• “Morris Worm: หนอนตัวแรกที่เปลี่ยนโลกไซเบอร์ — ครบรอบ 37 ปีแห่งบทเรียนความปลอดภัย”

    ย้อนกลับไปในปี 1988 โลกอินเทอร์เน็ตยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังไม่มี World Wide Web ให้เราใช้กัน แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ไซเบอร์ — การแพร่ระบาดของ Morris Worm ซึ่งเป็นมัลแวร์ตัวแรกที่แพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมโฮสต์

    Robert Tappan Morris นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Cornell ได้เขียนโปรแกรมนี้ขึ้นเพื่อวัดขนาดของอินเทอร์เน็ต แต่เกิดข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ด ทำให้หนอนตัวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและทำให้ระบบล่มทั่วประเทศภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง คิดเป็น 10% ของระบบที่เชื่อมต่ออยู่ในขณะนั้น — ประมาณ 6,000 เครื่องจากทั้งหมด 60,000 เครื่อง

    หนอนตัวนี้ใช้ช่องโหว่ในระบบ UNIX เช่น bug ในโปรแกรม finger และช่องโหว่ในระบบอีเมลเพื่อแพร่กระจายตัวเอง โดยไม่ทำลายไฟล์ แต่สร้างความเสียหายจากการทำให้ระบบช้าลงและล่ม จนหลายสถาบันต้องปิดระบบเป็นสัปดาห์เพื่อกำจัดมัน

    ในที่สุด FBI ก็สามารถระบุตัวผู้สร้างได้ และ Morris ถูกตัดสินให้จ่ายค่าปรับ พร้อมรับโทษคุมประพฤติและทำงานบริการสาธารณะ 400 ชั่วโมง เขากลายเป็นบุคคลแรกที่ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมาย Computer Fraud and Abuse Act ปี 1986

    Morris Worm คือมัลแวร์ตัวแรกที่แพร่กระจายผ่านอินเทอร์เน็ต
    ถูกสร้างขึ้นโดย Robert Tappan Morris นักศึกษาจาก Cornell
    มีเป้าหมายเพื่อวัดขนาดอินเทอร์เน็ต แต่เกิดข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ด

    การแพร่ระบาดสร้างผลกระทบมหาศาล
    แพร่กระจายไปยัง 10% ของระบบที่เชื่อมต่อในขณะนั้น
    ทำให้ระบบล่มและต้องปิดใช้งานเป็นเวลาหลายวัน

    ช่องโหว่ที่ถูกใช้ในการโจมตี
    bug ในโปรแกรม finger และช่องโหว่ในระบบอีเมล
    ไม่ทำลายไฟล์ แต่ทำให้ระบบทำงานช้าลงและล่ม

    ผลทางกฎหมายและบทเรียนสำคัญ
    Morris ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมาย Computer Fraud and Abuse Act
    ได้รับโทษปรับ คุมประพฤติ และบริการสาธารณะ

    คำเตือนด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    ช่องโหว่เล็กๆ อาจนำไปสู่ผลกระทบใหญ่หลวง
    การทดลองที่ไม่มีการควบคุมอาจกลายเป็นภัยระดับชาติ

    คำเตือนสำหรับนักพัฒนาและนักวิจัย
    การทดสอบระบบต้องมีการจำกัดขอบเขตและควบคุมผลกระทบ
    ควรมีการตรวจสอบความเสี่ยงก่อนปล่อยโปรแกรมใดๆ สู่ระบบจริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/on-this-day-in-1988-the-morris-worm-slithered-out-and-sparked-a-new-era-in-cybersecurity-10-percent-of-the-internet-was-infected-within-24-hours
    🐛💻 “Morris Worm: หนอนตัวแรกที่เปลี่ยนโลกไซเบอร์ — ครบรอบ 37 ปีแห่งบทเรียนความปลอดภัย” ย้อนกลับไปในปี 1988 โลกอินเทอร์เน็ตยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังไม่มี World Wide Web ให้เราใช้กัน แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ไซเบอร์ — การแพร่ระบาดของ Morris Worm ซึ่งเป็นมัลแวร์ตัวแรกที่แพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมโฮสต์ Robert Tappan Morris นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Cornell ได้เขียนโปรแกรมนี้ขึ้นเพื่อวัดขนาดของอินเทอร์เน็ต แต่เกิดข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ด ทำให้หนอนตัวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและทำให้ระบบล่มทั่วประเทศภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง คิดเป็น 10% ของระบบที่เชื่อมต่ออยู่ในขณะนั้น — ประมาณ 6,000 เครื่องจากทั้งหมด 60,000 เครื่อง หนอนตัวนี้ใช้ช่องโหว่ในระบบ UNIX เช่น bug ในโปรแกรม finger และช่องโหว่ในระบบอีเมลเพื่อแพร่กระจายตัวเอง โดยไม่ทำลายไฟล์ แต่สร้างความเสียหายจากการทำให้ระบบช้าลงและล่ม จนหลายสถาบันต้องปิดระบบเป็นสัปดาห์เพื่อกำจัดมัน ในที่สุด FBI ก็สามารถระบุตัวผู้สร้างได้ และ Morris ถูกตัดสินให้จ่ายค่าปรับ พร้อมรับโทษคุมประพฤติและทำงานบริการสาธารณะ 400 ชั่วโมง เขากลายเป็นบุคคลแรกที่ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมาย Computer Fraud and Abuse Act ปี 1986 ✅ Morris Worm คือมัลแวร์ตัวแรกที่แพร่กระจายผ่านอินเทอร์เน็ต ➡️ ถูกสร้างขึ้นโดย Robert Tappan Morris นักศึกษาจาก Cornell ➡️ มีเป้าหมายเพื่อวัดขนาดอินเทอร์เน็ต แต่เกิดข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ด ✅ การแพร่ระบาดสร้างผลกระทบมหาศาล ➡️ แพร่กระจายไปยัง 10% ของระบบที่เชื่อมต่อในขณะนั้น ➡️ ทำให้ระบบล่มและต้องปิดใช้งานเป็นเวลาหลายวัน ✅ ช่องโหว่ที่ถูกใช้ในการโจมตี ➡️ bug ในโปรแกรม finger และช่องโหว่ในระบบอีเมล ➡️ ไม่ทำลายไฟล์ แต่ทำให้ระบบทำงานช้าลงและล่ม ✅ ผลทางกฎหมายและบทเรียนสำคัญ ➡️ Morris ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมาย Computer Fraud and Abuse Act ➡️ ได้รับโทษปรับ คุมประพฤติ และบริการสาธารณะ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ⛔ ช่องโหว่เล็กๆ อาจนำไปสู่ผลกระทบใหญ่หลวง ⛔ การทดลองที่ไม่มีการควบคุมอาจกลายเป็นภัยระดับชาติ ‼️ คำเตือนสำหรับนักพัฒนาและนักวิจัย ⛔ การทดสอบระบบต้องมีการจำกัดขอบเขตและควบคุมผลกระทบ ⛔ ควรมีการตรวจสอบความเสี่ยงก่อนปล่อยโปรแกรมใดๆ สู่ระบบจริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/on-this-day-in-1988-the-morris-worm-slithered-out-and-sparked-a-new-era-in-cybersecurity-10-percent-of-the-internet-was-infected-within-24-hours
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SpaceX ผนึก Besxar สร้างโรงงานผลิตชิปกลางอวกาศ — ภารกิจสุดล้ำที่อาจเปลี่ยนโลกเทคโนโลยี!”

    ลองจินตนาการว่าอนาคตของการผลิตชิปไม่ได้อยู่ในห้องคลีนรูมบนโลกอีกต่อไป… แต่ลอยอยู่ในอวกาศ! นั่นคือแนวคิดสุดล้ำของ Besxar สตาร์ทอัพจากวอชิงตัน ดี.ซี. ที่จับมือกับ SpaceX เพื่อทดลองผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสุญญากาศของอวกาศ โดยใช้ “Fabships” — แคปซูลขนาดไมโครเวฟที่ติดไปกับจรวด Falcon 9

    ภารกิจนี้จะมีทั้งหมด 12 ครั้ง เริ่มปลายปีนี้ โดย Fabships จะถูกส่งขึ้นไปพร้อมจรวด ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการสัมผัสสุญญากาศระดับสูง ก่อนกลับลงมาพร้อมข้อมูลสำคัญเพื่อพัฒนาโรงงานผลิตชิปในวงโคจร

    CEO ของ Besxar, Ashley Pilipiszyn อธิบายว่า “โรงงานผลิตชิปบนโลกไม่สามารถสร้างสุญญากาศที่บริสุทธิ์ได้เท่ากับอวกาศ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพและผลผลิตของชิปยุคใหม่” แนวคิดนี้จึงเปรียบเสมือนการใช้ธรรมชาติของอวกาศเป็นห้องคลีนรูมขนาดยักษ์

    แม้จะยังห่างไกลจากการผลิตเชิงพาณิชย์ แต่ Besxar ได้รับการสนับสนุนจาก NVIDIA และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ พร้อมเป้าหมายในการสร้างชิปที่ทนรังสีและเหมาะกับการใช้งานในอวกาศและกองทัพ

    Besxar จับมือ SpaceX ทดลองผลิตชิปในอวกาศ
    ใช้แคปซูล “Fabships” ติดไปกับจรวด Falcon 9
    สัมผัสสุญญากาศระดับสูงก่อนกลับสู่โลกภายใน 10 นาที

    เป้าหมายคือสร้างโรงงานผลิตชิปในวงโคจร
    ใช้สุญญากาศของอวกาศแทนห้องคลีนรูม
    หวังเพิ่มคุณภาพและผลผลิตของเซมิคอนดักเตอร์

    ภารกิจเริ่มปลายปีนี้ รวม 12 ครั้ง
    เป็นโครงการทดลองเพื่อเก็บข้อมูล
    ยังไม่ใช่การผลิตเชิงพาณิชย์

    ได้รับการสนับสนุนจาก NVIDIA และกระทรวงกลาโหม
    มีเป้าหมายในการผลิตชิปที่ทนรังสีสำหรับการใช้งานด้านกลาโหม
    อาจเปลี่ยนโฉมหน้าการผลิตชิปในอนาคต

    คำเตือนด้านความเป็นไปได้
    ยังอยู่ในขั้นทดลอง ไม่สามารถผลิตชิปเชิงพาณิชย์ได้ก่อนปี 2030
    ต้องพิสูจน์ว่าชิปสามารถทนต่อแรงกระแทกจากการปล่อยและกลับสู่โลกได้

    คำเตือนด้านต้นทุนและความเสี่ยง
    การสร้างระบบผลิตในอวกาศมีต้นทุนสูงมาก
    หากไม่สำเร็จ อาจเป็นเพียง “โน้ตเชิงทดลองราคาแพง” ในประวัติศาสตร์เทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/elon-musks-spacex-to-launch-reusable-fabships-for-orbital-chip-manufacturing-experiments-besxars-orbital-chipmaking-experiments-to-occur-over-12-launches
    🚀🔬 “SpaceX ผนึก Besxar สร้างโรงงานผลิตชิปกลางอวกาศ — ภารกิจสุดล้ำที่อาจเปลี่ยนโลกเทคโนโลยี!” ลองจินตนาการว่าอนาคตของการผลิตชิปไม่ได้อยู่ในห้องคลีนรูมบนโลกอีกต่อไป… แต่ลอยอยู่ในอวกาศ! นั่นคือแนวคิดสุดล้ำของ Besxar สตาร์ทอัพจากวอชิงตัน ดี.ซี. ที่จับมือกับ SpaceX เพื่อทดลองผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสุญญากาศของอวกาศ โดยใช้ “Fabships” — แคปซูลขนาดไมโครเวฟที่ติดไปกับจรวด Falcon 9 ภารกิจนี้จะมีทั้งหมด 12 ครั้ง เริ่มปลายปีนี้ โดย Fabships จะถูกส่งขึ้นไปพร้อมจรวด ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการสัมผัสสุญญากาศระดับสูง ก่อนกลับลงมาพร้อมข้อมูลสำคัญเพื่อพัฒนาโรงงานผลิตชิปในวงโคจร CEO ของ Besxar, Ashley Pilipiszyn อธิบายว่า “โรงงานผลิตชิปบนโลกไม่สามารถสร้างสุญญากาศที่บริสุทธิ์ได้เท่ากับอวกาศ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพและผลผลิตของชิปยุคใหม่” แนวคิดนี้จึงเปรียบเสมือนการใช้ธรรมชาติของอวกาศเป็นห้องคลีนรูมขนาดยักษ์ แม้จะยังห่างไกลจากการผลิตเชิงพาณิชย์ แต่ Besxar ได้รับการสนับสนุนจาก NVIDIA และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ พร้อมเป้าหมายในการสร้างชิปที่ทนรังสีและเหมาะกับการใช้งานในอวกาศและกองทัพ ✅ Besxar จับมือ SpaceX ทดลองผลิตชิปในอวกาศ ➡️ ใช้แคปซูล “Fabships” ติดไปกับจรวด Falcon 9 ➡️ สัมผัสสุญญากาศระดับสูงก่อนกลับสู่โลกภายใน 10 นาที ✅ เป้าหมายคือสร้างโรงงานผลิตชิปในวงโคจร ➡️ ใช้สุญญากาศของอวกาศแทนห้องคลีนรูม ➡️ หวังเพิ่มคุณภาพและผลผลิตของเซมิคอนดักเตอร์ ✅ ภารกิจเริ่มปลายปีนี้ รวม 12 ครั้ง ➡️ เป็นโครงการทดลองเพื่อเก็บข้อมูล ➡️ ยังไม่ใช่การผลิตเชิงพาณิชย์ ✅ ได้รับการสนับสนุนจาก NVIDIA และกระทรวงกลาโหม ➡️ มีเป้าหมายในการผลิตชิปที่ทนรังสีสำหรับการใช้งานด้านกลาโหม ➡️ อาจเปลี่ยนโฉมหน้าการผลิตชิปในอนาคต ‼️ คำเตือนด้านความเป็นไปได้ ⛔ ยังอยู่ในขั้นทดลอง ไม่สามารถผลิตชิปเชิงพาณิชย์ได้ก่อนปี 2030 ⛔ ต้องพิสูจน์ว่าชิปสามารถทนต่อแรงกระแทกจากการปล่อยและกลับสู่โลกได้ ‼️ คำเตือนด้านต้นทุนและความเสี่ยง ⛔ การสร้างระบบผลิตในอวกาศมีต้นทุนสูงมาก ⛔ หากไม่สำเร็จ อาจเป็นเพียง “โน้ตเชิงทดลองราคาแพง” ในประวัติศาสตร์เทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/elon-musks-spacex-to-launch-reusable-fabships-for-orbital-chip-manufacturing-experiments-besxars-orbital-chipmaking-experiments-to-occur-over-12-launches
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน React Native CLI เปิดทางโจมตีแบบไม่ต้องยืนยันตัวตน—นักพัฒนาเสี่ยงถูกควบคุมเครื่องทันที

    ช่องโหว่ CVE-2025-11953 ซึ่งได้รับคะแนนความรุนแรง CVSS 9.8 ถูกเปิดเผยใน React Native Community CLI โดยเฉพาะใน Metro development server ที่เปิดพอร์ตภายนอกโดยดีฟอลต์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งไปยังเครื่องของนักพัฒนาได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    เบื้องหลังช่องโหว่
    เมื่อเริ่มโปรเจกต์ React Native ด้วย CLI ระบบจะเปิด Metro server ซึ่งควรใช้ภายในเครื่องเท่านั้น แต่กลับเปิดให้เข้าถึงจากเครือข่ายภายนอกโดยไม่ตั้งใจ ส่งผลให้ผู้โจมตีที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน หรือสามารถเข้าถึงเครื่องนักพัฒนา สามารถส่ง POST request ไปยัง endpoint ที่เปิดอยู่ และรันคำสั่งในระบบได้ทันที

    บน Windows ช่องโหว่นี้สามารถใช้รันคำสั่ง PowerShell หรือ CMD พร้อมพารามิเตอร์ที่ควบคุมได้เต็มที่ ซึ่งอาจนำไปสู่การติดตั้งมัลแวร์ ขโมยข้อมูล หรือเจาะลึกเข้าไปในระบบของนักพัฒนา

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    ได้รับผลกระทบ: React Native CLI ตั้งแต่เวอร์ชัน 4.8.0 ถึงก่อน 20.0.0
    เวอร์ชันที่แก้ไขแล้ว: 20.0.0 ขึ้นไป

    ความเสี่ยงจากการใช้ CLI โดยไม่อัปเดต
    เครื่องนักพัฒนาอาจถูกควบคุมจากภายนอก
    ข้อมูลสำคัญ เช่น SSH key หรือ access token อาจรั่วไหล

