• https://youtube.com/watch?v=1fRf_5F5tL4&si=BIIMdfdIYlI9nV5d

    https://youtube.com/watch?v=1fRf_5F5tL4&si=BIIMdfdIYlI9nV5d
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • “MSI ยืนยันเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 รองรับ Ryzen Zen 6 — อัปเกรดได้ยาวถึงปี 2027 โดยไม่ต้องเปลี่ยนบอร์ด”

    MSI ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 ที่วางจำหน่ายในปัจจุบันจะรองรับซีพียู AMD Ryzen รุ่นถัดไปที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้สาย DIY ที่ลงทุนกับแพลตฟอร์ม AM5 เพราะหมายความว่าเมนบอร์ดที่มีอยู่จะยังใช้งานได้กับซีพียูรุ่นใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่

    AM5 เปิดตัวครั้งแรกพร้อม Ryzen 7000 (Zen 4) และปัจจุบันรองรับ Ryzen 9000 (Zen 5) รวมถึง Ryzen 8000G APU ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มนี้รองรับซีพียูถึง 3 เจเนอเรชันแล้ว และจะขยายไปถึง Zen 6 ในอนาคต

    MSI ยังเตรียมเปิดตัวเมนบอร์ดรุ่น “MAX” ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น external BCLK generator และ BIOS ขนาด 64MB เพื่อรองรับเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการเพิ่มการรองรับ Zen 6 และไมโครโค้ดใหม่ ๆ

    นอกจากนี้ยังมีการพบดีไซน์ใหม่ในเมนบอร์ดรุ่น B850I EDGE TI EVO WIFI ที่แสดงให้เห็นว่า MSI กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับ Zen 6 อย่างจริงจัง และมีรายงานว่า AMD ได้ส่งตัวอย่างซีพียู Zen 6 ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อทดสอบความเข้ากันได้แล้ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    MSI ยืนยันว่าเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 รองรับซีพียู Ryzen Zen 6
    Zen 6 คาดว่าจะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังของปี 2026
    AM5 รองรับ Ryzen 7000 (Zen 4), Ryzen 9000 (Zen 5) และ Ryzen 8000G
    เมนบอร์ดรุ่น “MAX” จะมี BCLK generator และ BIOS ขนาด 64MB
    MSI เตรียมเปิดตัวเมนบอร์ด B850I EDGE TI EVO WIFI ที่รองรับ Zen 6
    AMD ได้ส่งตัวอย่าง Zen 6 ให้ผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อทดสอบแล้ว
    การรองรับ Zen 6 สะท้อนความมุ่งมั่นของ AMD ต่อแพลตฟอร์ม AM5
    ผู้ใช้สามารถอัปเกรดซีพียูในอนาคตโดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Zen 6 ใช้โค้ดเนม “Morpheus” และผลิตบนเทคโนโลยี 2nm ของ TSMC
    Zen 6 เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ และมี L3 cache สูงสุด 48MB
    AMD ยืนยันว่าจะสนับสนุน AM5 ไปจนถึงปี 2027 และอาจต่อเนื่องกว่านั้น
    การมี BIOS ขนาดใหญ่ช่วยให้รองรับเฟิร์มแวร์ใหม่ได้โดยไม่ต้องลดฟีเจอร์
    การใช้ BCLK generator ช่วยให้โอเวอร์คล็อกได้แม่นยำและเสถียรมากขึ้น

    https://wccftech.com/msi-confirms-future-amd-ryzen-zen-6-cpu-support-on-am5-800-motherboards/
    🧩 “MSI ยืนยันเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 รองรับ Ryzen Zen 6 — อัปเกรดได้ยาวถึงปี 2027 โดยไม่ต้องเปลี่ยนบอร์ด” MSI ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 ที่วางจำหน่ายในปัจจุบันจะรองรับซีพียู AMD Ryzen รุ่นถัดไปที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้สาย DIY ที่ลงทุนกับแพลตฟอร์ม AM5 เพราะหมายความว่าเมนบอร์ดที่มีอยู่จะยังใช้งานได้กับซีพียูรุ่นใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ AM5 เปิดตัวครั้งแรกพร้อม Ryzen 7000 (Zen 4) และปัจจุบันรองรับ Ryzen 9000 (Zen 5) รวมถึง Ryzen 8000G APU ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มนี้รองรับซีพียูถึง 3 เจเนอเรชันแล้ว และจะขยายไปถึง Zen 6 ในอนาคต MSI ยังเตรียมเปิดตัวเมนบอร์ดรุ่น “MAX” ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น external BCLK generator และ BIOS ขนาด 64MB เพื่อรองรับเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการเพิ่มการรองรับ Zen 6 และไมโครโค้ดใหม่ ๆ นอกจากนี้ยังมีการพบดีไซน์ใหม่ในเมนบอร์ดรุ่น B850I EDGE TI EVO WIFI ที่แสดงให้เห็นว่า MSI กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับ Zen 6 อย่างจริงจัง และมีรายงานว่า AMD ได้ส่งตัวอย่างซีพียู Zen 6 ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อทดสอบความเข้ากันได้แล้ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ MSI ยืนยันว่าเมนบอร์ด AM5 ซีรีส์ 800 รองรับซีพียู Ryzen Zen 6 ➡️ Zen 6 คาดว่าจะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ➡️ AM5 รองรับ Ryzen 7000 (Zen 4), Ryzen 9000 (Zen 5) และ Ryzen 8000G ➡️ เมนบอร์ดรุ่น “MAX” จะมี BCLK generator และ BIOS ขนาด 64MB ➡️ MSI เตรียมเปิดตัวเมนบอร์ด B850I EDGE TI EVO WIFI ที่รองรับ Zen 6 ➡️ AMD ได้ส่งตัวอย่าง Zen 6 ให้ผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อทดสอบแล้ว ➡️ การรองรับ Zen 6 สะท้อนความมุ่งมั่นของ AMD ต่อแพลตฟอร์ม AM5 ➡️ ผู้ใช้สามารถอัปเกรดซีพียูในอนาคตโดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Zen 6 ใช้โค้ดเนม “Morpheus” และผลิตบนเทคโนโลยี 2nm ของ TSMC ➡️ Zen 6 เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ และมี L3 cache สูงสุด 48MB ➡️ AMD ยืนยันว่าจะสนับสนุน AM5 ไปจนถึงปี 2027 และอาจต่อเนื่องกว่านั้น ➡️ การมี BIOS ขนาดใหญ่ช่วยให้รองรับเฟิร์มแวร์ใหม่ได้โดยไม่ต้องลดฟีเจอร์ ➡️ การใช้ BCLK generator ช่วยให้โอเวอร์คล็อกได้แม่นยำและเสถียรมากขึ้น https://wccftech.com/msi-confirms-future-amd-ryzen-zen-6-cpu-support-on-am5-800-motherboards/
    WCCFTECH.COM
    MSI Confirms "Future CPU" Support On Its AM5 800-Series Motherboards, Pointing Towards Zen 6 Ryzen
    MSI has confirmed that its current AM5 800-series motherboards will support AMD's next-gen Ryzen CPUs based on Zen 6 architecture.
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • “EA กลายเป็นอัญมณีแห่ง Vision 2030 — ซาอุฯ เท 55 พันล้านเหรียญซื้อกิจการ พร้อมปั้นอุตสาหกรรมเกมระดับโลก”

    Electronic Arts (EA) ผู้สร้างเกมระดับตำนานอย่าง Battlefield, FIFA และ The Sims กำลังกลายเป็นหัวใจของแผนยุทธศาสตร์ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบีย หลังจาก Public Investment Fund (PIF) ของประเทศจับมือกับ Silver Lake และ Affinity Partners (กองทุนของ Jared Kushner) ประกาศซื้อกิจการ EA ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ2

    ดีลนี้ถือเป็นการซื้อกิจการแบบ leveraged buyout ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย PIF จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ EA ขณะที่ Affinity Partners จะถือหุ้น 5% และ Silver Lake จะขยายพอร์ตด้านเกม กีฬา และบันเทิงอย่างมหาศาล

    เหตุผลเบื้องหลังดีลนี้ไม่ใช่แค่เรื่องกำไร — แต่คือการสร้าง “อำนาจทางวัฒนธรรม” ผ่านเกม โดย Crown Prince Mohammed bin Salman เคยกล่าวว่าเขาเล่นเกมกับเพื่อนและลูกเป็นประจำ และต้องการให้ซาอุฯ เป็น “ศูนย์กลางโลกด้านเกมและอีสปอร์ต” ภายในปี 2030

    PIF ซึ่งมีสินทรัพย์เกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ได้ลงทุนในบริษัทเกมหลายแห่ง เช่น Activision Blizzard, Nintendo และ Take-Two Interactive ผ่าน Savvy Games Group และยังมีโครงการ Qiddiya ที่จะสร้างเมืองแห่งเกมและความบันเทิงในริยาด พร้อมเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยว 10 ล้านคนต่อปี

    EA จะยังคงมีสำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย และ CEO Andrew Wilson จะยังคงดำรงตำแหน่ง โดยผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินสด 210 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาปิดก่อนข่าวดีลถึง 25% แม้บางนักวิเคราะห์จะมองว่าราคานี้ยังต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริงของ EA

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    EA ถูกซื้อกิจการโดยกลุ่มทุน PIF, Silver Lake และ Affinity Partners ด้วยมูลค่า 55 พันล้านดอลลาร์
    PIF จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และ Affinity Partners ถือหุ้น 5%
    ดีลนี้ถือเป็น leveraged buyout ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    EA จะยังคงมีสำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย และ CEO คนเดิม
    ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินสด 210 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าราคาปิดก่อนดีล 25%
    ซาอุฯ ต้องการใช้ EA เป็นเครื่องมือสร้างอำนาจทางวัฒนธรรมผ่านเกม
    Vision 2030 ตั้งเป้าให้ประเทศเป็นศูนย์กลางเกมและอีสปอร์ต
    PIF มีการลงทุนใน Activision Blizzard, Nintendo และ Take-Two ผ่าน Savvy Games Group
    โครงการ Qiddiya จะสร้างเมืองแห่งเกมในริยาด ดึงดูดนักท่องเที่ยว 10 ล้านคนต่อปี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    EA มีแฟรนไชส์เกมระดับโลก เช่น FIFA, Battlefield, The Sims, Apex Legends
    Silver Lake เป็นบริษัททุนที่มีพอร์ตใน Dell, Learfield, Noom และ TikTok
    Jared Kushner ก่อตั้ง Affinity Partners ในปี 2021 โดยมีทุนจากซาอุฯ กาตาร์ และ UAE
    Vision 2030 เป็นแผนยุทธศาสตร์ของซาอุฯ ที่เน้นการลดการพึ่งพาน้ำมัน
    อุตสาหกรรมเกมมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15–25% ต่อปีในกลุ่มอีสปอร์ต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/01/from-riyadh-to-silicon-valley-how-ea-became-the-jewel-of-saudi-arabia039s-gaming-vision
    🎮 “EA กลายเป็นอัญมณีแห่ง Vision 2030 — ซาอุฯ เท 55 พันล้านเหรียญซื้อกิจการ พร้อมปั้นอุตสาหกรรมเกมระดับโลก” Electronic Arts (EA) ผู้สร้างเกมระดับตำนานอย่าง Battlefield, FIFA และ The Sims กำลังกลายเป็นหัวใจของแผนยุทธศาสตร์ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบีย หลังจาก Public Investment Fund (PIF) ของประเทศจับมือกับ Silver Lake และ Affinity Partners (กองทุนของ Jared Kushner) ประกาศซื้อกิจการ EA ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ2 ดีลนี้ถือเป็นการซื้อกิจการแบบ leveraged buyout ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย PIF จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ EA ขณะที่ Affinity Partners จะถือหุ้น 5% และ Silver Lake จะขยายพอร์ตด้านเกม กีฬา และบันเทิงอย่างมหาศาล เหตุผลเบื้องหลังดีลนี้ไม่ใช่แค่เรื่องกำไร — แต่คือการสร้าง “อำนาจทางวัฒนธรรม” ผ่านเกม โดย Crown Prince Mohammed bin Salman เคยกล่าวว่าเขาเล่นเกมกับเพื่อนและลูกเป็นประจำ และต้องการให้ซาอุฯ เป็น “ศูนย์กลางโลกด้านเกมและอีสปอร์ต” ภายในปี 2030 PIF ซึ่งมีสินทรัพย์เกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ได้ลงทุนในบริษัทเกมหลายแห่ง เช่น Activision Blizzard, Nintendo และ Take-Two Interactive ผ่าน Savvy Games Group และยังมีโครงการ Qiddiya ที่จะสร้างเมืองแห่งเกมและความบันเทิงในริยาด พร้อมเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยว 10 ล้านคนต่อปี EA จะยังคงมีสำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย และ CEO Andrew Wilson จะยังคงดำรงตำแหน่ง โดยผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินสด 210 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาปิดก่อนข่าวดีลถึง 25% แม้บางนักวิเคราะห์จะมองว่าราคานี้ยังต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริงของ EA ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ EA ถูกซื้อกิจการโดยกลุ่มทุน PIF, Silver Lake และ Affinity Partners ด้วยมูลค่า 55 พันล้านดอลลาร์ ➡️ PIF จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และ Affinity Partners ถือหุ้น 5% ➡️ ดีลนี้ถือเป็น leveraged buyout ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ➡️ EA จะยังคงมีสำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย และ CEO คนเดิม ➡️ ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินสด 210 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าราคาปิดก่อนดีล 25% ➡️ ซาอุฯ ต้องการใช้ EA เป็นเครื่องมือสร้างอำนาจทางวัฒนธรรมผ่านเกม ➡️ Vision 2030 ตั้งเป้าให้ประเทศเป็นศูนย์กลางเกมและอีสปอร์ต ➡️ PIF มีการลงทุนใน Activision Blizzard, Nintendo และ Take-Two ผ่าน Savvy Games Group ➡️ โครงการ Qiddiya จะสร้างเมืองแห่งเกมในริยาด ดึงดูดนักท่องเที่ยว 10 ล้านคนต่อปี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ EA มีแฟรนไชส์เกมระดับโลก เช่น FIFA, Battlefield, The Sims, Apex Legends ➡️ Silver Lake เป็นบริษัททุนที่มีพอร์ตใน Dell, Learfield, Noom และ TikTok ➡️ Jared Kushner ก่อตั้ง Affinity Partners ในปี 2021 โดยมีทุนจากซาอุฯ กาตาร์ และ UAE ➡️ Vision 2030 เป็นแผนยุทธศาสตร์ของซาอุฯ ที่เน้นการลดการพึ่งพาน้ำมัน ➡️ อุตสาหกรรมเกมมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15–25% ต่อปีในกลุ่มอีสปอร์ต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/01/from-riyadh-to-silicon-valley-how-ea-became-the-jewel-of-saudi-arabia039s-gaming-vision
    WWW.THESTAR.COM.MY
    From Riyadh to Silicon Valley: How EA became the jewel of Saudi Arabia's gaming vision
    LONDON(Reuters) -For years, tech-focused buyout group Silver Lake coveted video game developer Electronic Arts, the power behind the popular "Battlefield" and "Madden NFL" series.
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/oXVqJLNcDIY?si=dSC00DLm0BDkkTAB
    https://youtube.com/shorts/oXVqJLNcDIY?si=dSC00DLm0BDkkTAB
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • หมดปัญหาเรื่องน้ำมัน! เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ (Pressée à huile) ทำเองง่าย ๆ ได้น้ำมันบริสุทธิ์ 100%!
    คุณเคยสงสัยไหมว่าน้ำมันที่เราใช้ทำอาหารทุกวันนี้ มันบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า? ถึงเวลาเปลี่ยนมา ทำน้ำมันเองที่บ้าน แบบสดใหม่ ปลอดภัย ไร้สารเคมี ด้วย เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ!

    เครื่องเล็กแต่แจ๋ว! กำลังสกัดแน่น ไม่เปลืองไฟ!

    เครื่องนี้คือที่สุดของความลงตัว! ถึงแม้จะสกัดได้แรงด้วยกำลังไฟ 500W ถึง 1500W แต่ไม่ต้องกลัวค่าไฟพุ่ง! เพราะเป็น ระบบประหยัดพลังงานสุดอัจฉริยะ บีบถั่วลิสง 1 ชั่วโมง ใช้ไฟแค่ 0.5 ถึง 0.6 kwh เท่านั้น!
    ถ้าบังเอิญมีวัตถุดิบแข็ง ๆ ติดขัด ไม่ต้องตกใจ! เครื่องมีฟังก์ชัน 'ย้อนกลับ' (Inversion) แค่ 3−5 วินาที ก็คลายปัญหาได้ทันที! ไม่ต้องเสียเวลามาแกะให้ยุ่งยาก!

    อย่ารอช้า! มาดูเครื่องจริงได้เลย!

    อยากทดลองสกัด อยากเห็นการทำงาน หรืออยากปรึกษาเรื่องการทำน้ำมันเพื่อสุขภาพ? แวะมาหาเราเลย! ทีมงานพร้อมดูแลและให้คำแนะนำแบบเป็นกันเองที่สุด

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องสกัดน้ำมัน #เครื่องบีบน้ำมัน #น้ำมันสกัดเย็น #น้ำมันเพื่อสุขภาพ #ทำน้ำมันเอง #น้ำมันบริสุทธิ์ #เครื่องครัว #สุขภาพดี #ออร์แกนิค #โฮมเมด #DIYOil #HealthyOil #OilPressMachine #ColdPress #HotPress #ครัวเรือน #เมล็ดพืช #น้ำมันถั่วลิสง #น้ำมันงา #น้ำมันวอลนัท #น้ำมันทานตะวัน #เครื่องมือเกษตร #ธุรกิจอาหาร #ลงทุนทำธุรกิจ #เทคโนโลยีครัว #อัจฉริยะ #ประหยัดไฟ #บรรทัดทอง #ยงฮะเฮง #yonghahheng
    🎉 หมดปัญหาเรื่องน้ำมัน! เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ (Pressée à huile) ทำเองง่าย ๆ ได้น้ำมันบริสุทธิ์ 100%! 🤩 คุณเคยสงสัยไหมว่าน้ำมันที่เราใช้ทำอาหารทุกวันนี้ มันบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า? 🤔 ถึงเวลาเปลี่ยนมา ทำน้ำมันเองที่บ้าน แบบสดใหม่ ปลอดภัย ไร้สารเคมี ด้วย เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ! 🏡✨ 🚀 เครื่องเล็กแต่แจ๋ว! กำลังสกัดแน่น ไม่เปลืองไฟ! เครื่องนี้คือที่สุดของความลงตัว! ถึงแม้จะสกัดได้แรงด้วยกำลังไฟ 500W ถึง 1500W แต่ไม่ต้องกลัวค่าไฟพุ่ง! เพราะเป็น ระบบประหยัดพลังงานสุดอัจฉริยะ บีบถั่วลิสง 1 ชั่วโมง ใช้ไฟแค่ 0.5 ถึง 0.6 kwh เท่านั้น! 💡 ถ้าบังเอิญมีวัตถุดิบแข็ง ๆ ติดขัด ไม่ต้องตกใจ! เครื่องมีฟังก์ชัน 'ย้อนกลับ' (Inversion) แค่ 3−5 วินาที ก็คลายปัญหาได้ทันที! 🔄 ไม่ต้องเสียเวลามาแกะให้ยุ่งยาก! 📍 อย่ารอช้า! มาดูเครื่องจริงได้เลย! อยากทดลองสกัด อยากเห็นการทำงาน หรืออยากปรึกษาเรื่องการทำน้ำมันเพื่อสุขภาพ? แวะมาหาเราเลย! ทีมงานพร้อมดูแลและให้คำแนะนำแบบเป็นกันเองที่สุด 😊 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องสกัดน้ำมัน #เครื่องบีบน้ำมัน #น้ำมันสกัดเย็น #น้ำมันเพื่อสุขภาพ #ทำน้ำมันเอง #น้ำมันบริสุทธิ์ #เครื่องครัว #สุขภาพดี #ออร์แกนิค #โฮมเมด #DIYOil #HealthyOil #OilPressMachine #ColdPress #HotPress #ครัวเรือน #เมล็ดพืช #น้ำมันถั่วลิสง #น้ำมันงา #น้ำมันวอลนัท #น้ำมันทานตะวัน #เครื่องมือเกษตร #ธุรกิจอาหาร #ลงทุนทำธุรกิจ #เทคโนโลยีครัว #อัจฉริยะ #ประหยัดไฟ #บรรทัดทอง #ยงฮะเฮง #yonghahheng
    0 Comments 0 Shares 241 Views 0 0 Reviews
  • หมดปัญหาเรื่องน้ำมัน! เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ (Pressée à huile) ทำเองง่าย ๆ ได้น้ำมันบริสุทธิ์ 100%!
    คุณเคยสงสัยไหมว่าน้ำมันที่เราใช้ทำอาหารทุกวันนี้ มันบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า? ถึงเวลาเปลี่ยนมา ทำน้ำมันเองที่บ้าน แบบสดใหม่ ปลอดภัย ไร้สารเคมี ด้วย เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ!
    เครื่องเล็กแต่แจ๋ว! กำลังสกัดแน่น ไม่เปลืองไฟ!
    เครื่องนี้คือที่สุดของความลงตัว! ถึงแม้จะสกัดได้แรงด้วยกำลังไฟ 500W ถึง 1500W แต่ไม่ต้องกลัวค่าไฟพุ่ง! เพราะเป็น ระบบประหยัดพลังงานสุดอัจฉริยะ บีบถั่วลิสง 1 ชั่วโมง ใช้ไฟแค่ 0.5 ถึง 0.6 kwh เท่านั้น!
    ถ้าบังเอิญมีวัตถุดิบแข็ง ๆ ติดขัด ไม่ต้องตกใจ! เครื่องมีฟังก์ชัน 'ย้อนกลับ' (Inversion) แค่ 3−5 วินาที ก็คลายปัญหาได้ทันที! ไม่ต้องเสียเวลามาแกะให้ยุ่งยาก!
    อย่ารอช้า! มาดูเครื่องจริงได้เลย!
    อยากทดลองสกัด อยากเห็นการทำงาน หรืออยากปรึกษาเรื่องการทำน้ำมันเพื่อสุขภาพ? แวะมาหาเราเลย! ทีมงานพร้อมดูแลและให้คำแนะนำแบบเป็นกันเองที่สุด
    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    #เครื่องสกัดน้ำมัน #เครื่องบีบน้ำมัน #น้ำมันสกัดเย็น #น้ำมันเพื่อสุขภาพ #ทำน้ำมันเอง #น้ำมันบริสุทธิ์ #เครื่องครัว #สุขภาพดี #ออร์แกนิค #โฮมเมด #DIYOil #HealthyOil #OilPressMachine #ColdPress #HotPress #ครัวเรือน #เมล็ดพืช #น้ำมันถั่วลิสง #น้ำมันงา #น้ำมันวอลนัท #น้ำมันทานตะวัน #เครื่องมือเกษตร #ธุรกิจอาหาร #ลงทุนทำธุรกิจ #เทคโนโลยีครัว #อัจฉริยะ #ประหยัดไฟ #บรรทัดทอง #ยงฮะเฮง #yonghahheng
    🎉 หมดปัญหาเรื่องน้ำมัน! เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ (Pressée à huile) ทำเองง่าย ๆ ได้น้ำมันบริสุทธิ์ 100%! 🤩 คุณเคยสงสัยไหมว่าน้ำมันที่เราใช้ทำอาหารทุกวันนี้ มันบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า? 🤔 ถึงเวลาเปลี่ยนมา ทำน้ำมันเองที่บ้าน แบบสดใหม่ ปลอดภัย ไร้สารเคมี ด้วย เครื่องสกัดน้ำมันอัจฉริยะ! 🏡✨ 🚀 เครื่องเล็กแต่แจ๋ว! กำลังสกัดแน่น ไม่เปลืองไฟ! เครื่องนี้คือที่สุดของความลงตัว! ถึงแม้จะสกัดได้แรงด้วยกำลังไฟ 500W ถึง 1500W แต่ไม่ต้องกลัวค่าไฟพุ่ง! เพราะเป็น ระบบประหยัดพลังงานสุดอัจฉริยะ บีบถั่วลิสง 1 ชั่วโมง ใช้ไฟแค่ 0.5 ถึง 0.6 kwh เท่านั้น! 💡 ถ้าบังเอิญมีวัตถุดิบแข็ง ๆ ติดขัด ไม่ต้องตกใจ! เครื่องมีฟังก์ชัน 'ย้อนกลับ' (Inversion) แค่ 3−5 วินาที ก็คลายปัญหาได้ทันที! 🔄 ไม่ต้องเสียเวลามาแกะให้ยุ่งยาก! 📍 อย่ารอช้า! มาดูเครื่องจริงได้เลย! อยากทดลองสกัด อยากเห็นการทำงาน หรืออยากปรึกษาเรื่องการทำน้ำมันเพื่อสุขภาพ? แวะมาหาเราเลย! ทีมงานพร้อมดูแลและให้คำแนะนำแบบเป็นกันเองที่สุด 😊 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องสกัดน้ำมัน #เครื่องบีบน้ำมัน #น้ำมันสกัดเย็น #น้ำมันเพื่อสุขภาพ #ทำน้ำมันเอง #น้ำมันบริสุทธิ์ #เครื่องครัว #สุขภาพดี #ออร์แกนิค #โฮมเมด #DIYOil #HealthyOil #OilPressMachine #ColdPress #HotPress #ครัวเรือน #เมล็ดพืช #น้ำมันถั่วลิสง #น้ำมันงา #น้ำมันวอลนัท #น้ำมันทานตะวัน #เครื่องมือเกษตร #ธุรกิจอาหาร #ลงทุนทำธุรกิจ #เทคโนโลยีครัว #อัจฉริยะ #ประหยัดไฟ #บรรทัดทอง #ยงฮะเฮง #yonghahheng
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • “iNapGPU: การทดลองสร้างการ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลก กลับกลายเป็นบทเรียนวิศวกรรมที่ทรงคุณค่า”

    Leoneq นักพัฒนาสายฮาร์ดแวร์บน GitHub ได้เปิดตัวโปรเจกต์สุดแหวกแนวชื่อ “iNapGPU” โดยตั้งใจจะสร้าง “การ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลกอันดับสอง” ด้วยการใช้วงจร TTL ล้วน ๆ โดยไม่พึ่งพาไมโครคอนโทรลเลอร์หรือ FPGA แม้แต่น้อย เป้าหมายคือการสร้างการ์ดจอแบบ text-mode ที่ใช้งานได้จริง แต่มีข้อจำกัดสูงสุดเท่าที่จะทำได้

    แม้จะตั้งใจให้แย่ แต่ผลลัพธ์กลับ “ดีเกินคาด” เพราะ iNapGPU สามารถแสดงผลที่ความละเอียด VGA 800x600 ได้จริง (แม้จะเป็น SVGA ที่ลดลงเหลือ 400x300 แบบขาวดำ) โดยใช้วงจรเพียง 21 ชิ้น เช่น NAND gate, counter, EPROM และ SRAM

    Leoneq ใช้ EPROM ขนาด 1Mbit เป็นหน่วยความจำแบบ 1-bit เพื่อเก็บชุดตัวอักษรได้ถึง 4 ชุด ชุดละ 255 ตัวอักษร และใช้สายไฟขนาด 0.12 มม. บน protoboard ซึ่งทำให้การประกอบยุ่งยากมาก แต่ก็ยังสามารถสร้างสัญญาณภาพได้สำเร็จ

    แม้จะไม่มีการควบคุมแบบเต็มรูปแบบ แต่การใช้ counter 12-bit ที่โอเวอร์คล็อกจาก 12MHz ไปถึง 20MHz ก็ช่วยให้ได้ pixel clock ที่สูงขึ้น และสามารถสร้างสัญญาณ HSYNC/VSYNC ได้ครบ แม้จะมี glitch และ noise จากสาย USB ข้างเคียงก็ตาม

    Leoneq ยอมรับว่าโปรเจกต์นี้ “น่าเกลียดและเสียเวลามาก” พร้อมแนะนำให้ใช้ FPGA แทน TTL หากใครคิดจะทำจริง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า “แม้การออกแบบที่แย่ที่สุด ก็ยังสามารถทำงานได้ หากเข้าใจพื้นฐานอย่างลึกซึ้ง”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    iNapGPU เป็นการ์ดจอ text-mode ที่สร้างจากวงจร TTL ล้วน ๆ โดยไม่ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์
    ใช้ EPROM 1Mbit เป็นหน่วยความจำแบบ 1-bit สำหรับเก็บชุดตัวอักษร
    ความละเอียดสูงสุดที่ได้คือ VGA 800x600 @60Hz และใช้งานจริงที่ 400x300 ขาวดำ
    ใช้ counter 12-bit ที่โอเวอร์คล็อกจาก 12MHz ไปถึง 20MHz เพื่อสร้าง pixel clock
    ใช้ NAND gate และ RS flip-flop ในการสร้างสัญญาณ HSYNC และ VSYNC
    ตัวโปรเจกต์ใช้สายไฟ 0.12 มม. บน protoboard ซึ่งทำให้ประกอบยากมาก
    มี glitch และ noise จากสาย USB ข้างเคียง แต่ยังสามารถแสดงผลได้
    มีการปล่อยโค้ดสำหรับ Arduino Mega เพื่อทดสอบการ์ดจอ
    Leoneq แนะนำให้ใช้ FPGA แทน TTL หากต้องการสร้างการ์ดจอ DIY

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ben Eater เคยสร้าง “การ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลก” ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้โปรเจกต์นี้
    TTL (Transistor-Transistor Logic) เป็นเทคโนโลยีวงจรที่ใช้ในยุคก่อน CMOS
    การใช้ EPROM แบบ UV ต้องใช้แสงในการลบข้อมูล และมี read time สูง
    การสร้างการ์ดจอด้วย TTL เป็นการฝึกพื้นฐานการออกแบบสัญญาณภาพ
    FPGA สามารถจำลองวงจร TTL ได้ทั้งหมด แต่มีความยืดหยุ่นและเสถียรกว่า

    https://www.techradar.com/pro/this-hardware-fan-wanted-to-build-the-worlds-worst-graphics-card-with-128kb-rom-but-couldnt-manage-to-drop-to-a-vga-resolution
    🧠💻 “iNapGPU: การทดลองสร้างการ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลก กลับกลายเป็นบทเรียนวิศวกรรมที่ทรงคุณค่า” Leoneq นักพัฒนาสายฮาร์ดแวร์บน GitHub ได้เปิดตัวโปรเจกต์สุดแหวกแนวชื่อ “iNapGPU” โดยตั้งใจจะสร้าง “การ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลกอันดับสอง” ด้วยการใช้วงจร TTL ล้วน ๆ โดยไม่พึ่งพาไมโครคอนโทรลเลอร์หรือ FPGA แม้แต่น้อย เป้าหมายคือการสร้างการ์ดจอแบบ text-mode ที่ใช้งานได้จริง แต่มีข้อจำกัดสูงสุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะตั้งใจให้แย่ แต่ผลลัพธ์กลับ “ดีเกินคาด” เพราะ iNapGPU สามารถแสดงผลที่ความละเอียด VGA 800x600 ได้จริง (แม้จะเป็น SVGA ที่ลดลงเหลือ 400x300 แบบขาวดำ) โดยใช้วงจรเพียง 21 ชิ้น เช่น NAND gate, counter, EPROM และ SRAM Leoneq ใช้ EPROM ขนาด 1Mbit เป็นหน่วยความจำแบบ 1-bit เพื่อเก็บชุดตัวอักษรได้ถึง 4 ชุด ชุดละ 255 ตัวอักษร และใช้สายไฟขนาด 0.12 มม. บน protoboard ซึ่งทำให้การประกอบยุ่งยากมาก แต่ก็ยังสามารถสร้างสัญญาณภาพได้สำเร็จ แม้จะไม่มีการควบคุมแบบเต็มรูปแบบ แต่การใช้ counter 12-bit ที่โอเวอร์คล็อกจาก 12MHz ไปถึง 20MHz ก็ช่วยให้ได้ pixel clock ที่สูงขึ้น และสามารถสร้างสัญญาณ HSYNC/VSYNC ได้ครบ แม้จะมี glitch และ noise จากสาย USB ข้างเคียงก็ตาม Leoneq ยอมรับว่าโปรเจกต์นี้ “น่าเกลียดและเสียเวลามาก” พร้อมแนะนำให้ใช้ FPGA แทน TTL หากใครคิดจะทำจริง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า “แม้การออกแบบที่แย่ที่สุด ก็ยังสามารถทำงานได้ หากเข้าใจพื้นฐานอย่างลึกซึ้ง” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ iNapGPU เป็นการ์ดจอ text-mode ที่สร้างจากวงจร TTL ล้วน ๆ โดยไม่ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ ➡️ ใช้ EPROM 1Mbit เป็นหน่วยความจำแบบ 1-bit สำหรับเก็บชุดตัวอักษร ➡️ ความละเอียดสูงสุดที่ได้คือ VGA 800x600 @60Hz และใช้งานจริงที่ 400x300 ขาวดำ ➡️ ใช้ counter 12-bit ที่โอเวอร์คล็อกจาก 12MHz ไปถึง 20MHz เพื่อสร้าง pixel clock ➡️ ใช้ NAND gate และ RS flip-flop ในการสร้างสัญญาณ HSYNC และ VSYNC ➡️ ตัวโปรเจกต์ใช้สายไฟ 0.12 มม. บน protoboard ซึ่งทำให้ประกอบยากมาก ➡️ มี glitch และ noise จากสาย USB ข้างเคียง แต่ยังสามารถแสดงผลได้ ➡️ มีการปล่อยโค้ดสำหรับ Arduino Mega เพื่อทดสอบการ์ดจอ ➡️ Leoneq แนะนำให้ใช้ FPGA แทน TTL หากต้องการสร้างการ์ดจอ DIY ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ben Eater เคยสร้าง “การ์ดจอที่แย่ที่สุดในโลก” ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้โปรเจกต์นี้ ➡️ TTL (Transistor-Transistor Logic) เป็นเทคโนโลยีวงจรที่ใช้ในยุคก่อน CMOS ➡️ การใช้ EPROM แบบ UV ต้องใช้แสงในการลบข้อมูล และมี read time สูง ➡️ การสร้างการ์ดจอด้วย TTL เป็นการฝึกพื้นฐานการออกแบบสัญญาณภาพ ➡️ FPGA สามารถจำลองวงจร TTL ได้ทั้งหมด แต่มีความยืดหยุ่นและเสถียรกว่า https://www.techradar.com/pro/this-hardware-fan-wanted-to-build-the-worlds-worst-graphics-card-with-128kb-rom-but-couldnt-manage-to-drop-to-a-vga-resolution
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • “Raspberry Pi 500+ เปิดตัว! คอมพิวเตอร์ในคีย์บอร์ดกลไก พร้อม SSD และ RAM 16GB — ยกระดับจากของเล่นสู่เครื่องทำงานจริง”

    Raspberry Pi กลับมาเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Raspberry Pi 500+ ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในตัวคีย์บอร์ดแบบ all-in-one โดยครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะจัดเต็มทั้งสเปกและประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปจริงมากขึ้น

    จุดเด่นที่สุดคือการเปลี่ยนคีย์บอร์ดจากแบบธรรมดาเป็น “คีย์บอร์ดกลไก” โดยใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB แบบ backlit ซึ่งให้สัมผัสการพิมพ์ที่คลิกสนุกและทนทานมากขึ้น แถมยังสามารถถอดเปลี่ยน keycap ได้ตามใจชอบ

    ด้านสเปกภายใน Raspberry Pi 500+ ใช้ CPU Arm Cortex-A76 แบบ quad-core ความเร็ว 2.4GHz พร้อม RAM LPDDR4X ขนาด 16GB และ SSD ภายใน 256GB ที่สามารถขยายเพิ่มได้ผ่าน M.2 slot ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Raspberry Pi ใส่ SSD แบบ NVMe มาให้ในรุ่น consumer แบบนี้

    ยังคงมี GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง USB 3.0, USB 2.0, micro HDMI รองรับ 4K 60Hz, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5 และ Bluetooth 5.0 โดยทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในบอดี้ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ยุค 80s อย่าง BBC Micro

    ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ที่มาพร้อมเมาส์, สาย HDMI, อะแดปเตอร์ USB-C 27W และคู่มือ Raspberry Pi Beginner’s Guide

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Raspberry Pi 500+ เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในคีย์บอร์ดกลไก
    ใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB และ keycap ถอดเปลี่ยนได้
    CPU: Quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz
    RAM: 16GB LPDDR4X ความเร็ว 4267 MHz
    SSD ภายใน 256GB พร้อม M.2 slot สำหรับขยายเพิ่ม
    รองรับ microSD เพิ่มเติมได้เช่นเดิม
    GPU: VideoCore VII รองรับ OpenGL ES 3.1 และ Vulkan 1.3
    การเชื่อมต่อ: USB 3.0 x2, USB 2.0 x1, micro HDMI x2, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0
    GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และ embedded projects
    ราคา $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Raspberry Pi 500+ ใช้ PCB และชิปเซ็ตเดียวกับ Pi 500 แต่เพิ่ม RAM และ SSD
    ดีไซน์คีย์บอร์ดกลไกเป็นครั้งแรกของ Raspberry Pi ในกลุ่ม consumer
    ขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นเล็กน้อย: 312 x 123 x 35.8 มม.
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป, นักเรียน, นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการคอมพ์เล็ก ๆ สำหรับงานจริง
    Raspberry Pi มี ecosystem ที่รองรับการใช้งานตั้งแต่ IoT, เซิร์ฟเวอร์เบา ๆ ไปจนถึง desktop

    https://news.itsfoss.com/raspberry-pi-500-plus/
    ⌨️ “Raspberry Pi 500+ เปิดตัว! คอมพิวเตอร์ในคีย์บอร์ดกลไก พร้อม SSD และ RAM 16GB — ยกระดับจากของเล่นสู่เครื่องทำงานจริง” Raspberry Pi กลับมาเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Raspberry Pi 500+ ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในตัวคีย์บอร์ดแบบ all-in-one โดยครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะจัดเต็มทั้งสเปกและประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปจริงมากขึ้น จุดเด่นที่สุดคือการเปลี่ยนคีย์บอร์ดจากแบบธรรมดาเป็น “คีย์บอร์ดกลไก” โดยใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB แบบ backlit ซึ่งให้สัมผัสการพิมพ์ที่คลิกสนุกและทนทานมากขึ้น แถมยังสามารถถอดเปลี่ยน keycap ได้ตามใจชอบ ด้านสเปกภายใน Raspberry Pi 500+ ใช้ CPU Arm Cortex-A76 แบบ quad-core ความเร็ว 2.4GHz พร้อม RAM LPDDR4X ขนาด 16GB และ SSD ภายใน 256GB ที่สามารถขยายเพิ่มได้ผ่าน M.2 slot ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Raspberry Pi ใส่ SSD แบบ NVMe มาให้ในรุ่น consumer แบบนี้ ยังคงมี GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง USB 3.0, USB 2.0, micro HDMI รองรับ 4K 60Hz, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5 และ Bluetooth 5.0 โดยทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในบอดี้ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ยุค 80s อย่าง BBC Micro ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ที่มาพร้อมเมาส์, สาย HDMI, อะแดปเตอร์ USB-C 27W และคู่มือ Raspberry Pi Beginner’s Guide ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Raspberry Pi 500+ เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในคีย์บอร์ดกลไก ➡️ ใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB และ keycap ถอดเปลี่ยนได้ ➡️ CPU: Quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz ➡️ RAM: 16GB LPDDR4X ความเร็ว 4267 MHz ➡️ SSD ภายใน 256GB พร้อม M.2 slot สำหรับขยายเพิ่ม ➡️ รองรับ microSD เพิ่มเติมได้เช่นเดิม ➡️ GPU: VideoCore VII รองรับ OpenGL ES 3.1 และ Vulkan 1.3 ➡️ การเชื่อมต่อ: USB 3.0 x2, USB 2.0 x1, micro HDMI x2, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0 ➡️ GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และ embedded projects ➡️ ราคา $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Raspberry Pi 500+ ใช้ PCB และชิปเซ็ตเดียวกับ Pi 500 แต่เพิ่ม RAM และ SSD ➡️ ดีไซน์คีย์บอร์ดกลไกเป็นครั้งแรกของ Raspberry Pi ในกลุ่ม consumer ➡️ ขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นเล็กน้อย: 312 x 123 x 35.8 มม. ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป, นักเรียน, นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการคอมพ์เล็ก ๆ สำหรับงานจริง ➡️ Raspberry Pi มี ecosystem ที่รองรับการใช้งานตั้งแต่ IoT, เซิร์ฟเวอร์เบา ๆ ไปจนถึง desktop https://news.itsfoss.com/raspberry-pi-500-plus/
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • “Ryzen 3 5100 โผล่ตัวจริงหลัง 5 ปี — AMD ยังไม่ทิ้ง AM4 แม้ Zen 4 จะครองตลาด”

    ในวันที่หลายคนคิดว่าแพลตฟอร์ม AM4 ของ AMD ได้หมดอายุขัยไปแล้ว ล่าสุดกลับมีข่าวที่พลิกความคาดหมาย เมื่อมีภาพหลุดของซีพียู Ryzen 3 5100 ซึ่งเป็นชิป Zen 3 ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2020 แต่ไม่เคยเปิดตัวอย่างเป็นทางการมาก่อน จนกระทั่งมีการยืนยันจากแหล่งข่าวในวงการฮาร์ดแวร์ว่า “มันมีอยู่จริง”

    Ryzen 3 5100 เป็นซีพียูแบบ 4 คอร์ 8 เธรด ใช้สถาปัตยกรรม Cezanne ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ Ryzen 5000G แต่ไม่มีกราฟิกในตัว (iGPU) โดยสามารถสังเกตได้จากการไม่มีตัวอักษร “G” ต่อท้ายชื่อรุ่น และมีรหัส OPN คือ 100-00000456 ซึ่งไม่เคยปรากฏในฐานข้อมูลของ AMD อย่างเป็นทางการ

    แม้จะไม่มีการวางจำหน่ายในตลาด DIY แต่ Ryzen 3 5100 ถูกพบในรายการสนับสนุนของเมนบอร์ดจาก GIGABYTE และ ASRock ซึ่งบ่งชี้ว่า AMD ได้ผลิตรุ่นนี้เพื่อใช้ในตลาด OEM โดยเฉพาะ เช่น คอมพิวเตอร์ประกอบสำเร็จรูปในจีน

    ด้านสเปก Ryzen 3 5100 มีความเร็วพื้นฐาน 3.8 GHz และบูสต์ได้ถึง 4.2 GHz พร้อมแคช L3 ขนาด 8MB และรองรับ DDR4-3200 โดยมี TDP อยู่ที่ 65W ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพในราคาประหยัด

    เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Ryzen 3 4100 ที่ใช้ Zen 2 แล้ว Ryzen 3 5100 ถือว่าอัปเกรดทั้งด้านสถาปัตยกรรม ความเร็ว และขนาดแคช โดยบางคนมองว่าเป็นรุ่นลดสเปกของ Ryzen 3 5300G ที่ตัดกราฟิกออกและลดความเร็วลงเล็กน้อย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ryzen 3 5100 เป็นซีพียู Zen 3 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ที่ไม่มีกราฟิกในตัว
    ใช้สถาปัตยกรรม Cezanne ซึ่งเป็นแบบ monolithic ไม่ใช่ chiplet เหมือน Vermeer
    ความเร็วพื้นฐาน 3.8 GHz และบูสต์ได้ถึง 4.2 GHz
    มีแคช L3 ขนาด 8MB และ TDP อยู่ที่ 65W
    รองรับ DDR4-3200 และใช้ซ็อกเก็ต AM4
    ไม่ปรากฏในเว็บไซต์ AMD แต่พบในรายการสนับสนุนของเมนบอร์ดจาก GIGABYTE และ ASRock
    ถูกผลิตตั้งแต่ปี 2020 แต่เพิ่งมีภาพหลุดยืนยันตัวจริงในปี 2025
    เป็นรุ่น OEM ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ประกอบสำเร็จรูป โดยเฉพาะในตลาดจีน
    ถือเป็นการต่ออายุแพลตฟอร์ม AM4 แม้ Zen 4 จะเป็นรุ่นหลักในปัจจุบัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Cezanne ใช้กระบวนการผลิต 7nm จาก TSMC และมีประสิทธิภาพด้านพลังงานที่ดี
    Ryzen 3 5100 อาจเป็นชิปที่ถูกคัดออกจากรุ่นที่มี iGPU เนื่องจากข้อบกพร่องภายใน
    การใช้ซีพียู OEM ช่วยให้ AMD สามารถจัดการสต๊อกชิปที่ไม่สมบูรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    AM4 เป็นแพลตฟอร์มที่มีอายุยาวนานที่สุดของ AMD โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2016
    การสนับสนุน AM4 ต่อเนื่องช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-keeps-am4-platform-on-life-support-with-2020-era-zen-3-cpu-ryzen-3-5100-surfaces-nine-years-after-am4-launch
    🧬 “Ryzen 3 5100 โผล่ตัวจริงหลัง 5 ปี — AMD ยังไม่ทิ้ง AM4 แม้ Zen 4 จะครองตลาด” ในวันที่หลายคนคิดว่าแพลตฟอร์ม AM4 ของ AMD ได้หมดอายุขัยไปแล้ว ล่าสุดกลับมีข่าวที่พลิกความคาดหมาย เมื่อมีภาพหลุดของซีพียู Ryzen 3 5100 ซึ่งเป็นชิป Zen 3 ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2020 แต่ไม่เคยเปิดตัวอย่างเป็นทางการมาก่อน จนกระทั่งมีการยืนยันจากแหล่งข่าวในวงการฮาร์ดแวร์ว่า “มันมีอยู่จริง” Ryzen 3 5100 เป็นซีพียูแบบ 4 คอร์ 8 เธรด ใช้สถาปัตยกรรม Cezanne ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ Ryzen 5000G แต่ไม่มีกราฟิกในตัว (iGPU) โดยสามารถสังเกตได้จากการไม่มีตัวอักษร “G” ต่อท้ายชื่อรุ่น และมีรหัส OPN คือ 100-00000456 ซึ่งไม่เคยปรากฏในฐานข้อมูลของ AMD อย่างเป็นทางการ แม้จะไม่มีการวางจำหน่ายในตลาด DIY แต่ Ryzen 3 5100 ถูกพบในรายการสนับสนุนของเมนบอร์ดจาก GIGABYTE และ ASRock ซึ่งบ่งชี้ว่า AMD ได้ผลิตรุ่นนี้เพื่อใช้ในตลาด OEM โดยเฉพาะ เช่น คอมพิวเตอร์ประกอบสำเร็จรูปในจีน ด้านสเปก Ryzen 3 5100 มีความเร็วพื้นฐาน 3.8 GHz และบูสต์ได้ถึง 4.2 GHz พร้อมแคช L3 ขนาด 8MB และรองรับ DDR4-3200 โดยมี TDP อยู่ที่ 65W ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพในราคาประหยัด เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Ryzen 3 4100 ที่ใช้ Zen 2 แล้ว Ryzen 3 5100 ถือว่าอัปเกรดทั้งด้านสถาปัตยกรรม ความเร็ว และขนาดแคช โดยบางคนมองว่าเป็นรุ่นลดสเปกของ Ryzen 3 5300G ที่ตัดกราฟิกออกและลดความเร็วลงเล็กน้อย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ryzen 3 5100 เป็นซีพียู Zen 3 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ที่ไม่มีกราฟิกในตัว ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Cezanne ซึ่งเป็นแบบ monolithic ไม่ใช่ chiplet เหมือน Vermeer ➡️ ความเร็วพื้นฐาน 3.8 GHz และบูสต์ได้ถึง 4.2 GHz ➡️ มีแคช L3 ขนาด 8MB และ TDP อยู่ที่ 65W ➡️ รองรับ DDR4-3200 และใช้ซ็อกเก็ต AM4 ➡️ ไม่ปรากฏในเว็บไซต์ AMD แต่พบในรายการสนับสนุนของเมนบอร์ดจาก GIGABYTE และ ASRock ➡️ ถูกผลิตตั้งแต่ปี 2020 แต่เพิ่งมีภาพหลุดยืนยันตัวจริงในปี 2025 ➡️ เป็นรุ่น OEM ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ประกอบสำเร็จรูป โดยเฉพาะในตลาดจีน ➡️ ถือเป็นการต่ออายุแพลตฟอร์ม AM4 แม้ Zen 4 จะเป็นรุ่นหลักในปัจจุบัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Cezanne ใช้กระบวนการผลิต 7nm จาก TSMC และมีประสิทธิภาพด้านพลังงานที่ดี ➡️ Ryzen 3 5100 อาจเป็นชิปที่ถูกคัดออกจากรุ่นที่มี iGPU เนื่องจากข้อบกพร่องภายใน ➡️ การใช้ซีพียู OEM ช่วยให้ AMD สามารถจัดการสต๊อกชิปที่ไม่สมบูรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ AM4 เป็นแพลตฟอร์มที่มีอายุยาวนานที่สุดของ AMD โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 ➡️ การสนับสนุน AM4 ต่อเนื่องช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-keeps-am4-platform-on-life-support-with-2020-era-zen-3-cpu-ryzen-3-5100-surfaces-nine-years-after-am4-launch
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • WeAct Display FS — จอ USB ขนาดจิ๋วราคา $2 ที่อาจเปลี่ยนวิธีมองข้อมูลบนคอมพิวเตอร์

    WeAct Display FS คือจอแสดงผลขนาด 0.96 นิ้วที่เชื่อมต่อผ่าน USB โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นจอเสริมสำหรับแสดงข้อมูลระบบ หรือแม้แต่ใช้เป็นจอภาพที่สองแบบพกพา ด้วยราคาประมาณ $2 บน AliExpress อุปกรณ์นี้กลายเป็นที่สนใจในกลุ่มผู้ใช้สาย embedded และนักพัฒนา DIY อย่างรวดเร็ว2

    แม้จะมีขนาดเท่ากับแฟลชไดรฟ์ แต่จอนี้ให้ความละเอียด 160×80 พิกเซล รองรับสีแบบ RGB565 ถึง 65,536 สี และมีพอร์ต USB-A แบบ reversible ที่สามารถเสียบได้ทั้งสองด้านโดยไม่ต้องกังวลเรื่องทิศทางการใช้งาน

    WeAct มีซอฟต์แวร์สองตัวสำหรับใช้งานจอนี้ ได้แก่ WeAct Studio System Monitor ที่ใช้ Python และสามารถปรับแต่ง UI ได้ตามใจ เช่น แสดงอุณหภูมิ CPU, สภาพอากาศ หรือข้อความต่าง ๆ และ WeAct Studio Screen Projection ที่จำลองจอนี้เป็นจอภาพจริงบน Windows เพื่อย้ายหน้าต่างหรือแสดงภาพแบบเต็มจอ แม้จะมีข้อจำกัดด้านขนาดและความละเอียด

    แม้บริษัทจะระบุว่ารองรับเฉพาะ Windows แต่เนื่องจากซอฟต์แวร์ตัวแรกเป็นโอเพ่นซอร์ส จึงสามารถใช้งานบน macOS, Linux และ Raspberry Pi ได้ หากมี Python 3.9+ และความสามารถในการปรับแต่งโค้ด

    อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลด้านความปลอดภัยจากผู้ใช้บางรายที่ตั้งคำถามว่าอุปกรณ์ USB จากผู้ผลิตจีนอาจถูกใช้เป็นช่องทางแอบแฝง เช่น เปลี่ยนเป็นคีย์บอร์ดเพื่อส่งคำสั่งอัตโนมัติ หรือฝังมัลแวร์ผ่าน driver ที่ไม่ได้เปิดเผยซอร์สโค้ด

    WeAct Display FS เป็นจอ USB ขนาด 0.96 นิ้ว ราคาประหยัด
    ความละเอียด 160×80 พิกเซล / สี RGB565 65,536 สี
    ขนาดเท่าแฟลชไดรฟ์ (43 x 14.5 มม.) / พอร์ต USB-A แบบ reversible

    มีซอฟต์แวร์ให้เลือกใช้งาน 2 แบบ
    WeAct Studio System Monitor ใช้ Python / ปรับแต่ง UI ได้
    WeAct Studio Screen Projection จำลองเป็นจอภาพจริงบน Windows

    รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย
    แม้จะระบุว่าใช้ได้เฉพาะ Windows แต่สามารถใช้บน Linux/macOS ได้
    ต้องมี Python 3.9+ และปรับแต่งโค้ดเอง

    ใช้งานได้กับ Raspberry Pi และ SBC อื่น ๆ
    เหมาะสำหรับแสดงสถานะระบบหรือข้อมูลเซ็นเซอร์
    มีรุ่น 3.5 นิ้ว 480×320 พิกเซล สำหรับผู้ต้องการจอใหญ่ขึ้น

    คำเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยของอุปกรณ์ USB
    อุปกรณ์ USB อาจเปลี่ยนโหมดเป็น HID เช่น คีย์บอร์ด เพื่อส่งคำสั่ง
    ซอฟต์แวร์บางตัวไม่มีซอร์สโค้ด อาจมีความเสี่ยงด้านความโปร่งใส
    การติดตั้ง driver โดยไม่ตรวจสอบ อาจเปิดช่องให้มัลแวร์แฝงตัว
    ผู้ใช้ควรระวังการให้สิทธิ์ระดับ admin กับอุปกรณ์ที่ไม่รู้แหล่งที่มา

    https://www.cnx-software.com/2025/09/18/2-weact-display-fs-adds-a-0-96-inch-usb-information-display-to-your-computer/
    📰 WeAct Display FS — จอ USB ขนาดจิ๋วราคา $2 ที่อาจเปลี่ยนวิธีมองข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ WeAct Display FS คือจอแสดงผลขนาด 0.96 นิ้วที่เชื่อมต่อผ่าน USB โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นจอเสริมสำหรับแสดงข้อมูลระบบ หรือแม้แต่ใช้เป็นจอภาพที่สองแบบพกพา ด้วยราคาประมาณ $2 บน AliExpress อุปกรณ์นี้กลายเป็นที่สนใจในกลุ่มผู้ใช้สาย embedded และนักพัฒนา DIY อย่างรวดเร็ว2 แม้จะมีขนาดเท่ากับแฟลชไดรฟ์ แต่จอนี้ให้ความละเอียด 160×80 พิกเซล รองรับสีแบบ RGB565 ถึง 65,536 สี และมีพอร์ต USB-A แบบ reversible ที่สามารถเสียบได้ทั้งสองด้านโดยไม่ต้องกังวลเรื่องทิศทางการใช้งาน WeAct มีซอฟต์แวร์สองตัวสำหรับใช้งานจอนี้ ได้แก่ WeAct Studio System Monitor ที่ใช้ Python และสามารถปรับแต่ง UI ได้ตามใจ เช่น แสดงอุณหภูมิ CPU, สภาพอากาศ หรือข้อความต่าง ๆ และ WeAct Studio Screen Projection ที่จำลองจอนี้เป็นจอภาพจริงบน Windows เพื่อย้ายหน้าต่างหรือแสดงภาพแบบเต็มจอ แม้จะมีข้อจำกัดด้านขนาดและความละเอียด แม้บริษัทจะระบุว่ารองรับเฉพาะ Windows แต่เนื่องจากซอฟต์แวร์ตัวแรกเป็นโอเพ่นซอร์ส จึงสามารถใช้งานบน macOS, Linux และ Raspberry Pi ได้ หากมี Python 3.9+ และความสามารถในการปรับแต่งโค้ด อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลด้านความปลอดภัยจากผู้ใช้บางรายที่ตั้งคำถามว่าอุปกรณ์ USB จากผู้ผลิตจีนอาจถูกใช้เป็นช่องทางแอบแฝง เช่น เปลี่ยนเป็นคีย์บอร์ดเพื่อส่งคำสั่งอัตโนมัติ หรือฝังมัลแวร์ผ่าน driver ที่ไม่ได้เปิดเผยซอร์สโค้ด ✅ WeAct Display FS เป็นจอ USB ขนาด 0.96 นิ้ว ราคาประหยัด ➡️ ความละเอียด 160×80 พิกเซล / สี RGB565 65,536 สี ➡️ ขนาดเท่าแฟลชไดรฟ์ (43 x 14.5 มม.) / พอร์ต USB-A แบบ reversible ✅ มีซอฟต์แวร์ให้เลือกใช้งาน 2 แบบ ➡️ WeAct Studio System Monitor ใช้ Python / ปรับแต่ง UI ได้ ➡️ WeAct Studio Screen Projection จำลองเป็นจอภาพจริงบน Windows ✅ รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย ➡️ แม้จะระบุว่าใช้ได้เฉพาะ Windows แต่สามารถใช้บน Linux/macOS ได้ ➡️ ต้องมี Python 3.9+ และปรับแต่งโค้ดเอง ✅ ใช้งานได้กับ Raspberry Pi และ SBC อื่น ๆ ➡️ เหมาะสำหรับแสดงสถานะระบบหรือข้อมูลเซ็นเซอร์ ➡️ มีรุ่น 3.5 นิ้ว 480×320 พิกเซล สำหรับผู้ต้องการจอใหญ่ขึ้น ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยของอุปกรณ์ USB ⛔ อุปกรณ์ USB อาจเปลี่ยนโหมดเป็น HID เช่น คีย์บอร์ด เพื่อส่งคำสั่ง ⛔ ซอฟต์แวร์บางตัวไม่มีซอร์สโค้ด อาจมีความเสี่ยงด้านความโปร่งใส ⛔ การติดตั้ง driver โดยไม่ตรวจสอบ อาจเปิดช่องให้มัลแวร์แฝงตัว ⛔ ผู้ใช้ควรระวังการให้สิทธิ์ระดับ admin กับอุปกรณ์ที่ไม่รู้แหล่งที่มา https://www.cnx-software.com/2025/09/18/2-weact-display-fs-adds-a-0-96-inch-usb-information-display-to-your-computer/
    WWW.CNX-SOFTWARE.COM
    $2 WeAct Display FS adds a 0.96-inch USB information display to your computer - CNX Software
    WeAct Display FS is an inexpensive 0.96-inch USB display dongle designed to add an information display or a tiny secondary display to your computer or
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • “Feiniu NAS รุ่นใหม่จุเกิน 180TB พร้อม UPS และช่อง SD — แต่ราคายังเป็นปริศนา”

    Feiniu ผู้ผลิต NAS จากจีนเปิดตัวรุ่นใหม่ที่สร้างความสนใจในวงการเก็บข้อมูล ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดา ทั้งความจุเกิน 180TB, ระบบสำรองไฟ (UPS) ในตัว และช่องเสียบ SD card สำหรับการเชื่อมต่อแบบพกพา โดยรุ่น 6-bay จะเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 และรุ่น 4-bay จะตามมาในช่วงปลายปีนี้

    จุดเด่นที่สุดคือการรวม UPS เข้ากับตัว NAS ซึ่งช่วยป้องกันข้อมูลเสียหายจากไฟดับแบบฉับพลัน โดยระบบจะยังคงทำงานช่วงสั้น ๆ หลังไฟตก เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์สามารถปิดตัวอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ NAS ระดับ enterprise ยังไม่ค่อยมีให้เห็น

    ดีไซน์ของรุ่น 6-bay มาในรูปทรงแนวนอน สีเทาด้านข้าง ดำด้านหน้า พร้อมโลโก้ “fn” และปุ่มพลังงานสีแดง ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมีทั้ง USB-C, USB-A และ SD card slot ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถโอนข้อมูลจากกล้องหรืออุปกรณ์พกพาได้สะดวกขึ้น

    Feiniu ยังระบุว่ารุ่นนี้จะมีทั้งเวอร์ชันมาตรฐานและ Pro โดยใช้คำว่า “highly playable” และ “มีเซอร์ไพรส์” แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับสเปกภายใน เช่น CPU, RAM, ระบบไฟล์ หรือประสิทธิภาพพลังงาน

    แม้จะมีฟีเจอร์น่าสนใจ แต่ราคายังไม่เปิดเผย ทำให้ผู้บริโภคยังไม่สามารถประเมินความคุ้มค่าได้ และต้องรอดูว่า Feiniu จะวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์นี้ในตลาดระดับไหน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Feiniu เปิดตัว NAS รุ่นใหม่ที่รองรับความจุเกิน 180TB
    มีระบบ UPS ในตัวเพื่อป้องกันข้อมูลเสียหายจากไฟดับ
    รุ่น 6-bay จะเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 และรุ่น 4-bay จะตามมาในปลายปี
    มีพอร์ต USB-C, USB-A และ SD card slot สำหรับการเชื่อมต่อภายนอก

    จุดเด่นด้านการออกแบบและการใช้งาน
    ดีไซน์แนวนอน สีเทา-ดำ พร้อมปุ่มพลังงานสีแดง
    UPS ช่วยให้ระบบยังทำงานช่วงสั้น ๆ หลังไฟดับ เพื่อปิดฮาร์ดดิสก์อย่างปลอดภัย
    SD card slot เพิ่มความสะดวกในการโอนข้อมูลจากอุปกรณ์พกพา
    มีเวอร์ชันมาตรฐานและ Pro พร้อมคำโปรยว่า “highly playable” และ “มีเซอร์ไพรส์”

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NAS ระดับ enterprise บางรุ่นมีความจุเกิน 1PB แต่ยังไม่มี UPS ในตัว
    ระบบ UPS ใน NAS ยังเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่แพร่หลาย
    fnOS ของ Feiniu เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม DIY NAS
    การรวม UPS กับ NAS อาจช่วยลดความจำเป็นในการใช้ UPS แยกต่างหาก

    https://www.techradar.com/pro/this-nas-has-an-integrated-ups-and-can-accommodate-more-than-180tb-of-storage-as-well-as-a-memory-card-but-i-wonder-how-much-it-will-cost
    🗄️ “Feiniu NAS รุ่นใหม่จุเกิน 180TB พร้อม UPS และช่อง SD — แต่ราคายังเป็นปริศนา” Feiniu ผู้ผลิต NAS จากจีนเปิดตัวรุ่นใหม่ที่สร้างความสนใจในวงการเก็บข้อมูล ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดา ทั้งความจุเกิน 180TB, ระบบสำรองไฟ (UPS) ในตัว และช่องเสียบ SD card สำหรับการเชื่อมต่อแบบพกพา โดยรุ่น 6-bay จะเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 และรุ่น 4-bay จะตามมาในช่วงปลายปีนี้ จุดเด่นที่สุดคือการรวม UPS เข้ากับตัว NAS ซึ่งช่วยป้องกันข้อมูลเสียหายจากไฟดับแบบฉับพลัน โดยระบบจะยังคงทำงานช่วงสั้น ๆ หลังไฟตก เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์สามารถปิดตัวอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ NAS ระดับ enterprise ยังไม่ค่อยมีให้เห็น ดีไซน์ของรุ่น 6-bay มาในรูปทรงแนวนอน สีเทาด้านข้าง ดำด้านหน้า พร้อมโลโก้ “fn” และปุ่มพลังงานสีแดง ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมีทั้ง USB-C, USB-A และ SD card slot ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถโอนข้อมูลจากกล้องหรืออุปกรณ์พกพาได้สะดวกขึ้น Feiniu ยังระบุว่ารุ่นนี้จะมีทั้งเวอร์ชันมาตรฐานและ Pro โดยใช้คำว่า “highly playable” และ “มีเซอร์ไพรส์” แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับสเปกภายใน เช่น CPU, RAM, ระบบไฟล์ หรือประสิทธิภาพพลังงาน แม้จะมีฟีเจอร์น่าสนใจ แต่ราคายังไม่เปิดเผย ทำให้ผู้บริโภคยังไม่สามารถประเมินความคุ้มค่าได้ และต้องรอดูว่า Feiniu จะวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์นี้ในตลาดระดับไหน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Feiniu เปิดตัว NAS รุ่นใหม่ที่รองรับความจุเกิน 180TB ➡️ มีระบบ UPS ในตัวเพื่อป้องกันข้อมูลเสียหายจากไฟดับ ➡️ รุ่น 6-bay จะเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 และรุ่น 4-bay จะตามมาในปลายปี ➡️ มีพอร์ต USB-C, USB-A และ SD card slot สำหรับการเชื่อมต่อภายนอก ✅ จุดเด่นด้านการออกแบบและการใช้งาน ➡️ ดีไซน์แนวนอน สีเทา-ดำ พร้อมปุ่มพลังงานสีแดง ➡️ UPS ช่วยให้ระบบยังทำงานช่วงสั้น ๆ หลังไฟดับ เพื่อปิดฮาร์ดดิสก์อย่างปลอดภัย ➡️ SD card slot เพิ่มความสะดวกในการโอนข้อมูลจากอุปกรณ์พกพา ➡️ มีเวอร์ชันมาตรฐานและ Pro พร้อมคำโปรยว่า “highly playable” และ “มีเซอร์ไพรส์” ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NAS ระดับ enterprise บางรุ่นมีความจุเกิน 1PB แต่ยังไม่มี UPS ในตัว ➡️ ระบบ UPS ใน NAS ยังเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่แพร่หลาย ➡️ fnOS ของ Feiniu เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม DIY NAS ➡️ การรวม UPS กับ NAS อาจช่วยลดความจำเป็นในการใช้ UPS แยกต่างหาก https://www.techradar.com/pro/this-nas-has-an-integrated-ups-and-can-accommodate-more-than-180tb-of-storage-as-well-as-a-memory-card-but-i-wonder-how-much-it-will-cost
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • “ช่างซ่อมคอมฯ เจอเคส ‘สัตว์ประหลาด’ — การจัดสายไฟสุดโหดที่อาจบาดมือและทำลายระบบในพริบตา”

    เรื่องราวสุดสะเทือนวงการ PC Building เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Reddit และเจ้าของร้านซ่อมคอมฯ elishalewisusaf ได้รับเครื่องเกมมิ่งพีซีจากลูกค้ารายหนึ่งที่มีการดัดแปลงภายในอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะบริเวณ PSU shroud ที่ถูกเจาะทะลุเหล็กแบบไม่ปราณี จนดูเหมือนถูก “เอเลี่ยน” ฉีกออกเพื่อปกป้องรังของมัน

    แม้ PSU shroud จะมีช่องสำหรับเดินสายอยู่แล้ว แต่เจ้าของเครื่องกลับเลือกใช้วิธี “ผ่าตรง” ด้วยเครื่องมือไม่ระบุชนิด ทำให้เกิดรอยแผลเหล็กบิดเบี้ยวที่อาจบาดมือได้ง่าย และอาจทำให้สายไฟภายในเสียหายหรือเกิดการลัดวงจรจากเศษโลหะและฝุ่นที่สะสม

    ในภาพยังเห็นว่าพีซีเครื่องนี้เคยเป็นของแบรนด์ Digital Storm ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการประกอบเครื่องด้วยความประณีต และมีบริการซัพพอร์ตตลอดชีพ แต่เจ้าของกลับเลือกใช้วิธี DIY ที่เสี่ยงแทนการติดต่อบริษัท

    การ์ดจอที่ติดตั้งอยู่คาดว่าเป็น Asus Dual RTX 3060 หรือ 4060 ซึ่งหมายความว่าเครื่องนี้น่าจะประกอบมาไม่เกิน 4 ปี แต่กลับมีฝุ่นสะสมหนาแน่น และใช้ SSD SATA ขนาด 256GB ที่ติดตั้งไว้บน PSU shroud ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้งานเกมในยุค 2025

    แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยว่าเครื่องมีปัญหาอะไร แต่ช่างซ่อมและผู้เชี่ยวชาญใน Reddit ต่างคาดว่าอาจมีสายไฟที่ถูกบาดหรือเกิดการลัดวงจรจากการดัดแปลงที่ไม่เหมาะสม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่างซ่อมพบพีซีที่มีการเจาะ PSU shroud อย่างรุนแรงจนเหล็กบิดเบี้ยว
    การดัดแปลงนี้อาจเกิดจากความพยายามเดินสาย 8-pin ที่สั้นเกินไป
    เครื่องเป็นของแบรนด์ Digital Storm ที่มีชื่อเสียงด้านการประกอบคุณภาพสูง
    ใช้ SSD SATA 256GB ซึ่งไม่เหมาะกับเกมมิ่งในยุคปัจจุบัน

    ความเห็นจากช่างและชุมชน
    ช่างซ่อมเรียกเครื่องนี้ว่า “monstrosity” และ “บาดมือได้”
    ผู้ใช้ Reddit ส่วนใหญ่เห็นว่าเป็น user error ที่ไม่ควรเกิดขึ้น
    บางคนเสนอว่าเจ้าของควรใช้สายต่อหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนลงมือ
    การจัดสายไฟที่ดีช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การจัดสายไฟที่ไม่ดีอาจทำให้พัดลมติดสายและเกิดความร้อนสะสม
    การเจาะเคสโดยไม่ระวังอาจทำให้โครงสร้างอ่อนแอและเกิดเสียงรบกวน
    SSD SATA มีความเร็วต่ำกว่า NVMe และไม่เหมาะกับเกมขนาดใหญ่ในปี 2025
    Digital Storm มีบริการ Lifetime Support ซึ่งควรใช้ก่อนลงมือ DIY

    https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/repairer-brands-customers-gaming-pc-a-monstrosity-skin-lacerating-cable-management-technique-provokes-horror
    🧨 “ช่างซ่อมคอมฯ เจอเคส ‘สัตว์ประหลาด’ — การจัดสายไฟสุดโหดที่อาจบาดมือและทำลายระบบในพริบตา” เรื่องราวสุดสะเทือนวงการ PC Building เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Reddit และเจ้าของร้านซ่อมคอมฯ elishalewisusaf ได้รับเครื่องเกมมิ่งพีซีจากลูกค้ารายหนึ่งที่มีการดัดแปลงภายในอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะบริเวณ PSU shroud ที่ถูกเจาะทะลุเหล็กแบบไม่ปราณี จนดูเหมือนถูก “เอเลี่ยน” ฉีกออกเพื่อปกป้องรังของมัน แม้ PSU shroud จะมีช่องสำหรับเดินสายอยู่แล้ว แต่เจ้าของเครื่องกลับเลือกใช้วิธี “ผ่าตรง” ด้วยเครื่องมือไม่ระบุชนิด ทำให้เกิดรอยแผลเหล็กบิดเบี้ยวที่อาจบาดมือได้ง่าย และอาจทำให้สายไฟภายในเสียหายหรือเกิดการลัดวงจรจากเศษโลหะและฝุ่นที่สะสม ในภาพยังเห็นว่าพีซีเครื่องนี้เคยเป็นของแบรนด์ Digital Storm ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการประกอบเครื่องด้วยความประณีต และมีบริการซัพพอร์ตตลอดชีพ แต่เจ้าของกลับเลือกใช้วิธี DIY ที่เสี่ยงแทนการติดต่อบริษัท การ์ดจอที่ติดตั้งอยู่คาดว่าเป็น Asus Dual RTX 3060 หรือ 4060 ซึ่งหมายความว่าเครื่องนี้น่าจะประกอบมาไม่เกิน 4 ปี แต่กลับมีฝุ่นสะสมหนาแน่น และใช้ SSD SATA ขนาด 256GB ที่ติดตั้งไว้บน PSU shroud ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้งานเกมในยุค 2025 แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยว่าเครื่องมีปัญหาอะไร แต่ช่างซ่อมและผู้เชี่ยวชาญใน Reddit ต่างคาดว่าอาจมีสายไฟที่ถูกบาดหรือเกิดการลัดวงจรจากการดัดแปลงที่ไม่เหมาะสม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่างซ่อมพบพีซีที่มีการเจาะ PSU shroud อย่างรุนแรงจนเหล็กบิดเบี้ยว ➡️ การดัดแปลงนี้อาจเกิดจากความพยายามเดินสาย 8-pin ที่สั้นเกินไป ➡️ เครื่องเป็นของแบรนด์ Digital Storm ที่มีชื่อเสียงด้านการประกอบคุณภาพสูง ➡️ ใช้ SSD SATA 256GB ซึ่งไม่เหมาะกับเกมมิ่งในยุคปัจจุบัน ✅ ความเห็นจากช่างและชุมชน ➡️ ช่างซ่อมเรียกเครื่องนี้ว่า “monstrosity” และ “บาดมือได้” ➡️ ผู้ใช้ Reddit ส่วนใหญ่เห็นว่าเป็น user error ที่ไม่ควรเกิดขึ้น ➡️ บางคนเสนอว่าเจ้าของควรใช้สายต่อหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนลงมือ ➡️ การจัดสายไฟที่ดีช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การจัดสายไฟที่ไม่ดีอาจทำให้พัดลมติดสายและเกิดความร้อนสะสม ➡️ การเจาะเคสโดยไม่ระวังอาจทำให้โครงสร้างอ่อนแอและเกิดเสียงรบกวน ➡️ SSD SATA มีความเร็วต่ำกว่า NVMe และไม่เหมาะกับเกมขนาดใหญ่ในปี 2025 ➡️ Digital Storm มีบริการ Lifetime Support ซึ่งควรใช้ก่อนลงมือ DIY https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/repairer-brands-customers-gaming-pc-a-monstrosity-skin-lacerating-cable-management-technique-provokes-horror
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • “Intel Core Ultra 3 205: ซีพียูระดับเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา — แรงเกินคาด แซง Core i3 และ i5 รุ่นก่อนหน้า”

    Intel กำลังกลับมาอย่างน่าสนใจในตลาดซีพียูระดับเริ่มต้น ด้วยการเปิดตัว Core Ultra 3 205 ซึ่งเป็นรุ่นล่างสุดของตระกูล Arrow Lake สำหรับเดสก์ท็อป แม้ยังไม่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่รีวิวจาก Bulls Lab ในเกาหลีใต้ได้เผยให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่น่าทึ่งเกินคาด

    Core Ultra 3 205 ใช้สถาปัตยกรรมแบบ hybrid มี 4 P-core ที่เร่งได้ถึง 4.9 GHz และ 4 E-core ที่เร่งได้ถึง 4.4 GHz เมื่อจับคู่กับเมนบอร์ด H810 และแรม DDR5 32GB พบว่าสามารถใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหล เปิดหลายแท็บเบราว์เซอร์พร้อมกัน และดูวิดีโอ YouTube 8K โดยใช้พลังงานต่ำ

    ผลการทดสอบ Cinebench R23 พบว่าได้คะแนน multi-core สูงถึง 13,394 ซึ่งมากกว่า Core i3-14100 ถึง 48% และคะแนน single-core ที่ 1,983 ก็ยังเหนือกว่า Core i5-14400 ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ iGPU ที่ติดมากับชิปยังใช้ Xe-core 2 ตัว ทำให้เล่นเกมเบา ๆ อย่าง DOTA และ Valorant ได้สบาย ๆ

    ราคาที่คาดการณ์อยู่ที่ประมาณ $140 หรือ 199,000 วอน ซึ่งถือว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประกอบเครื่องราคาประหยัด โดย Bulls Lab ยังพบว่ามีพีซีสำเร็จรูปที่ใช้ชิปนี้พร้อม RAM 8GB และ SSD 500GB วางขายในราคาเพียง $360

    แม้จะดูน่าสนใจ แต่ Intel ยังไม่เปิดตัวชิปนี้ในช่องทางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และอาจวางขายเฉพาะในตลาด OEM หรือพีซีสำเร็จรูปเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบเครื่อง DIY เข้าถึงได้ยาก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Core Ultra 3 205 เป็นซีพียูระดับเริ่มต้นในตระกูล Arrow Lake
    ใช้ hybrid architecture: 4 P-core (สูงสุด 4.9 GHz) + 4 E-core (สูงสุด 4.4 GHz)
    ทดสอบกับเมนบอร์ด H810 และ RAM DDR5 32GB
    ใช้งานทั่วไปลื่นไหล ดู YouTube 8K ได้โดยใช้พลังงานต่ำ

    ผลการทดสอบประสิทธิภาพ
    Cinebench R23 multi-core: 13,394 คะแนน (สูงกว่า Core i3-14100 ถึง 48%)
    Single-core: 1,983 คะแนน (เหนือกว่า Core i5-14400)
    iGPU ใช้ Xe-core 2 ตัว เล่นเกมเบา ๆ ได้ดี
    ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Core Ultra 5 225 ในด้านกราฟิก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ใช้พลังงานสูงสุด 65W — แนะนำให้ใช้ฮีตซิงก์จากผู้ผลิตอื่นแทนของ Intel
    ราคา CPU ประมาณ $140 และพีซีสำเร็จรูปอยู่ที่ $360
    รองรับ DDR5 ความเร็วสูงถึง 6400 MHz และมี L2 cache ขนาด 16MB
    ผลิตบนกระบวนการ 3nm — เล็กกว่า Core i3-14100 ที่ใช้ 10nm

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-3-205-delivers-impressive-results-in-early-review-reportedly-surpasses-previous-gen-core-i3-14100-and-core-i5-14400
    ⚙️ “Intel Core Ultra 3 205: ซีพียูระดับเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา — แรงเกินคาด แซง Core i3 และ i5 รุ่นก่อนหน้า” Intel กำลังกลับมาอย่างน่าสนใจในตลาดซีพียูระดับเริ่มต้น ด้วยการเปิดตัว Core Ultra 3 205 ซึ่งเป็นรุ่นล่างสุดของตระกูล Arrow Lake สำหรับเดสก์ท็อป แม้ยังไม่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่รีวิวจาก Bulls Lab ในเกาหลีใต้ได้เผยให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่น่าทึ่งเกินคาด Core Ultra 3 205 ใช้สถาปัตยกรรมแบบ hybrid มี 4 P-core ที่เร่งได้ถึง 4.9 GHz และ 4 E-core ที่เร่งได้ถึง 4.4 GHz เมื่อจับคู่กับเมนบอร์ด H810 และแรม DDR5 32GB พบว่าสามารถใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหล เปิดหลายแท็บเบราว์เซอร์พร้อมกัน และดูวิดีโอ YouTube 8K โดยใช้พลังงานต่ำ ผลการทดสอบ Cinebench R23 พบว่าได้คะแนน multi-core สูงถึง 13,394 ซึ่งมากกว่า Core i3-14100 ถึง 48% และคะแนน single-core ที่ 1,983 ก็ยังเหนือกว่า Core i5-14400 ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ iGPU ที่ติดมากับชิปยังใช้ Xe-core 2 ตัว ทำให้เล่นเกมเบา ๆ อย่าง DOTA และ Valorant ได้สบาย ๆ ราคาที่คาดการณ์อยู่ที่ประมาณ $140 หรือ 199,000 วอน ซึ่งถือว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประกอบเครื่องราคาประหยัด โดย Bulls Lab ยังพบว่ามีพีซีสำเร็จรูปที่ใช้ชิปนี้พร้อม RAM 8GB และ SSD 500GB วางขายในราคาเพียง $360 แม้จะดูน่าสนใจ แต่ Intel ยังไม่เปิดตัวชิปนี้ในช่องทางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และอาจวางขายเฉพาะในตลาด OEM หรือพีซีสำเร็จรูปเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบเครื่อง DIY เข้าถึงได้ยาก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Core Ultra 3 205 เป็นซีพียูระดับเริ่มต้นในตระกูล Arrow Lake ➡️ ใช้ hybrid architecture: 4 P-core (สูงสุด 4.9 GHz) + 4 E-core (สูงสุด 4.4 GHz) ➡️ ทดสอบกับเมนบอร์ด H810 และ RAM DDR5 32GB ➡️ ใช้งานทั่วไปลื่นไหล ดู YouTube 8K ได้โดยใช้พลังงานต่ำ ✅ ผลการทดสอบประสิทธิภาพ ➡️ Cinebench R23 multi-core: 13,394 คะแนน (สูงกว่า Core i3-14100 ถึง 48%) ➡️ Single-core: 1,983 คะแนน (เหนือกว่า Core i5-14400) ➡️ iGPU ใช้ Xe-core 2 ตัว เล่นเกมเบา ๆ ได้ดี ➡️ ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Core Ultra 5 225 ในด้านกราฟิก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ใช้พลังงานสูงสุด 65W — แนะนำให้ใช้ฮีตซิงก์จากผู้ผลิตอื่นแทนของ Intel ➡️ ราคา CPU ประมาณ $140 และพีซีสำเร็จรูปอยู่ที่ $360 ➡️ รองรับ DDR5 ความเร็วสูงถึง 6400 MHz และมี L2 cache ขนาด 16MB ➡️ ผลิตบนกระบวนการ 3nm — เล็กกว่า Core i3-14100 ที่ใช้ 10nm https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-3-205-delivers-impressive-results-in-early-review-reportedly-surpasses-previous-gen-core-i3-14100-and-core-i5-14400
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Google ในหอพักถึง Searcha Page ข้างเครื่องซักผ้า

    ย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 Google เริ่มต้นจากเซิร์ฟเวอร์ที่ประกอบด้วย Duplo blocks ในหอพักมหาวิทยาลัย Stanford และมีฐานข้อมูลเพียง 24 ล้านหน้าเว็บ วันนี้ Google มีดัชนีมากกว่า 400 พันล้านรายการ และต้องใช้ศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมาเพื่อรองรับการค้นหาทั่วโลก

    แต่ Ryan Pearce นักพัฒนาที่เคยทำงานด้าน enterprise software และเกม กลับเลือกเส้นทางที่ต่างออกไป—เขาสร้าง Searcha Page และ Seek Ninja ซึ่งเป็น search engine แบบ self-hosted ที่ตั้งอยู่ในห้องซักผ้าของบ้านตัวเอง โดยใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าที่ประกอบจากชิ้นส่วนมือสอง และ CPU AMD EPYC 7532 รุ่นปี 2020 ที่ตอนนี้หาซื้อได้ในราคาต่ำกว่า $200

    ระบบของเขาไม่ใช้ cloud และไม่พึ่ง AI แบบสรุปผลลัพธ์ แต่ใช้ machine learning เพื่อขยายคำค้นหาและเข้าใจบริบทของผู้ใช้ ทำให้สามารถให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำโดยใช้ทรัพยากรเพียงเศษเสี้ยวของ Google

    แม้จะเริ่มจากเซิร์ฟเวอร์สองตัวที่วางบนเก้าอี้ในห้องซักผ้า และต้องเจาะผนังเพื่อเดินสาย LAN แต่ Pearce ก็สามารถสร้างฐานข้อมูลกว่า 2 พันล้านรายการ และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 4 พันล้านภายใน 6 เดือน โดยเขาเขียนโค้ดไปแล้วกว่า 150,000 บรรทัด และปรับแต่งมากกว่า 500,000 บรรทัดเพื่อให้ระบบทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่ง LLM

    การสร้าง Searcha Page และ Seek Ninja
    เป็น search engine แบบ self-hosted ที่ตั้งอยู่ในห้องซักผ้า
    ใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าพร้อม CPU AMD EPYC 7532 จำนวน 32 คอร์
    มีฐานข้อมูลกว่า 2 พันล้านรายการ และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 4 พันล้าน

    แนวทางการใช้ AI
    ไม่ใช้ LLM หรือ AI ที่สรุปผลลัพธ์
    ใช้ machine learning เพื่อขยายคำค้นหาและเข้าใจบริบท
    ลดการพึ่งพาโมเดลใหญ่เพื่อให้ระบบเบาและควบคุมได้

    การออกแบบระบบและการตั้งค่า
    เซิร์ฟเวอร์วางบนเก้าอี้ในห้องซักผ้า พร้อมเจาะผนังเดินสาย LAN
    มีระบบระบายความร้อนแบบ DIY ด้วยท่ออากาศ
    เคยวางในห้องนอนแต่ร้อนเกินไปจนต้องย้าย

    ความสามารถของระบบ
    ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำแม้ใช้ทรัพยากรน้อย
    มีความเร็วในการค้นหาที่ดีขึ้นในช่วงหลัง
    รองรับการใช้งานจริงผ่านเว็บไซต์ Searcha Page และ Seek Ninja

    แผนในอนาคต
    อาจย้ายระบบไปยังศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กใกล้บ้าน
    ไม่ต้องการใช้ cloud และต้องการควบคุมระบบเอง
    ใช้รายได้จาก affiliate ads เพื่อสนับสนุนการพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/software/search-engines/ai-driven-search-engine-running-inside-a-laundry-room-aims-to-rival-google-and-you-can-try-it-yourself-programmer-harnesses-old-server-parts-and-ai-to-deliver-quality-results
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Google ในหอพักถึง Searcha Page ข้างเครื่องซักผ้า ย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 Google เริ่มต้นจากเซิร์ฟเวอร์ที่ประกอบด้วย Duplo blocks ในหอพักมหาวิทยาลัย Stanford และมีฐานข้อมูลเพียง 24 ล้านหน้าเว็บ วันนี้ Google มีดัชนีมากกว่า 400 พันล้านรายการ และต้องใช้ศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมาเพื่อรองรับการค้นหาทั่วโลก แต่ Ryan Pearce นักพัฒนาที่เคยทำงานด้าน enterprise software และเกม กลับเลือกเส้นทางที่ต่างออกไป—เขาสร้าง Searcha Page และ Seek Ninja ซึ่งเป็น search engine แบบ self-hosted ที่ตั้งอยู่ในห้องซักผ้าของบ้านตัวเอง โดยใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าที่ประกอบจากชิ้นส่วนมือสอง และ CPU AMD EPYC 7532 รุ่นปี 2020 ที่ตอนนี้หาซื้อได้ในราคาต่ำกว่า $200 ระบบของเขาไม่ใช้ cloud และไม่พึ่ง AI แบบสรุปผลลัพธ์ แต่ใช้ machine learning เพื่อขยายคำค้นหาและเข้าใจบริบทของผู้ใช้ ทำให้สามารถให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำโดยใช้ทรัพยากรเพียงเศษเสี้ยวของ Google แม้จะเริ่มจากเซิร์ฟเวอร์สองตัวที่วางบนเก้าอี้ในห้องซักผ้า และต้องเจาะผนังเพื่อเดินสาย LAN แต่ Pearce ก็สามารถสร้างฐานข้อมูลกว่า 2 พันล้านรายการ และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 4 พันล้านภายใน 6 เดือน โดยเขาเขียนโค้ดไปแล้วกว่า 150,000 บรรทัด และปรับแต่งมากกว่า 500,000 บรรทัดเพื่อให้ระบบทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่ง LLM ✅ การสร้าง Searcha Page และ Seek Ninja ➡️ เป็น search engine แบบ self-hosted ที่ตั้งอยู่ในห้องซักผ้า ➡️ ใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าพร้อม CPU AMD EPYC 7532 จำนวน 32 คอร์ ➡️ มีฐานข้อมูลกว่า 2 พันล้านรายการ และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 4 พันล้าน ✅ แนวทางการใช้ AI ➡️ ไม่ใช้ LLM หรือ AI ที่สรุปผลลัพธ์ ➡️ ใช้ machine learning เพื่อขยายคำค้นหาและเข้าใจบริบท ➡️ ลดการพึ่งพาโมเดลใหญ่เพื่อให้ระบบเบาและควบคุมได้ ✅ การออกแบบระบบและการตั้งค่า ➡️ เซิร์ฟเวอร์วางบนเก้าอี้ในห้องซักผ้า พร้อมเจาะผนังเดินสาย LAN ➡️ มีระบบระบายความร้อนแบบ DIY ด้วยท่ออากาศ ➡️ เคยวางในห้องนอนแต่ร้อนเกินไปจนต้องย้าย ✅ ความสามารถของระบบ ➡️ ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำแม้ใช้ทรัพยากรน้อย ➡️ มีความเร็วในการค้นหาที่ดีขึ้นในช่วงหลัง ➡️ รองรับการใช้งานจริงผ่านเว็บไซต์ Searcha Page และ Seek Ninja ✅ แผนในอนาคต ➡️ อาจย้ายระบบไปยังศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กใกล้บ้าน ➡️ ไม่ต้องการใช้ cloud และต้องการควบคุมระบบเอง ➡️ ใช้รายได้จาก affiliate ads เพื่อสนับสนุนการพัฒนา https://www.tomshardware.com/software/search-engines/ai-driven-search-engine-running-inside-a-laundry-room-aims-to-rival-google-and-you-can-try-it-yourself-programmer-harnesses-old-server-parts-and-ai-to-deliver-quality-results
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • “ศึกขายคีย์ Windows มือสองเดือด! Microsoft สู้คดีในศาลอังกฤษ อาจทำให้ตลาดคีย์ราคาถูกทั่วยุโรปพังทั้งระบบ”

    ถ้าคุณเคยซื้อคีย์ Windows หรือ Office ราคาถูกจากเว็บรีเซลเลอร์ในยุโรป — ตอนนี้สิ่งนั้นอาจกลายเป็นอดีต เพราะ Microsoft กำลังต่อสู้คดีครั้งสำคัญกับบริษัท ValueLicensing ในศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงกฎการขายซอฟต์แวร์มือสองทั้งทวีป

    คดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 เมื่อ ValueLicensing ฟ้อง Microsoft มูลค่า 270 ล้านปอนด์ โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้กลยุทธ์ผูกขาด เช่น เสนอส่วนลดให้ลูกค้าองค์กรแลกกับการยกเลิกสิทธิ์ขายต่อของไลเซนส์แบบถาวร ทำให้ตลาดซอฟต์แวร์มือสองถูกบีบจนแทบหายไป

    แต่ในปี 2025 Microsoft เปลี่ยนแนวทางการป้องกันจาก “เราไม่ได้ทำ” เป็น “ตลาดนี้ไม่ควรมีตั้งแต่แรก” โดยอ้างว่ากฎหมายการขายต่อซอฟต์แวร์ในยุโรป (EU Software Directive) ใช้ได้เฉพาะกับ “โปรแกรม” เท่านั้น ไม่รวมส่วนที่ไม่ใช่โปรแกรม เช่น GUI หรือองค์ประกอบอื่นที่ยังอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ — ถ้าศาลเห็นด้วย ตลาดรีเซลคีย์ทั้งหมดอาจกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

    การพิจารณาคดีเบื้องต้นเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน และจะใช้เวลาสามวันเพื่อวินิจฉัยประเด็นลิขสิทธิ์ก่อนเข้าสู่การไต่สวนเต็มรูปแบบในปี 2026 ซึ่งจะเป็นการตัดสินว่าการขายคีย์มือสองในยุโรปนั้น “ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่”

    ผลกระทบอาจรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ Windows 10 กำลังจะหมดการสนับสนุนในเดือนหน้า และผู้ใช้จำนวนมากต้องอัปเกรด — ถ้าคีย์ราคาถูกหายไป ราคาค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอาจพุ่งขึ้นทันที

    ข้อมูลจากคดี Microsoft vs ValueLicensing
    คดีเริ่มต้นในปี 2021 ด้วยข้อกล่าวหาว่า Microsoft ผูกขาดตลาดซอฟต์แวร์มือสอง
    มูลค่าความเสียหายที่ ValueLicensing อ้างคือ 270 ล้านปอนด์
    Microsoft เสนอส่วนลดให้ลูกค้าองค์กรแลกกับการยกเลิกสิทธิ์ขายต่อ
    การพิจารณาคดีเบื้องต้นเริ่มวันที่ 9 กันยายน 2025

    ประเด็นทางกฎหมายที่ถกเถียง
    Microsoft อ้างว่ากฎหมาย EU Software Directive ใช้ได้เฉพาะ “โปรแกรม”
    ส่วนที่ไม่ใช่โปรแกรม เช่น GUI ยังอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์
    ถ้าศาลเห็นด้วย ตลาดรีเซลคีย์อาจกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    การตีความนี้อาจส่งผลต่อการขายซอฟต์แวร์มือสองทั่วทั้งยุโรปและสหราชอาณาจักร

    ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
    คีย์ราคาถูกเป็นที่นิยมในกลุ่ม DIY และผู้ประกอบคอมพิวเตอร์
    การอัปเกรดจาก Windows 10 อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
    ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการ Microsoft 365 อาจไม่มีทางเลือกอื่น
    ตลาดรีเซลอาจหายไปทั้งระบบ หากคำตัดสินเข้าข้าง Microsoft

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    คดีนี้อยู่ในศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักร
    ValueLicensing เคยกล่าวว่า “ถ้า Microsoft ชนะ ตลาดนี้ไม่ควรมีตั้งแต่แรก”
    Microsoft เคยใช้แนวทาง “เราไม่ได้ทำ” ก่อนเปลี่ยนเป็น “ตลาดนี้ผิดกฎหมาย”
    คดีเต็มรูปแบบจะเริ่มในปี 2026

    https://www.tomshardware.com/software/microsoft-resale-fight-heads-to-uk-court
    ⚖️ “ศึกขายคีย์ Windows มือสองเดือด! Microsoft สู้คดีในศาลอังกฤษ อาจทำให้ตลาดคีย์ราคาถูกทั่วยุโรปพังทั้งระบบ” ถ้าคุณเคยซื้อคีย์ Windows หรือ Office ราคาถูกจากเว็บรีเซลเลอร์ในยุโรป — ตอนนี้สิ่งนั้นอาจกลายเป็นอดีต เพราะ Microsoft กำลังต่อสู้คดีครั้งสำคัญกับบริษัท ValueLicensing ในศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงกฎการขายซอฟต์แวร์มือสองทั้งทวีป คดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 เมื่อ ValueLicensing ฟ้อง Microsoft มูลค่า 270 ล้านปอนด์ โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้กลยุทธ์ผูกขาด เช่น เสนอส่วนลดให้ลูกค้าองค์กรแลกกับการยกเลิกสิทธิ์ขายต่อของไลเซนส์แบบถาวร ทำให้ตลาดซอฟต์แวร์มือสองถูกบีบจนแทบหายไป แต่ในปี 2025 Microsoft เปลี่ยนแนวทางการป้องกันจาก “เราไม่ได้ทำ” เป็น “ตลาดนี้ไม่ควรมีตั้งแต่แรก” โดยอ้างว่ากฎหมายการขายต่อซอฟต์แวร์ในยุโรป (EU Software Directive) ใช้ได้เฉพาะกับ “โปรแกรม” เท่านั้น ไม่รวมส่วนที่ไม่ใช่โปรแกรม เช่น GUI หรือองค์ประกอบอื่นที่ยังอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ — ถ้าศาลเห็นด้วย ตลาดรีเซลคีย์ทั้งหมดอาจกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย การพิจารณาคดีเบื้องต้นเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน และจะใช้เวลาสามวันเพื่อวินิจฉัยประเด็นลิขสิทธิ์ก่อนเข้าสู่การไต่สวนเต็มรูปแบบในปี 2026 ซึ่งจะเป็นการตัดสินว่าการขายคีย์มือสองในยุโรปนั้น “ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่” ผลกระทบอาจรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ Windows 10 กำลังจะหมดการสนับสนุนในเดือนหน้า และผู้ใช้จำนวนมากต้องอัปเกรด — ถ้าคีย์ราคาถูกหายไป ราคาค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอาจพุ่งขึ้นทันที ✅ ข้อมูลจากคดี Microsoft vs ValueLicensing ➡️ คดีเริ่มต้นในปี 2021 ด้วยข้อกล่าวหาว่า Microsoft ผูกขาดตลาดซอฟต์แวร์มือสอง ➡️ มูลค่าความเสียหายที่ ValueLicensing อ้างคือ 270 ล้านปอนด์ ➡️ Microsoft เสนอส่วนลดให้ลูกค้าองค์กรแลกกับการยกเลิกสิทธิ์ขายต่อ ➡️ การพิจารณาคดีเบื้องต้นเริ่มวันที่ 9 กันยายน 2025 ✅ ประเด็นทางกฎหมายที่ถกเถียง ➡️ Microsoft อ้างว่ากฎหมาย EU Software Directive ใช้ได้เฉพาะ “โปรแกรม” ➡️ ส่วนที่ไม่ใช่โปรแกรม เช่น GUI ยังอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ ➡️ ถ้าศาลเห็นด้วย ตลาดรีเซลคีย์อาจกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ➡️ การตีความนี้อาจส่งผลต่อการขายซอฟต์แวร์มือสองทั่วทั้งยุโรปและสหราชอาณาจักร ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ➡️ คีย์ราคาถูกเป็นที่นิยมในกลุ่ม DIY และผู้ประกอบคอมพิวเตอร์ ➡️ การอัปเกรดจาก Windows 10 อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ➡️ ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการ Microsoft 365 อาจไม่มีทางเลือกอื่น ➡️ ตลาดรีเซลอาจหายไปทั้งระบบ หากคำตัดสินเข้าข้าง Microsoft ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ คดีนี้อยู่ในศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักร ➡️ ValueLicensing เคยกล่าวว่า “ถ้า Microsoft ชนะ ตลาดนี้ไม่ควรมีตั้งแต่แรก” ➡️ Microsoft เคยใช้แนวทาง “เราไม่ได้ทำ” ก่อนเปลี่ยนเป็น “ตลาดนี้ผิดกฎหมาย” ➡️ คดีเต็มรูปแบบจะเริ่มในปี 2026 https://www.tomshardware.com/software/microsoft-resale-fight-heads-to-uk-court
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Microsoft key resale fight heads to court in the UK — case potentially puts cheap Windows keys at risk
    Tribunal weighs whether parts of Windows and Office fall outside Europe’s resale rules.
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • อินฟลูฯ เขมร หลอกเอาเงินบริจาคได้มากกว่า 280,000 บาท มาผลิตเสื้อเกราะ DIY ไว้แจกทหารเขมร ใช้แผ่นยาง EVA และแผ่นตะกั่ว 13 มิล แต่ผลทดสอบการยิง ทะลุทั้ง 2 นัด จึงจะเพิ่มขนาดตะกั่วเป็น 15 มิล และขอบริจาคเพิ่ม หลอกกันเองแท้ๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    อินฟลูฯ เขมร หลอกเอาเงินบริจาคได้มากกว่า 280,000 บาท มาผลิตเสื้อเกราะ DIY ไว้แจกทหารเขมร ใช้แผ่นยาง EVA และแผ่นตะกั่ว 13 มิล แต่ผลทดสอบการยิง ทะลุทั้ง 2 นัด จึงจะเพิ่มขนาดตะกั่วเป็น 15 มิล และขอบริจาคเพิ่ม หลอกกันเองแท้ๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • “Decisioninator: กล่องไม้เล็กๆ ที่ช่วย ‘รักษาชีวิตคู่’ ด้วย Raspberry Pi และ Flutter!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกับคนรักกำลังเถียงกันเรื่องเดิมๆ เช่น “จะกินอะไรดีคืนนี้?” หรือ “ดูหนังเรื่องไหนดี?” แล้วคำตอบก็วนอยู่ที่ “อะไรก็ได้” จนกลายเป็นความอึดอัดสะสม…นั่นคือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์สุดสร้างสรรค์จากวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ใช้ชื่อว่า Makerinator ผู้ซึ่งกล่าวติดตลกว่า “Decisioninator ช่วยรักษาชีวิตแต่งงานของผมไว้ได้!”

    เครื่องนี้คือกล่องไม้ขนาดเล็กสไตล์ตู้เกมยุค 80 ที่ภายในซ่อนพลังของ Raspberry Pi 4 พร้อมระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite และแอปที่สร้างด้วย Flutter + Flame Engine ซึ่งเป็น game engine สำหรับ 2D UI ที่เหมาะกับการสร้างระบบหมุนแบบวงล้อคล้าย Wheel of Fortune

    ตัวเครื่องมีปุ่มสองปุ่ม: ปุ่มแดงใหญ่สำหรับหมุนวงล้อ และปุ่มน้ำเงินเล็กสำหรับเลือกโหมด เช่น ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, หรือดูหนัง โดยทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและ “ตัดสินใจแทนคุณ” ในเรื่องที่มักกลายเป็นปัญหาเล็กๆ ที่สะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่

    Makerinator ยังเล่าว่าเขาไม่ใช่ช่างไม้มืออาชีพ แต่สามารถเลเซอร์คัตแผ่นไม้, พ่นสี, แปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation และใช้ epoxy กับเครื่องมือโรตารี่เพื่อแก้ปัญหาการประกอบที่ผิดพลาด — จนออกมาเป็นเครื่องที่ดูดีแบบเรโทร และใช้งานได้จริง

    จุดเริ่มต้นของ Decisioninator
    สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการตัดสินใจในชีวิตคู่ เช่น กินอะไรดี ดูอะไรดี
    ใช้ Raspberry Pi 4 เป็นแกนหลักของระบบ
    รันระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite เพื่อประหยัดทรัพยากร
    ใช้ Flutter + Flame Engine ในการสร้าง UI แบบวงล้อหมุน

    ฟีเจอร์ของเครื่อง
    มีปุ่มแดงสำหรับหมุน และปุ่มน้ำเงินสำหรับเลือกโหมด
    โหมดที่มีให้เลือก: ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, ดูหนัง
    ใช้ GPIO ของ Pi ในการรับอินพุตจากปุ่ม
    ใช้ converter 12V → 5V เพื่อจ่ายไฟให้ Raspberry Pi

    งานประกอบและดีไซน์
    ตัวเครื่องทำจากไม้ที่เลเซอร์คัตและประกอบด้วยมือ
    ใช้ epoxy และเครื่องมือโรตารี่ในการแก้ปัญหาการประกอบ
    พ่นสีและแปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation
    ดีไซน์คล้ายตู้เกมยุค 80 เช่น Tempest หรือ Tron

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Flame Engine เป็น game engine สำหรับ Flutter ที่เน้นงาน 2D
    Flutter-Pi เป็น library ที่ช่วยให้ Flutter รันบน Raspberry Pi ได้
    Raspberry Pi GPIO รองรับการเชื่อมต่อกับปุ่ม, LED, และเซ็นเซอร์ต่างๆ
    การใช้ Raspberry Pi ในงาน DIY ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น

    https://www.tomshardware.com/raspberry-pi/the-decisioninator-saved-my-marriage-says-software-engineer-raspberry-pi-powered-device-automates-restaurant-chore-date-night-and-movie-night-choices
    🎰 “Decisioninator: กล่องไม้เล็กๆ ที่ช่วย ‘รักษาชีวิตคู่’ ด้วย Raspberry Pi และ Flutter!” ลองนึกภาพว่าคุณกับคนรักกำลังเถียงกันเรื่องเดิมๆ เช่น “จะกินอะไรดีคืนนี้?” หรือ “ดูหนังเรื่องไหนดี?” แล้วคำตอบก็วนอยู่ที่ “อะไรก็ได้” จนกลายเป็นความอึดอัดสะสม…นั่นคือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์สุดสร้างสรรค์จากวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ใช้ชื่อว่า Makerinator ผู้ซึ่งกล่าวติดตลกว่า “Decisioninator ช่วยรักษาชีวิตแต่งงานของผมไว้ได้!” เครื่องนี้คือกล่องไม้ขนาดเล็กสไตล์ตู้เกมยุค 80 ที่ภายในซ่อนพลังของ Raspberry Pi 4 พร้อมระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite และแอปที่สร้างด้วย Flutter + Flame Engine ซึ่งเป็น game engine สำหรับ 2D UI ที่เหมาะกับการสร้างระบบหมุนแบบวงล้อคล้าย Wheel of Fortune ตัวเครื่องมีปุ่มสองปุ่ม: ปุ่มแดงใหญ่สำหรับหมุนวงล้อ และปุ่มน้ำเงินเล็กสำหรับเลือกโหมด เช่น ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, หรือดูหนัง โดยทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและ “ตัดสินใจแทนคุณ” ในเรื่องที่มักกลายเป็นปัญหาเล็กๆ ที่สะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ Makerinator ยังเล่าว่าเขาไม่ใช่ช่างไม้มืออาชีพ แต่สามารถเลเซอร์คัตแผ่นไม้, พ่นสี, แปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation และใช้ epoxy กับเครื่องมือโรตารี่เพื่อแก้ปัญหาการประกอบที่ผิดพลาด — จนออกมาเป็นเครื่องที่ดูดีแบบเรโทร และใช้งานได้จริง ✅ จุดเริ่มต้นของ Decisioninator ➡️ สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการตัดสินใจในชีวิตคู่ เช่น กินอะไรดี ดูอะไรดี ➡️ ใช้ Raspberry Pi 4 เป็นแกนหลักของระบบ ➡️ รันระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite เพื่อประหยัดทรัพยากร ➡️ ใช้ Flutter + Flame Engine ในการสร้าง UI แบบวงล้อหมุน ✅ ฟีเจอร์ของเครื่อง ➡️ มีปุ่มแดงสำหรับหมุน และปุ่มน้ำเงินสำหรับเลือกโหมด ➡️ โหมดที่มีให้เลือก: ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, ดูหนัง ➡️ ใช้ GPIO ของ Pi ในการรับอินพุตจากปุ่ม ➡️ ใช้ converter 12V → 5V เพื่อจ่ายไฟให้ Raspberry Pi ✅ งานประกอบและดีไซน์ ➡️ ตัวเครื่องทำจากไม้ที่เลเซอร์คัตและประกอบด้วยมือ ➡️ ใช้ epoxy และเครื่องมือโรตารี่ในการแก้ปัญหาการประกอบ ➡️ พ่นสีและแปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation ➡️ ดีไซน์คล้ายตู้เกมยุค 80 เช่น Tempest หรือ Tron ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Flame Engine เป็น game engine สำหรับ Flutter ที่เน้นงาน 2D ➡️ Flutter-Pi เป็น library ที่ช่วยให้ Flutter รันบน Raspberry Pi ได้ ➡️ Raspberry Pi GPIO รองรับการเชื่อมต่อกับปุ่ม, LED, และเซ็นเซอร์ต่างๆ ➡️ การใช้ Raspberry Pi ในงาน DIY ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น https://www.tomshardware.com/raspberry-pi/the-decisioninator-saved-my-marriage-says-software-engineer-raspberry-pi-powered-device-automates-restaurant-chore-date-night-and-movie-night-choices
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเฟิร์มแวร์ทดลองถึงการล่มของ SSD: เมื่อการทดสอบภายในกลายเป็นปัญหาสาธารณะ

    ช่วงเดือนสิงหาคม 2025 มีรายงานจากผู้ใช้จำนวนมากว่า SSD ของตนหายไปจากระบบหลังจากอัปเดต Windows 11 โดยเฉพาะเมื่อมีการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ บางเครื่องถึงขั้นไม่สามารถบูตกลับมาได้ แม้จะรีสตาร์ทหลายครั้ง

    ตอนแรกหลายคนสงสัยว่าเป็นปัญหาจาก Microsoft แต่หลังจาก Phison ผู้ผลิตคอนโทรลเลอร์ SSD ทำการทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง ก็ไม่พบปัญหาใด ๆ ในเฟิร์มแวร์เวอร์ชันผลิตจริง และ Microsoft ก็ออกมายืนยันว่าอัปเดตของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่มของ SSD

    ล่าสุด กลุ่มผู้ใช้งานในจีนชื่อ PCDIY! ได้เปิดเผยว่า SSD ที่ล่มนั้นใช้ “เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดสอบ” หรือ engineering firmware ซึ่งมักใช้ในช่วงก่อนผลิตจริง และอาจมีพฤติกรรมไม่เสถียร โดยเฉพาะเมื่อเจอกับการเปลี่ยนแปลงจากระบบปฏิบัติการ เช่น Windows Update

    Phison ยืนยันผลการทดสอบของกลุ่มนี้ โดยระบุว่าเฟิร์มแวร์ที่ใช้ในสินค้าขายจริงผ่านการตรวจสอบแล้ว และไม่มีปัญหาแบบที่พบในเวอร์ชันทดลอง ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมการทดสอบของ Phison และ Microsoft จึงไม่พบปัญหา—เพราะพวกเขาใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันผลิตจริง

    นอกจากนี้ Phison ยังแนะนำให้ผู้ใช้ที่พบปัญหาอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ SSD และติดตั้งฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนสะสมระหว่างการใช้งานหนัก ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ SSD ล่มในบางกรณี

    สาเหตุของการล่มของ SSD
    เกิดจากการใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดสอบ (engineering firmware)
    เฟิร์มแวร์นี้อาจถูกกระตุ้นให้ล้มเหลวโดยอัปเดต Windows 11
    เฉพาะ SSD ที่ไม่ได้ใช้เฟิร์มแวร์ผลิตจริงเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ

    การตรวจสอบจาก Phison และ Microsoft
    Phison ทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง ไม่พบปัญหาในเฟิร์มแวร์ผลิตจริง
    Microsoft ยืนยันว่าอัปเดตของตนไม่เกี่ยวข้องกับการล่มของ SSD
    การทดสอบของทั้งสองฝ่ายใช้เฟิร์มแวร์ที่ผ่านการผลิตและตรวจสอบแล้ว

    ข้อมูลจากกลุ่ม PCDIY!
    พบว่า SSD ที่ล่มใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดลอง
    Phison ยืนยันผลการทดสอบของกลุ่มนี้
    อธิบายได้ว่าทำไมผู้ใช้บางกลุ่มจึงได้รับผลกระทบ

    คำแนะนำสำหรับผู้ใช้
    ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ SSD ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
    ควรติดตั้งฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนสะสม
    สำรองข้อมูลก่อนอัปเดตเฟิร์มแวร์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/new-report-blames-phisons-pre-release-firmware-for-ssd-failures-not-microsofts-august-patch-for-windows
    🎙️ เรื่องเล่าจากเฟิร์มแวร์ทดลองถึงการล่มของ SSD: เมื่อการทดสอบภายในกลายเป็นปัญหาสาธารณะ ช่วงเดือนสิงหาคม 2025 มีรายงานจากผู้ใช้จำนวนมากว่า SSD ของตนหายไปจากระบบหลังจากอัปเดต Windows 11 โดยเฉพาะเมื่อมีการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ บางเครื่องถึงขั้นไม่สามารถบูตกลับมาได้ แม้จะรีสตาร์ทหลายครั้ง ตอนแรกหลายคนสงสัยว่าเป็นปัญหาจาก Microsoft แต่หลังจาก Phison ผู้ผลิตคอนโทรลเลอร์ SSD ทำการทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง ก็ไม่พบปัญหาใด ๆ ในเฟิร์มแวร์เวอร์ชันผลิตจริง และ Microsoft ก็ออกมายืนยันว่าอัปเดตของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่มของ SSD ล่าสุด กลุ่มผู้ใช้งานในจีนชื่อ PCDIY! ได้เปิดเผยว่า SSD ที่ล่มนั้นใช้ “เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดสอบ” หรือ engineering firmware ซึ่งมักใช้ในช่วงก่อนผลิตจริง และอาจมีพฤติกรรมไม่เสถียร โดยเฉพาะเมื่อเจอกับการเปลี่ยนแปลงจากระบบปฏิบัติการ เช่น Windows Update Phison ยืนยันผลการทดสอบของกลุ่มนี้ โดยระบุว่าเฟิร์มแวร์ที่ใช้ในสินค้าขายจริงผ่านการตรวจสอบแล้ว และไม่มีปัญหาแบบที่พบในเวอร์ชันทดลอง ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมการทดสอบของ Phison และ Microsoft จึงไม่พบปัญหา—เพราะพวกเขาใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันผลิตจริง นอกจากนี้ Phison ยังแนะนำให้ผู้ใช้ที่พบปัญหาอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ SSD และติดตั้งฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนสะสมระหว่างการใช้งานหนัก ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ SSD ล่มในบางกรณี ✅ สาเหตุของการล่มของ SSD ➡️ เกิดจากการใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดสอบ (engineering firmware) ➡️ เฟิร์มแวร์นี้อาจถูกกระตุ้นให้ล้มเหลวโดยอัปเดต Windows 11 ➡️ เฉพาะ SSD ที่ไม่ได้ใช้เฟิร์มแวร์ผลิตจริงเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ✅ การตรวจสอบจาก Phison และ Microsoft ➡️ Phison ทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง ไม่พบปัญหาในเฟิร์มแวร์ผลิตจริง ➡️ Microsoft ยืนยันว่าอัปเดตของตนไม่เกี่ยวข้องกับการล่มของ SSD ➡️ การทดสอบของทั้งสองฝ่ายใช้เฟิร์มแวร์ที่ผ่านการผลิตและตรวจสอบแล้ว ✅ ข้อมูลจากกลุ่ม PCDIY! ➡️ พบว่า SSD ที่ล่มใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันทดลอง ➡️ Phison ยืนยันผลการทดสอบของกลุ่มนี้ ➡️ อธิบายได้ว่าทำไมผู้ใช้บางกลุ่มจึงได้รับผลกระทบ ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ ➡️ ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ SSD ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ➡️ ควรติดตั้งฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนสะสม ➡️ สำรองข้อมูลก่อนอัปเดตเฟิร์มแวร์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/new-report-blames-phisons-pre-release-firmware-for-ssd-failures-not-microsofts-august-patch-for-windows
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Sandy Bridge ถึง GTX 1060: เมื่อเครื่องเก่ากลายเป็นขุมพลังแห่งความทรงจำ

    ผู้ใช้ Reddit ชื่อ Key-law-3005 ได้แชร์ภาพและเรื่องราวของคอมพิวเตอร์ที่เขาได้มาจากร้าน Goodwill ในราคาเพียง $9 ซึ่งเมื่อเปิดฝาเครื่องออกมา กลับพบว่าอุปกรณ์ภายในมีมูลค่ามากกว่าราคาซื้อหลายเท่า ทั้งเมนบอร์ด Gigabyte GA-Z68X-UD3H-B, เคส Corsair ATX และพาวเวอร์ซัพพลาย Seasonic S12 II 520W ที่ยังใช้งานได้ดี

    แม้เขาจะยอมรับว่าเป็นมือใหม่ด้าน DIY PC แต่ชุมชน PCMR บน Reddit ก็เข้ามาให้คำแนะนำอย่างอบอุ่น โดยเสนอให้เขาอัปเกรด CPU เป็น Core i7-2600K หรือ Xeon รุ่นที่รองรับ LGA1155 ซึ่งสามารถโอเวอร์คล็อกได้ และติดตั้ง RAM DDR3 ให้เต็ม 4 ช่อง พร้อมเพิ่มการ์ดจอแยก เช่น GTX 1060 ที่ยังรองรับเกมยุค 2010s ถึงต้น 2020s ได้ดี

    แม้ GTX 1060 จะใกล้หมดการสนับสนุนไดรเวอร์จาก Nvidia แต่ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในตลาดมือสอง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการเล่นเกมคลาสสิกหรือ eSports เช่น CS:GO, Dota 2, หรือ Overwatch

    บางคนในชุมชนแนะนำให้ขายชิ้นส่วนแยกเพื่อไปซื้อแพลตฟอร์มใหม่ที่รองรับ Windows 11 ได้เต็มรูปแบบ แต่หลายคนก็เห็นว่าการฟื้นฟูเครื่องนี้ให้กลายเป็น “nostalgic gaming rig” เป็นทางเลือกที่น่าสนุกและคุ้มค่ากว่า

    https://www.tomshardware.com/desktops/usd9-goodwill-pc-find-earns-congratulations-from-enthusiasts-the-machine-could-be-a-great-esports-or-nostalgic-gaming-powerhouse-with-the-right-upgrades
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Sandy Bridge ถึง GTX 1060: เมื่อเครื่องเก่ากลายเป็นขุมพลังแห่งความทรงจำ ผู้ใช้ Reddit ชื่อ Key-law-3005 ได้แชร์ภาพและเรื่องราวของคอมพิวเตอร์ที่เขาได้มาจากร้าน Goodwill ในราคาเพียง $9 ซึ่งเมื่อเปิดฝาเครื่องออกมา กลับพบว่าอุปกรณ์ภายในมีมูลค่ามากกว่าราคาซื้อหลายเท่า ทั้งเมนบอร์ด Gigabyte GA-Z68X-UD3H-B, เคส Corsair ATX และพาวเวอร์ซัพพลาย Seasonic S12 II 520W ที่ยังใช้งานได้ดี แม้เขาจะยอมรับว่าเป็นมือใหม่ด้าน DIY PC แต่ชุมชน PCMR บน Reddit ก็เข้ามาให้คำแนะนำอย่างอบอุ่น โดยเสนอให้เขาอัปเกรด CPU เป็น Core i7-2600K หรือ Xeon รุ่นที่รองรับ LGA1155 ซึ่งสามารถโอเวอร์คล็อกได้ และติดตั้ง RAM DDR3 ให้เต็ม 4 ช่อง พร้อมเพิ่มการ์ดจอแยก เช่น GTX 1060 ที่ยังรองรับเกมยุค 2010s ถึงต้น 2020s ได้ดี แม้ GTX 1060 จะใกล้หมดการสนับสนุนไดรเวอร์จาก Nvidia แต่ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในตลาดมือสอง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการเล่นเกมคลาสสิกหรือ eSports เช่น CS:GO, Dota 2, หรือ Overwatch บางคนในชุมชนแนะนำให้ขายชิ้นส่วนแยกเพื่อไปซื้อแพลตฟอร์มใหม่ที่รองรับ Windows 11 ได้เต็มรูปแบบ แต่หลายคนก็เห็นว่าการฟื้นฟูเครื่องนี้ให้กลายเป็น “nostalgic gaming rig” เป็นทางเลือกที่น่าสนุกและคุ้มค่ากว่า https://www.tomshardware.com/desktops/usd9-goodwill-pc-find-earns-congratulations-from-enthusiasts-the-machine-could-be-a-great-esports-or-nostalgic-gaming-powerhouse-with-the-right-upgrades
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    $9 Goodwill PC find earns congratulations from enthusiasts — the machine could be a great eSports or nostalgic gaming powerhouse with the right upgrades
    The Intel Sandy Bridge era machine’s motherboard, case, and power supply are individually worth multiples of the ticket price.
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากสนามหัวพิมพ์: เมื่อ Prusa, Bambu, AtomForm และ Snapmaker เปิดศึกแย่งชิงอนาคตของการพิมพ์หลายสี

    ในเดือนสิงหาคม 2025 วงการ 3D printing สั่นสะเทือนด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์แบบ “tool changer” ถึง 4 รุ่นในเวลาใกล้เคียงกัน โดยแต่ละค่ายต่างมีแนวทางเฉพาะของตนเองในการจัดการกับปัญหา “การพิมพ์หลายสีหรือหลายวัสดุ” ที่เคยยุ่งยากและเปลืองวัสดุ

    Snapmaker เปิดตัว U1 บน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุดเพียง $649 สำหรับผู้สนับสนุนกลุ่มแรก และสามารถระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คนภายในไม่กี่วัน AtomForm จากจีนเปิดตัว Palette 300 ที่มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัว โดยใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint และเตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499

    Bambu Lab เปิดตัว H2C ซึ่งแม้จะไม่ใช่ tool changer เต็มรูปแบบ แต่ก็ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องพึ่งระบบ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก ส่วน Prusa กลับมาอย่างเงียบ ๆ ด้วยโพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น และตามมาด้วยการยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ผู้พัฒนา INDX ซึ่งเป็นระบบ tool changer แบบไร้สายและใช้ความร้อนแบบเหนี่ยวนำ

    แนวคิดของ INDX คือการลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์ให้เบาและง่ายต่อการสลับ โดยไม่ต้องใช้สายไฟหรือท่อเส้นพลาสติกที่ยุ่งยาก ทำให้ระบบมีความเสถียรและลดปัญหาการอุดตันของหัวฉีด

    การกลับมาของ Prusa กับ CORE One
    โพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น
    ยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ในการใช้ระบบ INDX tool changer
    INDX ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ทำให้หัวพิมพ์เบาและง่ายต่อการสลับ

    การเปิดตัวของ Snapmaker U1
    เปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุด $649
    ระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คน
    รองรับการพิมพ์ 4 สีด้วยระบบ tool changer แบบ desktop

    การเปิดตัวของ AtomForm Palette 300
    มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัวในพื้นที่ 300 x 300 x 300 mm
    ใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint โดยยังไม่มีการสาธิตสด
    เตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499

    การเปิดตัวของ Bambu Lab H2C
    ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องใช้ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก
    เปิดตัวหลัง H2S เพียง 1 ชั่วโมง สร้างความสับสนในตลาด
    เป็นการตอบโต้ต่อความสำเร็จของ Snapmaker และการมาถึงของ AtomForm

    จุดเด่นของระบบ INDX จาก Bondtech
    ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์
    ลดปัญหาการอุดตันและการเสียเวลาจากการ purge เส้นพลาสติก
    สามารถติดตั้งบนเครื่องพิมพ์ DIY เช่น Voron ได้

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printings-tool-changer-wars-heat-up-as-prusa-re-enters-the-ring
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนามหัวพิมพ์: เมื่อ Prusa, Bambu, AtomForm และ Snapmaker เปิดศึกแย่งชิงอนาคตของการพิมพ์หลายสี ในเดือนสิงหาคม 2025 วงการ 3D printing สั่นสะเทือนด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์แบบ “tool changer” ถึง 4 รุ่นในเวลาใกล้เคียงกัน โดยแต่ละค่ายต่างมีแนวทางเฉพาะของตนเองในการจัดการกับปัญหา “การพิมพ์หลายสีหรือหลายวัสดุ” ที่เคยยุ่งยากและเปลืองวัสดุ Snapmaker เปิดตัว U1 บน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุดเพียง $649 สำหรับผู้สนับสนุนกลุ่มแรก และสามารถระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คนภายในไม่กี่วัน AtomForm จากจีนเปิดตัว Palette 300 ที่มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัว โดยใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint และเตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499 Bambu Lab เปิดตัว H2C ซึ่งแม้จะไม่ใช่ tool changer เต็มรูปแบบ แต่ก็ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องพึ่งระบบ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก ส่วน Prusa กลับมาอย่างเงียบ ๆ ด้วยโพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น และตามมาด้วยการยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ผู้พัฒนา INDX ซึ่งเป็นระบบ tool changer แบบไร้สายและใช้ความร้อนแบบเหนี่ยวนำ แนวคิดของ INDX คือการลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์ให้เบาและง่ายต่อการสลับ โดยไม่ต้องใช้สายไฟหรือท่อเส้นพลาสติกที่ยุ่งยาก ทำให้ระบบมีความเสถียรและลดปัญหาการอุดตันของหัวฉีด ✅ การกลับมาของ Prusa กับ CORE One ➡️ โพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น ➡️ ยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ในการใช้ระบบ INDX tool changer ➡️ INDX ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ทำให้หัวพิมพ์เบาและง่ายต่อการสลับ ✅ การเปิดตัวของ Snapmaker U1 ➡️ เปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุด $649 ➡️ ระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คน ➡️ รองรับการพิมพ์ 4 สีด้วยระบบ tool changer แบบ desktop ✅ การเปิดตัวของ AtomForm Palette 300 ➡️ มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัวในพื้นที่ 300 x 300 x 300 mm ➡️ ใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint โดยยังไม่มีการสาธิตสด ➡️ เตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499 ✅ การเปิดตัวของ Bambu Lab H2C ➡️ ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องใช้ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก ➡️ เปิดตัวหลัง H2S เพียง 1 ชั่วโมง สร้างความสับสนในตลาด ➡️ เป็นการตอบโต้ต่อความสำเร็จของ Snapmaker และการมาถึงของ AtomForm ✅ จุดเด่นของระบบ INDX จาก Bondtech ➡️ ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์ ➡️ ลดปัญหาการอุดตันและการเสียเวลาจากการ purge เส้นพลาสติก ➡️ สามารถติดตั้งบนเครื่องพิมพ์ DIY เช่น Voron ได้ https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printings-tool-changer-wars-heat-up-as-prusa-re-enters-the-ring
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    3D printing's tool changer wars heat up as Prusa re-enters the ring
    Buckle up, the road to 3D printing tool changers is about to get bumpy.
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • เมื่อสายไฟละลายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ: DIYer สร้างระบบป้องกัน RTX 5090 ด้วยสายไฟพันกันสุดโกลาหล

    ปัญหาสายไฟละลายจากหัวต่อ 16-pin ของการ์ดจอ RTX 4090 และ 5090 กลายเป็นเรื่องจริงที่ผู้ใช้งานหลายคนเจอ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับ PSU ที่จ่ายไฟสูงและสาย 12VHPWR ที่ไม่แน่นหนา

    Electronic_Ear6797 จึงสร้างระบบ “RTX 5090 Countermeasures” ที่ดูเหมือนงานศิลปะสายไฟพันกัน แต่มีระบบตรวจจับกระแสเกิน และสั่งให้ PSU ปิดตัวทันทีเมื่อเกิดความเสี่ยง

    ระบบนี้ใช้ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม เช่น PLC จาก Mitsubishi, เซนเซอร์วัดกระแส และรีเลย์ไฟฟ้า เพื่อควบคุมการจ่ายไฟอย่างแม่นยำ โดยไม่พึ่งแค่ฟิวส์หรือระบบป้องกันพื้นฐาน

    แม้จะดูยุ่งเหยิง แต่ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการละลายหัวต่อ ซึ่งเคยเกิดขึ้นจริงกับผู้ใช้งาน RTX 4090 และยังคงเกิดซ้ำกับ RTX 5090 แม้จะเป็นรุ่นใหม่

    ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ RTX 5090
    หัวต่อ 16-pin มีความเสี่ยงละลายจากความร้อนสูง
    ปัญหาเริ่มจาก RTX 4090 และยังเกิดซ้ำกับ RTX 5090
    สาย 12VHPWR ที่ไม่แน่นหนาเป็นสาเหตุหลัก

    ระบบป้องกันแบบ DIY
    ใช้ PLC จาก Mitsubishi และเซนเซอร์วัดกระแสไฟฟ้า
    มีรีเลย์ที่สั่งปิด PSU ทันทีเมื่อเกิดกระแสเกิน
    สร้างจากชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่ฟิวส์ธรรมดา

    จุดเด่นของระบบ
    ป้องกันการละลายหัวต่อได้แบบ proactive
    ลดความเสี่ยงจากการใช้งานการ์ดจอระดับสูง
    เป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาด้วยความรู้ด้านไฟฟ้าและระบบควบคุม

    ข้อมูลเสริมจากวงการฮาร์ดแวร์
    Thermal Grizzly มีผลิตภัณฑ์ WireView สำหรับตรวจสอบพลังงาน GPU
    Corsair และ Seasonic เริ่มออกแบบสาย 12VHPWR รุ่นใหม่ที่แน่นหนาขึ้น
    ผู้ผลิตบางรายเริ่มพัฒนา GPU ที่ใช้หัวต่อแบบใหม่เพื่อลดความเสี่ยง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/diyer-creates-rtx-5090-countermeasures-with-cabling-spaghetti-to-mitigate-16-pin-meltdowns-system-automatically-shuts-down-when-the-overcurrent-protection-is-triggered
    🧠 เมื่อสายไฟละลายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ: DIYer สร้างระบบป้องกัน RTX 5090 ด้วยสายไฟพันกันสุดโกลาหล ปัญหาสายไฟละลายจากหัวต่อ 16-pin ของการ์ดจอ RTX 4090 และ 5090 กลายเป็นเรื่องจริงที่ผู้ใช้งานหลายคนเจอ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับ PSU ที่จ่ายไฟสูงและสาย 12VHPWR ที่ไม่แน่นหนา Electronic_Ear6797 จึงสร้างระบบ “RTX 5090 Countermeasures” ที่ดูเหมือนงานศิลปะสายไฟพันกัน แต่มีระบบตรวจจับกระแสเกิน และสั่งให้ PSU ปิดตัวทันทีเมื่อเกิดความเสี่ยง ระบบนี้ใช้ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม เช่น PLC จาก Mitsubishi, เซนเซอร์วัดกระแส และรีเลย์ไฟฟ้า เพื่อควบคุมการจ่ายไฟอย่างแม่นยำ โดยไม่พึ่งแค่ฟิวส์หรือระบบป้องกันพื้นฐาน แม้จะดูยุ่งเหยิง แต่ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการละลายหัวต่อ ซึ่งเคยเกิดขึ้นจริงกับผู้ใช้งาน RTX 4090 และยังคงเกิดซ้ำกับ RTX 5090 แม้จะเป็นรุ่นใหม่ ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ RTX 5090 ➡️ หัวต่อ 16-pin มีความเสี่ยงละลายจากความร้อนสูง ➡️ ปัญหาเริ่มจาก RTX 4090 และยังเกิดซ้ำกับ RTX 5090 ➡️ สาย 12VHPWR ที่ไม่แน่นหนาเป็นสาเหตุหลัก ✅ ระบบป้องกันแบบ DIY ➡️ ใช้ PLC จาก Mitsubishi และเซนเซอร์วัดกระแสไฟฟ้า ➡️ มีรีเลย์ที่สั่งปิด PSU ทันทีเมื่อเกิดกระแสเกิน ➡️ สร้างจากชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่ฟิวส์ธรรมดา ✅ จุดเด่นของระบบ ➡️ ป้องกันการละลายหัวต่อได้แบบ proactive ➡️ ลดความเสี่ยงจากการใช้งานการ์ดจอระดับสูง ➡️ เป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาด้วยความรู้ด้านไฟฟ้าและระบบควบคุม ✅ ข้อมูลเสริมจากวงการฮาร์ดแวร์ ➡️ Thermal Grizzly มีผลิตภัณฑ์ WireView สำหรับตรวจสอบพลังงาน GPU ➡️ Corsair และ Seasonic เริ่มออกแบบสาย 12VHPWR รุ่นใหม่ที่แน่นหนาขึ้น ➡️ ผู้ผลิตบางรายเริ่มพัฒนา GPU ที่ใช้หัวต่อแบบใหม่เพื่อลดความเสี่ยง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/diyer-creates-rtx-5090-countermeasures-with-cabling-spaghetti-to-mitigate-16-pin-meltdowns-system-automatically-shuts-down-when-the-overcurrent-protection-is-triggered
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • Radeon AI Pro R9700: จากเบื้องหลังสู่มือผู้ใช้ DIY

    เดิมที AMD เปิดตัว Radeon AI Pro R9700 ในงาน Computex 2025 โดยตั้งใจให้เป็นการ์ดสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ เช่นการรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่แบบ local โดยใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 ที่มี 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators พร้อม VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit

    แต่ตอนแรกการ์ดนี้จำกัดการขายเฉพาะ OEM และ System Integrator เท่านั้น จนกระทั่งมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งโพสต์ว่าเขาสามารถซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” ได้จากช่องทางค้าปลีกในราคา $1,324 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่การ์ดนี้หลุดออกสู่ตลาด DIY

    การ์ดรุ่นนี้ใช้พัดลมแบบ blower-style ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์หรือแร็คมากกว่าพีซีทั่วไป เพราะสามารถระบายความร้อนได้ดีในสภาพแวดล้อมที่แออัด

    เทียบกับคู่แข่ง: Nvidia และ Intel

    แม้ว่า R9700 จะมี VRAM เท่ากับ Nvidia RTX 5090 (32GB) แต่ราคาถูกกว่าครึ่ง ขณะที่ RTX 5090 มีแบนด์วิดธ์สูงกว่า (1.79TB/s เทียบกับ 644GB/s) และมีจำนวน core มากกว่า (21,760 เทียบกับ 4,096) ทำให้ RTX 5090 เหมาะกับงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุด

    ในฝั่ง Intel ก็มี Arc Pro B60 Dual ที่รวมสอง GPU เข้าด้วยกัน ให้ VRAM รวม 48GB และใช้สถาปัตยกรรม Xe2 “Battlemage” โดยมีราคาประมาณ $1,200 เช่นกัน เหมาะกับงาน inference ขนาดใหญ่ที่ต้องการความจุหน่วยความจำมาก

    การเปิดตัว Radeon AI Pro R9700 สู่ตลาด DIY
    เดิมจำกัดการขายเฉพาะ OEM และ SI
    ผู้ใช้ Reddit รายงานว่าได้ซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” จากร้านค้าปลีก
    ราคาอยู่ที่ประมาณ $1,324 รวมภาษีและค่าขนส่ง

    สเปกเด่นของ R9700
    ใช้ชิป Navi 48 พร้อม 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators
    VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit
    ประสิทธิภาพสูงสุด 96 TFLOPs FP16 และ 1,531 TOPS INT4

    การออกแบบและการใช้งาน
    ใช้พัดลมแบบ blower-style เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์
    รองรับงาน AI inference และ LLM ขนาดใหญ่แบบ local
    ใช้ PCIe 5.0 x16 และมีขนาด 2-slot

    เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
    RTX 5090 มีพลังประมวลผลสูงกว่า แต่ราคาสูงถึง $1,999
    Intel Arc Pro B60 Dual มี VRAM 48GB และราคาประมาณ $1,200
    R9700 มีจุดเด่นด้านความคุ้มค่าและการใช้งาน local AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-elusive-radeon-ai-pro-r9700-makes-its-first-retail-appearance-for-the-diy-market-customer-on-reddit-buys-the-gigabyte-ai-top-variant-for-usd1-324
    🧠 Radeon AI Pro R9700: จากเบื้องหลังสู่มือผู้ใช้ DIY เดิมที AMD เปิดตัว Radeon AI Pro R9700 ในงาน Computex 2025 โดยตั้งใจให้เป็นการ์ดสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ เช่นการรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่แบบ local โดยใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 ที่มี 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators พร้อม VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit แต่ตอนแรกการ์ดนี้จำกัดการขายเฉพาะ OEM และ System Integrator เท่านั้น จนกระทั่งมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งโพสต์ว่าเขาสามารถซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” ได้จากช่องทางค้าปลีกในราคา $1,324 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่การ์ดนี้หลุดออกสู่ตลาด DIY การ์ดรุ่นนี้ใช้พัดลมแบบ blower-style ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์หรือแร็คมากกว่าพีซีทั่วไป เพราะสามารถระบายความร้อนได้ดีในสภาพแวดล้อมที่แออัด 📊 เทียบกับคู่แข่ง: Nvidia และ Intel แม้ว่า R9700 จะมี VRAM เท่ากับ Nvidia RTX 5090 (32GB) แต่ราคาถูกกว่าครึ่ง ขณะที่ RTX 5090 มีแบนด์วิดธ์สูงกว่า (1.79TB/s เทียบกับ 644GB/s) และมีจำนวน core มากกว่า (21,760 เทียบกับ 4,096) ทำให้ RTX 5090 เหมาะกับงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุด ในฝั่ง Intel ก็มี Arc Pro B60 Dual ที่รวมสอง GPU เข้าด้วยกัน ให้ VRAM รวม 48GB และใช้สถาปัตยกรรม Xe2 “Battlemage” โดยมีราคาประมาณ $1,200 เช่นกัน เหมาะกับงาน inference ขนาดใหญ่ที่ต้องการความจุหน่วยความจำมาก ✅ การเปิดตัว Radeon AI Pro R9700 สู่ตลาด DIY ➡️ เดิมจำกัดการขายเฉพาะ OEM และ SI ➡️ ผู้ใช้ Reddit รายงานว่าได้ซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” จากร้านค้าปลีก ➡️ ราคาอยู่ที่ประมาณ $1,324 รวมภาษีและค่าขนส่ง ✅ สเปกเด่นของ R9700 ➡️ ใช้ชิป Navi 48 พร้อม 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators ➡️ VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit ➡️ ประสิทธิภาพสูงสุด 96 TFLOPs FP16 และ 1,531 TOPS INT4 ✅ การออกแบบและการใช้งาน ➡️ ใช้พัดลมแบบ blower-style เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์ ➡️ รองรับงาน AI inference และ LLM ขนาดใหญ่แบบ local ➡️ ใช้ PCIe 5.0 x16 และมีขนาด 2-slot ✅ เปรียบเทียบกับคู่แข่ง ➡️ RTX 5090 มีพลังประมวลผลสูงกว่า แต่ราคาสูงถึง $1,999 ➡️ Intel Arc Pro B60 Dual มี VRAM 48GB และราคาประมาณ $1,200 ➡️ R9700 มีจุดเด่นด้านความคุ้มค่าและการใช้งาน local AI https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-elusive-radeon-ai-pro-r9700-makes-its-first-retail-appearance-for-the-diy-market-customer-on-reddit-buys-the-gigabyte-ai-top-variant-for-usd1-324
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • Cyberdeck สุดล้ำจาก Sector 07: สองจอสัมผัส หมุนได้ ใช้ Raspberry Pi 5 และพิมพ์ 3D ได้เอง

    Sector 07 นักพัฒนาและนักสร้างสรรค์สาย DIY ได้ออกแบบ Cyberdeck ที่ไม่เหมือนใคร—มีจอสัมผัสสองจอขนาด 9 นิ้วที่หมุนได้อิสระทั้งแนวตั้งและแนวนอน พร้อมเคสที่พิมพ์ 3D ได้เอง และขับเคลื่อนด้วย Raspberry Pi 5

    Cyberdeck นี้เริ่มต้นจากแพลตฟอร์มทดลองเล็ก ๆ แต่กลายเป็นเครื่องมือเต็มรูปแบบสำหรับการพัฒนา การทดลอง และการใช้งานทั่วไป โดยมีพอร์ต GPIO และ I2C ให้ใช้งานภายนอก พร้อม USB hub ภายในสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม

    ตัวเคสถูกออกแบบให้พิมพ์ได้ง่าย และมีไฟล์ STL พร้อมให้ดาวน์โหลดบน GitHub รวมถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้ทันที

    นอกจากความล้ำด้านดีไซน์แล้ว ยังเปิดให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Raspberry Pi 5 เป็น Pi 4 ได้ และเลือกใช้ระบบปฏิบัติการที่ต้องการ เช่น Raspberry Pi OS หรือ Linux distro อื่น ๆ

    Cyberdeck ถูกออกแบบโดย Sector 07 และใช้ Raspberry Pi 5 เป็นแกนหลัก
    รองรับการเปลี่ยนเป็น Pi 4 ได้ตามต้องการ

    มีจอสัมผัส 9 นิ้ว 2 จอที่หมุนได้อิสระทั้งแนวตั้งและแนวนอน
    ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

    เคสสามารถพิมพ์ 3D ได้เองจากไฟล์ STL ที่แจกฟรี
    พร้อมซอฟต์แวร์บน GitHub ที่ช่วยให้ใช้งานได้ทันที

    มี USB hub ภายในและพอร์ต GPIO/I2C สำหรับการทดลอง
    เหมาะกับงานพัฒนาและการเรียนรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์

    รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย เช่น Raspberry Pi OS
    เปิดโอกาสให้ปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้

    เป็นโปรเจกต์ open-source ที่เน้นการเรียนรู้และการแบ่งปัน
    ส่งเสริมชุมชน maker และนักพัฒนา DIY

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/this-futuristic-3d-printed-cyberdeck-has-two-swiveling-touchscreens-and-its-powered-by-a-raspberry-pi-5
    🧠🖥️ Cyberdeck สุดล้ำจาก Sector 07: สองจอสัมผัส หมุนได้ ใช้ Raspberry Pi 5 และพิมพ์ 3D ได้เอง Sector 07 นักพัฒนาและนักสร้างสรรค์สาย DIY ได้ออกแบบ Cyberdeck ที่ไม่เหมือนใคร—มีจอสัมผัสสองจอขนาด 9 นิ้วที่หมุนได้อิสระทั้งแนวตั้งและแนวนอน พร้อมเคสที่พิมพ์ 3D ได้เอง และขับเคลื่อนด้วย Raspberry Pi 5 Cyberdeck นี้เริ่มต้นจากแพลตฟอร์มทดลองเล็ก ๆ แต่กลายเป็นเครื่องมือเต็มรูปแบบสำหรับการพัฒนา การทดลอง และการใช้งานทั่วไป โดยมีพอร์ต GPIO และ I2C ให้ใช้งานภายนอก พร้อม USB hub ภายในสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม ตัวเคสถูกออกแบบให้พิมพ์ได้ง่าย และมีไฟล์ STL พร้อมให้ดาวน์โหลดบน GitHub รวมถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้ทันที นอกจากความล้ำด้านดีไซน์แล้ว ยังเปิดให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Raspberry Pi 5 เป็น Pi 4 ได้ และเลือกใช้ระบบปฏิบัติการที่ต้องการ เช่น Raspberry Pi OS หรือ Linux distro อื่น ๆ ✅ Cyberdeck ถูกออกแบบโดย Sector 07 และใช้ Raspberry Pi 5 เป็นแกนหลัก ➡️ รองรับการเปลี่ยนเป็น Pi 4 ได้ตามต้องการ ✅ มีจอสัมผัส 9 นิ้ว 2 จอที่หมุนได้อิสระทั้งแนวตั้งและแนวนอน ➡️ ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ✅ เคสสามารถพิมพ์ 3D ได้เองจากไฟล์ STL ที่แจกฟรี ➡️ พร้อมซอฟต์แวร์บน GitHub ที่ช่วยให้ใช้งานได้ทันที ✅ มี USB hub ภายในและพอร์ต GPIO/I2C สำหรับการทดลอง ➡️ เหมาะกับงานพัฒนาและการเรียนรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์ ✅ รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย เช่น Raspberry Pi OS ➡️ เปิดโอกาสให้ปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ ✅ เป็นโปรเจกต์ open-source ที่เน้นการเรียนรู้และการแบ่งปัน ➡️ ส่งเสริมชุมชน maker และนักพัฒนา DIY https://www.tomshardware.com/3d-printing/this-futuristic-3d-printed-cyberdeck-has-two-swiveling-touchscreens-and-its-powered-by-a-raspberry-pi-5
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Banana Pi BPI-R4 Lite—บอร์ดเราท์เตอร์ DIY ที่แรงพอตัว แต่ไม่ใช่คู่แข่ง Raspberry Pi 5

    Banana Pi เปิดตัว BPI-R4 Lite ซึ่งเป็นบอร์ดเดี่ยวสำหรับงานเน็ตเวิร์กโดยเฉพาะ ใช้ชิป MediaTek MT7987A ที่มี 4 คอร์ Cortex-A53, RAM 2GB DDR4 และ eMMC 8GB พร้อมพอร์ตเน็ตเวิร์กครบครัน เช่น 2.5GbE SFP, 2.5GbE RJ45 WAN (รองรับ PoE), และ LAN 1GbE อีก 4 ช่อง

    จุดเด่นคือรองรับการขยายผ่าน miniPCIe และ M.2 สำหรับ Wi-Fi 7 และโมดูล 5G รวมถึงมี MikroBUS headers สำหรับงาน IoT และ automation

    แม้จะถูกนำเสนอว่าเป็นทางเลือกของ Raspberry Pi 5 แต่หลายเสียงในชุมชนกลับมองว่า BPI-R4 Lite เหมาะกับงานเราท์เตอร์มากกว่าเป็นบอร์ดเอนกประสงค์ เพราะ CPU ค่อนข้างเก่าและไม่เหมาะกับงาน compute หนัก

    Banana Pi BPI-R4 Lite ใช้ชิป MediaTek MT7987A พร้อม 4 คอร์ Cortex-A53
    RAM 2GB DDR4 และ eMMC 8GB
    มี SPI-NAND 256MB และ SPI-NOR 32MB เพิ่มเติม

    รองรับพอร์ตเน็ตเวิร์กระดับสูง เช่น 2.5GbE SFP และ RJ45 WAN พร้อม PoE
    มี LAN 1GbE อีก 4 ช่องสำหรับใช้งานเป็นเราท์เตอร์
    รองรับการขยายผ่าน miniPCIe และ M.2 สำหรับ Wi-Fi 7 และ 5G

    มี USB 3.0, USB 2.0, และ USB-C สำหรับ debug console
    USB 3.0 แชร์ทรัพยากรกับ HSGMII/SGMII ต้องเลือกใช้งาน
    รองรับการขยายผ่าน MikroBUS headers สำหรับ UART, I2C, SPI, PWM

    เหมาะกับงาน DIY router, NAS, home automation และ gateway
    รองรับ OpenWRT และระบบ Linux
    ขนาดบอร์ด 100.5x148 มม. น้ำหนัก 250 กรัม

    ราคาประมาณ $86 ซึ่งสูงกว่า Raspberry Pi 5 ที่อยู่ที่ ~$66
    เน้นฟีเจอร์ด้านเน็ตเวิร์กมากกว่าความสามารถ compute
    มีตัวเลือก Wi-Fi 7 NIC แบบ mPCIe ให้ซื้อเพิ่ม

    https://www.techpowerup.com/339505/banana-pi-launches-bpi-r4-lite-diy-router-board
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Banana Pi BPI-R4 Lite—บอร์ดเราท์เตอร์ DIY ที่แรงพอตัว แต่ไม่ใช่คู่แข่ง Raspberry Pi 5 Banana Pi เปิดตัว BPI-R4 Lite ซึ่งเป็นบอร์ดเดี่ยวสำหรับงานเน็ตเวิร์กโดยเฉพาะ ใช้ชิป MediaTek MT7987A ที่มี 4 คอร์ Cortex-A53, RAM 2GB DDR4 และ eMMC 8GB พร้อมพอร์ตเน็ตเวิร์กครบครัน เช่น 2.5GbE SFP, 2.5GbE RJ45 WAN (รองรับ PoE), และ LAN 1GbE อีก 4 ช่อง จุดเด่นคือรองรับการขยายผ่าน miniPCIe และ M.2 สำหรับ Wi-Fi 7 และโมดูล 5G รวมถึงมี MikroBUS headers สำหรับงาน IoT และ automation แม้จะถูกนำเสนอว่าเป็นทางเลือกของ Raspberry Pi 5 แต่หลายเสียงในชุมชนกลับมองว่า BPI-R4 Lite เหมาะกับงานเราท์เตอร์มากกว่าเป็นบอร์ดเอนกประสงค์ เพราะ CPU ค่อนข้างเก่าและไม่เหมาะกับงาน compute หนัก ✅ Banana Pi BPI-R4 Lite ใช้ชิป MediaTek MT7987A พร้อม 4 คอร์ Cortex-A53 ➡️ RAM 2GB DDR4 และ eMMC 8GB ➡️ มี SPI-NAND 256MB และ SPI-NOR 32MB เพิ่มเติม ✅ รองรับพอร์ตเน็ตเวิร์กระดับสูง เช่น 2.5GbE SFP และ RJ45 WAN พร้อม PoE ➡️ มี LAN 1GbE อีก 4 ช่องสำหรับใช้งานเป็นเราท์เตอร์ ➡️ รองรับการขยายผ่าน miniPCIe และ M.2 สำหรับ Wi-Fi 7 และ 5G ✅ มี USB 3.0, USB 2.0, และ USB-C สำหรับ debug console ➡️ USB 3.0 แชร์ทรัพยากรกับ HSGMII/SGMII ต้องเลือกใช้งาน ➡️ รองรับการขยายผ่าน MikroBUS headers สำหรับ UART, I2C, SPI, PWM ✅ เหมาะกับงาน DIY router, NAS, home automation และ gateway ➡️ รองรับ OpenWRT และระบบ Linux ➡️ ขนาดบอร์ด 100.5x148 มม. น้ำหนัก 250 กรัม ✅ ราคาประมาณ $86 ซึ่งสูงกว่า Raspberry Pi 5 ที่อยู่ที่ ~$66 ➡️ เน้นฟีเจอร์ด้านเน็ตเวิร์กมากกว่าความสามารถ compute ➡️ มีตัวเลือก Wi-Fi 7 NIC แบบ mPCIe ให้ซื้อเพิ่ม https://www.techpowerup.com/339505/banana-pi-launches-bpi-r4-lite-diy-router-board
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Banana Pi Launches BPI-R4 Lite DIY Router Board
    The newly launched Banana Pi BPI-R4 Lite is a networking-focused single-board computer that can be an alternative to the Raspberry Pi 5. It is built around the MediaTek MT7987A system-on-chip, integrates four Arm Cortex-A53 cores and features 2 GB of DDR4 memory and 8 GB of eMMC flash storage. Conne...
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • หมดปัญหาน้องหมาน้องแมวกินยาก!
    อยากเพิ่มคุณค่า เพิ่มความอร่อย ให้น้องๆ ได้ทานอาหารเสริมโปรตีนสูงอย่าง #อกไก่ฟรีซดราย ได้ง่ายขึ้นไหมคะ?

    ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น YHRBM-DF20-SUS-DA ตัวช่วยสุดล้ำสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง หรือธุรกิจอาหารสัตว์!

    ทำไมเครื่องนี้ถึงใช่ สำหรับน้องหมาน้องแมว?
    บดอกไก่ฟรีซดราย หรือ #ขนมสัตว์เลี้ยง อื่นๆ ให้เป็น ผงละเอียดเนียน ได้อย่างง่ายดาย!
    #ผงโรยอาหารสัตว์ ที่ได้ ช่วยให้น้องๆ ทานง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเคี้ยวอีกต่อไป
    เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้มื้ออาหารโปรดได้ทันที!
    เหมาะทั้งสำหรับใช้เองในบ้าน หรือสำหรับผู้ประกอบการ #ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง

    ประสิทธิภาพเครื่อง (คุณสมบัติที่เราภูมิใจ):

    บดละเอียดสม่ำเสมอ: ด้วยระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที

    ทนทาน ใช้งานง่าย: ออกแบบมาเพื่อการทำงานที่ต่อเนื่อง

    มีอะไหล่รองรับ: มั่นใจเรื่องบริการหลังการขาย

    พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ!

    ลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีของน้องๆ หรือต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์ของคุณ ในราคาที่คุ้มค่ากับการลงทุนหลักสี่หมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น!

    สนใจเครื่องบดประสิทธิภาพสูงรุ่นนี้ ทักมาเลยค่ะ!
    อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม หรือขอใบเสนอราคาพิเศษ คลิกเลย!
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือกดลิงก์ https://lin.ee/HV4lSKp
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #ย.ยงฮะเฮง #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย #อกไก่ฟรีซดราย #ผงโรยอาหาร #หมา #แมว #สัตว์เลี้ยง #อาหารสุนัข #อาหารแมวพรีเมียม #DIYอาหารสัตว์ #รักสัตว์ #สุขภาพสัตว์เลี้ยง #ย่งฮะเฮง
    🐾 หมดปัญหาน้องหมาน้องแมวกินยาก! 🐾 อยากเพิ่มคุณค่า เพิ่มความอร่อย ให้น้องๆ ได้ทานอาหารเสริมโปรตีนสูงอย่าง #อกไก่ฟรีซดราย ได้ง่ายขึ้นไหมคะ? ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น YHRBM-DF20-SUS-DA ตัวช่วยสุดล้ำสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง หรือธุรกิจอาหารสัตว์! ✨ ทำไมเครื่องนี้ถึงใช่ สำหรับน้องหมาน้องแมว? ✨ ✅ บดอกไก่ฟรีซดราย หรือ #ขนมสัตว์เลี้ยง อื่นๆ ให้เป็น ผงละเอียดเนียน ได้อย่างง่ายดาย! ✅ #ผงโรยอาหารสัตว์ ที่ได้ ช่วยให้น้องๆ ทานง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเคี้ยวอีกต่อไป ✅ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้มื้ออาหารโปรดได้ทันที! ✅ เหมาะทั้งสำหรับใช้เองในบ้าน หรือสำหรับผู้ประกอบการ #ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ประสิทธิภาพเครื่อง (คุณสมบัติที่เราภูมิใจ): บดละเอียดสม่ำเสมอ: ด้วยระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที ทนทาน ใช้งานง่าย: ออกแบบมาเพื่อการทำงานที่ต่อเนื่อง มีอะไหล่รองรับ: มั่นใจเรื่องบริการหลังการขาย พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ! ลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีของน้องๆ หรือต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์ของคุณ ในราคาที่คุ้มค่ากับการลงทุนหลักสี่หมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น! สนใจเครื่องบดประสิทธิภาพสูงรุ่นนี้ ทักมาเลยค่ะ! อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม หรือขอใบเสนอราคาพิเศษ คลิกเลย! 💚 LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือกดลิงก์ https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #ย.ยงฮะเฮง #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย #อกไก่ฟรีซดราย #ผงโรยอาหาร #หมา #แมว #สัตว์เลี้ยง #อาหารสุนัข #อาหารแมวพรีเมียม #DIYอาหารสัตว์ #รักสัตว์ #สุขภาพสัตว์เลี้ยง #ย่งฮะเฮง
    0 Comments 0 Shares 762 Views 0 0 Reviews
More Results