• ผลสอบการเสียชีวิต"อดีตผกก.โจ้"ออกแล้ว! 19/04/68 #ผู้กำกับโจ้ #โจ้ถุงดำ #เรือนจำกลางคลองเปรม #ผลตรวจ DNA
    ผลสอบการเสียชีวิต"อดีตผกก.โจ้"ออกแล้ว! 19/04/68 #ผู้กำกับโจ้ #โจ้ถุงดำ #เรือนจำกลางคลองเปรม #ผลตรวจ DNA
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 441 Views 18 0 Reviews
  • ทรัมป์เพิ่งโพสต์รูปมือของ Kilmar Armando Abrego Garcia ชาวเอลซัลวาดอร์ ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศ โดยระบุว่าเขาเป็นสมาชิกของแก๊งอาชญกรรุนแรง MS-13 ที่มีชื่อเสียงเรื่องการสังหารหมู่ การทรมานที่โหดร้าย ซึ่งไม่ควรปล่อยให้บุคคลอันตรายนี้อยู่ในสหรัฐต่อไป

    แต่ชาวเน็ตส่วนหนึ่งโต้แย้งว่ารูปรอยสักที่นิ้วมือดูแปลกๆ ไม่เหมือนรอยสัก และยังมีการหาภาพอื่นมายืนยันว่าไม่มีการสักตัวอักษร MS-13

    นอกจากนี้ จากหลักฐานเอกสารของตำรวจท้องถิ่นที่เคยจับกุม Kilmar Abrego Garcia เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2019 ก็ไม่ได้ระบุว่า Abrego Garcia มีรอยสักใดๆที่เกี่ยวข้องกับแก้ง MS-13


    เมื่อช่วงต้นเเดือนเมษายน ศาลฎีกาสหรัฐมีมติเอกฉันท์ด้วยมติเสียงเห็นชอบ 9-0 กำหนดให้รัฐบาลทรัมป์ต้อง "อำนวยความสะดวก" (facilitate) ในการนำตัว Kilmar Armando Abrego Garcia ชายชาวแมริแลนด์ กลับมายังสหรัฐฯ หลังจากเนรเทศเขากลับไปยังเอลซัลวาดอร์อย่างผิดกฎหมาย และต้องจัดการคดีของเขาเหมือนกับว่าเขาไม่เคยถูกส่งไปที่นั่น

    สำหรับ Kilmar Armando Abrego Garcia เป็นชาวเอลซัลวาดอร์ อาศัยอยู่ในรัฐแมรี่แลนด์ โดยมี “สถานะผู้อพยพพิเศษ” ได้ถูกจับกุมโดยไม่มีหมายจับและถูกเนรเทศอย่างผิดกฎหมายไปยังเรือนจำในประเทศเอลซัลวาดอร์เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมด้วยผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายอีกราว 100 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรที่ก่อเหตุรุนแรงและอาจเกี่ยวข้องเป็นสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรของเวเนซุเอลาที่ปฏิบัติการอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือไปจนถึงทวีปอเมริกาใต้
    ทรัมป์เพิ่งโพสต์รูปมือของ Kilmar Armando Abrego Garcia ชาวเอลซัลวาดอร์ ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศ โดยระบุว่าเขาเป็นสมาชิกของแก๊งอาชญกรรุนแรง MS-13 ที่มีชื่อเสียงเรื่องการสังหารหมู่ การทรมานที่โหดร้าย ซึ่งไม่ควรปล่อยให้บุคคลอันตรายนี้อยู่ในสหรัฐต่อไป แต่ชาวเน็ตส่วนหนึ่งโต้แย้งว่ารูปรอยสักที่นิ้วมือดูแปลกๆ ไม่เหมือนรอยสัก และยังมีการหาภาพอื่นมายืนยันว่าไม่มีการสักตัวอักษร MS-13 นอกจากนี้ จากหลักฐานเอกสารของตำรวจท้องถิ่นที่เคยจับกุม Kilmar Abrego Garcia เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2019 ก็ไม่ได้ระบุว่า Abrego Garcia มีรอยสักใดๆที่เกี่ยวข้องกับแก้ง MS-13 เมื่อช่วงต้นเเดือนเมษายน ศาลฎีกาสหรัฐมีมติเอกฉันท์ด้วยมติเสียงเห็นชอบ 9-0 กำหนดให้รัฐบาลทรัมป์ต้อง "อำนวยความสะดวก" (facilitate) ในการนำตัว Kilmar Armando Abrego Garcia ชายชาวแมริแลนด์ กลับมายังสหรัฐฯ หลังจากเนรเทศเขากลับไปยังเอลซัลวาดอร์อย่างผิดกฎหมาย และต้องจัดการคดีของเขาเหมือนกับว่าเขาไม่เคยถูกส่งไปที่นั่น สำหรับ Kilmar Armando Abrego Garcia เป็นชาวเอลซัลวาดอร์ อาศัยอยู่ในรัฐแมรี่แลนด์ โดยมี “สถานะผู้อพยพพิเศษ” ได้ถูกจับกุมโดยไม่มีหมายจับและถูกเนรเทศอย่างผิดกฎหมายไปยังเรือนจำในประเทศเอลซัลวาดอร์เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมด้วยผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายอีกราว 100 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรที่ก่อเหตุรุนแรงและอาจเกี่ยวข้องเป็นสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรของเวเนซุเอลาที่ปฏิบัติการอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือไปจนถึงทวีปอเมริกาใต้
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • 82 ปี ยิงเป้าประหาร! "ตุง แซ่หว่อง" คดีขวานจามคาบ้านสุดอุกอาจ ตำนานแรงอาฆาตฆ่าญาติกลางเมืองเลย 🔥

    📌 คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญกลางเมืองเลย “ตุง แซ่หว่อง” ช่างไม้ผู้กลายเป็นนักโทษประหาร จากแรงอาฆาตเรื่องการงาน สู่การฆ่าญาติข้างห้องอย่างอุกอาจ อ่านเรื่องจริง ที่ลงเอยด้วยการยิงเป้าอย่างเย็นชา 🕵️‍♂️

    📚 คดีที่โลกไม่ลืม 82 ปีผ่านไป ยังสะเทือนใจ 💔 ถ้าพูดถึงคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยม และกลายเป็นข่าวใหญ่ ในประวัติศาสตร์ไทย หนึ่งในนั้นคือคดีของ “ตุง แซ่หว่อง” ช่างไม้หนุ่มเชื้อสายจีน ที่ก่อเหตุฆ่าญาติเชื้อสายจีน อย่างโหดเหี้ยมกลางเมืองเลย 🪓

    คดีนี้ไม่ใช่เพียงแค่การฆ่าคน แต่คือเรื่องของความอาฆาต ริษยา การวางแผนอย่างแยบยล การฝังศพในบ้าน และการเบี่ยงเบนความผิดด้วยคำโกหก… จนต้องจบชีวิตลงด้วยโทษประหาร ด้วยการยิงเป้า 😨

    👤 จากช่างไม้สู่ฆาตกร 🧰 “ตุง แซ่หว่อง” เป็นชายหนุ่มเชื้อสายจีนอายุเพียง 25 ปี ณ เวลาที่ก่อเหตุ อาศัยอยู่กับญาติ “ยิด แซ่อึ๊ง” ซึ่งก็เป็นช่างไม้เช่นกัน ทั้งสองมาเช่าบ้านอยู่ที่หน้าเรือนจำจังหวัดเลย ชีวิตประจำวันของทั้งคู่ดูเรียบง่าย ทำงาน หาเงิน แล้วกลับบ้าน

    แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ความเรียบง่ายนั้นคือ ความอิจฉาริษยา และความเครียดจากการเป็น “คู่แข่งกันเอง” ทางอาชีพ ยิ่งเมื่อยิดมีงานเยอะกว่า มีคนจ้างมากกว่า ก็ยิ่งทำให้ตุง สะสมความไม่พอใจไว้ในใจ 😤

    📩 จดหมายปลอม จุดเริ่มต้นของความตาย 🧨 ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2483 เมื่อยิดได้รับจดหมาย 2 ฉบับจากญาติในกรุงเทพฯ ชวนให้ไปทำงาน แต่เนื้อหาจดหมาย กลับมีความผิดปกติหลายจุด จนเจ้าตัวเริ่มสงสัยว่า เป็นของปลอม ❗

    ภายหลังเมื่อตรวจสอบ ตุงยอมรับว่าเป็นคนเขียนขึ้นเอง “เพื่อแกล้งเล่น” แต่ในความจริงแล้ว เจตนาอาจลึกซึ้งกว่านั้น เพื่อ “ลวง” ให้ยิดออกจากพื้นที่ หรือสร้างเหตุให้ทะเลาะ แล้วใช้เป็นข้ออ้างสังหาร ❓

    การทะเลาะรุนแรงจึงเกิดขึ้น จนมีเสียงดังไปถึงป้อมตำรวจหน้าคุก และเป็นเหตุการณ์นำไปสู่เรื่องสยอง ที่ไม่มีใครคาดคิด…

    🕵️‍♂️ จากการหายตัว…สู่การพบศพในสวนหลังบ้าน 🪦 วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2483 นายยิดหายตัวไป ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย ตุงอ้างว่า “ไปบ้านก้างปลา” แต่พยานหลายปากเห็นว่า เขาอยู่คนเดียว เด็กหญิงกุ๊ก ลูกสาวยิด ปีนเข้าไปนอนรอพ่อ แต่พ่อก็ไม่กลับมา...

    15 ตุลาคม ตำรวจพบกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งจากหลังบ้าน ขุดดินดูจึงพบว่า... ศพของยิดถูกฝังไว้ในหลุมตื้น ๆ มีรอยของมีคมฟันท้ายทอย 2 แผล 🪓 พบขวานเปื้อนเลือดในกล่องเครื่องมือตุง และผ้าขาวม้าตุงเปื้อนเลือด ไม้พื้นห้องนอนยิด มีรอยกบไสใหม่ ทุกอย่างบ่งบอกถึง การพยายามกลบเกลื่อนหลักฐาน อย่างมีแบบแผน

    🔬 หลักฐาน พยานเด็ด มัดตัวแน่น! 🧾 🔪 ขวานที่พบในบ้าน มีเลือดของยิด 🩸 ไม้พื้นและผนัง มีรอยเลือดกระเซ็น 🔑 ลูกกุญแจห้องยิดอยู่กับตุง แต่อ้างว่า ยืมจากเด็กหญิงกุ๊ก ซึ่งเด็กหญิงปฏิเสธว่าไม่เคยให้

    🕯️ พยานตำรวจ ได้ยินเสียงร้อง “โอ้ย ๆ” กลางดึก 🚲 รถจักรยานและรองเท้ายยิด ถูกซ่อนไว้ห่างบ้านประมาณ 800 เมตร

    หลักฐานทั้งหมดนี้ ทำให้ตำรวจเชื่อมั่นว่า ตุงคือฆาตกรแน่นอน 💯

    ⚖️ เส้นทางสู่ศาล คำพิพากษาประหารชีวิต 🧑‍⚖️ ศาลชั้นต้น พิจารณาหลักฐาน พยานแวดล้อม และพบว่า การฆ่ามีแรงจูงใจชัดเจน คือ “ความอาฆาตส่วนตัว” และความพยายาม “ซ่อนเร้นศพ”

    ✒️ คำพิพากษา “จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ด้วยความพยาบาทมาดหมาย ให้ประหารชีวิตโดยไม่ลดหย่อนโทษ”

    แม้ตุงจะยื่นอุทธรณ์และฎีกา แต่ศาลทุกชั้นยืนตามคำพิพากษาเดิม ไม่มีการลดโทษใด ๆ ทั้งสิ้น ❌

    🔫 วันสุดท้ายของ “ตุง แซ่หว่อง” กับการประหารโดยยิงเป้า ⛓️ เช้าวันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2486 เวลา 04.30 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง นายตุงถูกเบิกตัวออกจากแดนควบคุม เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ห้องประหาร 😔

    ✅ รับฟังคำสั่งปฏิเสธฎีกา

    ✍️ เขียนพินัยกรรม

    🍱 ทานอาหารมื้อสุดท้าย

    🛐 ฟังธรรมเทศนา

    เวลา 6.07 น. ธงแดงสะบัดลง… เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ❗ ชีวิตของ “ตุง แซ่หว่อง” จบสิ้น ณ จุดนั้น

    🧠 ฆาตกรรมที่ไม่ใช่แค่ “อารมณ์ชั่ววูบ” 😢 เรื่องราวของตุง คือเครื่องเตือนใจ ถึงอันตรายของอารมณ์ริษยา ความอาฆาต และความไม่ยอมรับความจริง ความขัดแย้งที่เริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อยอย่าง “จำนวนงานที่ได้รับ” กลับจบลงด้วย การฆ่าญาติ และสูญเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย

    หากเราปล่อยให้ความอิจฉาเข้าครอบงำ อาจกลายเป็นไฟที่เผาผลาญทุกสิ่ง 🧨🔥

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161444 เม.ย. 2568

    📲 #ตุงแซ่หว่อง #คดีฆ่าญาติ #ยิงเป้าประหาร #คดีสะเทือนขวัญ #ฆาตกรรมไทย #ประหารชีวิต #เรื่องจริงจากคุก #ขวานฆ่าคน #คดีอาฆาต #ย้อนคดีดัง
    82 ปี ยิงเป้าประหาร! "ตุง แซ่หว่อง" คดีขวานจามคาบ้านสุดอุกอาจ ตำนานแรงอาฆาตฆ่าญาติกลางเมืองเลย 🔥 📌 คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญกลางเมืองเลย “ตุง แซ่หว่อง” ช่างไม้ผู้กลายเป็นนักโทษประหาร จากแรงอาฆาตเรื่องการงาน สู่การฆ่าญาติข้างห้องอย่างอุกอาจ อ่านเรื่องจริง ที่ลงเอยด้วยการยิงเป้าอย่างเย็นชา 🕵️‍♂️ 📚 คดีที่โลกไม่ลืม 82 ปีผ่านไป ยังสะเทือนใจ 💔 ถ้าพูดถึงคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยม และกลายเป็นข่าวใหญ่ ในประวัติศาสตร์ไทย หนึ่งในนั้นคือคดีของ “ตุง แซ่หว่อง” ช่างไม้หนุ่มเชื้อสายจีน ที่ก่อเหตุฆ่าญาติเชื้อสายจีน อย่างโหดเหี้ยมกลางเมืองเลย 🪓 คดีนี้ไม่ใช่เพียงแค่การฆ่าคน แต่คือเรื่องของความอาฆาต ริษยา การวางแผนอย่างแยบยล การฝังศพในบ้าน และการเบี่ยงเบนความผิดด้วยคำโกหก… จนต้องจบชีวิตลงด้วยโทษประหาร ด้วยการยิงเป้า 😨 👤 จากช่างไม้สู่ฆาตกร 🧰 “ตุง แซ่หว่อง” เป็นชายหนุ่มเชื้อสายจีนอายุเพียง 25 ปี ณ เวลาที่ก่อเหตุ อาศัยอยู่กับญาติ “ยิด แซ่อึ๊ง” ซึ่งก็เป็นช่างไม้เช่นกัน ทั้งสองมาเช่าบ้านอยู่ที่หน้าเรือนจำจังหวัดเลย ชีวิตประจำวันของทั้งคู่ดูเรียบง่าย ทำงาน หาเงิน แล้วกลับบ้าน แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ความเรียบง่ายนั้นคือ ความอิจฉาริษยา และความเครียดจากการเป็น “คู่แข่งกันเอง” ทางอาชีพ ยิ่งเมื่อยิดมีงานเยอะกว่า มีคนจ้างมากกว่า ก็ยิ่งทำให้ตุง สะสมความไม่พอใจไว้ในใจ 😤 📩 จดหมายปลอม จุดเริ่มต้นของความตาย 🧨 ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2483 เมื่อยิดได้รับจดหมาย 2 ฉบับจากญาติในกรุงเทพฯ ชวนให้ไปทำงาน แต่เนื้อหาจดหมาย กลับมีความผิดปกติหลายจุด จนเจ้าตัวเริ่มสงสัยว่า เป็นของปลอม ❗ ภายหลังเมื่อตรวจสอบ ตุงยอมรับว่าเป็นคนเขียนขึ้นเอง “เพื่อแกล้งเล่น” แต่ในความจริงแล้ว เจตนาอาจลึกซึ้งกว่านั้น เพื่อ “ลวง” ให้ยิดออกจากพื้นที่ หรือสร้างเหตุให้ทะเลาะ แล้วใช้เป็นข้ออ้างสังหาร ❓ การทะเลาะรุนแรงจึงเกิดขึ้น จนมีเสียงดังไปถึงป้อมตำรวจหน้าคุก และเป็นเหตุการณ์นำไปสู่เรื่องสยอง ที่ไม่มีใครคาดคิด… 🕵️‍♂️ จากการหายตัว…สู่การพบศพในสวนหลังบ้าน 🪦 วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2483 นายยิดหายตัวไป ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย ตุงอ้างว่า “ไปบ้านก้างปลา” แต่พยานหลายปากเห็นว่า เขาอยู่คนเดียว เด็กหญิงกุ๊ก ลูกสาวยิด ปีนเข้าไปนอนรอพ่อ แต่พ่อก็ไม่กลับมา... 15 ตุลาคม ตำรวจพบกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งจากหลังบ้าน ขุดดินดูจึงพบว่า... ศพของยิดถูกฝังไว้ในหลุมตื้น ๆ มีรอยของมีคมฟันท้ายทอย 2 แผล 🪓 พบขวานเปื้อนเลือดในกล่องเครื่องมือตุง และผ้าขาวม้าตุงเปื้อนเลือด ไม้พื้นห้องนอนยิด มีรอยกบไสใหม่ ทุกอย่างบ่งบอกถึง การพยายามกลบเกลื่อนหลักฐาน อย่างมีแบบแผน 🔬 หลักฐาน พยานเด็ด มัดตัวแน่น! 🧾 🔪 ขวานที่พบในบ้าน มีเลือดของยิด 🩸 ไม้พื้นและผนัง มีรอยเลือดกระเซ็น 🔑 ลูกกุญแจห้องยิดอยู่กับตุง แต่อ้างว่า ยืมจากเด็กหญิงกุ๊ก ซึ่งเด็กหญิงปฏิเสธว่าไม่เคยให้ 🕯️ พยานตำรวจ ได้ยินเสียงร้อง “โอ้ย ๆ” กลางดึก 🚲 รถจักรยานและรองเท้ายยิด ถูกซ่อนไว้ห่างบ้านประมาณ 800 เมตร หลักฐานทั้งหมดนี้ ทำให้ตำรวจเชื่อมั่นว่า ตุงคือฆาตกรแน่นอน 💯 ⚖️ เส้นทางสู่ศาล คำพิพากษาประหารชีวิต 🧑‍⚖️ ศาลชั้นต้น พิจารณาหลักฐาน พยานแวดล้อม และพบว่า การฆ่ามีแรงจูงใจชัดเจน คือ “ความอาฆาตส่วนตัว” และความพยายาม “ซ่อนเร้นศพ” ✒️ คำพิพากษา “จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ด้วยความพยาบาทมาดหมาย ให้ประหารชีวิตโดยไม่ลดหย่อนโทษ” แม้ตุงจะยื่นอุทธรณ์และฎีกา แต่ศาลทุกชั้นยืนตามคำพิพากษาเดิม ไม่มีการลดโทษใด ๆ ทั้งสิ้น ❌ 🔫 วันสุดท้ายของ “ตุง แซ่หว่อง” กับการประหารโดยยิงเป้า ⛓️ เช้าวันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2486 เวลา 04.30 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง นายตุงถูกเบิกตัวออกจากแดนควบคุม เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ห้องประหาร 😔 ✅ รับฟังคำสั่งปฏิเสธฎีกา ✍️ เขียนพินัยกรรม 🍱 ทานอาหารมื้อสุดท้าย 🛐 ฟังธรรมเทศนา เวลา 6.07 น. ธงแดงสะบัดลง… เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ❗ ชีวิตของ “ตุง แซ่หว่อง” จบสิ้น ณ จุดนั้น 🧠 ฆาตกรรมที่ไม่ใช่แค่ “อารมณ์ชั่ววูบ” 😢 เรื่องราวของตุง คือเครื่องเตือนใจ ถึงอันตรายของอารมณ์ริษยา ความอาฆาต และความไม่ยอมรับความจริง ความขัดแย้งที่เริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อยอย่าง “จำนวนงานที่ได้รับ” กลับจบลงด้วย การฆ่าญาติ และสูญเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย หากเราปล่อยให้ความอิจฉาเข้าครอบงำ อาจกลายเป็นไฟที่เผาผลาญทุกสิ่ง 🧨🔥 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161444 เม.ย. 2568 📲 #ตุงแซ่หว่อง #คดีฆ่าญาติ #ยิงเป้าประหาร #คดีสะเทือนขวัญ #ฆาตกรรมไทย #ประหารชีวิต #เรื่องจริงจากคุก #ขวานฆ่าคน #คดีอาฆาต #ย้อนคดีดัง
    0 Comments 0 Shares 368 Views 0 Reviews
  • 24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต

    “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด

    ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢

    ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง

    ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป

    นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️

    ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด

    ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น

    ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง

    เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103

    เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น

    ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔

    หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น

    นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต

    หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543

    นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้

    ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม

    ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง

    วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น

    ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง

    นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔

    ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม

    ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์

    ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร

    ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป

    คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต

    แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย

    นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว

    หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา

    เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้

    ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด

    นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม

    การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด

    ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?”

    สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น

    เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ

    ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม

    “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก

    การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย

    อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น

    หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ

    ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต

    เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม

    แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา

    การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔

    สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม

    ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง

    เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด

    นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง

    เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน

    ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า

    เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ

    สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568

    #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢 ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️ ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔 หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543 นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้ ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔 ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์ ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์ คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้ ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?” สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔 สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์ จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568 #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    0 Comments 0 Shares 592 Views 0 Reviews
  • "มีใครแสดงความกังวล หรือเฝ้าจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือยัง"

    ศาลฎีกาสหรัฐมีมติเอกฉันท์ด้วยมติเสียงเห็นชอบ 9-0 ยืนตามคำสั่งศาลที่กำหนดให้รัฐบาลทรัมป์ต้อง "อำนวยความสะดวก" (facilitate) ในการนำตัว Kilmar Armando Abrego Garcia ชายชาวแมริแลนด์ กลับมายังสหรัฐฯ หลังจากเนรเทศเขากลับไปยังเอลซัลวาดอร์อย่างผิดกฎหมาย และต้องจัดการคดีของเขาเหมือนกับว่าเขาไม่เคยถูกส่งไปที่นั่น


    สำหรับ Kilmar Armando Abrego Garcia เป็นชาวเอลซัลวาดอร์ อาศัยอยู่ในรัฐแมรี่แลนด์ โดยมี “สถานะผู้อพยพพิเศษ” ได้ถูกจับกุมโดยไม่มีหมายจับและถูกเนรเทศอย่างผิดกฎหมายไปยังเรือนจำในประเทศเอลซัลวาดอร์เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมด้วยผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายอีกราว 100 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรที่ก่อเหตุรุนแรงและอาจเกี่ยวข้องเป็นสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรของเวเนซุเอลาที่ปฏิบัติการอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือไปจนถึงทวีปอเมริกาใต้


    ลิ้งค์ไฟล์เอกสาร
    https://www.documentcloud.org/documents/25894465-24a949-order/
    "มีใครแสดงความกังวล หรือเฝ้าจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือยัง" ศาลฎีกาสหรัฐมีมติเอกฉันท์ด้วยมติเสียงเห็นชอบ 9-0 ยืนตามคำสั่งศาลที่กำหนดให้รัฐบาลทรัมป์ต้อง "อำนวยความสะดวก" (facilitate) ในการนำตัว Kilmar Armando Abrego Garcia ชายชาวแมริแลนด์ กลับมายังสหรัฐฯ หลังจากเนรเทศเขากลับไปยังเอลซัลวาดอร์อย่างผิดกฎหมาย และต้องจัดการคดีของเขาเหมือนกับว่าเขาไม่เคยถูกส่งไปที่นั่น สำหรับ Kilmar Armando Abrego Garcia เป็นชาวเอลซัลวาดอร์ อาศัยอยู่ในรัฐแมรี่แลนด์ โดยมี “สถานะผู้อพยพพิเศษ” ได้ถูกจับกุมโดยไม่มีหมายจับและถูกเนรเทศอย่างผิดกฎหมายไปยังเรือนจำในประเทศเอลซัลวาดอร์เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมด้วยผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายอีกราว 100 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรที่ก่อเหตุรุนแรงและอาจเกี่ยวข้องเป็นสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรของเวเนซุเอลาที่ปฏิบัติการอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือไปจนถึงทวีปอเมริกาใต้ ลิ้งค์ไฟล์เอกสาร https://www.documentcloud.org/documents/25894465-24a949-order/
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยเรือนจำพิเศษธนบุรี รับตัว "ไฮโซเก๊" ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ ใส่อุปกรณ์ประคองกระดูกสันหลังจากเหตุตกตึก เฝ้าระวังทำร้ายตัวเอง

    วันนี้ (10 เม.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยการรับตัว นายธัญเทพ ศิริทรัพย์เดชากุล หรือ "นายฮอต" อ้างตัวเป็นไฮโซสร้างโปรไฟล์หรูดูดี หลอกลวงหญิงสาวหลายราย ซึ่งตำรวจ สน.โคกคราม คุมตัว "นายฮอต" ออกจากโรงพยาบาลไปส่งศาลอาญาตลิ่งชัน เนื่องจากมีหมายจับคดีฉ้อโกงปี 64 และมาฝากขังเรือนจำพิเศษธนบุรี ว่า วานนี้ (9 เม.ย.) เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษธนบุรีได้รับตัว นายธัญเทพ ก็มีขั้นตอนปฏิบัติตามระเบียบ ทั้ง ตรวจสุขภาพร่างกายและจิตใจ พิมพ์ลายนิ้วมือ และสอบถามเรื่องโรคประจำตัวแต่ได้ปฏิเสธ

    นางกนกวรรณ กล่าวว่า ก่อนถูกส่งเข้าเรือนจำฯ นายธัญเทพ มีประวัติกระโดดจากตึก 3 ชั้น ตามที่ปรากฎตามข่าวและได้รับการรักษามาก่อนเข้าเรือนจำ จึงตรวจพบแผลถลอกเล็กน้อย ได้ใส่อุปกรณ์ประคองกระดูกสันหลัง ซึ่งเรือนจำฯ อนุญาตให้นำยามารับประทานตามใบรับรองแพทย์ และตอนนี้เจ้าตัวยังลุกเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา เนื่องจากแจ้งว่ามีอาการปวดหลังและขาอ่อนแรง โดยเรือนจำฯ จึงนำตัวไปแยกกักโรคโควิด-19 ไว้ที่อาคารสถานพยาบาล ชั้น 1 เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย และในวันนี้จะส่งพบแพทย์ซึ่งเข้าตรวจในเรือนจำทุกวัน เพื่อพิจารณาแนวทางดูแลรักษาต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000034259

    #MGROnline #ไฮโซเก๊
    รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยเรือนจำพิเศษธนบุรี รับตัว "ไฮโซเก๊" ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ ใส่อุปกรณ์ประคองกระดูกสันหลังจากเหตุตกตึก เฝ้าระวังทำร้ายตัวเอง • วันนี้ (10 เม.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยการรับตัว นายธัญเทพ ศิริทรัพย์เดชากุล หรือ "นายฮอต" อ้างตัวเป็นไฮโซสร้างโปรไฟล์หรูดูดี หลอกลวงหญิงสาวหลายราย ซึ่งตำรวจ สน.โคกคราม คุมตัว "นายฮอต" ออกจากโรงพยาบาลไปส่งศาลอาญาตลิ่งชัน เนื่องจากมีหมายจับคดีฉ้อโกงปี 64 และมาฝากขังเรือนจำพิเศษธนบุรี ว่า วานนี้ (9 เม.ย.) เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษธนบุรีได้รับตัว นายธัญเทพ ก็มีขั้นตอนปฏิบัติตามระเบียบ ทั้ง ตรวจสุขภาพร่างกายและจิตใจ พิมพ์ลายนิ้วมือ และสอบถามเรื่องโรคประจำตัวแต่ได้ปฏิเสธ • นางกนกวรรณ กล่าวว่า ก่อนถูกส่งเข้าเรือนจำฯ นายธัญเทพ มีประวัติกระโดดจากตึก 3 ชั้น ตามที่ปรากฎตามข่าวและได้รับการรักษามาก่อนเข้าเรือนจำ จึงตรวจพบแผลถลอกเล็กน้อย ได้ใส่อุปกรณ์ประคองกระดูกสันหลัง ซึ่งเรือนจำฯ อนุญาตให้นำยามารับประทานตามใบรับรองแพทย์ และตอนนี้เจ้าตัวยังลุกเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา เนื่องจากแจ้งว่ามีอาการปวดหลังและขาอ่อนแรง โดยเรือนจำฯ จึงนำตัวไปแยกกักโรคโควิด-19 ไว้ที่อาคารสถานพยาบาล ชั้น 1 เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย และในวันนี้จะส่งพบแพทย์ซึ่งเข้าตรวจในเรือนจำทุกวัน เพื่อพิจารณาแนวทางดูแลรักษาต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000034259 • #MGROnline #ไฮโซเก๊
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 Reviews
  • ภาพอีกหนึ่งมุมของทหารรับจ้างชาวอังกฤษ เจมส์ แอนเดอร์สัน (James Anderson) ขณะถูกจับกุมตัวได้โดยหน่วยรบรัสเซียจากกองพลนาวิกโยธินที่ 810 ในแนวป่าทิศทางภูมิภาคเคิร์สก์ (Kursk) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ช่วงปลายปี 2024

