• ข่าวร้ายโทลล์เวย์ขึ้นราคา ข่าวดีเคาะมอเตอร์เวย์ M5

    แม้ว่าทางด่วนอัปยศอย่างทางยกระดับอุตราภิมุข หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ผู้ประกอบการขึ้นราคาตามสัญญาสัมปทาน เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2567 ช่วงดินแดง-ดอนเมือง จาก 80 เป็น 90 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 110 เป็น 120 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน จาก 35 เป็น 40 บาท มากกว่า 4 ล้อ จาก 45 เป็น 50 บาท จะเรียกเสียงบ่นแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน แต่วันที่ 22 ธ.ค.2572 หรืออีก 5 ปีข้างหน้าจะขึ้นราคาอีกรอบ ช่วงดินแดง-ดอนเมือง จาก 90 เป็น 100 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 120 เป็น 130 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน จาก 40 เป็น 45 บาท มากกว่า 4 ล้อ จาก 50 เป็น 55 บาท

    สัญญาสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์เป็นที่วิจารณ์จากสังคมถึงการขูดเลือดขูดเนื้อผู้ใช้รถใช้ถนน เริ่มต้นเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2532 สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายมนตรี พงษ์พานิช เป็น รมว.คมนาคม เดิมมีอายุ 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2532 ถึง 20 ส.ค.2557 แต่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงหลายรัฐบาล ฉบับล่าสุดเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และมี พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ เป็น รมว.คมนาคม ขยายสัมปทาน 27 ปี ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.2550 ถึง 11 ก.ย.2577 เพื่อแลกกับการยกเลิกแผนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเอกชน

    ที่ผ่านมากรมทางหลวงพยายามไม่เก็บค่าผ่านทางช่วงอนุสรณ์สถาน-รังสิต เพื่อบรรเทาเสียงด่าจากประชาชน ส่งผลทำให้กลายเป็นด่านร้าง มาถึงยุคนี้แม้มีความพยายามจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม จะเจรจากับนายสมบัติ พานิชชีวะ เจ้าของบริษัทดอนเมืองโทลล์เวย์ ให้ลดค่าผ่านทางเพื่อแลกกับการต่อสัญญาสัมปทาน แต่เจอเสียงก่นด่าจากสังคมว่าเอื้อประโยชน์ให้เอกชนอีกแล้วหรือ ในที่สุดกรมทางหลวงจึงประกาศว่าไม่ลดราคาเพราะไม่คุ้มทุน ยอมให้สัมปทานหมดแล้วทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของกรมทางหลวง ระหว่างนั้นเริ่มศึกษารูปแบบบริหารตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ไปด้วย

    จากข่าวร้ายมาถึงข่าวดี ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2567 มีมติอนุมัติโครงการลงทุนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 5 รังสิต-บางปะอินของกรมทางหลวง ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ประเภท Gross Cost วงเงินลงทุนรวม 79,916.78 ล้านบาท ระยะทาง 22 กิโลเมตร เริ่มต้นจากปลายทางยกระดับอุตราภิมุข บริเวณโรงกษาปณ์ สิ้นสุดโครงการบริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีทางขึ้น-ลง 7 จุด และปลายทางเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา คาดว่าลงนามสัญญาปี 2569 เปิดให้บริการปี 2572

    #Newskit
    ข่าวร้ายโทลล์เวย์ขึ้นราคา ข่าวดีเคาะมอเตอร์เวย์ M5 แม้ว่าทางด่วนอัปยศอย่างทางยกระดับอุตราภิมุข หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ผู้ประกอบการขึ้นราคาตามสัญญาสัมปทาน เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2567 ช่วงดินแดง-ดอนเมือง จาก 80 เป็น 90 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 110 เป็น 120 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน จาก 35 เป็น 40 บาท มากกว่า 4 ล้อ จาก 45 เป็น 50 บาท จะเรียกเสียงบ่นแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน แต่วันที่ 22 ธ.ค.2572 หรืออีก 5 ปีข้างหน้าจะขึ้นราคาอีกรอบ ช่วงดินแดง-ดอนเมือง จาก 90 เป็น 100 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 120 เป็น 130 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน จาก 40 เป็น 45 บาท มากกว่า 4 ล้อ จาก 50 เป็น 55 บาท สัญญาสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์เป็นที่วิจารณ์จากสังคมถึงการขูดเลือดขูดเนื้อผู้ใช้รถใช้ถนน เริ่มต้นเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2532 สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายมนตรี พงษ์พานิช เป็น รมว.คมนาคม เดิมมีอายุ 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2532 ถึง 20 ส.ค.2557 แต่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงหลายรัฐบาล ฉบับล่าสุดเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และมี พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ เป็น รมว.คมนาคม ขยายสัมปทาน 27 ปี ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.2550 ถึง 11 ก.ย.2577 เพื่อแลกกับการยกเลิกแผนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเอกชน ที่ผ่านมากรมทางหลวงพยายามไม่เก็บค่าผ่านทางช่วงอนุสรณ์สถาน-รังสิต เพื่อบรรเทาเสียงด่าจากประชาชน ส่งผลทำให้กลายเป็นด่านร้าง มาถึงยุคนี้แม้มีความพยายามจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม จะเจรจากับนายสมบัติ พานิชชีวะ เจ้าของบริษัทดอนเมืองโทลล์เวย์ ให้ลดค่าผ่านทางเพื่อแลกกับการต่อสัญญาสัมปทาน แต่เจอเสียงก่นด่าจากสังคมว่าเอื้อประโยชน์ให้เอกชนอีกแล้วหรือ ในที่สุดกรมทางหลวงจึงประกาศว่าไม่ลดราคาเพราะไม่คุ้มทุน ยอมให้สัมปทานหมดแล้วทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของกรมทางหลวง ระหว่างนั้นเริ่มศึกษารูปแบบบริหารตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ไปด้วย จากข่าวร้ายมาถึงข่าวดี ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2567 มีมติอนุมัติโครงการลงทุนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 5 รังสิต-บางปะอินของกรมทางหลวง ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ประเภท Gross Cost วงเงินลงทุนรวม 79,916.78 ล้านบาท ระยะทาง 22 กิโลเมตร เริ่มต้นจากปลายทางยกระดับอุตราภิมุข บริเวณโรงกษาปณ์ สิ้นสุดโครงการบริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีทางขึ้น-ลง 7 จุด และปลายทางเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา คาดว่าลงนามสัญญาปี 2569 เปิดให้บริการปี 2572 #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินโดยสารไอพ่นของสายการบินอาเซอร์ไบจานที่มีคนอยู่บนเครื่องรวม 67 คน ตกกระแทกพื้นในวันพุธ (25 ธ.ค.) ในบริเวณภาคตะวันตกของคาซัคสถาน หลังจากบินหันเหออกจากเส้นทางที่กำหนดเอาไว้ ทั้งนี้ตามปากคำของเจ้าหน้าที่หลายราย

    พวกเจ้าหน้าที่อาเซอร์ไบจานระบุว่า มีผู้รอดชีวิตมาได้ 32 คนจากเหตุการณ์โหม่งโลกของเครื่องบินโดยสารแบบ เอมบราเออร์ 190 ลำนี้ ที่บริเวณใกล้ๆ เมืองออคเตา ของคาซัคสถาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของแถบชายฝั่งด้านตะวันออกของทะเลแคสเปียน

    เครื่องบินโดยสารผลิตโดยบริษัทบราซิลลำนี้ กำลังบินจากเมืองหลวงบากู ของอาเซอร์ไบจาน ที่อยู่บนชายฝั่งด้านตะวันตกของแคสเปียน ไปยังเมืองกรอซนี ในแคว้นเชชเนีย ทางตอนใต้ของรัสเซีย

    “เครื่องบินที่กำลังบินบนเส้นทางบากู-กรอซนี ได้ตกโหม่งโลกตรงใกล้เมืองออคเตา โดยเป็นเครื่องของสายการบินอาเซอร์ไบจานแอร์ไลนส์” กระทรวงคมนาคมคาซัคสถาน โพสต์ข้อความนี้บนแพลตฟอร์มเทเลแกรม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/around/detail/9670000123875

    #MGROnline #เครื่องบินโดยสารไอพ่น #สายการบินอาเซอร์ไบจาน
    เครื่องบินโดยสารไอพ่นของสายการบินอาเซอร์ไบจานที่มีคนอยู่บนเครื่องรวม 67 คน ตกกระแทกพื้นในวันพุธ (25 ธ.ค.) ในบริเวณภาคตะวันตกของคาซัคสถาน หลังจากบินหันเหออกจากเส้นทางที่กำหนดเอาไว้ ทั้งนี้ตามปากคำของเจ้าหน้าที่หลายราย • พวกเจ้าหน้าที่อาเซอร์ไบจานระบุว่า มีผู้รอดชีวิตมาได้ 32 คนจากเหตุการณ์โหม่งโลกของเครื่องบินโดยสารแบบ เอมบราเออร์ 190 ลำนี้ ที่บริเวณใกล้ๆ เมืองออคเตา ของคาซัคสถาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของแถบชายฝั่งด้านตะวันออกของทะเลแคสเปียน • เครื่องบินโดยสารผลิตโดยบริษัทบราซิลลำนี้ กำลังบินจากเมืองหลวงบากู ของอาเซอร์ไบจาน ที่อยู่บนชายฝั่งด้านตะวันตกของแคสเปียน ไปยังเมืองกรอซนี ในแคว้นเชชเนีย ทางตอนใต้ของรัสเซีย • “เครื่องบินที่กำลังบินบนเส้นทางบากู-กรอซนี ได้ตกโหม่งโลกตรงใกล้เมืองออคเตา โดยเป็นเครื่องของสายการบินอาเซอร์ไบจานแอร์ไลนส์” กระทรวงคมนาคมคาซัคสถาน โพสต์ข้อความนี้บนแพลตฟอร์มเทเลแกรม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9670000123875 • #MGROnline #เครื่องบินโดยสารไอพ่น #สายการบินอาเซอร์ไบจาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องบินโดยสาร Embraer E190AR ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน เที่ยวบิน J28243 บากู-กรอซนี ตกในคาซัคสถาน

    - เครื่องบินกำลังบินจากบากู อาเซอร์ไบจาน แต่เนื่องจากมีหมอกหนาในกรอซนี เครื่องบินจึงถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังมาคัชคาลา (Makhachkala) เมืองหลวงของภูมิภาคดาเกสถาน (Dagestan) ของรัสเซีย จากนั้นจึงบินต่อไปยังอัคเทา ประเทศคาซัคสถาน

    - เบื้องต้นมีรายงาน บนเครื่องมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน มีผู้รอดชีวิต 6 ราย

    - สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ มีรายงานเบื้องต้นว่าเกิดจากการชนกับฝูงนก ทำให้เครื่องสูญเสียการทรงตัวและลดระดับลงอย่างรวดเร็ว

    - มีการส่งสัญญาณ "7700" ก่อนตก ซึ่งระบุว่ามีสถานการณ์ฉุกเฉินบนเครื่อง

    - กระทรวงคมนาคมของคาซัคสถานกล่าวว่าจะมีการสอบสวนพิเศษเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้
    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องบินโดยสาร Embraer E190AR ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน เที่ยวบิน J28243 บากู-กรอซนี ตกในคาซัคสถาน - เครื่องบินกำลังบินจากบากู อาเซอร์ไบจาน แต่เนื่องจากมีหมอกหนาในกรอซนี เครื่องบินจึงถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังมาคัชคาลา (Makhachkala) เมืองหลวงของภูมิภาคดาเกสถาน (Dagestan) ของรัสเซีย จากนั้นจึงบินต่อไปยังอัคเทา ประเทศคาซัคสถาน - เบื้องต้นมีรายงาน บนเครื่องมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน มีผู้รอดชีวิต 6 ราย - สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ มีรายงานเบื้องต้นว่าเกิดจากการชนกับฝูงนก ทำให้เครื่องสูญเสียการทรงตัวและลดระดับลงอย่างรวดเร็ว - มีการส่งสัญญาณ "7700" ก่อนตก ซึ่งระบุว่ามีสถานการณ์ฉุกเฉินบนเครื่อง - กระทรวงคมนาคมของคาซัคสถานกล่าวว่าจะมีการสอบสวนพิเศษเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    กฎหมายเพื่อความปลอดภัย กับ ปรากฎการณ์ประชาชนถ่ายคลิปปรับไม่ออกใบเสร็จ

    ไม่เถียงครับ ว่าขับรถด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง อุบัติเหตุถ้าจะเกิด จะเกิดการบาดเจ็บน้อยกว่า ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ "ความเร็ว" คือต้นเหตุของอุบัติเหตุจริงๆ หรือ??

    ตามสถิติของ ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ Thai RSC ระบุว่า ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 14,122 ราย บาดเจ็บ 808,705 ราย

    เป็นอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ 90.53% และจากรถยนต์ 9.47% และช่วงเวลาที่เกิดเหตุสูงสุดคือ 17.00 - 18.00 น. คิดเป็นสัดส่วน 7.95% ของอุบัติเหตุทั้งหมด

    เจาะลึกลงมาในกรุงเทพฯ ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 922 ราย บาดเจ็บ 143,182 ราย เป็นเหตุจากรถจักรยานยนต์ 92.15% และรถยนต์ 7.85%

    ช่วงเวลาที่มีผู้ประสบภัยสุงสุด คือ
    17.00 - 18.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.72% ของการเกิดเหตุทั้งวัน
    08.00 - 09.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.70% ของการเกิดเหตุทั้งวัน
    และ 07.00 - 08.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.65% ของการเกิดเหตุทั้งวัน

    ใช่ครับ มันคือช่วงเวลารถติด!! ไม่ใช่เวลาใช้ความเร็ว

    ลงลึกอีกอย่าง แขวงที่มีเหตุสูงสุด 5 อันดับ
    1. คลองตัน
    2. แสมดำ
    3. ลาดพร้าว
    4. หัวหมาก
    5. สวนหลวง

    ล้วนแล้วแต่รถติดมหากาฬทั้งสิ้น

    รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2564 โดย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักแผนความปลอดภัย เมื่อกรกฎาคม 2564 ระบุว่า สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดจากบุคคล เหตุจากการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีเพียง 19% แม้ว่าจะมากเป็นลำดับที่ 3 แต่หากเทียงกับ การเกิดอุบัติเหตุจากสาเหตุอื่นๆ ที่สูงถึง 58% เรียกว่า น้อยกว่าครึ่ง

    แม้กระทั่ง ข้อมูลจากสถาบันวิจัยพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI ยังระบุว่า 3 กลุ่มเสี่ยงสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้แก่ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผู้สูงอายุ และ คนเดินเท้า

    มันเลยอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือตัวเลขที่เหมาะสมแล้วหรือ? กฎหมายกำลังเกาที่คัน หรือว่าใครที่อยากคัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่มีคำถามมากมายเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจราจรถึงการจ่ายค่าปรับไม่มีใบเสร็จ ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมากขึ้นหรือไม่?

