• 70 ปี ยิงเป้าสามมหาดเล็ก พัวพันคดีสวรรคต ร.8 ทฤษฎีสมคบคิดปริศนา ลอบปลงพระชนม์ หรืออัตวินิบาตกรรม?

    ปริศนาที่ยังไร้คำตอบ เมื่อพูดถึงหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ไทย ที่ยังคงเป็นปริศนา และข้อถกเถียงมาจนถึงทุกวันนี้ "คดีสวรรคต รัชกาลที่ 8" คือหนึ่งในคดี ที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ ทฤษฎีสมคบคิด และข้อสงสัยมากมาย

    ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 ณ เรือนจำกลางบางขวาง สามมหาดเล็กในพระองค์ ได้แก่ นายเฉลียว ปทุมรส, นายชิต สิงหเสนี และนายบุศย์ ปัทมศริน ถูกนำตัวเข้าสู่ลานประหาร และถูกยิงเป้าด้วยปืนกล ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ฐานพัวพันกับการสวรรคต ของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489

    แต่คำถามสำคัญ ที่ยังคงค้างคาใจหลายคนก็คือ คดีนี้จบลงแล้วจริงหรือ? และสามมหาดเล็ก ที่ถูกประหารชีวิตเป็น "แพะรับบาป" หรือไม่?

    ปูมหลังคดีสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 8
    9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 วันแห่งโศกนาฏกรรม
    ช่วงสายวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืน ภายในห้องพระบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน พระบรมมหาราชวัง

    🔎 ลักษณะพระบรมศพ
    มีบาดแผล กลางพระนลาฏ หรือหน้าผาก ทะลุผ่านพระปฤษฎางค์ หรือท้ายทอย ข้างพระบรมศพพบ ปืนพกสั้น โคลต์ .45 ตกอยู่ ด้ามปืนหันออกจากพระวรกาย

    💡 คำถามที่เกิดขึ้น
    เป็นอุบัติเหตุ หรือการลอบปลงพระชนม์?
    หากเป็นอัตวินิบาตกรรม เหตุใดจึงมีบาดแผล กระสุนทะลุจากหน้าผากไปท้ายทอย ซึ่งขัดแย้งกับ กลไกการยิงตัวตาย ตามธรรมชาติ?

    มหาดเล็กทั้งสามนาย จากข้าราชการใกล้ชิด สู่จำเลยประหารชีวิต
    หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่นาน รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งในช่วงแรก ไม่มีใครถูกกล่าวหา แต่เมื่อเกิดการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2490 คดีได้ถูกพลิกกลับ โดยบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมาย ถูกดำเนินคดีในข้อหาสมรู้ร่วมคิด

    1. นายเฉลียว ปทุมรส
    อดีตมหาดเล็ก และราชเลขานุการในพระองค์ รัชกาลที่ 8 สมาชิกคณะราษฎรสายพลเรือน ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนลอบปลงพระชนม์ ถูกศาลฎีกาพิพากษา ตัดสินประหารชีวิต

    2. นายชิต สิงหเสนี มหาดเล็กห้องพระบรรทม
    อยู่ในพระที่นั่งบรมพิมานในวันเกิดเหตุ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ และถูกศาลฎีกา พิพากษายืน ประหารชีวิตตามศาลอุทธรณ์

    3. นายบุศย์ ปัทมศริน มหาดเล็กห้องพระบรรทมอีกคนหนึ่ง
    เป็นหนึ่งในบุคคลสุดท้าย ที่เห็นในหลวงรัชกาลที่ 8 ก่อนสวรรคต ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลงพระชนม์ และถูกศาลฎีกา พิกากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ตัดสินประหารชีวิต

    💭 ข้อโต้แย้ง
    มหาดเล็กทั้งสามนาย ยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ จนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์

    ศาลฎีกาตัดสิน คำพิพากษาที่นำไปสู่ลานประหาร
    หลังการสอบสวน คดีนี้ผ่านการพิจารณาของ ศาล 3 ระดับ
    - ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต ทั้งสามคน
    - ศาลอุทธรณ์ ยืนยันคำพิพากษาเดิม
    - ศาลฎีกา พิพากษายืน ตามคำตัดสินเดิม

    17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วันที่สามมหาดเล็ก ถูกยิงเป้าด้วยปืนกล
    ⏰ 02.00 น. อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา
    ⏰ 02.20 น. นายเฉลียว ถูกประหาร
    ⏰ 02.40 น. นายชิต ถูกประหาร
    ⏰ 03.00 น. นายบุศย์ ถูกประหาร

    หลังจากการยิงเป้าประหารชีวิต ศพนักโทษทั้ง 3 ราย ถูกใส่ในช่องเก็บศพ เเล้วนำร่างออกจากประตูเเดง หรือประตูผีของวัดบางแพรกใต้ ในวันรุ่งขึ้น

    👀 ความน่าสงสัย
    - คำร้องขออภัยโทษถูก "ยกฎีกา" อย่างกะทันหัน
    - ไม่มีการสืบสวนใหม่ แม้จะมีหลักฐานที่อาจเปลี่ยนคดี

    ทฤษฎีสมคบคิด ใครคือผู้ต้องสงสัยที่แท้จริง?
    แม้ว่าศาลจะตัดสินประหารชีวิต สามมหาดเล็กไปแล้ว แต่ปริศนาการสวรรคต ยังคงเป็นหัวข้อ ที่ถูกตั้งคำถามอยู่ตลอด

    🕵️‍♂️ ทฤษฎี "อุบัติเหตุ"
    ในหลวงรัชกาลที่ 8 อาจทรงทำปืนลั่นเองขณะถือปืน
    มีหลักฐานว่า พระองค์ทรงสนใจปืน และเคยมีอุบัติเหตุปืนลั่นมาก่อน

    🔴 ข้อโต้แย้ง
    ตำแหน่งบาดแผล ไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุ จากการยิงตัวเอง

    🏴‍☠️ ทฤษฎี "ลอบปลงพระชนม์"
    มีการตั้งข้อสงสัยว่า ฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม อาจอยู่เบื้องหลัง
    ขณะนั้นมีความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างกลุ่มนิยมเจ้า กับคณะราษฎร

    🔴 ข้อโต้แย้ง
    ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ลงมือ

    🤔 ทฤษฎี "แพะรับบาป"
    สามมหาดเล็ก อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการปกปิดความจริง
    หลักฐานหลายอย่างถูกทำลาย หรือไม่ถูกเปิดเผย

    คดีปริศนาที่ยังไร้คำตอบ
    แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 70 ปี แต่คดีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน อย่างกว้างขวาง ข้อมูลที่มีอยู่ ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร และใครคือผู้กระทำผิดตัวจริง

    ⏳ คำถามที่ยังไร้คำตอบ 🔥
    - ในหลวงรัชกาลที่ 8 ทรงกระทำอัตวินิบาตกรรม หรือถูกลอบปลงพระชนม์?
    - สามมหาดเล็กที่ถูกประหาร เป็นแพะรับบาปหรือไม่?

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171005 ก.พ. 2568

    #คดีสวรรคต #รัชกาลที่8 #70ปีปริศนา #สมคบคิด #ลับลวงพราง #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีสะเทือนขวัญ #ยิงเป้าสามมหาดเล็ก #ThailandMystery #HistoryUnsolved
    70 ปี ยิงเป้าสามมหาดเล็ก พัวพันคดีสวรรคต ร.8 ทฤษฎีสมคบคิดปริศนา ลอบปลงพระชนม์ หรืออัตวินิบาตกรรม? ปริศนาที่ยังไร้คำตอบ เมื่อพูดถึงหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ไทย ที่ยังคงเป็นปริศนา และข้อถกเถียงมาจนถึงทุกวันนี้ "คดีสวรรคต รัชกาลที่ 8" คือหนึ่งในคดี ที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ ทฤษฎีสมคบคิด และข้อสงสัยมากมาย ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 ณ เรือนจำกลางบางขวาง สามมหาดเล็กในพระองค์ ได้แก่ นายเฉลียว ปทุมรส, นายชิต สิงหเสนี และนายบุศย์ ปัทมศริน ถูกนำตัวเข้าสู่ลานประหาร และถูกยิงเป้าด้วยปืนกล ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ฐานพัวพันกับการสวรรคต ของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 แต่คำถามสำคัญ ที่ยังคงค้างคาใจหลายคนก็คือ คดีนี้จบลงแล้วจริงหรือ? และสามมหาดเล็ก ที่ถูกประหารชีวิตเป็น "แพะรับบาป" หรือไม่? ปูมหลังคดีสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 8 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 วันแห่งโศกนาฏกรรม ช่วงสายวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืน ภายในห้องพระบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน พระบรมมหาราชวัง 🔎 ลักษณะพระบรมศพ มีบาดแผล กลางพระนลาฏ หรือหน้าผาก ทะลุผ่านพระปฤษฎางค์ หรือท้ายทอย ข้างพระบรมศพพบ ปืนพกสั้น โคลต์ .45 ตกอยู่ ด้ามปืนหันออกจากพระวรกาย 💡 คำถามที่เกิดขึ้น เป็นอุบัติเหตุ หรือการลอบปลงพระชนม์? หากเป็นอัตวินิบาตกรรม เหตุใดจึงมีบาดแผล กระสุนทะลุจากหน้าผากไปท้ายทอย ซึ่งขัดแย้งกับ กลไกการยิงตัวตาย ตามธรรมชาติ? มหาดเล็กทั้งสามนาย จากข้าราชการใกล้ชิด สู่จำเลยประหารชีวิต หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่นาน รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งในช่วงแรก ไม่มีใครถูกกล่าวหา แต่เมื่อเกิดการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2490 คดีได้ถูกพลิกกลับ โดยบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมาย ถูกดำเนินคดีในข้อหาสมรู้ร่วมคิด 1. นายเฉลียว ปทุมรส อดีตมหาดเล็ก และราชเลขานุการในพระองค์ รัชกาลที่ 8 สมาชิกคณะราษฎรสายพลเรือน ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนลอบปลงพระชนม์ ถูกศาลฎีกาพิพากษา ตัดสินประหารชีวิต 2. นายชิต สิงหเสนี มหาดเล็กห้องพระบรรทม อยู่ในพระที่นั่งบรมพิมานในวันเกิดเหตุ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ และถูกศาลฎีกา พิพากษายืน ประหารชีวิตตามศาลอุทธรณ์ 3. นายบุศย์ ปัทมศริน มหาดเล็กห้องพระบรรทมอีกคนหนึ่ง เป็นหนึ่งในบุคคลสุดท้าย ที่เห็นในหลวงรัชกาลที่ 8 ก่อนสวรรคต ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลงพระชนม์ และถูกศาลฎีกา พิกากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ตัดสินประหารชีวิต 💭 ข้อโต้แย้ง มหาดเล็กทั้งสามนาย ยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ จนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ ศาลฎีกาตัดสิน คำพิพากษาที่นำไปสู่ลานประหาร หลังการสอบสวน คดีนี้ผ่านการพิจารณาของ ศาล 3 ระดับ - ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต ทั้งสามคน - ศาลอุทธรณ์ ยืนยันคำพิพากษาเดิม - ศาลฎีกา พิพากษายืน ตามคำตัดสินเดิม 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วันที่สามมหาดเล็ก ถูกยิงเป้าด้วยปืนกล ⏰ 02.00 น. อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ⏰ 02.20 น. นายเฉลียว ถูกประหาร ⏰ 02.40 น. นายชิต ถูกประหาร ⏰ 03.00 น. นายบุศย์ ถูกประหาร หลังจากการยิงเป้าประหารชีวิต ศพนักโทษทั้ง 3 ราย ถูกใส่ในช่องเก็บศพ เเล้วนำร่างออกจากประตูเเดง หรือประตูผีของวัดบางแพรกใต้ ในวันรุ่งขึ้น 👀 ความน่าสงสัย - คำร้องขออภัยโทษถูก "ยกฎีกา" อย่างกะทันหัน - ไม่มีการสืบสวนใหม่ แม้จะมีหลักฐานที่อาจเปลี่ยนคดี ทฤษฎีสมคบคิด ใครคือผู้ต้องสงสัยที่แท้จริง? แม้ว่าศาลจะตัดสินประหารชีวิต สามมหาดเล็กไปแล้ว แต่ปริศนาการสวรรคต ยังคงเป็นหัวข้อ ที่ถูกตั้งคำถามอยู่ตลอด 🕵️‍♂️ ทฤษฎี "อุบัติเหตุ" ในหลวงรัชกาลที่ 8 อาจทรงทำปืนลั่นเองขณะถือปืน มีหลักฐานว่า พระองค์ทรงสนใจปืน และเคยมีอุบัติเหตุปืนลั่นมาก่อน 🔴 ข้อโต้แย้ง ตำแหน่งบาดแผล ไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุ จากการยิงตัวเอง 🏴‍☠️ ทฤษฎี "ลอบปลงพระชนม์" มีการตั้งข้อสงสัยว่า ฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม อาจอยู่เบื้องหลัง ขณะนั้นมีความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างกลุ่มนิยมเจ้า กับคณะราษฎร 🔴 ข้อโต้แย้ง ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ลงมือ 🤔 ทฤษฎี "แพะรับบาป" สามมหาดเล็ก อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการปกปิดความจริง หลักฐานหลายอย่างถูกทำลาย หรือไม่ถูกเปิดเผย คดีปริศนาที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 70 ปี แต่คดีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน อย่างกว้างขวาง ข้อมูลที่มีอยู่ ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร และใครคือผู้กระทำผิดตัวจริง ⏳ คำถามที่ยังไร้คำตอบ 🔥 - ในหลวงรัชกาลที่ 8 ทรงกระทำอัตวินิบาตกรรม หรือถูกลอบปลงพระชนม์? - สามมหาดเล็กที่ถูกประหาร เป็นแพะรับบาปหรือไม่? ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171005 ก.พ. 2568 #คดีสวรรคต #รัชกาลที่8 #70ปีปริศนา #สมคบคิด #ลับลวงพราง #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีสะเทือนขวัญ #ยิงเป้าสามมหาดเล็ก #ThailandMystery #HistoryUnsolved
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปริศนาแมวดำทั้ง7

    เรื่องสั้นนักสืบ จากผลงานเขียนโดย เอลเลอรี ควีน แปลโดย กันยรัตน์

    หนึ่งในเรื่องจากหนังสือ ปรัศนี รวมนิยายนักสืบเรื่องสั้นที่สรรแล้ว จากยอดนักเขียนชื่อก้องหลายคน

    เลือกเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องแรกก่อน นับเป็นเรื่องสั้นขนาดกลางที่อ่านสนุก มีแทรกอารมณ์ขันบางช่วง

    ตัวเอกของเรื่องก็ชื่อเดียวกับคนเขียนนั่นแหละ

    เปิดเรื่องด้วยการที่ ยอดชายของเรื่องต้องการหาซื้อหมาสักตัว จึงเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวสวยคนหนึ่ง หญิงสาวมีอัธยาศัยดี ช่างจ้อ บอกว่าพันธุ์ที่ควีนต้องการนั้นไม่มี ถ้าอีกพันธุ์ได้ไหม คุยไปคุยมาเกิดกรี๊ดกร๊าดเมื่อทราบว่าชายตรงหน้าคือคนดัง เอลเลอรี ควีน ทีนี้จ้อไม่หยุด เปรยถามว่าคุณควีนพักอยู่แถวใกล้ๆนี้ คงรู้จักหญิงคนหนึ่งที่ชื่อ..กระมัง เพราะเธอก็เป็นลูกค้าของร้านเช่นกัน ควีนบอกไม่รู้จักแต่สนใจชื่อที่แปลกของหญิงคนนั้น เจ้าของร้านจึงเล่าว่าเป็นสตรีชราเดินเหินไม่ได้ เมื่อสักหกเดือนก่อน น้องสาวที่หน้าคล้ายกัน อายุห่างกันไม่มากมาอยู่ด้วยที่ห้องของเธอเพื่อดูแล แต่เข้ากันไม่ได้ เพราะคนน้องรักแมวมาก เคยมาซื้อแมวดำตัวผู้ตาเขียวจากที่ร้าน แล้วอีกสองวันต่อมาโทรศัพท์บอกขอนำมาคืน เพราะพี่สาวเกลียดแมว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาคืน

    เธอเล่าต่อไปว่า ที่น่าแปลกคือ จากนั้นไม่นานคนพี่ที่เดินไม่ได้ก็โทรมาที่ร้าน ขอให้หาแมวสีเดียวกันตัวผู้ ที่เหมือนตัวที่น้องสาวเคยซื้อไปในราคาไม่แพง แล้วให้นำไปส่งที่แฟลตในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นเวลาที่น้องสาวจะไม่อยู่เพราะออกไปเดินเล่นข้างนอก ด้วยความที่ไม่อยากให้น้องสาวทราบจึงห้ามคนขายไม่ให้บอก ทุกครั้งที่นำแมวไปส่งจึงไม่เคยพบหญิงชราคนน้อง น่าแปลกกว่านั้นคือคนพี่จะโทรมาสั่งแมวสัปดาห์ละครั้ง รวมกว่า5สัปดาห์เข้าแล้ว ทั้งที่เป็นคนเกลียดแมว เรื่องนี้สะดุดใจนักสืบควีนมาก จึงอยากลองไปเจอกับหญิงชราคนพี่ที่ป่วยเดินไม่ได้ โดยขอให้เจ้าของร้านสาวพาไป โดยจะอ้างว่าควีนสั่งแมวไว้ก่อน พอแมวถูกขายให้หญิงชราไปจึงไม่ยอม ต้องการมาคุยทำความตกลง สาวเจ้าของร้านตกลงช่วย เพราะดูเธอชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเป็นกิจวัตร และวันนี้ได้เวลาที่ต้องไปตามนัดพอดี

    เมื่อไปถึงแฟลตที่หญิงชราอาศัย ทั้งสองกดกริ่งหลายหน ส่งเสียงดังเรียก แต่กลับไม่ได้รับการเปิดประตู ขวดนมสดวางตั้งไว้ที่หน้าประตูสองขวด ควีนรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ประตูก็ล็อก ซึ่งต่างจากที่สาวขายแมวบอกว่าทุกครั้งที่มาส่งแมวช่วงเวลานี้ ประตูจะเปิดเพราะคนน้องจะออกไปข้างนอกแล้วไม่ล็อก ทั้งสองจึงลองไปสอบถามกับทางสำนักงานของคนดูแลตึกนามสกุล พอตเตอร์ แต่ปรากฏสามีที่ดูแลตึกไม่อยู่ ภรรยาออกมารับหน้าถามมีธุระอะไร พอทราบว่าทั้งสองมาหาหญิงชราแต่เข้าไม่ได้เพราะประตูล็อก และมีขวดนมวางไว้สองขวดจึงแปลกใจ ควีนสอบถามว่าเห็นหรือคุยกับหญิงชราครั้งสุดท้ายเมื่อไร ภรรยาคนดูแลบอกว่าน่าจะสองวันก่อน พอถูกถามถึงสามี ก็ตอบว่าไปทำงานพิเศษช่วงครึ่งวันที่โรงงานเคมี คงจะกลับช่วงเย็น เธอบอกอีกว่าหญิงชราเรียกสามีไปช่วยทาสีซ่อมแซมในห้องช่วงบ่ายหรือเย็นมาเกือบเดือนแล้ว โดยจะให้ค่าจ้างด้วย

    ควีนกับสาวขายแมวจึงขอมาสเตอร์คีย์ แล้วย้อนจะไปไขประตูห้องหญิงชรา ทว่าควีนได้ยินเสียง มีคนอยู่ในห้อง และคนคนนั้นได้หาอะไรมาขัดไม่ให้เขาผลักประตูเข้าไปได้ สุดท้ายจึงต้องออกแรงพุ่งชนจนประตูเปิด แต่คนที่อยู่ในห้องรีบหนีหลบออกทางหน้าต่างแล้วปีนบันไดวนขึ้นบนดาดฟ้าหนีไปแล้ว เขาจึงตรวจสภาพในห้อง ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งมายืนหน้าประตูอย่างงุนงง บอกเป็นหลานมาพบหญิงชรา ตามที่เธอได้เขียนจดหมายส่งหาเขา เขาติดธุระจึงมาช้า พอทราบว่าอาจเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับหญิงชราทั้งสองก็ตกใจ ควีนสอบถามเขาและขอดูจดหมาย เนื้อความในนั้นหญิงชรากำลังกลัวเพราะคาดว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตรายอะไรสักอย่าง ขอให้หลานช่วยมาหาโดยเร็วที่สุด ควีนถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเขา ได้ทราบว่าป้าทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกัน ป้าคนโตพอมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง แต่ไม่ไว้ใจธนาคาร และไม่ไว้ใจน้องสาว จึงแอบเก็บเงินไว้สักแห่งในห้อง เธอกลัวว่าน้องสาวจะขโมยเงินนี้ไป ควีนแนะให้เขาเข้าพักโรงแรมแถวใกล้ ๆ เพื่อรอฟังข่าวต่อไป

    ปรากฏว่าหญิงชราหายตัวไป มีแต่เตียงว่างเปล่ายับยู่ยี่ เธอเดินไม่ได้ แต่กลับไม่อยู่ในห้อง คนน้องก็น่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่มาอย่างน้อยสองวันเช่นกัน ถึงมีขวดนมวางหน้าประตู ที่น่าแปลกคือไม่เห็นแมวเลยสักตัว ทั้งที่ควรจะมีอยู่ 7 ตัว ควีนตรวจจานอาหารที่มีอาหารเหลืออยู่ เขาตรวจหาลายนิ้วมือบนช้อน ส้อมและมีด แต่ไม่พบลายนิ้วมือใครเลย เขาวานเจ้าของร้านขายแมวให้นำเอาอาหารที่เหลือนี้ไปส่งตรวจกับ ดอกเตอร์คนหนึ่ง จากนั้นตัวเองก็จะสำรวจต่อให้ทั่ว ก่อนสาวสวยร้านแมวจะออกจากห้อง ควีนส่งเสียงด้วยความตกใจ ให้รีบมาดูที่อ่างอาบน้ำ ที่สุดทั้งสองจึงเห็นว่ามีซากแมวดำตัวหนึ่งนอนตายจมกองเลือดในสภาพน่าอนาถ ที่หัวถูกทุบแหลกเละด้วยแปรงถูตัวที่ถูกทิ้งไว้ใกล้ ๆ

    ควีนได้ไปพบภรรยาคนดูแลตึกอีกครั้ง คราวนี้นายพอตเตอร์ผู้ดูแลกลับมาจากทำงานแล้ว จึงสอบถามเพิ่มเติมว่าเคยเห็นแมวตายในช่วงที่ผ่านมาบ้างไหม ภรรยานายพอตเตอร์ตกใจ บอกว่าใช่ ทำไมถึงรู้ ส่วนสามีบอกว่าใช่พบกระโหลกแมวในเตาเผาขยะหกตัว สัปดาห์ละตัว ไม่คิดว่าเจ้าของจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ควีนเดินไปสำรวจรอบ ๆ เตาเผาขยะ รวบรวมหลักฐานเพิ่ม เมื่อสาวร้านขายแมวกลับมาพร้อมแจ้งว่าตรวจไม่พบอะไรในอาหารที่เหลือ ควีนสรุปว่าควรเป็นเช่นนั้น ที่สุดเขาพออนุมานได้แล้วว่าหญิงชราทั้งสองน่าจะตายไปแล้ว

    คนพี่คงระแวงว่าน้องสาวจะวางยาพิษตนเพื่อหวังเงินที่เก็บซ่อนไว้ จึงสั่งซื้อแมวมาทั้งที่เกลียด เพื่อใช้ทดสอบกินอาหารก่อน ถ้าแมวปลอดภัยตนจึงจะกินอาหาร แต่เนื่องจากคนร้ายวางยาทุกสัปดาห์ แมวจึงตายทำให้ต้องสั่งแมวตัวใหม่ และต้องการไม่ให้น้องสาวสงสัยจึงเลือกที่สีและขนาดรวมถึงเพศเดียวกับแมวของน้องสาว เมื่อแมวตายเพราะพิษ ก็คงจะห่อศพแล้วฝากเมียคนดูแลให้ไปทิ้งในเตาเผารวมกับขยะอื่น แต่ครั้งสุดท้าย คนร้ายคงเปลี่ยนแผน ไม่ใส่ยาพิษในอาหารเพราะทำมาหกครั้งไม่สำเร็จ จึงทายาพิษที่ช้อน ส้อม มีดแทน แมวกินไม่เป็นไร หญิงชราจึงกินอาหารจานนั้นและตายจากพิษที่ติดกับสิ่งที่เธอไม่ทันระวัง คนร้ายจึงเช็ดทำลายหลักฐาน และฆ่าแมวตัวที่เหลือด้วยวิธีอำมหิต และคนร้ายต้องไม่ใช่น้องสาวแน่ เพราะเธอรักแมว คงไม่กล้าพอที่จะลงมือฆ่าแมว น่าจะมาเห็นเหตุการณ์เข้าจึงถูกฆ่าปิดปาก ส่วนศพของทั้งสองคงถูกเอาไปใส่เตาเผาขยะ แล้วเช่นนั้นคนร้ายคือใครล่ะ

    ขณะสาวร้านขายแมวถามควีน ทั้งสองได้ยินเสียงไขกุญแจห้อง ที่แท้คนร้ายนึกว่าคงไม่มีคนอยู่ในห้องแล้ว และย้อนกลับมาเพื่อต้องการหาเงินที่หญิงชราซ่อนไว้ ควีนรีบพาตัวหญิงสาวไปแอบในตู้เสื้อผ้า ส่วนเขาออกไปตะลุมบอนกับคนร้าย ขณะจะพลาดท่าถูกคนร้ายเอามีดเสียบ หญิงสาวถลันออกจากตู้เตะไปที่ข้อมือชายคนนั้นที่เธอยังไม่เห็นหน้า ควีนร้องบอกให้ไปเปิดประตู ทันใดนั้นตำรวจหลายคนกรูเข้ามา จากนั้นเธอก็สลบไป

    ฟื้นอีกที เธอรีบถามใครคือคนร้าย ควีนบอกจะเป็นใครได้อีก นอกจากคนที่เข้ามาทาสีในห้องอยู่เกือบเดือน และทำงานโรงงานเคมีสามารถหายาพิษได้ง่าย อีกทั้งมีกุญแจห้องอีกดอก และคอยจัดการทิ้งขยะในเตาเผา ดีที่ควีนแอบโทรแจ้งตำรวจไว้ให้มาช่วยก่อนหน้านั้น และก็มาทันเวลาพอดี

    📌ส่วนเงินที่หญิงชราแอบไว้ พบซ่อนในหนังสือเล่มหนึ่ง! ใต้เตียงนอน

    📌 ที่น่าสนใจที่สุดคือ คนร้ายรายนี้ชื่อว่า แฮรี่ พอตเตอร์!

    #เรื่องสั้น
    #เรื่องสั้นแปล
    #กันยรัตน์
    #แมวดำ
    #สืบสวน
    #คดีปริศนา
    #เอลเลอรีควีน
    #นักสืบ
    #thaitimes
    #ปริศนาแมวดำทั้ง7 เรื่องสั้นนักสืบ จากผลงานเขียนโดย เอลเลอรี ควีน แปลโดย กันยรัตน์ หนึ่งในเรื่องจากหนังสือ ปรัศนี รวมนิยายนักสืบเรื่องสั้นที่สรรแล้ว จากยอดนักเขียนชื่อก้องหลายคน เลือกเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องแรกก่อน นับเป็นเรื่องสั้นขนาดกลางที่อ่านสนุก มีแทรกอารมณ์ขันบางช่วง ตัวเอกของเรื่องก็ชื่อเดียวกับคนเขียนนั่นแหละ เปิดเรื่องด้วยการที่ ยอดชายของเรื่องต้องการหาซื้อหมาสักตัว จึงเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวสวยคนหนึ่ง หญิงสาวมีอัธยาศัยดี ช่างจ้อ บอกว่าพันธุ์ที่ควีนต้องการนั้นไม่มี ถ้าอีกพันธุ์ได้ไหม คุยไปคุยมาเกิดกรี๊ดกร๊าดเมื่อทราบว่าชายตรงหน้าคือคนดัง เอลเลอรี ควีน ทีนี้จ้อไม่หยุด เปรยถามว่าคุณควีนพักอยู่แถวใกล้ๆนี้ คงรู้จักหญิงคนหนึ่งที่ชื่อ..กระมัง เพราะเธอก็เป็นลูกค้าของร้านเช่นกัน ควีนบอกไม่รู้จักแต่สนใจชื่อที่แปลกของหญิงคนนั้น เจ้าของร้านจึงเล่าว่าเป็นสตรีชราเดินเหินไม่ได้ เมื่อสักหกเดือนก่อน น้องสาวที่หน้าคล้ายกัน อายุห่างกันไม่มากมาอยู่ด้วยที่ห้องของเธอเพื่อดูแล แต่เข้ากันไม่ได้ เพราะคนน้องรักแมวมาก เคยมาซื้อแมวดำตัวผู้ตาเขียวจากที่ร้าน แล้วอีกสองวันต่อมาโทรศัพท์บอกขอนำมาคืน เพราะพี่สาวเกลียดแมว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาคืน เธอเล่าต่อไปว่า ที่น่าแปลกคือ จากนั้นไม่นานคนพี่ที่เดินไม่ได้ก็โทรมาที่ร้าน ขอให้หาแมวสีเดียวกันตัวผู้ ที่เหมือนตัวที่น้องสาวเคยซื้อไปในราคาไม่แพง แล้วให้นำไปส่งที่แฟลตในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นเวลาที่น้องสาวจะไม่อยู่เพราะออกไปเดินเล่นข้างนอก ด้วยความที่ไม่อยากให้น้องสาวทราบจึงห้ามคนขายไม่ให้บอก ทุกครั้งที่นำแมวไปส่งจึงไม่เคยพบหญิงชราคนน้อง น่าแปลกกว่านั้นคือคนพี่จะโทรมาสั่งแมวสัปดาห์ละครั้ง รวมกว่า5สัปดาห์เข้าแล้ว ทั้งที่เป็นคนเกลียดแมว เรื่องนี้สะดุดใจนักสืบควีนมาก จึงอยากลองไปเจอกับหญิงชราคนพี่ที่ป่วยเดินไม่ได้ โดยขอให้เจ้าของร้านสาวพาไป โดยจะอ้างว่าควีนสั่งแมวไว้ก่อน พอแมวถูกขายให้หญิงชราไปจึงไม่ยอม ต้องการมาคุยทำความตกลง สาวเจ้าของร้านตกลงช่วย เพราะดูเธอชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเป็นกิจวัตร และวันนี้ได้เวลาที่ต้องไปตามนัดพอดี เมื่อไปถึงแฟลตที่หญิงชราอาศัย ทั้งสองกดกริ่งหลายหน ส่งเสียงดังเรียก แต่กลับไม่ได้รับการเปิดประตู ขวดนมสดวางตั้งไว้ที่หน้าประตูสองขวด ควีนรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ประตูก็ล็อก ซึ่งต่างจากที่สาวขายแมวบอกว่าทุกครั้งที่มาส่งแมวช่วงเวลานี้ ประตูจะเปิดเพราะคนน้องจะออกไปข้างนอกแล้วไม่ล็อก ทั้งสองจึงลองไปสอบถามกับทางสำนักงานของคนดูแลตึกนามสกุล พอตเตอร์ แต่ปรากฏสามีที่ดูแลตึกไม่อยู่ ภรรยาออกมารับหน้าถามมีธุระอะไร พอทราบว่าทั้งสองมาหาหญิงชราแต่เข้าไม่ได้เพราะประตูล็อก และมีขวดนมวางไว้สองขวดจึงแปลกใจ ควีนสอบถามว่าเห็นหรือคุยกับหญิงชราครั้งสุดท้ายเมื่อไร ภรรยาคนดูแลบอกว่าน่าจะสองวันก่อน พอถูกถามถึงสามี ก็ตอบว่าไปทำงานพิเศษช่วงครึ่งวันที่โรงงานเคมี คงจะกลับช่วงเย็น เธอบอกอีกว่าหญิงชราเรียกสามีไปช่วยทาสีซ่อมแซมในห้องช่วงบ่ายหรือเย็นมาเกือบเดือนแล้ว โดยจะให้ค่าจ้างด้วย ควีนกับสาวขายแมวจึงขอมาสเตอร์คีย์ แล้วย้อนจะไปไขประตูห้องหญิงชรา ทว่าควีนได้ยินเสียง มีคนอยู่ในห้อง และคนคนนั้นได้หาอะไรมาขัดไม่ให้เขาผลักประตูเข้าไปได้ สุดท้ายจึงต้องออกแรงพุ่งชนจนประตูเปิด แต่คนที่อยู่ในห้องรีบหนีหลบออกทางหน้าต่างแล้วปีนบันไดวนขึ้นบนดาดฟ้าหนีไปแล้ว เขาจึงตรวจสภาพในห้อง ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งมายืนหน้าประตูอย่างงุนงง บอกเป็นหลานมาพบหญิงชรา ตามที่เธอได้เขียนจดหมายส่งหาเขา เขาติดธุระจึงมาช้า พอทราบว่าอาจเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับหญิงชราทั้งสองก็ตกใจ ควีนสอบถามเขาและขอดูจดหมาย เนื้อความในนั้นหญิงชรากำลังกลัวเพราะคาดว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตรายอะไรสักอย่าง ขอให้หลานช่วยมาหาโดยเร็วที่สุด ควีนถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเขา ได้ทราบว่าป้าทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกัน ป้าคนโตพอมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง แต่ไม่ไว้ใจธนาคาร และไม่ไว้ใจน้องสาว จึงแอบเก็บเงินไว้สักแห่งในห้อง เธอกลัวว่าน้องสาวจะขโมยเงินนี้ไป ควีนแนะให้เขาเข้าพักโรงแรมแถวใกล้ ๆ เพื่อรอฟังข่าวต่อไป ปรากฏว่าหญิงชราหายตัวไป มีแต่เตียงว่างเปล่ายับยู่ยี่ เธอเดินไม่ได้ แต่กลับไม่อยู่ในห้อง คนน้องก็น่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่มาอย่างน้อยสองวันเช่นกัน ถึงมีขวดนมวางหน้าประตู ที่น่าแปลกคือไม่เห็นแมวเลยสักตัว ทั้งที่ควรจะมีอยู่ 7 ตัว ควีนตรวจจานอาหารที่มีอาหารเหลืออยู่ เขาตรวจหาลายนิ้วมือบนช้อน ส้อมและมีด แต่ไม่พบลายนิ้วมือใครเลย เขาวานเจ้าของร้านขายแมวให้นำเอาอาหารที่เหลือนี้ไปส่งตรวจกับ ดอกเตอร์คนหนึ่ง จากนั้นตัวเองก็จะสำรวจต่อให้ทั่ว ก่อนสาวสวยร้านแมวจะออกจากห้อง ควีนส่งเสียงด้วยความตกใจ ให้รีบมาดูที่อ่างอาบน้ำ ที่สุดทั้งสองจึงเห็นว่ามีซากแมวดำตัวหนึ่งนอนตายจมกองเลือดในสภาพน่าอนาถ ที่หัวถูกทุบแหลกเละด้วยแปรงถูตัวที่ถูกทิ้งไว้ใกล้ ๆ ควีนได้ไปพบภรรยาคนดูแลตึกอีกครั้ง คราวนี้นายพอตเตอร์ผู้ดูแลกลับมาจากทำงานแล้ว จึงสอบถามเพิ่มเติมว่าเคยเห็นแมวตายในช่วงที่ผ่านมาบ้างไหม ภรรยานายพอตเตอร์ตกใจ บอกว่าใช่ ทำไมถึงรู้ ส่วนสามีบอกว่าใช่พบกระโหลกแมวในเตาเผาขยะหกตัว สัปดาห์ละตัว ไม่คิดว่าเจ้าของจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ควีนเดินไปสำรวจรอบ ๆ เตาเผาขยะ รวบรวมหลักฐานเพิ่ม เมื่อสาวร้านขายแมวกลับมาพร้อมแจ้งว่าตรวจไม่พบอะไรในอาหารที่เหลือ ควีนสรุปว่าควรเป็นเช่นนั้น ที่สุดเขาพออนุมานได้แล้วว่าหญิงชราทั้งสองน่าจะตายไปแล้ว คนพี่คงระแวงว่าน้องสาวจะวางยาพิษตนเพื่อหวังเงินที่เก็บซ่อนไว้ จึงสั่งซื้อแมวมาทั้งที่เกลียด เพื่อใช้ทดสอบกินอาหารก่อน ถ้าแมวปลอดภัยตนจึงจะกินอาหาร แต่เนื่องจากคนร้ายวางยาทุกสัปดาห์ แมวจึงตายทำให้ต้องสั่งแมวตัวใหม่ และต้องการไม่ให้น้องสาวสงสัยจึงเลือกที่สีและขนาดรวมถึงเพศเดียวกับแมวของน้องสาว เมื่อแมวตายเพราะพิษ ก็คงจะห่อศพแล้วฝากเมียคนดูแลให้ไปทิ้งในเตาเผารวมกับขยะอื่น แต่ครั้งสุดท้าย คนร้ายคงเปลี่ยนแผน ไม่ใส่ยาพิษในอาหารเพราะทำมาหกครั้งไม่สำเร็จ จึงทายาพิษที่ช้อน ส้อม มีดแทน แมวกินไม่เป็นไร หญิงชราจึงกินอาหารจานนั้นและตายจากพิษที่ติดกับสิ่งที่เธอไม่ทันระวัง คนร้ายจึงเช็ดทำลายหลักฐาน และฆ่าแมวตัวที่เหลือด้วยวิธีอำมหิต และคนร้ายต้องไม่ใช่น้องสาวแน่ เพราะเธอรักแมว คงไม่กล้าพอที่จะลงมือฆ่าแมว น่าจะมาเห็นเหตุการณ์เข้าจึงถูกฆ่าปิดปาก ส่วนศพของทั้งสองคงถูกเอาไปใส่เตาเผาขยะ แล้วเช่นนั้นคนร้ายคือใครล่ะ ขณะสาวร้านขายแมวถามควีน ทั้งสองได้ยินเสียงไขกุญแจห้อง ที่แท้คนร้ายนึกว่าคงไม่มีคนอยู่ในห้องแล้ว และย้อนกลับมาเพื่อต้องการหาเงินที่หญิงชราซ่อนไว้ ควีนรีบพาตัวหญิงสาวไปแอบในตู้เสื้อผ้า ส่วนเขาออกไปตะลุมบอนกับคนร้าย ขณะจะพลาดท่าถูกคนร้ายเอามีดเสียบ หญิงสาวถลันออกจากตู้เตะไปที่ข้อมือชายคนนั้นที่เธอยังไม่เห็นหน้า ควีนร้องบอกให้ไปเปิดประตู ทันใดนั้นตำรวจหลายคนกรูเข้ามา จากนั้นเธอก็สลบไป ฟื้นอีกที เธอรีบถามใครคือคนร้าย ควีนบอกจะเป็นใครได้อีก นอกจากคนที่เข้ามาทาสีในห้องอยู่เกือบเดือน และทำงานโรงงานเคมีสามารถหายาพิษได้ง่าย อีกทั้งมีกุญแจห้องอีกดอก และคอยจัดการทิ้งขยะในเตาเผา ดีที่ควีนแอบโทรแจ้งตำรวจไว้ให้มาช่วยก่อนหน้านั้น และก็มาทันเวลาพอดี 📌ส่วนเงินที่หญิงชราแอบไว้ พบซ่อนในหนังสือเล่มหนึ่ง! ใต้เตียงนอน 📌 ที่น่าสนใจที่สุดคือ คนร้ายรายนี้ชื่อว่า แฮรี่ พอตเตอร์! #เรื่องสั้น #เรื่องสั้นแปล #กันยรัตน์ #แมวดำ #สืบสวน #คดีปริศนา #เอลเลอรีควีน #นักสืบ #thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1500 มุมมอง 0 รีวิว