• Microsoft เตรียมเปลี่ยนโฉม Blue Screen of Death (BSOD) ใน Windows 11 ให้เป็นหน้าจอข้อผิดพลาดแบบใหม่ที่มีดีไซน์ทันสมัยขึ้น โดยลดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็น เช่น อีโมจิและ QR Code และอาจเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำ เป้าหมายคือให้ข้อมูลข้อผิดพลาดกระชับขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ใช้กลับไปทำงานได้เร็วขึ้น

    เปลี่ยนดีไซน์ให้ทันสมัยขึ้น
    - หน้าจอข้อผิดพลาดใหม่นี้มีการจัดวางข้อมูลที่กระชับขึ้น โดยยังคง รหัสข้อผิดพลาด (Stop Code) และสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาไว้ แต่ตัดข้อความที่ซับซ้อนออก

    ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก
    - ในรูปแบบใหม่ของ BSOD จะไม่มี อีโมจิเครื่องหน้าบึ้ง หรือ QR Code ที่เคยใช้แสดงข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการลดองค์ประกอบที่อาจรบกวนสายตาผู้ใช้

    สีของหน้าจอยังไม่แน่นอน
    - แม้ Microsoft จะแสดงตัวอย่าง หน้าจอสีเขียว แต่มีข้อมูลจาก Windows Latest ระบุว่าเวอร์ชันสุดท้ายอาจใช้ สีดำ แทนสีดั้งเดิม

    ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนา
    - การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนแนวทางที่ Microsoft ต้องการให้ Windows 11 มีดีไซน์ที่สอดคล้องกันมากขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้สามารถกลับไปทำงานได้เร็วขึ้นหลังเกิดปัญหา

    https://www.techspot.com/news/107360-microsoft-replacing-blue-screen-death-windows-11.html
    Microsoft เตรียมเปลี่ยนโฉม Blue Screen of Death (BSOD) ใน Windows 11 ให้เป็นหน้าจอข้อผิดพลาดแบบใหม่ที่มีดีไซน์ทันสมัยขึ้น โดยลดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็น เช่น อีโมจิและ QR Code และอาจเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำ เป้าหมายคือให้ข้อมูลข้อผิดพลาดกระชับขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ใช้กลับไปทำงานได้เร็วขึ้น เปลี่ยนดีไซน์ให้ทันสมัยขึ้น - หน้าจอข้อผิดพลาดใหม่นี้มีการจัดวางข้อมูลที่กระชับขึ้น โดยยังคง รหัสข้อผิดพลาด (Stop Code) และสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาไว้ แต่ตัดข้อความที่ซับซ้อนออก ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก - ในรูปแบบใหม่ของ BSOD จะไม่มี อีโมจิเครื่องหน้าบึ้ง หรือ QR Code ที่เคยใช้แสดงข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการลดองค์ประกอบที่อาจรบกวนสายตาผู้ใช้ สีของหน้าจอยังไม่แน่นอน - แม้ Microsoft จะแสดงตัวอย่าง หน้าจอสีเขียว แต่มีข้อมูลจาก Windows Latest ระบุว่าเวอร์ชันสุดท้ายอาจใช้ สีดำ แทนสีดั้งเดิม ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนา - การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนแนวทางที่ Microsoft ต้องการให้ Windows 11 มีดีไซน์ที่สอดคล้องกันมากขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้สามารถกลับไปทำงานได้เร็วขึ้นหลังเกิดปัญหา https://www.techspot.com/news/107360-microsoft-replacing-blue-screen-death-windows-11.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft is replacing the Blue Screen of Death in Windows 11
    Microsoft in a recent Windows Insider blog said the updated user interface additionally supports their goal of getting users back to productivity as fast as possible.
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • Google เปิดตัว Gemini 2.5 Pro AI ซึ่งเป็นโมเดลที่ฉลาดขึ้นและทำคะแนนสูงสุดในการทดสอบ AI ระดับสูง ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองใช้งานได้ฟรี แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบ AI ที่สามารถคิดเชิงเหตุผลและเข้าใจบริบทได้ดียิ่งขึ้น

    ความก้าวหน้าในการทดสอบ
    - Gemini 2.5 Pro ทำคะแนนได้ 18.8% บน HLE ซึ่งสูงกว่าคู่แข่ง (o3 mini ได้ 14% และ Claude 3.7 Sonnet ได้ 8.9%) แบบทดสอบนี้ได้รับการออกแบบเพื่อเลี่ยงปัญหาที่ AI โมเดลเรียนรู้จากชุดข้อมูลที่คล้ายกันจนสามารถคาดเดาคำตอบได้ง่าย

    การพัฒนาโมเดลแบบคิดเชิงเหตุผล
    - Google อธิบายว่า Gemini 2.5 มีพัฒนาการด้านการคิดเชิงเหตุผลและการประมวลผลข้อมูลหลากหลายรูปแบบ (multimodal) เช่น การเข้าใจภาพและข้อความในบริบทเดียวกัน แม้เพียงได้รับคำสั่งแบบเรียบง่าย

    IQ Test และข้อจำกัดทางวิชาการ
    - โมเดล AI ผ่านแบบทดสอบ IQ ที่ไม่สามารถใช้ข้อมูลสาธารณะในการฝึก อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้มาตรวัด IQ กับ AI นั้นไม่มีประโยชน์เทียบเท่ากับมนุษย์ เนื่องจากการทำงานของ AI ไม่ได้ใช้ตรรกะแบบเดียวกัน

    การเปิดให้ใช้งานแบบจำกัด
    - Gemini 2.5 Pro เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองได้ แต่มีข้อจำกัดด้านอัตราการใช้งาน (rate limits) สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ในขณะที่ผู้ใช้ Gemini Advanced จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแบบขยาย พร้อมบริบทที่กว้างขึ้น

    https://www.zdnet.com/article/everyone-can-now-try-gemini-2-5-pro-for-free/
    Google เปิดตัว Gemini 2.5 Pro AI ซึ่งเป็นโมเดลที่ฉลาดขึ้นและทำคะแนนสูงสุดในการทดสอบ AI ระดับสูง ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองใช้งานได้ฟรี แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบ AI ที่สามารถคิดเชิงเหตุผลและเข้าใจบริบทได้ดียิ่งขึ้น ความก้าวหน้าในการทดสอบ - Gemini 2.5 Pro ทำคะแนนได้ 18.8% บน HLE ซึ่งสูงกว่าคู่แข่ง (o3 mini ได้ 14% และ Claude 3.7 Sonnet ได้ 8.9%) แบบทดสอบนี้ได้รับการออกแบบเพื่อเลี่ยงปัญหาที่ AI โมเดลเรียนรู้จากชุดข้อมูลที่คล้ายกันจนสามารถคาดเดาคำตอบได้ง่าย การพัฒนาโมเดลแบบคิดเชิงเหตุผล - Google อธิบายว่า Gemini 2.5 มีพัฒนาการด้านการคิดเชิงเหตุผลและการประมวลผลข้อมูลหลากหลายรูปแบบ (multimodal) เช่น การเข้าใจภาพและข้อความในบริบทเดียวกัน แม้เพียงได้รับคำสั่งแบบเรียบง่าย IQ Test และข้อจำกัดทางวิชาการ - โมเดล AI ผ่านแบบทดสอบ IQ ที่ไม่สามารถใช้ข้อมูลสาธารณะในการฝึก อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้มาตรวัด IQ กับ AI นั้นไม่มีประโยชน์เทียบเท่ากับมนุษย์ เนื่องจากการทำงานของ AI ไม่ได้ใช้ตรรกะแบบเดียวกัน การเปิดให้ใช้งานแบบจำกัด - Gemini 2.5 Pro เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองได้ แต่มีข้อจำกัดด้านอัตราการใช้งาน (rate limits) สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ในขณะที่ผู้ใช้ Gemini Advanced จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแบบขยาย พร้อมบริบทที่กว้างขึ้น https://www.zdnet.com/article/everyone-can-now-try-gemini-2-5-pro-for-free/
    WWW.ZDNET.COM
    Everyone can now try Gemini 2.5 Pro - for free
    Gemini's latest model outperforms OpenAI's o3 mini and Anthropic's Claude 3.7 Sonnet on the latest benchmarks. Here's how to try it.
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้รายงานถึงความไม่พอใจของ Linus Torvalds ผู้สร้างและหัวหน้าทีมพัฒนา Linux ต่อปัญหา 'hdrtest' files ใน Linux kernel 6.15-rc1 ซึ่งเป็นโค้ดที่ทำให้การสร้างโปรแกรมช้าลง และทิ้งไฟล์ที่ไม่จำเป็นในไดเรกทอรีรวมถึงแทรกแซงการทำงานอย่างอื่น ผู้เขียนจึงตัดสินใจแก้ไขโดยการตั้งค่าให้โค้ดนี้ถูกระบุว่าใช้งานไม่ได้ (broken) ชั่วคราว เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการพัฒนาตัวระบบ

    รายละเอียดของ 'hdrtest':
    - โค้ดนี้เกี่ยวข้องกับการทดสอบไฟล์ header ของระบบ Direct Rendering Manager (DRM) ใน Linux kernel ซึ่งใช้กับไดรเวอร์ Intel Xe kernel graphics แต่กลายเป็นปัญหาสำหรับการ build ระบบ.

    ผลกระทบต่อการพัฒนา:
    - นอกจากทำให้กระบวนการสร้างโปรแกรมช้าลง ยังทำให้การทำงานของระบบโดยรวมได้รับผลกระทบ เช่น การแทรกแซงการทำ auto-complete ไฟล์ ซึ่งผู้พัฒนาไม่สามารถยอมรับได้.

    ความคาดหวังในอนาคต:
    - Torvalds เสนอว่าโค้ดทดสอบเหล่านี้ควรทำงานเฉพาะผู้พัฒนาที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ควรถูกรวมไว้ใน build หลักเพื่อให้เกิดปัญหาต่อทีมพัฒนาโดยรวม.

    https://www.tomshardware.com/software/linux/linus-torvalds-rages-against-random-turd-files-in-linux-6-15-rc1-directories
    ข่าวนี้รายงานถึงความไม่พอใจของ Linus Torvalds ผู้สร้างและหัวหน้าทีมพัฒนา Linux ต่อปัญหา 'hdrtest' files ใน Linux kernel 6.15-rc1 ซึ่งเป็นโค้ดที่ทำให้การสร้างโปรแกรมช้าลง และทิ้งไฟล์ที่ไม่จำเป็นในไดเรกทอรีรวมถึงแทรกแซงการทำงานอย่างอื่น ผู้เขียนจึงตัดสินใจแก้ไขโดยการตั้งค่าให้โค้ดนี้ถูกระบุว่าใช้งานไม่ได้ (broken) ชั่วคราว เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการพัฒนาตัวระบบ รายละเอียดของ 'hdrtest': - โค้ดนี้เกี่ยวข้องกับการทดสอบไฟล์ header ของระบบ Direct Rendering Manager (DRM) ใน Linux kernel ซึ่งใช้กับไดรเวอร์ Intel Xe kernel graphics แต่กลายเป็นปัญหาสำหรับการ build ระบบ. ผลกระทบต่อการพัฒนา: - นอกจากทำให้กระบวนการสร้างโปรแกรมช้าลง ยังทำให้การทำงานของระบบโดยรวมได้รับผลกระทบ เช่น การแทรกแซงการทำ auto-complete ไฟล์ ซึ่งผู้พัฒนาไม่สามารถยอมรับได้. ความคาดหวังในอนาคต: - Torvalds เสนอว่าโค้ดทดสอบเหล่านี้ควรทำงานเฉพาะผู้พัฒนาที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ควรถูกรวมไว้ใน build หลักเพื่อให้เกิดปัญหาต่อทีมพัฒนาโดยรวม. https://www.tomshardware.com/software/linux/linus-torvalds-rages-against-random-turd-files-in-linux-6-15-rc1-directories
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Linus Torvalds rages against ‘random turd files’ in Linux 6.15-rc1 directories
    ‘This thing needs to *die*’ he says, advising testing code be removed from normal builds.
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • แถลงปิดโครงการแจกยาฟ้าทะลายโจร แต่ยังคงความเป็น“สนธิ ฟ้าทะลายโจร”อยู่
    .
    ผมพูดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" ว่าขออนุญาตทุกท่านที่บริจาคช่วยเรื่องฟ้าทะลายโจร นำเงินที่เหลือจากที่ท่านผู้ชมบริจาคมาเพื่อซื้อฟ้าทะลายโจรเพื่อแจกพี่น้องในช่วงโรคระบาด ตอนนี้ยังมีเงินเหลืออยู่ ก็เลยจะขอนำเงินนี้มาใช้ในบัญชีของ "มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน" โดยอาจารย์ปานเทพ เป็นประธาน เราสามารถเอาเงินก้อนนี้เอาไปใช้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน เช่น ใช้จ่ายเพื่อดำรงความยุติธรรม จ้างทนายบ้าง ส่งคนไปค้นคว้าวิจัยในเรื่องต่างๆ บ้าง แล้วเราจะมีเว็บไซต์หรือเพจของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินโดยเฉพาะ เราจะเอาเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมมาลง แล้วจะคอยติดตามความเคลื่อนไหว ติดตามเรื่องที่เกิดขึ้น
    .
    วันนี้ผมขอแถลงตัวเลขทั้งหมดเพื่อปิดโครงการฟ้าทะลายโจร ดังนี้ (อันนี้เป็นหลักฐานนะครับ) โครงการสนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อช่วยเหลือประชาชน ระหว่างวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ถึง วันที่ 25 มีนาคม 2568 ประมาณสี่ปี ทั้งหมดรวมแล้ว เงินบริจาค 82,928,274.51 บาท เราใช้อะไรบ้าง ? เราใช้ค่าใช้จ่ายในการซื้อฟ้าทะลายโจรทั้งหมด 54,329,300 เม็ด เป็นจำนวนเงิน 69,616,569 บาท ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก 12,522,904.01 บาท เช่น เราซื้อเครื่องให้อากาศผสมออกซิเจน 20 เครื่อง 4 ล้านบาท สมัยนั้นจะมีคนหายใจไม่ออก ต้องใช้เครื่องให้อากาศผสมออกซิเจน ซึ่งหายากมากตอนนั้น เรากว้านซื้อมาได้แค่ 20 เครื่อง เรามี Rapid Antigen Test เครื่องตรวจสอบว่าติดโควิดหรือไม่ 14,000 ชิ้น 4,410,000 บาท แล้วเรายังซื้อขิงผงอีก 575,000 ซอง เป็นเงิน 1,725,000 บาท นอกจากนี้แล้ว ยังมีชุด PPE สำหรับคนที่อยู่แนวหน้าในการทำงานกับคนติดโรคอีก 300 ชุด 160,500 บาท ค่าจัดส่งทั้งหมด 857,387 บาท รวมค่าใช้จ่ายแล้ว 82,139,473.01 บาท เงินคงเหลือปัจจุบัน 788,801.50 บาท ซึ่งเงินก้อนนี้จะโอนไปที่คณะกรรมการมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เพื่อเอาไปทำประโยชน์ให้กับประชาชนในเรื่องการดำรงความยุติธรรม อย่างที่ได้เรียนให้ทราบแล้ว
    .
    ท่านผู้ชมครับ เงินบริจาคของท่านผู้ชมทุกบาททุกสตางค์ที่เข้ามาที่นี่ ท่านผู้ชมสบายใจได้ เรามีรายละเอียด และเรามั่นใจ นี่ไม่ได้คุยนะครับ เราน่าจะเป็นเจ้าเดียวที่ตีแผ่ค่าใช้จ่ายของเราอย่างละเอียดเลย ไม่เชื่อท่านผู้ชมไปดูสิ เงินบริจาคไปหน่วยงานอื่นๆ หรือองค์กรอื่นๆ นั้น ไม่เคยมีใครออกมาแสดงรายละเอียดแบบนี้ ท่านผู้ชม ความจริงมีหนึ่งเดียว ความซื่อสัตย์มีหนึ่งเดียว อยู่ที่นี่ครับ

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    แถลงปิดโครงการแจกยาฟ้าทะลายโจร แต่ยังคงความเป็น“สนธิ ฟ้าทะลายโจร”อยู่ . ผมพูดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" ว่าขออนุญาตทุกท่านที่บริจาคช่วยเรื่องฟ้าทะลายโจร นำเงินที่เหลือจากที่ท่านผู้ชมบริจาคมาเพื่อซื้อฟ้าทะลายโจรเพื่อแจกพี่น้องในช่วงโรคระบาด ตอนนี้ยังมีเงินเหลืออยู่ ก็เลยจะขอนำเงินนี้มาใช้ในบัญชีของ "มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน" โดยอาจารย์ปานเทพ เป็นประธาน เราสามารถเอาเงินก้อนนี้เอาไปใช้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน เช่น ใช้จ่ายเพื่อดำรงความยุติธรรม จ้างทนายบ้าง ส่งคนไปค้นคว้าวิจัยในเรื่องต่างๆ บ้าง แล้วเราจะมีเว็บไซต์หรือเพจของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินโดยเฉพาะ เราจะเอาเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมมาลง แล้วจะคอยติดตามความเคลื่อนไหว ติดตามเรื่องที่เกิดขึ้น . วันนี้ผมขอแถลงตัวเลขทั้งหมดเพื่อปิดโครงการฟ้าทะลายโจร ดังนี้ (อันนี้เป็นหลักฐานนะครับ) โครงการสนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อช่วยเหลือประชาชน ระหว่างวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ถึง วันที่ 25 มีนาคม 2568 ประมาณสี่ปี ทั้งหมดรวมแล้ว เงินบริจาค 82,928,274.51 บาท เราใช้อะไรบ้าง ? เราใช้ค่าใช้จ่ายในการซื้อฟ้าทะลายโจรทั้งหมด 54,329,300 เม็ด เป็นจำนวนเงิน 69,616,569 บาท ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก 12,522,904.01 บาท เช่น เราซื้อเครื่องให้อากาศผสมออกซิเจน 20 เครื่อง 4 ล้านบาท สมัยนั้นจะมีคนหายใจไม่ออก ต้องใช้เครื่องให้อากาศผสมออกซิเจน ซึ่งหายากมากตอนนั้น เรากว้านซื้อมาได้แค่ 20 เครื่อง เรามี Rapid Antigen Test เครื่องตรวจสอบว่าติดโควิดหรือไม่ 14,000 ชิ้น 4,410,000 บาท แล้วเรายังซื้อขิงผงอีก 575,000 ซอง เป็นเงิน 1,725,000 บาท นอกจากนี้แล้ว ยังมีชุด PPE สำหรับคนที่อยู่แนวหน้าในการทำงานกับคนติดโรคอีก 300 ชุด 160,500 บาท ค่าจัดส่งทั้งหมด 857,387 บาท รวมค่าใช้จ่ายแล้ว 82,139,473.01 บาท เงินคงเหลือปัจจุบัน 788,801.50 บาท ซึ่งเงินก้อนนี้จะโอนไปที่คณะกรรมการมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เพื่อเอาไปทำประโยชน์ให้กับประชาชนในเรื่องการดำรงความยุติธรรม อย่างที่ได้เรียนให้ทราบแล้ว . ท่านผู้ชมครับ เงินบริจาคของท่านผู้ชมทุกบาททุกสตางค์ที่เข้ามาที่นี่ ท่านผู้ชมสบายใจได้ เรามีรายละเอียด และเรามั่นใจ นี่ไม่ได้คุยนะครับ เราน่าจะเป็นเจ้าเดียวที่ตีแผ่ค่าใช้จ่ายของเราอย่างละเอียดเลย ไม่เชื่อท่านผู้ชมไปดูสิ เงินบริจาคไปหน่วยงานอื่นๆ หรือองค์กรอื่นๆ นั้น ไม่เคยมีใครออกมาแสดงรายละเอียดแบบนี้ ท่านผู้ชม ความจริงมีหนึ่งเดียว ความซื่อสัตย์มีหนึ่งเดียว อยู่ที่นี่ครับ #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    26
    1 Comments 0 Shares 847 Views 1 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงความก้าวหน้าของบริษัท DapuStor ผู้ผลิต SSD ประสิทธิภาพสูงจากจีน ที่เปิดตัว Roealsen6 R6101 7.68TB SSD ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "สุดยอดงานวิศวกรรม" ด้วยความเร็วในการอ่านแบบต่อเนื่องถึง 14,600 MB/s และการเขียนที่ 11,000 MB/s SSD รุ่นนี้ใช้ตัวควบคุม DP800 และเทคโนโลยี PCIe 5.0 ที่เหนือกว่า PCIe 4.0 ถึงสองเท่า

    ความโดดเด่นในการทดสอบ:
    - ผลทดสอบพบว่า SSD รุ่นนี้สามารถทำสถิติใหม่ในระดับ 4K random read IOPS ที่สูงถึง 3.62 ล้าน ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากรุ่นอื่น ๆ ในตลาด.

    ความสามารถในงานหลากหลาย:
    - SSD สามารถทำงานในลักษณะโหลดงานผสมได้ดีจนสามารถแข่งขันกับ SSD ระดับ 3-DWPD ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า.

    การออกแบบที่ตอบโจทย์:
    - SSD ใช้ 3D eTLC NAND Flash และโปรโตคอล NVMe 2.0 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอ่าน-เขียน และเหมาะกับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความเร็วและความเสถียร.

    ความคาดหวังในอนาคต:
    - SSD รุ่นใหม่ที่มีความจุสูงถึง 122.88TB อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญในตลาดเซิร์ฟเวอร์.

    https://www.techradar.com/pro/an-engineering-masterpiece-reviewer-raves-about-fastest-large-capacity-ssd-ever-built-but-it-wont-be-cheap
    ข่าวนี้พูดถึงความก้าวหน้าของบริษัท DapuStor ผู้ผลิต SSD ประสิทธิภาพสูงจากจีน ที่เปิดตัว Roealsen6 R6101 7.68TB SSD ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "สุดยอดงานวิศวกรรม" ด้วยความเร็วในการอ่านแบบต่อเนื่องถึง 14,600 MB/s และการเขียนที่ 11,000 MB/s SSD รุ่นนี้ใช้ตัวควบคุม DP800 และเทคโนโลยี PCIe 5.0 ที่เหนือกว่า PCIe 4.0 ถึงสองเท่า ความโดดเด่นในการทดสอบ: - ผลทดสอบพบว่า SSD รุ่นนี้สามารถทำสถิติใหม่ในระดับ 4K random read IOPS ที่สูงถึง 3.62 ล้าน ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากรุ่นอื่น ๆ ในตลาด. ความสามารถในงานหลากหลาย: - SSD สามารถทำงานในลักษณะโหลดงานผสมได้ดีจนสามารถแข่งขันกับ SSD ระดับ 3-DWPD ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า. การออกแบบที่ตอบโจทย์: - SSD ใช้ 3D eTLC NAND Flash และโปรโตคอล NVMe 2.0 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอ่าน-เขียน และเหมาะกับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความเร็วและความเสถียร. ความคาดหวังในอนาคต: - SSD รุ่นใหม่ที่มีความจุสูงถึง 122.88TB อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญในตลาดเซิร์ฟเวอร์. https://www.techradar.com/pro/an-engineering-masterpiece-reviewer-raves-about-fastest-large-capacity-ssd-ever-built-but-it-wont-be-cheap
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • UNIS เปิดตัว S5 Ultra SSD ที่เร็วที่สุดในตลาดด้วยการอ่าน 14.9 GB/s และเขียน 12.9 GB/s แม้จะใช้เทคโนโลยีเก่ากว่าแต่ยังสามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่เช่น Samsung และ Crucial ทั้งนี้ SSD ยังออกแบบให้เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงโดยมีการระบายความร้อนแบบกราฟีน ซึ่งอาจเป็นจุดที่ต้องพัฒนาต่อไปในอนาคต

    การออกแบบที่แตกต่าง:
    - รุ่น S5 Ultra มีโครงสร้างแบบ DRAM-less แต่สามารถทำความเร็วได้สูงสุด ด้วยตัวควบคุมที่ใช้กระบวนการผลิต 12nm ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพแม้จะดูเก่าเมื่อเทียบกับมาตรฐานในตลาด.

    ความพิเศษในรุ่น Ultra:
    - UNIS S5 Ultra ใช้ตัวควบคุมแบบ 6nm และเพิ่ม DRAM Cache เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเหมาะสมสำหรับงานด้านผลิตภาพ โดยลดความเร็วการอ่านลงเหลือ 14.2 GB/s แต่ชดเชยด้วยการเขียนที่สูงขึ้น.

    ความร้อนจากการใช้งาน:
    - SSD เหล่านี้มาพร้อมกับแผ่นระบายความร้อนกราฟีน แม้จะเป็นเพียงการระบายแบบ passive ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อใช้งานความเร็วสูงระดับนี้.

    การใช้งานที่หลากหลาย:
    - UNIS S5 Ultra ออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การตัดต่อวิดีโอระดับ 4K และการเล่นเกมขั้นสูง อีกทั้งยังเหมาะกับงานที่ใช้ความเร็วในลักษณะ random access สูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/chinese-pcie-5-0-ssd-boasts-14-9-gb-s-speeds-positioning-as-the-fastest-mainstream-pcie-5-0-drive-on-the-market
    UNIS เปิดตัว S5 Ultra SSD ที่เร็วที่สุดในตลาดด้วยการอ่าน 14.9 GB/s และเขียน 12.9 GB/s แม้จะใช้เทคโนโลยีเก่ากว่าแต่ยังสามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่เช่น Samsung และ Crucial ทั้งนี้ SSD ยังออกแบบให้เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงโดยมีการระบายความร้อนแบบกราฟีน ซึ่งอาจเป็นจุดที่ต้องพัฒนาต่อไปในอนาคต การออกแบบที่แตกต่าง: - รุ่น S5 Ultra มีโครงสร้างแบบ DRAM-less แต่สามารถทำความเร็วได้สูงสุด ด้วยตัวควบคุมที่ใช้กระบวนการผลิต 12nm ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพแม้จะดูเก่าเมื่อเทียบกับมาตรฐานในตลาด. ความพิเศษในรุ่น Ultra: - UNIS S5 Ultra ใช้ตัวควบคุมแบบ 6nm และเพิ่ม DRAM Cache เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเหมาะสมสำหรับงานด้านผลิตภาพ โดยลดความเร็วการอ่านลงเหลือ 14.2 GB/s แต่ชดเชยด้วยการเขียนที่สูงขึ้น. ความร้อนจากการใช้งาน: - SSD เหล่านี้มาพร้อมกับแผ่นระบายความร้อนกราฟีน แม้จะเป็นเพียงการระบายแบบ passive ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อใช้งานความเร็วสูงระดับนี้. การใช้งานที่หลากหลาย: - UNIS S5 Ultra ออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การตัดต่อวิดีโอระดับ 4K และการเล่นเกมขั้นสูง อีกทั้งยังเหมาะกับงานที่ใช้ความเร็วในลักษณะ random access สูง https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/chinese-pcie-5-0-ssd-boasts-14-9-gb-s-speeds-positioning-as-the-fastest-mainstream-pcie-5-0-drive-on-the-market
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับชิปเซ็ตสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก Qualcomm ที่ชื่อ Snapdragon 8 Elite Gen 2 โดยเผยข้อมูลจากแหล่งข่าว Digital Chat Station (DCS) ซึ่งระบุว่าชิปเซ็ตใหม่ใช้กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร (N3P node process) และจะมาพร้อมกับสถาปัตยกรรม ARMv9 รุ่นล่าสุด โดยนวัตกรรมนี้มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้เหมาะสมกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์

    การออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่:
    - Snapdragon 8 Elite Gen 2 ใช้โครงสร้าง 2+6 cores ที่ประกอบด้วยหน่วยประมวลผลหลัก 2 คอร์สำหรับงานหนัก และ 6 คอร์สำหรับงานที่ปรับแต่งประสิทธิภาพให้มีความเหมาะสม.

    การพัฒนา GPU:
    - ชิปนี้จะมาพร้อมกับกราฟิก Adreno 840 iGPU ที่ถูกพัฒนาให้รองรับชุดคำสั่งใหม่ของ ARM เช่น Scalable Matrix Extension 1 (SME 1) และ Scalable Vector Extension 2 (SVE2) ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผลกราฟิก.

    ความเร็วและการทดสอบประสิทธิภาพ:
    - คาดว่าชิปนี้จะสามารถทำคะแนนได้สูงกว่า 3.8 ล้านคะแนนใน AnTuTu V10 ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน.

    กำหนดการเปิดตัว:
    - Qualcomm วางแผนเปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 2 ในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งถือเป็นการต่อยอดจากรุ่น Elite รุ่นแรกที่เปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงปีที่ผ่านมา.

    https://www.techpowerup.com/334797/qualcomm-snapdragon-8-elite-gen-2-leak-points-to-adreno-840-igpu-support-of-arms-latest-scalable-instruction-sets
    ข่าวนี้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับชิปเซ็ตสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก Qualcomm ที่ชื่อ Snapdragon 8 Elite Gen 2 โดยเผยข้อมูลจากแหล่งข่าว Digital Chat Station (DCS) ซึ่งระบุว่าชิปเซ็ตใหม่ใช้กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร (N3P node process) และจะมาพร้อมกับสถาปัตยกรรม ARMv9 รุ่นล่าสุด โดยนวัตกรรมนี้มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้เหมาะสมกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ การออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่: - Snapdragon 8 Elite Gen 2 ใช้โครงสร้าง 2+6 cores ที่ประกอบด้วยหน่วยประมวลผลหลัก 2 คอร์สำหรับงานหนัก และ 6 คอร์สำหรับงานที่ปรับแต่งประสิทธิภาพให้มีความเหมาะสม. การพัฒนา GPU: - ชิปนี้จะมาพร้อมกับกราฟิก Adreno 840 iGPU ที่ถูกพัฒนาให้รองรับชุดคำสั่งใหม่ของ ARM เช่น Scalable Matrix Extension 1 (SME 1) และ Scalable Vector Extension 2 (SVE2) ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผลกราฟิก. ความเร็วและการทดสอบประสิทธิภาพ: - คาดว่าชิปนี้จะสามารถทำคะแนนได้สูงกว่า 3.8 ล้านคะแนนใน AnTuTu V10 ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน. กำหนดการเปิดตัว: - Qualcomm วางแผนเปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 2 ในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งถือเป็นการต่อยอดจากรุ่น Elite รุ่นแรกที่เปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงปีที่ผ่านมา. https://www.techpowerup.com/334797/qualcomm-snapdragon-8-elite-gen-2-leak-points-to-adreno-840-igpu-support-of-arms-latest-scalable-instruction-sets
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Qualcomm "Snapdragon 8 Elite Gen 2" Leak Points to Adreno 840 iGPU & Support of ARM's Latest Scalable Instruction Sets
    Digital Chat Station (DCS)—a tenured leaker of Qualcomm pre-release information—has shared new "Snapdragon 8 Elite Gen 2" chipset details. Earlier today, their Weibo feed was updated with a couple of technological predictions. The announced smartphone chip's "SM8850" identifier was disclosed once ag...
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้แสดงความตั้งใจที่จะขยายการใช้งานระบบไฟล์ Resilient File System (ReFS) ในระบบปฏิบัติการ Windows 11 โดยล่าสุดพบว่าใน Windows 11 Build 27823 มีตัวเลือก "Flexible Storage" ใหม่ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานฟอร์แมตพาร์ติชันหรือพื้นที่ดิสก์ที่ไม่ได้ถูกกำหนดค่า โดยสามารถเลือกใช้ระบบไฟล์แบบ NTFS หรือ ReFS ได้ ฟีเจอร์นี้อาจเป็นก้าวสำคัญที่นำ ReFS เข้าสู่การใช้งานในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป มากกว่าที่จะจำกัดในองค์กรหรือเซิร์ฟเวอร์เหมือนที่ผ่านมา

    ศักยภาพและข้อจำกัดของ ReFS:
    - ReFS รองรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ได้ถึง 35 เพตะไบต์ (PB) และไฟล์เดี่ยวที่ใหญ่เท่ากับปริมาณข้อมูลทั้งหมด ขณะที่ NTFS รองรับสูงสุดเพียง 256 เทระไบต์ (TB).
    - คุณสมบัติเด่น เช่น การโคลนข้อมูลแบบบล็อก และทำ snapshot ในระดับไฟล์ แต่ยังไม่มีฟีเจอร์สำหรับการบู๊ต, การบีบอัดไฟล์, หรือการเข้ารหัส ซึ่งอาจพัฒนาในอนาคต

    การเปรียบเทียบกับ NTFS:
    - NTFS ยังคงเป็นมาตรฐานที่ใช้งานในระบบ Windows ส่วนใหญ่ แต่ ReFS ได้รับการออกแบบมาเพื่อการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและรองรับการเติบโตของชุดข้อมูลขนาดใหญ่

    การเคลื่อนไหวในชุมชนนักพัฒนา:
    - ชุมชนโอเพ่นซอร์สได้เริ่มเขียนเอกสารสำหรับ ReFS ในขณะที่บริษัทอย่าง Paragon Software เสนอไดรเวอร์ ReFS แบบปิดซอร์ส เพื่อรองรับการใช้งานที่กว้างขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107321-microsoft-resilient-file-system-resurfaces-latest-windows-11.html
    Microsoft ได้แสดงความตั้งใจที่จะขยายการใช้งานระบบไฟล์ Resilient File System (ReFS) ในระบบปฏิบัติการ Windows 11 โดยล่าสุดพบว่าใน Windows 11 Build 27823 มีตัวเลือก "Flexible Storage" ใหม่ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานฟอร์แมตพาร์ติชันหรือพื้นที่ดิสก์ที่ไม่ได้ถูกกำหนดค่า โดยสามารถเลือกใช้ระบบไฟล์แบบ NTFS หรือ ReFS ได้ ฟีเจอร์นี้อาจเป็นก้าวสำคัญที่นำ ReFS เข้าสู่การใช้งานในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป มากกว่าที่จะจำกัดในองค์กรหรือเซิร์ฟเวอร์เหมือนที่ผ่านมา ศักยภาพและข้อจำกัดของ ReFS: - ReFS รองรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ได้ถึง 35 เพตะไบต์ (PB) และไฟล์เดี่ยวที่ใหญ่เท่ากับปริมาณข้อมูลทั้งหมด ขณะที่ NTFS รองรับสูงสุดเพียง 256 เทระไบต์ (TB). - คุณสมบัติเด่น เช่น การโคลนข้อมูลแบบบล็อก และทำ snapshot ในระดับไฟล์ แต่ยังไม่มีฟีเจอร์สำหรับการบู๊ต, การบีบอัดไฟล์, หรือการเข้ารหัส ซึ่งอาจพัฒนาในอนาคต การเปรียบเทียบกับ NTFS: - NTFS ยังคงเป็นมาตรฐานที่ใช้งานในระบบ Windows ส่วนใหญ่ แต่ ReFS ได้รับการออกแบบมาเพื่อการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและรองรับการเติบโตของชุดข้อมูลขนาดใหญ่ การเคลื่อนไหวในชุมชนนักพัฒนา: - ชุมชนโอเพ่นซอร์สได้เริ่มเขียนเอกสารสำหรับ ReFS ในขณะที่บริษัทอย่าง Paragon Software เสนอไดรเวอร์ ReFS แบบปิดซอร์ส เพื่อรองรับการใช้งานที่กว้างขึ้น https://www.techspot.com/news/107321-microsoft-resilient-file-system-resurfaces-latest-windows-11.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft's ReFS file system resurfaces in latest Windows 11 build
    At last, Microsoft appears to be taking action with its Resilient File System (ReFS) technology. Despite being 14 years old, the storage format remains largely unfamiliar to...
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • NASA และ Boeing เตรียมทดสอบยาน Starliner ใหม่หลังเกิดปัญหาระบบขับเคลื่อนในภารกิจแรกที่ใช้เวลานานถึง 9 เดือน ยานนี้ได้รับการปรับปรุงและเตรียมพร้อมสำหรับการบินที่มีเป้าหมายในปลายปีนี้หรือต้นปี 2026 ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการเดินทางในอวกาศและเพิ่มตัวเลือกสำหรับภารกิจส่งมนุษย์ในอนาคต

    บทเรียนจากภารกิจแรก:
    - ภารกิจแรกที่ควรจะใช้เวลา 8 วัน กลับต้องยืดเวลาเป็น 9 เดือน เนื่องจากข้อบกพร่องของระบบขับเคลื่อน ทำให้นักบินอวกาศของ NASA อย่าง Butch Wilmore และ Suni Williams ต้องกลับมายังโลกด้วยยานของ SpaceX.

    แผนการทดสอบในปีนี้:
    - NASA และ Boeing กำลังพัฒนาตารางการทดสอบระบบขับเคลื่อนและวิเคราะห์ข้อมูลในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบินครั้งหน้า.

    ผลกระทบด้านการเงิน:
    - โครงการ Starliner เป็นหนึ่งในความท้าทายของ Boeing ที่ทำให้บริษัทต้องใช้งบประมาณมหาศาล ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมอวกาศอย่างต่อเนื่อง.

    เป้าหมายการรับรอง:
    - NASA วางเป้าหมายการรับรองยาน CST-100 Starliner สำหรับภารกิจที่มีลูกเรือ เพื่อใช้สำหรับการเดินทางไปยังสถานีอวกาศในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มตัวเลือกและประสิทธิภาพในการส่งมนุษย์ไปในอวกาศ.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/28/nasa-boeing-to-start-testing-starliner-for-next-flight-aimed-at-early-2026
    NASA และ Boeing เตรียมทดสอบยาน Starliner ใหม่หลังเกิดปัญหาระบบขับเคลื่อนในภารกิจแรกที่ใช้เวลานานถึง 9 เดือน ยานนี้ได้รับการปรับปรุงและเตรียมพร้อมสำหรับการบินที่มีเป้าหมายในปลายปีนี้หรือต้นปี 2026 ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการเดินทางในอวกาศและเพิ่มตัวเลือกสำหรับภารกิจส่งมนุษย์ในอนาคต บทเรียนจากภารกิจแรก: - ภารกิจแรกที่ควรจะใช้เวลา 8 วัน กลับต้องยืดเวลาเป็น 9 เดือน เนื่องจากข้อบกพร่องของระบบขับเคลื่อน ทำให้นักบินอวกาศของ NASA อย่าง Butch Wilmore และ Suni Williams ต้องกลับมายังโลกด้วยยานของ SpaceX. แผนการทดสอบในปีนี้: - NASA และ Boeing กำลังพัฒนาตารางการทดสอบระบบขับเคลื่อนและวิเคราะห์ข้อมูลในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบินครั้งหน้า. ผลกระทบด้านการเงิน: - โครงการ Starliner เป็นหนึ่งในความท้าทายของ Boeing ที่ทำให้บริษัทต้องใช้งบประมาณมหาศาล ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมอวกาศอย่างต่อเนื่อง. เป้าหมายการรับรอง: - NASA วางเป้าหมายการรับรองยาน CST-100 Starliner สำหรับภารกิจที่มีลูกเรือ เพื่อใช้สำหรับการเดินทางไปยังสถานีอวกาศในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มตัวเลือกและประสิทธิภาพในการส่งมนุษย์ไปในอวกาศ. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/28/nasa-boeing-to-start-testing-starliner-for-next-flight-aimed-at-early-2026
    WWW.THESTAR.COM.MY
    NASA, Boeing to start testing Starliner for next flight aimed at early 2026
    (Reuters) - NASA said on Thursday it was moving toward certifying Boeing's CST-100 Starliner for crewed flights later this year or by early 2026 after its inaugural mission to the International Space Station was marred by a system fault, forcing an extended stay.
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • Intel ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในคณะกรรมการบริหาร โดยสมาชิก 3 คนรวมถึงอดีต CEO ของ Medtronic ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในปี 2025 ขณะที่ CEO ใหม่ของ Intel, Lip-Bu Tan กำลังนำบริษัทเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการปรับโครงสร้างคณะกรรมการให้มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สะท้อนถึงยุทธศาสตร์การฟื้นฟูองค์กรครั้งใหญ่

    การลดจำนวนสมาชิกคณะกรรมการ:
    - การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ทำให้จำนวนสมาชิกลดลงเหลือ 11 คน และเพิ่มบุคคลที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เช่น อดีต CEO ของ ASML และ CEO ชั่วคราวของ Microchip Technology.

    ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูภายใต้ CEO ใหม่:
    - Lip-Bu Tan วางแผนลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการลดพนักงานลง 15% รวมถึงเน้นผลิตภัณฑ์และบริการผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ตามสัญญาเป็นหัวใจของกลยุทธ์.

    บทบาทของอดีต CEO Pat Gelsinger:
    - แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่ Gelsinger ได้รับเงินชดเชยจำนวน 7.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และต้องสละสิทธิ์ในหุ้นทั้งหมดที่ยังไม่ได้ถือครอง.

    เป้าหมายระยะยาว:
    - การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Intel ในการลดความซับซ้อนขององค์กรและเพิ่มความคล่องตัว เพื่อกลับมายืนในจุดสูงสุดในตลาดชิปอีกครั้ง.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/three-intel-board-members-to-retire-in-latest-shakeup-amid-turnaround
    Intel ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในคณะกรรมการบริหาร โดยสมาชิก 3 คนรวมถึงอดีต CEO ของ Medtronic ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในปี 2025 ขณะที่ CEO ใหม่ของ Intel, Lip-Bu Tan กำลังนำบริษัทเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการปรับโครงสร้างคณะกรรมการให้มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สะท้อนถึงยุทธศาสตร์การฟื้นฟูองค์กรครั้งใหญ่ การลดจำนวนสมาชิกคณะกรรมการ: - การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ทำให้จำนวนสมาชิกลดลงเหลือ 11 คน และเพิ่มบุคคลที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เช่น อดีต CEO ของ ASML และ CEO ชั่วคราวของ Microchip Technology. ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูภายใต้ CEO ใหม่: - Lip-Bu Tan วางแผนลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการลดพนักงานลง 15% รวมถึงเน้นผลิตภัณฑ์และบริการผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ตามสัญญาเป็นหัวใจของกลยุทธ์. บทบาทของอดีต CEO Pat Gelsinger: - แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่ Gelsinger ได้รับเงินชดเชยจำนวน 7.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และต้องสละสิทธิ์ในหุ้นทั้งหมดที่ยังไม่ได้ถือครอง. เป้าหมายระยะยาว: - การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Intel ในการลดความซับซ้อนขององค์กรและเพิ่มความคล่องตัว เพื่อกลับมายืนในจุดสูงสุดในตลาดชิปอีกครั้ง. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/three-intel-board-members-to-retire-in-latest-shakeup-amid-turnaround
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Three Intel board members to retire in latest shakeup amid turnaround
    (Reuters) - Three Intel board members will not stand for reelection at its 2025 annual meeting, the chipmaker said in a regulatory filing on Thursday, amid a historic transition under newly appointed CEO Lip-Bu Tan.
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • เกาหลีเหนือกำลังมุ่งหน้าพัฒนาอาวุธ AI อย่างจริงจัง โดยล่าสุดได้ทดลองโดรนจู่โจมอัตโนมัติและเปิดตัวเครื่องบิน AEW รุ่นใหม่ที่ช่วยปรับปรุงการป้องกันทางอากาศ ความร่วมมือกับรัสเซียยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอาวุธเหล่านี้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเกาหลีเหนือที่จะก้าวทันเทคโนโลยีทางทหารในระดับโลก

    การเปิดตัวอากาศยานแจ้งเตือนล่วงหน้า (AEW):
    - เกาหลีเหนือเปิดเผยเครื่องบิน AEW รุ่นแรกที่ปรับปรุงจาก Il-76 ของรัสเซีย ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันอากาศในพื้นที่ภูมิประเทศที่ยากลำบาก.

    ความร่วมมือทางการทหารกับรัสเซีย:
    - รัสเซียให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือในการส่งมอบขีปนาวุธและอุปกรณ์ป้องกันทางอากาศ เพื่อแลกกับการที่เกาหลีเหนือสนับสนุนการส่งกองกำลังเข้าร่วมในสงครามยูเครน.

    ประสบการณ์ในสนามรบ:
    - กองกำลังเกาหลีเหนือที่ถูกส่งไปสนับสนุนรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการใช้โดรนในสนามรบ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนาอาวุธในอนาคต.

    การพัฒนาเทคโนโลยีสอดแนมและรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์:
    - คิมยังได้ตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่สำหรับการรวบรวมข้อมูล การสอดแนม และการรบกวนสัญญาณ ซึ่งเสริมขีดความสามารถในสงครามสมัยใหม่.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/north-korea-leader-kim-jong-un-supervises-test-of-ai-suicide-drones
    เกาหลีเหนือกำลังมุ่งหน้าพัฒนาอาวุธ AI อย่างจริงจัง โดยล่าสุดได้ทดลองโดรนจู่โจมอัตโนมัติและเปิดตัวเครื่องบิน AEW รุ่นใหม่ที่ช่วยปรับปรุงการป้องกันทางอากาศ ความร่วมมือกับรัสเซียยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอาวุธเหล่านี้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเกาหลีเหนือที่จะก้าวทันเทคโนโลยีทางทหารในระดับโลก การเปิดตัวอากาศยานแจ้งเตือนล่วงหน้า (AEW): - เกาหลีเหนือเปิดเผยเครื่องบิน AEW รุ่นแรกที่ปรับปรุงจาก Il-76 ของรัสเซีย ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันอากาศในพื้นที่ภูมิประเทศที่ยากลำบาก. ความร่วมมือทางการทหารกับรัสเซีย: - รัสเซียให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือในการส่งมอบขีปนาวุธและอุปกรณ์ป้องกันทางอากาศ เพื่อแลกกับการที่เกาหลีเหนือสนับสนุนการส่งกองกำลังเข้าร่วมในสงครามยูเครน. ประสบการณ์ในสนามรบ: - กองกำลังเกาหลีเหนือที่ถูกส่งไปสนับสนุนรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการใช้โดรนในสนามรบ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนาอาวุธในอนาคต. การพัฒนาเทคโนโลยีสอดแนมและรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์: - คิมยังได้ตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่สำหรับการรวบรวมข้อมูล การสอดแนม และการรบกวนสัญญาณ ซึ่งเสริมขีดความสามารถในสงครามสมัยใหม่. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/north-korea-leader-kim-jong-un-supervises-test-of-ai-suicide-drones
    WWW.THESTAR.COM.MY
    North Korea leader Kim Jong Un touts AI suicide drones, early-warning aircraft
    SEOUL (Reuters) -North Korean leader Kim Jong Un supervised the test of suicide drones with artificial intelligence (AI) technology and said unmanned control and AI capability must be the top priorities in modern arms development, state media reported on Thursday.
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • The Linux Foundation และ OpenInfra ได้ร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตของเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สที่แข็งแกร่งและเปิดกว้าง โดยการผสานโครงการสำคัญเช่น Kubernetes และ OpenStack เข้าด้วยกัน พวกเขามุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI และศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและร่วมกันสร้างนวัตกรรมได้อย่างอิสระ

    วิวัฒนาการของทั้งสององค์กร:
    - The Linux Foundation เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของ Open Source Development Labs (OSDL) และ Free Standards Group ในปี 2007 โดยปัจจุบันสนับสนุนกว่า 900 โครงการโอเพ่นซอร์ส.
    - OpenInfra ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 ภายใต้ชื่อ OpenStack Foundation ก่อนจะขยายการทำงานครอบคลุมโครงการต่าง ๆ เช่น Airship, Kata Containers และ StarlingX.

    โครงการที่เป็นแกนหลักในการพัฒนา:
    - ทั้งสององค์กรได้รวมพลังผ่าน Open Infrastructure Blueprint ซึ่งเชื่อมโยงโครงการสำคัญ เช่น Linux, OpenStack และ Kubernetes เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรทั่วโลก.

    ความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐาน AI:
    - ความร่วมมือนี้มุ่งเร่งการพัฒนาศูนย์ข้อมูลให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการด้าน AI โดยเฉพาะการสร้างนวัตกรรมที่เปิดกว้าง ให้ชุมชนและนักพัฒนาทั่วโลกสามารถร่วมมือและปรับแต่งเทคโนโลยีได้อย่างอิสระ.

    จุดยืนในตลาดโอเพ่นซอร์ส:
    - ตลาดโอเพ่นซอร์สที่มีมูลค่ากว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ได้รับแรงผลักดันจากความร่วมมือนี้ โดยเน้นการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชนและหลักการของโอเพ่นซอร์ส.

    https://www.zdnet.com/article/the-linux-foundations-latest-partnership-could-shake-up-open-source-ecosystems-heres-why/
    The Linux Foundation และ OpenInfra ได้ร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตของเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สที่แข็งแกร่งและเปิดกว้าง โดยการผสานโครงการสำคัญเช่น Kubernetes และ OpenStack เข้าด้วยกัน พวกเขามุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI และศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและร่วมกันสร้างนวัตกรรมได้อย่างอิสระ วิวัฒนาการของทั้งสององค์กร: - The Linux Foundation เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของ Open Source Development Labs (OSDL) และ Free Standards Group ในปี 2007 โดยปัจจุบันสนับสนุนกว่า 900 โครงการโอเพ่นซอร์ส. - OpenInfra ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 ภายใต้ชื่อ OpenStack Foundation ก่อนจะขยายการทำงานครอบคลุมโครงการต่าง ๆ เช่น Airship, Kata Containers และ StarlingX. โครงการที่เป็นแกนหลักในการพัฒนา: - ทั้งสององค์กรได้รวมพลังผ่าน Open Infrastructure Blueprint ซึ่งเชื่อมโยงโครงการสำคัญ เช่น Linux, OpenStack และ Kubernetes เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรทั่วโลก. ความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐาน AI: - ความร่วมมือนี้มุ่งเร่งการพัฒนาศูนย์ข้อมูลให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการด้าน AI โดยเฉพาะการสร้างนวัตกรรมที่เปิดกว้าง ให้ชุมชนและนักพัฒนาทั่วโลกสามารถร่วมมือและปรับแต่งเทคโนโลยีได้อย่างอิสระ. จุดยืนในตลาดโอเพ่นซอร์ส: - ตลาดโอเพ่นซอร์สที่มีมูลค่ากว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ได้รับแรงผลักดันจากความร่วมมือนี้ โดยเน้นการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชนและหลักการของโอเพ่นซอร์ส. https://www.zdnet.com/article/the-linux-foundations-latest-partnership-could-shake-up-open-source-ecosystems-heres-why/
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • #คิมห้าวเป้ง​ ทดสอบ​ #โดรนพิฆาต

    Kim Jong-un conducts AI-powered suicide drone tests in DPRK’s bold military tech push
    #NK
    #คิมห้าวเป้ง​ ทดสอบ​ #โดรนพิฆาต Kim Jong-un conducts AI-powered suicide drone tests in DPRK’s bold military tech push #NK
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • Nvidia ได้เปิดตัว G-Assist ฟีเจอร์ AI ที่ช่วยให้ผู้เล่นปรับแต่งประสิทธิภาพในเกม และเพิ่มการควบคุมระดับการขยายของ DLSS สำหรับความละเอียดภาพในเกม ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอและสีจาก Nvidia App ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะมีข้อจำกัดในการใช้งานกับการ์ดจอรุ่นสูงเท่านั้น แต่ก็เป็นก้าวสำคัญในด้านการพัฒนา AI ในเกมและฮาร์ดแวร์

    ความสามารถของ G-Assist:
    - ฟีเจอร์นี้ใช้โมเดล AI ชื่อ SLM (Small Language Model) ที่พัฒนาเพื่อทำงานเฉพาะ เช่น คำแนะนำเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ การปรับแต่งพัดลม หรือการปรับแสงของอุปกรณ์ โดยบางเกมยังมีการสนับสนุนเฉพาะสำหรับคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับเกมนั้น ๆ.

    DLSS Override สำหรับความยืดหยุ่น:
    - ฟีเจอร์ DLSS Super Resolution ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดระดับความละเอียดของภาพในเกมได้เอง แทนที่จะใช้ค่าเริ่มต้นจากไดรเวอร์ เช่น การปรับให้คุณภาพระดับ 60% ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความคมชัด.

    การปรับปรุงแอป Nvidia:
    - แอปนี้ได้รับการอัปเดตให้ครอบคลุมการตั้งค่าจาก Nvidia Control Panel เช่น การปรับสีและการปรับขนาดหน้าจอ ซึ่งช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่แอปพลิเคชันแยกต่างหาก.

    ข้อจำกัดของ G-Assist:
    - ฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้เฉพาะกับกราฟิกการ์ดซีรีส์ RTX 30/40/50 ที่มี VRAM ขั้นต่ำ 12GB ทำให้ไม่สามารถใช้งานกับรุ่นระดับเริ่มต้น เช่น RTX 3060 Ti หรือ RTX 4060 Ti ได้.

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-releases-public-g-assist-in-latest-app-to-provide-in-game-ai-assistance-also-introduces-dlss-custom-scaling-factors
    Nvidia ได้เปิดตัว G-Assist ฟีเจอร์ AI ที่ช่วยให้ผู้เล่นปรับแต่งประสิทธิภาพในเกม และเพิ่มการควบคุมระดับการขยายของ DLSS สำหรับความละเอียดภาพในเกม ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอและสีจาก Nvidia App ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะมีข้อจำกัดในการใช้งานกับการ์ดจอรุ่นสูงเท่านั้น แต่ก็เป็นก้าวสำคัญในด้านการพัฒนา AI ในเกมและฮาร์ดแวร์ ความสามารถของ G-Assist: - ฟีเจอร์นี้ใช้โมเดล AI ชื่อ SLM (Small Language Model) ที่พัฒนาเพื่อทำงานเฉพาะ เช่น คำแนะนำเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ การปรับแต่งพัดลม หรือการปรับแสงของอุปกรณ์ โดยบางเกมยังมีการสนับสนุนเฉพาะสำหรับคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับเกมนั้น ๆ. DLSS Override สำหรับความยืดหยุ่น: - ฟีเจอร์ DLSS Super Resolution ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดระดับความละเอียดของภาพในเกมได้เอง แทนที่จะใช้ค่าเริ่มต้นจากไดรเวอร์ เช่น การปรับให้คุณภาพระดับ 60% ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความคมชัด. การปรับปรุงแอป Nvidia: - แอปนี้ได้รับการอัปเดตให้ครอบคลุมการตั้งค่าจาก Nvidia Control Panel เช่น การปรับสีและการปรับขนาดหน้าจอ ซึ่งช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่แอปพลิเคชันแยกต่างหาก. ข้อจำกัดของ G-Assist: - ฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้เฉพาะกับกราฟิกการ์ดซีรีส์ RTX 30/40/50 ที่มี VRAM ขั้นต่ำ 12GB ทำให้ไม่สามารถใช้งานกับรุ่นระดับเริ่มต้น เช่น RTX 3060 Ti หรือ RTX 4060 Ti ได้. https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-releases-public-g-assist-in-latest-app-to-provide-in-game-ai-assistance-also-introduces-dlss-custom-scaling-factors
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • 23andMe บริษัทตรวจ DNA ยื่นล้มละลายและเตรียมขายธุรกิจหลังเผชิญปัญหาการเจาะข้อมูลครั้งใหญ่ ผู้ใช้กว่า 5.5 ล้านคนได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ขณะที่ตลาดตรวจ DNA ก็มีแนวโน้มลดลง CEO Anne Wojcicki ประกาศลาออกจากตำแหน่ง สถานการณ์นี้สะท้อนถึงผลกระทบจากความปลอดภัยข้อมูลและความท้าทายของธุรกิจเทคโนโลยีที่ขาดการต่อยอด

    ความเสียหายที่เกิดจากการเจาะข้อมูล:
    - นอกจากข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ผ่านฟีเจอร์ DNA Relatives ยังมีข้อมูลสายตระกูลของผู้ใช้งานอีก 1.4 ล้านคน ที่ถูกแฮ็ก การโจมตีครั้งนี้สร้างผลกระทบอย่างมากต่อความปลอดภัยและชื่อเสียงของบริษัท.

    การลดลงของตลาดตรวจ DNA:
    - ผู้บริโภคมองว่าโมเดลธุรกิจของการตรวจ DNA แบบ "ใช้ครั้งเดียว" ไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานซ้ำ จึงทำให้ความสนใจในบริการนี้ลดลงเรื่อย ๆ.

    ความพยายามในการฟื้นฟูบริษัทที่ล้มเหลว:
    - 23andMe เคยพยายามปรับโครงสร้างธุรกิจผ่านการลดพนักงานลงถึง 40% เพื่อลดค่าใช้จ่ายรายปีกว่า $35 ล้าน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้.

    การลดมูลค่าหุ้นอย่างมาก:
    - มูลค่าหุ้นที่เคยสูงสุดถึง $320 ลดลงจนเหลือเพียง $0.92 ซึ่งเป็นสัญญาณถึงปัญหาทางการเงินที่ลุกลามและไม่สามารถแก้ไขได้.

    https://www.techspot.com/news/107268-dna-testing-firm-23andme-files-bankruptcy-ceo-anne.html
    23andMe บริษัทตรวจ DNA ยื่นล้มละลายและเตรียมขายธุรกิจหลังเผชิญปัญหาการเจาะข้อมูลครั้งใหญ่ ผู้ใช้กว่า 5.5 ล้านคนได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ขณะที่ตลาดตรวจ DNA ก็มีแนวโน้มลดลง CEO Anne Wojcicki ประกาศลาออกจากตำแหน่ง สถานการณ์นี้สะท้อนถึงผลกระทบจากความปลอดภัยข้อมูลและความท้าทายของธุรกิจเทคโนโลยีที่ขาดการต่อยอด ความเสียหายที่เกิดจากการเจาะข้อมูล: - นอกจากข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ผ่านฟีเจอร์ DNA Relatives ยังมีข้อมูลสายตระกูลของผู้ใช้งานอีก 1.4 ล้านคน ที่ถูกแฮ็ก การโจมตีครั้งนี้สร้างผลกระทบอย่างมากต่อความปลอดภัยและชื่อเสียงของบริษัท. การลดลงของตลาดตรวจ DNA: - ผู้บริโภคมองว่าโมเดลธุรกิจของการตรวจ DNA แบบ "ใช้ครั้งเดียว" ไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานซ้ำ จึงทำให้ความสนใจในบริการนี้ลดลงเรื่อย ๆ. ความพยายามในการฟื้นฟูบริษัทที่ล้มเหลว: - 23andMe เคยพยายามปรับโครงสร้างธุรกิจผ่านการลดพนักงานลงถึง 40% เพื่อลดค่าใช้จ่ายรายปีกว่า $35 ล้าน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้. การลดมูลค่าหุ้นอย่างมาก: - มูลค่าหุ้นที่เคยสูงสุดถึง $320 ลดลงจนเหลือเพียง $0.92 ซึ่งเป็นสัญญาณถึงปัญหาทางการเงินที่ลุกลามและไม่สามารถแก้ไขได้. https://www.techspot.com/news/107268-dna-testing-firm-23andme-files-bankruptcy-ceo-anne.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DNA testing firm 23andMe files for bankruptcy, CEO Anne Wojcicki resigns
    23andMe was founded in 2006 as a direct-to-consumer genetics testing specialist and became a publicly traded company in June 2021, trading under the ticker symbol "ME." At...
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการพัฒนา AI แบบ AGI โดยเน้นว่าการเพิ่มพลังประมวลผลเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แม้บริษัทใหญ่ลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีนี้ ผลลัพธ์ที่ได้กลับลดลง นอกจากนี้ นักวิจัยยังสนับสนุนให้เน้นความปลอดภัยและวิธีการพัฒนาที่คุ้มค่า เช่น การลดพลังงานหรือปรับกระบวนการทำงานของ AI ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ความท้าทายในการพัฒนา AGI:
    - แม้มีการลงทุนมากกว่า 56 พันล้านดอลลาร์ ใน AI เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ แต่ผลลัพธ์ในด้านประสิทธิภาพเริ่มลดลง เช่น โมเดลล่าสุดของ OpenAI ที่แสดงการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า.

    ปัญหาด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน:
    - เนื่องจากโมเดล AI ต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล บริษัทต่าง ๆ เช่น Microsoft, Google และ Amazon จึงเริ่มหันไปใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล.

    แนวทางใหม่เพื่อการพัฒนา AI:
    - มีการสำรวจวิธีการที่ไม่เน้นเพิ่มพลังประมวลผล เช่น การใช้ "Test-time Compute" ซึ่งโมเดล AI จะ "คิด" นานขึ้นก่อนให้คำตอบ วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องขยายระบบอย่างมหาศาล แต่ยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์.

    มุมมองด้านความปลอดภัยและจริยธรรม:
    - 82% ของนักวิจัย เชื่อว่าหาก AGI พัฒนาโดยบริษัทเอกชน ควรอยู่ภายใต้การควบคุมสาธารณะเพื่อลดความเสี่ยงและปัญหาด้านจริยธรรม.

    https://www.techspot.com/news/107256-most-ai-researchers-doubt-scaling-current-systems-alone.html
    รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการพัฒนา AI แบบ AGI โดยเน้นว่าการเพิ่มพลังประมวลผลเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แม้บริษัทใหญ่ลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีนี้ ผลลัพธ์ที่ได้กลับลดลง นอกจากนี้ นักวิจัยยังสนับสนุนให้เน้นความปลอดภัยและวิธีการพัฒนาที่คุ้มค่า เช่น การลดพลังงานหรือปรับกระบวนการทำงานของ AI ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความท้าทายในการพัฒนา AGI: - แม้มีการลงทุนมากกว่า 56 พันล้านดอลลาร์ ใน AI เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ แต่ผลลัพธ์ในด้านประสิทธิภาพเริ่มลดลง เช่น โมเดลล่าสุดของ OpenAI ที่แสดงการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า. ปัญหาด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน: - เนื่องจากโมเดล AI ต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล บริษัทต่าง ๆ เช่น Microsoft, Google และ Amazon จึงเริ่มหันไปใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล. แนวทางใหม่เพื่อการพัฒนา AI: - มีการสำรวจวิธีการที่ไม่เน้นเพิ่มพลังประมวลผล เช่น การใช้ "Test-time Compute" ซึ่งโมเดล AI จะ "คิด" นานขึ้นก่อนให้คำตอบ วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องขยายระบบอย่างมหาศาล แต่ยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์. มุมมองด้านความปลอดภัยและจริยธรรม: - 82% ของนักวิจัย เชื่อว่าหาก AGI พัฒนาโดยบริษัทเอกชน ควรอยู่ภายใต้การควบคุมสาธารณะเพื่อลดความเสี่ยงและปัญหาด้านจริยธรรม. https://www.techspot.com/news/107256-most-ai-researchers-doubt-scaling-current-systems-alone.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Most AI experts say chasing AGI with more compute is a losing strategy
    A recent survey of 475 AI researchers reveals that 76% believe adding more computing power and data to current AI models is "unlikely" or "very unlikely" to...
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • DeepSeek จากจีนปล่อยอัปเดตใหม่ให้โมเดล AI รุ่น V3-0324 โดยเน้นแก้ปัญหาในโลกจริงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน โมเดลนี้ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญที่กระตุ้นให้วงการ AI ต้องปรับตัว เพราะสามารถทำงานได้ดีและใช้งบพัฒนาน้อยกว่าเจ้าใหญ่ ๆ ในตลาด ใครที่ติดตามการแข่งขันระหว่าง AI ในจีนและสหรัฐฯ ต้องจับตาดู DeepSeek อย่างใกล้ชิด

    เป้าหมายในการพัฒนา:
    - อัปเดต V3-0324 มุ่งเน้นการนำ AI เข้ามาแก้ปัญหาในโลกจริง ขณะที่ปรับปรุงความแม่นยำให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม:
    - DeepSeek จุดประกายการถกเถียงว่าแพลตฟอร์ม AI ขนาดใหญ่สามารถพัฒนาได้ในงบประมาณที่ต่ำกว่าบริษัทจากสหรัฐฯ ที่ทุ่มเงินมหาศาลในการสร้างศูนย์ข้อมูล.

    แรงสั่นสะเทือนต่อการแข่งขัน:
    - ความสำเร็จของ DeepSeek ทำให้เกิดแรงกดดันในตลาด AI และสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้พัฒนารายใหญ่ต้องเร่งพัฒนาโมเดลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/25/chinas-deepseek-unveils-latest-update-in-race-with-openai
    DeepSeek จากจีนปล่อยอัปเดตใหม่ให้โมเดล AI รุ่น V3-0324 โดยเน้นแก้ปัญหาในโลกจริงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน โมเดลนี้ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญที่กระตุ้นให้วงการ AI ต้องปรับตัว เพราะสามารถทำงานได้ดีและใช้งบพัฒนาน้อยกว่าเจ้าใหญ่ ๆ ในตลาด ใครที่ติดตามการแข่งขันระหว่าง AI ในจีนและสหรัฐฯ ต้องจับตาดู DeepSeek อย่างใกล้ชิด เป้าหมายในการพัฒนา: - อัปเดต V3-0324 มุ่งเน้นการนำ AI เข้ามาแก้ปัญหาในโลกจริง ขณะที่ปรับปรุงความแม่นยำให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม: - DeepSeek จุดประกายการถกเถียงว่าแพลตฟอร์ม AI ขนาดใหญ่สามารถพัฒนาได้ในงบประมาณที่ต่ำกว่าบริษัทจากสหรัฐฯ ที่ทุ่มเงินมหาศาลในการสร้างศูนย์ข้อมูล. แรงสั่นสะเทือนต่อการแข่งขัน: - ความสำเร็จของ DeepSeek ทำให้เกิดแรงกดดันในตลาด AI และสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้พัฒนารายใหญ่ต้องเร่งพัฒนาโมเดลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/25/chinas-deepseek-unveils-latest-update-in-race-with-openai
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China's DeepSeek unveils latest update in race with OpenAI
    DeepSeek released updates to its V3 model that promise to deliver better programming capabilities, underscoring the Chinese AI startup's intent to remain a step ahead of competitors.
    0 Comments 0 Shares 201 Views 0 Reviews
  • 1X Technologies จากนอร์เวย์กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ Neo Gamma ที่สามารถช่วยงานบ้านได้หลากหลาย เช่น รดน้ำต้นไม้และใช้เครื่องดูดฝุ่น พวกเขากำลังเริ่มทดลองใช้งานในบ้านจริง โดยมีการควบคุมระยะไกลเพื่อเก็บข้อมูลและพัฒนาการทำงานของหุ่นยนต์ รวมถึงการสื่อสารกับมนุษย์ ใครจะรู้ว่าหุ่นยนต์อัจฉริยะเหล่านี้อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกบ้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    ความสามารถของหุ่นยนต์ Neo Gamma:
    - ใช้ AI ที่ช่วยให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัวและจับวัตถุได้ แต่ยังมีงานและฟังก์ชันหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ก่อนจะช่วยงานคนได้อย่างเต็มที่.

    การทดลองในโลกจริงครั้งแรก:
    - นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ 1X Technologies จะนำหุ่นยนต์ออกจากห้องทดลองไปใช้งานในบ้าน ซึ่งจะมีผู้ควบคุมระยะไกลเพื่อช่วยเก็บข้อมูลการทำงานของหุ่นยนต์ในสภาพแวดล้อมจริง.

    การพัฒนา AI เพื่อการสื่อสารที่ดีขึ้น:
    - การทดลองครั้งนี้ยังมุ่งสอนให้หุ่นยนต์เข้าใจและโต้ตอบภาษาธรรมชาติกับผู้คนในบ้านได้ดีขึ้น.

    การสนับสนุนจาก Nvidia:
    - Neo Gamma ได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยี AI แบบเปิดและปรับแต่งได้จาก Nvidia ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของหุ่นยนต์.

    อนาคตของหุ่นยนต์ในบ้าน:
    - รายงานจาก Bank of America คาดการณ์ว่าในปี 2060 จะมีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์มากถึง 3 พันล้านตัวทั่วโลก โดย 65% จะใช้งานในบ้าน เช่น การดูแลผู้สูงอายุหรือช่วยงานบ้าน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/25/humanoid-robots-in-the-home-tests-are-starting-this-year
    1X Technologies จากนอร์เวย์กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ Neo Gamma ที่สามารถช่วยงานบ้านได้หลากหลาย เช่น รดน้ำต้นไม้และใช้เครื่องดูดฝุ่น พวกเขากำลังเริ่มทดลองใช้งานในบ้านจริง โดยมีการควบคุมระยะไกลเพื่อเก็บข้อมูลและพัฒนาการทำงานของหุ่นยนต์ รวมถึงการสื่อสารกับมนุษย์ ใครจะรู้ว่าหุ่นยนต์อัจฉริยะเหล่านี้อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกบ้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความสามารถของหุ่นยนต์ Neo Gamma: - ใช้ AI ที่ช่วยให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัวและจับวัตถุได้ แต่ยังมีงานและฟังก์ชันหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ก่อนจะช่วยงานคนได้อย่างเต็มที่. การทดลองในโลกจริงครั้งแรก: - นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ 1X Technologies จะนำหุ่นยนต์ออกจากห้องทดลองไปใช้งานในบ้าน ซึ่งจะมีผู้ควบคุมระยะไกลเพื่อช่วยเก็บข้อมูลการทำงานของหุ่นยนต์ในสภาพแวดล้อมจริง. การพัฒนา AI เพื่อการสื่อสารที่ดีขึ้น: - การทดลองครั้งนี้ยังมุ่งสอนให้หุ่นยนต์เข้าใจและโต้ตอบภาษาธรรมชาติกับผู้คนในบ้านได้ดีขึ้น. การสนับสนุนจาก Nvidia: - Neo Gamma ได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยี AI แบบเปิดและปรับแต่งได้จาก Nvidia ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของหุ่นยนต์. อนาคตของหุ่นยนต์ในบ้าน: - รายงานจาก Bank of America คาดการณ์ว่าในปี 2060 จะมีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์มากถึง 3 พันล้านตัวทั่วโลก โดย 65% จะใช้งานในบ้าน เช่น การดูแลผู้สูงอายุหรือช่วยงานบ้าน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/25/humanoid-robots-in-the-home-tests-are-starting-this-year
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Humanoid robots in the home? Tests are starting this year
    Norwegian startup 1X Technologies plans to test its Neo Gamma humanoid robot in real-life conditions, in several hundred homes, from 2025.
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • TDRI เตือนรัฐหยุดแจกเงินดิจิทัล หลังไปไม่ช่วยกระตุ้น ศก. แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน

    (21 มี.ค. 68) ดร.สมชัย จิตสุชน เตือนรัฐ หยุดเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลในเฟสต่อไป แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน ขณะที่เฟส 3 หนุนทบทวนเงื่อนไขเปิดทางใช้เงินหมื่นซื้อคอร์สอัปสกิล-รีสกิลได้ หวังพัฒนาทักษะคน เตือน รัฐบาลรับมือเศรษฐกิจซบเซา จากปัจจัยภายนอก-ในประเทศ โดยเฉพาะความปั่นป่วนจากสงครามการค้า – หนี้ครัวเรือนสูง ห่วงภาระการคลัง ทำเรตติงประเทศตก

    ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงนโยบายเงินดิจิทัลเฟส 3 ที่ให้กับผู้มีอายุ 16-20 ปีว่า มีการคาดการณ์กันว่าในเฟสที่ 3 นี้อาจได้ผลบ้าง เพราะกลุ่มคนที่แจกยังไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ที่ไม่มากนัก เมื่อได้เงินมาอาจจะใช้เร็ว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะได้ผลมากกว่าเฟส 1 ที่มอบให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบาง อย่างไรก็ตามหากอยากให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจริง ๆ รัฐบาลควรละทิ้งแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวมากขึ้น และไม่ควรเปิดทางให้นำเงินจำนวนนี้ไปซื้ออะไรก็ได้ แต่ควรกำหนดให้ใช้ไปกับการหาความรู้ อัปสกิล รีสกิล ซึ่งเหมาะสมกับกลุ่มเยาวชนพอดี เพราะเป็นกลุ่มที่กำลังจะเข้าสู่กำลังแรงงานซึ่งอาจจะนำเงินจำนวนนี้ไปเข้ารับการฝึกอบรมเพิ่มเติมให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งแม้จะไม่เห็นผลในระยะสั้นมากนัก แต่ผลในระยะยาวจะดีกว่ากันมากเพราะเป็นการดึงศักยภาพของคนซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยได้ประโยชน์

    สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรียืนยันว่าทุกคนที่เข้าเงื่อนไขจะได้รับสิทธิทั้งหมดนั้น ดร.สมชัย กล่าวว่า เป็นการทำให้ตรงกับที่หาเสียงไว้ แต่เห็นชัดแล้วว่าการดำเนินโครงการทั้งเฟส 1- 2 รวมทั้งเฟส 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจไม่ดีจริงอย่างที่หาเสียงไว้ จึงควรทบทวน

    “ตอนที่หาเสียงไว้ และตอนที่เป็นรัฐบาลใหม่ ๆ บอกว่าโครงการนี้จะทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู บางคนบอกจะทำให้ไทยหลุดกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้ด้วยซ้ำ ซึ่งก็ไม่มีคนเชื่อ และวันนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ในเมื่อมันพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ก็ไม่ควรจะเดินหน้าต่อ เรามองว่าเงินนี้นำไปทําอย่างอื่นที่มีประโยชน์ได้มากกว่าเยอะ” ดร.สมชัยระบุ

    เตือนหยุดสุรุ่ยสุร่ายแจกเงินหมื่น แนะใช้งบพัฒนาดิจิทัล อินเทอร์เน็ตฟรี ดึงศักยภาพคน หนุนเศรษฐกิจ ดร.สมชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากงบประมาณหลายแสนล้านที่ต้องเสียไปจากการใช้จ่ายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ยังมีต้นทุนค่าเสียโอกาสด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความสูญเสียที่มากกว่าตัวเงินเสียอีก เพราะอย่าลืมว่าวันนี้ภาคการคลังของไทยอ่อนแอมาก ประเทศไทยมีเงินน้อยลง ประชาชนก็มีเงินน้อยลง เพราะฉะนั้นนำเงินงบประมาณไปใช้ต้องคิดอย่างระมัดระวัง ถ้านำไปใช้ในเรื่องที่ไม่สมควรใช้ จนทำให้เรื่องที่สมควรใช้จะถูกตัดทิ้งไปก็น่าเสียดาย เช่น เรื่องการพัฒนาทักษะของคน การปรับตัวเพื่อรับมือกับวิกฤตโลกร้อน การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งระบบสวัสดิการสังคมของไทยก็ยังมีปัญหาในบางจุด และเรื่องของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและดิจิทัล ซึ่งจะทําให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งกันดีขึ้น ทั้งหมดนี้จําเป็นต้องใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลในการเดินหน้า แต่อาจถูกชะลอออกไปเพราะเอาเงินมาใช้ในเรื่องที่ไม่สมควรใช้แบบนี้ ดังนั้นไม่สนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าเงินดิจิทัลในเฟสต่อไปอีก

    “รัฐบาลควรนำงบประมาณไปลงทุนในเรื่องของดิจิทัล ทําอินเทอร์เน็ตฟรี ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยได้มาก ในเรื่องของผลิตภาพของประชาชน เพราะเกิดการพัฒนาตัวเองและสร้างรายได้ ผมเชื่อว่ามีอัจฉริยะที่ซ่อนอยู่ตามซอกมุมต่าง ๆ ของประเทศอยู่มาก เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้รับโอกาส รัฐบาลก็ควรจัดสรรงบประมาณเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่เขามีอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าทํา แต่คงไม่ได้ทํา ถ้าเกิดว่าต้องมาจ่ายเงินแบบสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ” ดร.สมชัยระบุ

    สงครามการค้าจะทำเศรษฐกิจไทยซบเซา ห่วงภาคการคลังมีปัญหา หนี้รัฐ-ครัวเรือนสูงชนเพดาน ดร.สมชัย ในฐานะอดีตกนง.ยังมีข้อเสนอแนะต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า ต้องพยายามแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างมากขึ้น อย่าเน้นระยะสั้น เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต กาสิโน พนันออนไลน์ แต่ควรเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มมาตรการระยะยาวมากขึ้น และจะต้องเตรียมรับมือกับความยากลําบากที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามการค้าที่คาดว่าจะมาแบบเต็มรูปแบบเมื่อเทียบกับยุคทรัมป์ 1.0 ต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในหลายปีที่ผ่านมาถูกมองว่าดีเกินไปจนน่าจะมาถึงอาจจะซบเซาลงตามวัฏจักร รวมทั้งเรื่องของสงครามยูเครนในยุโรป อาจส่งผลกระทบต่อไทยในฐานประเทศที่พึ่งพาการส่งออก และท่องเที่ยวมาก ขณะที่ในประเทศเองหนี้ครัวเรือนสูง ความสามารถในการผลิตไม่ได้ดีมากนัก เพราะฉะนั้นจะมีปัจจัยทั้งภายนอกและภายในเข้ามาพร้อมกัน

    “เศรษฐกิจคงซบเซาต่อไป และมองไป 4 ปีถัดไป ภาพก็จะคล้ายกันถ้าไม่ได้มีการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว และถ้ามีการใช้จ่ายเงินอย่างไม่ระมัดระวังแบบนี้ ภาคการคลังจะมีปัญหา หนี้สาธารณะก็คงจะถึง 70 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพีภายในไม่กี่ปีนี้ ในขณะที่ภาระการจ่ายหนี้ของรัฐบาล ทั้งดอกเบี้ย และเงินต้น ก็มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปใกล้ ๆ ชน 15 เปอร์เซ็นต์ที่กําหนดในกฎหมาย ทั้งหมดนี้จะทําให้เรตติ้งของภาครัฐไทยแย่ลงในสายตาของบริษัทประเมินเรตติง ซึ่งเป็นผลเสียระยะยาว เพราะว่าหมายถึง ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาล และจะลามไปถึงภาคเอกชนอาจจะสูงขึ้น ซึ่งก็จะซ้ำเติมเรื่องของเศรษฐกิจเข้าไปอีก” ดร.สมชัยกล่าว

    Cr. #TheStatesTimes
    TDRI เตือนรัฐหยุดแจกเงินดิจิทัล หลังไปไม่ช่วยกระตุ้น ศก. แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน (21 มี.ค. 68) ดร.สมชัย จิตสุชน เตือนรัฐ หยุดเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลในเฟสต่อไป แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน ขณะที่เฟส 3 หนุนทบทวนเงื่อนไขเปิดทางใช้เงินหมื่นซื้อคอร์สอัปสกิล-รีสกิลได้ หวังพัฒนาทักษะคน เตือน รัฐบาลรับมือเศรษฐกิจซบเซา จากปัจจัยภายนอก-ในประเทศ โดยเฉพาะความปั่นป่วนจากสงครามการค้า – หนี้ครัวเรือนสูง ห่วงภาระการคลัง ทำเรตติงประเทศตก ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงนโยบายเงินดิจิทัลเฟส 3 ที่ให้กับผู้มีอายุ 16-20 ปีว่า มีการคาดการณ์กันว่าในเฟสที่ 3 นี้อาจได้ผลบ้าง เพราะกลุ่มคนที่แจกยังไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ที่ไม่มากนัก เมื่อได้เงินมาอาจจะใช้เร็ว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะได้ผลมากกว่าเฟส 1 ที่มอบให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบาง อย่างไรก็ตามหากอยากให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจริง ๆ รัฐบาลควรละทิ้งแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวมากขึ้น และไม่ควรเปิดทางให้นำเงินจำนวนนี้ไปซื้ออะไรก็ได้ แต่ควรกำหนดให้ใช้ไปกับการหาความรู้ อัปสกิล รีสกิล ซึ่งเหมาะสมกับกลุ่มเยาวชนพอดี เพราะเป็นกลุ่มที่กำลังจะเข้าสู่กำลังแรงงานซึ่งอาจจะนำเงินจำนวนนี้ไปเข้ารับการฝึกอบรมเพิ่มเติมให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งแม้จะไม่เห็นผลในระยะสั้นมากนัก แต่ผลในระยะยาวจะดีกว่ากันมากเพราะเป็นการดึงศักยภาพของคนซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยได้ประโยชน์ สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรียืนยันว่าทุกคนที่เข้าเงื่อนไขจะได้รับสิทธิทั้งหมดนั้น ดร.สมชัย กล่าวว่า เป็นการทำให้ตรงกับที่หาเสียงไว้ แต่เห็นชัดแล้วว่าการดำเนินโครงการทั้งเฟส 1- 2 รวมทั้งเฟส 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจไม่ดีจริงอย่างที่หาเสียงไว้ จึงควรทบทวน “ตอนที่หาเสียงไว้ และตอนที่เป็นรัฐบาลใหม่ ๆ บอกว่าโครงการนี้จะทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู บางคนบอกจะทำให้ไทยหลุดกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้ด้วยซ้ำ ซึ่งก็ไม่มีคนเชื่อ และวันนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ในเมื่อมันพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ก็ไม่ควรจะเดินหน้าต่อ เรามองว่าเงินนี้นำไปทําอย่างอื่นที่มีประโยชน์ได้มากกว่าเยอะ” ดร.สมชัยระบุ เตือนหยุดสุรุ่ยสุร่ายแจกเงินหมื่น แนะใช้งบพัฒนาดิจิทัล อินเทอร์เน็ตฟรี ดึงศักยภาพคน หนุนเศรษฐกิจ ดร.สมชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากงบประมาณหลายแสนล้านที่ต้องเสียไปจากการใช้จ่ายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ยังมีต้นทุนค่าเสียโอกาสด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความสูญเสียที่มากกว่าตัวเงินเสียอีก เพราะอย่าลืมว่าวันนี้ภาคการคลังของไทยอ่อนแอมาก ประเทศไทยมีเงินน้อยลง ประชาชนก็มีเงินน้อยลง เพราะฉะนั้นนำเงินงบประมาณไปใช้ต้องคิดอย่างระมัดระวัง ถ้านำไปใช้ในเรื่องที่ไม่สมควรใช้ จนทำให้เรื่องที่สมควรใช้จะถูกตัดทิ้งไปก็น่าเสียดาย เช่น เรื่องการพัฒนาทักษะของคน การปรับตัวเพื่อรับมือกับวิกฤตโลกร้อน การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งระบบสวัสดิการสังคมของไทยก็ยังมีปัญหาในบางจุด และเรื่องของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและดิจิทัล ซึ่งจะทําให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งกันดีขึ้น ทั้งหมดนี้จําเป็นต้องใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลในการเดินหน้า แต่อาจถูกชะลอออกไปเพราะเอาเงินมาใช้ในเรื่องที่ไม่สมควรใช้แบบนี้ ดังนั้นไม่สนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าเงินดิจิทัลในเฟสต่อไปอีก “รัฐบาลควรนำงบประมาณไปลงทุนในเรื่องของดิจิทัล ทําอินเทอร์เน็ตฟรี ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยได้มาก ในเรื่องของผลิตภาพของประชาชน เพราะเกิดการพัฒนาตัวเองและสร้างรายได้ ผมเชื่อว่ามีอัจฉริยะที่ซ่อนอยู่ตามซอกมุมต่าง ๆ ของประเทศอยู่มาก เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้รับโอกาส รัฐบาลก็ควรจัดสรรงบประมาณเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่เขามีอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าทํา แต่คงไม่ได้ทํา ถ้าเกิดว่าต้องมาจ่ายเงินแบบสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ” ดร.สมชัยระบุ สงครามการค้าจะทำเศรษฐกิจไทยซบเซา ห่วงภาคการคลังมีปัญหา หนี้รัฐ-ครัวเรือนสูงชนเพดาน ดร.สมชัย ในฐานะอดีตกนง.ยังมีข้อเสนอแนะต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า ต้องพยายามแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างมากขึ้น อย่าเน้นระยะสั้น เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต กาสิโน พนันออนไลน์ แต่ควรเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มมาตรการระยะยาวมากขึ้น และจะต้องเตรียมรับมือกับความยากลําบากที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามการค้าที่คาดว่าจะมาแบบเต็มรูปแบบเมื่อเทียบกับยุคทรัมป์ 1.0 ต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในหลายปีที่ผ่านมาถูกมองว่าดีเกินไปจนน่าจะมาถึงอาจจะซบเซาลงตามวัฏจักร รวมทั้งเรื่องของสงครามยูเครนในยุโรป อาจส่งผลกระทบต่อไทยในฐานประเทศที่พึ่งพาการส่งออก และท่องเที่ยวมาก ขณะที่ในประเทศเองหนี้ครัวเรือนสูง ความสามารถในการผลิตไม่ได้ดีมากนัก เพราะฉะนั้นจะมีปัจจัยทั้งภายนอกและภายในเข้ามาพร้อมกัน “เศรษฐกิจคงซบเซาต่อไป และมองไป 4 ปีถัดไป ภาพก็จะคล้ายกันถ้าไม่ได้มีการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว และถ้ามีการใช้จ่ายเงินอย่างไม่ระมัดระวังแบบนี้ ภาคการคลังจะมีปัญหา หนี้สาธารณะก็คงจะถึง 70 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพีภายในไม่กี่ปีนี้ ในขณะที่ภาระการจ่ายหนี้ของรัฐบาล ทั้งดอกเบี้ย และเงินต้น ก็มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปใกล้ ๆ ชน 15 เปอร์เซ็นต์ที่กําหนดในกฎหมาย ทั้งหมดนี้จะทําให้เรตติ้งของภาครัฐไทยแย่ลงในสายตาของบริษัทประเมินเรตติง ซึ่งเป็นผลเสียระยะยาว เพราะว่าหมายถึง ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาล และจะลามไปถึงภาคเอกชนอาจจะสูงขึ้น ซึ่งก็จะซ้ำเติมเรื่องของเศรษฐกิจเข้าไปอีก” ดร.สมชัยกล่าว Cr. #TheStatesTimes
    0 Comments 0 Shares 495 Views 0 Reviews
  • VDO test. 1200x800
    VDO test. 1200x800
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 236 Views 27 0 Reviews
  • Microsoft เพิ่งปล่อยอัปเดต Windows 11 ครั้งล่าสุด แต่กลับเกิดปัญหาไม่คาดคิด แอป Copilot ของ Microsoft ที่ช่วยในการใช้งาน AI ถูกถอนการติดตั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ แถมยังมีปัญหาอื่น ๆ เช่น การติดตั้งล้มเหลว และระบบทำงานผิดพลาดจนถึงขั้นบูตไม่ขึ้นในบางกรณี อย่างไรก็ตาม Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบดาวน์โหลดแอปใหม่ผ่าน Microsoft Store และปักหมุดกลับบนแถบงานด้วยตัวเอง แม้จะมีปัญหาใหญ่ แต่บางคนกลับมองว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะใช้ระบบโดยไม่ต้องพึ่งพา AI อย่าง Copilot

    https://www.techspot.com/news/107181-latest-patch-tuesday-accidentally-removes-copilot-app-windows.html
    Microsoft เพิ่งปล่อยอัปเดต Windows 11 ครั้งล่าสุด แต่กลับเกิดปัญหาไม่คาดคิด แอป Copilot ของ Microsoft ที่ช่วยในการใช้งาน AI ถูกถอนการติดตั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ แถมยังมีปัญหาอื่น ๆ เช่น การติดตั้งล้มเหลว และระบบทำงานผิดพลาดจนถึงขั้นบูตไม่ขึ้นในบางกรณี อย่างไรก็ตาม Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบดาวน์โหลดแอปใหม่ผ่าน Microsoft Store และปักหมุดกลับบนแถบงานด้วยตัวเอง แม้จะมีปัญหาใหญ่ แต่บางคนกลับมองว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะใช้ระบบโดยไม่ต้องพึ่งพา AI อย่าง Copilot https://www.techspot.com/news/107181-latest-patch-tuesday-accidentally-removes-copilot-app-windows.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Latest Patch Tuesday accidentally removes Copilot app from Windows, and people want that as a feature
    On March 17, Microsoft released the KB5053598 update for Windows 11, bringing the OS build number to 26100.3476 and introducing the usual batch of changes and security...
    0 Comments 0 Shares 242 Views 0 Reviews
  • test
    test
    0 Comments 0 Shares 267 Views 10 0 Reviews
  • ตอนนี้จีนได้เปิดตัว AI ผู้ช่วยใหม่ที่ชื่อว่า Manus ที่ทำอะไรได้มากกว่าแชตบอตทั่วไป เช่น ช่วยจองตั๋ว หรือแม้แต่สร้างเว็บไซต์ได้เลย โดยตัวนี้เป็นแบบเปิดให้ใช้เฉพาะกลุ่มที่ได้รับเชิญก่อน ทำให้มันยังไม่แพร่หลายเหมือนคู่แข่งอย่าง DeepSeek แต่สิ่งที่พิเศษคือ มันสามารถให้คำตอบในหัวข้อที่อ่อนไหวได้ตรงไปตรงมาแบบไม่เซ็นเซอร์ และยังมีศักยภาพสูงในการช่วยเหลืองานที่ซับซ้อน แม้จะยังมีปัญหาด้านความเร็วและการใช้งานกว้าง ๆ อยู่ก็ตาม

    ศักยภาพของ Manus:
    - เป็น AI ที่สามารถดำเนินงานแทนผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ เช่น จองตั๋วเครื่องบิน หรือจัดการเรซูเม่
    - ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกเซ็นเซอร์ เช่น การตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อ่อนไหวในประเทศจีนอย่างตรงไปตรงมา

    กลยุทธ์ที่แตกต่าง:
    - เปิดให้ใช้งานแบบเชิญเท่านั้น (Invite-only) และมุ่งเป้าที่ลูกค้าองค์กร ทำให้เกิดกระแสพูดถึงในวงจำกัด
    - มีข้อจำกัด เช่น ความล่าช้าในการตอบสนองเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง DeepSeek แต่ Manus สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ดีกว่า เช่น การสร้างเว็บไซต์ที่ออกแบบเฉพาะ

    ความท้าทายและอนาคต:
    - การเติบโตของ Manus จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการขยายตัวให้รองรับความต้องการ การเสริมกำลังประมวลผล และการจัดการปัญหาด้านจริยธรรมและกฎระเบียบ
    - ยังอยู่ในระยะพัฒนา ซึ่งทีมผู้สร้างพยายามแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อให้พร้อมต่อการใช้งานที่กว้างขึ้นในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/17/what-to-know-about-manus-china039s-latest-ai-assistant
    ตอนนี้จีนได้เปิดตัว AI ผู้ช่วยใหม่ที่ชื่อว่า Manus ที่ทำอะไรได้มากกว่าแชตบอตทั่วไป เช่น ช่วยจองตั๋ว หรือแม้แต่สร้างเว็บไซต์ได้เลย โดยตัวนี้เป็นแบบเปิดให้ใช้เฉพาะกลุ่มที่ได้รับเชิญก่อน ทำให้มันยังไม่แพร่หลายเหมือนคู่แข่งอย่าง DeepSeek แต่สิ่งที่พิเศษคือ มันสามารถให้คำตอบในหัวข้อที่อ่อนไหวได้ตรงไปตรงมาแบบไม่เซ็นเซอร์ และยังมีศักยภาพสูงในการช่วยเหลืองานที่ซับซ้อน แม้จะยังมีปัญหาด้านความเร็วและการใช้งานกว้าง ๆ อยู่ก็ตาม ศักยภาพของ Manus: - เป็น AI ที่สามารถดำเนินงานแทนผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ เช่น จองตั๋วเครื่องบิน หรือจัดการเรซูเม่ - ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกเซ็นเซอร์ เช่น การตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อ่อนไหวในประเทศจีนอย่างตรงไปตรงมา กลยุทธ์ที่แตกต่าง: - เปิดให้ใช้งานแบบเชิญเท่านั้น (Invite-only) และมุ่งเป้าที่ลูกค้าองค์กร ทำให้เกิดกระแสพูดถึงในวงจำกัด - มีข้อจำกัด เช่น ความล่าช้าในการตอบสนองเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง DeepSeek แต่ Manus สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ดีกว่า เช่น การสร้างเว็บไซต์ที่ออกแบบเฉพาะ ความท้าทายและอนาคต: - การเติบโตของ Manus จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการขยายตัวให้รองรับความต้องการ การเสริมกำลังประมวลผล และการจัดการปัญหาด้านจริยธรรมและกฎระเบียบ - ยังอยู่ในระยะพัฒนา ซึ่งทีมผู้สร้างพยายามแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อให้พร้อมต่อการใช้งานที่กว้างขึ้นในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/17/what-to-know-about-manus-china039s-latest-ai-assistant
    WWW.THESTAR.COM.MY
    What to know about Manus, China's latest AI assistant
    A powerful new AI tool Manus is making waves in China, fuelling hopes that it could replicate the success of DeepSeek.
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เผยถึงความคืบหน้าในโครงการพัฒนาชิป AI ของ Meta หรือบริษัทแม่ของ Facebook ซึ่งกำลังดำเนินการทดสอบชิปที่ออกแบบมาใช้สำหรับงานปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะ ชิปนี้พัฒนาโดยความร่วมมือกับ TSMC ผู้ผลิตชั้นนำจากไต้หวัน และมีชื่ออยู่ในโปรแกรมที่เรียกว่า Meta Training and Inference Accelerator (MTIA) โดยเป้าหมายสำคัญคือการลดการพึ่งพาอุปกรณ์จาก Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิต GPU รายใหญ่

    == รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับชิป AI ของ Meta ==
    1) การออกแบบเพื่อประสิทธิภาพเฉพาะด้าน ชิปนี้ถูกออกแบบให้เหมาะสำหรับการฝึกและประมวลผลโมเดล AI โดยใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ GPU แบบทั่วไป

    2) การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2023 Meta ได้เปิดตัวชิป AI รุ่นแรกที่รองรับการจัดอันดับและระบบคำแนะนำสำหรับ Facebook และ Instagram จากนั้นในปี 2024 บริษัทได้เผยชิปเวอร์ชันใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพการคำนวณและแบนด์วิดท์หน่วยความจำเป็นสองเท่า

    3) การใช้งานสถาปัตยกรรม RISC-V ชิปนี้ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบโอเพ่นซอร์ส ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการพัฒนา AI ที่ต้องการเสถียรภาพและต้นทุนที่เหมาะสม

    ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแค่ลดต้นทุนการพึ่งพา Nvidia แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เน้นการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง หากการทดสอบสำเร็จลุล่วง Meta วางแผนจะใช้ชิปนี้อย่างเต็มรูปแบบในปีถัดไป เพื่อเสริมศักยภาพระบบ AI ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย


    https://www.techradar.com/pro/meta-powers-ahead-with-conscious-chip-uncoupling-with-nvidia-as-it-tests-its-first-in-house-training-ai-pu
    ข่าวนี้เผยถึงความคืบหน้าในโครงการพัฒนาชิป AI ของ Meta หรือบริษัทแม่ของ Facebook ซึ่งกำลังดำเนินการทดสอบชิปที่ออกแบบมาใช้สำหรับงานปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะ ชิปนี้พัฒนาโดยความร่วมมือกับ TSMC ผู้ผลิตชั้นนำจากไต้หวัน และมีชื่ออยู่ในโปรแกรมที่เรียกว่า Meta Training and Inference Accelerator (MTIA) โดยเป้าหมายสำคัญคือการลดการพึ่งพาอุปกรณ์จาก Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิต GPU รายใหญ่ == รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับชิป AI ของ Meta == 1) การออกแบบเพื่อประสิทธิภาพเฉพาะด้าน ชิปนี้ถูกออกแบบให้เหมาะสำหรับการฝึกและประมวลผลโมเดล AI โดยใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ GPU แบบทั่วไป 2) การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2023 Meta ได้เปิดตัวชิป AI รุ่นแรกที่รองรับการจัดอันดับและระบบคำแนะนำสำหรับ Facebook และ Instagram จากนั้นในปี 2024 บริษัทได้เผยชิปเวอร์ชันใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพการคำนวณและแบนด์วิดท์หน่วยความจำเป็นสองเท่า 3) การใช้งานสถาปัตยกรรม RISC-V ชิปนี้ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบโอเพ่นซอร์ส ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการพัฒนา AI ที่ต้องการเสถียรภาพและต้นทุนที่เหมาะสม ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแค่ลดต้นทุนการพึ่งพา Nvidia แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เน้นการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง หากการทดสอบสำเร็จลุล่วง Meta วางแผนจะใช้ชิปนี้อย่างเต็มรูปแบบในปีถัดไป เพื่อเสริมศักยภาพระบบ AI ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย https://www.techradar.com/pro/meta-powers-ahead-with-conscious-chip-uncoupling-with-nvidia-as-it-tests-its-first-in-house-training-ai-pu
    0 Comments 0 Shares 354 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดตัวของการ์ดจอที่ทรงพลังที่สุดจาก Nvidia ในรุ่น RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่องานระดับมืออาชีพ โดยข้อมูลที่หลุดออกมาระบุว่าการ์ดจอตัวนี้จะมาพร้อม 24,064 CUDA cores และหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 96GB พร้อมระบบ ECC (Error Correction Code) ที่ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลมีความแม่นยำยิ่งขึ้น

    จุดเด่นที่น่าสนใจของ RTX Pro 6000 Blackwell
    1) พลังการประมวลผลสูงสุด
    - มาพร้อมกับการเชื่อมต่อแบบ 512-bit memory interface เพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ประสิทธิภาพสูง เช่น การพัฒนาเกม, การออกแบบ CAD, และงานด้านการเรนเดอร์ระดับสูง

    2) กำลังไฟสูงถึง 600W
    - ใช้พลังงานผ่าน PCIe 5.0 16-pin connector ซึ่งเป็นพลังงานที่สูงมาก แต่เหมาะสมกับศักยภาพที่การ์ดจอตัวนี้นำเสนอ

    3) ระบบระบายความร้อนแบบใหม่
    - แตกต่างจากการ์ดรุ่นก่อนหน้าโดยใช้ dual-flow-through cooling system เพื่อจัดการความร้อนในระหว่างการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

    Nvidia ออกแบบการ์ดจอ RTX Pro 6000 Blackwell สำหรับงานด้าน AI และการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ ซึ่งหน่วยความจำที่สูงถึง 96GB นับว่าเกินความจำเป็นสำหรับงานบางประเภท แต่เหมาะสำหรับนักพัฒนาและนักสร้างสรรค์มืออาชีพ

    มีการคาดการณ์ว่าการ์ดจอตัวนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน GPU Technology Conference (GTC) ในเดือนมีนาคม 2025 โดยราคาน่าจะอยู่ในช่วง 6,000-8,000 ดอลลาร์สหรัฐ

    https://www.techradar.com/pro/details-of-nvidias-fastest-video-card-ever-leak-rtx-pro-6000-blackwell-gpu-will-have-96gb-gddr7-ecc-memory
    ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดตัวของการ์ดจอที่ทรงพลังที่สุดจาก Nvidia ในรุ่น RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่องานระดับมืออาชีพ โดยข้อมูลที่หลุดออกมาระบุว่าการ์ดจอตัวนี้จะมาพร้อม 24,064 CUDA cores และหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 96GB พร้อมระบบ ECC (Error Correction Code) ที่ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลมีความแม่นยำยิ่งขึ้น จุดเด่นที่น่าสนใจของ RTX Pro 6000 Blackwell 1) พลังการประมวลผลสูงสุด - มาพร้อมกับการเชื่อมต่อแบบ 512-bit memory interface เพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ประสิทธิภาพสูง เช่น การพัฒนาเกม, การออกแบบ CAD, และงานด้านการเรนเดอร์ระดับสูง 2) กำลังไฟสูงถึง 600W - ใช้พลังงานผ่าน PCIe 5.0 16-pin connector ซึ่งเป็นพลังงานที่สูงมาก แต่เหมาะสมกับศักยภาพที่การ์ดจอตัวนี้นำเสนอ 3) ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ - แตกต่างจากการ์ดรุ่นก่อนหน้าโดยใช้ dual-flow-through cooling system เพื่อจัดการความร้อนในระหว่างการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ Nvidia ออกแบบการ์ดจอ RTX Pro 6000 Blackwell สำหรับงานด้าน AI และการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ ซึ่งหน่วยความจำที่สูงถึง 96GB นับว่าเกินความจำเป็นสำหรับงานบางประเภท แต่เหมาะสำหรับนักพัฒนาและนักสร้างสรรค์มืออาชีพ มีการคาดการณ์ว่าการ์ดจอตัวนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน GPU Technology Conference (GTC) ในเดือนมีนาคม 2025 โดยราคาน่าจะอยู่ในช่วง 6,000-8,000 ดอลลาร์สหรัฐ https://www.techradar.com/pro/details-of-nvidias-fastest-video-card-ever-leak-rtx-pro-6000-blackwell-gpu-will-have-96gb-gddr7-ecc-memory
    WWW.TECHRADAR.COM
    The RTX Pro 6000 Blackwell GPU is probably going to be Nvidia's most expensive video card ever
    The Nvidia power hungry beast has a 600W TGP, over twice that of the RTX 6000 Ada
    0 Comments 0 Shares 404 Views 0 Reviews
More Results