    มีคำอ้างอิงว่า ในเมืองใหญ่หลายๆ ประเทศ จำกัดความเร็วที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ผิดครับ แต่ความเร็วถัดมาคือ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 80 กิโลเมตร มันก็น้อยกว่าจำกัดความเร็วในถนนสายอื่นๆ ของเมืองใหญ่ๆ ที่มักจะกำหนดที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่นกัน

    ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการ จำกัดความเร็ว แต่สำหรับในเมือง เร่งเครื่องถึง 80 ก็ต้องแตะเบรกเพื่อเข้าไฟแดงถัดไปแล้ว การขับเร็วเกินกำหนด โอกาสมีไม่มาก แต่อยากเขียนเรื่องนี้เพื่อถามหาความเหมาะสมของการบังคับใช้กฎหมาย และการเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจทำมาหารับประทานมากกว่า

    เพราะหากต้องการลดอุบัติเหตุจริงๆ เลื่อนขึ้นไปอ่านรายงานต่างๆ แล้วหาวิธีเพิ่มเติมจากต้นตอของปัญหา มันก็จะแก้ได้ตรงจุดขึ้น ดีกว่าแก้เรื่องที่ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันก็จะไม่สามารถลบปัญหาออกไปได้
    60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กฎหมายเพื่อความปลอดภัย กับ ปรากฎการณ์ประชาชนถ่ายคลิปปรับไม่ออกใบเสร็จ ไม่เถียงครับ ว่าขับรถด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง อุบัติเหตุถ้าจะเกิด จะเกิดการบาดเจ็บน้อยกว่า ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ "ความเร็ว" คือต้นเหตุของอุบัติเหตุจริงๆ หรือ?? ตามสถิติของ ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ Thai RSC ระบุว่า ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 14,122 ราย บาดเจ็บ 808,705 ราย เป็นอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ 90.53% และจากรถยนต์ 9.47% และช่วงเวลาที่เกิดเหตุสูงสุดคือ 17.00 - 18.00 น. คิดเป็นสัดส่วน 7.95% ของอุบัติเหตุทั้งหมด เจาะลึกลงมาในกรุงเทพฯ ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 922 ราย บาดเจ็บ 143,182 ราย เป็นเหตุจากรถจักรยานยนต์ 92.15% และรถยนต์ 7.85% ช่วงเวลาที่มีผู้ประสบภัยสุงสุด คือ 17.00 - 18.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.72% ของการเกิดเหตุทั้งวัน 08.00 - 09.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.70% ของการเกิดเหตุทั้งวัน และ 07.00 - 08.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.65% ของการเกิดเหตุทั้งวัน ใช่ครับ มันคือช่วงเวลารถติด!! ไม่ใช่เวลาใช้ความเร็ว ลงลึกอีกอย่าง แขวงที่มีเหตุสูงสุด 5 อันดับ 1. คลองตัน 2. แสมดำ 3. ลาดพร้าว 4. หัวหมาก 5. สวนหลวง ล้วนแล้วแต่รถติดมหากาฬทั้งสิ้น รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2564 โดย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักแผนความปลอดภัย เมื่อกรกฎาคม 2564 ระบุว่า สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดจากบุคคล เหตุจากการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีเพียง 19% แม้ว่าจะมากเป็นลำดับที่ 3 แต่หากเทียงกับ การเกิดอุบัติเหตุจากสาเหตุอื่นๆ ที่สูงถึง 58% เรียกว่า น้อยกว่าครึ่ง แม้กระทั่ง ข้อมูลจากสถาบันวิจัยพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI ยังระบุว่า 3 กลุ่มเสี่ยงสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้แก่ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผู้สูงอายุ และ คนเดินเท้า มันเลยอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือตัวเลขที่เหมาะสมแล้วหรือ? กฎหมายกำลังเกาที่คัน หรือว่าใครที่อยากคัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่มีคำถามมากมายเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจราจรถึงการจ่ายค่าปรับไม่มีใบเสร็จ ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมากขึ้นหรือไม่? มีคำอ้างอิงว่า ในเมืองใหญ่หลายๆ ประเทศ จำกัดความเร็วที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ผิดครับ แต่ความเร็วถัดมาคือ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 80 กิโลเมตร มันก็น้อยกว่าจำกัดความเร็วในถนนสายอื่นๆ ของเมืองใหญ่ๆ ที่มักจะกำหนดที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่นกัน ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการ จำกัดความเร็ว แต่สำหรับในเมือง เร่งเครื่องถึง 80 ก็ต้องแตะเบรกเพื่อเข้าไฟแดงถัดไปแล้ว การขับเร็วเกินกำหนด โอกาสมีไม่มาก แต่อยากเขียนเรื่องนี้เพื่อถามหาความเหมาะสมของการบังคับใช้กฎหมาย และการเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจทำมาหารับประทานมากกว่า เพราะหากต้องการลดอุบัติเหตุจริงๆ เลื่อนขึ้นไปอ่านรายงานต่างๆ แล้วหาวิธีเพิ่มเติมจากต้นตอของปัญหา มันก็จะแก้ได้ตรงจุดขึ้น ดีกว่าแก้เรื่องที่ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันก็จะไม่สามารถลบปัญหาออกไปได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นี่แหละที่ต้องการ"

    รัฐมนตรีคมนาคมตุรกีกล่าวว่า ตุรกีจะลงนามข้อตกลงกำหนดเขตทางทะเลกับซีเรียในเร็วๆนี้

    “เราจะร่วมกันสำรวจน้ำมันและแหล่งปิโตรเลียมรวมทั้งถ่านหินในซีเรียโดยจะทำตามข้อตกลงของกฎหมายระหว่างประเทศ”
    "นี่แหละที่ต้องการ" รัฐมนตรีคมนาคมตุรกีกล่าวว่า ตุรกีจะลงนามข้อตกลงกำหนดเขตทางทะเลกับซีเรียในเร็วๆนี้ “เราจะร่วมกันสำรวจน้ำมันและแหล่งปิโตรเลียมรวมทั้งถ่านหินในซีเรียโดยจะทำตามข้อตกลงของกฎหมายระหว่างประเทศ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • #คนรุ่นใหม่ที่ไม่ทันระบอบทักษิณยุคแรกต้องอึ้ง
    ในวันที่น้องหลายคน เกิดไม่ทัน หรือโตไม่ทัน
    เวลาที่มีคนรุ่นก่อน เล่าว่าระบอบทักษิณมันยังงั้นอย่างงี้
    ก็จะมีกลุ่มอีกฝัง ใช้วาทะกรรมว่า ระบอบทักษิณ
    เป็นเพียงภาพวาดให้หวาด กลัว ตลอด ไม่มีอยู่จริง
    ............
    แต่วันนี้ คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เริ่มอึ้งซ้ำๆ
    เมื่อทักษิณได้กลับมาบนแผ่นดินไทยอีกรอบ
    ไม่ว่าจะเป็นการที่รับโทษแบบเทวดา
    อ้าวป๋วย แต่ว่ายน้ำ ชกมวย เดินพบปะแฟนคลับ
    บินไปนั่นไปนี่ โดยไม่เกรงว่า คนที่ช่วยให้ออกมา
    โดยไม่ต้องเหยียบคูกแม้แต่วินาทีเดียว จะต้องได้
    รับผลอย่างไร
    ทั้งๆที่ อ้างว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน
    แต่ทำทุกอย่าง ให้ระบบนิติรัฐเหมือนต้องพิกลพิการ
    ถามคนไทยที่ไม่ใช่แฟนคลับเค้า ทุกคนซิ
    มีใคร เชื่อว่าโทนี่ ป๋วยสาหััส ขนาดเส้นเอนเปื่อยยุ่ย
    หรือตามรายละเอียดที่ระบุอ้างบ้าง
    ก็เห็นอยู่ตำตา ป๋วยตรงไหนฟร๊ะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง
    ร่อนไปทัว
    มันบาดใจกับความไม่เท่าเทียม ความไม่ยุติธรรม
    ที่คนรุ่นก่อน เคยเจอมาก่อน
    ยกตัวอย่างกรณีภาคใต้ ก่อนยุคลุงตู่ คนใต้รู้ดี
    ถนนภาคใต้ กากสุดละ ท่านชวนหลีกภัย
    เคยประสานผ่านชัชชาติ ซึ่งขณะนั้นดูแลคมนาคม
    ให้ช่วยจัดงบในการทำถนนให้คนใต้ด้วย
    คุณรู้มั๊ย ทักษิณว่าไง จังหวัดไหน ภาคไหน
    ไม่เลือกผม ก็เอาไว้ทีหลังละกัน
    ประโยคนี้ ที่ออกจากปากนายกที่ชื่อทักษิณในขณะนั้น
    และได้เคยลั่นอีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์หน้าตาลอย
    ผ่านโทรทัศน์มาแล้วเช่นกัน
    รวมถึง สัมปทาน การแข่งขันในการประมูลงาน
    พรรคพวกของโทนี่ แม้กระทั่งบริษัทของโอ๊ค คือฮาวคัม
    ชนะมันแทบทุกหน่วยงาน บริษัทธรรมดา ไม่มีทางที่จะได้ลืมตาอ้าปาก
    มันยังมีอีกเยอะ ค่อยดูๆไป แล้วจะกระจ่าย
    ว่าระบอบทักษิณ คือแบบไหน รับรอง หนำ จนนั่งไม่ติดครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คนรุ่นใหม่ที่ไม่ทันระบอบทักษิณยุคแรกต้องอึ้ง ในวันที่น้องหลายคน เกิดไม่ทัน หรือโตไม่ทัน เวลาที่มีคนรุ่นก่อน เล่าว่าระบอบทักษิณมันยังงั้นอย่างงี้ ก็จะมีกลุ่มอีกฝัง ใช้วาทะกรรมว่า ระบอบทักษิณ เป็นเพียงภาพวาดให้หวาด กลัว ตลอด ไม่มีอยู่จริง ............ แต่วันนี้ คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เริ่มอึ้งซ้ำๆ เมื่อทักษิณได้กลับมาบนแผ่นดินไทยอีกรอบ ไม่ว่าจะเป็นการที่รับโทษแบบเทวดา อ้าวป๋วย แต่ว่ายน้ำ ชกมวย เดินพบปะแฟนคลับ บินไปนั่นไปนี่ โดยไม่เกรงว่า คนที่ช่วยให้ออกมา โดยไม่ต้องเหยียบคูกแม้แต่วินาทีเดียว จะต้องได้ รับผลอย่างไร ทั้งๆที่ อ้างว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน แต่ทำทุกอย่าง ให้ระบบนิติรัฐเหมือนต้องพิกลพิการ ถามคนไทยที่ไม่ใช่แฟนคลับเค้า ทุกคนซิ มีใคร เชื่อว่าโทนี่ ป๋วยสาหััส ขนาดเส้นเอนเปื่อยยุ่ย หรือตามรายละเอียดที่ระบุอ้างบ้าง ก็เห็นอยู่ตำตา ป๋วยตรงไหนฟร๊ะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง ร่อนไปทัว มันบาดใจกับความไม่เท่าเทียม ความไม่ยุติธรรม ที่คนรุ่นก่อน เคยเจอมาก่อน ยกตัวอย่างกรณีภาคใต้ ก่อนยุคลุงตู่ คนใต้รู้ดี ถนนภาคใต้ กากสุดละ ท่านชวนหลีกภัย เคยประสานผ่านชัชชาติ ซึ่งขณะนั้นดูแลคมนาคม ให้ช่วยจัดงบในการทำถนนให้คนใต้ด้วย คุณรู้มั๊ย ทักษิณว่าไง จังหวัดไหน ภาคไหน ไม่เลือกผม ก็เอาไว้ทีหลังละกัน ประโยคนี้ ที่ออกจากปากนายกที่ชื่อทักษิณในขณะนั้น และได้เคยลั่นอีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์หน้าตาลอย ผ่านโทรทัศน์มาแล้วเช่นกัน รวมถึง สัมปทาน การแข่งขันในการประมูลงาน พรรคพวกของโทนี่ แม้กระทั่งบริษัทของโอ๊ค คือฮาวคัม ชนะมันแทบทุกหน่วยงาน บริษัทธรรมดา ไม่มีทางที่จะได้ลืมตาอ้าปาก มันยังมีอีกเยอะ ค่อยดูๆไป แล้วจะกระจ่าย ว่าระบอบทักษิณ คือแบบไหน รับรอง หนำ จนนั่งไม่ติดครับ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถไฟ ECRL มาเลย์ฯ-จีนแบกคนละครึ่ง

    โครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย หรือ ECRL (East Coast Rail Link) ระยะทาง 665 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 50,270 ล้านริงกิต อาจเรียกว่ากำลังจะเป็นรถไฟมาเลย์ฯ-จีนก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. บริษัท มาเลเซีย เรล ลิงก์ (MRL) และบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชันส์ คอนสตรัคชัน อีซีอาร์แอล (CCCECRL) ประเทศจีน ได้ทำพิธีลงนามการออกแบบภายนอกขบวนรถรถไฟฟ้าอีเอ็มยู (EMU) ตามข้อตกลงร่วมทุนด้านการดำเนินงานและการบำรุงรักษาของโครงการ ECRL พร้อมเปิดตัวโลโก้อย่างเป็นทางการของ ECRL ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเข็มทิศ ที่มีเข็มชี้ไปทางทิศตะวันออกภายในดอกไม้สีฟ้า 4 กลีบ

    โดยทั้งสองบริษัทได้จัดตั้งบริษัทดำเนินงาน (OpCo) แบกรับความเสี่ยงฝ่ายละ 50:50 เพื่อดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ ECRL ซึ่งนายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า ข้อตกลงร่วมทุนดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายแบ่งเบาภาระต้นทุนการดำเนินงานของโครงการ อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค โดย MRL จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินของโครงการ ECRL ในนามรัฐบาลมาเลเซีย ส่วนบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชันส์ คอนสตรัคชัน (CCCC) จากประเทศจีน จะเป็นผู้รับเหมาทางด้านวิศวกรรม จัดซื้อจัดจ้าง ก่อสร้าง และดำเนินการ (EPCC) ตลอดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้

    หากเกิดการขาดทุนระหว่างดำเนินงาน บริษัทจีนและมาเลเซียแบกรับความเสี่ยง 50% เท่ากัน แต่หากมีกำไรถึง 80% บริษัทจีนจะลงทุนใน MRL ส่วนที่เหลือลงทุนใน CCCECRL สำหรับความคืบหน้าโครงการ ECRL ณ เดือน พ.ย. 2567 อยู่ที่ 76.06% ซึ่งตามกำหนดคาดว่าทางรถไฟช่วงสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ถึงสถานีกอมบัค รัฐสลังงอร์ แล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 2569 และระยะที่สองจากสถานีกอมบัค ถึงท่าเรือแคลง ภายในเดือน ธ.ค. 2570 คาดหวังว่าจะเชื่อมโยงกับโครงข่ายรถไฟทางไกลของประเทศไทย เพราะจากสถานีรถไฟโกตาบารู กับชายแดนมาเลเซีย-ไทย ที่ด่านรันเตาปันจัง เมืองปาร์เซมัส ห่างกัน 20 กิโลเมตร

