• “Nano11 ลดขนาด Windows 11 เหลือแค่ 2.8GB — สคริปต์ทดลองสุดขั้วสำหรับสายทดสอบที่ไม่ต้องการ ‘ขยะ’ ใด ๆ”

    NTDEV นักพัฒนาผู้เคยสร้าง Tiny11 ได้เปิดตัวสคริปต์ใหม่ชื่อว่า “Nano11 Builder” ซึ่งสามารถลดขนาดไฟล์ติดตั้ง Windows 11 ลงได้อย่างน่าทึ่ง โดยจาก ISO มาตรฐานขนาด 7.04GB สามารถลดเหลือเพียง 2.29GB และหากใช้ Windows 11 LTSC เป็นต้นฉบับ จะสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB เท่านั้น

    Nano11 ไม่ใช่แค่การลบฟีเจอร์ทั่วไป แต่เป็นการ “ปาดทิ้งทุกสิ่งที่ไม่จำเป็น” เช่น Windows Hello, .NET assemblies, IME, driver ที่ไม่จำเป็น, wallpaper และอื่น ๆ โดยใช้ PowerShell script ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบเท่านั้น ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

    การติดตั้ง Nano11 บน VMware Workstation ใช้พื้นที่เพียง 20GB และหลังจากรันคำสั่ง ‘Compact’ ด้วย LZX compression และลบ page file แล้ว พื้นที่ใช้งานจริงเหลือเพียง 3.2GB ซึ่งถือว่าเบากว่าระบบปฏิบัติการมือถือบางตัวเสียอีก

    แม้จะดูน่าตื่นเต้นสำหรับสายทดสอบหรือผู้ที่ต้องการ VM ขนาดเล็ก แต่ NTDEV ก็เตือนชัดเจนว่า Nano11 เป็น “สคริปต์ทดลองสุดขั้ว” ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง และไม่มีระบบอัปเดตหรือความปลอดภัยที่เพียงพอ

    จุดเด่นของ Nano11 Builder
    ลดขนาด ISO จาก 7.04GB เหลือ 2.29GB ด้วย PowerShell script
    หากใช้ Windows 11 LTSC จะติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB
    ลบฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น เช่น Windows Hello, IME, .NET assemblies, driver, wallpaper
    ใช้ LZX compression และลบ page file เพื่อให้ footprint ต่ำสุด

    การใช้งานและการติดตั้ง
    เหมาะสำหรับการสร้าง VM ขนาดเล็กเพื่อทดสอบระบบ
    ใช้ VMware Workstation ติดตั้งบน virtual disk ขนาด 20GB
    ใช้เครื่องมือจาก Microsoft เช่น DISM และ oscdimg เท่านั้น
    เหมาะกับผู้พัฒนา, นักทดสอบ, หรือผู้ที่ต้องการระบบเบาสุด ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tiny11 เคยลดขนาด Windows 11 ได้เหลือประมาณ 8GB — Nano11 เล็กกว่า 3.5 เท่า
    โครงการนี้ได้รับความนิยมใน GitHub และฟอรั่มสายทดสอบ
    Windows 11 LTSC เป็นเวอร์ชันที่ไม่มีฟีเจอร์ AI และแอป Microsoft 365
    Nano11 ยังสามารถใช้กับ Windows 11 รุ่นอื่นได้ แต่ผลลัพธ์อาจต่างกัน

    คำเตือนและข้อจำกัด
    Nano11 เป็นสคริปต์ทดลอง — ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงหรือเครื่องหลัก
    ไม่มีระบบ Windows Update — ไม่สามารถอัปเดตหรือรับแพตช์ความปลอดภัย
    การลบฟีเจอร์บางอย่างอาจทำให้แอปหรือบริการบางตัวไม่ทำงาน
    ไม่มีการรับประกันความเสถียรหรือความปลอดภัยของระบบ
    การใช้งานในองค์กรหรือเครื่องจริงอาจเสี่ยงต่อข้อมูลและความมั่นคง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/nano11-compresses-windows-11-install-footprint-to-as-little-as-2-8gb-extreme-experimental-script-is-3-5-times-smaller-than-tiny11-and-comes-with-none-of-the-fluff
    🧪 “Nano11 ลดขนาด Windows 11 เหลือแค่ 2.8GB — สคริปต์ทดลองสุดขั้วสำหรับสายทดสอบที่ไม่ต้องการ ‘ขยะ’ ใด ๆ” NTDEV นักพัฒนาผู้เคยสร้าง Tiny11 ได้เปิดตัวสคริปต์ใหม่ชื่อว่า “Nano11 Builder” ซึ่งสามารถลดขนาดไฟล์ติดตั้ง Windows 11 ลงได้อย่างน่าทึ่ง โดยจาก ISO มาตรฐานขนาด 7.04GB สามารถลดเหลือเพียง 2.29GB และหากใช้ Windows 11 LTSC เป็นต้นฉบับ จะสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB เท่านั้น Nano11 ไม่ใช่แค่การลบฟีเจอร์ทั่วไป แต่เป็นการ “ปาดทิ้งทุกสิ่งที่ไม่จำเป็น” เช่น Windows Hello, .NET assemblies, IME, driver ที่ไม่จำเป็น, wallpaper และอื่น ๆ โดยใช้ PowerShell script ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบเท่านั้น ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน การติดตั้ง Nano11 บน VMware Workstation ใช้พื้นที่เพียง 20GB และหลังจากรันคำสั่ง ‘Compact’ ด้วย LZX compression และลบ page file แล้ว พื้นที่ใช้งานจริงเหลือเพียง 3.2GB ซึ่งถือว่าเบากว่าระบบปฏิบัติการมือถือบางตัวเสียอีก แม้จะดูน่าตื่นเต้นสำหรับสายทดสอบหรือผู้ที่ต้องการ VM ขนาดเล็ก แต่ NTDEV ก็เตือนชัดเจนว่า Nano11 เป็น “สคริปต์ทดลองสุดขั้ว” ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง และไม่มีระบบอัปเดตหรือความปลอดภัยที่เพียงพอ ✅ จุดเด่นของ Nano11 Builder ➡️ ลดขนาด ISO จาก 7.04GB เหลือ 2.29GB ด้วย PowerShell script ➡️ หากใช้ Windows 11 LTSC จะติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB ➡️ ลบฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น เช่น Windows Hello, IME, .NET assemblies, driver, wallpaper ➡️ ใช้ LZX compression และลบ page file เพื่อให้ footprint ต่ำสุด ✅ การใช้งานและการติดตั้ง ➡️ เหมาะสำหรับการสร้าง VM ขนาดเล็กเพื่อทดสอบระบบ ➡️ ใช้ VMware Workstation ติดตั้งบน virtual disk ขนาด 20GB ➡️ ใช้เครื่องมือจาก Microsoft เช่น DISM และ oscdimg เท่านั้น ➡️ เหมาะกับผู้พัฒนา, นักทดสอบ, หรือผู้ที่ต้องการระบบเบาสุด ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tiny11 เคยลดขนาด Windows 11 ได้เหลือประมาณ 8GB — Nano11 เล็กกว่า 3.5 เท่า ➡️ โครงการนี้ได้รับความนิยมใน GitHub และฟอรั่มสายทดสอบ ➡️ Windows 11 LTSC เป็นเวอร์ชันที่ไม่มีฟีเจอร์ AI และแอป Microsoft 365 ➡️ Nano11 ยังสามารถใช้กับ Windows 11 รุ่นอื่นได้ แต่ผลลัพธ์อาจต่างกัน ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ Nano11 เป็นสคริปต์ทดลอง — ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงหรือเครื่องหลัก ⛔ ไม่มีระบบ Windows Update — ไม่สามารถอัปเดตหรือรับแพตช์ความปลอดภัย ⛔ การลบฟีเจอร์บางอย่างอาจทำให้แอปหรือบริการบางตัวไม่ทำงาน ⛔ ไม่มีการรับประกันความเสถียรหรือความปลอดภัยของระบบ ⛔ การใช้งานในองค์กรหรือเครื่องจริงอาจเสี่ยงต่อข้อมูลและความมั่นคง https://www.tomshardware.com/software/windows/nano11-compresses-windows-11-install-footprint-to-as-little-as-2-8gb-extreme-experimental-script-is-3-5-times-smaller-than-tiny11-and-comes-with-none-of-the-fluff
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • Hello sunshine
    Hello sunshine 😊🥰
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • Hello sunshine
    Hello sunshine 👋🥰
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • “Getac F120: แท็บเล็ตพันธุ์แกร่งที่รัน AI ได้แรงกว่าละครหลังข่าว พร้อมลุยทุกสนามรบและงานภาคสนาม!”

    ลองนึกภาพว่าคุณต้องทำงานในพื้นที่กลางแจ้งที่เต็มไปด้วยฝุ่น น้ำ หรืออุณหภูมิสุดขั้ว แล้วต้องใช้แท็บเล็ตในการวิเคราะห์ข้อมูลภาพจากโดรน หรือรันโมเดล AI เพื่อวินิจฉัยอุปกรณ์ — Getac F120 คือแท็บเล็ตที่ออกแบบมาเพื่อสถานการณ์แบบนั้นโดยเฉพาะ

    Getac เปิดตัว F120 ซึ่งเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของโลกที่ผ่านมาตรฐาน Copilot+ PC แบบเต็มตัวในรูปแบบ rugged tablet — หมายความว่ามันไม่ใช่แค่ทนทาน แต่ยังมีสมองที่ฉลาดระดับ AI ด้วย NPU ที่แรงถึง 48 TOPS (Trillion Operations Per Second) มากกว่าขั้นต่ำที่ Microsoft กำหนดไว้ที่ 40 TOPS

    ภายในใช้ชิป Intel Core Ultra 200V Series พร้อม RAM สูงสุด 32GB LPDDR5X และ SSD PCIe NVMe สูงสุด 2TB — เรียกได้ว่าแรงกว่าคอมพิวเตอร์สำนักงานทั่วไปหลายรุ่น แถมยังมี Windows Hello สำหรับสแกนใบหน้า และระบบรักษาความปลอดภัยระดับ TPM 2.0

    หน้าจอขนาด 12.2 นิ้วแบบ LumiBond ให้ความสว่างสูงถึง 1,200 nits อ่านกลางแดดได้สบาย พร้อม Smart Touch ที่ใช้งานได้แม้ใส่ถุงมือ ตัวเครื่องผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H และ IP66 ทนต่อการตกจากที่สูง 6 ฟุต และใช้งานได้ในอุณหภูมิ -29°C ถึง 63°C

    สำหรับการเชื่อมต่อก็จัดเต็ม ทั้ง Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, Thunderbolt 4 สองช่อง และรองรับ 5G Sub-6 แบบออปชัน พร้อมแบตเตอรี่แบบ hot-swappable ที่เปลี่ยนได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง — เหมาะกับงานภาคสนามที่ต้องทำงานต่อเนื่องโดยไม่มีเวลาเสีย

    สเปกหลักของ Getac F120
    ใช้ Intel Core Ultra 200V Series + Intel AI Boost NPU (สูงสุด 48 TOPS)
    RAM สูงสุด 32GB LPDDR5X และ SSD สูงสุด 2TB PCIe NVMe
    รองรับ Windows Hello facial recognition และ TPM 2.0

    หน้าจอและความทนทาน
    หน้าจอ LumiBond ขนาด 12.2 นิ้ว ความสว่าง 1,200 nits
    รองรับ Smart Touch แม้ใส่ถุงมือ
    ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H และ IP66
    ทนต่อการตกจาก 6 ฟุต และใช้งานได้ในอุณหภูมิ -29°C ถึง 63°C

    การเชื่อมต่อและการใช้งานภาคสนาม
    รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, Thunderbolt 4 x2
    มีออปชันสำหรับ 5G Sub-6
    ใช้แบตเตอรี่แบบ hot-swappable เพื่อการทำงานต่อเนื่อง

    การใช้งานในอุตสาหกรรม
    เหมาะกับงานด้านสาธารณูปโภค, ยานยนต์, ความปลอดภัยสาธารณะ
    รองรับการประมวลผลภาพ, การวินิจฉัย, และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์
    ออกแบบมาเพื่องานที่ “ล้มไม่ได้” เช่น ภารกิจภาคสนามหรือการกู้ภัย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Copilot+ PC ต้องมี NPU 40+ TOPS, RAM 16GB+, SSD 256GB+, และระบบ biometric
    Getac เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านอุปกรณ์ rugged สำหรับภาคอุตสาหกรรม
    รุ่น F120 เริ่มต้นที่ราคา $3,079 — เน้นกลุ่มมืออาชีพมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป

    https://www.techradar.com/pro/the-worlds-fastest-rugged-tablet-just-launched-and-its-perfect-for-those-who-want-to-work-in-challenging-environments-while-compiling-ai-code
    🛡️ “Getac F120: แท็บเล็ตพันธุ์แกร่งที่รัน AI ได้แรงกว่าละครหลังข่าว พร้อมลุยทุกสนามรบและงานภาคสนาม!” ลองนึกภาพว่าคุณต้องทำงานในพื้นที่กลางแจ้งที่เต็มไปด้วยฝุ่น น้ำ หรืออุณหภูมิสุดขั้ว แล้วต้องใช้แท็บเล็ตในการวิเคราะห์ข้อมูลภาพจากโดรน หรือรันโมเดล AI เพื่อวินิจฉัยอุปกรณ์ — Getac F120 คือแท็บเล็ตที่ออกแบบมาเพื่อสถานการณ์แบบนั้นโดยเฉพาะ Getac เปิดตัว F120 ซึ่งเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของโลกที่ผ่านมาตรฐาน Copilot+ PC แบบเต็มตัวในรูปแบบ rugged tablet — หมายความว่ามันไม่ใช่แค่ทนทาน แต่ยังมีสมองที่ฉลาดระดับ AI ด้วย NPU ที่แรงถึง 48 TOPS (Trillion Operations Per Second) มากกว่าขั้นต่ำที่ Microsoft กำหนดไว้ที่ 40 TOPS ภายในใช้ชิป Intel Core Ultra 200V Series พร้อม RAM สูงสุด 32GB LPDDR5X และ SSD PCIe NVMe สูงสุด 2TB — เรียกได้ว่าแรงกว่าคอมพิวเตอร์สำนักงานทั่วไปหลายรุ่น แถมยังมี Windows Hello สำหรับสแกนใบหน้า และระบบรักษาความปลอดภัยระดับ TPM 2.0 หน้าจอขนาด 12.2 นิ้วแบบ LumiBond ให้ความสว่างสูงถึง 1,200 nits อ่านกลางแดดได้สบาย พร้อม Smart Touch ที่ใช้งานได้แม้ใส่ถุงมือ ตัวเครื่องผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H และ IP66 ทนต่อการตกจากที่สูง 6 ฟุต และใช้งานได้ในอุณหภูมิ -29°C ถึง 63°C สำหรับการเชื่อมต่อก็จัดเต็ม ทั้ง Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, Thunderbolt 4 สองช่อง และรองรับ 5G Sub-6 แบบออปชัน พร้อมแบตเตอรี่แบบ hot-swappable ที่เปลี่ยนได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง — เหมาะกับงานภาคสนามที่ต้องทำงานต่อเนื่องโดยไม่มีเวลาเสีย ✅ สเปกหลักของ Getac F120 ➡️ ใช้ Intel Core Ultra 200V Series + Intel AI Boost NPU (สูงสุด 48 TOPS) ➡️ RAM สูงสุด 32GB LPDDR5X และ SSD สูงสุด 2TB PCIe NVMe ➡️ รองรับ Windows Hello facial recognition และ TPM 2.0 ✅ หน้าจอและความทนทาน ➡️ หน้าจอ LumiBond ขนาด 12.2 นิ้ว ความสว่าง 1,200 nits ➡️ รองรับ Smart Touch แม้ใส่ถุงมือ ➡️ ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H และ IP66 ➡️ ทนต่อการตกจาก 6 ฟุต และใช้งานได้ในอุณหภูมิ -29°C ถึง 63°C ✅ การเชื่อมต่อและการใช้งานภาคสนาม ➡️ รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, Thunderbolt 4 x2 ➡️ มีออปชันสำหรับ 5G Sub-6 ➡️ ใช้แบตเตอรี่แบบ hot-swappable เพื่อการทำงานต่อเนื่อง ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรม ➡️ เหมาะกับงานด้านสาธารณูปโภค, ยานยนต์, ความปลอดภัยสาธารณะ ➡️ รองรับการประมวลผลภาพ, การวินิจฉัย, และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ➡️ ออกแบบมาเพื่องานที่ “ล้มไม่ได้” เช่น ภารกิจภาคสนามหรือการกู้ภัย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Copilot+ PC ต้องมี NPU 40+ TOPS, RAM 16GB+, SSD 256GB+, และระบบ biometric ➡️ Getac เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านอุปกรณ์ rugged สำหรับภาคอุตสาหกรรม ➡️ รุ่น F120 เริ่มต้นที่ราคา $3,079 — เน้นกลุ่มมืออาชีพมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป https://www.techradar.com/pro/the-worlds-fastest-rugged-tablet-just-launched-and-its-perfect-for-those-who-want-to-work-in-challenging-environments-while-compiling-ai-code
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากบรรทัดแรกของ Microsoft: เมื่อโค้ดที่ Bill Gates เขียนในปี 1976 กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในโลกโอเพ่นซอร์ส

    Microsoft ได้เปิดซอร์สโค้ดของ “BASIC for 6502 Microprocessor – Version 1.1” บน GitHub ภายใต้ MIT license ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถดาวน์โหลด แก้ไข แชร์ หรือแม้แต่ขายซ้ำได้อย่างเสรี โค้ดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมาก เพราะเป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ที่อยู่ในเครื่อง Apple II, Commodore PET, VIC-20 และ Commodore 64—คอมพิวเตอร์ที่ทำให้คนหลายล้านคนเริ่มเขียนโปรแกรมด้วยคำสั่งง่าย ๆ อย่าง:

    10 PRINT “HELLO”
    20 GOTO 10
    RUN

    BASIC เวอร์ชันนี้ถูกพอร์ตโดย Bill Gates และ Ric Weiland ไปยังชิป MOS 6502 ในปี 1976 และถูกใช้ในเครื่องที่ขายดีที่สุดในยุคนั้น เช่น Commodore 64 ซึ่งขายไปมากกว่า 17 ล้านเครื่องทั่วโลก

    ที่น่าสนใจคือ Commodore ได้ซื้อสิทธิ์ใช้โค้ดนี้แบบไม่จำกัดจำนวนเครื่องในราคาเพียง $25,000 โดยไม่มีค่าลิขสิทธิ์รายเครื่อง ซึ่งเป็นดีลที่ดูเล็กในตอนนั้น แต่กลายเป็นการวางรากฐานให้ Microsoft กลายเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก

    โค้ดที่เปิดเผยนี้มีจำนวน 6,955 บรรทัด เป็นภาษา Assembly สำหรับชิป 6502 และยังมีการแก้ไขระบบ garbage collector ที่ Bill Gates ร่วมพัฒนากับวิศวกรของ Commodore ในปี 1978 รวมถึง easter egg ที่ซ่อนอยู่ใน label STORDO และ STORD0 ซึ่ง Gates ยืนยันว่าเขาใส่ไว้เอง

    การเปิดซอร์ส Microsoft BASIC for 6502
    เปิดเผยบน GitHub ภายใต้ MIT license
    มีทั้งหมด 6,955 บรรทัด เป็นภาษา Assembly สำหรับ MOS 6502
    สามารถใช้งาน แก้ไข และเผยแพร่ได้อย่างเสรี

    ความสำคัญทางประวัติศาสตร์
    เป็นซอฟต์แวร์ตัวแรกของ Microsoft ที่เขียนโดย Bill Gates และ Paul Allen
    ถูกใช้ใน Apple II, Commodore PET, VIC-20, และ C64
    เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมสำหรับคนหลายล้านคน

    ดีลกับ Commodore และผลกระทบ
    Commodore ซื้อสิทธิ์ใช้แบบไม่จำกัดในราคา $25,000
    ไม่มีค่าลิขสิทธิ์รายเครื่อง ทำให้ Microsoft ได้การเผยแพร่ในวงกว้าง
    ช่วยให้ Microsoft สร้างชื่อเสียงในยุคเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

    รายละเอียดทางเทคนิคและการพัฒนา
    มีการแก้ไข garbage collector ร่วมกับวิศวกรของ Commodore ในปี 1978
    มี easter egg ที่ซ่อนอยู่ใน label STORDO และ STORD0
    รองรับระบบ Apple II, Commodore PET, KIM-1, OSI และ PDP-10 simulation

    https://www.tomshardware.com/software/bill-gates-48-year-old-microsoft-6502-basic-goes-open-source
    🎙️ เรื่องเล่าจากบรรทัดแรกของ Microsoft: เมื่อโค้ดที่ Bill Gates เขียนในปี 1976 กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในโลกโอเพ่นซอร์ส Microsoft ได้เปิดซอร์สโค้ดของ “BASIC for 6502 Microprocessor – Version 1.1” บน GitHub ภายใต้ MIT license ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถดาวน์โหลด แก้ไข แชร์ หรือแม้แต่ขายซ้ำได้อย่างเสรี โค้ดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมาก เพราะเป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ที่อยู่ในเครื่อง Apple II, Commodore PET, VIC-20 และ Commodore 64—คอมพิวเตอร์ที่ทำให้คนหลายล้านคนเริ่มเขียนโปรแกรมด้วยคำสั่งง่าย ๆ อย่าง: 10 PRINT “HELLO” 20 GOTO 10 RUN BASIC เวอร์ชันนี้ถูกพอร์ตโดย Bill Gates และ Ric Weiland ไปยังชิป MOS 6502 ในปี 1976 และถูกใช้ในเครื่องที่ขายดีที่สุดในยุคนั้น เช่น Commodore 64 ซึ่งขายไปมากกว่า 17 ล้านเครื่องทั่วโลก ที่น่าสนใจคือ Commodore ได้ซื้อสิทธิ์ใช้โค้ดนี้แบบไม่จำกัดจำนวนเครื่องในราคาเพียง $25,000 โดยไม่มีค่าลิขสิทธิ์รายเครื่อง ซึ่งเป็นดีลที่ดูเล็กในตอนนั้น แต่กลายเป็นการวางรากฐานให้ Microsoft กลายเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก โค้ดที่เปิดเผยนี้มีจำนวน 6,955 บรรทัด เป็นภาษา Assembly สำหรับชิป 6502 และยังมีการแก้ไขระบบ garbage collector ที่ Bill Gates ร่วมพัฒนากับวิศวกรของ Commodore ในปี 1978 รวมถึง easter egg ที่ซ่อนอยู่ใน label STORDO และ STORD0 ซึ่ง Gates ยืนยันว่าเขาใส่ไว้เอง ✅ การเปิดซอร์ส Microsoft BASIC for 6502 ➡️ เปิดเผยบน GitHub ภายใต้ MIT license ➡️ มีทั้งหมด 6,955 บรรทัด เป็นภาษา Assembly สำหรับ MOS 6502 ➡️ สามารถใช้งาน แก้ไข และเผยแพร่ได้อย่างเสรี ✅ ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ➡️ เป็นซอฟต์แวร์ตัวแรกของ Microsoft ที่เขียนโดย Bill Gates และ Paul Allen ➡️ ถูกใช้ใน Apple II, Commodore PET, VIC-20, และ C64 ➡️ เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมสำหรับคนหลายล้านคน ✅ ดีลกับ Commodore และผลกระทบ ➡️ Commodore ซื้อสิทธิ์ใช้แบบไม่จำกัดในราคา $25,000 ➡️ ไม่มีค่าลิขสิทธิ์รายเครื่อง ทำให้ Microsoft ได้การเผยแพร่ในวงกว้าง ➡️ ช่วยให้ Microsoft สร้างชื่อเสียงในยุคเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ✅ รายละเอียดทางเทคนิคและการพัฒนา ➡️ มีการแก้ไข garbage collector ร่วมกับวิศวกรของ Commodore ในปี 1978 ➡️ มี easter egg ที่ซ่อนอยู่ใน label STORDO และ STORD0 ➡️ รองรับระบบ Apple II, Commodore PET, KIM-1, OSI และ PDP-10 simulation https://www.tomshardware.com/software/bill-gates-48-year-old-microsoft-6502-basic-goes-open-source
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Bill Gates’ 48-year-old Microsoft 6502 BASIC goes open source
    Named after the MOS Technology 6502 CPU, but a port of BASIC for the Altair 8800 microcomputer (1975) which used the Intel 8080 processor.
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • Looking out at a heavy rain and says "Hello, juicy rain"
    Looking out at a heavy rain and says "Hello, juicy rain" ☔ 🌧️
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • Hello rainy day
    Hello🤗 rainy day☔
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • Hello Have a good day
    Hello 🤗 Have a good day 🥰😊
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • Hello sunshine
    Hello sunshine 😊
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • Hello, juicy rain
    Hello, juicy rain 🌧️☔
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • Hello, little rainstorm
    Hello, little rainstorm 😁😁
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลก PHP: Pipe Operator (|>) ตัวจิ๋วพลังแจ๋วในเวอร์ชัน 8.5

    PHP 8.5 ที่จะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่นักพัฒนาเรียกร้องกันมานาน: “pipe operator” หรือ |> ซึ่งดูเผิน ๆ อาจเหมือนแค่ลูกเล่นเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันเปลี่ยนวิธีเขียนโค้ดให้สะอาดและเข้าใจง่ายขึ้นอย่างมาก

    หลักการของ pipe operator คือการส่งค่าจากด้านซ้ายไปยังฟังก์ชันด้านขวาโดยตรง เช่น:
    $result = "Hello World" |> strlen(...);

    ซึ่งเทียบเท่ากับ:
    $result = strlen("Hello World");

    แต่ความเจ๋งจริง ๆ คือเมื่อใช้แบบ “chain” หรือ “pipeline” เช่น:
    $result = $arr
    |> fn($x) => array_column($x, 'tags')
    |> fn($x) => array_merge(...$x)
    |> array_unique(...)
    |> array_values(...);

    แทนที่จะต้องเขียนแบบ nested function ที่อ่านยากและดูรกสายตา หรือใช้ตัวแปรชั่วคราวหลายตัวให้เปลืองสมอง

    ฟีเจอร์นี้มีแรงบันดาลใจจากภาษา functional เช่น F#, OCaml และ Elixir รวมถึง Hack/HHVM ที่ Facebook เคยพัฒนาไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีการเสนอ RFC มาตั้งแต่ปี 2016 แต่เพิ่งจะได้เห็นผลจริงในปี 2025

    นอกจากนี้ pipe operator ยังรองรับ callables หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันธรรมดา, lambda, arrow function, method ของ class หรือแม้แต่คลาสที่มี __invoke() ก็ใช้ได้หมด ขอแค่รับ argument เดียว

    https://thephp.foundation/blog/2025/07/11/php-85-adds-pipe-operator/
    🔧🧵 เรื่องเล่าจากโลก PHP: Pipe Operator (|>) ตัวจิ๋วพลังแจ๋วในเวอร์ชัน 8.5 PHP 8.5 ที่จะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่นักพัฒนาเรียกร้องกันมานาน: “pipe operator” หรือ |> ซึ่งดูเผิน ๆ อาจเหมือนแค่ลูกเล่นเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันเปลี่ยนวิธีเขียนโค้ดให้สะอาดและเข้าใจง่ายขึ้นอย่างมาก หลักการของ pipe operator คือการส่งค่าจากด้านซ้ายไปยังฟังก์ชันด้านขวาโดยตรง เช่น: $result = "Hello World" |> strlen(...); ซึ่งเทียบเท่ากับ: $result = strlen("Hello World"); แต่ความเจ๋งจริง ๆ คือเมื่อใช้แบบ “chain” หรือ “pipeline” เช่น: $result = $arr |> fn($x) => array_column($x, 'tags') |> fn($x) => array_merge(...$x) |> array_unique(...) |> array_values(...); แทนที่จะต้องเขียนแบบ nested function ที่อ่านยากและดูรกสายตา หรือใช้ตัวแปรชั่วคราวหลายตัวให้เปลืองสมอง ฟีเจอร์นี้มีแรงบันดาลใจจากภาษา functional เช่น F#, OCaml และ Elixir รวมถึง Hack/HHVM ที่ Facebook เคยพัฒนาไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีการเสนอ RFC มาตั้งแต่ปี 2016 แต่เพิ่งจะได้เห็นผลจริงในปี 2025 นอกจากนี้ pipe operator ยังรองรับ callables หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันธรรมดา, lambda, arrow function, method ของ class หรือแม้แต่คลาสที่มี __invoke() ก็ใช้ได้หมด ขอแค่รับ argument เดียว https://thephp.foundation/blog/2025/07/11/php-85-adds-pipe-operator/
    THEPHP.FOUNDATION
    PHP 8.5 Adds Pipe Operator: What it means
    The PHP Foundation — Supporting, Advancing, and Developing the PHP Language
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • Hello, juicy rain
    Hello, juicy rain ☔🤧
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 0 Reviews
  • Hello, juicy rain
    Hello, juicy rain ☔🤧
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 0 Reviews
  • Hello juicy rain
    Hello juicy rain ☔
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • Hello juicy rain with a romantic elderly couple joyfully dances in the rain.
    Hello juicy rain with a romantic elderly couple joyfully dances in the rain.
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • Hello sunshine
    Hello sunshine 👋
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • Hello, would you like to have breakfast together?
    Hello, would you like to have breakfast together?
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • ใครเคยเบื่อกับการจำรหัสผ่านยาว ๆ หรือรำคาญเวลาต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 90 วันบ้างครับ? ตอนนี้ Microsoft กำลังจะทำให้เรื่องพวกนั้นกลายเป็นอดีต เพราะ Windows 11 เริ่มรองรับการใช้ Passkey แบบเต็มรูปแบบผ่านแอป 1Password แล้ว

    ก่อนหน้านี้ แม้เราจะได้ยินเรื่อง passkey จาก Google, Apple, หรือ FIDO2 มาสักพัก แต่ในฝั่ง Windows กลับยังใช้ยาก ต้องอาศัยการตั้งค่าผ่านแอปอื่นหรือใช้กับเว็บไซต์บางเจ้าเท่านั้น

    ล่าสุด Microsoft เปิดให้ทดสอบฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชัน Insider Preview โดย:
    - ผู้ใช้สามารถเก็บและใช้ passkey ที่ผูกกับบัญชี Windows ได้เลย
    - รองรับการยืนยันตัวตนด้วย Windows Hello (เช่น สแกนลายนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือ PIN)
    - ปลดล็อกให้ 1Password มาเป็น “ตัวจัดการ passkey” แทนรหัสผ่านปกติได้โดยตรง

    นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบ login แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless) ที่ปลอดภัยและลื่นไหลที่สุดตั้งแต่มี Windows มาเลยครับ

    Windows 11 รองรับ Passkey แบบเต็มตัวผ่านการร่วมมือกับ 1Password  
    • ผู้ใช้สามารถเก็บ–ใช้ passkey จาก 1Password ได้ในระบบ Windows โดยตรง  
    • ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตน

    Microsoft ปล่อยฟีเจอร์ใน Windows 11 Insider Build 26200.5670 (KB5060838)  
    • ต้องเปิดใช้ผ่าน Settings > Passkeys > Advanced > Credential Manager Plugin  
    • จากนั้นเปิดใช้งานและยืนยันตนผ่าน Windows Hello

    มี Credential Manager API ใหม่สำหรับให้ password manager รายอื่นพัฒนา integration กับ Windows ได้ในอนาคต

    Microsoft กำลังทยอยเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดเป็น “passkey-first”  
    • เริ่มจาก Microsoft Authenticator ที่จะลบการเก็บรหัสผ่านในเดือนสิงหาคม 2025  
    • สร้างบัญชี Microsoft ใหม่จะไม่ให้ใช้ password แต่ใช้ passkey แทน

    https://www.techradar.com/pro/security/its-about-time-microsoft-finally-rolls-out-better-passkey-integration-in-windows
    ใครเคยเบื่อกับการจำรหัสผ่านยาว ๆ หรือรำคาญเวลาต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 90 วันบ้างครับ? ตอนนี้ Microsoft กำลังจะทำให้เรื่องพวกนั้นกลายเป็นอดีต เพราะ Windows 11 เริ่มรองรับการใช้ Passkey แบบเต็มรูปแบบผ่านแอป 1Password แล้ว ก่อนหน้านี้ แม้เราจะได้ยินเรื่อง passkey จาก Google, Apple, หรือ FIDO2 มาสักพัก แต่ในฝั่ง Windows กลับยังใช้ยาก ต้องอาศัยการตั้งค่าผ่านแอปอื่นหรือใช้กับเว็บไซต์บางเจ้าเท่านั้น ล่าสุด Microsoft เปิดให้ทดสอบฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชัน Insider Preview โดย: - ผู้ใช้สามารถเก็บและใช้ passkey ที่ผูกกับบัญชี Windows ได้เลย - รองรับการยืนยันตัวตนด้วย Windows Hello (เช่น สแกนลายนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือ PIN) - ปลดล็อกให้ 1Password มาเป็น “ตัวจัดการ passkey” แทนรหัสผ่านปกติได้โดยตรง นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบ login แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless) ที่ปลอดภัยและลื่นไหลที่สุดตั้งแต่มี Windows มาเลยครับ ✅ Windows 11 รองรับ Passkey แบบเต็มตัวผ่านการร่วมมือกับ 1Password   • ผู้ใช้สามารถเก็บ–ใช้ passkey จาก 1Password ได้ในระบบ Windows โดยตรง   • ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตน ✅ Microsoft ปล่อยฟีเจอร์ใน Windows 11 Insider Build 26200.5670 (KB5060838)   • ต้องเปิดใช้ผ่าน Settings > Passkeys > Advanced > Credential Manager Plugin   • จากนั้นเปิดใช้งานและยืนยันตนผ่าน Windows Hello ✅ มี Credential Manager API ใหม่สำหรับให้ password manager รายอื่นพัฒนา integration กับ Windows ได้ในอนาคต ✅ Microsoft กำลังทยอยเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดเป็น “passkey-first”   • เริ่มจาก Microsoft Authenticator ที่จะลบการเก็บรหัสผ่านในเดือนสิงหาคม 2025   • สร้างบัญชี Microsoft ใหม่จะไม่ให้ใช้ password แต่ใช้ passkey แทน https://www.techradar.com/pro/security/its-about-time-microsoft-finally-rolls-out-better-passkey-integration-in-windows
    0 Comments 0 Shares 381 Views 0 Reviews
  • Hello juicy rain
    Hello juicy rain ☔
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • Hello Pride Month
    .
    #PrideMonth2025
    #PrideMonth
    Hello Pride Month 🏳️‍🌈 . #PrideMonth2025 #PrideMonth
    0 Comments 0 Shares 201 Views 0 Reviews
  • Say hello to juicy rain
    Say hello to juicy rain ☔😜
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • Hello juicy rain
    Hello juicy rain ☔🌧️
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • Microsoft ปรับปรุงระบบความปลอดภัยของ Windows 11 ด้วยฟีเจอร์ Administrator Protection

    Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานบัญชี Administrator โดยใช้หลักการ Just-in-Time Admin Rights ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้สิทธิ์ระดับสูงโดยไม่จำเป็น

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Administrator Protection
    Windows 11 ใช้หลักการ Just-in-Time Admin Rights เพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    - ระบบจะ ให้สิทธิ์ระดับสูงเฉพาะเมื่อจำเป็น และลบสิทธิ์นั้นทันทีหลังจากใช้งานเสร็จ

    ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนผ่าน Windows Hello ก่อนรับสิทธิ์ Administrator
    - ใช้ การสแกนใบหน้า หรือลายนิ้วมือเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

    Microsoft ปรับการตั้งค่าเริ่มต้นของ Windows 11 ให้ปิดการเข้าถึงกล้อง, ไมโครโฟน และข้อมูลตำแหน่ง
    - หากแอปต้องการใช้ ผู้ใช้ต้องให้สิทธิ์อย่างชัดเจน

    นักพัฒนาต้องปรับแอปให้ทำงานได้แม้การตั้งค่าเริ่มต้นของ Windows จะปิดการเข้าถึงอุปกรณ์
    - เพื่อ ให้แน่ใจว่าแอปสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ระดับสูง

    Microsoft คาดว่าจะเปิดตัวฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการใน Windows 11 24H2
    - ปัจจุบัน อยู่ในช่วงทดสอบใน Canary Channel

    https://www.neowin.net/news/windows-11-administrator-protection-gets-even-better-microsoft-explains-how/
    Microsoft ปรับปรุงระบบความปลอดภัยของ Windows 11 ด้วยฟีเจอร์ Administrator Protection Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานบัญชี Administrator โดยใช้หลักการ Just-in-Time Admin Rights ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้สิทธิ์ระดับสูงโดยไม่จำเป็น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Administrator Protection ✅ Windows 11 ใช้หลักการ Just-in-Time Admin Rights เพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย - ระบบจะ ให้สิทธิ์ระดับสูงเฉพาะเมื่อจำเป็น และลบสิทธิ์นั้นทันทีหลังจากใช้งานเสร็จ ✅ ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนผ่าน Windows Hello ก่อนรับสิทธิ์ Administrator - ใช้ การสแกนใบหน้า หรือลายนิ้วมือเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ✅ Microsoft ปรับการตั้งค่าเริ่มต้นของ Windows 11 ให้ปิดการเข้าถึงกล้อง, ไมโครโฟน และข้อมูลตำแหน่ง - หากแอปต้องการใช้ ผู้ใช้ต้องให้สิทธิ์อย่างชัดเจน ✅ นักพัฒนาต้องปรับแอปให้ทำงานได้แม้การตั้งค่าเริ่มต้นของ Windows จะปิดการเข้าถึงอุปกรณ์ - เพื่อ ให้แน่ใจว่าแอปสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ระดับสูง ✅ Microsoft คาดว่าจะเปิดตัวฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการใน Windows 11 24H2 - ปัจจุบัน อยู่ในช่วงทดสอบใน Canary Channel https://www.neowin.net/news/windows-11-administrator-protection-gets-even-better-microsoft-explains-how/
    WWW.NEOWIN.NET
    Windows 11 Administrator protection gets even better, Microsoft explains how
    Microsoft is making Administrator protection on Windows 11 even better with some cool new changes to how it works.
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • Microsoft เลื่อนการอัปเกรด AI สำหรับแอป Settings ใน Windows 11 Microsoft ประกาศว่า จะไม่มีการปล่อย Windows 11 Insider Preview Build ในสัปดาห์นี้ เนื่องจาก พบข้อผิดพลาดร้ายแรงใน Canary Channel ซึ่งส่งผลกระทบต่อ ฟีเจอร์สำคัญ เช่น Bluetooth, Wi-Fi, การเชื่อมต่อ USB และกล้อง

    นอกจากนี้ การอัปเกรด AI สำหรับแอป Settings ที่ Microsoft สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ก็ถูกเลื่อนออกไป โดยทีมงาน Windows Insider ระบุว่า จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาดและปล่อยอัปเดตใหม่ในสัปดาห์หน้า

    Microsoft เลื่อนการปล่อย Windows 11 Insider Preview Build ในสัปดาห์นี้
    - เนื่องจาก พบข้อผิดพลาดร้ายแรงใน Canary Channel

    ข้อผิดพลาดส่งผลกระทบต่อฟีเจอร์สำคัญ เช่น Bluetooth, Wi-Fi และการเชื่อมต่อ USB
    - รวมถึง กล้องที่ใช้ Windows Hello

    การอัปเกรด AI สำหรับแอป Settings ถูกเลื่อนออกไป
    - Microsoft ระบุว่า จะปล่อยอัปเดตใหม่ในสัปดาห์หน้า

    Brandon LeBlanc จากทีม Windows Insider ยืนยันว่ามีการแก้ไขข้อผิดพลาดแล้ว
    - คาดว่า จะสามารถปล่อยอัปเดตได้เร็ว ๆ นี้

    Windows Insider Program ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการทดสอบฟีเจอร์ใหม่
    - ผู้ใช้สามารถ ติดตามการอัปเดตผ่านช่องทาง Dev, Beta และ Canary

    https://www.neowin.net/news/microsoft-delays-promised-ai-upgrade-for-settings-app-no-new-windows-11-builds-this-week/
    Microsoft เลื่อนการอัปเกรด AI สำหรับแอป Settings ใน Windows 11 Microsoft ประกาศว่า จะไม่มีการปล่อย Windows 11 Insider Preview Build ในสัปดาห์นี้ เนื่องจาก พบข้อผิดพลาดร้ายแรงใน Canary Channel ซึ่งส่งผลกระทบต่อ ฟีเจอร์สำคัญ เช่น Bluetooth, Wi-Fi, การเชื่อมต่อ USB และกล้อง นอกจากนี้ การอัปเกรด AI สำหรับแอป Settings ที่ Microsoft สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ก็ถูกเลื่อนออกไป โดยทีมงาน Windows Insider ระบุว่า จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาดและปล่อยอัปเดตใหม่ในสัปดาห์หน้า ✅ Microsoft เลื่อนการปล่อย Windows 11 Insider Preview Build ในสัปดาห์นี้ - เนื่องจาก พบข้อผิดพลาดร้ายแรงใน Canary Channel ✅ ข้อผิดพลาดส่งผลกระทบต่อฟีเจอร์สำคัญ เช่น Bluetooth, Wi-Fi และการเชื่อมต่อ USB - รวมถึง กล้องที่ใช้ Windows Hello ✅ การอัปเกรด AI สำหรับแอป Settings ถูกเลื่อนออกไป - Microsoft ระบุว่า จะปล่อยอัปเดตใหม่ในสัปดาห์หน้า ✅ Brandon LeBlanc จากทีม Windows Insider ยืนยันว่ามีการแก้ไขข้อผิดพลาดแล้ว - คาดว่า จะสามารถปล่อยอัปเดตได้เร็ว ๆ นี้ ✅ Windows Insider Program ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการทดสอบฟีเจอร์ใหม่ - ผู้ใช้สามารถ ติดตามการอัปเดตผ่านช่องทาง Dev, Beta และ Canary https://www.neowin.net/news/microsoft-delays-promised-ai-upgrade-for-settings-app-no-new-windows-11-builds-this-week/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft delays promised AI upgrade for Settings app, no new Windows 11 builds this week
    Major last-minute bugs ruin Microsoft's plans for new Windows 11 preview builds and new features, including the AI upgrade for the Settings app.
    0 Comments 0 Shares 333 Views 0 Reviews
More Results