    เขาถูกตัดสินจำคุกในเรือนจำพิเศษของรัสเซียเป็นเวลา 19 ปี ด้วยข้อหาเป็นทหารรับจ้างที่ก่อการร้ายต่อดินแดนรัสเซีย
    ภาพอีกหนึ่งมุมของทหารรับจ้างชาวอังกฤษ เจมส์ แอนเดอร์สัน (James Anderson) ขณะถูกจับกุมตัวได้โดยหน่วยรบรัสเซียจากกองพลนาวิกโยธินที่ 810 ในแนวป่าทิศทางภูมิภาคเคิร์สก์ (Kursk) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ช่วงปลายปี 2024 เขาถูกตัดสินจำคุกในเรือนจำพิเศษของรัสเซียเป็นเวลา 19 ปี ด้วยข้อหาเป็นทหารรับจ้างที่ก่อการร้ายต่อดินแดนรัสเซีย
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • อีนิวส์ จตุพร รู้ว่าครุกแน่นอน 2 ปี ไม่ขอขึ้นศาลฎีกา หลบหนีไปแล้ว หลบการชดใช้กรรมในเรือนจำได้ แต่หลบหนีกฎแห่งกรรมไม่ได้ ชีวิตต้องไปตุยต่างแดน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #นิวส์จตุพร
    อีนิวส์ จตุพร รู้ว่าครุกแน่นอน 2 ปี ไม่ขอขึ้นศาลฎีกา หลบหนีไปแล้ว หลบการชดใช้กรรมในเรือนจำได้ แต่หลบหนีกฎแห่งกรรมไม่ได้ ชีวิตต้องไปตุยต่างแดน #คิงส์โพธิ์แดง #นิวส์จตุพร
    0 Comments 0 Shares 342 Views 0 Reviews
  • เมีย “แป้ง นาโหนด” ฟ้องแฟนสาวของสามี ฐานยักยอกทรัพย์ เผยรู้จักเสี่ยจำเลยคดีดังตอนหลบหนีอยู่อินโดนีเซีย หลังถูกจับส่งตัวมาไทยได้มอบทองหนัก 4 บาทพร้อมนาฬิกาให้เพื่อนำไปขายเอาเงินมาดูแลคดีและส่งให้ใช้ในเรือนจำ แต่ฝ่ายหญิงรู้ทีหลังว่ามีเมียแล้ว รู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้และเลิกติดต่อกันในที่สุด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027464
    เมีย “แป้ง นาโหนด” ฟ้องแฟนสาวของสามี ฐานยักยอกทรัพย์ เผยรู้จักเสี่ยจำเลยคดีดังตอนหลบหนีอยู่อินโดนีเซีย หลังถูกจับส่งตัวมาไทยได้มอบทองหนัก 4 บาทพร้อมนาฬิกาให้เพื่อนำไปขายเอาเงินมาดูแลคดีและส่งให้ใช้ในเรือนจำ แต่ฝ่ายหญิงรู้ทีหลังว่ามีเมียแล้ว รู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้และเลิกติดต่อกันในที่สุด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027464
    Like
    Haha
    Wow
    Angry
    10
    0 Comments 0 Shares 882 Views 0 Reviews
  • ภาพเหตุการณ์ช่วงปลายปี 2024 จากกล้องติดลำตัวของ เจมส์ แอนเดอร์สัน (James Anderson) ทหารรับจ้างชาวอังกฤษ ขณะถูกกองกำลังพิเศษของรัสเซียเข้าจับกุมตัว พร้อมกับทหารยูเครนรายอื่นในแนวป่าทิศทางภูมิภาคเคิร์สก์ (Kursk)

    เขาถูกตัดสินจำคุกในเรือนจำพิเศษของรัสเซียเป็นเวลา 19 ปี ด้วยข้อหาเป็นทหารรับจ้างที่ก่อการร้ายต่อดินแดนรัสเซีย
    ภาพเหตุการณ์ช่วงปลายปี 2024 จากกล้องติดลำตัวของ เจมส์ แอนเดอร์สัน (James Anderson) ทหารรับจ้างชาวอังกฤษ ขณะถูกกองกำลังพิเศษของรัสเซียเข้าจับกุมตัว พร้อมกับทหารยูเครนรายอื่นในแนวป่าทิศทางภูมิภาคเคิร์สก์ (Kursk) เขาถูกตัดสินจำคุกในเรือนจำพิเศษของรัสเซียเป็นเวลา 19 ปี ด้วยข้อหาเป็นทหารรับจ้างที่ก่อการร้ายต่อดินแดนรัสเซีย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews
  • “ทวี” ตั้ง คกก.สอบปมนักโทษเสียชีวิตในเรือนจำเขาบิน ฝากบอกผู้เสียหายและครอบครัวจะให้ความเป็นธรรมแน่นอน พร้อมทำแบบสำรวจข้อมูลจากผู้ต้องขังทุกเรือนจำ ฟังผู้คุมอย่างเดียวไม่ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024641
    “ทวี” ตั้ง คกก.สอบปมนักโทษเสียชีวิตในเรือนจำเขาบิน ฝากบอกผู้เสียหายและครอบครัวจะให้ความเป็นธรรมแน่นอน พร้อมทำแบบสำรวจข้อมูลจากผู้ต้องขังทุกเรือนจำ ฟังผู้คุมอย่างเดียวไม่ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024641
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 1362 Views 0 Reviews
  • ตำรวจ สน.ประชาชื่น พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำสิ่งของจริงในเหตุการณ์ พร้อมหุ่นขนาดเท่าตัวจริงของ "อดีต ผกก.โจ้" เข้าจำลองเหตุการณ์เสียชีวิตในเรือนจำคลองเปรม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024632
    ตำรวจ สน.ประชาชื่น พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำสิ่งของจริงในเหตุการณ์ พร้อมหุ่นขนาดเท่าตัวจริงของ "อดีต ผกก.โจ้" เข้าจำลองเหตุการณ์เสียชีวิตในเรือนจำคลองเปรม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024632
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1320 Views 0 Reviews
  • 56 ปี สิ้น “อิศรา อมันตกุล” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก
    ตำนานนักหนังสือพิมพ์ผู้กล้า ✊ สู่ต้นแบบนักสื่อสารมวลชนไทย

    รัฐจับขัง 5 ปี ไม่มีสั่งฟ้อง! แต่หัวใจนักข่าวไม่เคยสิ้นไฟ

    📌 ถ้าพูดถึงตำนานนักข่าวไทย ชื่อ “อิศรา อมันตกุล” คงเป็นหนึ่งในบุคคล ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เพราะคือผู้ที่ไม่เพียงแต่เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก แต่ยังเป็นนักข่าว นักเขียน และนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตัวจริงเสียงจริง วั

    💥 ย้อนไปในอดีตเมื่อ 56 ปี ที่ผ่านมา เพื่อรำลึกถึงชายผู้พลิกโฉม วงการสื่อสารมวลชนไทย อย่างแท้จริง "อาจไม่ใช่คนดังในโลกออนไลน์ แต่ในยุคที่ปากกาคืออาวุธ อิศราคือหนึ่งในนักรบผู้ยิ่งใหญ่"

    “อิศรา อมันตกุล” นักหนังสือพิมพ์ที่ชีวิตจริงยิ่งกว่านวนิยาย
    🗓 เกิดวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2464
    🏠 เชื้อสายมุสลิมอินเดีย จากครอบครัวมูฮัมหมัดซาเลย์ อะมัน และวัน อมรทัต
    🎓 จบชั้นประถมจากโรงเรียนบำรุงวิทยา จ.นครปฐม และชั้นมัธยมจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ปี 2479 คะแนนภาษาอังกฤษอันดับ 1 ของประเทศ

    ชีวิตอิศราไม่ใช่เส้นตรง เริ่มจากครูสอนหนังสือในนครศรีธรรมราช ก่อนที่โชคชะตาจะพากลับสู่เส้นทางของ “นักข่าว”

    นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก บทบาทที่สร้างมาตรฐานวิชาชีพสื่อไทย ในปี พ.ศ. 2499 อิศราได้รับเลือกให้เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก และดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง 3 สมัย (2499 - 2501)

    💡 ผลงานสำคัญ เปลี่ยนรูปแบบการจัดหน้าหนังสือพิมพ์จาก 7 คอลัมน์เป็น 8 คอลัมน์ วางรากฐานจรรยาบรรณนักข่าวไทย 🌱 ปกป้องสิทธิเสรีภาพสื่อ แม้ต้องแลกด้วยอิสรภาพของตัวเองก็ตาม "อิศราเชื่อว่า หนังสือพิมพ์คือบันทึกประวัติศาสตร์รายวัน"

    เสรีภาพกับราคาที่ต้องจ่าย เมื่อ “อิศรา” ต้องติดคุกเกือบ 6 ปี โดยไม่มีการฟ้องร้อง!
    📆 วันที่ 21 ตุลาคม 2501 หลังรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ อิศราในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ บางกอกเดลิเมล์ ถูกจับกุมข้อหาคอมมิวนิสต์
    🚫 ไม่มีการสอบสวน ไม่มีการส่งฟ้อง
    ⏳ ถูกขัง 5 ปี 10 เดือน

    แม้จะอยู่ในเรือนจำ แต่อิศรายังคงเขียนงานอย่างต่อเนื่อง ใช้นามปากกามากกว่า 10 ชื่อ เช่น
    ✨ นายอิสระ
    ✨ มะงุมมะงาหรา
    ✨ ธนุธร
    ✨ ดร.x XYZ

    🗨 "เอ็งติดตะรางเพราะทำงานหนังสือพิมพ์ มันยังโก้กว่าติดตะรางเพราะเป็นหัวไม้" เสียงแม่ที่ยังอยู่ในใจอิศราเสมอ

    ผลงานเด่นในวงการหนังสือพิมพ์ ครอบคลุมทุกแขนงข่าว จนกลายเป็นต้นแบบนักข่าว
    📰 หนังสือพิมพ์ที่อิศราเคยร่วมงาน สุภาพบุรุษ, สุวัณณภูมิ, บางกอกรายวัน, พิมพ์ไทยเบื้องหลังข่าว, เอกราช, เดลินิวส์

    📍 อิศราคือผู้ควบคุมการผลิตข่าว สารคดีเชิงข่าว เรื่องแรกของไทย คดีปล้นร้านทองเบ๊ลี่แซ นำไปสร้างเป็นละครเวที และภาพยนตร์ในเวลาต่อมา

    🎯 เทคนิคข่าวของอิศรา เน้นความถูกต้อง เที่ยงธรรม และตรวจสอบได้ "ข่าวไม่ใช่การสร้างสีสัน แต่คือการสะท้อนความจริงของสังคม"

    จุดยืนเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรี ไม่เคยยอมอำนาจรัฐ ไม่รับสินบน ไม่หวั่นคำขู่ อิศราเป็นนักข่าว ที่ไม่ยอมให้นายทุน หรืออำนาจรัฐแทรกแซงสื่อ
    💼 ตรวจสอบทุกแหล่งข่าว
    🛑 ไม่ประณามผู้ต้องหาโดยไม่มีหลักฐาน
    ✍ ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคล

    อิศราเคยกล่าวว่า "หนังสือพิมพ์อาจดูเหมือนกระดาษไร้ค่า แต่ในวันหน้า มันคือหลักฐานทางประวัติศาสตร์"

    นักเขียนนวนิยายที่ตีแผ่สังคมไทย ผลงานที่ฝังลึกในหัวใจคนไทย
    📚 นวนิยาย นักบุญ-คนบาป (2486)
    🎭 เรื่องสั้น-นวนิยายกว่า 100 เรื่อง
    🖋 ภาษาเขียนที่สวิงสวาย แตกต่างจากนักเขียนร่วมยุค

    "...ชีพจรของงานเต้นเร็วถี่ขึ้นเป็นลำดับ..."
    "...เสียงซ่าของคลื่นที่ยื่นปากจูบชายหาย..."

    จอมพลสฤษดิ์ กับการปิดปากนักข่าว คุกคือคำตอบของรัฐต่อ “ปากกา” ของอิศรา
    📅 ตุลาคม 2501 รัฐประหาร -> จับนักข่าว นักการเมือง นักวิชาการ 📌 รวมถึง กุหลาบ สายประดิษฐ์, สุวัฒน์ วรดิลก และอิศรา อมันตกุล ไม่มีการพิสูจน์ ไม่มีหลักฐาน แต่ถูกขังโดยไม่ไต่สวน

    "นักหนังสือพิมพ์ถูกจับเ พราะเขียนข่าวที่รัฐไม่พอใจ"

    แม้ไร้อิสรภาพ แต่หัวใจยังคงเสรี เขียนหนังสือแม้ในเรือนจำ ใช้หลายนามปากกาเขียนคอลัมน์ และเรื่องสั้น

    📜 แสดงความกล้าหาญในการพูดถึงสังคม
    📢 ปกป้องเสรีภาพผ่านตัวหนังสือ

    "การติดคุกเพราะทำหนังสือพิมพ์ ยังโก้กว่าเป็นหัวไม้!" แม่ของอิศรา

    วาระสุดท้ายที่ไม่สิ้นไฟ ปากกาวาง...แต่คำยังสะท้อนก้อง

    🕯 เสียชีวิต 14 มีนาคม 2512 ด้วยโรคมะเร็งลิ้น อายุ 47 ปี "ผมไม่เสียใจเลย ที่เกิดมาเป็นหนังสือพิมพ์"
    แม้เจ็บป่วยแ ต่ยังเขียนข้อความสั้นๆ ฝากถึงเพื่อนร่วมวิชาชีพ

    ✒ ปณิธานนักข่าวไม่เคยจางหาย สารจากอิศรา ถึงคนข่าวรุ่นใหม่ "ข้าพเจ้าเป็นคนสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมั่นหมายจะเขียน เฉพาะเรื่องราวของประชาชน เพื่อถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความดิ้นรน และความหวังจากประชาชนไปสู่ประชาชน เพราะประชาชนเท่านั้นที่เป็นผู้กำลังต่อสู้ และกำลังทำงานเพื่อสร้างเสรีภาพอันถูกต้อง และศตวรรษแห่งสามัญชน"

    สรุปบทเรียนจากชีวิต “อิศรา อมันตกุล”
    ✨ นักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์
    ✨ เสรีภาพไม่ใช่ของขวัญจากรัฐ แต่คือสิทธิที่ต้องรักษา
    ✨ จรรยาบรรณต้องมาก่อนผลประโยชน์
    ✨ ปากกาคืออาวุธ แต่ใจต้องเป็นธรรม

    🔖 คำคมจากอิศรา 🖋 "หนังสือพิมพ์คือเอกสารทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง และนักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์วันต่อวัน"

    “เพราะหนังสือพิมพ์ในวันนี้ คือประวัติศาสตร์ของวันหน้า”

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 141021 มี.ค. 2568

    🏷️ #อิศราอมันตกุล #นักข่าวต้นแบบ #เสรีภาพสื่อไทย #สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย #นักหนังสือพิมพ์ในตำนาน #ประวัติศาสตร์ข่าวไทย #ชีวิตอิศรา #นักข่าวสายตรง #นักเขียนเพื่อประชาชน #สื่อเสรีไทย
    56 ปี สิ้น “อิศรา อมันตกุล” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก ตำนานนักหนังสือพิมพ์ผู้กล้า ✊ สู่ต้นแบบนักสื่อสารมวลชนไทย รัฐจับขัง 5 ปี ไม่มีสั่งฟ้อง! แต่หัวใจนักข่าวไม่เคยสิ้นไฟ 📌 ถ้าพูดถึงตำนานนักข่าวไทย ชื่อ “อิศรา อมันตกุล” คงเป็นหนึ่งในบุคคล ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เพราะคือผู้ที่ไม่เพียงแต่เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก แต่ยังเป็นนักข่าว นักเขียน และนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตัวจริงเสียงจริง วั 💥 ย้อนไปในอดีตเมื่อ 56 ปี ที่ผ่านมา เพื่อรำลึกถึงชายผู้พลิกโฉม วงการสื่อสารมวลชนไทย อย่างแท้จริง "อาจไม่ใช่คนดังในโลกออนไลน์ แต่ในยุคที่ปากกาคืออาวุธ อิศราคือหนึ่งในนักรบผู้ยิ่งใหญ่" “อิศรา อมันตกุล” นักหนังสือพิมพ์ที่ชีวิตจริงยิ่งกว่านวนิยาย 🗓 เกิดวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2464 🏠 เชื้อสายมุสลิมอินเดีย จากครอบครัวมูฮัมหมัดซาเลย์ อะมัน และวัน อมรทัต 🎓 จบชั้นประถมจากโรงเรียนบำรุงวิทยา จ.นครปฐม และชั้นมัธยมจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ปี 2479 คะแนนภาษาอังกฤษอันดับ 1 ของประเทศ ชีวิตอิศราไม่ใช่เส้นตรง เริ่มจากครูสอนหนังสือในนครศรีธรรมราช ก่อนที่โชคชะตาจะพากลับสู่เส้นทางของ “นักข่าว” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก บทบาทที่สร้างมาตรฐานวิชาชีพสื่อไทย ในปี พ.ศ. 2499 อิศราได้รับเลือกให้เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก และดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง 3 สมัย (2499 - 2501) 💡 ผลงานสำคัญ เปลี่ยนรูปแบบการจัดหน้าหนังสือพิมพ์จาก 7 คอลัมน์เป็น 8 คอลัมน์ วางรากฐานจรรยาบรรณนักข่าวไทย 🌱 ปกป้องสิทธิเสรีภาพสื่อ แม้ต้องแลกด้วยอิสรภาพของตัวเองก็ตาม "อิศราเชื่อว่า หนังสือพิมพ์คือบันทึกประวัติศาสตร์รายวัน" เสรีภาพกับราคาที่ต้องจ่าย เมื่อ “อิศรา” ต้องติดคุกเกือบ 6 ปี โดยไม่มีการฟ้องร้อง! 📆 วันที่ 21 ตุลาคม 2501 หลังรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ อิศราในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ บางกอกเดลิเมล์ ถูกจับกุมข้อหาคอมมิวนิสต์ 🚫 ไม่มีการสอบสวน ไม่มีการส่งฟ้อง ⏳ ถูกขัง 5 ปี 10 เดือน แม้จะอยู่ในเรือนจำ แต่อิศรายังคงเขียนงานอย่างต่อเนื่อง ใช้นามปากกามากกว่า 10 ชื่อ เช่น ✨ นายอิสระ ✨ มะงุมมะงาหรา ✨ ธนุธร ✨ ดร.x XYZ 🗨 "เอ็งติดตะรางเพราะทำงานหนังสือพิมพ์ มันยังโก้กว่าติดตะรางเพราะเป็นหัวไม้" เสียงแม่ที่ยังอยู่ในใจอิศราเสมอ ผลงานเด่นในวงการหนังสือพิมพ์ ครอบคลุมทุกแขนงข่าว จนกลายเป็นต้นแบบนักข่าว 📰 หนังสือพิมพ์ที่อิศราเคยร่วมงาน สุภาพบุรุษ, สุวัณณภูมิ, บางกอกรายวัน, พิมพ์ไทยเบื้องหลังข่าว, เอกราช, เดลินิวส์ 📍 อิศราคือผู้ควบคุมการผลิตข่าว สารคดีเชิงข่าว เรื่องแรกของไทย คดีปล้นร้านทองเบ๊ลี่แซ นำไปสร้างเป็นละครเวที และภาพยนตร์ในเวลาต่อมา 🎯 เทคนิคข่าวของอิศรา เน้นความถูกต้อง เที่ยงธรรม และตรวจสอบได้ "ข่าวไม่ใช่การสร้างสีสัน แต่คือการสะท้อนความจริงของสังคม" จุดยืนเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรี ไม่เคยยอมอำนาจรัฐ ไม่รับสินบน ไม่หวั่นคำขู่ อิศราเป็นนักข่าว ที่ไม่ยอมให้นายทุน หรืออำนาจรัฐแทรกแซงสื่อ 💼 ตรวจสอบทุกแหล่งข่าว 🛑 ไม่ประณามผู้ต้องหาโดยไม่มีหลักฐาน ✍ ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคล อิศราเคยกล่าวว่า "หนังสือพิมพ์อาจดูเหมือนกระดาษไร้ค่า แต่ในวันหน้า มันคือหลักฐานทางประวัติศาสตร์" นักเขียนนวนิยายที่ตีแผ่สังคมไทย ผลงานที่ฝังลึกในหัวใจคนไทย 📚 นวนิยาย นักบุญ-คนบาป (2486) 🎭 เรื่องสั้น-นวนิยายกว่า 100 เรื่อง 🖋 ภาษาเขียนที่สวิงสวาย แตกต่างจากนักเขียนร่วมยุค "...ชีพจรของงานเต้นเร็วถี่ขึ้นเป็นลำดับ..." "...เสียงซ่าของคลื่นที่ยื่นปากจูบชายหาย..." จอมพลสฤษดิ์ กับการปิดปากนักข่าว คุกคือคำตอบของรัฐต่อ “ปากกา” ของอิศรา 📅 ตุลาคม 2501 รัฐประหาร -> จับนักข่าว นักการเมือง นักวิชาการ 📌 รวมถึง กุหลาบ สายประดิษฐ์, สุวัฒน์ วรดิลก และอิศรา อมันตกุล ไม่มีการพิสูจน์ ไม่มีหลักฐาน แต่ถูกขังโดยไม่ไต่สวน "นักหนังสือพิมพ์ถูกจับเ พราะเขียนข่าวที่รัฐไม่พอใจ" แม้ไร้อิสรภาพ แต่หัวใจยังคงเสรี เขียนหนังสือแม้ในเรือนจำ ใช้หลายนามปากกาเขียนคอลัมน์ และเรื่องสั้น 📜 แสดงความกล้าหาญในการพูดถึงสังคม 📢 ปกป้องเสรีภาพผ่านตัวหนังสือ "การติดคุกเพราะทำหนังสือพิมพ์ ยังโก้กว่าเป็นหัวไม้!" แม่ของอิศรา วาระสุดท้ายที่ไม่สิ้นไฟ ปากกาวาง...แต่คำยังสะท้อนก้อง 🕯 เสียชีวิต 14 มีนาคม 2512 ด้วยโรคมะเร็งลิ้น อายุ 47 ปี "ผมไม่เสียใจเลย ที่เกิดมาเป็นหนังสือพิมพ์" แม้เจ็บป่วยแ ต่ยังเขียนข้อความสั้นๆ ฝากถึงเพื่อนร่วมวิชาชีพ ✒ ปณิธานนักข่าวไม่เคยจางหาย สารจากอิศรา ถึงคนข่าวรุ่นใหม่ "ข้าพเจ้าเป็นคนสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมั่นหมายจะเขียน เฉพาะเรื่องราวของประชาชน เพื่อถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความดิ้นรน และความหวังจากประชาชนไปสู่ประชาชน เพราะประชาชนเท่านั้นที่เป็นผู้กำลังต่อสู้ และกำลังทำงานเพื่อสร้างเสรีภาพอันถูกต้อง และศตวรรษแห่งสามัญชน" สรุปบทเรียนจากชีวิต “อิศรา อมันตกุล” ✨ นักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์ ✨ เสรีภาพไม่ใช่ของขวัญจากรัฐ แต่คือสิทธิที่ต้องรักษา ✨ จรรยาบรรณต้องมาก่อนผลประโยชน์ ✨ ปากกาคืออาวุธ แต่ใจต้องเป็นธรรม 🔖 คำคมจากอิศรา 🖋 "หนังสือพิมพ์คือเอกสารทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง และนักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์วันต่อวัน" “เพราะหนังสือพิมพ์ในวันนี้ คือประวัติศาสตร์ของวันหน้า” ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 141021 มี.ค. 2568 🏷️ #อิศราอมันตกุล #นักข่าวต้นแบบ #เสรีภาพสื่อไทย #สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย #นักหนังสือพิมพ์ในตำนาน #ประวัติศาสตร์ข่าวไทย #ชีวิตอิศรา #นักข่าวสายตรง #นักเขียนเพื่อประชาชน #สื่อเสรีไทย
    0 Comments 0 Shares 1044 Views 0 Reviews
  • ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสอบสวนการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับ สภ.นครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ตำรวจยังตั้งแนวทางการสอบสวน 2 ประเด็น คือ 1.ฆ่าตัวตาย และ 2.ถูกทำให้ตาย โดยพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้สอบปากคำพยาบาลเรือนจำที่เข้าไปตรวจสอบร่าง ส่วนอดีตผู้คุมแดน 7 ที่มีข้อพิพาทกับ ผกก.โจ้ ไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่ต้องสอบปากคำเพราะเป็นคดีทำร้ายร่างกาย แต่ก็จะทำงานควบคู่กัน สำหรับภาพกล้องวงจรปิดในแดน 5 ที่ ผกก.โจ้ ถูกคุมขัง ตำรวจรับเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดแล้ว ซึ่งได้ส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบรายละเอียดว่าถูกตัดต่อหรือไม่ สำหรับประเด็นที่มีหยดเลือดในที่เกิดเหตุและผ้าขนหนู อยู่ระหว่างรอผลตรวจจากพิสูจน์หลักฐาน คาดใช้เวลาตรวจสอบ 30 วัน

    -3 เดือนรู้ผลคดีฮั้วเลือก สว.
    -แสลงใจล้มเหลวดับไฟใต้
    -ตรวจรุกป่าปลูกทุเรียน
    -เข็นเศรษฐกิจไทยโต 3.5%
    ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสอบสวนการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับ สภ.นครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ตำรวจยังตั้งแนวทางการสอบสวน 2 ประเด็น คือ 1.ฆ่าตัวตาย และ 2.ถูกทำให้ตาย โดยพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้สอบปากคำพยาบาลเรือนจำที่เข้าไปตรวจสอบร่าง ส่วนอดีตผู้คุมแดน 7 ที่มีข้อพิพาทกับ ผกก.โจ้ ไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่ต้องสอบปากคำเพราะเป็นคดีทำร้ายร่างกาย แต่ก็จะทำงานควบคู่กัน สำหรับภาพกล้องวงจรปิดในแดน 5 ที่ ผกก.โจ้ ถูกคุมขัง ตำรวจรับเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดแล้ว ซึ่งได้ส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบรายละเอียดว่าถูกตัดต่อหรือไม่ สำหรับประเด็นที่มีหยดเลือดในที่เกิดเหตุและผ้าขนหนู อยู่ระหว่างรอผลตรวจจากพิสูจน์หลักฐาน คาดใช้เวลาตรวจสอบ 30 วัน -3 เดือนรู้ผลคดีฮั้วเลือก สว. -แสลงใจล้มเหลวดับไฟใต้ -ตรวจรุกป่าปลูกทุเรียน -เข็นเศรษฐกิจไทยโต 3.5%
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 1298 Views 45 0 Reviews
  • ผบก.น.2 เผยคดีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” ต้องมีการเข้าไปจำลองเหตุภายในเรือนจำด้วย เพราะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่โกหก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023990

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบก.น.2 เผยคดีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” ต้องมีการเข้าไปจำลองเหตุภายในเรือนจำด้วย เพราะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่โกหก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023990 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 1133 Views 0 Reviews
  • ก.ยุติธรรม มีคำสั่งให้ "ชาญ วชิรเดช" รองอธิบดี ปฏิบัติหน้าที่ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม - "เผด็จ หริ่งรอด" กลับทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ให้สังคมเชื่อมั่นกรณีตรวจสอบคดี "ผกก.โจ้"