    การเปิดพอร์ตโดยไม่ตั้งใจ
    Metro server ควรใช้ภายในเครื่องเท่านั้น
    การเปิดพอร์ตภายนอกทำให้ระบบตกเป็นเป้าโจมตี

    https://securityonline.info/critical-react-native-cli-flaw-cve-2025-11953-cvss-9-8-allows-unauthenticated-rce-via-exposed-metro-server/
    🚨 ช่องโหว่ร้ายแรงใน React Native CLI เปิดทางโจมตีแบบไม่ต้องยืนยันตัวตน—นักพัฒนาเสี่ยงถูกควบคุมเครื่องทันที ช่องโหว่ CVE-2025-11953 ซึ่งได้รับคะแนนความรุนแรง CVSS 9.8 ถูกเปิดเผยใน React Native Community CLI โดยเฉพาะใน Metro development server ที่เปิดพอร์ตภายนอกโดยดีฟอลต์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งไปยังเครื่องของนักพัฒนาได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน 🧠 เบื้องหลังช่องโหว่ เมื่อเริ่มโปรเจกต์ React Native ด้วย CLI ระบบจะเปิด Metro server ซึ่งควรใช้ภายในเครื่องเท่านั้น แต่กลับเปิดให้เข้าถึงจากเครือข่ายภายนอกโดยไม่ตั้งใจ ส่งผลให้ผู้โจมตีที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน หรือสามารถเข้าถึงเครื่องนักพัฒนา สามารถส่ง POST request ไปยัง endpoint ที่เปิดอยู่ และรันคำสั่งในระบบได้ทันที บน Windows ช่องโหว่นี้สามารถใช้รันคำสั่ง PowerShell หรือ CMD พร้อมพารามิเตอร์ที่ควบคุมได้เต็มที่ ซึ่งอาจนำไปสู่การติดตั้งมัลแวร์ ขโมยข้อมูล หรือเจาะลึกเข้าไปในระบบของนักพัฒนา 🛠️ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ 📍 ได้รับผลกระทบ: React Native CLI ตั้งแต่เวอร์ชัน 4.8.0 ถึงก่อน 20.0.0 📍 เวอร์ชันที่แก้ไขแล้ว: 20.0.0 ขึ้นไป ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้ CLI โดยไม่อัปเดต ⛔ เครื่องนักพัฒนาอาจถูกควบคุมจากภายนอก ⛔ ข้อมูลสำคัญ เช่น SSH key หรือ access token อาจรั่วไหล ‼️ การเปิดพอร์ตโดยไม่ตั้งใจ ⛔ Metro server ควรใช้ภายในเครื่องเท่านั้น ⛔ การเปิดพอร์ตภายนอกทำให้ระบบตกเป็นเป้าโจมตี https://securityonline.info/critical-react-native-cli-flaw-cve-2025-11953-cvss-9-8-allows-unauthenticated-rce-via-exposed-metro-server/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical React Native CLI Flaw (CVE-2025-11953, CVSS 9.8) Allows Unauthenticated RCE via Exposed Metro Server
    A Critical RCE flaw (CVE-2025-11953, CVSS 9.8) in React Native Community CLI allows unauthenticated attackers to execute arbitrary code via a command injection in the exposed Metro Dev Server.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • สองช่องโหว่ร้ายแรงถูกใช้โจมตีจริง—CISA เตือนให้เร่งอุดช่องโหว่ก่อนสายเกินไป

    หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ได้ออกประกาศเตือนภัยไซเบอร์ด่วน โดยเพิ่มสองช่องโหว่ใหม่เข้าสู่รายการ Known Exploited Vulnerabilities (KEV) หลังพบการโจมตีจริงในระบบขององค์กรต่างๆ ทั่วโลก ช่องโหว่เหล่านี้เปิดทางให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงระบบและรันคำสั่งได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    ช่องโหว่แรก: Gladinet CentreStack และ Triofox (CVE-2025-11371)
    ช่องโหว่นี้เกิดจากการตั้งค่าดีฟอลต์ที่ไม่ปลอดภัยในซอฟต์แวร์แชร์ไฟล์สำหรับองค์กร ทำให้เกิดช่องโหว่แบบ Local File Inclusion (LFI) ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีอ่านไฟล์สำคัญในระบบ เช่น Web.config ที่เก็บ machineKey

    เมื่อได้ machineKey แล้ว ผู้โจมตีสามารถสร้าง ViewState payload ที่ผ่านการตรวจสอบ และรันคำสั่งในระบบได้ทันที—เรียกว่า Remote Code Execution (RCE) แบบเต็มรูปแบบ

    ช่องโหว่ที่สอง: Control Web Panel (CVE-2025-48703)
    ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ที่ไม่รัดกุม และการไม่กรองข้อมูลในพารามิเตอร์ t_total ซึ่งใช้กำหนดสิทธิ์ไฟล์ ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งผ่าน shell metacharacters โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน เพียงแค่รู้ชื่อผู้ใช้ที่ไม่ใช่ root ก็สามารถเข้าถึงระบบได้

    ช่องโหว่นี้ถูกเปิดเผยในเดือนพฤษภาคม และมีการอัปเดตแก้ไขในเวอร์ชัน 0.9.8.1205 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

    CISA เพิ่มช่องโหว่ทั้งสองในรายการ KEV
    เตือนหน่วยงานภาครัฐให้เร่งอัปเดตระบบภายในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2025
    ช่องโหว่เหล่านี้ “มีความเสี่ยงสูงต่อระบบของรัฐบาลกลาง”

    ความเสี่ยงจากการไม่อัปเดตระบบ
    องค์กรอาจถูกโจมตีแบบไม่ต้องยืนยันตัวตน
    ข้อมูลสำคัญอาจถูกขโมยหรือระบบถูกควบคุมจากภายนอก

    การตั้งค่าดีฟอลต์ที่ไม่ปลอดภัย
    machineKey ที่เปิดเผยในไฟล์ config อาจถูกใช้โจมตี
    การไม่กรอง input ทำให้ shell commands ถูกรันโดยตรง

    นี่คือสัญญาณเตือนให้ทุกองค์กรตรวจสอบระบบของตนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะหากใช้ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับช่องโหว่เหล่านี้ การอัปเดตและปรับแต่งระบบให้ปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการป้องกันความเสียหายระดับองค์กร.

    https://securityonline.info/cisa-kev-alert-two-critical-flaws-under-active-exploitation-including-gladinet-lfi-rce-and-cwp-admin-takeover/
    ⚠️ สองช่องโหว่ร้ายแรงถูกใช้โจมตีจริง—CISA เตือนให้เร่งอุดช่องโหว่ก่อนสายเกินไป หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ได้ออกประกาศเตือนภัยไซเบอร์ด่วน โดยเพิ่มสองช่องโหว่ใหม่เข้าสู่รายการ Known Exploited Vulnerabilities (KEV) หลังพบการโจมตีจริงในระบบขององค์กรต่างๆ ทั่วโลก ช่องโหว่เหล่านี้เปิดทางให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงระบบและรันคำสั่งได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน 🧨 ช่องโหว่แรก: Gladinet CentreStack และ Triofox (CVE-2025-11371) ช่องโหว่นี้เกิดจากการตั้งค่าดีฟอลต์ที่ไม่ปลอดภัยในซอฟต์แวร์แชร์ไฟล์สำหรับองค์กร ทำให้เกิดช่องโหว่แบบ Local File Inclusion (LFI) ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีอ่านไฟล์สำคัญในระบบ เช่น Web.config ที่เก็บ machineKey เมื่อได้ machineKey แล้ว ผู้โจมตีสามารถสร้าง ViewState payload ที่ผ่านการตรวจสอบ และรันคำสั่งในระบบได้ทันที—เรียกว่า Remote Code Execution (RCE) แบบเต็มรูปแบบ 🧨 ช่องโหว่ที่สอง: Control Web Panel (CVE-2025-48703) ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ที่ไม่รัดกุม และการไม่กรองข้อมูลในพารามิเตอร์ t_total ซึ่งใช้กำหนดสิทธิ์ไฟล์ ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งผ่าน shell metacharacters โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน เพียงแค่รู้ชื่อผู้ใช้ที่ไม่ใช่ root ก็สามารถเข้าถึงระบบได้ ช่องโหว่นี้ถูกเปิดเผยในเดือนพฤษภาคม และมีการอัปเดตแก้ไขในเวอร์ชัน 0.9.8.1205 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ✅ CISA เพิ่มช่องโหว่ทั้งสองในรายการ KEV ➡️ เตือนหน่วยงานภาครัฐให้เร่งอัปเดตระบบภายในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2025 ➡️ ช่องโหว่เหล่านี้ “มีความเสี่ยงสูงต่อระบบของรัฐบาลกลาง” ‼️ ความเสี่ยงจากการไม่อัปเดตระบบ ⛔ องค์กรอาจถูกโจมตีแบบไม่ต้องยืนยันตัวตน ⛔ ข้อมูลสำคัญอาจถูกขโมยหรือระบบถูกควบคุมจากภายนอก ‼️ การตั้งค่าดีฟอลต์ที่ไม่ปลอดภัย ⛔ machineKey ที่เปิดเผยในไฟล์ config อาจถูกใช้โจมตี ⛔ การไม่กรอง input ทำให้ shell commands ถูกรันโดยตรง นี่คือสัญญาณเตือนให้ทุกองค์กรตรวจสอบระบบของตนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะหากใช้ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับช่องโหว่เหล่านี้ การอัปเดตและปรับแต่งระบบให้ปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการป้องกันความเสียหายระดับองค์กร. https://securityonline.info/cisa-kev-alert-two-critical-flaws-under-active-exploitation-including-gladinet-lfi-rce-and-cwp-admin-takeover/
    SECURITYONLINE.INFO
    CISA KEV Alert: Two Critical Flaws Under Active Exploitation, Including Gladinet LFI/RCE and CWP Admin Takeover
    CISA added two critical, actively exploited flaws to its KEV Catalog: Gladinet LFI (CVE-2025-11371) risks RCE via machine key theft, and CWP RCE (CVE-2025-48703) allows unauthenticated admin takeover.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอร์พอร์ตเรลลิงก์ ใช้บัตร EMV ได้แล้ว

    ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. เป็นต้นไป ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (พญาไท-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ของบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (AERA 1) สามารถใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต VISA, Mastercard หรือ Unionpay ชำระค่าโดยสาร แทนการซื้อเหรียญโดยสารหรือบัตรโดยสาร Smart Pass นับเป็นผู้ให้บริการขนส่งมวลชนที่รองรับระบบบัตรโดยสาร EMV Contactless รายล่าสุด นับตั้งแต่รถไฟฟ้ามหานคร (MRT) สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 เป็นต้นมา ก่อนจะขยายการให้บริการไปยังรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง และรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู

    ยกเว้นรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ แบริ่ง-สมุทรปราการ) และรถไฟฟ้าสายสีทอง ยังไม่รองรับระบบ EMV Contactless แต่สามารถผูกบัตรเครดิตและบัตรเดบิตกับบัตรแรบบิท ผ่านบริการ LINE Pay

    ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 8 สถานี ได้แก่ สถานีพญาไท ราชปรารภ มักกะสัน รามคำแหง หัวหมาก บ้านทับช้าง ลาดกระบัง และสุวรรณภูมิ สามารถใช้บัตร VISA, Mastercard หรือ Unionpay แตะที่เครื่องอ่านบัตร EDC บริเวณตรงกลางของ AFC Gate แล้วเดินผ่านประตูที่เปิดไว้ตลอด 2 ช่อง เพื่อเข้าไปในระบบรถไฟฟ้า โดยมีกล้อง CCTV ตรวจจับผู้โดยสาร เมื่อออกจากระบบที่สถานีปลายทาง ให้แตะที่เครื่องอ่านบัตร EDC อีกครั้ง ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง ในอัตราบุคคลทั่วไป เริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุด 45 บาท

    รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มีระยะทาง 28 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2553 ระยะแรกให้บริการแบ่งออกเป็น Express Line มักกะสัน-สุวรรณภูมิ ไม่จอดสถานีรายทาง ค่าโดยสาร 150 บาทต่อคน และ City Line พญาไท-สุวรรณภูมิ รับ-ส่งผู้โดยสารตามสถานีรายทาง ปัจจุบันคงเหลือ City Line เพียงประเภทเดียว แนวเส้นทางขนานกับทางรถไฟสายตะวันออก เชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีพญาไท และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีเพชรบุรี) ที่สถานีมักกะสัน ปัจจุบันมีปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 2 ล้านคน-เที่ยวต่อเดือน มีทั้งนักท่องเที่ยวเข้า-ออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประชาชนที่อยู่อาศัยในโซนกรุงเทพตะวันออก เขตสวนหลวง ประเวศ สะพานสูง ลาดกระบัง และนักเรียน นักศึกษา

    อีกด้านหนึ่ง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตร Mangmoom EMV ราคาพิเศษ จากปกติ 250 บาท เหลือ 200 บาท ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ม.ค.2569 ที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วงทุกสถานี

    #Newskit
    แอร์พอร์ตเรลลิงก์ ใช้บัตร EMV ได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. เป็นต้นไป ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (พญาไท-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ของบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (AERA 1) สามารถใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต VISA, Mastercard หรือ Unionpay ชำระค่าโดยสาร แทนการซื้อเหรียญโดยสารหรือบัตรโดยสาร Smart Pass นับเป็นผู้ให้บริการขนส่งมวลชนที่รองรับระบบบัตรโดยสาร EMV Contactless รายล่าสุด นับตั้งแต่รถไฟฟ้ามหานคร (MRT) สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 เป็นต้นมา ก่อนจะขยายการให้บริการไปยังรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง และรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู ยกเว้นรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ แบริ่ง-สมุทรปราการ) และรถไฟฟ้าสายสีทอง ยังไม่รองรับระบบ EMV Contactless แต่สามารถผูกบัตรเครดิตและบัตรเดบิตกับบัตรแรบบิท ผ่านบริการ LINE Pay ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 8 สถานี ได้แก่ สถานีพญาไท ราชปรารภ มักกะสัน รามคำแหง หัวหมาก บ้านทับช้าง ลาดกระบัง และสุวรรณภูมิ สามารถใช้บัตร VISA, Mastercard หรือ Unionpay แตะที่เครื่องอ่านบัตร EDC บริเวณตรงกลางของ AFC Gate แล้วเดินผ่านประตูที่เปิดไว้ตลอด 2 ช่อง เพื่อเข้าไปในระบบรถไฟฟ้า โดยมีกล้อง CCTV ตรวจจับผู้โดยสาร เมื่อออกจากระบบที่สถานีปลายทาง ให้แตะที่เครื่องอ่านบัตร EDC อีกครั้ง ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง ในอัตราบุคคลทั่วไป เริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุด 45 บาท รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มีระยะทาง 28 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2553 ระยะแรกให้บริการแบ่งออกเป็น Express Line มักกะสัน-สุวรรณภูมิ ไม่จอดสถานีรายทาง ค่าโดยสาร 150 บาทต่อคน และ City Line พญาไท-สุวรรณภูมิ รับ-ส่งผู้โดยสารตามสถานีรายทาง ปัจจุบันคงเหลือ City Line เพียงประเภทเดียว แนวเส้นทางขนานกับทางรถไฟสายตะวันออก เชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีพญาไท และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีเพชรบุรี) ที่สถานีมักกะสัน ปัจจุบันมีปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 2 ล้านคน-เที่ยวต่อเดือน มีทั้งนักท่องเที่ยวเข้า-ออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประชาชนที่อยู่อาศัยในโซนกรุงเทพตะวันออก เขตสวนหลวง ประเวศ สะพานสูง ลาดกระบัง และนักเรียน นักศึกษา อีกด้านหนึ่ง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตร Mangmoom EMV ราคาพิเศษ จากปกติ 250 บาท เหลือ 200 บาท ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ม.ค.2569 ที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วงทุกสถานี #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอวิเคราะห์ทิศทางของ Bitcoin ในอนาคตจากมุมมองผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมข้อดีและข้อเสียอย่างเป็นกลาง:

    ข้อมองในแง่บวก (Bull Case)

    1. การยอมรับในระดับสถาบัน

    · กองทุนขนาดใหญ่ (BlackRock, Fidelity) เปิดกองทุน Bitcoin ETF
    · บริษัทมหาชนเพิ่ม Bitcoin ในงบดุล (เช่น MicroStrategy, Tesla)
    · ธนาคารกลางหลายประเทศศึกษาสกุลเงินดิจิทัศ (CBDC)

    2. อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น

    · กลไก Halving ลดอุปทานใหม่ทุก 4 ปี
    · มีผู้ใช้งานและนักลงทุนรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    · การใช้เป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ (Digital Gold)

    3. นวัตกรรมทางเทคโนโลยี

    · การพัฒนาระบบ Layer 2 (เช่น Lightning Network)
    · การบูรณาการกับ DeFi และ Smart Contract
    · การปรับปรุงความสามารถในการขยายขนาด (Scalability)

    ข้อกังวลในแง่ลบ (Bear Case)

    1. ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ

    · การควบคุมที่เข้มงวดจากรัฐบาลต่างๆ
    · นโยบายการเก็บภาษีที่ยังไม่ชัดเจนในหลายประเทศ
    · ความเสี่ยงจากการแบนในบางเขตอำนาจศาล

    2. ความผันผวนสูง

    · ราคายังคงมีความผันผวนในระดับที่เสี่ยง
    · การเก็งกำไรระยะสั้นมีอิทธิพลต่อราคา
    · ความเชื่อมั่นที่อ่อนไหวต่อข่าวลือและทวีต

    3. ความท้าทายทางเทคนิค

    · ปัญหาการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    · ความเร็วในการทำธุรกรรมที่จำกัด
    · ค่า Fee ที่อาจสูงในช่วงความนิยม

    มุมมองโดยรวม

    ผู้มองในแง่บวก เห็นว่า Bitcoin จะเติบโตเป็น:

    · สินทรัพย์ปลอดภัยรูปแบบดิจิทัล
    · ระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน
    · พื้นฐานของระบบการเงินใหม่

    ผู้มองในแง่ลบ กังวลเกี่ยวกับ:

    · ฟองสบู่ทางราคาที่อาจแตก
    · การแข่งขันจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น
    · ความไม่แน่นอนในระยะยาว

    คำแนะนำการลงทุน

    · ลงทุนเพียงส่วนที่ยอมเสียได้
    · ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด
    · กระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน

    ตลาดคริปโตยังคงมีความไม่แน่นอนสูง การตัดสินใจลงทุนควรอยู่บนพื้นฐานการศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
    ขอวิเคราะห์ทิศทางของ Bitcoin ในอนาคตจากมุมมองผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมข้อดีและข้อเสียอย่างเป็นกลาง: ข้อมองในแง่บวก (Bull Case) 1. การยอมรับในระดับสถาบัน · กองทุนขนาดใหญ่ (BlackRock, Fidelity) เปิดกองทุน Bitcoin ETF · บริษัทมหาชนเพิ่ม Bitcoin ในงบดุล (เช่น MicroStrategy, Tesla) · ธนาคารกลางหลายประเทศศึกษาสกุลเงินดิจิทัศ (CBDC) 2. อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น · กลไก Halving ลดอุปทานใหม่ทุก 4 ปี · มีผู้ใช้งานและนักลงทุนรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง · การใช้เป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ (Digital Gold) 3. นวัตกรรมทางเทคโนโลยี · การพัฒนาระบบ Layer 2 (เช่น Lightning Network) · การบูรณาการกับ DeFi และ Smart Contract · การปรับปรุงความสามารถในการขยายขนาด (Scalability) ข้อกังวลในแง่ลบ (Bear Case) 1. ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ · การควบคุมที่เข้มงวดจากรัฐบาลต่างๆ · นโยบายการเก็บภาษีที่ยังไม่ชัดเจนในหลายประเทศ · ความเสี่ยงจากการแบนในบางเขตอำนาจศาล 2. ความผันผวนสูง · ราคายังคงมีความผันผวนในระดับที่เสี่ยง · การเก็งกำไรระยะสั้นมีอิทธิพลต่อราคา · ความเชื่อมั่นที่อ่อนไหวต่อข่าวลือและทวีต 3. ความท้าทายทางเทคนิค · ปัญหาการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม · ความเร็วในการทำธุรกรรมที่จำกัด · ค่า Fee ที่อาจสูงในช่วงความนิยม มุมมองโดยรวม ผู้มองในแง่บวก เห็นว่า Bitcoin จะเติบโตเป็น: · สินทรัพย์ปลอดภัยรูปแบบดิจิทัล · ระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน · พื้นฐานของระบบการเงินใหม่ ผู้มองในแง่ลบ กังวลเกี่ยวกับ: · ฟองสบู่ทางราคาที่อาจแตก · การแข่งขันจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น · ความไม่แน่นอนในระยะยาว คำแนะนำการลงทุน · ลงทุนเพียงส่วนที่ยอมเสียได้ · ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด · กระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน ตลาดคริปโตยังคงมีความไม่แน่นอนสูง การตัดสินใจลงทุนควรอยู่บนพื้นฐานการศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 1

    ขณะตัดสินใจเข้าทำสงครามโลก ในเดือนสิงหาคม 1914 อังกฤษ กระเป๋าแบน เศรษฐกิจร่องแร่ง และทองสำรองใน Bank of England ใกล้จะแห้งขอดอย่างน่าตกใจ อังกฤษไม่อยู่ในสภาพที่จะทำสงครามได้เลย อังกฤษรู้ตัวดี แต่อังกฤษก็เดินหน้าประกาศสงครามกับเยอรมันอย่างท่าดี ถ้าไม่ใช่เป็นนักพนันระดับเซียน ที่ลักไก่ เกจนหมดหน้าตัก ก็ต้องเป็นนักวางแผนที่เลือดเย็นและล้ำลึกอย่างน่ากลัว

    เดือนตุลาคม 1914 อังกฤษส่งคณะทำงานพิเศษ จากฝ่ายกิจกรรมสงครามของตนไปวอชิงตัน เพื่อเจรจาให้ทางวอชิงตันจัดการให้ภาคเอกชนของอเมริกา เป็นผู้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ สัมภาระและกำลังบำรุงให้ เพราะอเมริกาในฐานะประเทศเป็นกลางอย่างเป็นทางการ จะทำในฐานะประเทศไม่ได้ เลยเลี่ยงให้เอกชนออกหน้า

    อังกฤษเลือก J P Morgan & Co เป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวในการจัดซื้อ Sole Purchasing Agent ดูเผินๆ เหมือนกับเป็นเรื่องเสี่ยงมาก ที่เลือกตัวแทนรายเดียว แต่เนื่องจากเป็นบทหนึ่งของละครลวงโลก เราจะเห็นว่า มันมีการเตรียมการอย่างแยบยลมา แล้ว ที่ให้อเมริกามี Federal Reserve System ที่สามารถทำให้ J P Morgan และพวก ซึ่งก็เป็นผู้บริหาร และเจ้าของ Federal Reseve Bank สามารถบริหารความเสี่ยงของตน ผ่านการควบคุมหนี้ของรัฐบาล พร้อมกับการควบคุมการพิมพ์ธนบัตรของประเทศในขณะเดียวกัน

    ด้วยวิธีการนี้ อังกฤษจึงสามารถเดินหน้า ทำสงครามได้อย่างสบายใจ อเมริกา โดยนักธุรกิจ เช่น Rockefeller, Morgan, Carnegie ฯลฯ ก็สบายใจ พวกเขาผลิต และขายสินค้า ส่งให้อังกฤษ ทำให้พากันรวยหนักกันขึ้นไปอีก และโดยไม่ต้องห่วงเรื่องจะต้องเสียภาษีเงินได้ก้อนใหญ่ให้ รัฐบาล เพราะบทในละครลวงโลก เรื่องภาษีนี้ ก็ได้มีจัดการหาทางออก เตรียมใว้เรียบร้อยแล้ว โดยนาย Wilson ได้ยอมให้แก้กฏหมายของอเมริกา ในปี 1913 ให้มูลนิธิเพื่อการกุศล ได้รับยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ และบรรดานายทุนเศรษฐีโตครรวยต่างๆของอเมริกา ก็พากันจดทะเบียนตั้งมูลนิธิ และโอนทรัพย์สินของตนไปไว้ในมูลนิธิ เพื่อเลี่ยงภาษี เช่น มูลนิธิ Rockefeller มูลนิธิ Carnegie มูลนิธิ Ford เรียบร้อยก่อนที่จะได้อังกฤษ มาเป็นลูกหนี้
    นี่คือ ประชาธิปไตยแบบ ตะหวักตะบวยของอเมริกา ที่ยังมีสมันน้อยหลงชื่นชม

    Morgan ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้รัฐบาลอังกฤษ ในการจัดซื้อ อาวุธ กระสุน เครื่องแบบ เคมี ฯลฯ สาระพัด ที่จำเป็นสำหรับการทำสงครามในสมัย ค.ศ. 1914 และในฐานะเป็นตัวแทนดูแลด้านการ เงินด้วย Morgan ไม่ใช่แค่เลือกว่า “จะซื้ออะไร ” เขาเป็นผู้เลือกด้วยว่า “จะซื้อจากใคร” ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่กลุ่มธุรกิจในเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller คือกลุ่มที่ได้รับเลือกไปก่อน และรวยไปก่อน

    เมื่อ British War Office ถามประธาน J P Morgan คนใหม่คือ J P Morgan Jr. หรือที่เพื่อนเรียกว่า Jack ซึ่งขึ้นมารับตำแหน่งแทนพ่อที่ตายไปเมื่อ ปี 1913 ว่า รัฐบาลของ Wilson มีปัญหาหรือไม่ ที่สถาบันการเงินใหญ่ของอเมริกา เข้ามาช่วยเหลืออังกฤษอย่างเปิดเผย เกี่ยวกับการสงคราม

    Jack ตอบว่า ไม่มีปัญหาครับเจ้านาย ไม่กระทบกับความเป็นกลางของรัฐบาลอเมริกัน อย่างแน่นอนที่สุด เพราะว่า Morgan ทำธุรกิจกับ British War Office และรัฐบาลของฝรั่งเศส เป็นการทำธุรกิจตามปรกติธรรมดา เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าขายต่อกัน ไม่ใช่เป็นข้อตกลงทางการเมือง หรือการฑูตแต่อย่างใด กลิ้งได้พริ้วจริงๆไอ้หนู

    เดือนมกราคม 1915 Jack ไปพบกับประธานาธิบดี Wilson ที่ทำเนียบ White House เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว Wilson ยืนยันว่า เขาไม่มีข้อขัดข้อง ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม Morgan หรือผู้อื่น ในเรื่องที่หารือนั้น

    ก็คงทำให้เข้าใจได้ว่า ไม่มีใครต้มใคร หลอกใครมาเข้าฉาก เป็นการสมัครใจมาร่วมเล่นละครกันทั้งนั้น

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 2

    ในปี ค.ศ. 1915 เมื่อสงครามเริ่มใหม่ๆ E.I. Dupont de Nemours & Co แห่ง Delaware ได้รับเงิน 100 ล้านเหรียญ จากอังกฤษ ผ่าน J P Morgan เพื่อขยายแผนกวัตถุระเบิด ภายในไม่กี่เดือน Dupont ขยายตัวจากบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก เป็นบริษัทอยู่แถวหน้าทางอุตสา หกรรม Hercules Powder และ Monsanto Chemical โตตามไปด้วย บริษัทเหล็กกล้า และเหล็กดิบ ก็งอกงาม เหล็กดิบราคาขึ้น จากตันละ 13 เหรียญ เป็น ตันละ 42 เหรียญ
    Bethlehem Steel, US Steel, Westinghouse Electric, Remington Arms, Colt Firearms ได้รับใบสั่งซื้อสินค้ามาเป็นกอง ตั้งสูง จนผลิตไม่ทัน อุตสาหกรรมเหล็กอย่างเดียว กำไรเพิ่มจาก 23 ล้านเหรียญ ในปี 1914 เป็น 224 ล้านเหรียญ ในปี 1917 และระหว่างปี 1914-1917 Anaconda Copper ของ William Rockefeller ได้กำไรโดดจาก 9 ล้านเหรียญ เป็น 25 ล้านเหรียญ ส่วนทรัพย์สินของ บริษัท Phelps Dodge ซึ่งเป็นนายทุนใหญ่ในการส่งให้ Wilson ไปนั่งที่ White House ขี้นไป 400 %

    เฉพาะปี 1916 ขณะที่เศรษฐกิจทั่วไป ของอเมริกากำลังขาลาก แค่การส่งสินค้าออกเกี่ยวกับอาวุธ ให้แก่อังกฤษ และฝรั่งเศส อย่างเดียว มูลค่าสูงถึง 1,290 พันล้านเหรียญแล้ว มันเป็นโอกาสทองคำ ของคนบางกลุ่มในอเมริกา ก่อนที่อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลก

    J P Morgan ได้จัดหาอาวุธยุทธปัจจัยให้รัฐบาล อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี เป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 5 พันล้านเหรียญ ทั้งหมด ซื้อโดยเครดิต ที่ J P Morgan เป็นผู้จัดการให้ เงินจำนวนดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบัน เท่ากับประมาณ 9 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งยังไม่เคยมีสถาบันการเงินส่วนบุคคลใด เคยทำมาก่อน

    มันเป็นจำนวนมโหฬาร พอที่จะทำให้เกิดซึนามิทางการเงินได้ ถ้ามีการผิดนัดไม่ชำระเงิน

    เดือนเมษายน 1915 ประมาณ 2 ปี ก่อนอเมริกาจะเข้าสูสงครามโลก ครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ Thomas W Lamont หุ้นส่วนคนหนึ่งของ J P Morgan ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่มีความหมายมาก แต่มีน้อยคน ที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังที่ American Academy of Political Science ในเมือง Philadelphia

    ” เรา (อเมริกา) ได้เปลี่ยนสภาพ จากเป็นลูกหนี้ กลายมาเป็นเจ้าหนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าที่เราได้รับ กองสูงเป็นตั้ง ผู้ผลิตหลายรายของเรา รวมทั้งผู้ขาย ได้ธุรกิจอย่างมหัศจรรย์จากสงครามนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าสงคราม มียอดสูงเป็นล้านๆเหรียญ และมันกำลังส่งผลไปถึงธุรกิจอื่นๆ ทั่วไปด้วย แต่จุดสำคัญอยู่ที่การปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจของเรา ทำให้อเมริกากลายเป็นปัจจัยใหญ่ในตลาดเงินกู้ระหว่างประเทศ
    จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หลายคนเชื่อว่า ต่อไปนิวยอร์ค อาจจะเหนือกว่าลอนดอนในการเป็นศูนย์กลางตลาดเงินของโลก เราอาจกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของโลก… มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูง….

    แต่ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญสองสามอย่าง อย่างหนึ่งคือ ระยะเวลาของการทำสงคราม…. ถ้าสงครามจบเร็ว เยอรมัน ซึ่งขณะนี้การส่งสินค้าออกถูกตัดขาดเกือบหมด จะกลับมาเป็นคู่แข่งสำคัญทันที

    ฉะนั้น เราจะเป็นเจ้าหนี้จำนวนมหาศาลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ “ระยะเวลา” ของการทำสงคราม ถ้ามันนานพอ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ที่ดอลล่าร์จะกลายเป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ แทนปอนด์สเตอริงก์”

    สุนทรพจน์นี้ ทำให้เห็นเป้าหมาย และการพัฒนา ให้เงินกู้ระหว่างประเทศ กลายเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ของ J P Morgan ในระหว่างการทำสงครามโลกครั้งที่ 1 และหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปจนถึงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างน่ากลัว และชั่วยิ่ง

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 3

    นโยบายของ J P Morgan ตามแนวที่เราเข้าใจจากสุนทรพจน์ของ Lamont ดูเหมือนจะราบรื่น เป็นไปตามแผน แต่พอถึงปลายปี 1916 จนเริ่มเข้าเดือนแรกของปี 1917 ข่าวลือเกี่ยวกับรัสเซียชักมาแปลก และ ในเดือนกุมภาพันธ์ ก็เป็นจริงตามข่าว ซาร์นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซีย ประกาศสละ
    บัลลังค์ หลังจากมีการปฏิวัติ โดยคนชื่อไม่ดัง Alexandre Kerensky กองทัพรัสเซียระส่ำ เยอรมันดีใจ ไม่ต้องรบทั้ง 2 แนว จึงทุ่มกำลังมาทางด้านตะวันตกเต็มที่ และอังกฤษอาจกลายเป็นฝ่ายแพ้สงคราม !

    Morgan และพวก เริ่มออกอาการ ไอ้ที่กลัวว่าจะเกิด ทำท่าจะเกิดจริงๆ สงครามอาจจะจบเร็วกว่าที่คิด โดยเยอรมันเป็นฝ่ายชนะ และนั่นคือหายนะ ของ Morgan อังกฤษและพวก ซึ่งรวมถึงอเมริกาด้วย
    นาย Walter Hines Page ซึ่งเคยเป็นผู้ดูแล General Education Board ของ Rockefeller ก่อนได้รับเลือกให้ไปเป็นฑูตอเมริกา ประจำลอนดอน ขณะนั้น ได้ทำหนังสือลงวันที่ 5 มีนาคม 1917 ถึง ประธานาธิบดี Wilson

    ” ผมคิดว่า สถานการณ์ปัจจุบัน มีความกดดันสูงเกินกว่าที่ Morgan ในสถานะตัวแทนทางการเงินของรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศสจะรับได้ จำเป็นที่จะต้องมีการหารือกันเป็นการด่วน ….หากเราจะเข้าไปทำสงครามกับเยอรมัน คงเป็นการช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างยิ่งยวด และในกรณีดังกล่าว รัฐบาลเราน่าจะทำ ถ้าสามารถทำได้คือ ช่วยลงทุนให้เงินกู้กับอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือค้ำประกันเงินกู้ให้เขา ….แต่เราจะต้องเข้าร่วมทำสงครามกับเยอรมันด้วย เราถึงจะให้เงินกู้โดยตรง หรือให้การค้ำประกันได้…”

    4 อาทิตย์หลังจากได้รับจดหมายของฑูต Page ประธานาธิบดี Wilson ซึ่งตอนหาเสียงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี สมัยที่ 2 ในปี 1916 ประกาศไว้ว่า เราเป็นฝ่ายไม่ทำสงคราม ก็พาอเมริกาเข้าสู่สงคราม ตามบทละครลวงโลก

    Wilson แถลงต่อสภาสูง เพื่อขอทำสงครามกับเยอรมัน ด้วยเหตุผลว่า เยอรมันละเมิดกฏการเดินเรือในน่านน้ำที่เป็นกลาง โดยใช้เรือดำน้ำโจมตีเรือของอเมริกาเรือขนส่งสินค้าของอังกฤษ และฝรั่งเศส สภาสูงลงมติอย่างท่วมท้น ให้อำนาจเขาประกาศสงครามกับเยอรมัน

    กระทรวงการคลังของอเมริกา ให้การสนับสนุน ที่อเมริกาจะออกพันธบัตร Liberty Bond เพื่อระดมเงินจากชาวอเมริกัน สนับสนุนให้อังกฤษทำสงครามต่อ โดยนาย Benjamin Strong ประธานธนาคารกลางของอเมริกา Federal Reserve Bank ซึ่งมาจาก กลุ่ม Morgan บอกว่า ตามกฎหมาย Federal Reserve Act ที่เพิ่งออกในปี 1913 ทำได้สบายมาก และเงินงวดแรก ที่ได้จากการขายพันธบัตร Liberty War ให้ชาวบ้าน ถูกนำมาใช้หนี้ ที่อังกฤษมีกับ Morgan จำนวน 400 ล้านเหรียญก่อนรายการอื่น

    สรุปง่ายๆว่า Wilson เอาเงินชาวบ้านมาใช้หนี้ให้เศรษฐี Morgan หรืออาจจะเป็น Rothschild ไม่แนใจ
    จากวันที่อเมริกาประกาศสงครามกับ เยอรมันอย่างเป็นทางการ ในเดือนเมษายน 1917 จนถึงวันที่มีการลงนามสัญญาสงบ ศึกกับเยอรมัน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 อเมริกาให้เงินกู้กับ สัมพันมิตร ยุโรป เป็นจำนวนประมาณ 9 พันล้านเหรียญ เงินดังกล่าว ไม่ได้ไปถึงมือผู้กู้ ส่วนใหญ่กลับไปอยู่ที่กลุ่ม Morgan, Kuhn Loeb และ Rockefeller เพื่อจ่ายเป็นค่าสินค้าสงครามที่ส่งให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร เงินกู้ดังกล่าวนี้ เป็นจำนวนต่างหาก นอกเหนือจากที่อังกฤษให้ J P Morgan เป็นตัวแทนระดมเงินกู้ต้ังแต่เริ่มทำสงคราม จนถึงสงครามเลิก อีกจำนวนมหาศาล

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    8 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 1 ขณะตัดสินใจเข้าทำสงครามโลก ในเดือนสิงหาคม 1914 อังกฤษ กระเป๋าแบน เศรษฐกิจร่องแร่ง และทองสำรองใน Bank of England ใกล้จะแห้งขอดอย่างน่าตกใจ อังกฤษไม่อยู่ในสภาพที่จะทำสงครามได้เลย อังกฤษรู้ตัวดี แต่อังกฤษก็เดินหน้าประกาศสงครามกับเยอรมันอย่างท่าดี ถ้าไม่ใช่เป็นนักพนันระดับเซียน ที่ลักไก่ เกจนหมดหน้าตัก ก็ต้องเป็นนักวางแผนที่เลือดเย็นและล้ำลึกอย่างน่ากลัว เดือนตุลาคม 1914 อังกฤษส่งคณะทำงานพิเศษ จากฝ่ายกิจกรรมสงครามของตนไปวอชิงตัน เพื่อเจรจาให้ทางวอชิงตันจัดการให้ภาคเอกชนของอเมริกา เป็นผู้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ สัมภาระและกำลังบำรุงให้ เพราะอเมริกาในฐานะประเทศเป็นกลางอย่างเป็นทางการ จะทำในฐานะประเทศไม่ได้ เลยเลี่ยงให้เอกชนออกหน้า อังกฤษเลือก J P Morgan & Co เป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวในการจัดซื้อ Sole Purchasing Agent ดูเผินๆ เหมือนกับเป็นเรื่องเสี่ยงมาก ที่เลือกตัวแทนรายเดียว แต่เนื่องจากเป็นบทหนึ่งของละครลวงโลก เราจะเห็นว่า มันมีการเตรียมการอย่างแยบยลมา แล้ว ที่ให้อเมริกามี Federal Reserve System ที่สามารถทำให้ J P Morgan และพวก ซึ่งก็เป็นผู้บริหาร และเจ้าของ Federal Reseve Bank สามารถบริหารความเสี่ยงของตน ผ่านการควบคุมหนี้ของรัฐบาล พร้อมกับการควบคุมการพิมพ์ธนบัตรของประเทศในขณะเดียวกัน ด้วยวิธีการนี้ อังกฤษจึงสามารถเดินหน้า ทำสงครามได้อย่างสบายใจ อเมริกา โดยนักธุรกิจ เช่น Rockefeller, Morgan, Carnegie ฯลฯ ก็สบายใจ พวกเขาผลิต และขายสินค้า ส่งให้อังกฤษ ทำให้พากันรวยหนักกันขึ้นไปอีก และโดยไม่ต้องห่วงเรื่องจะต้องเสียภาษีเงินได้ก้อนใหญ่ให้ รัฐบาล เพราะบทในละครลวงโลก เรื่องภาษีนี้ ก็ได้มีจัดการหาทางออก เตรียมใว้เรียบร้อยแล้ว โดยนาย Wilson ได้ยอมให้แก้กฏหมายของอเมริกา ในปี 1913 ให้มูลนิธิเพื่อการกุศล ได้รับยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ และบรรดานายทุนเศรษฐีโตครรวยต่างๆของอเมริกา ก็พากันจดทะเบียนตั้งมูลนิธิ และโอนทรัพย์สินของตนไปไว้ในมูลนิธิ เพื่อเลี่ยงภาษี เช่น มูลนิธิ Rockefeller มูลนิธิ Carnegie มูลนิธิ Ford เรียบร้อยก่อนที่จะได้อังกฤษ มาเป็นลูกหนี้ นี่คือ ประชาธิปไตยแบบ ตะหวักตะบวยของอเมริกา ที่ยังมีสมันน้อยหลงชื่นชม Morgan ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้รัฐบาลอังกฤษ ในการจัดซื้อ อาวุธ กระสุน เครื่องแบบ เคมี ฯลฯ สาระพัด ที่จำเป็นสำหรับการทำสงครามในสมัย ค.ศ. 1914 และในฐานะเป็นตัวแทนดูแลด้านการ เงินด้วย Morgan ไม่ใช่แค่เลือกว่า “จะซื้ออะไร ” เขาเป็นผู้เลือกด้วยว่า “จะซื้อจากใคร” ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่กลุ่มธุรกิจในเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller คือกลุ่มที่ได้รับเลือกไปก่อน และรวยไปก่อน เมื่อ British War Office ถามประธาน J P Morgan คนใหม่คือ J P Morgan Jr. หรือที่เพื่อนเรียกว่า Jack ซึ่งขึ้นมารับตำแหน่งแทนพ่อที่ตายไปเมื่อ ปี 1913 ว่า รัฐบาลของ Wilson มีปัญหาหรือไม่ ที่สถาบันการเงินใหญ่ของอเมริกา เข้ามาช่วยเหลืออังกฤษอย่างเปิดเผย เกี่ยวกับการสงคราม Jack ตอบว่า ไม่มีปัญหาครับเจ้านาย ไม่กระทบกับความเป็นกลางของรัฐบาลอเมริกัน อย่างแน่นอนที่สุด เพราะว่า Morgan ทำธุรกิจกับ British War Office และรัฐบาลของฝรั่งเศส เป็นการทำธุรกิจตามปรกติธรรมดา เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าขายต่อกัน ไม่ใช่เป็นข้อตกลงทางการเมือง หรือการฑูตแต่อย่างใด กลิ้งได้พริ้วจริงๆไอ้หนู เดือนมกราคม 1915 Jack ไปพบกับประธานาธิบดี Wilson ที่ทำเนียบ White House เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว Wilson ยืนยันว่า เขาไม่มีข้อขัดข้อง ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม Morgan หรือผู้อื่น ในเรื่องที่หารือนั้น ก็คงทำให้เข้าใจได้ว่า ไม่มีใครต้มใคร หลอกใครมาเข้าฉาก เป็นการสมัครใจมาร่วมเล่นละครกันทั้งนั้น นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 2 ในปี ค.ศ. 1915 เมื่อสงครามเริ่มใหม่ๆ E.I. Dupont de Nemours & Co แห่ง Delaware ได้รับเงิน 100 ล้านเหรียญ จากอังกฤษ ผ่าน J P Morgan เพื่อขยายแผนกวัตถุระเบิด ภายในไม่กี่เดือน Dupont ขยายตัวจากบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก เป็นบริษัทอยู่แถวหน้าทางอุตสา หกรรม Hercules Powder และ Monsanto Chemical โตตามไปด้วย บริษัทเหล็กกล้า และเหล็กดิบ ก็งอกงาม เหล็กดิบราคาขึ้น จากตันละ 13 เหรียญ เป็น ตันละ 42 เหรียญ Bethlehem Steel, US Steel, Westinghouse Electric, Remington Arms, Colt Firearms ได้รับใบสั่งซื้อสินค้ามาเป็นกอง ตั้งสูง จนผลิตไม่ทัน อุตสาหกรรมเหล็กอย่างเดียว กำไรเพิ่มจาก 23 ล้านเหรียญ ในปี 1914 เป็น 224 ล้านเหรียญ ในปี 1917 และระหว่างปี 1914-1917 Anaconda Copper ของ William Rockefeller ได้กำไรโดดจาก 9 ล้านเหรียญ เป็น 25 ล้านเหรียญ ส่วนทรัพย์สินของ บริษัท Phelps Dodge ซึ่งเป็นนายทุนใหญ่ในการส่งให้ Wilson ไปนั่งที่ White House ขี้นไป 400 % เฉพาะปี 1916 ขณะที่เศรษฐกิจทั่วไป ของอเมริกากำลังขาลาก แค่การส่งสินค้าออกเกี่ยวกับอาวุธ ให้แก่อังกฤษ และฝรั่งเศส อย่างเดียว มูลค่าสูงถึง 1,290 พันล้านเหรียญแล้ว มันเป็นโอกาสทองคำ ของคนบางกลุ่มในอเมริกา ก่อนที่อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลก J P Morgan ได้จัดหาอาวุธยุทธปัจจัยให้รัฐบาล อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี เป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 5 พันล้านเหรียญ ทั้งหมด ซื้อโดยเครดิต ที่ J P Morgan เป็นผู้จัดการให้ เงินจำนวนดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบัน เท่ากับประมาณ 9 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งยังไม่เคยมีสถาบันการเงินส่วนบุคคลใด เคยทำมาก่อน มันเป็นจำนวนมโหฬาร พอที่จะทำให้เกิดซึนามิทางการเงินได้ ถ้ามีการผิดนัดไม่ชำระเงิน เดือนเมษายน 1915 ประมาณ 2 ปี ก่อนอเมริกาจะเข้าสูสงครามโลก ครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ Thomas W Lamont หุ้นส่วนคนหนึ่งของ J P Morgan ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่มีความหมายมาก แต่มีน้อยคน ที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังที่ American Academy of Political Science ในเมือง Philadelphia ” เรา (อเมริกา) ได้เปลี่ยนสภาพ จากเป็นลูกหนี้ กลายมาเป็นเจ้าหนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าที่เราได้รับ กองสูงเป็นตั้ง ผู้ผลิตหลายรายของเรา รวมทั้งผู้ขาย ได้ธุรกิจอย่างมหัศจรรย์จากสงครามนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าสงคราม มียอดสูงเป็นล้านๆเหรียญ และมันกำลังส่งผลไปถึงธุรกิจอื่นๆ ทั่วไปด้วย แต่จุดสำคัญอยู่ที่การปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจของเรา ทำให้อเมริกากลายเป็นปัจจัยใหญ่ในตลาดเงินกู้ระหว่างประเทศ จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หลายคนเชื่อว่า ต่อไปนิวยอร์ค อาจจะเหนือกว่าลอนดอนในการเป็นศูนย์กลางตลาดเงินของโลก เราอาจกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของโลก… มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูง…. แต่ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญสองสามอย่าง อย่างหนึ่งคือ ระยะเวลาของการทำสงคราม…. ถ้าสงครามจบเร็ว เยอรมัน ซึ่งขณะนี้การส่งสินค้าออกถูกตัดขาดเกือบหมด จะกลับมาเป็นคู่แข่งสำคัญทันที ฉะนั้น เราจะเป็นเจ้าหนี้จำนวนมหาศาลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ “ระยะเวลา” ของการทำสงคราม ถ้ามันนานพอ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ที่ดอลล่าร์จะกลายเป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ แทนปอนด์สเตอริงก์” สุนทรพจน์นี้ ทำให้เห็นเป้าหมาย และการพัฒนา ให้เงินกู้ระหว่างประเทศ กลายเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ของ J P Morgan ในระหว่างการทำสงครามโลกครั้งที่ 1 และหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปจนถึงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างน่ากลัว และชั่วยิ่ง นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 3 นโยบายของ J P Morgan ตามแนวที่เราเข้าใจจากสุนทรพจน์ของ Lamont ดูเหมือนจะราบรื่น เป็นไปตามแผน แต่พอถึงปลายปี 1916 จนเริ่มเข้าเดือนแรกของปี 1917 ข่าวลือเกี่ยวกับรัสเซียชักมาแปลก และ ในเดือนกุมภาพันธ์ ก็เป็นจริงตามข่าว ซาร์นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซีย ประกาศสละ บัลลังค์ หลังจากมีการปฏิวัติ โดยคนชื่อไม่ดัง Alexandre Kerensky กองทัพรัสเซียระส่ำ เยอรมันดีใจ ไม่ต้องรบทั้ง 2 แนว จึงทุ่มกำลังมาทางด้านตะวันตกเต็มที่ และอังกฤษอาจกลายเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ! Morgan และพวก เริ่มออกอาการ ไอ้ที่กลัวว่าจะเกิด ทำท่าจะเกิดจริงๆ สงครามอาจจะจบเร็วกว่าที่คิด โดยเยอรมันเป็นฝ่ายชนะ และนั่นคือหายนะ ของ Morgan อังกฤษและพวก ซึ่งรวมถึงอเมริกาด้วย นาย Walter Hines Page ซึ่งเคยเป็นผู้ดูแล General Education Board ของ Rockefeller ก่อนได้รับเลือกให้ไปเป็นฑูตอเมริกา ประจำลอนดอน ขณะนั้น ได้ทำหนังสือลงวันที่ 5 มีนาคม 1917 ถึง ประธานาธิบดี Wilson ” ผมคิดว่า สถานการณ์ปัจจุบัน มีความกดดันสูงเกินกว่าที่ Morgan ในสถานะตัวแทนทางการเงินของรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศสจะรับได้ จำเป็นที่จะต้องมีการหารือกันเป็นการด่วน ….หากเราจะเข้าไปทำสงครามกับเยอรมัน คงเป็นการช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างยิ่งยวด และในกรณีดังกล่าว รัฐบาลเราน่าจะทำ ถ้าสามารถทำได้คือ ช่วยลงทุนให้เงินกู้กับอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือค้ำประกันเงินกู้ให้เขา ….แต่เราจะต้องเข้าร่วมทำสงครามกับเยอรมันด้วย เราถึงจะให้เงินกู้โดยตรง หรือให้การค้ำประกันได้…” 4 อาทิตย์หลังจากได้รับจดหมายของฑูต Page ประธานาธิบดี Wilson ซึ่งตอนหาเสียงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี สมัยที่ 2 ในปี 1916 ประกาศไว้ว่า เราเป็นฝ่ายไม่ทำสงคราม ก็พาอเมริกาเข้าสู่สงคราม ตามบทละครลวงโลก Wilson แถลงต่อสภาสูง เพื่อขอทำสงครามกับเยอรมัน ด้วยเหตุผลว่า เยอรมันละเมิดกฏการเดินเรือในน่านน้ำที่เป็นกลาง โดยใช้เรือดำน้ำโจมตีเรือของอเมริกาเรือขนส่งสินค้าของอังกฤษ และฝรั่งเศส สภาสูงลงมติอย่างท่วมท้น ให้อำนาจเขาประกาศสงครามกับเยอรมัน กระทรวงการคลังของอเมริกา ให้การสนับสนุน ที่อเมริกาจะออกพันธบัตร Liberty Bond เพื่อระดมเงินจากชาวอเมริกัน สนับสนุนให้อังกฤษทำสงครามต่อ โดยนาย Benjamin Strong ประธานธนาคารกลางของอเมริกา Federal Reserve Bank ซึ่งมาจาก กลุ่ม Morgan บอกว่า ตามกฎหมาย Federal Reserve Act ที่เพิ่งออกในปี 1913 ทำได้สบายมาก และเงินงวดแรก ที่ได้จากการขายพันธบัตร Liberty War ให้ชาวบ้าน ถูกนำมาใช้หนี้ ที่อังกฤษมีกับ Morgan จำนวน 400 ล้านเหรียญก่อนรายการอื่น สรุปง่ายๆว่า Wilson เอาเงินชาวบ้านมาใช้หนี้ให้เศรษฐี Morgan หรืออาจจะเป็น Rothschild ไม่แนใจ จากวันที่อเมริกาประกาศสงครามกับ เยอรมันอย่างเป็นทางการ ในเดือนเมษายน 1917 จนถึงวันที่มีการลงนามสัญญาสงบ ศึกกับเยอรมัน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 อเมริกาให้เงินกู้กับ สัมพันมิตร ยุโรป เป็นจำนวนประมาณ 9 พันล้านเหรียญ เงินดังกล่าว ไม่ได้ไปถึงมือผู้กู้ ส่วนใหญ่กลับไปอยู่ที่กลุ่ม Morgan, Kuhn Loeb และ Rockefeller เพื่อจ่ายเป็นค่าสินค้าสงครามที่ส่งให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร เงินกู้ดังกล่าวนี้ เป็นจำนวนต่างหาก นอกเหนือจากที่อังกฤษให้ J P Morgan เป็นตัวแทนระดมเงินกู้ต้ังแต่เริ่มทำสงคราม จนถึงสงครามเลิก อีกจำนวนมหาศาล สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 8 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – หน้าฉาก หลังฉาก 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก”

    ตอน 1

    ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มปะทะกันในยุโรป คนอเมริกัน มากกว่า 1 ใน 3 เป็นพวกต่างชาติ ที่อพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกา และส่วนใหญ่มาจาก เยอรมัน ไอร์แลนด์ และอิตาลี คนส่วนใหญ่ในอเมริกา ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีผลประโยชน์กับสงครามโลกที่กำลังดำเนินอยู่ในยุโรป ไม่มีทางที่พวกเขาอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยนี่นะ และโดยเฉพาะคนเยอรมัน ที่มีอยู่ในอเมริกา ประมาณ 6 ล้านคน คงไม่อยากให้อเมริกาทำสงครามกับเยอรมัน

    มันเป็นความคิด คนละชุดกับของคนอเมริกันอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีจำนวนเล็กน้อยมาก จนเทียบกับเสียงส่วนใหญ่ของคนอเมริกันไม่ได้ แต่คนพวกนี้ เป็นนักการเงิน นักธุรกิจ พวกอีลิต ที่กำลังทำธุรกิจอยู่กับกับอังกฤษ และฝรั่งเศส และกำลังครอบงำธุรกิจของอเมริกา และรัฐบาลของอเมริกาอยู่

    ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา ซึ่งเป็นหุ่นถูกเชิด หรือสมคบกับกลุ่มนักการเงินวอลสตรีท เพื่อออกกฏหมาย Federal Reserve Act ในปี 1913 ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีก เป็นวาระที่ 2 ในปี 1916

    ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี กลุ่มนักการเงิน นักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา ประชุมวางแผนกันที่บ้านของ Elbert Gary เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กของอเม ริกาคนหนึ่ง โดยมีผู้ร่วมประชุม เช่น August Belmont (ตัวแทนของ กลุ่ม Rothschild ซึ่งมีข่าวว่า เป็นลูกนอกสมรสของพวก Rothschild) Jacob Schiff, George F Baker, Cornelius Vanderbilt รวมทั้งอดีตประธานาธิบดี Theodore Roosevelt และ George W Pergins คนถือกระเป๋าบรรจุขนมของ J P Morgan เอาไว้แจกนักการเมืองยามจำเป็น และเป็นอดีตหุ้นส่วนของ J P Morgan ด้วย ที่ประชุมตกลงที่จะสนับสนุน ให้ Woodlow Wilson เป็นประธานาธิบดี อีกสมัยหนึ่ง เป็นการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยไม่ไร้วัตถุประสงค์ ในการหาเสียง ทีมงานของ Wilson ใช้คำขวัญประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “he kept us out of war” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม

    คำขวัญนี้ กำหนดโดยคณะที่ปรึกษาในการหาเสี ยง และที่ปรึกษาคนสำคัญของ Wilson คือ Colonel Edward M. House ก็เห็นด้วย เมื่อได้รับตำแหน่งหมาดๆ Wilson ประกาศว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน และประชาชนของเราไม่ต้องการทำสงคราม ผ่านไปปีกว่า ประชาชนชาวอเมริกันก็ยังไม่อยากให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม แต่ Wilson กลับลำ ประกาศนำอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลก ยกเลิกบทบาทประเทศเป็นกลาง อย่างหน้าตาเฉย
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก”

    ตอน 2

    Col. Edward M House เป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูง และเป็นตัวละครสำคัญ ที่ทำหน้าที่ชักใยอยู่หลังฉาก ในละครลวงโลกเรื่องปฏิวิติ Bolsheviks หรือปล้นรัสเซีย

    Col. House ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ของ ประธานาธิบดี Wilson และประธานาธิบดี Flanklin D Roosevelt ในช่วงต่อจาก Wilson ด้วย เขามีความใกล้ชิดกับ J P Morgan และครอบครัวนักการเงินรุ่นเก๋าของอังกฤษ แม้จะเติบโตมาจากเมือง Houston, Texas แต่เขาก็ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปี

    พ่อของ House , Thomas William House เป็นคนอังกฤษ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกา และทำรายได้จนเรียกได้ว่าเป็นคนรวย จากการเป็นตัวแทนให้สถาบันการเงินอังกฤษ ในช่วงสงครามที่รบกันระหว่างรัฐ ของอเมริกา ข่าวว่า เขาเป็นตัวแทนของตระกูล Rothschild พ่อเขา House ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกอยู่อย่างสบาย แค่ต้องการให้ลูก “รู้จัก และ รับใช้” อังกฤษ

    House เป็นคนสนใจการเมือง และชอบที่จะเล่นบทอยู่หลังฉากมากกว่าหน้าฉาก เขาเริ่มหาประสบการณ์ทางการเมือง โดยการเข้าไปสนับสนุนผู้สมัคร เลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัสถึง 4 สมัย หนึ่งในผู้ว่าการรัฐที่เขาหนุนจนได้ตำแหน่ง เป็นคนเรียกเขาว่า ผู้พัน หลังจากนั้นเขาเลยกลายเป็น Col. House ของทุกคน

    ประมาณปี ค.ศ. 1902 เขาย้ายมาอยู่นิวยอร์ค และเข้าสังคมชั้นสูง หลังจากนั้นจึงเข้ามาป้วนเปี้ยน ในการเมืองสนามใหญ่ มองหาม้ามืด มาฝึกเอาถ้วยรางวัล เขาเล็งได้ม้ามืด ชื่อ Woodlow Wilson เขาร่วมวางแผนหาเสียงให้ Wilson จนได้เป็นประธานาธิบดี แต่เขาไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล เขาเลือกที่จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว และดูแลงานด้านการต่างประเทศให้ Wilson
    ความใหญ่ของ House ในช่วงนั้นเป็นที่เล่าขานกันทั่ว ครั้งหนึ่ง เมื่อมีการตั้งนาย Robert Lansing เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ นักข่าวหน้าใหม่ไม่รู้จัก ตะโกนถามกันว่า Lansing สะกดยังไงนะ นักข่าวรุ่นเก๋าตะโกนตอบว่า สะกดว่า H O U S E

    House ใกล้ชิดสนิทสนม กับประธานาธิบดี Wilson อย่างยิ่ง เรียกว่าเห็นหนังตากระตุก ก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไร หลายตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีของ Wilson ที่ปรึกษา House เป็นผู้เลือก Wilson แค่ออกแรงลงชื่อ

    เมื่อการสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ของ Wilson ในสมัยที่ 2 ใกล้เข้ามา ที่ปรึกษา House ก็เริ่มหารืออย่างลับๆ กับ Sir William Wiseman ซึ่งทำงานที่สถานฑูตอังกฤษ ในอเมริกา Wiseman คือหัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษในอเมริกา นั่นแหละ เพื่อให้ Wiseman ไปปูทางกับอังกฤษ ก่อนที่ House จะไปเจรจา

    House เจรจากับรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศส ในนามของ Wilson ว่า ถ้า Wilson ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกด้วย โดยจะใช้แผนเสนอให้มีการเจรจาสงบศึกกับเยอรมัน ซึ่งอเมริกาจะยื่นเงื่อนไขของการสงบศึกกับทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามีฝ่ายใดไม่รับข้อเสนอ อเมริกาก็จะเข้าทำสงครามด้วย และแผนลับคือ อเมริกาจะเสนอเงื่อนไขกับทางเยอรมัน ชนิดที่จะทำให้เยอรมันไม่มีทางรับได้ และก็จะทำให้เยอรมันกลายเป็นผู้ร้าย และอเมริกาจะได้เข้าสู่สงครามแบบพระเอก บทน้ำเน่าไปหน่อย แต่เขาเสนออย่างนั้นจริงๆ

    ดูอย่างคนนอก มันคงเป็นเรื่องที่ House เล่นนอกบท มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ Wilson แสดงภาพพจน์ว่าเป็นคนรักสงบ ไม่เอาสงคราม

    แต่จริงๆ แล้ว Wilson รู้ดีว่า การเป็นกลาง และการเข้าสู่สงคราม มันเป็นบทของละครลวงโลกทั้งสิ้น และ Wilson รู้ด้วยว่า ถ้าอเมริกาเข้าสงครามในจังหวะที่เหมาะ จะมีผลกับสงครามอย่างไร และจะทำให้พวกสัมพันธมิตรต้องพึ่ง อเมริกาขนาดไหน ทั้งด้านกองกำลัง และด้านการเงินทุนสนับสนุน และถ้าเงินทุนสนับสนุน มันจำนวนใหญ่พอ เขานั่นแหละ จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข และชะตาของสันติภาพ หรือชะตาของโลกหลังสงคราม

    มันก็เป็นความคิดที่ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่หวังจะเป็นผู้ตัดสินชะตาโลกหลังสงคราม อเมริการู้เป้าหมายของอังกฤษอย่างดี แต่ไม่แน่ว่าตอนนั้น อังกฤษรู้เป้าหมายของอเมริกาที่แท้จริงของอเมริกา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    7 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – หน้าฉาก หลังฉาก 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก” ตอน 1 ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มปะทะกันในยุโรป คนอเมริกัน มากกว่า 1 ใน 3 เป็นพวกต่างชาติ ที่อพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกา และส่วนใหญ่มาจาก เยอรมัน ไอร์แลนด์ และอิตาลี คนส่วนใหญ่ในอเมริกา ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีผลประโยชน์กับสงครามโลกที่กำลังดำเนินอยู่ในยุโรป ไม่มีทางที่พวกเขาอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยนี่นะ และโดยเฉพาะคนเยอรมัน ที่มีอยู่ในอเมริกา ประมาณ 6 ล้านคน คงไม่อยากให้อเมริกาทำสงครามกับเยอรมัน มันเป็นความคิด คนละชุดกับของคนอเมริกันอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีจำนวนเล็กน้อยมาก จนเทียบกับเสียงส่วนใหญ่ของคนอเมริกันไม่ได้ แต่คนพวกนี้ เป็นนักการเงิน นักธุรกิจ พวกอีลิต ที่กำลังทำธุรกิจอยู่กับกับอังกฤษ และฝรั่งเศส และกำลังครอบงำธุรกิจของอเมริกา และรัฐบาลของอเมริกาอยู่ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา ซึ่งเป็นหุ่นถูกเชิด หรือสมคบกับกลุ่มนักการเงินวอลสตรีท เพื่อออกกฏหมาย Federal Reserve Act ในปี 1913 ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีก เป็นวาระที่ 2 ในปี 1916 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี กลุ่มนักการเงิน นักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา ประชุมวางแผนกันที่บ้านของ Elbert Gary เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กของอเม ริกาคนหนึ่ง โดยมีผู้ร่วมประชุม เช่น August Belmont (ตัวแทนของ กลุ่ม Rothschild ซึ่งมีข่าวว่า เป็นลูกนอกสมรสของพวก Rothschild) Jacob Schiff, George F Baker, Cornelius Vanderbilt รวมทั้งอดีตประธานาธิบดี Theodore Roosevelt และ George W Pergins คนถือกระเป๋าบรรจุขนมของ J P Morgan เอาไว้แจกนักการเมืองยามจำเป็น และเป็นอดีตหุ้นส่วนของ J P Morgan ด้วย ที่ประชุมตกลงที่จะสนับสนุน ให้ Woodlow Wilson เป็นประธานาธิบดี อีกสมัยหนึ่ง เป็นการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยไม่ไร้วัตถุประสงค์ ในการหาเสียง ทีมงานของ Wilson ใช้คำขวัญประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “he kept us out of war” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม คำขวัญนี้ กำหนดโดยคณะที่ปรึกษาในการหาเสี ยง และที่ปรึกษาคนสำคัญของ Wilson คือ Colonel Edward M. House ก็เห็นด้วย เมื่อได้รับตำแหน่งหมาดๆ Wilson ประกาศว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน และประชาชนของเราไม่ต้องการทำสงคราม ผ่านไปปีกว่า ประชาชนชาวอเมริกันก็ยังไม่อยากให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม แต่ Wilson กลับลำ ประกาศนำอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลก ยกเลิกบทบาทประเทศเป็นกลาง อย่างหน้าตาเฉย นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก” ตอน 2 Col. Edward M House เป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูง และเป็นตัวละครสำคัญ ที่ทำหน้าที่ชักใยอยู่หลังฉาก ในละครลวงโลกเรื่องปฏิวิติ Bolsheviks หรือปล้นรัสเซีย Col. House ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ของ ประธานาธิบดี Wilson และประธานาธิบดี Flanklin D Roosevelt ในช่วงต่อจาก Wilson ด้วย เขามีความใกล้ชิดกับ J P Morgan และครอบครัวนักการเงินรุ่นเก๋าของอังกฤษ แม้จะเติบโตมาจากเมือง Houston, Texas แต่เขาก็ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปี พ่อของ House , Thomas William House เป็นคนอังกฤษ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกา และทำรายได้จนเรียกได้ว่าเป็นคนรวย จากการเป็นตัวแทนให้สถาบันการเงินอังกฤษ ในช่วงสงครามที่รบกันระหว่างรัฐ ของอเมริกา ข่าวว่า เขาเป็นตัวแทนของตระกูล Rothschild พ่อเขา House ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกอยู่อย่างสบาย แค่ต้องการให้ลูก “รู้จัก และ รับใช้” อังกฤษ House เป็นคนสนใจการเมือง และชอบที่จะเล่นบทอยู่หลังฉากมากกว่าหน้าฉาก เขาเริ่มหาประสบการณ์ทางการเมือง โดยการเข้าไปสนับสนุนผู้สมัคร เลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัสถึง 4 สมัย หนึ่งในผู้ว่าการรัฐที่เขาหนุนจนได้ตำแหน่ง เป็นคนเรียกเขาว่า ผู้พัน หลังจากนั้นเขาเลยกลายเป็น Col. House ของทุกคน ประมาณปี ค.ศ. 1902 เขาย้ายมาอยู่นิวยอร์ค และเข้าสังคมชั้นสูง หลังจากนั้นจึงเข้ามาป้วนเปี้ยน ในการเมืองสนามใหญ่ มองหาม้ามืด มาฝึกเอาถ้วยรางวัล เขาเล็งได้ม้ามืด ชื่อ Woodlow Wilson เขาร่วมวางแผนหาเสียงให้ Wilson จนได้เป็นประธานาธิบดี แต่เขาไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล เขาเลือกที่จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว และดูแลงานด้านการต่างประเทศให้ Wilson ความใหญ่ของ House ในช่วงนั้นเป็นที่เล่าขานกันทั่ว ครั้งหนึ่ง เมื่อมีการตั้งนาย Robert Lansing เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ นักข่าวหน้าใหม่ไม่รู้จัก ตะโกนถามกันว่า Lansing สะกดยังไงนะ นักข่าวรุ่นเก๋าตะโกนตอบว่า สะกดว่า H O U S E House ใกล้ชิดสนิทสนม กับประธานาธิบดี Wilson อย่างยิ่ง เรียกว่าเห็นหนังตากระตุก ก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไร หลายตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีของ Wilson ที่ปรึกษา House เป็นผู้เลือก Wilson แค่ออกแรงลงชื่อ เมื่อการสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ของ Wilson ในสมัยที่ 2 ใกล้เข้ามา ที่ปรึกษา House ก็เริ่มหารืออย่างลับๆ กับ Sir William Wiseman ซึ่งทำงานที่สถานฑูตอังกฤษ ในอเมริกา Wiseman คือหัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษในอเมริกา นั่นแหละ เพื่อให้ Wiseman ไปปูทางกับอังกฤษ ก่อนที่ House จะไปเจรจา House เจรจากับรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศส ในนามของ Wilson ว่า ถ้า Wilson ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกด้วย โดยจะใช้แผนเสนอให้มีการเจรจาสงบศึกกับเยอรมัน ซึ่งอเมริกาจะยื่นเงื่อนไขของการสงบศึกกับทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามีฝ่ายใดไม่รับข้อเสนอ อเมริกาก็จะเข้าทำสงครามด้วย และแผนลับคือ อเมริกาจะเสนอเงื่อนไขกับทางเยอรมัน ชนิดที่จะทำให้เยอรมันไม่มีทางรับได้ และก็จะทำให้เยอรมันกลายเป็นผู้ร้าย และอเมริกาจะได้เข้าสู่สงครามแบบพระเอก บทน้ำเน่าไปหน่อย แต่เขาเสนออย่างนั้นจริงๆ ดูอย่างคนนอก มันคงเป็นเรื่องที่ House เล่นนอกบท มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ Wilson แสดงภาพพจน์ว่าเป็นคนรักสงบ ไม่เอาสงคราม แต่จริงๆ แล้ว Wilson รู้ดีว่า การเป็นกลาง และการเข้าสู่สงคราม มันเป็นบทของละครลวงโลกทั้งสิ้น และ Wilson รู้ด้วยว่า ถ้าอเมริกาเข้าสงครามในจังหวะที่เหมาะ จะมีผลกับสงครามอย่างไร และจะทำให้พวกสัมพันธมิตรต้องพึ่ง อเมริกาขนาดไหน ทั้งด้านกองกำลัง และด้านการเงินทุนสนับสนุน และถ้าเงินทุนสนับสนุน มันจำนวนใหญ่พอ เขานั่นแหละ จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข และชะตาของสันติภาพ หรือชะตาของโลกหลังสงคราม มันก็เป็นความคิดที่ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่หวังจะเป็นผู้ตัดสินชะตาโลกหลังสงคราม อเมริการู้เป้าหมายของอังกฤษอย่างดี แต่ไม่แน่ว่าตอนนั้น อังกฤษรู้เป้าหมายของอเมริกาที่แท้จริงของอเมริกา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 7 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: เข้าใจ Backpropagation ให้ลึกซึ้งก่อนใช้ Deep Learning แบบมือโปร

    ในโลกของ Deep Learning ที่เต็มไปด้วยเครื่องมืออัตโนมัติอย่าง TensorFlow หรือ PyTorch หลายคนอาจคิดว่าไม่จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของ Backpropagation เพราะมันถูกจัดการให้หมดแล้ว แต่ Andrej Karpathy นักวิจัยชื่อดังจาก Stanford กลับยืนยันว่า “คุณควรเข้าใจมันให้ดี” เพราะ Backpropagation ไม่ใช่เวทมนตร์ แต่มันคือกลไกที่มีจุดอ่อนซ่อนอยู่ และถ้าไม่เข้าใจให้ลึก คุณอาจเจอปัญหาที่แก้ไม่ตก

    เขาเล่าเรื่องราวจากคลาส CS231n ที่ให้นักเรียนเขียน forward และ backward pass ด้วย numpy เพื่อให้เข้าใจกลไกจริงของการเรียนรู้ ซึ่งแม้จะดูทรมาน แต่กลับเป็นการฝึกที่จำเป็น เพราะ Backpropagation เป็น “leaky abstraction” หรือการซ่อนรายละเอียดที่อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่ทุกอย่างจะทำงานอัตโนมัติได้เสมอ

    จากนั้นเขายกตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในโมเดลต่างๆ เช่น Sigmoid ที่ทำให้ gradient หายไป, ReLU ที่ทำให้ neuron ตายถาวร และ RNN ที่ gradient ระเบิดจนโมเดลพัง พร้อมแถมกรณีศึกษาจาก DQN ที่ใช้การ clip ค่า delta แบบผิดวิธีจน gradient หายไปหมด

    นอกจากนั้นยังเสริมว่า การเข้าใจ Backpropagation จะช่วยให้คุณ debug โมเดลได้ดีขึ้น และสามารถออกแบบโครงสร้างที่เหมาะสมกับปัญหาได้จริง ไม่ใช่แค่ “ลองสุ่มแล้วหวังว่าจะเวิร์ก”

    Backpropagation คือหัวใจของการเรียนรู้ใน Neural Network
    เป็นกระบวนการคำนวณ gradient เพื่อปรับน้ำหนักของโมเดล
    แม้จะมีเครื่องมือช่วย แต่การเข้าใจกลไกภายในช่วยให้ debug ได้ดีขึ้น

    ตัวอย่างปัญหาจากการไม่เข้าใจ Backprop อย่างลึก
    Sigmoid ทำให้ gradient หายไปเมื่อค่า saturate
    ReLU ทำให้ neuron ตายถาวรเมื่อไม่ firing
    RNN ทำให้ gradient ระเบิดหรือลดลงจนโมเดลเรียนรู้ไม่ได้

    กรณีศึกษา DQN ที่ใช้ tf.clip_by_value ผิดวิธี
    ทำให้ gradient หายไปเพราะ clip ที่ค่าผลต่างแทนที่จะ clip ที่ gradient
    ทางแก้คือใช้ Huber loss ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับ outlier โดยไม่ทำให้ gradient หาย

    ข้อเสนอแนะจากผู้เขียน
    ควรเรียนรู้ Backprop ด้วยการเขียนเอง เช่นผ่าน assignment ของ CS231n
    ใช้ความเข้าใจนี้ในการออกแบบโมเดลที่มีประสิทธิภาพและแก้ปัญหาได้จริง

    https://karpathy.medium.com/yes-you-should-understand-backprop-e2f06eab496b
    🧠 หัวข้อข่าว: เข้าใจ Backpropagation ให้ลึกซึ้งก่อนใช้ Deep Learning แบบมือโปร ในโลกของ Deep Learning ที่เต็มไปด้วยเครื่องมืออัตโนมัติอย่าง TensorFlow หรือ PyTorch หลายคนอาจคิดว่าไม่จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของ Backpropagation เพราะมันถูกจัดการให้หมดแล้ว แต่ Andrej Karpathy นักวิจัยชื่อดังจาก Stanford กลับยืนยันว่า “คุณควรเข้าใจมันให้ดี” เพราะ Backpropagation ไม่ใช่เวทมนตร์ แต่มันคือกลไกที่มีจุดอ่อนซ่อนอยู่ และถ้าไม่เข้าใจให้ลึก คุณอาจเจอปัญหาที่แก้ไม่ตก เขาเล่าเรื่องราวจากคลาส CS231n ที่ให้นักเรียนเขียน forward และ backward pass ด้วย numpy เพื่อให้เข้าใจกลไกจริงของการเรียนรู้ ซึ่งแม้จะดูทรมาน แต่กลับเป็นการฝึกที่จำเป็น เพราะ Backpropagation เป็น “leaky abstraction” หรือการซ่อนรายละเอียดที่อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่ทุกอย่างจะทำงานอัตโนมัติได้เสมอ จากนั้นเขายกตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในโมเดลต่างๆ เช่น Sigmoid ที่ทำให้ gradient หายไป, ReLU ที่ทำให้ neuron ตายถาวร และ RNN ที่ gradient ระเบิดจนโมเดลพัง พร้อมแถมกรณีศึกษาจาก DQN ที่ใช้การ clip ค่า delta แบบผิดวิธีจน gradient หายไปหมด นอกจากนั้นยังเสริมว่า การเข้าใจ Backpropagation จะช่วยให้คุณ debug โมเดลได้ดีขึ้น และสามารถออกแบบโครงสร้างที่เหมาะสมกับปัญหาได้จริง ไม่ใช่แค่ “ลองสุ่มแล้วหวังว่าจะเวิร์ก” ✅ Backpropagation คือหัวใจของการเรียนรู้ใน Neural Network ➡️ เป็นกระบวนการคำนวณ gradient เพื่อปรับน้ำหนักของโมเดล ➡️ แม้จะมีเครื่องมือช่วย แต่การเข้าใจกลไกภายในช่วยให้ debug ได้ดีขึ้น ✅ ตัวอย่างปัญหาจากการไม่เข้าใจ Backprop อย่างลึก ➡️ Sigmoid ทำให้ gradient หายไปเมื่อค่า saturate ➡️ ReLU ทำให้ neuron ตายถาวรเมื่อไม่ firing ➡️ RNN ทำให้ gradient ระเบิดหรือลดลงจนโมเดลเรียนรู้ไม่ได้ ✅ กรณีศึกษา DQN ที่ใช้ tf.clip_by_value ผิดวิธี ➡️ ทำให้ gradient หายไปเพราะ clip ที่ค่าผลต่างแทนที่จะ clip ที่ gradient ➡️ ทางแก้คือใช้ Huber loss ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับ outlier โดยไม่ทำให้ gradient หาย ✅ ข้อเสนอแนะจากผู้เขียน ➡️ ควรเรียนรู้ Backprop ด้วยการเขียนเอง เช่นผ่าน assignment ของ CS231n ➡️ ใช้ความเข้าใจนี้ในการออกแบบโมเดลที่มีประสิทธิภาพและแก้ปัญหาได้จริง https://karpathy.medium.com/yes-you-should-understand-backprop-e2f06eab496b
    KARPATHY.MEDIUM.COM
    Yes you should understand backprop
    When we offered CS231n (Deep Learning class) at Stanford, we intentionally designed the programming assignments to include explicit…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญญาประดิษฐ์สายวิจัยที่ไม่หยุดแค่ “แชตบอต”

    Tongyi DeepResearch เป็นโมเดล Web Agent แบบโอเพ่นซอร์สตัวแรกที่สามารถทำงานวิจัยเชิงลึกได้เทียบเท่ากับโมเดลเชิงพาณิชย์ของ OpenAI โดยมีคะแนนสูงในหลาย benchmark เช่น:
    Humanity’s Last Exam (HLE): 32.9
    BrowseComp: 43.4
    BrowseComp-ZH: 46.7
    xbench-DeepSearch: 75

    โมเดลนี้ไม่ใช่แค่เก่งด้านการตอบคำถาม แต่ยังสามารถวางแผน ทำวิจัยหลายขั้นตอน และใช้เครื่องมือภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ framework reasoning แบบ ReAct และโหมดขั้นสูงที่เรียกว่า Heavy Mode เพื่อจัดการงานที่ซับซ้อน

    Tongyi DeepResearch เป็น Web Agent แบบโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลัง
    ทำงานได้เทียบเท่ากับ DeepResearch ของ OpenAI
    ได้คะแนนสูงในหลาย benchmark ด้าน reasoning และการค้นคว้า

    ใช้ข้อมูลสังเคราะห์คุณภาพสูงในการฝึก
    สร้าง QA pairs จากกราฟความรู้และคลิกสตรีม
    ใช้เทคนิคเพิ่มความยากของคำถามอย่างเป็นระบบ

    มีระบบฝึกแบบครบวงจร: CPT → SFT → RL
    Continual Pre-training ด้วยข้อมูลสังเคราะห์
    Fine-tuning ด้วยข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
    Reinforcement Learning แบบ on-policy เพื่อปรับพฤติกรรมให้ตรงเป้าหมาย

    ใช้โครงสร้าง reasoning แบบ ReAct และ IterResearch
    ReAct: วงจร Thought → Action → Observation
    IterResearch: แบ่งงานวิจัยเป็นรอบ ๆ เพื่อรักษาโฟกัสและคุณภาพ reasoning

    มีการใช้งานจริงในระบบของ Alibaba
    เช่น “Xiao Gao” ผู้ช่วยด้านแผนที่ และ “FaRui” ผู้ช่วยด้านกฎหมาย
    ทำงานวิจัยหลายขั้นตอนและให้ผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้

    https://tongyi-agent.github.io/blog/introducing-tongyi-deep-research/
    🧠 ปัญญาประดิษฐ์สายวิจัยที่ไม่หยุดแค่ “แชตบอต” Tongyi DeepResearch เป็นโมเดล Web Agent แบบโอเพ่นซอร์สตัวแรกที่สามารถทำงานวิจัยเชิงลึกได้เทียบเท่ากับโมเดลเชิงพาณิชย์ของ OpenAI โดยมีคะแนนสูงในหลาย benchmark เช่น: 🔖 Humanity’s Last Exam (HLE): 32.9 🔖 BrowseComp: 43.4 🔖 BrowseComp-ZH: 46.7 🔖 xbench-DeepSearch: 75 โมเดลนี้ไม่ใช่แค่เก่งด้านการตอบคำถาม แต่ยังสามารถวางแผน ทำวิจัยหลายขั้นตอน และใช้เครื่องมือภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ framework reasoning แบบ ReAct และโหมดขั้นสูงที่เรียกว่า Heavy Mode เพื่อจัดการงานที่ซับซ้อน ✅ Tongyi DeepResearch เป็น Web Agent แบบโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลัง ➡️ ทำงานได้เทียบเท่ากับ DeepResearch ของ OpenAI ➡️ ได้คะแนนสูงในหลาย benchmark ด้าน reasoning และการค้นคว้า ✅ ใช้ข้อมูลสังเคราะห์คุณภาพสูงในการฝึก ➡️ สร้าง QA pairs จากกราฟความรู้และคลิกสตรีม ➡️ ใช้เทคนิคเพิ่มความยากของคำถามอย่างเป็นระบบ ✅ มีระบบฝึกแบบครบวงจร: CPT → SFT → RL ➡️ Continual Pre-training ด้วยข้อมูลสังเคราะห์ ➡️ Fine-tuning ด้วยข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ ➡️ Reinforcement Learning แบบ on-policy เพื่อปรับพฤติกรรมให้ตรงเป้าหมาย ✅ ใช้โครงสร้าง reasoning แบบ ReAct และ IterResearch ➡️ ReAct: วงจร Thought → Action → Observation ➡️ IterResearch: แบ่งงานวิจัยเป็นรอบ ๆ เพื่อรักษาโฟกัสและคุณภาพ reasoning ✅ มีการใช้งานจริงในระบบของ Alibaba ➡️ เช่น “Xiao Gao” ผู้ช่วยด้านแผนที่ และ “FaRui” ผู้ช่วยด้านกฎหมาย ➡️ ทำงานวิจัยหลายขั้นตอนและให้ผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้ https://tongyi-agent.github.io/blog/introducing-tongyi-deep-research/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อกฎหมายไซเบอร์กลายเป็นเครื่องมือปราบนักข่าว

    บทความจาก Columbia Journalism Review เปิดเผยว่า กฎหมายไซเบอร์ที่ออกแบบมาเพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ กำลังถูกใช้เพื่อกดขี่เสรีภาพสื่อในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแอฟริกาและตะวันออกกลาง เช่น ไนจีเรีย ปากีสถาน จอร์แดน และไนเจอร์

    ตัวอย่างที่เด่นชัดคือกรณีของ Daniel Ojukwu นักข่าววัย 26 ปีจากไนจีเรีย ที่ถูกจับกุมโดยไม่มีการแจ้งข้อหาอย่างชัดเจน หลังจากเขาเขียนบทความเกี่ยวกับการทุจริตในสำนักงานประธานาธิบดี เขาถูกกล่าวหาว่าละเมิด Cybercrime Act ปี 2015 ซึ่งมีบทบัญญัติที่คลุมเครือ เช่น ห้ามเผยแพร่ข้อมูล “น่ารำคาญ” หรือ “หยาบคาย” ทางออนไลน์

    แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายในปี 2024 แต่ข้อความใหม่ยังคงเปิดช่องให้ตีความได้กว้าง เช่น การเผยแพร่ข้อมูล “เท็จโดยเจตนา” ที่อาจ “ทำให้เกิดความวุ่นวาย” หรือ “คุกคามชีวิต” ซึ่งยังคงถูกใช้เล่นงานนักข่าวสายสืบสวนอย่างต่อเนื่อง

    ประเทศอื่นก็มีแนวโน้มคล้ายกัน เช่น:
    ไนเจอร์ กลับมาใช้โทษจำคุกสำหรับการหมิ่นประมาทและเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบศักดิ์ศรีมนุษย์”
    จอร์แดน ดำเนินคดีนักข่าวอย่างน้อย 15 คนภายใต้กฎหมายไซเบอร์ฉบับขยายปี 2023
    ปากีสถานและตุรกี ใช้กฎหมาย “ต่อต้านข่าวปลอม” เพื่อควบคุมเนื้อหาสื่อ

    นักวิจัยจาก Citizen Lab เตือนว่า กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้ช่วยลดข่าวปลอมจริง ๆ แต่กลับเพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์ และเมื่อประเทศประชาธิปไตยก็เริ่มออกกฎหมายคล้ายกัน ก็ยิ่งเปิดช่องให้รัฐบาลเผด็จการใช้เป็นข้ออ้างในการเซ็นเซอร์

    กฎหมายไซเบอร์ถูกใช้เพื่อปราบปรามนักข่าวในหลายประเทศ
    โดยเฉพาะผู้ที่เปิดโปงการทุจริตหรือวิพากษ์รัฐบาล

    Cybercrime Act ของไนจีเรียมีบทบัญญัติคลุมเครือ
    เช่น “ข้อมูลเท็จที่คุกคามชีวิต” หรือ “น่ารำคาญ”
    เปิดช่องให้ตีความและใช้เล่นงานนักข่าว

    นักข่าวถูกจับกุมโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน
    เช่นกรณี Daniel Ojukwu และทีม Informant247
    ถูกควบคุมตัวร่วมกับนักโทษทั่วไปในสภาพแย่

    กฎหมายคล้ายกันถูกใช้ในไนเจอร์ จอร์แดน ปากีสถาน และตุรกี
    เพิ่มโทษจำคุกสำหรับการเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบความสงบ”
    ใช้ข้อหา “ข่าวปลอม” เป็นเครื่องมือควบคุมสื่อ

    นักวิจัยเตือนว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่ช่วยลด misinformation
    แต่เพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหา
    ประเทศประชาธิปไตยที่ออกกฎหมายคล้ายกันยิ่งเปิดช่องให้เผด็จการเลียนแบบ

    https://www.cjr.org/analysis/nigeria-pakistan-jordan-cybercrime-laws-journalism.php
    🛑 เมื่อกฎหมายไซเบอร์กลายเป็นเครื่องมือปราบนักข่าว บทความจาก Columbia Journalism Review เปิดเผยว่า กฎหมายไซเบอร์ที่ออกแบบมาเพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ กำลังถูกใช้เพื่อกดขี่เสรีภาพสื่อในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแอฟริกาและตะวันออกกลาง เช่น ไนจีเรีย ปากีสถาน จอร์แดน และไนเจอร์ ตัวอย่างที่เด่นชัดคือกรณีของ Daniel Ojukwu นักข่าววัย 26 ปีจากไนจีเรีย ที่ถูกจับกุมโดยไม่มีการแจ้งข้อหาอย่างชัดเจน หลังจากเขาเขียนบทความเกี่ยวกับการทุจริตในสำนักงานประธานาธิบดี เขาถูกกล่าวหาว่าละเมิด Cybercrime Act ปี 2015 ซึ่งมีบทบัญญัติที่คลุมเครือ เช่น ห้ามเผยแพร่ข้อมูล “น่ารำคาญ” หรือ “หยาบคาย” ทางออนไลน์ แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายในปี 2024 แต่ข้อความใหม่ยังคงเปิดช่องให้ตีความได้กว้าง เช่น การเผยแพร่ข้อมูล “เท็จโดยเจตนา” ที่อาจ “ทำให้เกิดความวุ่นวาย” หรือ “คุกคามชีวิต” ซึ่งยังคงถูกใช้เล่นงานนักข่าวสายสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ประเทศอื่นก็มีแนวโน้มคล้ายกัน เช่น: 🎃 ไนเจอร์ กลับมาใช้โทษจำคุกสำหรับการหมิ่นประมาทและเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบศักดิ์ศรีมนุษย์” 🎃 จอร์แดน ดำเนินคดีนักข่าวอย่างน้อย 15 คนภายใต้กฎหมายไซเบอร์ฉบับขยายปี 2023 🎃 ปากีสถานและตุรกี ใช้กฎหมาย “ต่อต้านข่าวปลอม” เพื่อควบคุมเนื้อหาสื่อ นักวิจัยจาก Citizen Lab เตือนว่า กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้ช่วยลดข่าวปลอมจริง ๆ แต่กลับเพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์ และเมื่อประเทศประชาธิปไตยก็เริ่มออกกฎหมายคล้ายกัน ก็ยิ่งเปิดช่องให้รัฐบาลเผด็จการใช้เป็นข้ออ้างในการเซ็นเซอร์ ✅ กฎหมายไซเบอร์ถูกใช้เพื่อปราบปรามนักข่าวในหลายประเทศ ➡️ โดยเฉพาะผู้ที่เปิดโปงการทุจริตหรือวิพากษ์รัฐบาล ✅ Cybercrime Act ของไนจีเรียมีบทบัญญัติคลุมเครือ ➡️ เช่น “ข้อมูลเท็จที่คุกคามชีวิต” หรือ “น่ารำคาญ” ➡️ เปิดช่องให้ตีความและใช้เล่นงานนักข่าว ✅ นักข่าวถูกจับกุมโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน ➡️ เช่นกรณี Daniel Ojukwu และทีม Informant247 ➡️ ถูกควบคุมตัวร่วมกับนักโทษทั่วไปในสภาพแย่ ✅ กฎหมายคล้ายกันถูกใช้ในไนเจอร์ จอร์แดน ปากีสถาน และตุรกี ➡️ เพิ่มโทษจำคุกสำหรับการเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบความสงบ” ➡️ ใช้ข้อหา “ข่าวปลอม” เป็นเครื่องมือควบคุมสื่อ ✅ นักวิจัยเตือนว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่ช่วยลด misinformation ➡️ แต่เพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหา ➡️ ประเทศประชาธิปไตยที่ออกกฎหมายคล้ายกันยิ่งเปิดช่องให้เผด็จการเลียนแบบ https://www.cjr.org/analysis/nigeria-pakistan-jordan-cybercrime-laws-journalism.php
    WWW.CJR.ORG
    How anti-cybercrime laws are being weaponized to repress journalism.
    Across the world, well-meaning laws intended to reduce online fraud and other scourges of the internet are being put to a very different use.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21 เคล็ดลับจัดปาร์ตี้ให้ปัง! จากประสบการณ์ตรงของเจ้าภาพมือโปร

    นี่คือ 21 ข้อคิดจากบทความ “21 Facts About Throwing Good Parties” ที่ช่วยให้คุณจัดปาร์ตี้ได้สนุกและน่าจดจำมากขึ้น

    ให้ความสำคัญกับความสบายใจของเจ้าภาพก่อนสิ่งอื่นใด ถ้าเจ้าภาพเครียด แขกก็จะเครียดตาม
    ตั้งเวลาเริ่มงานให้เร็วกว่าเวลาจริงเล็กน้อย เช่น บอกว่าเริ่ม 1:45 เพื่อให้คนมาถึงตอน 2:00
    เชิญเพื่อนสนิทมาก่อนเวลา 30–60 นาที เพื่อช่วยจัดงานและสร้างบรรยากาศก่อนแขกหลักมา
    คนส่วนใหญ่จะไปงานที่รู้ว่ามีเพื่อนอย่างน้อย 3 คนอยู่แล้ว
    ใช้แอปที่แสดงรายชื่อแขก เช่น Partiful หรือ Luma เริ่มเชิญเพื่อนสนิทก่อน แล้วค่อยขยายวง
    ส่งคำเชิญในกลุ่มแชทหรืออีเมล cc ที่มีคนรู้จักกัน
    ถ้าเชิญรายบุคคล ให้พูดถึงเพื่อนร่วมงานที่ได้รับเชิญด้วย
    ในกลุ่มเล็ก ความเข้ากันของแขกสำคัญมาก เหมือนการปรุงอาหาร ต้องเลือกส่วนผสมที่เข้ากัน
    งานใหญ่เปรียบเหมือนซุปรวมทุกอย่าง แค่หลีกเลี่ยง “ส่วนผสม” ที่ทำให้เสียรสก็พอ
    อย่ารู้สึกผิดที่ไม่เชิญบางคน การคัดเลือกแขกเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อรักษาบรรยากาศ
    งานที่สมดุลทางเพศจะดีกว่า พยายามรักษาสัดส่วน 60–40 เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดรู้สึกอึดอัด
    จัดงานร่วมกับคนที่อยู่นอกวงสังคมของคุณ เพื่อให้กลุ่มเพื่อนต่าง ๆ ได้พบกัน
    คำนวณอัตราการยกเลิก (flake rate) เช่น ถ้า 1/3 ของคนที่ตอบรับจะไม่มา ให้เชิญเพิ่ม
    คู่รักมักจะยกเลิกพร้อมกัน ส่งผลต่อจำนวนแขกในงานเล็กอย่างมาก
    สร้างการเคลื่อนไหวในงานให้มากที่สุด เช่น ใช้โต๊ะสูง หรือจัดพื้นที่ให้คนยืนได้
    วางอาหารและเครื่องดื่มคนละจุด เพื่อให้คนเดินไปมาและพบกันมากขึ้น
    ถ้ามีแขกที่ไม่รู้จักใคร ให้แนะนำเขาเข้ากลุ่ม ใช้สิทธิ์เจ้าภาพในการเชื่อมคน
    วิธีออกจากวงสนทนา: ค่อย ๆ ถอยออกโดยไม่ดึงความสนใจ
    ตลอดงาน ให้เน้นแนะนำคนใหม่ ๆ มากกว่าคุยกับเพื่อนสนิท
    จำไว้ว่า: การจัดปาร์ตี้คือบริการสาธารณะ คุณกำลังสร้างพื้นที่ให้คนพบกันและอาจเปลี่ยนชีวิต
    ปัญหาใหญ่ของหลายงานคือเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าคุณรู้วิธีแก้ แจ้งเจ้าภาพด้วย!

    ถ้าคุณกำลังวางแผนจัดงานเล็ก ๆ หรือปาร์ตี้ใหญ่ ลองใช้ข้อคิดเหล่านี้เป็นแนวทาง แล้วคุณจะพบว่าการจัดงานไม่ใช่แค่เรื่องสนุก — แต่มันคือการสร้างความสุขให้กับคนรอบตัวด้วย

    https://www.atvbt.com/21-facts-about-throwing-good-parties/
    🎉 21 เคล็ดลับจัดปาร์ตี้ให้ปัง! จากประสบการณ์ตรงของเจ้าภาพมือโปร นี่คือ 21 ข้อคิดจากบทความ “21 Facts About Throwing Good Parties” ที่ช่วยให้คุณจัดปาร์ตี้ได้สนุกและน่าจดจำมากขึ้น 🎉 🎗️ ให้ความสำคัญกับความสบายใจของเจ้าภาพก่อนสิ่งอื่นใด ถ้าเจ้าภาพเครียด แขกก็จะเครียดตาม 🎗️ ตั้งเวลาเริ่มงานให้เร็วกว่าเวลาจริงเล็กน้อย เช่น บอกว่าเริ่ม 1:45 เพื่อให้คนมาถึงตอน 2:00 🎗️ เชิญเพื่อนสนิทมาก่อนเวลา 30–60 นาที เพื่อช่วยจัดงานและสร้างบรรยากาศก่อนแขกหลักมา 🎗️ คนส่วนใหญ่จะไปงานที่รู้ว่ามีเพื่อนอย่างน้อย 3 คนอยู่แล้ว 🎗️ ใช้แอปที่แสดงรายชื่อแขก เช่น Partiful หรือ Luma เริ่มเชิญเพื่อนสนิทก่อน แล้วค่อยขยายวง 🎗️ ส่งคำเชิญในกลุ่มแชทหรืออีเมล cc ที่มีคนรู้จักกัน 🎗️ ถ้าเชิญรายบุคคล ให้พูดถึงเพื่อนร่วมงานที่ได้รับเชิญด้วย 🎗️ ในกลุ่มเล็ก ความเข้ากันของแขกสำคัญมาก เหมือนการปรุงอาหาร ต้องเลือกส่วนผสมที่เข้ากัน 🎗️ งานใหญ่เปรียบเหมือนซุปรวมทุกอย่าง แค่หลีกเลี่ยง “ส่วนผสม” ที่ทำให้เสียรสก็พอ 🎗️ อย่ารู้สึกผิดที่ไม่เชิญบางคน การคัดเลือกแขกเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อรักษาบรรยากาศ 🎗️ งานที่สมดุลทางเพศจะดีกว่า พยายามรักษาสัดส่วน 60–40 เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดรู้สึกอึดอัด 🎗️ จัดงานร่วมกับคนที่อยู่นอกวงสังคมของคุณ เพื่อให้กลุ่มเพื่อนต่าง ๆ ได้พบกัน 🎗️ คำนวณอัตราการยกเลิก (flake rate) เช่น ถ้า 1/3 ของคนที่ตอบรับจะไม่มา ให้เชิญเพิ่ม 🎗️ คู่รักมักจะยกเลิกพร้อมกัน ส่งผลต่อจำนวนแขกในงานเล็กอย่างมาก 🎗️ สร้างการเคลื่อนไหวในงานให้มากที่สุด เช่น ใช้โต๊ะสูง หรือจัดพื้นที่ให้คนยืนได้ 🎗️ วางอาหารและเครื่องดื่มคนละจุด เพื่อให้คนเดินไปมาและพบกันมากขึ้น 🎗️ ถ้ามีแขกที่ไม่รู้จักใคร ให้แนะนำเขาเข้ากลุ่ม ใช้สิทธิ์เจ้าภาพในการเชื่อมคน 🎗️ วิธีออกจากวงสนทนา: ค่อย ๆ ถอยออกโดยไม่ดึงความสนใจ 🎗️ ตลอดงาน ให้เน้นแนะนำคนใหม่ ๆ มากกว่าคุยกับเพื่อนสนิท 🎗️ จำไว้ว่า: การจัดปาร์ตี้คือบริการสาธารณะ คุณกำลังสร้างพื้นที่ให้คนพบกันและอาจเปลี่ยนชีวิต 🎗️ ปัญหาใหญ่ของหลายงานคือเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าคุณรู้วิธีแก้ แจ้งเจ้าภาพด้วย! ถ้าคุณกำลังวางแผนจัดงานเล็ก ๆ หรือปาร์ตี้ใหญ่ ลองใช้ข้อคิดเหล่านี้เป็นแนวทาง แล้วคุณจะพบว่าการจัดงานไม่ใช่แค่เรื่องสนุก — แต่มันคือการสร้างความสุขให้กับคนรอบตัวด้วย 💫 https://www.atvbt.com/21-facts-about-throwing-good-parties/
    WWW.ATVBT.COM
    21 Facts About Throwing Good Parties
    Parties are a public service; here's how to throw them.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ CVE-2025-58726: เมื่อ Windows ยอมให้เครื่อง “หลอกตัวเอง” จนถูกยึดสิทธิ์ระดับสูง

    นักวิจัยด้านความปลอดภัย Andrea Pierini จาก Semperis ได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน Windows ที่ถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-58726 ซึ่งสามารถถูกใช้เพื่อยกระดับสิทธิ์จากผู้ใช้ทั่วไปให้กลายเป็น SYSTEM ได้ — โดยไม่ต้องรู้รหัสผ่านใด ๆ

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ Windows ยอมให้การสะท้อนการพิสูจน์ตัวตน (Authentication Reflection) ผ่านโปรโตคอล Kerberos ทำงานได้ แม้จะมีการแก้ไขช่องโหว่ก่อนหน้าอย่าง CVE-2025-33073 ไปแล้วก็ตาม

    จุดอ่อนหลักอยู่ที่ “Ghost SPNs” — คือ Service Principal Names ที่อ้างถึงโฮสต์เนมที่ไม่มีอยู่จริงใน DNS แต่ยังคงอยู่ใน Active Directory จากการลบระบบไม่หมดหรือการตั้งค่าผิดพลาด เมื่อผู้โจมตีสามารถลงทะเบียน DNS record ให้ชี้ไปยัง IP ที่ควบคุมได้ ก็สามารถหลอกให้เครื่องเป้าหมาย “พิสูจน์ตัวตนกับตัวเอง” ผ่าน SMB ได้ และกลายเป็นการยกระดับสิทธิ์แบบเต็มรูปแบบ

    การโจมตีนี้สามารถทำได้แม้เป็นผู้ใช้ระดับต่ำในโดเมน และไม่ต้องใช้ข้อมูลรับรองใด ๆ — เพียงแค่มีสิทธิ์ลงทะเบียน DNS ซึ่งเป็นสิ่งที่ Active Directory อนุญาตโดยค่าเริ่มต้น

    Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไขในเดือนตุลาคม 2025 โดยการปรับปรุงในไดรเวอร์ SRV2.SYS ซึ่งเป็นส่วนที่จัดการ SMB ฝั่งเซิร์ฟเวอร์

    ช่องโหว่ CVE-2025-58726 เปิดทางให้ผู้ใช้ระดับต่ำยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM
    ใช้เทคนิค Kerberos Authentication Reflection ผ่าน SMB
    ไม่ต้องใช้รหัสผ่านหรือข้อมูลรับรองใด ๆ

    ใช้ Ghost SPNs เป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตี
    SPNs ที่อ้างถึงโฮสต์เนมที่ไม่มีอยู่จริงใน DNS
    ผู้โจมตีลงทะเบียน DNS record ให้ชี้ไปยัง IP ที่ควบคุมได้

    การพิสูจน์ตัวตนสะท้อนกลับทำให้เครื่อง “หลอกตัวเอง”
    เครื่องเป้าหมายขอ TGS ticket สำหรับ Ghost SPN
    เมื่อรับกลับมา ก็พิสูจน์ตัวตนกับตัวเองในฐานะ SYSTEM

    Microsoft ออกแพตช์ในเดือนตุลาคม 2025
    ปรับปรุงใน SRV2.SYS เพื่อปิดช่องโหว่
    ช่องโหว่นี้มีผลกับทุกเวอร์ชันของ Windows หากไม่เปิดใช้ SMB Signing

    https://securityonline.info/researcher-details-windows-smb-server-elevation-of-privilege-vulnerability-cve-2025-58726/
    🧨 ช่องโหว่ CVE-2025-58726: เมื่อ Windows ยอมให้เครื่อง “หลอกตัวเอง” จนถูกยึดสิทธิ์ระดับสูง นักวิจัยด้านความปลอดภัย Andrea Pierini จาก Semperis ได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน Windows ที่ถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-58726 ซึ่งสามารถถูกใช้เพื่อยกระดับสิทธิ์จากผู้ใช้ทั่วไปให้กลายเป็น SYSTEM ได้ — โดยไม่ต้องรู้รหัสผ่านใด ๆ ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ Windows ยอมให้การสะท้อนการพิสูจน์ตัวตน (Authentication Reflection) ผ่านโปรโตคอล Kerberos ทำงานได้ แม้จะมีการแก้ไขช่องโหว่ก่อนหน้าอย่าง CVE-2025-33073 ไปแล้วก็ตาม จุดอ่อนหลักอยู่ที่ “Ghost SPNs” — คือ Service Principal Names ที่อ้างถึงโฮสต์เนมที่ไม่มีอยู่จริงใน DNS แต่ยังคงอยู่ใน Active Directory จากการลบระบบไม่หมดหรือการตั้งค่าผิดพลาด เมื่อผู้โจมตีสามารถลงทะเบียน DNS record ให้ชี้ไปยัง IP ที่ควบคุมได้ ก็สามารถหลอกให้เครื่องเป้าหมาย “พิสูจน์ตัวตนกับตัวเอง” ผ่าน SMB ได้ และกลายเป็นการยกระดับสิทธิ์แบบเต็มรูปแบบ การโจมตีนี้สามารถทำได้แม้เป็นผู้ใช้ระดับต่ำในโดเมน และไม่ต้องใช้ข้อมูลรับรองใด ๆ — เพียงแค่มีสิทธิ์ลงทะเบียน DNS ซึ่งเป็นสิ่งที่ Active Directory อนุญาตโดยค่าเริ่มต้น Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไขในเดือนตุลาคม 2025 โดยการปรับปรุงในไดรเวอร์ SRV2.SYS ซึ่งเป็นส่วนที่จัดการ SMB ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-58726 เปิดทางให้ผู้ใช้ระดับต่ำยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ➡️ ใช้เทคนิค Kerberos Authentication Reflection ผ่าน SMB ➡️ ไม่ต้องใช้รหัสผ่านหรือข้อมูลรับรองใด ๆ ✅ ใช้ Ghost SPNs เป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตี ➡️ SPNs ที่อ้างถึงโฮสต์เนมที่ไม่มีอยู่จริงใน DNS ➡️ ผู้โจมตีลงทะเบียน DNS record ให้ชี้ไปยัง IP ที่ควบคุมได้ ✅ การพิสูจน์ตัวตนสะท้อนกลับทำให้เครื่อง “หลอกตัวเอง” ➡️ เครื่องเป้าหมายขอ TGS ticket สำหรับ Ghost SPN ➡️ เมื่อรับกลับมา ก็พิสูจน์ตัวตนกับตัวเองในฐานะ SYSTEM ✅ Microsoft ออกแพตช์ในเดือนตุลาคม 2025 ➡️ ปรับปรุงใน SRV2.SYS เพื่อปิดช่องโหว่ ➡️ ช่องโหว่นี้มีผลกับทุกเวอร์ชันของ Windows หากไม่เปิดใช้ SMB Signing https://securityonline.info/researcher-details-windows-smb-server-elevation-of-privilege-vulnerability-cve-2025-58726/
    SECURITYONLINE.INFO
    Researcher Details Windows SMB Server Elevation of Privilege Vulnerability - CVE-2025-58726
    A flaw (CVE-2025-58726) allows SYSTEM privilege escalation via Kerberos authentication reflection using "Ghost SPNs" and disabled SMB signing. Patch immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Trustpilot Reviews
    https://smmbostsell.com/product/buy-trustpilot-reviews/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buytrustpilotreviews #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Trustpilot Reviews https://smmbostsell.com/product/buy-trustpilot-reviews/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buytrustpilotreviews #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Trustpilot Reviews
    Buy Trust with Real Trustpilot Reviews from Smmbostsell — Reputation matters, and with Smmbostsell, your brand can shine where it counts most. We deliver 100% authentic, verified Trustpilot reviews from real, active profiles that help enhance your brand image and attract loyal customers. Trustpilot is more than just a review platform — it’s a powerful trust signal that improves your rating, builds credibility, and gives your business the competitive edge to grow. From startups to global brands, Smmbostsell is your trusted source for long-term online credibility. Get noticed. Get trusted. Grow with Smmbostsell.Com. Our Service Features- ❖100% Safe and Guaranteed. ❖Full Completed Profiles. ❖100% Recovery Guaranty (Lifetime). ❖Realistic Photo Attached Accounts. ❖Mostly USA, European Profile’s Bio and Photo. ❖No bots, programs/software used. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว

  • Buy Google Play Store Reviews
    https://smmbostsell.com/product/buy-google-play-store-reviews/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buygoogleplaystorereviews #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Google Play Store Reviews https://smmbostsell.com/product/buy-google-play-store-reviews/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buygoogleplaystorereviews #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Google Play Store Reviews
    Buying Google Play Store Reviews from Smmbostsell.com. Smmbostsell delivers 100% real, verified user reviews that boost your app’s visibility and build lasting credibility. As a trusted platform across the U.S. and beyond, we’ve helped thousands of app creators gain traction through authentic, high-quality feedback that both users and algorithms rely on. Our reviews do more than just look good — they help increase installs, boost user confidence, and give your app the edge it needs to stand out in today’s competitive marketplace. Choose Smmbostsell today and watch your app grow with real results, real users, and real credibility. Your success begins with social proof that speaks for itself. Our Service Features- ❖Instant Work Start & Quick deliver. ❖Mostly USA, UK, CA, AUS Profile’s Bio, and Photo. ❖Full Completed Profiles. ❖100% Satisfaction Guarantee. ❖100% safe and stable accounts. ❖100% Recovery Guarantee. ❖Manual and Non-drop. ❖24/7 Customer Support. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Google 5 Star Reviews
    https://smmbostsell.com/product/buy-google-5-star-reviews/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buygoogle5starreviews #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Google 5 Star Reviews https://smmbostsell.com/product/buy-google-5-star-reviews/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buygoogle5starreviews #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Google 5 Star Reviews
    Buy Google 5 Star Reviews Smmbostsell.com. We can give you the best Google 5 Star Reviews. USA, UK, CA, AS any country reviews provider 5-star positive reviews. 100% non-drop real safe Permanent Reviews.100% trusted.Strengthen your brand reputation, gain customer confidence, and grow faster-all with powerful reviews from Smmbostsell.com. Our Service Features- ❖High-Quality Service ❖100% Safe & Secure Service ❖High-Quality Reviews Service ❖100% Recovery Guarantee ❖Full Complete Profiles ❖100% Satisfaction Guaranteed 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Facebook Reviews
    https://smmbostsell.com/product/buy-facebook-reviews/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buyfacebookreviews #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Facebook Reviews https://smmbostsell.com/product/buy-facebook-reviews/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buyfacebookreviews #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Facebook Reviews
    Buy Facebook Reviews from Smmbostsell – Real Feedback, Real Impact Want to make your Facebook page look trustworthy and professional? Smmbostsell.com delivers 100% genuine 5‑star reviews from active users to boost your reputation. These real reviews help increase your visibility, attract more engagement, and influence new customers to choose your business. Build strong social proof and grow faster — get started today with verified reviews that make a difference. Our Service Features- ❖Manual & Non-drop Reviews. ❖Express Delivery. ❖High quality. ❖24/7 Customer Support. ❖100% Safe & Secure Service. ❖USA, UK, CA, AU Facebook Reviews. ❖Money Back Guarantee. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Facebook Ads Account
    https://smmbostsell.com/product/buy-facebook-ads-account/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buyfacebookadsaccount #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Facebook Ads Account https://smmbostsell.com/product/buy-facebook-ads-account/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buyfacebookadsaccount #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Facebook Ads Account
    Trusted Buy Facebook Ads Accounts from Smmbostsell – Verified & Ready Smmbostsell delivers high-quality Facebook Ads accounts created with authentic details, official ID verification, and full security setup. These ad-ready accounts are perfect for marketers, businesses, and agencies looking for reliable access to Facebook’s advertising platform without setup delays. No fake info, no risk — just verified accounts you can start using right away. Buy now from Smmbostsell.com and launch your ads without limits. Our Service Features- ❖100% full Documents Verified. ❖100% Satisfaction & Recovery Guaranteed. ❖100% Verified Facebook Business Manager. ❖Create Unlimited Facebook Ads. ❖Fully Secure and Ready for Ads. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Facebook Accounts
    https://smmbostsell.com/product/buy-facebook-accounts/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buyfacebookaccounts #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Facebook Accounts https://smmbostsell.com/product/buy-facebook-accounts/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buyfacebookaccounts #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Facebook Accounts
    Buy Verified USA Facebook Accounts for Instant Use – Only at Smmbostsell Com.Smmbostsell brings you premium USA-based Facebook accounts, fully verified with real details, photo ID, and secure credentials. Whether you're launching ad campaigns, managing multiple pages, or scaling your online presence, these accounts are built for trust and performance. No fake info, no shortcuts — just authentic profiles ready to go. Buy now from Smmbostsell and access the power of real Facebook accounts without delay. Our Service Features- ❖100% full Documents Verified. ❖Quick & fast delivery. ❖High-Quality Service. ❖100% Customer Satisfaction Guaranteed. ❖Manually created with Fully Completed Profiles. ❖100% Recovery Guarantee. ❖Personal and Business Accounts. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy LinkedIn Accounts
    https://smmbostsell.com/product/buy-linkedin-accounts/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buylinkedInaccounts #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy LinkedIn Accounts https://smmbostsell.com/product/buy-linkedin-accounts/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buylinkedInaccounts #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy LinkedIn Accounts
    Buy Verified LinkedIn Profile from Smmbostsell – LinkedIn is the world’s top platform for professionals to highlight achievements, connect with industry leaders, and grow their influence. Whether you're aiming to land new roles, build a business network, or promote your services, having a verified LinkedIn account gives you a competitive edge. At Smmbostsell, we provide fully verified, active LinkedIn accounts — ideal for personal branding, hiring, and expanding your professional presence. Secure yours today and step into the spotlight with confidence. Our Service Features- ❖100% full Documents Verified. ❖100% Customer Satisfaction Guaranteed. ❖Active LinkedIn Accounts. ❖Personal and Business Accounts. ❖100% Real person ID Verified. ❖Very cheap price. ❖100% safe and stable accounts. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Google Voice Accounts
    https://smmbostsell.com/product/buy-google-voice-accounts/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buygooglevoiceaccounts #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Google Voice Accounts https://smmbostsell.com/product/buy-google-voice-accounts/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buygooglevoiceaccounts #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Google Voice Accounts
    Buy Verified Google Voice Number from Smmbostsell.Com – Stay connected from anywhere with a single number that works across all your devices. Google Voice lets you call, text, and manage voicemails effortlessly — whether you’re running a business or just keeping things organized. Enjoy features like smart call forwarding, voicemail-to-text, and clean, flexible settings. Smmbostsell provides premium, verified Google Voice accounts that are secure, active, and ready to go. Get yours now and take control of your conversations. Our Service Features- ❖100% Complete Profile (Name, Profile Picture, & Bio) ❖Accounts Over 2-12 Years Old. ❖Account Access ❖Business & Personal Accounts ❖P2P Available ❖Bank statement copy displayed ❖Only We Offer Very Low Price. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว

  • Buy Old Gmail Accounts
    https://smmbostsell.com/product/buy-old-gmail-accounts/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buyoldgmailaccounts #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Old Gmail Accounts https://smmbostsell.com/product/buy-old-gmail-accounts/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buyoldgmailaccounts #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Old Gmail Accounts
    Buy Old verified Gmail accounts from Smmbostsell.com — built for performance, trust, and long-term use. Each account is backed by real user history, recovery info, and clean credentials, optimized for audiences in the USA, UK, and Canada. Whether you’re scaling outreach, automating signups, or running secure digital ops — our Gmail accounts deliver stability without compromise. Trusted by marketers, agencies, and professionals worldwide — only at Smmbostsell. Our Service Features- ❖Instant Work Start. ❖Quick & fast delivery. ❖High-Quality Service. ❖100% Customer Satisfaction Guaranteed. ❖Accounts Over 2-12 Years Old. ❖USA, UK, CA etc… Country Available. ❖100% Recovery Guarantee. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว


  • Buy Verified Instagram Account
    https://smmbostsell.com/product/buy-verified-instagram-account/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buyverifiedinstagramaccount #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Verified Instagram Account https://smmbostsell.com/product/buy-verified-instagram-account/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buyverifiedinstagramaccount #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Verified Instagram Account
    Buy verified Instagram account From Smmbostsell.com. We offer aged, fully verified, and active Instagram accounts complete with real bios, profile pictures, and authentic followers. No bots, no fakes — just clean, safe access built for real growth. Whether you're launching a brand, boosting a campaign, or growing your personal presence, Smmbostsell gives you the tools to level up instantly. Skip the hassle and grow with confidence from day one. Our Service Features- ❖Fresh Email Verified account ❖100% Customer Satisfaction Guaranteed. ❖100% Non-Drop Instagram Accounts ❖Active Instagram Accounts ❖SSN verified accounts ❖Very cheap price. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Verified Stripe Accounts
    https://smmbostsell.com/product/buy-verified-stripe-accounts/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buyverifiedstripeaccounts #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Verified Stripe Accounts https://smmbostsell.com/product/buy-verified-stripe-accounts/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buyverifiedstripeaccounts #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Verified Stripe Accounts
    Secure a fully Buy verified Stripe account from Smmbostsell.com, built with real credentials including SSN, photo ID, verified phone and email — all documents checked and approved. These accounts are ideal for receiving payments, launching services, or managing global transactions without any verification delays. Everything is set up and ready for use, giving you peace of mind and smooth operation. When it comes to trusted, long-term Stripe accounts — Smmbostsell delivers exactly what your business needs. Our Service Features- ❖Email Access. ❖Account Access. ❖Passport and Selfie Verified. ❖Phone Number Verified. ❖Address Verified. ❖Card Verified. ❖Accounts are 100% verified. ❖SSN number/ Photo ID, S Card. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Verified Blockchain Account
    https://smmbostsell.com/product/buy-verified-blockchain-account/
    24 Hours Reply/Contact

    ✓➤Telegram: smmbostsell

    ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828

    ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com

    #buyverifiedblockchainaccount #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    Buy Verified Blockchain Account https://smmbostsell.com/product/buy-verified-blockchain-account/ 24 Hours Reply/Contact ✓➤Telegram: smmbostsell ✓➤WhatsApp: +1(909)202-1828 ✓➤Email: smmbostsell@gmail.com #buyverifiedblockchainaccount #seo #socialmedia #digitalmarketer #seoservice #usaaccount #topseller
    SMMBOSTSELL.COM
    Buy Verified Blockchain Account
    Buy a fully verified Blockchain account from Smmbostsell.com, where every profile comes complete with confirmed email, phone number, ID verification, and selfie. Our accounts are ready for instant use—giving you unrestricted access to store, send, and receive crypto with total security. No waiting, no verification blocks — just a smooth crypto experience backed by real credentials. Trusted by users worldwide, Smmbostsell.com is your reliable source for safe, KYC-approved Blockchain wallets. Our Service Features- ❖100% full Documents Verified. ❖Personal and Business Accounts. ❖100% Non-Drop Verified Blockchain Accounts. ❖100% Customer Satisfaction Guaranteed. ❖Active Verified Blockchain Accounts. 24 Hours Reply/Contact Telegram: smmbostsell WhatsApp: +1(909)202-1828 Email: smmbostsell@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts