์โจว #โจวเจี๋ยหลุน #jaychouthailand #jaychouconcert #jaychouCarnival #JayChouCarnivalWorldTourinBKK
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • ขอเชิญร่วมงานบำเพ็ญกุศล "วันบูรพาจารย์ และครบรอบวันมรณภาพ ๔ ปี หวงปู่ใหญ่ พระสาสนโสภณ (โกศล สิรินฺธโร) ณ ศาลาการเปรียญวัดสุทธจินดาวรวิหาร ในวันพุธที่ ๙ ตุลาคมนี้ ครับ
    ขอเชิญร่วมงานบำเพ็ญกุศล "วันบูรพาจารย์ และครบรอบวันมรณภาพ ๔ ปี หวงปู่ใหญ่ พระสาสนโสภณ (โกศล สิรินฺธโร) ณ ศาลาการเปรียญวัดสุทธจินดาวรวิหาร ในวันพุธที่ ๙ ตุลาคมนี้ ครับ
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • งานวันเกิดผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้เพียบพร้อม
    คนไปร่วมงานคงมีของขวัญบิ๊กบึ้มไปอวย

    เรากลัวน้อยหน้า เห็นว่าเจ้าของวันเกิดสูงวัย
    เลยเลือกของขวัญให้เหมาะสมอายุ
    และที่สำคัญต้องใหญ่โต
    ไม่น้อยหน้าผู้ร่วมงานท่านอื่นๆ

    จัดเมี่ยงคำไปให้ถุงนึง แบบสมอัครฐานะ
    หวังว่า คงเคี้ยวกันจนถึงครบรอบวันเกิดปีหน้า
    งานวันเกิดผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้เพียบพร้อม คนไปร่วมงานคงมีของขวัญบิ๊กบึ้มไปอวย เรากลัวน้อยหน้า เห็นว่าเจ้าของวันเกิดสูงวัย เลยเลือกของขวัญให้เหมาะสมอายุ และที่สำคัญต้องใหญ่โต ไม่น้อยหน้าผู้ร่วมงานท่านอื่นๆ จัดเมี่ยงคำไปให้ถุงนึง แบบสมอัครฐานะ หวังว่า คงเคี้ยวกันจนถึงครบรอบวันเกิดปีหน้า
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • ร่วมอวยพร วันคล้ายวันเกิดครบรอบ 88 ปี 🎂🥰🎁
    นักร้องฉายาเสียงระทม #วงจันทร์ไพโรจน์
    ในกิจกรรมที่ ดิโอลด์ สยามพลาซ่า ร่วมกับ แม่ไม้เพลงไทย เพลงเก่าต้นฉบับ ลูกทุ่งลูกกรุง ชวนคุณมาจับไมค์ร้องเพลง ครื้นเครงใจ

    คุณวงจันทร์ ไพโรจน์ ชื่อเล่น จิ๋ม เป็นชาวกรุงเทพมหานคร เกิด 18 ก.ค. 2479 พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก จึงมาอยู่กับคุณยายในซอยกิ่งเพชร ซึ่งอยู่ใกล้วังอัศวิน จึงมีโอกาสคลุกคลี ร่ำเรียน การแสดงต่างๆ
    คุณวงจันทร์ ไพโรจน์ เข้าสู่วงการนักร้องตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จากการสนับสนุนของ ครูมงคล อมาตยกุล คุณวงจันทร์ ไพโรจน์ ขับร้องผลงานเพลงไว้ 1,117 เพลง มีผลงานเพลงดัง เช่น #กุหลาบเวียงพิงค์, #สันป่าตอง, #สาวบ้านแพน, #ถึงร้ายก็รัก, #สาวชาวสวน, #บุษบาเสี่ยงเทียน เป็นต้น

    ณ The Old Siam Plaza ชั้น 3 บริเวณตลาดบำรุงเมือง

    #วงจันทร์ไพโรจน์ #แม่ไม้เพลงไทย #maemaiplengthai #theoldsiam #theoldsiamplaza #ดิโอลด์สโมสร #ศรีวัฒนธรรม #เพลงลูกกรุง #thaitimes

    ร่วมอวยพร วันคล้ายวันเกิดครบรอบ 88 ปี 🎂🥰🎁 นักร้องฉายาเสียงระทม #วงจันทร์ไพโรจน์ ในกิจกรรมที่ ดิโอลด์ สยามพลาซ่า ร่วมกับ แม่ไม้เพลงไทย เพลงเก่าต้นฉบับ ลูกทุ่งลูกกรุง ชวนคุณมาจับไมค์ร้องเพลง ครื้นเครงใจ คุณวงจันทร์ ไพโรจน์ ชื่อเล่น จิ๋ม เป็นชาวกรุงเทพมหานคร เกิด 18 ก.ค. 2479 พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก จึงมาอยู่กับคุณยายในซอยกิ่งเพชร ซึ่งอยู่ใกล้วังอัศวิน จึงมีโอกาสคลุกคลี ร่ำเรียน การแสดงต่างๆ คุณวงจันทร์ ไพโรจน์ เข้าสู่วงการนักร้องตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จากการสนับสนุนของ ครูมงคล อมาตยกุล คุณวงจันทร์ ไพโรจน์ ขับร้องผลงานเพลงไว้ 1,117 เพลง มีผลงานเพลงดัง เช่น #กุหลาบเวียงพิงค์, #สันป่าตอง, #สาวบ้านแพน, #ถึงร้ายก็รัก, #สาวชาวสวน, #บุษบาเสี่ยงเทียน เป็นต้น ณ The Old Siam Plaza ชั้น 3 บริเวณตลาดบำรุงเมือง #วงจันทร์ไพโรจน์ #แม่ไม้เพลงไทย #maemaiplengthai #theoldsiam #theoldsiamplaza #ดิโอลด์สโมสร #ศรีวัฒนธรรม #เพลงลูกกรุง #thaitimes
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 799 Views 144 0 Reviews
  • ครบรอบ 50 ปี มูลนิธิศุภนิมิตฯ
    ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง เผยพร้อมเดินหน้า
    สร้างสังคมแห่งการให้ หวังลดช่องว่างให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน
    .
    หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน
    Digital PR & Marketing Solutions
    เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ
    TEL: 086-424-7935, 092-426-9741
    .
    #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing
    #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS
    #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    ครบรอบ 50 ปี มูลนิธิศุภนิมิตฯ ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง เผยพร้อมเดินหน้า สร้างสังคมแห่งการให้ หวังลดช่องว่างให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน . หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Digital PR & Marketing Solutions เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ TEL: 086-424-7935, 092-426-9741 . #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    0 Comments 0 Shares 346 Views 0 Reviews
  • เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!!

    ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!!

    และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง
    เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต
    ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB
    ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน
    คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya
    อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya”
    เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB
    แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา…
    แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!!

    ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต
    ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์
    งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest)
    ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950
    สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany
    ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี
    สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm
    วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB

    การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย
    ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม
    และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า
    มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊
    หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต

    ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข)
    ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!!

    ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!!
    เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!!

    เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี
    ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง
    เธอทำทุกอย่างในบ้าน
    รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน
    อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย
    พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!!
    และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้……
    ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน
    ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต
    ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย……
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น
    แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน
    คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย
    แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ
    มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา

    ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ
    ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ
    Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น
    ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ
    สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi
    เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง
    และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป
    (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา

    สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง
    เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ
    เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้
    นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน
    มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่
    ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
    อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!

    ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน
    ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร
    จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ
    เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว…
    ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต
    ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์
    ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!!
    ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว

    เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น
    ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา……
    ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า…
    “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา
    ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……”
    ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ
    แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!!

    ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน
    แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!!

    เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์
    ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง……

    การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน……
    แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี
    แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์
    ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้…

    ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย
    เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975
    ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB
    แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!”

    ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์)
    อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์
    อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน

    อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด……
    เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี
    แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย……
    เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน
    โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า
    มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า
    ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป
    อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย

    ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่
    Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย……
    ปูติน……ตอบว่า……
    “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว……
    งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย”

    เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ
    วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!!

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว
    อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า…
    “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!! ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!! และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya” เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา… แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!! ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์ งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest) ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊ หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข) ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!! ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!! เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!! เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง เธอทำทุกอย่างในบ้าน รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!! และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้…… ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย…… ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้ นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่ ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว… ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์ ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!! ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา…… ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า… “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……” ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!! ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!! เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์ ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง…… การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน…… แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์ ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้… ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975 ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!” ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์) อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์ อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด…… เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย…… เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่ Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย…… ปูติน……ตอบว่า…… “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว…… งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย” เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!! ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า… “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 2705 Views 0 Reviews
  • #แน็คกามิน #ชีวิตติดเลข #casestudy

    เห็นข่าวช่วงที่ผ่ามาเกี่ยวกับอินฟลูสาวต่างชาติคนนึงที่มารับงานเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหลากหลายร่วมกับดาราชายไทยจนโด่งดัง มีรายได้กลับไปเป็นกอบเป็นกำ ข่าวออกมาในเชิงไม่ค่อยจะดี ซึ่งก็ไม่พ้นในเรื่องของเงินทองผลประโยชน์

    เราเคยถอดค่าเลขของดาราชายไว้เมื่อนานมาแล้ว เพราะเคยฟังสัมภาษณ์ที่เค้าพูดถึงการใช้ชีวิตของตัวเองแล้วทำให้อยากเห็นเลขในชีวิตของเค้า ซึ่งประกอบไปด้วยเลขหลักสองชุดคือ 876 (จากชื่อสกุล) และ 162 (จากวันเกิด) เลขท้าทายในชีวิต 0.3.3.3 เลขกรรม 4

    จากเลขสองชุดนี้ ทำให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก (จุดนี้จากชุดเลขวันเกิดก็พอจะคาดเดาได้ – 19.01.1993) แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้าง ชอบช่วยเหลือคนอื่น แม้จะมีแนวทางในการช่วยที่แปลกจากความคิดของคนทั่วไป เป็นคนมีความรับผิดชอบ และไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของเงินทองเสียเท่าไหร่ ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นคุณค่าของเงินทองนะ แต่หมายถึงว่ามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ คือไม่ได้ยึดเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต

    การมีเลขท้าทายในชีวิตเป็นเลข 3 ทำให้เป็นคนไม่ชอบออกงานสังคม (ตรงกับเลขเส้นทางชีวิตที่เป็นเลข 6 ที่ชอบอยู่บ้าน หรืออยู่กับคนวงเล็กๆ ที่คุ้นเคย) การสื่อสารอาจจะฟังแล้วงงๆ อยู่บ้าง หรือไม่ก็ฟังดูขัดหู เพราะออกแนวถ้าไม่พูดคือไม่พูดเลย แต่ถ้าพูดคือตีแสกหน้าได้ ซึ่งโยงไปได้ถึงเลขกรรม 4 ที่สามารถพูดออกมาตรงๆ โดยไม่เกรงใจใคร ทั้งยังรวมไปถึงการไม่ได้สนใจกฏเกณฑ์ของสังคมเท่าไหร่ การทำงานก็ทำบ้าง หยุดบ้าง ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าตัวเอง

    ทีนี้ เรามาลองดูเลขของอินฟลูสาวกันดูบ้าง
    เลขหลักสองชุดของเธอคือ 189 กับ 395 เลขท้าทาย 1.1.0.2 เลขกรรม 6

    มาดูเลขชุดแรกของเธอกัน จริงๆ แล้ว 189 เป็นเลขที่ดีมากๆ ถ้ามีอยู่ในตัวนะ เพราะเป็นเลขที่ทำให้มีความสามารถครบรอบด้านในตัว เริ่มตั้งแต่ความคิดริเริ่ม การมีวิสัยทัศน์ที่จะเลือกวิธีที่ดีที่สุดและลงมือทำเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่บังเอิญว่าเลข 8 ของเธออยู่ในตำแหน่งที่อ่อนไปนิดนึง ทำให้ความอดทนต่อเรื่องยุ่งยากวุ่นวายมีไม่มากพอที่จะก้าวไปถึงจุดของความสำเร็จ เรียกว่า เมื่อไหร่ที่เกิดปัญหา เมื่อไหร่ที่เกิดความเบื่อ ไม่รู้สึกสนุก ก็สามารถละทิ้งเรื่องนั้นๆ งานนั้นๆ ไปได้ง่ายๆ (ตรงนี้โยงไปหาเลขกรรม 6 ที่เป็นเลขของความรับผิดชอบ และการคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองที่ไม่มีอยู่ในตัวเอง)

    ส่วนเลขชุดที่สองของเธอ 395 เป็นเลขเสน่ห์จริงๆ ทำให้คนตกหลุมรักเธอได้ง่ายๆ มีออร่าที่โดดเด่น ในขณะเดียวกัน เลขชุดนี้ก็ยังทำให้เธอเป็นคนที่ไม่ชอบความยุ่งยาก มีความสนใจต่อเรื่องต่างๆ แบบชั่วครู่ชั่วยาม เบื่อเมื่อไหร่ก็โบกมือลาได้ง่ายๆ เช่นกัน

    เธอมีผลรวมชื่อเป็นเลข 26/8 เมื่อเอาไปอ่านร่วมกับเลขชุดที่สอง 395 ยิ่งตอบโจทย์กับสิ่งที่เธอเลือกทำเป็นอาชีพ งานที่ทำแล้วไม่ต้องเหนื่อยมาก อยู่ท่ามกลางผู้คนและมีสปอต์ไลท์ส่องที่เธอ มีคนชื่นชมและสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้มากๆ ไม่ชอบงานที่มีกฏเกณฑ์หรือยุ่งยากเหนื่อยแรง แล้วก็ต้องเป็นงานที่เป็นเรื่องๆ ไปด้วยนะ เลข 8 ในตำแหน่งนี้ของเธอทำให้เธอยึดเรื่องของผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก (อ่านคุ่กับชุดเลขในวันเกิด รวมถึงเลขท้าทายที่เป็น 1 รวมถึงการที่เธอมีเลข 9 เป็นเลขเส้นทางชีวิต ซึ่งยังมีเลขอีกชุดหนึ่งที่บอกถึงการยึดติดหรือให้ค่ากับวัตถุนิยม ไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะต้องอธิบายกันยาว)

    โดยสรุปจากตัวเลขในชีวิต ทำให้เราเห็นตัวตนของทั้งสองคนชัดเจนขึ้น ไม่ได้ตัดสินว่าใครผิดใครถูกนะคะ เพราะไม่ได้อยู่ในชีวิตของเค้า แต่เราเชื่อเรื่องอิทธิพลหรือพลังงานที่มีอยู่ในตัวคนแต่ละคนมากกว่า

    ยกมือให้กับดาราชายค่ะ
    #แน็คกามิน #ชีวิตติดเลข #casestudy เห็นข่าวช่วงที่ผ่ามาเกี่ยวกับอินฟลูสาวต่างชาติคนนึงที่มารับงานเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหลากหลายร่วมกับดาราชายไทยจนโด่งดัง มีรายได้กลับไปเป็นกอบเป็นกำ ข่าวออกมาในเชิงไม่ค่อยจะดี ซึ่งก็ไม่พ้นในเรื่องของเงินทองผลประโยชน์ เราเคยถอดค่าเลขของดาราชายไว้เมื่อนานมาแล้ว เพราะเคยฟังสัมภาษณ์ที่เค้าพูดถึงการใช้ชีวิตของตัวเองแล้วทำให้อยากเห็นเลขในชีวิตของเค้า ซึ่งประกอบไปด้วยเลขหลักสองชุดคือ 876 (จากชื่อสกุล) และ 162 (จากวันเกิด) เลขท้าทายในชีวิต 0.3.3.3 เลขกรรม 4 จากเลขสองชุดนี้ ทำให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก (จุดนี้จากชุดเลขวันเกิดก็พอจะคาดเดาได้ – 19.01.1993) แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้าง ชอบช่วยเหลือคนอื่น แม้จะมีแนวทางในการช่วยที่แปลกจากความคิดของคนทั่วไป เป็นคนมีความรับผิดชอบ และไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของเงินทองเสียเท่าไหร่ ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นคุณค่าของเงินทองนะ แต่หมายถึงว่ามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ คือไม่ได้ยึดเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต การมีเลขท้าทายในชีวิตเป็นเลข 3 ทำให้เป็นคนไม่ชอบออกงานสังคม (ตรงกับเลขเส้นทางชีวิตที่เป็นเลข 6 ที่ชอบอยู่บ้าน หรืออยู่กับคนวงเล็กๆ ที่คุ้นเคย) การสื่อสารอาจจะฟังแล้วงงๆ อยู่บ้าง หรือไม่ก็ฟังดูขัดหู เพราะออกแนวถ้าไม่พูดคือไม่พูดเลย แต่ถ้าพูดคือตีแสกหน้าได้ ซึ่งโยงไปได้ถึงเลขกรรม 4 ที่สามารถพูดออกมาตรงๆ โดยไม่เกรงใจใคร ทั้งยังรวมไปถึงการไม่ได้สนใจกฏเกณฑ์ของสังคมเท่าไหร่ การทำงานก็ทำบ้าง หยุดบ้าง ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าตัวเอง ทีนี้ เรามาลองดูเลขของอินฟลูสาวกันดูบ้าง เลขหลักสองชุดของเธอคือ 189 กับ 395 เลขท้าทาย 1.1.0.2 เลขกรรม 6 มาดูเลขชุดแรกของเธอกัน จริงๆ แล้ว 189 เป็นเลขที่ดีมากๆ ถ้ามีอยู่ในตัวนะ เพราะเป็นเลขที่ทำให้มีความสามารถครบรอบด้านในตัว เริ่มตั้งแต่ความคิดริเริ่ม การมีวิสัยทัศน์ที่จะเลือกวิธีที่ดีที่สุดและลงมือทำเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่บังเอิญว่าเลข 8 ของเธออยู่ในตำแหน่งที่อ่อนไปนิดนึง ทำให้ความอดทนต่อเรื่องยุ่งยากวุ่นวายมีไม่มากพอที่จะก้าวไปถึงจุดของความสำเร็จ เรียกว่า เมื่อไหร่ที่เกิดปัญหา เมื่อไหร่ที่เกิดความเบื่อ ไม่รู้สึกสนุก ก็สามารถละทิ้งเรื่องนั้นๆ งานนั้นๆ ไปได้ง่ายๆ (ตรงนี้โยงไปหาเลขกรรม 6 ที่เป็นเลขของความรับผิดชอบ และการคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองที่ไม่มีอยู่ในตัวเอง) ส่วนเลขชุดที่สองของเธอ 395 เป็นเลขเสน่ห์จริงๆ ทำให้คนตกหลุมรักเธอได้ง่ายๆ มีออร่าที่โดดเด่น ในขณะเดียวกัน เลขชุดนี้ก็ยังทำให้เธอเป็นคนที่ไม่ชอบความยุ่งยาก มีความสนใจต่อเรื่องต่างๆ แบบชั่วครู่ชั่วยาม เบื่อเมื่อไหร่ก็โบกมือลาได้ง่ายๆ เช่นกัน เธอมีผลรวมชื่อเป็นเลข 26/8 เมื่อเอาไปอ่านร่วมกับเลขชุดที่สอง 395 ยิ่งตอบโจทย์กับสิ่งที่เธอเลือกทำเป็นอาชีพ งานที่ทำแล้วไม่ต้องเหนื่อยมาก อยู่ท่ามกลางผู้คนและมีสปอต์ไลท์ส่องที่เธอ มีคนชื่นชมและสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้มากๆ ไม่ชอบงานที่มีกฏเกณฑ์หรือยุ่งยากเหนื่อยแรง แล้วก็ต้องเป็นงานที่เป็นเรื่องๆ ไปด้วยนะ เลข 8 ในตำแหน่งนี้ของเธอทำให้เธอยึดเรื่องของผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก (อ่านคุ่กับชุดเลขในวันเกิด รวมถึงเลขท้าทายที่เป็น 1 รวมถึงการที่เธอมีเลข 9 เป็นเลขเส้นทางชีวิต ซึ่งยังมีเลขอีกชุดหนึ่งที่บอกถึงการยึดติดหรือให้ค่ากับวัตถุนิยม ไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะต้องอธิบายกันยาว) โดยสรุปจากตัวเลขในชีวิต ทำให้เราเห็นตัวตนของทั้งสองคนชัดเจนขึ้น ไม่ได้ตัดสินว่าใครผิดใครถูกนะคะ เพราะไม่ได้อยู่ในชีวิตของเค้า แต่เราเชื่อเรื่องอิทธิพลหรือพลังงานที่มีอยู่ในตัวคนแต่ละคนมากกว่า ยกมือให้กับดาราชายค่ะ
    0 Comments 0 Shares 1522 Views 0 Reviews
  • งานฉลองครบรอบ 11 ปี ตลาดโรงเกลือ-โบ๊เบ๊ จังหวัดสระบุรี วันที่ 24 - 26 มกราคม พ.ศ. 2568
    งานฉลองครบรอบ 11 ปี ตลาดโรงเกลือ-โบ๊เบ๊ จังหวัดสระบุรี วันที่ 24 - 26 มกราคม พ.ศ. 2568
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • 🔥🔥รัฐบาล เอลซัลวาดอร์เฉลิมฉลองการนำบิทคอยน์
    มาใช้ครบรอบ 3 ปี พร้อมกำไร 31 ล้านเหรียญสหรัฐ
    หรือ ประมาณ 1,045 ล้านบาท

    🚩ย้อนหลังกลับไป เมื่อ 3 ปีก่อน ในวันที่
    7 กันยายน พ.ศ. 2564 เอลซัลวาดอร์ได้กลายเป็น
    ประเทศแรกของโลกที่นำ บิทคอยน์ มาใช้เป็นเงิน
    ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการเข้าถึง
    บริการทางการเงิน อำนวยความสะดวกในการชำระเงิน
    โอนเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และดึงดูดนวัตกรรม
    ทางการเงิน

    🚩การตัดสินใจของประธานาธิบดี Nayib Bukele ที่จะนำ
    บิทคอยน์มาใช้ ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นผู้บุกเบิก
    สินทรัพย์ดิจิทัลในประวัติศาสตร์

    🚩แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ๆ ทั้งหลาย
    กับมีแนวโน้มที่จะหันเหออก จากการนำบิทคอยน์มาใช้
    เนื่องจากการพึ่งพาความสัมพันธ์กับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ
    ที่ไม่สนับสนุนการกระทำดังกล่าว
    ที่มา : cointelegraph

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes #บิทคอยน์
    #Bitcoin #เอลซัลวาดอร์
    🔥🔥รัฐบาล เอลซัลวาดอร์เฉลิมฉลองการนำบิทคอยน์ มาใช้ครบรอบ 3 ปี พร้อมกำไร 31 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,045 ล้านบาท 🚩ย้อนหลังกลับไป เมื่อ 3 ปีก่อน ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2564 เอลซัลวาดอร์ได้กลายเป็น ประเทศแรกของโลกที่นำ บิทคอยน์ มาใช้เป็นเงิน ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการเข้าถึง บริการทางการเงิน อำนวยความสะดวกในการชำระเงิน โอนเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และดึงดูดนวัตกรรม ทางการเงิน 🚩การตัดสินใจของประธานาธิบดี Nayib Bukele ที่จะนำ บิทคอยน์มาใช้ ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นผู้บุกเบิก สินทรัพย์ดิจิทัลในประวัติศาสตร์ 🚩แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ๆ ทั้งหลาย กับมีแนวโน้มที่จะหันเหออก จากการนำบิทคอยน์มาใช้ เนื่องจากการพึ่งพาความสัมพันธ์กับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ที่ไม่สนับสนุนการกระทำดังกล่าว ที่มา : cointelegraph #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes #บิทคอยน์ #Bitcoin #เอลซัลวาดอร์
    0 Comments 0 Shares 695 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 6 กันยายน 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า การเงิน: จะพอมีพอใช้ ยังไม่สามารถที่จะซื้อของฟุ่มเฟือยได้ ความรัก:หากใครมีความลับปกปิดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนอกใจหรือเรื่องอื่นๆจะถูกจับได้ คนโสด: จะมีแต่คนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ: เกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย เลือด ประจำเดือน น้ำเหลืองไม่ดี ระบบปัสสาวะ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย ให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด เเละอาจจะมีคนมาพูดดีทำดีด้วยเพื่อต้องการให้เราช่วยเรื่องงาน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: ระวังทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด:จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาพูดคุยคบหา สุขภาพ: โรคในช่องท้อง สายตาไม่ดี ปวดตา ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ให้ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังอุบัติเหตุเกี่ยวกับล้อรถ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: จะมีงานมาก ต้องรีบสะสาง การเงิน: จะมีรายจ่ายหนักๆ มีโอกาสที่จะติดขัดได้อาจต้องไปกู้ยืม ความรัก:ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด:จะมีพ่อหม้ายแม่หม้ายเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรือจะมีคนที่ไม่ตรงสเปคเลยเข้ามาชอบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีโชคจากงาน อาจได้รับงานโปรเจคใหญ่ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยๆงามๆ ของเกี่ยวกับผู้หญิงเสริมสวย ความรัก: ระวังคนเก่าๆเช่นคนคุยเก่าแฟนเก่าจะเข้ามาทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับคนรัก คนโสด:ยังไม่มีเวลาออกไปเจอใคร เพราะยุ่งอยู่กับเรื่องงานและธุรกิจ สุขภาพ: ปวดเมื่อยข้อมือเส้นเอ็น ปวดไหล่ปวดคอ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: งานค่อนข้างหนักแต่มีความรุ่งเรืองก้าวหน้าดี ต้องใช้ความอดทน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการเดินทาง รถ อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ยังไม่เจอคนถูกใจ สุขภาพ:ปวดขา ข้อเข่า โรคกระดูก ฟัน ระวังน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นได้ง่าย ให้ระวังอันตรายจากของมีคม การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน เพราะอาจจะมองเห็นไม่ชัด

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาจุกจิกทะเลาะกับผู้ร่วมงานหรือ เจอคนค่อนข้างที่จะจุกจิกจู้จี้เจ้าระเบียบ ควรทำงานให้รอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับค่าประกัน ค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ หรืออาจนำไปให้คนในครอบครัวคนใกล้ตัวใกล้ชิด ความรัก:หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด:จะมีคนจากที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:ระวังโรคประจำตัวกำเริบ โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้รอบคอบและประพฤติตนให้อยู่ในกฎระเบียบ การเงิน: ใครมีเจ้าหนี้ระวังถูกทวงตาม จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนรักไม่สนใจ ความรักจืดชืดควรจะหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันบ้าง คนโสด:ยังไม่เจอคนถูกใจ หรือบางคนอาจจะมีความสุขกับการทำงาน หรือกับการเลี้ยงสัตว์ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ปวดข้อเข่า การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่ระวังจะหลงทาง ไม่ควรไปในเส้นทางใหม่
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 6 กันยายน 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า การเงิน: จะพอมีพอใช้ ยังไม่สามารถที่จะซื้อของฟุ่มเฟือยได้ ความรัก:หากใครมีความลับปกปิดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนอกใจหรือเรื่องอื่นๆจะถูกจับได้ คนโสด: จะมีแต่คนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ: เกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย เลือด ประจำเดือน น้ำเหลืองไม่ดี ระบบปัสสาวะ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย ให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด เเละอาจจะมีคนมาพูดดีทำดีด้วยเพื่อต้องการให้เราช่วยเรื่องงาน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: ระวังทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด:จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาพูดคุยคบหา สุขภาพ: โรคในช่องท้อง สายตาไม่ดี ปวดตา ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ให้ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังอุบัติเหตุเกี่ยวกับล้อรถ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: จะมีงานมาก ต้องรีบสะสาง การเงิน: จะมีรายจ่ายหนักๆ มีโอกาสที่จะติดขัดได้อาจต้องไปกู้ยืม ความรัก:ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด:จะมีพ่อหม้ายแม่หม้ายเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรือจะมีคนที่ไม่ตรงสเปคเลยเข้ามาชอบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีโชคจากงาน อาจได้รับงานโปรเจคใหญ่ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยๆงามๆ ของเกี่ยวกับผู้หญิงเสริมสวย ความรัก: ระวังคนเก่าๆเช่นคนคุยเก่าแฟนเก่าจะเข้ามาทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับคนรัก คนโสด:ยังไม่มีเวลาออกไปเจอใคร เพราะยุ่งอยู่กับเรื่องงานและธุรกิจ สุขภาพ: ปวดเมื่อยข้อมือเส้นเอ็น ปวดไหล่ปวดคอ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: งานค่อนข้างหนักแต่มีความรุ่งเรืองก้าวหน้าดี ต้องใช้ความอดทน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการเดินทาง รถ อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ยังไม่เจอคนถูกใจ สุขภาพ:ปวดขา ข้อเข่า โรคกระดูก ฟัน ระวังน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นได้ง่าย ให้ระวังอันตรายจากของมีคม การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน เพราะอาจจะมองเห็นไม่ชัด #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาจุกจิกทะเลาะกับผู้ร่วมงานหรือ เจอคนค่อนข้างที่จะจุกจิกจู้จี้เจ้าระเบียบ ควรทำงานให้รอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับค่าประกัน ค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ หรืออาจนำไปให้คนในครอบครัวคนใกล้ตัวใกล้ชิด ความรัก:หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด:จะมีคนจากที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:ระวังโรคประจำตัวกำเริบ โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้รอบคอบและประพฤติตนให้อยู่ในกฎระเบียบ การเงิน: ใครมีเจ้าหนี้ระวังถูกทวงตาม จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนรักไม่สนใจ ความรักจืดชืดควรจะหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันบ้าง คนโสด:ยังไม่เจอคนถูกใจ หรือบางคนอาจจะมีความสุขกับการทำงาน หรือกับการเลี้ยงสัตว์ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ปวดข้อเข่า การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่ระวังจะหลงทาง ไม่ควรไปในเส้นทางใหม่ ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 673 Views 0 Reviews
  • งานประจำปีศาลเจ้าพ่อองครักษ์ ฉลองครบรอบ 104 ปี ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ระหว่างวันที่ 13 - 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567
    งานประจำปีศาลเจ้าพ่อองครักษ์ ฉลองครบรอบ 104 ปี ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ระหว่างวันที่ 13 - 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • จะทำตามไหม! ศาลอาญาโลกสั่งมองโกเลียรวบตัวปูติน หลังผู้นำรัสเซียมีคิวเดินทางเยือน

    1 กันยายน 2567- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มองโกเลียต้องควบคุมตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สืบเนื่องจากพวกเขาเป็นรัฐสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) จากคำกล่าวของโฆษกศาลแห่งนี้ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่ ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนมองโกเลีย

    ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนเพื่อนบ้านของรัสเซียแห่งนี้ ในวันจันทร์ (2 ก.ย.) เพื่อร่วมรำลึกครบรอบ 85 ปี ของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในทางทฤษฎีแล้ว แผนการเดินทางดังกล่าวทำให้เขาเสี่ยงถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ ในข้อหา "ก่ออาชญากรรมสงตราม" เนื่องจากมองโกเลีย ให้การรับรองขอบเขตอำนาจของศาลแห่งนี้

    ฟาดิ เอล-อับดัลเลาะห์ โฆษกของศาลอาญาระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในวันศุกร์ (30 ส.ค.) ว่าทุกรัฐที่ลงนามในธรรมนูญกรุงโรม "มีพันธสัญญาที่ต้องให้ความร่วมมือ สอดคล้องกับบทบัญญัติภาค 9 ของธรรมนูญกรุงโรม" ทั้งนี้ ธรรมนูญกรุงโรม เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่จัดตั้งศาลแห่งนี้ขึ้นมา และทางมองโกเลียได้ให้สัตยาบันรับรองในปี 2002

    "ในกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือ บรรดาผู้พิพากษาของศาลอาญาระหว่างประเทศ อาจดำเนินการตรวจสอบผลกระทบในเรื่องดังกล่าว และแจ้งต่อสมัชชารัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมในเรื่องนี้ จากนั้นทางสมัชชาฯ จะเป็นคนตัดสินใจใช้มาตรการใดๆ ที่พวกเขาเล็งเห็นว่ามีความเหมาะสม" เอล-อับดัลเลาะห์กล่าว

    อย่างไรก็ตาม ธรรมนูญกรุงโรมได้ให้ข้อยกเว้น ครั้งที่การจับกุมใดๆ นั้นเป็นการละเมิดพันธสัญญาในสนธิสัญญาหนึ่งที่ทำไว้กับประเทศอื่น หรือละเมิดเอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูตของบุคคลหรือสินทรัพย์ของประเทศที่ 3

    อ้างอิงจากรัฐบาลในกรุงเคียฟ ทางยูเครนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ เรียกร้องให้ มองโกเลียจับกุม ปูติน เช่นกัน

    กระนั้นก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (30 ส.ค.) มอสโกไม่กังวลเกี่ยวกับหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ พร้อมเน้นว่าทุกประเด็นปัญหาในความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเยือนของปูติน จะได้รับการจัดการแยกกันเป็นการล่วงหน้า

    ศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับ ปูติน ในเดือนมีนาคม 2023 กล่าวหาประธานาธิบดีรัสเซีย บังคับเนรเทศอย่างผิดกฎหมายและบังคับขนย้ายประชากร (เด็ก) จากพื้นที่ยึดครองในยูเครน ไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย

    มอสโกปฏิเสธคำกล่าวอ้างว่าไร้สาระ เน้นว่าการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่สู้รบไม่ใช่อาชญากรรม ยิ่งไปกว่านั้นทั้งรัสเซียและยูเครน ก็ไม่ได้เป็นรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรม นั่นหมายความว่าศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีขอบเขตอำนาจในเรื่องนี้

    ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9670000080886

    #Thaitimes
    จะทำตามไหม! ศาลอาญาโลกสั่งมองโกเลียรวบตัวปูติน หลังผู้นำรัสเซียมีคิวเดินทางเยือน 1 กันยายน 2567- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มองโกเลียต้องควบคุมตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สืบเนื่องจากพวกเขาเป็นรัฐสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) จากคำกล่าวของโฆษกศาลแห่งนี้ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่ ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนมองโกเลีย ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนเพื่อนบ้านของรัสเซียแห่งนี้ ในวันจันทร์ (2 ก.ย.) เพื่อร่วมรำลึกครบรอบ 85 ปี ของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในทางทฤษฎีแล้ว แผนการเดินทางดังกล่าวทำให้เขาเสี่ยงถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ ในข้อหา "ก่ออาชญากรรมสงตราม" เนื่องจากมองโกเลีย ให้การรับรองขอบเขตอำนาจของศาลแห่งนี้ ฟาดิ เอล-อับดัลเลาะห์ โฆษกของศาลอาญาระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในวันศุกร์ (30 ส.ค.) ว่าทุกรัฐที่ลงนามในธรรมนูญกรุงโรม "มีพันธสัญญาที่ต้องให้ความร่วมมือ สอดคล้องกับบทบัญญัติภาค 9 ของธรรมนูญกรุงโรม" ทั้งนี้ ธรรมนูญกรุงโรม เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่จัดตั้งศาลแห่งนี้ขึ้นมา และทางมองโกเลียได้ให้สัตยาบันรับรองในปี 2002 "ในกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือ บรรดาผู้พิพากษาของศาลอาญาระหว่างประเทศ อาจดำเนินการตรวจสอบผลกระทบในเรื่องดังกล่าว และแจ้งต่อสมัชชารัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมในเรื่องนี้ จากนั้นทางสมัชชาฯ จะเป็นคนตัดสินใจใช้มาตรการใดๆ ที่พวกเขาเล็งเห็นว่ามีความเหมาะสม" เอล-อับดัลเลาะห์กล่าว อย่างไรก็ตาม ธรรมนูญกรุงโรมได้ให้ข้อยกเว้น ครั้งที่การจับกุมใดๆ นั้นเป็นการละเมิดพันธสัญญาในสนธิสัญญาหนึ่งที่ทำไว้กับประเทศอื่น หรือละเมิดเอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูตของบุคคลหรือสินทรัพย์ของประเทศที่ 3 อ้างอิงจากรัฐบาลในกรุงเคียฟ ทางยูเครนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ เรียกร้องให้ มองโกเลียจับกุม ปูติน เช่นกัน กระนั้นก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (30 ส.ค.) มอสโกไม่กังวลเกี่ยวกับหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ พร้อมเน้นว่าทุกประเด็นปัญหาในความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเยือนของปูติน จะได้รับการจัดการแยกกันเป็นการล่วงหน้า ศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับ ปูติน ในเดือนมีนาคม 2023 กล่าวหาประธานาธิบดีรัสเซีย บังคับเนรเทศอย่างผิดกฎหมายและบังคับขนย้ายประชากร (เด็ก) จากพื้นที่ยึดครองในยูเครน ไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย มอสโกปฏิเสธคำกล่าวอ้างว่าไร้สาระ เน้นว่าการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่สู้รบไม่ใช่อาชญากรรม ยิ่งไปกว่านั้นทั้งรัสเซียและยูเครน ก็ไม่ได้เป็นรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรม นั่นหมายความว่าศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีขอบเขตอำนาจในเรื่องนี้ ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9670000080886 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    จะทำตามไหม! ศาลอาญาโลกสั่งมองโกเลียรวบตัวปูติน หลังผู้นำรัสเซียมีคิวเดินทางเยือน
    มองโกเลีย ต้องควบคุมตัว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สืบเนื่องจากพวกเขาเป็นรัฐสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) จากคำกล่าวของโฆษกศาลแห่งนี้ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่ ปูติน มีกำหน
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 715 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์ทัศนะของ วีระ ธีรภัทร จากเพจเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์โรนิน 25 สิงหาคม 2567

    “ คอลัมน์ ปากท้องชาวบ้าน

    ไม่มีอะไรจะเละไปกว่านี้(แล้ว)

    แม้ว่าผมจะไม่ห่วงเรื่องอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ก็ตาม

    แต่ก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่ได้

    หลังการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมในปีนั้น พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ

    อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ตามมาพร้อมกับการเป็นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเลยกลายเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่แบบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว

    ผลเป็นไงคงพอจำกันได้

    บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่ มีคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าในขณะนี้ยังยุ่งขิงอยู่กับการสรรหาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลไม่เสร็จ (อันนี้เละเทะมาก) ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ

    แต่น้ำเหนือก็หลากมาแล้ว แม้จะไม่น่ากลัวสำหรับคนกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับเมื่อสิบสามปีก่อนหน้านี้ก็ตามที

    อะไรมันจะซ้ำซากกันได้ถึงขนาดนี้

    แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นข้อใหญ่ในความของเรื่องที่ผมจะคุยอะไรให้ฟังวันนี้ ครับ

    ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น แม้ผมจะพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุพอสมควร

    ผมเลยอยากจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังแบบเพลินๆ เท่าที่จะคิดได้เป็นสำคัญ

    แน่นอนล่ะครับว่ารายการ Vision For Thailand ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคมที่คุณทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนมีอำนาจในแวดวงการเมืองและธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากนั้น ย่อมอยู่ในความสนใจของผู้คน จนลืมกันไปหมดว่าวันดังกล่าวตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ

    ความเป็นคุณทักษิณ ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และด้วยอำนาจวาสนาบารมีที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้จะพร่องไปบ้างในช่วงสิบห้าปีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน

    สิ่งที่คุณทักษิณคิดจึงมองข้ามไม่ได้

    ทักษิณคิดเพื่อไทยทำอย่างที่รู้ๆ กัน

    ผมและคนอื่นๆ อีกไม่น้อยจึงเสียยอมเวลาฟังสิ่งที่คุณทักษิณคิดและอยากให้เกิดกับสังคมไทยในอนาคตตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษที่แกคุยอยู่คนเดียวด้วยความตั้งอกตั้งใจ

    สำหรับผมสิ่งที่คุณทักษิณคิดออกมาดังๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นประเด็นปัญหาที่เราพอรู้พอทราบกันอยู่ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาไปทำหรืออย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อว่าจะทำต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ

    ตรงนี้จึงมีความหมายมากกว่าการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วไป

    แม้ว่าข้อเสนอจำนวนมากเป็นเรื่องที่ผมพอทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โครงการดิจิทัลวอลเลต การชี้นำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยและเพิ่มการให้สินเชื่อเพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย โครงการเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กองทุนวายุภักษ์ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตัดสินใจและขับเคลื่อนกันต่อไปในรัฐบาลของคุณแพทองธาร ชินวัตร ต่อไป

    นี่จึงเป็นข้อเสนอคำแนะนำที่ไม่ธรรมดาเพราะสามารถจะกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแยบคาย

    ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรในเรื่องที่ว่าในตอนนี้ อยากจะรอดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะกลายเป็นนโยบายและมาตรการของรัฐบาลคุณแพทองธารในเนื้อหารายละเอียดอย่างไรให้ชัดเจนเสียก่อน

    แถมอันที่จริงแล้วในช่วงนี้ต้องบอกว่า ผมอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายมากมีเวลาเหลือมากขึ้น แถมได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วอีกต่างหาก

    ลำดับแรกเลย งานในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งผมต้องไปประชุมรวมกันถึง ๔๐ ครั้งตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา (นับหนึ่งวันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน) ถือว่าจบสิ้นแล้วในแง่ของกระบวนการพิจารณา แม้ยังไม่จบเสียทีเดียวเพราะต้องมีพิธีกรรมอีกเล็กน้อยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า

    วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคมจะเป็นการประชุมครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกรรมาธิการเพื่อตรวจทานและลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ว่าจะเอาแบบไหน? อย่างไร? โดยมีกรรมาธิการและสส.จำนวนไม่น้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติเพื่อจะไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ ๒ และ ๓ ในช่วงวันที่ ๓-๕ กันยายนที่จะถึงนี้

    อันนี้น่าสนใจติดตามฟังกันครับ

    งานที่ว่านี้ดำเนินไปโดยยังไม่มีรัฐบาลใหม่ มีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้

    นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ผมจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็ตามที

    ลำดับถัดมา ผมไปร่วมรายการ BOT Press Trip 2024 ที่โรงแรม Andaz แถวหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แม้จะห่างเหินจากการไปร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ที่ผมอยากไปก็เพราะว่างานนี้มีประเด็นที่ผมอยากสอบถามให้แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรจากปากของผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสดีมากเพราะว่าไปกันครบถ้วนเกือบทั้งหมด เหมือนเราไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมดในสถานที่เพียงแห่งเดียว

    ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยคุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ปีหน้าครบวาระห้าปีเป็นต่อไม่ได้) พร้อมกับรองผู้ว่าการและผู้ช่วยผู้ว่าการ ๑๑ คนโดยไม่รวมระดับผู้บริหารระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่างๆ ที่มากันเป็นกองทัพ

    อะไรที่ผมสงสัยไม่แน่ใจในเรื่องนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการอยู่ในเวลานี้ จึงถือโอกาสไปร่วมงานนี้ สอบถามพูดคุยกับคนที่ดูแลนโยบายและคนที่ลงมือปฏิบัติการจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน

    เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างรัฐบาล กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยปีนเกลียวกันในช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาและที่อาจจะมีการปะทะปะทั่งกันในช่วงรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอันใกล้นี้

    ผมพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว

    เรื่องหลายเรื่องที่รัฐบาลอยากทำแล้วทำไม่ได้ เรื่องหลายเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าควรทำแบบไหนไม่ควรทำแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเลต การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโบบาย ฯลฯ

    การได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ผมพอปะติดปะต่อภาพได้เกือบครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว

    จะเอาไปทำอะไรต่อที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ

    ผมยังมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมแบบลงรายละเอียดสักหน่อย เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คุณๆ ได้ติดตามความเป็นไปของสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังได้อย่างครบถ้วนอยู่เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นควรรู้ควรทราบอย่างยิ่ง

    เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยสำนักงบประมาณได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งเป็นเงินรวมกัน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท

    รายการที่ว่านั้นเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ให้หน่วยงานของรัฐออกเงินไปให้ก่อนตามมาตรา ๒๘ ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนย้ายไปเป็นรายการในงบกลางแทน โดยระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจ (อันนี้เป็นชื่อของโครงการดิจิตอลวอลเลตที่รัฐบาลจะทำในเอกสารงบประมาณ) เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท

    นั่นเลยทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการดิจิตอลวอลเลตในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๘ เพิ่มเป็น ๑๘๗,๗๐๐ ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่จะหาจากไหนสำหรับส่วนที่เหลืออีก ๙๗,๓๐๐ ล้านบาทเพื่อให้ครบ ๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท

    อันนี้น่าสนใจ

    ผมอยากให้ข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงโอนย้ายรายจ่ายที่จะจัดสรรให้รัฐวิหาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งที่ว่าไปไว้ที่อื่นนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดูเหมือนจะเจอหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเงินที่คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.แบกรับภาระอยู่ประมาณ ๓๑,๒๐๐ ล้านบาท (จากยอดทั้งหมดประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จะถูกเลื่อนออกไป

    แบบนี้อธิบายแบบชาวบ้านก็คือรัฐบาลขอต๊ะหนี้ที่มีกับธ.ก.ส.ไว้ก่อน ส่วนจะชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยให้เมื่อไหร่? ค่อยไปว่ากันในอนาคต

    เรื่องนี้ผมคัดค้านอย่างเต็มที่ตอนที่ถกเถียงกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการฯ

    แต่เมื่อเสียงข้างมากของกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มาในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลได้ลงมติให้เป็นไปตามนั้น ผมจึงกลายเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในกรณีนี้

    แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจะต้องไปว่ากันต่อในที่ประชุมวาระที่ ๒ และ ๓ เพื่อให้สส.ลงมติให้ความเห็นชอบสุดท้ายก็ตามที

    แต่เรื่องนี้บอกเราได้อย่างหนึ่งว่าโครงการดิจิตอลวอลเลตยังเดินหน้าเต็มตัว แม้จะปรับเปลี่ยนไปเป็นการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเปราะบางไปก่อนในเฟสแรกหรือระลอกแรก (หลักๆ คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย) ทั้งเพื่อให้ทันใช้เงินให้หมดภายในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

    ส่วนจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ระหว่างวงเงิน ๑๔๕,๐๐๐ หรือ ๑๖๕,๐๐๐ ล้านบาทนั้นคงต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐสภาต่อไปถึงจะชัดเจน

    พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดๆ กันก่อนหน้านี้คงไม่ใช่แล้วสำหรับตอนนี้

    แต่ก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดแหละครับว่า ผมจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินความจำเป็น

    แม้จะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมายอย่างที่ว่าก็จริง แต่ผมก็แบ่งเวลาเพื่อทำงานที่ผมชอบอยู่เสมอ โชคดีว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเดินทางมาหาดจอมเทียน เพื่อร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทางสำนักพิมพ์โรนินได้ส่งต้นฉบับหนังสือสองเล่มมาให้ผมตรวจทานรอบสุดท้าย

    เที่ยวเขมรฉบับพกพา และ ส่องภาพเขียนที่รัสเซีย

    ผมก็เลยเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มตัวอย่างก่อนที่จะส่งไปให้สำนักพิมพ์ไปจัดการให้ทางโรงพิมพ์ดำเนินการพิมพ์เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกต่ออีกทอดในอนาคต

    แต่ที่น่ายินดีเป็นที่สุดก็คือเมื่อจบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงต้นเดือนกันยายน (วันที่ ๓-๕ กันยายน) ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราวที่ญี่ปุ่น (ดูภาพเขียน-ออนเซน) พร้อมกับวางแผนเดินทางไปรัสเซีย (ดูภาพเขียนกับเที่ยวชมเมือง) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และเตรียมการจะไปเที่ยวเขมรนครวัด-นครธมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ไปพร้อมกันด้วย

    พ้นจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนค่อยว่ากันใหม่

    เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ มาจนถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผม ได้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด สะสางงานเก่าเริ่มงานใหม่และก้าวเข้าไปในพรมแดนใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก

    แม้ว่าบ้านเมืองของเรายามนี้ จะไม่มีอะไรให้เละมากไปกว่านี้ได้แล้วก็ตามที

    การเจริญอุเบกขาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ


    ป.ล. เรื่องการฟอร์มคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร นี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ งานนี้เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย อย่าเพิ่งรำคาญอย่าไปหงุดหงิด แม้จะดูแล้วเละตุ้มเป๊ะได้ถึงขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะพาตัวเองให้รอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งรุนแรงในภายพรรคในเวลานี้ เพราะประเด็นการร่วมรัฐบาลของพรรคและการเป็นรัฐมนตรีของผู้บริหารของพรรคได้อย่างไร คงจะมีคำตอบภายในเร็ววันนี้

    การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าหากฟังจากที่นายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางไปพูดที่เมืองตากอากาศแจคสันโฮล ในรัฐไวโอมิงว่าถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะหมดห่วงเรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่มาห่วงเรื่องการว่างงานแทนจึงทำให้ต้องลดดอกเบี้ย นั่นก็หมายความว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๒๕-๕.๕๐ ในปัจจุบันจะเริ่มแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะลดมากน้อยลดเร็วช้าแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทิศทางของดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน

    ค่าเงิน หุ้น และอะไรที่ผูกโยงกับนโยบายการเงินของสหรัฐคงต้องปรับตัวตามไปด้วย

    สำหรับบ้านเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕๐ นั้น เท่าที่ฟังจากเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องนี้จากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เจอกันสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ

    งานนี้คงต้องมีเรื่องมีราวเรื่องลดไม่ลดดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกสักระยะหนึ่งครับ

    บันทึกเอาไว้กันลืมว่าเดือนสิงหาคม มีผู้นำสามประเทศในเอเชียต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ (เหมือน ๑๔ ตุลาคมปี ๒๕๑๖ ในบ้านเรา) ไทย (คงไม่ต้องบอกอะไรเพิ่มเติม) และญี่ปุ่น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ (Fumio Kishida) ได้ประกาศวางมือลงจากตำแหน่ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเขาน่าสนใจครับ ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาคุยให้ฟัง

    ขอจบลงตรงนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม หลังจากได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ใครที่รอแจกเงินสดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

    แต่ไม่ใช่โครงการดิจิตอลเลตเตรียมรับได้เลย


    วีระ ธีรภัทร
    วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม 2567”

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/ZPvoLGVkV5QkhJNR/?mibextid=CTbP7E

    Thaitimes
    รีโพสต์ทัศนะของ วีระ ธีรภัทร จากเพจเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์โรนิน 25 สิงหาคม 2567 “ คอลัมน์ ปากท้องชาวบ้าน ไม่มีอะไรจะเละไปกว่านี้(แล้ว) แม้ว่าผมจะไม่ห่วงเรื่องอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ก็ตาม แต่ก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่ได้ หลังการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมในปีนั้น พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ตามมาพร้อมกับการเป็นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเลยกลายเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่แบบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว ผลเป็นไงคงพอจำกันได้ บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่ มีคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าในขณะนี้ยังยุ่งขิงอยู่กับการสรรหาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลไม่เสร็จ (อันนี้เละเทะมาก) ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่น้ำเหนือก็หลากมาแล้ว แม้จะไม่น่ากลัวสำหรับคนกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับเมื่อสิบสามปีก่อนหน้านี้ก็ตามที อะไรมันจะซ้ำซากกันได้ถึงขนาดนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นข้อใหญ่ในความของเรื่องที่ผมจะคุยอะไรให้ฟังวันนี้ ครับ ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น แม้ผมจะพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุพอสมควร ผมเลยอยากจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังแบบเพลินๆ เท่าที่จะคิดได้เป็นสำคัญ แน่นอนล่ะครับว่ารายการ Vision For Thailand ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคมที่คุณทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนมีอำนาจในแวดวงการเมืองและธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากนั้น ย่อมอยู่ในความสนใจของผู้คน จนลืมกันไปหมดว่าวันดังกล่าวตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ ความเป็นคุณทักษิณ ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และด้วยอำนาจวาสนาบารมีที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้จะพร่องไปบ้างในช่วงสิบห้าปีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน สิ่งที่คุณทักษิณคิดจึงมองข้ามไม่ได้ ทักษิณคิดเพื่อไทยทำอย่างที่รู้ๆ กัน ผมและคนอื่นๆ อีกไม่น้อยจึงเสียยอมเวลาฟังสิ่งที่คุณทักษิณคิดและอยากให้เกิดกับสังคมไทยในอนาคตตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษที่แกคุยอยู่คนเดียวด้วยความตั้งอกตั้งใจ สำหรับผมสิ่งที่คุณทักษิณคิดออกมาดังๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นประเด็นปัญหาที่เราพอรู้พอทราบกันอยู่ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาไปทำหรืออย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อว่าจะทำต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ ตรงนี้จึงมีความหมายมากกว่าการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วไป แม้ว่าข้อเสนอจำนวนมากเป็นเรื่องที่ผมพอทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โครงการดิจิทัลวอลเลต การชี้นำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยและเพิ่มการให้สินเชื่อเพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย โครงการเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กองทุนวายุภักษ์ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตัดสินใจและขับเคลื่อนกันต่อไปในรัฐบาลของคุณแพทองธาร ชินวัตร ต่อไป นี่จึงเป็นข้อเสนอคำแนะนำที่ไม่ธรรมดาเพราะสามารถจะกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแยบคาย ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรในเรื่องที่ว่าในตอนนี้ อยากจะรอดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะกลายเป็นนโยบายและมาตรการของรัฐบาลคุณแพทองธารในเนื้อหารายละเอียดอย่างไรให้ชัดเจนเสียก่อน แถมอันที่จริงแล้วในช่วงนี้ต้องบอกว่า ผมอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายมากมีเวลาเหลือมากขึ้น แถมได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วอีกต่างหาก ลำดับแรกเลย งานในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งผมต้องไปประชุมรวมกันถึง ๔๐ ครั้งตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา (นับหนึ่งวันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน) ถือว่าจบสิ้นแล้วในแง่ของกระบวนการพิจารณา แม้ยังไม่จบเสียทีเดียวเพราะต้องมีพิธีกรรมอีกเล็กน้อยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคมจะเป็นการประชุมครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกรรมาธิการเพื่อตรวจทานและลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ว่าจะเอาแบบไหน? อย่างไร? โดยมีกรรมาธิการและสส.จำนวนไม่น้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติเพื่อจะไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ ๒ และ ๓ ในช่วงวันที่ ๓-๕ กันยายนที่จะถึงนี้ อันนี้น่าสนใจติดตามฟังกันครับ งานที่ว่านี้ดำเนินไปโดยยังไม่มีรัฐบาลใหม่ มีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ผมจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็ตามที ลำดับถัดมา ผมไปร่วมรายการ BOT Press Trip 2024 ที่โรงแรม Andaz แถวหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แม้จะห่างเหินจากการไปร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ที่ผมอยากไปก็เพราะว่างานนี้มีประเด็นที่ผมอยากสอบถามให้แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรจากปากของผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสดีมากเพราะว่าไปกันครบถ้วนเกือบทั้งหมด เหมือนเราไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมดในสถานที่เพียงแห่งเดียว ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยคุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ปีหน้าครบวาระห้าปีเป็นต่อไม่ได้) พร้อมกับรองผู้ว่าการและผู้ช่วยผู้ว่าการ ๑๑ คนโดยไม่รวมระดับผู้บริหารระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่างๆ ที่มากันเป็นกองทัพ อะไรที่ผมสงสัยไม่แน่ใจในเรื่องนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการอยู่ในเวลานี้ จึงถือโอกาสไปร่วมงานนี้ สอบถามพูดคุยกับคนที่ดูแลนโยบายและคนที่ลงมือปฏิบัติการจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างรัฐบาล กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยปีนเกลียวกันในช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาและที่อาจจะมีการปะทะปะทั่งกันในช่วงรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว เรื่องหลายเรื่องที่รัฐบาลอยากทำแล้วทำไม่ได้ เรื่องหลายเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าควรทำแบบไหนไม่ควรทำแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเลต การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโบบาย ฯลฯ การได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ผมพอปะติดปะต่อภาพได้เกือบครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว จะเอาไปทำอะไรต่อที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ ผมยังมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมแบบลงรายละเอียดสักหน่อย เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คุณๆ ได้ติดตามความเป็นไปของสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังได้อย่างครบถ้วนอยู่เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นควรรู้ควรทราบอย่างยิ่ง เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยสำนักงบประมาณได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งเป็นเงินรวมกัน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท รายการที่ว่านั้นเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ให้หน่วยงานของรัฐออกเงินไปให้ก่อนตามมาตรา ๒๘ ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนย้ายไปเป็นรายการในงบกลางแทน โดยระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจ (อันนี้เป็นชื่อของโครงการดิจิตอลวอลเลตที่รัฐบาลจะทำในเอกสารงบประมาณ) เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท นั่นเลยทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการดิจิตอลวอลเลตในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๘ เพิ่มเป็น ๑๘๗,๗๐๐ ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่จะหาจากไหนสำหรับส่วนที่เหลืออีก ๙๗,๓๐๐ ล้านบาทเพื่อให้ครบ ๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท อันนี้น่าสนใจ ผมอยากให้ข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงโอนย้ายรายจ่ายที่จะจัดสรรให้รัฐวิหาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งที่ว่าไปไว้ที่อื่นนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดูเหมือนจะเจอหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเงินที่คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.แบกรับภาระอยู่ประมาณ ๓๑,๒๐๐ ล้านบาท (จากยอดทั้งหมดประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จะถูกเลื่อนออกไป แบบนี้อธิบายแบบชาวบ้านก็คือรัฐบาลขอต๊ะหนี้ที่มีกับธ.ก.ส.ไว้ก่อน ส่วนจะชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยให้เมื่อไหร่? ค่อยไปว่ากันในอนาคต เรื่องนี้ผมคัดค้านอย่างเต็มที่ตอนที่ถกเถียงกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการฯ แต่เมื่อเสียงข้างมากของกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มาในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลได้ลงมติให้เป็นไปตามนั้น ผมจึงกลายเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในกรณีนี้ แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจะต้องไปว่ากันต่อในที่ประชุมวาระที่ ๒ และ ๓ เพื่อให้สส.ลงมติให้ความเห็นชอบสุดท้ายก็ตามที แต่เรื่องนี้บอกเราได้อย่างหนึ่งว่าโครงการดิจิตอลวอลเลตยังเดินหน้าเต็มตัว แม้จะปรับเปลี่ยนไปเป็นการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเปราะบางไปก่อนในเฟสแรกหรือระลอกแรก (หลักๆ คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย) ทั้งเพื่อให้ทันใช้เงินให้หมดภายในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ส่วนจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ระหว่างวงเงิน ๑๔๕,๐๐๐ หรือ ๑๖๕,๐๐๐ ล้านบาทนั้นคงต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐสภาต่อไปถึงจะชัดเจน พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดๆ กันก่อนหน้านี้คงไม่ใช่แล้วสำหรับตอนนี้ แต่ก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดแหละครับว่า ผมจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินความจำเป็น แม้จะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมายอย่างที่ว่าก็จริง แต่ผมก็แบ่งเวลาเพื่อทำงานที่ผมชอบอยู่เสมอ โชคดีว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเดินทางมาหาดจอมเทียน เพื่อร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทางสำนักพิมพ์โรนินได้ส่งต้นฉบับหนังสือสองเล่มมาให้ผมตรวจทานรอบสุดท้าย เที่ยวเขมรฉบับพกพา และ ส่องภาพเขียนที่รัสเซีย ผมก็เลยเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มตัวอย่างก่อนที่จะส่งไปให้สำนักพิมพ์ไปจัดการให้ทางโรงพิมพ์ดำเนินการพิมพ์เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกต่ออีกทอดในอนาคต แต่ที่น่ายินดีเป็นที่สุดก็คือเมื่อจบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงต้นเดือนกันยายน (วันที่ ๓-๕ กันยายน) ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราวที่ญี่ปุ่น (ดูภาพเขียน-ออนเซน) พร้อมกับวางแผนเดินทางไปรัสเซีย (ดูภาพเขียนกับเที่ยวชมเมือง) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และเตรียมการจะไปเที่ยวเขมรนครวัด-นครธมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ไปพร้อมกันด้วย พ้นจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนค่อยว่ากันใหม่ เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ มาจนถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผม ได้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด สะสางงานเก่าเริ่มงานใหม่และก้าวเข้าไปในพรมแดนใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก แม้ว่าบ้านเมืองของเรายามนี้ จะไม่มีอะไรให้เละมากไปกว่านี้ได้แล้วก็ตามที การเจริญอุเบกขาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ ป.ล. เรื่องการฟอร์มคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร นี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ งานนี้เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย อย่าเพิ่งรำคาญอย่าไปหงุดหงิด แม้จะดูแล้วเละตุ้มเป๊ะได้ถึงขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะพาตัวเองให้รอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งรุนแรงในภายพรรคในเวลานี้ เพราะประเด็นการร่วมรัฐบาลของพรรคและการเป็นรัฐมนตรีของผู้บริหารของพรรคได้อย่างไร คงจะมีคำตอบภายในเร็ววันนี้ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าหากฟังจากที่นายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางไปพูดที่เมืองตากอากาศแจคสันโฮล ในรัฐไวโอมิงว่าถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะหมดห่วงเรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่มาห่วงเรื่องการว่างงานแทนจึงทำให้ต้องลดดอกเบี้ย นั่นก็หมายความว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๒๕-๕.๕๐ ในปัจจุบันจะเริ่มแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะลดมากน้อยลดเร็วช้าแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทิศทางของดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน ค่าเงิน หุ้น และอะไรที่ผูกโยงกับนโยบายการเงินของสหรัฐคงต้องปรับตัวตามไปด้วย สำหรับบ้านเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕๐ นั้น เท่าที่ฟังจากเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องนี้จากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เจอกันสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ งานนี้คงต้องมีเรื่องมีราวเรื่องลดไม่ลดดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกสักระยะหนึ่งครับ บันทึกเอาไว้กันลืมว่าเดือนสิงหาคม มีผู้นำสามประเทศในเอเชียต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ (เหมือน ๑๔ ตุลาคมปี ๒๕๑๖ ในบ้านเรา) ไทย (คงไม่ต้องบอกอะไรเพิ่มเติม) และญี่ปุ่น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ (Fumio Kishida) ได้ประกาศวางมือลงจากตำแหน่ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเขาน่าสนใจครับ ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาคุยให้ฟัง ขอจบลงตรงนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม หลังจากได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่รอแจกเงินสดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่โครงการดิจิตอลเลตเตรียมรับได้เลย วีระ ธีรภัทร วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม 2567” ที่มา https://www.facebook.com/share/p/ZPvoLGVkV5QkhJNR/?mibextid=CTbP7E Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 1065 Views 0 Reviews
  • พาสปอร์ตโฉมใหม่ ฉลอง 79 ปีอินโดนีเซีย

    ในการเฉลิมฉลองครบรอบ 79 ปี วันประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 นอกจากจะมีความเปลี่ยนแปลงทั้งการย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา ไปยังเมืองหลวงใหม่นูซันตารา (Nusantara) ทางฝั่งตะวันออกของเกาะบอร์เนียว และ ปราโบโว ซูเบียนโต กำลังจะจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจาก โจโก วิโดโด ในเดือนตุลาคมนี้

    หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ คือ การเปิดตัวหนังสือเดินทางธรรมดาโฉมใหม่ ของกรมตรวจคนเข้าเมืองอินโดนีเซีย เปลี่ยนแปลงรูปเล่มจากเดิมสีเขียวเทอร์ควอยซ์ (Turquoise green) และตราพญาครุฑปัญจศีลพร้อมข้อความสีเหลือง ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2557 มาเป็นสีแดงสด (Bright red) ตัดกับตราพญาครุฑปัญจศีลพร้อมข้อความสีขาวแทน

    สำหรับหนังสือเดินทางอินโดนีเซียโฉมใหม่ ประกอบด้วยหน้าปกที่ทนความร้อน มีความยืดหยุ่น ปกป้องชิปที่อยู่ในเล่มได้ หน้าไบโอดาตา (Biodata) ทำจากโพลีคาร์บอเนตเคลือบหลายชั้นเพื่อความทนทาน และมีการพิมพ์โดยใช้ทั้งหมึกที่มองเห็นได้และหมึกที่มองไม่เห็น เรืองแสงด้วยแสงอัลตราไวโอเลต และลวดลายผ้าดั้งเดิมตามแบบฉบับของแต่ละภูมิภาคในอินโดนีเซีย

    การออกแบบหนังสือเดินทางโฉมใหม่ครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปลอดภัยต่อการถูกปลอมแปลงมากขึ้น และเสริมสร้างภาพลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสถานะระหว่างประเทศของอินโดนีเซีย

    อย่างไรก็ตาม แม้หนังสือเดินทางธรรมดาโฉมใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป แต่จะให้บริการแก่ประชาชนในปีหน้า วันที่ 17 สิงหาคม 2568 เนื่องจากต้องเตรียมการหลายอย่าง รวมถึงขั้นตอนการพิมพ์ การออกเงื่อนไข การออกหนังสือเดินทาง และการตั้งค่าระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงยังคงออกหนังสือเดินทางรูปแบบเดิมให้หมดก่อน

    สำหรับหนังสือเดินทางอินโดนีเซียถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 65 ตามการจัดอันดับของ The Henley Passport Index 2024 Global Ranking สามารถเดินทางได้ 76 ประเทศหรือดินแดนโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และเป็นอันดับที่ห้าในภูมิภาคอาเซียน รองจากประเทศสิงคโปร์อันดับที่ 1 มาเลเซียอันดับที่ 12 บรูไนอันดับที่ 19 และประเทศไทยอันดับที่ 60

    ที่ผ่านมาในภูมิภาคอาเซียนมีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงการให้บริการหนังสือเดินทาง หนึ่งในนั้นคือการขยายอายุหนังสือเดินทางจาก 5 ปี เป็น 10 ปี ซึ่งประเทศสิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างออกหนังสือเดินทางแบบ 10 ปีแล้ว เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาและอิตาลี ส่วนประเทศมาเลเซียกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการประกาศวันที่เริ่มใช้ในเร็วๆ นี้

    สำหรับประเทศไทย กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กำลังเตรียมความพร้อมโครงการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ระยะที่ 4 เพื่อรองรับหลังโครงการระยะที่ 3 เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2562 และจะสิ้นสุดสัญญา 7 ปี ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2569

    โดยกำลังพิจารณาเพิ่มคุณลักษณะที่มากกว่ามาตรฐาน ICAO เพื่อป้องกันการปลอมแปลง รวมทั้งการเชื่อมระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร การจัดทำหนังสือเดินทางดิจิทัล (Digital Travel Credentials หรือ DTCs) การเพิ่มคุณลักษณะความปลอดภัย โดยใช้รูปถ่ายสีแทนรูปขาวดำ และมีโฮโลแกรมภาพบุคคลเสมือนจริงเป็นภาพสีในหน้า Biodatabase เป็นต้น

    #Newskit #PassportIndonesia #pasporIndonesia
    พาสปอร์ตโฉมใหม่ ฉลอง 79 ปีอินโดนีเซีย ในการเฉลิมฉลองครบรอบ 79 ปี วันประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 นอกจากจะมีความเปลี่ยนแปลงทั้งการย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา ไปยังเมืองหลวงใหม่นูซันตารา (Nusantara) ทางฝั่งตะวันออกของเกาะบอร์เนียว และ ปราโบโว ซูเบียนโต กำลังจะจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจาก โจโก วิโดโด ในเดือนตุลาคมนี้ หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ คือ การเปิดตัวหนังสือเดินทางธรรมดาโฉมใหม่ ของกรมตรวจคนเข้าเมืองอินโดนีเซีย เปลี่ยนแปลงรูปเล่มจากเดิมสีเขียวเทอร์ควอยซ์ (Turquoise green) และตราพญาครุฑปัญจศีลพร้อมข้อความสีเหลือง ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2557 มาเป็นสีแดงสด (Bright red) ตัดกับตราพญาครุฑปัญจศีลพร้อมข้อความสีขาวแทน สำหรับหนังสือเดินทางอินโดนีเซียโฉมใหม่ ประกอบด้วยหน้าปกที่ทนความร้อน มีความยืดหยุ่น ปกป้องชิปที่อยู่ในเล่มได้ หน้าไบโอดาตา (Biodata) ทำจากโพลีคาร์บอเนตเคลือบหลายชั้นเพื่อความทนทาน และมีการพิมพ์โดยใช้ทั้งหมึกที่มองเห็นได้และหมึกที่มองไม่เห็น เรืองแสงด้วยแสงอัลตราไวโอเลต และลวดลายผ้าดั้งเดิมตามแบบฉบับของแต่ละภูมิภาคในอินโดนีเซีย การออกแบบหนังสือเดินทางโฉมใหม่ครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปลอดภัยต่อการถูกปลอมแปลงมากขึ้น และเสริมสร้างภาพลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสถานะระหว่างประเทศของอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม แม้หนังสือเดินทางธรรมดาโฉมใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป แต่จะให้บริการแก่ประชาชนในปีหน้า วันที่ 17 สิงหาคม 2568 เนื่องจากต้องเตรียมการหลายอย่าง รวมถึงขั้นตอนการพิมพ์ การออกเงื่อนไข การออกหนังสือเดินทาง และการตั้งค่าระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงยังคงออกหนังสือเดินทางรูปแบบเดิมให้หมดก่อน สำหรับหนังสือเดินทางอินโดนีเซียถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 65 ตามการจัดอันดับของ The Henley Passport Index 2024 Global Ranking สามารถเดินทางได้ 76 ประเทศหรือดินแดนโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และเป็นอันดับที่ห้าในภูมิภาคอาเซียน รองจากประเทศสิงคโปร์อันดับที่ 1 มาเลเซียอันดับที่ 12 บรูไนอันดับที่ 19 และประเทศไทยอันดับที่ 60 ที่ผ่านมาในภูมิภาคอาเซียนมีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงการให้บริการหนังสือเดินทาง หนึ่งในนั้นคือการขยายอายุหนังสือเดินทางจาก 5 ปี เป็น 10 ปี ซึ่งประเทศสิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างออกหนังสือเดินทางแบบ 10 ปีแล้ว เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาและอิตาลี ส่วนประเทศมาเลเซียกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการประกาศวันที่เริ่มใช้ในเร็วๆ นี้ สำหรับประเทศไทย กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กำลังเตรียมความพร้อมโครงการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ระยะที่ 4 เพื่อรองรับหลังโครงการระยะที่ 3 เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2562 และจะสิ้นสุดสัญญา 7 ปี ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2569 โดยกำลังพิจารณาเพิ่มคุณลักษณะที่มากกว่ามาตรฐาน ICAO เพื่อป้องกันการปลอมแปลง รวมทั้งการเชื่อมระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร การจัดทำหนังสือเดินทางดิจิทัล (Digital Travel Credentials หรือ DTCs) การเพิ่มคุณลักษณะความปลอดภัย โดยใช้รูปถ่ายสีแทนรูปขาวดำ และมีโฮโลแกรมภาพบุคคลเสมือนจริงเป็นภาพสีในหน้า Biodatabase เป็นต้น #Newskit #PassportIndonesia #pasporIndonesia
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 941 Views 0 Reviews
  • Podcast บูรพาไม่แพ้ : มณฑลไท่กั๋ว ? จากทัวร์ศูนย์เหรียญถึงจีนเทา
    .
    เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปร่วมงานสัมมนาความสัมพันธ์จีน-ไทย ในวาระครบรอบ 49 ปี ที่จัดโดยสถานจีน ประจำประเทศไทย โดยในงานนี้ท่านเอกอัครราชทูต หาน จื้อเฉียง ได้ชี้แจงเรื่องของปัญหาทุนจีนสีเทาในประเทศไทยด้วย
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้จึงขอนำเสนอข้อมูลจากหลาย ๆ ด้านว่า บรรดาทุนจีนในเมืองไทย เป็นทุนที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผิดกฎหมาย และเอาเปรียบคนไทยจริงหรือไม่ โดยมีทั้งข้อมูลจากทางสถานทูตจีนประจำประเทศไทย รวมทั้งบทสัมภาษณ์จากผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยว และตัวแทนจากพรรคก้าวไกล พรรคการเมืองที่ค่อนข้างวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง “ปัญหาทุนจีนสีเทา” อย่างหนักหน่วง
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=B4Cf2g5Jd3M
    Podcast บูรพาไม่แพ้ : มณฑลไท่กั๋ว ? จากทัวร์ศูนย์เหรียญถึงจีนเทา . เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปร่วมงานสัมมนาความสัมพันธ์จีน-ไทย ในวาระครบรอบ 49 ปี ที่จัดโดยสถานจีน ประจำประเทศไทย โดยในงานนี้ท่านเอกอัครราชทูต หาน จื้อเฉียง ได้ชี้แจงเรื่องของปัญหาทุนจีนสีเทาในประเทศไทยด้วย . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้จึงขอนำเสนอข้อมูลจากหลาย ๆ ด้านว่า บรรดาทุนจีนในเมืองไทย เป็นทุนที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผิดกฎหมาย และเอาเปรียบคนไทยจริงหรือไม่ โดยมีทั้งข้อมูลจากทางสถานทูตจีนประจำประเทศไทย รวมทั้งบทสัมภาษณ์จากผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยว และตัวแทนจากพรรคก้าวไกล พรรคการเมืองที่ค่อนข้างวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง “ปัญหาทุนจีนสีเทา” อย่างหนักหน่วง . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=B4Cf2g5Jd3M
    Like
    6
    0 Comments 1 Shares 474 Views 0 Reviews
  • นูซันตารา เมืองหลวงใหม่อินโดฯ

    วันชาติสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 17 สิงหาคมที่จะถึงนี้ นอกจากเป็นการฉลองครบรอบ 79 ปี แห่งการประกาศตนเป็นอิสรภาพจากการปกครองของเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 2488 แล้ว ยังมีแผนเปิดตัวเมืองหลวงแห่งชาติ (IKN) ที่ชื่อว่า "นูซันตารา" (Nusantara) ตั้งอยู่จังหวัดกาลิมันตันตะวันออก แทนที่กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย

    โดยหลังจากนั้น นูซันตาราจะทำหน้าที่ศูนย์กลางการบริหารประเทศของอินโดนีเซีย ซึ่งจะมีข้าราชการพลเรือนกว่า 11,916 คน จาก 38 กระทรวงและสถาบันต่างๆ ย้ายไปทำงานที่นั่น ส่วนกรุงจาการ์ตายังคงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและธุรกิจเช่นเดิม คล้ายกับประเทศออสเตรเลีย ที่มีแคนเบอราเป็นเมืองหลวง แต่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอยู่ที่้ซิดนีย์

    จุดเริ่มต้นของเมืองหลวงแห่งใหม่ มาจากประธานาธิบดีโจโก วีโดโด ประกาศเมื่อปี 2562 ว่าจะย้ายศูนย์กลางการบริหารประเทศไปยังพื้นที่ชนบทในกาลีมันตันตะวันออก เนื่องจากกรุงจาการ์ตาที่มีประชากรหนาแน่นเกือบ 11 ล้านคน ประสบปัญหาแออัด มลพิษ เริ่มเผชิญวิกฤตน้ำท่วมรุนแรงขึ้น และคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นถึงขั้นเสี่ยงจมบาดาล

    กระทั่งในปี 2565 รัฐสภาอินโดนีเซียมีมติผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการย้ายเมืองหลวงของประเทศ โดยตั้งชื่อเมืองหลวงแห่งใหม่ว่า “นูซันตารา” ซึ่งมีความหมายว่า “หมู่เกาะ” ในภาษาอินโดนีเซีย มีความเป็นสากล เรียบง่าย สะท้อนถึงสภาพภูมิศาสตร์ของอินโดนีเซียที่ประกอบด้วยหมู่เกาะจำนวนมาก อีกทั้งเป็นคำที่ประชาชนชาวอินโดนีเซียทุกภูมิภาคให้การยอมรับ

    เมืองใหม่ที่ชื่อว่านูซันตารา ตั้งอยู่ระหว่างเมืองซามารินดา (Samarinda) กับเมืองบาลิกปาปัน (Balikpapan) บนเกาะบอร์เนียว ห่างจากกรุงจาการ์ตาประมาณ 2,000 กิโลเมตร โดยสนามบินที่ใกล้ที่สุด คือ สนามบินสุลตานอาจี มูฮาหมัด ซูลัยมาน (BPN) ในเมืองบาลิกปาปัน แต่ก็ได้สร้างสนามบินในเมืองนูซันตารา เพื่อรองรับเที่ยวบินพิเศษ (VIP) ไม่รองรับเที่ยวบินพาณิชย์

    การก่อสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่นี้ใช้งบประมาณราว 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งออกเป็น 5 ระยะ โดยระยะแรกก่อสร้างทำเนียบประธานาธิบดี อาคารของกระทรวงต่างๆ และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน บ้านพักข้าราชการ แต่การก่อสร้างเมืองใหม่แห่งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2588 ซึ่งจะเชื่อมต่อกับเมืองโดยรอบ คือเมืองซามารินดา และเมืองบาลิกปาปัน

    ถึงกระนั้น โครงการเมืองหลวงแห่งใหม่ตรงนี้ยังเป็นไปด้วยความล่าช้า และคาดว่ากินเวลาที่ประธานาธิบดี ปราโบโว สุเบียนโต จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดีวีโดโดอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ตุลาคม 2567 ที่จะถึงนี้

    #Newskit #Indonesia #Nusantara
    นูซันตารา เมืองหลวงใหม่อินโดฯ วันชาติสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 17 สิงหาคมที่จะถึงนี้ นอกจากเป็นการฉลองครบรอบ 79 ปี แห่งการประกาศตนเป็นอิสรภาพจากการปกครองของเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 2488 แล้ว ยังมีแผนเปิดตัวเมืองหลวงแห่งชาติ (IKN) ที่ชื่อว่า "นูซันตารา" (Nusantara) ตั้งอยู่จังหวัดกาลิมันตันตะวันออก แทนที่กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย โดยหลังจากนั้น นูซันตาราจะทำหน้าที่ศูนย์กลางการบริหารประเทศของอินโดนีเซีย ซึ่งจะมีข้าราชการพลเรือนกว่า 11,916 คน จาก 38 กระทรวงและสถาบันต่างๆ ย้ายไปทำงานที่นั่น ส่วนกรุงจาการ์ตายังคงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและธุรกิจเช่นเดิม คล้ายกับประเทศออสเตรเลีย ที่มีแคนเบอราเป็นเมืองหลวง แต่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอยู่ที่้ซิดนีย์ จุดเริ่มต้นของเมืองหลวงแห่งใหม่ มาจากประธานาธิบดีโจโก วีโดโด ประกาศเมื่อปี 2562 ว่าจะย้ายศูนย์กลางการบริหารประเทศไปยังพื้นที่ชนบทในกาลีมันตันตะวันออก เนื่องจากกรุงจาการ์ตาที่มีประชากรหนาแน่นเกือบ 11 ล้านคน ประสบปัญหาแออัด มลพิษ เริ่มเผชิญวิกฤตน้ำท่วมรุนแรงขึ้น และคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นถึงขั้นเสี่ยงจมบาดาล กระทั่งในปี 2565 รัฐสภาอินโดนีเซียมีมติผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการย้ายเมืองหลวงของประเทศ โดยตั้งชื่อเมืองหลวงแห่งใหม่ว่า “นูซันตารา” ซึ่งมีความหมายว่า “หมู่เกาะ” ในภาษาอินโดนีเซีย มีความเป็นสากล เรียบง่าย สะท้อนถึงสภาพภูมิศาสตร์ของอินโดนีเซียที่ประกอบด้วยหมู่เกาะจำนวนมาก อีกทั้งเป็นคำที่ประชาชนชาวอินโดนีเซียทุกภูมิภาคให้การยอมรับ เมืองใหม่ที่ชื่อว่านูซันตารา ตั้งอยู่ระหว่างเมืองซามารินดา (Samarinda) กับเมืองบาลิกปาปัน (Balikpapan) บนเกาะบอร์เนียว ห่างจากกรุงจาการ์ตาประมาณ 2,000 กิโลเมตร โดยสนามบินที่ใกล้ที่สุด คือ สนามบินสุลตานอาจี มูฮาหมัด ซูลัยมาน (BPN) ในเมืองบาลิกปาปัน แต่ก็ได้สร้างสนามบินในเมืองนูซันตารา เพื่อรองรับเที่ยวบินพิเศษ (VIP) ไม่รองรับเที่ยวบินพาณิชย์ การก่อสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่นี้ใช้งบประมาณราว 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งออกเป็น 5 ระยะ โดยระยะแรกก่อสร้างทำเนียบประธานาธิบดี อาคารของกระทรวงต่างๆ และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน บ้านพักข้าราชการ แต่การก่อสร้างเมืองใหม่แห่งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2588 ซึ่งจะเชื่อมต่อกับเมืองโดยรอบ คือเมืองซามารินดา และเมืองบาลิกปาปัน ถึงกระนั้น โครงการเมืองหลวงแห่งใหม่ตรงนี้ยังเป็นไปด้วยความล่าช้า และคาดว่ากินเวลาที่ประธานาธิบดี ปราโบโว สุเบียนโต จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดีวีโดโดอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ตุลาคม 2567 ที่จะถึงนี้ #Newskit #Indonesia #Nusantara
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 575 Views 0 Reviews