• “เด็กชายทำลาย SSD 50 ตัว – พ่อสูญเสียพื้นที่เก็บข้อมูล 25TB ท่ามกลางวิกฤต NAND”

    ภาพที่แชร์ในกลุ่ม Facebook “Build a PC is easy” ของเวียดนามเผยให้เห็น SSD Samsung PM991a ขนาด 512GB จำนวน 50 ตัวที่ถูกงอจนใช้การไม่ได้ เด็กชายวัย 10 ปีซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของ ได้ทำการ “ทดสอบความทนทาน” โดยไม่รู้ว่ากำลังทำลายอุปกรณ์ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3,800–4,000 ดอลลาร์

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหน่วยความจำ NAND กำลังเผชิญวิกฤตราคาพุ่งสูง โดยราคาของ SSD และ RAM เพิ่มขึ้นเร็วกว่าทองคำ ทำให้การสูญเสียครั้งนี้ยิ่งเจ็บปวดสำหรับผู้เป็นพ่อที่ถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world” ในโพสต์ต้นทาง

    แม้ SSD ที่ถูกงออาจยังมีบางตัวที่สามารถใช้งานได้ หากชิ้นส่วน PCB ไม่เสียหาย แต่โดยทั่วไปแล้วการบิดงอทำให้โอกาสใช้งานต่อแทบเป็นศูนย์ และหากไม่สามารถซ่อมได้ก็ต้องนำไปรีไซเคิล NAND chips เท่านั้น

    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และเป็นบทเรียนว่าการเก็บรักษาอุปกรณ์ไอทีควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหน่วยความจำทั่วโลกกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เด็กชายวัย 10 ปีทำลาย SSD Samsung PM991a จำนวน 50 ตัว
    แต่ละตัวมีความจุ 512GB รวมทั้งหมดกว่า 25,600GB

    มูลค่าความเสียหายประมาณ 3,800–4,000 ดอลลาร์
    เกิดขึ้นในช่วงที่ราคาหน่วยความจำ NAND พุ่งสูง

    เหตุการณ์ถูกแชร์ในกลุ่ม Facebook เวียดนาม
    เจ้าของถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world”

    ความเสี่ยงต่อการใช้งาน SSD ที่ถูกงอ
    โอกาสใช้งานต่อแทบไม่มี หาก PCB เสียหาย
    ทางออกเดียวคือการรีไซเคิล NAND chips

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/boy-breaks-50-of-his-fathers-samsung-m-2-nvme-ssds-worth-nearly-usd4-000-25-600-gb-of-storage-ruined-by-ten-year-old-oblivious-to-global-nand-crisis
    📰 “เด็กชายทำลาย SSD 50 ตัว – พ่อสูญเสียพื้นที่เก็บข้อมูล 25TB ท่ามกลางวิกฤต NAND” ภาพที่แชร์ในกลุ่ม Facebook “Build a PC is easy” ของเวียดนามเผยให้เห็น SSD Samsung PM991a ขนาด 512GB จำนวน 50 ตัวที่ถูกงอจนใช้การไม่ได้ เด็กชายวัย 10 ปีซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของ ได้ทำการ “ทดสอบความทนทาน” โดยไม่รู้ว่ากำลังทำลายอุปกรณ์ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3,800–4,000 ดอลลาร์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหน่วยความจำ NAND กำลังเผชิญวิกฤตราคาพุ่งสูง โดยราคาของ SSD และ RAM เพิ่มขึ้นเร็วกว่าทองคำ ทำให้การสูญเสียครั้งนี้ยิ่งเจ็บปวดสำหรับผู้เป็นพ่อที่ถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world” ในโพสต์ต้นทาง แม้ SSD ที่ถูกงออาจยังมีบางตัวที่สามารถใช้งานได้ หากชิ้นส่วน PCB ไม่เสียหาย แต่โดยทั่วไปแล้วการบิดงอทำให้โอกาสใช้งานต่อแทบเป็นศูนย์ และหากไม่สามารถซ่อมได้ก็ต้องนำไปรีไซเคิล NAND chips เท่านั้น เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และเป็นบทเรียนว่าการเก็บรักษาอุปกรณ์ไอทีควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหน่วยความจำทั่วโลกกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เด็กชายวัย 10 ปีทำลาย SSD Samsung PM991a จำนวน 50 ตัว ➡️ แต่ละตัวมีความจุ 512GB รวมทั้งหมดกว่า 25,600GB ✅ มูลค่าความเสียหายประมาณ 3,800–4,000 ดอลลาร์ ➡️ เกิดขึ้นในช่วงที่ราคาหน่วยความจำ NAND พุ่งสูง ✅ เหตุการณ์ถูกแชร์ในกลุ่ม Facebook เวียดนาม ➡️ เจ้าของถูกเรียกว่า “the most miserable dad in the world” ‼️ ความเสี่ยงต่อการใช้งาน SSD ที่ถูกงอ ⛔ โอกาสใช้งานต่อแทบไม่มี หาก PCB เสียหาย ⛔ ทางออกเดียวคือการรีไซเคิล NAND chips https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/boy-breaks-50-of-his-fathers-samsung-m-2-nvme-ssds-worth-nearly-usd4-000-25-600-gb-of-storage-ruined-by-ten-year-old-oblivious-to-global-nand-crisis
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • “AI ออกแบบคอมพิวเตอร์เสร็จใน 1 สัปดาห์ – Project Speedrun สร้างสถิติใหม่”

    การออกแบบแผงวงจร (PCB) มักเป็นงานที่ใช้เวลานานและซับซ้อน โดยปกติวิศวกรต้องใช้เวลาหลายเดือนในการวางแผนและทดสอบ แต่ Quilter AI ได้แสดงให้เห็นว่า AI สามารถลดเวลาจาก 430 ชั่วโมงเหลือเพียง 38.5 ชั่วโมง พร้อมสร้างคอมพิวเตอร์ที่บูตระบบปฏิบัติการ Debian ได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของ AI ในการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Quilter AI ไม่ได้ถูกฝึกจากตัวอย่าง PCB ที่มนุษย์ออกแบบมาก่อน แต่ใช้การ “เล่นเกมกับกฎฟิสิกส์” เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ทำให้ระบบไม่ถูกจำกัดด้วยข้อผิดพลาดที่มนุษย์เคยทำ และสามารถสร้างการออกแบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

    การทดลองนี้ยังสะท้อนถึงอนาคตของอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ที่อาจเปิดโอกาสให้ สตาร์ทอัพหรือผู้เล่นรายเล็กเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น เพราะ AI สามารถลดต้นทุนเวลาและแรงงานลงอย่างมหาศาล ทำให้การสร้างคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใหม่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ทีมวิศวกรขนาดใหญ่เสมอไป

    ในระยะยาว Quilter ตั้งเป้าว่า AI จะไม่เพียงแค่ “ทำงานแทนมนุษย์” แต่จะสามารถออกแบบ PCB ที่ดีกว่าที่มนุษย์เคยทำได้ ซึ่งหากสำเร็จจริง อาจเป็นการพลิกโฉมวงการอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตคอมพิวเตอร์ทั่วโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Project Speedrun ของ Quilter AI
    ออกแบบคอมพิวเตอร์ Linux แบบ Dual-PCB มีชิ้นส่วน 843 ชิ้น

    ลดเวลาออกแบบอย่างมหาศาล
    ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ และแรงงานมนุษย์ 38.5 ชั่วโมง จากเดิม 430 ชั่วโมง

    บูต Debian สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก
    แสดงถึงความแม่นยำและประสิทธิภาพของการออกแบบโดย AI

    แนวทางการฝึก AI
    ไม่ใช้ตัวอย่างมนุษย์ แต่เรียนรู้จากกฎฟิสิกส์โดยตรง

    ความท้าทายและความเสี่ยง
    หาก AI ออกแบบผิดพลาด อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อวงจรหรือระบบที่ซับซ้อน
    การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้มนุษย์สูญเสียทักษะการออกแบบเชิงลึก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/dual-pcb-linux-computer-with-843-components-designed-by-ai-boots-on-first-attempt-project-speedrun-was-made-in-just-one-week-and-required-less-than-40-hours-of-human-work
    📰 “AI ออกแบบคอมพิวเตอร์เสร็จใน 1 สัปดาห์ – Project Speedrun สร้างสถิติใหม่” การออกแบบแผงวงจร (PCB) มักเป็นงานที่ใช้เวลานานและซับซ้อน โดยปกติวิศวกรต้องใช้เวลาหลายเดือนในการวางแผนและทดสอบ แต่ Quilter AI ได้แสดงให้เห็นว่า AI สามารถลดเวลาจาก 430 ชั่วโมงเหลือเพียง 38.5 ชั่วโมง พร้อมสร้างคอมพิวเตอร์ที่บูตระบบปฏิบัติการ Debian ได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของ AI ในการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อน สิ่งที่น่าสนใจคือ Quilter AI ไม่ได้ถูกฝึกจากตัวอย่าง PCB ที่มนุษย์ออกแบบมาก่อน แต่ใช้การ “เล่นเกมกับกฎฟิสิกส์” เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ทำให้ระบบไม่ถูกจำกัดด้วยข้อผิดพลาดที่มนุษย์เคยทำ และสามารถสร้างการออกแบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม การทดลองนี้ยังสะท้อนถึงอนาคตของอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ที่อาจเปิดโอกาสให้ สตาร์ทอัพหรือผู้เล่นรายเล็กเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น เพราะ AI สามารถลดต้นทุนเวลาและแรงงานลงอย่างมหาศาล ทำให้การสร้างคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใหม่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ทีมวิศวกรขนาดใหญ่เสมอไป ในระยะยาว Quilter ตั้งเป้าว่า AI จะไม่เพียงแค่ “ทำงานแทนมนุษย์” แต่จะสามารถออกแบบ PCB ที่ดีกว่าที่มนุษย์เคยทำได้ ซึ่งหากสำเร็จจริง อาจเป็นการพลิกโฉมวงการอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตคอมพิวเตอร์ทั่วโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Project Speedrun ของ Quilter AI ➡️ ออกแบบคอมพิวเตอร์ Linux แบบ Dual-PCB มีชิ้นส่วน 843 ชิ้น ✅ ลดเวลาออกแบบอย่างมหาศาล ➡️ ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ และแรงงานมนุษย์ 38.5 ชั่วโมง จากเดิม 430 ชั่วโมง ✅ บูต Debian สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ➡️ แสดงถึงความแม่นยำและประสิทธิภาพของการออกแบบโดย AI ✅ แนวทางการฝึก AI ➡️ ไม่ใช้ตัวอย่างมนุษย์ แต่เรียนรู้จากกฎฟิสิกส์โดยตรง ‼️ ความท้าทายและความเสี่ยง ⛔ หาก AI ออกแบบผิดพลาด อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อวงจรหรือระบบที่ซับซ้อน ⛔ การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้มนุษย์สูญเสียทักษะการออกแบบเชิงลึก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/dual-pcb-linux-computer-with-843-components-designed-by-ai-boots-on-first-attempt-project-speedrun-was-made-in-just-one-week-and-required-less-than-40-hours-of-human-work
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Dual-PCB Linux computer with 843 components designed by AI boots on first attempt — Project Speedrun was made in just one week and required less than 40 hours of human work
    Quilter, the LA-based startup behind this feat, says its dual-PCB Linux computer with 843 components was designed in just one week.
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • การเปิดเผยต้นแบบ RTX Titan Ada

    ต้นแบบการ์ดจอ RTX Titan Ada ของ NVIDIA ที่ไม่เคยถูกวางจำหน่าย ได้ถูกชำแหละโดยนักโอเวอร์คล็อกชื่อดัง Roman "der8auer" Hartung เผยให้เห็นการออกแบบภายในที่ซับซ้อนและวิศวกรรมระดับสูง การ์ดนี้ถูกสร้างขึ้นในยุค RTX 40 Series แต่ไม่เคยเข้าสู่ตลาดจริง ทำให้มันกลายเป็น “ตำนาน” ที่หลายคนสงสัยมานาน

    โครงสร้างและการออกแบบ
    ตัวการ์ดมีขนาดใหญ่แบบ quad-slot พร้อมพัดลม 3 ตัว (สองด้านและหนึ่งตรงกลาง) โครงสร้างคล้ายกับ RTX 5090 Founders Edition แต่แตกต่างตรงที่ PCB ถูกติดตั้งด้านข้างแทนที่จะอยู่ตรงกลาง การ์ดใช้หน่วยความจำ 48GB GDDR7 (12 โมดูลด้านหน้า + 12 โมดูลด้านหลัง) และมีระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อนด้วยท่อความร้อนและแผ่นระบายความร้อนที่สัมผัสกับชิ้นส่วนสำคัญโดยตรง

    พลังงานและการเชื่อมต่อ
    RTX Titan Ada ต้นแบบนี้ใช้ dual 12VHPWR connectors เพื่อรองรับพลังงานมหาศาล และมีการออกแบบพิเศษที่ใช้จุดสัมผัสไฟฟ้าบนตัวคูลเลอร์แทนสายเคเบิลตรงไปยัง PCB นอกจากนี้ยังมีพอร์ตเชื่อมต่อ 3x DisplayPort 1.4a และ 1x HDMI 2.1 ที่ถูกบัดกรีเข้ากับบอร์ดหลักโดยตรง

    ความหมายต่อวงการ GPU
    แม้จะไม่ถูกผลิตจริง แต่การออกแบบของ Titan Ada แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ NVIDIA ในการผลักดันขีดจำกัดด้านวิศวกรรมและพลังงาน การ์ดนี้ถูกมองว่าเป็น “พี่ใหญ่” ของ RTX 5090 และเป็นหนึ่งใน GPU ที่ซับซ้อนที่สุดที่เคยสร้างขึ้น การเปิดเผยครั้งนี้จึงเป็นข้อมูลล้ำค่าแก่ผู้ที่สนใจด้านฮาร์ดแวร์และการออกแบบ GPU

    สรุปสาระสำคัญ
    การ์ดต้นแบบ RTX Titan Ada
    ไม่เคยวางจำหน่ายจริง
    ถูกเปิดเผยโดย der8auer

    โครงสร้างภายใน
    Quad-slot พร้อมพัดลม 3 ตัว
    หน่วยความจำ 48GB GDDR7

    ระบบพลังงานและการเชื่อมต่อ
    Dual 12VHPWR connectors
    พอร์ต 3x DisplayPort + 1x HDMI

    ข้อสังเกต
    การ์ดนี้เป็นเพียงต้นแบบ ไม่พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์
    ขนาดใหญ่และซับซ้อนเกินไปสำหรับตลาดทั่วไป

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/unreleased-rtx-titan-ada-prototype-gets-taken-apart-to-reveal-complex-internal-design-and-assembly-nvidias-mythical-gpu-is-engineered-to-the-max-with-dual-12vhpwr-connectors
    🖥️ การเปิดเผยต้นแบบ RTX Titan Ada ต้นแบบการ์ดจอ RTX Titan Ada ของ NVIDIA ที่ไม่เคยถูกวางจำหน่าย ได้ถูกชำแหละโดยนักโอเวอร์คล็อกชื่อดัง Roman "der8auer" Hartung เผยให้เห็นการออกแบบภายในที่ซับซ้อนและวิศวกรรมระดับสูง การ์ดนี้ถูกสร้างขึ้นในยุค RTX 40 Series แต่ไม่เคยเข้าสู่ตลาดจริง ทำให้มันกลายเป็น “ตำนาน” ที่หลายคนสงสัยมานาน 🔧 โครงสร้างและการออกแบบ ตัวการ์ดมีขนาดใหญ่แบบ quad-slot พร้อมพัดลม 3 ตัว (สองด้านและหนึ่งตรงกลาง) โครงสร้างคล้ายกับ RTX 5090 Founders Edition แต่แตกต่างตรงที่ PCB ถูกติดตั้งด้านข้างแทนที่จะอยู่ตรงกลาง การ์ดใช้หน่วยความจำ 48GB GDDR7 (12 โมดูลด้านหน้า + 12 โมดูลด้านหลัง) และมีระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อนด้วยท่อความร้อนและแผ่นระบายความร้อนที่สัมผัสกับชิ้นส่วนสำคัญโดยตรง ⚡ พลังงานและการเชื่อมต่อ RTX Titan Ada ต้นแบบนี้ใช้ dual 12VHPWR connectors เพื่อรองรับพลังงานมหาศาล และมีการออกแบบพิเศษที่ใช้จุดสัมผัสไฟฟ้าบนตัวคูลเลอร์แทนสายเคเบิลตรงไปยัง PCB นอกจากนี้ยังมีพอร์ตเชื่อมต่อ 3x DisplayPort 1.4a และ 1x HDMI 2.1 ที่ถูกบัดกรีเข้ากับบอร์ดหลักโดยตรง 🚀 ความหมายต่อวงการ GPU แม้จะไม่ถูกผลิตจริง แต่การออกแบบของ Titan Ada แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ NVIDIA ในการผลักดันขีดจำกัดด้านวิศวกรรมและพลังงาน การ์ดนี้ถูกมองว่าเป็น “พี่ใหญ่” ของ RTX 5090 และเป็นหนึ่งใน GPU ที่ซับซ้อนที่สุดที่เคยสร้างขึ้น การเปิดเผยครั้งนี้จึงเป็นข้อมูลล้ำค่าแก่ผู้ที่สนใจด้านฮาร์ดแวร์และการออกแบบ GPU 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การ์ดต้นแบบ RTX Titan Ada ➡️ ไม่เคยวางจำหน่ายจริง ➡️ ถูกเปิดเผยโดย der8auer ✅ โครงสร้างภายใน ➡️ Quad-slot พร้อมพัดลม 3 ตัว ➡️ หน่วยความจำ 48GB GDDR7 ✅ ระบบพลังงานและการเชื่อมต่อ ➡️ Dual 12VHPWR connectors ➡️ พอร์ต 3x DisplayPort + 1x HDMI ‼️ ข้อสังเกต ⛔ การ์ดนี้เป็นเพียงต้นแบบ ไม่พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ ⛔ ขนาดใหญ่และซับซ้อนเกินไปสำหรับตลาดทั่วไป https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/unreleased-rtx-titan-ada-prototype-gets-taken-apart-to-reveal-complex-internal-design-and-assembly-nvidias-mythical-gpu-is-engineered-to-the-max-with-dual-12vhpwr-connectors
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • ด้านมืดของ Nintendo

    บทความจาก SlashGear เปิดเผยด้านมืดของ Nintendo ที่มักถูกมองว่าเป็นบริษัทเกมครอบครัว แต่เบื้องหลังมีหลายกรณีที่เป็นข้อถกเถียง เช่น การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s, การฟ้องร้องคู่แข่ง, การโฆษณาที่แปลกและก้าวร้าวในยุค 90s, ปัญหา Joy-Con Drift ของ Switch, ไปจนถึงการจัดการที่เข้มงวดกับแฟน ๆ และนักพัฒนา.

    Nintendo: เบื้องหลังภาพลักษณ์ครอบครัว
    แม้ Nintendo จะสร้างชื่อเสียงจากเกมอมตะอย่าง Mario และ Zelda และรักษาภาพลักษณ์ครอบครัวมาตลอด แต่ในความเป็นจริงบริษัทก็มีพฤติกรรมเชิงธุรกิจที่เข้มงวดและบางครั้งก่อให้เกิดข้อถกเถียงรุนแรงในวงการเกม.

    การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s
    หลังจากวิกฤตเกมปี 1983 Nintendo ใช้ระบบ 10NES lockout chip บังคับให้ผู้พัฒนาต้องผ่านการอนุญาตและจ่ายค่าลิขสิทธิ์ จำกัดการออกเกมเพียง 5 เกมต่อปี ส่งผลให้บริษัทครองตลาดกว่า 65% ในปี 1987 และทำให้คู่แข่งอย่าง Atari และ Sega ตกต่ำลง.

    กรณี Donkey Kong และการฟ้องร้อง
    เกม Donkey Kong ถูกพัฒนาโดยบริษัท Ikegami Tsushinki แต่ Nintendo สร้าง PCB เพิ่มโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อมาใช้โค้ดที่ reverse-engineer ใน Donkey Kong Jr. จนถูกฟ้องร้องเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ในปี 1983.

    โฆษณาและกลยุทธ์ก้าวร้าว
    ยุค 90s Nintendo ใช้โฆษณาแนว gross-out เช่น Super Mario World 2 ที่มีภาพผู้ชายกินจนท้องแตก รวมถึงการใช้ข้อความอ้างถึงพระเจ้าในโฆษณา N64 ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม.

    ปัญหา Joy-Con Drift และการฟ้องร้อง
    Nintendo Switch แม้จะขายได้กว่า 140 ล้านเครื่อง แต่ก็มีปัญหา Joy-Con Drift ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวผิดพลาด จนบริษัทต้องออกมาขอโทษและเผชิญคดีฟ้องร้องแบบ class action.

    ความสัมพันธ์กับแฟน ๆ และนักพัฒนา
    Nintendo มีชื่อเสียงด้านการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด เช่น การฟ้อง PocketPair เรื่อง Palworld ที่คล้าย Pokémon, การปิด emulator Yuzu และ Ryujinx, รวมถึงการลบวิดีโอ YouTube ของแฟน ๆ ที่ใช้เนื้อหาเกมของบริษัท.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s
    ใช้ 10NES lockout chip และจำกัดการออกเกม

    กรณีละเมิดลิขสิทธิ์ Donkey Kong
    ฟ้องร้องกับ Ikegami Tsushinki

    กลยุทธ์โฆษณาและการตลาด
    โฆษณา gross-out และข้อความก้าวร้าว

    ปัญหาฮาร์ดแวร์และการฟ้องร้อง
    Joy-Con Drift และ class action lawsuits

    ความสัมพันธ์กับแฟน ๆ และนักพัฒนา
    ฟ้อง PocketPair, ปิด emulator, ลบคอนเทนต์แฟน ๆ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานและนักพัฒนา
    Nintendo ปกป้อง IP อย่างเข้มงวด อาจกระทบต่อแฟน ๆ และคอมมูนิตี้
    ปัญหาฮาร์ดแวร์ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจสร้างความไม่พอใจต่อผู้ใช้

    https://www.slashgear.com/1725390/nintendo-shady-side-hidden-controversy-incidents-business-practice-explained/
    🎮 ด้านมืดของ Nintendo บทความจาก SlashGear เปิดเผยด้านมืดของ Nintendo ที่มักถูกมองว่าเป็นบริษัทเกมครอบครัว แต่เบื้องหลังมีหลายกรณีที่เป็นข้อถกเถียง เช่น การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s, การฟ้องร้องคู่แข่ง, การโฆษณาที่แปลกและก้าวร้าวในยุค 90s, ปัญหา Joy-Con Drift ของ Switch, ไปจนถึงการจัดการที่เข้มงวดกับแฟน ๆ และนักพัฒนา. 🎮 Nintendo: เบื้องหลังภาพลักษณ์ครอบครัว แม้ Nintendo จะสร้างชื่อเสียงจากเกมอมตะอย่าง Mario และ Zelda และรักษาภาพลักษณ์ครอบครัวมาตลอด แต่ในความเป็นจริงบริษัทก็มีพฤติกรรมเชิงธุรกิจที่เข้มงวดและบางครั้งก่อให้เกิดข้อถกเถียงรุนแรงในวงการเกม. 🏆 การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s หลังจากวิกฤตเกมปี 1983 Nintendo ใช้ระบบ 10NES lockout chip บังคับให้ผู้พัฒนาต้องผ่านการอนุญาตและจ่ายค่าลิขสิทธิ์ จำกัดการออกเกมเพียง 5 เกมต่อปี ส่งผลให้บริษัทครองตลาดกว่า 65% ในปี 1987 และทำให้คู่แข่งอย่าง Atari และ Sega ตกต่ำลง. 🧩 กรณี Donkey Kong และการฟ้องร้อง เกม Donkey Kong ถูกพัฒนาโดยบริษัท Ikegami Tsushinki แต่ Nintendo สร้าง PCB เพิ่มโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อมาใช้โค้ดที่ reverse-engineer ใน Donkey Kong Jr. จนถูกฟ้องร้องเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ในปี 1983. 📺 โฆษณาและกลยุทธ์ก้าวร้าว ยุค 90s Nintendo ใช้โฆษณาแนว gross-out เช่น Super Mario World 2 ที่มีภาพผู้ชายกินจนท้องแตก รวมถึงการใช้ข้อความอ้างถึงพระเจ้าในโฆษณา N64 ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม. 🎮 ปัญหา Joy-Con Drift และการฟ้องร้อง Nintendo Switch แม้จะขายได้กว่า 140 ล้านเครื่อง แต่ก็มีปัญหา Joy-Con Drift ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวผิดพลาด จนบริษัทต้องออกมาขอโทษและเผชิญคดีฟ้องร้องแบบ class action. 👥 ความสัมพันธ์กับแฟน ๆ และนักพัฒนา Nintendo มีชื่อเสียงด้านการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด เช่น การฟ้อง PocketPair เรื่อง Palworld ที่คล้าย Pokémon, การปิด emulator Yuzu และ Ryujinx, รวมถึงการลบวิดีโอ YouTube ของแฟน ๆ ที่ใช้เนื้อหาเกมของบริษัท. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s ➡️ ใช้ 10NES lockout chip และจำกัดการออกเกม ✅ กรณีละเมิดลิขสิทธิ์ Donkey Kong ➡️ ฟ้องร้องกับ Ikegami Tsushinki ✅ กลยุทธ์โฆษณาและการตลาด ➡️ โฆษณา gross-out และข้อความก้าวร้าว ✅ ปัญหาฮาร์ดแวร์และการฟ้องร้อง ➡️ Joy-Con Drift และ class action lawsuits ✅ ความสัมพันธ์กับแฟน ๆ และนักพัฒนา ➡️ ฟ้อง PocketPair, ปิด emulator, ลบคอนเทนต์แฟน ๆ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานและนักพัฒนา ⛔ Nintendo ปกป้อง IP อย่างเข้มงวด อาจกระทบต่อแฟน ๆ และคอมมูนิตี้ ⛔ ปัญหาฮาร์ดแวร์ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจสร้างความไม่พอใจต่อผู้ใช้ https://www.slashgear.com/1725390/nintendo-shady-side-hidden-controversy-incidents-business-practice-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The Shady Side Of Nintendo: Hidden Controversies & Questionable Incidents - SlashGear
    With mascots like Mario and Link, Nintendo has cultivated one of the most family-friendly reputations in gaming. But the company also has a dark side too.
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • Portable Commodore 64: ความรักในประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์

    นักออกแบบอุตสาหกรรม Kevin Noki ได้สร้างต้นแบบ Commodore 64 Laptop ที่ไม่เคยมีอยู่จริงในยุค 1980 โดยผสมผสานแรงบันดาลใจจาก Commodore 64 bread-bin และ Apple Lisa Portable พร้อมใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง Raspberry Pi 5 และ VICE emulator เพื่อให้เครื่องทำงานได้จริง ถือเป็น “ประวัติศาสตร์ทางเลือก” ที่น่าทึ่งสำหรับแฟนคอมพิวเตอร์คลาสสิก

    ขั้นตอนการสร้าง
    ใช้ 3D design software ออกแบบตัวเครื่อง และพิมพ์ชิ้นส่วนกว่า 30 ชิ้นด้วย Bambu Lab P2S รวมเวลาพิมพ์กว่า 38 ชั่วโมง
    ตัวเครื่องถูกประกอบด้วย superglue และ metal pins ก่อนจะขัด, พ่นสี และตกแต่งด้วยโทนสี beige แบบดั้งเดิมของ C64
    คีย์บอร์ดถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด: พิมพ์ keycaps ด้วยหัวฉีด 0.2mm, ใช้ waterslide transfers สำหรับตัวอักษร และเคลือบด้วย acrylic lacquer เพื่อความทนทาน
    แผงวงจรคีย์บอร์ดผลิตโดย PCBWay พร้อมบัดกรีไดโอดกว่า 60 ตัว และใช้ Raspberry Pi Pico รันเฟิร์มแวร์ QMK เพื่อเชื่อมต่อกับ Pi 5

    ฟีเจอร์และฮาร์ดแวร์
    ใช้ Raspberry Pi 5 รัน VICE emulator แต่ยังรองรับการเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์จริง เช่น 1541 floppy drive และ Datasette cassette ผ่านอะแดปเตอร์ที่สร้างเอง
    จอภาพขนาด 10 นิ้ว อัตราส่วน 4:3 พร้อม bezel หนาแบบยุค 80 และปรับความสว่าง/เสียงด้วยปุ่มหมุนด้านข้าง
    ระบบพลังงานใช้ UPS ราคาประมาณ 10 ดอลลาร์ พร้อมแบตเตอรี่ 18650 ที่เข้าถึงได้ผ่าน trapdoor ใต้เครื่อง
    น้ำหนักรวมประมาณ 4 กิโลกรัม (8 ปอนด์) และบูตเข้าสู่หน้าจอ BASIC ได้ภายใน 11 วินาที

    ประสบการณ์ใช้งาน
    สามารถโหลดเกมดั้งเดิมจาก floppy และ cassette ได้ เช่น Pac-Man
    รองรับ Competition Pro 9-pin joysticks โดยใช้ Python script แปลงสัญญาณ joystick เป็น key presses
    สำหรับการพกพา ผู้สร้างเลือกใช้ SD card ที่บรรจุเกมและแอปพลิเคชัน เพื่อความสะดวกมากกว่าอุปกรณ์จริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การออกแบบและการสร้าง
    ใช้ 3D printing กว่า 30 ชิ้นและคีย์บอร์ด custom
    ผสมผสานดีไซน์ Commodore 64 และ Apple Lisa Portable

    ฮาร์ดแวร์และฟีเจอร์
    Raspberry Pi 5 รัน VICE emulator พร้อมรองรับ floppy และ cassette
    จอ 10 นิ้ว 4:3, ระบบพลังงาน UPS + 18650

    ประสบการณ์ใช้งาน
    โหลดเกมดั้งเดิมได้จริง เช่น Pac-Man
    รองรับ joystick ผ่าน Python script

    คำเตือนและข้อจำกัด
    น้ำหนักเครื่องประมาณ 4 กิโลกรัม อาจไม่สะดวกต่อการพกพา
    แบตเตอรี่ยังไม่ถูกทดสอบเรื่องอายุการใช้งานแบบ untethered

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/this-scratch-built-period-correct-design-portable-commodore-64-is-a-love-letter-to-an-alternate-commodore-history-nokis-cleverly-designed-homage-to-the-era-merges-commodore-apple-and-raspberry-pi
    💻 Portable Commodore 64: ความรักในประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์ นักออกแบบอุตสาหกรรม Kevin Noki ได้สร้างต้นแบบ Commodore 64 Laptop ที่ไม่เคยมีอยู่จริงในยุค 1980 โดยผสมผสานแรงบันดาลใจจาก Commodore 64 bread-bin และ Apple Lisa Portable พร้อมใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง Raspberry Pi 5 และ VICE emulator เพื่อให้เครื่องทำงานได้จริง ถือเป็น “ประวัติศาสตร์ทางเลือก” ที่น่าทึ่งสำหรับแฟนคอมพิวเตอร์คลาสสิก 🛠️ ขั้นตอนการสร้าง 💠 ใช้ 3D design software ออกแบบตัวเครื่อง และพิมพ์ชิ้นส่วนกว่า 30 ชิ้นด้วย Bambu Lab P2S รวมเวลาพิมพ์กว่า 38 ชั่วโมง 💠 ตัวเครื่องถูกประกอบด้วย superglue และ metal pins ก่อนจะขัด, พ่นสี และตกแต่งด้วยโทนสี beige แบบดั้งเดิมของ C64 💠 คีย์บอร์ดถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด: พิมพ์ keycaps ด้วยหัวฉีด 0.2mm, ใช้ waterslide transfers สำหรับตัวอักษร และเคลือบด้วย acrylic lacquer เพื่อความทนทาน 💠 แผงวงจรคีย์บอร์ดผลิตโดย PCBWay พร้อมบัดกรีไดโอดกว่า 60 ตัว และใช้ Raspberry Pi Pico รันเฟิร์มแวร์ QMK เพื่อเชื่อมต่อกับ Pi 5 ⚡ ฟีเจอร์และฮาร์ดแวร์ 💠 ใช้ Raspberry Pi 5 รัน VICE emulator แต่ยังรองรับการเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์จริง เช่น 1541 floppy drive และ Datasette cassette ผ่านอะแดปเตอร์ที่สร้างเอง 💠 จอภาพขนาด 10 นิ้ว อัตราส่วน 4:3 พร้อม bezel หนาแบบยุค 80 และปรับความสว่าง/เสียงด้วยปุ่มหมุนด้านข้าง 💠 ระบบพลังงานใช้ UPS ราคาประมาณ 10 ดอลลาร์ พร้อมแบตเตอรี่ 18650 ที่เข้าถึงได้ผ่าน trapdoor ใต้เครื่อง 💠 น้ำหนักรวมประมาณ 4 กิโลกรัม (8 ปอนด์) และบูตเข้าสู่หน้าจอ BASIC ได้ภายใน 11 วินาที 🎮 ประสบการณ์ใช้งาน 💠 สามารถโหลดเกมดั้งเดิมจาก floppy และ cassette ได้ เช่น Pac-Man 💠 รองรับ Competition Pro 9-pin joysticks โดยใช้ Python script แปลงสัญญาณ joystick เป็น key presses 💠 สำหรับการพกพา ผู้สร้างเลือกใช้ SD card ที่บรรจุเกมและแอปพลิเคชัน เพื่อความสะดวกมากกว่าอุปกรณ์จริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การออกแบบและการสร้าง ➡️ ใช้ 3D printing กว่า 30 ชิ้นและคีย์บอร์ด custom ➡️ ผสมผสานดีไซน์ Commodore 64 และ Apple Lisa Portable ✅ ฮาร์ดแวร์และฟีเจอร์ ➡️ Raspberry Pi 5 รัน VICE emulator พร้อมรองรับ floppy และ cassette ➡️ จอ 10 นิ้ว 4:3, ระบบพลังงาน UPS + 18650 ✅ ประสบการณ์ใช้งาน ➡️ โหลดเกมดั้งเดิมได้จริง เช่น Pac-Man ➡️ รองรับ joystick ผ่าน Python script ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ น้ำหนักเครื่องประมาณ 4 กิโลกรัม อาจไม่สะดวกต่อการพกพา ⛔ แบตเตอรี่ยังไม่ถูกทดสอบเรื่องอายุการใช้งานแบบ untethered https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/this-scratch-built-period-correct-design-portable-commodore-64-is-a-love-letter-to-an-alternate-commodore-history-nokis-cleverly-designed-homage-to-the-era-merges-commodore-apple-and-raspberry-pi
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • "Zotac ปฏิเสธเคลม RTX 5070 Ti อ้าง PCB เสียหาย และเสนอทิ้งการ์ดฟรี"

    กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้รายหนึ่งส่ง RTX 5070 Ti ที่มีปัญหาเสียงพัดลมผิดปกติไปเคลมกับ Zotac แต่บริษัทกลับปฏิเสธการรับประกัน โดยอ้างว่า พบรอยแตกบน PCB ใกล้พอร์ต PCIe ซึ่งไม่สามารถเกิดจากการใช้งานปกติ และสรุปว่าเป็นความเสียหายจากการขนส่งหรือการจัดการภายนอก ทำให้ผู้ใช้ต้องไปยื่นเรื่องกับบริษัทขนส่งแทน

    สิ่งที่สร้างความไม่พอใจคือ Zotac เสนอว่า หากลูกค้าไม่ต้องการรับการ์ดคืน สามารถให้บริษัท “กำจัดทิ้งฟรี” ได้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการดูถูกลูกค้าที่เพิ่งซื้อการ์ดมาเพียง 3 เดือน และเสียเงินไปหลายร้อยดอลลาร์ ทั้งที่ความเสียหายที่เห็นในภาพถ่ายนั้นดูเล็กน้อยและไม่น่าจะกระทบการใช้งานจริง

    กรณีนี้สะท้อนถึงปัญหาที่ผู้ใช้หลายคนเจอจากผู้ผลิต GPU ที่มักปฏิเสธการเคลมด้วยเหตุผลเล็กน้อย เช่น Asus ที่เคยเรียกเก็บค่าซ่อมกว่า 3,350 ดอลลาร์จากรอยจิ๋วบน RTX 5090 หรือ Nvidia ที่บางครั้งใจกว้างกว่า โดยเคยเปลี่ยนการ์ดที่เสียหายจากการใช้งานผิดพลาดให้ลูกค้าโดยตรง

    แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าความเสียหายเกิดจากการขนส่งจริงหรือไม่ แต่กรณีนี้ทำให้ผู้ใช้ตั้งคำถามถึง มาตรฐานการรับประกันของ Zotac และความโปร่งใสในการตรวจสอบสินค้า ว่าบริษัทกำลังปกป้องตัวเองมากกว่าปกป้องลูกค้าหรือไม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่เกิดขึ้น
    ผู้ใช้ส่ง RTX 5070 Ti เคลมเพราะเสียงพัดลมผิดปกติ
    Zotac ปฏิเสธการเคลม อ้าง PCB แตกใกล้พอร์ต PCIe
    เสนอทิ้งการ์ดฟรีหากลูกค้าไม่ต้องการรับคืน

    กรณีคล้ายกันในวงการ
    Asus เคยเรียกเก็บค่าซ่อม $3,350 จากรอยเล็กบน RTX 5090
    Nvidia เคยเปลี่ยนการ์ดให้ลูกค้าแม้เกิดจากการใช้งานผิดพลาด

    ข้อควรระวัง
    การเคลม GPU อาจถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเล็กน้อย
    ความเสียหายจากการขนส่งมักถูกโยนความรับผิดชอบไปที่บริษัทขนส่ง
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบและถ่ายภาพสินค้าเมื่อรับของ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/zotac-denies-rtx-5070-ti-fan-related-rma-and-then-offers-to-dispose-of-the-gpu-free-of-charge-the-company-claims-irreversible-pcb-damage-and-limited-tools-for-repair
    💻 "Zotac ปฏิเสธเคลม RTX 5070 Ti อ้าง PCB เสียหาย และเสนอทิ้งการ์ดฟรี" กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้รายหนึ่งส่ง RTX 5070 Ti ที่มีปัญหาเสียงพัดลมผิดปกติไปเคลมกับ Zotac แต่บริษัทกลับปฏิเสธการรับประกัน โดยอ้างว่า พบรอยแตกบน PCB ใกล้พอร์ต PCIe ซึ่งไม่สามารถเกิดจากการใช้งานปกติ และสรุปว่าเป็นความเสียหายจากการขนส่งหรือการจัดการภายนอก ทำให้ผู้ใช้ต้องไปยื่นเรื่องกับบริษัทขนส่งแทน สิ่งที่สร้างความไม่พอใจคือ Zotac เสนอว่า หากลูกค้าไม่ต้องการรับการ์ดคืน สามารถให้บริษัท “กำจัดทิ้งฟรี” ได้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการดูถูกลูกค้าที่เพิ่งซื้อการ์ดมาเพียง 3 เดือน และเสียเงินไปหลายร้อยดอลลาร์ ทั้งที่ความเสียหายที่เห็นในภาพถ่ายนั้นดูเล็กน้อยและไม่น่าจะกระทบการใช้งานจริง กรณีนี้สะท้อนถึงปัญหาที่ผู้ใช้หลายคนเจอจากผู้ผลิต GPU ที่มักปฏิเสธการเคลมด้วยเหตุผลเล็กน้อย เช่น Asus ที่เคยเรียกเก็บค่าซ่อมกว่า 3,350 ดอลลาร์จากรอยจิ๋วบน RTX 5090 หรือ Nvidia ที่บางครั้งใจกว้างกว่า โดยเคยเปลี่ยนการ์ดที่เสียหายจากการใช้งานผิดพลาดให้ลูกค้าโดยตรง แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าความเสียหายเกิดจากการขนส่งจริงหรือไม่ แต่กรณีนี้ทำให้ผู้ใช้ตั้งคำถามถึง มาตรฐานการรับประกันของ Zotac และความโปร่งใสในการตรวจสอบสินค้า ว่าบริษัทกำลังปกป้องตัวเองมากกว่าปกป้องลูกค้าหรือไม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่เกิดขึ้น ➡️ ผู้ใช้ส่ง RTX 5070 Ti เคลมเพราะเสียงพัดลมผิดปกติ ➡️ Zotac ปฏิเสธการเคลม อ้าง PCB แตกใกล้พอร์ต PCIe ➡️ เสนอทิ้งการ์ดฟรีหากลูกค้าไม่ต้องการรับคืน ✅ กรณีคล้ายกันในวงการ ➡️ Asus เคยเรียกเก็บค่าซ่อม $3,350 จากรอยเล็กบน RTX 5090 ➡️ Nvidia เคยเปลี่ยนการ์ดให้ลูกค้าแม้เกิดจากการใช้งานผิดพลาด ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การเคลม GPU อาจถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเล็กน้อย ⛔ ความเสียหายจากการขนส่งมักถูกโยนความรับผิดชอบไปที่บริษัทขนส่ง ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบและถ่ายภาพสินค้าเมื่อรับของ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/zotac-denies-rtx-5070-ti-fan-related-rma-and-then-offers-to-dispose-of-the-gpu-free-of-charge-the-company-claims-irreversible-pcb-damage-and-limited-tools-for-repair
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • เคสเคลม RTX 5090 ที่กลายเป็นดราม่า

    ข่าวนี้เล่าถึงกรณีผู้ใช้ RTX 5090 ที่ส่งเคลมไปยัง Asus แต่ถูกปฏิเสธการรับประกัน เนื่องจากพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ Asus จึงเสนอค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ ก่อนจะลดให้ 50% หลังจากเจรจายาวนานหลายเดือน

    ผู้ใช้รายหนึ่งส่งการ์ดจอ ROG Astral GeForce RTX 5090 ไปเคลม หลังพบปัญหาจอดับและรีบูตเครื่องบ่อยครั้ง แต่ Asus ปฏิเสธการรับประกัน โดยอ้างว่ามี “surface irregularity” หรือรอยแตกเล็ก ๆ บริเวณขอบ PCB ซึ่งตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น

    ค่าซ่อมแพงกว่าการ์ดใหม่
    Asus แจ้งค่าซ่อมถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 116,000 บาท) ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายอยู่ราว 3,299 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจอย่างมาก และมองว่าเป็นการจัดการที่ไม่เป็นธรรม

    ปัญหาน้ำหนักและดีไซน์
    RTX 5090 มีขนาดใหญ่และหนักถึง 3 กิโลกรัม ทำให้ PCB และขั้วต่อ PCIe ต้องรับแรงกดสูงตลอดเวลา ผู้ใช้รายนี้ยืนยันว่าได้ติดตั้งอย่างระมัดระวังและใช้ขาตั้งเสริม แต่ก็ยังเกิดรอยแตกเล็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาด้านการออกแบบที่อาจเกิดขึ้นกับการ์ดรุ่นใหญ่

    ข้อเสนอส่วนลดหลังการเจรจา
    หลังจากเจรจานานหลายเดือน Asus เสนอส่วนลด 50% ให้ผู้ใช้ แต่กรณีนี้ก็ยังสร้างเสียงวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์ ว่าผู้ผลิตควรหาทางแก้ไขปัญหาดีไซน์และการรับประกันที่ชัดเจนมากกว่านี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Asus ปฏิเสธการรับประกัน RTX 5090
    อ้างพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์

    ค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ
    แพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายในตลาด

    น้ำหนักการ์ดสูงถึง 3 กิโลกรัม
    PCB และขั้วต่อ PCIe เสี่ยงต่อแรงกดและรอยแตก

    Asus เสนอส่วนลด 50% หลังการเจรจา
    แต่ยังถูกวิจารณ์เรื่องความยุติธรรมในการรับประกัน

    ความเสี่ยงจากดีไซน์การ์ดที่ใหญ่และหนักเกินไป
    อาจทำให้ PCB แตกแม้ติดตั้งอย่างระมัดระวัง

    นโยบายการรับประกันที่เข้มงวดเกินไป
    ผู้ใช้เสี่ยงเสียค่าใช้จ่ายสูงแม้ไม่ใช่ความผิดพลาดของตน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-quotes-customer-usd3-350-repair-bill-for-rtx-5090-with-microscopic-surface-irregularity-more-than-the-entire-cards-value-offers-50-percent-discount-after-months-of-haggling
    💻 เคสเคลม RTX 5090 ที่กลายเป็นดราม่า ข่าวนี้เล่าถึงกรณีผู้ใช้ RTX 5090 ที่ส่งเคลมไปยัง Asus แต่ถูกปฏิเสธการรับประกัน เนื่องจากพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ Asus จึงเสนอค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ ก่อนจะลดให้ 50% หลังจากเจรจายาวนานหลายเดือน ผู้ใช้รายหนึ่งส่งการ์ดจอ ROG Astral GeForce RTX 5090 ไปเคลม หลังพบปัญหาจอดับและรีบูตเครื่องบ่อยครั้ง แต่ Asus ปฏิเสธการรับประกัน โดยอ้างว่ามี “surface irregularity” หรือรอยแตกเล็ก ๆ บริเวณขอบ PCB ซึ่งตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น 💰 ค่าซ่อมแพงกว่าการ์ดใหม่ Asus แจ้งค่าซ่อมถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 116,000 บาท) ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายอยู่ราว 3,299 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจอย่างมาก และมองว่าเป็นการจัดการที่ไม่เป็นธรรม 🏋️‍♂️ ปัญหาน้ำหนักและดีไซน์ RTX 5090 มีขนาดใหญ่และหนักถึง 3 กิโลกรัม ทำให้ PCB และขั้วต่อ PCIe ต้องรับแรงกดสูงตลอดเวลา ผู้ใช้รายนี้ยืนยันว่าได้ติดตั้งอย่างระมัดระวังและใช้ขาตั้งเสริม แต่ก็ยังเกิดรอยแตกเล็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาด้านการออกแบบที่อาจเกิดขึ้นกับการ์ดรุ่นใหญ่ 🤝 ข้อเสนอส่วนลดหลังการเจรจา หลังจากเจรจานานหลายเดือน Asus เสนอส่วนลด 50% ให้ผู้ใช้ แต่กรณีนี้ก็ยังสร้างเสียงวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์ ว่าผู้ผลิตควรหาทางแก้ไขปัญหาดีไซน์และการรับประกันที่ชัดเจนมากกว่านี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Asus ปฏิเสธการรับประกัน RTX 5090 ➡️ อ้างพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ ✅ ค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ ➡️ แพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายในตลาด ✅ น้ำหนักการ์ดสูงถึง 3 กิโลกรัม ➡️ PCB และขั้วต่อ PCIe เสี่ยงต่อแรงกดและรอยแตก ✅ Asus เสนอส่วนลด 50% หลังการเจรจา ➡️ แต่ยังถูกวิจารณ์เรื่องความยุติธรรมในการรับประกัน ‼️ ความเสี่ยงจากดีไซน์การ์ดที่ใหญ่และหนักเกินไป ⛔ อาจทำให้ PCB แตกแม้ติดตั้งอย่างระมัดระวัง ‼️ นโยบายการรับประกันที่เข้มงวดเกินไป ⛔ ผู้ใช้เสี่ยงเสียค่าใช้จ่ายสูงแม้ไม่ใช่ความผิดพลาดของตน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-quotes-customer-usd3-350-repair-bill-for-rtx-5090-with-microscopic-surface-irregularity-more-than-the-entire-cards-value-offers-50-percent-discount-after-months-of-haggling
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • อุปกรณ์พกพาเพื่อสาย Embedded

    กลุ่มวิศวกรที่พบกันใน Reddit ได้ร่วมกันสร้าง Linux Platform Kit ซึ่งเป็นอุปกรณ์พกพาแบบโมดูลาร์สำหรับงานพัฒนาและการเรียนรู้ โดยใช้ชิป STM32MP157 และรัน Debian Linux ได้ทันที

    Linux Platform Kit ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือพกพาสำหรับนักพัฒนา Embedded และผู้ที่สนใจทดลองระบบ Linux บนอุปกรณ์จริง จุดเด่นคือสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ที่มีอยู่แล้ว หรือพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ได้โดยตรงบนเครื่อง โดยไม่ต้องพึ่งการคอมไพล์ซ้ำจาก Yocto ตลอดเวลา

    การเชื่อมต่อและการขยายโมดูล
    อุปกรณ์นี้รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย เช่น Ethernet PHY (RGMII), CAN Bus, UART RS485, I2C, I2S, SPI และ GPIO รวมถึงสามารถต่อโมดูลเสริมได้ เช่น LoRa Radio สำหรับ Meshtastic, มัลติมิเตอร์ หรือ Logic Analyzer ทำให้เหมาะทั้งสำหรับงานวิจัยและการเรียนรู้เชิงลึก

    สเปกหลักของ Linux Platform Kit
    MPU: STM32MP157 (Dual-core ARM Cortex-A7 + Cortex-M4)
    หน้าจอ: ทัชสกรีน 4.1 นิ้ว ความละเอียด 480x1080
    RAM: 4GB DDR3
    การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth
    Storage: รองรับ SD Card
    ระบบปฏิบัติการ: Debian Linux (รองรับ Yocto)
    เคส: ออกแบบให้ 3D-print ได้และปรับแต่งเองได้

    โครงการโอเพ่นซอร์สเต็มรูปแบบ
    ทีมผู้สร้างได้เปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดบน GitHub ทั้ง ไฟล์ KiCad สำหรับฮาร์ดแวร์, โมเดล 3D ของเคส และซอฟต์แวร์ พร้อมเชิญชวนผู้สนใจเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา Kernel, PCB Designer, UI Designer หรือ Embedded Engineer

    สรุปประเด็นสำคัญ

    ข้อมูลจากข่าว
    Linux Platform Kit ถูกสร้างโดยกลุ่มวิศวกรที่พบกันใน Reddit
    ใช้ชิป STM32MP157 และรัน Debian Linux ได้ทันที
    รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย เช่น Ethernet, CAN Bus, UART, I2C, SPI
    มีโมดูลเสริม เช่น LoRa Radio, มัลติมิเตอร์, Logic Analyzer
    เปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดบน GitHub

    คำเตือนจากข่าว
    หากไม่อัปเดตหรือปรับแต่งระบบอย่างถูกต้อง อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้กับโมดูลเสริม
    การใช้งานโดยไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัยของโมดูลเสริม อาจเสี่ยงต่อการทำงานผิดพลาด
    ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับ Embedded Linux อาจเจอความซับซ้อนในการตั้งค่าเริ่มต้น

    https://itsfoss.com/news/linux-platform-kit/
    🛠️ อุปกรณ์พกพาเพื่อสาย Embedded กลุ่มวิศวกรที่พบกันใน Reddit ได้ร่วมกันสร้าง Linux Platform Kit ซึ่งเป็นอุปกรณ์พกพาแบบโมดูลาร์สำหรับงานพัฒนาและการเรียนรู้ โดยใช้ชิป STM32MP157 และรัน Debian Linux ได้ทันที Linux Platform Kit ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือพกพาสำหรับนักพัฒนา Embedded และผู้ที่สนใจทดลองระบบ Linux บนอุปกรณ์จริง จุดเด่นคือสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ที่มีอยู่แล้ว หรือพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ได้โดยตรงบนเครื่อง โดยไม่ต้องพึ่งการคอมไพล์ซ้ำจาก Yocto ตลอดเวลา 🔌 การเชื่อมต่อและการขยายโมดูล อุปกรณ์นี้รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย เช่น Ethernet PHY (RGMII), CAN Bus, UART RS485, I2C, I2S, SPI และ GPIO รวมถึงสามารถต่อโมดูลเสริมได้ เช่น LoRa Radio สำหรับ Meshtastic, มัลติมิเตอร์ หรือ Logic Analyzer ทำให้เหมาะทั้งสำหรับงานวิจัยและการเรียนรู้เชิงลึก 📱 สเปกหลักของ Linux Platform Kit 💠 MPU: STM32MP157 (Dual-core ARM Cortex-A7 + Cortex-M4) 💠 หน้าจอ: ทัชสกรีน 4.1 นิ้ว ความละเอียด 480x1080 💠 RAM: 4GB DDR3 💠 การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth 💠 Storage: รองรับ SD Card 💠 ระบบปฏิบัติการ: Debian Linux (รองรับ Yocto) 💠 เคส: ออกแบบให้ 3D-print ได้และปรับแต่งเองได้ 🌍 โครงการโอเพ่นซอร์สเต็มรูปแบบ ทีมผู้สร้างได้เปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดบน GitHub ทั้ง ไฟล์ KiCad สำหรับฮาร์ดแวร์, โมเดล 3D ของเคส และซอฟต์แวร์ พร้อมเชิญชวนผู้สนใจเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา Kernel, PCB Designer, UI Designer หรือ Embedded Engineer 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Linux Platform Kit ถูกสร้างโดยกลุ่มวิศวกรที่พบกันใน Reddit ➡️ ใช้ชิป STM32MP157 และรัน Debian Linux ได้ทันที ➡️ รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย เช่น Ethernet, CAN Bus, UART, I2C, SPI ➡️ มีโมดูลเสริม เช่น LoRa Radio, มัลติมิเตอร์, Logic Analyzer ➡️ เปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดบน GitHub ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ หากไม่อัปเดตหรือปรับแต่งระบบอย่างถูกต้อง อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้กับโมดูลเสริม ⛔ การใช้งานโดยไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัยของโมดูลเสริม อาจเสี่ยงต่อการทำงานผิดพลาด ⛔ ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับ Embedded Linux อาจเจอความซับซ้อนในการตั้งค่าเริ่มต้น https://itsfoss.com/news/linux-platform-kit/
    ITSFOSS.COM
    Reddit Strangers Built an Open Source Linux Handheld, And They Want Your Help
    A fully modular development tool that you can build, modify, and extend yourself.
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • ฉลอง 31 ปี PlayStation ด้วยเมนบอร์ดจิ๋ว

    วันที่ 3 ธันวาคม 1994 คือวันที่ Sony เปิดตัว PlayStation รุ่นแรก และในปีนี้ครบรอบ 31 ปี นักดัดแปลงเครื่องเกม Thedrew ได้สร้างผลงานสุดพิเศษเพื่อฉลอง โดยออกแบบเมนบอร์ดใหม่ของ PS One revision ให้เล็กลงเหลือเพียง 73 x 59 มม. ซึ่งเล็กกว่าของเดิมถึงสี่เท่า แต่ยังคงใช้ชิปดั้งเดิมของ Sony ทั้ง CPU, GPU, SPU, RAM และ BIOS

    ใช้ชิปแท้ ไม่พึ่ง FPGA หรือ Emulator
    สิ่งที่ทำให้โปรเจกต์นี้โดดเด่นคือการเลือกใช้ ฮาร์ดแวร์แท้ของ Sony แทนที่จะใช้ FPGA หรือ SoC ที่จำลองการทำงาน การออกแบบจึงยังคงความเป็น “Original hardware for the win” และสามารถเล่นเกมได้เหมือนเครื่องจริงทุกประการ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกกับงานวิศวกรรมสมัยใหม่

    ขนาดเล็กกว่าที่เคย
    เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน:
    เมนบอร์ด PlayStation รุ่นแรก: ประมาณ 10 x 7 นิ้ว
    เมนบอร์ด PS One: ประมาณ 7.5 x 5.5 นิ้ว
    เมนบอร์ดใหม่ของ Thedrew: น้อยกว่า 3 x 2.5 นิ้ว

    การย่อขนาดนี้ทำให้สามารถนำไปใช้ในโปรเจกต์ใหม่ ๆ ได้หลากหลาย เช่น เครื่องเกมพกพา หรือการออกแบบเคสที่เล็กกะทัดรัด

    ความท้าทายและอนาคตของโปรเจกต์
    แม้จะเป็นต้นแบบที่ใช้งานได้จริง แต่ Thedrew ยังกล่าวว่าต้องการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ความท้าทายคือการรักษาความเสถียรและความทนทานของชิปดั้งเดิมเมื่อถูกบีบอัดลงในพื้นที่เล็กมาก อีกทั้งยังต้องหาวิธีจัดการความร้อนและพลังงานให้เหมาะสม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เมนบอร์ด PS One ถูกย่อเหลือเพียงหนึ่งในสี่ของเดิม
    ขนาดเพียง 73 x 59 มม. เล็กกว่าที่เคย

    ใช้ชิปแท้ของ Sony ทั้งหมด
    CPU, GPU, SPU, RAM และ BIOS ดั้งเดิม

    ยังคงเล่นเกมได้เหมือนเครื่องจริง
    ไม่พึ่ง FPGA หรือ Emulator

    ความท้าทายด้านความทนทานและการจัดการความร้อน
    ต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้ใช้งานได้ระยะยาว

    ยังเป็นเพียงต้นแบบในซีรีส์ Redesign
    อาจมีการปรับปรุงและขยายผลในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/enthusiast-modder-celebrates-playstations-31st-anniversary-in-style-creates-smallest-ever-motherboard-using-genuine-chips-redesigned-pcb-is-less-than-a-quarter-size-of-the-already-dinky-ps-one-revision
    🎉 ฉลอง 31 ปี PlayStation ด้วยเมนบอร์ดจิ๋ว วันที่ 3 ธันวาคม 1994 คือวันที่ Sony เปิดตัว PlayStation รุ่นแรก และในปีนี้ครบรอบ 31 ปี นักดัดแปลงเครื่องเกม Thedrew ได้สร้างผลงานสุดพิเศษเพื่อฉลอง โดยออกแบบเมนบอร์ดใหม่ของ PS One revision ให้เล็กลงเหลือเพียง 73 x 59 มม. ซึ่งเล็กกว่าของเดิมถึงสี่เท่า แต่ยังคงใช้ชิปดั้งเดิมของ Sony ทั้ง CPU, GPU, SPU, RAM และ BIOS 🔧 ใช้ชิปแท้ ไม่พึ่ง FPGA หรือ Emulator สิ่งที่ทำให้โปรเจกต์นี้โดดเด่นคือการเลือกใช้ ฮาร์ดแวร์แท้ของ Sony แทนที่จะใช้ FPGA หรือ SoC ที่จำลองการทำงาน การออกแบบจึงยังคงความเป็น “Original hardware for the win” และสามารถเล่นเกมได้เหมือนเครื่องจริงทุกประการ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกกับงานวิศวกรรมสมัยใหม่ 📏 ขนาดเล็กกว่าที่เคย เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน: 💠 เมนบอร์ด PlayStation รุ่นแรก: ประมาณ 10 x 7 นิ้ว 💠 เมนบอร์ด PS One: ประมาณ 7.5 x 5.5 นิ้ว 💠 เมนบอร์ดใหม่ของ Thedrew: น้อยกว่า 3 x 2.5 นิ้ว การย่อขนาดนี้ทำให้สามารถนำไปใช้ในโปรเจกต์ใหม่ ๆ ได้หลากหลาย เช่น เครื่องเกมพกพา หรือการออกแบบเคสที่เล็กกะทัดรัด ⚠️ ความท้าทายและอนาคตของโปรเจกต์ แม้จะเป็นต้นแบบที่ใช้งานได้จริง แต่ Thedrew ยังกล่าวว่าต้องการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ความท้าทายคือการรักษาความเสถียรและความทนทานของชิปดั้งเดิมเมื่อถูกบีบอัดลงในพื้นที่เล็กมาก อีกทั้งยังต้องหาวิธีจัดการความร้อนและพลังงานให้เหมาะสม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เมนบอร์ด PS One ถูกย่อเหลือเพียงหนึ่งในสี่ของเดิม ➡️ ขนาดเพียง 73 x 59 มม. เล็กกว่าที่เคย ✅ ใช้ชิปแท้ของ Sony ทั้งหมด ➡️ CPU, GPU, SPU, RAM และ BIOS ดั้งเดิม ✅ ยังคงเล่นเกมได้เหมือนเครื่องจริง ➡️ ไม่พึ่ง FPGA หรือ Emulator ‼️ ความท้าทายด้านความทนทานและการจัดการความร้อน ⛔ ต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้ใช้งานได้ระยะยาว ‼️ ยังเป็นเพียงต้นแบบในซีรีส์ Redesign ⛔ อาจมีการปรับปรุงและขยายผลในอนาคต https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/enthusiast-modder-celebrates-playstations-31st-anniversary-in-style-creates-smallest-ever-motherboard-using-genuine-chips-redesigned-pcb-is-less-than-a-quarter-size-of-the-already-dinky-ps-one-revision
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • DOOM บุกโลกการออกแบบ PCB

    ข่าวนี้เล่าถึงการทดลองสุดสร้างสรรค์ ที่นำเกม DOOM มารันในโปรแกรมออกแบบแผงวงจร KiCad จนกลายเป็น “KiDOOM” ที่เล่นได้จริง แม้จะดูแปลกตาและย้อนยุค แต่ก็เป็นการผสมผสานโลกเกมกับวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างน่าทึ่ง

    นักพัฒนา Michael Ayles ได้สร้างโปรเจกต์ชื่อ KiDOOM ซึ่งเป็นการนำเกม DOOM มารันผ่านโปรแกรมออกแบบวงจรไฟฟ้า KiCad โดยใช้ตัวโปรแกรมเป็นตัวเรนเดอร์ภาพ ขณะที่เอนจินเกมทำงานแยกต่างหาก ผลลัพธ์คือการเล่นเกมในหน้าต่างออกแบบ PCB ที่เต็มไปด้วยเส้นลายวงจรแทนกำแพง และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แทนศัตรูและไอเท็มในเกม

    ภาพลักษณ์แบบย้อนยุค
    ภาพที่ได้จาก KiDOOM มีลักษณะคล้ายเกมยุคเวกเตอร์อย่าง Atari Battlezone หรือเครื่อง Vectrex โดยกำแพงถูกแทนด้วยเส้นลายวงจร ส่วนศัตรูถูกแทนด้วยแพ็กเกจชิป 64 ขา และกระสุนหรือไอเท็มต่าง ๆ ถูกแทนด้วยชิ้นส่วน 3 ขา ทำให้บรรยากาศดูเหมือนเกมยุค 80s ผสมกับความคลาสสิกของ DOOM ในปี 1993

    ประสิทธิภาพและการใช้งาน
    แม้จะเป็นการทดลอง แต่ KiDOOM สามารถรันได้จริงที่ความเร็วประมาณ 15–25 FPS บนเครื่อง M1 MacBook Pro และสูงถึง 28 FPS บนเครื่องที่ใช้ i7 + RTX 3050 Ti โดยทุกเฟรมที่แสดงผลยังถือเป็น “การออกแบบ PCB ที่ถูกต้อง” ซึ่งสามารถนำไปผลิตจริงได้ แม้จะไม่สามารถใช้งานวงจรนั้นได้ แต่ก็กลายเป็นของสะสมที่แปลกใหม่สำหรับแฟนเกมและนักอิเล็กทรอนิกส์

    ความหมายต่อวงการเกมและเทคโนโลยี
    การทดลองนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดนิ่งในวงการเกมและเทคโนโลยี ที่ไม่จำกัดอยู่แค่การเล่นเพื่อความบันเทิง แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงโลกวิศวกรรมเข้ากับวัฒนธรรมเกม ทำให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และเปิดมุมมองว่าซอฟต์แวร์สามารถถูกนำไปใช้ในรูปแบบที่ไม่คาดคิด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    โปรเจกต์ KiDOOM
    นำ DOOM มารันในโปรแกรมออกแบบ PCB KiCad
    ใช้เส้นลายวงจรแทนกำแพง และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แทนศัตรู

    ภาพลักษณ์แบบย้อนยุค
    คล้ายเกมเวกเตอร์ Atari Battlezone และ Vectrex
    ศัตรู = ชิป 64 ขา, กระสุน = ชิ้นส่วน 3 ขา

    ประสิทธิภาพการทำงาน
    รันได้ 15–25 FPS บน M1 MacBook Pro
    สูงสุด 28 FPS บน i7 + RTX 3050 Ti

    ความหมายเชิงสร้างสรรค์
    ทุกเฟรมคือ PCB ที่ผลิตได้จริง
    สะท้อนการเชื่อมโยงเกมกับวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/doom-gets-ported-to-board-design-app-transforming-walls-into-pcb-traces-iconic-demons-into-64-pin-packages-and-ammo-into-3-pin-parts-fully-playable-kicad-editor-port-runs-at-up-to-25-fps-on-modern-systems
    🎮 DOOM บุกโลกการออกแบบ PCB ข่าวนี้เล่าถึงการทดลองสุดสร้างสรรค์ ที่นำเกม DOOM มารันในโปรแกรมออกแบบแผงวงจร KiCad จนกลายเป็น “KiDOOM” ที่เล่นได้จริง แม้จะดูแปลกตาและย้อนยุค แต่ก็เป็นการผสมผสานโลกเกมกับวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างน่าทึ่ง นักพัฒนา Michael Ayles ได้สร้างโปรเจกต์ชื่อ KiDOOM ซึ่งเป็นการนำเกม DOOM มารันผ่านโปรแกรมออกแบบวงจรไฟฟ้า KiCad โดยใช้ตัวโปรแกรมเป็นตัวเรนเดอร์ภาพ ขณะที่เอนจินเกมทำงานแยกต่างหาก ผลลัพธ์คือการเล่นเกมในหน้าต่างออกแบบ PCB ที่เต็มไปด้วยเส้นลายวงจรแทนกำแพง และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แทนศัตรูและไอเท็มในเกม ⚡ ภาพลักษณ์แบบย้อนยุค ภาพที่ได้จาก KiDOOM มีลักษณะคล้ายเกมยุคเวกเตอร์อย่าง Atari Battlezone หรือเครื่อง Vectrex โดยกำแพงถูกแทนด้วยเส้นลายวงจร ส่วนศัตรูถูกแทนด้วยแพ็กเกจชิป 64 ขา และกระสุนหรือไอเท็มต่าง ๆ ถูกแทนด้วยชิ้นส่วน 3 ขา ทำให้บรรยากาศดูเหมือนเกมยุค 80s ผสมกับความคลาสสิกของ DOOM ในปี 1993 🖥️ ประสิทธิภาพและการใช้งาน แม้จะเป็นการทดลอง แต่ KiDOOM สามารถรันได้จริงที่ความเร็วประมาณ 15–25 FPS บนเครื่อง M1 MacBook Pro และสูงถึง 28 FPS บนเครื่องที่ใช้ i7 + RTX 3050 Ti โดยทุกเฟรมที่แสดงผลยังถือเป็น “การออกแบบ PCB ที่ถูกต้อง” ซึ่งสามารถนำไปผลิตจริงได้ แม้จะไม่สามารถใช้งานวงจรนั้นได้ แต่ก็กลายเป็นของสะสมที่แปลกใหม่สำหรับแฟนเกมและนักอิเล็กทรอนิกส์ 🌐 ความหมายต่อวงการเกมและเทคโนโลยี การทดลองนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดนิ่งในวงการเกมและเทคโนโลยี ที่ไม่จำกัดอยู่แค่การเล่นเพื่อความบันเทิง แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงโลกวิศวกรรมเข้ากับวัฒนธรรมเกม ทำให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และเปิดมุมมองว่าซอฟต์แวร์สามารถถูกนำไปใช้ในรูปแบบที่ไม่คาดคิด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ โปรเจกต์ KiDOOM ➡️ นำ DOOM มารันในโปรแกรมออกแบบ PCB KiCad ➡️ ใช้เส้นลายวงจรแทนกำแพง และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แทนศัตรู ✅ ภาพลักษณ์แบบย้อนยุค ➡️ คล้ายเกมเวกเตอร์ Atari Battlezone และ Vectrex ➡️ ศัตรู = ชิป 64 ขา, กระสุน = ชิ้นส่วน 3 ขา ✅ ประสิทธิภาพการทำงาน ➡️ รันได้ 15–25 FPS บน M1 MacBook Pro ➡️ สูงสุด 28 FPS บน i7 + RTX 3050 Ti ✅ ความหมายเชิงสร้างสรรค์ ➡️ ทุกเฟรมคือ PCB ที่ผลิตได้จริง ➡️ สะท้อนการเชื่อมโยงเกมกับวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/doom-gets-ported-to-board-design-app-transforming-walls-into-pcb-traces-iconic-demons-into-64-pin-packages-and-ammo-into-3-pin-parts-fully-playable-kicad-editor-port-runs-at-up-to-25-fps-on-modern-systems
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • ASUS ได้ปล่อย ROG Matrix RTX 5090 BIOS แบบ 800W (XOC BIOS)

    BIOS รุ่นพิเศษนี้เดิมทีออกแบบมาสำหรับ ASUS ROG Matrix RTX 5090 ที่มีระบบระบายความร้อนขั้นสูงและ PCB แบบกำหนดเอง แต่ผู้ใช้ในชุมชน Overclock.net ได้ทดลองแฟลชลงบนการ์ดจาก Gigabyte, MSI, Palit และ PNY ผลลัพธ์คือสามารถดันความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นกว่า +200–300 MHz เมื่อเทียบกับ BIOS เดิม

    เงื่อนไขการทำงานและข้อจำกัด
    ไม่ใช่ทุกการ์ดที่สามารถใช้งาน BIOS นี้ได้สำเร็จ โดยเฉพาะรุ่นที่มี ช่องต่อพัดลมเพียง 2 ช่อง เช่น ASUS Astral หรือ TUF ซึ่งไม่สามารถตอบสนองต่อ BIOS ที่ออกแบบมาสำหรับ 3 ช่องต่อพัดลม ทำให้เกิดปัญหาการบูตหรือการทำงานไม่เสถียร

    ความเสี่ยงด้านพลังงานและความร้อน
    การใช้ BIOS 800W ทำให้การ์ดจอใช้พลังงานสูงขึ้นมาก โดยบางกรณีอาจเกินขีดจำกัดของ 16-pin power connector ที่เคยมีปัญหากับ RTX 4090 และ RTX 5090 อยู่แล้ว ผู้ใช้บางรายรายงานว่าแม้จะได้ความเร็วเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับการใช้พลังงานและความร้อนที่สูงขึ้นอย่างมาก

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    แม้จะมีคู่มือการแฟลช BIOS เผยแพร่ในชุมชน แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การแฟลช BIOS ข้ามแบรนด์มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้การ์ดจอเสียหายหรือหมดประกันทันที การโอเวอร์คล็อกในระดับนี้เหมาะสำหรับนักทดลองที่เข้าใจความเสี่ยง ไม่ใช่ผู้ใช้ทั่วไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ASUS ปล่อย ROG Matrix RTX 5090 BIOS 800W
    สามารถแฟลชลงบนการ์ด Gigabyte, MSI, Palit, PNY ได้

    เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาได้กว่า +200–300 MHz
    ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นในการเล่นเกมและงานกราฟิก

    เฉพาะการ์ดที่มี 3 ช่องต่อพัดลม เท่านั้นที่ใช้งานได้เสถียร
    รุ่นที่มี 2 ช่องต่อพัดลม เช่น Astral, TUF ใช้งานไม่ได้

    มีคู่มือการแฟลช BIOS เผยแพร่ในชุมชน Overclock.net
    ใช้คำสั่งผ่าน Command Prompt และ nvflash

    ความเสี่ยงด้านพลังงานและความร้อนสูง
    อาจทำให้ 16-pin power connector เสียหายหรือเกิดปัญหาไฟฟ้า

    การแฟลช BIOS ข้ามแบรนด์เสี่ยงทำให้การ์ดเสียหาย
    หมดประกันทันทีและอาจไม่สามารถใช้งานได้อีก

    https://wccftech.com/asus-800w-rog-matrix-xoc-bios-flashed-rtx-5090-gpus-gigabyte-pny-msi-massive-boost/
    💪 ASUS ได้ปล่อย ROG Matrix RTX 5090 BIOS แบบ 800W (XOC BIOS) BIOS รุ่นพิเศษนี้เดิมทีออกแบบมาสำหรับ ASUS ROG Matrix RTX 5090 ที่มีระบบระบายความร้อนขั้นสูงและ PCB แบบกำหนดเอง แต่ผู้ใช้ในชุมชน Overclock.net ได้ทดลองแฟลชลงบนการ์ดจาก Gigabyte, MSI, Palit และ PNY ผลลัพธ์คือสามารถดันความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นกว่า +200–300 MHz เมื่อเทียบกับ BIOS เดิม 🖥️ เงื่อนไขการทำงานและข้อจำกัด ไม่ใช่ทุกการ์ดที่สามารถใช้งาน BIOS นี้ได้สำเร็จ โดยเฉพาะรุ่นที่มี ช่องต่อพัดลมเพียง 2 ช่อง เช่น ASUS Astral หรือ TUF ซึ่งไม่สามารถตอบสนองต่อ BIOS ที่ออกแบบมาสำหรับ 3 ช่องต่อพัดลม ทำให้เกิดปัญหาการบูตหรือการทำงานไม่เสถียร 🔥 ความเสี่ยงด้านพลังงานและความร้อน การใช้ BIOS 800W ทำให้การ์ดจอใช้พลังงานสูงขึ้นมาก โดยบางกรณีอาจเกินขีดจำกัดของ 16-pin power connector ที่เคยมีปัญหากับ RTX 4090 และ RTX 5090 อยู่แล้ว ผู้ใช้บางรายรายงานว่าแม้จะได้ความเร็วเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับการใช้พลังงานและความร้อนที่สูงขึ้นอย่างมาก 🚨 คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ แม้จะมีคู่มือการแฟลช BIOS เผยแพร่ในชุมชน แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การแฟลช BIOS ข้ามแบรนด์มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้การ์ดจอเสียหายหรือหมดประกันทันที การโอเวอร์คล็อกในระดับนี้เหมาะสำหรับนักทดลองที่เข้าใจความเสี่ยง ไม่ใช่ผู้ใช้ทั่วไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ASUS ปล่อย ROG Matrix RTX 5090 BIOS 800W ➡️ สามารถแฟลชลงบนการ์ด Gigabyte, MSI, Palit, PNY ได้ ✅ เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาได้กว่า +200–300 MHz ➡️ ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นในการเล่นเกมและงานกราฟิก ✅ เฉพาะการ์ดที่มี 3 ช่องต่อพัดลม เท่านั้นที่ใช้งานได้เสถียร ➡️ รุ่นที่มี 2 ช่องต่อพัดลม เช่น Astral, TUF ใช้งานไม่ได้ ✅ มีคู่มือการแฟลช BIOS เผยแพร่ในชุมชน Overclock.net ➡️ ใช้คำสั่งผ่าน Command Prompt และ nvflash ‼️ ความเสี่ยงด้านพลังงานและความร้อนสูง ⛔ อาจทำให้ 16-pin power connector เสียหายหรือเกิดปัญหาไฟฟ้า ‼️ การแฟลช BIOS ข้ามแบรนด์เสี่ยงทำให้การ์ดเสียหาย ⛔ หมดประกันทันทีและอาจไม่สามารถใช้งานได้อีก https://wccftech.com/asus-800w-rog-matrix-xoc-bios-flashed-rtx-5090-gpus-gigabyte-pny-msi-massive-boost/
    WCCFTECH.COM
    ASUS's 800W "ROG Matrix" XOC BIOS Flashed on Several GeForce RTX 5090 GPUs From Gigabyte, PNY, & MSI, Massive Boost In Clocks
    ASUS's 800W XOC BIOS, designed for the ROG Matrix RTX 5090, has been flashed on several custom designs from other AICs.
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • พ่อสร้าง Synth ให้ลูกสาว

    บทความ I Built a Synth for My Daughter โดย Alastair Roberts เล่าประสบการณ์การสร้าง เครื่องสังเคราะห์เสียงแบบพกพา (portable step-sequencer synthesizer) สำหรับลูกสาววัย 3 ขวบ โดยเริ่มจากแรงบันดาลใจจากบอร์ดกิจกรรม Montessori ที่เต็มไปด้วยสวิตช์และไฟ LED จนเกิดไอเดียทำเป็นของเล่นดนตรีที่เด็กสามารถเลื่อนสไลด์เพื่อเปลี่ยนเสียงได้

    จาก Arduino สู่ PCB จริง
    Alastair เริ่มต้นด้วย Arduino Inventors Kit และเขียนโค้ดให้ potentiometer ส่งค่า MIDI ไปยัง Logic Pro เพื่อทดสอบเสียง ต่อมาเขาเพิ่มโมดูล synth ราคาถูก SAM2695 พร้อมลำโพงในตัว และจอ OLED ที่แสดงภาพแพนด้าน้อยเต้นตามจังหวะ แม้จะเจอปัญหาเรื่องหน่วยความจำและการอัปเดตหน้าจอที่ทำให้เสียงหน่วง แต่ก็แก้ไขด้วยการอัปเดตเป็นแพตช์เล็ก ๆ

    การออกแบบและพิมพ์ 3D
    เมื่อวงจรเริ่มเสถียร เขาใช้ Fusion 360 ออกแบบกล่องและพิมพ์ด้วยเครื่อง 3D printer ของเพื่อน หลังจากนั้นจึงพัฒนาเป็น PCB แบบสองชั้น ผ่านบริการ JLCPCB เพื่อให้ประกอบง่ายและทนทานขึ้น พร้อมปรับระบบพลังงานจากแบตเตอรี่ AA 4 ก้อนเป็น 3 ก้อนร่วมกับ Adafruit Miniboost เพื่อให้แรงดันไฟฟ้าเสถียร

    ผลลัพธ์และอนาคต
    Synth ที่สร้างขึ้นกลายเป็นของเล่นที่ลูกสาวชอบเล่นเป็นประจำ และยังเป็นโครงการเรียนรู้ที่ทำให้ Alastair เข้าใจทั้ง microcontroller, CAD, PCB design และการผลิตต้นแบบ เขามองว่าอาจต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์จริง แต่ก็ยอมรับว่ามีอุปสรรคด้านต้นทุนการผลิตและการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แรงบันดาลใจจากบอร์ด Montessori
    นำไปสู่การสร้างของเล่นดนตรีที่เด็กเล่นได้ง่าย

    เริ่มจาก Arduino และ MIDI
    พัฒนาไปสู่ synth module และจอ OLED

    ออกแบบกล่องด้วย Fusion 360 และพิมพ์ 3D
    ต่อมาเปลี่ยนเป็น PCB ที่ทนทานและประกอบง่าย

    ปรับระบบพลังงานให้เสถียรด้วย Miniboost
    ลดน้ำหนักและเพิ่มความทนทานของเครื่อง

    ข้อจำกัดด้านการผลิตเชิงพาณิชย์
    ต้องใช้ทุนสูงและการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย

    ปัญหาทางเทคนิคที่ยังต้องแก้ไข
    เช่น การหน่วงเสียงจากการอัปเดตหน้าจอ OLED

    https://bitsnpieces.dev/posts/a-synth-for-my-daughter/
    🎹 พ่อสร้าง Synth ให้ลูกสาว บทความ I Built a Synth for My Daughter โดย Alastair Roberts เล่าประสบการณ์การสร้าง เครื่องสังเคราะห์เสียงแบบพกพา (portable step-sequencer synthesizer) สำหรับลูกสาววัย 3 ขวบ โดยเริ่มจากแรงบันดาลใจจากบอร์ดกิจกรรม Montessori ที่เต็มไปด้วยสวิตช์และไฟ LED จนเกิดไอเดียทำเป็นของเล่นดนตรีที่เด็กสามารถเลื่อนสไลด์เพื่อเปลี่ยนเสียงได้ 🛠️ จาก Arduino สู่ PCB จริง Alastair เริ่มต้นด้วย Arduino Inventors Kit และเขียนโค้ดให้ potentiometer ส่งค่า MIDI ไปยัง Logic Pro เพื่อทดสอบเสียง ต่อมาเขาเพิ่มโมดูล synth ราคาถูก SAM2695 พร้อมลำโพงในตัว และจอ OLED ที่แสดงภาพแพนด้าน้อยเต้นตามจังหวะ แม้จะเจอปัญหาเรื่องหน่วยความจำและการอัปเดตหน้าจอที่ทำให้เสียงหน่วง แต่ก็แก้ไขด้วยการอัปเดตเป็นแพตช์เล็ก ๆ 🖨️ การออกแบบและพิมพ์ 3D เมื่อวงจรเริ่มเสถียร เขาใช้ Fusion 360 ออกแบบกล่องและพิมพ์ด้วยเครื่อง 3D printer ของเพื่อน หลังจากนั้นจึงพัฒนาเป็น PCB แบบสองชั้น ผ่านบริการ JLCPCB เพื่อให้ประกอบง่ายและทนทานขึ้น พร้อมปรับระบบพลังงานจากแบตเตอรี่ AA 4 ก้อนเป็น 3 ก้อนร่วมกับ Adafruit Miniboost เพื่อให้แรงดันไฟฟ้าเสถียร 🌟 ผลลัพธ์และอนาคต Synth ที่สร้างขึ้นกลายเป็นของเล่นที่ลูกสาวชอบเล่นเป็นประจำ และยังเป็นโครงการเรียนรู้ที่ทำให้ Alastair เข้าใจทั้ง microcontroller, CAD, PCB design และการผลิตต้นแบบ เขามองว่าอาจต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์จริง แต่ก็ยอมรับว่ามีอุปสรรคด้านต้นทุนการผลิตและการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แรงบันดาลใจจากบอร์ด Montessori ➡️ นำไปสู่การสร้างของเล่นดนตรีที่เด็กเล่นได้ง่าย ✅ เริ่มจาก Arduino และ MIDI ➡️ พัฒนาไปสู่ synth module และจอ OLED ✅ ออกแบบกล่องด้วย Fusion 360 และพิมพ์ 3D ➡️ ต่อมาเปลี่ยนเป็น PCB ที่ทนทานและประกอบง่าย ✅ ปรับระบบพลังงานให้เสถียรด้วย Miniboost ➡️ ลดน้ำหนักและเพิ่มความทนทานของเครื่อง ‼️ ข้อจำกัดด้านการผลิตเชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องใช้ทุนสูงและการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ‼️ ปัญหาทางเทคนิคที่ยังต้องแก้ไข ⛔ เช่น การหน่วงเสียงจากการอัปเดตหน้าจอ OLED https://bitsnpieces.dev/posts/a-synth-for-my-daughter/
    BITSNPIECES.DEV
    I Built a Synth for My Daughter
    How I built a portable synthesizer for my three year old daughter.
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • Maxsun เปิดตัวเมนบอร์ด Anime Theme รองรับ Ryzen รุ่นใหม่

    Maxsun เปิดตัว MS-iCraft B850 AIGA motherboard ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับซีพียู AMD Ryzen รุ่นถัดไป โดยมาพร้อมดีไซน์ Anime Theme ที่เป็นเอกลักษณ์ และฟีเจอร์ล้ำสมัยสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและความสวยงาม.

    สเปกและฟีเจอร์เด่น
    เมนบอร์ดรุ่นนี้เป็น ATX form factor ขนาด 305×245 มม. ใช้ระบบพลังงาน 16+2+1 phase power design (50A) พร้อมคอนเนกเตอร์ 8-pin สองชุด รองรับ DDR5 DIMM 4 สล็อต ความจุสูงสุด 256GB ความเร็วถึง 8400 MT/s มี PCIe 5.0 x16 สองช่อง (ทำงานแบบ x8/x8 เมื่อใช้งานคู่กัน), M.2 4 ช่อง (2 ช่อง Gen5x4, 2 ช่อง Gen4x4) และ SATA III 2 ช่อง.

    การเชื่อมต่อและระบบเครือข่าย
    บอร์ดนี้มาพร้อม Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 ผ่านชิป Mediatek MT7925 รวมถึงพอร์ต LAN 5GbE (Realtek RTL8126) มีพอร์ต USB หลากหลายทั้ง USB-C 20Gbps, USB-A 10Gbps, USB 5Gbps และ USB 2.0 ทั้งภายนอกและภายใน นอกจากนี้ยังมีคอนเนกเตอร์สำหรับ ARGB, NRGB, CPU Fan, Pump และ Chassis Fan เพื่อรองรับการปรับแต่งระบบระบายความร้อนและไฟ RGB.

    ดีไซน์ Anime Theme และ BIOS ใหม่
    จุดเด่นคือ Magic of AIGA theme ที่ให้โทนสีดำพร้อมลวดลายอนิเมะบน IO cover, PCH heatsink และด้านหลัง PCB ทำให้เมนบอร์ดดูโดดเด่นสำหรับสายเกมเมอร์และนักสะสม นอกจากนี้ยังมาพร้อม PTM UI BIOS ที่ปรับปรุงอินเทอร์เฟซให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมตัวเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งระบบ.

    สรุปสาระสำคัญ
    Maxsun เปิดตัว MS-iCraft B850 AIGA
    รองรับ AMD Ryzen รุ่นใหม่
    ดีไซน์ Anime Theme โทนดำพร้อมลวดลายอนิเมะ

    สเปกและฟีเจอร์
    ATX form factor, 16+2+1 phase power design
    รองรับ DDR5 256GB, PCIe 5.0, M.2 Gen5/Gen4

    การเชื่อมต่อ
    Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, LAN 5GbE
    USB-C 20Gbps, USB-A 10Gbps และพอร์ตภายในหลากหลาย

    ดีไซน์และ BIOS
    Magic of AIGA theme สไตล์อนิเมะ
    PTM UI BIOS ใช้งานง่ายและมีตัวเลือกใหม่

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
    ดีไซน์ Anime Theme อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการสไตล์เรียบง่าย

    https://wccftech.com/maxsun-ms-icraft-b850-aiga-motherboard-next-gen-amd-ryzen-ready-anime-theme/
    🖥️ Maxsun เปิดตัวเมนบอร์ด Anime Theme รองรับ Ryzen รุ่นใหม่ Maxsun เปิดตัว MS-iCraft B850 AIGA motherboard ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับซีพียู AMD Ryzen รุ่นถัดไป โดยมาพร้อมดีไซน์ Anime Theme ที่เป็นเอกลักษณ์ และฟีเจอร์ล้ำสมัยสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและความสวยงาม. ⚡ สเปกและฟีเจอร์เด่น เมนบอร์ดรุ่นนี้เป็น ATX form factor ขนาด 305×245 มม. ใช้ระบบพลังงาน 16+2+1 phase power design (50A) พร้อมคอนเนกเตอร์ 8-pin สองชุด รองรับ DDR5 DIMM 4 สล็อต ความจุสูงสุด 256GB ความเร็วถึง 8400 MT/s มี PCIe 5.0 x16 สองช่อง (ทำงานแบบ x8/x8 เมื่อใช้งานคู่กัน), M.2 4 ช่อง (2 ช่อง Gen5x4, 2 ช่อง Gen4x4) และ SATA III 2 ช่อง. 🌐 การเชื่อมต่อและระบบเครือข่าย บอร์ดนี้มาพร้อม Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 ผ่านชิป Mediatek MT7925 รวมถึงพอร์ต LAN 5GbE (Realtek RTL8126) มีพอร์ต USB หลากหลายทั้ง USB-C 20Gbps, USB-A 10Gbps, USB 5Gbps และ USB 2.0 ทั้งภายนอกและภายใน นอกจากนี้ยังมีคอนเนกเตอร์สำหรับ ARGB, NRGB, CPU Fan, Pump และ Chassis Fan เพื่อรองรับการปรับแต่งระบบระบายความร้อนและไฟ RGB. 🎨 ดีไซน์ Anime Theme และ BIOS ใหม่ จุดเด่นคือ Magic of AIGA theme ที่ให้โทนสีดำพร้อมลวดลายอนิเมะบน IO cover, PCH heatsink และด้านหลัง PCB ทำให้เมนบอร์ดดูโดดเด่นสำหรับสายเกมเมอร์และนักสะสม นอกจากนี้ยังมาพร้อม PTM UI BIOS ที่ปรับปรุงอินเทอร์เฟซให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมตัวเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งระบบ. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Maxsun เปิดตัว MS-iCraft B850 AIGA ➡️ รองรับ AMD Ryzen รุ่นใหม่ ➡️ ดีไซน์ Anime Theme โทนดำพร้อมลวดลายอนิเมะ ✅ สเปกและฟีเจอร์ ➡️ ATX form factor, 16+2+1 phase power design ➡️ รองรับ DDR5 256GB, PCIe 5.0, M.2 Gen5/Gen4 ✅ การเชื่อมต่อ ➡️ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, LAN 5GbE ➡️ USB-C 20Gbps, USB-A 10Gbps และพอร์ตภายในหลากหลาย ✅ ดีไซน์และ BIOS ➡️ Magic of AIGA theme สไตล์อนิเมะ ➡️ PTM UI BIOS ใช้งานง่ายและมีตัวเลือกใหม่ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ⛔ ดีไซน์ Anime Theme อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการสไตล์เรียบง่าย https://wccftech.com/maxsun-ms-icraft-b850-aiga-motherboard-next-gen-amd-ryzen-ready-anime-theme/
    WCCFTECH.COM
    Maxsun MS-iCraft B850 AIGA Motherboard Is Next-Gen AMD Ryzen Ready & Features Anime Theme
    Maxsun has unveiled its brand new MS-iCraft B850 AIGA motherboard, which it says is ready for AMD's next-gen Ryzen CPUs.
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • “RTX Pro 6000 ราคา $10,000 หักคาเครื่อง – โมดูลาร์แต่ไร้อะไหล่”

    เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยโดยช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ชื่อ NorthridgeFix บน YouTube ซึ่งเล่าว่าลูกค้าของเขา (ยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 40 ล้านคน) ย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ถอดการ์ดออก ทำให้การ์ดจอ RTX Pro 6000 ที่มีน้ำหนักมาก หักคา PCIe slot และกลายเป็น “เศษเหล็กมูลค่า 10,000 ดอลลาร์”

    สิ่งที่น่าผิดหวังคือ แม้การ์ดรุ่นนี้จะถูกออกแบบให้มี โมดูลาร์ดีไซน์ โดยแยก PCB หลักกับ PCB สำหรับเชื่อมต่อ PCIe แต่ Nvidia กลับไม่จัดหาชิ้นส่วนทดแทน ทำให้การ์ดที่ควรจะซ่อมได้ง่าย กลายเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

    เบื้องหลังการออกแบบและปัญหา
    การ์ดรุ่น Blackwell เช่น RTX 5090 และ RTX Pro 6000 ใช้ดีไซน์แบบ สาม PCB เพื่อให้ซ่อมง่ายขึ้น
    แต่ในทางปฏิบัติ Nvidia ไม่จำหน่ายอะไหล่ ทำให้โมดูลาร์ดีไซน์ “ไร้ความหมาย”
    ช่างซ่อมเผยว่าเคยเจอกรณีคล้ายกันกับ RTX 5090 ที่หักตอนติดตั้ง waterblock และหากมีอะไหล่ก็สามารถซ่อมได้ แต่ Nvidiaไม่จัดหา

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์ความเสียหาย
    RTX Pro 6000 ราคา $10,000 หักคา PCIe slot ระหว่างการขนย้าย
    เกิดจากน้ำหนักตัวการ์ดและการไม่ถอดออกก่อนเคลื่อนย้าย

    การออกแบบโมดูลาร์
    ใช้ PCB แยกสำหรับ GPU/VRAM และ PCIe connector
    ถูกออกแบบให้ซ่อมง่าย แต่ Nvidia ไม่จัดหาอะไหล่

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ห้ามเคลื่อนย้ายเครื่องโดยไม่ถอดการ์ดจอออก
    แม้การ์ดจะมีโมดูลาร์ดีไซน์ แต่ไม่สามารถหาซื้ออะไหล่ทดแทนได้
    หากการ์ดเสียหาย อาจต้องพึ่งการเปลี่ยนใหม่ทั้งใบแทนการซ่อม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/usd10-000-rtx-pro-6000-blackwell-workstation-gpu-reportedly-snaps-under-its-own-weight-during-transit-severs-pcie-connector-lack-of-replacement-parts-renders-card-useless-despite-its-modular-design
    💸 “RTX Pro 6000 ราคา $10,000 หักคาเครื่อง – โมดูลาร์แต่ไร้อะไหล่” เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยโดยช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ชื่อ NorthridgeFix บน YouTube ซึ่งเล่าว่าลูกค้าของเขา (ยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 40 ล้านคน) ย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ถอดการ์ดออก ทำให้การ์ดจอ RTX Pro 6000 ที่มีน้ำหนักมาก หักคา PCIe slot และกลายเป็น “เศษเหล็กมูลค่า 10,000 ดอลลาร์” สิ่งที่น่าผิดหวังคือ แม้การ์ดรุ่นนี้จะถูกออกแบบให้มี โมดูลาร์ดีไซน์ โดยแยก PCB หลักกับ PCB สำหรับเชื่อมต่อ PCIe แต่ Nvidia กลับไม่จัดหาชิ้นส่วนทดแทน ทำให้การ์ดที่ควรจะซ่อมได้ง่าย กลายเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป 🛠️ เบื้องหลังการออกแบบและปัญหา 🔰 การ์ดรุ่น Blackwell เช่น RTX 5090 และ RTX Pro 6000 ใช้ดีไซน์แบบ สาม PCB เพื่อให้ซ่อมง่ายขึ้น 🔰 แต่ในทางปฏิบัติ Nvidia ไม่จำหน่ายอะไหล่ ทำให้โมดูลาร์ดีไซน์ “ไร้ความหมาย” 🔰 ช่างซ่อมเผยว่าเคยเจอกรณีคล้ายกันกับ RTX 5090 ที่หักตอนติดตั้ง waterblock และหากมีอะไหล่ก็สามารถซ่อมได้ แต่ Nvidiaไม่จัดหา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์ความเสียหาย ➡️ RTX Pro 6000 ราคา $10,000 หักคา PCIe slot ระหว่างการขนย้าย ➡️ เกิดจากน้ำหนักตัวการ์ดและการไม่ถอดออกก่อนเคลื่อนย้าย ✅ การออกแบบโมดูลาร์ ➡️ ใช้ PCB แยกสำหรับ GPU/VRAM และ PCIe connector ➡️ ถูกออกแบบให้ซ่อมง่าย แต่ Nvidia ไม่จัดหาอะไหล่ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ห้ามเคลื่อนย้ายเครื่องโดยไม่ถอดการ์ดจอออก ⛔ แม้การ์ดจะมีโมดูลาร์ดีไซน์ แต่ไม่สามารถหาซื้ออะไหล่ทดแทนได้ ⛔ หากการ์ดเสียหาย อาจต้องพึ่งการเปลี่ยนใหม่ทั้งใบแทนการซ่อม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/usd10-000-rtx-pro-6000-blackwell-workstation-gpu-reportedly-snaps-under-its-own-weight-during-transit-severs-pcie-connector-lack-of-replacement-parts-renders-card-useless-despite-its-modular-design
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • Musk ปั้นซัพพลายเชนชิปในสหรัฐ: จาก PCB สู่แพ็คเกจชิปขั้นสูง

    วิสัยทัศน์ “TeraFab” ของ Elon Musk เริ่มเห็นรูปธรรม: รายงานระบุว่ากำลังพัฒนาโรงงาน Advanced Packaging แบบ FOPLP ในเท็กซัส โดยมี SpaceX เป็นผู้จัดการเริ่มต้น ผลิตคอมโพเนนต์ RF สำหรับ Starlink เป้าหมายเดินเครื่องผลิตช่วงไตรมาส 3 ปี 2026 เพื่อแก้คอขวดซัพพลายเชนในสหรัฐและยกระดับอินทิเกรชันของโมดูล RF/พาวเวอร์ให้แน่นขึ้น ลดต้นทุนและเวลานำส่ง.

    สิ่งนี้สอดคล้องกับการสร้างฐาน PCB ขนาดมหึมาใน Bastrop, Texas ที่ประกาศว่าจะเป็น “โรงงาน PCB ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ” ผลิตอุปกรณ์ Starlink มหาศาล มีแผนเพิ่มดาวเทียมและลูกค้าอีกมาก โครงสร้างพื้นฐาน PCB ทำให้การต่อยอดสู่ FOPLP เป็นธรรมชาติ ทั้งกระบวนการผลิตมีส่วนร่วมกัน และช่วยเร่งสปรินต์ดีไซน์—ผลิต สำหรับระบบดาวเทียม.

    รายงานอีกฉบับชี้ว่าไลน์ FOPLP อาจใช้แผงขนาด 700×700 มม. ซึ่งท้าทายเรื่องการแอ่น/บิด แต่หากสเกลสำเร็จจะลดต้นทุนอย่างมาก และเพิ่มความเร็วการผลิต นอกจากนี้ การผลิตในประเทศช่วยตอบโจทย์สัญญาเชิงความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับเครือข่ายดาวเทียมที่มีการขยายตัวรวดเร็วของ SpaceX.

    ทั้งหมดตั้งอยู่บนภูมิทัศน์การผลิตที่กว้างขึ้นในเท็กซัส—ตั้งแต่ Starbase ที่เป็นฐานทดสอบ/ผลิต Starship ไปจนถึงฐานอุตสาหกรรมในหลายเมือง โครงสร้างพื้นฐานและแรงงานที่เพิ่มขึ้นช่วยโอบอุ้มแผน vertical integration ของ Musk ให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้นในห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์จาก PCB ถึงแพ็คเกจชิปขั้นสูง.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    FOPLP กำลังมา: โรงงานแพ็คเกจชิปขั้นสูงในเท็กซัส ตั้งเป้าเริ่มผลิต Q3 2026
    โฟกัสแรก: โมดูล RF/พาวเวอร์สำหรับ Starlink แบบแพ็คเกจอินทิเกรตแน่น ลดต้นทุนเวลานำส่ง

    ฐาน PCB มหึมา: Bastrop จะเป็นโรงงาน PCB ใหญ่สุดในสหรัฐ ผลิตอุปกรณ์ Starlink
    ผลกระทบ: เพิ่มความพึ่งพาตนเอง ลดการเอาท์ซอร์สเอเชีย และเร่งขยายเครือข่ายผู้ใช้

    สเกล 700×700 มม.: พยายามสเกล FOPLP บนแผงขนาดใหญ่อุตสาหกรรม
    ข้อดี: หากสำเร็จ ลดต้นทุนและเพิ่ม throughput อย่างมีนัยสำคัญ

    ระบบนิเวศเท็กซัส: โครงสร้างพื้นฐาน Starbase/โรงงานต่างๆ หนุน vertical integration
    ภาพรวม: สายการผลิตในประเทศสอดคล้องข้อกำหนดสัญญารัฐและลดเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

    ความท้าทายเทคนิค: แผง FOPLP ใหญ่เสี่ยงการแอ่น/บิด และ yield ต่ำในช่วงแรก
    แนวทาง: ต้องลงทุนเครื่องมือ/กระบวนการควบคุมความเรียบและความแม่นยำขั้นสูง

    ไทม์ไลน์ผลิต: Q3 2026 เป็นกรอบเริ่มต้นที่อาจเลื่อนจากการติดตั้ง/ปรับจูน
    ข้อควรเฝ้าระวัง: ความพร้อมเครื่องจักร ซัพพลายเออร์ และทีมกระบวนการอาจกระทบกำลังผลิตเริ่มต้น

    https://wccftech.com/elon-musk-dramatic-chip-ambitions-have-already-started-to-play-out/
    🙎‍♂️ Musk ปั้นซัพพลายเชนชิปในสหรัฐ: จาก PCB สู่แพ็คเกจชิปขั้นสูง 🚀 วิสัยทัศน์ “TeraFab” ของ Elon Musk เริ่มเห็นรูปธรรม: รายงานระบุว่ากำลังพัฒนาโรงงาน Advanced Packaging แบบ FOPLP ในเท็กซัส โดยมี SpaceX เป็นผู้จัดการเริ่มต้น ผลิตคอมโพเนนต์ RF สำหรับ Starlink เป้าหมายเดินเครื่องผลิตช่วงไตรมาส 3 ปี 2026 เพื่อแก้คอขวดซัพพลายเชนในสหรัฐและยกระดับอินทิเกรชันของโมดูล RF/พาวเวอร์ให้แน่นขึ้น ลดต้นทุนและเวลานำส่ง. สิ่งนี้สอดคล้องกับการสร้างฐาน PCB ขนาดมหึมาใน Bastrop, Texas ที่ประกาศว่าจะเป็น “โรงงาน PCB ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ” ผลิตอุปกรณ์ Starlink มหาศาล มีแผนเพิ่มดาวเทียมและลูกค้าอีกมาก โครงสร้างพื้นฐาน PCB ทำให้การต่อยอดสู่ FOPLP เป็นธรรมชาติ ทั้งกระบวนการผลิตมีส่วนร่วมกัน และช่วยเร่งสปรินต์ดีไซน์—ผลิต สำหรับระบบดาวเทียม. รายงานอีกฉบับชี้ว่าไลน์ FOPLP อาจใช้แผงขนาด 700×700 มม. ซึ่งท้าทายเรื่องการแอ่น/บิด แต่หากสเกลสำเร็จจะลดต้นทุนอย่างมาก และเพิ่มความเร็วการผลิต นอกจากนี้ การผลิตในประเทศช่วยตอบโจทย์สัญญาเชิงความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับเครือข่ายดาวเทียมที่มีการขยายตัวรวดเร็วของ SpaceX. ทั้งหมดตั้งอยู่บนภูมิทัศน์การผลิตที่กว้างขึ้นในเท็กซัส—ตั้งแต่ Starbase ที่เป็นฐานทดสอบ/ผลิต Starship ไปจนถึงฐานอุตสาหกรรมในหลายเมือง โครงสร้างพื้นฐานและแรงงานที่เพิ่มขึ้นช่วยโอบอุ้มแผน vertical integration ของ Musk ให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้นในห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์จาก PCB ถึงแพ็คเกจชิปขั้นสูง. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ FOPLP กำลังมา: โรงงานแพ็คเกจชิปขั้นสูงในเท็กซัส ตั้งเป้าเริ่มผลิต Q3 2026 ➡️ โฟกัสแรก: โมดูล RF/พาวเวอร์สำหรับ Starlink แบบแพ็คเกจอินทิเกรตแน่น ลดต้นทุนเวลานำส่ง ✅ ฐาน PCB มหึมา: Bastrop จะเป็นโรงงาน PCB ใหญ่สุดในสหรัฐ ผลิตอุปกรณ์ Starlink ➡️ ผลกระทบ: เพิ่มความพึ่งพาตนเอง ลดการเอาท์ซอร์สเอเชีย และเร่งขยายเครือข่ายผู้ใช้ ✅ สเกล 700×700 มม.: พยายามสเกล FOPLP บนแผงขนาดใหญ่อุตสาหกรรม ➡️ ข้อดี: หากสำเร็จ ลดต้นทุนและเพิ่ม throughput อย่างมีนัยสำคัญ ✅ ระบบนิเวศเท็กซัส: โครงสร้างพื้นฐาน Starbase/โรงงานต่างๆ หนุน vertical integration ➡️ ภาพรวม: สายการผลิตในประเทศสอดคล้องข้อกำหนดสัญญารัฐและลดเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ‼️ ความท้าทายเทคนิค: แผง FOPLP ใหญ่เสี่ยงการแอ่น/บิด และ yield ต่ำในช่วงแรก ⛔ แนวทาง: ต้องลงทุนเครื่องมือ/กระบวนการควบคุมความเรียบและความแม่นยำขั้นสูง ‼️ ไทม์ไลน์ผลิต: Q3 2026 เป็นกรอบเริ่มต้นที่อาจเลื่อนจากการติดตั้ง/ปรับจูน ⛔ ข้อควรเฝ้าระวัง: ความพร้อมเครื่องจักร ซัพพลายเออร์ และทีมกระบวนการอาจกระทบกำลังผลิตเริ่มต้น https://wccftech.com/elon-musk-dramatic-chip-ambitions-have-already-started-to-play-out/
    WCCFTECH.COM
    Elon Musk’s Dramatic Chip Ambitions Are Already Taking Shape — And the Early Signs Look Highly Optimistic
    Elon Musk's statements around building up a chip supply were seen as 'ambitious', but it appears that Tesla already has efforts in place.
    0 Comments 0 Shares 417 Views 0 Reviews
  • “รีเฟรช GPU ที่สกปรกที่สุดในโลก! ช่างเทคนิคเผยเบื้องหลังการฟื้นคืนชีพการ์ดจอเก่าจากบ้านนักสูบ”

    ช่างเทคนิค Madness727 แชร์การรีเฟรช Asus 9800GT Matrix ที่ถูกใช้งานในบ้านของนักสูบมานานกว่า 17 ปี จนเต็มไปด้วยคราบนิโคตินและน้ำมันดิน—แต่สุดท้ายกลับฟื้นคืนชีพได้อย่างสมบูรณ์!

    Madness727 นักรีเฟรชฮาร์ดแวร์บน YouTube ได้รับ Asus 9800GT Matrix ที่ดูสะอาดจากภายนอก แต่เมื่อเปิดออกกลับพบว่าภายในเต็มไปด้วยคราบเหนียวจากนิโคตินและน้ำมันดินสะสมมานานหลายปีจากการใช้งานในบ้านของนักสูบ

    เขาเริ่มต้นด้วยการถอดฮีตซิงก์ออก แล้วใช้แปรงสีฟัน น้ำยาขจัดคราบ และน้ำไหลผ่านเพื่อทำความสะอาดเมนบอร์ด จากนั้นใช้ผ้าซับน้ำและเป่าด้วยลม ก่อนจะใช้ไดร์เป่าความร้อนเพื่อไล่ความชื้นออกจากชิปและแรม

    ชิ้นส่วนอื่น ๆ เช่นพัดลมและฮีตซิงก์ถูกล้างด้วยน้ำเช่นกัน ยกเว้นมอเตอร์พัดลมที่ใช้แอลกอฮอล์เช็ด และเติมน้ำมันหล่อลื่นจักรยานเพื่อให้หมุนได้ลื่นขึ้น

    หลังจากประกอบกลับ เขาทดสอบการ์ดบนเมนบอร์ด MSI Z390-A Pro กับ CPU Intel Core i5-9600K และแรม Viper พบว่าการ์ดสามารถทำงานได้จริง แม้จะได้เฟรมเรตเพียง 16 FPS ในเบนช์มาร์ก และ 5 FPS ในเกม Crysis แต่ถือว่า “รอด” อย่างน่าทึ่งสำหรับการ์ดอายุ 17 ปี

    สภาพของ GPU ก่อนรีเฟรช
    Asus 9800GT Matrix อายุ 17 ปี
    ใช้งานในบ้านนักสูบจนเต็มไปด้วยคราบนิโคติน
    ฮีตซิงก์อุดตันจนไม่สามารถระบายความร้อนได้

    ขั้นตอนการรีเฟรช
    ถอดชิ้นส่วนทั้งหมดออก
    ใช้น้ำยาขจัดคราบและน้ำล้างเมนบอร์ด
    เป่าลมและใช้ไดร์เป่าความร้อนไล่ความชื้น
    ล้างพัดลมและฮีตซิงก์ด้วยน้ำ
    เช็ดมอเตอร์พัดลมด้วยแอลกอฮอล์
    เติมน้ำมันหล่อลื่นจักรยานให้พัดลม

    ผลลัพธ์หลังรีเฟรช
    การ์ดกลับมาทำงานได้จริง
    ได้เฟรมเรต 16 FPS ในเบนช์มาร์ก
    ได้ 5 FPS ในเกม Crysis
    ไม่มีรอยขีดข่วนหรือชิ้นส่วนเสียหายบน PCB

    ความประทับใจของช่างเทคนิค
    “มันดูใหม่มาก ไม่มีรอยขีดข่วนเลย”
    “ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ—ไม่มี MLCC หรือตัวต้านทานหายไป”

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/computer-technician-refurbs-gpu-clogged-with-tar-and-nicotine-from-years-of-use-by-a-smoker-i-am-not-blowing-on-that-im-getting-cancer-from-this-says-repair-tech
    🧼 “รีเฟรช GPU ที่สกปรกที่สุดในโลก! ช่างเทคนิคเผยเบื้องหลังการฟื้นคืนชีพการ์ดจอเก่าจากบ้านนักสูบ” ช่างเทคนิค Madness727 แชร์การรีเฟรช Asus 9800GT Matrix ที่ถูกใช้งานในบ้านของนักสูบมานานกว่า 17 ปี จนเต็มไปด้วยคราบนิโคตินและน้ำมันดิน—แต่สุดท้ายกลับฟื้นคืนชีพได้อย่างสมบูรณ์! Madness727 นักรีเฟรชฮาร์ดแวร์บน YouTube ได้รับ Asus 9800GT Matrix ที่ดูสะอาดจากภายนอก แต่เมื่อเปิดออกกลับพบว่าภายในเต็มไปด้วยคราบเหนียวจากนิโคตินและน้ำมันดินสะสมมานานหลายปีจากการใช้งานในบ้านของนักสูบ เขาเริ่มต้นด้วยการถอดฮีตซิงก์ออก แล้วใช้แปรงสีฟัน น้ำยาขจัดคราบ และน้ำไหลผ่านเพื่อทำความสะอาดเมนบอร์ด จากนั้นใช้ผ้าซับน้ำและเป่าด้วยลม ก่อนจะใช้ไดร์เป่าความร้อนเพื่อไล่ความชื้นออกจากชิปและแรม ชิ้นส่วนอื่น ๆ เช่นพัดลมและฮีตซิงก์ถูกล้างด้วยน้ำเช่นกัน ยกเว้นมอเตอร์พัดลมที่ใช้แอลกอฮอล์เช็ด และเติมน้ำมันหล่อลื่นจักรยานเพื่อให้หมุนได้ลื่นขึ้น หลังจากประกอบกลับ เขาทดสอบการ์ดบนเมนบอร์ด MSI Z390-A Pro กับ CPU Intel Core i5-9600K และแรม Viper พบว่าการ์ดสามารถทำงานได้จริง แม้จะได้เฟรมเรตเพียง 16 FPS ในเบนช์มาร์ก และ 5 FPS ในเกม Crysis แต่ถือว่า “รอด” อย่างน่าทึ่งสำหรับการ์ดอายุ 17 ปี ✅ สภาพของ GPU ก่อนรีเฟรช ➡️ Asus 9800GT Matrix อายุ 17 ปี ➡️ ใช้งานในบ้านนักสูบจนเต็มไปด้วยคราบนิโคติน ➡️ ฮีตซิงก์อุดตันจนไม่สามารถระบายความร้อนได้ ✅ ขั้นตอนการรีเฟรช ➡️ ถอดชิ้นส่วนทั้งหมดออก ➡️ ใช้น้ำยาขจัดคราบและน้ำล้างเมนบอร์ด ➡️ เป่าลมและใช้ไดร์เป่าความร้อนไล่ความชื้น ➡️ ล้างพัดลมและฮีตซิงก์ด้วยน้ำ ➡️ เช็ดมอเตอร์พัดลมด้วยแอลกอฮอล์ ➡️ เติมน้ำมันหล่อลื่นจักรยานให้พัดลม ✅ ผลลัพธ์หลังรีเฟรช ➡️ การ์ดกลับมาทำงานได้จริง ➡️ ได้เฟรมเรต 16 FPS ในเบนช์มาร์ก ➡️ ได้ 5 FPS ในเกม Crysis ➡️ ไม่มีรอยขีดข่วนหรือชิ้นส่วนเสียหายบน PCB ✅ ความประทับใจของช่างเทคนิค ➡️ “มันดูใหม่มาก ไม่มีรอยขีดข่วนเลย” ➡️ “ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ—ไม่มี MLCC หรือตัวต้านทานหายไป” https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/computer-technician-refurbs-gpu-clogged-with-tar-and-nicotine-from-years-of-use-by-a-smoker-i-am-not-blowing-on-that-im-getting-cancer-from-this-says-repair-tech
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
  • “เมื่อกราฟิกการ์ดกลายร่างเป็นสเก็ตบอร์ด – ความบ้าระห่ำของเกมเมอร์สายโมดิฟาย”

    ลองจินตนาการว่าคุณเดินเล่นอยู่ริมถนน แล้วเห็นใครบางคนกำลังเล่นสเก็ตบอร์ดที่หน้าตาเหมือนกราฟิกการ์ดราคาแพงสุดโหด… ใช่แล้ว! นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Reddit นามว่า “u/ashleysaidwhat” ได้โพสต์ภาพของเขาเล่นสเก็ตบอร์ดที่ทำจากกราฟิกการ์ดรุ่น ROG Astral RTX 5080 ซึ่งมีราคาสูงถึง $1,700 หรือราวๆ 60,000 บาท!

    แต่เดี๋ยวก่อน… นี่ไม่ใช่การเอาการ์ดที่ยังใช้งานได้มาทำของเล่นนะ เพราะจากภาพที่เห็น Cooler ของการ์ดนั้นโปร่งจนมองทะลุได้ แปลว่าไม่มีแผงวงจร (PCB) อยู่ข้างใน อาจเป็นการ์ดที่เสียแล้ว หรือเป็นของปลอมที่ไม่มีชิปตั้งแต่แรกก็ได้

    แม้จะไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่การเปลี่ยนของแพงให้กลายเป็นของเล่นสุดเท่ก็สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความกล้าหาญของชาวเกมเมอร์สายโมดิฟาย ที่ไม่ยึดติดกับการใช้งานแบบเดิมๆ

    นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากวงการฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสอง, การซ่อมแซมการ์ดด้วยเทคนิค BGA หรือแม้แต่การดัดแปลงการ์ดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยการ “ชุนต์โมดิฟาย” ซึ่งเป็นเทคนิคที่เสี่ยงแต่ได้ผลจริงในบางกรณี

    การ์ด ROG Astral RTX 5080 ถูกดัดแปลงเป็นสเก็ตบอร์ด
    ผู้ใช้ Reddit ชื่อ “u/ashleysaidwhat” เป็นผู้โพสต์ภาพ
    การ์ดไม่มี PCB อาจเป็นของเสียหรือของปลอม
    ราคาการ์ดอยู่ที่ประมาณ $1,700 ถือว่าแพงมาก
    การใช้งานเป็นสเก็ตบอร์ดดูเหมือนจะได้ผลจริง

    ความคิดสร้างสรรค์ของเกมเมอร์สายโมดิฟาย
    เปลี่ยนของไอทีให้กลายเป็นของใช้หรือของเล่น
    สะท้อนวัฒนธรรม DIY และความกล้าทดลอง

    สาระเพิ่มเติมจากวงการฮาร์ดแวร์
    มีการ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสองโดยไม่มีชิป
    เทคนิค BGA ใช้ซ่อมแซมการ์ดที่เสีย
    “ชุนต์โมดิฟาย” เพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้การ์ดแรงขึ้น

    คำเตือนเกี่ยวกับการซื้อการ์ดมือสอง
    อาจเจอของปลอมที่ไม่มีชิปหรือหน่วยความจำ
    ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนซื้อ

    ความเสี่ยงจากการโมดิฟายฮาร์ดแวร์
    อาจทำให้การ์ดเสียหายถาวร
    การเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้ระบบพัง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/radical-gamer-repurposes-usd1-700-rog-atral-rtx-5080-into-a-diy-skateboard-rides-graphics-card-down-the-street-while-walking-dog
    🛹 “เมื่อกราฟิกการ์ดกลายร่างเป็นสเก็ตบอร์ด – ความบ้าระห่ำของเกมเมอร์สายโมดิฟาย” ลองจินตนาการว่าคุณเดินเล่นอยู่ริมถนน แล้วเห็นใครบางคนกำลังเล่นสเก็ตบอร์ดที่หน้าตาเหมือนกราฟิกการ์ดราคาแพงสุดโหด… ใช่แล้ว! นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Reddit นามว่า “u/ashleysaidwhat” ได้โพสต์ภาพของเขาเล่นสเก็ตบอร์ดที่ทำจากกราฟิกการ์ดรุ่น ROG Astral RTX 5080 ซึ่งมีราคาสูงถึง $1,700 หรือราวๆ 60,000 บาท! แต่เดี๋ยวก่อน… นี่ไม่ใช่การเอาการ์ดที่ยังใช้งานได้มาทำของเล่นนะ เพราะจากภาพที่เห็น Cooler ของการ์ดนั้นโปร่งจนมองทะลุได้ แปลว่าไม่มีแผงวงจร (PCB) อยู่ข้างใน อาจเป็นการ์ดที่เสียแล้ว หรือเป็นของปลอมที่ไม่มีชิปตั้งแต่แรกก็ได้ แม้จะไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่การเปลี่ยนของแพงให้กลายเป็นของเล่นสุดเท่ก็สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความกล้าหาญของชาวเกมเมอร์สายโมดิฟาย ที่ไม่ยึดติดกับการใช้งานแบบเดิมๆ นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากวงการฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสอง, การซ่อมแซมการ์ดด้วยเทคนิค BGA หรือแม้แต่การดัดแปลงการ์ดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยการ “ชุนต์โมดิฟาย” ซึ่งเป็นเทคนิคที่เสี่ยงแต่ได้ผลจริงในบางกรณี ✅ การ์ด ROG Astral RTX 5080 ถูกดัดแปลงเป็นสเก็ตบอร์ด ➡️ ผู้ใช้ Reddit ชื่อ “u/ashleysaidwhat” เป็นผู้โพสต์ภาพ ➡️ การ์ดไม่มี PCB อาจเป็นของเสียหรือของปลอม ➡️ ราคาการ์ดอยู่ที่ประมาณ $1,700 ถือว่าแพงมาก ➡️ การใช้งานเป็นสเก็ตบอร์ดดูเหมือนจะได้ผลจริง ✅ ความคิดสร้างสรรค์ของเกมเมอร์สายโมดิฟาย ➡️ เปลี่ยนของไอทีให้กลายเป็นของใช้หรือของเล่น ➡️ สะท้อนวัฒนธรรม DIY และความกล้าทดลอง ✅ สาระเพิ่มเติมจากวงการฮาร์ดแวร์ ➡️ มีการ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสองโดยไม่มีชิป ➡️ เทคนิค BGA ใช้ซ่อมแซมการ์ดที่เสีย ➡️ “ชุนต์โมดิฟาย” เพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้การ์ดแรงขึ้น ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการซื้อการ์ดมือสอง ⛔ อาจเจอของปลอมที่ไม่มีชิปหรือหน่วยความจำ ⛔ ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนซื้อ ‼️ ความเสี่ยงจากการโมดิฟายฮาร์ดแวร์ ⛔ อาจทำให้การ์ดเสียหายถาวร ⛔ การเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้ระบบพัง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/radical-gamer-repurposes-usd1-700-rog-atral-rtx-5080-into-a-diy-skateboard-rides-graphics-card-down-the-street-while-walking-dog
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • โปรเจกต์สุดบ้าระห่ำ: รีเมค Xbox รุ่นต้นแบบจากโลหะทั้งก้อน พร้อมอัปเกรด HDMI และหัวใจดิจิทัล

    กลุ่มนักโมดิฟายสายฮาร์ดคอร์นำต้นแบบ Xbox รุ่นแรกสุดที่เคยมีแค่ในตำนานกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการสร้างเคสจากอลูมิเนียมทั้งก้อน มูลค่ากว่า $6,000 พร้อมใส่ฮาร์ดแวร์จริงจาก Xbox รุ่นดั้งเดิม และอัปเกรดให้ทันสมัยด้วย HDMI และหน้าจอวงกลมตรงกลางที่เคยเป็นแค่ไฟ LED กลายเป็นจอแสดงผลแบบมีแอนิเมชัน!

    เรื่องราวเบื้องหลังโปรเจกต์สุดโหด
    ย้อนกลับไปปี 2001 ก่อนที่ Xbox ตัวจริงจะเปิดตัว Microsoft เคยสร้างต้นแบบที่มีรูปร่างเป็น “X” ขนาดใหญ่ หนักถึง 40 ปอนด์ และใช้เงินสร้างกว่า $18,000 (เทียบเท่า $36,000 ในปัจจุบัน) แต่ไม่เคยวางขายจริง

    Macho Nacho Productions จับมือกับนักโมดิฟายหลายคน สร้าง CAD จากภาพถ่ายต้นฉบับที่จัดแสดงใน Microsoft Experience Center แล้วส่งให้ PCBWay กลึงเคสจากอลูมิเนียมทั้งก้อน พร้อมออกแบบภายในให้ใส่ฮาร์ดแวร์จริงของ Xbox ได้

    นอกจากนั้นยังมีการออกแบบระบบจ่ายไฟใหม่แบบ USB-C PD ที่ปลอดภัยและเล็กลงกว่าเดิม และโมดิฟายซอฟต์แวร์ให้สามารถรัน Homebrew ได้ พร้อมอัปเกรดพอร์ตภาพจาก composite เป็น HDMI

    ไฮไลต์คือ “จิวเวล” ตรงกลางที่เคยเป็นไฟ LED สีเขียว ถูกแทนที่ด้วยหน้าจอวงกลมที่แสดงแอนิเมชันแบบกำหนดเองผ่าน Raspberry Pi Pico 2 ซึ่งจะเปิดเมื่อเครื่องเปิด และดับเมื่อปิดเครื่อง

    สุดท้าย Macho Nacho เตรียมนำเครื่องนี้ไปโชว์ตามงานเกมทั่วโลก พร้อมกล่องพกพาแบบสั่งทำพิเศษ

    Xbox รุ่นต้นแบบถูกสร้างใหม่จากอลูมิเนียมทั้งก้อน
    ใช้ CAD จากภาพถ่ายต้นฉบับใน Microsoft Experience Center
    กลึงโดย PCBWay ด้วยงบประมาณ ~$6,000

    ใช้ฮาร์ดแวร์จริงจาก Xbox รุ่นดั้งเดิม
    มีเมนบอร์ด, ไดรฟ์, คอนโทรลเลอร์ครบ
    โมดิฟายให้รองรับ Homebrew และ HDMI

    ระบบไฟใหม่แบบ USB-C PD
    ปลอดภัยกว่า PSU เดิม
    ใช้เพาเวอร์แบงก์ขนาดเล็กจ่ายไฟได้

    “จิวเวล” กลางเครื่องกลายเป็นหน้าจอวงกลม
    ใช้ Raspberry Pi Pico 2 ควบคุม
    แสดงแอนิเมชันเปิด-ปิดเครื่องแบบกำหนดเอง

    ต้นแบบเดิมของ Xbox ไม่เคยวางขาย
    สร้างเพื่อโชว์ศักยภาพ Microsoft ในตลาดเกม
    มีเพียง 3 เครื่องที่จัดแสดงในสำนักงานทั่วโลก

    การสร้างใหม่ต้องใช้ความร่วมมือหลายฝ่าย
    ต้องวัดขนาดจากกระจกโชว์จริง
    ต้องออกแบบภายในใหม่ทั้งหมดให้ใส่ฮาร์ดแวร์ได้

    https://www.tomshardware.com/video-games/xbox/modders-recreate-original-xbox-prototype-with-a-solid-block-of-metal-in-ambitious-project-modern-makeover-features-real-xbox-hardware-and-hdmi-upgrades
    🎮 โปรเจกต์สุดบ้าระห่ำ: รีเมค Xbox รุ่นต้นแบบจากโลหะทั้งก้อน พร้อมอัปเกรด HDMI และหัวใจดิจิทัล กลุ่มนักโมดิฟายสายฮาร์ดคอร์นำต้นแบบ Xbox รุ่นแรกสุดที่เคยมีแค่ในตำนานกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการสร้างเคสจากอลูมิเนียมทั้งก้อน มูลค่ากว่า $6,000 พร้อมใส่ฮาร์ดแวร์จริงจาก Xbox รุ่นดั้งเดิม และอัปเกรดให้ทันสมัยด้วย HDMI และหน้าจอวงกลมตรงกลางที่เคยเป็นแค่ไฟ LED กลายเป็นจอแสดงผลแบบมีแอนิเมชัน! 🧠 เรื่องราวเบื้องหลังโปรเจกต์สุดโหด ย้อนกลับไปปี 2001 ก่อนที่ Xbox ตัวจริงจะเปิดตัว Microsoft เคยสร้างต้นแบบที่มีรูปร่างเป็น “X” ขนาดใหญ่ หนักถึง 40 ปอนด์ และใช้เงินสร้างกว่า $18,000 (เทียบเท่า $36,000 ในปัจจุบัน) แต่ไม่เคยวางขายจริง Macho Nacho Productions จับมือกับนักโมดิฟายหลายคน สร้าง CAD จากภาพถ่ายต้นฉบับที่จัดแสดงใน Microsoft Experience Center แล้วส่งให้ PCBWay กลึงเคสจากอลูมิเนียมทั้งก้อน พร้อมออกแบบภายในให้ใส่ฮาร์ดแวร์จริงของ Xbox ได้ นอกจากนั้นยังมีการออกแบบระบบจ่ายไฟใหม่แบบ USB-C PD ที่ปลอดภัยและเล็กลงกว่าเดิม และโมดิฟายซอฟต์แวร์ให้สามารถรัน Homebrew ได้ พร้อมอัปเกรดพอร์ตภาพจาก composite เป็น HDMI ไฮไลต์คือ “จิวเวล” ตรงกลางที่เคยเป็นไฟ LED สีเขียว ถูกแทนที่ด้วยหน้าจอวงกลมที่แสดงแอนิเมชันแบบกำหนดเองผ่าน Raspberry Pi Pico 2 ซึ่งจะเปิดเมื่อเครื่องเปิด และดับเมื่อปิดเครื่อง สุดท้าย Macho Nacho เตรียมนำเครื่องนี้ไปโชว์ตามงานเกมทั่วโลก พร้อมกล่องพกพาแบบสั่งทำพิเศษ ✅ Xbox รุ่นต้นแบบถูกสร้างใหม่จากอลูมิเนียมทั้งก้อน ➡️ ใช้ CAD จากภาพถ่ายต้นฉบับใน Microsoft Experience Center ➡️ กลึงโดย PCBWay ด้วยงบประมาณ ~$6,000 ✅ ใช้ฮาร์ดแวร์จริงจาก Xbox รุ่นดั้งเดิม ➡️ มีเมนบอร์ด, ไดรฟ์, คอนโทรลเลอร์ครบ ➡️ โมดิฟายให้รองรับ Homebrew และ HDMI ✅ ระบบไฟใหม่แบบ USB-C PD ➡️ ปลอดภัยกว่า PSU เดิม ➡️ ใช้เพาเวอร์แบงก์ขนาดเล็กจ่ายไฟได้ ✅ “จิวเวล” กลางเครื่องกลายเป็นหน้าจอวงกลม ➡️ ใช้ Raspberry Pi Pico 2 ควบคุม ➡️ แสดงแอนิเมชันเปิด-ปิดเครื่องแบบกำหนดเอง ‼️ ต้นแบบเดิมของ Xbox ไม่เคยวางขาย ⛔ สร้างเพื่อโชว์ศักยภาพ Microsoft ในตลาดเกม ⛔ มีเพียง 3 เครื่องที่จัดแสดงในสำนักงานทั่วโลก ‼️ การสร้างใหม่ต้องใช้ความร่วมมือหลายฝ่าย ⛔ ต้องวัดขนาดจากกระจกโชว์จริง ⛔ ต้องออกแบบภายในใหม่ทั้งหมดให้ใส่ฮาร์ดแวร์ได้ https://www.tomshardware.com/video-games/xbox/modders-recreate-original-xbox-prototype-with-a-solid-block-of-metal-in-ambitious-project-modern-makeover-features-real-xbox-hardware-and-hdmi-upgrades
    0 Comments 0 Shares 317 Views 0 Reviews
  • “Qwertykeys เปิดตัวคีย์บอร์ด QK65 MK3 – ดีไซน์เรโทร พร้อมจอเล่นเกมในตัว!”

    สายคีย์บอร์ด Mechanical ต้องร้องว้าว! เพราะ Qwertykeys กำลังจะเปิดตัว QK65 MK3 รุ่นใหม่ที่ไม่ใช่แค่คีย์บอร์ดธรรมดา แต่มาพร้อม “จอสีขนาดเล็ก” ที่ติดอยู่ด้านขวาของตัวบอร์ด ซึ่งสามารถใช้เล่นเกมในตัวได้เลย!

    จากภาพทีเซอร์บน Instagram และประกาศใน Discord ของแบรนด์ ตัวจอจะเป็นแนวตั้งแบบสี (น่าจะเป็น LCD) และมีปุ่มควบคุมเกมอยู่ใต้จอ รวมถึงปุ่มสไตล์ Game Boy ที่อยู่ด้านบนคล้าย shoulder buttons บนคอนโทรลเลอร์

    ดีไซน์ของ QK65 MK3 มาในโทนเรโทรสุดเท่ สีเทา-เบจ พร้อมแถบสีสันสดใสที่ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องเกมยุค 90 และคอมพิวเตอร์เก่า ๆ แต่ก็ยังคงความหลากหลายในการเลือกสีตามสไตล์ของ Qwertykeys เช่นเดิม

    ในด้านสเปก คีย์บอร์ดนี้ใช้เลย์เอาต์ 65% และคาดว่าจะมีตัวเลือกแผ่น plate หลากหลาย เช่น FR4, อะลูมิเนียม, POM, PC และคาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงตัวเคสอะลูมิเนียมที่เป็นมาตรฐานของแบรนด์ และมีตัวเลือก PCB แบบไร้สายด้วย

    ราคายังไม่เปิดเผย แต่ถ้าอิงจากรุ่นก่อนหน้า QK65 v2 อยู่ที่ $165 และ QK65 v2 Classic อยู่ที่ $175 ก็อาจอยู่ในช่วงใกล้เคียงกัน

    จุดเด่นของ QK65 MK3
    มีจอสีขนาดเล็กติดบนตัวคีย์บอร์ด ใช้เล่นเกมได้
    ปุ่มควบคุมเกมอยู่ใต้จอ และมีปุ่มสไตล์ Game Boy ด้านบน
    ดีไซน์เรโทร สีเทา-เบจ พร้อมแถบสีสันสดใส
    ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องเกมยุค 90 และคอมพิวเตอร์เก่า
    เลย์เอาต์ 65% เหมาะสำหรับสายเกมและงานทั่วไป
    ตัวเคสอะลูมิเนียม แข็งแรงและสวยงาม
    มีตัวเลือก plate หลากหลาย เช่น FR4, POM, PC, คาร์บอนไฟเบอร์
    รองรับ PCB แบบไร้สาย

    ความคาดหวังและการเปิดตัว
    คาดว่าจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้
    ราคาน่าจะใกล้เคียงกับ QK65 v2 ($165–$175)
    มีให้เลือกหลายสีตามสไตล์ของ Qwertykeys
    สร้างกระแสในชุมชน Mechanical Keyboard อย่างรวดเร็ว

    https://www.techpowerup.com/342115/qwertykeys-teases-qk65-mk3-retro-mechanical-keyboard-with-built-in-mini-games
    🎮 “Qwertykeys เปิดตัวคีย์บอร์ด QK65 MK3 – ดีไซน์เรโทร พร้อมจอเล่นเกมในตัว!” สายคีย์บอร์ด Mechanical ต้องร้องว้าว! เพราะ Qwertykeys กำลังจะเปิดตัว QK65 MK3 รุ่นใหม่ที่ไม่ใช่แค่คีย์บอร์ดธรรมดา แต่มาพร้อม “จอสีขนาดเล็ก” ที่ติดอยู่ด้านขวาของตัวบอร์ด ซึ่งสามารถใช้เล่นเกมในตัวได้เลย! จากภาพทีเซอร์บน Instagram และประกาศใน Discord ของแบรนด์ ตัวจอจะเป็นแนวตั้งแบบสี (น่าจะเป็น LCD) และมีปุ่มควบคุมเกมอยู่ใต้จอ รวมถึงปุ่มสไตล์ Game Boy ที่อยู่ด้านบนคล้าย shoulder buttons บนคอนโทรลเลอร์ ดีไซน์ของ QK65 MK3 มาในโทนเรโทรสุดเท่ สีเทา-เบจ พร้อมแถบสีสันสดใสที่ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องเกมยุค 90 และคอมพิวเตอร์เก่า ๆ แต่ก็ยังคงความหลากหลายในการเลือกสีตามสไตล์ของ Qwertykeys เช่นเดิม ในด้านสเปก คีย์บอร์ดนี้ใช้เลย์เอาต์ 65% และคาดว่าจะมีตัวเลือกแผ่น plate หลากหลาย เช่น FR4, อะลูมิเนียม, POM, PC และคาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงตัวเคสอะลูมิเนียมที่เป็นมาตรฐานของแบรนด์ และมีตัวเลือก PCB แบบไร้สายด้วย ราคายังไม่เปิดเผย แต่ถ้าอิงจากรุ่นก่อนหน้า QK65 v2 อยู่ที่ $165 และ QK65 v2 Classic อยู่ที่ $175 ก็อาจอยู่ในช่วงใกล้เคียงกัน ✅ จุดเด่นของ QK65 MK3 ➡️ มีจอสีขนาดเล็กติดบนตัวคีย์บอร์ด ใช้เล่นเกมได้ ➡️ ปุ่มควบคุมเกมอยู่ใต้จอ และมีปุ่มสไตล์ Game Boy ด้านบน ➡️ ดีไซน์เรโทร สีเทา-เบจ พร้อมแถบสีสันสดใส ➡️ ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องเกมยุค 90 และคอมพิวเตอร์เก่า ➡️ เลย์เอาต์ 65% เหมาะสำหรับสายเกมและงานทั่วไป ➡️ ตัวเคสอะลูมิเนียม แข็งแรงและสวยงาม ➡️ มีตัวเลือก plate หลากหลาย เช่น FR4, POM, PC, คาร์บอนไฟเบอร์ ➡️ รองรับ PCB แบบไร้สาย ✅ ความคาดหวังและการเปิดตัว ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ ➡️ ราคาน่าจะใกล้เคียงกับ QK65 v2 ($165–$175) ➡️ มีให้เลือกหลายสีตามสไตล์ของ Qwertykeys ➡️ สร้างกระแสในชุมชน Mechanical Keyboard อย่างรวดเร็ว https://www.techpowerup.com/342115/qwertykeys-teases-qk65-mk3-retro-mechanical-keyboard-with-built-in-mini-games
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Qwertykeys Teases QK65 MK3: Retro Mechanical Keyboard With Built-In Mini Games
    One of the weirder gimmicks to come out of the enthusiast keyboard market is mini displays on keyboards, generally used to display anything from keyboard battery life and connectivity or OS modes to typing speed. The Qwertykeys QK65 MK3, however, takes the idea of a keyboard-mounted display to the n...
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 Reviews
  • ครั้งหนึ่งในชีวิต! ล่องเรือรอบโลก เที่ยวครบ 5 ทวีป สัมผัส 25 ประเทศ บนเส้นทางจากญี่ปุ่นถึงนิวยอร์ก ผ่านยุโรปเหนือ–ใต้สุดอลังการ

    🛳 แพ็คเกจ ล่องเรือสำราญ Peace Boat Pacific World ลำที่123 Cruise Only, 105 วัน 104 คืน

    🗓 วันที่ 7 เม.ย. - 20 ก.ค. 2569

    เส้นทาง : ขึ้น-ลง โยโกฮาม่า ญี่ปุ่น การเดินทางอันยิ่งใหญ่สู่ดินแดนเหนือสุดขั้วโลก

    โปรโมชั่นพิเศษ ชำระยอดเต็มเต็มภายใน 31 ตุลาคม 2568
    ปกติราคาเริ่มต้น 574,000 ลดเหลือ 387,000 บาท

    ค่าที่พักตลอดการเดินทาง (ห้องพักบนเรือสําราญ)
    อาหาร 5 มื้อต่อวัน และน้ำเปล่า (ไม่รวมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์)
    กิจกรรม แลกเปลี่ยน และเรียนรู้วัฒนธรรมบนเรือ
    สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องคาราโอเกะ

    รหัสแพคเกจทัวร์ : PCBP-105D104N-YOK-YOK-2604071
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/efb48f

    ดูเรือ Peace Boat ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/e4a501

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือPeaceBoat #PeaceBoatPacificWorld #PeaceBoat #Europe #Asia #America #Honolulu #Greece #Santorini #Norway #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #ล่องเรือรอบโลก #CruiseDomain
    🌍 ครั้งหนึ่งในชีวิต! ล่องเรือรอบโลก เที่ยวครบ 5 ทวีป สัมผัส 25 ประเทศ บนเส้นทางจากญี่ปุ่นถึงนิวยอร์ก ผ่านยุโรปเหนือ–ใต้สุดอลังการ 🗽 🛳 แพ็คเกจ ล่องเรือสำราญ Peace Boat Pacific World ลำที่123 Cruise Only, 105 วัน 104 คืน 🗓 วันที่ 7 เม.ย. - 20 ก.ค. 2569 📍 เส้นทาง : ขึ้น-ลง โยโกฮาม่า ญี่ปุ่น การเดินทางอันยิ่งใหญ่สู่ดินแดนเหนือสุดขั้วโลก ❄️☃️ โปรโมชั่นพิเศษ ชำระยอดเต็มเต็มภายใน 31 ตุลาคม 2568 💰 ปกติราคาเริ่มต้น 574,000 ลดเหลือ 387,000 บาท ✅ ค่าที่พักตลอดการเดินทาง (ห้องพักบนเรือสําราญ) ✅ อาหาร 5 มื้อต่อวัน และน้ำเปล่า (ไม่รวมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์) ✅ กิจกรรม แลกเปลี่ยน และเรียนรู้วัฒนธรรมบนเรือ ✅ สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องคาราโอเกะ ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : PCBP-105D104N-YOK-YOK-2604071 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/efb48f ดูเรือ Peace Boat ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/e4a501 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือPeaceBoat #PeaceBoatPacificWorld #PeaceBoat #Europe #Asia #America #Honolulu #Greece #Santorini #Norway #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #ล่องเรือรอบโลก #CruiseDomain
    0 Comments 0 Shares 862 Views 0 Reviews
  • รถกระบะเจตนาไม่ต้องการช่วยเหลือชัดเจน,หมายจะฆ่าซ้ำด้วยแบบนั่งเฉยๆรอให้ตายเอง,คนมา มันจึงถอยหลังให้ ซึ่งสมควรถอยหลังทันทีเมื่อขึ้นรถไปแล้ว,ถ้าเกิดตอนกลางคืนมันเหยียบเดินหน้าต่อทันที,ลักษณะนี้มีจริง,บางเคสถอยหลังมาเหยียบซ้ำให้ตายด้วย,ถ้ากลางดึกกลางดื่นไม่มีคนมีใครมาเห็น.
    ..อย่าลืมว่าคนต่างด้าวต่างชาติมาขับรถขนส่งให้เจ้าของกิจการไทยเยอะมาก,รถ10ล้อ รถพ่วง ข้ามประเทศหรือภายในแบบคนจีนมาขับในไทย คนลาวขับรถบรรทุกต่างๆ พม่า เขมร มีหมดนะ,สันดานจริตนิสัยก็เอาแต่ชาตินั้นๆอีก,อันตรายมาก,
    https://youtube.com/shorts/nO6kPCb6WI4?si=inBqCX3PDtfWJ5nu
    รถกระบะเจตนาไม่ต้องการช่วยเหลือชัดเจน,หมายจะฆ่าซ้ำด้วยแบบนั่งเฉยๆรอให้ตายเอง,คนมา มันจึงถอยหลังให้ ซึ่งสมควรถอยหลังทันทีเมื่อขึ้นรถไปแล้ว,ถ้าเกิดตอนกลางคืนมันเหยียบเดินหน้าต่อทันที,ลักษณะนี้มีจริง,บางเคสถอยหลังมาเหยียบซ้ำให้ตายด้วย,ถ้ากลางดึกกลางดื่นไม่มีคนมีใครมาเห็น. ..อย่าลืมว่าคนต่างด้าวต่างชาติมาขับรถขนส่งให้เจ้าของกิจการไทยเยอะมาก,รถ10ล้อ รถพ่วง ข้ามประเทศหรือภายในแบบคนจีนมาขับในไทย คนลาวขับรถบรรทุกต่างๆ พม่า เขมร มีหมดนะ,สันดานจริตนิสัยก็เอาแต่ชาตินั้นๆอีก,อันตรายมาก, https://youtube.com/shorts/nO6kPCb6WI4?si=inBqCX3PDtfWJ5nu
    0 Comments 0 Shares 304 Views 0 Reviews
  • “Gboard Dial Edition — คีย์บอร์ดหมุนสุดแหวกจาก Google Japan ที่เปิดให้ทุกคนสร้างเองได้”

    ทุกวันที่ 1 ตุลาคม Google Japan จะเปิดตัวคีย์บอร์ดต้นแบบสุดแหวกแนวเพื่อโชว์ความคิดสร้างสรรค์ของทีม Gboard ที่ปกติเน้นพัฒนาแอปคีย์บอร์ดบนมือถือ ปีนี้พวกเขาเปิดตัว “Gboard Dial Edition” — คีย์บอร์ดที่ไม่มีปุ่ม แต่ใช้การหมุนแบบโทรศัพท์บ้านยุคโบราณแทน

    Gboard Dial Edition ใช้หลักการหมุนวงแหวนเพื่อเลือกตัวอักษร โดยมีวงแหวนหลักสำหรับ QWERTY และวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน เช่น Enter, ตัวเลข และปุ่มลูกศร การหมุนแต่ละครั้งจะมีเสียง “วืด” แบบกลไกที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคและผ่อนคลาย ซึ่งทีมงานเชื่อว่าจะช่วยลดความเครียดจากการพิมพ์และลดโอกาสพิมพ์ผิด

    ดีไซน์นี้ยังมีการแบ่งวงแหวนเป็น 3 ชั้นซ้อนกัน เพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความเร็วในการพิมพ์แบบขนาน โดยผู้ใช้สามารถหมุนหลายวงแหวนพร้อมกันได้ นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันหลากหลาย เพื่อให้เข้ากับการตกแต่งบ้าน

    แม้จะไม่วางขายจริง แต่ Google Japan ได้เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ทั้งไฟล์ 3D สำหรับพิมพ์, แผงวงจร PCB, เฟิร์มแวร์ และคู่มือประกอบ โดยใช้ Raspberry Pi Pico เป็นสมองหลักของระบบ พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์ควบคุมการหมุน

    Gboard Dial Edition เป็นหนึ่งในซีรีส์คีย์บอร์ดต้นแบบที่ Google Japan เคยทำ เช่น คีย์บอร์ดช้อนงอ, คีย์บอร์ดรหัสมอร์ส, และคีย์บอร์ดแถบวัดแนวแกน X ซึ่งทั้งหมดเน้นการทดลองแนวคิดใหม่ ๆ มากกว่าการผลิตเพื่อขายจริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Gboard Dial Edition เป็นคีย์บอร์ดต้นแบบจาก Google Japan ที่ใช้การหมุนแทนการกดปุ่ม
    วงแหวนหลักใช้สำหรับ QWERTY และมีวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน
    เสียงกลไกขณะหมุนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดโอกาสพิมพ์ผิด
    วงแหวนแบ่งเป็น 3 ชั้นเพื่อเพิ่มความเร็วและลดขนาด
    มีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันให้เข้ากับบ้าน
    เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ภายใต้ Apache License 2.0
    ใช้ Raspberry Pi Pico เป็นหน่วยประมวลผล พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์
    เป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมประจำปีของทีม Gboard ในการโชว์ไอเดียใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Rotary dial เคยใช้ในโทรศัพท์บ้านยุค 1950–1980 ก่อนถูกแทนที่ด้วยปุ่มกด
    Raspberry Pi Pico เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ราคาประหยัดที่นิยมใช้ในงาน DIY
    การใช้ photo sensor และ stepper motor ช่วยให้การหมุนแม่นยำและตอบสนองเร็ว
    คีย์บอร์ดต้นแบบของ Google Japan ไม่เคยวางขายจริง แต่เปิดให้ผู้ใช้สร้างเอง
    การออกแบบแบบ modular ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ตามความต้องการ

    https://www.tomshardware.com/peripherals/keyboards/crazy-google-japan-keyboard-design-switches-keys-for-dials-the-gboard-dial-edition-shows-why-the-software-team-isnt-allowed-to-design-hardware
    🎛️ “Gboard Dial Edition — คีย์บอร์ดหมุนสุดแหวกจาก Google Japan ที่เปิดให้ทุกคนสร้างเองได้” ทุกวันที่ 1 ตุลาคม Google Japan จะเปิดตัวคีย์บอร์ดต้นแบบสุดแหวกแนวเพื่อโชว์ความคิดสร้างสรรค์ของทีม Gboard ที่ปกติเน้นพัฒนาแอปคีย์บอร์ดบนมือถือ ปีนี้พวกเขาเปิดตัว “Gboard Dial Edition” — คีย์บอร์ดที่ไม่มีปุ่ม แต่ใช้การหมุนแบบโทรศัพท์บ้านยุคโบราณแทน Gboard Dial Edition ใช้หลักการหมุนวงแหวนเพื่อเลือกตัวอักษร โดยมีวงแหวนหลักสำหรับ QWERTY และวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน เช่น Enter, ตัวเลข และปุ่มลูกศร การหมุนแต่ละครั้งจะมีเสียง “วืด” แบบกลไกที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคและผ่อนคลาย ซึ่งทีมงานเชื่อว่าจะช่วยลดความเครียดจากการพิมพ์และลดโอกาสพิมพ์ผิด ดีไซน์นี้ยังมีการแบ่งวงแหวนเป็น 3 ชั้นซ้อนกัน เพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความเร็วในการพิมพ์แบบขนาน โดยผู้ใช้สามารถหมุนหลายวงแหวนพร้อมกันได้ นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันหลากหลาย เพื่อให้เข้ากับการตกแต่งบ้าน แม้จะไม่วางขายจริง แต่ Google Japan ได้เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ทั้งไฟล์ 3D สำหรับพิมพ์, แผงวงจร PCB, เฟิร์มแวร์ และคู่มือประกอบ โดยใช้ Raspberry Pi Pico เป็นสมองหลักของระบบ พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์ควบคุมการหมุน Gboard Dial Edition เป็นหนึ่งในซีรีส์คีย์บอร์ดต้นแบบที่ Google Japan เคยทำ เช่น คีย์บอร์ดช้อนงอ, คีย์บอร์ดรหัสมอร์ส, และคีย์บอร์ดแถบวัดแนวแกน X ซึ่งทั้งหมดเน้นการทดลองแนวคิดใหม่ ๆ มากกว่าการผลิตเพื่อขายจริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Gboard Dial Edition เป็นคีย์บอร์ดต้นแบบจาก Google Japan ที่ใช้การหมุนแทนการกดปุ่ม ➡️ วงแหวนหลักใช้สำหรับ QWERTY และมีวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน ➡️ เสียงกลไกขณะหมุนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดโอกาสพิมพ์ผิด ➡️ วงแหวนแบ่งเป็น 3 ชั้นเพื่อเพิ่มความเร็วและลดขนาด ➡️ มีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันให้เข้ากับบ้าน ➡️ เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ภายใต้ Apache License 2.0 ➡️ ใช้ Raspberry Pi Pico เป็นหน่วยประมวลผล พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมประจำปีของทีม Gboard ในการโชว์ไอเดียใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Rotary dial เคยใช้ในโทรศัพท์บ้านยุค 1950–1980 ก่อนถูกแทนที่ด้วยปุ่มกด ➡️ Raspberry Pi Pico เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ราคาประหยัดที่นิยมใช้ในงาน DIY ➡️ การใช้ photo sensor และ stepper motor ช่วยให้การหมุนแม่นยำและตอบสนองเร็ว ➡️ คีย์บอร์ดต้นแบบของ Google Japan ไม่เคยวางขายจริง แต่เปิดให้ผู้ใช้สร้างเอง ➡️ การออกแบบแบบ modular ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ตามความต้องการ https://www.tomshardware.com/peripherals/keyboards/crazy-google-japan-keyboard-design-switches-keys-for-dials-the-gboard-dial-edition-shows-why-the-software-team-isnt-allowed-to-design-hardware
    0 Comments 0 Shares 512 Views 0 Reviews
  • “TrashBench แปลง RTX 5050 เป็น ‘5050 Ti’ ด้วยมือ — ทำลายสถิติโลก 3DMark หลายรายการ แต่แลกมาด้วยการหมดประกัน”

    ในโลกของนักโมดิฟายฮาร์ดแวร์ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมรับข้อจำกัดจากโรงงาน ล่าสุด TrashBench ยูทูบเบอร์สายฮาร์ดคอร์ ได้โชว์การอัปเกรด GeForce RTX 5050 ให้กลายเป็น “RTX 5050 Ti” ด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา — ทั้งการเปลี่ยนฮีตซิงก์, ติดตั้งพัดลมใหม่, และแฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกพลังที่ซ่อนอยู่

    เขาเริ่มจากการถอดฮีตซิงก์เดิมของ RTX 5050 แล้วนำของ RTX 5060 ที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจนมาใส่แทน โดยต้องเจาะและปรับแต่งให้พอดีกับ PCB เดิม จากนั้นติดตั้งพัดลม GAMDIAS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ก่อนจะใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS ใหม่ ซึ่งทำให้ GPU ทำงานได้แรงขึ้นถึง 3.3GHz — สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิมถึง 500MHz

    ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม และลดช่องว่างกับ RTX 5060 ที่เคยแรงกว่าถึง 33% เหลือเพียงราว 17% เท่านั้น ที่สำคัญ TrashBench ยังทำลายสถิติโลกในหลายการทดสอบ เช่น Time Spy (11,715 คะแนน), Steel Nomad (2,703 คะแนน), และ Port Royal (7,001 คะแนน — เป็นคนแรกที่ทะลุ 7,000)

    แม้จะดูน่าทึ่ง แต่การโมดิฟายเช่นนี้ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน — การหมดประกัน, ความเสี่ยงด้านความร้อน, และความไม่แน่นอนของระบบในระยะยาว ซึ่ง TrashBench ก็ยอมรับว่า “ไม่ใช่ทุกคนควรทำแบบนี้” และแนะนำให้คนทั่วไปเพิ่มงบอีก $50 เพื่อซื้อ RTX 5060 ไปเลยจะคุ้มกว่า

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    TrashBench โมดิฟาย RTX 5050 ด้วยฮีตซิงก์ของ RTX 5060 และพัดลม GAMDIAS
    ใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกประสิทธิภาพ
    GPU ทำงานได้ที่ 3.3GHz สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิม 500MHz
    ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม
    ลดช่องว่างกับ RTX 5060 จาก 33% เหลือประมาณ 17%
    ทำลายสถิติโลกใน 3DMark หลายรายการ เช่น Time Spy, Steel Nomad, Port Royal
    TrashBench เป็นยูทูบเบอร์สายฮาร์ดแวร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโอเวอร์คล็อก
    แนะนำให้คนทั่วไปซื้อ RTX 5060 โดยไม่ต้องโมดิฟาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NVFLASH เป็นเครื่องมือแฟลช BIOS สำหรับการ์ดจอ NVIDIA โดยเฉพาะ
    การเปลี่ยนฮีตซิงก์ช่วยให้ GPU ทำงานที่ความถี่สูงขึ้นโดยไม่ร้อนเกินไป
    Port Royal เป็นการทดสอบ ray tracing ที่ใช้วัดประสิทธิภาพการ์ดจอรุ่นใหม่
    Steel Nomad เป็น benchmark ใหม่ที่เน้นการทดสอบการเรนเดอร์แบบหนัก
    การ์ดจอที่โอเวอร์คล็อกได้ดีมักต้องมีระบบระบายความร้อนที่เหนือกว่ามาตรฐาน

    https://wccftech.com/user-upgrades-geforce-rtx-5050-to-rtx-5050-ti-breaks-multiple-world-records/
    ⚙️ “TrashBench แปลง RTX 5050 เป็น ‘5050 Ti’ ด้วยมือ — ทำลายสถิติโลก 3DMark หลายรายการ แต่แลกมาด้วยการหมดประกัน” ในโลกของนักโมดิฟายฮาร์ดแวร์ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมรับข้อจำกัดจากโรงงาน ล่าสุด TrashBench ยูทูบเบอร์สายฮาร์ดคอร์ ได้โชว์การอัปเกรด GeForce RTX 5050 ให้กลายเป็น “RTX 5050 Ti” ด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา — ทั้งการเปลี่ยนฮีตซิงก์, ติดตั้งพัดลมใหม่, และแฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกพลังที่ซ่อนอยู่ เขาเริ่มจากการถอดฮีตซิงก์เดิมของ RTX 5050 แล้วนำของ RTX 5060 ที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจนมาใส่แทน โดยต้องเจาะและปรับแต่งให้พอดีกับ PCB เดิม จากนั้นติดตั้งพัดลม GAMDIAS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ก่อนจะใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS ใหม่ ซึ่งทำให้ GPU ทำงานได้แรงขึ้นถึง 3.3GHz — สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิมถึง 500MHz ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม และลดช่องว่างกับ RTX 5060 ที่เคยแรงกว่าถึง 33% เหลือเพียงราว 17% เท่านั้น ที่สำคัญ TrashBench ยังทำลายสถิติโลกในหลายการทดสอบ เช่น Time Spy (11,715 คะแนน), Steel Nomad (2,703 คะแนน), และ Port Royal (7,001 คะแนน — เป็นคนแรกที่ทะลุ 7,000) แม้จะดูน่าทึ่ง แต่การโมดิฟายเช่นนี้ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน — การหมดประกัน, ความเสี่ยงด้านความร้อน, และความไม่แน่นอนของระบบในระยะยาว ซึ่ง TrashBench ก็ยอมรับว่า “ไม่ใช่ทุกคนควรทำแบบนี้” และแนะนำให้คนทั่วไปเพิ่มงบอีก $50 เพื่อซื้อ RTX 5060 ไปเลยจะคุ้มกว่า ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ TrashBench โมดิฟาย RTX 5050 ด้วยฮีตซิงก์ของ RTX 5060 และพัดลม GAMDIAS ➡️ ใช้โปรแกรม NVFLASH แฟลช BIOS เพื่อปลดล็อกประสิทธิภาพ ➡️ GPU ทำงานได้ที่ 3.3GHz สูงกว่าค่ามาตรฐานเดิม 500MHz ➡️ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ RTX 5050 เดิม ➡️ ลดช่องว่างกับ RTX 5060 จาก 33% เหลือประมาณ 17% ➡️ ทำลายสถิติโลกใน 3DMark หลายรายการ เช่น Time Spy, Steel Nomad, Port Royal ➡️ TrashBench เป็นยูทูบเบอร์สายฮาร์ดแวร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโอเวอร์คล็อก ➡️ แนะนำให้คนทั่วไปซื้อ RTX 5060 โดยไม่ต้องโมดิฟาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NVFLASH เป็นเครื่องมือแฟลช BIOS สำหรับการ์ดจอ NVIDIA โดยเฉพาะ ➡️ การเปลี่ยนฮีตซิงก์ช่วยให้ GPU ทำงานที่ความถี่สูงขึ้นโดยไม่ร้อนเกินไป ➡️ Port Royal เป็นการทดสอบ ray tracing ที่ใช้วัดประสิทธิภาพการ์ดจอรุ่นใหม่ ➡️ Steel Nomad เป็น benchmark ใหม่ที่เน้นการทดสอบการเรนเดอร์แบบหนัก ➡️ การ์ดจอที่โอเวอร์คล็อกได้ดีมักต้องมีระบบระบายความร้อนที่เหนือกว่ามาตรฐาน https://wccftech.com/user-upgrades-geforce-rtx-5050-to-rtx-5050-ti-breaks-multiple-world-records/
    WCCFTECH.COM
    User Upgrades GeForce RTX 5050 To RTX 5050 "Ti"; Breaks Multiple World Records
    A user modded his GeForce RTX 5050 by replacing its cooler and flashing its BIOS, closing the gap between RTX 5050 and RTX 5060.
    0 Comments 0 Shares 379 Views 0 Reviews
  • “Lego Game Boy กลายเป็น Game Boy จริง — โมดิฟายด้วย PCB แท้ เล่นตลับจริงได้ใน 24 ชั่วโมง!”

    เมื่อ Lego เปิดตัวชุดโมเดล Game Boy เพื่อเป็นของสะสมสำหรับแฟน ๆ เกมยุค 90 หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่ของตั้งโชว์ แต่สำหรับ Natalie the Nerd นักโมดิฟายจากออสเตรเลีย มันคือ “โอกาสที่ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง” เธอใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันหลังชุด Lego วางขาย ก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็น Game Boy ที่เล่นตลับจริงได้

    จุดเริ่มต้นคือช่องว่างด้านหลังหน้าจอของโมเดล ซึ่งออกแบบมาให้ใส่ตลับปลอมได้ Natalie ใช้ช่องนั้นเป็นจุดติดตั้ง PCB ที่เธอออกแบบเอง โดยใช้ชิป MGB (Game Boy Pocket) ที่มี RAM ในตัว ทำให้ประหยัดพื้นที่และไม่ต้องใช้ VRAM แยกแบบรุ่น DMG ดั้งเดิม

    เธอยังติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ที่ Lego ให้มา และเชื่อมต่อ USB-C พร้อมปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed ที่เธอออกแบบเอง แม้ปุ่มจะยังไม่ทำงานได้จริง แต่เธอวางแผนจะพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB ได้ในอนาคต

    ผลลัพธ์คือ Game Boy ที่สามารถใส่ตลับจริงได้ — แม้ในวิดีโอจะยังเห็นแค่การบูตเข้าเกม Tetris แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนของเล่นให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมจริง และเธอยังประกาศว่าจะปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ทุกคนสามารถแปลง Lego Game Boy ของตัวเองได้ในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Natalie the Nerd โมดิฟาย Lego Game Boy ให้เล่นตลับจริงได้ภายใน 24 ชั่วโมง
    ใช้ชิป MGB (Pocket) ที่มี RAM ในตัวเพื่อประหยัดพื้นที่
    PCB ที่ออกแบบมีขนาดเล็กกว่าตลับ DMG จริง
    ติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ของ Lego
    เชื่อมต่อ USB-C และปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed
    ปุ่มกดยังไม่ทำงานจริง แต่มีแผนพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB
    สามารถบูตเกม Tetris จากตลับจริงได้แล้ว
    Natalie เคยสร้าง Game Boy โปร่งใสจากศูนย์มาก่อน
    มีแผนปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถแปลงชุด Lego ได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    MGB CPU มี VRAM ในตัว ต่างจาก DMG ที่ต้องใช้ VRAM แยก
    Lego Game Boy ถูกออกแบบร่วมกับ Nintendo เพื่อเป็นของสะสม ไม่ใช่เครื่องเล่นจริง
    การใช้ 3D printing ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อปุ่มและพอร์ตได้แม้โครงสร้างเป็น Lego
    PCB ของ Game Boy มีโครงสร้างง่าย: CPU, RAM, ตัวกรองไฟ และตัวควบคุมเสียง
    โมดิฟายนี้ไม่ใช้ FPGA หรือการจำลอง แต่เป็นการใช้ชิ้นส่วน Game Boy จริง

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/ingenious-modder-turns-lego-game-boy-into-an-actual-game-boy-that-can-run-real-cartridges-new-lego-set-gets-outfitted-with-custom-pcb-in-less-than-a-day-3d-printing-required-for-future-button-support
    🎮 “Lego Game Boy กลายเป็น Game Boy จริง — โมดิฟายด้วย PCB แท้ เล่นตลับจริงได้ใน 24 ชั่วโมง!” เมื่อ Lego เปิดตัวชุดโมเดล Game Boy เพื่อเป็นของสะสมสำหรับแฟน ๆ เกมยุค 90 หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่ของตั้งโชว์ แต่สำหรับ Natalie the Nerd นักโมดิฟายจากออสเตรเลีย มันคือ “โอกาสที่ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง” เธอใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันหลังชุด Lego วางขาย ก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็น Game Boy ที่เล่นตลับจริงได้ จุดเริ่มต้นคือช่องว่างด้านหลังหน้าจอของโมเดล ซึ่งออกแบบมาให้ใส่ตลับปลอมได้ Natalie ใช้ช่องนั้นเป็นจุดติดตั้ง PCB ที่เธอออกแบบเอง โดยใช้ชิป MGB (Game Boy Pocket) ที่มี RAM ในตัว ทำให้ประหยัดพื้นที่และไม่ต้องใช้ VRAM แยกแบบรุ่น DMG ดั้งเดิม เธอยังติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ที่ Lego ให้มา และเชื่อมต่อ USB-C พร้อมปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed ที่เธอออกแบบเอง แม้ปุ่มจะยังไม่ทำงานได้จริง แต่เธอวางแผนจะพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB ได้ในอนาคต ผลลัพธ์คือ Game Boy ที่สามารถใส่ตลับจริงได้ — แม้ในวิดีโอจะยังเห็นแค่การบูตเข้าเกม Tetris แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนของเล่นให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมจริง และเธอยังประกาศว่าจะปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ทุกคนสามารถแปลง Lego Game Boy ของตัวเองได้ในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Natalie the Nerd โมดิฟาย Lego Game Boy ให้เล่นตลับจริงได้ภายใน 24 ชั่วโมง ➡️ ใช้ชิป MGB (Pocket) ที่มี RAM ในตัวเพื่อประหยัดพื้นที่ ➡️ PCB ที่ออกแบบมีขนาดเล็กกว่าตลับ DMG จริง ➡️ ติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ของ Lego ➡️ เชื่อมต่อ USB-C และปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed ➡️ ปุ่มกดยังไม่ทำงานจริง แต่มีแผนพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB ➡️ สามารถบูตเกม Tetris จากตลับจริงได้แล้ว ➡️ Natalie เคยสร้าง Game Boy โปร่งใสจากศูนย์มาก่อน ➡️ มีแผนปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถแปลงชุด Lego ได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ MGB CPU มี VRAM ในตัว ต่างจาก DMG ที่ต้องใช้ VRAM แยก ➡️ Lego Game Boy ถูกออกแบบร่วมกับ Nintendo เพื่อเป็นของสะสม ไม่ใช่เครื่องเล่นจริง ➡️ การใช้ 3D printing ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อปุ่มและพอร์ตได้แม้โครงสร้างเป็น Lego ➡️ PCB ของ Game Boy มีโครงสร้างง่าย: CPU, RAM, ตัวกรองไฟ และตัวควบคุมเสียง ➡️ โมดิฟายนี้ไม่ใช้ FPGA หรือการจำลอง แต่เป็นการใช้ชิ้นส่วน Game Boy จริง https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/ingenious-modder-turns-lego-game-boy-into-an-actual-game-boy-that-can-run-real-cartridges-new-lego-set-gets-outfitted-with-custom-pcb-in-less-than-a-day-3d-printing-required-for-future-button-support
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • “Raspberry Pi 500+ เปิดตัว! คอมพิวเตอร์ในคีย์บอร์ดกลไก พร้อม SSD และ RAM 16GB — ยกระดับจากของเล่นสู่เครื่องทำงานจริง”

    Raspberry Pi กลับมาเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Raspberry Pi 500+ ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในตัวคีย์บอร์ดแบบ all-in-one โดยครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะจัดเต็มทั้งสเปกและประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปจริงมากขึ้น

    จุดเด่นที่สุดคือการเปลี่ยนคีย์บอร์ดจากแบบธรรมดาเป็น “คีย์บอร์ดกลไก” โดยใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB แบบ backlit ซึ่งให้สัมผัสการพิมพ์ที่คลิกสนุกและทนทานมากขึ้น แถมยังสามารถถอดเปลี่ยน keycap ได้ตามใจชอบ

    ด้านสเปกภายใน Raspberry Pi 500+ ใช้ CPU Arm Cortex-A76 แบบ quad-core ความเร็ว 2.4GHz พร้อม RAM LPDDR4X ขนาด 16GB และ SSD ภายใน 256GB ที่สามารถขยายเพิ่มได้ผ่าน M.2 slot ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Raspberry Pi ใส่ SSD แบบ NVMe มาให้ในรุ่น consumer แบบนี้

    ยังคงมี GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง USB 3.0, USB 2.0, micro HDMI รองรับ 4K 60Hz, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5 และ Bluetooth 5.0 โดยทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในบอดี้ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ยุค 80s อย่าง BBC Micro

    ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ที่มาพร้อมเมาส์, สาย HDMI, อะแดปเตอร์ USB-C 27W และคู่มือ Raspberry Pi Beginner’s Guide

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Raspberry Pi 500+ เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในคีย์บอร์ดกลไก
    ใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB และ keycap ถอดเปลี่ยนได้
    CPU: Quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz
    RAM: 16GB LPDDR4X ความเร็ว 4267 MHz
    SSD ภายใน 256GB พร้อม M.2 slot สำหรับขยายเพิ่ม
    รองรับ microSD เพิ่มเติมได้เช่นเดิม
    GPU: VideoCore VII รองรับ OpenGL ES 3.1 และ Vulkan 1.3
    การเชื่อมต่อ: USB 3.0 x2, USB 2.0 x1, micro HDMI x2, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0
    GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และ embedded projects
    ราคา $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Raspberry Pi 500+ ใช้ PCB และชิปเซ็ตเดียวกับ Pi 500 แต่เพิ่ม RAM และ SSD
    ดีไซน์คีย์บอร์ดกลไกเป็นครั้งแรกของ Raspberry Pi ในกลุ่ม consumer
    ขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นเล็กน้อย: 312 x 123 x 35.8 มม.
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป, นักเรียน, นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการคอมพ์เล็ก ๆ สำหรับงานจริง
    Raspberry Pi มี ecosystem ที่รองรับการใช้งานตั้งแต่ IoT, เซิร์ฟเวอร์เบา ๆ ไปจนถึง desktop

    https://news.itsfoss.com/raspberry-pi-500-plus/
    ⌨️ “Raspberry Pi 500+ เปิดตัว! คอมพิวเตอร์ในคีย์บอร์ดกลไก พร้อม SSD และ RAM 16GB — ยกระดับจากของเล่นสู่เครื่องทำงานจริง” Raspberry Pi กลับมาเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Raspberry Pi 500+ ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในตัวคีย์บอร์ดแบบ all-in-one โดยครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะจัดเต็มทั้งสเปกและประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปจริงมากขึ้น จุดเด่นที่สุดคือการเปลี่ยนคีย์บอร์ดจากแบบธรรมดาเป็น “คีย์บอร์ดกลไก” โดยใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB แบบ backlit ซึ่งให้สัมผัสการพิมพ์ที่คลิกสนุกและทนทานมากขึ้น แถมยังสามารถถอดเปลี่ยน keycap ได้ตามใจชอบ ด้านสเปกภายใน Raspberry Pi 500+ ใช้ CPU Arm Cortex-A76 แบบ quad-core ความเร็ว 2.4GHz พร้อม RAM LPDDR4X ขนาด 16GB และ SSD ภายใน 256GB ที่สามารถขยายเพิ่มได้ผ่าน M.2 slot ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Raspberry Pi ใส่ SSD แบบ NVMe มาให้ในรุ่น consumer แบบนี้ ยังคงมี GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง USB 3.0, USB 2.0, micro HDMI รองรับ 4K 60Hz, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5 และ Bluetooth 5.0 โดยทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในบอดี้ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ยุค 80s อย่าง BBC Micro ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ที่มาพร้อมเมาส์, สาย HDMI, อะแดปเตอร์ USB-C 27W และคู่มือ Raspberry Pi Beginner’s Guide ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Raspberry Pi 500+ เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในคีย์บอร์ดกลไก ➡️ ใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB และ keycap ถอดเปลี่ยนได้ ➡️ CPU: Quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz ➡️ RAM: 16GB LPDDR4X ความเร็ว 4267 MHz ➡️ SSD ภายใน 256GB พร้อม M.2 slot สำหรับขยายเพิ่ม ➡️ รองรับ microSD เพิ่มเติมได้เช่นเดิม ➡️ GPU: VideoCore VII รองรับ OpenGL ES 3.1 และ Vulkan 1.3 ➡️ การเชื่อมต่อ: USB 3.0 x2, USB 2.0 x1, micro HDMI x2, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0 ➡️ GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และ embedded projects ➡️ ราคา $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Raspberry Pi 500+ ใช้ PCB และชิปเซ็ตเดียวกับ Pi 500 แต่เพิ่ม RAM และ SSD ➡️ ดีไซน์คีย์บอร์ดกลไกเป็นครั้งแรกของ Raspberry Pi ในกลุ่ม consumer ➡️ ขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นเล็กน้อย: 312 x 123 x 35.8 มม. ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป, นักเรียน, นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการคอมพ์เล็ก ๆ สำหรับงานจริง ➡️ Raspberry Pi มี ecosystem ที่รองรับการใช้งานตั้งแต่ IoT, เซิร์ฟเวอร์เบา ๆ ไปจนถึง desktop https://news.itsfoss.com/raspberry-pi-500-plus/
    0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews
More Results