    โครงการทางรถไฟ ECRL มีทั้งหมด 20 สถานี แบ่งเป็นสถานีเฉพาะผู้โดยสาร 10 สถานี สถานีผู้โดยสารและขนส่งสินค้า 10 สถานี พาดผ่าน 4 รัฐ ได้แก่ กลันตัน ตรังกานู ปาหัง และสลังงอร์ มีอุโมงค์ 59 แห่ง ขบวนรถโดยสารใช้รถไฟ EMU รวม 11 ขบวน ขบวนละ 6 ตู้โดยสาร รองรับผู้โดยสารสูงสุด 430 คน ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่าขบวนรถล้านช้างของรถไฟลาว-จีน จากสถานีโกตาบารูไปยังสถานีกอมบัคใช้เวลาเดินทางเพียง 4 ชั่วโมง คาดว่าจะส่งมอบขบวนรถชุดแรกภายในสิ้นปี 2568 ส่วนขบวนรถสินค้าใช้ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    #Newskit
    รถไฟ ECRL มาเลย์ฯ-จีนแบกคนละครึ่ง โครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย หรือ ECRL (East Coast Rail Link) ระยะทาง 665 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 50,270 ล้านริงกิต อาจเรียกว่ากำลังจะเป็นรถไฟมาเลย์ฯ-จีนก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. บริษัท มาเลเซีย เรล ลิงก์ (MRL) และบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชันส์ คอนสตรัคชัน อีซีอาร์แอล (CCCECRL) ประเทศจีน ได้ทำพิธีลงนามการออกแบบภายนอกขบวนรถรถไฟฟ้าอีเอ็มยู (EMU) ตามข้อตกลงร่วมทุนด้านการดำเนินงานและการบำรุงรักษาของโครงการ ECRL พร้อมเปิดตัวโลโก้อย่างเป็นทางการของ ECRL ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเข็มทิศ ที่มีเข็มชี้ไปทางทิศตะวันออกภายในดอกไม้สีฟ้า 4 กลีบ โดยทั้งสองบริษัทได้จัดตั้งบริษัทดำเนินงาน (OpCo) แบกรับความเสี่ยงฝ่ายละ 50:50 เพื่อดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ ECRL ซึ่งนายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า ข้อตกลงร่วมทุนดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายแบ่งเบาภาระต้นทุนการดำเนินงานของโครงการ อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค โดย MRL จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินของโครงการ ECRL ในนามรัฐบาลมาเลเซีย ส่วนบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชันส์ คอนสตรัคชัน (CCCC) จากประเทศจีน จะเป็นผู้รับเหมาทางด้านวิศวกรรม จัดซื้อจัดจ้าง ก่อสร้าง และดำเนินการ (EPCC) ตลอดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ หากเกิดการขาดทุนระหว่างดำเนินงาน บริษัทจีนและมาเลเซียแบกรับความเสี่ยง 50% เท่ากัน แต่หากมีกำไรถึง 80% บริษัทจีนจะลงทุนใน MRL ส่วนที่เหลือลงทุนใน CCCECRL สำหรับความคืบหน้าโครงการ ECRL ณ เดือน พ.ย. 2567 อยู่ที่ 76.06% ซึ่งตามกำหนดคาดว่าทางรถไฟช่วงสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ถึงสถานีกอมบัค รัฐสลังงอร์ แล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 2569 และระยะที่สองจากสถานีกอมบัค ถึงท่าเรือแคลง ภายในเดือน ธ.ค. 2570 คาดหวังว่าจะเชื่อมโยงกับโครงข่ายรถไฟทางไกลของประเทศไทย เพราะจากสถานีรถไฟโกตาบารู กับชายแดนมาเลเซีย-ไทย ที่ด่านรันเตาปันจัง เมืองปาร์เซมัส ห่างกัน 20 กิโลเมตร โครงการทางรถไฟ ECRL มีทั้งหมด 20 สถานี แบ่งเป็นสถานีเฉพาะผู้โดยสาร 10 สถานี สถานีผู้โดยสารและขนส่งสินค้า 10 สถานี พาดผ่าน 4 รัฐ ได้แก่ กลันตัน ตรังกานู ปาหัง และสลังงอร์ มีอุโมงค์ 59 แห่ง ขบวนรถโดยสารใช้รถไฟ EMU รวม 11 ขบวน ขบวนละ 6 ตู้โดยสาร รองรับผู้โดยสารสูงสุด 430 คน ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่าขบวนรถล้านช้างของรถไฟลาว-จีน จากสถานีโกตาบารูไปยังสถานีกอมบัคใช้เวลาเดินทางเพียง 4 ชั่วโมง คาดว่าจะส่งมอบขบวนรถชุดแรกภายในสิ้นปี 2568 ส่วนขบวนรถสินค้าใช้ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคเพื่อไทยยืนยัน ไม่ตั้ง "พานทองแท้" ประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
    .
    รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ยืนยันไม่แต่งตั้ง "พานทองแท้ ชินวัตร" ลูกชายทักษิญ เป็นประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ตามที่ไพศาล พืชมงคลโพสต์เอาไว้ ระบุเจ้าตัวไม่ได้เข้ามาร่วมรับตำแหน่งใดๆ โวยมีขบวนการปั้นข่าวเพื่อให้เกิดความสับสน
    .
    วันนี้ (17 ธ.ค.) จากกรณีที่นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ากลยุทธ์และแผนงานเศรษฐกิจแห่งชาติ โดยระบุว่า เพื่อกุมบังเหียนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความเจริญรุ่งเรืองโชติช่วงชัชวาลเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และอยู่ดีกินดีถ้วนหน้ากัน และเปรียบว่าขนาด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องสาวยังเป็นถึงนายกรัฐมนตรีได้ ทำไมพี่ชายถึงจะเป็นประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไม่ได้ ตามที่ปรากฎในโซเชียลมีเดียนั้น
    .
    ล่าสุด น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวในแพลตฟอร์ม X ว่า ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะในการประชุมสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคไม่มีมติแต่งตั้งใครหรือหรือตำแหน่งใดๆ เหล่านี้ ซึ่งข้อเท็จจริงนายพานทองแท้ ก็ไม่ได้เข้ามาร่วมรับตำแหน่งใดๆ ทั้งในพรรคเเละในรัฐบาลเลย ช่วงนี้กระบวนการแบบนี้มีให้เห็นเยอะขึ้นเรื่อยๆ การปั้นข่าวเพื่อให้เกิดความสับสน และพยายามทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล โชคดีว่าประเทศไทยไม่ใช่เมืองหนาว เลยไม่เหมาะกับการปั้นน้ำเป็นตัว
    .
    สำหรับนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค เกิดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2522 เป็นลูกชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร กับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เกิดที่เมืองฮันต์สวิลล์ ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เคยทำธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพ ชีแอทมู้ด และคาเฟ่ชื่อ Cafeinn ที่สยามสแควร์ ซอย 2 นำเข้าและจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ยี่ห้อ เวอร์ทู รวมทั้งสัมปทานพื้นที่โฆษณาอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน และทำธุรกิจสวนสนุก Amazing Fun Park บริเวณถนนรัชดาภิเษก ในนาม บริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด เมื่อปี 2548 กระทั่งปี 2552 นายพานทองแท้ ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี แต่ได้ปิดกิจการไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2567 และอาคารสถานีย่านถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้สี่แยกสุทธิสาร กำลังรีโนเวตเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของพรรคเพื่อไทย
    .
    ปัจจุบัน นายพานทองแท้เป็นกรรมการบริษัทที่ยังดำเนินกิจการอยู่ 6 บริษัท ได้แก่ บริษัท ม็อกกิ้งเบิร์ด จำกัด ประกอบธุรกิจการจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่งานอื่นๆ ผ่านทางออนไลน์, บริษัท วอยซ์ ครีเอชั่น จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิง บริษัท เรนด์ เพลินจิต โฮเต็ล จำกัด ประกอบธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด, บริษัท เวิร์คส์ ครีเอทีฟ จำกัด ประกอบกิจกรรมการผลิตภาพยนตร์และวีดิทัศน์ธุรกิจ, บริษัท ไวฟ์ ดิจิตอล จำกัด ประกอบธุรกิจ กิจกรรมการจัดทำโปรแกรมเว็บเพจและเครือข่ายตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ และบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมการผลิตรายการโทรทัศน์
    .
    ส่วนบริษัทที่เสร็จการชำระบัญชี มี 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท นิวโอ๊ค จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมการถ่ายภาพ, บริษัท มาสเตอร์ โฟน จำกัด ประกอบธุรกิจร้านขายปลีกอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม, บริษัท ฮาวคัม มีเดีย จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมของบริษัทโฆษณา, และบริษัท ฮาวคัม เอวี จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิง และบริษัทที่มีสถานะเลิก ได้แก่ บริษัท โอคานิท จำกัด ประกอบธุรกิจการบริการด้านเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เป็นหลักในร้าน
    .
    อนึ่ง เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายพานทองแท้ นั่งรถไฟขบวนพิเศษรอยัลบอสซั่มที่ 913 เพื่อเดินทางร่วมกับ สส.พรรคเพื่อไทย ไปยังโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องสาว ก่อนที่นายทักษิณจะร่วมขึ้นขบวนรถไฟที่สถานีบางบำหรุ เพราะอยู่ใกล้บ้านจันทร์ส่องหล้า จรัญสนิทวงศ์ 69
    .............
    Sondhi X
    พรรคเพื่อไทยยืนยัน ไม่ตั้ง "พานทองแท้" ประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ . รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ยืนยันไม่แต่งตั้ง "พานทองแท้ ชินวัตร" ลูกชายทักษิญ เป็นประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ตามที่ไพศาล พืชมงคลโพสต์เอาไว้ ระบุเจ้าตัวไม่ได้เข้ามาร่วมรับตำแหน่งใดๆ โวยมีขบวนการปั้นข่าวเพื่อให้เกิดความสับสน . วันนี้ (17 ธ.ค.) จากกรณีที่นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ากลยุทธ์และแผนงานเศรษฐกิจแห่งชาติ โดยระบุว่า เพื่อกุมบังเหียนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความเจริญรุ่งเรืองโชติช่วงชัชวาลเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และอยู่ดีกินดีถ้วนหน้ากัน และเปรียบว่าขนาด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องสาวยังเป็นถึงนายกรัฐมนตรีได้ ทำไมพี่ชายถึงจะเป็นประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไม่ได้ ตามที่ปรากฎในโซเชียลมีเดียนั้น . ล่าสุด น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวในแพลตฟอร์ม X ว่า ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะในการประชุมสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคไม่มีมติแต่งตั้งใครหรือหรือตำแหน่งใดๆ เหล่านี้ ซึ่งข้อเท็จจริงนายพานทองแท้ ก็ไม่ได้เข้ามาร่วมรับตำแหน่งใดๆ ทั้งในพรรคเเละในรัฐบาลเลย ช่วงนี้กระบวนการแบบนี้มีให้เห็นเยอะขึ้นเรื่อยๆ การปั้นข่าวเพื่อให้เกิดความสับสน และพยายามทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล โชคดีว่าประเทศไทยไม่ใช่เมืองหนาว เลยไม่เหมาะกับการปั้นน้ำเป็นตัว . สำหรับนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค เกิดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2522 เป็นลูกชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร กับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เกิดที่เมืองฮันต์สวิลล์ ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เคยทำธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพ ชีแอทมู้ด และคาเฟ่ชื่อ Cafeinn ที่สยามสแควร์ ซอย 2 นำเข้าและจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ยี่ห้อ เวอร์ทู รวมทั้งสัมปทานพื้นที่โฆษณาอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน และทำธุรกิจสวนสนุก Amazing Fun Park บริเวณถนนรัชดาภิเษก ในนาม บริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด เมื่อปี 2548 กระทั่งปี 2552 นายพานทองแท้ ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี แต่ได้ปิดกิจการไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2567 และอาคารสถานีย่านถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้สี่แยกสุทธิสาร กำลังรีโนเวตเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของพรรคเพื่อไทย . ปัจจุบัน นายพานทองแท้เป็นกรรมการบริษัทที่ยังดำเนินกิจการอยู่ 6 บริษัท ได้แก่ บริษัท ม็อกกิ้งเบิร์ด จำกัด ประกอบธุรกิจการจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่งานอื่นๆ ผ่านทางออนไลน์, บริษัท วอยซ์ ครีเอชั่น จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิง บริษัท เรนด์ เพลินจิต โฮเต็ล จำกัด ประกอบธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด, บริษัท เวิร์คส์ ครีเอทีฟ จำกัด ประกอบกิจกรรมการผลิตภาพยนตร์และวีดิทัศน์ธุรกิจ, บริษัท ไวฟ์ ดิจิตอล จำกัด ประกอบธุรกิจ กิจกรรมการจัดทำโปรแกรมเว็บเพจและเครือข่ายตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ และบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมการผลิตรายการโทรทัศน์ . ส่วนบริษัทที่เสร็จการชำระบัญชี มี 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท นิวโอ๊ค จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมการถ่ายภาพ, บริษัท มาสเตอร์ โฟน จำกัด ประกอบธุรกิจร้านขายปลีกอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม, บริษัท ฮาวคัม มีเดีย จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมของบริษัทโฆษณา, และบริษัท ฮาวคัม เอวี จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิง และบริษัทที่มีสถานะเลิก ได้แก่ บริษัท โอคานิท จำกัด ประกอบธุรกิจการบริการด้านเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เป็นหลักในร้าน . อนึ่ง เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายพานทองแท้ นั่งรถไฟขบวนพิเศษรอยัลบอสซั่มที่ 913 เพื่อเดินทางร่วมกับ สส.พรรคเพื่อไทย ไปยังโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องสาว ก่อนที่นายทักษิณจะร่วมขึ้นขบวนรถไฟที่สถานีบางบำหรุ เพราะอยู่ใกล้บ้านจันทร์ส่องหล้า จรัญสนิทวงศ์ 69 ............. Sondhi X
    Haha
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิด “สะพานทศราชัน” •เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศราชัน” ณ สะพานทศราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร• เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Passที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก •จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “สะพานทศราชัน” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้อง ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายรัชนัย เปรมปราคิน ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณ เข้ารับพระราชทานของที่ระลึก เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศนราชัน”รูปแบบและแนวคิดในการออกแบบงานสถาปัตยกรรมของสะพานทศมราชัน จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และนายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (วิศวกรรมและบำรุงรักษา) เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึก สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ• สะพานทศมราชัน” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นสะพานคู่ขนานแม่น้ำเจ้าพระยาคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำเจ้าพระยา ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาวสะพาน 781.2 เมตร ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้มีแนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมสะพานแห่งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยองค์ประกอบต่าง ๆ ของสะพานจะสื่อถึงพระองค์ท่าน ดังนี้ • ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก และความห่วงใยต่อพสกนิกร และพสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า • สายเคเบิล เป็นสีเหลือง เพื่อสื่อถึงวันพระบรมราชสมภพ คือ วันจันทร์ •รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทอง อยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ • รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ • โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ก่อสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกจากการเดินทางจากภาคใต้สู่กรุงเทพมหานคร และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนทางพิเศษช่วงบางโคล่ - คาวคะนอง และถนนพระรามที่ ๒ ช่วงดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร • ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อสะพานนี้ว่า “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสพระราชทานพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ด้วย
    ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิด “สะพานทศราชัน” •เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศราชัน” ณ สะพานทศราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร• เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Passที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก •จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “สะพานทศราชัน” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้อง ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายรัชนัย เปรมปราคิน ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณ เข้ารับพระราชทานของที่ระลึก เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศนราชัน”รูปแบบและแนวคิดในการออกแบบงานสถาปัตยกรรมของสะพานทศมราชัน จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และนายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (วิศวกรรมและบำรุงรักษา) เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึก สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ• สะพานทศมราชัน” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นสะพานคู่ขนานแม่น้ำเจ้าพระยาคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำเจ้าพระยา ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาวสะพาน 781.2 เมตร ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้มีแนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมสะพานแห่งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยองค์ประกอบต่าง ๆ ของสะพานจะสื่อถึงพระองค์ท่าน ดังนี้ • ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก และความห่วงใยต่อพสกนิกร และพสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า • สายเคเบิล เป็นสีเหลือง เพื่อสื่อถึงวันพระบรมราชสมภพ คือ วันจันทร์ •รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทอง อยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ • รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ • โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ก่อสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกจากการเดินทางจากภาคใต้สู่กรุงเทพมหานคร และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนทางพิเศษช่วงบางโคล่ - คาวคะนอง และถนนพระรามที่ ๒ ช่วงดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร • ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อสะพานนี้ว่า “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสพระราชทานพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ด้วย
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศมราชัน” ณ สะพานทศมราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร

    วันนี้ (14 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศมราชัน” ณ สะพานทศมราชันทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร

    เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Pass ที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศมราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000120121

    #MGROnline #สะพานทศมราชัน #ทางพิเศษสายพระราม3
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศมราชัน” ณ สะพานทศมราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร • วันนี้ (14 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศมราชัน” ณ สะพานทศมราชันทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร • เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Pass ที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศมราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000120121 • #MGROnline #สะพานทศมราชัน #ทางพิเศษสายพระราม3
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบฯ เร่งรัดยกระดับตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศสู่การเป็นสนามบินนานาชาติ
    https://www.facebook.com/share/p/XJihoqSVGnzEqFQo/
    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบฯ เร่งรัดยกระดับตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศสู่การเป็นสนามบินนานาชาติ https://www.facebook.com/share/p/XJihoqSVGnzEqFQo/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝ่ายหวังยึดคุมทแกล้ว ถอนถอย แผนชั่วหาใช่ชัยชนะพลอย โห่ร้องทหารทุกเหล่าชะลอย ไป่คิด ดีใจหากมุ่งมั่นทำดีพ้อง ปกป้องชาติไทย ประชาชีขอให้เจริญธรรมและสุขสวัสดี ข่าวการ “ถอดถอน” ร่างแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ๒๕๕๑ ของนักการเมืองในระบอบทักษิณ หาใช่เป็น “ชัยชนะ” ของทแกล้วกล้าไทยรักไทยไม่ แต่เป็นเพราะ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์และประชาชนคนไทยไม่เห็นด้วย คนไทยมองเห็นภัยพิบัติของชาติถ้า “นักการเมืองไทย” ควบคุม “กองทัพเหมือนพวกเขาควบคุมข้าราชการประจำอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทหาร” มีตัวอย่าง ๑ เรื่องอดีต “ปลัดกระทรวงคมนาคม” มีเงินสดเก็บไว้ในบ้านนับเป็นร้อยๆ ล้าน!:- (เรื่องนี้มิใช่เป็นการประจานซ้ำเติมนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม แต่เป็นบทเรียนเชิงกรณีศึกษาและเปรียบเทียบ)นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม (ที่สายนักการเมืองกลุ่มหนึ่งปั้นขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทุจริตคอรัปชัน ลองไปหาอ่านเอาเองนะครับ (ใน Thaipublica.Comและไทยโพสต์และอื่นๆ) เหตุเกิดเพราะบ้านนายสุพจน์ถูกโจรกรรม ขโมยเงินไป “๖ ล้านบาท แต่โจรให้การกับตำรวจว่า “ในตู้เสื้อผ้าของนายสุพจน์ยังมีเงินซ่อนไว้อีกมากมาย”เรื่องนี้ผ่านสาธารณะสังคมและสื่อ “ปปช.จึงเข้ามาตรวจสอบพบว่านายสุพจน์ “ร่ำรวยผิดปกติ” และพบว่าผิดจริงตามที่โจรให้การจึงส่งฟ้อง “ศาลฎีกาพิพากษา จำคุก ๑๐ เดือน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม (กรรมการการบินไทยจำกัด ด้วย) ไม่รอลงอาญาและยึดทรัพย์บ้างส่วน (เท่านั้น) เพราะปิดบังบัญชีทรัพย์สินที่ผมหยิบยกเรื่องนี้เพราะว่า “การแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นอยู่ในอำนาจของ ครม.!งบประมาณของแต่ละกระทรวงเป็นเค็กก้อนใหญ่ สามารถชำแหละแบ่งกันในกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจรัฐและตามจำนวน ส.ส.ในสภา จึงเป็นที่มาของระบบโควต้าแบ่งปัน)ถ้านักการเมืองคุม “ทหารเพียงคนเดียว” กลุ่มนักการเมืองบางคนบางกลุ่มนั้นนั้น สามารถคุมการทุจริตตลอดแนวชายแดนทั้งประเทศการค้าของเถื่อนจะเฟื่องฟูตลอดแนวชายแดน ยาเสพติด ค้าคน ค้าอาวุธ ค้ารถขโมยและสิ้นค้าเถิ่อนอื่นๆ อีกมากมาย ลองจินตนาการเอาเองนะครับสรุปว่า “เรื่องจริงที่เป็นประวัติศาสตร์การเมือง การทุจริตในประเทศไทย เคยมี นายทหารที่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง ๒ ท่านเท่านั้นที่เป็นเผด็จการทหารและเป็นนายกรัฐมนตรีถูกกฎหมายที่ตัวท่านเองสร้างขึ้นมา เอาผิดฐานทุจริตคอรัปชันจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ถูกรัฐบาลจอมพลถนอมยึดทรัพย์ ๖๐๔ ล้านบาทในปี ๒๕๐๖ เข้าคลังและรัฐบาลอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ยึดทรัพย์ จอมพลถนอม กิตติขจร ๔๗๐ ล้านบาทในปี ๒๕๑๖แต่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดทรัพย์ ๔๖,๐๐๐ บาทแม้ตัวเงินไม่ได้หรือสามารถวัด “ดีกรีกิเลสความโลภ ความชั่วได้แต่พฤติกรรม “โกงเงินเท่ากัน”ข้อคิด “กรรมมีจริง บาปมีจริง :Vachara Riddhagni ”
    ฝ่ายหวังยึดคุมทแกล้ว ถอนถอย แผนชั่วหาใช่ชัยชนะพลอย โห่ร้องทหารทุกเหล่าชะลอย ไป่คิด ดีใจหากมุ่งมั่นทำดีพ้อง ปกป้องชาติไทย ประชาชีขอให้เจริญธรรมและสุขสวัสดี ข่าวการ “ถอดถอน” ร่างแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ๒๕๕๑ ของนักการเมืองในระบอบทักษิณ หาใช่เป็น “ชัยชนะ” ของทแกล้วกล้าไทยรักไทยไม่ แต่เป็นเพราะ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์และประชาชนคนไทยไม่เห็นด้วย คนไทยมองเห็นภัยพิบัติของชาติถ้า “นักการเมืองไทย” ควบคุม “กองทัพเหมือนพวกเขาควบคุมข้าราชการประจำอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทหาร” มีตัวอย่าง ๑ เรื่องอดีต “ปลัดกระทรวงคมนาคม” มีเงินสดเก็บไว้ในบ้านนับเป็นร้อยๆ ล้าน!:- (เรื่องนี้มิใช่เป็นการประจานซ้ำเติมนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม แต่เป็นบทเรียนเชิงกรณีศึกษาและเปรียบเทียบ)นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม (ที่สายนักการเมืองกลุ่มหนึ่งปั้นขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทุจริตคอรัปชัน ลองไปหาอ่านเอาเองนะครับ (ใน Thaipublica.Comและไทยโพสต์และอื่นๆ) เหตุเกิดเพราะบ้านนายสุพจน์ถูกโจรกรรม ขโมยเงินไป “๖ ล้านบาท แต่โจรให้การกับตำรวจว่า “ในตู้เสื้อผ้าของนายสุพจน์ยังมีเงินซ่อนไว้อีกมากมาย”เรื่องนี้ผ่านสาธารณะสังคมและสื่อ “ปปช.จึงเข้ามาตรวจสอบพบว่านายสุพจน์ “ร่ำรวยผิดปกติ” และพบว่าผิดจริงตามที่โจรให้การจึงส่งฟ้อง “ศาลฎีกาพิพากษา จำคุก ๑๐ เดือน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม (กรรมการการบินไทยจำกัด ด้วย) ไม่รอลงอาญาและยึดทรัพย์บ้างส่วน (เท่านั้น) เพราะปิดบังบัญชีทรัพย์สินที่ผมหยิบยกเรื่องนี้เพราะว่า “การแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นอยู่ในอำนาจของ ครม.!งบประมาณของแต่ละกระทรวงเป็นเค็กก้อนใหญ่ สามารถชำแหละแบ่งกันในกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจรัฐและตามจำนวน ส.ส.ในสภา จึงเป็นที่มาของระบบโควต้าแบ่งปัน)ถ้านักการเมืองคุม “ทหารเพียงคนเดียว” กลุ่มนักการเมืองบางคนบางกลุ่มนั้นนั้น สามารถคุมการทุจริตตลอดแนวชายแดนทั้งประเทศการค้าของเถื่อนจะเฟื่องฟูตลอดแนวชายแดน ยาเสพติด ค้าคน ค้าอาวุธ ค้ารถขโมยและสิ้นค้าเถิ่อนอื่นๆ อีกมากมาย ลองจินตนาการเอาเองนะครับสรุปว่า “เรื่องจริงที่เป็นประวัติศาสตร์การเมือง การทุจริตในประเทศไทย เคยมี นายทหารที่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง ๒ ท่านเท่านั้นที่เป็นเผด็จการทหารและเป็นนายกรัฐมนตรีถูกกฎหมายที่ตัวท่านเองสร้างขึ้นมา เอาผิดฐานทุจริตคอรัปชันจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ถูกรัฐบาลจอมพลถนอมยึดทรัพย์ ๖๐๔ ล้านบาทในปี ๒๕๐๖ เข้าคลังและรัฐบาลอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ยึดทรัพย์ จอมพลถนอม กิตติขจร ๔๗๐ ล้านบาทในปี ๒๕๑๖แต่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดทรัพย์ ๔๖,๐๐๐ บาทแม้ตัวเงินไม่ได้หรือสามารถวัด “ดีกรีกิเลสความโลภ ความชั่วได้แต่พฤติกรรม “โกงเงินเท่ากัน”ข้อคิด “กรรมมีจริง บาปมีจริง :Vachara Riddhagni ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘บ้านเพื่อคนไทย’บนที่ดินรถไฟ อสังหาฯจากพ่อสู่ลูก

    1 ใน 5 นโยบายที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประกาศว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568 คือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย (Public Housing) คอนโดมิเนียมและเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ให้สิทธิคนไทยที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน ผ่อนเริ่มต้นที่ 4,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 30 ปี มีห้องน้ำ ไฟฟ้า สาธารณูปโภค ระบบรักษาความปลอดภัย ถ้าจ่ายครบยอดได้สิทธิ์ถือครอง 99 ปี

    นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันการซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาทไม่มีแล้ว อยากให้นักศึกษาจบใหม่ (First Jobber) มีบ้านเป็นของตนเอง โดยจะใช้พื้นที่ของรัฐบาลที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ใกล้ตัวเมือง ใกล้รถไฟฟ้า ปีหน้าจะมีห้องตัวอย่างให้ดู มอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ทำงานร่วมกัน

    ด้านนายสุริยะ กล่าวว่า จะใช้ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในการก่อสร้าง โดยจะเปิดตัวบ้านตัวอย่างในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จากนั้นจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน เริ่มต้น 4 แห่ง ได้แก่ ย่านบางนา ธนบุรี เชียงราก และ จ.เชียงใหม่ ประมาณ 1,000 ยูนิต แต่หากจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นอาศัยต่อ ผู้จับจองต้องอาศัยแล้วอย่างน้อย 5 ปี

    ปัจจุบันการรถไฟฯ มีที่ดินเชิงพาณิชย์ (Non Core) ทั้งหมด 38,469 ไร่ ทำสัญญาแล้ว 12,233 สัญญา

    อย่างไรก็ตาม บ้านเพื่อคนไทย แตกต่างจากโครงการบ้านเอื้ออาทร สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา เมื่อปี 2547 ซึ่งรับผิดชอบโดยการเคหะแห่งชาติ เพราะเป็นการจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแถว และบ้านแฝดสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผ่อนชำระกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยมีเป้าหมายสร้างบ้านทั่วประเทศ 1 ล้านหลัง

    แม้ระยะแรกมีผู้สนใจจองบ้านล้นหลามต้องจับสลาก แต่ต่อมาขายไม่ออก หลายทำเลไกลปืนเที่ยง การคมนาคมลำบาก ต้องใช้รถยนต์หรือจักรยานยนต์ส่วนตัว บางโครงการผู้รับเหมาหยุดก่อสร้างไปดื้อๆ เช่น บ้านเอื้ออาทรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ถูกปล่อยทิ้งร้างกว่า 10 ปี ไม่นับรวมเปิดช่องให้ทุจริต หนึ่งในนั้นคือนายวัฒนา เมืองสุข รมว.พัฒนาสังคมฯ ถูกศาลสั่งจำคุก 99 ปี

    ถึงกระนั้น ลักษณะบ้านเพื่อคนไทยเป็นการเช่าระยะยาว สูงสุด 99 ปี บนที่ดินของรัฐซึ้งซื้อขายไม่ได้ ไม่มีโฉนดที่ดินหรือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด เมื่อเทียบกับบ้านเอื้ออาทร ที่หากผ่อนกับ ธอส. มาแล้ว 5 ปี สามารถทำเรื่องโอนให้เป็นของผู้ซื้อได้ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ คุณภาพชีวิตที่ต้องวัดดวงในระยะยาว เหมือนกับโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ประสบปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ

    #Newskit
    ‘บ้านเพื่อคนไทย’บนที่ดินรถไฟ อสังหาฯจากพ่อสู่ลูก 1 ใน 5 นโยบายที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประกาศว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568 คือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย (Public Housing) คอนโดมิเนียมและเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ให้สิทธิคนไทยที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน ผ่อนเริ่มต้นที่ 4,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 30 ปี มีห้องน้ำ ไฟฟ้า สาธารณูปโภค ระบบรักษาความปลอดภัย ถ้าจ่ายครบยอดได้สิทธิ์ถือครอง 99 ปี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันการซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาทไม่มีแล้ว อยากให้นักศึกษาจบใหม่ (First Jobber) มีบ้านเป็นของตนเอง โดยจะใช้พื้นที่ของรัฐบาลที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ใกล้ตัวเมือง ใกล้รถไฟฟ้า ปีหน้าจะมีห้องตัวอย่างให้ดู มอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ทำงานร่วมกัน ด้านนายสุริยะ กล่าวว่า จะใช้ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในการก่อสร้าง โดยจะเปิดตัวบ้านตัวอย่างในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จากนั้นจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน เริ่มต้น 4 แห่ง ได้แก่ ย่านบางนา ธนบุรี เชียงราก และ จ.เชียงใหม่ ประมาณ 1,000 ยูนิต แต่หากจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นอาศัยต่อ ผู้จับจองต้องอาศัยแล้วอย่างน้อย 5 ปี ปัจจุบันการรถไฟฯ มีที่ดินเชิงพาณิชย์ (Non Core) ทั้งหมด 38,469 ไร่ ทำสัญญาแล้ว 12,233 สัญญา อย่างไรก็ตาม บ้านเพื่อคนไทย แตกต่างจากโครงการบ้านเอื้ออาทร สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา เมื่อปี 2547 ซึ่งรับผิดชอบโดยการเคหะแห่งชาติ เพราะเป็นการจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแถว และบ้านแฝดสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผ่อนชำระกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยมีเป้าหมายสร้างบ้านทั่วประเทศ 1 ล้านหลัง แม้ระยะแรกมีผู้สนใจจองบ้านล้นหลามต้องจับสลาก แต่ต่อมาขายไม่ออก หลายทำเลไกลปืนเที่ยง การคมนาคมลำบาก ต้องใช้รถยนต์หรือจักรยานยนต์ส่วนตัว บางโครงการผู้รับเหมาหยุดก่อสร้างไปดื้อๆ เช่น บ้านเอื้ออาทรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ถูกปล่อยทิ้งร้างกว่า 10 ปี ไม่นับรวมเปิดช่องให้ทุจริต หนึ่งในนั้นคือนายวัฒนา เมืองสุข รมว.พัฒนาสังคมฯ ถูกศาลสั่งจำคุก 99 ปี ถึงกระนั้น ลักษณะบ้านเพื่อคนไทยเป็นการเช่าระยะยาว สูงสุด 99 ปี บนที่ดินของรัฐซึ้งซื้อขายไม่ได้ ไม่มีโฉนดที่ดินหรือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด เมื่อเทียบกับบ้านเอื้ออาทร ที่หากผ่อนกับ ธอส. มาแล้ว 5 ปี สามารถทำเรื่องโอนให้เป็นของผู้ซื้อได้ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ คุณภาพชีวิตที่ต้องวัดดวงในระยะยาว เหมือนกับโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ประสบปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 457 มุมมอง 0 รีวิว
  • ได้ฤกษ์ กทม.จ่ายหนี้ค้างชำระ 3 รัฐวิสาหกิจ ปรับรูปแบบโครงการก่อสร้าง “นำสายสาธารณูปโภคลงดิน” รอบเกาะรัตนโกสินทร์ วงเงินเกือบ 250 ล้าน หลังปรับปรุงเสร็จมามากกว่า 10 ปี ตามคำแนะนำบอร์ดเกาะรัตนโกสินทร์-กรมศิลป์ ยุคก่อน ให้เจาะอุโมงค์แนวต่ำกว่าแหล่งโบราณคดี ก่อนลอดใต้ผิวดินลึกเกินกว่า 3 เมตร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อแหล่งโบราณคดี

