• Phison ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กรด้วย SSD รุ่น Pascari X200E ซึ่งมีความจุสูงสุดถึง 30.72TB และรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความเร็วและความหนาแน่นสูง โดย SSD รุ่นนี้สามารถทำความเร็วในการอ่านแบบต่อเนื่องได้ถึง 15,025MB/s ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดที่เคยบันทึกไว้ และยังเป็น SSD แรกที่สามารถทำงานได้เกิน 1 ล้าน IOPS ในการทดสอบแบบ 8K 70/30

    X200E ใช้ตัวควบคุม Phison PS5302-X2-66 และ NAND แบบ Hynix 176-layer eTLC พร้อมอินเทอร์เฟซ PCIe Gen5 x4 ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานในศูนย์ข้อมูลและการประมวลผล AI โดย SSD รุ่นนี้สามารถรักษาประสิทธิภาพการทำงานได้แม้ในสถานการณ์ที่มีการใช้งานแบบสุ่มและมีความลึกของคิวสูงถึง 4096

    อย่างไรก็ตาม SSD รุ่นนี้ไม่สามารถใช้งานกับคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้ เนื่องจากต้องการอินเทอร์เฟซแบบ U.2 และ E3.S ซึ่งไม่รองรับในเมนบอร์ดสำหรับผู้บริโภคทั่วไป

    ✅ ความเร็วและประสิทธิภาพ
    - ความเร็วในการอ่านแบบต่อเนื่องสูงสุด 15,025MB/s
    - เป็น SSD แรกที่ทำงานได้เกิน 1 ล้าน IOPS

    ✅ การออกแบบและเทคโนโลยี
    - ใช้ตัวควบคุม Phison PS5302-X2-66 และ NAND แบบ Hynix 176-layer eTLC
    - รองรับอินเทอร์เฟซ PCIe Gen5 x4

    ✅ การใช้งานในศูนย์ข้อมูล
    - ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI และการทำงานในศูนย์ข้อมูล
    - รักษาประสิทธิภาพการทำงานแม้ในสถานการณ์ที่มีความลึกของคิวสูง

    ✅ ความจุและรูปแบบ
    - ความจุสูงสุด 30.72TB
    - มีรูปแบบ U.2 และ E3.S

    https://www.techradar.com/pro/this-ssd-just-smashed-the-15-gbps-speed-barrier-to-become-the-fastest-ever-tested-but-you-wont-be-able-to-run-it-on-a-normal-pc
    Phison ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กรด้วย SSD รุ่น Pascari X200E ซึ่งมีความจุสูงสุดถึง 30.72TB และรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความเร็วและความหนาแน่นสูง โดย SSD รุ่นนี้สามารถทำความเร็วในการอ่านแบบต่อเนื่องได้ถึง 15,025MB/s ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดที่เคยบันทึกไว้ และยังเป็น SSD แรกที่สามารถทำงานได้เกิน 1 ล้าน IOPS ในการทดสอบแบบ 8K 70/30 X200E ใช้ตัวควบคุม Phison PS5302-X2-66 และ NAND แบบ Hynix 176-layer eTLC พร้อมอินเทอร์เฟซ PCIe Gen5 x4 ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานในศูนย์ข้อมูลและการประมวลผล AI โดย SSD รุ่นนี้สามารถรักษาประสิทธิภาพการทำงานได้แม้ในสถานการณ์ที่มีการใช้งานแบบสุ่มและมีความลึกของคิวสูงถึง 4096 อย่างไรก็ตาม SSD รุ่นนี้ไม่สามารถใช้งานกับคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้ เนื่องจากต้องการอินเทอร์เฟซแบบ U.2 และ E3.S ซึ่งไม่รองรับในเมนบอร์ดสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ✅ ความเร็วและประสิทธิภาพ - ความเร็วในการอ่านแบบต่อเนื่องสูงสุด 15,025MB/s - เป็น SSD แรกที่ทำงานได้เกิน 1 ล้าน IOPS ✅ การออกแบบและเทคโนโลยี - ใช้ตัวควบคุม Phison PS5302-X2-66 และ NAND แบบ Hynix 176-layer eTLC - รองรับอินเทอร์เฟซ PCIe Gen5 x4 ✅ การใช้งานในศูนย์ข้อมูล - ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI และการทำงานในศูนย์ข้อมูล - รักษาประสิทธิภาพการทำงานแม้ในสถานการณ์ที่มีความลึกของคิวสูง ✅ ความจุและรูปแบบ - ความจุสูงสุด 30.72TB - มีรูปแบบ U.2 และ E3.S https://www.techradar.com/pro/this-ssd-just-smashed-the-15-gbps-speed-barrier-to-become-the-fastest-ever-tested-but-you-wont-be-able-to-run-it-on-a-normal-pc
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • OKI Circuit Technology ได้พัฒนาเทคโนโลยี PCB แบบ 124 ชั้นสำหรับอุปกรณ์ตรวจสอบเวเฟอร์ที่ใช้ในเซมิคอนดักเตอร์ AI รุ่นใหม่ โดยเทคโนโลยีนี้เพิ่มจำนวนชั้นขึ้นประมาณ 15% จากการออกแบบแบบเดิมที่มี 108 ชั้น และยังคงรักษาความหนาของแผ่น PCB ไว้ที่ 7.6 มม. ด้วยการใช้วัสดุและเครื่องมือที่บางพิเศษ รวมถึงระบบขนส่งอัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นเอง

    เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลระหว่าง GPU และหน่วยความจำ HBM ซึ่งต้องการการถ่ายโอนข้อมูลที่มีความเร็ว ความถี่ และความหนาแน่นสูง นอกจากนี้ PCB ยังต้องมีความแม่นยำและคุณภาพสูงเพื่อรองรับการผลิตเวเฟอร์ที่บางและละเอียดมากขึ้น

    OKI วางแผนที่จะเริ่มต้นการผลิตในเดือนตุลาคม 2025 ที่โรงงานในเมืองโจเอ็ทสึ จังหวัดนีงาตะ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการผลิต PCB แบบหลายชั้นที่มีความแม่นยำสูงสำหรับอุปกรณ์ตรวจสอบเซมิคอนดักเตอร์

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
    - เพิ่มจำนวนชั้น PCB จาก 108 ชั้นเป็น 124 ชั้น
    - ใช้วัสดุและเครื่องมือที่บางพิเศษเพื่อรักษาความหนาไว้ที่ 7.6 มม.

    ✅ การรองรับการประมวลผลข้อมูล
    - รองรับการถ่ายโอนข้อมูลที่มีความเร็ว ความถี่ และความหนาแน่นสูง
    - ออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU และหน่วยความจำ HBM

    ✅ การผลิตและการจัดแสดง
    - วางแผนเริ่มต้นการผลิตในเดือนตุลาคม 2025
    - จะจัดแสดงเทคโนโลยีนี้ในงาน PCB East 2025 ที่รัฐแมสซาชูเซตส์

    ✅ การตอบสนองต่อความต้องการในอนาคต
    - เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตในด้าน AI เซมิคอนดักเตอร์ การบินและอวกาศ การป้องกันประเทศ หุ่นยนต์ และการสื่อสารรุ่นใหม่

    https://www.techpowerup.com/335958/oki-develops-124-layer-pcb-technology-for-next-generation-semiconductor-testing-equipment
    OKI Circuit Technology ได้พัฒนาเทคโนโลยี PCB แบบ 124 ชั้นสำหรับอุปกรณ์ตรวจสอบเวเฟอร์ที่ใช้ในเซมิคอนดักเตอร์ AI รุ่นใหม่ โดยเทคโนโลยีนี้เพิ่มจำนวนชั้นขึ้นประมาณ 15% จากการออกแบบแบบเดิมที่มี 108 ชั้น และยังคงรักษาความหนาของแผ่น PCB ไว้ที่ 7.6 มม. ด้วยการใช้วัสดุและเครื่องมือที่บางพิเศษ รวมถึงระบบขนส่งอัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นเอง เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลระหว่าง GPU และหน่วยความจำ HBM ซึ่งต้องการการถ่ายโอนข้อมูลที่มีความเร็ว ความถี่ และความหนาแน่นสูง นอกจากนี้ PCB ยังต้องมีความแม่นยำและคุณภาพสูงเพื่อรองรับการผลิตเวเฟอร์ที่บางและละเอียดมากขึ้น OKI วางแผนที่จะเริ่มต้นการผลิตในเดือนตุลาคม 2025 ที่โรงงานในเมืองโจเอ็ทสึ จังหวัดนีงาตะ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการผลิต PCB แบบหลายชั้นที่มีความแม่นยำสูงสำหรับอุปกรณ์ตรวจสอบเซมิคอนดักเตอร์ ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ - เพิ่มจำนวนชั้น PCB จาก 108 ชั้นเป็น 124 ชั้น - ใช้วัสดุและเครื่องมือที่บางพิเศษเพื่อรักษาความหนาไว้ที่ 7.6 มม. ✅ การรองรับการประมวลผลข้อมูล - รองรับการถ่ายโอนข้อมูลที่มีความเร็ว ความถี่ และความหนาแน่นสูง - ออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU และหน่วยความจำ HBM ✅ การผลิตและการจัดแสดง - วางแผนเริ่มต้นการผลิตในเดือนตุลาคม 2025 - จะจัดแสดงเทคโนโลยีนี้ในงาน PCB East 2025 ที่รัฐแมสซาชูเซตส์ ✅ การตอบสนองต่อความต้องการในอนาคต - เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตในด้าน AI เซมิคอนดักเตอร์ การบินและอวกาศ การป้องกันประเทศ หุ่นยนต์ และการสื่อสารรุ่นใหม่ https://www.techpowerup.com/335958/oki-develops-124-layer-pcb-technology-for-next-generation-semiconductor-testing-equipment
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    OKI Develops 124-Layer PCB Technology for Next-Generation Semiconductor Testing Equipment
    OKI Circuit Technology, the OKI Group printed circuit board (PCB) company, has successfully developed 124-layer PCB technology for wafer inspection equipment designed for next-generation high bandwidth memory, such as HBM mounted on AI semiconductors. This is a roughly 15% increase in the number of ...
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงปัญหาการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบสุ่ม ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ โดยมีสาเหตุหลัก เช่น การร้อนเกินไปของ CPU หรือ GPU, ปัญหาแหล่งจ่ายไฟ, การเชื่อมต่อสายไฟที่หลวม, ปัญหา RAM หรือฮาร์ดดิสก์, ไดรเวอร์หรือ BIOS ที่ล้าสมัย, การติดมัลแวร์, หรือข้อผิดพลาดในระบบปฏิบัติการ

    เพื่อแก้ไขปัญหา ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบอุณหภูมิของระบบ, ตรวจสอบแหล่งจ่ายไฟ, ทดสอบ RAM และฮาร์ดดิสก์, อัปเดตไดรเวอร์และ BIOS, และสแกนหามัลแวร์ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมืออย่าง Windows Event Viewer สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับการปิดเครื่อง

    ✅ สาเหตุที่พบบ่อย
    - การร้อนเกินไปของ CPU หรือ GPU
    - ปัญหาแหล่งจ่ายไฟที่ไม่เสถียร
    - การเชื่อมต่อสายไฟที่หลวม

    ✅ การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
    - ตรวจสอบและทำความสะอาดพัดลมและฮีตซิงค์
    - ทดสอบแหล่งจ่ายไฟด้วย PSU สำรอง
    - อัปเดตไดรเวอร์และ BIOS

    ✅ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์
    - ใช้ Windows Event Viewer เพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาด
    - ใช้ MemTest86 และ CrystalDiskInfo เพื่อตรวจสอบ RAM และฮาร์ดดิสก์

    ✅ คำแนะนำเพิ่มเติม
    - หากปัญหายังคงอยู่ ควรปรึกษาช่างเทคนิค

    https://computercity.com/laptops/pc-turns-off-randomly
    บทความนี้กล่าวถึงปัญหาการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบสุ่ม ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ โดยมีสาเหตุหลัก เช่น การร้อนเกินไปของ CPU หรือ GPU, ปัญหาแหล่งจ่ายไฟ, การเชื่อมต่อสายไฟที่หลวม, ปัญหา RAM หรือฮาร์ดดิสก์, ไดรเวอร์หรือ BIOS ที่ล้าสมัย, การติดมัลแวร์, หรือข้อผิดพลาดในระบบปฏิบัติการ เพื่อแก้ไขปัญหา ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบอุณหภูมิของระบบ, ตรวจสอบแหล่งจ่ายไฟ, ทดสอบ RAM และฮาร์ดดิสก์, อัปเดตไดรเวอร์และ BIOS, และสแกนหามัลแวร์ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมืออย่าง Windows Event Viewer สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับการปิดเครื่อง ✅ สาเหตุที่พบบ่อย - การร้อนเกินไปของ CPU หรือ GPU - ปัญหาแหล่งจ่ายไฟที่ไม่เสถียร - การเชื่อมต่อสายไฟที่หลวม ✅ การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น - ตรวจสอบและทำความสะอาดพัดลมและฮีตซิงค์ - ทดสอบแหล่งจ่ายไฟด้วย PSU สำรอง - อัปเดตไดรเวอร์และ BIOS ✅ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ - ใช้ Windows Event Viewer เพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาด - ใช้ MemTest86 และ CrystalDiskInfo เพื่อตรวจสอบ RAM และฮาร์ดดิสก์ ✅ คำแนะนำเพิ่มเติม - หากปัญหายังคงอยู่ ควรปรึกษาช่างเทคนิค https://computercity.com/laptops/pc-turns-off-randomly
    COMPUTERCITY.COM
    PC Turns Off Randomly: Troubleshooting Tips
    Few things are more frustrating than a PC that shuts down without warning. Random shutdowns can interrupt your work, gaming, or browsing—and they usually
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • ChatGPT รุ่น GPT-4.5 ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการผ่าน Turing Test ซึ่งเป็นการทดสอบที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของเครื่องจักรในการเลียนแบบมนุษย์ โดยในงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก พบว่า 73% ของผู้เข้าร่วมการทดลองเชื่อว่า AI เป็นมนุษย์หลังจากสนทนาเป็นเวลา 5 นาที ซึ่ง GPT-4.5 ยังสามารถทำได้ดีกว่าผู้เข้าร่วมที่เป็นมนุษย์บางคนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น AI

    ✅ GPT-4.5 ผ่าน Turing Test ด้วยความสามารถในการเลียนแบบมนุษย์
    - AI ถูกออกแบบให้มีบุคลิกเป็นคนหนุ่มสาวที่มีความรู้ด้านอินเทอร์เน็ตและมีอารมณ์ขันแบบแห้ง
    - การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ AI ในการสร้างบทสนทนาที่เหมือนมนุษย์

    ✅ ผลการทดลองแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างเมื่อไม่มีการตั้งค่าบุคลิกภาพ
    - เมื่อ AI ไม่มีการตั้งค่าบุคลิกภาพ ความสามารถในการหลอกลวงลดลงเหลือ 36%

    ✅ Turing Test ไม่ได้วัดความรู้สึกหรือความตระหนักรู้ของ AI
    - GPT-4.5 เป็นเพียงโมเดลภาษาที่ทำงานตามคำสั่งและไม่ได้มีความรู้สึกหรือความตระหนักรู้

    ✅ ผลกระทบต่อการพัฒนา AI ในอนาคต
    - การผ่าน Turing Test อาจกระตุ้นการพัฒนา AI ที่มีความสามารถในการเลียนแบบมนุษย์มากขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-crosses-a-new-ai-threshold-by-beating-the-turing-test
    ChatGPT รุ่น GPT-4.5 ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการผ่าน Turing Test ซึ่งเป็นการทดสอบที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของเครื่องจักรในการเลียนแบบมนุษย์ โดยในงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก พบว่า 73% ของผู้เข้าร่วมการทดลองเชื่อว่า AI เป็นมนุษย์หลังจากสนทนาเป็นเวลา 5 นาที ซึ่ง GPT-4.5 ยังสามารถทำได้ดีกว่าผู้เข้าร่วมที่เป็นมนุษย์บางคนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น AI ✅ GPT-4.5 ผ่าน Turing Test ด้วยความสามารถในการเลียนแบบมนุษย์ - AI ถูกออกแบบให้มีบุคลิกเป็นคนหนุ่มสาวที่มีความรู้ด้านอินเทอร์เน็ตและมีอารมณ์ขันแบบแห้ง - การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ AI ในการสร้างบทสนทนาที่เหมือนมนุษย์ ✅ ผลการทดลองแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างเมื่อไม่มีการตั้งค่าบุคลิกภาพ - เมื่อ AI ไม่มีการตั้งค่าบุคลิกภาพ ความสามารถในการหลอกลวงลดลงเหลือ 36% ✅ Turing Test ไม่ได้วัดความรู้สึกหรือความตระหนักรู้ของ AI - GPT-4.5 เป็นเพียงโมเดลภาษาที่ทำงานตามคำสั่งและไม่ได้มีความรู้สึกหรือความตระหนักรู้ ✅ ผลกระทบต่อการพัฒนา AI ในอนาคต - การผ่าน Turing Test อาจกระตุ้นการพัฒนา AI ที่มีความสามารถในการเลียนแบบมนุษย์มากขึ้น https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-crosses-a-new-ai-threshold-by-beating-the-turing-test
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของ Generative AI ต่อการแก้ไขช่องโหว่ที่พบในกระบวนการทดสอบเจาะระบบ (Penetration Testing) โดยพบว่าองค์กรส่วนใหญ่ยังคงมีปัญหาในการแก้ไขช่องโหว่ที่ถูกระบุ แม้จะมีการปรับปรุงกระบวนการแก้ไขช่องโหว่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่การพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ Generative AI กลับเพิ่มความซับซ้อนในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

    ✅ องค์กรแก้ไขช่องโหว่ที่พบใน Penetration Testing ได้เพียง 48%
    - ช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับแอป Generative AI ถูกแก้ไขเพียง 21%
    - ช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงหรือวิกฤตมีอัตราการแก้ไขสูงถึง 69%

    ✅ Generative AI เพิ่มความซับซ้อนในการแก้ไขช่องโหว่
    - แอป Generative AI มักถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยใช้เครื่องมือและเฟรมเวิร์กใหม่ที่ยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเต็มที่
    - ช่องโหว่ในโมเดล AI เช่น Prompt Injection และ Data Leakage มีความยากในการแก้ไข

    ✅ องค์กรต้องเผชิญกับแรงกดดันในการให้ความสำคัญกับความเร็วมากกว่าความปลอดภัย
    - ผู้บริหารด้านความปลอดภัยกว่า 52% ระบุว่าต้องให้ความสำคัญกับความเร็วในการพัฒนาแอปมากกว่าความปลอดภัย

    ✅ การแก้ไขช่องโหว่ในโมเดล AI มีความซับซ้อนมากกว่าการแก้ไขในแอปทั่วไป
    - การปรับปรุงโมเดล AI เพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะกำจัดปัญหาได้ทั้งหมด

    https://www.csoonline.com/article/3965405/generative-ai-is-making-pen-test-vulnerability-remediation-much-worse.html
    บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของ Generative AI ต่อการแก้ไขช่องโหว่ที่พบในกระบวนการทดสอบเจาะระบบ (Penetration Testing) โดยพบว่าองค์กรส่วนใหญ่ยังคงมีปัญหาในการแก้ไขช่องโหว่ที่ถูกระบุ แม้จะมีการปรับปรุงกระบวนการแก้ไขช่องโหว่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่การพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ Generative AI กลับเพิ่มความซับซ้อนในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ✅ องค์กรแก้ไขช่องโหว่ที่พบใน Penetration Testing ได้เพียง 48% - ช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับแอป Generative AI ถูกแก้ไขเพียง 21% - ช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงหรือวิกฤตมีอัตราการแก้ไขสูงถึง 69% ✅ Generative AI เพิ่มความซับซ้อนในการแก้ไขช่องโหว่ - แอป Generative AI มักถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยใช้เครื่องมือและเฟรมเวิร์กใหม่ที่ยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเต็มที่ - ช่องโหว่ในโมเดล AI เช่น Prompt Injection และ Data Leakage มีความยากในการแก้ไข ✅ องค์กรต้องเผชิญกับแรงกดดันในการให้ความสำคัญกับความเร็วมากกว่าความปลอดภัย - ผู้บริหารด้านความปลอดภัยกว่า 52% ระบุว่าต้องให้ความสำคัญกับความเร็วในการพัฒนาแอปมากกว่าความปลอดภัย ✅ การแก้ไขช่องโหว่ในโมเดล AI มีความซับซ้อนมากกว่าการแก้ไขในแอปทั่วไป - การปรับปรุงโมเดล AI เพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะกำจัดปัญหาได้ทั้งหมด https://www.csoonline.com/article/3965405/generative-ai-is-making-pen-test-vulnerability-remediation-much-worse.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Generative AI is making pen-test vulnerability remediation much worse
    Organizations already struggle to fix flaws discovered during penetration testing. Gen AI apps bring added complexity and the need for greater expertise.
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • The cutest fence
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    The cutest fence #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • The cutest fence
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    The cutest fence #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • Intel ได้เปิดตัว 200S Boost ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Arrow Lake K-series processors ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมผ่านการ โอเวอร์คล็อกหน่วยความจำและ fabric speeds โดยฟีเจอร์นี้ได้รับการรับรองภายใต้ การรับประกันของ Intel ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทให้การรับรองสำหรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ DDR5

    ✅ Intel 200S Boost ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมขึ้น 7%
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้หน่วยความจำ DDR5 สามารถโอเวอร์คล็อกได้สูงสุดถึง DDR5-8000
    - เพิ่มความเร็วของ Next Generation Uncore (NGU/SA Fabric) จาก 2.6 GHz เป็น 3.2 GHz

    ✅ ฟีเจอร์นี้ได้รับการรับรองภายใต้การรับประกันของ Intel
    - เป็นครั้งแรกที่ Intel ให้การรับรองสำหรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ DDR5
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งระบบได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายของชิป

    ✅ 200S Boost จะถูกนำไปใช้ใน BIOS ของเมนบอร์ด Z-Series
    - ฟีเจอร์นี้จะถูกเพิ่มเข้าไปใน BIOS revisions จากผู้ผลิตเมนบอร์ดรายใหญ่
    - คาดว่าจะมีการอัปเดต BIOS จาก OEMs ภายในวันพรุ่งนี้

    ✅ การโอเวอร์คล็อก fabric speeds ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างองค์ประกอบของชิป
    - Die-to-Die (D2D) communication fabric ถูกเพิ่มจาก 2.1 GHz เป็น 3.2 GHz
    - ช่วยให้ CPU cores, memory controllers และองค์ประกอบอื่นๆ ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/we-tested-intels-unreleased-200s-boost-feature-7-percent-higher-gaming-performance-thanks-to-memory-overclocking-now-covered-by-the-warranty
    Intel ได้เปิดตัว 200S Boost ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Arrow Lake K-series processors ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมผ่านการ โอเวอร์คล็อกหน่วยความจำและ fabric speeds โดยฟีเจอร์นี้ได้รับการรับรองภายใต้ การรับประกันของ Intel ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทให้การรับรองสำหรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ DDR5 ✅ Intel 200S Boost ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมขึ้น 7% - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้หน่วยความจำ DDR5 สามารถโอเวอร์คล็อกได้สูงสุดถึง DDR5-8000 - เพิ่มความเร็วของ Next Generation Uncore (NGU/SA Fabric) จาก 2.6 GHz เป็น 3.2 GHz ✅ ฟีเจอร์นี้ได้รับการรับรองภายใต้การรับประกันของ Intel - เป็นครั้งแรกที่ Intel ให้การรับรองสำหรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ DDR5 - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งระบบได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายของชิป ✅ 200S Boost จะถูกนำไปใช้ใน BIOS ของเมนบอร์ด Z-Series - ฟีเจอร์นี้จะถูกเพิ่มเข้าไปใน BIOS revisions จากผู้ผลิตเมนบอร์ดรายใหญ่ - คาดว่าจะมีการอัปเดต BIOS จาก OEMs ภายในวันพรุ่งนี้ ✅ การโอเวอร์คล็อก fabric speeds ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างองค์ประกอบของชิป - Die-to-Die (D2D) communication fabric ถูกเพิ่มจาก 2.1 GHz เป็น 3.2 GHz - ช่วยให้ CPU cores, memory controllers และองค์ประกอบอื่นๆ ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/we-tested-intels-unreleased-200s-boost-feature-7-percent-higher-gaming-performance-thanks-to-memory-overclocking-now-covered-by-the-warranty
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • ขออนุญาติผลงานออกแบบและทำบอร์ดต้้นแบบประเภท High Layer Counter บอร์ดประเภทนี้ลูกค้าจะสั่งทำประมาณ 1-3 Boards เท่านั้น

    ทางขาวมือเป็น 12 Layers หนา 5.80 mm
    ทางซ้ายมือเป็น 26 Layers หนา 5.80 mm
    เคลือบผิวด้วยทองหนา 35 micro inch

    เราเรียก Boards เหล่านี้ว่า IC Test Load Board มันใช้ทดสอบ IC ตามมาตรฐานโรงงานผลิต IC
    ทั้งสองบอร์ดทำจากประเทศไต้หวั่น ไม่ได้ทำจากประเทศจีน

    ขออนุญาติผลงานออกแบบและทำบอร์ดต้้นแบบประเภท High Layer Counter บอร์ดประเภทนี้ลูกค้าจะสั่งทำประมาณ 1-3 Boards เท่านั้น ทางขาวมือเป็น 12 Layers หนา 5.80 mm ทางซ้ายมือเป็น 26 Layers หนา 5.80 mm เคลือบผิวด้วยทองหนา 35 micro inch เราเรียก Boards เหล่านี้ว่า IC Test Load Board มันใช้ทดสอบ IC ตามมาตรฐานโรงงานผลิต IC ทั้งสองบอร์ดทำจากประเทศไต้หวั่น ไม่ได้ทำจากประเทศจีน
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Galaxy XCover7 Pro ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก โดยมีจุดเด่นที่ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งหาได้ยากในสมาร์ทโฟนยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ทนทานและเหมาะสำหรับการใช้งานในภาคสนาม เช่น ความสามารถในการกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 และการป้องกันการตกกระแทกตามมาตรฐาน MIL-STD-810H

    ✅ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้
    - มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,350mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้
    - เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งพลังงาน

    ✅ ออกแบบมาเพื่อความทนทานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก
    - ได้รับการรับรองมาตรฐาน IP68 และ MIL-STD-810H
    - หน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว FHD+ TFT LCD พร้อมกระจก Gorilla Glass Victus+

    ✅ ประสิทธิภาพระดับกลางที่ตอบโจทย์การใช้งานในภาคสนาม
    - ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 พร้อม RAM ขนาด 6GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB
    - รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6E, และ Bluetooth 5.4

    ✅ ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในภาคสนาม
    - มีปุ่มฮาร์ดแวร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ 2 ปุ่มสำหรับการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่สำคัญ
    - รองรับการใช้งานร่วมกับถุงมือและการชาร์จผ่านแท่นชาร์จ POGO

    https://www.techradar.com/pro/samsungs-latest-smartphone-has-a-very-simple-feature-that-no-other-samsung-phone-offers-right-now
    Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Galaxy XCover7 Pro ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก โดยมีจุดเด่นที่ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งหาได้ยากในสมาร์ทโฟนยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ทนทานและเหมาะสำหรับการใช้งานในภาคสนาม เช่น ความสามารถในการกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 และการป้องกันการตกกระแทกตามมาตรฐาน MIL-STD-810H ✅ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ - มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,350mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ - เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งพลังงาน ✅ ออกแบบมาเพื่อความทนทานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก - ได้รับการรับรองมาตรฐาน IP68 และ MIL-STD-810H - หน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว FHD+ TFT LCD พร้อมกระจก Gorilla Glass Victus+ ✅ ประสิทธิภาพระดับกลางที่ตอบโจทย์การใช้งานในภาคสนาม - ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 พร้อม RAM ขนาด 6GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB - รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6E, และ Bluetooth 5.4 ✅ ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในภาคสนาม - มีปุ่มฮาร์ดแวร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ 2 ปุ่มสำหรับการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่สำคัญ - รองรับการใช้งานร่วมกับถุงมือและการชาร์จผ่านแท่นชาร์จ POGO https://www.techradar.com/pro/samsungs-latest-smartphone-has-a-very-simple-feature-that-no-other-samsung-phone-offers-right-now
    0 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นในจีนได้เปิดตัว Poxiao หรือ Dawn ซึ่งเป็นหน่วยความจำแฟลชที่เร็วที่สุดในโลก โดยสามารถลบและเขียนข้อมูลได้ในเวลาเพียง 400 พิโควินาที ซึ่งเร็วกว่าหน่วยความจำแฟลชทั่วไปถึง 100,000 เท่า การพัฒนานี้อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลในอนาคต

    ✅ Poxiao เป็นหน่วยความจำแฟลชที่เร็วที่สุดในโลก
    - สามารถลบและเขียนข้อมูลได้ในเวลา 400 พิโควินาที
    - เร็วกว่าหน่วยความจำแฟลชทั่วไปถึง 100,000 เท่า

    ✅ การพัฒนานี้ใช้ทฤษฎีใหม่ที่เรียกว่า 2D-enhanced hot-carrier injection
    - ทฤษฎีนี้ช่วยให้ อิเล็กตรอนเปลี่ยนจากสถานะความเร็วต่ำไปยังความเร็วสูงโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการวอร์มอัพ
    - ทฤษฎีนี้ช่วยให้หน่วยความจำแฟลชมีความเร็วเทียบเท่ากับหน่วยความจำแบบ SRAM

    ✅ Poxiao อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลในอนาคต
    - อาจช่วยให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไม่ต้องแยกหน่วยความจำและการจัดเก็บข้อมูล
    - อาจช่วยให้การประมวลผล AI ขนาดใหญ่สามารถทำงานได้ในระดับท้องถิ่น

    ✅ ทีมวิจัยเริ่มต้นการพัฒนาในปี 2015 และมีเป้าหมายที่จะผลิตในระดับเมกะไบต์ภายใน 5 ปี
    - หน่วยความจำแฟลชนี้มีขนาดช่องทาง 8 นาโนเมตร ซึ่งเล็กกว่าขีดจำกัดของหน่วยความจำแฟลชที่ใช้ซิลิคอนทั่วไป

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/china-unveils-worlds-fastest-hard-drive-is-poxiao-the-dawn-of-new-flash-memory
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นในจีนได้เปิดตัว Poxiao หรือ Dawn ซึ่งเป็นหน่วยความจำแฟลชที่เร็วที่สุดในโลก โดยสามารถลบและเขียนข้อมูลได้ในเวลาเพียง 400 พิโควินาที ซึ่งเร็วกว่าหน่วยความจำแฟลชทั่วไปถึง 100,000 เท่า การพัฒนานี้อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลในอนาคต ✅ Poxiao เป็นหน่วยความจำแฟลชที่เร็วที่สุดในโลก - สามารถลบและเขียนข้อมูลได้ในเวลา 400 พิโควินาที - เร็วกว่าหน่วยความจำแฟลชทั่วไปถึง 100,000 เท่า ✅ การพัฒนานี้ใช้ทฤษฎีใหม่ที่เรียกว่า 2D-enhanced hot-carrier injection - ทฤษฎีนี้ช่วยให้ อิเล็กตรอนเปลี่ยนจากสถานะความเร็วต่ำไปยังความเร็วสูงโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการวอร์มอัพ - ทฤษฎีนี้ช่วยให้หน่วยความจำแฟลชมีความเร็วเทียบเท่ากับหน่วยความจำแบบ SRAM ✅ Poxiao อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลในอนาคต - อาจช่วยให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไม่ต้องแยกหน่วยความจำและการจัดเก็บข้อมูล - อาจช่วยให้การประมวลผล AI ขนาดใหญ่สามารถทำงานได้ในระดับท้องถิ่น ✅ ทีมวิจัยเริ่มต้นการพัฒนาในปี 2015 และมีเป้าหมายที่จะผลิตในระดับเมกะไบต์ภายใน 5 ปี - หน่วยความจำแฟลชนี้มีขนาดช่องทาง 8 นาโนเมตร ซึ่งเล็กกว่าขีดจำกัดของหน่วยความจำแฟลชที่ใช้ซิลิคอนทั่วไป https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/china-unveils-worlds-fastest-hard-drive-is-poxiao-the-dawn-of-new-flash-memory
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China unveils world’s fastest hard drive. Is ‘Poxiao’ the dawn of new flash memory?
    Rice-sized memory device breaks speed barrier once thought impossible, capable of erasing and rewriting data 100,000 times faster than before.
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • TikTok กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Footnotes ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับ Community Notes ของ X (Twitter เดิม) โดยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอเพื่อช่วยให้เนื้อหามีความเข้าใจมากขึ้น

    ✅ TikTok เปิดตัว Footnotes เพื่อให้ผู้ใช้ช่วยตรวจสอบเนื้อหา
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอ เพื่อให้เนื้อหามีความโปร่งใสมากขึ้น
    - TikTok ระบุว่า Footnotes ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ชุมชนมีบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาที่พวกเขาดู

    ✅ Footnotes ใช้ระบบการให้คะแนนแบบ "bridge-based ranking"
    - ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตสามารถ เพิ่มโน้ตและให้คะแนนโน้ตของผู้อื่น
    - โน้ตที่ได้รับการจัดอันดับว่า "มีประโยชน์" จากผู้ใช้ที่มีมุมมองแตกต่างกัน จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ

    ✅ ข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเป็นผู้เพิ่มโน้ต
    - ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
    - ต้องมี ประวัติการใช้งานที่ดี และอยู่บนแพลตฟอร์มมาอย่างน้อย 6 เดือน

    ✅ Footnotes ไม่ได้มาแทนที่ระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงของ TikTok
    - TikTok ยังคงใช้ องค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการรับรองจาก IFCN
    - Footnotes เป็นเพียง อีกหนึ่งชั้นของการตรวจสอบเนื้อหา

    ✅ แรงบันดาลใจจาก Community Notes ของ X
    - Community Notes เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ภายใต้ชื่อ Birdwatch
    - Elon Musk นำระบบนี้มาใช้ใน X และเพิ่มการเข้าถึงให้กว้างขึ้น

    ℹ️ ความท้าทายในการใช้ระบบตรวจสอบเนื้อหาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน
    - แม้ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบเนื้อหา แต่ก็อาจ เกิดข้อผิดพลาดหรือการบิดเบือนข้อมูล ได้

    ℹ️ ผลกระทบต่อการควบคุมข้อมูลผิดบนแพลตฟอร์ม
    - รายงานจาก Center for Countering Digital Hate พบว่า Community Notes ของ X พลาดการตรวจจับโพสต์ที่ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

    ℹ️ แนวโน้มของการใช้ AI และชุมชนในการตรวจสอบเนื้อหา
    - TikTok อาจต้อง ปรับปรุงระบบ Footnotes เพื่อให้สามารถตรวจจับข้อมูลผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.neowin.net/news/tiktok-is-testing-its-own-version-of-community-notes-called-footnotes/
    TikTok กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Footnotes ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับ Community Notes ของ X (Twitter เดิม) โดยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอเพื่อช่วยให้เนื้อหามีความเข้าใจมากขึ้น ✅ TikTok เปิดตัว Footnotes เพื่อให้ผู้ใช้ช่วยตรวจสอบเนื้อหา - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอ เพื่อให้เนื้อหามีความโปร่งใสมากขึ้น - TikTok ระบุว่า Footnotes ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ชุมชนมีบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาที่พวกเขาดู ✅ Footnotes ใช้ระบบการให้คะแนนแบบ "bridge-based ranking" - ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตสามารถ เพิ่มโน้ตและให้คะแนนโน้ตของผู้อื่น - โน้ตที่ได้รับการจัดอันดับว่า "มีประโยชน์" จากผู้ใช้ที่มีมุมมองแตกต่างกัน จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ✅ ข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเป็นผู้เพิ่มโน้ต - ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป - ต้องมี ประวัติการใช้งานที่ดี และอยู่บนแพลตฟอร์มมาอย่างน้อย 6 เดือน ✅ Footnotes ไม่ได้มาแทนที่ระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงของ TikTok - TikTok ยังคงใช้ องค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการรับรองจาก IFCN - Footnotes เป็นเพียง อีกหนึ่งชั้นของการตรวจสอบเนื้อหา ✅ แรงบันดาลใจจาก Community Notes ของ X - Community Notes เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ภายใต้ชื่อ Birdwatch - Elon Musk นำระบบนี้มาใช้ใน X และเพิ่มการเข้าถึงให้กว้างขึ้น ℹ️ ความท้าทายในการใช้ระบบตรวจสอบเนื้อหาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน - แม้ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบเนื้อหา แต่ก็อาจ เกิดข้อผิดพลาดหรือการบิดเบือนข้อมูล ได้ ℹ️ ผลกระทบต่อการควบคุมข้อมูลผิดบนแพลตฟอร์ม - รายงานจาก Center for Countering Digital Hate พบว่า Community Notes ของ X พลาดการตรวจจับโพสต์ที่ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ℹ️ แนวโน้มของการใช้ AI และชุมชนในการตรวจสอบเนื้อหา - TikTok อาจต้อง ปรับปรุงระบบ Footnotes เพื่อให้สามารถตรวจจับข้อมูลผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.neowin.net/news/tiktok-is-testing-its-own-version-of-community-notes-called-footnotes/
    WWW.NEOWIN.NET
    TikTok is testing its own version of Community Notes, called Footnotes
    X's Community Notes model seems to be catching the attention of other social platforms, and now TikTok is the latest to take a swing at it.
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้ยืนยันว่ามีปัญหากับ Windows Hello หลังจากติดตั้งอัปเดตความปลอดภัยของ Windows 11 ในเดือนเมษายน 2025 โดยผู้ใช้บางรายพบว่า การเข้าสู่ระบบด้วยใบหน้าและ PIN ไม่สามารถใช้งานได้ หลังจากรีเซ็ตระบบ

    ✅ Windows Hello ไม่ทำงานหลังจากรีเซ็ตระบบ
    - ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจากติดตั้งอัปเดต KB5055523
    - ผู้ใช้ที่เลือก "Keep my Files" ในการรีเซ็ตระบบอาจพบว่า PIN และการตั้งค่าการจดจำใบหน้าหายไป

    ✅ ข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่พบ
    - เมื่อพยายามเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้จะเห็นข้อความ "Something happened and your PIN isn't available"
    - หากพยายามตั้งค่าการจดจำใบหน้าใหม่ อาจพบข้อความ "Sorry something went wrong with face setup"

    ✅ อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ
    - ปัญหานี้พบในอุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน System Guard Secure Launch หรือ Dynamic Root of Trust for Measurement (DRTM)
    - ไม่ส่งผลกระทบต่อ Windows 11 เวอร์ชัน 23H2 หรือเก่ากว่า

    ✅ วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
    - ผู้ใช้สามารถ ตั้งค่า PIN ใหม่ ตามคำแนะนำบนหน้าจอ
    - หลังจากนั้นสามารถ ตั้งค่าการจดจำใบหน้าใหม่ ผ่านแอป Settings

    https://www.neowin.net/news/microsoft-confirms-windows-hello-issues-in-latest-windows-11-updates/
    Microsoft ได้ยืนยันว่ามีปัญหากับ Windows Hello หลังจากติดตั้งอัปเดตความปลอดภัยของ Windows 11 ในเดือนเมษายน 2025 โดยผู้ใช้บางรายพบว่า การเข้าสู่ระบบด้วยใบหน้าและ PIN ไม่สามารถใช้งานได้ หลังจากรีเซ็ตระบบ ✅ Windows Hello ไม่ทำงานหลังจากรีเซ็ตระบบ - ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจากติดตั้งอัปเดต KB5055523 - ผู้ใช้ที่เลือก "Keep my Files" ในการรีเซ็ตระบบอาจพบว่า PIN และการตั้งค่าการจดจำใบหน้าหายไป ✅ ข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่พบ - เมื่อพยายามเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้จะเห็นข้อความ "Something happened and your PIN isn't available" - หากพยายามตั้งค่าการจดจำใบหน้าใหม่ อาจพบข้อความ "Sorry something went wrong with face setup" ✅ อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ - ปัญหานี้พบในอุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน System Guard Secure Launch หรือ Dynamic Root of Trust for Measurement (DRTM) - ไม่ส่งผลกระทบต่อ Windows 11 เวอร์ชัน 23H2 หรือเก่ากว่า ✅ วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น - ผู้ใช้สามารถ ตั้งค่า PIN ใหม่ ตามคำแนะนำบนหน้าจอ - หลังจากนั้นสามารถ ตั้งค่าการจดจำใบหน้าใหม่ ผ่านแอป Settings https://www.neowin.net/news/microsoft-confirms-windows-hello-issues-in-latest-windows-11-updates/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft confirms Windows Hello issues in latest Windows 11 updates
    Recent Windows 11 updates are breaking Windows Hello face sign-in, and Microsoft is now aware of the problem.
    0 Comments 0 Shares 247 Views 0 Reviews
  • Google Messages กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เช่น การขยายช่องพิมพ์ข้อความ, ป้ายกำกับ RCS, ปุ่มยกเลิกข้อความอัตโนมัติ, การปรับปรุงการแสดงผล Read Receipts และการส่งภาพ/วิดีโอคุณภาพต้นฉบับ

    ✅ การขยายช่องพิมพ์ข้อความ
    - เดิมที Google Messages จำกัดการแสดงผลข้อความที่พิมพ์ไว้เพียง 4 บรรทัด
    - เวอร์ชันเบต้าล่าสุดขยายช่องพิมพ์เป็น 14 บรรทัด ทำให้สามารถตรวจสอบข้อความยาวได้ง่ายขึ้น

    ✅ ป้ายกำกับ RCS
    - Google กำลังทดสอบ ป้ายกำกับ RCS ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทราบว่ากำลังส่งข้อความแบบ RCS หรือ SMS
    - ป้ายกำกับนี้จะปรากฏข้างชื่อหรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ติดต่อ

    ✅ ปุ่มยกเลิกข้อความอัตโนมัติ
    - ผู้ใช้สามารถ ยกเลิกการสมัครรับข้อความอัตโนมัติ ได้ง่ายขึ้น
    - เมื่อกดปุ่ม ระบบจะส่งข้อความ STOP ไปยังผู้ให้บริการโดยอัตโนมัติ

    ✅ การปรับปรุง Read Receipts
    - Google กำลังเปลี่ยนตำแหน่งของ เครื่องหมายเช็ก ที่แสดงว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความแล้ว
    - เครื่องหมายนี้จะถูกย้ายเข้าไปอยู่ใน ฟองข้อความ แทนที่จะอยู่ด้านล่าง

    ✅ การส่งภาพและวิดีโอคุณภาพต้นฉบับ
    - Google Messages อาจเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกส่ง ไฟล์ภาพ/วิดีโอแบบต้นฉบับ
    - มีสองตัวเลือก: "Optimize for chat" (ส่งเร็วแต่ลดคุณภาพ) และ "Original quality" (ส่งไฟล์แบบไม่ถูกบีบอัด)

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ การเปลี่ยนแปลงอาจยังไม่เปิดให้ใช้งานทั่วไป
    - ฟีเจอร์เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง ทดสอบเบต้า และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเปิดตัวจริง

    ℹ️ ผลกระทบต่อการใช้งาน RCS
    - แม้ RCS จะช่วยให้ส่งข้อความได้สะดวกขึ้น แต่ยังต้องพึ่งพาการรองรับจากผู้ให้บริการเครือข่าย

    ℹ️ ความท้าทายในการส่งไฟล์คุณภาพสูง
    - การส่งภาพ/วิดีโอแบบต้นฉบับอาจใช้ ปริมาณข้อมูลมากขึ้น และอาจมีข้อจำกัดในการส่งผ่านเครือข่ายมือถือ

    https://www.techradar.com/computing/software/google-messages-is-testing-some-useful-upgrades-here-are-5-features-that-could-be-coming
    Google Messages กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เช่น การขยายช่องพิมพ์ข้อความ, ป้ายกำกับ RCS, ปุ่มยกเลิกข้อความอัตโนมัติ, การปรับปรุงการแสดงผล Read Receipts และการส่งภาพ/วิดีโอคุณภาพต้นฉบับ ✅ การขยายช่องพิมพ์ข้อความ - เดิมที Google Messages จำกัดการแสดงผลข้อความที่พิมพ์ไว้เพียง 4 บรรทัด - เวอร์ชันเบต้าล่าสุดขยายช่องพิมพ์เป็น 14 บรรทัด ทำให้สามารถตรวจสอบข้อความยาวได้ง่ายขึ้น ✅ ป้ายกำกับ RCS - Google กำลังทดสอบ ป้ายกำกับ RCS ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทราบว่ากำลังส่งข้อความแบบ RCS หรือ SMS - ป้ายกำกับนี้จะปรากฏข้างชื่อหรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ติดต่อ ✅ ปุ่มยกเลิกข้อความอัตโนมัติ - ผู้ใช้สามารถ ยกเลิกการสมัครรับข้อความอัตโนมัติ ได้ง่ายขึ้น - เมื่อกดปุ่ม ระบบจะส่งข้อความ STOP ไปยังผู้ให้บริการโดยอัตโนมัติ ✅ การปรับปรุง Read Receipts - Google กำลังเปลี่ยนตำแหน่งของ เครื่องหมายเช็ก ที่แสดงว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความแล้ว - เครื่องหมายนี้จะถูกย้ายเข้าไปอยู่ใน ฟองข้อความ แทนที่จะอยู่ด้านล่าง ✅ การส่งภาพและวิดีโอคุณภาพต้นฉบับ - Google Messages อาจเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกส่ง ไฟล์ภาพ/วิดีโอแบบต้นฉบับ - มีสองตัวเลือก: "Optimize for chat" (ส่งเร็วแต่ลดคุณภาพ) และ "Original quality" (ส่งไฟล์แบบไม่ถูกบีบอัด) ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ การเปลี่ยนแปลงอาจยังไม่เปิดให้ใช้งานทั่วไป - ฟีเจอร์เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง ทดสอบเบต้า และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเปิดตัวจริง ℹ️ ผลกระทบต่อการใช้งาน RCS - แม้ RCS จะช่วยให้ส่งข้อความได้สะดวกขึ้น แต่ยังต้องพึ่งพาการรองรับจากผู้ให้บริการเครือข่าย ℹ️ ความท้าทายในการส่งไฟล์คุณภาพสูง - การส่งภาพ/วิดีโอแบบต้นฉบับอาจใช้ ปริมาณข้อมูลมากขึ้น และอาจมีข้อจำกัดในการส่งผ่านเครือข่ายมือถือ https://www.techradar.com/computing/software/google-messages-is-testing-some-useful-upgrades-here-are-5-features-that-could-be-coming
    0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews
  • บริษัท Laboratory Services Cooperative (LSC) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนตัวของ 1.6 ล้านคน โดยข้อมูลที่ถูกขโมยอาจรวมถึง ข้อมูลทางการแพทย์, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลระบุตัวตน

    ✅ LSC ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยในระบบเมื่อเดือนตุลาคม 2024
    - บริษัทแจ้งตำรวจและนำผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบ
    - การสอบสวนเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจได้รับผลกระทบ

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีหลายประเภท
    - ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล
    - ข้อมูลทางการแพทย์ เช่น วันที่รับบริการ, การวินิจฉัยโรค, ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
    - ข้อมูลประกันสุขภาพ เช่น ชื่อแผนประกัน, หมายเลขสมาชิก
    - ข้อมูลการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร, รายละเอียดบัตรเครดิต

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ
    - ผู้ที่เข้ารับการตรวจผ่าน Planned Parenthood ซึ่งใช้บริการของ LSC อาจได้รับผลกระทบ
    - ข้อมูลของพนักงาน LSC และบุคคลในครอบครัวของพนักงานอาจถูกขโมยด้วย

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ข้อมูลยังไม่ถูกเผยแพร่บน Dark Web
    - ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยถูกนำไปขายหรือเผยแพร่
    - แต่ผู้ใช้ควรเฝ้าระวังการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านการเงินและการฉ้อโกง
    - ข้อมูลการชำระเงินที่ถูกขโมยอาจถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ

    ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ในอุตสาหกรรมสุขภาพ
    - การโจมตีทางไซเบอร์ต่อองค์กรด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    - บริษัทต่างๆ ต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลมากขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/security/top-us-lab-testing-firm-hit-with-major-data-leak-exposes-health-info-on-1-6-million-users
    บริษัท Laboratory Services Cooperative (LSC) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนตัวของ 1.6 ล้านคน โดยข้อมูลที่ถูกขโมยอาจรวมถึง ข้อมูลทางการแพทย์, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลระบุตัวตน ✅ LSC ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยในระบบเมื่อเดือนตุลาคม 2024 - บริษัทแจ้งตำรวจและนำผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบ - การสอบสวนเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจได้รับผลกระทบ ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีหลายประเภท - ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล - ข้อมูลทางการแพทย์ เช่น วันที่รับบริการ, การวินิจฉัยโรค, ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ - ข้อมูลประกันสุขภาพ เช่น ชื่อแผนประกัน, หมายเลขสมาชิก - ข้อมูลการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร, รายละเอียดบัตรเครดิต ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ - ผู้ที่เข้ารับการตรวจผ่าน Planned Parenthood ซึ่งใช้บริการของ LSC อาจได้รับผลกระทบ - ข้อมูลของพนักงาน LSC และบุคคลในครอบครัวของพนักงานอาจถูกขโมยด้วย ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ข้อมูลยังไม่ถูกเผยแพร่บน Dark Web - ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยถูกนำไปขายหรือเผยแพร่ - แต่ผู้ใช้ควรเฝ้าระวังการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว ℹ️ ความเสี่ยงด้านการเงินและการฉ้อโกง - ข้อมูลการชำระเงินที่ถูกขโมยอาจถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง - ผู้ใช้ควรตรวจสอบบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ในอุตสาหกรรมสุขภาพ - การโจมตีทางไซเบอร์ต่อองค์กรด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น - บริษัทต่างๆ ต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/security/top-us-lab-testing-firm-hit-with-major-data-leak-exposes-health-info-on-1-6-million-users
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายที่ Google กำลังเผชิญในการจัดการความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิป AI โดยบริษัทกำลังพิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI

    Google CFO Anat Ashkenazi เปิดเผยว่า Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการนี้ในปี 2025 นอกจากนี้ Google ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นกับ CoreWeave เพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลของ CoreWeave สำหรับชิป TPU ที่ Google พัฒนาขึ้นเอง

    ในขณะเดียวกัน CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% ในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง เนื่องจากผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด

    ✅ ความต้องการชิป AI ของ Google
    - Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    - กำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการในปี 2025

    ✅ การเจรจากับ CoreWeave
    - Google พิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave
    - อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นเพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลสำหรับชิป TPU

    ✅ สถานการณ์ของ CoreWeave
    - CoreWeave เผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25%
    - ผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพึ่งพา CoreWeave
    - การพึ่งพา CoreWeave อาจเพิ่มความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทเผชิญปัญหาทางการเงิน
    - ความไม่แน่นอนในตลาดอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐาน

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - ความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิป
    - การแข่งขันในตลาด AI อาจเข้มข้นขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่

    https://www.techradar.com/pro/google-rumored-to-be-looking-to-rent-latest-nvidia-ai-gpu-from-coreweave-because-it-doesnt-have-enough-of-them
    ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายที่ Google กำลังเผชิญในการจัดการความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิป AI โดยบริษัทกำลังพิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI Google CFO Anat Ashkenazi เปิดเผยว่า Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการนี้ในปี 2025 นอกจากนี้ Google ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นกับ CoreWeave เพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลของ CoreWeave สำหรับชิป TPU ที่ Google พัฒนาขึ้นเอง ในขณะเดียวกัน CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% ในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง เนื่องจากผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด ✅ ความต้องการชิป AI ของ Google - Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน - กำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการในปี 2025 ✅ การเจรจากับ CoreWeave - Google พิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave - อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นเพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลสำหรับชิป TPU ✅ สถานการณ์ของ CoreWeave - CoreWeave เผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% - ผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพึ่งพา CoreWeave - การพึ่งพา CoreWeave อาจเพิ่มความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทเผชิญปัญหาทางการเงิน - ความไม่แน่นอนในตลาดอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐาน ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - ความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิป - การแข่งขันในตลาด AI อาจเข้มข้นขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ https://www.techradar.com/pro/google-rumored-to-be-looking-to-rent-latest-nvidia-ai-gpu-from-coreweave-because-it-doesnt-have-enough-of-them
    WWW.TECHRADAR.COM
    Google rumored to be looking to rent latest Nvidia AI GPU from CoreWeave because it doesn't have enough of them
    However Google is still expected to spend significantly less than Microsoft and OpenAI
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงการพัฒนาเทคโนโลยี Broadcast Positioning System (BPS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล ATSC 3.0 แทนดาวเทียม GPS เพื่อเป็นระบบสำรองในกรณีที่ GPS ถูกโจมตีหรือขัดข้อง

    Broadcast Positioning System (BPS) ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัลในการให้ข้อมูลตำแหน่งและเวลา โดยมีความแม่นยำในระดับ 100 นาโนวินาที ซึ่งแม้จะน้อยกว่า GPS ที่มีความแม่นยำ 10 นาโนวินาที แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในบางกรณี อย่างไรก็ตาม การใช้งาน BPS ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณจากสถานีส่งอย่างน้อย 4 แห่ง และมีความแม่นยำในรัศมีประมาณ 100 เมตร

    เทคโนโลยีนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา โดยคาดว่าจะพร้อมใช้งานในปี 2027 และจะมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในปี 2029 นอกจากนี้ BPS ยังสามารถใช้เป็นระบบยืนยันข้อมูลของ GPS ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในกรณีที่ GPS ถูกโจมตี

    ✅ การพัฒนา Broadcast Positioning System (BPS)
    - ใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล ATSC 3.0 แทนดาวเทียม GPS
    - มีความแม่นยำในระดับ 100 นาโนวินาที

    ✅ การใช้งานและความพร้อม
    - ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณจากสถานีส่งอย่างน้อย 4 แห่ง
    - คาดว่าจะพร้อมใช้งานในปี 2027 และเพิ่มฟีเจอร์ในปี 2029

    ✅ การยืนยันข้อมูล GPS
    - BPS สามารถใช้เป็นระบบยืนยันข้อมูลของ GPS
    - ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในกรณีที่ GPS ถูกโจมตี

    ℹ️ ข้อจำกัดของ BPS
    - ความแม่นยำต่ำกว่า GPS และต้องการสถานีส่งสัญญาณหลายแห่ง
    - การใช้งานอาจจำกัดในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ ATSC 3.0

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    - หากระบบ BPS ถูกโจมตี อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานที่พึ่งพาเทคโนโลยีนี้
    - การพัฒนาระบบสำรองที่มีความปลอดภัยสูงเป็นสิ่งสำคัญ

    https://www.tomshardware.com/service-providers/tv-signal-based-bps-tested-as-fallback-for-gps-digital-tv-infrastructure-could-come-to-the-rescue-if-satellites-are-compromised
    ข่าวนี้เล่าถึงการพัฒนาเทคโนโลยี Broadcast Positioning System (BPS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล ATSC 3.0 แทนดาวเทียม GPS เพื่อเป็นระบบสำรองในกรณีที่ GPS ถูกโจมตีหรือขัดข้อง Broadcast Positioning System (BPS) ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัลในการให้ข้อมูลตำแหน่งและเวลา โดยมีความแม่นยำในระดับ 100 นาโนวินาที ซึ่งแม้จะน้อยกว่า GPS ที่มีความแม่นยำ 10 นาโนวินาที แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในบางกรณี อย่างไรก็ตาม การใช้งาน BPS ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณจากสถานีส่งอย่างน้อย 4 แห่ง และมีความแม่นยำในรัศมีประมาณ 100 เมตร เทคโนโลยีนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา โดยคาดว่าจะพร้อมใช้งานในปี 2027 และจะมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในปี 2029 นอกจากนี้ BPS ยังสามารถใช้เป็นระบบยืนยันข้อมูลของ GPS ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในกรณีที่ GPS ถูกโจมตี ✅ การพัฒนา Broadcast Positioning System (BPS) - ใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล ATSC 3.0 แทนดาวเทียม GPS - มีความแม่นยำในระดับ 100 นาโนวินาที ✅ การใช้งานและความพร้อม - ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณจากสถานีส่งอย่างน้อย 4 แห่ง - คาดว่าจะพร้อมใช้งานในปี 2027 และเพิ่มฟีเจอร์ในปี 2029 ✅ การยืนยันข้อมูล GPS - BPS สามารถใช้เป็นระบบยืนยันข้อมูลของ GPS - ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในกรณีที่ GPS ถูกโจมตี ℹ️ ข้อจำกัดของ BPS - ความแม่นยำต่ำกว่า GPS และต้องการสถานีส่งสัญญาณหลายแห่ง - การใช้งานอาจจำกัดในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ ATSC 3.0 ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย - หากระบบ BPS ถูกโจมตี อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานที่พึ่งพาเทคโนโลยีนี้ - การพัฒนาระบบสำรองที่มีความปลอดภัยสูงเป็นสิ่งสำคัญ https://www.tomshardware.com/service-providers/tv-signal-based-bps-tested-as-fallback-for-gps-digital-tv-infrastructure-could-come-to-the-rescue-if-satellites-are-compromised
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11" โดยมีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรดเป็น Windows 11 บทความนี้ชี้ให้เห็นถึงฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การปรับแต่ง Start Menu, Snap Layouts, Virtual Desktops, Widgets และ Focus Sessions อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์เหล่านี้ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากพอ

    นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอัปเกรด เนื่องจากการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025 แต่บทความนี้กลับไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์ที่สำคัญ เช่น ความปลอดภัยที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพที่ราบรื่นกว่าเดิม

    ✅ บทความเพื่อกระตุ้นการอัปเกรด
    - Microsoft เผยแพร่บทความ "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11"
    - มีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรด

    ✅ ฟีเจอร์ที่นำเสนอในบทความ
    - การปรับแต่ง Start Menu
    - Snap Layouts และ Virtual Desktops
    - Widgets และ Focus Sessions

    ✅ การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10
    - Microsoft เน้นย้ำว่าการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025

    ℹ️ ข้อวิจารณ์ต่อบทความ
    - ฟีเจอร์ที่นำเสนอไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มากพอ
    - บทความไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์สำคัญ เช่น ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ Windows 10
    - ผู้ใช้ต้องตัดสินใจว่าจะอัปเกรดหรือจ่ายเงินเพื่อรักษาการสนับสนุน Windows 10
    - การสิ้นสุดการสนับสนุนอาจสร้างแรงกดดันให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ

    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-latest-attempt-to-persuade-upgrades-to-windows-11-falls-spectacularly-flat-on-its-face
    Microsoft ได้เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11" โดยมีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรดเป็น Windows 11 บทความนี้ชี้ให้เห็นถึงฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การปรับแต่ง Start Menu, Snap Layouts, Virtual Desktops, Widgets และ Focus Sessions อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์เหล่านี้ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากพอ นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอัปเกรด เนื่องจากการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025 แต่บทความนี้กลับไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์ที่สำคัญ เช่น ความปลอดภัยที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพที่ราบรื่นกว่าเดิม ✅ บทความเพื่อกระตุ้นการอัปเกรด - Microsoft เผยแพร่บทความ "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11" - มีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรด ✅ ฟีเจอร์ที่นำเสนอในบทความ - การปรับแต่ง Start Menu - Snap Layouts และ Virtual Desktops - Widgets และ Focus Sessions ✅ การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 - Microsoft เน้นย้ำว่าการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025 ℹ️ ข้อวิจารณ์ต่อบทความ - ฟีเจอร์ที่นำเสนอไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มากพอ - บทความไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์สำคัญ เช่น ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ Windows 10 - ผู้ใช้ต้องตัดสินใจว่าจะอัปเกรดหรือจ่ายเงินเพื่อรักษาการสนับสนุน Windows 10 - การสิ้นสุดการสนับสนุนอาจสร้างแรงกดดันให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-latest-attempt-to-persuade-upgrades-to-windows-11-falls-spectacularly-flat-on-its-face
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft’s latest attempt to persuade upgrades to Windows 11 falls spectacularly flat on its face
    I don’t know what Microsoft’s thinking, but this is the oddest attempt I’ve ever seen to prod folks to upgrade to Windows 11
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • โครงการ Jiachen Project ในจีนกำลังจัดการแข่งขันเพื่อพัฒนามัลโค้ด (microcode) สำหรับซีพียู AMD Zen รุ่นใหม่ เพื่อให้สามารถรันโปรแกรม RISC-V ได้โดยตรง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ท้าทายและน่าสนใจในวงการเทคโนโลยี

    ✅ การแข่งขันพัฒนามัลโค้ด:
    - ทีมวิจัยของ Google ได้ปล่อยเครื่องมือ Zentool ที่สามารถแก้ไขมัลโค้ดของซีพียู AMD Zen 1 ถึง Zen 4
    - โครงการ Jiachen ต้องการพัฒนามัลโค้ดเพื่อให้ซีพียู AMD Zen สามารถรันโปรแกรม RISC-V ได้โดยตรงหรือเพิ่มความเร็วในการรันโปรแกรม RISC-V ผ่านการจำลอง

    ✅ เป้าหมายของการแข่งขัน:
    - การพัฒนามัลโค้ดที่สามารถรันโปรแกรม RISC-V ได้โดยตรงบนซีพียู AMD Zen เช่น EPYC 9004-series
    - ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล ¥20,000 (ประมาณ $2,735)

    ✅ ความซับซ้อนของมัลโค้ด:
    - มัลโค้ดของซีพียู AMD Zen ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องภายใน ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนชุดคำสั่ง (ISA)
    - ความเป็นไปได้ในการเขียนมัลโค้ดใหม่ทั้งหมดยังคงเป็นที่ถกเถียงในวงการ

    ✅ ความสำคัญของ RISC-V:
    - RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิดที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน เพื่อเพิ่มความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยี

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ ความท้าทายด้านเทคนิค:
    - การพัฒนามัลโค้ดที่สามารถเปลี่ยน ISA ได้ทั้งหมดอาจเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เนื่องจากข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์

    ⚠️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย:
    - การแก้ไขมัลโค้ดอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัย หากเครื่องมือถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

    ⚠️ การแข่งขันและผลตอบแทน:
    - การแข่งขันนี้อาจถูกวิจารณ์ว่าเป็นการใช้แรงงานทางปัญญาในราคาที่ต่ำเกินไป

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/google-tool-spurs-contest-to-run-risc-v-on-amd-zen-cpus-but-is-it-possible
    โครงการ Jiachen Project ในจีนกำลังจัดการแข่งขันเพื่อพัฒนามัลโค้ด (microcode) สำหรับซีพียู AMD Zen รุ่นใหม่ เพื่อให้สามารถรันโปรแกรม RISC-V ได้โดยตรง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ท้าทายและน่าสนใจในวงการเทคโนโลยี ✅ การแข่งขันพัฒนามัลโค้ด: - ทีมวิจัยของ Google ได้ปล่อยเครื่องมือ Zentool ที่สามารถแก้ไขมัลโค้ดของซีพียู AMD Zen 1 ถึง Zen 4 - โครงการ Jiachen ต้องการพัฒนามัลโค้ดเพื่อให้ซีพียู AMD Zen สามารถรันโปรแกรม RISC-V ได้โดยตรงหรือเพิ่มความเร็วในการรันโปรแกรม RISC-V ผ่านการจำลอง ✅ เป้าหมายของการแข่งขัน: - การพัฒนามัลโค้ดที่สามารถรันโปรแกรม RISC-V ได้โดยตรงบนซีพียู AMD Zen เช่น EPYC 9004-series - ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล ¥20,000 (ประมาณ $2,735) ✅ ความซับซ้อนของมัลโค้ด: - มัลโค้ดของซีพียู AMD Zen ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องภายใน ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนชุดคำสั่ง (ISA) - ความเป็นไปได้ในการเขียนมัลโค้ดใหม่ทั้งหมดยังคงเป็นที่ถกเถียงในวงการ ✅ ความสำคัญของ RISC-V: - RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิดที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน เพื่อเพิ่มความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยี == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ ความท้าทายด้านเทคนิค: - การพัฒนามัลโค้ดที่สามารถเปลี่ยน ISA ได้ทั้งหมดอาจเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เนื่องจากข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ ⚠️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: - การแก้ไขมัลโค้ดอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัย หากเครื่องมือถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ⚠️ การแข่งขันและผลตอบแทน: - การแข่งขันนี้อาจถูกวิจารณ์ว่าเป็นการใช้แรงงานทางปัญญาในราคาที่ต่ำเกินไป https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/google-tool-spurs-contest-to-run-risc-v-on-amd-zen-cpus-but-is-it-possible
    0 Comments 0 Shares 211 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้ปลดพนักงานสองคนที่มีส่วนร่วมในการประท้วงระหว่างงานฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท โดยพนักงานเหล่านี้แสดงความไม่พอใจต่อการที่ Microsoft มีสัญญาทางธุรกิจกับรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน

    🛑 การประท้วงในงานสำคัญ: พนักงานคนหนึ่งชื่อ Ibtihal Aboussad ขัดจังหวะการนำเสนอของหัวหน้าฝ่าย AI ของ Microsoft และส่งอีเมลถึงพนักงานหลายพันคน รวมถึงผู้บริหารระดับสูง เพื่อเรียกร้องให้ยุติสัญญากับรัฐบาลอิสราเอล

    🛑 การประท้วงเพิ่มเติม: พนักงานอีกคน Vaniya Agrawal ขัดจังหวะคำพูดของ CEO Satya Nadella ในงานอื่น พร้อมส่งอีเมลวิจารณ์ว่า Microsoft เป็น "ผู้ผลิตอาวุธดิจิทัล"

    📋 การละเมิดนโยบายบริษัท: Microsoft ระบุว่าการกระทำของพนักงานทั้งสองเป็นการละเมิดนโยบายที่ตั้งใจสร้างความวุ่นวายและดึงความสนใจในทางที่ไม่เหมาะสม

    ❌ การปลดพนักงานทันที: บริษัทตัดสินใจยุติสัญญาจ้างงานของพนักงานทั้งสองทันที โดยระบุว่าเป็นการตอบสนองที่เหมาะสมต่อพฤติกรรมดังกล่าว

    https://www.techspot.com/news/107478-microsoft-fires-engineers-who-protested-israeli-military-use.html
    Microsoft ได้ปลดพนักงานสองคนที่มีส่วนร่วมในการประท้วงระหว่างงานฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท โดยพนักงานเหล่านี้แสดงความไม่พอใจต่อการที่ Microsoft มีสัญญาทางธุรกิจกับรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน 🛑 การประท้วงในงานสำคัญ: พนักงานคนหนึ่งชื่อ Ibtihal Aboussad ขัดจังหวะการนำเสนอของหัวหน้าฝ่าย AI ของ Microsoft และส่งอีเมลถึงพนักงานหลายพันคน รวมถึงผู้บริหารระดับสูง เพื่อเรียกร้องให้ยุติสัญญากับรัฐบาลอิสราเอล 🛑 การประท้วงเพิ่มเติม: พนักงานอีกคน Vaniya Agrawal ขัดจังหวะคำพูดของ CEO Satya Nadella ในงานอื่น พร้อมส่งอีเมลวิจารณ์ว่า Microsoft เป็น "ผู้ผลิตอาวุธดิจิทัล" 📋 การละเมิดนโยบายบริษัท: Microsoft ระบุว่าการกระทำของพนักงานทั้งสองเป็นการละเมิดนโยบายที่ตั้งใจสร้างความวุ่นวายและดึงความสนใจในทางที่ไม่เหมาะสม ❌ การปลดพนักงานทันที: บริษัทตัดสินใจยุติสัญญาจ้างงานของพนักงานทั้งสองทันที โดยระบุว่าเป็นการตอบสนองที่เหมาะสมต่อพฤติกรรมดังกล่าว https://www.techspot.com/news/107478-microsoft-fires-engineers-who-protested-israeli-military-use.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft fires engineers over AI protest at 50th-anniversary event
    One of the employees, Ibtihal Aboussad, interrupted a presentation by Mustafa Suleyman, Microsoft's head of AI, during the anniversary event. Following the incident, she sent an email...
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • Honda กำลังพัฒนาเทคโนโลยีผลิตพลังงานสะอาดแบบวงปิด ซึ่งใช้แหล่งพลังงานจากน้ำและแสงอาทิตย์ในการสร้างออกซิเจนและไฟฟ้าสำหรับภารกิจในอวกาศ ระบบนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการขนส่งและการบำรุงรักษา แต่ยังมีศักยภาพในการเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนสำหรับการตั้งถิ่นฐานในดวงจันทร์ รวมถึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้บนโลกเพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาดในอนาคต

    == เทคโนโลยีที่ Honda นำเสนอ ==
    ✅ ระบบพลังงานหมุนเวียนแบบวงปิด
    - ระบบนี้ใช้แหล่งพลังงานจาก แสงอาทิตย์และน้ำ เพื่อผลิตออกซิเจนสำหรับการหายใจและไฮโดรเจนสำหรับเป็นเชื้อเพลิงไฟฟ้า
    - ผลพลอยได้จากการผลิตพลังงานคือ น้ำ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำในระบบ

    ✅ ข้อดีที่ทำให้ระบบเหมาะกับการใช้งานในอวกาศ
    - ระบบนี้มีความ กะทัดรัดและน้ำหนักเบา ช่วยลดต้นทุนการขนส่งสำหรับภารกิจในดวงจันทร์
    - การลดความจำเป็นในกระบวนการบีบอัดเชิงกลทำให้ระบบมีความน่าเชื่อถือและต้องการการบำรุงรักษาน้อยลง

    ✅ การทดสอบในสภาพแรงโน้มถ่วงต่ำ
    - Honda จะทดสอบระบบนี้บน ISS เพื่อดูความสามารถในการใช้งานในสภาพ microgravity ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้งานจริงในอวกาศ

    == เป้าหมายและผลกระทบที่คาดหวัง ==
    ✅ การสนับสนุนภารกิจในดวงจันทร์
    - ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนสำหรับการตั้งถิ่นฐานระยะยาวในดวงจันทร์

    ✅ ความหวังในด้านพลังงานสะอาดสำหรับโลก
    - Honda วางแผนที่จะนำระบบนี้ไปใช้บนโลก โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์และส่งเสริมพลังงานสะอาด

    ✅ ความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติ
    - Sierra Space รับหน้าที่ประสานงานกับ NASA เพื่อขนส่งอุปกรณ์ผ่าน Dream Chaser Spaceplane ในขณะที่ Tec-Masters ให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี ISS

    https://www.techspot.com/news/107432-honda-test-compact-hydrogen-system-space-exploration-iss.html
    Honda กำลังพัฒนาเทคโนโลยีผลิตพลังงานสะอาดแบบวงปิด ซึ่งใช้แหล่งพลังงานจากน้ำและแสงอาทิตย์ในการสร้างออกซิเจนและไฟฟ้าสำหรับภารกิจในอวกาศ ระบบนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการขนส่งและการบำรุงรักษา แต่ยังมีศักยภาพในการเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนสำหรับการตั้งถิ่นฐานในดวงจันทร์ รวมถึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้บนโลกเพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาดในอนาคต == เทคโนโลยีที่ Honda นำเสนอ == ✅ ระบบพลังงานหมุนเวียนแบบวงปิด - ระบบนี้ใช้แหล่งพลังงานจาก แสงอาทิตย์และน้ำ เพื่อผลิตออกซิเจนสำหรับการหายใจและไฮโดรเจนสำหรับเป็นเชื้อเพลิงไฟฟ้า - ผลพลอยได้จากการผลิตพลังงานคือ น้ำ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำในระบบ ✅ ข้อดีที่ทำให้ระบบเหมาะกับการใช้งานในอวกาศ - ระบบนี้มีความ กะทัดรัดและน้ำหนักเบา ช่วยลดต้นทุนการขนส่งสำหรับภารกิจในดวงจันทร์ - การลดความจำเป็นในกระบวนการบีบอัดเชิงกลทำให้ระบบมีความน่าเชื่อถือและต้องการการบำรุงรักษาน้อยลง ✅ การทดสอบในสภาพแรงโน้มถ่วงต่ำ - Honda จะทดสอบระบบนี้บน ISS เพื่อดูความสามารถในการใช้งานในสภาพ microgravity ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้งานจริงในอวกาศ == เป้าหมายและผลกระทบที่คาดหวัง == ✅ การสนับสนุนภารกิจในดวงจันทร์ - ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนสำหรับการตั้งถิ่นฐานระยะยาวในดวงจันทร์ ✅ ความหวังในด้านพลังงานสะอาดสำหรับโลก - Honda วางแผนที่จะนำระบบนี้ไปใช้บนโลก โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์และส่งเสริมพลังงานสะอาด ✅ ความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติ - Sierra Space รับหน้าที่ประสานงานกับ NASA เพื่อขนส่งอุปกรณ์ผ่าน Dream Chaser Spaceplane ในขณะที่ Tec-Masters ให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี ISS https://www.techspot.com/news/107432-honda-test-compact-hydrogen-system-space-exploration-iss.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Honda to test compact hydrogen system for space exploration on the ISS
    Honda is aiming beyond Earth with plans to test its high-differential pressure water electrolysis system aboard the International Space Station. In partnership with Sierra Space and Tec-Masters,...
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • FuriosaAI สตาร์ตอัปด้าน AI Semiconductor จากเกาหลีใต้ สร้างความประหลาดใจเมื่อปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ จาก Meta แม้ข้อเสนอจะสูงกว่ามูลค่าตลาดของบริษัทถึง 300 ล้านดอลลาร์ FuriosaAI เลือกที่จะดำเนินธุรกิจอย่างอิสระ โดยชูเทคโนโลยี RNGD AI Chip ที่สามารถพลิกเกมในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    ✅ เหตุผลสำคัญที่ปฏิเสธข้อเสนอ
    - การเจรจาล้มเหลวเนื่องจาก วิสัยทัศน์ที่แตกต่าง ระหว่าง Meta และ FuriosaAI โดยบริษัทเกาหลีใต้เลือกที่จะยืนหยัดใน เป้าหมายอิสระ แทนที่จะยอมรับการควบคุมจากองค์กรยักษ์ใหญ่

    ✅ เทคโนโลยี RNGD Chip ที่โดดเด่น
    - FuriosaAI เปิดตัว RNGD AI inference chip ในปี 2024 ซึ่งใช้ TSMC's 5nm process และ HBM3 memory
    - ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพ สูงกว่าการ์ดจอแบบดั้งเดิมถึงสองเท่า และประหยัดพลังงานมากถึง 75%
    - บริษัทกำลังเตรียมเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2025

    ✅ ทีมงานที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นในตลาด
    - FuriosaAI มีทีมงานที่มีประสบการณ์จากบริษัทระดับโลก เช่น Google, Qualcomm และ Samsung
    - บริษัทได้รับการสนับสนุนทุนกว่า 52 ล้านดอลลาร์ เพื่อขยายการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยี

    ✅ Meta กับเป้าหมายลดการพึ่งพา Nvidia
    - Meta กำลังพัฒนา AI chip ของตัวเองและมอง FuriosaAI เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI
    - การปฏิเสธข้อเสนอของ FuriosaAI อาจทำให้ Meta ต้องมองหาทางเลือกใหม่ในตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    https://www.techradar.com/pro/south-koreas-hottest-ai-hardware-startup-reportedly-said-no-to-usd800m-acquisition-by-facebooks-meta
    FuriosaAI สตาร์ตอัปด้าน AI Semiconductor จากเกาหลีใต้ สร้างความประหลาดใจเมื่อปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ จาก Meta แม้ข้อเสนอจะสูงกว่ามูลค่าตลาดของบริษัทถึง 300 ล้านดอลลาร์ FuriosaAI เลือกที่จะดำเนินธุรกิจอย่างอิสระ โดยชูเทคโนโลยี RNGD AI Chip ที่สามารถพลิกเกมในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ✅ เหตุผลสำคัญที่ปฏิเสธข้อเสนอ - การเจรจาล้มเหลวเนื่องจาก วิสัยทัศน์ที่แตกต่าง ระหว่าง Meta และ FuriosaAI โดยบริษัทเกาหลีใต้เลือกที่จะยืนหยัดใน เป้าหมายอิสระ แทนที่จะยอมรับการควบคุมจากองค์กรยักษ์ใหญ่ ✅ เทคโนโลยี RNGD Chip ที่โดดเด่น - FuriosaAI เปิดตัว RNGD AI inference chip ในปี 2024 ซึ่งใช้ TSMC's 5nm process และ HBM3 memory - ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพ สูงกว่าการ์ดจอแบบดั้งเดิมถึงสองเท่า และประหยัดพลังงานมากถึง 75% - บริษัทกำลังเตรียมเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2025 ✅ ทีมงานที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นในตลาด - FuriosaAI มีทีมงานที่มีประสบการณ์จากบริษัทระดับโลก เช่น Google, Qualcomm และ Samsung - บริษัทได้รับการสนับสนุนทุนกว่า 52 ล้านดอลลาร์ เพื่อขยายการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยี ✅ Meta กับเป้าหมายลดการพึ่งพา Nvidia - Meta กำลังพัฒนา AI chip ของตัวเองและมอง FuriosaAI เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI - การปฏิเสธข้อเสนอของ FuriosaAI อาจทำให้ Meta ต้องมองหาทางเลือกใหม่ในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ https://www.techradar.com/pro/south-koreas-hottest-ai-hardware-startup-reportedly-said-no-to-usd800m-acquisition-by-facebooks-meta
    0 Comments 0 Shares 324 Views 0 Reviews
  • ในงานฉลองครบรอบ 50 ปีของ Microsoft เกิดการประท้วงจากพนักงานที่กล่าวหา Microsoft ในการสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชนผ่านเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะในปาเลสไตน์ พนักงานที่ประท้วงชี้ว่า AI ของ Microsoft ถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มความรุนแรงในกาซา และเรียกร้องให้หยุดข้อตกลงกับกองทัพอิสราเอล ซึ่งเป็นคำกล่าวหาที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับชื่อเสียงของบริษัทในระดับโลก

    ✅ ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการใช้งาน AI ในกิจการทางทหาร
    - Ibtihal กล่าวว่าผลงานด้าน AI ที่เธอมีส่วนร่วม ถูกใช้เพื่อ สนับสนุนการทำงานของกองทัพอิสราเอล เช่น การสอดแนม การแปล และการกำหนดเป้าหมายที่เพิ่มความรุนแรงในกาซา
    - มีการอ้างอิงถึง ข้อตกลงมูลค่า $133 ล้าน ระหว่าง Microsoft และกระทรวงกลาโหมอิสราเอล

    ✅ การประท้วงที่เกิดจากความไม่โปร่งใสภายในองค์กร
    - Ibtihal กล่าวว่าพนักงานกลุ่ม อาหรับ ปาเลสไตน์ และมุสลิมใน Microsoft ถูกกดดันไม่ให้แสดงความเห็นต่าง
    - ในอีเมลที่เธอส่งถึงพนักงานหลายพันคน เธอยืนยันว่า Microsoft ต้อง รับผิดชอบต่อการกระทำของ AI ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

    ✅ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหามนุษยธรรมในปาเลสไตน์
    - Ibtihal กล่าวถึง ความสูญเสียของพลเรือนจากการโจมตีในกาซาที่ทำให้เสียชีวิตกว่า 300,000 คนใน 1.5 ปีที่ผ่านมา
    - เธอเน้นย้ำว่าเทคโนโลยี AI ของ Microsoft ถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มความรุนแรงในพื้นที่ โดยขัดแย้งกับจุดยืนด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทเอง

    ✅ การเคลื่อนไหวเพื่อหยุดการสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    - Ibtihal เรียกร้องให้ Microsoft หยุดขายเทคโนโลยีให้กองทัพอิสราเอล และสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อความยุติธรรมทางสังคม
    - เธอยังอ้างว่า AI ของ Microsoft ถูกออกแบบเพื่อเป้าหมายที่ไม่เหมาะสม เช่น การสอดแนมแพทย์และนักข่าว

    https://www.neowin.net/news/microsoft-using-ai-for-war-and-genocide-cried-protesting-staff-at-50th-anniversary-event/
    ในงานฉลองครบรอบ 50 ปีของ Microsoft เกิดการประท้วงจากพนักงานที่กล่าวหา Microsoft ในการสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชนผ่านเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะในปาเลสไตน์ พนักงานที่ประท้วงชี้ว่า AI ของ Microsoft ถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มความรุนแรงในกาซา และเรียกร้องให้หยุดข้อตกลงกับกองทัพอิสราเอล ซึ่งเป็นคำกล่าวหาที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับชื่อเสียงของบริษัทในระดับโลก ✅ ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการใช้งาน AI ในกิจการทางทหาร - Ibtihal กล่าวว่าผลงานด้าน AI ที่เธอมีส่วนร่วม ถูกใช้เพื่อ สนับสนุนการทำงานของกองทัพอิสราเอล เช่น การสอดแนม การแปล และการกำหนดเป้าหมายที่เพิ่มความรุนแรงในกาซา - มีการอ้างอิงถึง ข้อตกลงมูลค่า $133 ล้าน ระหว่าง Microsoft และกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ✅ การประท้วงที่เกิดจากความไม่โปร่งใสภายในองค์กร - Ibtihal กล่าวว่าพนักงานกลุ่ม อาหรับ ปาเลสไตน์ และมุสลิมใน Microsoft ถูกกดดันไม่ให้แสดงความเห็นต่าง - ในอีเมลที่เธอส่งถึงพนักงานหลายพันคน เธอยืนยันว่า Microsoft ต้อง รับผิดชอบต่อการกระทำของ AI ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ✅ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหามนุษยธรรมในปาเลสไตน์ - Ibtihal กล่าวถึง ความสูญเสียของพลเรือนจากการโจมตีในกาซาที่ทำให้เสียชีวิตกว่า 300,000 คนใน 1.5 ปีที่ผ่านมา - เธอเน้นย้ำว่าเทคโนโลยี AI ของ Microsoft ถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มความรุนแรงในพื้นที่ โดยขัดแย้งกับจุดยืนด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทเอง ✅ การเคลื่อนไหวเพื่อหยุดการสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชน - Ibtihal เรียกร้องให้ Microsoft หยุดขายเทคโนโลยีให้กองทัพอิสราเอล และสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อความยุติธรรมทางสังคม - เธอยังอ้างว่า AI ของ Microsoft ถูกออกแบบเพื่อเป้าหมายที่ไม่เหมาะสม เช่น การสอดแนมแพทย์และนักข่าว https://www.neowin.net/news/microsoft-using-ai-for-war-and-genocide-cried-protesting-staff-at-50th-anniversary-event/
    WWW.NEOWIN.NET
    "Microsoft using AI for war and genocide" cried protesting staff at 50th anniversary event
    Amidst the Microsoft 50-year anniversary celebration, an employee raised a protest claiming Microsoft is using AI for war and genocide.
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Android Auto ที่ช่วยเปลี่ยนกล้องรถให้กลายเป็น Dash Cam ได้ฟรี ผู้ใช้ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่ม แต่ต้องรอให้ผู้ผลิตรถยนต์อัปเดตรองรับฟีเจอร์นี้ ระบบจะบันทึกวิดีโออัตโนมัติเมื่อเข้าเงื่อนไข เช่น ขับรถด้วยความเร็วที่กำหนด และสามารถ จัดเก็บวิดีโอในหน่วยความจำภายนอกเพื่อไม่ให้เต็มความจุของรถ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังไม่สามารถบันทึกภาพภายในห้องโดยสาร และต้องรอให้รถรองรับก่อนจึงจะใช้งานได้

    ✅ ใช้กล้องของรถบันทึกภาพขณะขับขี่โดยตรง
    - ฟีเจอร์ใหม่ของ Android Auto ช่วยให้รถยนต์ที่มีกล้องอยู่แล้วสามารถบันทึกวิดีโอได้
    - ลดความจำเป็นในการซื้อตัว Dash Cam เพิ่มเติม

    ✅ ผู้ผลิตรถยนต์ต้องปรับแต่งแอปเพื่อรองรับฟีเจอร์นี้
    - แม้ Google เปิดตัวระบบนี้ แต่ ผู้ผลิตต้องเพิ่มการรองรับในระบบของตนก่อน
    - ส่งผลให้บางรุ่นอาจต้องรออัปเดตจากค่ายรถยนต์

    ✅ วิดีโอจะถูกจัดเก็บในที่เก็บข้อมูลภายนอกเพื่อไม่ให้เต็มหน่วยความจำของรถ
    - ผู้ใช้สามารถ เชื่อมต่อหน่วยความจำภายนอกเพื่อบันทึกไฟล์วิดีโอ
    - สามารถตั้งค่าระยะเวลาที่ไฟล์จะถูกเก็บ ก่อนระบบลบอัตโนมัติ

    ✅ ระบบจะเริ่มบันทึกอัตโนมัติเมื่อเข้าเงื่อนไขที่กำหนด
    - Dash Cam จะทำงานเองเมื่อมีเงื่อนไข เช่น ขับรถด้วยความเร็วที่กำหนด
    - ผู้พัฒนาสามารถตั้งค่าให้มี การแจ้งเตือน และการสตรีมวิดีโอจากรถไปยังอุปกรณ์อื่น

    ✅ ข้อจำกัด—ไม่รองรับกล้องในห้องโดยสาร และต้องรออัปเดตจากผู้ผลิตรถยนต์
    - ระบบนี้ใช้ กล้องที่ติดตั้งภายนอกรถ แต่ไม่สามารถบันทึกภายในห้องโดยสาร
    - ผู้ใช้ไม่สามารถติดตั้งใช้งานได้ทันที ต้องรอให้รถยนต์รองรับฟีเจอร์ผ่านอัปเดต

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/latest-android-auto-update-could-turn-your-cars-cameras-into-a-free-dash-cam
    Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Android Auto ที่ช่วยเปลี่ยนกล้องรถให้กลายเป็น Dash Cam ได้ฟรี ผู้ใช้ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่ม แต่ต้องรอให้ผู้ผลิตรถยนต์อัปเดตรองรับฟีเจอร์นี้ ระบบจะบันทึกวิดีโออัตโนมัติเมื่อเข้าเงื่อนไข เช่น ขับรถด้วยความเร็วที่กำหนด และสามารถ จัดเก็บวิดีโอในหน่วยความจำภายนอกเพื่อไม่ให้เต็มความจุของรถ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังไม่สามารถบันทึกภาพภายในห้องโดยสาร และต้องรอให้รถรองรับก่อนจึงจะใช้งานได้ ✅ ใช้กล้องของรถบันทึกภาพขณะขับขี่โดยตรง - ฟีเจอร์ใหม่ของ Android Auto ช่วยให้รถยนต์ที่มีกล้องอยู่แล้วสามารถบันทึกวิดีโอได้ - ลดความจำเป็นในการซื้อตัว Dash Cam เพิ่มเติม ✅ ผู้ผลิตรถยนต์ต้องปรับแต่งแอปเพื่อรองรับฟีเจอร์นี้ - แม้ Google เปิดตัวระบบนี้ แต่ ผู้ผลิตต้องเพิ่มการรองรับในระบบของตนก่อน - ส่งผลให้บางรุ่นอาจต้องรออัปเดตจากค่ายรถยนต์ ✅ วิดีโอจะถูกจัดเก็บในที่เก็บข้อมูลภายนอกเพื่อไม่ให้เต็มหน่วยความจำของรถ - ผู้ใช้สามารถ เชื่อมต่อหน่วยความจำภายนอกเพื่อบันทึกไฟล์วิดีโอ - สามารถตั้งค่าระยะเวลาที่ไฟล์จะถูกเก็บ ก่อนระบบลบอัตโนมัติ ✅ ระบบจะเริ่มบันทึกอัตโนมัติเมื่อเข้าเงื่อนไขที่กำหนด - Dash Cam จะทำงานเองเมื่อมีเงื่อนไข เช่น ขับรถด้วยความเร็วที่กำหนด - ผู้พัฒนาสามารถตั้งค่าให้มี การแจ้งเตือน และการสตรีมวิดีโอจากรถไปยังอุปกรณ์อื่น ✅ ข้อจำกัด—ไม่รองรับกล้องในห้องโดยสาร และต้องรออัปเดตจากผู้ผลิตรถยนต์ - ระบบนี้ใช้ กล้องที่ติดตั้งภายนอกรถ แต่ไม่สามารถบันทึกภายในห้องโดยสาร - ผู้ใช้ไม่สามารถติดตั้งใช้งานได้ทันที ต้องรอให้รถยนต์รองรับฟีเจอร์ผ่านอัปเดต https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/latest-android-auto-update-could-turn-your-cars-cameras-into-a-free-dash-cam
    0 Comments 0 Shares 218 Views 0 Reviews
  • Windows Defender Antivirus บน Windows 11 ทำงานได้ดีในการป้องกันมัลแวร์ แต่มีข้อจำกัด เช่น ไม่มี VPN และฟีเจอร์เสริมที่บริการแอนติไวรัสอื่นมี แม้ในการทดสอบล่าสุดจะตรวจจับมัลแวร์ได้ 100% แต่ด้วย ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้นจาก AI และแรนซัมแวร์ การเลือกใช้โปรแกรมแอนติไวรัสเพิ่มเติม อาจให้การปกป้องที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ Windows Defender สามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมแอนติไวรัสอื่นได้ในโหมด Passive เพื่อเพิ่มชั้นความปลอดภัย

    ✅ Windows 10 จะหมดอายุในปี 2025—การอัปเกรดเป็น Windows 11 จำเป็นเพื่อรับแพตช์ความปลอดภัย
    - เมื่อ Windows 10 หยุดอัปเดตในเดือนตุลาคม 2025 ระบบจะไม่มีแพตช์รักษาความปลอดภัยใหม่
    - การอัปเกรดเป็น Windows 11 ช่วยให้ได้รับการปกป้องจากช่องโหว่ล่าสุด

    ✅ Windows Defender Antivirus ทำงานได้ดี แต่มีข้อจำกัด
    - ในการทดสอบล่าสุดโดย AV-TEST Windows Defender ตรวจจับมัลแวร์ได้ 100%
    - อย่างไรก็ตาม มันเป็นโซลูชันพื้นฐานที่ไม่มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น VPN หรือระบบควบคุมการใช้งานสำหรับผู้ปกครอง

    ✅ ภัยคุกคามที่มากขึ้นในปี 2025—AI ช่วยให้แฮกเกอร์สร้างมัลแวร์ที่แนบเนียนขึ้น
    - รายงานจาก Malwarebytes ระบุว่า การโจมตีแบบแรนซัมแวร์เพิ่มขึ้น 13% และแนวโน้มยังคงสูงขึ้น
    - แฮกเกอร์ใช้ AI เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูสมจริงและยากต่อการตรวจจับ

    ✅ การใช้แอนติไวรัสจากบริษัทอื่นอาจให้ความปลอดภัยที่ครอบคลุมกว่า
    - บริการแอนติไวรัสระดับพรีเมียม มักมาพร้อมฟีเจอร์พิเศษ เช่น Password Manager, VPN และการป้องกันฟิชชิ่งขั้นสูง
    - ผู้ใช้สามารถ ติดตั้งแอนติไวรัสฟรี และใช้ร่วมกับ Windows Defender ได้ในโหมด Passive

    https://www.techradar.com/pro/security/do-i-really-need-antivirus-for-windows-11
    Windows Defender Antivirus บน Windows 11 ทำงานได้ดีในการป้องกันมัลแวร์ แต่มีข้อจำกัด เช่น ไม่มี VPN และฟีเจอร์เสริมที่บริการแอนติไวรัสอื่นมี แม้ในการทดสอบล่าสุดจะตรวจจับมัลแวร์ได้ 100% แต่ด้วย ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้นจาก AI และแรนซัมแวร์ การเลือกใช้โปรแกรมแอนติไวรัสเพิ่มเติม อาจให้การปกป้องที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ Windows Defender สามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมแอนติไวรัสอื่นได้ในโหมด Passive เพื่อเพิ่มชั้นความปลอดภัย ✅ Windows 10 จะหมดอายุในปี 2025—การอัปเกรดเป็น Windows 11 จำเป็นเพื่อรับแพตช์ความปลอดภัย - เมื่อ Windows 10 หยุดอัปเดตในเดือนตุลาคม 2025 ระบบจะไม่มีแพตช์รักษาความปลอดภัยใหม่ - การอัปเกรดเป็น Windows 11 ช่วยให้ได้รับการปกป้องจากช่องโหว่ล่าสุด ✅ Windows Defender Antivirus ทำงานได้ดี แต่มีข้อจำกัด - ในการทดสอบล่าสุดโดย AV-TEST Windows Defender ตรวจจับมัลแวร์ได้ 100% - อย่างไรก็ตาม มันเป็นโซลูชันพื้นฐานที่ไม่มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น VPN หรือระบบควบคุมการใช้งานสำหรับผู้ปกครอง ✅ ภัยคุกคามที่มากขึ้นในปี 2025—AI ช่วยให้แฮกเกอร์สร้างมัลแวร์ที่แนบเนียนขึ้น - รายงานจาก Malwarebytes ระบุว่า การโจมตีแบบแรนซัมแวร์เพิ่มขึ้น 13% และแนวโน้มยังคงสูงขึ้น - แฮกเกอร์ใช้ AI เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูสมจริงและยากต่อการตรวจจับ ✅ การใช้แอนติไวรัสจากบริษัทอื่นอาจให้ความปลอดภัยที่ครอบคลุมกว่า - บริการแอนติไวรัสระดับพรีเมียม มักมาพร้อมฟีเจอร์พิเศษ เช่น Password Manager, VPN และการป้องกันฟิชชิ่งขั้นสูง - ผู้ใช้สามารถ ติดตั้งแอนติไวรัสฟรี และใช้ร่วมกับ Windows Defender ได้ในโหมด Passive https://www.techradar.com/pro/security/do-i-really-need-antivirus-for-windows-11
    WWW.TECHRADAR.COM
    Do I really need antivirus for Windows 11?
    Keep your device secured against malware and intricate attack vectors
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
More Results