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023952
    ก.ยุติธรรม มีคำสั่งให้ "ชาญ วชิรเดช" รองอธิบดี ปฏิบัติหน้าที่ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม - "เผด็จ หริ่งรอด" กลับทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ให้สังคมเชื่อมั่นกรณีตรวจสอบคดี "ผกก.โจ้" อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023952
    Like
    Love
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 908 Views 0 Reviews
  • เปิดห้องขัง"ผู้กำกับโจ้" : [NEWS UPDATE]
    พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดห้องคุมขังหมายเลข 50 แดน 5 ซึ่งเป็นห้องคุมขัง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องขังเรือนจำกลางคลองเปรม โดยเป็นห้องแยกการควบคุม ไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว เพราะห้องขังเดี่ยวอยู่แดน 1 มี 10 ห้อง โดยช่วงกลางวันอดีตผู้กำกับโจ้สามารถออกไปร่วมกิจกรรมกับผู้ต้องขังอื่นได้ ตอนเย็นจึงขึ้นเรือนนอนไปอยู่คนเดียว บรรยากาศในห้องขังมีพัดลมระบายอากาศหนึ่งตัวติดไว้ด้านหลังสุดบนตะแกรงเหล็ก โดยยังมีของใช้อดีตผู้กำกับโจ้ เช่น ผ้าสีน้ำเงินสำหรับใช้ปูนอน รองเท้าแตะสีขาว ถังน้ำดื่ม อุปกรณ์อาบน้ำ ขัน สบู่ก้อน แชมพูขวด โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เป็นต้น อยู่ภายในห้อง


    ราชทัณฑ์ต้องเปิดข้อมูล

    พิรุธ 30 ล้านฟอกเงิน

    ไม่มีแรงจูงใจXแตงโม

    คุมขายเหล้า-บุหรี่เด็กไม่ได้
    เปิดห้องขัง"ผู้กำกับโจ้" : [NEWS UPDATE] พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดห้องคุมขังหมายเลข 50 แดน 5 ซึ่งเป็นห้องคุมขัง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องขังเรือนจำกลางคลองเปรม โดยเป็นห้องแยกการควบคุม ไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว เพราะห้องขังเดี่ยวอยู่แดน 1 มี 10 ห้อง โดยช่วงกลางวันอดีตผู้กำกับโจ้สามารถออกไปร่วมกิจกรรมกับผู้ต้องขังอื่นได้ ตอนเย็นจึงขึ้นเรือนนอนไปอยู่คนเดียว บรรยากาศในห้องขังมีพัดลมระบายอากาศหนึ่งตัวติดไว้ด้านหลังสุดบนตะแกรงเหล็ก โดยยังมีของใช้อดีตผู้กำกับโจ้ เช่น ผ้าสีน้ำเงินสำหรับใช้ปูนอน รองเท้าแตะสีขาว ถังน้ำดื่ม อุปกรณ์อาบน้ำ ขัน สบู่ก้อน แชมพูขวด โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เป็นต้น อยู่ภายในห้อง ราชทัณฑ์ต้องเปิดข้อมูล พิรุธ 30 ล้านฟอกเงิน ไม่มีแรงจูงใจXแตงโม คุมขายเหล้า-บุหรี่เด็กไม่ได้
    Like
    Haha
    2
    1 Comments 0 Shares 1184 Views 58 0 Reviews
  • เปิดโฉมหน้า ปู แบล็คเฮด กับบทบาท ตั๊บ ตาไฟ หัวหน้า #แก๊งตาไฟ โจรวิปริตที่หนีออกจากเรือนจำ และหายตัวไปในป่า ฮาลาบาลา
    .
    เตรียมตัวออกเดินทางสู่ป่าที่จะพาให้จิตคุณหลุดแบบไม่รู้ตัว!
    .
    หนีให้ทัน ก่อนมันจะกลืนกิน
    ‘ฮาลาบาลา ป่าจิตหลุด’ ในโรงภาพยนตร์ 3 เมษายนนี้
    .
    #HALABALA
    #ฮาลาบาลา
    #ป่าจิตหลุด
    #BrandThinkCinema
    #แก๊งตาไฟ
    #ตั๊บตาไฟ
    #ตาไฟ
    เปิดโฉมหน้า ปู แบล็คเฮด กับบทบาท ตั๊บ ตาไฟ หัวหน้า #แก๊งตาไฟ โจรวิปริตที่หนีออกจากเรือนจำ และหายตัวไปในป่า ฮาลาบาลา . เตรียมตัวออกเดินทางสู่ป่าที่จะพาให้จิตคุณหลุดแบบไม่รู้ตัว! . หนีให้ทัน ก่อนมันจะกลืนกิน ‘ฮาลาบาลา ป่าจิตหลุด’ ในโรงภาพยนตร์ 3 เมษายนนี้ . #HALABALA #ฮาลาบาลา #ป่าจิตหลุด #BrandThinkCinema #แก๊งตาไฟ #ตั๊บตาไฟ #ตาไฟ
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • น้องสาว "อดีต ผกก.โจ้" ยื่นหนังสือถึงมือ รมว.ยธ.เรียกร้องให้ย้ายรองหัวหน้าแดน 7 เรือนจำกลางคลองเปรมระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะเคยถูกร้องเรียนว่ากลั่นแกล้งใช้ความรุนแรงกับพี่ชาย พร้อมย้าย ผบ.เรือนจำ เหตุเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023165

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    น้องสาว "อดีต ผกก.โจ้" ยื่นหนังสือถึงมือ รมว.ยธ.เรียกร้องให้ย้ายรองหัวหน้าแดน 7 เรือนจำกลางคลองเปรมระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะเคยถูกร้องเรียนว่ากลั่นแกล้งใช้ความรุนแรงกับพี่ชาย พร้อมย้าย ผบ.เรือนจำ เหตุเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023165 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    9
    0 Comments 0 Shares 881 Views 0 Reviews
  • รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์เผย อธิบดีแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง "ผกก.โจ้" เสียชีวิตในเรือนจำฯ แล้ว กรอบเวลา 30 วัน สอบทั้งประเด็นทะเลาะวิวาทผู้คุม-ผู้ต้องขังรายอื่น เผยพฤติกรรมกระด้างกระเดื่องอาจเป็นเพราะเคยชินตั้งแต่รับราชการตำรวจ แจงเหตุ สน.ประชาชื่อเข้าสอบสวนไม่ได้ช่วงรอยต่อโยกย้าย

    วันนี้ (10 มี.ค.) ณ เรือนจำกลางระยอง พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยคำสั่งย้าย นายสิทธิพร พ้นจากหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 เรือนจำกลางคลอมเปรม กรณีการเสียชีวิตของ ข.ช.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "อดีต ผกก.โจ้" ว่า เบื้องต้น นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มีคำสั่งย้ายจริงโดยให้ไปปฎิบัติหน้าที่ ฝ่ายธุรการเพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นไปอย่างโปร่งใส

    พ.ต.ท.เชน กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยมีบุคคลภายนอก จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันนิติเวช และ กรมการปกครอง เข้าร่วมประมาณ 7-8 คน ซึ่งแนวทางการสอบสวนจะพิจารณาในทุกประเด็น ทั้งเรื่องของเหตุทะเลาะวิวาท ระหว่าง "อดีต ผกก.โจ้" กับผู้ต้องขังและผู้คุม รวมถึงสาเหตุการเสียชีวิต เบื้องต้นจะมีกรอบระยะเวลาในการทำงานประมาณ 30 วัน โดยหากครบ 30 วันแรกก็จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาขยายเวลาเพิ่มหากการตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023067

    #MGROnline #กรมราชทัณฑ์
    รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์เผย อธิบดีแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง "ผกก.โจ้" เสียชีวิตในเรือนจำฯ แล้ว กรอบเวลา 30 วัน สอบทั้งประเด็นทะเลาะวิวาทผู้คุม-ผู้ต้องขังรายอื่น เผยพฤติกรรมกระด้างกระเดื่องอาจเป็นเพราะเคยชินตั้งแต่รับราชการตำรวจ แจงเหตุ สน.ประชาชื่อเข้าสอบสวนไม่ได้ช่วงรอยต่อโยกย้าย • วันนี้ (10 มี.ค.) ณ เรือนจำกลางระยอง พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยคำสั่งย้าย นายสิทธิพร พ้นจากหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 เรือนจำกลางคลอมเปรม กรณีการเสียชีวิตของ ข.ช.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "อดีต ผกก.โจ้" ว่า เบื้องต้น นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มีคำสั่งย้ายจริงโดยให้ไปปฎิบัติหน้าที่ ฝ่ายธุรการเพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นไปอย่างโปร่งใส • พ.ต.ท.เชน กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยมีบุคคลภายนอก จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันนิติเวช และ กรมการปกครอง เข้าร่วมประมาณ 7-8 คน ซึ่งแนวทางการสอบสวนจะพิจารณาในทุกประเด็น ทั้งเรื่องของเหตุทะเลาะวิวาท ระหว่าง "อดีต ผกก.โจ้" กับผู้ต้องขังและผู้คุม รวมถึงสาเหตุการเสียชีวิต เบื้องต้นจะมีกรอบระยะเวลาในการทำงานประมาณ 30 วัน โดยหากครบ 30 วันแรกก็จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาขยายเวลาเพิ่มหากการตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023067 • #MGROnline #กรมราชทัณฑ์
    0 Comments 0 Shares 466 Views 0 Reviews
  • รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์เผย อธิบดีแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง "ผกก.โจ้" เสียชีวิตในเรือนจำฯ แล้ว กรอบเวลา 30 วัน สอบทั้งประเด็นทะเลาะวิวาทผู้คุม-ผู้ต้องขังรายอื่น เผยพฤติกรรมกระด้างกระเดื่องอาจเป็นเพราะเคยชินตั้งแต่รับราชการตำรวจ แจงเหตุ สน.ประชาชื่อเข้าสอบสวนไม่ได้ช่วงรอยต่อโยกย้าย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023067

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์เผย อธิบดีแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง "ผกก.โจ้" เสียชีวิตในเรือนจำฯ แล้ว กรอบเวลา 30 วัน สอบทั้งประเด็นทะเลาะวิวาทผู้คุม-ผู้ต้องขังรายอื่น เผยพฤติกรรมกระด้างกระเดื่องอาจเป็นเพราะเคยชินตั้งแต่รับราชการตำรวจ แจงเหตุ สน.ประชาชื่อเข้าสอบสวนไม่ได้ช่วงรอยต่อโยกย้าย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023067 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 862 Views 0 Reviews
  • เรือนจำกลางคลองเปรมมีคำสั่งย้าย "สิทธิพร แก้วคำบ้ง" พ้นจากตำแหน่งหัวหน้างานควบคุมแดน 7 หลัง "อดีตผู้กำกับโจ้" เสียชีวิต เสียชีวิตภายในห้องควบคุมแดน 5 พร้อมเร่งสอบสวนข้อเท็จจริง

    เมื่อวันที่ 10 มี.ค.68 รายงานข่าวแจ้งว่า นายเผด็จ เร่งรอด ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม ได้ลงนามคำสั่งเรือนจำกลางคลองเปรมที่ 318/2568 เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2568 เรื่องมอบหมายหน้าที่การงานเจ้าพนักงาน โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่าพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องขังคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งถูกคุมขังที่ห้องแยกการควบคุมแดน 5 ได้เสียชีวิตลงด้วยการกระทำอัตวินิบาตกรรม ในวันที่ 7 มี.ค.2568 ซึ่งก่อนที่พ.ต.อ.ธิติสรรค์ จะเสียชีวิตได้มีกรณีร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายสิทธิพร แก้วคำบ้ง ตำแหน่งนักทัณฑวิทยาชำนาญการ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง

    ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในข้อ 13 แห่งระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานเรือนจำและการแต่งตั้งผู้ช่วยเหลือกรมราชทัณฑ์พ.ศ 2561 จึงให้นายสิทธิพร พ้นจากหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 7 ส่วนควบคุมผู้ต้องขัง ให้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ประจำฝ่ายบริหารทั่วไปส่วนบริหารทั่วไป และห้ามเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในเรือนจำเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังเพื่อความโปร่งใสและไม่มีผลกระทบต่อกระบวนการสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

    #MGROnline #เรือนจำกลางคลองเปรม #ผู้กำกับโจ้
    เรือนจำกลางคลองเปรมมีคำสั่งย้าย "สิทธิพร แก้วคำบ้ง" พ้นจากตำแหน่งหัวหน้างานควบคุมแดน 7 หลัง "อดีตผู้กำกับโจ้" เสียชีวิต เสียชีวิตภายในห้องควบคุมแดน 5 พร้อมเร่งสอบสวนข้อเท็จจริง • เมื่อวันที่ 10 มี.ค.68 รายงานข่าวแจ้งว่า นายเผด็จ เร่งรอด ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม ได้ลงนามคำสั่งเรือนจำกลางคลองเปรมที่ 318/2568 เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2568 เรื่องมอบหมายหน้าที่การงานเจ้าพนักงาน โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่าพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องขังคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งถูกคุมขังที่ห้องแยกการควบคุมแดน 5 ได้เสียชีวิตลงด้วยการกระทำอัตวินิบาตกรรม ในวันที่ 7 มี.ค.2568 ซึ่งก่อนที่พ.ต.อ.ธิติสรรค์ จะเสียชีวิตได้มีกรณีร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายสิทธิพร แก้วคำบ้ง ตำแหน่งนักทัณฑวิทยาชำนาญการ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง • ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในข้อ 13 แห่งระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานเรือนจำและการแต่งตั้งผู้ช่วยเหลือกรมราชทัณฑ์พ.ศ 2561 จึงให้นายสิทธิพร พ้นจากหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 7 ส่วนควบคุมผู้ต้องขัง ให้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ประจำฝ่ายบริหารทั่วไปส่วนบริหารทั่วไป และห้ามเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในเรือนจำเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังเพื่อความโปร่งใสและไม่มีผลกระทบต่อกระบวนการสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง • #MGROnline #เรือนจำกลางคลองเปรม #ผู้กำกับโจ้
    0 Comments 0 Shares 465 Views 0 Reviews
  • ศาลเลื่อนตรวจหลักฐานคดี"ทนายตั้ม" ฉ้อโกงเจ๊อ้อย ไป 28 เม.ย.นี้ เหตุมีเอกสารเยอะ 9,000 กว่าหน้า ด้านทนายความระบุ จำเลยทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ ขอสู้คดีในชั้นศาล

    วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลนัดตรวจหลักฐานครั้งแรก คดีหมายเลขดำอทย.109/2568 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา พี่สาวภรรยากับพวกรวม 7 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง ฟอกเงิน ฯ หลอกลวงน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย เศรษฐีนีชาวไทย ซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์ รถเบนซ์หรู มูลค่า 111 ล้านบาท

    ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลย จำนวน 4 คน มาจากเรือนจำ ประกอบด้วย ทนายตั้ม เมีย สุนืสา กับแฟน ส่วนพี่สาวเมียทนายตั้ม กับ 2 จนท.สาวโชว์รูมรถเบนซ์ได้ประกันตัวระหว่างสู้คดี

    โดยวันนี้ งมีทนายความ ของนายษิทรา และ จำเลย ร่วม รวมถึงทนายความของฝั่งน.ส.จตุพร มาร่วมกำหนดบัญชีพยาน ในการตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ ด้วย และมีญาติของจำเลย มาร่วมฟังการพิจารณาคดี ด้วยเช่นกัน รวมทั้ง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด มาให้กำลังใจทนายตั้ม ด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023001

    #MGROnline #ทนายตั้ม #ฉ้อโกง #เจ๊อ้อย
    ศาลเลื่อนตรวจหลักฐานคดี"ทนายตั้ม" ฉ้อโกงเจ๊อ้อย ไป 28 เม.ย.นี้ เหตุมีเอกสารเยอะ 9,000 กว่าหน้า ด้านทนายความระบุ จำเลยทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ ขอสู้คดีในชั้นศาล • วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลนัดตรวจหลักฐานครั้งแรก คดีหมายเลขดำอทย.109/2568 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา พี่สาวภรรยากับพวกรวม 7 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง ฟอกเงิน ฯ หลอกลวงน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย เศรษฐีนีชาวไทย ซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์ รถเบนซ์หรู มูลค่า 111 ล้านบาท • ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลย จำนวน 4 คน มาจากเรือนจำ ประกอบด้วย ทนายตั้ม เมีย สุนืสา กับแฟน ส่วนพี่สาวเมียทนายตั้ม กับ 2 จนท.สาวโชว์รูมรถเบนซ์ได้ประกันตัวระหว่างสู้คดี • โดยวันนี้ งมีทนายความ ของนายษิทรา และ จำเลย ร่วม รวมถึงทนายความของฝั่งน.ส.จตุพร มาร่วมกำหนดบัญชีพยาน ในการตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ ด้วย และมีญาติของจำเลย มาร่วมฟังการพิจารณาคดี ด้วยเช่นกัน รวมทั้ง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด มาให้กำลังใจทนายตั้ม ด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023001 • #MGROnline #ทนายตั้ม #ฉ้อโกง #เจ๊อ้อย
    0 Comments 0 Shares 693 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 10-3-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจัน่ทร์ หลังทานข้าวเช้าคุณสนธิจะหยิบยกเรื่องราวต่าง ๆ ในบ้านเมืองมาพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโด่งดังในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างการเสียชีวิตในเรือนจำของ "อดีตผกก.โจ้" พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล, การเมืองเรื่องทักษิณ-เนวิน รวมไปถึงเรื่องราวต่างประเทศ และเรื่องราวรอบบ้านเราที่รับรองได้ว่าหลายคนคิดไม่ถึง กรุณาติดตามโดยพลัน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=BpF4cTSTYjE
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    สนธิเล่าเรื่อง 10-3-68 . สวัสดีเช้าวันจัน่ทร์ หลังทานข้าวเช้าคุณสนธิจะหยิบยกเรื่องราวต่าง ๆ ในบ้านเมืองมาพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโด่งดังในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างการเสียชีวิตในเรือนจำของ "อดีตผกก.โจ้" พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล, การเมืองเรื่องทักษิณ-เนวิน รวมไปถึงเรื่องราวต่างประเทศ และเรื่องราวรอบบ้านเราที่รับรองได้ว่าหลายคนคิดไม่ถึง กรุณาติดตามโดยพลัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=BpF4cTSTYjE . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    Like
    7
    2 Comments 0 Shares 412 Views 0 Reviews
  • ผบก.น.2 เผยตำรวจยังไม่เข้าไปสอบคดีทำร้ายร่างกาย “ผกก.โจ้” เพราะเรือนจำแจ้งว่า มีความขัดข้องเกิดขึ้น ส่วนความยาวผ้าขนหนูวัดไม่ได้ เพราะโดนตัดขณะเข้าช่วยเหลือ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022727

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบก.น.2 เผยตำรวจยังไม่เข้าไปสอบคดีทำร้ายร่างกาย “ผกก.โจ้” เพราะเรือนจำแจ้งว่า มีความขัดข้องเกิดขึ้น ส่วนความยาวผ้าขนหนูวัดไม่ได้ เพราะโดนตัดขณะเข้าช่วยเหลือ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022727 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    1 Comments 0 Shares 794 Views 0 Reviews
More Results