    วันนี้ (12 ธ.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการนำสายสาธารณูปโภคลงดิน รอบเกาะรัตนโกสินทร์ในพื้นที่ราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินใน ถนนท้ายวัง ถนนเชตุพน และถนนมหาราช ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549

    ที่ผ่านมา ผู้รับจ้างทั้ง การไฟฟ้านครหลวง บริษัท ทีโอที จํากัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จํากัด (มหาชน) ได้ดําเนินการนําสายสาธารณูปโภคลงดินรอบเกาะรัตนโกสินทร์ในพื้นที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

    และได้ส่งมอบงานงวดสุดท้าย และคณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับสภาพงานไว้เรียบร้อยแล้ว ระยะเวลาดําเนินการ 540 วัน สิ้นสุดสัญญาวันที่ 13 มิถุนายน 2556 แต่ไม่ขอรับเบิกเงิน

    หลังจาก กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้แจ้งให้ดําเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนําสายสาธารณูปโภคลงดิน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000119463

    #MGROnline #สายสาธารณูปโภคลงดิน #รอบเกาะรัตนโกสินทร์
    ได้ฤกษ์ กทม.จ่ายหนี้ค้างชำระ 3 รัฐวิสาหกิจ ปรับรูปแบบโครงการก่อสร้าง “นำสายสาธารณูปโภคลงดิน” รอบเกาะรัตนโกสินทร์ วงเงินเกือบ 250 ล้าน หลังปรับปรุงเสร็จมามากกว่า 10 ปี ตามคำแนะนำบอร์ดเกาะรัตนโกสินทร์-กรมศิลป์ ยุคก่อน ให้เจาะอุโมงค์แนวต่ำกว่าแหล่งโบราณคดี ก่อนลอดใต้ผิวดินลึกเกินกว่า 3 เมตร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อแหล่งโบราณคดี • วันนี้ (12 ธ.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการนำสายสาธารณูปโภคลงดิน รอบเกาะรัตนโกสินทร์ในพื้นที่ราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินใน ถนนท้ายวัง ถนนเชตุพน และถนนมหาราช ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 • ที่ผ่านมา ผู้รับจ้างทั้ง การไฟฟ้านครหลวง บริษัท ทีโอที จํากัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จํากัด (มหาชน) ได้ดําเนินการนําสายสาธารณูปโภคลงดินรอบเกาะรัตนโกสินทร์ในพื้นที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว • และได้ส่งมอบงานงวดสุดท้าย และคณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับสภาพงานไว้เรียบร้อยแล้ว ระยะเวลาดําเนินการ 540 วัน สิ้นสุดสัญญาวันที่ 13 มิถุนายน 2556 แต่ไม่ขอรับเบิกเงิน • หลังจาก กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้แจ้งให้ดําเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนําสายสาธารณูปโภคลงดิน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000119463 • #MGROnline #สายสาธารณูปโภคลงดิน #รอบเกาะรัตนโกสินทร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • กทม.เตรียมจ้างศึกษา TOR เดินหน้าเปิด PPP สัมทานสายสีเขียวหลังบีทีเอส หมดสัญญาปี 72 “วิศณุ”เผยรัฐซื้อคืนสัมปทานไม่กระทบ กทม.ศึกษาเพื่อเป็นทางเลือกสรุปรายละเอียด ไม่เกินก.ย. 68 สุดท้ายเสนอสคร.และครม.ตัดสินใจ

    นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ความคืบหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ปัจจุบันอยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำร่างเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR) ให้เป็นไปตามแนวของพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 (พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ) วงเงินค้างจ้าง 28 ล้านบาท ซึ่ง ได้รับจากข้อบัญญัติงบประมาณปี 2568 มีระยะเวลาศึกษาประมาณ 8 เดือน

    ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายที่ซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า จะมีผลกระทบต่อการศึกษา PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่ นายวิศณุกล่าวว่า ไม่มีผลกระทบ เนื่องจากในการศึกษา PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถือเป็นทางเลือกในการดำเนินโครงการ และจะเป็นข้อมูลหนึ่งที่จะเข้ามาประกอบกับนโยบายรัฐบาลได้ และมองว่า ไม่มีผลกระทบหากมีการเปิดประมูล PPP สายสีเขียวในอนาคต เนื่องจากก่อนดำเนินการ กทม. จะต้องเสนอประเด็นนี้ให้กระทรวงมหาดไทยและ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) รับทราบ ซึ่งจะต้องมีการหารือกระทรวงคมนาคมด้วย ตอนนั้นก็อยู่ที่นโยบาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000118580

    #MGROnline #บีทีเอส #ซื้อคืนสัมปทาน
    กทม.เตรียมจ้างศึกษา TOR เดินหน้าเปิด PPP สัมทานสายสีเขียวหลังบีทีเอส หมดสัญญาปี 72 “วิศณุ”เผยรัฐซื้อคืนสัมปทานไม่กระทบ กทม.ศึกษาเพื่อเป็นทางเลือกสรุปรายละเอียด ไม่เกินก.ย. 68 สุดท้ายเสนอสคร.และครม.ตัดสินใจ • นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ความคืบหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ปัจจุบันอยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำร่างเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR) ให้เป็นไปตามแนวของพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 (พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ) วงเงินค้างจ้าง 28 ล้านบาท ซึ่ง ได้รับจากข้อบัญญัติงบประมาณปี 2568 มีระยะเวลาศึกษาประมาณ 8 เดือน ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายที่ซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า จะมีผลกระทบต่อการศึกษา PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่ นายวิศณุกล่าวว่า ไม่มีผลกระทบ เนื่องจากในการศึกษา PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถือเป็นทางเลือกในการดำเนินโครงการ และจะเป็นข้อมูลหนึ่งที่จะเข้ามาประกอบกับนโยบายรัฐบาลได้ และมองว่า ไม่มีผลกระทบหากมีการเปิดประมูล PPP สายสีเขียวในอนาคต เนื่องจากก่อนดำเนินการ กทม. จะต้องเสนอประเด็นนี้ให้กระทรวงมหาดไทยและ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) รับทราบ ซึ่งจะต้องมีการหารือกระทรวงคมนาคมด้วย ตอนนั้นก็อยู่ที่นโยบาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000118580 • #MGROnline #บีทีเอส #ซื้อคืนสัมปทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คมนาคม” เร่งอัพเกรดสนามบินภูมิภาค ชูศักยภาพหนุน ”ฮับ” การบิน.จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค (Aviation Hub) โดยมุ่งเน้นไปที่ สนามบินหลักอย่าง ”สุวรรณภูมิ และ ภูเก็ต” ส่วนสนามบินภูมิภาคที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ดูแล ฝ่ายนโยบายกลับไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ทั้งที่สนามบินหลายแห่งมีความสำคัญในการรองรับการเดินทางภายในประเทศและช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และสนับสนุนให้ไทยก้าวสู่ Aviation Hub ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งหลังจากที่ ”สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯและรมว.คมนาคม โดยมอบหมายให้ “มนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคมกำกับดูแล กรมท่าอากาศยาน การพัฒนาปรับปรุงสนามบินภูมิภาค มีความชัดเจนอย่างมาก.@แก้ด่วน ”ความสะอาด จัดระเบียบพื้นที่” ยกเครื่องบริการนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้มีการลงพื้นที่สนามบินเพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานแห่งแรก คือ สนามบินกระบี่ เพราะเป็นสนามบินที่ถือว่า มีผู้โดยสารและเที่ยวบิน และมีรายได้สูงสุดของทย. จากนั้นได้ไปตรวจเยี่ยมสนามบินอุดรธานีและสนามบินพิษณุโลก.ปัญหาที่พบเป็นเรื่องการให้บริการ เช่น ความสะอาดต่างๆ ห้องน้ำ พื้นที่ร้านค้าไม่เป็นระเบียบ พื้นที่บริการผู้โดยสารเก้าอี้พักคอย ที่จอดรถไม่เพียงพอ มีสภาพทรุดโทรม รวมไปถึงระบบขนส่งเชื่อมต่อจากสนามบินไปในเมืองและแหล่งท่องเที่ยว และการให้บริการของพนักงาน หลังตรวจสนามบินกระบี่ได้มีข้อสั่งการให้แก้ไขเร่งด่วน ได้แก่.1. จัดให้มีจุดเช็คอิน เพิ่มประสิทธิภาพตรวจค้นสัมภาระ ปรับรุงและเพิ่มเติมป้ายบอกทาง เร่งรัดเปิดบริการสะพานเทียบเครื่องบิน. 2. จัดระเบียบพื้นที่ภายในอาคารและการจัดหารายได้เพิ่มเติม พื้นที่เช่าเคาเตอร์รถเช่า และร้านค้าขายของ เป็นต้น.3. ปรับปรุงให้ท่าอากาศยานมีชีวิต เช่น การจัดพื้นที่สีเขียว การเปิดเพลงเพื่อเพิ่มบรรยากกาศในแต่ละเทศกาล จัดพื้นที่เช็คอิน.4. รักษาความสะอาด เช่น ห้องน้ำ กระจก ลิฟต์ และพื้นที่ให้บริการต่างๆ.5. เร่งรัดงานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารในประเทศ และเตรียมเปิดให้บริการ.อ่านเพิ่มเติม>>https://mgronline.com/business/detail/9670000118025.#คมนาคม #อัพเกรด #สนามบินภูมิภาค #กรมท่าอากาศยาน
    “คมนาคม” เร่งอัพเกรดสนามบินภูมิภาค ชูศักยภาพหนุน ”ฮับ” การบิน.จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค (Aviation Hub) โดยมุ่งเน้นไปที่ สนามบินหลักอย่าง ”สุวรรณภูมิ และ ภูเก็ต” ส่วนสนามบินภูมิภาคที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ดูแล ฝ่ายนโยบายกลับไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ทั้งที่สนามบินหลายแห่งมีความสำคัญในการรองรับการเดินทางภายในประเทศและช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และสนับสนุนให้ไทยก้าวสู่ Aviation Hub ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งหลังจากที่ ”สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯและรมว.คมนาคม โดยมอบหมายให้ “มนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคมกำกับดูแล กรมท่าอากาศยาน การพัฒนาปรับปรุงสนามบินภูมิภาค มีความชัดเจนอย่างมาก.@แก้ด่วน ”ความสะอาด จัดระเบียบพื้นที่” ยกเครื่องบริการนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้มีการลงพื้นที่สนามบินเพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานแห่งแรก คือ สนามบินกระบี่ เพราะเป็นสนามบินที่ถือว่า มีผู้โดยสารและเที่ยวบิน และมีรายได้สูงสุดของทย. จากนั้นได้ไปตรวจเยี่ยมสนามบินอุดรธานีและสนามบินพิษณุโลก.ปัญหาที่พบเป็นเรื่องการให้บริการ เช่น ความสะอาดต่างๆ ห้องน้ำ พื้นที่ร้านค้าไม่เป็นระเบียบ พื้นที่บริการผู้โดยสารเก้าอี้พักคอย ที่จอดรถไม่เพียงพอ มีสภาพทรุดโทรม รวมไปถึงระบบขนส่งเชื่อมต่อจากสนามบินไปในเมืองและแหล่งท่องเที่ยว และการให้บริการของพนักงาน หลังตรวจสนามบินกระบี่ได้มีข้อสั่งการให้แก้ไขเร่งด่วน ได้แก่.1. จัดให้มีจุดเช็คอิน เพิ่มประสิทธิภาพตรวจค้นสัมภาระ ปรับรุงและเพิ่มเติมป้ายบอกทาง เร่งรัดเปิดบริการสะพานเทียบเครื่องบิน. 2. จัดระเบียบพื้นที่ภายในอาคารและการจัดหารายได้เพิ่มเติม พื้นที่เช่าเคาเตอร์รถเช่า และร้านค้าขายของ เป็นต้น.3. ปรับปรุงให้ท่าอากาศยานมีชีวิต เช่น การจัดพื้นที่สีเขียว การเปิดเพลงเพื่อเพิ่มบรรยากกาศในแต่ละเทศกาล จัดพื้นที่เช็คอิน.4. รักษาความสะอาด เช่น ห้องน้ำ กระจก ลิฟต์ และพื้นที่ให้บริการต่างๆ.5. เร่งรัดงานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารในประเทศ และเตรียมเปิดให้บริการ.อ่านเพิ่มเติม>>https://mgronline.com/business/detail/9670000118025.#คมนาคม #อัพเกรด #สนามบินภูมิภาค #กรมท่าอากาศยาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นกาญจนาฯ เตรียมอัมพาต สร้างมอเตอร์เวย์ M9

    โซนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้านตะวันตก ประสบปัญหาการจราจรติดขัดเนื่องจากการก่อสร้างมายาวนาน ตั้งแต่โครงการทางยกระดับถนนพระรามที่ 2 โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ โครงการขยายถนนชัยพฤกษ์ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 บางใหญ่-กาญจนบุรี กระทบกับทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ส่วนถนนกาญจนาภิเษก ปรับปรุงผิวทางเป็นคอนกรีตช่วงบางขุนเทียน-บางแค ตั้งแต่ปี 2563 ยังไม่แล้วเสร็จเพราะแก้ไขแบบเพิ่มเติม

    มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 ธ.ค. เห็นชอบให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง (M9) ตามหลักการที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนได้ให้ความเห็นชอบแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันตก และเชื่อมต่อโครงข่ายทางหลวงพิเศษรอบกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะก่อสร้างในปี 2568 แล้วเสร็จในปี 2571

    จุดเริ่มต้นบริเวณทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน กทม. จุดสิ้นสุดบริเวณจุดตัดทางแยกต่างระดับบางบัวทอง จ.นนทบุรี ระยะทาง 35.85 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร มีทางขึ้น 8 จุด ทางลง 6 จุด ทางแยกต่างระดับ 5 แห่ง เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP NET Cost (ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ) กรอบวงเงินร่วมลงทุน 47,521.04 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4,253.30 ล้านบาท มีการเวนคืนที่ดิน 3 จุด รวม 33 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา

    ส่วนการเก็บค่าผ่านทาง ใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) คิดค่าผ่านทางรถยนต์ 4 ล้อ คิด 10 บาท + 1.50 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์ 6 ล้อ คิด 15 บาท + 2.40 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์มากกว่า 6 ล้อ คิด 25 บาท + 3.45 บาทต่อกิโลเมตร โดยเอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าผ่านทาง ปรับขึ้นค่าผ่านทางทุก 5 ปี ระยะเวลาโครงการรวม 34 ปี แบ่งเป็นก่อสร้าง 4 ปี ดำเนินงานและบำรุงรักษา 30 ปี

    ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากเริ่มต้นก่อสร้างก็คือ ถนนกาญจนาภิเษกตั้งแต่บางขุนเทียนถึงบางบัวทอง โดยเฉพาะทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน ทางแยกต่างระดับฉิมพลี และทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นคอขวดอาจติดขัด บางวันถึงขั้นเป็นอัมพาต หากบริหารจัดการจราจรไม่ดี ส่วนถนนราชพฤกษ์ต้องแบกรับการจราจรมากขึ้น และอุบัติเหตุจากการก่อสร้างที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เฉกเช่นถนนพระรามที่ 2 อาจซ้ำรอยเกิดขึ้นกับถนนกาญจนาภิเษก โดยที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบอย่างกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคม ทำได้แค่ วัวหายแล้วล้อมคอก

    #Newskit
    เส้นกาญจนาฯ เตรียมอัมพาต สร้างมอเตอร์เวย์ M9 โซนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้านตะวันตก ประสบปัญหาการจราจรติดขัดเนื่องจากการก่อสร้างมายาวนาน ตั้งแต่โครงการทางยกระดับถนนพระรามที่ 2 โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ โครงการขยายถนนชัยพฤกษ์ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 บางใหญ่-กาญจนบุรี กระทบกับทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ส่วนถนนกาญจนาภิเษก ปรับปรุงผิวทางเป็นคอนกรีตช่วงบางขุนเทียน-บางแค ตั้งแต่ปี 2563 ยังไม่แล้วเสร็จเพราะแก้ไขแบบเพิ่มเติม มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 ธ.ค. เห็นชอบให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง (M9) ตามหลักการที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนได้ให้ความเห็นชอบแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันตก และเชื่อมต่อโครงข่ายทางหลวงพิเศษรอบกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะก่อสร้างในปี 2568 แล้วเสร็จในปี 2571 จุดเริ่มต้นบริเวณทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน กทม. จุดสิ้นสุดบริเวณจุดตัดทางแยกต่างระดับบางบัวทอง จ.นนทบุรี ระยะทาง 35.85 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร มีทางขึ้น 8 จุด ทางลง 6 จุด ทางแยกต่างระดับ 5 แห่ง เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP NET Cost (ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ) กรอบวงเงินร่วมลงทุน 47,521.04 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4,253.30 ล้านบาท มีการเวนคืนที่ดิน 3 จุด รวม 33 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา ส่วนการเก็บค่าผ่านทาง ใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) คิดค่าผ่านทางรถยนต์ 4 ล้อ คิด 10 บาท + 1.50 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์ 6 ล้อ คิด 15 บาท + 2.40 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์มากกว่า 6 ล้อ คิด 25 บาท + 3.45 บาทต่อกิโลเมตร โดยเอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าผ่านทาง ปรับขึ้นค่าผ่านทางทุก 5 ปี ระยะเวลาโครงการรวม 34 ปี แบ่งเป็นก่อสร้าง 4 ปี ดำเนินงานและบำรุงรักษา 30 ปี ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากเริ่มต้นก่อสร้างก็คือ ถนนกาญจนาภิเษกตั้งแต่บางขุนเทียนถึงบางบัวทอง โดยเฉพาะทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน ทางแยกต่างระดับฉิมพลี และทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นคอขวดอาจติดขัด บางวันถึงขั้นเป็นอัมพาต หากบริหารจัดการจราจรไม่ดี ส่วนถนนราชพฤกษ์ต้องแบกรับการจราจรมากขึ้น และอุบัติเหตุจากการก่อสร้างที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เฉกเช่นถนนพระรามที่ 2 อาจซ้ำรอยเกิดขึ้นกับถนนกาญจนาภิเษก โดยที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบอย่างกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคม ทำได้แค่ วัวหายแล้วล้อมคอก #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกิดเรื่องอื้อฉาวในรัฐบาลอังกฤษเมื่อ หลุยส์ ไฮห์ (Louise Haigh) รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ต้องยอมลาออกจากตำแหน่ง หลังจากยอมรับว่า "แจ้งความเท็จ" เกี่ยวกับคดีโทรศัพท์เมื่อปี 2013 (พ.ศ.2556)

    แหล่งข่าวแจ้งว่า เธอแจ้งความเท็จกับตำรวจว่าโทรศัพท์ของที่ทำงานที่เธอใช้อยู่ถูกปล้นไป เพียงแค่ต้องการได้โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ทันสมัยกว่า ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่กำลังแจกให้กับเพื่อนร่วมงาน

    ต่อมาไฮห์กล่าวในจดหมายว่า ในปี 2013 เธออ้างว่าเธอถูกปล้นทรัพย์ในลอนดอน และได้แจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวกับตำรวจเกี่ยวกับรายการทรัพย์สินที่หายไปซึ่งรวมถึงโทรศัพท์ที่เป็นของที่ทำงานด้วย แต่ในเวลาต่อมาเธอพบว่าโทรศัพท์ดังกล่าวยังอยู่ในบ้าน และเธอควรแจ้งให้เจ้านายทราบทันที แต่เธอไม่ได้ทำเช่นนั้น และการไม่แจ้งเรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาด

    เธออ้างว่าตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น และมันเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับเธอ ทำให้เธอจัดการปัญหาผิดพลาด และมันติดตัวเธอมาจนถึงปัจจุบัน

    คดีดำเนินมาจนถึงปี 2015 ไฮห์ยอมรับสารภาพในชั้นศาล ซึ่งผู้พิพากษามีคำสั่งให้ปลดเธอออกจากตำแหน่ง "รัฐมนตรีเงา" ในขณะนั้นทาง ซึ่งเธอเพิ่งได้เป็นสส.ในสมัยแรก

    ไฮห์เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเชฟฟิลด์ ฮีลีย์ตั้งแต่ปี 2015 และได้เป็นรัฐมนตรีเงาหลายกระทรวง ก่อนที่จะได้เป็นรัฐมนตรีคมนาคมตัวจริงเมื่อพรรคแรงงานชนะการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

    เธอเคยเป็นอดีตตำรวจพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาสาสมัครที่มีอำนาจจับกุมเต็มรูปแบบ และเคยรับราชการในกองบัญชาการตำรวจนครบาลจนถึงปี 2011

    นายกรัฐมนตรีเซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ ได้แต่งตั้ง "ไฮดี้ อเล็กซานเดอร์" เป็นรัฐมนตรีคมนาคมคนใหม่ต่อจากไฮห์ที่ลาออกเนื่องจากรับสารภาพผิดเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ
    เกิดเรื่องอื้อฉาวในรัฐบาลอังกฤษเมื่อ หลุยส์ ไฮห์ (Louise Haigh) รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ต้องยอมลาออกจากตำแหน่ง หลังจากยอมรับว่า "แจ้งความเท็จ" เกี่ยวกับคดีโทรศัพท์เมื่อปี 2013 (พ.ศ.2556) แหล่งข่าวแจ้งว่า เธอแจ้งความเท็จกับตำรวจว่าโทรศัพท์ของที่ทำงานที่เธอใช้อยู่ถูกปล้นไป เพียงแค่ต้องการได้โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ทันสมัยกว่า ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่กำลังแจกให้กับเพื่อนร่วมงาน ต่อมาไฮห์กล่าวในจดหมายว่า ในปี 2013 เธออ้างว่าเธอถูกปล้นทรัพย์ในลอนดอน และได้แจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวกับตำรวจเกี่ยวกับรายการทรัพย์สินที่หายไปซึ่งรวมถึงโทรศัพท์ที่เป็นของที่ทำงานด้วย แต่ในเวลาต่อมาเธอพบว่าโทรศัพท์ดังกล่าวยังอยู่ในบ้าน และเธอควรแจ้งให้เจ้านายทราบทันที แต่เธอไม่ได้ทำเช่นนั้น และการไม่แจ้งเรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาด เธออ้างว่าตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น และมันเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับเธอ ทำให้เธอจัดการปัญหาผิดพลาด และมันติดตัวเธอมาจนถึงปัจจุบัน คดีดำเนินมาจนถึงปี 2015 ไฮห์ยอมรับสารภาพในชั้นศาล ซึ่งผู้พิพากษามีคำสั่งให้ปลดเธอออกจากตำแหน่ง "รัฐมนตรีเงา" ในขณะนั้นทาง ซึ่งเธอเพิ่งได้เป็นสส.ในสมัยแรก ไฮห์เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเชฟฟิลด์ ฮีลีย์ตั้งแต่ปี 2015 และได้เป็นรัฐมนตรีเงาหลายกระทรวง ก่อนที่จะได้เป็นรัฐมนตรีคมนาคมตัวจริงเมื่อพรรคแรงงานชนะการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เธอเคยเป็นอดีตตำรวจพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาสาสมัครที่มีอำนาจจับกุมเต็มรูปแบบ และเคยรับราชการในกองบัญชาการตำรวจนครบาลจนถึงปี 2011 นายกรัฐมนตรีเซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ ได้แต่งตั้ง "ไฮดี้ อเล็กซานเดอร์" เป็นรัฐมนตรีคมนาคมคนใหม่ต่อจากไฮห์ที่ลาออกเนื่องจากรับสารภาพผิดเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สุริยะ" แบนผู้รับเหมา 2 ปี เซ่นคานถล่มพระราม 2(29/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #อุบัติเหตุถนนพระราม2 #ถนนเจ็ดชั่วโครต #คมนาคม
    "สุริยะ" แบนผู้รับเหมา 2 ปี เซ่นคานถล่มพระราม 2(29/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #อุบัติเหตุถนนพระราม2 #ถนนเจ็ดชั่วโครต #คมนาคม
    Like
    Sad
    Haha
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1216 มุมมอง 88 0 รีวิว
  • 099-999-9999 20 ล้าน 8 ปี รอวันขายออก

    การประมูลเลขหมายสวย ครั้งที่ 1/2567 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 ธ.ค. 2567 พบว่า กสทช.นำเลขหมายสวย (แต่ความหมายดีหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง) จำนวน 310 เลขหมายมาประมูลกัน ราคาเริ่มต้นสูงที่สุดในครั้งนี้ คือ 099-999-9999 เริ่มต้นที่ 20 ล้านบาท และ 088-888-8888 เริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท ทั้งสองอยู่ในกลุ่ม 9 ตัวเหมือนติดกัน

    ส่วนกลุ่มเลขหมายอื่นๆ ราคาเริ่มต้นแตกต่างกันไป ราคาเริ่มต้นต่ำที่สุดในครั้งนี้ ได้แก่ ชุด 3 ตัวเหมือนติดกับ 2 ตัวเหมือน 2 ชุด เริ่มต้นที่ 20,000 บาท มีทั้งหมด 6 เลขหมาย แต่คาดว่าน่าจะมีผู้สนใจเคาะราคาไม่น้อย นอกนั้นราคาเริ่มต้นที่ 50,000 บาท (099-988-9999) ถึง 4.5 ล้านบาท ตามลักษณะของเลขหมายแตกต่างกันไป โดยสามารถลงทะเบียนล่วงหน้า ดูรายการเลขหมายสวยที่นำมาประมูลได้ที่เว็บไซต์ https://auction.nbtc.go.th

    แนวคิดการจัดประมูลเลขหมายสวยของสำนักงาน กสทช. เกิดขึ้นเมื่อปี 2555 โดยนำเลขหมายที่ได้จัดสรรเลขสวยเก็บไว้ เพื่อนำมาเปิดประมูล เพราะหากนำไปจัดสรรให้เอกชนแล้วนำไปจำหน่าย หรือเปิดประมูลในราคาที่สูง กสทช.จะเสียประโยชน์และผู้บริโภคใช้เลขหมายแพงเกินความจำเป็น โดยการประมูลมีลักษณะเดียวกับการเปิดประมูลทะเบียนรถยนต์ ของกรมการขนส่งทางบก แม้ช่วงแรกค่ายมือถือจะคัดค้าน แต่สุดท้าย กสทช.ก็เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์ประมูล

    เริ่มต้นจัดประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2559 แม้จะสร้างรายได้ให้ กสทช.บ้าง แต่เลขหมาย 088-888-8888 และ 099-999-9999 กำหนดราคาเริ่มต้นการประมูลที่ 20 ล้านบาท กลับถูกเมินจากผู้เข้าร่วมประมูลมานานถึง 8 ปี แม้จะเคยมีค่ายมือถือแห่งหนึ่งประกาศว่า ใครประมูลเลขหมาย 099-999-9999 จะสมนาคุณแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัดความเร็ว ไม่ลดสปีด ฟรีนาน 18 เดือน พร้อมรับสิทธิ์ลูกค้าระดับบน แก่ผู้ที่ประมูลเลขหมายดังกล่าว แต่ก็ยังไม่มีผู้สนใจใดๆ

    เบอร์ที่ได้รับความนิยมในการประมูลที่ผ่านมา พบว่าเป็นกลุ่ม 8 ตัวเหมือนกัน (0XY-YYY-YYYY) ส่วนกลุ่มที่ต้องการเลขหมายสวยในราคาไม่แพง พบว่ากลุ่ม 3 ตัวเหมือนติดกันสามชุด หรือเบอร์ 3 ตอง (0XX-XYY-YZZZ) ได้รับความนิยมเช่นกัน มาคราวนี้เลขหมาย 088-888-8888 เหลือ 10 ล้านบาท ส่วนเลขหมาย 099-999-9999 ยังคงตั้งราคาเริ่มต้นที่ 20 ล้านบาทเหมือนเดิม

    สำหรับการจัดประมูลเริ่มตั้งแต่เวลา 08.08 น. ที่สำนักงาน กสทช.อาคารหอประชุม ห้องประชุมสายลม 5021 ชั้น 2 ซอยสายลม พหลโยธิน 8 กทม. รายได้จากการประมูลนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน

    #Newskit
    099-999-9999 20 ล้าน 8 ปี รอวันขายออก การประมูลเลขหมายสวย ครั้งที่ 1/2567 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 ธ.ค. 2567 พบว่า กสทช.นำเลขหมายสวย (แต่ความหมายดีหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง) จำนวน 310 เลขหมายมาประมูลกัน ราคาเริ่มต้นสูงที่สุดในครั้งนี้ คือ 099-999-9999 เริ่มต้นที่ 20 ล้านบาท และ 088-888-8888 เริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท ทั้งสองอยู่ในกลุ่ม 9 ตัวเหมือนติดกัน ส่วนกลุ่มเลขหมายอื่นๆ ราคาเริ่มต้นแตกต่างกันไป ราคาเริ่มต้นต่ำที่สุดในครั้งนี้ ได้แก่ ชุด 3 ตัวเหมือนติดกับ 2 ตัวเหมือน 2 ชุด เริ่มต้นที่ 20,000 บาท มีทั้งหมด 6 เลขหมาย แต่คาดว่าน่าจะมีผู้สนใจเคาะราคาไม่น้อย นอกนั้นราคาเริ่มต้นที่ 50,000 บาท (099-988-9999) ถึง 4.5 ล้านบาท ตามลักษณะของเลขหมายแตกต่างกันไป โดยสามารถลงทะเบียนล่วงหน้า ดูรายการเลขหมายสวยที่นำมาประมูลได้ที่เว็บไซต์ https://auction.nbtc.go.th แนวคิดการจัดประมูลเลขหมายสวยของสำนักงาน กสทช. เกิดขึ้นเมื่อปี 2555 โดยนำเลขหมายที่ได้จัดสรรเลขสวยเก็บไว้ เพื่อนำมาเปิดประมูล เพราะหากนำไปจัดสรรให้เอกชนแล้วนำไปจำหน่าย หรือเปิดประมูลในราคาที่สูง กสทช.จะเสียประโยชน์และผู้บริโภคใช้เลขหมายแพงเกินความจำเป็น โดยการประมูลมีลักษณะเดียวกับการเปิดประมูลทะเบียนรถยนต์ ของกรมการขนส่งทางบก แม้ช่วงแรกค่ายมือถือจะคัดค้าน แต่สุดท้าย กสทช.ก็เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์ประมูล เริ่มต้นจัดประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2559 แม้จะสร้างรายได้ให้ กสทช.บ้าง แต่เลขหมาย 088-888-8888 และ 099-999-9999 กำหนดราคาเริ่มต้นการประมูลที่ 20 ล้านบาท กลับถูกเมินจากผู้เข้าร่วมประมูลมานานถึง 8 ปี แม้จะเคยมีค่ายมือถือแห่งหนึ่งประกาศว่า ใครประมูลเลขหมาย 099-999-9999 จะสมนาคุณแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัดความเร็ว ไม่ลดสปีด ฟรีนาน 18 เดือน พร้อมรับสิทธิ์ลูกค้าระดับบน แก่ผู้ที่ประมูลเลขหมายดังกล่าว แต่ก็ยังไม่มีผู้สนใจใดๆ เบอร์ที่ได้รับความนิยมในการประมูลที่ผ่านมา พบว่าเป็นกลุ่ม 8 ตัวเหมือนกัน (0XY-YYY-YYYY) ส่วนกลุ่มที่ต้องการเลขหมายสวยในราคาไม่แพง พบว่ากลุ่ม 3 ตัวเหมือนติดกันสามชุด หรือเบอร์ 3 ตอง (0XX-XYY-YZZZ) ได้รับความนิยมเช่นกัน มาคราวนี้เลขหมาย 088-888-8888 เหลือ 10 ล้านบาท ส่วนเลขหมาย 099-999-9999 ยังคงตั้งราคาเริ่มต้นที่ 20 ล้านบาทเหมือนเดิม สำหรับการจัดประมูลเริ่มตั้งแต่เวลา 08.08 น. ที่สำนักงาน กสทช.อาคารหอประชุม ห้องประชุมสายลม 5021 ชั้น 2 ซอยสายลม พหลโยธิน 8 กทม. รายได้จากการประมูลนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • นราธิวาส - สถานการณ์อุทุกภัยยังหนัก กระทบทั้ง 13 อำเภอ น้ำยังท่วมและเอ่อล้นตลิ่งต่อเนื่อง ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง

    วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทุกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ล่าสุด มีพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างแล้วทั้ง 13 อำเภอ รวมจำนวน 76 ตำบล 511 หมู่บ้าน 38 ชุมชน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535 คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง ขณะที่เส้นทางคมนาคมเส้นทางรถไฟประกาศหยุดให้บริการเดินรถชั่วคราว

    ทั้งนี้ ยังมีปริมาณฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีน้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ทำให้หลายพื้นที่ต้องอพยพประชาชนไปอยู่ที่ปลอดภัยโดยเฉพาะในพื้นที่ ต.บาโงสโต ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่เร่งช่วยประชาชนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีระดับน้ำสูงและไหลแรง ต้องนำผู้สูงอายุและเด็กออกจากพื้นที่ก่อน

    ส่วนในพื้นที่ที่ติดแนวทะเล บ้านปูลากาปะ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง มีน้ำทะเลหนุน ทำให้น้ำในแม่น้ำบางนราสูงขึ้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนตามแนวห่างจากริมคลองกว่า 300 เมตร โดยระดับน้ำสูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่เข้าท่วม

    อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่เขตเมืองนราธิวาส มีการแจ้งเตือนผ่านโซเชียลตลอดถึงระดับน้ำที่อาจจะท่วม โดยขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อม เพราะหลาบพื้นที่เพิ่งจะเคยประสบสถานการณ์อุทกภัยครั้งแรก

    #MGROnline #น้ำป่าไหลหลาก #นราธิวาส
    นราธิวาส - สถานการณ์อุทุกภัยยังหนัก กระทบทั้ง 13 อำเภอ น้ำยังท่วมและเอ่อล้นตลิ่งต่อเนื่อง ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง • วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทุกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ล่าสุด มีพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างแล้วทั้ง 13 อำเภอ รวมจำนวน 76 ตำบล 511 หมู่บ้าน 38 ชุมชน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535 คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง ขณะที่เส้นทางคมนาคมเส้นทางรถไฟประกาศหยุดให้บริการเดินรถชั่วคราว • ทั้งนี้ ยังมีปริมาณฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีน้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ทำให้หลายพื้นที่ต้องอพยพประชาชนไปอยู่ที่ปลอดภัยโดยเฉพาะในพื้นที่ ต.บาโงสโต ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่เร่งช่วยประชาชนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีระดับน้ำสูงและไหลแรง ต้องนำผู้สูงอายุและเด็กออกจากพื้นที่ก่อน • ส่วนในพื้นที่ที่ติดแนวทะเล บ้านปูลากาปะ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง มีน้ำทะเลหนุน ทำให้น้ำในแม่น้ำบางนราสูงขึ้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนตามแนวห่างจากริมคลองกว่า 300 เมตร โดยระดับน้ำสูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่เข้าท่วม • อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่เขตเมืองนราธิวาส มีการแจ้งเตือนผ่านโซเชียลตลอดถึงระดับน้ำที่อาจจะท่วม โดยขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อม เพราะหลาบพื้นที่เพิ่งจะเคยประสบสถานการณ์อุทกภัยครั้งแรก • #MGROnline #น้ำป่าไหลหลาก #นราธิวาส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คมนาคม”ลุ้นครม.โค้งสุดท้ายปลายปี ธ.ค. 67 นี้ ดัน 4 โปรเจ็กต์ 1.09 แสนล้านบาท จ่อคิวอนุมัติลงทุน”มอเตอร์เวย์”บางขุนเทียน-บางบัวทอง, ต่อขยายโทลล์เวย์,สีแดง มธ.รังสิต ส่วนต้นปี 68 ชงอีก 9 โครงการ”ทางด่วน -มอเตอร์เวย์-รถไฟทางคู่ -ไฮสปีดเฟส 2 “ต่อเนื่อง

    นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2567 ได้มีการติดตามโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคม ที่เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งขณะนี้มีโครงการที่ผ่านการพิจารณาความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างรอบรรจุวาระการประชุมครม. แล้ว จำนวน 5 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากครม.ภายในเดือนธ.ค. 2567

    ได้แก่ โครงการทางบก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) หรือ M9 ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กม. วงเงินลงทุน 56,035 ล้านบาท ใช้รูปแบบการลงทุน PPP Net Cost ที่เอกชนลงทุนงานโยธาด้วยเป็นเส้นทางแรก

    โครงการโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ (M5) สายรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม.วงเงินลงทุน 31,358 ล้านบาท โดยจะดำเนินการในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยเอกชนลงทุนในส่วนก่อสร้างงานโยธาและงาน O&M ทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมได้เคยดึงเรื่องกลับมาเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการและรูปแบบการลงทุนที่มีความเหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน เช่น ให้กรมทางหลวง (ทล.) ดำเนินการลงทุนก่อสร้างเองได้ แต่พบว่า รูปแบบ PPP Gross Cost เหมาะสมที่สุด จึงเสนอไปครม.อีกครั้ง

    #MGROnline #คมนาคม
    “คมนาคม”ลุ้นครม.โค้งสุดท้ายปลายปี ธ.ค. 67 นี้ ดัน 4 โปรเจ็กต์ 1.09 แสนล้านบาท จ่อคิวอนุมัติลงทุน”มอเตอร์เวย์”บางขุนเทียน-บางบัวทอง, ต่อขยายโทลล์เวย์,สีแดง มธ.รังสิต ส่วนต้นปี 68 ชงอีก 9 โครงการ”ทางด่วน -มอเตอร์เวย์-รถไฟทางคู่ -ไฮสปีดเฟส 2 “ต่อเนื่อง • นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2567 ได้มีการติดตามโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคม ที่เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งขณะนี้มีโครงการที่ผ่านการพิจารณาความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างรอบรรจุวาระการประชุมครม. แล้ว จำนวน 5 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากครม.ภายในเดือนธ.ค. 2567 • ได้แก่ โครงการทางบก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) หรือ M9 ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กม. วงเงินลงทุน 56,035 ล้านบาท ใช้รูปแบบการลงทุน PPP Net Cost ที่เอกชนลงทุนงานโยธาด้วยเป็นเส้นทางแรก • โครงการโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ (M5) สายรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม.วงเงินลงทุน 31,358 ล้านบาท โดยจะดำเนินการในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยเอกชนลงทุนในส่วนก่อสร้างงานโยธาและงาน O&M ทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมได้เคยดึงเรื่องกลับมาเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการและรูปแบบการลงทุนที่มีความเหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน เช่น ให้กรมทางหลวง (ทล.) ดำเนินการลงทุนก่อสร้างเองได้ แต่พบว่า รูปแบบ PPP Gross Cost เหมาะสมที่สุด จึงเสนอไปครม.อีกครั้ง • #MGROnline #คมนาคม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘Chancay’ท่าเรือยักษ์เปรู จีนตีท้ายครัวมะกัน
    .
    ก่อนการประชุมAPEC Peru2024 จะเริ่มต้นเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ร่วมกับประธานาธิบดีดินา เอร์ซิเลีย โบลัวร์เต ผู้นำเปรู ได้ทำพิธีเปิดท่าเรือชานไค (Chancay) ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ที่จะเปลี่ยนให้เปรูเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอเมริกาใต้ และทำให้อเมริกาหวั่นไหวมากถึงอิทธิพลของจีน ซึ่งขยายอิทธิพลมาประชิดหลังบ้านของอเมริกา
    .
    ท่าเรือชานไค ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงเปรู คือ กรุงลิมา ไปทางทิศเหนือราวๆ 80 กิโลเมตร มีมูลค่าลงทุนทั้งหมด 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 121,000 ล้านบาท เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท Cosco Shipping รัฐวิสาหกิจของจีน ถือหุ้น 60% และบริษัท Volcan บริษัทเหมืองแร่ของเปรู ถือหุ้นอยู่ 40% โครงการนี้เริ่มสร้างเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ปี 2562)
    .
    ท่าเรือนี้ช่วยลดระยะเวลาในการขนส่งจากอเมริกาใต้ไปยังเอเชีย เดิมใช้เวลา 30 วัน ให้เหลือแค่ 20 วัน เส้นทางเดินเรือจากเปรู ตรงไปยังนครเซี่ยงไฮ้ของจีน เป็นท่าเรือแห่งแรกทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของอเมริกาใต้ที่จะรองรับเรือขนาดใหญ่ 60 ฟุต ที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ได้ 24,000 ตู้ คาดว่าในอนาคตจะมีการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 100 ล้านตู้ต่อปี คาดว่าจะมีรายได้สูงถึงปีละ 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นตั้ง 1.8% ของ GDP ของประเทศเปรู และสามารถสร้างงานได้ถึง 8 พันกว่าตำแหน่ง
    .
    ทีนี้คำถามมีอยู่ว่า ทำไมอเมริกาถึงมีความหวั่นไหวมากกับท่าเรือชานไค สิ่งที่น่าสนใจคือ ท่าเรือชานไคไม่ใช่แค่ท่าเรือ แต่เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งแรกของจีนในลาตินอเมริกา เป็นฐานที่มั่นทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง ทำให้จีนสามารถควบคุมเส้นทางนำเข้า-ส่งออกในอเมริกาใต้ ในฝั่งแปซิฟิก จนอเมริกาถึงกับหวั่นไหวที่จีนได้ขยายอิทธิพลมายังลาตินอเมริกา ซึ่งเป็นหลังบ้านของอเมริกานั่นเอง
    .
    ประเด็น ณ วันนี้ จีนไม่เพียงสามารถเข้าสู่แหล่งทรัพยากรและแร่ธาตุต่างๆ ในลาตินอเมริกาเท่านั้น จีนยังสามารถจะควบคุมเส้นทางคมนาคม โลจิสติกส์ ได้ด้วย ลึกซึ้งไหม แล้วถ้าเราต่อภาพกับเส้นทางในยุโรปที่บริษัทจีนได้ถือหุ้นใหญ่ในท่าเรือไพรีอัสในประเทศกรีก ท่าเรือวาเลนเซียในสเปน รวมทั้งท่าเรือในเมืองฮัมบูร์ก เยอรมนี และเมืองร็อตเตอร์ดัม ในเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งท่าเรือในศรีลังกา กัมพูชา รถไฟความเร็วสูงในลาว จะเห็นว่ายุทธศาสตร์แถบเส้นทางของจีนได้ครอบคลุมการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ได้มากกว่าครึ่งโลก เพราะทั่วโลกจีนเข้าไปเป็นหุ้นส่วนของท่าเรือสำคัญนี้ ทั่วโลกแล้วกว่า 160 แห่ง ยิ่งเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ทอดทิ้งพันธมิตรชาติต่างๆ ด้วยแล้ว บทบาทของจีนในสวนหลังบ้านของอเมริกาอย่างลาตินอเมริกายิ่งมากขึ้น
    .
    อเมริกาทุกวันนี้หวังว่าจะใช้สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี ด้วยการขึ้นภาษี การแซงก์ชัน การกีดกันทางการค้าต่างๆ นานาเพื่อปิดล้อมจีน แต่เราต้องไม่ลืมมองด้วยว่า วันนี้แม้แต่หลังบ้านของตัวเอง ก็ยังถูกจีนปิดล้อมทั้งทางด้านทรัพยากรและเส้นทางคมนาคม และโลจิสติกส์ ไว้เกือบทั้งหมดด้วยแล้วครับ
    ‘Chancay’ท่าเรือยักษ์เปรู จีนตีท้ายครัวมะกัน . ก่อนการประชุมAPEC Peru2024 จะเริ่มต้นเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ร่วมกับประธานาธิบดีดินา เอร์ซิเลีย โบลัวร์เต ผู้นำเปรู ได้ทำพิธีเปิดท่าเรือชานไค (Chancay) ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ที่จะเปลี่ยนให้เปรูเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอเมริกาใต้ และทำให้อเมริกาหวั่นไหวมากถึงอิทธิพลของจีน ซึ่งขยายอิทธิพลมาประชิดหลังบ้านของอเมริกา . ท่าเรือชานไค ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงเปรู คือ กรุงลิมา ไปทางทิศเหนือราวๆ 80 กิโลเมตร มีมูลค่าลงทุนทั้งหมด 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 121,000 ล้านบาท เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท Cosco Shipping รัฐวิสาหกิจของจีน ถือหุ้น 60% และบริษัท Volcan บริษัทเหมืองแร่ของเปรู ถือหุ้นอยู่ 40% โครงการนี้เริ่มสร้างเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ปี 2562) . ท่าเรือนี้ช่วยลดระยะเวลาในการขนส่งจากอเมริกาใต้ไปยังเอเชีย เดิมใช้เวลา 30 วัน ให้เหลือแค่ 20 วัน เส้นทางเดินเรือจากเปรู ตรงไปยังนครเซี่ยงไฮ้ของจีน เป็นท่าเรือแห่งแรกทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของอเมริกาใต้ที่จะรองรับเรือขนาดใหญ่ 60 ฟุต ที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ได้ 24,000 ตู้ คาดว่าในอนาคตจะมีการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 100 ล้านตู้ต่อปี คาดว่าจะมีรายได้สูงถึงปีละ 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นตั้ง 1.8% ของ GDP ของประเทศเปรู และสามารถสร้างงานได้ถึง 8 พันกว่าตำแหน่ง . ทีนี้คำถามมีอยู่ว่า ทำไมอเมริกาถึงมีความหวั่นไหวมากกับท่าเรือชานไค สิ่งที่น่าสนใจคือ ท่าเรือชานไคไม่ใช่แค่ท่าเรือ แต่เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งแรกของจีนในลาตินอเมริกา เป็นฐานที่มั่นทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง ทำให้จีนสามารถควบคุมเส้นทางนำเข้า-ส่งออกในอเมริกาใต้ ในฝั่งแปซิฟิก จนอเมริกาถึงกับหวั่นไหวที่จีนได้ขยายอิทธิพลมายังลาตินอเมริกา ซึ่งเป็นหลังบ้านของอเมริกานั่นเอง . ประเด็น ณ วันนี้ จีนไม่เพียงสามารถเข้าสู่แหล่งทรัพยากรและแร่ธาตุต่างๆ ในลาตินอเมริกาเท่านั้น จีนยังสามารถจะควบคุมเส้นทางคมนาคม โลจิสติกส์ ได้ด้วย ลึกซึ้งไหม แล้วถ้าเราต่อภาพกับเส้นทางในยุโรปที่บริษัทจีนได้ถือหุ้นใหญ่ในท่าเรือไพรีอัสในประเทศกรีก ท่าเรือวาเลนเซียในสเปน รวมทั้งท่าเรือในเมืองฮัมบูร์ก เยอรมนี และเมืองร็อตเตอร์ดัม ในเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งท่าเรือในศรีลังกา กัมพูชา รถไฟความเร็วสูงในลาว จะเห็นว่ายุทธศาสตร์แถบเส้นทางของจีนได้ครอบคลุมการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ได้มากกว่าครึ่งโลก เพราะทั่วโลกจีนเข้าไปเป็นหุ้นส่วนของท่าเรือสำคัญนี้ ทั่วโลกแล้วกว่า 160 แห่ง ยิ่งเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ทอดทิ้งพันธมิตรชาติต่างๆ ด้วยแล้ว บทบาทของจีนในสวนหลังบ้านของอเมริกาอย่างลาตินอเมริกายิ่งมากขึ้น . อเมริกาทุกวันนี้หวังว่าจะใช้สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี ด้วยการขึ้นภาษี การแซงก์ชัน การกีดกันทางการค้าต่างๆ นานาเพื่อปิดล้อมจีน แต่เราต้องไม่ลืมมองด้วยว่า วันนี้แม้แต่หลังบ้านของตัวเอง ก็ยังถูกจีนปิดล้อมทั้งทางด้านทรัพยากรและเส้นทางคมนาคม และโลจิสติกส์ ไว้เกือบทั้งหมดด้วยแล้วครับ
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1041 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรณีสงฆ์อัลไพน์ถึงเขากระโดงในเกมการเมือง.การออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของรัฐมนตรีหลายคนที่เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดงในช่วงนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ .จู่ๆ หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไปลงนามข้อตกลงกับกัมพูชาหลายเรื่อง ในการนำผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไปประชุมกัมพูชานั้น ในข้อที่ 8 ของข้อตกลง มีข้อความชัดเจนว่ารัฐบาลของสองประเทศจะเร่งรัดคณะกรรมการปักปันเขตแดนเจรจาทำการปักปันเขตแดนกันต่อไปโดยเร็ว ข้อตกลงดังกล่าวจึงกระเทือนแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่างร้ายแรง .แผลลึกแผลนี้ยังไม่ทันสมาน ก็เกิดแผลสองขึ้น จู่ๆ กระทรวงมหาดไทยในอำนาจของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ แกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย มีคำสั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินมรดก "ยายเนื่อม" เสียทั้งสิ้น ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองทางกฎหมาย เป็นผลทำให้บรรดาผู้ที่ซื้อที่ดินและบ้านหลายร้อยราย รวมทั้งบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ ซึ่งเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ เป็นกรรมการมาก่อน ต้องอยู่ภายใต้การบังคับของกฎหมายที่ต้องฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งนี้เสียภายใน 90 วัน มิฉะนั้นแล้วจะถือว่าเป็นอันยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์ จะเป็นผลทำให้นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ต้องตกเก้าอี้และยังถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต.แผลใจแผลนี้นับว่าเจ็บมาก ดังนั้น ไม่ถึง 3 วันต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าคำพิพากษาคดีเขากระโดงของศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุดถือเป็นที่สุดแล้ว ผูกพันทุกส่วนราชการที่จะต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ให้เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยตามคำพิพากษานั้น เป็นการแถลงกระทบถึงใครที่กำลังสั่งการอธิบดีกรมที่ดินอย่างแน่นอน.พอ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงไม่ขาดคำ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทันที ว่าได้มีคำสั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการตามคำพิพากษา เข้าครอบครองที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นของการรถไฟฯ ตามคำพิพากษา.เมื่อสองรัฐมนตรีแถลงไปในแนวทางเดียวกัน ย่อมกระเทือนกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน ท่ามกลางเสียงเฮ และความทุเรศทุรังที่ประชาชนมีต่อกระทรวงมหาดไทย.วันถัดมา นายอนุทิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รีบออกมาแถลง แถว่าจะไม่มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์เขากระโดง หมายความว่าที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ที่รัชกาลที่ 5 พระราชทานแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการรถไฟ และรัชกาลที่ 6 ได้ตราพระราชกฤษฎีกามอบที่ดินนี้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ซ้ำเข้าไปอีก เป็นอันว่าใช้บังคับไม่ได้ ท่านผู้ชมว่ามันทุเรศไหม .มีประเด็นหนึ่งที่น่าสงสัย คือ ท่าทีขึงขังและแข็งกร้าวของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นการเล่นสงครามประสาททางการเมืองหรือเปล่า พุ่งเป้าไปที่พรรคภูมิใจไทยโดยตรง เนื่องจากเวลานี้พรรคภูมิใจไทยเอง อยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลที่ขี่คอพรรคเพื่อไทยอยู่ ยิ่งพรรคภูมิใจไทยใหญ่คับรัฐบาลมากเท่าไร พรรคเพื่อไทยก็ต้องตกที่นั่งลำบากเท่านั้น.ไม่ทราบว่าท่านรองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับทราบปัญหานี้หรือเปล่า เพราะคุณเองเป็นคนที่อยู่นอกวงการ แต่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ จุลจอมเกล้า นี่คุณกำลังตบหน้าพระราชกฤษฎีกาที่รัชกาลที่ 6 ออกมาประกาศว่าที่ดินนี้เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
    ธรณีสงฆ์อัลไพน์ถึงเขากระโดงในเกมการเมือง.การออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของรัฐมนตรีหลายคนที่เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดงในช่วงนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ .จู่ๆ หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไปลงนามข้อตกลงกับกัมพูชาหลายเรื่อง ในการนำผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไปประชุมกัมพูชานั้น ในข้อที่ 8 ของข้อตกลง มีข้อความชัดเจนว่ารัฐบาลของสองประเทศจะเร่งรัดคณะกรรมการปักปันเขตแดนเจรจาทำการปักปันเขตแดนกันต่อไปโดยเร็ว ข้อตกลงดังกล่าวจึงกระเทือนแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่างร้ายแรง .แผลลึกแผลนี้ยังไม่ทันสมาน ก็เกิดแผลสองขึ้น จู่ๆ กระทรวงมหาดไทยในอำนาจของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ แกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย มีคำสั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินมรดก "ยายเนื่อม" เสียทั้งสิ้น ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองทางกฎหมาย เป็นผลทำให้บรรดาผู้ที่ซื้อที่ดินและบ้านหลายร้อยราย รวมทั้งบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ ซึ่งเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ เป็นกรรมการมาก่อน ต้องอยู่ภายใต้การบังคับของกฎหมายที่ต้องฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งนี้เสียภายใน 90 วัน มิฉะนั้นแล้วจะถือว่าเป็นอันยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์ จะเป็นผลทำให้นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ต้องตกเก้าอี้และยังถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต.แผลใจแผลนี้นับว่าเจ็บมาก ดังนั้น ไม่ถึง 3 วันต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าคำพิพากษาคดีเขากระโดงของศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุดถือเป็นที่สุดแล้ว ผูกพันทุกส่วนราชการที่จะต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ให้เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยตามคำพิพากษานั้น เป็นการแถลงกระทบถึงใครที่กำลังสั่งการอธิบดีกรมที่ดินอย่างแน่นอน.พอ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงไม่ขาดคำ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทันที ว่าได้มีคำสั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการตามคำพิพากษา เข้าครอบครองที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นของการรถไฟฯ ตามคำพิพากษา.เมื่อสองรัฐมนตรีแถลงไปในแนวทางเดียวกัน ย่อมกระเทือนกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน ท่ามกลางเสียงเฮ และความทุเรศทุรังที่ประชาชนมีต่อกระทรวงมหาดไทย.วันถัดมา นายอนุทิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รีบออกมาแถลง แถว่าจะไม่มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์เขากระโดง หมายความว่าที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ที่รัชกาลที่ 5 พระราชทานแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการรถไฟ และรัชกาลที่ 6 ได้ตราพระราชกฤษฎีกามอบที่ดินนี้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ซ้ำเข้าไปอีก เป็นอันว่าใช้บังคับไม่ได้ ท่านผู้ชมว่ามันทุเรศไหม .มีประเด็นหนึ่งที่น่าสงสัย คือ ท่าทีขึงขังและแข็งกร้าวของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นการเล่นสงครามประสาททางการเมืองหรือเปล่า พุ่งเป้าไปที่พรรคภูมิใจไทยโดยตรง เนื่องจากเวลานี้พรรคภูมิใจไทยเอง อยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลที่ขี่คอพรรคเพื่อไทยอยู่ ยิ่งพรรคภูมิใจไทยใหญ่คับรัฐบาลมากเท่าไร พรรคเพื่อไทยก็ต้องตกที่นั่งลำบากเท่านั้น.ไม่ทราบว่าท่านรองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับทราบปัญหานี้หรือเปล่า เพราะคุณเองเป็นคนที่อยู่นอกวงการ แต่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ จุลจอมเกล้า นี่คุณกำลังตบหน้าพระราชกฤษฎีกาที่รัชกาลที่ 6 ออกมาประกาศว่าที่ดินนี้เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 735 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟื้นทางรถไฟ สุไหงโก-ลกไปมาเลเซีย

    เมื่อวันก่อน นายฮัสบิ ฮาบิโบลเลาะห์ รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมที่จะศึกษาความต้องการในการฟื้นฟูทางรถไฟ ช่วงระหว่างด่านรันเตาปันจัง กับสถานีปาซีร์มัส รัฐกลันตัน ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร และศึกษาความเป็นไปได้ในการกลับมาให้บริการรถไฟ จากสถานีรันเตาปันจัง ไปยังสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ประเทศไทย โดยต้องคำนึงถึงการจัดสรรงบประมาณ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย

    สำหรับทางรถไฟที่เชื่อมต่อมาเลเซียกับไทย หยุดให้บริการผู้โดยสารตั้งแต่ปี 2525 และหยุดให้บริการขนส่งสินค้าเมื่อปี 2549 เนื่องจากปัญหาความปลอดภัยและผลกระทบจากอุทกภัย นับแต่นั้นเป็นต้นมาเส้นทางรถไฟถูกปิดตาย โครงสร้างพื้นฐานรวมถึงสถานีรถไฟรันเตาปันจังอยู่ในสภาพทรุดโทรม จำเป็นต้องได้รับการบูรณะ บำรุงรักษา และยกระดับก่อนจะสามารถเปิดให้บริการอีกครั้ง

    ส่วนข้อเสนอของนางซาอิลาห์ โมห์ด ยูซอฟฟ์ ส.ส.เมืองรันเตาปันจัง เกี่ยวกับความจำเป็นในการฟื้นฟูทางรถไฟและการกลับมาให้บริการรถไฟจากรันเตาปันจังไปยังสุไหงโก-ลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น เสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างมาเลเซียและไทย เติมเต็มกิจกรรมการค้าในพื้นที่ชายแดนนั้น รัฐบาลรับทราบข้อเสนอดังกล่าว ถือเป็นหนทางที่จะปรับปรุงการเข้าถึงและกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างมาเลเซียและไทย หากโครงการนี้ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเพิ่มกิจกรรมการค้าในพื้นที่ชายแดนอีกด้วย

    นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งทะเลตะวันออก (ECRL) ไปยังสถานีปาซีร์มัส ของการรถไฟมาลายา (KTMB) ซึ่งจะทำให้ทางรถไฟ ECRL มีประสิทธิภาพที่กระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจบนชายฝั่งทะเลตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย และช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจกับชายฝั่งทะเลตะวันตก นอกจากนี้ ยังเป็นตัวเลือกสำหรับขนส่งสินค้าและโดยสารระหว่างมาเลเซียกับไทยอีกด้วย

    เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 แหล่งข่าวจากตัวแทนการรถไฟแห่งประเทศไทยรายหนึ่งเปิดเผยว่า การรถไฟฯ มีความพร้อมที่จะพัฒนาทางรถไฟเชื่อมไปยังฝั่งประเทศมาเลเซีย โดยได้มีการพูดคุยกับการรถไฟมาลายา (KTMB) เป็นระยะ แต่โครงการจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ที่ผ่านมานับตั้งแต่หยุดการเดินรถ และฝั่งประเทศมาเลเซียเคยเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ถึงบัดนี้ ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบสภาพทางรถไฟฝั่งประเทศมาเลเซียในปัจจุบันได้

    #Newskit
    ฟื้นทางรถไฟ สุไหงโก-ลกไปมาเลเซีย เมื่อวันก่อน นายฮัสบิ ฮาบิโบลเลาะห์ รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมที่จะศึกษาความต้องการในการฟื้นฟูทางรถไฟ ช่วงระหว่างด่านรันเตาปันจัง กับสถานีปาซีร์มัส รัฐกลันตัน ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร และศึกษาความเป็นไปได้ในการกลับมาให้บริการรถไฟ จากสถานีรันเตาปันจัง ไปยังสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ประเทศไทย โดยต้องคำนึงถึงการจัดสรรงบประมาณ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย สำหรับทางรถไฟที่เชื่อมต่อมาเลเซียกับไทย หยุดให้บริการผู้โดยสารตั้งแต่ปี 2525 และหยุดให้บริการขนส่งสินค้าเมื่อปี 2549 เนื่องจากปัญหาความปลอดภัยและผลกระทบจากอุทกภัย นับแต่นั้นเป็นต้นมาเส้นทางรถไฟถูกปิดตาย โครงสร้างพื้นฐานรวมถึงสถานีรถไฟรันเตาปันจังอยู่ในสภาพทรุดโทรม จำเป็นต้องได้รับการบูรณะ บำรุงรักษา และยกระดับก่อนจะสามารถเปิดให้บริการอีกครั้ง ส่วนข้อเสนอของนางซาอิลาห์ โมห์ด ยูซอฟฟ์ ส.ส.เมืองรันเตาปันจัง เกี่ยวกับความจำเป็นในการฟื้นฟูทางรถไฟและการกลับมาให้บริการรถไฟจากรันเตาปันจังไปยังสุไหงโก-ลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น เสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างมาเลเซียและไทย เติมเต็มกิจกรรมการค้าในพื้นที่ชายแดนนั้น รัฐบาลรับทราบข้อเสนอดังกล่าว ถือเป็นหนทางที่จะปรับปรุงการเข้าถึงและกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างมาเลเซียและไทย หากโครงการนี้ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเพิ่มกิจกรรมการค้าในพื้นที่ชายแดนอีกด้วย นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งทะเลตะวันออก (ECRL) ไปยังสถานีปาซีร์มัส ของการรถไฟมาลายา (KTMB) ซึ่งจะทำให้ทางรถไฟ ECRL มีประสิทธิภาพที่กระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจบนชายฝั่งทะเลตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย และช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจกับชายฝั่งทะเลตะวันตก นอกจากนี้ ยังเป็นตัวเลือกสำหรับขนส่งสินค้าและโดยสารระหว่างมาเลเซียกับไทยอีกด้วย เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 แหล่งข่าวจากตัวแทนการรถไฟแห่งประเทศไทยรายหนึ่งเปิดเผยว่า การรถไฟฯ มีความพร้อมที่จะพัฒนาทางรถไฟเชื่อมไปยังฝั่งประเทศมาเลเซีย โดยได้มีการพูดคุยกับการรถไฟมาลายา (KTMB) เป็นระยะ แต่โครงการจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ที่ผ่านมานับตั้งแต่หยุดการเดินรถ และฝั่งประเทศมาเลเซียเคยเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ถึงบัดนี้ ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบสภาพทางรถไฟฝั่งประเทศมาเลเซียในปัจจุบันได้ #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 989 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts