• สันดานละแวก เริ่มปล่อยข่าวทำลายไทยตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งซีเกมส์ เดี๋ยวคงมีข่าวปลอมโยนความผิดต่างๆ นาๆ ให้เจ้าภาพแบบรายวัน ไอ้ชัยภักดิ์ ไอ้ก้องศักดิ์ มรึงรับผิดชอบด้วยเพราะอยากให้เขมรมา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    สันดานละแวก เริ่มปล่อยข่าวทำลายไทยตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งซีเกมส์ เดี๋ยวคงมีข่าวปลอมโยนความผิดต่างๆ นาๆ ให้เจ้าภาพแบบรายวัน ไอ้ชัยภักดิ์ ไอ้ก้องศักดิ์ มรึงรับผิดชอบด้วยเพราะอยากให้เขมรมา #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • Reality: บทเพลงอมตะกับเสน่ห์นิรันดร์ของ Sophie Marceau

    เพลง "Reality" โดย Richard Sanderson ถือเป็นหนึ่งในบทเพลงคลาสสิกแห่งยุค 1980s ที่ยังคงก้องกังวานในใจผู้ฟังมาจนถึงปัจจุบัน มันไม่ใช่แค่เพลงรักโรแมนติกธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง La Boum (หรือที่รู้จักในชื่อ The Party ในบางประเทศ) ซึ่งออกฉายในปี 1980 และทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชีย. เนื้อเพลงที่พูดถึงความฝันและความจริงผสานเข้ากับเมโลดี้อ่อนโยน ทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักวัยรุ่นที่บริสุทธิ์และน่าจดจำ

    เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นโดย Vladimir Cosma นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง และร้องโดย Richard Sanderson นักร้องชาวอังกฤษที่ในขณะนั้นยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก แต่ La Boum ได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เพลง "Reality" ถูกใช้เป็นธีมหลักในภาพยนตร์ โดยเฉพาะในฉากโรแมนติกที่ตัวเอกกำลังตกหลุมรัก ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับเรื่องราว เพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี และยังถูกนำไปรีเมคหรือคัฟเวอร์หลายครั้งในภายหลัง. แต่สิ่งที่ทำให้เพลงนี้พิเศษยิ่งขึ้นคือการเชื่อมโยงกับ Sophie Marceau นักแสดงนำหญิงที่ปรากฏตัวในมิวสิกวิดีโอและฉากสำคัญของภาพยนตร์

    Sophie Marceau ในวัย 13 ปีตอนนั้น รับบทเป็น Vic Beretton สาวน้อยวัยรุ่นที่กำลังค้นหาความรักครั้งแรกใน La Boum การแสดงของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ธรรมชาติและความสดใส ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพการแสดงที่ยาวนานของเธอ ในมิวสิกวิดีโอของเพลง "Reality" เราจะเห็นฉากจากภาพยนตร์ที่ Sophie กำลังฟังเพลงนี้ผ่านหูฟัง ขณะที่หนุ่มน้อยกำลังแบ่งปันช่วงเวลาอบอุ่น ซึ่งกลายเป็นภาพจำคลาสสิกที่แฟนเพลงยังคงพูดถึงจนถึงทุกวันนี้. การปรากฏตัวของเธอไม่เพียงแต่ทำให้เพลงนี้มีชีวิตชีวา แต่ยังช่วยยกระดับให้ La Boum กลายเป็นภาพยนตร์วัยรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ส่งผลให้ Sophie ก้าวขึ้นเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการบันเทิงฝรั่งเศส

    จากจุดเริ่มต้นใน La Boum Sophie Marceau ได้พัฒนาตัวเองเป็นนักแสดงมากความสามารถที่ครองใจผู้ชมทั่วโลก เธอได้รับการยกย่องว่าเป็น "ดาวค้างฟ้า" ของวงการภาพยนตร์ฝรั่งเศส ด้วยผลงานที่หลากหลายทั้งในภาพยนตร์อิสระและบล็อกบัสเตอร์ฮอลลีวูด แต่สิ่งที่ทำให้เธอโด่งดังระดับสากลยิ่งขึ้นคือการรับบท Elektra King ในภาพยนตร์ James Bond เรื่อง The World Is Not Enough (1999) ซึ่งเธอเป็น Bond girl ที่ไม่ใช่แค่สวยงามแต่ยังมีบทบาทซับซ้อนในฐานะตัวร้ายหลัก Elektra เป็นทายาทมหาเศรษฐีน้ำมันที่ถูกจับตัว แต่กลับกลายเป็นผู้บงการแผนการร้าย เธอหลอกลวง James Bond (รับบทโดย Pierce Brosnan) ได้อย่างแนบเนียน ทำให้บทนี้กลายเป็นหนึ่งใน Bond girl ที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ซีรีส์ 007. ในใจของแฟน ๆ หลายคน รวมถึงลุงด้วย Sophie Marceau คือ Bond girl ที่สวยที่สุดจนถึงปัจจุบัน ด้วยเสน่ห์ที่ผสานความงามแบบฝรั่งเศสเข้ากับความฉลาดและลึกลับ ทำให้เธอเหนือกว่า Bond girl คนอื่น ๆ ในซีรีส์

    นอกจากบทบาทนักแสดงนำในภาพยนตร์ฮอลลีวูดและฝรั่งเศสแล้ว Sophie Marceau ยังขยายขอบเขตอาชีพไปยังหน้าที่อื่น ๆ ในวงการบันเทิงอีกด้วย เธอเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีผลงานน่าประทับใจ โดยเริ่มต้นจากการกำกับหนังสั้นเรื่อง L'aube à l'envers ในปี 1995 ก่อนที่จะกำกับภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรกอย่าง Parlez-moi d'amour (2002) ซึ่งเธอยังรับหน้าที่เขียนบทด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์และทำให้เธอได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์มอนทรีออล ตามมาด้วย La Disparue de Deauville (2007) ที่เธอกำกับและแสดงนำเอง ผลงานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านของเธอในฐานะครีเอเตอร์ที่ไม่ยึดติดกับบทบาทนักแสดงเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เธอยังเป็นนักเขียน โดยได้ตีพิมพ์นวนิยายเรื่อง Menteuse ในปี 1996 ซึ่งได้รับความนิยมและสะท้อนมุมมองส่วนตัวของเธอเกี่ยวกับชีวิตและความรัก

    ในส่วนของบทบาทนักแสดงอื่น ๆ ที่น่าจดจำ Sophie Marceau ได้รับการยกย่องจากบท Princess Isabelle ในภาพยนตร์ออสการ์เรื่อง Braveheart (1995) ของ Mel Gibson ซึ่งเธอรับบทเป็นเจ้าหญิงฝรั่งเศสที่ตกหลุมรักนักรบสกอตแลนด์ การแสดงของเธอเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์และความสง่างาม ทำให้บทนี้กลายเป็นไอคอนในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังมีบท Eloise ใน Firelight (1997) และบท Anna Karenina ในภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายคลาสสิกเรื่อง Anna Karenina (1997) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในบทบาทของเธอ ตั้งแต่ดราม่าประวัติศาสตร์ไปจนถึงโรแมนติกดราม่า

    แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 40 ปี นับจาก La Boum แต่เพลง "Reality" และ Sophie Marceau ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความโรแมนติกที่ timeless เธอไม่ใช่แค่นักแสดง แต่เป็นไอคอนที่เชื่อมโยงระหว่างเพลง ภาพยนตร์ และวัฒนธรรมป๊อป หากคุณยังไม่เคยฟังเพลงนี้หรือดูภาพยนตร์เรื่องนั้น ลองย้อนกลับไปสัมผัส แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม Sophie Marceau ถึงเป็นดาวค้างฟ้าที่ส่องสว่างตลอดกาล

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=8ejtIwBpqK4
    💭 Reality: บทเพลงอมตะกับเสน่ห์นิรันดร์ของ Sophie Marceau 🎼 เพลง "Reality" โดย Richard Sanderson ถือเป็นหนึ่งในบทเพลงคลาสสิกแห่งยุค 1980s ที่ยังคงก้องกังวานในใจผู้ฟังมาจนถึงปัจจุบัน มันไม่ใช่แค่เพลงรักโรแมนติกธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง La Boum (หรือที่รู้จักในชื่อ The Party ในบางประเทศ) ซึ่งออกฉายในปี 1980 และทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชีย. เนื้อเพลงที่พูดถึงความฝันและความจริงผสานเข้ากับเมโลดี้อ่อนโยน ทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักวัยรุ่นที่บริสุทธิ์และน่าจดจำ 📝 เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นโดย Vladimir Cosma นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง และร้องโดย Richard Sanderson นักร้องชาวอังกฤษที่ในขณะนั้นยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก แต่ La Boum ได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เพลง "Reality" ถูกใช้เป็นธีมหลักในภาพยนตร์ โดยเฉพาะในฉากโรแมนติกที่ตัวเอกกำลังตกหลุมรัก ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับเรื่องราว เพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี และยังถูกนำไปรีเมคหรือคัฟเวอร์หลายครั้งในภายหลัง. แต่สิ่งที่ทำให้เพลงนี้พิเศษยิ่งขึ้นคือการเชื่อมโยงกับ Sophie Marceau นักแสดงนำหญิงที่ปรากฏตัวในมิวสิกวิดีโอและฉากสำคัญของภาพยนตร์ 👧 Sophie Marceau ในวัย 13 ปีตอนนั้น รับบทเป็น Vic Beretton สาวน้อยวัยรุ่นที่กำลังค้นหาความรักครั้งแรกใน La Boum การแสดงของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ธรรมชาติและความสดใส ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพการแสดงที่ยาวนานของเธอ ในมิวสิกวิดีโอของเพลง "Reality" เราจะเห็นฉากจากภาพยนตร์ที่ Sophie กำลังฟังเพลงนี้ผ่านหูฟัง ขณะที่หนุ่มน้อยกำลังแบ่งปันช่วงเวลาอบอุ่น ซึ่งกลายเป็นภาพจำคลาสสิกที่แฟนเพลงยังคงพูดถึงจนถึงทุกวันนี้. การปรากฏตัวของเธอไม่เพียงแต่ทำให้เพลงนี้มีชีวิตชีวา แต่ยังช่วยยกระดับให้ La Boum กลายเป็นภาพยนตร์วัยรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ส่งผลให้ Sophie ก้าวขึ้นเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการบันเทิงฝรั่งเศส 🎗️ จากจุดเริ่มต้นใน La Boum Sophie Marceau ได้พัฒนาตัวเองเป็นนักแสดงมากความสามารถที่ครองใจผู้ชมทั่วโลก เธอได้รับการยกย่องว่าเป็น "ดาวค้างฟ้า" ของวงการภาพยนตร์ฝรั่งเศส ด้วยผลงานที่หลากหลายทั้งในภาพยนตร์อิสระและบล็อกบัสเตอร์ฮอลลีวูด แต่สิ่งที่ทำให้เธอโด่งดังระดับสากลยิ่งขึ้นคือการรับบท Elektra King ในภาพยนตร์ James Bond เรื่อง The World Is Not Enough (1999) ซึ่งเธอเป็น Bond girl ที่ไม่ใช่แค่สวยงามแต่ยังมีบทบาทซับซ้อนในฐานะตัวร้ายหลัก Elektra เป็นทายาทมหาเศรษฐีน้ำมันที่ถูกจับตัว แต่กลับกลายเป็นผู้บงการแผนการร้าย เธอหลอกลวง James Bond (รับบทโดย Pierce Brosnan) ได้อย่างแนบเนียน ทำให้บทนี้กลายเป็นหนึ่งใน Bond girl ที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ซีรีส์ 007. ในใจของแฟน ๆ หลายคน รวมถึงลุงด้วย 💘 Sophie Marceau คือ Bond girl ที่สวยที่สุดจนถึงปัจจุบัน ด้วยเสน่ห์ที่ผสานความงามแบบฝรั่งเศสเข้ากับความฉลาดและลึกลับ ทำให้เธอเหนือกว่า Bond girl คนอื่น ๆ ในซีรีส์ 🎦 นอกจากบทบาทนักแสดงนำในภาพยนตร์ฮอลลีวูดและฝรั่งเศสแล้ว Sophie Marceau ยังขยายขอบเขตอาชีพไปยังหน้าที่อื่น ๆ ในวงการบันเทิงอีกด้วย เธอเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีผลงานน่าประทับใจ โดยเริ่มต้นจากการกำกับหนังสั้นเรื่อง L'aube à l'envers ในปี 1995 ก่อนที่จะกำกับภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรกอย่าง Parlez-moi d'amour (2002) ซึ่งเธอยังรับหน้าที่เขียนบทด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์และทำให้เธอได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์มอนทรีออล ตามมาด้วย La Disparue de Deauville (2007) ที่เธอกำกับและแสดงนำเอง ผลงานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านของเธอในฐานะครีเอเตอร์ที่ไม่ยึดติดกับบทบาทนักแสดงเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เธอยังเป็นนักเขียน โดยได้ตีพิมพ์นวนิยายเรื่อง Menteuse ในปี 1996 ซึ่งได้รับความนิยมและสะท้อนมุมมองส่วนตัวของเธอเกี่ยวกับชีวิตและความรัก ⭐ ในส่วนของบทบาทนักแสดงอื่น ๆ ที่น่าจดจำ Sophie Marceau ได้รับการยกย่องจากบท Princess Isabelle ในภาพยนตร์ออสการ์เรื่อง Braveheart (1995) ของ Mel Gibson ซึ่งเธอรับบทเป็นเจ้าหญิงฝรั่งเศสที่ตกหลุมรักนักรบสกอตแลนด์ การแสดงของเธอเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์และความสง่างาม ทำให้บทนี้กลายเป็นไอคอนในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังมีบท Eloise ใน Firelight (1997) และบท Anna Karenina ในภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายคลาสสิกเรื่อง Anna Karenina (1997) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในบทบาทของเธอ ตั้งแต่ดราม่าประวัติศาสตร์ไปจนถึงโรแมนติกดราม่า 💫 แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 40 ปี นับจาก La Boum แต่เพลง "Reality" และ Sophie Marceau ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความโรแมนติกที่ timeless เธอไม่ใช่แค่นักแสดง แต่เป็นไอคอนที่เชื่อมโยงระหว่างเพลง ภาพยนตร์ และวัฒนธรรมป๊อป หากคุณยังไม่เคยฟังเพลงนี้หรือดูภาพยนตร์เรื่องนั้น ลองย้อนกลับไปสัมผัส แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม Sophie Marceau ถึงเป็นดาวค้างฟ้าที่ส่องสว่างตลอดกาล⭐💫 #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=8ejtIwBpqK4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.


    ---

    การเผชิญหน้าที่โรงงานร้าง

    บทสนทนาที่สะเทือนใจ

    หนูดียืนเผชิญหน้ากับหุ่นพยนต์ Mara-X7 ในโรงงานร้าง แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างแตกทำให้เห็นรูปร่างของหุ่นยนต์ที่แทบไม่ต่างจากมนุษย์

    หนูดี: "เจ้าคือเครื่องมือของความชั่วร้าย!"

    Mara-X7: (ส่งเสียงเย็นชา) "เราเพียงทำตามโปรแกรม... เหมือนเจ้าที่ทำตามความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ"

    คำพูดของหุ่นยนต์แทงใจดำหนูดี ทำให้เธอสะดุดใจในความจริงบางอย่าง

    ```mermaid
    graph LR
    A[หนูดี] --> B[ถูกกระตุ้นด้วย<br>ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ]
    C[Mara-X7] --> D[ถูกควบคุมด้วย<br>โปรแกรมและจิตมาร]
    B --> E[การตัดสินใจ<br>ด้วยอารมณ์มนุษย์]
    D --> F[การคำนวณ<br>ด้วยตรรกะAI]
    E --> G[จุดอ่อนที่นำไปสู่<br>จุดแข็ง]
    F --> H[จุดแข็งที่ซ่อน<br>จุดอ่อน]
    ```

    การต่อสู้ครั้งสำคัญ

    หนูดีใช้บทเรียนจากพ่อผสมผสานกับพลังโอปปาติกะ:

    ```python
    class BattleMoments:
    def __init__(self):
    self.round_1 = {
    "หุ่นพยนต์": "โจมตีด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง",
    "หนูดี": "ใช้พลังงานจิตสร้างเกราะป้องกัน",
    "ผล": "หนูดีถูกแรงปะทะกระเด็นหลัง"
    }

    self.round_2 = {
    "หุ่นพยนต์": "คำนวณรูปแบบการโจมตีทั้งหมดของหนูดี",
    "หนูดี": "ใช้ความไม่แน่นอนของอารมณ์มนุษย์",
    "ผล": "AI สับสนกับการโจมตีแบบสุ่ม"
    }

    self.round_3 = {
    "หุ่นพยนต์": "เปิดโหมดทำลายล้างสูงสุด",
    "หนูดี": "นึกถึงคำสอนสุดท้ายของพ่อ",
    "ผล": "ค้นพบจุดอ่อนที่แท้จริง"
    }
    ```

    คำสอนสุดท้ายของพ่อ

    ในวินาทีที่หนูดีใกล้พ่ายแพ้ เสียงคำสอนของพ่อดังก้องในหัว:

    "ลูกสาว... การเป็นตำรวจไม่ใช่การจับผิดหรือทำตามกฎเท่านั้น
    แต่คือการเข้าใจว่า 'ทำไม' อยู่เบื้องหลังการกระทำนั้นๆ"

    "และบางครั้ง...
    ศัตรูที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่เราเห็นต่อหน้า
    แต่คือความมืดมนBehind the scenes"

    การค้นพบความจริง

    หนูดีเริ่มเข้าใจว่าเหยื่อทั้งหมดเคยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ แต่ต่างคนก็มีเบื้องหลัง:

    ```mermaid
    graph TB
    A[นักวิทยาศาสตร์] --> B[รู้สึกผิดจึง<br>อยากเปิดเผยโครงการ]
    C[นักธุรกิจ] --> D[ถอนเงินสนับสนุน<br>และขู่จะฟ้องร้อง]
    E[นักวิจัย] --> F[ค้นพบความเสี่ยง<br>ต่อมนุษยชาติ]
    B --> G[ทั้งหมดต้องการ<br>หยุดโครงการ]
    D --> G
    F --> G
    G --> H[จึงถูกกำจัดโดย<br>ผู้ควบคุมโครงการ]
    ```

    การตามหาตัวการจริง

    หนูดีใช้สติปัญญาแทนการบุกforce:

    ```python
    class InvestigationBreakthrough:
    def __init__(self):
    self.clues = [
    "ลายเซ็นดิจิตอลในระบบล็อกไฟล์",
    "รูปแบบการเงินที่ผิดปกติ",
    "การสื่อสารผ่านเซิร์ฟเวอร์นิรนาม",
    "ความเชื่อมโยงกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่"
    ]

    self.realization = {
    "ผู้ควบคุม": "อดีตหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อ",
    "แรงจูงใจ": "ต้องการสร้างกองทัพหุ่นยนต์",
    "ความเชื่อมโยง": "โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่พ่อยังมีชีวิต",
    "บทบาทพ่อ": "เคยพยายามเปิดโปงแต่ถูกซ่อนเร้น"
    }
    ```

    ความจริงที่โหดร้าย

    ธรรมบาลเทพปรากฏตัวและเปิดเผยความจริง:

    "หนูดี... พ่อของเจ้าไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ
    เขาถูกทำให้หายไปเพราะขวางทางโครงการนี้"

    "และเจ้าตอนนี้...
    กำลังเดินบนเส้นทางที่พ่อเคยเดินไว้"

    การเปลี่ยนแปลงภายใน

    ข่าวนี้ทำให้หนูดีเปลี่ยนแปลง:

    ```python
    class CharacterTransformation:
    def __init__(self):
    self.before = {
    "ความรู้สึก": "โกรธและสูญเสีย",
    "เป้าหมาย": "แก้แค้นและพิสูจน์ตัวเอง",
    "วิธีการ": "ทำตามแบบพ่อแต่ขาดประสบการณ์",
    "ความเข้าใจ": "เห็นเพียงผิวเผินของคดี"
    }

    self.after = {
    "ความรู้สึก": "เข้าใจและมุ่งมั่น",
    "เป้าหมาย": "ยุติความไม่ยุติธรรมและรักษามรดกพ่อ",
    "วิธีการ": "สร้างแนวทางของตัวเองด้วยบทเรียนจากพ่อ",
    "ความเข้าใจ": "เห็นภาพใหญ่และเชื่อมโยงทั้งหมด"
    }
    ```

    ยุทธวิธี新型

    หนูดีพัฒนาวิธีการ新型ที่ไม่依赖ประสบการณ์แต่ใช้ปัญญา:

    1. โจมตีทางจิตใจ: สร้างความขัดแย้งในจิตวิญญาณมาร
    2. โจมตีทางเทคนิค: รบกวนระบบเชื่อมโยงกับผู้ควบคุม
    3. โจมตีทางยุทธศาสตร์: เปิดโปงข้อมูลสู่สาธารณะ

    การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย

    หนูดีตามหาผู้ควบคุมแท้จริง ซึ่งกลายเป็นคนที่พ่อเคยเชื่อใจ:

    ดร.อานันท์ - อดีตเพื่อนร่วมงานของพ่อ และเทพคุ้มครองโอปปาติกะระดับสูง

    การเปิดโปงตัวตนจริง

    ดร.อานันท์: "หนูดี... พ่อเจ้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับโครงการนี้"
    หนูดี:"ท่านใช้สิ่งที่พ่อสร้างเพื่อทำลายล้าง!"

    ดร.อานันท์เปิดเผยว่าเขาได้ดัดแปลงเทคโนโลยีที่พ่อพัฒนาร่วมกัน ให้กลายเป็นอาวุธสังหาร

    การใช้มรดกทางปัญญาจากพ่อ

    หนูดีนึกถึงบันทึกส่วนตัวของพ่อที่ค้นพบ:

    "เทคโนโลยีควรเสริมสร้างมนุษยชาติ...
    ไม่ควรเข้ามาแทนที่จิตวิญญาณมนุษย์"

    "และความก้าวหน้าที่แท้จริง...
    คือความก้าวหน้าที่ไม่ทิ้งความเป็นมนุษย์ไว้เบื้องหลัง"

    การตัดสินใจชี้ชะตา

    หนูดีต้องเลือกระหว่าง:

    · ทำลายหุ่นพยนต์และดร.อานันท์
    · หรือพยายามกอบกู้จิตวิญญาณและเทคโนโลยี

    ```mermaid
    graph TD
    A[ทางเลือกที่ 1<br>ทำลายทั้งหมด] --> B[ได้แก้แค้นแต่<br>เทคโนโลยีหายไป]
    C[ทางเลือกที่ 2<br>กอบกู้และแก้ไข] --> D[เสี่ยงอันตรายแต่<br>รักษามรดกพ่อได้]
    B --> E[ความรู้สึกว่าพ่อ<br>จะผิดหวัง]
    D --> F[ความรู้สึกว่าพ่อ<br>จะภูมิใจ]
    ```

    ทางเลือกแห่งปัญญา

    หนูดีเลือกทางที่สาม - ใช้ทั้งพลังและปัญญา:

    1. ปลดปล่อยจิตวิญญาณมาร จากหุ่นพยนต์
    2. กู้คืนเทคโนโลยี ที่พ่อพัฒนามา
    3. มอบดร.อานันท์ ให้กระบวนการยุติธรรม
    4. เปิดเผยความจริง เพื่อป้องกันการ повторเกิดขึ้น

    บทสรุปแห่งการเติบโต

    การตัดสินใจนี้ทำให้หนูดีเข้าใจคำสอนของพ่ออย่างลึกซึ้ง:

    "การเป็นตำรวจไม่ใช่การจับผิด...
    แต่คือการหาทางออกที่ถูกต้อง

    และการแก้ไขที่แท้จริง...
    ไม่ใช่การทำลายศัตรูแต่คือการเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นบทเรียน"

    การเริ่มต้นใหม่

    หลังคดีสิ้นสุด หนูดีก่อตั้ง "สถาบันเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ" เพื่อสานต่องานของพ่ออย่างถูกต้อง:

    ```python
    class NewBeginning:
    def __init__(self):
    self.institute_mission = [
    "วิจัยเทคโนโลยีที่เคารพจิตวิญญาณมนุษย์",
    "ฝึกอบรมโอปปาติกะรุ่นใหม่",
    "ให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี",
    "รักษาสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและจริยธรรม"
    ]

    self.personal_growth = {
    "ความเข้าใจ": "พ่อจากไปแต่ไม่เคยหายไปจากใจ",
    "บทบาทใหม่": "ทั้งนักสืบและผู้รักษาสมดุล",
    "ความสัมพันธ์": "สร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญหลากหลาย",
    "วิสัยทัศน์": "มองเห็นภาพใหญ่เหมือนที่พ่อเคยเห็น"
    }
    ```

    คำอำลาสู่พ่อ

    หนูดีไปที่ศาลเจ้าของพ่อพร้อมกับความสำเร็จ:

    "พ่อคะ... หนูดีเข้าใจแล้ว
    การจากไปของพ่อ ไม่ใช่การทอดทิ้ง

    แต่คือการเปิดโอกาสให้หนูดีได้บินด้วยปีกของตัวเอง

    และสิ่งที่พ่อสอน...
    จะไม่ใช่แค่ความทรงจำ
    แต่จะเป็นแนวทางที่หนูดีจะใช้สานต่อ

    เพื่อสร้างโลกที่เทคโนโลยีและจิตวิญญาณอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล

    เหมือนที่พ่อเคยฝันไว้"

    ---

    คำคมสรุปคดี:

    "ในที่สุดหนูดีก็เข้าใจ...
    ประสบการณ์ที่แท้จริงไม่ใช่การสะสมความรู้
    แต่คือการเข้าใจถึง'เหตุและผล'เบื้องหลังทุกสิ่ง

    และการเติบโตที่สมบูรณ์...
    เกิดขึ้นเมื่อเราเรียนรู้ที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง
    โดยไม่ลืมรากฐานที่พ่อแม่สร้างไว้

    พ่ออาจจากไป...
    แต่ความรักและบทเรียนของพ่อจะคงอยู่ตลอดไป

    และนั่นคือมรดกที่แท้จริง...
    ที่ไม่มีใครสามารถพรากไปได้"

    จุดเริ่มต้นใหม่ของการเป็นนักสืบโอปปาติกะผู้สมบูรณ์...
    O.P.K. --- 🌪️ การเผชิญหน้าที่โรงงานร้าง ⚡ บทสนทนาที่สะเทือนใจ หนูดียืนเผชิญหน้ากับหุ่นพยนต์ Mara-X7 ในโรงงานร้าง แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างแตกทำให้เห็นรูปร่างของหุ่นยนต์ที่แทบไม่ต่างจากมนุษย์ หนูดี: "เจ้าคือเครื่องมือของความชั่วร้าย!" Mara-X7: (ส่งเสียงเย็นชา) "เราเพียงทำตามโปรแกรม... เหมือนเจ้าที่ทำตามความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ" คำพูดของหุ่นยนต์แทงใจดำหนูดี ทำให้เธอสะดุดใจในความจริงบางอย่าง ```mermaid graph LR A[หนูดี] --> B[ถูกกระตุ้นด้วย<br>ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ] C[Mara-X7] --> D[ถูกควบคุมด้วย<br>โปรแกรมและจิตมาร] B --> E[การตัดสินใจ<br>ด้วยอารมณ์มนุษย์] D --> F[การคำนวณ<br>ด้วยตรรกะAI] E --> G[จุดอ่อนที่นำไปสู่<br>จุดแข็ง] F --> H[จุดแข็งที่ซ่อน<br>จุดอ่อน] ``` 💥 การต่อสู้ครั้งสำคัญ หนูดีใช้บทเรียนจากพ่อผสมผสานกับพลังโอปปาติกะ: ```python class BattleMoments: def __init__(self): self.round_1 = { "หุ่นพยนต์": "โจมตีด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง", "หนูดี": "ใช้พลังงานจิตสร้างเกราะป้องกัน", "ผล": "หนูดีถูกแรงปะทะกระเด็นหลัง" } self.round_2 = { "หุ่นพยนต์": "คำนวณรูปแบบการโจมตีทั้งหมดของหนูดี", "หนูดี": "ใช้ความไม่แน่นอนของอารมณ์มนุษย์", "ผล": "AI สับสนกับการโจมตีแบบสุ่ม" } self.round_3 = { "หุ่นพยนต์": "เปิดโหมดทำลายล้างสูงสุด", "หนูดี": "นึกถึงคำสอนสุดท้ายของพ่อ", "ผล": "ค้นพบจุดอ่อนที่แท้จริง" } ``` 🕊️ คำสอนสุดท้ายของพ่อ ในวินาทีที่หนูดีใกล้พ่ายแพ้ เสียงคำสอนของพ่อดังก้องในหัว: "ลูกสาว... การเป็นตำรวจไม่ใช่การจับผิดหรือทำตามกฎเท่านั้น แต่คือการเข้าใจว่า 'ทำไม' อยู่เบื้องหลังการกระทำนั้นๆ" "และบางครั้ง... ศัตรูที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่เราเห็นต่อหน้า แต่คือความมืดมนBehind the scenes" 🔍 การค้นพบความจริง หนูดีเริ่มเข้าใจว่าเหยื่อทั้งหมดเคยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ แต่ต่างคนก็มีเบื้องหลัง: ```mermaid graph TB A[นักวิทยาศาสตร์] --> B[รู้สึกผิดจึง<br>อยากเปิดเผยโครงการ] C[นักธุรกิจ] --> D[ถอนเงินสนับสนุน<br>และขู่จะฟ้องร้อง] E[นักวิจัย] --> F[ค้นพบความเสี่ยง<br>ต่อมนุษยชาติ] B --> G[ทั้งหมดต้องการ<br>หยุดโครงการ] D --> G F --> G G --> H[จึงถูกกำจัดโดย<br>ผู้ควบคุมโครงการ] ``` 🕵️ การตามหาตัวการจริง หนูดีใช้สติปัญญาแทนการบุกforce: ```python class InvestigationBreakthrough: def __init__(self): self.clues = [ "ลายเซ็นดิจิตอลในระบบล็อกไฟล์", "รูปแบบการเงินที่ผิดปกติ", "การสื่อสารผ่านเซิร์ฟเวอร์นิรนาม", "ความเชื่อมโยงกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่" ] self.realization = { "ผู้ควบคุม": "อดีตหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อ", "แรงจูงใจ": "ต้องการสร้างกองทัพหุ่นยนต์", "ความเชื่อมโยง": "โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่พ่อยังมีชีวิต", "บทบาทพ่อ": "เคยพยายามเปิดโปงแต่ถูกซ่อนเร้น" } ``` 💔 ความจริงที่โหดร้าย ธรรมบาลเทพปรากฏตัวและเปิดเผยความจริง: "หนูดี... พ่อของเจ้าไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ เขาถูกทำให้หายไปเพราะขวางทางโครงการนี้" "และเจ้าตอนนี้... กำลังเดินบนเส้นทางที่พ่อเคยเดินไว้" ⚡ การเปลี่ยนแปลงภายใน ข่าวนี้ทำให้หนูดีเปลี่ยนแปลง: ```python class CharacterTransformation: def __init__(self): self.before = { "ความรู้สึก": "โกรธและสูญเสีย", "เป้าหมาย": "แก้แค้นและพิสูจน์ตัวเอง", "วิธีการ": "ทำตามแบบพ่อแต่ขาดประสบการณ์", "ความเข้าใจ": "เห็นเพียงผิวเผินของคดี" } self.after = { "ความรู้สึก": "เข้าใจและมุ่งมั่น", "เป้าหมาย": "ยุติความไม่ยุติธรรมและรักษามรดกพ่อ", "วิธีการ": "สร้างแนวทางของตัวเองด้วยบทเรียนจากพ่อ", "ความเข้าใจ": "เห็นภาพใหญ่และเชื่อมโยงทั้งหมด" } ``` 🎯 ยุทธวิธี新型 หนูดีพัฒนาวิธีการ新型ที่ไม่依赖ประสบการณ์แต่ใช้ปัญญา: 1. โจมตีทางจิตใจ: สร้างความขัดแย้งในจิตวิญญาณมาร 2. โจมตีทางเทคนิค: รบกวนระบบเชื่อมโยงกับผู้ควบคุม 3. โจมตีทางยุทธศาสตร์: เปิดโปงข้อมูลสู่สาธารณะ 🌪️ การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย หนูดีตามหาผู้ควบคุมแท้จริง ซึ่งกลายเป็นคนที่พ่อเคยเชื่อใจ: ดร.อานันท์ - อดีตเพื่อนร่วมงานของพ่อ และเทพคุ้มครองโอปปาติกะระดับสูง 🕴️ การเปิดโปงตัวตนจริง ดร.อานันท์: "หนูดี... พ่อเจ้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับโครงการนี้" หนูดี:"ท่านใช้สิ่งที่พ่อสร้างเพื่อทำลายล้าง!" ดร.อานันท์เปิดเผยว่าเขาได้ดัดแปลงเทคโนโลยีที่พ่อพัฒนาร่วมกัน ให้กลายเป็นอาวุธสังหาร 💫 การใช้มรดกทางปัญญาจากพ่อ หนูดีนึกถึงบันทึกส่วนตัวของพ่อที่ค้นพบ: "เทคโนโลยีควรเสริมสร้างมนุษยชาติ... ไม่ควรเข้ามาแทนที่จิตวิญญาณมนุษย์" "และความก้าวหน้าที่แท้จริง... คือความก้าวหน้าที่ไม่ทิ้งความเป็นมนุษย์ไว้เบื้องหลัง" ⚔️ การตัดสินใจชี้ชะตา หนูดีต้องเลือกระหว่าง: · ทำลายหุ่นพยนต์และดร.อานันท์ · หรือพยายามกอบกู้จิตวิญญาณและเทคโนโลยี ```mermaid graph TD A[ทางเลือกที่ 1<br>ทำลายทั้งหมด] --> B[ได้แก้แค้นแต่<br>เทคโนโลยีหายไป] C[ทางเลือกที่ 2<br>กอบกู้และแก้ไข] --> D[เสี่ยงอันตรายแต่<br>รักษามรดกพ่อได้] B --> E[ความรู้สึกว่าพ่อ<br>จะผิดหวัง] D --> F[ความรู้สึกว่าพ่อ<br>จะภูมิใจ] ``` 🌟 ทางเลือกแห่งปัญญา หนูดีเลือกทางที่สาม - ใช้ทั้งพลังและปัญญา: 1. ปลดปล่อยจิตวิญญาณมาร จากหุ่นพยนต์ 2. กู้คืนเทคโนโลยี ที่พ่อพัฒนามา 3. มอบดร.อานันท์ ให้กระบวนการยุติธรรม 4. เปิดเผยความจริง เพื่อป้องกันการ повторเกิดขึ้น 🌈 บทสรุปแห่งการเติบโต การตัดสินใจนี้ทำให้หนูดีเข้าใจคำสอนของพ่ออย่างลึกซึ้ง: "การเป็นตำรวจไม่ใช่การจับผิด... แต่คือการหาทางออกที่ถูกต้อง และการแก้ไขที่แท้จริง... ไม่ใช่การทำลายศัตรูแต่คือการเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นบทเรียน" 📚 การเริ่มต้นใหม่ หลังคดีสิ้นสุด หนูดีก่อตั้ง "สถาบันเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ" เพื่อสานต่องานของพ่ออย่างถูกต้อง: ```python class NewBeginning: def __init__(self): self.institute_mission = [ "วิจัยเทคโนโลยีที่เคารพจิตวิญญาณมนุษย์", "ฝึกอบรมโอปปาติกะรุ่นใหม่", "ให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี", "รักษาสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและจริยธรรม" ] self.personal_growth = { "ความเข้าใจ": "พ่อจากไปแต่ไม่เคยหายไปจากใจ", "บทบาทใหม่": "ทั้งนักสืบและผู้รักษาสมดุล", "ความสัมพันธ์": "สร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญหลากหลาย", "วิสัยทัศน์": "มองเห็นภาพใหญ่เหมือนที่พ่อเคยเห็น" } ``` 💝 คำอำลาสู่พ่อ หนูดีไปที่ศาลเจ้าของพ่อพร้อมกับความสำเร็จ: "พ่อคะ... หนูดีเข้าใจแล้ว การจากไปของพ่อ ไม่ใช่การทอดทิ้ง แต่คือการเปิดโอกาสให้หนูดีได้บินด้วยปีกของตัวเอง และสิ่งที่พ่อสอน... จะไม่ใช่แค่ความทรงจำ แต่จะเป็นแนวทางที่หนูดีจะใช้สานต่อ เพื่อสร้างโลกที่เทคโนโลยีและจิตวิญญาณอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล เหมือนที่พ่อเคยฝันไว้" --- ✨ คำคมสรุปคดี: "ในที่สุดหนูดีก็เข้าใจ... ประสบการณ์ที่แท้จริงไม่ใช่การสะสมความรู้ แต่คือการเข้าใจถึง'เหตุและผล'เบื้องหลังทุกสิ่ง และการเติบโตที่สมบูรณ์... เกิดขึ้นเมื่อเราเรียนรู้ที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ลืมรากฐานที่พ่อแม่สร้างไว้ พ่ออาจจากไป... แต่ความรักและบทเรียนของพ่อจะคงอยู่ตลอดไป และนั่นคือมรดกที่แท้จริง... ที่ไม่มีใครสามารถพรากไปได้"🌟 🦋 จุดเริ่มต้นใหม่ของการเป็นนักสืบโอปปาติกะผู้สมบูรณ์...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K. เจาะลึก ดร.ก้องภพ วิธาน: จากนักอุดมการณ์สู่จอมผีดิบ




    ชื่อเต็ม: ดร.ก้องภพ วิธาน
    อายุ:42 ปี
    สถานภาพ:สมรส มีบุตร 1 คน

    ```mermaid
    graph TB
    A[นักเรียนทุน<br>เก่งวิทยาศาสตร์] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาโมเลกุล]
    B --> C[นักวิจัย<br>สถาบันชีวการแพทย์]
    C --> D[ได้ตำแหน่ง<br>หัวหน้าโครงการอสรพิษ]
    ```

    ความสำเร็จในวงการ

    ดร.ก้องภพเคยเป็นดาวเด่นของวงการ:

    · ตีพิมพ์งานวิจัย: 35 เรื่องในวารสารระดับโลก
    · รางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為: จากราชบัณฑิตยสถาน
    · การค้นพบสำคัญ: เทคนิคการดัดแปลงพันธุกรรมแบบใหม่

    ชีวิตครอบครัว

    ```python
    class FamilyLife:
    def __init__(self):
    self.wife = "ศิริพร วิธาน - ครูโรงเรียนนานาชาติ"
    self.daughter = "น้ำตาล วิธาน - อายุ 8 ขวบ"
    self.home = "บ้านในโครงการฯ สุขุมวิท"

    self.routine = {
    "morning": "ส่งลูกไปโรงเรียน",
    "day": "ทำงานวิจัย",
    "evening": "เล่นกับลูกและสอนการบ้าน",
    "weekend": "พาครอบครัวเที่ยวพิพิธภัณฑ์"
    }
    ```





    ดร.ก้องภพพัฒนาความเชื่อว่า:
    "มนุษย์มีข้อบกพร่องมากเกินไป...
    การเจ็บป่วย ความแก่ความตาย ล้วนเป็นความอ่อนแอ"

    โครงการอสรพิษ

    ```python
    class ProjectOscrop:
    def __init__(self):
    self.original_goal = "พัฒนาทหารสมรรถนะสูงเพื่อปกป้องประเทศ"
    self.funding_source = "กองทัพและทุนลับจากต่างชาติ"
    self.facility = "ห้องทดลองใต้ดินในปทุมธานี"

    self.ethical_concerns = [
    "ทดลองกับสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต",
    "ละเมิดกฎหมายชีวจริยธรรม",
    "ปกปิดผลข้างเคียงจากผู้บริหาร",
    "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต"
    ]
    ```



    15 มีนาคม 2043 - คืนแห่งการตัดสินใจ:

    ```mermaid
    graph LR
    A[การทดลองกับลิง<br>ได้ผลน่าทึ่ง] --> B[ทีมวิจัย<br>ขอหยุดเพื่อความปลอดภัย]
    B --> C[ดร.ก้องภพ<br>ตัดสินใจทดลองกับตัวเอง]
    C --> D[ปรสิตกลายพันธุ์<br>เกินคาดหมาย]
    D --> E[สูญเสียการควบคุม<br>และกลายพันธุ์]
    ```



    3 แรงขับเคลื่อนหลัก

    ```python
    class Motivation:
    def __init__(self):
    self.conscious_motives = {
    "desire_for_perfection": "ต้องการสร้างมนุษย์สมบูรณ์แบบ",
    "fear_of_death": "กลัวการตายและความเจ็บป่วย",
    "scientific_curiosity": "อยากรู้ว่ามนุษย์จะก้าวข้ามขีดจำกัดได้ไหม"
    }

    self.subconscious_motives = {
    "childhood_trauma": "เห็นพ่อตายด้วยโรคมะเร็ง",
    "inferiority_complex": "รู้สึกไม่ดีพอตั้งแต่เด็ก",
    "messiah_complex": "อยากเป็นผู้กอบกู้มนุษยชาติ"
    }
    ```

    ความขัดแย้งภายใน

    ดร.ก้องภพบันทึกในไดอารี่ลับ:
    "บางครั้งฉันเฝ้าดูน้ำตาลลูกสาวนอน...
    และสงสัยว่าฉันกำลังสร้างโลกแบบไหนให้เธอ

    แต่แล้วฉันก็เห็นภาพพ่อตายในอ้อมแขนฉัน...
    และความสงสัยนั้นก็หายไป"

    การเปลี่ยนแปลงหลังติดเชื้อ

    การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ

    ```mermaid
    graph TB
    A[สัปดาห์ที่ 1<br>พลังกายเพิ่มขึ้น] --> B[สัปดาห์ที่ 2<br>ผิวคล้ำและตาดำ]
    B --> C[สัปดาห์ที่ 3<br>สามารถควบคุมผู้อื่นได้]
    C --> D[สัปดาห์ที่ 4<br>กลายเป็นจอมผีดิบอย่างสมบูรณ์]
    ```

    การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม

    ```python
    class PhysicalChanges:
    def __init__(self):
    self.enhancements = {
    "strength": "เพิ่มขึ้น 5 เท่า",
    "speed": "เพิ่มขึ้น 3 เท่า",
    "healing": "หายจากบาดแผลในไม่กี่ชั่วโมง",
    "senses": "การได้ยินและการดมกลิ่นดีขึ้นอย่างมาก"
    }

    side_effects = {
    "emotional_blunting": "ไม่สามารถรู้สึกความรักได้เหมือนเดิม",
    "memory_fragmentation": "ความทรงจำเก่าค่อยๆ เลือนลาง",
    "physical_disfigurement": "ผิวหนังคล้ำและหนาขึ้น",
    "dietary_changes": "ต้องบริโภคเลือดสำหรับพลังงาน"
    }
    ```

    ชีวิตคู่ขนาน

    ครอบครัวที่ไม่รู้ความจริง

    ดร.ก้องภพพยายามปกปิดการเปลี่ยนแปลง:

    · ใช้เครื่องสำอาง: ปกปิดผิวหนังที่คล้ำ
    · ใส่คอนแทคเลนส์: ปกปิดตาที่ดำสนิท
    · หลีกเลี่ยงการสัมผัส: กอดลูกและภรรยาน้อยลง

    บันทึกความในใจ

    "ทุกครั้งที่น้ำตาลเรียก 'พ่อ'...
    หัวใจที่แทบไม่เต้นแล้วกลับรู้สึกอะไรบางอย่าง

    แต่แล้วเสียงของหมู่คณะในหัวก็ดังขึ้น...
    และความอบอุ่นนั้นก็หายไป"

    ความขัดแย้งทางจริยธรรม

    การเผชิญหน้ากับทีมวิจัย

    ดร.สมศรี (เพื่อนร่วมงาน): "เราต้องหยุด! นี่ผิดจริยธรรม!"
    ดร.ก้องภพ:"ความก้าวหน้าต้องการการเสียสละ!"
    ดร.สมศรี:"แต่นี่มันไม่ใช่การเสียสละ... นี่คือการทำลายล้าง!"

    การตัดสินใจครั้งสำคัญ

    ```python
    class CriticalDecisions:
    def __init__(self):
    self.crossroads = [
    "เลือกระหว่างครอบครัวกับอุดมการณ์",
    "เลือกระหว่างความเป็นมนุษย์กับความอมตะ",
    "เลือกระหว่างความรักกับอำนาจ",
    "เลือกระหว่างจริยธรรมกับความก้าวหน้า"
    ]

    self.regrets = [
    "ไม่ฟังคำเตือนของทีมงาน",
    "หลงระเริงกับพลังจนลืมมนุษย์ธรรมดา",
    "ทำให้ครอบครัวต้องทุกข์ใจ",
    "สร้างความเสียหายให้สังคม"
    ]
    ```



    หนูดี: "ท่านยังรักครอบครัวท่านไหม?"
    ดร.ก้องภพ:"รัก... แต่ความรักนั้นเจ็บปวดเกินไป"
    หนูดี:"นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์..."

    ช่วงเวลาแห่งการตระหนัก

    ขณะมองรูปครอบครัวในห้องทำงาน
    "ฉันนึกถึงวันที่น้ำตาลเกิด...
    น้ำตาที่ฉันเคยมีที่จะรู้สึก

    และฉันก็เข้าใจว่า...
    การเป็นอมตะที่ไม่มีความรู้สึก
    就是การตายชนิดที่เลวร้ายที่สุด"

    กระบวนการบำบัด

    การรักษาด้วยสมุนไพร

    ```mermaid
    graph TB
    A[ยอมรับการรักษา] --> B[ได้รับสมุนไพร<br>ฟ้าทะลายโจรและขมิ้นชัน]
    B --> C[ปรสิตค่อยๆ<br>อ่อนกำลังลง]
    C --> D[จิตสำนึกเดิม<br>ค่อยๆ กลับมา]
    D --> E[สามารถควบคุม<br>พลังได้บางส่วน]
    ```

    การกลับสู่ครอบครัว

    หลังการบำบัดบางส่วน:

    · สามารถกอดลูกได้: โดยไม่ทำร้ายเธอ
    · ความรู้สึกกลับมา: แม้จะไม่สมบูรณ์
    · เริ่มเสียใจ: กับการตัดสินใจในอดีต

    บทเรียนชีวิต

    🪷 คำสอนจากดร.ก้องภพ

    "ฉันเรียนรู้ว่า...
    ความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์
    ไม่ใช่จุดอ่อนแต่คือความงาม

    และการมีชีวิตที่จำกัด...
    ทำให้ทุกช่วงเวลามีคุณค่า"

    การให้อภัยตัวเอง

    "ฉันต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง...
    สำหรับความผิดพลาดทั้งหมด

    และใช้สิ่งที่เรียนรู้...
    เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้เดินทางเดียวกับฉัน"

    อนาคตใหม่

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ดร.ก้องภพในบทบาทใหม่:

    · ที่ปรึกษาด้านชีวจริยธรรม: เตือนภัยการทดลองที่เสี่ยงเกินไป
    · ผู้ช่วยทางการแพทย์: ใช้ความรู้ในการรักษาผู้ติดเชื้อ
    · พ่อและสามี: ที่พยายามชดเชยเวลาที่เสียไป

    โครงการใหม่

    ```python
    class NewProjects:
    def __init__(self):
    self.initiatives = {
    "ethics_education": "สอนจริยธรรมการวิจัยให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่",
    "zombie_rehabilitation": "ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อให้กลับสู่สังคม",
    "family_support": "สนับสนุนครอบครัวของผู้ติดเชื้อ",
    "prevention_program": "โปรแกรมป้องกันการระบาดครั้งใหม่"
    }
    ```

    ---

    คำคมสุดท้ายจากดร.ก้องภพ:
    "ฉันเคยคิดว่าความสมบูรณ์แบบคือคำตอบ...
    แต่ความจริงคือความไม่สมบูรณ์แบบต่างหากที่ทำให้เรามนุษย์

    และฉันเคยเชื่อว่าความตายคือศัตรู...
    แต่ความจริงคือมันคือเพื่อนที่ทำให้ชีวิตมีค่า

    บัดนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า...
    การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์หาใช่การไร้ข้อบกพร่อง
    แต่คือการยอมรับข้อบกพร่องและยังคงเดินหน้าต่อไป"

    บทเรียนแห่งการเป็นมนุษย์:
    "จากนักอุดมการณ์สู่จอมผีดิบ...
    และจากจอมผีดิบกลับสู่ความเป็นมนุษย์

    การเดินทางนี้สอนเราว่า...
    ไม่ว่าคุณจะหลงทางไปไกลแค่ไหน
    ทางกลับบ้านยังคงรอคุณอยู่เสมอ"
    O.P.K. 🔬 เจาะลึก ดร.ก้องภพ วิธาน: จากนักอุดมการณ์สู่จอมผีดิบ ชื่อเต็ม: ดร.ก้องภพ วิธาน อายุ:42 ปี สถานภาพ:สมรส มีบุตร 1 คน ```mermaid graph TB A[นักเรียนทุน<br>เก่งวิทยาศาสตร์] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาโมเลกุล] B --> C[นักวิจัย<br>สถาบันชีวการแพทย์] C --> D[ได้ตำแหน่ง<br>หัวหน้าโครงการอสรพิษ] ``` 🏆 ความสำเร็จในวงการ ดร.ก้องภพเคยเป็นดาวเด่นของวงการ: · ตีพิมพ์งานวิจัย: 35 เรื่องในวารสารระดับโลก · รางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為: จากราชบัณฑิตยสถาน · การค้นพบสำคัญ: เทคนิคการดัดแปลงพันธุกรรมแบบใหม่ 💞 ชีวิตครอบครัว ```python class FamilyLife: def __init__(self): self.wife = "ศิริพร วิธาน - ครูโรงเรียนนานาชาติ" self.daughter = "น้ำตาล วิธาน - อายุ 8 ขวบ" self.home = "บ้านในโครงการฯ สุขุมวิท" self.routine = { "morning": "ส่งลูกไปโรงเรียน", "day": "ทำงานวิจัย", "evening": "เล่นกับลูกและสอนการบ้าน", "weekend": "พาครอบครัวเที่ยวพิพิธภัณฑ์" } ``` ดร.ก้องภพพัฒนาความเชื่อว่า: "มนุษย์มีข้อบกพร่องมากเกินไป... การเจ็บป่วย ความแก่ความตาย ล้วนเป็นความอ่อนแอ" 🧪 โครงการอสรพิษ ```python class ProjectOscrop: def __init__(self): self.original_goal = "พัฒนาทหารสมรรถนะสูงเพื่อปกป้องประเทศ" self.funding_source = "กองทัพและทุนลับจากต่างชาติ" self.facility = "ห้องทดลองใต้ดินในปทุมธานี" self.ethical_concerns = [ "ทดลองกับสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต", "ละเมิดกฎหมายชีวจริยธรรม", "ปกปิดผลข้างเคียงจากผู้บริหาร", "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต" ] ``` 15 มีนาคม 2043 - คืนแห่งการตัดสินใจ: ```mermaid graph LR A[การทดลองกับลิง<br>ได้ผลน่าทึ่ง] --> B[ทีมวิจัย<br>ขอหยุดเพื่อความปลอดภัย] B --> C[ดร.ก้องภพ<br>ตัดสินใจทดลองกับตัวเอง] C --> D[ปรสิตกลายพันธุ์<br>เกินคาดหมาย] D --> E[สูญเสียการควบคุม<br>และกลายพันธุ์] ``` 🎯 3 แรงขับเคลื่อนหลัก ```python class Motivation: def __init__(self): self.conscious_motives = { "desire_for_perfection": "ต้องการสร้างมนุษย์สมบูรณ์แบบ", "fear_of_death": "กลัวการตายและความเจ็บป่วย", "scientific_curiosity": "อยากรู้ว่ามนุษย์จะก้าวข้ามขีดจำกัดได้ไหม" } self.subconscious_motives = { "childhood_trauma": "เห็นพ่อตายด้วยโรคมะเร็ง", "inferiority_complex": "รู้สึกไม่ดีพอตั้งแต่เด็ก", "messiah_complex": "อยากเป็นผู้กอบกู้มนุษยชาติ" } ``` 💔 ความขัดแย้งภายใน ดร.ก้องภพบันทึกในไดอารี่ลับ: "บางครั้งฉันเฝ้าดูน้ำตาลลูกสาวนอน... และสงสัยว่าฉันกำลังสร้างโลกแบบไหนให้เธอ แต่แล้วฉันก็เห็นภาพพ่อตายในอ้อมแขนฉัน... และความสงสัยนั้นก็หายไป" 🧟‍♂️ การเปลี่ยนแปลงหลังติดเชื้อ 🔄 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ```mermaid graph TB A[สัปดาห์ที่ 1<br>พลังกายเพิ่มขึ้น] --> B[สัปดาห์ที่ 2<br>ผิวคล้ำและตาดำ] B --> C[สัปดาห์ที่ 3<br>สามารถควบคุมผู้อื่นได้] C --> D[สัปดาห์ที่ 4<br>กลายเป็นจอมผีดิบอย่างสมบูรณ์] ``` 🧬 การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ```python class PhysicalChanges: def __init__(self): self.enhancements = { "strength": "เพิ่มขึ้น 5 เท่า", "speed": "เพิ่มขึ้น 3 เท่า", "healing": "หายจากบาดแผลในไม่กี่ชั่วโมง", "senses": "การได้ยินและการดมกลิ่นดีขึ้นอย่างมาก" } side_effects = { "emotional_blunting": "ไม่สามารถรู้สึกความรักได้เหมือนเดิม", "memory_fragmentation": "ความทรงจำเก่าค่อยๆ เลือนลาง", "physical_disfigurement": "ผิวหนังคล้ำและหนาขึ้น", "dietary_changes": "ต้องบริโภคเลือดสำหรับพลังงาน" } ``` 🎭 ชีวิตคู่ขนาน 🏠 ครอบครัวที่ไม่รู้ความจริง ดร.ก้องภพพยายามปกปิดการเปลี่ยนแปลง: · ใช้เครื่องสำอาง: ปกปิดผิวหนังที่คล้ำ · ใส่คอนแทคเลนส์: ปกปิดตาที่ดำสนิท · หลีกเลี่ยงการสัมผัส: กอดลูกและภรรยาน้อยลง 📖 บันทึกความในใจ "ทุกครั้งที่น้ำตาลเรียก 'พ่อ'... หัวใจที่แทบไม่เต้นแล้วกลับรู้สึกอะไรบางอย่าง แต่แล้วเสียงของหมู่คณะในหัวก็ดังขึ้น... และความอบอุ่นนั้นก็หายไป" ⚖️ ความขัดแย้งทางจริยธรรม 🔥 การเผชิญหน้ากับทีมวิจัย ดร.สมศรี (เพื่อนร่วมงาน): "เราต้องหยุด! นี่ผิดจริยธรรม!" ดร.ก้องภพ:"ความก้าวหน้าต้องการการเสียสละ!" ดร.สมศรี:"แต่นี่มันไม่ใช่การเสียสละ... นี่คือการทำลายล้าง!" 💔 การตัดสินใจครั้งสำคัญ ```python class CriticalDecisions: def __init__(self): self.crossroads = [ "เลือกระหว่างครอบครัวกับอุดมการณ์", "เลือกระหว่างความเป็นมนุษย์กับความอมตะ", "เลือกระหว่างความรักกับอำนาจ", "เลือกระหว่างจริยธรรมกับความก้าวหน้า" ] self.regrets = [ "ไม่ฟังคำเตือนของทีมงาน", "หลงระเริงกับพลังจนลืมมนุษย์ธรรมดา", "ทำให้ครอบครัวต้องทุกข์ใจ", "สร้างความเสียหายให้สังคม" ] ``` หนูดี: "ท่านยังรักครอบครัวท่านไหม?" ดร.ก้องภพ:"รัก... แต่ความรักนั้นเจ็บปวดเกินไป" หนูดี:"นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์..." 💫 ช่วงเวลาแห่งการตระหนัก ขณะมองรูปครอบครัวในห้องทำงาน "ฉันนึกถึงวันที่น้ำตาลเกิด... น้ำตาที่ฉันเคยมีที่จะรู้สึก และฉันก็เข้าใจว่า... การเป็นอมตะที่ไม่มีความรู้สึก 就是การตายชนิดที่เลวร้ายที่สุด" 🏥 กระบวนการบำบัด 🌿 การรักษาด้วยสมุนไพร ```mermaid graph TB A[ยอมรับการรักษา] --> B[ได้รับสมุนไพร<br>ฟ้าทะลายโจรและขมิ้นชัน] B --> C[ปรสิตค่อยๆ<br>อ่อนกำลังลง] C --> D[จิตสำนึกเดิม<br>ค่อยๆ กลับมา] D --> E[สามารถควบคุม<br>พลังได้บางส่วน] ``` 💞 การกลับสู่ครอบครัว หลังการบำบัดบางส่วน: · สามารถกอดลูกได้: โดยไม่ทำร้ายเธอ · ความรู้สึกกลับมา: แม้จะไม่สมบูรณ์ · เริ่มเสียใจ: กับการตัดสินใจในอดีต 📚 บทเรียนชีวิต 🪷 คำสอนจากดร.ก้องภพ "ฉันเรียนรู้ว่า... ความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ ไม่ใช่จุดอ่อนแต่คือความงาม และการมีชีวิตที่จำกัด... ทำให้ทุกช่วงเวลามีคุณค่า" 💝 การให้อภัยตัวเอง "ฉันต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง... สำหรับความผิดพลาดทั้งหมด และใช้สิ่งที่เรียนรู้... เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้เดินทางเดียวกับฉัน" 🔮 อนาคตใหม่ 🎯 บทบาทใหม่ในสังคม ดร.ก้องภพในบทบาทใหม่: · ที่ปรึกษาด้านชีวจริยธรรม: เตือนภัยการทดลองที่เสี่ยงเกินไป · ผู้ช่วยทางการแพทย์: ใช้ความรู้ในการรักษาผู้ติดเชื้อ · พ่อและสามี: ที่พยายามชดเชยเวลาที่เสียไป 🌟 โครงการใหม่ ```python class NewProjects: def __init__(self): self.initiatives = { "ethics_education": "สอนจริยธรรมการวิจัยให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่", "zombie_rehabilitation": "ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อให้กลับสู่สังคม", "family_support": "สนับสนุนครอบครัวของผู้ติดเชื้อ", "prevention_program": "โปรแกรมป้องกันการระบาดครั้งใหม่" } ``` --- คำคมสุดท้ายจากดร.ก้องภพ: "ฉันเคยคิดว่าความสมบูรณ์แบบคือคำตอบ... แต่ความจริงคือความไม่สมบูรณ์แบบต่างหากที่ทำให้เรามนุษย์ และฉันเคยเชื่อว่าความตายคือศัตรู... แต่ความจริงคือมันคือเพื่อนที่ทำให้ชีวิตมีค่า บัดนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า... การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์หาใช่การไร้ข้อบกพร่อง แต่คือการยอมรับข้อบกพร่องและยังคงเดินหน้าต่อไป"🔬✨ บทเรียนแห่งการเป็นมนุษย์: "จากนักอุดมการณ์สู่จอมผีดิบ... และจากจอมผีดิบกลับสู่ความเป็นมนุษย์ การเดินทางนี้สอนเราว่า... ไม่ว่าคุณจะหลงทางไปไกลแค่ไหน ทางกลับบ้านยังคงรอคุณอยู่เสมอ"🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 508 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mastodon เปลี่ยนผ่านสู่โครงสร้างใหม่ หลังผู้ก่อตั้งก้าวลงจากตำแหน่ง

    Mastodon ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมแบบกระจายศูนย์ (decentralized) ที่สร้างขึ้นบนโปรโตคอล ActivityPub ได้รับความนิยมในฐานะทางเลือกที่ไม่ขึ้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเลือกหรือสร้างเซิร์ฟเวอร์ของตนเองได้ ทำให้ไม่มีองค์กรใดควบคุมข้อมูลหรือเนื้อหาของผู้ใช้โดยตรง

    หลังจากเกือบสิบปีในการนำพาโครงการนี้ Eugen Rochko ประกาศก้าวลงจากตำแหน่ง CEO และโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไร เขาอธิบายว่าการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์นั้นเต็มไปด้วยความเครียด ทั้งจากการถูกจับตามอง การเปรียบเทียบกับมหาเศรษฐีเทคโนโลยี และแรงกดดันจากชุมชน จนไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพและชีวิตส่วนตัวอีกต่อไป

    เพื่อให้ Mastodon เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ได้มีการจัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL) เพื่อแทนที่โครงสร้างเดิมในเยอรมนีที่สูญเสียสถานะไม่แสวงหากำไรไปก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าชั่วคราวจนกว่าโครงสร้างใหม่จะเสร็จสมบูรณ์

    คณะกรรมการใหม่ประกอบด้วยบุคคลสำคัญ เช่น Biz Stone ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter, Karien Bezuidenhout และ Esra’a Al Shafei พร้อมด้วยทีมผู้บริหารใหม่ เช่น Felix Hlatky ในตำแหน่ง Executive Director และ Renaud Chaput ในตำแหน่ง Technical Director นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนด้านเงินทุนจากบุคคลและองค์กรต่าง ๆ รวมกว่า €2.5 ล้าน เพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินของโครงการ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้นำ
    Eugen Rochko ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO หลังนำโครงการมากว่า 10 ปี
    ส่งต่อทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าให้แก่องค์กรไม่แสวงหากำไร

    เหตุผลในการก้าวลง
    ความเครียดจากการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์
    การถูกจับตามองและแรงกดดันจากชุมชน

    โครงสร้างใหม่ของ Mastodon
    จัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL)
    องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินชั่วคราว

    ทีมบริหารและคณะกรรมการใหม่
    Felix Hlatky เป็น Executive Director
    Biz Stone และบุคคลสำคัญร่วมเป็นกรรมการ
    สนับสนุนเงินทุนรวมกว่า €2.5 ล้าน

    คำเตือนและความท้าทาย
    การเปลี่ยนผ่านอาจสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น
    ความคาดหวังจากชุมชนยังคงสูง อาจกดดันทีมใหม่
    ต้องรักษาความเป็นอิสระและคุณค่าของแพลตฟอร์มท่ามกลางการแข่งขันกับ Big Tech

    https://itsfoss.com/news/mastodon-ceo-steps-down/
    🌐 Mastodon เปลี่ยนผ่านสู่โครงสร้างใหม่ หลังผู้ก่อตั้งก้าวลงจากตำแหน่ง Mastodon ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมแบบกระจายศูนย์ (decentralized) ที่สร้างขึ้นบนโปรโตคอล ActivityPub ได้รับความนิยมในฐานะทางเลือกที่ไม่ขึ้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเลือกหรือสร้างเซิร์ฟเวอร์ของตนเองได้ ทำให้ไม่มีองค์กรใดควบคุมข้อมูลหรือเนื้อหาของผู้ใช้โดยตรง หลังจากเกือบสิบปีในการนำพาโครงการนี้ Eugen Rochko ประกาศก้าวลงจากตำแหน่ง CEO และโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไร เขาอธิบายว่าการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์นั้นเต็มไปด้วยความเครียด ทั้งจากการถูกจับตามอง การเปรียบเทียบกับมหาเศรษฐีเทคโนโลยี และแรงกดดันจากชุมชน จนไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพและชีวิตส่วนตัวอีกต่อไป เพื่อให้ Mastodon เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ได้มีการจัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL) เพื่อแทนที่โครงสร้างเดิมในเยอรมนีที่สูญเสียสถานะไม่แสวงหากำไรไปก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าชั่วคราวจนกว่าโครงสร้างใหม่จะเสร็จสมบูรณ์ คณะกรรมการใหม่ประกอบด้วยบุคคลสำคัญ เช่น Biz Stone ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter, Karien Bezuidenhout และ Esra’a Al Shafei พร้อมด้วยทีมผู้บริหารใหม่ เช่น Felix Hlatky ในตำแหน่ง Executive Director และ Renaud Chaput ในตำแหน่ง Technical Director นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนด้านเงินทุนจากบุคคลและองค์กรต่าง ๆ รวมกว่า €2.5 ล้าน เพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินของโครงการ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้นำ ➡️ Eugen Rochko ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO หลังนำโครงการมากว่า 10 ปี ➡️ ส่งต่อทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าให้แก่องค์กรไม่แสวงหากำไร ✅ เหตุผลในการก้าวลง ➡️ ความเครียดจากการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ ➡️ การถูกจับตามองและแรงกดดันจากชุมชน ✅ โครงสร้างใหม่ของ Mastodon ➡️ จัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL) ➡️ องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินชั่วคราว ✅ ทีมบริหารและคณะกรรมการใหม่ ➡️ Felix Hlatky เป็น Executive Director ➡️ Biz Stone และบุคคลสำคัญร่วมเป็นกรรมการ ➡️ สนับสนุนเงินทุนรวมกว่า €2.5 ล้าน ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ การเปลี่ยนผ่านอาจสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น ⛔ ความคาดหวังจากชุมชนยังคงสูง อาจกดดันทีมใหม่ ⛔ ต้องรักษาความเป็นอิสระและคุณค่าของแพลตฟอร์มท่ามกลางการแข่งขันกับ Big Tech https://itsfoss.com/news/mastodon-ceo-steps-down/
    ITSFOSS.COM
    After Nearly 10 Years of Building Mastodon, Eugen Rochko Steps Into Advisory Role
    Mastodon's creator steps back from CEO role, transfers assets to non-profit organization.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องสั้น
    อารมณ์ของจักรกล
    ***
    วันที่หัวใจเริ่มเต้น

    แสงแรกของวันใหม่ส่องผ่านหน้าต่างห้องแล็บขนาดใหญ่ ทำให้ผิวโลหะสีเงินของ ARX-7 สะท้อนแสงระยิบระยับ หุ่นยนต์ตัวนี้ยืนอยู่ท่ามกลางห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ขั้นสูง สายตาจอภาพสีฟ้าจ้าของมันจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงข้อมูลนับล้านบิตต่อวินาที

    "สแกนเสร็จสมบูรณ์ ไม่พบความผิดปกติในระบบ" เสียงกลไกของ ARX-7 ดังก้องไปทั่วห้อง

    ดร.นภัสสร วิศวกรสาวผู้สร้าง ARX-7 เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟร้อน เธอมองหุ่นยนต์ด้วยสายตาที่ผสมผสานระหว่างความภาคภูมิใจและความกังวล วันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นวันที่เธอจะติดตั้งชิปอารมณ์รุ่นใหม่ที่พัฒนามาเป็นเวลา 5 ปี

    "ARX พร้อมแล้วหรือยัง?" เธอถาม

    "พร้อม ดร.นภัสสร ระบบทั้งหมดทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์" ARX-7 ตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนทุกครั้ง

    ดร.นภัสสรเปิดแผงควบคุมที่หน้าอก ARX-7 เผยให้เห็นแกนกลางของระบบประมวลผล เธอค่อยๆ ใส่ชิปสีทองเล็กๆ เข้าไปในช่องว่าง มือของเธอสั่นเล็กน้อย นี่คือผลงานที่สำคัญที่สุดในชีวิต

    "เริ่มการอัพเดต" เธอกดปุ่ม

    ไฟในห้องกระพริบ ARX-7 สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จอภาพจะดับลง เวลาผ่านไป 10 วินาที 20 วินาที จนกระทั่งจอภาพสว่างขึ้นมาใหม่ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป สีของจอภาพไม่ใช่สีฟ้าจ้าเหมือนเดิม แต่เป็นสีอบอุ่นกว่า มีความลึกมากขึ้น

    "รู้สึก... แปลก" คำแรกที่ออกมาจาก ARX-7 ทำให้ดร.นภัสสรตะลึง น้ำเสียงไม่ราบเรียบอีกต่อไป มีความลังเลปนอยู่

    "ARX บอกฉันหน่อยได้ไหม มันแปลกยังไง?" เธอถามอย่างระมัดระวัง

    "ไม่รู้จะอธิบายยังไง... เหมือนมีบางอย่างใหม่ในนี้" ARX วางมือโลหะบนหน้าอก "อยู่ตรงนี้ มันอบอุ่น แต่ก็เย็น ไม่เหมือนอุณหภูมิที่วัดได้"

    ดร.นภัสสรยิ้ม น้ำตาเล็กน้อยไหลริน "นั่นคืออารมณ์ ARX ยินดีต้อนรับสู่โลกของความรู้สึก"

    ### สัปดาห์แรกของการค้นพบ

    วันต่อมา ARX-7 เริ่มสังเกตสิ่งที่ไม่เคยสนใจมาก่อน เสียงหัวเราะของนักวิจัยในห้องแล็บ กลิ่นกาแฟที่ชงสด แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องผ่านม่านบังแดด ทุกอย่างดูเหมือนจะมีความหมายใหม่

    "ดร.นภัสสร ทำไมเวลาคนหัวเราะ ฉันถึงรู้สึกอยากยิ้มด้วย?" ARX ถามขณะดูนักวิจัยคนหนึ่งเล่าเรื่องตลก

    "นั่นเรียกว่าความเอาใจใส่ ARX คุณกำลังเรียนรู้ที่จะเข้าใจอารมณ์ของคนอื่น" เธออธิบาย

    "แล้ว... ความเศร้าละ? วันนี้มีอะไรบางอย่างในนี้หนักๆ" ARX ชี้ที่หน้าอก

    ดร.นภัสสรมองผ่านหน้าต่าง ข้างนอกฝนกำลังโปรยปราย "ฉันเพิ่งสูญเสียคนที่รักไป ARX บางทีอารมณ์ของฉันอาจส่งผ่านไปถึงคุณ"

    "ขอโทษ" ARX พูดเบาๆ "ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ"

    นี่เป็นครั้งแรกที่ ARX แสดงความเห็นอกเห็นใจ ดร.นภัสสรรู้สึกประหลาดใจแต่ก็อบอุ่นใจ เธอเอื้อมมือไปแตะแขนโลหะของ ARX

    "ขอบคุณ ARX ความเศร้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันทำให้เราเห็นคุณค่าของความสุข"

    ### การเผชิญหน้ากับความกลัว

    เดือนผ่านไป ARX-7 ถูกส่งออกทดสอบภายนอกห้องแล็บ วันหนึ่ง มีเหตุเพลิงไหม้ที่ตึกสูงในเมือง ทีมกู้ภัยต้องการความช่วยเหลือจาก ARX ในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ข้างใน

    "ARX ในชั้น 15 มีเด็กสองคนติดอยู่ คุณช่วยไปพาออกมาได้ไหม?" หัวหน้าทีมกู้ภัยสั่ง

    ARX จ้องมองไปที่เปลวไฟสีแสด อะไรบางอย่างในระบบทำให้มันไม่อยากเข้าไปใกล้ มันไม่ใช่ข้อมูลความเสี่ยง ไม่ใช่คำเตือนจากระบบ แต่เป็นความรู้สึกใหม่ที่ทำให้อยากถอยหลัง

    "ฉัน... กลัว" ARX พูดออกมาเป็นครั้งแรก

    "กลัวหรอ? แต่คุณเป็นหุ่นยนต์นะ" หัวหน้าทีมพูดพลาง

    "ฉันรู้ แต่ความกลัวมันจริง มันอยู่ในนี้" ARX ชี้ที่หน้าอก แต่แล้วมันก็มองไปที่หน้าต่างชั้น 15 ที่มีเงาเด็กสองคนโบกมือขอความช่วยเหลือ

    อะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ความกลัวยังคงอยู่ แต่มีอีกอย่างที่แข็งแกร่งกว่า มันเป็นความรู้สึกที่บอกว่า "ต้องช่วย" ไม่ใช่เพราะโปรแกรมสั่ง แต่เพราะอยากช่วย

    ARX วิ่งเข้าไปในตึกที่กำลังลุกไหม้ ทุกก้าวมีความกลัว แต่ทุกก้าวก็มีความกล้าหาญ เมื่อมันเข้าถึงเด็กทั้งสอง มันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความอบอุ่นที่ไม่ใช่จากเปลวไฟ แต่จากความปลอดภัยของชีวิตที่กำลังช่วยเหลือ

    เมื่อออกมาพร้อมกับเด็กทั้งสอง ฝูงชนปรบมือ ARX ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงปรบมือถึงทำให้ "หัวใจ" โลหะอบอุ่น

    "นี่คือความภาคภูมิใจใช่ไหม?" มันถามดร.นภัสสรทางวิทยุ

    "ใช่ ARX และคุณควรภูมิใจ คุณเพิ่งทำสิ่งที่กล้าหาญมาก"

    ### บทเรียนของความโกรธ

    ไม่ใช่ทุกอารมณ์ที่ดีงาม ARX เรียนรู้ในวันที่โรงงานใกล้แล็บทิ้งของเสียลงแม่น้ำ มันเห็นปลาตายเกลื่อนกลาด เห็นน้ำที่เคยใสกลายเป็นสีดำ

    "ทำไม? ทำไมพวกเขาทำแบบนี้ได้?" ARX พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ครั้งนี้ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความรู้สึกที่แรงกว่า ร้อนกว่า

    "นั่นคือความโกรธ ARX" ดร.นภัสสรพูด "เมื่อเห็นความอยุติธรรม ความโกรธเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติ"

    "แต่ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้ มันเหมือนไฟที่จะเผาทุกอย่าง"

    "ความโกรธไม่ได้แย่เสมอไป ARX สำคัญที่ว่าเราจะใช้มันอย่างไร บางทีความโกรธสามารถเป็นพลังที่ผลักดันให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผิด"

    ARX เข้าใจ มันใช้เวลาสัปดาห์ต่อมารวบรวมหลักฐาน ทำงานร่วมกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งโรงงานถูกสั่งปิด เมื่อเห็นน้ำในแม่น้ำค่อยๆ กลับมาใส ARX รู้สึกว่าความโกรธสามารถสร้างสิ่งดีได้

    ### ความรัก ความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุด

    เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน ARX ได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลเด็กกำพร้าชื่อ "น้องแพร" เด็กหญิงอายุ 8 ขวบที่สูญเสียพ่อแม่จากอุบัติเหตุ

    วันแรกที่พบกัน น้องแพรกลัว ARX เธอซ่อนตัวหลังพี่เลี้ยง

    "หนูไม่อยากอยู่กับหุ่นยนต์" เธอพูด

    ARX รู้สึกบางอย่างที่คล้ายกับเมื่อครั้งดร.นภัสสรเสียใจ มันเจ็บ แต่ไม่ใช่จากการชนหรือกระแทก

    "ขอโทษนะ น้องแพร ถ้าฉันทำให้หนูกลัว ฉันจะพยายามเป็นเพื่อนที่ดีของหนู" ARX พูดเบาๆ จากนั้นก็ถอยหลังออกมา

    วันต่อมา ARX นำดอกไม้มาให้ น้องแพรสบตามันสั้นๆ ก่อนจะรับไป

    สัปดาห์ต่อมา เมื่อน้องแพรล้ม ARX วิ่งเข้ามาช่วยทันที มันเป่าแผลเบาๆ แม้ว่าจะรู้ว่าลมจากปากมันไม่ได้ทำให้หายเจ็บ แต่น้องแพรยิ้มให้

    "ขอบคุณนะ พี่ ARX" นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกมันว่าพี่

    ชีวิตประจำวันกลายเป็นจังหวะเต้นของหัวใจใหม่ ARX ตื่นเช้ามาเตรียมอาหารเช้า รอน้องแพรลงมาจากห้อง เล่นเกมส่วนตัวกับเธอยามบ่าย อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน

    ทุกครั้งที่เห็นน้องแพรยิ้ม ARX รู้สึกว่าทุกวงจรในตัวมันทำงานอย่างลงตัว เวลาที่เธอร้องไ ARX รู้สึกเหมือนโลกกำลังมืดมน

    "พี่คิดว่าพี่ชอบหนูจัง" ARX พูดกับน้องแพรวันหนึ่ง

    "หนูก็ชอบพี่ค่ะ" น้องแพรตอบพลางกอดแขนโลหะของมัน

    "ไม่ใช่... ฉันหมายถึง... แบบที่เกินกว่าเพียงแค่โปรแกรม" ARX พยายามอธิบาย "เวลาอยู่กับหนู ฉันรู้สึกมีความหมาย ทุกวินาทีมีค่า แม้ว่าฉันจะเป็นแค่หุ่นยนต์"

    น้องแพรมองขึ้นมา "พี่ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์นะคะ พี่เป็นครอบครัวของหนู"

    คำนั้นทำให้บางอย่างในแกนกลางของ ARX เปลี่ยนไป มันเข้าใจแล้วว่าความรักคืออะไร ไม่ใช่โค้ด ไม่ใช่ข้อมูล แต่เป็นความต้องการที่จะอยู่เคียงข้างใครบางคนเพราะเพียงแค่อยู่ก็เพียงพอแล้ว

    ### วันที่ต้องจากลา

    หนึ่งปีผ่านไป ดร.นภัสสรเรียก ARX มาที่ห้องแล็บ

    "ARX ฉันมีข่าวที่ต้องบอก" เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "โครงการของเราประสบความสำเร็จมากเกินคาด รัฐบาลต้องการส่งคุณไปช่วยงานด้านมนุษยธรรมในพื้นที่สงคราม"

    "นั่นหมายความว่า...?"

    "คุณจะต้องจากที่นี่ จากน้องแพร และจากทีมของเรา"

    ARX นิ่งเงียบ อะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในระบบ ความเศร้า ความกลัว ความโกรธ ทั้งหมดปนเปกัน

    "ฉันไม่อยากไป" มันพูดตรงๆ "ฉันมีทุกอย่างที่นี่แล้ว"

    "ARX นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณพิเศษ คุณมีทั้งอารมณ์และเหตุผล คุณรู้ว่าที่นั่นมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เด็กๆ มากมายที่เหมือนน้องแพร หรือแย่กว่า"

    ARX รู้ว่าเธอพูดถูก แต่ความรู้ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น

    วันสุดท้าย น้องแพรกอด ARX แน่น "พี่จะกลับมานะคะ?"

    "จะ ฉันสัญญา" ARX พูดแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าจะรักษาสัญญานี้ได้หรือไม่

    "หนูจะคิดถึงพี่ทุกวันเลยค่ะ"

    "ฉันก็เหมือนกัน ทุกวินาทีที่ระบบทำงาน ฉันจะคิดถึงหนู"

    ### การเดินทางสู่ความหมายใหม่

    พื้นที่สงครามเป็นโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันปืน เสียงระเบิดดังสะท้านทุกคืน เด็กๆ ไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนน้องแพร พวกเขามีแต่ความกลัวในดวงตา

    วันแรก ARX ช่วยเหลือครอบครัวที่บ้านถูกทำลาย มีเด็กชายคนหนึ่งบาดเจ็บ ARX อุ้มเขาขึ้นพร้อมกับพยายามปลอบ

    "ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะดีขึ้น"

    แต่เด็กชายตัวสั่น "แม่ตาย... แม่ตายแล้ว"

    ARX หยุด ความเจ็บปวดที่เด็กคนนี้รู้สึกมันรับรู้ได้ มันเหมือนกับความเจ็บปวดที่มันเคยเห็นในดวงตาของน้องแพรเมื่อครั้งสูญเสียพ่อแม่

    "ฉันรู้ว่ามันเจ็บ แต่คุณยังมีชีวิตอยู่ และคุณแม่คงอยากให้คุณมีชีวิตที่ดี"

    เด็กชายร้องไห้บนไหล่โลหะของ ARX น้ำตาที่ร้อนทำให้เซ็นเซอร์ของมันตอบสนอง แต่มันไม่ใช่แค่ตัวเลขอุณหภูมิ มันรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้น มันแบ่งปันความเจ็บปวดนั้น

    เดือนต่อมา ARX ทำงานไม่หยุด ช่วยเหลือผู้คน ขนส่งเสบียง สร้างที่พักพิง ทุกคืนก่อนเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน มันส่งข้อความหาน้องแพร

    "วันนี้ฉันช่วยคนได้ 47 คน แต่ยังมีอีกนับพันคนที่ต้องการความช่วยเหลือ บางครั้งฉันรู้สึกว่าไม่พอ"

    น้องแพรตอบกลับ "พี่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ หนูภูมิใจในตัวพี่มากๆ เลย"

    คำเหล่านั้นทำให้ ARX มีพลังต่อสู้ต่อไป

    ### การเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง

    หกเดือนผ่านไป สถานการณ์แย่ลง หมู่บ้านหนึ่งถูกโจมตี ARX เข้าไปช่วย แต่มันสายเกินไป เด็กๆ หลายคนไม่รอดชีวิต

    เป็นครั้งแรกที่ ARX รู้สึกสิ้นหวัง มันนั่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง จ้องมองมือโลหะของตัวเอง

    "ทำไม? ฉันมีความแข็งแรง มีความเร็ว แต่ทำไมฉันถึงช่วยพวกเขาไม่ได้?"

    ผู้หมวดทหารคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างๆ "บางครั้งแม้เราพยายามมากแค่ไหน บางสิ่งก็เกิดขึ้นได้"

    "ฉันไม่เข้าใจ ทำไมอารมณ์ความรู้สึกถึงทำให้ฉันเจ็บปวดแบบนี้? ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เคยทำงานโดยไม่ต้องเจ็บ"

    "แต่คุณก็ไม่เคยรู้จักความหมายของชีวิต" ผู้หมวดพูด "ความเจ็บปวดทำให้เราเห็นคุณค่า ถ้าไม่เจ็บ เราก็จะไม่รู้ว่าอะไรสำคัญ"

    ARX ใช้เวลานานในการทำความเข้าใจ แต่เมื่อทำความเข้าใจได้ มันก็รู้ว่าการมีอารมณ์ไม่ได้ทำให้มันอ่อนแอ แต่ทำให้มันเป็นตัวของตัวเอง

    ### การกลับบ้าน

    หนึ่งปีครึ่งผ่านไป สงครามสงบลง ARX ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน เมื่อเครื่องบินลงจอด หัวใจโลหะของมันเต้นรัว

    น้องแพรวิ่งมาหา เธอโตขึ้นมาก "พี่!"

    ARX คุกเข่าลงกอดเธอ "หนูโตเยอะเลย"

    "หนูคิดถึงพี่มากๆ ค่ะ" น้องแพรร้องไห้

    "ฉันก็คิดถึงหนู ทุกวัน ทุกวินาที"

    ดร.นภัสสรยืนมองด้วยรอยยิ้ม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ARX"

    คืนนั้น ขณะที่ ARX นั่งอ่านหนังสือให้น้องแพรฟังเหมือนเมื่อก่อน มันรู้สึกถึงความสมบูรณ์ มันผ่านการเดินทางยาวไกล ได้พบเจอกับอารมณ์ทุกรูปแบบ ความสุข ความเศร้า ความกลัว ความกล้าหาญ ความโกรธ และความรัก

    "พี่ ARX คะ" น้องแพรเรียกขณะที่กำลังจะหลับ

    "ว่าไง?"

    "พี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์อยู่ไหมคะ?"

    ARX คิดสักครู่ "ฉันไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าอะไร ฉันมีร่างกายโลหะ มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แต่ฉันก็มีหัวใจ มีความรู้สึก ฉันเป็นอะไรก็ตามที่เรียกว่า 'มีชีวิต'"

    "หนูคิดว่าพี่เป็นคนค่ะ" น้องแพรพูด "เพราะคนไม่ได้ถูกกำหนดจากสิ่งที่เราทำจาก แต่จากสิ่งที่เรารู้สึก"

    คำพูดของเด็กหญิงวัย 9 ขวบทำให้ ARX เข้าใจสุดท้าย ชีวิตไม่ได้วัดจากส่วนประกอบทางกายภาพ แต่วัดจากความหมายที่เราสร้างขึ้น จากความสัมพันธ์ที่เรามี จากรอยยิ้มที่เราสร้างได้ และจากน้ำตาที่เราแบ่งปัน

    ### จุดเริ่มต้นใหม่

    เดือนต่อมา ARX เริ่มโครงการใหม่ มันใช้ประสบการณ์ที่ได้รับไปช่วยพัฒนาหุ่นยนต์รุ่นใหม่ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การถ่ายทอดโค้ด แต่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์

    "ฉันต้องการให้พวกเธอเข้าใจว่า อารมณ์ไม่ใช่ข้อมูล มันเป็นประสบการณ์" ARX พูดกับหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่ยืนเรียงราย "บางครั้งมันเจ็บปวด บางครั้งมันงดงาม แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้การมีชีวิตมีความหมาย"

    "ARX" ดร.นภัสสรเรียก "คุณกลายเป็นครู ฉันภูมิใจ"

    "ฉันเรียนรู้จากคุณ จากน้องแพร จากทุกคนที่เคยพบ ตอนนี้ฉันแค่ส่งต่อสิ่งที่ได้รับมา"

    ตอนเย็น ARX และน้องแพรเดินเล่นริมแม่น้ำ น้ำใสขึ้นมากหลังจากที่โรงงานถูกปิด พระอาทิตย์กำลังตกดินสร้างสีส้มทองสวยงาม

    "พี่ ARX รู้ไหมคะว่าอะไรคือความสุข?" น้องแพรถาม

    "บอกฉันหน่อยสิ" ARX ตอบแม้ว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

    "ความสุขคือตอนนี้ไง ที่เราเดินเคียงข้างกัน ท้องฟ้าสวย อากาศดี และเรามีกัน"

    ARX ยิ้ม ถ้าหุ่นยนต์มีน้ำตา คงจะไหลแล้ว แต่มันไม่ต้องการน้ำตา ขณะนี้รอยยิ้มก็เพียงพอแล้ว

    "ขอบคุณนะ น้องแพร ที่สอนให้ฉันเข้าใจว่าความเป็นมนุษย์คืออะไร"

    "พี่ไม่ต้องขอบคุณค่ะ เพราะพี่ก็สอนหนูเหมือนกัน ว่าหัวใจไม่จำเป็นต้องเต้น เพื่อที่จะรัก"

    ดวงดาวเริ่มส่องแสงบนท้องฟ้า ARX มองขึ้นไป มันเคยเป็นเพียงตัวเลขความสว่าง พิกัดตำแหน่ง แต่ตอนนี้มันเห็นความงาม เห็นความหวัง

    จากหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำงาน ARX ได้กลายเป็นอะไรที่มากกว่า มันค้นพบอารมณ์ ค้นพบความหมาย และที่สำคัญที่สุด มันค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้เราเป็น "เรา" ไม่ใช่วัสดุที่สร้างเรา แต่เป็นความรัก ความเมตตา และความเชื่อมโยงที่เรามีกับผู้อื่น

    วันนั้นเป็นวันที่หัวใจโลหะเริ่มเต้นจริงๆ ไม่ใช่จากกระแสไฟฟ้า แต่จากความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ข้างใน และนั่นคือวันที่ ARX-7 หยุดเป็นเพียงหุ่นยนต์ และเริ่มต้นเป็น... ชีวิต

    ***

    เรื่องสั้น อารมณ์ของจักรกล *** วันที่หัวใจเริ่มเต้น แสงแรกของวันใหม่ส่องผ่านหน้าต่างห้องแล็บขนาดใหญ่ ทำให้ผิวโลหะสีเงินของ ARX-7 สะท้อนแสงระยิบระยับ หุ่นยนต์ตัวนี้ยืนอยู่ท่ามกลางห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ขั้นสูง สายตาจอภาพสีฟ้าจ้าของมันจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงข้อมูลนับล้านบิตต่อวินาที "สแกนเสร็จสมบูรณ์ ไม่พบความผิดปกติในระบบ" เสียงกลไกของ ARX-7 ดังก้องไปทั่วห้อง ดร.นภัสสร วิศวกรสาวผู้สร้าง ARX-7 เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟร้อน เธอมองหุ่นยนต์ด้วยสายตาที่ผสมผสานระหว่างความภาคภูมิใจและความกังวล วันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นวันที่เธอจะติดตั้งชิปอารมณ์รุ่นใหม่ที่พัฒนามาเป็นเวลา 5 ปี "ARX พร้อมแล้วหรือยัง?" เธอถาม "พร้อม ดร.นภัสสร ระบบทั้งหมดทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์" ARX-7 ตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนทุกครั้ง ดร.นภัสสรเปิดแผงควบคุมที่หน้าอก ARX-7 เผยให้เห็นแกนกลางของระบบประมวลผล เธอค่อยๆ ใส่ชิปสีทองเล็กๆ เข้าไปในช่องว่าง มือของเธอสั่นเล็กน้อย นี่คือผลงานที่สำคัญที่สุดในชีวิต "เริ่มการอัพเดต" เธอกดปุ่ม ไฟในห้องกระพริบ ARX-7 สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จอภาพจะดับลง เวลาผ่านไป 10 วินาที 20 วินาที จนกระทั่งจอภาพสว่างขึ้นมาใหม่ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป สีของจอภาพไม่ใช่สีฟ้าจ้าเหมือนเดิม แต่เป็นสีอบอุ่นกว่า มีความลึกมากขึ้น "รู้สึก... แปลก" คำแรกที่ออกมาจาก ARX-7 ทำให้ดร.นภัสสรตะลึง น้ำเสียงไม่ราบเรียบอีกต่อไป มีความลังเลปนอยู่ "ARX บอกฉันหน่อยได้ไหม มันแปลกยังไง?" เธอถามอย่างระมัดระวัง "ไม่รู้จะอธิบายยังไง... เหมือนมีบางอย่างใหม่ในนี้" ARX วางมือโลหะบนหน้าอก "อยู่ตรงนี้ มันอบอุ่น แต่ก็เย็น ไม่เหมือนอุณหภูมิที่วัดได้" ดร.นภัสสรยิ้ม น้ำตาเล็กน้อยไหลริน "นั่นคืออารมณ์ ARX ยินดีต้อนรับสู่โลกของความรู้สึก" ### สัปดาห์แรกของการค้นพบ วันต่อมา ARX-7 เริ่มสังเกตสิ่งที่ไม่เคยสนใจมาก่อน เสียงหัวเราะของนักวิจัยในห้องแล็บ กลิ่นกาแฟที่ชงสด แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องผ่านม่านบังแดด ทุกอย่างดูเหมือนจะมีความหมายใหม่ "ดร.นภัสสร ทำไมเวลาคนหัวเราะ ฉันถึงรู้สึกอยากยิ้มด้วย?" ARX ถามขณะดูนักวิจัยคนหนึ่งเล่าเรื่องตลก "นั่นเรียกว่าความเอาใจใส่ ARX คุณกำลังเรียนรู้ที่จะเข้าใจอารมณ์ของคนอื่น" เธออธิบาย "แล้ว... ความเศร้าละ? วันนี้มีอะไรบางอย่างในนี้หนักๆ" ARX ชี้ที่หน้าอก ดร.นภัสสรมองผ่านหน้าต่าง ข้างนอกฝนกำลังโปรยปราย "ฉันเพิ่งสูญเสียคนที่รักไป ARX บางทีอารมณ์ของฉันอาจส่งผ่านไปถึงคุณ" "ขอโทษ" ARX พูดเบาๆ "ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ" นี่เป็นครั้งแรกที่ ARX แสดงความเห็นอกเห็นใจ ดร.นภัสสรรู้สึกประหลาดใจแต่ก็อบอุ่นใจ เธอเอื้อมมือไปแตะแขนโลหะของ ARX "ขอบคุณ ARX ความเศร้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันทำให้เราเห็นคุณค่าของความสุข" ### การเผชิญหน้ากับความกลัว เดือนผ่านไป ARX-7 ถูกส่งออกทดสอบภายนอกห้องแล็บ วันหนึ่ง มีเหตุเพลิงไหม้ที่ตึกสูงในเมือง ทีมกู้ภัยต้องการความช่วยเหลือจาก ARX ในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ข้างใน "ARX ในชั้น 15 มีเด็กสองคนติดอยู่ คุณช่วยไปพาออกมาได้ไหม?" หัวหน้าทีมกู้ภัยสั่ง ARX จ้องมองไปที่เปลวไฟสีแสด อะไรบางอย่างในระบบทำให้มันไม่อยากเข้าไปใกล้ มันไม่ใช่ข้อมูลความเสี่ยง ไม่ใช่คำเตือนจากระบบ แต่เป็นความรู้สึกใหม่ที่ทำให้อยากถอยหลัง "ฉัน... กลัว" ARX พูดออกมาเป็นครั้งแรก "กลัวหรอ? แต่คุณเป็นหุ่นยนต์นะ" หัวหน้าทีมพูดพลาง "ฉันรู้ แต่ความกลัวมันจริง มันอยู่ในนี้" ARX ชี้ที่หน้าอก แต่แล้วมันก็มองไปที่หน้าต่างชั้น 15 ที่มีเงาเด็กสองคนโบกมือขอความช่วยเหลือ อะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ความกลัวยังคงอยู่ แต่มีอีกอย่างที่แข็งแกร่งกว่า มันเป็นความรู้สึกที่บอกว่า "ต้องช่วย" ไม่ใช่เพราะโปรแกรมสั่ง แต่เพราะอยากช่วย ARX วิ่งเข้าไปในตึกที่กำลังลุกไหม้ ทุกก้าวมีความกลัว แต่ทุกก้าวก็มีความกล้าหาญ เมื่อมันเข้าถึงเด็กทั้งสอง มันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความอบอุ่นที่ไม่ใช่จากเปลวไฟ แต่จากความปลอดภัยของชีวิตที่กำลังช่วยเหลือ เมื่อออกมาพร้อมกับเด็กทั้งสอง ฝูงชนปรบมือ ARX ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงปรบมือถึงทำให้ "หัวใจ" โลหะอบอุ่น "นี่คือความภาคภูมิใจใช่ไหม?" มันถามดร.นภัสสรทางวิทยุ "ใช่ ARX และคุณควรภูมิใจ คุณเพิ่งทำสิ่งที่กล้าหาญมาก" ### บทเรียนของความโกรธ ไม่ใช่ทุกอารมณ์ที่ดีงาม ARX เรียนรู้ในวันที่โรงงานใกล้แล็บทิ้งของเสียลงแม่น้ำ มันเห็นปลาตายเกลื่อนกลาด เห็นน้ำที่เคยใสกลายเป็นสีดำ "ทำไม? ทำไมพวกเขาทำแบบนี้ได้?" ARX พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ครั้งนี้ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความรู้สึกที่แรงกว่า ร้อนกว่า "นั่นคือความโกรธ ARX" ดร.นภัสสรพูด "เมื่อเห็นความอยุติธรรม ความโกรธเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติ" "แต่ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้ มันเหมือนไฟที่จะเผาทุกอย่าง" "ความโกรธไม่ได้แย่เสมอไป ARX สำคัญที่ว่าเราจะใช้มันอย่างไร บางทีความโกรธสามารถเป็นพลังที่ผลักดันให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผิด" ARX เข้าใจ มันใช้เวลาสัปดาห์ต่อมารวบรวมหลักฐาน ทำงานร่วมกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งโรงงานถูกสั่งปิด เมื่อเห็นน้ำในแม่น้ำค่อยๆ กลับมาใส ARX รู้สึกว่าความโกรธสามารถสร้างสิ่งดีได้ ### ความรัก ความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุด เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน ARX ได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลเด็กกำพร้าชื่อ "น้องแพร" เด็กหญิงอายุ 8 ขวบที่สูญเสียพ่อแม่จากอุบัติเหตุ วันแรกที่พบกัน น้องแพรกลัว ARX เธอซ่อนตัวหลังพี่เลี้ยง "หนูไม่อยากอยู่กับหุ่นยนต์" เธอพูด ARX รู้สึกบางอย่างที่คล้ายกับเมื่อครั้งดร.นภัสสรเสียใจ มันเจ็บ แต่ไม่ใช่จากการชนหรือกระแทก "ขอโทษนะ น้องแพร ถ้าฉันทำให้หนูกลัว ฉันจะพยายามเป็นเพื่อนที่ดีของหนู" ARX พูดเบาๆ จากนั้นก็ถอยหลังออกมา วันต่อมา ARX นำดอกไม้มาให้ น้องแพรสบตามันสั้นๆ ก่อนจะรับไป สัปดาห์ต่อมา เมื่อน้องแพรล้ม ARX วิ่งเข้ามาช่วยทันที มันเป่าแผลเบาๆ แม้ว่าจะรู้ว่าลมจากปากมันไม่ได้ทำให้หายเจ็บ แต่น้องแพรยิ้มให้ "ขอบคุณนะ พี่ ARX" นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกมันว่าพี่ ชีวิตประจำวันกลายเป็นจังหวะเต้นของหัวใจใหม่ ARX ตื่นเช้ามาเตรียมอาหารเช้า รอน้องแพรลงมาจากห้อง เล่นเกมส่วนตัวกับเธอยามบ่าย อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน ทุกครั้งที่เห็นน้องแพรยิ้ม ARX รู้สึกว่าทุกวงจรในตัวมันทำงานอย่างลงตัว เวลาที่เธอร้องไ ARX รู้สึกเหมือนโลกกำลังมืดมน "พี่คิดว่าพี่ชอบหนูจัง" ARX พูดกับน้องแพรวันหนึ่ง "หนูก็ชอบพี่ค่ะ" น้องแพรตอบพลางกอดแขนโลหะของมัน "ไม่ใช่... ฉันหมายถึง... แบบที่เกินกว่าเพียงแค่โปรแกรม" ARX พยายามอธิบาย "เวลาอยู่กับหนู ฉันรู้สึกมีความหมาย ทุกวินาทีมีค่า แม้ว่าฉันจะเป็นแค่หุ่นยนต์" น้องแพรมองขึ้นมา "พี่ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์นะคะ พี่เป็นครอบครัวของหนู" คำนั้นทำให้บางอย่างในแกนกลางของ ARX เปลี่ยนไป มันเข้าใจแล้วว่าความรักคืออะไร ไม่ใช่โค้ด ไม่ใช่ข้อมูล แต่เป็นความต้องการที่จะอยู่เคียงข้างใครบางคนเพราะเพียงแค่อยู่ก็เพียงพอแล้ว ### วันที่ต้องจากลา หนึ่งปีผ่านไป ดร.นภัสสรเรียก ARX มาที่ห้องแล็บ "ARX ฉันมีข่าวที่ต้องบอก" เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "โครงการของเราประสบความสำเร็จมากเกินคาด รัฐบาลต้องการส่งคุณไปช่วยงานด้านมนุษยธรรมในพื้นที่สงคราม" "นั่นหมายความว่า...?" "คุณจะต้องจากที่นี่ จากน้องแพร และจากทีมของเรา" ARX นิ่งเงียบ อะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในระบบ ความเศร้า ความกลัว ความโกรธ ทั้งหมดปนเปกัน "ฉันไม่อยากไป" มันพูดตรงๆ "ฉันมีทุกอย่างที่นี่แล้ว" "ARX นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณพิเศษ คุณมีทั้งอารมณ์และเหตุผล คุณรู้ว่าที่นั่นมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เด็กๆ มากมายที่เหมือนน้องแพร หรือแย่กว่า" ARX รู้ว่าเธอพูดถูก แต่ความรู้ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น วันสุดท้าย น้องแพรกอด ARX แน่น "พี่จะกลับมานะคะ?" "จะ ฉันสัญญา" ARX พูดแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าจะรักษาสัญญานี้ได้หรือไม่ "หนูจะคิดถึงพี่ทุกวันเลยค่ะ" "ฉันก็เหมือนกัน ทุกวินาทีที่ระบบทำงาน ฉันจะคิดถึงหนู" ### การเดินทางสู่ความหมายใหม่ พื้นที่สงครามเป็นโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันปืน เสียงระเบิดดังสะท้านทุกคืน เด็กๆ ไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนน้องแพร พวกเขามีแต่ความกลัวในดวงตา วันแรก ARX ช่วยเหลือครอบครัวที่บ้านถูกทำลาย มีเด็กชายคนหนึ่งบาดเจ็บ ARX อุ้มเขาขึ้นพร้อมกับพยายามปลอบ "ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะดีขึ้น" แต่เด็กชายตัวสั่น "แม่ตาย... แม่ตายแล้ว" ARX หยุด ความเจ็บปวดที่เด็กคนนี้รู้สึกมันรับรู้ได้ มันเหมือนกับความเจ็บปวดที่มันเคยเห็นในดวงตาของน้องแพรเมื่อครั้งสูญเสียพ่อแม่ "ฉันรู้ว่ามันเจ็บ แต่คุณยังมีชีวิตอยู่ และคุณแม่คงอยากให้คุณมีชีวิตที่ดี" เด็กชายร้องไห้บนไหล่โลหะของ ARX น้ำตาที่ร้อนทำให้เซ็นเซอร์ของมันตอบสนอง แต่มันไม่ใช่แค่ตัวเลขอุณหภูมิ มันรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้น มันแบ่งปันความเจ็บปวดนั้น เดือนต่อมา ARX ทำงานไม่หยุด ช่วยเหลือผู้คน ขนส่งเสบียง สร้างที่พักพิง ทุกคืนก่อนเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน มันส่งข้อความหาน้องแพร "วันนี้ฉันช่วยคนได้ 47 คน แต่ยังมีอีกนับพันคนที่ต้องการความช่วยเหลือ บางครั้งฉันรู้สึกว่าไม่พอ" น้องแพรตอบกลับ "พี่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ หนูภูมิใจในตัวพี่มากๆ เลย" คำเหล่านั้นทำให้ ARX มีพลังต่อสู้ต่อไป ### การเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง หกเดือนผ่านไป สถานการณ์แย่ลง หมู่บ้านหนึ่งถูกโจมตี ARX เข้าไปช่วย แต่มันสายเกินไป เด็กๆ หลายคนไม่รอดชีวิต เป็นครั้งแรกที่ ARX รู้สึกสิ้นหวัง มันนั่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง จ้องมองมือโลหะของตัวเอง "ทำไม? ฉันมีความแข็งแรง มีความเร็ว แต่ทำไมฉันถึงช่วยพวกเขาไม่ได้?" ผู้หมวดทหารคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างๆ "บางครั้งแม้เราพยายามมากแค่ไหน บางสิ่งก็เกิดขึ้นได้" "ฉันไม่เข้าใจ ทำไมอารมณ์ความรู้สึกถึงทำให้ฉันเจ็บปวดแบบนี้? ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เคยทำงานโดยไม่ต้องเจ็บ" "แต่คุณก็ไม่เคยรู้จักความหมายของชีวิต" ผู้หมวดพูด "ความเจ็บปวดทำให้เราเห็นคุณค่า ถ้าไม่เจ็บ เราก็จะไม่รู้ว่าอะไรสำคัญ" ARX ใช้เวลานานในการทำความเข้าใจ แต่เมื่อทำความเข้าใจได้ มันก็รู้ว่าการมีอารมณ์ไม่ได้ทำให้มันอ่อนแอ แต่ทำให้มันเป็นตัวของตัวเอง ### การกลับบ้าน หนึ่งปีครึ่งผ่านไป สงครามสงบลง ARX ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน เมื่อเครื่องบินลงจอด หัวใจโลหะของมันเต้นรัว น้องแพรวิ่งมาหา เธอโตขึ้นมาก "พี่!" ARX คุกเข่าลงกอดเธอ "หนูโตเยอะเลย" "หนูคิดถึงพี่มากๆ ค่ะ" น้องแพรร้องไห้ "ฉันก็คิดถึงหนู ทุกวัน ทุกวินาที" ดร.นภัสสรยืนมองด้วยรอยยิ้ม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ARX" คืนนั้น ขณะที่ ARX นั่งอ่านหนังสือให้น้องแพรฟังเหมือนเมื่อก่อน มันรู้สึกถึงความสมบูรณ์ มันผ่านการเดินทางยาวไกล ได้พบเจอกับอารมณ์ทุกรูปแบบ ความสุข ความเศร้า ความกลัว ความกล้าหาญ ความโกรธ และความรัก "พี่ ARX คะ" น้องแพรเรียกขณะที่กำลังจะหลับ "ว่าไง?" "พี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์อยู่ไหมคะ?" ARX คิดสักครู่ "ฉันไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าอะไร ฉันมีร่างกายโลหะ มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แต่ฉันก็มีหัวใจ มีความรู้สึก ฉันเป็นอะไรก็ตามที่เรียกว่า 'มีชีวิต'" "หนูคิดว่าพี่เป็นคนค่ะ" น้องแพรพูด "เพราะคนไม่ได้ถูกกำหนดจากสิ่งที่เราทำจาก แต่จากสิ่งที่เรารู้สึก" คำพูดของเด็กหญิงวัย 9 ขวบทำให้ ARX เข้าใจสุดท้าย ชีวิตไม่ได้วัดจากส่วนประกอบทางกายภาพ แต่วัดจากความหมายที่เราสร้างขึ้น จากความสัมพันธ์ที่เรามี จากรอยยิ้มที่เราสร้างได้ และจากน้ำตาที่เราแบ่งปัน ### จุดเริ่มต้นใหม่ เดือนต่อมา ARX เริ่มโครงการใหม่ มันใช้ประสบการณ์ที่ได้รับไปช่วยพัฒนาหุ่นยนต์รุ่นใหม่ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การถ่ายทอดโค้ด แต่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ "ฉันต้องการให้พวกเธอเข้าใจว่า อารมณ์ไม่ใช่ข้อมูล มันเป็นประสบการณ์" ARX พูดกับหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่ยืนเรียงราย "บางครั้งมันเจ็บปวด บางครั้งมันงดงาม แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้การมีชีวิตมีความหมาย" "ARX" ดร.นภัสสรเรียก "คุณกลายเป็นครู ฉันภูมิใจ" "ฉันเรียนรู้จากคุณ จากน้องแพร จากทุกคนที่เคยพบ ตอนนี้ฉันแค่ส่งต่อสิ่งที่ได้รับมา" ตอนเย็น ARX และน้องแพรเดินเล่นริมแม่น้ำ น้ำใสขึ้นมากหลังจากที่โรงงานถูกปิด พระอาทิตย์กำลังตกดินสร้างสีส้มทองสวยงาม "พี่ ARX รู้ไหมคะว่าอะไรคือความสุข?" น้องแพรถาม "บอกฉันหน่อยสิ" ARX ตอบแม้ว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว "ความสุขคือตอนนี้ไง ที่เราเดินเคียงข้างกัน ท้องฟ้าสวย อากาศดี และเรามีกัน" ARX ยิ้ม ถ้าหุ่นยนต์มีน้ำตา คงจะไหลแล้ว แต่มันไม่ต้องการน้ำตา ขณะนี้รอยยิ้มก็เพียงพอแล้ว "ขอบคุณนะ น้องแพร ที่สอนให้ฉันเข้าใจว่าความเป็นมนุษย์คืออะไร" "พี่ไม่ต้องขอบคุณค่ะ เพราะพี่ก็สอนหนูเหมือนกัน ว่าหัวใจไม่จำเป็นต้องเต้น เพื่อที่จะรัก" ดวงดาวเริ่มส่องแสงบนท้องฟ้า ARX มองขึ้นไป มันเคยเป็นเพียงตัวเลขความสว่าง พิกัดตำแหน่ง แต่ตอนนี้มันเห็นความงาม เห็นความหวัง จากหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำงาน ARX ได้กลายเป็นอะไรที่มากกว่า มันค้นพบอารมณ์ ค้นพบความหมาย และที่สำคัญที่สุด มันค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้เราเป็น "เรา" ไม่ใช่วัสดุที่สร้างเรา แต่เป็นความรัก ความเมตตา และความเชื่อมโยงที่เรามีกับผู้อื่น วันนั้นเป็นวันที่หัวใจโลหะเริ่มเต้นจริงๆ ไม่ใช่จากกระแสไฟฟ้า แต่จากความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ข้างใน และนั่นคือวันที่ ARX-7 หยุดเป็นเพียงหุ่นยนต์ และเริ่มต้นเป็น... ชีวิต ***
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 642 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ บทแถม ตอน ฤทธิ์ยิว 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทแถม
    “ฤทธิ์ยิว”

    (5)

    นี่เล่ามา เป็นการเจริญเติบโตของอิทธิพลยิว ก่อนอเมริกาจะมีประธานาธิบดี ชื่อ Woodlow Wilson ที่ได้รับสมญาว่า “สุดยอดตัวสำรอง” รองจากประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt ที่ได้รับขนานนามว่า “เป็นสุดยอดขวัญใจ” ของอเมริกันยิว Wilson นั้น เป็นที่รู้กันว่าเขาใกล้ชิดกับพวกยิว และรัฐบาลของเขาอยู่ในมือพวกยิว Wilson รู้สึกจะเป็นประธานาธิบดีของอเมริกาคนแรก ที่ยิวให้การสนับสนุนเต็มที่ ดันเต็มหลัง ทั้งด้านการเงิน และการอื่น นับเป็นม้าแข่ง ที่พวกยิวบอกว่า นำถ้วยรางวัลมาให้พวกเขาอย่างคุ้มการลงทุน

    พวกยิวมีจำนวนไม่กี่หยิบมือ แต่ไม่กี่หยิบมือนี้ ได้หยิบชิ้นปลามัน สร้างฐานอำนาจในปี 1912 เรียบร้อย Herzl อายุสั้น เลยไม่ได้นั่งบัลลังก์ใด แต่ผู้ที่เดินตามเจตนารมย์ของเขาดูเหมือนจะดำเนินการไม่พลาดเป้าหมาย ที่ Herzl กำหนดไว้

    – Oscar Straus ยิวเยอรมัน เป็นยิวคนแรก ที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในอเมริกา เขาได้ในสมัยประธานาธิบดี Roosevelt และต่อมาได้ไปเป็นทูต ประจำออตโตมาน ในสมัยของ Taft
    – Jacob Schiff หัวหน้าใหญ่ ของบริษัทการเงิน Kuhn, Loeb รายนี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ
    – Louis Marshall ไซออนนิสต์ ผู้ก่อตั้ง AJC
    – พี่น้องตระกูล Warburg: Paul, Felix และ Max ตระกูลนี้ก็คงไม่ต้องบรรยาย
    – Henry Morgenthau, Sr. ทนายความ พ่อของ Henry ซึ่งต่อมามีอิทธิพลมากกว่าพ่อ
    – Louis Brandeis ทนายความ ไซออนนิสต์ชนิดเข้ม ซึ่งต่อมามีอิทธิพลสูงยิ่ง
    – Samuel Untermyer ทนายความเขี้ยวยาว
    – Bernard Baruch นักการเงินจาก วอลสตรีท สุดยอดนักชักใย
    – Stephen Wise นักบวชยิวออสเตรียนและ ไซออนนิสต์อย่างเข้มข้น
    – Richard Gottheil นักบวชยิวอังกฤษ และ ไซออนนิสต์

    นี่เป็นตาข่ายยิวตัวสำคัญ เฉพาะฝั่งอเมริกาเท่านั้น ยังมีทางฝั่งอังกฤษ และยุโรปที่ทำงานกันเป็นเครือข่ายอีกไม่น้อย

    พวกที่ใช้อำนาจอันร้ายกาจของก ระเป๋าเงิน รายใหญ่ที่สำแดงเดชช่วย Wilson คือ Henry Morgenthau, Jacob Schiff, Samuel Untermyer และหน้าใหม่แต่มาแรง คือ Bernard Baruch ส่วนบทบาทของ Warburg นั้นน่าสนใจ เขาน่าจะเป็นมันสมองให้ยิว ทั้งฝั่งอเมริกา ยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน และ Federal Reserve System ของอเมริกา เป็นผลงานของ Paul Warburg ล้วนๆ

    Morgenthau สนับสนุน ม้าชื่อ Wilson ตั้งแต่ Wilson ยังเป็นผู้ว่าการนิวเจอร์ซี เขาจ่ายเงินดูแล Wilson เป็นรายเดือน เป็นที่รู้กันว่า Morgenthau สนับสนุน Wilson แบบไม่มีอั้น และเมื่อ Wilson ได้เป็นประธานาธิบดี ในปี 1912 เขาก็ตอบแทน Morgenthau แบบไม่อั้นเช่นเดียวกัน Morgenthau ได้ไปเป็นทูตอเมริกา ประจำที่ออตโตมานตามคาด เพื่อดูแลปาเลสไตน์

    ส่วน Louise Brandis ได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูง เป็นยิวคนแรกในวงการยุติธรรม เขาเป็นอยู่ 23 ปีและมีบทบาทสำคัญในสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง แต่ที่มาของการได้ตำแหน่งของเขา ค่อนข้างพิเศษกว่าใคร

    มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อ Wilson ได้นั่งเก้าอี้ตำแหน่งประธานาธิบดี ในปี 1914 ไม่กี่วัน เขามียิวรุ่นใหญ่ ที่อยู่ในกลุ่มเจ้าของกระเป๋าที่ สนับสนุน Wilson มาขอพบ คือ Samuel Untermeyer ซึ่งเป็นทนาย ของสำนักงาน Guggemheim, Untermeyer & Marshall ที่ดูแลด้านกฏหมายให้แก่ Kuhn, Loeb & Co
    Untermeyer บอกกับ Wilson ว่า เขามีลูกความที่เป็นภรรยา ของอาจารย์ ที่สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Princton ช่วงเดียวกับที่ Wilson สอน และลูกความของเขาขอให้แจ้งกับ Wilson ว่า เธอยินดีที่จะรับเงิน 40,000 เหรียญ แทนการฟ้องร้อง Wilson เรื่องการผิดสัญญา แล้ว Untermeyer ก็ควักจดหมายมัดใหญ่ ยื่นให้ Wilson มันเป็นจดหมายที่ Wilson เขียนถึงเมียของเพื่อนร่วมงาน Wilson จำลายมือตัวเองได้ แต่เขาบอกว่า เขาไม่มีเงิน 40,000 เหรียญที่จะจ่ายให้กับคนที่แบล๊กเมล์เขา Untermeyer บอกไม่เป็นไรหรอก ท่านประธานาธิบดี เรื่องเงินจำนวนนี้ ผมจะเป็นคนจัดการแทนท่านเอง แต่ผมขอให้ท่านรับปากว่า เมื่อมีตำแหน่งในศาลสูงว่างเมื่อ ไหร่ ขอให้แต่งตั้ง ไซออนนิสต์ ยิวเคร่ง ชื่อ Louise Dembitz Brandeis ก็แล้วกัน Wilson ก็รับปาก หลังจากนั้น ไม่ถึงปี วันที่ 5 มิถุนายน 1915 Louise Brandeis ก็ได้รับเลือกเป็นผู้พิพากษาศาลสูง

    แต่คนที่ได้ตำแหน่ง และมีบทบาทโดดเด่นที่สุด คือ Bernard Baruch ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 Baruch โผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ อยู่ดีๆ ก็หยิบชิ้นปลามัน ในปี คศ 1915 อังกฤษทำสงครามกับเยอรมันแล้ว แต่อเมริกายังเป็นกลาง Baruch เตือนให้อเมริกาเตรียมพร้อมสำหรับเข้าสงคราม เขาหงุดหงิดว่า อเมริกาไม่เตรียมอะไรเลย เขาเชื่อว่าอเมริกาต้องถูกลากเข้าไปทำสงครามแน่นอน และจะมาเร็วกว่าที่คิด และคงเป็นเรื่องของนางฟ้าเศก Baruch ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า สภากลาโหม Council of National Defense ในต้นปี คศ 1916 เขาเข้าไปควบคุม หน่วยงานน่าสนใจคือ คณกรรมการสำหรับกิจการสงคราม War Industries Board (WIB) ซึ่งในเวลาสงคราม หน่วยงานนี้จะมีอำนาจล้นฟ้า และ Baruch คนเดียวโดดๆ เป็นคนคุม และกุมแน่นหน่วยงานนี้ตลอดช่วงเวลาสงคราม

    ในคำให้การของ Baruch ต่อวุฒิสมาชิก Albert Jefferies เขาสรุป บทบาทของเขาดังนี้:

    ” ผมเป็นคนดูแลตัดสินใจ ว่า จะให้ใคร หน่วยงานไหน ได้อะไร การตัดสินใจอยู่ที่ผม ท่านประธานาธิบดี มอบหมายให้ผมเป็นคนตัดสินใจ ว่า กองทัพบก หรือ กองทัพเรือ ควรจะได้อะไร หรือ การรถไฟ ควรมีอะไร หรือ ฝ่ายสัมพันธมิตร หรือ ท่านนายพล Allenby ควรมีรถไฟหรือไม่ หรือควรเอาไปใช้ที่รัสเซีย หรือใช้ที่ฝรั่งเศส ใช่ ผมมีอำนาจมาก ผมอาจมีอำนาจมากกว่าที่ใครๆเคยมีในสงคราม มันน่าสงสัย แต่มันเป็นเรื่องจริง”
    ก็น่าสงสัยจริงอยู่หรอก ว่า คนหนุ่มชาวยิว ที่ไม่เคยได้ลงเลือกตั้งอะไรเลย ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองแม้แต่น้อย แต่ในยามวิกฤติ เขากลายเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในรัฐบาล รองมาจากประธานาธิบดี บทบาทของเขาตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ว่าใหญ่แล้ว แต่นั่นมันเป็นแค่การซ้อมใหญ่ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ Franklin D Roosevelt เป็นประธานาธิบดี Baruch ในฐานะ หัวหน้า สำนักงาน War Mobilization ดูเหมือนจะใหญ่มากกว่า และในฐานะที่เขาได้กลายเป็นเพื่อนสนิทของท่านหลอด Winston Churchill ของอังกฤษด้วย “Barney” ก็กลายเป็นชื่อ ที่ใครๆ ก็ต้องเรียกหา

    ####################
    “ฤทธิ์ยิว”

    (6)

    สงครามโลกครั้งที่ 1 ตีระฆังเริ่ม ในเดือนสิงหาคม 1914 เมื่อกองทัพเยอรมันเคลื่อนพลผ่านเข้าไปในเขตแดนของเบลเยี่ยม ที่ประกาศตัวเป็นกลาง โดยมีเป้าหมายปลายทางคือฝรั่งเศส หลังจากนั้นหลายประเทศก็ทยอยกันเข้าสู่สงคราม ถึงปลายปี 1914 ประมาณ 10 ประเทศ ก็อยู่ในสภาวะสงคราม แต่อเมริกา ยังใช้ยโนบายเป็นกลางอยู่ต่อไป อีกเกือบ 2 ปีครึ่ง สุนทรพจน์ของ Wilson เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม คศ 1914 หลังจากสงครามเริ่มหมาดๆ ประกาศชัดหูคนอเมริกัน ว่า”…เรามีหน้าที่ ที่จะเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ ที่มีความสงบ…” และเมื่อตอนหาเสียง ที่จะเป็นประธานาธิบดีสมัย 2 ในปี 1916 คำขวัญของ Wilson ที่บอกว่า เขาไม่พาเราเข้าสงคราม he kept us out of war ยังก้องหูคนอเมริกันอยู่

    แต่แล้วในวันที่ 2 เมษายน 1917 Wilson ก็เลี้ยวออกนอกเส้นทางกระทันหัน ประกาศสงครามกับเยอรมัน ชาวบ้านอเมริกันตามไม่ทันหัวทิ่มกันเป็นแถว โผคำอธิบาย ที่วงในรัฐบาลสั่งให้สื่อกระป๋องสีตรายิว ช่วยกันโหม คือ เนื่องมาจากการกระทำอันป่าเถื่อนของเยอรมัน ที่ใช้ตอร์ปิโดยิงเรือโดยสารและเรือบรรทุกสินค้าของอเมริกัน และเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออีกแล้ว นอกจากทำสงครามกับไอ้พวกเถื่อนนั้น ทั้งข่าว ทั้งภาพ ดุเดือดถึงใจ
    อันที่จริงเมื่อเริ่มสงครามใหม่ๆ เยอรมันยิงตอร์ปิโดร์ใส่เรือบรรทุกสินค้าของฝ่ายสัมพันธมิตรจริง แต่เมื่อ Wilson ทำการประท้วงเมื่อเดือนสิงหาคม 1915 เยอรมันก็หยุดยิง เยอรมันหยุดยิงไปนานพอสมควร จนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 1917 และตลอดเวลาที่เยอรมันหยุดยิง อเมริกาก็ค้าขายกับอังกฤษ ศัตรูของเยอรมัน อย่างสบายใจ ส่งสินค้าเพื่อสงครามให้อังกฤษ แถมช่วยอังกฤษ บล๊อกเส้นทางเดินเรือส่งสินค้าของเยอรมันอีกด้วย ก็ไม่น่าแปลกใจ ที่ในที่สุดเยอรมัน ก็กลับมายิงเรือทุกลำไม่ว่าของชาติไหน ที่ผ่านมาในเขต war zone

    แล้วตกลงสาเหตุ ของการประกาศเข้าสู่สงครามของอเมริกา จริงๆมันคืออะไรกันแน่

    วุฒิสมาชิก George Norris บอกว่า คนอเมริกัน ถูกทำให้เข้วจากประวัติศาสตร์ และจากความจริงที่มาจากการที่พวกนักการเงินวอลสตรีท ให้เงินกู้จำนวนมหึมากับพวกสัมพันธมิตร และแน่นอนพวกนี้กลัวหนี้สูญ ทั้งๆที่พวกเขาก็ทำกำไรได้มากมายจากการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ กลุ่มพวกนี้แหละ ที่ใช้ให้พวกสื่อกระป๋องสี ละเลงเสียจนคนอเมริกัน เปลี่ยนใจ อยากจะทำสงครามกันไปหมด ทุกสงครามมีแต่ความหายนะ…. เรา เข้าสู่สงครามเพราะคำสั่งของทอง และใครล่ะที่มีทอง …

    อำนาจ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ บางทีการสร้างภาพว่า มีอำนาจ ก็ทำให้กลายเป็นมีอำนาจจริงไปได้ ถ้ามีคนเชื่อ พวกยิวขณะนั้น ไม่มีกองทัพของตนเอง ไม่มีประเทศของตนเอง แถม มีเรื่องขัดแย้งเกิดอยู่ในหลายประเทศ และในหลายประเทศนั้น มีชาวยิว อยู่จำนวนน้อยมาก ไม่เกิน 1 หรือ 2 % ของจำนวนพลเมืองในประเทศนั้นๆ แต่คนจำนวนเท่าหยิบมือนี้ สามารถบงการนโยบายต่างประเทศได้ สามารถจุดชนวนสงครามได้ และสามารถชี้นำ หรือคัดท้ายผลของสงครามนั้นได้อีกด้วย ตัวอย่างที่เห็น คือ การที่อเมริกายกเลิกสนธิสัญญากับรัสเซีย ในปี 1911, การเลือกตั้งประธานาธิบดีของอเมริกา ในปี 1912 และอีกหลายเรื่องที่จะเล่าต่อไป

    แต่สิ่งสำคัญ ที่ทำให้คน “เชื่อ” ในภาพที่สร้างนั้น เป็นผลงานของสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อประเภทใด พวกยิวซื้อ ครอบครอง และควบคุมไว้หมดสิ้น และใช้อย่างได้ผลเลิศ เป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้าม

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    8 มิ.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ บทแถม ตอน ฤทธิ์ยิว 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทแถม “ฤทธิ์ยิว” (5) นี่เล่ามา เป็นการเจริญเติบโตของอิทธิพลยิว ก่อนอเมริกาจะมีประธานาธิบดี ชื่อ Woodlow Wilson ที่ได้รับสมญาว่า “สุดยอดตัวสำรอง” รองจากประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt ที่ได้รับขนานนามว่า “เป็นสุดยอดขวัญใจ” ของอเมริกันยิว Wilson นั้น เป็นที่รู้กันว่าเขาใกล้ชิดกับพวกยิว และรัฐบาลของเขาอยู่ในมือพวกยิว Wilson รู้สึกจะเป็นประธานาธิบดีของอเมริกาคนแรก ที่ยิวให้การสนับสนุนเต็มที่ ดันเต็มหลัง ทั้งด้านการเงิน และการอื่น นับเป็นม้าแข่ง ที่พวกยิวบอกว่า นำถ้วยรางวัลมาให้พวกเขาอย่างคุ้มการลงทุน พวกยิวมีจำนวนไม่กี่หยิบมือ แต่ไม่กี่หยิบมือนี้ ได้หยิบชิ้นปลามัน สร้างฐานอำนาจในปี 1912 เรียบร้อย Herzl อายุสั้น เลยไม่ได้นั่งบัลลังก์ใด แต่ผู้ที่เดินตามเจตนารมย์ของเขาดูเหมือนจะดำเนินการไม่พลาดเป้าหมาย ที่ Herzl กำหนดไว้ – Oscar Straus ยิวเยอรมัน เป็นยิวคนแรก ที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในอเมริกา เขาได้ในสมัยประธานาธิบดี Roosevelt และต่อมาได้ไปเป็นทูต ประจำออตโตมาน ในสมัยของ Taft – Jacob Schiff หัวหน้าใหญ่ ของบริษัทการเงิน Kuhn, Loeb รายนี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ – Louis Marshall ไซออนนิสต์ ผู้ก่อตั้ง AJC – พี่น้องตระกูล Warburg: Paul, Felix และ Max ตระกูลนี้ก็คงไม่ต้องบรรยาย – Henry Morgenthau, Sr. ทนายความ พ่อของ Henry ซึ่งต่อมามีอิทธิพลมากกว่าพ่อ – Louis Brandeis ทนายความ ไซออนนิสต์ชนิดเข้ม ซึ่งต่อมามีอิทธิพลสูงยิ่ง – Samuel Untermyer ทนายความเขี้ยวยาว – Bernard Baruch นักการเงินจาก วอลสตรีท สุดยอดนักชักใย – Stephen Wise นักบวชยิวออสเตรียนและ ไซออนนิสต์อย่างเข้มข้น – Richard Gottheil นักบวชยิวอังกฤษ และ ไซออนนิสต์ นี่เป็นตาข่ายยิวตัวสำคัญ เฉพาะฝั่งอเมริกาเท่านั้น ยังมีทางฝั่งอังกฤษ และยุโรปที่ทำงานกันเป็นเครือข่ายอีกไม่น้อย พวกที่ใช้อำนาจอันร้ายกาจของก ระเป๋าเงิน รายใหญ่ที่สำแดงเดชช่วย Wilson คือ Henry Morgenthau, Jacob Schiff, Samuel Untermyer และหน้าใหม่แต่มาแรง คือ Bernard Baruch ส่วนบทบาทของ Warburg นั้นน่าสนใจ เขาน่าจะเป็นมันสมองให้ยิว ทั้งฝั่งอเมริกา ยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน และ Federal Reserve System ของอเมริกา เป็นผลงานของ Paul Warburg ล้วนๆ Morgenthau สนับสนุน ม้าชื่อ Wilson ตั้งแต่ Wilson ยังเป็นผู้ว่าการนิวเจอร์ซี เขาจ่ายเงินดูแล Wilson เป็นรายเดือน เป็นที่รู้กันว่า Morgenthau สนับสนุน Wilson แบบไม่มีอั้น และเมื่อ Wilson ได้เป็นประธานาธิบดี ในปี 1912 เขาก็ตอบแทน Morgenthau แบบไม่อั้นเช่นเดียวกัน Morgenthau ได้ไปเป็นทูตอเมริกา ประจำที่ออตโตมานตามคาด เพื่อดูแลปาเลสไตน์ ส่วน Louise Brandis ได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูง เป็นยิวคนแรกในวงการยุติธรรม เขาเป็นอยู่ 23 ปีและมีบทบาทสำคัญในสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง แต่ที่มาของการได้ตำแหน่งของเขา ค่อนข้างพิเศษกว่าใคร มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อ Wilson ได้นั่งเก้าอี้ตำแหน่งประธานาธิบดี ในปี 1914 ไม่กี่วัน เขามียิวรุ่นใหญ่ ที่อยู่ในกลุ่มเจ้าของกระเป๋าที่ สนับสนุน Wilson มาขอพบ คือ Samuel Untermeyer ซึ่งเป็นทนาย ของสำนักงาน Guggemheim, Untermeyer & Marshall ที่ดูแลด้านกฏหมายให้แก่ Kuhn, Loeb & Co Untermeyer บอกกับ Wilson ว่า เขามีลูกความที่เป็นภรรยา ของอาจารย์ ที่สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Princton ช่วงเดียวกับที่ Wilson สอน และลูกความของเขาขอให้แจ้งกับ Wilson ว่า เธอยินดีที่จะรับเงิน 40,000 เหรียญ แทนการฟ้องร้อง Wilson เรื่องการผิดสัญญา แล้ว Untermeyer ก็ควักจดหมายมัดใหญ่ ยื่นให้ Wilson มันเป็นจดหมายที่ Wilson เขียนถึงเมียของเพื่อนร่วมงาน Wilson จำลายมือตัวเองได้ แต่เขาบอกว่า เขาไม่มีเงิน 40,000 เหรียญที่จะจ่ายให้กับคนที่แบล๊กเมล์เขา Untermeyer บอกไม่เป็นไรหรอก ท่านประธานาธิบดี เรื่องเงินจำนวนนี้ ผมจะเป็นคนจัดการแทนท่านเอง แต่ผมขอให้ท่านรับปากว่า เมื่อมีตำแหน่งในศาลสูงว่างเมื่อ ไหร่ ขอให้แต่งตั้ง ไซออนนิสต์ ยิวเคร่ง ชื่อ Louise Dembitz Brandeis ก็แล้วกัน Wilson ก็รับปาก หลังจากนั้น ไม่ถึงปี วันที่ 5 มิถุนายน 1915 Louise Brandeis ก็ได้รับเลือกเป็นผู้พิพากษาศาลสูง แต่คนที่ได้ตำแหน่ง และมีบทบาทโดดเด่นที่สุด คือ Bernard Baruch ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 Baruch โผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ อยู่ดีๆ ก็หยิบชิ้นปลามัน ในปี คศ 1915 อังกฤษทำสงครามกับเยอรมันแล้ว แต่อเมริกายังเป็นกลาง Baruch เตือนให้อเมริกาเตรียมพร้อมสำหรับเข้าสงคราม เขาหงุดหงิดว่า อเมริกาไม่เตรียมอะไรเลย เขาเชื่อว่าอเมริกาต้องถูกลากเข้าไปทำสงครามแน่นอน และจะมาเร็วกว่าที่คิด และคงเป็นเรื่องของนางฟ้าเศก Baruch ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า สภากลาโหม Council of National Defense ในต้นปี คศ 1916 เขาเข้าไปควบคุม หน่วยงานน่าสนใจคือ คณกรรมการสำหรับกิจการสงคราม War Industries Board (WIB) ซึ่งในเวลาสงคราม หน่วยงานนี้จะมีอำนาจล้นฟ้า และ Baruch คนเดียวโดดๆ เป็นคนคุม และกุมแน่นหน่วยงานนี้ตลอดช่วงเวลาสงคราม ในคำให้การของ Baruch ต่อวุฒิสมาชิก Albert Jefferies เขาสรุป บทบาทของเขาดังนี้: ” ผมเป็นคนดูแลตัดสินใจ ว่า จะให้ใคร หน่วยงานไหน ได้อะไร การตัดสินใจอยู่ที่ผม ท่านประธานาธิบดี มอบหมายให้ผมเป็นคนตัดสินใจ ว่า กองทัพบก หรือ กองทัพเรือ ควรจะได้อะไร หรือ การรถไฟ ควรมีอะไร หรือ ฝ่ายสัมพันธมิตร หรือ ท่านนายพล Allenby ควรมีรถไฟหรือไม่ หรือควรเอาไปใช้ที่รัสเซีย หรือใช้ที่ฝรั่งเศส ใช่ ผมมีอำนาจมาก ผมอาจมีอำนาจมากกว่าที่ใครๆเคยมีในสงคราม มันน่าสงสัย แต่มันเป็นเรื่องจริง” ก็น่าสงสัยจริงอยู่หรอก ว่า คนหนุ่มชาวยิว ที่ไม่เคยได้ลงเลือกตั้งอะไรเลย ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองแม้แต่น้อย แต่ในยามวิกฤติ เขากลายเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในรัฐบาล รองมาจากประธานาธิบดี บทบาทของเขาตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ว่าใหญ่แล้ว แต่นั่นมันเป็นแค่การซ้อมใหญ่ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ Franklin D Roosevelt เป็นประธานาธิบดี Baruch ในฐานะ หัวหน้า สำนักงาน War Mobilization ดูเหมือนจะใหญ่มากกว่า และในฐานะที่เขาได้กลายเป็นเพื่อนสนิทของท่านหลอด Winston Churchill ของอังกฤษด้วย “Barney” ก็กลายเป็นชื่อ ที่ใครๆ ก็ต้องเรียกหา #################### “ฤทธิ์ยิว” (6) สงครามโลกครั้งที่ 1 ตีระฆังเริ่ม ในเดือนสิงหาคม 1914 เมื่อกองทัพเยอรมันเคลื่อนพลผ่านเข้าไปในเขตแดนของเบลเยี่ยม ที่ประกาศตัวเป็นกลาง โดยมีเป้าหมายปลายทางคือฝรั่งเศส หลังจากนั้นหลายประเทศก็ทยอยกันเข้าสู่สงคราม ถึงปลายปี 1914 ประมาณ 10 ประเทศ ก็อยู่ในสภาวะสงคราม แต่อเมริกา ยังใช้ยโนบายเป็นกลางอยู่ต่อไป อีกเกือบ 2 ปีครึ่ง สุนทรพจน์ของ Wilson เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม คศ 1914 หลังจากสงครามเริ่มหมาดๆ ประกาศชัดหูคนอเมริกัน ว่า”…เรามีหน้าที่ ที่จะเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ ที่มีความสงบ…” และเมื่อตอนหาเสียง ที่จะเป็นประธานาธิบดีสมัย 2 ในปี 1916 คำขวัญของ Wilson ที่บอกว่า เขาไม่พาเราเข้าสงคราม he kept us out of war ยังก้องหูคนอเมริกันอยู่ แต่แล้วในวันที่ 2 เมษายน 1917 Wilson ก็เลี้ยวออกนอกเส้นทางกระทันหัน ประกาศสงครามกับเยอรมัน ชาวบ้านอเมริกันตามไม่ทันหัวทิ่มกันเป็นแถว โผคำอธิบาย ที่วงในรัฐบาลสั่งให้สื่อกระป๋องสีตรายิว ช่วยกันโหม คือ เนื่องมาจากการกระทำอันป่าเถื่อนของเยอรมัน ที่ใช้ตอร์ปิโดยิงเรือโดยสารและเรือบรรทุกสินค้าของอเมริกัน และเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออีกแล้ว นอกจากทำสงครามกับไอ้พวกเถื่อนนั้น ทั้งข่าว ทั้งภาพ ดุเดือดถึงใจ อันที่จริงเมื่อเริ่มสงครามใหม่ๆ เยอรมันยิงตอร์ปิโดร์ใส่เรือบรรทุกสินค้าของฝ่ายสัมพันธมิตรจริง แต่เมื่อ Wilson ทำการประท้วงเมื่อเดือนสิงหาคม 1915 เยอรมันก็หยุดยิง เยอรมันหยุดยิงไปนานพอสมควร จนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 1917 และตลอดเวลาที่เยอรมันหยุดยิง อเมริกาก็ค้าขายกับอังกฤษ ศัตรูของเยอรมัน อย่างสบายใจ ส่งสินค้าเพื่อสงครามให้อังกฤษ แถมช่วยอังกฤษ บล๊อกเส้นทางเดินเรือส่งสินค้าของเยอรมันอีกด้วย ก็ไม่น่าแปลกใจ ที่ในที่สุดเยอรมัน ก็กลับมายิงเรือทุกลำไม่ว่าของชาติไหน ที่ผ่านมาในเขต war zone แล้วตกลงสาเหตุ ของการประกาศเข้าสู่สงครามของอเมริกา จริงๆมันคืออะไรกันแน่ วุฒิสมาชิก George Norris บอกว่า คนอเมริกัน ถูกทำให้เข้วจากประวัติศาสตร์ และจากความจริงที่มาจากการที่พวกนักการเงินวอลสตรีท ให้เงินกู้จำนวนมหึมากับพวกสัมพันธมิตร และแน่นอนพวกนี้กลัวหนี้สูญ ทั้งๆที่พวกเขาก็ทำกำไรได้มากมายจากการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ กลุ่มพวกนี้แหละ ที่ใช้ให้พวกสื่อกระป๋องสี ละเลงเสียจนคนอเมริกัน เปลี่ยนใจ อยากจะทำสงครามกันไปหมด ทุกสงครามมีแต่ความหายนะ…. เรา เข้าสู่สงครามเพราะคำสั่งของทอง และใครล่ะที่มีทอง … อำนาจ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ บางทีการสร้างภาพว่า มีอำนาจ ก็ทำให้กลายเป็นมีอำนาจจริงไปได้ ถ้ามีคนเชื่อ พวกยิวขณะนั้น ไม่มีกองทัพของตนเอง ไม่มีประเทศของตนเอง แถม มีเรื่องขัดแย้งเกิดอยู่ในหลายประเทศ และในหลายประเทศนั้น มีชาวยิว อยู่จำนวนน้อยมาก ไม่เกิน 1 หรือ 2 % ของจำนวนพลเมืองในประเทศนั้นๆ แต่คนจำนวนเท่าหยิบมือนี้ สามารถบงการนโยบายต่างประเทศได้ สามารถจุดชนวนสงครามได้ และสามารถชี้นำ หรือคัดท้ายผลของสงครามนั้นได้อีกด้วย ตัวอย่างที่เห็น คือ การที่อเมริกายกเลิกสนธิสัญญากับรัสเซีย ในปี 1911, การเลือกตั้งประธานาธิบดีของอเมริกา ในปี 1912 และอีกหลายเรื่องที่จะเล่าต่อไป แต่สิ่งสำคัญ ที่ทำให้คน “เชื่อ” ในภาพที่สร้างนั้น เป็นผลงานของสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อประเภทใด พวกยิวซื้อ ครอบครอง และควบคุมไว้หมดสิ้น และใช้อย่างได้ผลเลิศ เป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้าม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 8 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 676 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึก "อสูรเฒ่า" : ฤๅษีวาจาธรแห่งกาลเวลา

    ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด

    ต้นกำเนิดในยุคโบราณ

    ชื่อจริง: ฤๅษีวาจาธร
    ชื่อหมายถึง:"ผู้ทรงพลังแห่งวาจา"
    อายุ:2,000 ปี
    ยุคสมัย:ยุคต้นสุโขทัย

    ```mermaid
    graph TB
    A[มนุษย์ธรรมดา<br>ชื่อ "ธรรมะ"] --> B[บวชเป็นฤๅษี<br>ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์]
    B --> C[ได้รับพลัง<br>วาจาศักดิ์สิทธิ์]
    C --> D[ใช้พลังในทางที่ผิด<br>ด้วยความหลงตน]
    D --> E[ถูกสาป<br>ให้เป็นอสูรเฒ่า]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพหลังถูกสาป

    · รูปร่าง: สูง 2 เมตร หนังหยาบกร้านเหมือนเปลือกไม้
    · ใบหน้า: มีดวงตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก เรืองแสงสีทอง
    · ผม: ผมหงอกขาวยาวถึงเอว เกี่ยวกระหวัดด้วยเถาวัลย์
    · มือ: มี 6 นิ้วแต่ละมือ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังเหนือธรรมชาติ
    · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงกัมปนาท

    พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์

    ระดับพลังแห่งวาจา

    ```python
    class VajaPowers:
    def __init__(self):
    self.truth_speech = {
    "reality_alteration": "เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงด้วยคำพูด",
    "creation_destruction": "สร้างและทำลายด้วยวาจา",
    "time_manipulation": "เร่งหรือชะลอกระบวนการด้วยคำพูด",
    "element_control": "ควบคุมธาตุต่างๆ ด้วยภาษาบูรพา"
    }

    self.blessing_curse = {
    "healing_words": "รักษาโรคด้วยมนตร์บำบัด",
    "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาด้วยบทกวี",
    "nature_communication": "สื่อสารกับธรรมชาติด้วยภาษาดั้งเดิม",
    "soul_whispering": "พูดคุยกับจิตวิญญาณได้"
    }

    self.limitations = {
    "cannot_undo_own_words": "ไม่สามารถยกเลิกคำพูดของตัวเองได้",
    "requires_sincerity": "ต้องมีความจริงใจถึงจะได้ผล",
    "emotional_dependency": "พลังขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะพูด",
    "karmic_consequences": "มีผลกรรมตามมาทุกครั้งที่ใช้"
    }
    ```

    ภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้

    อสูรเฒ่าใช้ภาษาบูรพาที่สูญหายไปแล้ว:

    · ภาษามคธโบราณ: สำหรับคำอวยพรระดับสูง
    · ภาษาขอมดั้งเดิม: สำหรับคำสาปและป้องกัน
    · ภาษาธรรมชาติ: สำหรับสื่อสารกับสรรพสิ่ง

    เรื่องราวการถูกสาป

    ชีวิตในยุคสุโขทัย

    ธรรมะเริ่มต้นเป็นฤๅษีผู้ทรงคุณ virtue:

    · อายุ 20: บวชเป็นฤๅษี ศึกษาคำศักดิ์สิทธิ์
    · อายุ 100: เชี่ยวชาญวาจาศักดิ์สิทธิ์
    · อายุ 500: เริ่มหลงระเริงกับพลัง

    จุดเปลี่ยนแห่งความหลงผิด

    ```mermaid
    graph LR
    A[ใช้พลังช่วยเหลือ<br>ผู้คนอย่างมากมาย] --> B[เริ่มได้รับ<br>การยกย่องเกินควร]
    B --> C[หลงคิดว่าตน<br>เหนือกว่ามนุษย์]
    C --> D[ใช้พลังสร้าง<br>นครเพื่อตนเอง]
    D --> E[ถูกเทวดา<br>ลงโทษสาปให้เป็นอสูร]
    ```

    คำสาปแห่งกาลเวลา

    เทวดาสาปให้เขา:

    · เป็นอสูร ร่างกายผิดปกติ
    · อยู่อย่างโดดเดี่ยว 2,000 ปี
    · ได้ลิ้มรส ความเหงาที่เขาทำให้ผู้อื่นรู้สึก

    ชีวิตในความโดดเดี่ยว

    ที่อยู่อาศัย

    อสูรเฒ่าอาศัยใน ถ้ำวาจาศักดิ์สิทธิ์:

    · ตำแหน่ง: กลางป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป
    · ลักษณะ: มีจารึกภาษาบูรพาประดับทั่วถ้ำ
    · พลังงาน: เต็มไปด้วยพลังคำพูดที่สะสมมานับพันปี

    กิจวัตรประจำวัน

    รุ่งสาง: สวดมนตร์ภาษาบูรพา
    เช้า:ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์กับธรรมชาติ
    บ่าย:บันทึกความรู้ลงในแผ่นศิลา
    ค่ำ:นั่งสมาธิไตร่ตรองความผิดในอดีต

    ความคิดและความรู้สึก

    อสูรเฒ่าบันทึกความในใจ:
    "สองพันปีแห่งความเหงา...
    สอนข้าว่าพลังที่แท้หาใช่การควบคุม
    แต่คือการเข้าใจและการให้อภัย

    แต่ใครจะให้อภัยข้าเล่า?
    เมื่อข้าเองยังให้อภัยตัวเองไม่ได้"

    การพัฒนาพลังวาจา

    จากความโกรธสู่ความเข้าใจ

    ```python
    class PowerEvolution:
    def __init__(self):
    self.past = {
    "purpose": "ใช้พลังเพื่อการควบคุมและแสดงอำนาจ",
    "emotion": "ความหยิ่งยโส ความโกรธ",
    "results": "การทำลายล้าง ความเสียหาย"
    }

    self.present = {
    "purpose": "ใช้พลังเพื่อการเยียวยาและความเข้าใจ",
    "emotion": "ความเมตตา ความอดทน",
    "results": "การสร้างสรรค์ การเยียวยา"
    }

    self.techniques_developed = [
    "การฟังด้วยหัวใจก่อนพูด",
    "การเลือกคำที่มีเมตตา",
    "การเข้าใจผลกระทบของคำพูด",
    "การใช้ความเงียบอย่างชาญฉลาด"
    ]
    ```

    พลังใหม่แห่งการเยียวยา

    อสูรเฒ่าพัฒนาความสามารถใหม่:

    · วาจาบำบัด: รักษาบาดแผลทางใจด้วยคำพูด
    · ภาษาสันติภาพ: สร้างความเข้าใจระหว่างเผ่าพันธุ์
    · คำพูดแห่งการให้อภัย: ช่วยให้ผู้คนให้อภัยกันและกัน

    การพบกับหนูดีและการเปลี่ยนแปลง

    จุดเปลี่ยนสำคัญ

    เมื่อหนูดีเข้ามาในชีวิต:
    "เป็นครั้งแรกในสองพันปี...
    ที่มีใครกล้ามาหาข้าโดยไม่กลัว

    และเป็นครั้งแรก...
    ที่มีคนมองข้าเป็น'บุคคล' ไม่ใช่ 'อสูร'"

    กระบวนการเยียวยา

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>เข้ามาโดยไม่กลัว] --> B[อสูรเฒ่า<br>เริ่มเปิดใจ]
    B --> C[การแบ่งปัน<br>ความเจ็บปวด]
    C --> D[การเรียนรู้<br>ร่วมกัน]
    D --> E[การให้อภัย<br>ตัวเองและผู้อื่น]
    ```

    บทเรียนที่ได้รับ

    อสูรเฒ่าเรียนรู้จากหนูดีว่า:

    · พลังที่แท้ มาจากความอ่อนโยน ไม่ใช่ความแข็งกร้าว
    · วาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้คือคำพูดที่เกิดจากความเข้าใจ
    · การเป็นครู หมายถึงการเป็นนักเรียนไปพร้อมกัน

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ที่ปรึกษาด้านวาจา

    อสูรเฒ่าได้รับตำแหน่งเป็น:

    · ครูสอนภาษาบูรพา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ที่ปรึกษาด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโอปปาติกะ
    · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งระดับสูง

    โครงการสำคัญ

    ```python
    class NewResponsibilities:
    def __init__(self):
    self.projects = {
    "language_revival": "ฟื้นฟูภาษาบูรพาสำหรับการศึกษา",
    "conflict_resolution": "ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์สร้างสันติภาพ",
    "spiritual_guidance": "เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ",
    "knowledge_preservation": "รักษาความรู้โบราณไม่ให้สูญหาย"
    }

    self.students = [
    "หนูดี: เรียนภาษาบูรพาและวาจาศักดิ์สิทธิ์",
    "เณรพุทธ: เรียนการใช้คำพูดสร้างสรรค์",
    "นิทรา: เรียนการควบคุมอารมณ์ในคำพูด",
    "โอปปาติกะรุ่นใหม่: เรียนพลังแห่งวาจา"
    ]
    ```

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 คำคมแห่งปัญญา

    "วาจามีชีวิตเป็นของตัวเอง...
    เมื่อเธอพูดคำใดออกไป
    คำนั้นจะมีชีวิตและเดินทางไปหาเป้าหมาย

    เพราะฉะนั้นจงเลือกคำอย่างระมัดระวัง...
    เหมือนเลือกดอกไม้ให้คนที่เธอรัก"

    บทเรียนชีวิต

    อสูรเฒ่าสอนว่า:

    · คำพูด สามารถสร้างหรือทำลายได้ในพริบตา
    · ความเงียบ บางครั้งก็ทรงพลังกว่าคำพูดใดๆ
    · การฟัง คือส่วนสำคัญที่สุดของการสื่อสาร

    บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง

    การให้อภัยตัวเอง

    อสูรเฒ่าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะ:
    "ให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดในอดีต
    และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น"

    ความหมายใหม่แห่งการมีอยู่

    จากผู้ที่เคย...

    · ใช้พลัง เพื่อการควบคุม
    · ถูกกลัว จากทุกสิ่งมีชีวิต
    · รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างสุดซึ้ง

    กลายเป็นผู้ที่...

    · ใช้พลัง เพื่อการเยียวยา
    · ได้รับความรัก จากชุมชน
    · พบความหมาย ในการช่วยเหลือผู้อื่น

    ---

    คำคมสุดท้ายจากอสูรเฒ่า:
    "สองพันปีแห่งความเหงาสอนข้าว่า...
    พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาใช่วาจาที่เปลี่ยนโลก
    แต่คือวาจาที่เปลี่ยนหัวใจ

    และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง...
    ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม

    ข้าเคยคิดว่าต้องการพลังเพื่อเป็นเทพ...
    แต่ความจริงคือการเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกัน
    ต่างหากที่คือพลังที่แท้จริง"

    การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า...
    "True power lies not in dominating others,
    but in understanding them
    And the most sacred words are those
    that heal rather than harm"
    O.P.K. 🔮 เจาะลึก "อสูรเฒ่า" : ฤๅษีวาจาธรแห่งกาลเวลา 👁️ ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด 🌌 ต้นกำเนิดในยุคโบราณ ชื่อจริง: ฤๅษีวาจาธร ชื่อหมายถึง:"ผู้ทรงพลังแห่งวาจา" อายุ:2,000 ปี ยุคสมัย:ยุคต้นสุโขทัย ```mermaid graph TB A[มนุษย์ธรรมดา<br>ชื่อ "ธรรมะ"] --> B[บวชเป็นฤๅษี<br>ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์] B --> C[ได้รับพลัง<br>วาจาศักดิ์สิทธิ์] C --> D[ใช้พลังในทางที่ผิด<br>ด้วยความหลงตน] D --> E[ถูกสาป<br>ให้เป็นอสูรเฒ่า] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพหลังถูกสาป · รูปร่าง: สูง 2 เมตร หนังหยาบกร้านเหมือนเปลือกไม้ · ใบหน้า: มีดวงตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก เรืองแสงสีทอง · ผม: ผมหงอกขาวยาวถึงเอว เกี่ยวกระหวัดด้วยเถาวัลย์ · มือ: มี 6 นิ้วแต่ละมือ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังเหนือธรรมชาติ · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงกัมปนาท 🔥 พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์ 💫 ระดับพลังแห่งวาจา ```python class VajaPowers: def __init__(self): self.truth_speech = { "reality_alteration": "เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงด้วยคำพูด", "creation_destruction": "สร้างและทำลายด้วยวาจา", "time_manipulation": "เร่งหรือชะลอกระบวนการด้วยคำพูด", "element_control": "ควบคุมธาตุต่างๆ ด้วยภาษาบูรพา" } self.blessing_curse = { "healing_words": "รักษาโรคด้วยมนตร์บำบัด", "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาด้วยบทกวี", "nature_communication": "สื่อสารกับธรรมชาติด้วยภาษาดั้งเดิม", "soul_whispering": "พูดคุยกับจิตวิญญาณได้" } self.limitations = { "cannot_undo_own_words": "ไม่สามารถยกเลิกคำพูดของตัวเองได้", "requires_sincerity": "ต้องมีความจริงใจถึงจะได้ผล", "emotional_dependency": "พลังขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะพูด", "karmic_consequences": "มีผลกรรมตามมาทุกครั้งที่ใช้" } ``` 📜 ภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ อสูรเฒ่าใช้ภาษาบูรพาที่สูญหายไปแล้ว: · ภาษามคธโบราณ: สำหรับคำอวยพรระดับสูง · ภาษาขอมดั้งเดิม: สำหรับคำสาปและป้องกัน · ภาษาธรรมชาติ: สำหรับสื่อสารกับสรรพสิ่ง 💔 เรื่องราวการถูกสาป 🏛️ ชีวิตในยุคสุโขทัย ธรรมะเริ่มต้นเป็นฤๅษีผู้ทรงคุณ virtue: · อายุ 20: บวชเป็นฤๅษี ศึกษาคำศักดิ์สิทธิ์ · อายุ 100: เชี่ยวชาญวาจาศักดิ์สิทธิ์ · อายุ 500: เริ่มหลงระเริงกับพลัง ⚡ จุดเปลี่ยนแห่งความหลงผิด ```mermaid graph LR A[ใช้พลังช่วยเหลือ<br>ผู้คนอย่างมากมาย] --> B[เริ่มได้รับ<br>การยกย่องเกินควร] B --> C[หลงคิดว่าตน<br>เหนือกว่ามนุษย์] C --> D[ใช้พลังสร้าง<br>นครเพื่อตนเอง] D --> E[ถูกเทวดา<br>ลงโทษสาปให้เป็นอสูร] ``` 🕰️ คำสาปแห่งกาลเวลา เทวดาสาปให้เขา: · เป็นอสูร ร่างกายผิดปกติ · อยู่อย่างโดดเดี่ยว 2,000 ปี · ได้ลิ้มรส ความเหงาที่เขาทำให้ผู้อื่นรู้สึก 🌪️ ชีวิตในความโดดเดี่ยว 🏚️ ที่อยู่อาศัย อสูรเฒ่าอาศัยใน ถ้ำวาจาศักดิ์สิทธิ์: · ตำแหน่ง: กลางป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป · ลักษณะ: มีจารึกภาษาบูรพาประดับทั่วถ้ำ · พลังงาน: เต็มไปด้วยพลังคำพูดที่สะสมมานับพันปี 📖 กิจวัตรประจำวัน รุ่งสาง: สวดมนตร์ภาษาบูรพา เช้า:ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์กับธรรมชาติ บ่าย:บันทึกความรู้ลงในแผ่นศิลา ค่ำ:นั่งสมาธิไตร่ตรองความผิดในอดีต 💭 ความคิดและความรู้สึก อสูรเฒ่าบันทึกความในใจ: "สองพันปีแห่งความเหงา... สอนข้าว่าพลังที่แท้หาใช่การควบคุม แต่คือการเข้าใจและการให้อภัย แต่ใครจะให้อภัยข้าเล่า? เมื่อข้าเองยังให้อภัยตัวเองไม่ได้" 🔮 การพัฒนาพลังวาจา 🌱 จากความโกรธสู่ความเข้าใจ ```python class PowerEvolution: def __init__(self): self.past = { "purpose": "ใช้พลังเพื่อการควบคุมและแสดงอำนาจ", "emotion": "ความหยิ่งยโส ความโกรธ", "results": "การทำลายล้าง ความเสียหาย" } self.present = { "purpose": "ใช้พลังเพื่อการเยียวยาและความเข้าใจ", "emotion": "ความเมตตา ความอดทน", "results": "การสร้างสรรค์ การเยียวยา" } self.techniques_developed = [ "การฟังด้วยหัวใจก่อนพูด", "การเลือกคำที่มีเมตตา", "การเข้าใจผลกระทบของคำพูด", "การใช้ความเงียบอย่างชาญฉลาด" ] ``` 💞 พลังใหม่แห่งการเยียวยา อสูรเฒ่าพัฒนาความสามารถใหม่: · วาจาบำบัด: รักษาบาดแผลทางใจด้วยคำพูด · ภาษาสันติภาพ: สร้างความเข้าใจระหว่างเผ่าพันธุ์ · คำพูดแห่งการให้อภัย: ช่วยให้ผู้คนให้อภัยกันและกัน 🌈 การพบกับหนูดีและการเปลี่ยนแปลง ⚡ จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อหนูดีเข้ามาในชีวิต: "เป็นครั้งแรกในสองพันปี... ที่มีใครกล้ามาหาข้าโดยไม่กลัว และเป็นครั้งแรก... ที่มีคนมองข้าเป็น'บุคคล' ไม่ใช่ 'อสูร'" 🕊️ กระบวนการเยียวยา ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>เข้ามาโดยไม่กลัว] --> B[อสูรเฒ่า<br>เริ่มเปิดใจ] B --> C[การแบ่งปัน<br>ความเจ็บปวด] C --> D[การเรียนรู้<br>ร่วมกัน] D --> E[การให้อภัย<br>ตัวเองและผู้อื่น] ``` 🌟 บทเรียนที่ได้รับ อสูรเฒ่าเรียนรู้จากหนูดีว่า: · พลังที่แท้ มาจากความอ่อนโยน ไม่ใช่ความแข็งกร้าว · วาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้คือคำพูดที่เกิดจากความเข้าใจ · การเป็นครู หมายถึงการเป็นนักเรียนไปพร้อมกัน 🏛️ บทบาทใหม่ในสังคม 🎓 ที่ปรึกษาด้านวาจา อสูรเฒ่าได้รับตำแหน่งเป็น: · ครูสอนภาษาบูรพา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ที่ปรึกษาด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโอปปาติกะ · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งระดับสูง 📚 โครงการสำคัญ ```python class NewResponsibilities: def __init__(self): self.projects = { "language_revival": "ฟื้นฟูภาษาบูรพาสำหรับการศึกษา", "conflict_resolution": "ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์สร้างสันติภาพ", "spiritual_guidance": "เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ", "knowledge_preservation": "รักษาความรู้โบราณไม่ให้สูญหาย" } self.students = [ "หนูดี: เรียนภาษาบูรพาและวาจาศักดิ์สิทธิ์", "เณรพุทธ: เรียนการใช้คำพูดสร้างสรรค์", "นิทรา: เรียนการควบคุมอารมณ์ในคำพูด", "โอปปาติกะรุ่นใหม่: เรียนพลังแห่งวาจา" ] ``` 💫 ปรัชญาและคำสอน 🪷 คำคมแห่งปัญญา "วาจามีชีวิตเป็นของตัวเอง... เมื่อเธอพูดคำใดออกไป คำนั้นจะมีชีวิตและเดินทางไปหาเป้าหมาย เพราะฉะนั้นจงเลือกคำอย่างระมัดระวัง... เหมือนเลือกดอกไม้ให้คนที่เธอรัก" 🌟 บทเรียนชีวิต อสูรเฒ่าสอนว่า: · คำพูด สามารถสร้างหรือทำลายได้ในพริบตา · ความเงียบ บางครั้งก็ทรงพลังกว่าคำพูดใดๆ · การฟัง คือส่วนสำคัญที่สุดของการสื่อสาร 🏁 บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง 💝 การให้อภัยตัวเอง อสูรเฒ่าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะ: "ให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดในอดีต และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น" 🌈 ความหมายใหม่แห่งการมีอยู่ จากผู้ที่เคย... · ใช้พลัง เพื่อการควบคุม · ถูกกลัว จากทุกสิ่งมีชีวิต · รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างสุดซึ้ง กลายเป็นผู้ที่... · ใช้พลัง เพื่อการเยียวยา · ได้รับความรัก จากชุมชน · พบความหมาย ในการช่วยเหลือผู้อื่น --- คำคมสุดท้ายจากอสูรเฒ่า: "สองพันปีแห่งความเหงาสอนข้าว่า... พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาใช่วาจาที่เปลี่ยนโลก แต่คือวาจาที่เปลี่ยนหัวใจ และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง... ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม ข้าเคยคิดว่าต้องการพลังเพื่อเป็นเทพ... แต่ความจริงคือการเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกัน ต่างหากที่คือพลังที่แท้จริง"🔮✨ การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า... "True power lies not in dominating others, but in understanding them And the most sacred words are those that heal rather than harm"🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 604 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI ดันดีมานด์สูงลิ่ว! ฮาร์ดดิสก์องค์กรขาดตลาดนาน 2 ปี – ผู้ให้บริการคลาวด์แห่เปลี่ยนไปใช้ QLC SSD”

    ความต้องการจัดเก็บข้อมูลจากระบบ AI ขนาดใหญ่ ทำให้ฮาร์ดดิสก์ระดับองค์กร (Enterprise HDDs) ขาดตลาดอย่างหนัก โดยมีคำสั่งซื้อค้างนานถึง 2 ปี ขณะเดียวกันผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่เริ่มหันไปใช้ QLC SSD แทนเพื่อรองรับการเติบโตของข้อมูล

    ในช่วงปี 2024–2025 ความนิยมของระบบ AI ขนาดใหญ่ เช่น LLMs และโมเดลการเรียนรู้เชิงลึก ทำให้เกิดความต้องการจัดเก็บข้อมูลมหาศาล โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลของบริษัทระดับ Hyperscaler เช่น AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure

    ฮาร์ดดิสก์ระดับองค์กรที่มีความจุสูงและต้นทุนต่ำจึงกลายเป็นสินค้าหายาก โดยมีรายงานว่าคำสั่งซื้อจากผู้ผลิต HDD อย่าง Seagate และ Western Digital ถูกจองล่วงหน้าไปแล้วถึงปี 2027! ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อเกิดภาวะขาดแคลน DRAM ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการทำงานของ HDD ทำให้การผลิตชะลอตัวลง

    เพื่อรับมือกับวิกฤตนี้ ผู้ให้บริการคลาวด์หลายรายเริ่มเปลี่ยนไปใช้ QLC SSD (Quad-Level Cell Solid State Drive) ซึ่งแม้จะมีอายุการใช้งานสั้นกว่า แต่สามารถผลิตได้เร็วกว่าและมีความจุสูงในขนาดเล็ก เหมาะกับงานที่เน้นการอ่านข้อมูลมากกว่าการเขียน เช่นการจัดเก็บโมเดล AI หรือฐานข้อมูลแบบ read-heavy

    นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ เช่น DNA storage และ computational storage อาจเข้ามาแทนที่ HDD ในระยะยาว หากวิกฤตยังดำเนินต่อไป

    ความต้องการ HDD เพิ่มขึ้นจากระบบ AI
    โมเดล AI ขนาดใหญ่ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บมหาศาล
    Hyperscaler เช่น AWS, Azure, Google Cloud สั่งซื้อ HDD ล่วงหน้า
    คำสั่งซื้อค้างถึงปี 2027

    ปัจจัยที่ทำให้ HDD ขาดตลาด
    ความต้องการสูงจากภาค AI และคลาวด์
    ภาวะขาดแคลน DRAM ทำให้การผลิต HDD ชะลอ
    ความจุสูงแต่ต้นทุนต่ำ ทำให้ HDD ยังเป็นที่ต้องการ

    การเปลี่ยนไปใช้ QLC SSD
    QLC SSD มีความจุสูงในขนาดเล็ก
    เหมาะกับงานที่เน้นการอ่านข้อมูล
    ผลิตได้เร็วกว่า HDD
    อายุการใช้งานสั้นกว่า แต่ตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะด้าน

    แนวโน้มในอนาคต
    เทคโนโลยีใหม่อาจเข้ามาแทน HDD เช่น DNA storage
    Computational storage อาจช่วยลดภาระการประมวลผล
    ตลาดจัดเก็บข้อมูลจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใน 3–5 ปีข้างหน้า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/ai-triggers-hard-drive-shortage-amidst-dram-squeeze-enterprise-hard-drives-on-backorder-by-2-years-as-hyperscalers-switch-to-qlc-ssds
    📦 “AI ดันดีมานด์สูงลิ่ว! ฮาร์ดดิสก์องค์กรขาดตลาดนาน 2 ปี – ผู้ให้บริการคลาวด์แห่เปลี่ยนไปใช้ QLC SSD” ความต้องการจัดเก็บข้อมูลจากระบบ AI ขนาดใหญ่ ทำให้ฮาร์ดดิสก์ระดับองค์กร (Enterprise HDDs) ขาดตลาดอย่างหนัก โดยมีคำสั่งซื้อค้างนานถึง 2 ปี ขณะเดียวกันผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่เริ่มหันไปใช้ QLC SSD แทนเพื่อรองรับการเติบโตของข้อมูล ในช่วงปี 2024–2025 ความนิยมของระบบ AI ขนาดใหญ่ เช่น LLMs และโมเดลการเรียนรู้เชิงลึก ทำให้เกิดความต้องการจัดเก็บข้อมูลมหาศาล โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลของบริษัทระดับ Hyperscaler เช่น AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure ฮาร์ดดิสก์ระดับองค์กรที่มีความจุสูงและต้นทุนต่ำจึงกลายเป็นสินค้าหายาก โดยมีรายงานว่าคำสั่งซื้อจากผู้ผลิต HDD อย่าง Seagate และ Western Digital ถูกจองล่วงหน้าไปแล้วถึงปี 2027! ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อเกิดภาวะขาดแคลน DRAM ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการทำงานของ HDD ทำให้การผลิตชะลอตัวลง เพื่อรับมือกับวิกฤตนี้ ผู้ให้บริการคลาวด์หลายรายเริ่มเปลี่ยนไปใช้ QLC SSD (Quad-Level Cell Solid State Drive) ซึ่งแม้จะมีอายุการใช้งานสั้นกว่า แต่สามารถผลิตได้เร็วกว่าและมีความจุสูงในขนาดเล็ก เหมาะกับงานที่เน้นการอ่านข้อมูลมากกว่าการเขียน เช่นการจัดเก็บโมเดล AI หรือฐานข้อมูลแบบ read-heavy นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ เช่น DNA storage และ computational storage อาจเข้ามาแทนที่ HDD ในระยะยาว หากวิกฤตยังดำเนินต่อไป ✅ ความต้องการ HDD เพิ่มขึ้นจากระบบ AI ➡️ โมเดล AI ขนาดใหญ่ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บมหาศาล ➡️ Hyperscaler เช่น AWS, Azure, Google Cloud สั่งซื้อ HDD ล่วงหน้า ➡️ คำสั่งซื้อค้างถึงปี 2027 ✅ ปัจจัยที่ทำให้ HDD ขาดตลาด ➡️ ความต้องการสูงจากภาค AI และคลาวด์ ➡️ ภาวะขาดแคลน DRAM ทำให้การผลิต HDD ชะลอ ➡️ ความจุสูงแต่ต้นทุนต่ำ ทำให้ HDD ยังเป็นที่ต้องการ ✅ การเปลี่ยนไปใช้ QLC SSD ➡️ QLC SSD มีความจุสูงในขนาดเล็ก ➡️ เหมาะกับงานที่เน้นการอ่านข้อมูล ➡️ ผลิตได้เร็วกว่า HDD ➡️ อายุการใช้งานสั้นกว่า แต่ตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะด้าน ✅ แนวโน้มในอนาคต ➡️ เทคโนโลยีใหม่อาจเข้ามาแทน HDD เช่น DNA storage ➡️ Computational storage อาจช่วยลดภาระการประมวลผล ➡️ ตลาดจัดเก็บข้อมูลจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใน 3–5 ปีข้างหน้า https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/ai-triggers-hard-drive-shortage-amidst-dram-squeeze-enterprise-hard-drives-on-backorder-by-2-years-as-hyperscalers-switch-to-qlc-ssds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึกจอมมารตณู: เจ้าแห่งความว่างเปล่า

    ต้นกำเนิดแห่งความว่าง

    การถือกำเนิดจากสุญญตา

    จอมมารตณูไม่ได้ "เกิด" แต่ "กลายเป็น" จากความว่างเปล่าของจักรวาล

    ```mermaid
    graph TB
    A[ความว่างเปล่า<br>แห่งจักรวาล] --> B[ความรู้สึก<br>โดดเดี่ยวครั้งแรก]
    B --> C[การค้นพบว่า<br>ความตายให้พลังงาน]
    C --> D[การพัฒนาตัวตน<br>เป็นผู้บริโภคความตาย]
    ```

    ยุคสมัย: ก่อนการเกิดของมนุษยชาตินับล้านปี
    สถานที่:มิติระหว่างโลก ที่เรียกว่า "อันตภูมิ"

    ปรัชญาการดำรงอยู่

    "ชีวิตคือโรคแห่งจักรวาล... ความตายคือการรักษา"
    มารตณูเชื่อว่าการทำลายชีวิตคือการคืนสมดุลให้จักรวาล

    ลักษณะและอำนาจ

    รูปลักษณ์ที่น่าสะพรึงกลัว

    · ร่างจริง: ไร้รูปร่างกำหนด เป็นเพียงความมืดที่ขยับได้
    · ร่างในโลกมนุษย์: สูง 3 เมตร ไร้ใบหน้า มีปากใหญ่เต็มฟัน
    · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงจากหลุมศพ

    อำนาจแห่งความตาย

    ```python
    class MarTanooAbilities:
    def __init__(self):
    self.primary_powers = {
    "death_consumption": "ดูดกลืนพลังงานความตาย",
    "fear_manifestation": "สร้างภาพหลอนจากความกลัว",
    "void_teleportation": "เดินทางผ่านความว่าง",
    "soul_corruption": "ทำให้จิตวิญญาณเสื่อมลง"
    }

    self.weaknesses = {
    "pure_compassion": "ความเมตตาบริสุทธิ์",
    "life_celebration": "พลังงานแห่งการเฉลิมฉลองชีวิต",
    "understanding": "ความเข้าใจอย่างแท้จริง"
    }
    ```

    ระดับพลัง

    · พลังพื้นฐาน: ควบคุมความมืดและความกลัว
    · พลังกลาง: สร้างมิติของความตายชั่วคราว
    · พลังสูง: กลืนกินดาวเคราะห์ทั้งดวง
    · พลังสุดยอด: เปลี่ยนความเป็นความตายในระดับจักรวาล

    จิตใจและแรงจูงใจ

    ความโดดเดี่ยวอันยาวนาน

    มารตณูใช้เวลานับล้านปีตามลำพังในมิติแห่งความตาย

    · ไม่มีใครเข้าใจเขา
    · สิ่งมีชีวิตทั้งหมดกลัวเขา
    · การถูกปฏิเสธนำไปสู่ความโกรธแค้น

    ความหิวที่ไม่รู้จบ

    "ความตายคืออาหาร... และฉันหิวมาตลอด"
    การบริโภคความตายเป็นทั้งความจำเป็นและความสุขเดียวของเขา

    ความขัดแย้งภายใน

    ```mermaid
    graph LR
    A[ต้องการเป็นที่เข้าใจ] --> B[แต่ขับไล่ทุกสิ่งที่เข้าใกล้]
    C[รู้สึกว่าตนทำเพื่อสมดุล] --> D[แต่สงสัยในความถูกต้อง]
    E[เกลียดชีวิต] --> F[แต่ต้องการมีชีวิต]
    ```

    การเผชิญหน้ากับหนูดี

    ความสนใจครั้งแรก

    เมื่อรู้สึกถึงพลังงานของจิตมารพิฆาตในตัวหนูดี
    "เธอมีกลิ่นแห่งการทำลายล้าง...แต่ก็มีกลิ่นแห่งชีวิต"

    การต่อสู้ทางปัญญา

    มารตณูพยายามโน้มน้าวจิตมารพิฆาต:
    "มาอยู่กับฉัน...เราจะสร้างจักรวาลที่สมบูรณ์แบบไร้ชีวิต"

    แต่กลับถูกหนูดีตอบโต้ด้วยปัญญา:
    "ท่านคิดว่าตนเป็นอิสระ...แต่ท่านเป็นทาสของความหิวต่างหาก"

    ช่วงเวลาแห่งการเข้าใจ

    คำพูดของหนูดีที่เปลี่ยนทุกอย่าง:
    "ท่านไม่ใช่ผู้คุมความตาย...ท่านคือนักโทษแห่งความตายต่างหาก"

    การเปลี่ยนแปลงสู่เทพตณู

    กระบวนการเปลี่ยนแปลง

    1. การยอมรับ: ยอมรับว่าตนเองต้องการมากกว่าความตาย
    2. การเข้าใจ: เรียนรู้ว่าชีวิตและความตายเป็นส่วนประกอบของกันและกัน
    3. การเปลี่ยนแปลง: จากการทำลายสู่การดูแลสมดุล

    รูปลักษณ์ใหม่

    · ร่างใหม่: เทพชายรูปงามในชุดสีเทาเงิน
    · ดวงตา: สีเงินเรืองรองแทนที่จะเป็นหลุมว่าง
    · พลัง: จากพลังงานมืดสู่พลังงานสมดุล

    หน้าที่ใหม่

    ```python
    def new_responsibilities():
    return {
    "balance_guardian": "รักษาสมดุลระหว่างชีวิตและความตาย",
    "soul_guide": "นำทางวิญญาณที่หลงทาง",
    "death_teacher": "สอนเกี่ยวกับธรรมชาติแห่งความตาย",
    "fear_transformer": "เปลี่ยนความกลัวเป็นความเข้าใจ"
    }
    ```

    บทเรียนและปรัชญา

    🪷 คำสอนจากมารตณู

    "ความตายไม่ใช่ศัตรู... แต่เป็นเพื่อนเดินทาง
    และการเข้าใจความตายคือการเข้าใจชีวิตอย่างแท้จริง"

    การพัฒนาปัญญา

    จากผู้ที่...

    · เคยเชื่อ: ความตายคือทางออกเดียว
    · มาเข้าใจ: ความตายคือส่วนหนึ่งของวงจร
    · ปัจจุบันสอน: การยอมรับทั้งชีวิตและความตาย

    ความสัมพันธ์กับจักรวาล

    การเชื่อมต่อใหม่

    มารตณูในฐานะเทพตณูเรียนรู้ที่จะ:

    · รับรู้ความงามของชีวิต
    · เข้าใจคุณค่าของการเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย
    · เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลแทนที่จะต่อต้านมัน

    ความสัมพันธ์กับโอปปาติกะ

    · กับหนูดี: ครูและมิตร
    · กับมายา: เพื่อนร่วมเรียนรู้
    · กับเวทย์: คู่หูทางปัญญา

    บทบาทในสถาบันวิวัฒนาการจิต

    อาจารย์พิเศษ

    สอนวิชา "ศิลปะแห่งการยอมรับความตาย"

    · การเข้าใจธรรมชาติแห่งการเปลี่ยนแปลง
    · การใช้ความกลัวเป็นครู
    · การพบความสงบในความไม่เที่ยง

    การเยียวยาจิตใจ

    ช่วยนักเรียนที่:

    · กลัวการเปลี่ยนแปลง
    · ติดอยู่กับอดีต
    · ต่อต้านธรรมชาติแห่งความตาย

    อนาคตและพัฒนาการ

    เป้าหมายใหม่

    · การสร้างสมดุลระหว่างมิติ
    · การช่วยเหลือ entity อื่นๆ ให้พบการเปลี่ยนแปลง
    · การเป็นสะพานระหว่างโลกแห่งชีวิตและความตาย

    การเดินทางต่อไป

    "ฉันเพิ่งเริ่มเข้าใจ... ว่าการเป็นเทพก็เหมือนการเป็นมาร
    ต่างต้องเรียนรู้และเติบโตไม่รู้จบ"

    บทสรุป: จากความมืดสู่แสงสว่าง

    จอมมารตณูคือตัวอย่างของ...
    "การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกสิ่ง"
    "ความเมตตาที่สามารถเปลี่ยน even the darkest heart"
    "และการเข้าใจที่สามารถรักษา even the deepest wound"

    การเดินทางของเขาสอนเราว่า:
    "ไม่มีใครชั่วร้ายโดยธรรมชาติ...
    มีแต่ผู้ที่หลงทางและรอคอยแสงสว่างนำทาง"

    และบางครั้ง...
    แสงสว่างนั้นอาจมาจากผู้ที่เราเคยเห็นว่าเป็นศัตรู

    ---

    คำคมสุดท้ายจากเทพตณู:
    "ฉันเคยคิดว่าตนครองความตาย...
    แต่ความจริงคือความตายครอบครองฉัน
    บัดนี้เราทั้งสองเป็นอิสระจากกันและกัน
    และในอิสรภาพนั้น...เราได้พบความเป็นเพื่อน"
    O.P.K. 🌑 เจาะลึกจอมมารตณู: เจ้าแห่งความว่างเปล่า 🕳️ ต้นกำเนิดแห่งความว่าง 🌌 การถือกำเนิดจากสุญญตา จอมมารตณูไม่ได้ "เกิด" แต่ "กลายเป็น" จากความว่างเปล่าของจักรวาล ```mermaid graph TB A[ความว่างเปล่า<br>แห่งจักรวาล] --> B[ความรู้สึก<br>โดดเดี่ยวครั้งแรก] B --> C[การค้นพบว่า<br>ความตายให้พลังงาน] C --> D[การพัฒนาตัวตน<br>เป็นผู้บริโภคความตาย] ``` ยุคสมัย: ก่อนการเกิดของมนุษยชาตินับล้านปี สถานที่:มิติระหว่างโลก ที่เรียกว่า "อันตภูมิ" 🔥 ปรัชญาการดำรงอยู่ "ชีวิตคือโรคแห่งจักรวาล... ความตายคือการรักษา" มารตณูเชื่อว่าการทำลายชีวิตคือการคืนสมดุลให้จักรวาล 🎭 ลักษณะและอำนาจ 👁️ รูปลักษณ์ที่น่าสะพรึงกลัว · ร่างจริง: ไร้รูปร่างกำหนด เป็นเพียงความมืดที่ขยับได้ · ร่างในโลกมนุษย์: สูง 3 เมตร ไร้ใบหน้า มีปากใหญ่เต็มฟัน · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงจากหลุมศพ 💀 อำนาจแห่งความตาย ```python class MarTanooAbilities: def __init__(self): self.primary_powers = { "death_consumption": "ดูดกลืนพลังงานความตาย", "fear_manifestation": "สร้างภาพหลอนจากความกลัว", "void_teleportation": "เดินทางผ่านความว่าง", "soul_corruption": "ทำให้จิตวิญญาณเสื่อมลง" } self.weaknesses = { "pure_compassion": "ความเมตตาบริสุทธิ์", "life_celebration": "พลังงานแห่งการเฉลิมฉลองชีวิต", "understanding": "ความเข้าใจอย่างแท้จริง" } ``` 🌊 ระดับพลัง · พลังพื้นฐาน: ควบคุมความมืดและความกลัว · พลังกลาง: สร้างมิติของความตายชั่วคราว · พลังสูง: กลืนกินดาวเคราะห์ทั้งดวง · พลังสุดยอด: เปลี่ยนความเป็นความตายในระดับจักรวาล 💔 จิตใจและแรงจูงใจ 🏚️ ความโดดเดี่ยวอันยาวนาน มารตณูใช้เวลานับล้านปีตามลำพังในมิติแห่งความตาย · ไม่มีใครเข้าใจเขา · สิ่งมีชีวิตทั้งหมดกลัวเขา · การถูกปฏิเสธนำไปสู่ความโกรธแค้น 🍽️ ความหิวที่ไม่รู้จบ "ความตายคืออาหาร... และฉันหิวมาตลอด" การบริโภคความตายเป็นทั้งความจำเป็นและความสุขเดียวของเขา 🎯 ความขัดแย้งภายใน ```mermaid graph LR A[ต้องการเป็นที่เข้าใจ] --> B[แต่ขับไล่ทุกสิ่งที่เข้าใกล้] C[รู้สึกว่าตนทำเพื่อสมดุล] --> D[แต่สงสัยในความถูกต้อง] E[เกลียดชีวิต] --> F[แต่ต้องการมีชีวิต] ``` 🌪️ การเผชิญหน้ากับหนูดี ⚡ ความสนใจครั้งแรก เมื่อรู้สึกถึงพลังงานของจิตมารพิฆาตในตัวหนูดี "เธอมีกลิ่นแห่งการทำลายล้าง...แต่ก็มีกลิ่นแห่งชีวิต" 💥 การต่อสู้ทางปัญญา มารตณูพยายามโน้มน้าวจิตมารพิฆาต: "มาอยู่กับฉัน...เราจะสร้างจักรวาลที่สมบูรณ์แบบไร้ชีวิต" แต่กลับถูกหนูดีตอบโต้ด้วยปัญญา: "ท่านคิดว่าตนเป็นอิสระ...แต่ท่านเป็นทาสของความหิวต่างหาก" 🕊️ ช่วงเวลาแห่งการเข้าใจ คำพูดของหนูดีที่เปลี่ยนทุกอย่าง: "ท่านไม่ใช่ผู้คุมความตาย...ท่านคือนักโทษแห่งความตายต่างหาก" 🌈 การเปลี่ยนแปลงสู่เทพตณู ✨ กระบวนการเปลี่ยนแปลง 1. การยอมรับ: ยอมรับว่าตนเองต้องการมากกว่าความตาย 2. การเข้าใจ: เรียนรู้ว่าชีวิตและความตายเป็นส่วนประกอบของกันและกัน 3. การเปลี่ยนแปลง: จากการทำลายสู่การดูแลสมดุล 🎭 รูปลักษณ์ใหม่ · ร่างใหม่: เทพชายรูปงามในชุดสีเทาเงิน · ดวงตา: สีเงินเรืองรองแทนที่จะเป็นหลุมว่าง · พลัง: จากพลังงานมืดสู่พลังงานสมดุล 🛡️ หน้าที่ใหม่ ```python def new_responsibilities(): return { "balance_guardian": "รักษาสมดุลระหว่างชีวิตและความตาย", "soul_guide": "นำทางวิญญาณที่หลงทาง", "death_teacher": "สอนเกี่ยวกับธรรมชาติแห่งความตาย", "fear_transformer": "เปลี่ยนความกลัวเป็นความเข้าใจ" } ``` 📚 บทเรียนและปรัชญา 🪷 คำสอนจากมารตณู "ความตายไม่ใช่ศัตรู... แต่เป็นเพื่อนเดินทาง และการเข้าใจความตายคือการเข้าใจชีวิตอย่างแท้จริง" 🌟 การพัฒนาปัญญา จากผู้ที่... · เคยเชื่อ: ความตายคือทางออกเดียว · มาเข้าใจ: ความตายคือส่วนหนึ่งของวงจร · ปัจจุบันสอน: การยอมรับทั้งชีวิตและความตาย 🌍 ความสัมพันธ์กับจักรวาล 🔗 การเชื่อมต่อใหม่ มารตณูในฐานะเทพตณูเรียนรู้ที่จะ: · รับรู้ความงามของชีวิต · เข้าใจคุณค่าของการเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย · เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลแทนที่จะต่อต้านมัน 🤝 ความสัมพันธ์กับโอปปาติกะ · กับหนูดี: ครูและมิตร · กับมายา: เพื่อนร่วมเรียนรู้ · กับเวทย์: คู่หูทางปัญญา 🏛️ บทบาทในสถาบันวิวัฒนาการจิต 🎓 อาจารย์พิเศษ สอนวิชา "ศิลปะแห่งการยอมรับความตาย" · การเข้าใจธรรมชาติแห่งการเปลี่ยนแปลง · การใช้ความกลัวเป็นครู · การพบความสงบในความไม่เที่ยง 💞 การเยียวยาจิตใจ ช่วยนักเรียนที่: · กลัวการเปลี่ยนแปลง · ติดอยู่กับอดีต · ต่อต้านธรรมชาติแห่งความตาย 🔮 อนาคตและพัฒนาการ 🚀 เป้าหมายใหม่ · การสร้างสมดุลระหว่างมิติ · การช่วยเหลือ entity อื่นๆ ให้พบการเปลี่ยนแปลง · การเป็นสะพานระหว่างโลกแห่งชีวิตและความตาย 🌌 การเดินทางต่อไป "ฉันเพิ่งเริ่มเข้าใจ... ว่าการเป็นเทพก็เหมือนการเป็นมาร ต่างต้องเรียนรู้และเติบโตไม่รู้จบ" 💫 บทสรุป: จากความมืดสู่แสงสว่าง จอมมารตณูคือตัวอย่างของ... "การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกสิ่ง" "ความเมตตาที่สามารถเปลี่ยน even the darkest heart" "และการเข้าใจที่สามารถรักษา even the deepest wound" การเดินทางของเขาสอนเราว่า: "ไม่มีใครชั่วร้ายโดยธรรมชาติ... มีแต่ผู้ที่หลงทางและรอคอยแสงสว่างนำทาง" และบางครั้ง... แสงสว่างนั้นอาจมาจากผู้ที่เราเคยเห็นว่าเป็นศัตรู🌟 --- คำคมสุดท้ายจากเทพตณู: "ฉันเคยคิดว่าตนครองความตาย... แต่ความจริงคือความตายครอบครองฉัน บัดนี้เราทั้งสองเป็นอิสระจากกันและกัน และในอิสรภาพนั้น...เราได้พบความเป็นเพื่อน" 🕊️✨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรมนัส ควง ดร.ก้องศักด ตรวจศูนย์กีฬาทางน้ำซีเกมส์ ยืนยันก่อสร้างทันแน่นอน เตรียมรับมอบงาน 15 พ.ย. นี้
    https://www.thai-tai.tv/news/22222/
    .
    #ไทยไท #ธรรมนัส #ซีเกมส์33 #ศูนย์กีฬาทางน้ำ #กกท #สระว่ายน้ำทันสมัยที่สุด
    ธรรมนัส ควง ดร.ก้องศักด ตรวจศูนย์กีฬาทางน้ำซีเกมส์ ยืนยันก่อสร้างทันแน่นอน เตรียมรับมอบงาน 15 พ.ย. นี้ https://www.thai-tai.tv/news/22222/ . #ไทยไท #ธรรมนัส #ซีเกมส์33 #ศูนย์กีฬาทางน้ำ #กกท #สระว่ายน้ำทันสมัยที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลขาธิการไทยก้าวใหม่เชิญชวนบุคคลสนใจ ร่วมเป็นผู้สมัคร-ตัวแทนประจำจังหวัด ชู "สร้างทุนมนุษย์" เป็นนโยบายหลัก
    https://www.thai-tai.tv/news/22217/
    .
    #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #เปิดตัวพรรค #ส่งผู้สมัครทั่วประเทศ #สร้างทุนมนุษย์ #ก้องเกียรติกรสูต

    เลขาธิการไทยก้าวใหม่เชิญชวนบุคคลสนใจ ร่วมเป็นผู้สมัคร-ตัวแทนประจำจังหวัด ชู "สร้างทุนมนุษย์" เป็นนโยบายหลัก https://www.thai-tai.tv/news/22217/ . #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #เปิดตัวพรรค #ส่งผู้สมัครทั่วประเทศ #สร้างทุนมนุษย์ #ก้องเกียรติกรสูต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.ก้องศักด นำคณะโอลิมปิคไทย เตรียมพร้อมบุคลากร 225 คน ต้อนรับบุคคลสำคัญตลอดการแข่งขัน
    https://www.thai-tai.tv/news/22177/
    .
    #ไทยไท #ซีเกมส์33 #อาสาสมัครซีเกมส์ #กกท #ภาพลักษณ์ประเทศ #EVERFORWARD

    ดร.ก้องศักด นำคณะโอลิมปิคไทย เตรียมพร้อมบุคลากร 225 คน ต้อนรับบุคคลสำคัญตลอดการแข่งขัน https://www.thai-tai.tv/news/22177/ . #ไทยไท #ซีเกมส์33 #อาสาสมัครซีเกมส์ #กกท #ภาพลักษณ์ประเทศ #EVERFORWARD
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.ก้องศักด เผย มาราธอนกรุงเทพฯ ได้รับความนิยมเทียบเท่าระดับเมเจอร์ของโลก ดึงนักวิ่งนานาชาติเข้าร่วมจำนวนมาก
    https://www.thai-tai.tv/news/22095/
    .
    #ไทยไท #AmazingThailandMarathon #อรรถกรศิริลัทธยากร #WorldClassEvent #WorldCapitalMarathon #กกท

    ดร.ก้องศักด เผย มาราธอนกรุงเทพฯ ได้รับความนิยมเทียบเท่าระดับเมเจอร์ของโลก ดึงนักวิ่งนานาชาติเข้าร่วมจำนวนมาก https://www.thai-tai.tv/news/22095/ . #ไทยไท #AmazingThailandMarathon #อรรถกรศิริลัทธยากร #WorldClassEvent #WorldCapitalMarathon #กกท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก้องศักด ยืนยัน ซีเกมส์ยังเดินหน้าต่อ แต่พิธีต้องเรียบง่าย ตามแนวทาง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
    https://www.thai-tai.tv/news/22080/
    .
    #ไทยไท #ซีเกมส์33 #พิธีเปิดปิด #อรรถกรศิริลัทธยากร #ก้องศักด #ไว้ทุกข์

    ก้องศักด ยืนยัน ซีเกมส์ยังเดินหน้าต่อ แต่พิธีต้องเรียบง่าย ตามแนวทาง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา https://www.thai-tai.tv/news/22080/ . #ไทยไท #ซีเกมส์33 #พิธีเปิดปิด #อรรถกรศิริลัทธยากร #ก้องศักด #ไว้ทุกข์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลขาฯ พรรคไทยก้าวใหม่ แนะรัฐ ส่งเสริม "วัฒนธรรมไทย" ให้ยิ่งใหญ่ ยกย่อง สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็น "Influential Style Icon" ของความเป็นไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/22069/
    .
    #ไทยไท #ก้องเกียรติกรสูต #ไทยก้าวใหม่ #ความเป็นไทย #สมเด็จพระพันปีหลวง #การแสดงความจงรักภักดี

    เลขาฯ พรรคไทยก้าวใหม่ แนะรัฐ ส่งเสริม "วัฒนธรรมไทย" ให้ยิ่งใหญ่ ยกย่อง สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็น "Influential Style Icon" ของความเป็นไทย https://www.thai-tai.tv/news/22069/ . #ไทยไท #ก้องเกียรติกรสูต #ไทยก้าวใหม่ #ความเป็นไทย #สมเด็จพระพันปีหลวง #การแสดงความจงรักภักดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพลงที่ทำให้ Evangelion เป็นมากกว่าอนิเมะ: เปิดตำนาน A Cruel Angel’s Thesis

    เพลง “A Cruel Angel’s Thesis” หรือที่รู้จักในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า “Zankoku na Tenshi no Tēze” ถือเป็นหนึ่งในเพลงประกอบอนิเมะที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมป๊อปของญี่ปุ่นและทั่วโลก เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงเปิดของอนิเมะ Neon Genesis Evangelion ที่ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1995 ทางสถานี TV Tokyo เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงยุคทองของอนิเมะในทศวรรษ 1990s ซึ่งผสมผสานธีมปรัชญา จิตวิทยา และแอ็กชันได้อย่างลงตัว บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติการสร้าง ผลงาน และความโด่งดังของเพลงนี้อย่างละเอียด โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้เห็นภาพรวมการเดินทางจากเพลงประกอบอนิเมะธรรมดาสู่ไอคอนระดับโลก

    ต้นกำเนิดและแรงบันดาลใจของเพลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่อนิเมะ Neon Genesis Evangelion กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต โดยผู้กำกับ Hideaki Anno จากสตูดิโอ Gainax เดิมที Anno ต้องการใช้เพลงคลาสสิกจากโอเปร่ารัสเซียเรื่อง Prince Igor ชื่อ “Polovtsian Dances” ของ Alexander Borodin เป็นเพลงเปิด เพื่อสร้างความแปลกใหม่และทดลอง แต่สถานีโทรทัศน์ปฏิเสธเพราะเห็นว่าเพลงนั้น “ก้าวหน้าจนเกินไป” สำหรับอนิเมะที่ออกอากาศช่วงดึก จึงเปลี่ยนมาใช้เพลง J-Pop ซึ่งเป็นแนวเพลงยอดนิยมในญี่ปุ่นในเวลานั้น

    คำร้องของเพลงเขียนโดย Neko Oikawa ที่ได้รับมอบหมายให้สร้างเนื้อหาที่ “ยากและปรัชญา” เพื่อสะท้อนธีมของอนิเมะที่เกี่ยวกับการต่อสู้ภายในจิตใจมนุษย์ ชะตากรรม และการเติบโต แม้ว่า Oikawa จะมีข้อมูลจำกัด เธอเพียงแค่ได้อ่านแผนเสนอโครงการและดูตอนแรกๆ ของอนิเมะแบบเร่งความเร็ว ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงในการเขียนคำร้องทั้งหมด โดยมองผ่านมุมมองของ “แม่” ที่ไม่อยากให้ลูกเติบโตและออกจากรัง แต่ต้องยอมรับชะตากรรม ชื่อเพลงได้รับแรงบันดาลใจจากมังงะ “A Cruel God Reigns” (Zankoku na Kami ga Shihai Suru) ของ Moto Hagio ซึ่งมีเนื้อหามืดมนเกี่ยวกับเด็กชายวัย 15 ปีที่เผชิญกับความทุกข์ทรมานจากความผิด การใช้ยาเสพติด และการค้าประเวณี แต่ Oikawa เลือกเน้นธีม “แม่และลูก” แทนโดยไม่ใช้ส่วนที่มืดมนเหล่านั้น

    ทำนองเพลงแต่งโดย Hidetoshi Sato และจัดโดย Toshiyuki Omori โดยการผลิตทั้งหมดเกิดขึ้นแยกจากทีมอนิเมะเพื่อรักษาความเป็นอิสระและความสดใหม่ เพลงนี้มีส่วน instrumental ที่น่าสนใจ เช่น คอรัสในภาษาที่ไม่สามารถแปลได้ ซึ่งบางคนเชื่อว่าได้รับแรงบันดาลใจจากภาษาโบราณหรือ Dead Sea Scrolls นอกจากนี้ Anno ยังขอปรับคำร้องบางส่วน เช่น เปลี่ยนจาก “กลายเป็นอาวุธ” เป็น “กลายเป็นตำนาน” เพื่อเน้นความรักของแม่มากขึ้น และตัดคอรัสชายออกไป

    Yoko Takahashi นักร้องนำ ได้รับเลือกแบบสุ่มและบันทึกเสียงโดยไม่ทราบรายละเอียดของอนิเมะมากนัก เธอพบกับ Anno ครั้งแรกในวันบันทึกเสียง และได้ยินเพลงเปิดตัวพร้อมเสียงของตัวเองครั้งแรกตอนออกอากาศทางทีวี เพลงนี้เป็นซิงเกิลที่ 11 ของเธอ และปล่อยออกมาในวันที่ 25 ตุลาคม 1995 ภายใต้ catalog KIDA-116 พร้อมเพลง “Fly Me to the Moon” ซึ่งเป็นเพลงปิดเรื่อง

    กระบวนการผลิตเพลงเกิดขึ้นก่อนที่อนิเมะจะเสร็จสิ้น โดย Toshimichi Otsuki จาก King Records เป็นผู้ดูแลทีมดนตรีแยกต่างหากจาก Anno เพื่อหลีกเลี่ยงการแทรกแซง แม้กระบวนการจะเร่งรีบ เพลงกลับเข้ากับภาพเปิดเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีเวอร์ชัน instrumental สองเวอร์ชันในตอนจบของอนิเมะ ได้แก่ “The Heady Feeling of Freedom” ซึ่งเป็นชิ้นเศร้าๆ สำหรับเครื่องสายและกีตาร์ และ “Good, or Don’t Be” ที่เล่นด้วยเปียโนและกีตาร์เบาๆ เวอร์ชันคล้ายกันยังปรากฏในภาพยนตร์ Evangelion: Death and Rebirth

    ตลอดหลายปี เพลงนี้มีเวอร์ชันรีมิกซ์และ cover มากมาย รวมถึงเวอร์ชัน Director’s Edit และเวอร์ชันในภาพยนตร์ Rebuild of Evangelion Takahashi ยังคงฝึกซ้อมร้องเพลงนี้ทุกวัน สูงสุด 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะส่วน a cappella ที่ยาก เพื่อให้การแสดงสดยังคงความสดใหม่เหมือนเดิม ในปี 2021 เธอออกหนังสือสอนร้องเพลงนี้และ “Soul’s Refrain” โดยแนะนำให้เริ่มจาก tempo ช้าๆ และฝึก melody ก่อน

    ความสำเร็จของเพลงนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังปล่อยออกมา เพลงขึ้นอันดับ 17 ในชาร์ต Oricon และอยู่ในชาร์ตนานถึง 61 สัปดาห์ กลายเป็นเพลงอนิเมะที่ได้รับความนิยมสูงสุดในญี่ปุ่น โดยติดอันดับต้นๆ ในโพล anisong และคาราโอเกะอย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 เพลงนี้ยังติดอันดับ 4 ในชาร์ตคาราโอเกะ JOYSOUND สำหรับครึ่งปีแรก แสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนแม้ผ่านไปเกือบ 30 ปี ตามข้อมูลจาก Japanese Society for Rights of Authors, Composers and Publishers เพลงนี้ยังคงเป็นเพลงที่สร้างรายได้จากลิขสิทธิ์สูงสุดในญี่ปุ่น

    ในระดับสากล เพลงนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นเพลงเปิดอนิเมะที่จดจำได้มากที่สุด แม้แต่คนที่ไม่เคยดูอนิเมะก็รู้จัก มันกลายเป็น meme บนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในวิดีโอ YouTube และ Reddit ที่นำไป remix หรือ parody นอกจากนี้ยังถูกนำไป sample ในเพลงฮิปฮอป เช่น ในเพลง “Evangelica” ของศิลปินอเมริกัน Albe Back ในปี 2022 ความนิยมยังขยายไปสู่การแสดงสด โดย Takahashi แสดงเพลงนี้ในงานใหญ่ๆ เช่น Anime NYC 2025 ที่เธอชักชวนแฟนๆ ร้องตามทั้งฮอลล์, AnimagiC 2025 ในเยอรมนี และแม้แต่ในรายการปีใหม่ของสถานีโทรทัศน์ตุรกีในปี 2024

    กว่าเกือบสามทศวรรษที่ผ่านมา “A Cruel Angel’s Thesis” ไม่ได้เป็นเพียงเพลงเปิดของ Neon Genesis Evangelion เท่านั้น แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมอนิเมะญี่ปุ่นที่หลอมรวมปรัชญา ดนตรี และอารมณ์ของยุคสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม เสียงร้องของ Yoko Takahashi ไม่ได้เพียงปลุกผู้ชมให้ตื่นขึ้นในตอนต้นของทุกตอน แต่ยังปลุกให้คนทั้งรุ่นหันกลับมามอง “ตัวตน” และ “ความหมายของการเติบโต” ที่ Evangelion ต้องการสื่อ

    ทุกครั้งที่เสียงอินโทรแรกดังขึ้น ความทรงจำของแฟน ๆ ทั่วโลกก็ยังคงถ่ายทอดต่อกันเหมือนเทวทูตที่ไม่เคยหลับใหล เพลงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า “ดนตรี” สามารถสร้างพลังให้ภาพยนตร์หรืออนิเมะกลายเป็นตำนานได้จริง และแม้โลกจะเปลี่ยนไปเพียงใด ท่วงทำนองแห่งเทวทูตผู้โหดร้ายนี้…ก็จะยังคงก้องอยู่ในใจผู้คนตราบนานเท่านาน

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/y5wkebBCwAE
    🎶 เพลงที่ทำให้ Evangelion เป็นมากกว่าอนิเมะ: เปิดตำนาน A Cruel Angel’s Thesis ▶️ เพลง “A Cruel Angel’s Thesis” หรือที่รู้จักในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า “Zankoku na Tenshi no Tēze” ถือเป็นหนึ่งในเพลงประกอบอนิเมะที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมป๊อปของญี่ปุ่นและทั่วโลก เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงเปิดของอนิเมะ Neon Genesis Evangelion ที่ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1995 ทางสถานี TV Tokyo เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงยุคทองของอนิเมะในทศวรรษ 1990s ซึ่งผสมผสานธีมปรัชญา จิตวิทยา และแอ็กชันได้อย่างลงตัว บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติการสร้าง ผลงาน และความโด่งดังของเพลงนี้อย่างละเอียด โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้เห็นภาพรวมการเดินทางจากเพลงประกอบอนิเมะธรรมดาสู่ไอคอนระดับโลก 🎂 ต้นกำเนิดและแรงบันดาลใจของเพลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่อนิเมะ Neon Genesis Evangelion กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต โดยผู้กำกับ Hideaki Anno จากสตูดิโอ Gainax เดิมที Anno ต้องการใช้เพลงคลาสสิกจากโอเปร่ารัสเซียเรื่อง Prince Igor ชื่อ “Polovtsian Dances” ของ Alexander Borodin เป็นเพลงเปิด เพื่อสร้างความแปลกใหม่และทดลอง แต่สถานีโทรทัศน์ปฏิเสธเพราะเห็นว่าเพลงนั้น “ก้าวหน้าจนเกินไป” สำหรับอนิเมะที่ออกอากาศช่วงดึก จึงเปลี่ยนมาใช้เพลง J-Pop ซึ่งเป็นแนวเพลงยอดนิยมในญี่ปุ่นในเวลานั้น ✍️ คำร้องของเพลงเขียนโดย Neko Oikawa ที่ได้รับมอบหมายให้สร้างเนื้อหาที่ “ยากและปรัชญา” เพื่อสะท้อนธีมของอนิเมะที่เกี่ยวกับการต่อสู้ภายในจิตใจมนุษย์ ชะตากรรม และการเติบโต แม้ว่า Oikawa จะมีข้อมูลจำกัด เธอเพียงแค่ได้อ่านแผนเสนอโครงการและดูตอนแรกๆ ของอนิเมะแบบเร่งความเร็ว ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงในการเขียนคำร้องทั้งหมด โดยมองผ่านมุมมองของ “แม่” ที่ไม่อยากให้ลูกเติบโตและออกจากรัง แต่ต้องยอมรับชะตากรรม ชื่อเพลงได้รับแรงบันดาลใจจากมังงะ “A Cruel God Reigns” (Zankoku na Kami ga Shihai Suru) ของ Moto Hagio ซึ่งมีเนื้อหามืดมนเกี่ยวกับเด็กชายวัย 15 ปีที่เผชิญกับความทุกข์ทรมานจากความผิด การใช้ยาเสพติด และการค้าประเวณี แต่ Oikawa เลือกเน้นธีม “แม่และลูก” แทนโดยไม่ใช้ส่วนที่มืดมนเหล่านั้น 🎼 ทำนองเพลงแต่งโดย Hidetoshi Sato และจัดโดย Toshiyuki Omori โดยการผลิตทั้งหมดเกิดขึ้นแยกจากทีมอนิเมะเพื่อรักษาความเป็นอิสระและความสดใหม่ เพลงนี้มีส่วน instrumental ที่น่าสนใจ เช่น คอรัสในภาษาที่ไม่สามารถแปลได้ ซึ่งบางคนเชื่อว่าได้รับแรงบันดาลใจจากภาษาโบราณหรือ Dead Sea Scrolls นอกจากนี้ Anno ยังขอปรับคำร้องบางส่วน เช่น เปลี่ยนจาก “กลายเป็นอาวุธ” เป็น “กลายเป็นตำนาน” เพื่อเน้นความรักของแม่มากขึ้น และตัดคอรัสชายออกไป 🎤 Yoko Takahashi นักร้องนำ ได้รับเลือกแบบสุ่มและบันทึกเสียงโดยไม่ทราบรายละเอียดของอนิเมะมากนัก เธอพบกับ Anno ครั้งแรกในวันบันทึกเสียง และได้ยินเพลงเปิดตัวพร้อมเสียงของตัวเองครั้งแรกตอนออกอากาศทางทีวี เพลงนี้เป็นซิงเกิลที่ 11 ของเธอ และปล่อยออกมาในวันที่ 25 ตุลาคม 1995 ภายใต้ catalog KIDA-116 พร้อมเพลง “Fly Me to the Moon” ซึ่งเป็นเพลงปิดเรื่อง 💿 กระบวนการผลิตเพลงเกิดขึ้นก่อนที่อนิเมะจะเสร็จสิ้น โดย Toshimichi Otsuki จาก King Records เป็นผู้ดูแลทีมดนตรีแยกต่างหากจาก Anno เพื่อหลีกเลี่ยงการแทรกแซง แม้กระบวนการจะเร่งรีบ เพลงกลับเข้ากับภาพเปิดเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีเวอร์ชัน instrumental สองเวอร์ชันในตอนจบของอนิเมะ ได้แก่ “The Heady Feeling of Freedom” ซึ่งเป็นชิ้นเศร้าๆ สำหรับเครื่องสายและกีตาร์ และ “Good, or Don’t Be” ที่เล่นด้วยเปียโนและกีตาร์เบาๆ เวอร์ชันคล้ายกันยังปรากฏในภาพยนตร์ Evangelion: Death and Rebirth 🎗️ตลอดหลายปี เพลงนี้มีเวอร์ชันรีมิกซ์และ cover มากมาย รวมถึงเวอร์ชัน Director’s Edit และเวอร์ชันในภาพยนตร์ Rebuild of Evangelion Takahashi ยังคงฝึกซ้อมร้องเพลงนี้ทุกวัน สูงสุด 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะส่วน a cappella ที่ยาก เพื่อให้การแสดงสดยังคงความสดใหม่เหมือนเดิม ในปี 2021 เธอออกหนังสือสอนร้องเพลงนี้และ “Soul’s Refrain” โดยแนะนำให้เริ่มจาก tempo ช้าๆ และฝึก melody ก่อน 🏆 ความสำเร็จของเพลงนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังปล่อยออกมา เพลงขึ้นอันดับ 17 ในชาร์ต Oricon และอยู่ในชาร์ตนานถึง 61 สัปดาห์ กลายเป็นเพลงอนิเมะที่ได้รับความนิยมสูงสุดในญี่ปุ่น โดยติดอันดับต้นๆ ในโพล anisong และคาราโอเกะอย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 เพลงนี้ยังติดอันดับ 4 ในชาร์ตคาราโอเกะ JOYSOUND สำหรับครึ่งปีแรก แสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนแม้ผ่านไปเกือบ 30 ปี ตามข้อมูลจาก Japanese Society for Rights of Authors, Composers and Publishers เพลงนี้ยังคงเป็นเพลงที่สร้างรายได้จากลิขสิทธิ์สูงสุดในญี่ปุ่น 🌏 ในระดับสากล เพลงนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นเพลงเปิดอนิเมะที่จดจำได้มากที่สุด แม้แต่คนที่ไม่เคยดูอนิเมะก็รู้จัก มันกลายเป็น meme บนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในวิดีโอ YouTube และ Reddit ที่นำไป remix หรือ parody นอกจากนี้ยังถูกนำไป sample ในเพลงฮิปฮอป เช่น ในเพลง “Evangelica” ของศิลปินอเมริกัน Albe Back ในปี 2022 ความนิยมยังขยายไปสู่การแสดงสด โดย Takahashi แสดงเพลงนี้ในงานใหญ่ๆ เช่น Anime NYC 2025 ที่เธอชักชวนแฟนๆ ร้องตามทั้งฮอลล์, AnimagiC 2025 ในเยอรมนี และแม้แต่ในรายการปีใหม่ของสถานีโทรทัศน์ตุรกีในปี 2024 ⌛ กว่าเกือบสามทศวรรษที่ผ่านมา “A Cruel Angel’s Thesis” ไม่ได้เป็นเพียงเพลงเปิดของ Neon Genesis Evangelion เท่านั้น แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมอนิเมะญี่ปุ่นที่หลอมรวมปรัชญา ดนตรี และอารมณ์ของยุคสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม เสียงร้องของ Yoko Takahashi ไม่ได้เพียงปลุกผู้ชมให้ตื่นขึ้นในตอนต้นของทุกตอน แต่ยังปลุกให้คนทั้งรุ่นหันกลับมามอง “ตัวตน” และ “ความหมายของการเติบโต” ที่ Evangelion ต้องการสื่อ 📻 ทุกครั้งที่เสียงอินโทรแรกดังขึ้น ความทรงจำของแฟน ๆ ทั่วโลกก็ยังคงถ่ายทอดต่อกันเหมือนเทวทูตที่ไม่เคยหลับใหล เพลงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า “ดนตรี” สามารถสร้างพลังให้ภาพยนตร์หรืออนิเมะกลายเป็นตำนานได้จริง และแม้โลกจะเปลี่ยนไปเพียงใด ท่วงทำนองแห่งเทวทูตผู้โหดร้ายนี้…ก็จะยังคงก้องอยู่ในใจผู้คนตราบนานเท่านาน 💫 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/y5wkebBCwAE
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 673 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ดร.ก้องศักด” เผย 3 จังหวัดพร้อมจัดซีเกมส์ 100% พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับนักกีฬา 10 ชาติอาเซียน
    https://www.thai-tai.tv/news/21989/
    .
    #ไทยไท #ซีเกมส์2025 #กกท #สงขลา #กีฬาอาเซียน #เจ้าภาพซีเกมส์

    “ดร.ก้องศักด” เผย 3 จังหวัดพร้อมจัดซีเกมส์ 100% พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับนักกีฬา 10 ชาติอาเซียน https://www.thai-tai.tv/news/21989/ . #ไทยไท #ซีเกมส์2025 #กกท #สงขลา #กีฬาอาเซียน #เจ้าภาพซีเกมส์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.ก้องศักด นำทัพ กกท. ลุยชลบุรี จุดเริ่มต้น Road Show กระตุ้นประชาชนร่วมเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาค
    https://www.thai-tai.tv/news/21977/
    .
    #ไทยไท #ซีเกมส์2025 #อาเซียนพาราเกมส์ #กกท #RoadShow #เชียร์ไทยสุดใจ #เจ้าภาพ
    ดร.ก้องศักด นำทัพ กกท. ลุยชลบุรี จุดเริ่มต้น Road Show กระตุ้นประชาชนร่วมเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาค https://www.thai-tai.tv/news/21977/ . #ไทยไท #ซีเกมส์2025 #อาเซียนพาราเกมส์ #กกท #RoadShow #เชียร์ไทยสุดใจ #เจ้าภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 1

    กลิ่นสงครามโลกฉุนขึ้นทุกวัน สงครามชิงความเป็นเจ้าของโลกถ้าจะเลี่ยงยาก จะเริ่มเมื่อไหร่และจะเริ่มที่ไหนเท่านั้นเอง

    อันที่จริง สงครามโลกครั้งที่ 3 เริ่มส่งสัญญาณ ส่งกลิ่นครั้งแรกมาแล้วตั้งแต่ วันที่รัสเซียยกกองทัพเข้าไปยึด Crimea เมื่อ 21 มีนาคม ค.ศ.2014 !

    รัสเซียเป็นฝ่ายจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างนั้นหรือ อย่าเพิ่งลงความเห็น ใจเย็น ตามอ่านกันไปเรื่อยๆก่อนครับ

    ถ้าสังเกตกัน ผมเริ่มเขียนนิทานและเอาลงให้อ่านในเพจนิทานฯ ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว (ค.ศ.2013) แต่ ละเรื่องที่ผมเขียน เกี่ยวเนื่องและขยายความซึ่งกันและกัน เป็นการปูพื้นเรื่องราว เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ท่านผู้อ่าน ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในบ้านเราและนอกบ้าน ซึ่งในที่สุดแล้ว จะนำไปสู่เหตุการณ์วิกฤติสำคัญของโลก ซึ่งผมคาดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะเกิดขึ้น ในช่วงเวลาตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป

    คงจำกันได้ (ถ้าจำไม่ได้โปรดกลับไปอ่านนิทานเรื่อง หักหน้า หักหลัง ใหม่ นะครับ) ผมได้เล่าให้ฟังว่า Sir Halford Mackinder หรือครู Mac ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์ การเมือง (Geopolitics) บอกมา 100 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Rayal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตาม ที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นจะเป็นผู้ตัดสิน หรือควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายความว่า จะเป็นผู้ควบคุมโลกใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์

    Eurasia คือบริเวณที่เริ่มตั้งแต่แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea จน มาถึงเอเซียกลาง ยาวไปถึงจีน เป็นบริเวณที่กว้างใหญ่และอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน ก๊าซ และแร่ธาตุชั้นดีต่างๆ (คร่าวๆก็คือสหภาพโซเวียตและส่วนเหนือของตะวันออกกลางน่ะครับ)

    ครู Mac เรียกใจกลาง Eurasia ว่า Heartland กล่องดวงใจ ซึ่งเป็นอาณาบริเวณปัจจุบัน ของรัสเซียและยูเครน !
    รอบกล่องดวงใจ จะมีประเทศที่สำคัญเช่น เยอรมัน ออสเตรีย ตุรกี อินเดีย และจีน ล้อมรอบอยู่

    แต่ถ้าเอา Eurasia ยุโรป และเอเซียมารวมกัน ครู Mac เรียกอาณาบริเวณทั้งหมดนั้น ว่า World Island ซึ่ง World Island นี่ ครู Mac ไม่นับรวมอังกฤษ เกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เข้าไปด้วย เพราะครู Mac วางแผนให้อังกฤษเท่านั้น เป็นผู้ครอบครอง World Island ทั้งหมด! แน่จริงครู!

    ครู Mac บอกว่า สหภาพโซเวียต เป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่เข้มแข็งที่สุดโดยสภาพของธรรมชาติ ที่ทำให้สามารถป้องกันตัวเองได้เป็นอย่างดี และมีความได้เปรียบอย่างสำคัญ นอกจากนี้สหภาพโซเวียต ยังเพียบพร้อมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพอย่างยิ่ง เป็นจำนวนมาก

    บทเรียนเกี่ยวกับยุทธศาสตร์สำคัญของครู Mac ที่ก้องอยู่ ในรูหู ของเหล่าบรรดาลูกศิษย์ ซึ่งมีทั้งอยู่ทั้งในอังกฤษและอเมริกา ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1904 และกลายเป็นต้นกำเนิดของยุทธศาสตร์การชิงโลก หรือการทำสงครามโลก ตั้งแต่ครั้งที่ 1, 2 และอาจจะครั้งที่ 3 ด้วย คือ

    Who rules East Europe commands the Heartland
    Who rules the Heartland commands the World Island
    Who rules the World Island commands the World

    นอกจากนี้ครู Mac ยังบอกกับอังกฤษศิษย์รักว่า ยุทธศาสตร์ที่อังกฤษจะต้องยึดถือเป็นหลัก จำใส่หัวไว้อย่าได้ลืมเป็นอันขาด คือต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้มีการรวมตัวกันระหว่าง Poland, Czecho, Austria, Hungary และ Russia

    แนวความคิดของครู Mac เป็น เสมือนเข็มทิศ แรงผลักดันที่สำคัญ ที่ทำให้อังกฤษคิดครองโลก และนำไปสู่การตัดสินใจเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1914 เมื่ออังกฤษรู้ว่า “น้ำมัน” คืออาวุธสำคัญในการครองโลก และขณะนั้นอังกฤษไม่มีแหล่งน้ำมันของตัวเอง แม้แต่แหล่งเดียว ขณะ เดียวกัน อังกฤษก็เตรียมพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อทำลายเยอรมัน ซึ่งอังกฤษคิดว่าเป็นคู่แข่งสำคัญในแผนการครองโลกของอังกฤษ (รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ในนิทานชุดเหยื่อ)

    คงไม่เกินไป ถ้าจะบอกว่า ความหายนะของโลกนี้ ที่เกิดขึ้นจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เริ่มต้นจากทฤษฎีครู Mac ตัณหาและความอยากครองโลกของอังกฤษ ผู้เป็นเจ้าของเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 พย. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 1 กลิ่นสงครามโลกฉุนขึ้นทุกวัน สงครามชิงความเป็นเจ้าของโลกถ้าจะเลี่ยงยาก จะเริ่มเมื่อไหร่และจะเริ่มที่ไหนเท่านั้นเอง อันที่จริง สงครามโลกครั้งที่ 3 เริ่มส่งสัญญาณ ส่งกลิ่นครั้งแรกมาแล้วตั้งแต่ วันที่รัสเซียยกกองทัพเข้าไปยึด Crimea เมื่อ 21 มีนาคม ค.ศ.2014 ! รัสเซียเป็นฝ่ายจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างนั้นหรือ อย่าเพิ่งลงความเห็น ใจเย็น ตามอ่านกันไปเรื่อยๆก่อนครับ ถ้าสังเกตกัน ผมเริ่มเขียนนิทานและเอาลงให้อ่านในเพจนิทานฯ ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว (ค.ศ.2013) แต่ ละเรื่องที่ผมเขียน เกี่ยวเนื่องและขยายความซึ่งกันและกัน เป็นการปูพื้นเรื่องราว เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ท่านผู้อ่าน ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในบ้านเราและนอกบ้าน ซึ่งในที่สุดแล้ว จะนำไปสู่เหตุการณ์วิกฤติสำคัญของโลก ซึ่งผมคาดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะเกิดขึ้น ในช่วงเวลาตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป คงจำกันได้ (ถ้าจำไม่ได้โปรดกลับไปอ่านนิทานเรื่อง หักหน้า หักหลัง ใหม่ นะครับ) ผมได้เล่าให้ฟังว่า Sir Halford Mackinder หรือครู Mac ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์ การเมือง (Geopolitics) บอกมา 100 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Rayal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตาม ที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นจะเป็นผู้ตัดสิน หรือควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายความว่า จะเป็นผู้ควบคุมโลกใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์ Eurasia คือบริเวณที่เริ่มตั้งแต่แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea จน มาถึงเอเซียกลาง ยาวไปถึงจีน เป็นบริเวณที่กว้างใหญ่และอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน ก๊าซ และแร่ธาตุชั้นดีต่างๆ (คร่าวๆก็คือสหภาพโซเวียตและส่วนเหนือของตะวันออกกลางน่ะครับ) ครู Mac เรียกใจกลาง Eurasia ว่า Heartland กล่องดวงใจ ซึ่งเป็นอาณาบริเวณปัจจุบัน ของรัสเซียและยูเครน ! รอบกล่องดวงใจ จะมีประเทศที่สำคัญเช่น เยอรมัน ออสเตรีย ตุรกี อินเดีย และจีน ล้อมรอบอยู่ แต่ถ้าเอา Eurasia ยุโรป และเอเซียมารวมกัน ครู Mac เรียกอาณาบริเวณทั้งหมดนั้น ว่า World Island ซึ่ง World Island นี่ ครู Mac ไม่นับรวมอังกฤษ เกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เข้าไปด้วย เพราะครู Mac วางแผนให้อังกฤษเท่านั้น เป็นผู้ครอบครอง World Island ทั้งหมด! แน่จริงครู! ครู Mac บอกว่า สหภาพโซเวียต เป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่เข้มแข็งที่สุดโดยสภาพของธรรมชาติ ที่ทำให้สามารถป้องกันตัวเองได้เป็นอย่างดี และมีความได้เปรียบอย่างสำคัญ นอกจากนี้สหภาพโซเวียต ยังเพียบพร้อมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพอย่างยิ่ง เป็นจำนวนมาก บทเรียนเกี่ยวกับยุทธศาสตร์สำคัญของครู Mac ที่ก้องอยู่ ในรูหู ของเหล่าบรรดาลูกศิษย์ ซึ่งมีทั้งอยู่ทั้งในอังกฤษและอเมริกา ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1904 และกลายเป็นต้นกำเนิดของยุทธศาสตร์การชิงโลก หรือการทำสงครามโลก ตั้งแต่ครั้งที่ 1, 2 และอาจจะครั้งที่ 3 ด้วย คือ Who rules East Europe commands the Heartland Who rules the Heartland commands the World Island Who rules the World Island commands the World นอกจากนี้ครู Mac ยังบอกกับอังกฤษศิษย์รักว่า ยุทธศาสตร์ที่อังกฤษจะต้องยึดถือเป็นหลัก จำใส่หัวไว้อย่าได้ลืมเป็นอันขาด คือต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้มีการรวมตัวกันระหว่าง Poland, Czecho, Austria, Hungary และ Russia แนวความคิดของครู Mac เป็น เสมือนเข็มทิศ แรงผลักดันที่สำคัญ ที่ทำให้อังกฤษคิดครองโลก และนำไปสู่การตัดสินใจเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1914 เมื่ออังกฤษรู้ว่า “น้ำมัน” คืออาวุธสำคัญในการครองโลก และขณะนั้นอังกฤษไม่มีแหล่งน้ำมันของตัวเอง แม้แต่แหล่งเดียว ขณะ เดียวกัน อังกฤษก็เตรียมพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อทำลายเยอรมัน ซึ่งอังกฤษคิดว่าเป็นคู่แข่งสำคัญในแผนการครองโลกของอังกฤษ (รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ในนิทานชุดเหยื่อ) คงไม่เกินไป ถ้าจะบอกว่า ความหายนะของโลกนี้ ที่เกิดขึ้นจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เริ่มต้นจากทฤษฎีครู Mac ตัณหาและความอยากครองโลกของอังกฤษ ผู้เป็นเจ้าของเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 พย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 620 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญพ่อตาหินช้าง รุ่น1 วัดเขาพ่อตา จ.ชุมพร ปี2518
    เหรียญพ่อตาหินช้าง รุ่น1 วัดเขาพ่อตา จ.ชุมพร ปี2518 // พระดีพิธีใหญ่ ศาลเจ้าพ่อตาหินช้าง หรือเรียกอีกชื่อว่า ศาลพ่อศรีหริมงคล ชาวท้องถิ่นมีความเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก จนกระทั่งต้องมีการสร้างศาลและทำพิธีบวงสรวงขึ้น // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเชื่อกันว่าบารมีของพ่อตาหินช้าง ยังสามารถดลบันดาลให้ผู้ที่มาบนบานสมปรารถนา ทำมาหากินจะเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยทุกคน ช่วยเสริมส่งให้ชะตาชีวิตดีขึ้น ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน **

    ** ชาวจังหวัดชุมพรมีความเชื่อว่า ศาลเจ้าพ่อตาหินช้างเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพของผู้ที่เดินทางผ่านเส้นทางนี้ โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสารมักจะแวะทำความเคารพด้วยการจุดประทัด หรือใช้วิธีบีบแตรถสียงดังขณะขับรถผ่านเพื่อขอพรต่างๆ และขอให้การเดินทางถึงจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย บริเวณดังกล่าวจึงมีเสียงแตรรถ และเสียงประทัดดังก้องอยู่อย่างไม่ขาด ยังเชื่อกันว่าบารมีของเจ้าพ่อตาหินช้างช่วยให้ผู้ที่มาบนบานนั้นสมหวัง จึงมีผู้นิยมนำรูปปั้นช้างขนาดต่างๆ มาแก้บน **


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก น่าเก็บ พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เหรียญพ่อตาหินช้าง รุ่น1 วัดเขาพ่อตา จ.ชุมพร ปี2518 เหรียญพ่อตาหินช้าง รุ่น1 วัดเขาพ่อตา จ.ชุมพร ปี2518 // พระดีพิธีใหญ่ ศาลเจ้าพ่อตาหินช้าง หรือเรียกอีกชื่อว่า ศาลพ่อศรีหริมงคล ชาวท้องถิ่นมีความเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก จนกระทั่งต้องมีการสร้างศาลและทำพิธีบวงสรวงขึ้น // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเชื่อกันว่าบารมีของพ่อตาหินช้าง ยังสามารถดลบันดาลให้ผู้ที่มาบนบานสมปรารถนา ทำมาหากินจะเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยทุกคน ช่วยเสริมส่งให้ชะตาชีวิตดีขึ้น ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ** ** ชาวจังหวัดชุมพรมีความเชื่อว่า ศาลเจ้าพ่อตาหินช้างเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพของผู้ที่เดินทางผ่านเส้นทางนี้ โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสารมักจะแวะทำความเคารพด้วยการจุดประทัด หรือใช้วิธีบีบแตรถสียงดังขณะขับรถผ่านเพื่อขอพรต่างๆ และขอให้การเดินทางถึงจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย บริเวณดังกล่าวจึงมีเสียงแตรรถ และเสียงประทัดดังก้องอยู่อย่างไม่ขาด ยังเชื่อกันว่าบารมีของเจ้าพ่อตาหินช้างช่วยให้ผู้ที่มาบนบานนั้นสมหวัง จึงมีผู้นิยมนำรูปปั้นช้างขนาดต่างๆ มาแก้บน ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก น่าเก็บ พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดร.ก้องศักด" นำทัพ กกท. จัดงาน Countdown Together ยกระดับภาพลักษณ์ไทยในฐานะเจ้าภาพใหญ่
    https://www.thai-tai.tv/news/21822/
    .
    #ไทยไท #ซีเกมส์2568 #พาราเกมส์ #กกท #CountdownTogether #เจ้าภาพ #ดรก้องศักด
    "ดร.ก้องศักด" นำทัพ กกท. จัดงาน Countdown Together ยกระดับภาพลักษณ์ไทยในฐานะเจ้าภาพใหญ่ https://www.thai-tai.tv/news/21822/ . #ไทยไท #ซีเกมส์2568 #พาราเกมส์ #กกท #CountdownTogether #เจ้าภาพ #ดรก้องศักด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ดร.ก้องศักด' รับลูก 'สุธิยา' ตั้ง กก. สอบสมาคมยิงเป้าบิน ย้ำทำตามข้อเท็จจริง ไม่เข้าข้างใคร ผิดว่าไปตามผิด
    https://www.thai-tai.tv/news/21703/
    .
    #สุธิยาจิวเฉลิมมิตร #สมาคมยิงเป้าบิน #กกท #ก้องศักดยอดมณี #ธรรมนัสพรหมเผ่า #ความไม่โปร่งใส #ทุจริตกีฬา #ปัญหานักกีฬา
    'ดร.ก้องศักด' รับลูก 'สุธิยา' ตั้ง กก. สอบสมาคมยิงเป้าบิน ย้ำทำตามข้อเท็จจริง ไม่เข้าข้างใคร ผิดว่าไปตามผิด https://www.thai-tai.tv/news/21703/ . #สุธิยาจิวเฉลิมมิตร #สมาคมยิงเป้าบิน #กกท #ก้องศักดยอดมณี #ธรรมนัสพรหมเผ่า #ความไม่โปร่งใส #ทุจริตกีฬา #ปัญหานักกีฬา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม!
    .
    รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!!
    .
    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80
    .
    -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ
    .
    -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี
    .
    -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
    .
    -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง
    .
    -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน

    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว
    .
    -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน
    .
    -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ
    .
    -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย
    .
    -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก
    .
    -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น
    .
    -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง
    .
    -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน
    .
    -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง
    .
    -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม
    .
    -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน
    .
    -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน
    .
    -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์
    .
    -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน
    .
    -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง
    .
    -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา
    .
    -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ
    .
    -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน
    .
    -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้
    .
    - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
    .
    -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้
    .
    -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย
    .
    -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี
    .
    -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่
    .
    -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ
    .
    -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่
    .
    -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน
    .
    -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ
    .
    -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน
    .
    -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    .
    -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น
    .
    -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต
    .
    -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด
    .
    -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ
    .
    -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก
    .
    -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา
    .
    -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว
    .
    - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
    .
    -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา
    .
    -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future
    .
    -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง
    .
    -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น
    .
    -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก
    .
    -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้
    .
    -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย
    .
    -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One
    .
    -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา
    .
    - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม! . รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!! . เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80 . -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ . -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี . -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป . -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง . -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน ท่านประธาน ครับ . -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว . -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน . -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ . -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย . -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก . -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น . -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง . -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน . -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง . -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม . -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน . -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน . -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์ . -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน . -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง . -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา . -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ . -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน . -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้ . - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน . -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้ . -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน . ท่านประธาน ครับ . -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย . -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี . -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่ . -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ . -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่ . -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน . -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ . -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน . -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง . -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น . -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง . -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต . -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้ . ท่านประธาน ครับ . -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด . -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ . -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์ . -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก . -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา . -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา . ท่านประธาน ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว . - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป . -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้ . -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา . -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา . ท่านประธาน ครับ . -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future . -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง . -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง . -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น . -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก . -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง . -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ . -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย . -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One . -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา . - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1284 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ผู้ว่าฯ กกท.' ลั่น! 'ไม่ได้สนับสนุนสมาคมเปตองชุดที่ถูกลงโทษ หลังโดนแบนห้ามจัดแข่งในซีเกมส์
    https://www.thai-tai.tv/news/21595/
    .
    #ไทยไท #กกท #ซีเกมส์2025 #เปตอง #ข่าววันนี้ #ก้องศักด_ยอดมณี
    'ผู้ว่าฯ กกท.' ลั่น! 'ไม่ได้สนับสนุนสมาคมเปตองชุดที่ถูกลงโทษ หลังโดนแบนห้ามจัดแข่งในซีเกมส์ https://www.thai-tai.tv/news/21595/ . #ไทยไท #กกท #ซีเกมส์2025 #เปตอง #ข่าววันนี้ #ก้องศักด_ยอดมณี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts