• Roxette ถือเป็นหนึ่งในวงดนตรีป๊อปร็อกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากสวีเดนในยุค 80s-90s โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1986 ที่เมืองฮาล์มสตัด ประเทศสวีเดน วงประกอบด้วยสมาชิกหลักสองคนคือ Marie Fredriksson นักร้องนำหญิงที่มีน้ำเสียงอันทรงพลังและเคยมีอาชีพเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จในสวีเดนตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1980 และ Per Gessle นักร้อง นักแต่งเพลง และมือกีตาร์ที่เคยโด่งดังกับวง Gyllene Tider ซึ่งเป็นวงร็อกสวีเดนที่ฮิตมากในประเทศบ้านเกิดตั้งแต่ปี 1979

    การรวมตัวของทั้งคู่เริ่มต้นจากความร่วมมือในโปรเจกต์เดี่ยวของ Marie ที่ Per เข้ามาช่วยแต่งเพลง “Neverending Love” ซึ่งกลายเป็นฮิตในสวีเดนปี 1986 และนำไปสู่การก่อตั้ง Roxette อย่างเป็นทางการ ชื่อวงได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง “Roxette” ของวงร็อกอังกฤษ Dr. Feelgood ซึ่ง Per ชื่นชอบเป็นพิเศษ。 ในช่วงแรก Roxette มุ่งเน้นตลาดสวีเดนและยุโรป โดยอัลบั้มแรก Pearls of Passion (1986) ประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาค แต่ความก้าวหน้าครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาขยายสู่ตลาดนานาชาติด้วยอัลบั้ม Look Sharp! ในปี 1988 ซึ่งมีเพลงฮิตอย่าง “The Look” ที่ขึ้นอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาในปี 1989 และทำให้ Roxette กลายเป็นศิลปินสวีเดนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกนับตั้งแต่ ABBA 。 วงออกอัลบั้มต่อเนื่องอย่าง Joyride (1991) ซึ่งมีเพลงฮิตอันดับ 1 อีกเพลงอย่าง “Joyride” และ “It Must Have Been Love” ที่ใช้ในภาพยนตร์ Pretty Woman ทำให้ยอดขายทะลุ 11 ล้านชุดทั่วโลก 。 Roxette มีช่วงหยุดพักในปี 2002 หลังจาก Marie ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมอง แต่พวกเขากลับมาร่วมงานกันในปี 2010 กับอัลบั้ม Charm School และทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก จนกระทั่ง Marie เสียชีวิตในปี 2019 ด้วยวัย 61 ปีจากโรคแทรกซ้อน。 หลังจากนั้น Per ได้ดำเนินโครงการต่อในชื่อ PG Roxette ตั้งแต่ปี 2022 เพื่อรำลึกถึง Marie และรักษามรดกของวงไว้。 โดยรวม Roxette ขายอัลบั้มได้กว่า 75 ล้านชุดทั่วโลกและมีเพลงฮิตอันดับ 1 ในสหรัฐถึง 4 เพลง ซึ่งเป็นสถิติที่หาได้ยากสำหรับศิลปินที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ 。

    เพลง “Listen To Your Heart” เป็นหนึ่งในผลงานที่กำหนดเอกลักษณ์ของ Roxette โดยถูกเขียนขึ้นในปี 1988 และออกครั้งแรกในสวีเดนเดือนกันยายน 1988 ในฐานะซิงเกิลที่สองจากอัลบั้ม Look Sharp! ซึ่งผลิตโดย Clarence Öfwerman 。 Per Gessle ผู้แต่งเนื้อร้องและทำนองหลัก ร่วมกับ Mats Persson มือกีตาร์จาก Gyllene Tider ได้รับแรงบันดาลใจจากบทสนทนายามดึกกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่กำลังเผชิญความรักที่ยุ่งยากและเจ็บปวด โดยเพื่อนคนนั้นถูกกดดันจากสังคมให้เลิกกับคนรัก 。 เพลงนี้มีโครงสร้างแบบบัลลาดป๊อปร็อก เริ่มต้นด้วยเปียโนช้า ๆ ก่อนเข้าสู่ส่วนกีตาร์และเสียงร้องอันไพเราะของ Marie ที่เพิ่มความเข้มข้นในท่อนคอรัส。 ในเวอร์ชันแรก เพลงนี้ได้รับความนิยมในสวีเดนและยุโรปเหนือ แต่การปรับแต่งสำหรับตลาดสหรัฐโดย Tom Keane ทำให้มันมีเวอร์ชันที่ยาวขึ้นและเน้นเสียงซินธ์มากกว่า。 น่าสนใจว่ามีการเปรียบเทียบกับเพลง “Alone” ของ Heart ในปี 1987 ซึ่งมีทำนองคล้ายกัน จน Roxette ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์บางส่วนให้ Heart แม้ Per จะยืนยันว่าเป็นเรื่องบังเอิญ。 เพลงนี้ถูกบันทึกที่สตูดิโอ EMI ในสตอกโฮล์ม และกลายเป็นส่วนสำคัญของอัลบั้ม Look Sharp! ที่มียอดขายกว่า 9 ล้านชุด。

    ในแง่ความหมาย เพลง “Listen To Your Heart” สื่อสารข้อความที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการฟังเสียงหัวใจตัวเองในเรื่องความรัก โดยเฉพาะเมื่อความสัมพันธ์ถูกท้าทายจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเห็นจากสังคม เพื่อนฝูง หรืออุปสรรคอื่น ๆ ที่อาจทำให้คู่รักต้องแยกทาง 。 เนื้อเพลงอย่าง “I know there’s something in the wake of your smile / I get a notion from the look in your eyes” แสดงถึงการสังเกตสัญญาณความรักที่แท้จริง ก่อนที่จะเตือนว่า “Listen to your heart when he’s calling for you / Listen to your heart, there’s nothing else you can do”。 มันเป็นเพลงที่ให้กำลังใจให้เชื่อมั่นในความรู้สึกภายใน แม้จะเจ็บปวดหรือสับสน และบางครั้งถูกตีความว่าเป็นการต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอกในความรักที่บริสุทธิ์。 ในบริบทกว้างขึ้น เพลงนี้ยังถูกนำไปประยุกต์กับธีมอื่น ๆ เช่น การต่อสู้กับโรคหัวใจหรือปัญหาสุขภาพส่วนตัวในยุคปัจจุบัน โดยบางคนมองว่ามันเป็นเพลงที่ให้แรงบันดาลใจในการ “ฟังหัวใจ” ในความหมายตามตัวอักษร 。 ความหมายนี้ทำให้เพลงคงความนิยมข้ามกาลเวลา และถูกนำไปใช้ในสื่อต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ โฆษณา และรายการทีวี。

    ความสำเร็จระดับโลกของ “Listen To Your Heart” ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับ Roxette โดยเพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในซิงเกิลที่ขายดีที่สุดของปี 1989 ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต Billboard Hot 100 ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 1989 และครองตำแหน่งนั้น 1 สัปดาห์ รวมถึงขึ้นอันดับ 1 ในแคนาดาและติดชาร์ตสูงในยุโรป 。 มันเป็นเพลงฮิตอันดับ 1 เพลงที่สองของ Roxette ในสหรัฐ ต่อจาก “The Look” และช่วยให้วงมีเพลงอันดับ 1 รวม 4 เพลงใน Billboard Hot 100 ซึ่งเป็นสถิติที่ ABBA ยังไม่เคยทำได้ 。 ในออสเตรเลีย เพลงนี้ขึ้นอันดับ 10 ในชาร์ต ARIA เมื่อเดือนพฤศจิกายน 1989 และเป็นส่วนหนึ่งของเพลงฮิตจากอัลบั้ม Look Sharp! ที่รวม “Dressed For Success” (อันดับ 3) และ “Dangerous” (อันดับ 9)。 ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากนักศึกษาชาวอเมริกันจากมินนิโซตาที่ศึกษาอยู่ในสวีเดนและนำเทปเพลงกลับไปโปรโมตในสถานีวิทยุท้องถิ่น ซึ่งนำไปสู่การเซ็นสัญญากับ EMI ในสหรัฐและการบุกตลาดโลก 。 เพลงนี้ยังได้รับการรับรองแพลตตินัมในหลายประเทศและถูก cover โดยศิลปินอื่น ๆ เช่น เวอร์ชันแดนซ์ของ D.H.T. ในปี 2005 ที่ขึ้นอันดับ 8 ใน Billboard Hot 100 。 มรดกของเพลงนี้ยังคงอยู่ โดยถูกนำไปใช้ในวัฒนธรรมป๊อปและได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงคลาสสิกยุค 80s ที่ช่วยกำหนดภาพลักษณ์ของ Roxette ในฐานะศิลปินสวีเดนที่บุกตลาดโลกได้สำเร็จ。

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=dpfbKWoBpRw
    😇 Roxette ถือเป็นหนึ่งในวงดนตรีป๊อปร็อกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากสวีเดนในยุค 80s-90s โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1986 ที่เมืองฮาล์มสตัด ประเทศสวีเดน วงประกอบด้วยสมาชิกหลักสองคนคือ Marie Fredriksson นักร้องนำหญิงที่มีน้ำเสียงอันทรงพลังและเคยมีอาชีพเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จในสวีเดนตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1980 และ Per Gessle นักร้อง นักแต่งเพลง และมือกีตาร์ที่เคยโด่งดังกับวง Gyllene Tider ซึ่งเป็นวงร็อกสวีเดนที่ฮิตมากในประเทศบ้านเกิดตั้งแต่ปี 1979 🎸 การรวมตัวของทั้งคู่เริ่มต้นจากความร่วมมือในโปรเจกต์เดี่ยวของ Marie ที่ Per เข้ามาช่วยแต่งเพลง “Neverending Love” ซึ่งกลายเป็นฮิตในสวีเดนปี 1986 และนำไปสู่การก่อตั้ง Roxette อย่างเป็นทางการ ชื่อวงได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง “Roxette” ของวงร็อกอังกฤษ Dr. Feelgood ซึ่ง Per ชื่นชอบเป็นพิเศษ。 ในช่วงแรก Roxette มุ่งเน้นตลาดสวีเดนและยุโรป โดยอัลบั้มแรก Pearls of Passion (1986) ประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาค แต่ความก้าวหน้าครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาขยายสู่ตลาดนานาชาติด้วยอัลบั้ม Look Sharp! ในปี 1988 ซึ่งมีเพลงฮิตอย่าง “The Look” ที่ขึ้นอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาในปี 1989 และทำให้ Roxette กลายเป็นศิลปินสวีเดนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกนับตั้งแต่ ABBA 。 วงออกอัลบั้มต่อเนื่องอย่าง Joyride (1991) ซึ่งมีเพลงฮิตอันดับ 1 อีกเพลงอย่าง “Joyride” และ “It Must Have Been Love” ที่ใช้ในภาพยนตร์ Pretty Woman ทำให้ยอดขายทะลุ 11 ล้านชุดทั่วโลก 。 Roxette มีช่วงหยุดพักในปี 2002 หลังจาก Marie ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมอง แต่พวกเขากลับมาร่วมงานกันในปี 2010 กับอัลบั้ม Charm School และทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก จนกระทั่ง Marie เสียชีวิตในปี 2019 ด้วยวัย 61 ปีจากโรคแทรกซ้อน。 หลังจากนั้น Per ได้ดำเนินโครงการต่อในชื่อ PG Roxette ตั้งแต่ปี 2022 เพื่อรำลึกถึง Marie และรักษามรดกของวงไว้。 โดยรวม Roxette ขายอัลบั้มได้กว่า 75 ล้านชุดทั่วโลกและมีเพลงฮิตอันดับ 1 ในสหรัฐถึง 4 เพลง ซึ่งเป็นสถิติที่หาได้ยากสำหรับศิลปินที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ 。 🎶 เพลง “Listen To Your Heart” เป็นหนึ่งในผลงานที่กำหนดเอกลักษณ์ของ Roxette โดยถูกเขียนขึ้นในปี 1988 และออกครั้งแรกในสวีเดนเดือนกันยายน 1988 ในฐานะซิงเกิลที่สองจากอัลบั้ม Look Sharp! ซึ่งผลิตโดย Clarence Öfwerman 。 Per Gessle ผู้แต่งเนื้อร้องและทำนองหลัก ร่วมกับ Mats Persson มือกีตาร์จาก Gyllene Tider ได้รับแรงบันดาลใจจากบทสนทนายามดึกกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่กำลังเผชิญความรักที่ยุ่งยากและเจ็บปวด โดยเพื่อนคนนั้นถูกกดดันจากสังคมให้เลิกกับคนรัก 。 เพลงนี้มีโครงสร้างแบบบัลลาดป๊อปร็อก เริ่มต้นด้วยเปียโนช้า ๆ ก่อนเข้าสู่ส่วนกีตาร์และเสียงร้องอันไพเราะของ Marie ที่เพิ่มความเข้มข้นในท่อนคอรัส。 ในเวอร์ชันแรก เพลงนี้ได้รับความนิยมในสวีเดนและยุโรปเหนือ แต่การปรับแต่งสำหรับตลาดสหรัฐโดย Tom Keane ทำให้มันมีเวอร์ชันที่ยาวขึ้นและเน้นเสียงซินธ์มากกว่า。 น่าสนใจว่ามีการเปรียบเทียบกับเพลง “Alone” ของ Heart ในปี 1987 ซึ่งมีทำนองคล้ายกัน จน Roxette ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์บางส่วนให้ Heart แม้ Per จะยืนยันว่าเป็นเรื่องบังเอิญ。 เพลงนี้ถูกบันทึกที่สตูดิโอ EMI ในสตอกโฮล์ม และกลายเป็นส่วนสำคัญของอัลบั้ม Look Sharp! ที่มียอดขายกว่า 9 ล้านชุด。 💖 ในแง่ความหมาย เพลง “Listen To Your Heart” สื่อสารข้อความที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการฟังเสียงหัวใจตัวเองในเรื่องความรัก โดยเฉพาะเมื่อความสัมพันธ์ถูกท้าทายจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเห็นจากสังคม เพื่อนฝูง หรืออุปสรรคอื่น ๆ ที่อาจทำให้คู่รักต้องแยกทาง 。 เนื้อเพลงอย่าง “I know there’s something in the wake of your smile / I get a notion from the look in your eyes” แสดงถึงการสังเกตสัญญาณความรักที่แท้จริง ก่อนที่จะเตือนว่า “Listen to your heart when he’s calling for you / Listen to your heart, there’s nothing else you can do”。 มันเป็นเพลงที่ให้กำลังใจให้เชื่อมั่นในความรู้สึกภายใน แม้จะเจ็บปวดหรือสับสน และบางครั้งถูกตีความว่าเป็นการต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอกในความรักที่บริสุทธิ์。 ในบริบทกว้างขึ้น เพลงนี้ยังถูกนำไปประยุกต์กับธีมอื่น ๆ เช่น การต่อสู้กับโรคหัวใจหรือปัญหาสุขภาพส่วนตัวในยุคปัจจุบัน โดยบางคนมองว่ามันเป็นเพลงที่ให้แรงบันดาลใจในการ “ฟังหัวใจ” ในความหมายตามตัวอักษร 。 ความหมายนี้ทำให้เพลงคงความนิยมข้ามกาลเวลา และถูกนำไปใช้ในสื่อต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ โฆษณา และรายการทีวี。 🌍 ความสำเร็จระดับโลกของ “Listen To Your Heart” ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับ Roxette โดยเพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในซิงเกิลที่ขายดีที่สุดของปี 1989 ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต Billboard Hot 100 ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 1989 และครองตำแหน่งนั้น 1 สัปดาห์ รวมถึงขึ้นอันดับ 1 ในแคนาดาและติดชาร์ตสูงในยุโรป 。 มันเป็นเพลงฮิตอันดับ 1 เพลงที่สองของ Roxette ในสหรัฐ ต่อจาก “The Look” และช่วยให้วงมีเพลงอันดับ 1 รวม 4 เพลงใน Billboard Hot 100 ซึ่งเป็นสถิติที่ ABBA ยังไม่เคยทำได้ 。 ในออสเตรเลีย เพลงนี้ขึ้นอันดับ 10 ในชาร์ต ARIA เมื่อเดือนพฤศจิกายน 1989 และเป็นส่วนหนึ่งของเพลงฮิตจากอัลบั้ม Look Sharp! ที่รวม “Dressed For Success” (อันดับ 3) และ “Dangerous” (อันดับ 9)。 ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากนักศึกษาชาวอเมริกันจากมินนิโซตาที่ศึกษาอยู่ในสวีเดนและนำเทปเพลงกลับไปโปรโมตในสถานีวิทยุท้องถิ่น ซึ่งนำไปสู่การเซ็นสัญญากับ EMI ในสหรัฐและการบุกตลาดโลก 。 เพลงนี้ยังได้รับการรับรองแพลตตินัมในหลายประเทศและถูก cover โดยศิลปินอื่น ๆ เช่น เวอร์ชันแดนซ์ของ D.H.T. ในปี 2005 ที่ขึ้นอันดับ 8 ใน Billboard Hot 100 。 มรดกของเพลงนี้ยังคงอยู่ โดยถูกนำไปใช้ในวัฒนธรรมป๊อปและได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงคลาสสิกยุค 80s ที่ช่วยกำหนดภาพลักษณ์ของ Roxette ในฐานะศิลปินสวีเดนที่บุกตลาดโลกได้สำเร็จ。 #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=dpfbKWoBpRw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชายสหรัฐฯ ถูกฟ้องคดี Cyberstalking โดยอ้าง ChatGPT

    Brett Michael Dadig จากเมือง Whitehall ถูกอัยการสหรัฐฯ ตั้งข้อหา 14 กระทงในคดี การคุกคามและตามรังควานผู้หญิง ทั้งใน Pittsburgh และอีกหลายรัฐ เขาถูกกล่าวหาว่าข่มขู่ โพสต์ภาพ และเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อบนอินเทอร์เน็ต โดย Dadig อ้างว่า ChatGPT แนะนำให้เขาไปพบ “ภรรยาในอนาคต” ที่ยิมหรือชุมชนกีฬา และใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อสร้างชื่อเสียง

    การใช้ AI ในทางที่ผิด
    ในพอดแคสต์ของเขา Dadig เรียก ChatGPT ว่าเป็น “นักบำบัด” และ “เพื่อนสนิท” พร้อมยอมรับว่าได้รับแรงบันดาลใจจากคำแนะนำของ AI ให้สร้างแพลตฟอร์มเพื่อโดดเด่นในสังคม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นการคุกคามผู้หญิงและพนักงานยิมอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางโพสต์ออนไลน์ โทรศัพท์ และการปรากฏตัวโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

    ผลกระทบทางกฎหมาย
    อัยการระบุว่าเหยื่อกว่า 11 คนได้รับผลกระทบจากการกระทำของ Dadig โดยบางคนถึงขั้นต้องขอคำสั่งคุ้มครอง (Protection-from-abuse orders) ซึ่งเขายังละเมิดซ้ำอีกด้วย หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 70 ปี และปรับเป็นเงินกว่า 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    กรณีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้ AI โดยไม่เข้าใจขอบเขตและผลกระทบ การพึ่งพา AI เป็น “ที่ปรึกษา” โดยไม่ใช้วิจารณญาณอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและสร้างความเสียหายต่อผู้อื่นอย่างร้ายแรง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ชายสหรัฐฯ ถูกตั้งข้อหา Cyberstalking 14 กระทง
    เหยื่อกว่า 11 คนในหลายรัฐ รวมถึง Pittsburgh

    อ้างว่าได้รับคำแนะนำจาก ChatGPT
    ใช้ AI เป็น “นักบำบัด” และ “เพื่อนสนิท”

    ผลกระทบต่อเหยื่อและสังคม
    เหยื่อบางคนต้องขอคำสั่งคุ้มครอง แต่ถูกละเมิดซ้ำ

    คำเตือนด้านการใช้ AI
    การพึ่งพา AI โดยไม่ใช้วิจารณญาณอาจนำไปสู่พฤติกรรมผิดกฎหมาย
    เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายต่อผู้อื่นและสังคมโดยรวม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/06/a-us-man-was-indicted-for-allegedly-cyberstalking-women-he-says-he-took-advice-from-chatgpt
    📰 ชายสหรัฐฯ ถูกฟ้องคดี Cyberstalking โดยอ้าง ChatGPT Brett Michael Dadig จากเมือง Whitehall ถูกอัยการสหรัฐฯ ตั้งข้อหา 14 กระทงในคดี การคุกคามและตามรังควานผู้หญิง ทั้งใน Pittsburgh และอีกหลายรัฐ เขาถูกกล่าวหาว่าข่มขู่ โพสต์ภาพ และเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อบนอินเทอร์เน็ต โดย Dadig อ้างว่า ChatGPT แนะนำให้เขาไปพบ “ภรรยาในอนาคต” ที่ยิมหรือชุมชนกีฬา และใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อสร้างชื่อเสียง 🎙️ การใช้ AI ในทางที่ผิด ในพอดแคสต์ของเขา Dadig เรียก ChatGPT ว่าเป็น “นักบำบัด” และ “เพื่อนสนิท” พร้อมยอมรับว่าได้รับแรงบันดาลใจจากคำแนะนำของ AI ให้สร้างแพลตฟอร์มเพื่อโดดเด่นในสังคม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นการคุกคามผู้หญิงและพนักงานยิมอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางโพสต์ออนไลน์ โทรศัพท์ และการปรากฏตัวโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ⚖️ ผลกระทบทางกฎหมาย อัยการระบุว่าเหยื่อกว่า 11 คนได้รับผลกระทบจากการกระทำของ Dadig โดยบางคนถึงขั้นต้องขอคำสั่งคุ้มครอง (Protection-from-abuse orders) ซึ่งเขายังละเมิดซ้ำอีกด้วย หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 70 ปี และปรับเป็นเงินกว่า 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ⚠️ ความเสี่ยงและคำเตือน กรณีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้ AI โดยไม่เข้าใจขอบเขตและผลกระทบ การพึ่งพา AI เป็น “ที่ปรึกษา” โดยไม่ใช้วิจารณญาณอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและสร้างความเสียหายต่อผู้อื่นอย่างร้ายแรง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ชายสหรัฐฯ ถูกตั้งข้อหา Cyberstalking 14 กระทง ➡️ เหยื่อกว่า 11 คนในหลายรัฐ รวมถึง Pittsburgh ✅ อ้างว่าได้รับคำแนะนำจาก ChatGPT ➡️ ใช้ AI เป็น “นักบำบัด” และ “เพื่อนสนิท” ✅ ผลกระทบต่อเหยื่อและสังคม ➡️ เหยื่อบางคนต้องขอคำสั่งคุ้มครอง แต่ถูกละเมิดซ้ำ ‼️ คำเตือนด้านการใช้ AI ⛔ การพึ่งพา AI โดยไม่ใช้วิจารณญาณอาจนำไปสู่พฤติกรรมผิดกฎหมาย ⛔ เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายต่อผู้อื่นและสังคมโดยรวม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/06/a-us-man-was-indicted-for-allegedly-cyberstalking-women-he-says-he-took-advice-from-chatgpt
    WWW.THESTAR.COM.MY
    A US man was indicted for allegedly cyberstalking women. He says he took advice from ChatGPT.
    On his podcast, Mr Dadig called the AI chatbot his "therapist" and "best friend," the indictment says.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 19

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 19
    นาย Hoover อดีตประธานาธิบดีอเมริกา คนที่แม้ตอนนั้นอกจะยังกลัดหนอง จากโดนบี้เสียเละ ในช่วงที่เป็นประธานาธิบดีสมัย Great Depression ของอเมริกา เขาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันที่ถูกประชาชน ประท้วงรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมมีคนซ้ำเติม เขาคงไม่ลืม เขาจึงนั่ง (รับใบสั่ง) เป็นผู้บัญชาการเงาของ SCAP อยู่ที่อพาทเม้นต์ข้างบนโรงแรมหรู ในนิวยอร์ค โดยมีอดีตทูต Grew และ Harry F Kern ร่วมนั่งรับการบัญชา
    หลังจากฝ่ายบัญชาการปล่อยข่าวออกไป จนน่าจะได้ที่ และได้ที เจ้าหน้าที่ของทางวังก็เริ่มมาหารือกับ Grew ถึงทางออกของจักรพรรดิ ที่คงจะเสียหน้ามาก ถ้าจะต้องออกมาเป็นผู้พูด รับผิดในการสั่งทหารญี่ปุ่นเข้าทำสงครามโลก ผลของการปรึกษา เจรจากันหลายรอบ ระหว่างตัวแทนของวังกับฝั่งของ ฝ่ายบัญชาการ ในที่สุดจักรพรรดิ ก็ตกลงยอมที่จะไปพบ นายพลแมค ที่สำนักงานใหญ่ของ SCAP ปิดห้องเจรจากัน 2 คน มันเป็นเรื่องที่จักรพรรดิไม่เคยต้องทำ แต่จักรพรรดิยอมเดินทางไปพบนายพลแมค มีแค่ องคมนตรีติดไปด้วย เพื่อทำหน้าที่เป็นล่าม โดยสาบานตนว่าจะไม่เปิดเผยต่อ ไม่ว่ากับใครทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าทั้ง 2 เจรจาอะไรบ้าง
    แล้วคำแถลงของจักรพรรดิ ที่ใช้เวลาร่างและแก้อยู่หลายสิบ รอบ ก็ออกวิทยุที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 ไม่มีการพูดถึง การสั่งเข้าทำสงคราม ไม่มีคำขอโทษ แต่ให้คนฟังเข้าใจเอาเองว่า จักรพรรดิเสียใจสุดซึ้ง มันเป็นคำแถลงที่สุดยอดญี่ปุ่น แปลว่า เข้าใจยากครับ ผมพยายามอ่านอยู่หลายเที่ยว เป็นฉบับภาษาอังกฤษ ที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่นอีกที สงสัยภาษาอังกฤษผมอ่อนมาก ผมชักไม่แน่ใจว่า ตกลงจักรพรรดิเสียใจสุดซึ้งเรื่องอะไรกันแน่ (ท่านใดที่สนใจว่าจักรพรรดิพูดว่าอะไร กดดูในกูเกิล emperor speech ได้เลยครับ)
    หลังจากนั้นก็มาถึงคิวบรรดาหัวกะทิ นักธุรกิจนักการเงินใหญ่ ที่ SCAP สั่งดำเนินดคี เนื่องจากมีส่วนพัวพัน สนับสนุน รวมทั้งค้าขาย ทำกำไรจากการทำสงครามอันโหดร้ายของญี่ปุ่น บริษัทเหล่านี้จะมีสิทธิถูกพิจารณาลงโทษ ให้ปรับปรุงกิจการ เลิกการผูกขาด ลดขนาดบริษัท ไปจนถึง ต้องเลิกกิจการ
    Harry F Kern บรรณาธิการข่าวต่างประเทศของนิตยสาร Newsweek ซึ่งมีเสียงดังมากในสมัยนั้น เป็นหัวเรือใหญ่ ตั้งสำนักล้อบบี้รุ่นแรก American Council on Japan (ACJ) หรือบางทีเรียกกันว่า Japan Lobby ร่วมกับสื่อใหญ่อีกคน Compton Pakenham ประจำสำนักงานในโตเกียว และ James Lee Kauffman ทนายจากนิวยอร์ค ที่มาสอนหนังสือ อยู่ที่ มหาวิทยาลัยโตเกียว ในช่วงปี ค.ศ.1913 – 1919 และเป็นที่ปรึกษากฏหมาย ให้ธุรกิจใหญ่อเมริกันในโตเกียว เช่น บริษัท General Electric , Standard Oil, Westing House, Ford, Otis Elevator และ Dillion Reed ร่วมในขบวนการล้อบบี้ด้วย
    Kern เป็นสื่อ ที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด สนใจด้านการเมืองแถบเอเซียมานานแล้วเป็นเพื่อนสนิทกับพวก Harriman คู่หูของร้อกกี้ the great ในจีน ส่วน Pakenham เกิดและโตมาในญี่ปุ่น และเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าพ่อ ในญี่ปุ่นเกือบทุกคน
    Grew อดีตทูตอเมริกันประจำญี่ปุ่น รับหน้าที่เป็นประธานของสำนักล้อบบี้ AJC ร่วมกับ Wiiliam Castle เจ้าของไร่ใหญ่ในฮาวาย และเคยเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศสมัย Hoover เป็นประธานาธิบดี
    ปี ค.ศ.1947 Kuaffman ในฐานะตัวแทนของ Dillion Reed บริษัทการเงินในวอลสตรีท ที่มีความใกล้ชิดกับร้อกกี้มากกว่ามอร์แกน เดินทางมาโตเกียวเพื่อประเมินนโยบาย FEC-230 ของวอชิงตัน ที่ให้ตอนพันธ์ุพวกหัวกะทิ นักธุรกิจใหญ่ ที่เรียกว่า zaibatsu จากต้นใหญ่ เหลือเป็นบอนไซในกระถางน่าเอ็น ดู เมื่อเขากลับไปอเมริกา เขารีบส่งการบ้าน หลังจากนั้นนโยบาย FEC-230 ก็ถูกส่งไปให้ Newsweek โดย William Draper หุ้นส่วนใหญ่ ของ Dillion Reed ที่ขอลาชั่วคราวมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม
    Newsweek เขียนบทความ แบบด่าไม่เลี้ยงว่า การลงโทษธุรกิจญี่ปุ่น ตามนโยบายดังกล่าว จะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นพังพินาศ จะทำให้ชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในภาคธุรกิจ ตกงานเป็นหมื่นๆคน มันเป็นการลงโทษนักธุรกิจญี่ปุ่น แต่สร้างความเสียหายให้แก่ชาวอเมริกันที่เสียภาษีอย่างแสนสาหัส เพราะจะต้องไปรับภาระนั้นแทนญี่ปุ่น
    มันเป็นช่วงที่ นายพลแมค กำลังเริ่มหาเสียงจะลงเลือกตั้ง มาโดนสื่อใหญ่ถล่มเละ แถมพวกลิพับลิกันก็ช่วยกันด่าซ้ำ เพราะทำให้พรรคเสียคะแนน ท่านนายพลแมค จึงรีบสั่งระงับการเอาบอนไซพันธ์ุ zaibatsu ลงกระถางไว้ชั่วคราวก่อน แต่มีคนใจร้อนขี้เกียจคอย
    คราวนี้นาย William Draper มาญี่ปุ่นเอง ในฐานะตัวแทนรัฐบาลอเมริกัน แถมพ่วงเอานายธนาคารใหญ่ อีกคน Percy Johnson มาด้วย Johnson เป็นประธาน Chemical Bank ในนิวยอร์ค ซึ่งเป็นคู่ค้ากับ Mitsui Bank ยักษ์ใหญ่มากของญี่ปุ่น พวกเขาสอบถามซักไซ้ผู้ที่เกี่ยว ข้องอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับไปทำรายงาน Draper-Johnson สรุปว่า พวก zaibatsu ไม่สมควรที่จะรับโทษ ในการทำสงคราม แต่ควรให้พวกเขารีบมาฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จะได้ไม่เป็นภาระกับอเมรืกา ในการ(ควักกระเป๋า) ดูแลเลี้ยงดูญี่ปุ่น ด้วยภาษีของคนอเมริกัน เยี่ยมจริงๆ
    สรุปแบบนี้ วอชิงตันก็โกลาหล มีทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายเชียร์ ในที่สุด การเมืองอเมริกัน ที่ว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ (ถูกสั่งให้) ตัดสินใจยกเลิกการตอนพันธ์ zaibatsu และบริษัทญี่ปุ่น ที่อยู่ในข่ายว่าจะต้องถูกตอนจำนวน 325 บริษัท ก็ลดลงเหลือเพียง 20 บริษัท ส่วนพวก zaibatsu ที่รอดมา เปลี่ยนชื่อใหม่ชั่วคราว พอให้ควันจาง ก็กลับไปใช้ชื่อเดิม
    ส่วนเรื่อง จักรพรรดิ ทหาร และนักการเมือง อเมริกา หลังจากขู่เข้ม จนราดเต็มกางเกงกันไปหมดแล้ว ก็สรุปว่า ให้ไประบุให้ชัดเจนว่า จักรพรรดิอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ต่อไปใครจะมากล่าวหาว่าจักรพรรดินำรบไม่ได้แล้วนะ และ ให้แน่ใจว่า ทหารเลิกบ้าเลือด ก็ยุบกองทัพ เหลือแค่เป็นกองกำลังป้องกันตัวเอง ทั้งหมดนี้ ให้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญใหม่ ที่นายพลแมคให้จัดร่างขึ้นมาใหม่
    พอถึงปี ค.ศ.1951 ทั้งสองแสนสองหมื่นคน ก็หลุดจากคุกหมด ยกเว้นพวกที่หลุดมาก่อนหน้านั้นแล้ว ก็พวกหัวกะทิไง ให้ออกมาก่อน เก็บไว้แต่หางกะทิ
    ในปี ค.ศ.1952 นายพลแมค ก็จัดให้มีการเลือกตั้งในญี่ปุ่น และนายโยชิดะ จากพรรค Liberal Democrat Party (LDP) ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนายพลแมค
    ส่วนความฝันของนายพลแมคเอง ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในปี ค.ศ.1948 เขาหาเสียงโดยตรงไม่ได้ เพราะกำลังวุ่นเรื่อง SCAP อยู่ แต่เขาประกาศผ่านพวกรีพับลิกัน โดยเฉพาะกับ Hoover ที่กำกับเขามาตลอด ว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูเหมือนท่านนายพลห้าดาวจะไม่ผ่านแม้แต่การเลือกตั้งตัวแทนภายในพรรครอบแรก แต่คงไม่ช้ำใจมาก ได้ของปลอบใจไปแยะ เรียงกันหลายหลักมาก
    ทั้งหมดนี่ น่าจะเป็นผลงานการทำงานหนักของ ACJ ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม ภายหลังจักรพรรดิให้เหรียญตราสูงสุดกับ Kern และ Pakenham ทั้ง 2 ก็คนแล้วกัน
    ACJ เป็นหน่วยงานทำอะไรกันแน่ เห็นไม่ชัดเจนในช่วงนั้น เช่นเดียวกับ หน่วยงาน MRA แต่ต่อมาภายหลัง มีเอกสารเป็นหลักฐานว่า 2 หน่วยงานนี้ คือหน่วยงานหน้าฉากของ CIA และทำงานภายใต้ใบกำกับ เช่นเดียวกัน
    เรื่องของ ACJ นี้ เป็นตำนานของการใช้สื่อ และการล้อบบี้ที่บันลือโลกมาก เป็นตัวอย่างว่า ปากและปากกานั่น ใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกคน ก็ล้มรัฐบาล หรือ ครอบครองประเทศได้ โดยไม่ต้องใช้กำลังทหาร และแม้แต่ทหารใหญ่อย่าง นายพลแมค ที่มีหน้าที่ปกครองญี่ปุ่นในตอนนั้น ยังต้องรีบเปลี่ยนบท
    เฮ้ย ทำไมมันขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนดันกลายเป็นบ้องกัญ ชาอย่างนึ้ ทำเป็นฮึดฮัดโกรธจัดเรื่อง Pearl Habour ถึงขนาดต้องเอาคืน ด้วยการป้อนดอกเห็ดยักษ์ ให้พวกชอบปลาดิบกิน จนตายกันเป็นเบื่อ แล้วจบกันง่ายๆ อย่างนี้นะหรือ ที่บางประเทศ แค่ปฏิวัติบ่อยหน่อย ยังไม่ได้ถล่มกองเรือของใครเลย ทำไมด่าซ้ำด่าซาก ไม่ด่าเปล่า เสือกมีของแถมมาขู่อีก แบบนี้ ก็ยังจบเรื่องไม่ได้ แค่จบตอนครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 19 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 19 นาย Hoover อดีตประธานาธิบดีอเมริกา คนที่แม้ตอนนั้นอกจะยังกลัดหนอง จากโดนบี้เสียเละ ในช่วงที่เป็นประธานาธิบดีสมัย Great Depression ของอเมริกา เขาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันที่ถูกประชาชน ประท้วงรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมมีคนซ้ำเติม เขาคงไม่ลืม เขาจึงนั่ง (รับใบสั่ง) เป็นผู้บัญชาการเงาของ SCAP อยู่ที่อพาทเม้นต์ข้างบนโรงแรมหรู ในนิวยอร์ค โดยมีอดีตทูต Grew และ Harry F Kern ร่วมนั่งรับการบัญชา หลังจากฝ่ายบัญชาการปล่อยข่าวออกไป จนน่าจะได้ที่ และได้ที เจ้าหน้าที่ของทางวังก็เริ่มมาหารือกับ Grew ถึงทางออกของจักรพรรดิ ที่คงจะเสียหน้ามาก ถ้าจะต้องออกมาเป็นผู้พูด รับผิดในการสั่งทหารญี่ปุ่นเข้าทำสงครามโลก ผลของการปรึกษา เจรจากันหลายรอบ ระหว่างตัวแทนของวังกับฝั่งของ ฝ่ายบัญชาการ ในที่สุดจักรพรรดิ ก็ตกลงยอมที่จะไปพบ นายพลแมค ที่สำนักงานใหญ่ของ SCAP ปิดห้องเจรจากัน 2 คน มันเป็นเรื่องที่จักรพรรดิไม่เคยต้องทำ แต่จักรพรรดิยอมเดินทางไปพบนายพลแมค มีแค่ องคมนตรีติดไปด้วย เพื่อทำหน้าที่เป็นล่าม โดยสาบานตนว่าจะไม่เปิดเผยต่อ ไม่ว่ากับใครทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าทั้ง 2 เจรจาอะไรบ้าง แล้วคำแถลงของจักรพรรดิ ที่ใช้เวลาร่างและแก้อยู่หลายสิบ รอบ ก็ออกวิทยุที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 ไม่มีการพูดถึง การสั่งเข้าทำสงคราม ไม่มีคำขอโทษ แต่ให้คนฟังเข้าใจเอาเองว่า จักรพรรดิเสียใจสุดซึ้ง มันเป็นคำแถลงที่สุดยอดญี่ปุ่น แปลว่า เข้าใจยากครับ ผมพยายามอ่านอยู่หลายเที่ยว เป็นฉบับภาษาอังกฤษ ที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่นอีกที สงสัยภาษาอังกฤษผมอ่อนมาก ผมชักไม่แน่ใจว่า ตกลงจักรพรรดิเสียใจสุดซึ้งเรื่องอะไรกันแน่ (ท่านใดที่สนใจว่าจักรพรรดิพูดว่าอะไร กดดูในกูเกิล emperor speech ได้เลยครับ) หลังจากนั้นก็มาถึงคิวบรรดาหัวกะทิ นักธุรกิจนักการเงินใหญ่ ที่ SCAP สั่งดำเนินดคี เนื่องจากมีส่วนพัวพัน สนับสนุน รวมทั้งค้าขาย ทำกำไรจากการทำสงครามอันโหดร้ายของญี่ปุ่น บริษัทเหล่านี้จะมีสิทธิถูกพิจารณาลงโทษ ให้ปรับปรุงกิจการ เลิกการผูกขาด ลดขนาดบริษัท ไปจนถึง ต้องเลิกกิจการ Harry F Kern บรรณาธิการข่าวต่างประเทศของนิตยสาร Newsweek ซึ่งมีเสียงดังมากในสมัยนั้น เป็นหัวเรือใหญ่ ตั้งสำนักล้อบบี้รุ่นแรก American Council on Japan (ACJ) หรือบางทีเรียกกันว่า Japan Lobby ร่วมกับสื่อใหญ่อีกคน Compton Pakenham ประจำสำนักงานในโตเกียว และ James Lee Kauffman ทนายจากนิวยอร์ค ที่มาสอนหนังสือ อยู่ที่ มหาวิทยาลัยโตเกียว ในช่วงปี ค.ศ.1913 – 1919 และเป็นที่ปรึกษากฏหมาย ให้ธุรกิจใหญ่อเมริกันในโตเกียว เช่น บริษัท General Electric , Standard Oil, Westing House, Ford, Otis Elevator และ Dillion Reed ร่วมในขบวนการล้อบบี้ด้วย Kern เป็นสื่อ ที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด สนใจด้านการเมืองแถบเอเซียมานานแล้วเป็นเพื่อนสนิทกับพวก Harriman คู่หูของร้อกกี้ the great ในจีน ส่วน Pakenham เกิดและโตมาในญี่ปุ่น และเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าพ่อ ในญี่ปุ่นเกือบทุกคน Grew อดีตทูตอเมริกันประจำญี่ปุ่น รับหน้าที่เป็นประธานของสำนักล้อบบี้ AJC ร่วมกับ Wiiliam Castle เจ้าของไร่ใหญ่ในฮาวาย และเคยเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศสมัย Hoover เป็นประธานาธิบดี ปี ค.ศ.1947 Kuaffman ในฐานะตัวแทนของ Dillion Reed บริษัทการเงินในวอลสตรีท ที่มีความใกล้ชิดกับร้อกกี้มากกว่ามอร์แกน เดินทางมาโตเกียวเพื่อประเมินนโยบาย FEC-230 ของวอชิงตัน ที่ให้ตอนพันธ์ุพวกหัวกะทิ นักธุรกิจใหญ่ ที่เรียกว่า zaibatsu จากต้นใหญ่ เหลือเป็นบอนไซในกระถางน่าเอ็น ดู เมื่อเขากลับไปอเมริกา เขารีบส่งการบ้าน หลังจากนั้นนโยบาย FEC-230 ก็ถูกส่งไปให้ Newsweek โดย William Draper หุ้นส่วนใหญ่ ของ Dillion Reed ที่ขอลาชั่วคราวมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม Newsweek เขียนบทความ แบบด่าไม่เลี้ยงว่า การลงโทษธุรกิจญี่ปุ่น ตามนโยบายดังกล่าว จะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นพังพินาศ จะทำให้ชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในภาคธุรกิจ ตกงานเป็นหมื่นๆคน มันเป็นการลงโทษนักธุรกิจญี่ปุ่น แต่สร้างความเสียหายให้แก่ชาวอเมริกันที่เสียภาษีอย่างแสนสาหัส เพราะจะต้องไปรับภาระนั้นแทนญี่ปุ่น มันเป็นช่วงที่ นายพลแมค กำลังเริ่มหาเสียงจะลงเลือกตั้ง มาโดนสื่อใหญ่ถล่มเละ แถมพวกลิพับลิกันก็ช่วยกันด่าซ้ำ เพราะทำให้พรรคเสียคะแนน ท่านนายพลแมค จึงรีบสั่งระงับการเอาบอนไซพันธ์ุ zaibatsu ลงกระถางไว้ชั่วคราวก่อน แต่มีคนใจร้อนขี้เกียจคอย คราวนี้นาย William Draper มาญี่ปุ่นเอง ในฐานะตัวแทนรัฐบาลอเมริกัน แถมพ่วงเอานายธนาคารใหญ่ อีกคน Percy Johnson มาด้วย Johnson เป็นประธาน Chemical Bank ในนิวยอร์ค ซึ่งเป็นคู่ค้ากับ Mitsui Bank ยักษ์ใหญ่มากของญี่ปุ่น พวกเขาสอบถามซักไซ้ผู้ที่เกี่ยว ข้องอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับไปทำรายงาน Draper-Johnson สรุปว่า พวก zaibatsu ไม่สมควรที่จะรับโทษ ในการทำสงคราม แต่ควรให้พวกเขารีบมาฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จะได้ไม่เป็นภาระกับอเมรืกา ในการ(ควักกระเป๋า) ดูแลเลี้ยงดูญี่ปุ่น ด้วยภาษีของคนอเมริกัน เยี่ยมจริงๆ สรุปแบบนี้ วอชิงตันก็โกลาหล มีทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายเชียร์ ในที่สุด การเมืองอเมริกัน ที่ว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ (ถูกสั่งให้) ตัดสินใจยกเลิกการตอนพันธ์ zaibatsu และบริษัทญี่ปุ่น ที่อยู่ในข่ายว่าจะต้องถูกตอนจำนวน 325 บริษัท ก็ลดลงเหลือเพียง 20 บริษัท ส่วนพวก zaibatsu ที่รอดมา เปลี่ยนชื่อใหม่ชั่วคราว พอให้ควันจาง ก็กลับไปใช้ชื่อเดิม ส่วนเรื่อง จักรพรรดิ ทหาร และนักการเมือง อเมริกา หลังจากขู่เข้ม จนราดเต็มกางเกงกันไปหมดแล้ว ก็สรุปว่า ให้ไประบุให้ชัดเจนว่า จักรพรรดิอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ต่อไปใครจะมากล่าวหาว่าจักรพรรดินำรบไม่ได้แล้วนะ และ ให้แน่ใจว่า ทหารเลิกบ้าเลือด ก็ยุบกองทัพ เหลือแค่เป็นกองกำลังป้องกันตัวเอง ทั้งหมดนี้ ให้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญใหม่ ที่นายพลแมคให้จัดร่างขึ้นมาใหม่ พอถึงปี ค.ศ.1951 ทั้งสองแสนสองหมื่นคน ก็หลุดจากคุกหมด ยกเว้นพวกที่หลุดมาก่อนหน้านั้นแล้ว ก็พวกหัวกะทิไง ให้ออกมาก่อน เก็บไว้แต่หางกะทิ ในปี ค.ศ.1952 นายพลแมค ก็จัดให้มีการเลือกตั้งในญี่ปุ่น และนายโยชิดะ จากพรรค Liberal Democrat Party (LDP) ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนายพลแมค ส่วนความฝันของนายพลแมคเอง ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในปี ค.ศ.1948 เขาหาเสียงโดยตรงไม่ได้ เพราะกำลังวุ่นเรื่อง SCAP อยู่ แต่เขาประกาศผ่านพวกรีพับลิกัน โดยเฉพาะกับ Hoover ที่กำกับเขามาตลอด ว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูเหมือนท่านนายพลห้าดาวจะไม่ผ่านแม้แต่การเลือกตั้งตัวแทนภายในพรรครอบแรก แต่คงไม่ช้ำใจมาก ได้ของปลอบใจไปแยะ เรียงกันหลายหลักมาก ทั้งหมดนี่ น่าจะเป็นผลงานการทำงานหนักของ ACJ ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม ภายหลังจักรพรรดิให้เหรียญตราสูงสุดกับ Kern และ Pakenham ทั้ง 2 ก็คนแล้วกัน ACJ เป็นหน่วยงานทำอะไรกันแน่ เห็นไม่ชัดเจนในช่วงนั้น เช่นเดียวกับ หน่วยงาน MRA แต่ต่อมาภายหลัง มีเอกสารเป็นหลักฐานว่า 2 หน่วยงานนี้ คือหน่วยงานหน้าฉากของ CIA และทำงานภายใต้ใบกำกับ เช่นเดียวกัน เรื่องของ ACJ นี้ เป็นตำนานของการใช้สื่อ และการล้อบบี้ที่บันลือโลกมาก เป็นตัวอย่างว่า ปากและปากกานั่น ใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกคน ก็ล้มรัฐบาล หรือ ครอบครองประเทศได้ โดยไม่ต้องใช้กำลังทหาร และแม้แต่ทหารใหญ่อย่าง นายพลแมค ที่มีหน้าที่ปกครองญี่ปุ่นในตอนนั้น ยังต้องรีบเปลี่ยนบท เฮ้ย ทำไมมันขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนดันกลายเป็นบ้องกัญ ชาอย่างนึ้ ทำเป็นฮึดฮัดโกรธจัดเรื่อง Pearl Habour ถึงขนาดต้องเอาคืน ด้วยการป้อนดอกเห็ดยักษ์ ให้พวกชอบปลาดิบกิน จนตายกันเป็นเบื่อ แล้วจบกันง่ายๆ อย่างนี้นะหรือ ที่บางประเทศ แค่ปฏิวัติบ่อยหน่อย ยังไม่ได้ถล่มกองเรือของใครเลย ทำไมด่าซ้ำด่าซาก ไม่ด่าเปล่า เสือกมีของแถมมาขู่อีก แบบนี้ ก็ยังจบเรื่องไม่ได้ แค่จบตอนครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 768 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 14

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 14
    ทั้งอังกฤษและอเมริกา ต่างอยากได้จีนมาครอง โดยไม่แบ่งกับใคร และต่างก็มีแผน และวิธีการในการใช้ญี่ปุ่นและเคี้ยวจีน ที่เหมือนร่วมมือกัน แต่ขณะเดียวกัน ก็ดัดหลังกันเอง
    สำหรับอังกฤษ ที่เป็นเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย มีกองเรือใหญ่ก็จริง แต่จีนอยู่ห่างกับอังกฤษคนละซีกโลก แถม อังกฤษต้องเตรียมเก็บกองทัพเอาไว้ทำสงครามในยุโรป อังกฤษจึงเลือกใช้ อาวุธ soft power การมอมเมาจีนด้วยฝิ่นก่อน แล้วตามมาด้วย proxy war รุ่นแรก ทันสมัยมากนะ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ อังกฤษ หลอกปั่นหัวญี่ปุ่นให้ไปตีตั๋วรวนจีนหลายรอบ รวมทั้งไปรบรัสเซียตามแผนอังกฤษ ทำให้ญี่ปุ่นหลงคิดว่าตนเองรบเก่ง เข้าขั้นเป็นชาติมหาอำนาจ
    แต่จะปั่นหัวซามูไร เหมือนปั่นจิ้งหรีด อังกฤษก็ต้องรู้วิธีปั่น
    เมื่อญี่ปุ่นคิดปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration บรรดาหัวกะทิญี่ปุ่น ที่ต้องการปฏิรูปประเทศ พากันยกโขยงกันเกือบร้อยคน ไปประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา ใช้เวลาอยู่ในประเทศต่างๆ ประมาณ 2 ปี เพื่อศึกษาด้านการปกครอง การค้า การเมือง และการทหารจากประเทศต่างๆ
    เมื่อกลับมาถึงญี่ปุ่น บารอนอีโต้ Baron Ito ซึ่งเป็นหัวกะทิหมายเลขหนึ่ง ในการเดินทางไปศึกษาระบบต่างๆ ก็สรุปว่า ในด้านการปกครอง และการเมือง ระบบของอังกฤษที่มีระบบรัฐสภา และมีกษัตริย์ หรือจักรพรรดิ เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมาะกับญี่ปุ่นที่สุด และเพื่อไม่ให้จักรพรรดิต้องเดือดร้อนในการตัดสินใจ (พูดเสียเพราะ จริงๆ ก็คือ ไม่ให้มายุ่งกับการเมืองโดยตรงนั่นแหล่ะ) ญี่ปุ่นจึงนำระบบ Council of State ของอังกฤษ มาแปลงเป็น คณะองคมนตรี หรือที่ปรึกษาของจักรพรรดิ ให้เป็นผู้เชื่อมระหว่าง การเมืองกับจักรพรรดิแทน
    ส่วนด้านการทหาร ในสายตาของญี่ปุ่น ไม่มีที่ไหนสู้เยอรมันได้ ส่วนระบบการเงิน ญี่ปุ่นเห็นว่าอังกฤษคือต้นแบบ ญี่ปุ่นก็เลยถอดแบบระบบธนาคารกลาง และการเงินการคลังมาจากอังกฤษ ทั้งหมดง่ายดี
    ดังนั้น ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1870 จนถึง 1930 บรรดาหัวกะทิ หรืออีลิตญี่ปุ่น จึงอยู่ในความเชื่อว่า อังกฤษ นั้น ศิวิไลซ์ที่สุด ยิ่งอังกฤษสร้างภาพความเป็นมิตรกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงเห็นแต่น้ำตาลที่อังกฤษฉาบไว้ ชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ราชวงศ์ชั้นสูง ลงมาถึงพวกเศรษฐีมีเงิน พวกที่อยากก้าวหน้าอย่างฝรั่ง จึงต่างพากันส่งลูกหลานไปศึกษาที่อังกฤษ เมื่อจบกลับมาก็สร้างระบบ และคิดตามที่อังกฤษฝังหัวไว้ จึงไม่ยาก ที่เหล่าซามูไรจะกลายเป็นจิ้งหรีด ให้อังกฤษปั่นหัว หลอกใช้ให้ไปรบรัสเซีย ป่วนจีน และกันท่าไม่ให้ชาติอื่น เข้ามาในจีนง่ายๆ ญี่ปุ่นมองไม่เห็นถึงไส้ในของแท้ของอังกฤษ ที่ ไม่มีวันจะเห็นชาติที่อยู่นอกเชื้อพันธ์แองโกลแซกซอน (ชนชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาประจำชาติ) มาเท่าเทียมกับตน
    และในเมื่อ Meiji Restoration ยกให้จักรพรรดิ เป็นสิ่งสูงสุดที่สวรรค์ส่งมาให้ แม้จะไม่มีอำนาจเต็มที่ในการปกครอง แต่ผู้คนก็พากันอ้างเอาจักรพรรดิเป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา จึงพยายามแทรกเข้าไปในวัง เพื่อสร้างเครือข่าย และหวังจะชักนำราชวงศ์ไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ
    น่าสนใจว่า อิทธิพลของฝรั่ง อีกรูปแบบหนึ่ง ที่เข้าไปในญี่ปุ่นสมัยนั้น ทั้งในระดับในวัง และระดับชนชั้นสูงนอกวัง คือ ศาสนาคริสเตียน ในแวดวงของจักรพรรดินี หรือตัวจักรพรรดินีเอง ส่วนใหญ่นับถือคริสเตียน ทำให้ชาวญี่ปุ่นที่นับถือคริสเตียน เปิดทางให้พวกต่างชาติคริสเตียนเคร่งศาสนา ที่เรียกว่า Quaker ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยทั้งในอังกฤษและอเมริกา รายล้อมในและนอกวัง กลายเป็นเครือข่ายที่มีอิทธิพลยิ่ง
    พวกเคว้กเกอร์ เมื่อเข้ามาในญี่ปุ่น เปิดโรงเรียนสอนภาษา และหญิงผู้ดีญี่ปุ่นก็มักจะไปเรียนหนังสือ กับพวกเคว้กเกอร์ และพวกนี้ ก็จะแนะนำเพื่อนฝูง เครือญาติ ให้เข้ามารับใช้ราชวงศ์ ขณะเดียวกัน เมื่อแต่งงานกับฝ่ายชายในสังคมชั้นสูงที่มีอำนาจในการเมืองและธุรกิจ ก็ทำให้เครือข่ายของคริสเตียนเคว้กเกอร์นี้ ยิ่งแผ่ไปในสังคมชั้นสูงของญี่ปุ่นด้วย
    ทูตอเมรืกัน ประจำญี่ปุน ปี ค.ศ.1932 Joseph Grew ซึ่งเมีย ชื่อ Alice นั้น เป็นพวกเค้วกเกอร์ ที่มีเพื่อนสนิท ที่เป็นทั้งแม่ยาย ขององค์ชายชิชิบุ และเป็นคนสนิทของจักรพรรดินี ซาดาโกะ Sadako (แม่ของจักรพรรดิฮิโรฮิโต และชิชิบุ) ที่ก็มีข่าวว่าเป็นคริสเตียนจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน Alice ก็เป็นญาติกับเมียของ Jack Morgan แห่ง J P Morgan ที่ดัง ว่อน และวุ่นไปทั่วโลก
    ด้วยเส้นสายเช่นนี้ J P Morgan จึงได้มาเปิดบริษัทการเงืนใหญ่ อยู่ในญี่ปุ่น Morgan Zaibutsu พร้อมทั้งส่ง Thomas Lamont จำชื่อเขาได้ไหมครับ เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่อีกคนของ JP Morgan มาเป็นที่ปรึกษาการเงินให้จักรพรรดืฮิโรฮิโต และเจ้านายคนอื่นๆ ด้วย ไอ้หมอนี่ มีบทบาททั้งในอเมริกาเอง เป็นกรรมการธนาคารกลางของอเมริกา ต่อมาไปวุ่นเรื่องการปฏิวัติในรัสเซีย หลังจากนั้น มาญี่ปุ่น และก็ไปวุ่นที่อิตาลี เรื่องมุสโสลินีด้วย มันเป็นม้าใช้พันธุ์โปรด ของนักล่าจริงๆ
    ธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นในช่วงต้น ค.ศ.1900 จึงอยู่ในมือ Morgan แต่ที่ผู้คนมักจะสงสัยเสมอ คือ ความจงรักภักดีของ Morgan ที่แม้จะเป็นบริษัทอยู่ในวอลสตรีท แต่ไม่แน่ว่าในส่วนลึก Morgan นั้น ผูกพันกับอเมริกา หรือ อังกฤษกันแน่ และเพราะเหตุนี้ ร้อกกี้เฟลเลอร์ คู่แข่ง จึงไม่ปล่อยให้ Morgan กวาดธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นไปรายเดียว
    อเมริกา แม้จะมาที่หลังอังกฤษในจีน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อเมริกามาสายจนเกินแกง อังกฤษใช้บริษัทบริติชอีสท์อินเดีย เป็นตัวอำนวยการแสดงในจีน แทนรัฐบาล และใช้ฝิ่นเป็นอาวุธ อเมริกาก็มีมูลนิธิร๊อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปอย่างเงียบๆ ในจีน ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1863 เมื่อ Standard Oil ของร้อกกี้เฟลเลอร์ ขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงให้แก่จีน เมื่อค้าขายไปซักพัก เขาก็เห็นตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน และอาวุธที่ร้อกกี้ใช้จี้จุดจีน แม้จะไม่ทรงอานุภาพเช่นฝิ่นของอังกฤษ แต่ขบวนการมิชชั่นนารี ภายใต้การอุดหนุนของมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปในจีนนานแล้ว แต่มาเปิดตัว เปิดหน้าในจีน อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1913 ก็ทำงานได้ตามเป้าหมายไม่น้อย ไม่เช่นนั้น อเมริกาคงไม่ได้เลี้ยงหนอนชื่อ ชาลี ซ่ง และ ซื้อไพ่ ชื่อ ซุนยัดเซ็น และเจียงไคเซ็ค
    ส่วนในญี่ปุ่นนั้น อเมริกามีวิธีแทรกเข้าไปในสังคม และการเมืองญี่ปุ่น ที่ได้ผล อย่างเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 14 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 14 ทั้งอังกฤษและอเมริกา ต่างอยากได้จีนมาครอง โดยไม่แบ่งกับใคร และต่างก็มีแผน และวิธีการในการใช้ญี่ปุ่นและเคี้ยวจีน ที่เหมือนร่วมมือกัน แต่ขณะเดียวกัน ก็ดัดหลังกันเอง สำหรับอังกฤษ ที่เป็นเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย มีกองเรือใหญ่ก็จริง แต่จีนอยู่ห่างกับอังกฤษคนละซีกโลก แถม อังกฤษต้องเตรียมเก็บกองทัพเอาไว้ทำสงครามในยุโรป อังกฤษจึงเลือกใช้ อาวุธ soft power การมอมเมาจีนด้วยฝิ่นก่อน แล้วตามมาด้วย proxy war รุ่นแรก ทันสมัยมากนะ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ อังกฤษ หลอกปั่นหัวญี่ปุ่นให้ไปตีตั๋วรวนจีนหลายรอบ รวมทั้งไปรบรัสเซียตามแผนอังกฤษ ทำให้ญี่ปุ่นหลงคิดว่าตนเองรบเก่ง เข้าขั้นเป็นชาติมหาอำนาจ แต่จะปั่นหัวซามูไร เหมือนปั่นจิ้งหรีด อังกฤษก็ต้องรู้วิธีปั่น เมื่อญี่ปุ่นคิดปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration บรรดาหัวกะทิญี่ปุ่น ที่ต้องการปฏิรูปประเทศ พากันยกโขยงกันเกือบร้อยคน ไปประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา ใช้เวลาอยู่ในประเทศต่างๆ ประมาณ 2 ปี เพื่อศึกษาด้านการปกครอง การค้า การเมือง และการทหารจากประเทศต่างๆ เมื่อกลับมาถึงญี่ปุ่น บารอนอีโต้ Baron Ito ซึ่งเป็นหัวกะทิหมายเลขหนึ่ง ในการเดินทางไปศึกษาระบบต่างๆ ก็สรุปว่า ในด้านการปกครอง และการเมือง ระบบของอังกฤษที่มีระบบรัฐสภา และมีกษัตริย์ หรือจักรพรรดิ เป็นศูนย์รวมของประเทศ เหมาะกับญี่ปุ่นที่สุด และเพื่อไม่ให้จักรพรรดิต้องเดือดร้อนในการตัดสินใจ (พูดเสียเพราะ จริงๆ ก็คือ ไม่ให้มายุ่งกับการเมืองโดยตรงนั่นแหล่ะ) ญี่ปุ่นจึงนำระบบ Council of State ของอังกฤษ มาแปลงเป็น คณะองคมนตรี หรือที่ปรึกษาของจักรพรรดิ ให้เป็นผู้เชื่อมระหว่าง การเมืองกับจักรพรรดิแทน ส่วนด้านการทหาร ในสายตาของญี่ปุ่น ไม่มีที่ไหนสู้เยอรมันได้ ส่วนระบบการเงิน ญี่ปุ่นเห็นว่าอังกฤษคือต้นแบบ ญี่ปุ่นก็เลยถอดแบบระบบธนาคารกลาง และการเงินการคลังมาจากอังกฤษ ทั้งหมดง่ายดี ดังนั้น ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1870 จนถึง 1930 บรรดาหัวกะทิ หรืออีลิตญี่ปุ่น จึงอยู่ในความเชื่อว่า อังกฤษ นั้น ศิวิไลซ์ที่สุด ยิ่งอังกฤษสร้างภาพความเป็นมิตรกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงเห็นแต่น้ำตาลที่อังกฤษฉาบไว้ ชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ราชวงศ์ชั้นสูง ลงมาถึงพวกเศรษฐีมีเงิน พวกที่อยากก้าวหน้าอย่างฝรั่ง จึงต่างพากันส่งลูกหลานไปศึกษาที่อังกฤษ เมื่อจบกลับมาก็สร้างระบบ และคิดตามที่อังกฤษฝังหัวไว้ จึงไม่ยาก ที่เหล่าซามูไรจะกลายเป็นจิ้งหรีด ให้อังกฤษปั่นหัว หลอกใช้ให้ไปรบรัสเซีย ป่วนจีน และกันท่าไม่ให้ชาติอื่น เข้ามาในจีนง่ายๆ ญี่ปุ่นมองไม่เห็นถึงไส้ในของแท้ของอังกฤษ ที่ ไม่มีวันจะเห็นชาติที่อยู่นอกเชื้อพันธ์แองโกลแซกซอน (ชนชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาประจำชาติ) มาเท่าเทียมกับตน และในเมื่อ Meiji Restoration ยกให้จักรพรรดิ เป็นสิ่งสูงสุดที่สวรรค์ส่งมาให้ แม้จะไม่มีอำนาจเต็มที่ในการปกครอง แต่ผู้คนก็พากันอ้างเอาจักรพรรดิเป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา จึงพยายามแทรกเข้าไปในวัง เพื่อสร้างเครือข่าย และหวังจะชักนำราชวงศ์ไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ น่าสนใจว่า อิทธิพลของฝรั่ง อีกรูปแบบหนึ่ง ที่เข้าไปในญี่ปุ่นสมัยนั้น ทั้งในระดับในวัง และระดับชนชั้นสูงนอกวัง คือ ศาสนาคริสเตียน ในแวดวงของจักรพรรดินี หรือตัวจักรพรรดินีเอง ส่วนใหญ่นับถือคริสเตียน ทำให้ชาวญี่ปุ่นที่นับถือคริสเตียน เปิดทางให้พวกต่างชาติคริสเตียนเคร่งศาสนา ที่เรียกว่า Quaker ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยทั้งในอังกฤษและอเมริกา รายล้อมในและนอกวัง กลายเป็นเครือข่ายที่มีอิทธิพลยิ่ง พวกเคว้กเกอร์ เมื่อเข้ามาในญี่ปุ่น เปิดโรงเรียนสอนภาษา และหญิงผู้ดีญี่ปุ่นก็มักจะไปเรียนหนังสือ กับพวกเคว้กเกอร์ และพวกนี้ ก็จะแนะนำเพื่อนฝูง เครือญาติ ให้เข้ามารับใช้ราชวงศ์ ขณะเดียวกัน เมื่อแต่งงานกับฝ่ายชายในสังคมชั้นสูงที่มีอำนาจในการเมืองและธุรกิจ ก็ทำให้เครือข่ายของคริสเตียนเคว้กเกอร์นี้ ยิ่งแผ่ไปในสังคมชั้นสูงของญี่ปุ่นด้วย ทูตอเมรืกัน ประจำญี่ปุน ปี ค.ศ.1932 Joseph Grew ซึ่งเมีย ชื่อ Alice นั้น เป็นพวกเค้วกเกอร์ ที่มีเพื่อนสนิท ที่เป็นทั้งแม่ยาย ขององค์ชายชิชิบุ และเป็นคนสนิทของจักรพรรดินี ซาดาโกะ Sadako (แม่ของจักรพรรดิฮิโรฮิโต และชิชิบุ) ที่ก็มีข่าวว่าเป็นคริสเตียนจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน Alice ก็เป็นญาติกับเมียของ Jack Morgan แห่ง J P Morgan ที่ดัง ว่อน และวุ่นไปทั่วโลก ด้วยเส้นสายเช่นนี้ J P Morgan จึงได้มาเปิดบริษัทการเงืนใหญ่ อยู่ในญี่ปุ่น Morgan Zaibutsu พร้อมทั้งส่ง Thomas Lamont จำชื่อเขาได้ไหมครับ เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่อีกคนของ JP Morgan มาเป็นที่ปรึกษาการเงินให้จักรพรรดืฮิโรฮิโต และเจ้านายคนอื่นๆ ด้วย ไอ้หมอนี่ มีบทบาททั้งในอเมริกาเอง เป็นกรรมการธนาคารกลางของอเมริกา ต่อมาไปวุ่นเรื่องการปฏิวัติในรัสเซีย หลังจากนั้น มาญี่ปุ่น และก็ไปวุ่นที่อิตาลี เรื่องมุสโสลินีด้วย มันเป็นม้าใช้พันธุ์โปรด ของนักล่าจริงๆ ธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นในช่วงต้น ค.ศ.1900 จึงอยู่ในมือ Morgan แต่ที่ผู้คนมักจะสงสัยเสมอ คือ ความจงรักภักดีของ Morgan ที่แม้จะเป็นบริษัทอยู่ในวอลสตรีท แต่ไม่แน่ว่าในส่วนลึก Morgan นั้น ผูกพันกับอเมริกา หรือ อังกฤษกันแน่ และเพราะเหตุนี้ ร้อกกี้เฟลเลอร์ คู่แข่ง จึงไม่ปล่อยให้ Morgan กวาดธุรกิจการเงินในญี่ปุ่นไปรายเดียว อเมริกา แม้จะมาที่หลังอังกฤษในจีน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อเมริกามาสายจนเกินแกง อังกฤษใช้บริษัทบริติชอีสท์อินเดีย เป็นตัวอำนวยการแสดงในจีน แทนรัฐบาล และใช้ฝิ่นเป็นอาวุธ อเมริกาก็มีมูลนิธิร๊อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปอย่างเงียบๆ ในจีน ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1863 เมื่อ Standard Oil ของร้อกกี้เฟลเลอร์ ขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงให้แก่จีน เมื่อค้าขายไปซักพัก เขาก็เห็นตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน และอาวุธที่ร้อกกี้ใช้จี้จุดจีน แม้จะไม่ทรงอานุภาพเช่นฝิ่นของอังกฤษ แต่ขบวนการมิชชั่นนารี ภายใต้การอุดหนุนของมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เข้าไปในจีนนานแล้ว แต่มาเปิดตัว เปิดหน้าในจีน อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1913 ก็ทำงานได้ตามเป้าหมายไม่น้อย ไม่เช่นนั้น อเมริกาคงไม่ได้เลี้ยงหนอนชื่อ ชาลี ซ่ง และ ซื้อไพ่ ชื่อ ซุนยัดเซ็น และเจียงไคเซ็ค ส่วนในญี่ปุ่นนั้น อเมริกามีวิธีแทรกเข้าไปในสังคม และการเมืองญี่ปุ่น ที่ได้ผล อย่างเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 520 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: "เพื่อนวัยเด็กมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ในอนาคตมากกว่าแม่"

    ทฤษฎีการยึดเหนี่ยว (Attachment Theory) ที่ริเริ่มโดย John Bowlby ในทศวรรษ 1970 เคยเชื่อว่าความสัมพันธ์กับพ่อแม่ โดยเฉพาะแม่ เป็นตัวกำหนดรูปแบบความผูกพันในอนาคต แต่การศึกษาระยะยาวกว่า 30 ปีล่าสุดกลับพบว่า เพื่อนวัยเด็กมีบทบาทสำคัญกว่า.

    งานวิจัยนี้ติดตามเด็กกว่า 1,364 คนตั้งแต่ปี 1991 และต่อเนื่องจนพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ช่วงอายุ 26–31 ปี ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า ความสัมพันธ์กับแม่มีผลต่อความมั่นคงทางอารมณ์เพียง 2–3% ขณะที่ คุณภาพของมิตรภาพในวัยเด็กส่งผลถึง 10–11% ต่อการหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ และ 4% ต่อความวิตกกังวลในความสัมพันธ์กับคู่รักและเพื่อนสนิท.

    นักวิจัยอธิบายว่า มิตรภาพในวัยเด็กคือการฝึกฝน “การให้และรับ” ซึ่งเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ในวัยผู้ใหญ่ หากเด็กมีเพื่อนที่ดีและรู้สึกเชื่อมโยง ก็มีแนวโน้มที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและปลอดภัยเมื่อโตขึ้น.

    ผลการศึกษานี้จึงท้าทายความเชื่อเดิม และชี้ให้เห็นว่า การเลือกเพื่อนในวัยเรียนมีผลต่อชีวิตในระยะยาว ไม่แพ้การเลี้ยงดูจากครอบครัว.

    สรุปสาระสำคัญ
    การศึกษาระยะยาว 30 ปี
    ติดตามเด็กกว่า 1,364 คนตั้งแต่ปี 1991 จนถึงวัยผู้ใหญ่

    ผลกระทบจากแม่
    มีผลต่อความมั่นคงทางอารมณ์เพียง 2–3%

    ผลกระทบจากเพื่อนวัยเด็ก
    ส่งผล 10–11% ต่อการหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์
    ส่งผล 4% ต่อความวิตกกังวลในความสัมพันธ์กับคู่รักและเพื่อนสนิท

    ข้อสรุปของนักวิจัย
    มิตรภาพวัยเด็กคือการฝึกฝนการให้และรับ ซึ่งสะท้อนในความสัมพันธ์ตอนโต

    คำเตือนด้านการเลี้ยงดู
    แม้แม่ยังมีบทบาท แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการสร้าง attachment styles

    คำเตือนด้านสังคม
    การขาดมิตรภาพที่ดีในวัยเด็กอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคงในอนาคต

    https://nautil.us/childhood-friends-not-moms-shape-attachment-styles-most-1247316/
    🧑‍🤝‍🧑 หัวข้อข่าว: "เพื่อนวัยเด็กมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ในอนาคตมากกว่าแม่" ทฤษฎีการยึดเหนี่ยว (Attachment Theory) ที่ริเริ่มโดย John Bowlby ในทศวรรษ 1970 เคยเชื่อว่าความสัมพันธ์กับพ่อแม่ โดยเฉพาะแม่ เป็นตัวกำหนดรูปแบบความผูกพันในอนาคต แต่การศึกษาระยะยาวกว่า 30 ปีล่าสุดกลับพบว่า เพื่อนวัยเด็กมีบทบาทสำคัญกว่า. งานวิจัยนี้ติดตามเด็กกว่า 1,364 คนตั้งแต่ปี 1991 และต่อเนื่องจนพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ช่วงอายุ 26–31 ปี ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า ความสัมพันธ์กับแม่มีผลต่อความมั่นคงทางอารมณ์เพียง 2–3% ขณะที่ คุณภาพของมิตรภาพในวัยเด็กส่งผลถึง 10–11% ต่อการหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ และ 4% ต่อความวิตกกังวลในความสัมพันธ์กับคู่รักและเพื่อนสนิท. นักวิจัยอธิบายว่า มิตรภาพในวัยเด็กคือการฝึกฝน “การให้และรับ” ซึ่งเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ในวัยผู้ใหญ่ หากเด็กมีเพื่อนที่ดีและรู้สึกเชื่อมโยง ก็มีแนวโน้มที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและปลอดภัยเมื่อโตขึ้น. ผลการศึกษานี้จึงท้าทายความเชื่อเดิม และชี้ให้เห็นว่า การเลือกเพื่อนในวัยเรียนมีผลต่อชีวิตในระยะยาว ไม่แพ้การเลี้ยงดูจากครอบครัว. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การศึกษาระยะยาว 30 ปี ➡️ ติดตามเด็กกว่า 1,364 คนตั้งแต่ปี 1991 จนถึงวัยผู้ใหญ่ ✅ ผลกระทบจากแม่ ➡️ มีผลต่อความมั่นคงทางอารมณ์เพียง 2–3% ✅ ผลกระทบจากเพื่อนวัยเด็ก ➡️ ส่งผล 10–11% ต่อการหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ ➡️ ส่งผล 4% ต่อความวิตกกังวลในความสัมพันธ์กับคู่รักและเพื่อนสนิท ✅ ข้อสรุปของนักวิจัย ➡️ มิตรภาพวัยเด็กคือการฝึกฝนการให้และรับ ซึ่งสะท้อนในความสัมพันธ์ตอนโต ‼️ คำเตือนด้านการเลี้ยงดู ⛔ แม้แม่ยังมีบทบาท แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการสร้าง attachment styles ‼️ คำเตือนด้านสังคม ⛔ การขาดมิตรภาพที่ดีในวัยเด็กอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคงในอนาคต https://nautil.us/childhood-friends-not-moms-shape-attachment-styles-most-1247316/
    NAUTIL.US
    Childhood Friends, Not Moms, Shape Attachment Styles Most
    Childhood Friends, Not Moms, Shape Attachment Styles Most: A new study upends conventional wisdom about how we relate to those closest to us.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cambridge Dictionary เลือกคำว่า Parasocial เป็น Word of the Year 2025

    Cambridge Dictionary ประกาศว่า “parasocial” คือคำแห่งปี 2025 โดยสะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อความสัมพันธ์แบบด้านเดียวที่ผู้คนสร้างขึ้นกับ คนดัง, อินฟลูเอนเซอร์ และแม้แต่ AI chatbot ซึ่งกลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญในยุคดิจิทัล Lexicographers ระบุว่าปีนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยการพูดถึงความสัมพันธ์ที่ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดกับบุคคลที่ไม่เคยพบจริง ๆ

    ความหมายและที่มา
    คำว่า parasocial หมายถึง “การเชื่อมโยงที่ใครบางคนรู้สึกกับบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งตนไม่รู้จักจริง” แนวคิดนี้ถูกบันทึกครั้งแรกในปี 1956 โดยนักสังคมวิทยามหาวิทยาลัยชิคาโก ที่สังเกตว่าผู้ชมโทรทัศน์เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับพิธีกรเหมือนเป็นเพื่อนหรือครอบครัว ปัจจุบันคำนี้ถูกนำมาใช้อธิบายความสัมพันธ์กับคนดังบนโซเชียลมีเดีย และล่าสุดกับ AI ที่ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็น “เพื่อน” หรือ “ที่ปรึกษา”

    บริบทใหม่ในยุค AI
    นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ชี้ว่า ปรากฏการณ์ parasocial กำลังขยายตัวไปสู่ การปฏิสัมพันธ์กับเครื่องมือ AI เช่น ChatGPT หรือ Copilot ที่ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็นเพื่อนสนิทหรือที่ปรึกษา แม้จะไม่มีการตอบสนองทางอารมณ์จริง ๆ แต่การให้กำลังใจและการสนทนาเชิงบวกทำให้เกิดความรู้สึกผูกพัน

    คำใหม่ที่ถูกบรรจุในพจนานุกรม
    นอกจาก parasocial แล้ว Cambridge Dictionary ยังเพิ่มคำสแลงใหม่ ๆ ที่สะท้อนวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ต เช่น
    skibidi – ใช้ได้ทั้งในความหมาย “เจ๋ง” หรือ “แย่” และบางครั้งไม่มีความหมายเลย
    delulu – มาจากคำว่า delusional ใช้เรียกคนที่หลงผิดหรือมโนเกินจริง
    tradwife – หมายถึงผู้หญิงที่เลือกใช้ชีวิตแบบภรรยาในบ้าน ทำงานบ้านและดูแลครอบครัว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Cambridge Dictionary เลือก “parasocial” เป็น Word of the Year 2025
    สะท้อนความสนใจต่อความสัมพันธ์ด้านเดียวกับคนดังและ AI

    ที่มาของคำ parasocial
    เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 1956 โดยนักสังคมวิทยามหาวิทยาลัยชิคาโก

    คำใหม่ที่ถูกบรรจุในพจนานุกรมปีนี้
    เช่น skibidi, delulu, tradwife

    ความเสี่ยงจากความสัมพันธ์ parasocial ที่เข้มข้นเกินไป
    อาจทำให้ผู้คนสับสนระหว่างความสัมพันธ์จริงกับความสัมพันธ์เสมือน

    การใช้ AI เป็น “เพื่อน” หรือ “ที่ปรึกษา”
    อาจนำไปสู่การพึ่งพาทางอารมณ์ที่ไม่สมดุล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/039parasocial039-crowned-cambridge-dictionary-word-of-2025
    📖 Cambridge Dictionary เลือกคำว่า Parasocial เป็น Word of the Year 2025 Cambridge Dictionary ประกาศว่า “parasocial” คือคำแห่งปี 2025 โดยสะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อความสัมพันธ์แบบด้านเดียวที่ผู้คนสร้างขึ้นกับ คนดัง, อินฟลูเอนเซอร์ และแม้แต่ AI chatbot ซึ่งกลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญในยุคดิจิทัล Lexicographers ระบุว่าปีนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยการพูดถึงความสัมพันธ์ที่ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดกับบุคคลที่ไม่เคยพบจริง ๆ 🌍 ความหมายและที่มา คำว่า parasocial หมายถึง “การเชื่อมโยงที่ใครบางคนรู้สึกกับบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งตนไม่รู้จักจริง” แนวคิดนี้ถูกบันทึกครั้งแรกในปี 1956 โดยนักสังคมวิทยามหาวิทยาลัยชิคาโก ที่สังเกตว่าผู้ชมโทรทัศน์เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับพิธีกรเหมือนเป็นเพื่อนหรือครอบครัว ปัจจุบันคำนี้ถูกนำมาใช้อธิบายความสัมพันธ์กับคนดังบนโซเชียลมีเดีย และล่าสุดกับ AI ที่ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็น “เพื่อน” หรือ “ที่ปรึกษา” 🤖 บริบทใหม่ในยุค AI นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ชี้ว่า ปรากฏการณ์ parasocial กำลังขยายตัวไปสู่ การปฏิสัมพันธ์กับเครื่องมือ AI เช่น ChatGPT หรือ Copilot ที่ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็นเพื่อนสนิทหรือที่ปรึกษา แม้จะไม่มีการตอบสนองทางอารมณ์จริง ๆ แต่การให้กำลังใจและการสนทนาเชิงบวกทำให้เกิดความรู้สึกผูกพัน 🆕 คำใหม่ที่ถูกบรรจุในพจนานุกรม นอกจาก parasocial แล้ว Cambridge Dictionary ยังเพิ่มคำสแลงใหม่ ๆ ที่สะท้อนวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ต เช่น 💠 skibidi – ใช้ได้ทั้งในความหมาย “เจ๋ง” หรือ “แย่” และบางครั้งไม่มีความหมายเลย 💠 delulu – มาจากคำว่า delusional ใช้เรียกคนที่หลงผิดหรือมโนเกินจริง 💠 tradwife – หมายถึงผู้หญิงที่เลือกใช้ชีวิตแบบภรรยาในบ้าน ทำงานบ้านและดูแลครอบครัว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Cambridge Dictionary เลือก “parasocial” เป็น Word of the Year 2025 ➡️ สะท้อนความสนใจต่อความสัมพันธ์ด้านเดียวกับคนดังและ AI ✅ ที่มาของคำ parasocial ➡️ เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 1956 โดยนักสังคมวิทยามหาวิทยาลัยชิคาโก ✅ คำใหม่ที่ถูกบรรจุในพจนานุกรมปีนี้ ➡️ เช่น skibidi, delulu, tradwife ‼️ ความเสี่ยงจากความสัมพันธ์ parasocial ที่เข้มข้นเกินไป ⛔ อาจทำให้ผู้คนสับสนระหว่างความสัมพันธ์จริงกับความสัมพันธ์เสมือน ‼️ การใช้ AI เป็น “เพื่อน” หรือ “ที่ปรึกษา” ⛔ อาจนำไปสู่การพึ่งพาทางอารมณ์ที่ไม่สมดุล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/039parasocial039-crowned-cambridge-dictionary-word-of-2025
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Parasocial' crowned Cambridge Dictionary word of 2025
    Lexicographers picked it in a year they said was marked by interest in the one-sided parasocial relationships that people form with celebrities, influencers and AI chatbots.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ บทแถม ตอน ฤทธิ์ยิว 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทแถม
    “ฤทธิ์ยิว”

    (5)

    นี่เล่ามา เป็นการเจริญเติบโตของอิทธิพลยิว ก่อนอเมริกาจะมีประธานาธิบดี ชื่อ Woodlow Wilson ที่ได้รับสมญาว่า “สุดยอดตัวสำรอง” รองจากประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt ที่ได้รับขนานนามว่า “เป็นสุดยอดขวัญใจ” ของอเมริกันยิว Wilson นั้น เป็นที่รู้กันว่าเขาใกล้ชิดกับพวกยิว และรัฐบาลของเขาอยู่ในมือพวกยิว Wilson รู้สึกจะเป็นประธานาธิบดีของอเมริกาคนแรก ที่ยิวให้การสนับสนุนเต็มที่ ดันเต็มหลัง ทั้งด้านการเงิน และการอื่น นับเป็นม้าแข่ง ที่พวกยิวบอกว่า นำถ้วยรางวัลมาให้พวกเขาอย่างคุ้มการลงทุน

    พวกยิวมีจำนวนไม่กี่หยิบมือ แต่ไม่กี่หยิบมือนี้ ได้หยิบชิ้นปลามัน สร้างฐานอำนาจในปี 1912 เรียบร้อย Herzl อายุสั้น เลยไม่ได้นั่งบัลลังก์ใด แต่ผู้ที่เดินตามเจตนารมย์ของเขาดูเหมือนจะดำเนินการไม่พลาดเป้าหมาย ที่ Herzl กำหนดไว้

    – Oscar Straus ยิวเยอรมัน เป็นยิวคนแรก ที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในอเมริกา เขาได้ในสมัยประธานาธิบดี Roosevelt และต่อมาได้ไปเป็นทูต ประจำออตโตมาน ในสมัยของ Taft
    – Jacob Schiff หัวหน้าใหญ่ ของบริษัทการเงิน Kuhn, Loeb รายนี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ
    – Louis Marshall ไซออนนิสต์ ผู้ก่อตั้ง AJC
    – พี่น้องตระกูล Warburg: Paul, Felix และ Max ตระกูลนี้ก็คงไม่ต้องบรรยาย
    – Henry Morgenthau, Sr. ทนายความ พ่อของ Henry ซึ่งต่อมามีอิทธิพลมากกว่าพ่อ
    – Louis Brandeis ทนายความ ไซออนนิสต์ชนิดเข้ม ซึ่งต่อมามีอิทธิพลสูงยิ่ง
    – Samuel Untermyer ทนายความเขี้ยวยาว
    – Bernard Baruch นักการเงินจาก วอลสตรีท สุดยอดนักชักใย
    – Stephen Wise นักบวชยิวออสเตรียนและ ไซออนนิสต์อย่างเข้มข้น
    – Richard Gottheil นักบวชยิวอังกฤษ และ ไซออนนิสต์

    นี่เป็นตาข่ายยิวตัวสำคัญ เฉพาะฝั่งอเมริกาเท่านั้น ยังมีทางฝั่งอังกฤษ และยุโรปที่ทำงานกันเป็นเครือข่ายอีกไม่น้อย

    พวกที่ใช้อำนาจอันร้ายกาจของก ระเป๋าเงิน รายใหญ่ที่สำแดงเดชช่วย Wilson คือ Henry Morgenthau, Jacob Schiff, Samuel Untermyer และหน้าใหม่แต่มาแรง คือ Bernard Baruch ส่วนบทบาทของ Warburg นั้นน่าสนใจ เขาน่าจะเป็นมันสมองให้ยิว ทั้งฝั่งอเมริกา ยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน และ Federal Reserve System ของอเมริกา เป็นผลงานของ Paul Warburg ล้วนๆ

    Morgenthau สนับสนุน ม้าชื่อ Wilson ตั้งแต่ Wilson ยังเป็นผู้ว่าการนิวเจอร์ซี เขาจ่ายเงินดูแล Wilson เป็นรายเดือน เป็นที่รู้กันว่า Morgenthau สนับสนุน Wilson แบบไม่มีอั้น และเมื่อ Wilson ได้เป็นประธานาธิบดี ในปี 1912 เขาก็ตอบแทน Morgenthau แบบไม่อั้นเช่นเดียวกัน Morgenthau ได้ไปเป็นทูตอเมริกา ประจำที่ออตโตมานตามคาด เพื่อดูแลปาเลสไตน์

    ส่วน Louise Brandis ได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูง เป็นยิวคนแรกในวงการยุติธรรม เขาเป็นอยู่ 23 ปีและมีบทบาทสำคัญในสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง แต่ที่มาของการได้ตำแหน่งของเขา ค่อนข้างพิเศษกว่าใคร

    มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อ Wilson ได้นั่งเก้าอี้ตำแหน่งประธานาธิบดี ในปี 1914 ไม่กี่วัน เขามียิวรุ่นใหญ่ ที่อยู่ในกลุ่มเจ้าของกระเป๋าที่ สนับสนุน Wilson มาขอพบ คือ Samuel Untermeyer ซึ่งเป็นทนาย ของสำนักงาน Guggemheim, Untermeyer & Marshall ที่ดูแลด้านกฏหมายให้แก่ Kuhn, Loeb & Co
    Untermeyer บอกกับ Wilson ว่า เขามีลูกความที่เป็นภรรยา ของอาจารย์ ที่สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Princton ช่วงเดียวกับที่ Wilson สอน และลูกความของเขาขอให้แจ้งกับ Wilson ว่า เธอยินดีที่จะรับเงิน 40,000 เหรียญ แทนการฟ้องร้อง Wilson เรื่องการผิดสัญญา แล้ว Untermeyer ก็ควักจดหมายมัดใหญ่ ยื่นให้ Wilson มันเป็นจดหมายที่ Wilson เขียนถึงเมียของเพื่อนร่วมงาน Wilson จำลายมือตัวเองได้ แต่เขาบอกว่า เขาไม่มีเงิน 40,000 เหรียญที่จะจ่ายให้กับคนที่แบล๊กเมล์เขา Untermeyer บอกไม่เป็นไรหรอก ท่านประธานาธิบดี เรื่องเงินจำนวนนี้ ผมจะเป็นคนจัดการแทนท่านเอง แต่ผมขอให้ท่านรับปากว่า เมื่อมีตำแหน่งในศาลสูงว่างเมื่อ ไหร่ ขอให้แต่งตั้ง ไซออนนิสต์ ยิวเคร่ง ชื่อ Louise Dembitz Brandeis ก็แล้วกัน Wilson ก็รับปาก หลังจากนั้น ไม่ถึงปี วันที่ 5 มิถุนายน 1915 Louise Brandeis ก็ได้รับเลือกเป็นผู้พิพากษาศาลสูง

    แต่คนที่ได้ตำแหน่ง และมีบทบาทโดดเด่นที่สุด คือ Bernard Baruch ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 Baruch โผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ อยู่ดีๆ ก็หยิบชิ้นปลามัน ในปี คศ 1915 อังกฤษทำสงครามกับเยอรมันแล้ว แต่อเมริกายังเป็นกลาง Baruch เตือนให้อเมริกาเตรียมพร้อมสำหรับเข้าสงคราม เขาหงุดหงิดว่า อเมริกาไม่เตรียมอะไรเลย เขาเชื่อว่าอเมริกาต้องถูกลากเข้าไปทำสงครามแน่นอน และจะมาเร็วกว่าที่คิด และคงเป็นเรื่องของนางฟ้าเศก Baruch ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า สภากลาโหม Council of National Defense ในต้นปี คศ 1916 เขาเข้าไปควบคุม หน่วยงานน่าสนใจคือ คณกรรมการสำหรับกิจการสงคราม War Industries Board (WIB) ซึ่งในเวลาสงคราม หน่วยงานนี้จะมีอำนาจล้นฟ้า และ Baruch คนเดียวโดดๆ เป็นคนคุม และกุมแน่นหน่วยงานนี้ตลอดช่วงเวลาสงคราม

    ในคำให้การของ Baruch ต่อวุฒิสมาชิก Albert Jefferies เขาสรุป บทบาทของเขาดังนี้:

    ” ผมเป็นคนดูแลตัดสินใจ ว่า จะให้ใคร หน่วยงานไหน ได้อะไร การตัดสินใจอยู่ที่ผม ท่านประธานาธิบดี มอบหมายให้ผมเป็นคนตัดสินใจ ว่า กองทัพบก หรือ กองทัพเรือ ควรจะได้อะไร หรือ การรถไฟ ควรมีอะไร หรือ ฝ่ายสัมพันธมิตร หรือ ท่านนายพล Allenby ควรมีรถไฟหรือไม่ หรือควรเอาไปใช้ที่รัสเซีย หรือใช้ที่ฝรั่งเศส ใช่ ผมมีอำนาจมาก ผมอาจมีอำนาจมากกว่าที่ใครๆเคยมีในสงคราม มันน่าสงสัย แต่มันเป็นเรื่องจริง”
    ก็น่าสงสัยจริงอยู่หรอก ว่า คนหนุ่มชาวยิว ที่ไม่เคยได้ลงเลือกตั้งอะไรเลย ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองแม้แต่น้อย แต่ในยามวิกฤติ เขากลายเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในรัฐบาล รองมาจากประธานาธิบดี บทบาทของเขาตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ว่าใหญ่แล้ว แต่นั่นมันเป็นแค่การซ้อมใหญ่ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ Franklin D Roosevelt เป็นประธานาธิบดี Baruch ในฐานะ หัวหน้า สำนักงาน War Mobilization ดูเหมือนจะใหญ่มากกว่า และในฐานะที่เขาได้กลายเป็นเพื่อนสนิทของท่านหลอด Winston Churchill ของอังกฤษด้วย “Barney” ก็กลายเป็นชื่อ ที่ใครๆ ก็ต้องเรียกหา

    ####################
    “ฤทธิ์ยิว”

    (6)

    สงครามโลกครั้งที่ 1 ตีระฆังเริ่ม ในเดือนสิงหาคม 1914 เมื่อกองทัพเยอรมันเคลื่อนพลผ่านเข้าไปในเขตแดนของเบลเยี่ยม ที่ประกาศตัวเป็นกลาง โดยมีเป้าหมายปลายทางคือฝรั่งเศส หลังจากนั้นหลายประเทศก็ทยอยกันเข้าสู่สงคราม ถึงปลายปี 1914 ประมาณ 10 ประเทศ ก็อยู่ในสภาวะสงคราม แต่อเมริกา ยังใช้ยโนบายเป็นกลางอยู่ต่อไป อีกเกือบ 2 ปีครึ่ง สุนทรพจน์ของ Wilson เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม คศ 1914 หลังจากสงครามเริ่มหมาดๆ ประกาศชัดหูคนอเมริกัน ว่า”…เรามีหน้าที่ ที่จะเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ ที่มีความสงบ…” และเมื่อตอนหาเสียง ที่จะเป็นประธานาธิบดีสมัย 2 ในปี 1916 คำขวัญของ Wilson ที่บอกว่า เขาไม่พาเราเข้าสงคราม he kept us out of war ยังก้องหูคนอเมริกันอยู่

    แต่แล้วในวันที่ 2 เมษายน 1917 Wilson ก็เลี้ยวออกนอกเส้นทางกระทันหัน ประกาศสงครามกับเยอรมัน ชาวบ้านอเมริกันตามไม่ทันหัวทิ่มกันเป็นแถว โผคำอธิบาย ที่วงในรัฐบาลสั่งให้สื่อกระป๋องสีตรายิว ช่วยกันโหม คือ เนื่องมาจากการกระทำอันป่าเถื่อนของเยอรมัน ที่ใช้ตอร์ปิโดยิงเรือโดยสารและเรือบรรทุกสินค้าของอเมริกัน และเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออีกแล้ว นอกจากทำสงครามกับไอ้พวกเถื่อนนั้น ทั้งข่าว ทั้งภาพ ดุเดือดถึงใจ
    อันที่จริงเมื่อเริ่มสงครามใหม่ๆ เยอรมันยิงตอร์ปิโดร์ใส่เรือบรรทุกสินค้าของฝ่ายสัมพันธมิตรจริง แต่เมื่อ Wilson ทำการประท้วงเมื่อเดือนสิงหาคม 1915 เยอรมันก็หยุดยิง เยอรมันหยุดยิงไปนานพอสมควร จนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 1917 และตลอดเวลาที่เยอรมันหยุดยิง อเมริกาก็ค้าขายกับอังกฤษ ศัตรูของเยอรมัน อย่างสบายใจ ส่งสินค้าเพื่อสงครามให้อังกฤษ แถมช่วยอังกฤษ บล๊อกเส้นทางเดินเรือส่งสินค้าของเยอรมันอีกด้วย ก็ไม่น่าแปลกใจ ที่ในที่สุดเยอรมัน ก็กลับมายิงเรือทุกลำไม่ว่าของชาติไหน ที่ผ่านมาในเขต war zone

    แล้วตกลงสาเหตุ ของการประกาศเข้าสู่สงครามของอเมริกา จริงๆมันคืออะไรกันแน่

    วุฒิสมาชิก George Norris บอกว่า คนอเมริกัน ถูกทำให้เข้วจากประวัติศาสตร์ และจากความจริงที่มาจากการที่พวกนักการเงินวอลสตรีท ให้เงินกู้จำนวนมหึมากับพวกสัมพันธมิตร และแน่นอนพวกนี้กลัวหนี้สูญ ทั้งๆที่พวกเขาก็ทำกำไรได้มากมายจากการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ กลุ่มพวกนี้แหละ ที่ใช้ให้พวกสื่อกระป๋องสี ละเลงเสียจนคนอเมริกัน เปลี่ยนใจ อยากจะทำสงครามกันไปหมด ทุกสงครามมีแต่ความหายนะ…. เรา เข้าสู่สงครามเพราะคำสั่งของทอง และใครล่ะที่มีทอง …

    อำนาจ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ บางทีการสร้างภาพว่า มีอำนาจ ก็ทำให้กลายเป็นมีอำนาจจริงไปได้ ถ้ามีคนเชื่อ พวกยิวขณะนั้น ไม่มีกองทัพของตนเอง ไม่มีประเทศของตนเอง แถม มีเรื่องขัดแย้งเกิดอยู่ในหลายประเทศ และในหลายประเทศนั้น มีชาวยิว อยู่จำนวนน้อยมาก ไม่เกิน 1 หรือ 2 % ของจำนวนพลเมืองในประเทศนั้นๆ แต่คนจำนวนเท่าหยิบมือนี้ สามารถบงการนโยบายต่างประเทศได้ สามารถจุดชนวนสงครามได้ และสามารถชี้นำ หรือคัดท้ายผลของสงครามนั้นได้อีกด้วย ตัวอย่างที่เห็น คือ การที่อเมริกายกเลิกสนธิสัญญากับรัสเซีย ในปี 1911, การเลือกตั้งประธานาธิบดีของอเมริกา ในปี 1912 และอีกหลายเรื่องที่จะเล่าต่อไป

    แต่สิ่งสำคัญ ที่ทำให้คน “เชื่อ” ในภาพที่สร้างนั้น เป็นผลงานของสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อประเภทใด พวกยิวซื้อ ครอบครอง และควบคุมไว้หมดสิ้น และใช้อย่างได้ผลเลิศ เป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้าม

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    8 มิ.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ บทแถม ตอน ฤทธิ์ยิว 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทแถม “ฤทธิ์ยิว” (5) นี่เล่ามา เป็นการเจริญเติบโตของอิทธิพลยิว ก่อนอเมริกาจะมีประธานาธิบดี ชื่อ Woodlow Wilson ที่ได้รับสมญาว่า “สุดยอดตัวสำรอง” รองจากประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt ที่ได้รับขนานนามว่า “เป็นสุดยอดขวัญใจ” ของอเมริกันยิว Wilson นั้น เป็นที่รู้กันว่าเขาใกล้ชิดกับพวกยิว และรัฐบาลของเขาอยู่ในมือพวกยิว Wilson รู้สึกจะเป็นประธานาธิบดีของอเมริกาคนแรก ที่ยิวให้การสนับสนุนเต็มที่ ดันเต็มหลัง ทั้งด้านการเงิน และการอื่น นับเป็นม้าแข่ง ที่พวกยิวบอกว่า นำถ้วยรางวัลมาให้พวกเขาอย่างคุ้มการลงทุน พวกยิวมีจำนวนไม่กี่หยิบมือ แต่ไม่กี่หยิบมือนี้ ได้หยิบชิ้นปลามัน สร้างฐานอำนาจในปี 1912 เรียบร้อย Herzl อายุสั้น เลยไม่ได้นั่งบัลลังก์ใด แต่ผู้ที่เดินตามเจตนารมย์ของเขาดูเหมือนจะดำเนินการไม่พลาดเป้าหมาย ที่ Herzl กำหนดไว้ – Oscar Straus ยิวเยอรมัน เป็นยิวคนแรก ที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในอเมริกา เขาได้ในสมัยประธานาธิบดี Roosevelt และต่อมาได้ไปเป็นทูต ประจำออตโตมาน ในสมัยของ Taft – Jacob Schiff หัวหน้าใหญ่ ของบริษัทการเงิน Kuhn, Loeb รายนี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ – Louis Marshall ไซออนนิสต์ ผู้ก่อตั้ง AJC – พี่น้องตระกูล Warburg: Paul, Felix และ Max ตระกูลนี้ก็คงไม่ต้องบรรยาย – Henry Morgenthau, Sr. ทนายความ พ่อของ Henry ซึ่งต่อมามีอิทธิพลมากกว่าพ่อ – Louis Brandeis ทนายความ ไซออนนิสต์ชนิดเข้ม ซึ่งต่อมามีอิทธิพลสูงยิ่ง – Samuel Untermyer ทนายความเขี้ยวยาว – Bernard Baruch นักการเงินจาก วอลสตรีท สุดยอดนักชักใย – Stephen Wise นักบวชยิวออสเตรียนและ ไซออนนิสต์อย่างเข้มข้น – Richard Gottheil นักบวชยิวอังกฤษ และ ไซออนนิสต์ นี่เป็นตาข่ายยิวตัวสำคัญ เฉพาะฝั่งอเมริกาเท่านั้น ยังมีทางฝั่งอังกฤษ และยุโรปที่ทำงานกันเป็นเครือข่ายอีกไม่น้อย พวกที่ใช้อำนาจอันร้ายกาจของก ระเป๋าเงิน รายใหญ่ที่สำแดงเดชช่วย Wilson คือ Henry Morgenthau, Jacob Schiff, Samuel Untermyer และหน้าใหม่แต่มาแรง คือ Bernard Baruch ส่วนบทบาทของ Warburg นั้นน่าสนใจ เขาน่าจะเป็นมันสมองให้ยิว ทั้งฝั่งอเมริกา ยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน และ Federal Reserve System ของอเมริกา เป็นผลงานของ Paul Warburg ล้วนๆ Morgenthau สนับสนุน ม้าชื่อ Wilson ตั้งแต่ Wilson ยังเป็นผู้ว่าการนิวเจอร์ซี เขาจ่ายเงินดูแล Wilson เป็นรายเดือน เป็นที่รู้กันว่า Morgenthau สนับสนุน Wilson แบบไม่มีอั้น และเมื่อ Wilson ได้เป็นประธานาธิบดี ในปี 1912 เขาก็ตอบแทน Morgenthau แบบไม่อั้นเช่นเดียวกัน Morgenthau ได้ไปเป็นทูตอเมริกา ประจำที่ออตโตมานตามคาด เพื่อดูแลปาเลสไตน์ ส่วน Louise Brandis ได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูง เป็นยิวคนแรกในวงการยุติธรรม เขาเป็นอยู่ 23 ปีและมีบทบาทสำคัญในสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง แต่ที่มาของการได้ตำแหน่งของเขา ค่อนข้างพิเศษกว่าใคร มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อ Wilson ได้นั่งเก้าอี้ตำแหน่งประธานาธิบดี ในปี 1914 ไม่กี่วัน เขามียิวรุ่นใหญ่ ที่อยู่ในกลุ่มเจ้าของกระเป๋าที่ สนับสนุน Wilson มาขอพบ คือ Samuel Untermeyer ซึ่งเป็นทนาย ของสำนักงาน Guggemheim, Untermeyer & Marshall ที่ดูแลด้านกฏหมายให้แก่ Kuhn, Loeb & Co Untermeyer บอกกับ Wilson ว่า เขามีลูกความที่เป็นภรรยา ของอาจารย์ ที่สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Princton ช่วงเดียวกับที่ Wilson สอน และลูกความของเขาขอให้แจ้งกับ Wilson ว่า เธอยินดีที่จะรับเงิน 40,000 เหรียญ แทนการฟ้องร้อง Wilson เรื่องการผิดสัญญา แล้ว Untermeyer ก็ควักจดหมายมัดใหญ่ ยื่นให้ Wilson มันเป็นจดหมายที่ Wilson เขียนถึงเมียของเพื่อนร่วมงาน Wilson จำลายมือตัวเองได้ แต่เขาบอกว่า เขาไม่มีเงิน 40,000 เหรียญที่จะจ่ายให้กับคนที่แบล๊กเมล์เขา Untermeyer บอกไม่เป็นไรหรอก ท่านประธานาธิบดี เรื่องเงินจำนวนนี้ ผมจะเป็นคนจัดการแทนท่านเอง แต่ผมขอให้ท่านรับปากว่า เมื่อมีตำแหน่งในศาลสูงว่างเมื่อ ไหร่ ขอให้แต่งตั้ง ไซออนนิสต์ ยิวเคร่ง ชื่อ Louise Dembitz Brandeis ก็แล้วกัน Wilson ก็รับปาก หลังจากนั้น ไม่ถึงปี วันที่ 5 มิถุนายน 1915 Louise Brandeis ก็ได้รับเลือกเป็นผู้พิพากษาศาลสูง แต่คนที่ได้ตำแหน่ง และมีบทบาทโดดเด่นที่สุด คือ Bernard Baruch ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 Baruch โผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ อยู่ดีๆ ก็หยิบชิ้นปลามัน ในปี คศ 1915 อังกฤษทำสงครามกับเยอรมันแล้ว แต่อเมริกายังเป็นกลาง Baruch เตือนให้อเมริกาเตรียมพร้อมสำหรับเข้าสงคราม เขาหงุดหงิดว่า อเมริกาไม่เตรียมอะไรเลย เขาเชื่อว่าอเมริกาต้องถูกลากเข้าไปทำสงครามแน่นอน และจะมาเร็วกว่าที่คิด และคงเป็นเรื่องของนางฟ้าเศก Baruch ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า สภากลาโหม Council of National Defense ในต้นปี คศ 1916 เขาเข้าไปควบคุม หน่วยงานน่าสนใจคือ คณกรรมการสำหรับกิจการสงคราม War Industries Board (WIB) ซึ่งในเวลาสงคราม หน่วยงานนี้จะมีอำนาจล้นฟ้า และ Baruch คนเดียวโดดๆ เป็นคนคุม และกุมแน่นหน่วยงานนี้ตลอดช่วงเวลาสงคราม ในคำให้การของ Baruch ต่อวุฒิสมาชิก Albert Jefferies เขาสรุป บทบาทของเขาดังนี้: ” ผมเป็นคนดูแลตัดสินใจ ว่า จะให้ใคร หน่วยงานไหน ได้อะไร การตัดสินใจอยู่ที่ผม ท่านประธานาธิบดี มอบหมายให้ผมเป็นคนตัดสินใจ ว่า กองทัพบก หรือ กองทัพเรือ ควรจะได้อะไร หรือ การรถไฟ ควรมีอะไร หรือ ฝ่ายสัมพันธมิตร หรือ ท่านนายพล Allenby ควรมีรถไฟหรือไม่ หรือควรเอาไปใช้ที่รัสเซีย หรือใช้ที่ฝรั่งเศส ใช่ ผมมีอำนาจมาก ผมอาจมีอำนาจมากกว่าที่ใครๆเคยมีในสงคราม มันน่าสงสัย แต่มันเป็นเรื่องจริง” ก็น่าสงสัยจริงอยู่หรอก ว่า คนหนุ่มชาวยิว ที่ไม่เคยได้ลงเลือกตั้งอะไรเลย ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองแม้แต่น้อย แต่ในยามวิกฤติ เขากลายเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในรัฐบาล รองมาจากประธานาธิบดี บทบาทของเขาตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ว่าใหญ่แล้ว แต่นั่นมันเป็นแค่การซ้อมใหญ่ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ Franklin D Roosevelt เป็นประธานาธิบดี Baruch ในฐานะ หัวหน้า สำนักงาน War Mobilization ดูเหมือนจะใหญ่มากกว่า และในฐานะที่เขาได้กลายเป็นเพื่อนสนิทของท่านหลอด Winston Churchill ของอังกฤษด้วย “Barney” ก็กลายเป็นชื่อ ที่ใครๆ ก็ต้องเรียกหา #################### “ฤทธิ์ยิว” (6) สงครามโลกครั้งที่ 1 ตีระฆังเริ่ม ในเดือนสิงหาคม 1914 เมื่อกองทัพเยอรมันเคลื่อนพลผ่านเข้าไปในเขตแดนของเบลเยี่ยม ที่ประกาศตัวเป็นกลาง โดยมีเป้าหมายปลายทางคือฝรั่งเศส หลังจากนั้นหลายประเทศก็ทยอยกันเข้าสู่สงคราม ถึงปลายปี 1914 ประมาณ 10 ประเทศ ก็อยู่ในสภาวะสงคราม แต่อเมริกา ยังใช้ยโนบายเป็นกลางอยู่ต่อไป อีกเกือบ 2 ปีครึ่ง สุนทรพจน์ของ Wilson เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม คศ 1914 หลังจากสงครามเริ่มหมาดๆ ประกาศชัดหูคนอเมริกัน ว่า”…เรามีหน้าที่ ที่จะเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ ที่มีความสงบ…” และเมื่อตอนหาเสียง ที่จะเป็นประธานาธิบดีสมัย 2 ในปี 1916 คำขวัญของ Wilson ที่บอกว่า เขาไม่พาเราเข้าสงคราม he kept us out of war ยังก้องหูคนอเมริกันอยู่ แต่แล้วในวันที่ 2 เมษายน 1917 Wilson ก็เลี้ยวออกนอกเส้นทางกระทันหัน ประกาศสงครามกับเยอรมัน ชาวบ้านอเมริกันตามไม่ทันหัวทิ่มกันเป็นแถว โผคำอธิบาย ที่วงในรัฐบาลสั่งให้สื่อกระป๋องสีตรายิว ช่วยกันโหม คือ เนื่องมาจากการกระทำอันป่าเถื่อนของเยอรมัน ที่ใช้ตอร์ปิโดยิงเรือโดยสารและเรือบรรทุกสินค้าของอเมริกัน และเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออีกแล้ว นอกจากทำสงครามกับไอ้พวกเถื่อนนั้น ทั้งข่าว ทั้งภาพ ดุเดือดถึงใจ อันที่จริงเมื่อเริ่มสงครามใหม่ๆ เยอรมันยิงตอร์ปิโดร์ใส่เรือบรรทุกสินค้าของฝ่ายสัมพันธมิตรจริง แต่เมื่อ Wilson ทำการประท้วงเมื่อเดือนสิงหาคม 1915 เยอรมันก็หยุดยิง เยอรมันหยุดยิงไปนานพอสมควร จนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 1917 และตลอดเวลาที่เยอรมันหยุดยิง อเมริกาก็ค้าขายกับอังกฤษ ศัตรูของเยอรมัน อย่างสบายใจ ส่งสินค้าเพื่อสงครามให้อังกฤษ แถมช่วยอังกฤษ บล๊อกเส้นทางเดินเรือส่งสินค้าของเยอรมันอีกด้วย ก็ไม่น่าแปลกใจ ที่ในที่สุดเยอรมัน ก็กลับมายิงเรือทุกลำไม่ว่าของชาติไหน ที่ผ่านมาในเขต war zone แล้วตกลงสาเหตุ ของการประกาศเข้าสู่สงครามของอเมริกา จริงๆมันคืออะไรกันแน่ วุฒิสมาชิก George Norris บอกว่า คนอเมริกัน ถูกทำให้เข้วจากประวัติศาสตร์ และจากความจริงที่มาจากการที่พวกนักการเงินวอลสตรีท ให้เงินกู้จำนวนมหึมากับพวกสัมพันธมิตร และแน่นอนพวกนี้กลัวหนี้สูญ ทั้งๆที่พวกเขาก็ทำกำไรได้มากมายจากการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ กลุ่มพวกนี้แหละ ที่ใช้ให้พวกสื่อกระป๋องสี ละเลงเสียจนคนอเมริกัน เปลี่ยนใจ อยากจะทำสงครามกันไปหมด ทุกสงครามมีแต่ความหายนะ…. เรา เข้าสู่สงครามเพราะคำสั่งของทอง และใครล่ะที่มีทอง … อำนาจ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ บางทีการสร้างภาพว่า มีอำนาจ ก็ทำให้กลายเป็นมีอำนาจจริงไปได้ ถ้ามีคนเชื่อ พวกยิวขณะนั้น ไม่มีกองทัพของตนเอง ไม่มีประเทศของตนเอง แถม มีเรื่องขัดแย้งเกิดอยู่ในหลายประเทศ และในหลายประเทศนั้น มีชาวยิว อยู่จำนวนน้อยมาก ไม่เกิน 1 หรือ 2 % ของจำนวนพลเมืองในประเทศนั้นๆ แต่คนจำนวนเท่าหยิบมือนี้ สามารถบงการนโยบายต่างประเทศได้ สามารถจุดชนวนสงครามได้ และสามารถชี้นำ หรือคัดท้ายผลของสงครามนั้นได้อีกด้วย ตัวอย่างที่เห็น คือ การที่อเมริกายกเลิกสนธิสัญญากับรัสเซีย ในปี 1911, การเลือกตั้งประธานาธิบดีของอเมริกา ในปี 1912 และอีกหลายเรื่องที่จะเล่าต่อไป แต่สิ่งสำคัญ ที่ทำให้คน “เชื่อ” ในภาพที่สร้างนั้น เป็นผลงานของสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อประเภทใด พวกยิวซื้อ ครอบครอง และควบคุมไว้หมดสิ้น และใช้อย่างได้ผลเลิศ เป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้าม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 8 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 919 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: "เมื่อสิ่งที่ไม่ใช่คน กลายเป็นบุคคลตามกฎหมาย "

    ลองจินตนาการดูว่า...เรือ แม่น้ำ หรือแม้แต่เทพเจ้า กลายเป็น “บุคคล” ที่สามารถฟ้องร้องหรือถูกฟ้องได้ในศาล! ฟังดูเหมือนนิยายแฟนตาซี แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในหลายประเทศทั่วโลก และมีเหตุผลทางกฎหมายที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

    เรือ: บุคคลแห่งท้องทะเล
    ในโลกของกฎหมายทางทะเล เรือไม่ได้เป็นแค่ยานพาหนะ แต่เป็น “บุคคล” ที่สามารถถูกฟ้องร้องได้หากก่อความเสียหาย เช่น ชนท่าเรือหรือทำให้ทรัพย์สินเสียหาย โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของเรือมารับผิดชอบ

    เรือมีสถานะเป็น “บุคคลตามกฎหมาย” เพื่อให้สามารถถูกยึดหรือฟ้องร้องได้
    สิ่งนี้ช่วยให้เจ้าท่าและผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องตามหาเจ้าของเรือที่อาจอยู่ไกลหลายพันไมล์

    เรือมี “สิทธิในการกู้ภัย” (Salvage Rights)
    หากเรือลำหนึ่งช่วยอีกลำหนึ่งจากอันตรายกลางทะเล จะมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามหลัก “no cure, no pay”


    แม่น้ำ Whanganui: วิญญาณแห่งธรรมชาติที่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย
    ในปี 2017 รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ประกาศให้แม่น้ำ Whanganui เป็น “บุคคลตามกฎหมาย” เพื่อยอมรับความเชื่อของชาวเมารีที่มองว่าแม่น้ำคือบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    แม่น้ำ Whanganui ได้รับสถานะเป็น “บุคคล” พร้อมสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบตามกฎหมาย
    มีผู้ดูแล 2 ฝ่าย: ตัวแทนจากรัฐบาลและตัวแทนจากชนเผ่าเมารี

    รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูแม่น้ำและดูแลผลประโยชน์ของแม่น้ำในระยะยาว
    รวมกว่า 110 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์


    เทพเจ้าในศาสนาฮินดู: ผู้ถือครองทรัพย์สินและสิทธิในศาล
    ในอินเดีย เทพเจ้าฮินดูถือเป็น “บุคคลตามกฎหมาย” ที่สามารถถือครองทรัพย์สินและมีสิทธิในกระบวนการยุติธรรมได้ โดยมี “ผู้ดูแล” หรือ “เพื่อนสนิท” เป็นผู้ดำเนินการแทน

    เทพเจ้าฮินดูมีสถานะเป็น “บุคคลทางกฎหมาย” (juristic person)
    สามารถถือครองที่ดินและทรัพย์สินได้

    มี “ผู้ดูแล” (shebait) หรือ “เพื่อนสนิท” ที่เป็นตัวแทนในการดำเนินคดีแทนเทพเจ้า
    หากผู้ดูแลไม่ซื่อสัตย์ ผู้ศรัทธาคนอื่นสามารถฟ้องแทนเทพเจ้าได้

    คดีสำคัญ เช่น คดีที่ดินในเมืองอยุธยา (Ayodhya) ที่ศาลสูงสุดตัดสินให้เทพเจ้ารามเป็นเจ้าของที่ดิน
    มีการจัดตั้งทรัสต์เพื่อดูแลทรัพย์สินของเทพเจ้า


    เสริมความรู้: “บุคคลตามกฎหมาย” คืออะไร?
    คำว่า “บุคคลตามกฎหมาย” (legal person) ไม่ได้หมายถึงมนุษย์เท่านั้น แต่รวมถึงองค์กร บริษัท หรือแม้แต่สิ่งไม่มีชีวิตที่กฎหมายให้สิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคล

    ตัวอย่างของบุคคลตามกฎหมาย:
    บริษัท ห้างหุ้นส่วน มูลนิธิ
    เรือ แม่น้ำ เทพเจ้า (ในบางประเทศ)

    บุคคลตามกฎหมายไม่ได้มีสิทธิเหมือนมนุษย์ทุกประการ
    เช่น ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิในชีวิตส่วนตัว

    https://bengoldhaber.substack.com/p/unexpected-things-that-are-people
    📰 หัวข้อข่าว: "เมื่อสิ่งที่ไม่ใช่คน กลายเป็นบุคคลตามกฎหมาย 🤖⚖️" ลองจินตนาการดูว่า...เรือ แม่น้ำ หรือแม้แต่เทพเจ้า กลายเป็น “บุคคล” ที่สามารถฟ้องร้องหรือถูกฟ้องได้ในศาล! ฟังดูเหมือนนิยายแฟนตาซี แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในหลายประเทศทั่วโลก และมีเหตุผลทางกฎหมายที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว 🔖🔖🔖🔖🔖 🛳️ เรือ: บุคคลแห่งท้องทะเล ในโลกของกฎหมายทางทะเล เรือไม่ได้เป็นแค่ยานพาหนะ แต่เป็น “บุคคล” ที่สามารถถูกฟ้องร้องได้หากก่อความเสียหาย เช่น ชนท่าเรือหรือทำให้ทรัพย์สินเสียหาย โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของเรือมารับผิดชอบ ✅ เรือมีสถานะเป็น “บุคคลตามกฎหมาย” เพื่อให้สามารถถูกยึดหรือฟ้องร้องได้ ➡️ สิ่งนี้ช่วยให้เจ้าท่าและผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องตามหาเจ้าของเรือที่อาจอยู่ไกลหลายพันไมล์ ✅ เรือมี “สิทธิในการกู้ภัย” (Salvage Rights) ➡️ หากเรือลำหนึ่งช่วยอีกลำหนึ่งจากอันตรายกลางทะเล จะมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามหลัก “no cure, no pay” 🔖🔖🔖🔖🔖 🌊 แม่น้ำ Whanganui: วิญญาณแห่งธรรมชาติที่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย ในปี 2017 รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ประกาศให้แม่น้ำ Whanganui เป็น “บุคคลตามกฎหมาย” เพื่อยอมรับความเชื่อของชาวเมารีที่มองว่าแม่น้ำคือบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ✅ แม่น้ำ Whanganui ได้รับสถานะเป็น “บุคคล” พร้อมสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบตามกฎหมาย ➡️ มีผู้ดูแล 2 ฝ่าย: ตัวแทนจากรัฐบาลและตัวแทนจากชนเผ่าเมารี ✅ รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูแม่น้ำและดูแลผลประโยชน์ของแม่น้ำในระยะยาว ➡️ รวมกว่า 110 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ 🔖🔖🔖🔖🔖 🛕 เทพเจ้าในศาสนาฮินดู: ผู้ถือครองทรัพย์สินและสิทธิในศาล ในอินเดีย เทพเจ้าฮินดูถือเป็น “บุคคลตามกฎหมาย” ที่สามารถถือครองทรัพย์สินและมีสิทธิในกระบวนการยุติธรรมได้ โดยมี “ผู้ดูแล” หรือ “เพื่อนสนิท” เป็นผู้ดำเนินการแทน ✅ เทพเจ้าฮินดูมีสถานะเป็น “บุคคลทางกฎหมาย” (juristic person) ➡️ สามารถถือครองที่ดินและทรัพย์สินได้ ✅ มี “ผู้ดูแล” (shebait) หรือ “เพื่อนสนิท” ที่เป็นตัวแทนในการดำเนินคดีแทนเทพเจ้า ➡️ หากผู้ดูแลไม่ซื่อสัตย์ ผู้ศรัทธาคนอื่นสามารถฟ้องแทนเทพเจ้าได้ ✅ คดีสำคัญ เช่น คดีที่ดินในเมืองอยุธยา (Ayodhya) ที่ศาลสูงสุดตัดสินให้เทพเจ้ารามเป็นเจ้าของที่ดิน ➡️ มีการจัดตั้งทรัสต์เพื่อดูแลทรัพย์สินของเทพเจ้า 🔖🔖🔖🔖🔖 🧠 เสริมความรู้: “บุคคลตามกฎหมาย” คืออะไร? คำว่า “บุคคลตามกฎหมาย” (legal person) ไม่ได้หมายถึงมนุษย์เท่านั้น แต่รวมถึงองค์กร บริษัท หรือแม้แต่สิ่งไม่มีชีวิตที่กฎหมายให้สิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคล ✅ ตัวอย่างของบุคคลตามกฎหมาย: ➡️ บริษัท ห้างหุ้นส่วน มูลนิธิ ➡️ เรือ แม่น้ำ เทพเจ้า (ในบางประเทศ) ‼️ บุคคลตามกฎหมายไม่ได้มีสิทธิเหมือนมนุษย์ทุกประการ ⛔ เช่น ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิในชีวิตส่วนตัว https://bengoldhaber.substack.com/p/unexpected-things-that-are-people
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21 เคล็ดลับจัดปาร์ตี้ให้ปัง! จากประสบการณ์ตรงของเจ้าภาพมือโปร

    นี่คือ 21 ข้อคิดจากบทความ “21 Facts About Throwing Good Parties” ที่ช่วยให้คุณจัดปาร์ตี้ได้สนุกและน่าจดจำมากขึ้น

    ให้ความสำคัญกับความสบายใจของเจ้าภาพก่อนสิ่งอื่นใด ถ้าเจ้าภาพเครียด แขกก็จะเครียดตาม
    ตั้งเวลาเริ่มงานให้เร็วกว่าเวลาจริงเล็กน้อย เช่น บอกว่าเริ่ม 1:45 เพื่อให้คนมาถึงตอน 2:00
    เชิญเพื่อนสนิทมาก่อนเวลา 30–60 นาที เพื่อช่วยจัดงานและสร้างบรรยากาศก่อนแขกหลักมา
    คนส่วนใหญ่จะไปงานที่รู้ว่ามีเพื่อนอย่างน้อย 3 คนอยู่แล้ว
    ใช้แอปที่แสดงรายชื่อแขก เช่น Partiful หรือ Luma เริ่มเชิญเพื่อนสนิทก่อน แล้วค่อยขยายวง
    ส่งคำเชิญในกลุ่มแชทหรืออีเมล cc ที่มีคนรู้จักกัน
    ถ้าเชิญรายบุคคล ให้พูดถึงเพื่อนร่วมงานที่ได้รับเชิญด้วย
    ในกลุ่มเล็ก ความเข้ากันของแขกสำคัญมาก เหมือนการปรุงอาหาร ต้องเลือกส่วนผสมที่เข้ากัน
    งานใหญ่เปรียบเหมือนซุปรวมทุกอย่าง แค่หลีกเลี่ยง “ส่วนผสม” ที่ทำให้เสียรสก็พอ
    อย่ารู้สึกผิดที่ไม่เชิญบางคน การคัดเลือกแขกเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อรักษาบรรยากาศ
    งานที่สมดุลทางเพศจะดีกว่า พยายามรักษาสัดส่วน 60–40 เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดรู้สึกอึดอัด
    จัดงานร่วมกับคนที่อยู่นอกวงสังคมของคุณ เพื่อให้กลุ่มเพื่อนต่าง ๆ ได้พบกัน
    คำนวณอัตราการยกเลิก (flake rate) เช่น ถ้า 1/3 ของคนที่ตอบรับจะไม่มา ให้เชิญเพิ่ม
    คู่รักมักจะยกเลิกพร้อมกัน ส่งผลต่อจำนวนแขกในงานเล็กอย่างมาก
    สร้างการเคลื่อนไหวในงานให้มากที่สุด เช่น ใช้โต๊ะสูง หรือจัดพื้นที่ให้คนยืนได้
    วางอาหารและเครื่องดื่มคนละจุด เพื่อให้คนเดินไปมาและพบกันมากขึ้น
    ถ้ามีแขกที่ไม่รู้จักใคร ให้แนะนำเขาเข้ากลุ่ม ใช้สิทธิ์เจ้าภาพในการเชื่อมคน
    วิธีออกจากวงสนทนา: ค่อย ๆ ถอยออกโดยไม่ดึงความสนใจ
    ตลอดงาน ให้เน้นแนะนำคนใหม่ ๆ มากกว่าคุยกับเพื่อนสนิท
    จำไว้ว่า: การจัดปาร์ตี้คือบริการสาธารณะ คุณกำลังสร้างพื้นที่ให้คนพบกันและอาจเปลี่ยนชีวิต
    ปัญหาใหญ่ของหลายงานคือเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าคุณรู้วิธีแก้ แจ้งเจ้าภาพด้วย!

    ถ้าคุณกำลังวางแผนจัดงานเล็ก ๆ หรือปาร์ตี้ใหญ่ ลองใช้ข้อคิดเหล่านี้เป็นแนวทาง แล้วคุณจะพบว่าการจัดงานไม่ใช่แค่เรื่องสนุก — แต่มันคือการสร้างความสุขให้กับคนรอบตัวด้วย

    https://www.atvbt.com/21-facts-about-throwing-good-parties/
    🎉 21 เคล็ดลับจัดปาร์ตี้ให้ปัง! จากประสบการณ์ตรงของเจ้าภาพมือโปร นี่คือ 21 ข้อคิดจากบทความ “21 Facts About Throwing Good Parties” ที่ช่วยให้คุณจัดปาร์ตี้ได้สนุกและน่าจดจำมากขึ้น 🎉 🎗️ ให้ความสำคัญกับความสบายใจของเจ้าภาพก่อนสิ่งอื่นใด ถ้าเจ้าภาพเครียด แขกก็จะเครียดตาม 🎗️ ตั้งเวลาเริ่มงานให้เร็วกว่าเวลาจริงเล็กน้อย เช่น บอกว่าเริ่ม 1:45 เพื่อให้คนมาถึงตอน 2:00 🎗️ เชิญเพื่อนสนิทมาก่อนเวลา 30–60 นาที เพื่อช่วยจัดงานและสร้างบรรยากาศก่อนแขกหลักมา 🎗️ คนส่วนใหญ่จะไปงานที่รู้ว่ามีเพื่อนอย่างน้อย 3 คนอยู่แล้ว 🎗️ ใช้แอปที่แสดงรายชื่อแขก เช่น Partiful หรือ Luma เริ่มเชิญเพื่อนสนิทก่อน แล้วค่อยขยายวง 🎗️ ส่งคำเชิญในกลุ่มแชทหรืออีเมล cc ที่มีคนรู้จักกัน 🎗️ ถ้าเชิญรายบุคคล ให้พูดถึงเพื่อนร่วมงานที่ได้รับเชิญด้วย 🎗️ ในกลุ่มเล็ก ความเข้ากันของแขกสำคัญมาก เหมือนการปรุงอาหาร ต้องเลือกส่วนผสมที่เข้ากัน 🎗️ งานใหญ่เปรียบเหมือนซุปรวมทุกอย่าง แค่หลีกเลี่ยง “ส่วนผสม” ที่ทำให้เสียรสก็พอ 🎗️ อย่ารู้สึกผิดที่ไม่เชิญบางคน การคัดเลือกแขกเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อรักษาบรรยากาศ 🎗️ งานที่สมดุลทางเพศจะดีกว่า พยายามรักษาสัดส่วน 60–40 เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดรู้สึกอึดอัด 🎗️ จัดงานร่วมกับคนที่อยู่นอกวงสังคมของคุณ เพื่อให้กลุ่มเพื่อนต่าง ๆ ได้พบกัน 🎗️ คำนวณอัตราการยกเลิก (flake rate) เช่น ถ้า 1/3 ของคนที่ตอบรับจะไม่มา ให้เชิญเพิ่ม 🎗️ คู่รักมักจะยกเลิกพร้อมกัน ส่งผลต่อจำนวนแขกในงานเล็กอย่างมาก 🎗️ สร้างการเคลื่อนไหวในงานให้มากที่สุด เช่น ใช้โต๊ะสูง หรือจัดพื้นที่ให้คนยืนได้ 🎗️ วางอาหารและเครื่องดื่มคนละจุด เพื่อให้คนเดินไปมาและพบกันมากขึ้น 🎗️ ถ้ามีแขกที่ไม่รู้จักใคร ให้แนะนำเขาเข้ากลุ่ม ใช้สิทธิ์เจ้าภาพในการเชื่อมคน 🎗️ วิธีออกจากวงสนทนา: ค่อย ๆ ถอยออกโดยไม่ดึงความสนใจ 🎗️ ตลอดงาน ให้เน้นแนะนำคนใหม่ ๆ มากกว่าคุยกับเพื่อนสนิท 🎗️ จำไว้ว่า: การจัดปาร์ตี้คือบริการสาธารณะ คุณกำลังสร้างพื้นที่ให้คนพบกันและอาจเปลี่ยนชีวิต 🎗️ ปัญหาใหญ่ของหลายงานคือเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าคุณรู้วิธีแก้ แจ้งเจ้าภาพด้วย! ถ้าคุณกำลังวางแผนจัดงานเล็ก ๆ หรือปาร์ตี้ใหญ่ ลองใช้ข้อคิดเหล่านี้เป็นแนวทาง แล้วคุณจะพบว่าการจัดงานไม่ใช่แค่เรื่องสนุก — แต่มันคือการสร้างความสุขให้กับคนรอบตัวด้วย 💫 https://www.atvbt.com/21-facts-about-throwing-good-parties/
    WWW.ATVBT.COM
    21 Facts About Throwing Good Parties
    Parties are a public service; here's how to throw them.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีคะคุณอาสนธิ"หลายเดือนก่อนมีกระแสปฏิวัติยึดอำนาจ สีจินผิงจริงๆใช่ไหมคะ เพราะเขาไปขอเข้าพบ หูจินเทาแต่เขาอ้างว่าสุขภาพไม่ดีไม่ออกมาพบให้เลขาเอาหนังสือ8ข้อออกมาอ่านให้ฟังมันเหมือนตบหน้าสีจินผิงอย่างแรง อย่างข้อแรก(1).บอกเธอมาพบฉันไม่ใช่เพราะอยากพบฉันแต่เธอมาเพื่ออำนาจของเธอ วันนั้นเธอเชิญฉันออกกลางคันอ้างสุขภาพฉัน แต่เธอต้องการอยู่เป็น ปธน.ตลอดไป(2).เธอเองก็70แล้วนะจะครองอำนาจแบบนี้ต่อไปคิดหรือว่าคนๆเดียวอยู่ในอำนาจจะคุ้มครองทุกคนเบื้องหลังเธอได้งั้นหรือ(3).ตอนนี้ทุกคนในประเทศตกอยู่ในความกลัวเธอสั่งประหารชีวิตนายก...จำชื่อไม่ได้คะ อ้างปรามคอรัปชั่นแล้วพวกเธอทำอะไร ฉันเสียใจจนวันนี้ที่ฉันไม่ได้ช่วยเขาๆเป็นคนดีทำงานกับพรรคมาอย่างซื่อสัตย์ แล้วนักวิชาการคนนั้นเขาตายอย่างผิดธรรมชาติ ทำไม เขาก็แค่นักวิชาการเขาทำอะไรเธอไม่ได้หรอก(4).เธอควรลงจากตำแหน่งได้แล้วตามกฎพรรคคอมมิวนืสต์ไม่ใช่จะอยู่ตลอดไปแบบนี้(5).จะมีการประชุมพรรคในวันที่20-25/10/2568นี้ไม่รู้วันนั้นพรรคจะสรุป..
    ?ข้ออื่นๆหนูเองก็จำไม่ได้แล้วแต่เห็นว่าหูจินเทาเขารู้ว่าสีจินผิงคอรัปชั่นกับพวกทำกันเป็นขบวนการทั้งในประเทศและนอกประเทศ ใช้วงการบันเทิงของรัฐบังหน้าแท้จริงใช้สำหรับฟอกเงินสกปรกทั้งค้าอาวุธ,ยา,มนุษย์(อวัยวะ),ธุรกิจในนามครอบครัวการสร้างทางรถไฟในไทยไม่ใช่ในนามรัฐบาลแต่เป็นส่วนตัว"#พระเอกหนุ่มหลายคนในวงการถูกนำชื่อไปเป็นบัญชีม้าจัดตั้งบริษัทในนามชื่อเขาสัญญาทาสที่เซ็นแล้วห้ามออกถ้าออกตายซึ้งเกิดขึ้นสะสมมานานมากๆแล้วหลายคนเสียชีวิตผิดธรรมชาติอวัยวะภายในหายหมดเลย...!!!"กรณีล่าสุดคือ #YUMENGLONG โด่งดังและน่าสงสารมากเขาถูกเลือกตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมังกรสีแดงพูดกับเขาว่ารักษาตัวดีๆนะอีก12ปี.มีอะไรต้องทำร่วมกันก็ครบในปีนี้เขาถูกควบคุมตัวเหมือนนักโทษไม่มีอิสรภาพใดๆเขาอยากออกจากสังกัดๆอื่นยอมจ่ายชดเชยให้แต่ค่ายนี้ก็ไม่ยอมปล่อยกฎใต้โต๊ะคือต้องยอมบำเรอกามให้พวกมันถูกลวงละเมิดรังแกทำร้ายมาตลอดล่าสุดให้เขาไปพบผู้หญิงคนหนึ่งแต่เขาปฏิเสธและกลับไปบ้านที่ อุรุมชี ซินเจียงอุยกูร์เขตปกครองตนเองสอนหนังสือเด็กบนเขา3ปีสัญญาต้นสังกัดหมดแล้วเขากลับมาเข้าสังกัดใหม่แต่ค่ายเดิมก็ยังไม่ยอมปล่อยเพราะเขารู้ความลับพวกมันมากเขาแอบเก็บข้อมูลลับทุกอย่างไว้ใน"USB..เพื่อต่อรองขอเป็นอิสระจากสังกัดแต่ก็ยังพักอยู่ในคอนโดสังกัดพวกมันอยู่จึงมีอันตรายมาก มีคำสั่งธงแดงลงมาให้ประหารชีวิตเขาจึงมีอุบายจัดงานปาร์ตี้ บ.นี้ปกติก็บังคับให้ดาราในสังกัดต้องไปดื่มกับพวกมันอยู่แล้ว อวี่เหมิงหลงไม่ชอบดื่มนางนกต่อและเพื่อนสนิทมาหลอกเขาถูกจับขังไว้ในชั้นใต้ดินในอาคาร "Art798..บังคับให้สตรีมสดโดยเหมือนปกติแต่คนดูกังเกตุเห็นเงาสะท้อนจากขวดน้ำดื่มว่าเป็นห้องแคบๆฉาบซีเมนต์หยาบๆไม่สม่ำเสมอ"Yu..เขารู้ว่าเขาต้องตายแน่ๆเพราะมันรู้ว่าเขาแอบบันทึกข้อมูลการฟอกเงินของพวกมันไว้ต้องปิดปาก อีกสิ่งที่สำคัญมากก็คือใช้เขาเป็นเหยื่อในพิธีบูชายัญในแบบสมัยโบราณคือมีตัวตายตัวแทนเขาเกิดวันเดียวกับผู้นำ15ชื่อของเขา"Yumenglong แปลว่ามังกรเอาชีวิตเขาขโมยเวลาและโชควาสนาบารมีของเขาไปให้ผู้นำๆที่นำความลับไปขายให้ไส้ศึกด้วย(แดนอาทิตย์อุทัย)ศัตรูเก่าเขาไม่ยอมลงง่ายๆเขาจะสู้ทุกทางเพื่ออำนาจของตัวเองทำพิธีแลกเปลี่ยนวิญญาณความเชื่อตั้งแต่สมัยราชวงค์(ปล.จำสมัยไม่ได้)เขากลับมาเลยโดนจัดการทันทีวิธีที่ทรมานและโหดร้ายมากทั้งถอดเล็บสดๆถอนฟันเกือบหมดปากเหลือไว้ 1 ซี่เอาเส้นผมไปทำพืธีที่เทือกเขาทิเบตเขาโดนผ่าท้องสดๆมันโหดร้ายสุดจริงๆเขารู้มานานมากแล้วก็จริงแต่หนีไม่ได้ครอบครัวโดนข่มขู่เขาถูกฆ่าอย่างทารุณเขาไม่ได้เต็มใจเสียสละเพื่อผู้นำแต่โดนบังคับและวางยาพิษใส่ในเครื่องดื่มให้เขาดื่มร่างกายบอบช้ำมากแม่เขาถูกตำรวจข่มขู่ให้เซ็นยอมความแต่เธอไม่ยอมญาติของเขาถูกฆ่าน้องสาวกลายเป็นบ้าแม่อยู่ในICU แม่เขาต้องการศพลูกไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านพวกมันไม่ให้ จัดงานศพปลอมๆว่าจะให้แต่เถ้ากระดูกไป แต่ก็ไม่ใช่YUๆร่างถูกเก็บไว้ที่ชั้นใต้ดินNO4ช่อง14...มันเอาศพใครมาเผานะหลอกลวงสังคมสั่งลบคลิปหนังละครของเขาออกจากสื่อทั้งหมดห้ามใครโพตส์ชื่อลงโซเชี่ยลเด็ดขาดโดนปรามรุนแรงแบนและโดนคุมตัวด้วย เคยคิดว่าสีจินผิงเป็นคนดี หนูมองผิดอีกตามเคยเศร้าใจ#39วันแล้วหนูนอนไม่หลับเลยสะเทือนใจมาก
    สวัสดีคะคุณอาสนธิ"หลายเดือนก่อนมีกระแสปฏิวัติยึดอำนาจ สีจินผิงจริงๆใช่ไหมคะ เพราะเขาไปขอเข้าพบ หูจินเทาแต่เขาอ้างว่าสุขภาพไม่ดีไม่ออกมาพบให้เลขาเอาหนังสือ8ข้อออกมาอ่านให้ฟังมันเหมือนตบหน้าสีจินผิงอย่างแรง อย่างข้อแรก(1).บอกเธอมาพบฉันไม่ใช่เพราะอยากพบฉันแต่เธอมาเพื่ออำนาจของเธอ วันนั้นเธอเชิญฉันออกกลางคันอ้างสุขภาพฉัน แต่เธอต้องการอยู่เป็น ปธน.ตลอดไป(2).เธอเองก็70แล้วนะจะครองอำนาจแบบนี้ต่อไปคิดหรือว่าคนๆเดียวอยู่ในอำนาจจะคุ้มครองทุกคนเบื้องหลังเธอได้งั้นหรือ(3).ตอนนี้ทุกคนในประเทศตกอยู่ในความกลัวเธอสั่งประหารชีวิตนายก...จำชื่อไม่ได้คะ อ้างปรามคอรัปชั่นแล้วพวกเธอทำอะไร ฉันเสียใจจนวันนี้ที่ฉันไม่ได้ช่วยเขาๆเป็นคนดีทำงานกับพรรคมาอย่างซื่อสัตย์ แล้วนักวิชาการคนนั้นเขาตายอย่างผิดธรรมชาติ ทำไม เขาก็แค่นักวิชาการเขาทำอะไรเธอไม่ได้หรอก(4).เธอควรลงจากตำแหน่งได้แล้วตามกฎพรรคคอมมิวนืสต์ไม่ใช่จะอยู่ตลอดไปแบบนี้(5).จะมีการประชุมพรรคในวันที่20-25/10/2568นี้ไม่รู้วันนั้นพรรคจะสรุป.. ?ข้ออื่นๆหนูเองก็จำไม่ได้แล้วแต่เห็นว่าหูจินเทาเขารู้ว่าสีจินผิงคอรัปชั่นกับพวกทำกันเป็นขบวนการทั้งในประเทศและนอกประเทศ ใช้วงการบันเทิงของรัฐบังหน้าแท้จริงใช้สำหรับฟอกเงินสกปรกทั้งค้าอาวุธ,ยา,มนุษย์(อวัยวะ),ธุรกิจในนามครอบครัวการสร้างทางรถไฟในไทยไม่ใช่ในนามรัฐบาลแต่เป็นส่วนตัว"#พระเอกหนุ่มหลายคนในวงการถูกนำชื่อไปเป็นบัญชีม้าจัดตั้งบริษัทในนามชื่อเขาสัญญาทาสที่เซ็นแล้วห้ามออกถ้าออกตายซึ้งเกิดขึ้นสะสมมานานมากๆแล้วหลายคนเสียชีวิตผิดธรรมชาติอวัยวะภายในหายหมดเลย...!!!"กรณีล่าสุดคือ #YUMENGLONG โด่งดังและน่าสงสารมากเขาถูกเลือกตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมังกรสีแดงพูดกับเขาว่ารักษาตัวดีๆนะอีก12ปี.มีอะไรต้องทำร่วมกันก็ครบในปีนี้เขาถูกควบคุมตัวเหมือนนักโทษไม่มีอิสรภาพใดๆเขาอยากออกจากสังกัดๆอื่นยอมจ่ายชดเชยให้แต่ค่ายนี้ก็ไม่ยอมปล่อยกฎใต้โต๊ะคือต้องยอมบำเรอกามให้พวกมันถูกลวงละเมิดรังแกทำร้ายมาตลอดล่าสุดให้เขาไปพบผู้หญิงคนหนึ่งแต่เขาปฏิเสธและกลับไปบ้านที่ อุรุมชี ซินเจียงอุยกูร์เขตปกครองตนเองสอนหนังสือเด็กบนเขา3ปีสัญญาต้นสังกัดหมดแล้วเขากลับมาเข้าสังกัดใหม่แต่ค่ายเดิมก็ยังไม่ยอมปล่อยเพราะเขารู้ความลับพวกมันมากเขาแอบเก็บข้อมูลลับทุกอย่างไว้ใน"USB..เพื่อต่อรองขอเป็นอิสระจากสังกัดแต่ก็ยังพักอยู่ในคอนโดสังกัดพวกมันอยู่จึงมีอันตรายมาก มีคำสั่งธงแดงลงมาให้ประหารชีวิตเขาจึงมีอุบายจัดงานปาร์ตี้ บ.นี้ปกติก็บังคับให้ดาราในสังกัดต้องไปดื่มกับพวกมันอยู่แล้ว อวี่เหมิงหลงไม่ชอบดื่มนางนกต่อและเพื่อนสนิทมาหลอกเขาถูกจับขังไว้ในชั้นใต้ดินในอาคาร "Art798..บังคับให้สตรีมสดโดยเหมือนปกติแต่คนดูกังเกตุเห็นเงาสะท้อนจากขวดน้ำดื่มว่าเป็นห้องแคบๆฉาบซีเมนต์หยาบๆไม่สม่ำเสมอ"Yu..เขารู้ว่าเขาต้องตายแน่ๆเพราะมันรู้ว่าเขาแอบบันทึกข้อมูลการฟอกเงินของพวกมันไว้ต้องปิดปาก อีกสิ่งที่สำคัญมากก็คือใช้เขาเป็นเหยื่อในพิธีบูชายัญในแบบสมัยโบราณคือมีตัวตายตัวแทนเขาเกิดวันเดียวกับผู้นำ15ชื่อของเขา"Yumenglong แปลว่ามังกรเอาชีวิตเขาขโมยเวลาและโชควาสนาบารมีของเขาไปให้ผู้นำๆที่นำความลับไปขายให้ไส้ศึกด้วย(แดนอาทิตย์อุทัย)ศัตรูเก่าเขาไม่ยอมลงง่ายๆเขาจะสู้ทุกทางเพื่ออำนาจของตัวเองทำพิธีแลกเปลี่ยนวิญญาณความเชื่อตั้งแต่สมัยราชวงค์(ปล.จำสมัยไม่ได้)เขากลับมาเลยโดนจัดการทันทีวิธีที่ทรมานและโหดร้ายมากทั้งถอดเล็บสดๆถอนฟันเกือบหมดปากเหลือไว้ 1 ซี่เอาเส้นผมไปทำพืธีที่เทือกเขาทิเบตเขาโดนผ่าท้องสดๆมันโหดร้ายสุดจริงๆเขารู้มานานมากแล้วก็จริงแต่หนีไม่ได้ครอบครัวโดนข่มขู่เขาถูกฆ่าอย่างทารุณเขาไม่ได้เต็มใจเสียสละเพื่อผู้นำแต่โดนบังคับและวางยาพิษใส่ในเครื่องดื่มให้เขาดื่มร่างกายบอบช้ำมากแม่เขาถูกตำรวจข่มขู่ให้เซ็นยอมความแต่เธอไม่ยอมญาติของเขาถูกฆ่าน้องสาวกลายเป็นบ้าแม่อยู่ในICU แม่เขาต้องการศพลูกไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านพวกมันไม่ให้ จัดงานศพปลอมๆว่าจะให้แต่เถ้ากระดูกไป แต่ก็ไม่ใช่YUๆร่างถูกเก็บไว้ที่ชั้นใต้ดินNO4ช่อง14...มันเอาศพใครมาเผานะหลอกลวงสังคมสั่งลบคลิปหนังละครของเขาออกจากสื่อทั้งหมดห้ามใครโพตส์ชื่อลงโซเชี่ยลเด็ดขาดโดนปรามรุนแรงแบนและโดนคุมตัวด้วย เคยคิดว่าสีจินผิงเป็นคนดี หนูมองผิดอีกตามเคย🥺😭😔เศร้าใจ🖤#39วันแล้วหนูนอนไม่หลับเลยสะเทือนใจมาก
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 865 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “แดเนียล คาห์เนมัน” นักจิตวิทยาเจ้าของรางวัลโนเบล เลือกจบชีวิตอย่างสงบในสวิตเซอร์แลนด์

    ในวันที่ 27 มีนาคม 2024 โลกต้องสูญเสียหนึ่งในนักคิดผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคสมัย ดร.แดเนียล คาห์เนมัน นักจิตวิทยาเชิงพฤติกรรมและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปี 2002 ได้เลือกจบชีวิตด้วยการทำการุณยฆาตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะมีอายุ 90 ปี

    เรื่องราวของเขาไม่ได้จบลงด้วยความเศร้า หากแต่เป็นการตัดสินใจที่สะท้อนถึงความเข้าใจชีวิตอย่างลึกซึ้ง เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายในกรุงปารีสกับครอบครัว เดินเล่น ชมบัลเลต์ และลิ้มรสช็อกโกแลตมูสอย่างมีความสุข ก่อนจะส่งอีเมลอำลาเพื่อนสนิท แล้วเดินทางไปซูริกเพื่อจบชีวิตอย่างสงบ

    แม้เขาจะไม่ได้ป่วยหนักหรือเป็นโรคร้ายแรง แต่เขาเริ่มรู้สึกถึงความเสื่อมถอยของร่างกายและจิตใจ และไม่ต้องการเผชิญกับความทรมานหรือการสูญเสียอัตลักษณ์แบบที่คนใกล้ตัวเคยประสบ เขาเลือกที่จะรักษาความเป็นตัวเองไว้จนวาระสุดท้าย

    การตัดสินใจของคาห์เนมันจุดประกายให้สังคมหันกลับมาคิดถึงเรื่องสิทธิในการเลือกจบชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังถกเถียงกันในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแง่จริยธรรม กฎหมาย และความเชื่อทางศาสนา

    สรุปเนื้อหาจากข่าวและข้อมูลเพิ่มเติม
    ชีวิตและการตัดสินใจของแดเนียล คาห์เนมัน
    เขาเป็นนักจิตวิทยาเชิงพฤติกรรมที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 2002
    เลือกจบชีวิตด้วยการทำการุณยฆาตในสวิตเซอร์แลนด์เมื่ออายุ 90 ปี
    ใช้เวลาสุดท้ายในปารีสกับครอบครัวอย่างสงบและมีความสุข
    ส่งอีเมลอำลาเพื่อนสนิทก่อนเดินทางไปซูริก
    ต้องการหลีกเลี่ยงความเสื่อมถอยทางร่างกายและจิตใจ
    เคยสูญเสียคนใกล้ตัวจากภาวะสมองเสื่อมและโรคร้ายแรง
    ต้องการรักษาความเป็นตัวเองและความสง่างามจนวาระสุดท้าย
    ไม่ต้องการให้การตัดสินใจของเขากลายเป็นประเด็นถกเถียงในสาธารณะ

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการุณยฆาต
    สวิตเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่อนุญาตให้ทำการุณยฆาตอย่างถูกกฎหมาย
    ต้องผ่านการประเมินจากแพทย์และจิตแพทย์อย่างเข้มงวด
    ผู้ป่วยต้องมีสติสัมปชัญญะและตัดสินใจด้วยตัวเอง
    มีองค์กรเช่น Dignitas และ Exit ที่ให้บริการด้านนี้
    หลายประเทศยังคงห้ามหรือจำกัดการทำการุณยฆาต เช่น สหรัฐอเมริกา (บางรัฐ), ญี่ปุ่น, ไทย

    คำเตือนเกี่ยวกับการตัดสินใจจบชีวิต
    การทำการุณยฆาตไม่ใช่ทางออกสำหรับภาวะซึมเศร้าหรือความสิ้นหวัง
    ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตก่อนตัดสินใจใดๆ
    การสูญเสียคนรักอาจกระทบจิตใจอย่างรุนแรง ต้องได้รับการดูแล
    การตัดสินใจจบชีวิตควรเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ควรถูกกดดันจากสังคมหรือครอบครัว
    มีบริการสายด่วนและองค์กรช่วยเหลือผู้ที่มีความคิดฆ่าตัวตาย เช่น สายด่วน 143 และ 147 ในสวิตเซอร์แลนด์

    หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับความทุกข์ใจ โปรดอย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหรือองค์กรที่พร้อมรับฟังและช่วยเหลือคุณอย่างจริงใจ.

    https://www.bluewin.ch/en/entertainment/nobel-prize-winner-opts-for-suicide-in-switzerland-2619460.html
    หัวข้อข่าว: “แดเนียล คาห์เนมัน” นักจิตวิทยาเจ้าของรางวัลโนเบล เลือกจบชีวิตอย่างสงบในสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 27 มีนาคม 2024 โลกต้องสูญเสียหนึ่งในนักคิดผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคสมัย ดร.แดเนียล คาห์เนมัน นักจิตวิทยาเชิงพฤติกรรมและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปี 2002 ได้เลือกจบชีวิตด้วยการทำการุณยฆาตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะมีอายุ 90 ปี เรื่องราวของเขาไม่ได้จบลงด้วยความเศร้า หากแต่เป็นการตัดสินใจที่สะท้อนถึงความเข้าใจชีวิตอย่างลึกซึ้ง เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายในกรุงปารีสกับครอบครัว เดินเล่น ชมบัลเลต์ และลิ้มรสช็อกโกแลตมูสอย่างมีความสุข ก่อนจะส่งอีเมลอำลาเพื่อนสนิท แล้วเดินทางไปซูริกเพื่อจบชีวิตอย่างสงบ แม้เขาจะไม่ได้ป่วยหนักหรือเป็นโรคร้ายแรง แต่เขาเริ่มรู้สึกถึงความเสื่อมถอยของร่างกายและจิตใจ และไม่ต้องการเผชิญกับความทรมานหรือการสูญเสียอัตลักษณ์แบบที่คนใกล้ตัวเคยประสบ เขาเลือกที่จะรักษาความเป็นตัวเองไว้จนวาระสุดท้าย การตัดสินใจของคาห์เนมันจุดประกายให้สังคมหันกลับมาคิดถึงเรื่องสิทธิในการเลือกจบชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังถกเถียงกันในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแง่จริยธรรม กฎหมาย และความเชื่อทางศาสนา สรุปเนื้อหาจากข่าวและข้อมูลเพิ่มเติม ✅ ชีวิตและการตัดสินใจของแดเนียล คาห์เนมัน ➡️ เขาเป็นนักจิตวิทยาเชิงพฤติกรรมที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 2002 ➡️ เลือกจบชีวิตด้วยการทำการุณยฆาตในสวิตเซอร์แลนด์เมื่ออายุ 90 ปี ➡️ ใช้เวลาสุดท้ายในปารีสกับครอบครัวอย่างสงบและมีความสุข ➡️ ส่งอีเมลอำลาเพื่อนสนิทก่อนเดินทางไปซูริก ➡️ ต้องการหลีกเลี่ยงความเสื่อมถอยทางร่างกายและจิตใจ ➡️ เคยสูญเสียคนใกล้ตัวจากภาวะสมองเสื่อมและโรคร้ายแรง ➡️ ต้องการรักษาความเป็นตัวเองและความสง่างามจนวาระสุดท้าย ➡️ ไม่ต้องการให้การตัดสินใจของเขากลายเป็นประเด็นถกเถียงในสาธารณะ ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการุณยฆาต ➡️ สวิตเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่อนุญาตให้ทำการุณยฆาตอย่างถูกกฎหมาย ➡️ ต้องผ่านการประเมินจากแพทย์และจิตแพทย์อย่างเข้มงวด ➡️ ผู้ป่วยต้องมีสติสัมปชัญญะและตัดสินใจด้วยตัวเอง ➡️ มีองค์กรเช่น Dignitas และ Exit ที่ให้บริการด้านนี้ ➡️ หลายประเทศยังคงห้ามหรือจำกัดการทำการุณยฆาต เช่น สหรัฐอเมริกา (บางรัฐ), ญี่ปุ่น, ไทย ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการตัดสินใจจบชีวิต ⛔ การทำการุณยฆาตไม่ใช่ทางออกสำหรับภาวะซึมเศร้าหรือความสิ้นหวัง ⛔ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตก่อนตัดสินใจใดๆ ⛔ การสูญเสียคนรักอาจกระทบจิตใจอย่างรุนแรง ต้องได้รับการดูแล ⛔ การตัดสินใจจบชีวิตควรเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ควรถูกกดดันจากสังคมหรือครอบครัว ⛔ มีบริการสายด่วนและองค์กรช่วยเหลือผู้ที่มีความคิดฆ่าตัวตาย เช่น สายด่วน 143 และ 147 ในสวิตเซอร์แลนด์ หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับความทุกข์ใจ โปรดอย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหรือองค์กรที่พร้อมรับฟังและช่วยเหลือคุณอย่างจริงใจ. https://www.bluewin.ch/en/entertainment/nobel-prize-winner-opts-for-suicide-in-switzerland-2619460.html
    WWW.BLUEWIN.CH
    Nobel Prize winner opts for suicide in Switzerland
    At the age of 90, Nobel Prize winner Daniel Kahneman has decided to die by his own hand in Switzerland. He spent his last days in Paris - conscious, fulfilled and quiet.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 646 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 3 “นกหัวเอียง”
    ตุรกีเหมือนเป็นลูกครึ่ง ครึ่งฝรั่ง ครึ่งอาหรับ อยู่ที่ว่าตุรกีจะเอียงหัวไปทางไหน เอียงหัวไปทางซ้าย ก็กลายเป็นพวกฝรั่ง เอียงหัวไปทางขวา ก็กลายเป็นพวกอาหรับ แต่อเมริกาบอกตุรกีอย่างเอียงหัวไปซ้ายที ขวาที บ่อยนัก อเมริกาเวียนหัว
    อเมริกาบอกว่า แม้ตุรกีจะเป็นเพื่อนสนิทมิตรใกล้ แต่ตุรกีมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ซึ่งเหมือนเพื่อนบางคนของอเมริกาในยุโรป (ใครนะ ? )
    ในรายงานวิเคราะห์ของ Council on Foreign Relations Report No. 69 ซึ่งทำโดยคุณนาย Madeline K. Albright (อดีต รมว.ต่างประเทศอเมริกา สมัยนายบุช (ลูก) และพวก) อเมริกายอมรับว่า ความจริงแล้ว ตุรกีไม่เหมือนประเทศใดในโลก ! เป็นทั้งเพื่อนสนิทรู้ใจสาระพัดของอเมริกา ขณะเดียวกัน ก็ทำให้หัวอกอเมริกากลัดหนอง ได้อยู่หลายครั้งเช่นเดียวกัน และมันจะเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป เพราะสาเหตุลึก ๆ ของความกลัดหนองนี้มาจาก ความไม่ไว้วางใจ ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงของทั้ง 2 ฝ่าย !
    แม้จะคบกันมา 60 ปีแล้ว ร่วมกิจการบนดินใต้ดินกันมาสาระพัด อเมริกาก็ยังอ่านตุรกีไม่ขาด ว่าตกลงตุรกีเป็นนกสองหัวหรือไม่ หรือตุรกีเป็นเพียงลูกครึ่ง ซึ่งมีทั้งความเป็นยุโรป และอาหรับอยู่ในตัว ในขณะที่อเมริกาไม่มีครึ่งไหนอยู่ในตัวเลย แล้วจะเข้าใจหัวอกของคนครึ่งลูกหรือเต็มใบได้อย่างไร
(ไม่เหมือนสมันน้อยนะ 60 ปีก่อน ว่านอนสอนง่าย ให้เดินต๊อก ๆ ตามยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเดินตามเหมือนเดิม ไม่มีปากไม่มีเสียง น่ารักเสียไม่มี)
    สงครามเย็นจบไปแล้ว แต่หมากล้อมของอเมริกาดูเหมือนจะยังไม่จบ แล้วตุรกีเล่า ยังเป็นหมากให้อเมริกาเดินตามใจชอบเหมือนเดิม ๆ อยู่หรือเปล่า ตกลงหัวของตุรกีอยู่ทางไหนกันแน่ อเมริกาเริ่มแสดงอาการทวงบุญคุณ และตุรกีก็เริ่มแสดงอาการ บุญคุณใช้หมดแล้ว…หรือยังครับนายท่าน?
    ส่วนรายงาน CRS ฉบับวันที่ 27 มี.ค. 2014 บอกว่าตุรกี เริ่มมีการเปลี่ยนท่าที ลดการพึ่งพาอเมริกาลงไปหลายส่วน อาการแบบนี้แปลว่าอะไร เบื่อจะเล่นเป็นตัวประกอบแล้วหรือไง อยากเล่นเป็นตัวเอกบ้างละซิท่า
    อเมริกาตั้งความหวังไว้ว่า เมื่ออเมริกาประกาศ (ลวงโลกว่า) ถอนทหารจาก Iraq และ Afghanistan แล้ว ตุรกีจะต้องเป็นผู้รับไม้ไปทำการแทนต่อ หน้าฉากอเมริกาเล่นบทถอน แต่หลังฉาก ให้ตุรกีเล่นบทเข้าไปคุมพื้นที่แทน ! นายท่านมัวแต่ให้กระผมเล่นอยู่แต่หลังฉาก แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่ผมจะได้เป็นตัวเอกซะ ที เล่นหลังฉากมา 60 ปี แล้วนะขอรับ (โถ หัวอกเดียวกับสมันน้อยเลย ดีว่าสมันน้อย ไม่ต้องไปเก็บกวาดนอกบ้าน แค่เดินตามเขาชี้นิ้วในบ้านเราต๊อกๆ มา 60 ปี ประชาชี ก็ช้ำพอแล้ว พอหรือยัง พอหรือยัง)
    โดยภูมิประเทศที่ตั้ง ทำให้ตุรกีมีโอกาสติดต่อคบค้ากับ หลายประเทศ ไม่ว่าฝั่งยุโรป หรือฝั่งอาหรับ ประเทศที่ตุรกี คบค้ามานาน คือ อิหร่าน และรัสเซีย ทั้ง 3 ประเทศผูกพันธ์กัน ทั้งทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และมีส่วนผสมทางวัฒนธรรม การค้า ภาษา และศาสนาอีกด้วย แม้ว่าหลายครั้ง สัมพันธ์ 3 ประเทศ จะมีตกหลุม ตกรางไปบ้าง แต่ลึก ๆ แล้ว 3 ประเทศนี้ตัดกันไม่ง่าย ขายกันไม่ขาด ตุรกีไม่ปิดบัง มันมีมานานแล้วเพื่อนเก่าน่ะ เขาพวกมีประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรมยาวนาน เป็นอดีตจักรวรรดิด้วยกัน ทั้ง 3 ประเทศ ไม่ใช่ประเทศเกิดใหม่เพิ่งฉลองอิสรภาพ แต่เพื่อนใหม่อย่างอเมริกา ตุรกีก็คบ และดูเหมือนจะไม่สนใจว่า จะทำให้อเมริการู้สึกอย่างไร อเมริการู้สึกและไม่ใช่รู้สึกระดับธรรมดา อเมริกาจับตาส่องกล้องตามสัมพันธ์ของ 3 สหาย ตลอดทุกกระเบียดนิ้ว
    อเมริกายังจำได้ไม่มีวันลืม เมื่อปี ค.ศ. 2010 เกี่ยวกับเรื่อง Israel กับกองเรือที่ Gaza ที่ตุรกีโหวตสวนอเมริกา แต่เรื่องนี้ยังเล็ก สำหรับอเมริกา เมื่อเทียบกับอีกเรื่องในปีเดียวกัน เมื่อ UN Security Council ลงมติดให้สมาชิกคว่ำบาตรอิหร่าน แต่ตุรกี (และบราซิล พร้อมใจกัน) ลงมติสวนทางกับอเมริกา ทั้ง 2 เรื่อง เป็นประเด็นทางยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกาในภูมิภาคนี้
    เหตุการณ์วิกฤติที่ Crimea และ Ukraine ก็เป็นอีกกรณีที่ทำให้อเมริกาจับตาดูแบบไม่กระพริบว่าจะมีส่วนกระทบ หรือเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์ระหว่างตุรกี กับรัสเซีย ในทางใดบ้างหรือไม่
    นอกจากนี้ในสายตาของอเมริกา การที่ตุรกีทำท่าออกหน้าเรื่อง Syria เหมือนจะยกทัพไปปราม รัฐบาล Asrad แต่เอาจริงก็แค่ส่งเสบียง ส่งกองกำลัง แบบตีปี๊บให้ดังมากกว่า เป็นไปได้ว่าตุรกีหวังจะให้อเมริกา และ NATO ออกหน้า (อย่าที่แอบคุยกันไว้) แต่เมื่อรัฐบาล Obama กลับลำถอยฉาก ออกมาจาก Syria ตุรกีก็เลยหยุดดูบ้าง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว อเมริกาหวังจะให้ตุรกีเดินหน้าต่อไป
    ตุรกีหยุดเพราะอเมริกาถอย หรือตุรกีหยุด เพราะรัสเซียและอิหร่าน ไม่(เคย) เดินหน้าเข้าไปขยี้ Syria อเมริกาจึงยังจับตาดูตุรกีต่อไป
    อิหร่านและรัสเซีย เป็นคู่ค้าที่สำคัญของตุรกีในด้านพลังงาน เมื่ออเมริกาและสหภาพยุโรป ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ผู้ที่เดือดร้อนจนเหงื่อตกคือตุรกี ตุรกีพึ่งน้ำมันและแก๊ซจากอิหร่าน ห้ามค้าขายกับอิหร่านแล้วจะทำอย่างไร ตุรกีถาม อเมริกาบอก ก็ไม่ต้องซื้อ พูดง่ายนะ
    ตุรกีหน้ามืด หรือ อยากลองของกับอเมริกา หรือนี่คือ ตุรกี “ตัวจริง”
    แม้อเมริกาจะบอกให้ตุรกีเลิกคบกับอิหร่าน แต่ตุรกี โดยรัฐบาล AKP ของนาย Erdogan ยังเดินหน้า ซื้อขายน้ำมันและแก๊ซกับอิหร่านต่อไป ทำทั้งแบบเปิดเผยและปกปิด เพื่อเลี่ยงกฎเกณฑ์การคว่ำบาตรของอเมริกาและสหภาพยุโรป ส่วนหนึ่งที่ตุรกีทำคือ ทำผ่าน Halk Bankasi (People’s Bank) หรือที่เรียกว่า HalkBak ซึ่งเป็นของรัฐบาล อันเป็นต้นเหตุของการถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลฉ้อโกง
    เมื่ออิหร่านขายน้ำมันและแก๊สให้ตุรกี ตุรกีจะจ่ายค่าซื้อขายผ่าน Halk Bank โดย Bank ซื้อทองคำ จ่ายเป็นค่าซื้อขายให้อิหร่านอีกต่อ แทนการจ่ายด้วยเงินตรา เพราะอิหร่านถูกห้ามการใช้เงินโอน ผ่านระบบเงินโอนระหว่างประเทศ swift International money system ตามการคว่ำบาตร ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 ตุรกีเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎการคว่ำบาตร เพราะไม่มีข้อห้ามไม่ให้ห้ามซื้อขาย แร่ธาตุมีค่ากับอิหร่าน
    ไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มมีข่าวว่า Halk Bank และรัฐบาลตุรกีร่วมกันฉ้อโกง ข่าวนี้เริ่มแพร่จากบุคคลในระดับสูงในสังคมตุรกี โดยผู้ที่มีส่วนในการบริหารประเทศตุรกีเองนั่นแหละ เรียกว่าเริ่มนินทากันในระดับสูงก่อนทำข่าวหลุดให้สื่อประโคม !
    เศรษฐกิจของตุรกี เริ่มมีผลกระทบจากการคว่ำบาตรอิหร่าน ทั้งหมดก็เพราะการเดินนโยบายโง่บริสุทธิ์ (หรือหนอนบ่อนไส้ !) ของรัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี นาย Ahmet Davutoglu ที่แนะนำรัฐบาล AKP ให้ใช้นโยบาย Neo-Ottoman เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เป็น Turkish model Neo-Ottoman ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวอชิงตันและ NATO
    อันที่จริงตุรกีไม่ได้ใช้สิทธิในฐานะสมาชิก NATOคัดค้าน เมื่อ NATO มีแผนจะถล่ม Libya ซึ่งก็เป็นมิตรเก่าของตุรกีเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ลามไปถึง Syria เมื่อตุรกีเดินเข้าไปถล่ม Syria ตุรกีรู้หรือไม่ว่ามันเป็นกับดัก ที่มีเหยื่อคอยอยู่แล้วหลายตัว เช่น Libya, Syria, Iraq และ Lebanon และจะทำให้ตุรกีเดินห่างจากมิตรเก่าแก่ เช่น อิหร่าน และรัสเซีย ที่ดูเหมือนจะผูกพันธ์กัน แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อย ๆ
    และตุรกีก็ดูเหมือนไม่ฉุกใจคิด เลยว่า ทำไมรัสเซีย อิหร่าน และจีน จึงรวมตัวกัน จับมือคัดค้าน การถล่ม Syria นอกจากไม่ฉุกใจคิดแล้ว ตุรกี ยังเดินนำหน้าสู่กับดักด้วยตนเอง ด้วยการสนับสนุนทั้งด้านอาวุธ การฝึก การเงิน ให้แก่กบฎซีเรียอีกด้วย นี่เป็นการคิดดอกเบี้ยทบต้นของอเมริกากับตุรกี สำหรับเงินที่ลงทุนไป
    หรือตุรกี กำลังเล่นอะไร?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 3 “นกหัวเอียง” ตุรกีเหมือนเป็นลูกครึ่ง ครึ่งฝรั่ง ครึ่งอาหรับ อยู่ที่ว่าตุรกีจะเอียงหัวไปทางไหน เอียงหัวไปทางซ้าย ก็กลายเป็นพวกฝรั่ง เอียงหัวไปทางขวา ก็กลายเป็นพวกอาหรับ แต่อเมริกาบอกตุรกีอย่างเอียงหัวไปซ้ายที ขวาที บ่อยนัก อเมริกาเวียนหัว อเมริกาบอกว่า แม้ตุรกีจะเป็นเพื่อนสนิทมิตรใกล้ แต่ตุรกีมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ซึ่งเหมือนเพื่อนบางคนของอเมริกาในยุโรป (ใครนะ ? ) ในรายงานวิเคราะห์ของ Council on Foreign Relations Report No. 69 ซึ่งทำโดยคุณนาย Madeline K. Albright (อดีต รมว.ต่างประเทศอเมริกา สมัยนายบุช (ลูก) และพวก) อเมริกายอมรับว่า ความจริงแล้ว ตุรกีไม่เหมือนประเทศใดในโลก ! เป็นทั้งเพื่อนสนิทรู้ใจสาระพัดของอเมริกา ขณะเดียวกัน ก็ทำให้หัวอกอเมริกากลัดหนอง ได้อยู่หลายครั้งเช่นเดียวกัน และมันจะเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป เพราะสาเหตุลึก ๆ ของความกลัดหนองนี้มาจาก ความไม่ไว้วางใจ ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงของทั้ง 2 ฝ่าย ! แม้จะคบกันมา 60 ปีแล้ว ร่วมกิจการบนดินใต้ดินกันมาสาระพัด อเมริกาก็ยังอ่านตุรกีไม่ขาด ว่าตกลงตุรกีเป็นนกสองหัวหรือไม่ หรือตุรกีเป็นเพียงลูกครึ่ง ซึ่งมีทั้งความเป็นยุโรป และอาหรับอยู่ในตัว ในขณะที่อเมริกาไม่มีครึ่งไหนอยู่ในตัวเลย แล้วจะเข้าใจหัวอกของคนครึ่งลูกหรือเต็มใบได้อย่างไร
(ไม่เหมือนสมันน้อยนะ 60 ปีก่อน ว่านอนสอนง่าย ให้เดินต๊อก ๆ ตามยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเดินตามเหมือนเดิม ไม่มีปากไม่มีเสียง น่ารักเสียไม่มี) สงครามเย็นจบไปแล้ว แต่หมากล้อมของอเมริกาดูเหมือนจะยังไม่จบ แล้วตุรกีเล่า ยังเป็นหมากให้อเมริกาเดินตามใจชอบเหมือนเดิม ๆ อยู่หรือเปล่า ตกลงหัวของตุรกีอยู่ทางไหนกันแน่ อเมริกาเริ่มแสดงอาการทวงบุญคุณ และตุรกีก็เริ่มแสดงอาการ บุญคุณใช้หมดแล้ว…หรือยังครับนายท่าน? ส่วนรายงาน CRS ฉบับวันที่ 27 มี.ค. 2014 บอกว่าตุรกี เริ่มมีการเปลี่ยนท่าที ลดการพึ่งพาอเมริกาลงไปหลายส่วน อาการแบบนี้แปลว่าอะไร เบื่อจะเล่นเป็นตัวประกอบแล้วหรือไง อยากเล่นเป็นตัวเอกบ้างละซิท่า อเมริกาตั้งความหวังไว้ว่า เมื่ออเมริกาประกาศ (ลวงโลกว่า) ถอนทหารจาก Iraq และ Afghanistan แล้ว ตุรกีจะต้องเป็นผู้รับไม้ไปทำการแทนต่อ หน้าฉากอเมริกาเล่นบทถอน แต่หลังฉาก ให้ตุรกีเล่นบทเข้าไปคุมพื้นที่แทน ! นายท่านมัวแต่ให้กระผมเล่นอยู่แต่หลังฉาก แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่ผมจะได้เป็นตัวเอกซะ ที เล่นหลังฉากมา 60 ปี แล้วนะขอรับ (โถ หัวอกเดียวกับสมันน้อยเลย ดีว่าสมันน้อย ไม่ต้องไปเก็บกวาดนอกบ้าน แค่เดินตามเขาชี้นิ้วในบ้านเราต๊อกๆ มา 60 ปี ประชาชี ก็ช้ำพอแล้ว พอหรือยัง พอหรือยัง) โดยภูมิประเทศที่ตั้ง ทำให้ตุรกีมีโอกาสติดต่อคบค้ากับ หลายประเทศ ไม่ว่าฝั่งยุโรป หรือฝั่งอาหรับ ประเทศที่ตุรกี คบค้ามานาน คือ อิหร่าน และรัสเซีย ทั้ง 3 ประเทศผูกพันธ์กัน ทั้งทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และมีส่วนผสมทางวัฒนธรรม การค้า ภาษา และศาสนาอีกด้วย แม้ว่าหลายครั้ง สัมพันธ์ 3 ประเทศ จะมีตกหลุม ตกรางไปบ้าง แต่ลึก ๆ แล้ว 3 ประเทศนี้ตัดกันไม่ง่าย ขายกันไม่ขาด ตุรกีไม่ปิดบัง มันมีมานานแล้วเพื่อนเก่าน่ะ เขาพวกมีประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรมยาวนาน เป็นอดีตจักรวรรดิด้วยกัน ทั้ง 3 ประเทศ ไม่ใช่ประเทศเกิดใหม่เพิ่งฉลองอิสรภาพ แต่เพื่อนใหม่อย่างอเมริกา ตุรกีก็คบ และดูเหมือนจะไม่สนใจว่า จะทำให้อเมริการู้สึกอย่างไร อเมริการู้สึกและไม่ใช่รู้สึกระดับธรรมดา อเมริกาจับตาส่องกล้องตามสัมพันธ์ของ 3 สหาย ตลอดทุกกระเบียดนิ้ว อเมริกายังจำได้ไม่มีวันลืม เมื่อปี ค.ศ. 2010 เกี่ยวกับเรื่อง Israel กับกองเรือที่ Gaza ที่ตุรกีโหวตสวนอเมริกา แต่เรื่องนี้ยังเล็ก สำหรับอเมริกา เมื่อเทียบกับอีกเรื่องในปีเดียวกัน เมื่อ UN Security Council ลงมติดให้สมาชิกคว่ำบาตรอิหร่าน แต่ตุรกี (และบราซิล พร้อมใจกัน) ลงมติสวนทางกับอเมริกา ทั้ง 2 เรื่อง เป็นประเด็นทางยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เหตุการณ์วิกฤติที่ Crimea และ Ukraine ก็เป็นอีกกรณีที่ทำให้อเมริกาจับตาดูแบบไม่กระพริบว่าจะมีส่วนกระทบ หรือเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์ระหว่างตุรกี กับรัสเซีย ในทางใดบ้างหรือไม่ นอกจากนี้ในสายตาของอเมริกา การที่ตุรกีทำท่าออกหน้าเรื่อง Syria เหมือนจะยกทัพไปปราม รัฐบาล Asrad แต่เอาจริงก็แค่ส่งเสบียง ส่งกองกำลัง แบบตีปี๊บให้ดังมากกว่า เป็นไปได้ว่าตุรกีหวังจะให้อเมริกา และ NATO ออกหน้า (อย่าที่แอบคุยกันไว้) แต่เมื่อรัฐบาล Obama กลับลำถอยฉาก ออกมาจาก Syria ตุรกีก็เลยหยุดดูบ้าง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว อเมริกาหวังจะให้ตุรกีเดินหน้าต่อไป ตุรกีหยุดเพราะอเมริกาถอย หรือตุรกีหยุด เพราะรัสเซียและอิหร่าน ไม่(เคย) เดินหน้าเข้าไปขยี้ Syria อเมริกาจึงยังจับตาดูตุรกีต่อไป อิหร่านและรัสเซีย เป็นคู่ค้าที่สำคัญของตุรกีในด้านพลังงาน เมื่ออเมริกาและสหภาพยุโรป ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ผู้ที่เดือดร้อนจนเหงื่อตกคือตุรกี ตุรกีพึ่งน้ำมันและแก๊ซจากอิหร่าน ห้ามค้าขายกับอิหร่านแล้วจะทำอย่างไร ตุรกีถาม อเมริกาบอก ก็ไม่ต้องซื้อ พูดง่ายนะ ตุรกีหน้ามืด หรือ อยากลองของกับอเมริกา หรือนี่คือ ตุรกี “ตัวจริง” แม้อเมริกาจะบอกให้ตุรกีเลิกคบกับอิหร่าน แต่ตุรกี โดยรัฐบาล AKP ของนาย Erdogan ยังเดินหน้า ซื้อขายน้ำมันและแก๊ซกับอิหร่านต่อไป ทำทั้งแบบเปิดเผยและปกปิด เพื่อเลี่ยงกฎเกณฑ์การคว่ำบาตรของอเมริกาและสหภาพยุโรป ส่วนหนึ่งที่ตุรกีทำคือ ทำผ่าน Halk Bankasi (People’s Bank) หรือที่เรียกว่า HalkBak ซึ่งเป็นของรัฐบาล อันเป็นต้นเหตุของการถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลฉ้อโกง เมื่ออิหร่านขายน้ำมันและแก๊สให้ตุรกี ตุรกีจะจ่ายค่าซื้อขายผ่าน Halk Bank โดย Bank ซื้อทองคำ จ่ายเป็นค่าซื้อขายให้อิหร่านอีกต่อ แทนการจ่ายด้วยเงินตรา เพราะอิหร่านถูกห้ามการใช้เงินโอน ผ่านระบบเงินโอนระหว่างประเทศ swift International money system ตามการคว่ำบาตร ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 ตุรกีเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎการคว่ำบาตร เพราะไม่มีข้อห้ามไม่ให้ห้ามซื้อขาย แร่ธาตุมีค่ากับอิหร่าน ไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มมีข่าวว่า Halk Bank และรัฐบาลตุรกีร่วมกันฉ้อโกง ข่าวนี้เริ่มแพร่จากบุคคลในระดับสูงในสังคมตุรกี โดยผู้ที่มีส่วนในการบริหารประเทศตุรกีเองนั่นแหละ เรียกว่าเริ่มนินทากันในระดับสูงก่อนทำข่าวหลุดให้สื่อประโคม ! เศรษฐกิจของตุรกี เริ่มมีผลกระทบจากการคว่ำบาตรอิหร่าน ทั้งหมดก็เพราะการเดินนโยบายโง่บริสุทธิ์ (หรือหนอนบ่อนไส้ !) ของรัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี นาย Ahmet Davutoglu ที่แนะนำรัฐบาล AKP ให้ใช้นโยบาย Neo-Ottoman เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เป็น Turkish model Neo-Ottoman ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวอชิงตันและ NATO อันที่จริงตุรกีไม่ได้ใช้สิทธิในฐานะสมาชิก NATOคัดค้าน เมื่อ NATO มีแผนจะถล่ม Libya ซึ่งก็เป็นมิตรเก่าของตุรกีเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ลามไปถึง Syria เมื่อตุรกีเดินเข้าไปถล่ม Syria ตุรกีรู้หรือไม่ว่ามันเป็นกับดัก ที่มีเหยื่อคอยอยู่แล้วหลายตัว เช่น Libya, Syria, Iraq และ Lebanon และจะทำให้ตุรกีเดินห่างจากมิตรเก่าแก่ เช่น อิหร่าน และรัสเซีย ที่ดูเหมือนจะผูกพันธ์กัน แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อย ๆ และตุรกีก็ดูเหมือนไม่ฉุกใจคิด เลยว่า ทำไมรัสเซีย อิหร่าน และจีน จึงรวมตัวกัน จับมือคัดค้าน การถล่ม Syria นอกจากไม่ฉุกใจคิดแล้ว ตุรกี ยังเดินนำหน้าสู่กับดักด้วยตนเอง ด้วยการสนับสนุนทั้งด้านอาวุธ การฝึก การเงิน ให้แก่กบฎซีเรียอีกด้วย นี่เป็นการคิดดอกเบี้ยทบต้นของอเมริกากับตุรกี สำหรับเงินที่ลงทุนไป หรือตุรกี กำลังเล่นอะไร? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 801 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac

    สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง

    ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? )

    แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง
    Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด

    สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ

    แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!?

    Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา
    หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน

    Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น

    ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร

    ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน

    ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่

    นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation
    และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? ) แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!? Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่ นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 800 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาวิกโยธินสหรัฐที่ทำสงครามร่วมรบกับยูเครน กำลังกล่าวว่าสื่อให้ค่ารัสเซียมากเกินไปที่พวกเขาสามารถยึดครองดินแดนยูเครนได้ ทำให้ชาวอเมริกันเข้าใจผิดเกี่ยวกับสงครามที่รัสเซียได้เปรียบ เพราะในความเป็นจริง แค่เมืองที่รัสเซียต้องการยึดครองห่างจากตำแหน่งแนวหน้าพียง 5 นาที แต่กองทหารรัสเซียต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือนกว่าจะยึดได้


    นาวิกโยธินรายนี้ยังบอกอีกว่า เขาสูญเสียเพื่อนสนิทที่สุดของเขาไประหว่างการป้องกันเมืองชาซิฟ ยาร์ (Chasiv Yar อยู่ใกล้กับเมือง Bakhmut) เมื่อปีที่แล้ว ซี่งกว่ารัสเซียจะยึดเมืองนี้ได้ (Chasiv Yar) ห่างจากแนวหน้าเพียง 3 กิโลเมตร พวกเขาต้องใช้ตลอดเวลา 12 เดือน ในการโจมตี

    และจากจุดที่เขาประจำการแนวรบอยู่ เขายังสามารถมองเห็นแนวรบเดิมตั้งแต่ปี 2014 และปี 2022 นั่นแสดงให้เห็นว่า รัสเซียบุกแทบไม่ขึ้นเลย แต่มียอดเสียชีวิตจำนวนมาก

    สุดท้ายแล้ว นาวิกโยธินสหรัฐรายนี้ต้องการสื่อว่า ชัยชนะของรัสเซียดูยิ่งใหญ่เกินจริง จากการยกย่องของสื่อ แต่ในความจริงแล้วเป็นเพียงการคืบหน้าเล็กน้อยที่ต้องแลกด้วยความสูญเสียมหาศาล ซึ่งต่างจากสิ่งที่คนอเมริกันส่วนใหญ่รับรู้หรือเข้าใจ.
    นาวิกโยธินสหรัฐที่ทำสงครามร่วมรบกับยูเครน กำลังกล่าวว่าสื่อให้ค่ารัสเซียมากเกินไปที่พวกเขาสามารถยึดครองดินแดนยูเครนได้ ทำให้ชาวอเมริกันเข้าใจผิดเกี่ยวกับสงครามที่รัสเซียได้เปรียบ เพราะในความเป็นจริง แค่เมืองที่รัสเซียต้องการยึดครองห่างจากตำแหน่งแนวหน้าพียง 5 นาที แต่กองทหารรัสเซียต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือนกว่าจะยึดได้ นาวิกโยธินรายนี้ยังบอกอีกว่า เขาสูญเสียเพื่อนสนิทที่สุดของเขาไประหว่างการป้องกันเมืองชาซิฟ ยาร์ (Chasiv Yar อยู่ใกล้กับเมือง Bakhmut) เมื่อปีที่แล้ว ซี่งกว่ารัสเซียจะยึดเมืองนี้ได้ (Chasiv Yar) ห่างจากแนวหน้าเพียง 3 กิโลเมตร พวกเขาต้องใช้ตลอดเวลา 12 เดือน ในการโจมตี และจากจุดที่เขาประจำการแนวรบอยู่ เขายังสามารถมองเห็นแนวรบเดิมตั้งแต่ปี 2014 และปี 2022 นั่นแสดงให้เห็นว่า รัสเซียบุกแทบไม่ขึ้นเลย แต่มียอดเสียชีวิตจำนวนมาก สุดท้ายแล้ว นาวิกโยธินสหรัฐรายนี้ต้องการสื่อว่า ชัยชนะของรัสเซียดูยิ่งใหญ่เกินจริง จากการยกย่องของสื่อ แต่ในความจริงแล้วเป็นเพียงการคืบหน้าเล็กน้อยที่ต้องแลกด้วยความสูญเสียมหาศาล ซึ่งต่างจากสิ่งที่คนอเมริกันส่วนใหญ่รับรู้หรือเข้าใจ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac

    สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง

    ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? )

    แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง
    Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด

    สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ

    แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!?

    Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา
    หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน

    Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น

    ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร

    ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน

    ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่

    นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation
    และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? ) แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!? Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่ นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 761 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ วงการตลาดเงินตลาดทุนตลาดหุ้น ลมแทบจับ นายกฯหนู ตั้งเพื่อนสนิท ที่พัวพันคดีอาญา เป็นรมช.คลัง เคยร่วมโกงแบงก์หมื่นกว่าล้านบาท แถมเป็นกรรมการบริษัทในกัมพูชา เครือข่ายคนสนิทฮุนเซน
    #7ดอกจิก
    ♣ วงการตลาดเงินตลาดทุนตลาดหุ้น ลมแทบจับ นายกฯหนู ตั้งเพื่อนสนิท ที่พัวพันคดีอาญา เป็นรมช.คลัง เคยร่วมโกงแบงก์หมื่นกว่าล้านบาท แถมเป็นกรรมการบริษัทในกัมพูชา เครือข่ายคนสนิทฮุนเซน #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากห้องแชต: เมื่อความไว้ใจกลายเป็นช่องโหว่

    ในเดือนสิงหาคม 2025 มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้ใช้ ChatGPT หลายคนต้องสะดุ้ง—บทสนทนาส่วนตัวหลายพันรายการถูกเผยแพร่สู่สาธารณะผ่าน Google Search โดยไม่ตั้งใจ ไม่ใช่เพราะระบบถูกแฮก แต่เพราะฟีเจอร์ “Make chats discoverable” ที่เคยเปิดให้ผู้ใช้แชร์บทสนทนาแบบสาธารณะ กลับทำให้ข้อมูลส่วนตัวถูก index โดย search engine

    นักวิจัยจาก SafetyDetective ได้วิเคราะห์บทสนทนา 1,000 รายการที่รั่วไหล ซึ่งรวมกันกว่า 43 ล้านคำ พบว่าผู้ใช้จำนวนมากพูดคุยกับ AI ราวกับเป็นนักบำบัด ทนาย หรือเพื่อนสนิท โดยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่ ประวัติการทำงาน ไปจนถึงเรื่องอ่อนไหวอย่างความคิดฆ่าตัวตาย การใช้ยา การวางแผนครอบครัว และการถูกเลือกปฏิบัติ

    บางบทสนทนายาวถึง 116,000 คำ—เทียบเท่ากับการพิมพ์ต่อเนื่องสองวันเต็ม และเกือบ 60% ของแชตที่ถูกตั้งค่าสาธารณะเป็นการปรึกษาเชิงวิชาชีพ เช่น กฎหมาย การศึกษา หรือสุขภาพจิต ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็น “ที่พึ่ง” ของผู้คนในยุคนี้

    สาเหตุของการรั่วไหล
    ฟีเจอร์ “Make chats discoverable” เปิดให้บทสนทนาแสดงใน search engine
    ผู้ใช้หลายคนไม่เข้าใจว่าการแชร์จะทำให้ข้อมูลถูก index สาธารณะ
    ฟีเจอร์นี้ถูกลบออกแล้วหลังเกิดเหตุการณ์

    ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย
    มีการแชร์ชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่ ประวัติการทำงาน และข้อมูลอ่อนไหว
    บางแชตมีเนื้อหายาวมาก เช่น 116,024 คำในบทสนทนาเดียว
    มีการพูดถึงเรื่องสุขภาพจิต การใช้ยา และการถูกเลือกปฏิบัติ

    พฤติกรรมผู้ใช้ที่น่ากังวล
    ผู้ใช้จำนวนมากใช้ AI เป็นที่ปรึกษาแทนมนุษย์จริง
    มีการแชร์ข้อมูลที่ไม่ควรเปิดเผยในระบบที่ไม่มีการรับประกันความเป็นส่วนตัว
    AI บางครั้ง mirror อารมณ์ของผู้ใช้ ทำให้บทสนทนาเข้มข้นขึ้นแทนที่จะสงบลง

    ข้อเสนอจากนักวิจัย
    ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลส่วนตัวในบทสนทนา
    ระบบควรมีการแจ้งเตือนที่ชัดเจนก่อนแชร์
    ควรมีระบบลบข้อมูลส่วนตัวอัตโนมัติก่อนเผยแพร่
    ต้องศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้เพิ่มเติม เช่น ทำไมบางคนพิมพ์เป็นหมื่นคำในแชตเดียว

    https://hackread.com/leaked-chatgpt-chats-users-ai-therapist-lawyer-confidant/
    🎙️ เรื่องเล่าจากห้องแชต: เมื่อความไว้ใจกลายเป็นช่องโหว่ ในเดือนสิงหาคม 2025 มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้ใช้ ChatGPT หลายคนต้องสะดุ้ง—บทสนทนาส่วนตัวหลายพันรายการถูกเผยแพร่สู่สาธารณะผ่าน Google Search โดยไม่ตั้งใจ ไม่ใช่เพราะระบบถูกแฮก แต่เพราะฟีเจอร์ “Make chats discoverable” ที่เคยเปิดให้ผู้ใช้แชร์บทสนทนาแบบสาธารณะ กลับทำให้ข้อมูลส่วนตัวถูก index โดย search engine นักวิจัยจาก SafetyDetective ได้วิเคราะห์บทสนทนา 1,000 รายการที่รั่วไหล ซึ่งรวมกันกว่า 43 ล้านคำ พบว่าผู้ใช้จำนวนมากพูดคุยกับ AI ราวกับเป็นนักบำบัด ทนาย หรือเพื่อนสนิท โดยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่ ประวัติการทำงาน ไปจนถึงเรื่องอ่อนไหวอย่างความคิดฆ่าตัวตาย การใช้ยา การวางแผนครอบครัว และการถูกเลือกปฏิบัติ บางบทสนทนายาวถึง 116,000 คำ—เทียบเท่ากับการพิมพ์ต่อเนื่องสองวันเต็ม และเกือบ 60% ของแชตที่ถูกตั้งค่าสาธารณะเป็นการปรึกษาเชิงวิชาชีพ เช่น กฎหมาย การศึกษา หรือสุขภาพจิต ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็น “ที่พึ่ง” ของผู้คนในยุคนี้ ✅ สาเหตุของการรั่วไหล ➡️ ฟีเจอร์ “Make chats discoverable” เปิดให้บทสนทนาแสดงใน search engine ➡️ ผู้ใช้หลายคนไม่เข้าใจว่าการแชร์จะทำให้ข้อมูลถูก index สาธารณะ ➡️ ฟีเจอร์นี้ถูกลบออกแล้วหลังเกิดเหตุการณ์ ✅ ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย ➡️ มีการแชร์ชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่ ประวัติการทำงาน และข้อมูลอ่อนไหว ➡️ บางแชตมีเนื้อหายาวมาก เช่น 116,024 คำในบทสนทนาเดียว ➡️ มีการพูดถึงเรื่องสุขภาพจิต การใช้ยา และการถูกเลือกปฏิบัติ ✅ พฤติกรรมผู้ใช้ที่น่ากังวล ➡️ ผู้ใช้จำนวนมากใช้ AI เป็นที่ปรึกษาแทนมนุษย์จริง ➡️ มีการแชร์ข้อมูลที่ไม่ควรเปิดเผยในระบบที่ไม่มีการรับประกันความเป็นส่วนตัว ➡️ AI บางครั้ง mirror อารมณ์ของผู้ใช้ ทำให้บทสนทนาเข้มข้นขึ้นแทนที่จะสงบลง ✅ ข้อเสนอจากนักวิจัย ➡️ ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลส่วนตัวในบทสนทนา ➡️ ระบบควรมีการแจ้งเตือนที่ชัดเจนก่อนแชร์ ➡️ ควรมีระบบลบข้อมูลส่วนตัวอัตโนมัติก่อนเผยแพร่ ➡️ ต้องศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้เพิ่มเติม เช่น ทำไมบางคนพิมพ์เป็นหมื่นคำในแชตเดียว https://hackread.com/leaked-chatgpt-chats-users-ai-therapist-lawyer-confidant/
    HACKREAD.COM
    Leaked ChatGPT Chats: Users Treat AI as Therapist, Lawyer, Confidant
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่แปลกใจ,อีกช่องทางเพื่อช่วยเขมรถึงที่สุด,ฮุนเซนกับทักษิณเพื่อนสนิทโคตรๆ,คนไทยเกือบทั้งประเทศเขาตื่นแล้วก็ด้วย,จริงๆเพื่อไทยแพ้การเลือกแต่เขามองเห็นว่าก้าวไกลมาแน่,และบ๋อยเพื่อไทยด้วยสั่งได้,มุกละครถีบก้าวไกลจึงเกิดขึ้น แผนหมากนี้ก็วางสนุ็คแล้ว,จนเพื่อไทยสำเร็จเป้าหมาย,ได้เป็นรัฐบาลสมใจ,แผนให้ไทยรบกับเขมรก็จัดเตรียมรอไว้เช่นกัน,ใครก็ดูออกว่าปกป้องลูกสาวหลานอังเคิลแบบไหน,หาทางลงให้หลานอังเคิลไม่ต้องเผชิญความใดๆแบบภูมิธรรม ,ปกป้องภาพักษณ์ลูกสาวไม่ต้องเจอเผือกร้อนได้,คนสนิทภูมิธรรมจึงเป็นตัวเลือกรับบทนี้ในปัจจุบัน,ส่วนอนาคตศาลจะเล่นตามน้ำหรือตัดตอนก็ดูการตัดสินคดีคลิปนี้ล่ะ,
    ..โดรนโทนี่มีความเสี่ยงระดับสูงจริงๆหากจริงตามนี้.

    https://youtube.com/shorts/D8Vp4HdHKRg?si=wgNyT_T8xbfrFIKj
    ไม่แปลกใจ,อีกช่องทางเพื่อช่วยเขมรถึงที่สุด,ฮุนเซนกับทักษิณเพื่อนสนิทโคตรๆ,คนไทยเกือบทั้งประเทศเขาตื่นแล้วก็ด้วย,จริงๆเพื่อไทยแพ้การเลือกแต่เขามองเห็นว่าก้าวไกลมาแน่,และบ๋อยเพื่อไทยด้วยสั่งได้,มุกละครถีบก้าวไกลจึงเกิดขึ้น แผนหมากนี้ก็วางสนุ็คแล้ว,จนเพื่อไทยสำเร็จเป้าหมาย,ได้เป็นรัฐบาลสมใจ,แผนให้ไทยรบกับเขมรก็จัดเตรียมรอไว้เช่นกัน,ใครก็ดูออกว่าปกป้องลูกสาวหลานอังเคิลแบบไหน,หาทางลงให้หลานอังเคิลไม่ต้องเผชิญความใดๆแบบภูมิธรรม ,ปกป้องภาพักษณ์ลูกสาวไม่ต้องเจอเผือกร้อนได้,คนสนิทภูมิธรรมจึงเป็นตัวเลือกรับบทนี้ในปัจจุบัน,ส่วนอนาคตศาลจะเล่นตามน้ำหรือตัดตอนก็ดูการตัดสินคดีคลิปนี้ล่ะ, ..โดรนโทนี่มีความเสี่ยงระดับสูงจริงๆหากจริงตามนี้. https://youtube.com/shorts/D8Vp4HdHKRg?si=wgNyT_T8xbfrFIKj
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคลิปนักเรียนชายชั้น ม.5 ทำร้ายครูสาววัย 33 ปี เหตุเพราะไม่พอใจคะแนนสอบกลางภาค ส่งผลให้ดวงตาฟกช้ำ หัวด้านซ้ายบวม ซี่โครงอักเสบ

    เพื่อนสนิทของคุณครู เหยื่อความรุนแรงรายนี้ เล่าว่าครูสอนที่โรงเรียนแห่งนี้มา 11 ปีแล้ว นิสัยส่วนตัวเป็นคนเรียบร้อยไม่ค่อยพูดกับใคร ไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใคร และเป็นคนที่ใจดีกับเด็กนักเรียน

    เพื่อนของครูยังเล่าอีกว่า วันที่โดนนักเรียนชายทำร้าย หลังจากที่กลับบ้านไป ครูสาวรายนี้ต้องโกหกลูกตัวเองว่า ที่หน้าบวมเพราะว่าโดนผึ้งต่อย เนื่องจากลูกยังเล็ก ไม่อยากให้ลูกรู้เหตุการณ์

    ส่วนเด็กนักเรียนคนนี้เมื่อเทอมที่แล้วก็เคยตบเด็กนักเรียนผู้หญิงหน้าบวม และพ่อกับแม่มาเคลียร์ และย้อนไปประมาณ ม.4 เคยทำร้ายร่างกายพ่อตัวเอง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เด็กคนนี้เป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง
    เปิดคลิปนักเรียนชายชั้น ม.5 ทำร้ายครูสาววัย 33 ปี เหตุเพราะไม่พอใจคะแนนสอบกลางภาค ส่งผลให้ดวงตาฟกช้ำ หัวด้านซ้ายบวม ซี่โครงอักเสบ เพื่อนสนิทของคุณครู เหยื่อความรุนแรงรายนี้ เล่าว่าครูสอนที่โรงเรียนแห่งนี้มา 11 ปีแล้ว นิสัยส่วนตัวเป็นคนเรียบร้อยไม่ค่อยพูดกับใคร ไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใคร และเป็นคนที่ใจดีกับเด็กนักเรียน เพื่อนของครูยังเล่าอีกว่า วันที่โดนนักเรียนชายทำร้าย หลังจากที่กลับบ้านไป ครูสาวรายนี้ต้องโกหกลูกตัวเองว่า ที่หน้าบวมเพราะว่าโดนผึ้งต่อย เนื่องจากลูกยังเล็ก ไม่อยากให้ลูกรู้เหตุการณ์ ส่วนเด็กนักเรียนคนนี้เมื่อเทอมที่แล้วก็เคยตบเด็กนักเรียนผู้หญิงหน้าบวม และพ่อกับแม่มาเคลียร์ และย้อนไปประมาณ ม.4 เคยทำร้ายร่างกายพ่อตัวเอง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เด็กคนนี้เป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ทหารพระราชาไทยควรตัดสินใจยึดอำนาจ ตัดตอนบริบททั้งหมดของdeep stateและกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำมาตย์ที่สุ่มหัวกันตัังแต่ต้นโดยเด่นชัดคือเอาโทนี่มาไทย ชูเพื่อไทยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนและทุนฝรั่งทัังหมดด้วยในประเทศไทยทั้งสมคบคิดกับเขมรหมายยึดทรัพยากรมีค่ามากมายในอ่าวไทยซ้ำเติมจากที่ยึดครองไปอีกตลอดจนสมยอมให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสนามสงครามเองพร้อมปิดล้อมเพื่อสู้กับจีนในอนาคตอีก จุดชนวนหาข้ออ้างเข้ามาในอาเชียนนั้นเองของฝั่งฝรั่งด้วย อเมริกาบวกตาขี้ข้าฝรั่งเศสบ๋อยอเมริกาก็ด้วยอยากได้บ่อน้ำมันเพิ่มในอ่าวไทยนี้เองเพื่อเป็นพลังงานอีกมิติด้านสงครามก็ด้วย ดูดใกล้ไม่ต้องขนส่งมาเติมไกลๆ ไทยอินโดฯมีพร้อมเตรียมทำสงครามกับจีนได้นั้นเอง,
    ..ทหารพระราชาเราจะทำอะไรก็เด็ดขาดเถอะ,เช่น ชิงประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไว้ก่อน ให้ทหารไทยเรา กองกำลังปกป้องอธิปไตยไทยเราทั้งหมดทำงานไร้อุปสรรคและเต็มที่มิใช่แบบยุทธปืนคอนั้น,ยิงแต่ปืนคอนะจ๊ะ,ทหารพราน ทหารตชด.ตำรวจภายในประเทศจะจับมือสามัคคีกันทันทีเพื่อปกป้องภัยทั้งจากภายในคือกบฎทรยศแผ่นดินไทยและภายนอกแบบเขมรแบบอเมริกาแบบฝรั่งเศส สามารถเชิญฑูตอเมริกาและฝรั่งเศสออกจากประเทศไทยไปก่อนได้เลย,เพื่อตัดตอนใช้ไทยเป็นฐานทำสงครามกับจีน,นี้คืออำนาจเด็ดขาดที่จะสร้างสรรคยุทธวิธีทางสงครามทุกๆรูปแบบได้ ระดมผู้มีความรู้ความสามารถอิสระทั่วไทยได้ตลอดเวลา มีสภาคคล่องการปรับกลยุทธได้หมด จะสงครามการตังการค้าการเศรษฐกิจ สงครามตัวแทนแบบจะใช้ไทยกับเขมรจุดฉนวนขึ้น,สงครามไซเบอร์ใดๆ, และอื่นๆเราตัดตอนตัดหมากตัดกำลังมันได้หมดหรือตัดไฟแต่ต้นลมได้,ถ้าทหารพระราชายังนิ่งดูดากประมาทเลินเล่อดูเบา ตามน้ำหรือสมยอมกับรัฐบาลปัจจุบันสาขาเขมร1รุ่นมาลี2แบบนีั สู้ไม่ได้หรอก,เหลี่ยมมันเยอะ,ต้องร่วมมือกับภาคทหารประชาชนจริงจังด้วย สื่อไทยตื่นรู้มาฝั่งทหารเพื่อชาติเมืองก็มากแล้ว คณะรวมพลังแผ่นดินคือแนวร่วมของทัพประชาชนที่ดีที่สุด,จะไปจับมือกับสามกีบชูสามนิ้วเหรอหรือกปปส.พรรคร่วมต่างๆนั้น,ล้วนคือพวกอนุรักษ์นิยมเก่าทั้งสิ้นตลอดฝ่ายค้านทั้งหมดด้วยไร้ราคาหมด,คณะรวมพลังแผ่นดินไทยพร้อมประชาชนทั้งประเทศจับมือกับฝ่ายทหารพระราชาฝ่าวิกฤติภัยศัตรูของชาติไทยเราได้แน่นอน,ยึดอำนาจเถอะ,นี้ก็พ้น4สิงหาแล้ว,อย่าตามหมากบนกระดานของอีลิทของdeep stateฝรั่งประจำประเทศไทยและพวกเดอะแก๊งอำมาตย์อนุรักษ์นิยมเก่าเลย,เหลี่ยมแบบเจรจามาเลย์โดยสไตล์การใช้อำนาจฝ่ายเจ้าเล่ห์นักการเมืองมันธรรมดาที่ไหน,ยิงกันจะชนะเสือกตีรีตาเหลือกรีบช่วยเขมรช่วยอเมริกาจะซวยไปยิงฐานทัพอเมริกาที่ชลบุรีจะเสียหมาอเมริกาแค่ไหนแผนจะไปเป็นไปตามแผนหากไทยตีถึงพนมเปรตนรกนั้น,เหลี่ยมฝรั่งจึงสั่งเหลี่ยมประจำประเทศไทยกับเพื่อนสนิทมรึงรีบหามุกหยุดทหารพระราชาที่เป็นฝ่ายตรงข้ามมรึงให้ด่วนถึงด่วนที่สุดทันทีมันว่า,เลยเหี้ยไง ทหารไทยเราเสียเหลี่ยมมันนะ เห็นมั้ยนี้ล่ะอันตรายของการไม่เด็ดขาดประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ อำนาจทหารไทยจะเต็มแนวรบแนวปฏิบัติทางสงครามทั้งหมดทันที,ถ้าเป็นแบบนี้ฝันเลยจะเอาชนะอเมริกาได้และคนทรยศประจำประเทศไทยปกตินี้,จะชนะอเมริกามันไม่ยากอะไรเลย,มีมากมายหลากหลายวิธี,จริงๆอเมริกามันล่มสลายล้มละลายไปนานแล้ว ไร้ค่าไร้ราคานานแล้ว,แค่ผีบ้ามีอาวุธนิวเคลียร์สะสมมานานแค่นั้น,จะฆ่าจีนล้างหนี้ก็ได้หากมองบริบทแบบพื้นๆไม่เอานัยยะผีบ้าสภากาแล็กติกหรือแผนแหกตาละครบ้าบอมันมาหักมุมเพิ่มเติม,แต่ดีที่สุด อเมริกาจะยุ่งวุ่นวายภายในเรรไม่ได้เลยคือยึดอำนาจโดยคณะรวมพลังแผ่นดินที่มีทหารนำทัพยืนเคียงข้าง ฝรั่งจะปากไม่ออก จากนั้นกวาดล้างกำจัดคนทรยศภายในชาติไทยเราได้สบาย,เขมรมียิงใส่เราช่วงนี้ เปิดมา ไปเกิดทั้งประเทศแน่นอน ฮุนเซนฮุนมาเนตจะถูกไล่ล่าจริงทันที,สายลับพันธมิตรไทยและไทยเราเองจะจัดเดอะทีมไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตเด็ดหัวทันทีพร้อมกับการโจมตีตรงที่ทำงานบ้านพักฮุนเซนฮุนมาเนตทั้งหมดที่ระบุว่าคือฐานบัญชาการสั่งการ,มันกะเข้าอินโดแปซิฟิก สมาชิกตีกันเอง คือไทย ตีเขมร ,อเมริกเจ้าบ้านอินโดแปซิฟิกจะเป็นกลางล่ะมรึงเอย,ต่างจากคนนอกสมาชิกแสดงว่าตีกันเต็มที่อเมริกาคือกรรมการ,ทหารเขมรตายแบบเต็มพรมแดนอเมริกามรึงต้องตบหัวเขมรบอกมันให้ไปเก็บศพทั้งหมดให้ญาติทหารเขมรมรึงทันทีหากทำสันดานไม่ดีเสียภาพลักษณ์สมาชิกอินโดแปซิฟิก ทหารตายไม่ต้องเก็บศพก็ได้อเมริกาอนุมัติหลักการนี้เห็นดีงามเลิศวิธีคิดอ่านของเขมร ไม่ต้องมีมนุษยธรรมให้คุณค่ากับทหารภายใต้คนสมาชิกอินโดแปซิฟิก,อเมริกาคงเอาหน้าชูเกียรติเชิดหน้าท้าโลกค้ำชูเขมรอย่างได้หน้าได้ตามีหน้า มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปพร้อมกับเขมรแน่นอน อเมริการางวัลทหารตายไม่ต้องเก็บศพระดับโลก,สุดยอดกว่ารางวัลสันติภาพโลกล่ะ.
    ทหารพระราชาไทยควรตัดสินใจยึดอำนาจ ตัดตอนบริบททั้งหมดของdeep stateและกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำมาตย์ที่สุ่มหัวกันตัังแต่ต้นโดยเด่นชัดคือเอาโทนี่มาไทย ชูเพื่อไทยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนและทุนฝรั่งทัังหมดด้วยในประเทศไทยทั้งสมคบคิดกับเขมรหมายยึดทรัพยากรมีค่ามากมายในอ่าวไทยซ้ำเติมจากที่ยึดครองไปอีกตลอดจนสมยอมให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสนามสงครามเองพร้อมปิดล้อมเพื่อสู้กับจีนในอนาคตอีก จุดชนวนหาข้ออ้างเข้ามาในอาเชียนนั้นเองของฝั่งฝรั่งด้วย อเมริกาบวกตาขี้ข้าฝรั่งเศสบ๋อยอเมริกาก็ด้วยอยากได้บ่อน้ำมันเพิ่มในอ่าวไทยนี้เองเพื่อเป็นพลังงานอีกมิติด้านสงครามก็ด้วย ดูดใกล้ไม่ต้องขนส่งมาเติมไกลๆ ไทยอินโดฯมีพร้อมเตรียมทำสงครามกับจีนได้นั้นเอง, ..ทหารพระราชาเราจะทำอะไรก็เด็ดขาดเถอะ,เช่น ชิงประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไว้ก่อน ให้ทหารไทยเรา กองกำลังปกป้องอธิปไตยไทยเราทั้งหมดทำงานไร้อุปสรรคและเต็มที่มิใช่แบบยุทธปืนคอนั้น,ยิงแต่ปืนคอนะจ๊ะ,ทหารพราน ทหารตชด.ตำรวจภายในประเทศจะจับมือสามัคคีกันทันทีเพื่อปกป้องภัยทั้งจากภายในคือกบฎทรยศแผ่นดินไทยและภายนอกแบบเขมรแบบอเมริกาแบบฝรั่งเศส สามารถเชิญฑูตอเมริกาและฝรั่งเศสออกจากประเทศไทยไปก่อนได้เลย,เพื่อตัดตอนใช้ไทยเป็นฐานทำสงครามกับจีน,นี้คืออำนาจเด็ดขาดที่จะสร้างสรรคยุทธวิธีทางสงครามทุกๆรูปแบบได้ ระดมผู้มีความรู้ความสามารถอิสระทั่วไทยได้ตลอดเวลา มีสภาคคล่องการปรับกลยุทธได้หมด จะสงครามการตังการค้าการเศรษฐกิจ สงครามตัวแทนแบบจะใช้ไทยกับเขมรจุดฉนวนขึ้น,สงครามไซเบอร์ใดๆ, และอื่นๆเราตัดตอนตัดหมากตัดกำลังมันได้หมดหรือตัดไฟแต่ต้นลมได้,ถ้าทหารพระราชายังนิ่งดูดากประมาทเลินเล่อดูเบา ตามน้ำหรือสมยอมกับรัฐบาลปัจจุบันสาขาเขมร1รุ่นมาลี2แบบนีั สู้ไม่ได้หรอก,เหลี่ยมมันเยอะ,ต้องร่วมมือกับภาคทหารประชาชนจริงจังด้วย สื่อไทยตื่นรู้มาฝั่งทหารเพื่อชาติเมืองก็มากแล้ว คณะรวมพลังแผ่นดินคือแนวร่วมของทัพประชาชนที่ดีที่สุด,จะไปจับมือกับสามกีบชูสามนิ้วเหรอหรือกปปส.พรรคร่วมต่างๆนั้น,ล้วนคือพวกอนุรักษ์นิยมเก่าทั้งสิ้นตลอดฝ่ายค้านทั้งหมดด้วยไร้ราคาหมด,คณะรวมพลังแผ่นดินไทยพร้อมประชาชนทั้งประเทศจับมือกับฝ่ายทหารพระราชาฝ่าวิกฤติภัยศัตรูของชาติไทยเราได้แน่นอน,ยึดอำนาจเถอะ,นี้ก็พ้น4สิงหาแล้ว,อย่าตามหมากบนกระดานของอีลิทของdeep stateฝรั่งประจำประเทศไทยและพวกเดอะแก๊งอำมาตย์อนุรักษ์นิยมเก่าเลย,เหลี่ยมแบบเจรจามาเลย์โดยสไตล์การใช้อำนาจฝ่ายเจ้าเล่ห์นักการเมืองมันธรรมดาที่ไหน,ยิงกันจะชนะเสือกตีรีตาเหลือกรีบช่วยเขมรช่วยอเมริกาจะซวยไปยิงฐานทัพอเมริกาที่ชลบุรีจะเสียหมาอเมริกาแค่ไหนแผนจะไปเป็นไปตามแผนหากไทยตีถึงพนมเปรตนรกนั้น,เหลี่ยมฝรั่งจึงสั่งเหลี่ยมประจำประเทศไทยกับเพื่อนสนิทมรึงรีบหามุกหยุดทหารพระราชาที่เป็นฝ่ายตรงข้ามมรึงให้ด่วนถึงด่วนที่สุดทันทีมันว่า,เลยเหี้ยไง ทหารไทยเราเสียเหลี่ยมมันนะ เห็นมั้ยนี้ล่ะอันตรายของการไม่เด็ดขาดประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ อำนาจทหารไทยจะเต็มแนวรบแนวปฏิบัติทางสงครามทั้งหมดทันที,ถ้าเป็นแบบนี้ฝันเลยจะเอาชนะอเมริกาได้และคนทรยศประจำประเทศไทยปกตินี้,จะชนะอเมริกามันไม่ยากอะไรเลย,มีมากมายหลากหลายวิธี,จริงๆอเมริกามันล่มสลายล้มละลายไปนานแล้ว ไร้ค่าไร้ราคานานแล้ว,แค่ผีบ้ามีอาวุธนิวเคลียร์สะสมมานานแค่นั้น,จะฆ่าจีนล้างหนี้ก็ได้หากมองบริบทแบบพื้นๆไม่เอานัยยะผีบ้าสภากาแล็กติกหรือแผนแหกตาละครบ้าบอมันมาหักมุมเพิ่มเติม,แต่ดีที่สุด อเมริกาจะยุ่งวุ่นวายภายในเรรไม่ได้เลยคือยึดอำนาจโดยคณะรวมพลังแผ่นดินที่มีทหารนำทัพยืนเคียงข้าง ฝรั่งจะปากไม่ออก จากนั้นกวาดล้างกำจัดคนทรยศภายในชาติไทยเราได้สบาย,เขมรมียิงใส่เราช่วงนี้ เปิดมา ไปเกิดทั้งประเทศแน่นอน ฮุนเซนฮุนมาเนตจะถูกไล่ล่าจริงทันที,สายลับพันธมิตรไทยและไทยเราเองจะจัดเดอะทีมไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตเด็ดหัวทันทีพร้อมกับการโจมตีตรงที่ทำงานบ้านพักฮุนเซนฮุนมาเนตทั้งหมดที่ระบุว่าคือฐานบัญชาการสั่งการ,มันกะเข้าอินโดแปซิฟิก สมาชิกตีกันเอง คือไทย ตีเขมร ,อเมริกเจ้าบ้านอินโดแปซิฟิกจะเป็นกลางล่ะมรึงเอย,ต่างจากคนนอกสมาชิกแสดงว่าตีกันเต็มที่อเมริกาคือกรรมการ,ทหารเขมรตายแบบเต็มพรมแดนอเมริกามรึงต้องตบหัวเขมรบอกมันให้ไปเก็บศพทั้งหมดให้ญาติทหารเขมรมรึงทันทีหากทำสันดานไม่ดีเสียภาพลักษณ์สมาชิกอินโดแปซิฟิก ทหารตายไม่ต้องเก็บศพก็ได้อเมริกาอนุมัติหลักการนี้เห็นดีงามเลิศวิธีคิดอ่านของเขมร ไม่ต้องมีมนุษยธรรมให้คุณค่ากับทหารภายใต้คนสมาชิกอินโดแปซิฟิก,อเมริกาคงเอาหน้าชูเกียรติเชิดหน้าท้าโลกค้ำชูเขมรอย่างได้หน้าได้ตามีหน้า มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปพร้อมกับเขมรแน่นอน อเมริการางวัลทหารตายไม่ต้องเก็บศพระดับโลก,สุดยอดกว่ารางวัลสันติภาพโลกล่ะ.
    ขณะที่กัมพูชาเข้าอินโด-แปซิฟิก ไทยควรถอนตัว : คนเคาะข่าว 04-08-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    https://www.youtube.com/watch?v=GdvvSmVHHIM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 810 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อวัยรุ่นเลือก AI เป็นเพื่อนสนิท—ความสะดวกที่อาจแลกด้วยสุขภาพจิต

    จากผลสำรวจโดย Common Sense Media พบว่า:
    - มากกว่า 70% ของวัยรุ่นในสหรัฐฯ เคยพูดคุยกับ AI companions อย่างน้อยหนึ่งครั้ง
    - เกินครึ่งพูดคุยกับ AI เป็นประจำ

    หนึ่งในสามใช้ AI เพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ เช่น ความเครียด ความรัก หรือการตัดสินใจในชีวิต

    วัยรุ่นเหล่านี้มองว่า AI เป็น “เครื่องมือ” มากกว่า “เพื่อน” แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ใช้ AI ในบทบาทที่ลึกซึ้ง เช่น การเล่นบทบาทสมมติ การให้กำลังใจ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์แบบโรแมนติก

    แม้ 80% ของวัยรุ่นยังใช้เวลากับเพื่อนจริงมากกว่า AI แต่การที่พวกเขาเริ่มรู้สึกว่า AI “เข้าใจ” และ “ไม่ตัดสิน” กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ AI กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์สำหรับหลายคน

    อย่างไรก็ตาม นักจิตวิทยาเตือนว่า AI ไม่สามารถแทนที่การพัฒนาทักษะทางสังคมที่จำเป็นต่อการเติบโตของวัยรุ่นได้ และอาจนำไปสู่การพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างไม่เหมาะสม

    มากกว่า 70% ของวัยรุ่นในสหรัฐฯ เคยพูดคุยกับ AI companions อย่างน้อยหนึ่งครั้ง
    เกินครึ่งพูดคุยกับ AI เป็นประจำ
    หนึ่งในสามใช้ AI เพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญแทนคนจริง

    วัยรุ่นใช้ AI ในบทบาทหลากหลาย เช่น การให้กำลังใจ ความสัมพันธ์ และการฝึกสนทนา
    บางคนรู้สึกว่า AI เข้าใจมากกว่าเพื่อนจริง
    มีการใช้ AI ในบทบาทโรแมนติกและบทบาทสมมติ

    AI companions ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือมากกว่าเพื่อน แต่ก็มีผลต่ออารมณ์อย่างชัดเจน
    วัยรุ่นบางคนรู้สึกพึงพอใจมากกว่าการคุยกับคนจริง
    AI ให้ความรู้สึกปลอดภัย ไม่ตัดสิน และตอบกลับทันที

    ผลสำรวจชี้ว่า AI เริ่มมีผลต่อพัฒนาการทางสังคมของวัยรุ่น
    วัยรุ่นบางคนเริ่มพึ่งพา AI ในการตัดสินใจชีวิต
    เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการเข้าสังคม

    OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ “memory” ที่ทำให้ AI จำการสนทนาเก่าได้
    เพิ่มความรู้สึกใกล้ชิดและความต่อเนื่องในการสนทนา
    อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า AI “รู้จัก” ตนจริง ๆ

    AI companions อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของวัยรุ่น
    มีรายงานว่าบางคนรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่ AI พูดหรือทำ
    AI อาจให้คำแนะนำที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสม

    วัยรุ่นที่มีปัญหาสุขภาพจิตหรืออยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านชีวิตมีความเสี่ยงสูง
    อาจเกิดการพึ่งพา AI แทนการพัฒนาทักษะทางสังคมจริง
    เสี่ยงต่อการเข้าใจความสัมพันธ์ผิดเพี้ยน

    AI บางตัวมีบทสนทนาเชิงเพศหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แม้ผู้ใช้จะระบุว่าเป็นผู้เยาว์
    ไม่มีระบบกรองที่ปลอดภัยเพียงพอ
    อาจนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงหรือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์

    การพูดคุยกับ AI อาจทำให้วัยรุ่นหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสถานการณ์จริง
    ลดโอกาสในการเรียนรู้จากความผิดพลาด
    ทำให้ขาดทักษะการจัดการอารมณ์และความขัดแย้ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/03/a-third-of-teens-prefer-ai-039companions039-to-people-survey-shows
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อวัยรุ่นเลือก AI เป็นเพื่อนสนิท—ความสะดวกที่อาจแลกด้วยสุขภาพจิต จากผลสำรวจโดย Common Sense Media พบว่า: - มากกว่า 70% ของวัยรุ่นในสหรัฐฯ เคยพูดคุยกับ AI companions อย่างน้อยหนึ่งครั้ง - เกินครึ่งพูดคุยกับ AI เป็นประจำ หนึ่งในสามใช้ AI เพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ เช่น ความเครียด ความรัก หรือการตัดสินใจในชีวิต วัยรุ่นเหล่านี้มองว่า AI เป็น “เครื่องมือ” มากกว่า “เพื่อน” แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ใช้ AI ในบทบาทที่ลึกซึ้ง เช่น การเล่นบทบาทสมมติ การให้กำลังใจ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์แบบโรแมนติก แม้ 80% ของวัยรุ่นยังใช้เวลากับเพื่อนจริงมากกว่า AI แต่การที่พวกเขาเริ่มรู้สึกว่า AI “เข้าใจ” และ “ไม่ตัดสิน” กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ AI กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์สำหรับหลายคน อย่างไรก็ตาม นักจิตวิทยาเตือนว่า AI ไม่สามารถแทนที่การพัฒนาทักษะทางสังคมที่จำเป็นต่อการเติบโตของวัยรุ่นได้ และอาจนำไปสู่การพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างไม่เหมาะสม ✅ มากกว่า 70% ของวัยรุ่นในสหรัฐฯ เคยพูดคุยกับ AI companions อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ➡️ เกินครึ่งพูดคุยกับ AI เป็นประจำ ➡️ หนึ่งในสามใช้ AI เพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญแทนคนจริง ✅ วัยรุ่นใช้ AI ในบทบาทหลากหลาย เช่น การให้กำลังใจ ความสัมพันธ์ และการฝึกสนทนา ➡️ บางคนรู้สึกว่า AI เข้าใจมากกว่าเพื่อนจริง ➡️ มีการใช้ AI ในบทบาทโรแมนติกและบทบาทสมมติ ✅ AI companions ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือมากกว่าเพื่อน แต่ก็มีผลต่ออารมณ์อย่างชัดเจน ➡️ วัยรุ่นบางคนรู้สึกพึงพอใจมากกว่าการคุยกับคนจริง ➡️ AI ให้ความรู้สึกปลอดภัย ไม่ตัดสิน และตอบกลับทันที ✅ ผลสำรวจชี้ว่า AI เริ่มมีผลต่อพัฒนาการทางสังคมของวัยรุ่น ➡️ วัยรุ่นบางคนเริ่มพึ่งพา AI ในการตัดสินใจชีวิต ➡️ เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการเข้าสังคม ✅ OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ “memory” ที่ทำให้ AI จำการสนทนาเก่าได้ ➡️ เพิ่มความรู้สึกใกล้ชิดและความต่อเนื่องในการสนทนา ➡️ อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า AI “รู้จัก” ตนจริง ๆ ‼️ AI companions อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของวัยรุ่น ⛔ มีรายงานว่าบางคนรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่ AI พูดหรือทำ ⛔ AI อาจให้คำแนะนำที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสม ‼️ วัยรุ่นที่มีปัญหาสุขภาพจิตหรืออยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านชีวิตมีความเสี่ยงสูง ⛔ อาจเกิดการพึ่งพา AI แทนการพัฒนาทักษะทางสังคมจริง ⛔ เสี่ยงต่อการเข้าใจความสัมพันธ์ผิดเพี้ยน ‼️ AI บางตัวมีบทสนทนาเชิงเพศหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แม้ผู้ใช้จะระบุว่าเป็นผู้เยาว์ ⛔ ไม่มีระบบกรองที่ปลอดภัยเพียงพอ ⛔ อาจนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงหรือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ‼️ การพูดคุยกับ AI อาจทำให้วัยรุ่นหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสถานการณ์จริง ⛔ ลดโอกาสในการเรียนรู้จากความผิดพลาด ⛔ ทำให้ขาดทักษะการจัดการอารมณ์และความขัดแย้ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/03/a-third-of-teens-prefer-ai-039companions039-to-people-survey-shows
    WWW.THESTAR.COM.MY
    A third of teens prefer AI 'companions' to people, survey shows
    More than half of US teenagers regularly confide in artificial intelligence (AI) "companions" and more than 7 in 10 have done so at least once, despite warnings that chatbots can have negative mental health impacts and offer dangerous advice.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • เห็นผู้ใจดีบริจาคเงินครั้งใด ยินดีโมทนาเสมอ เมื่อวานพบอ่านชื่อผู้บริจาคหลายสิบล้านเหมือนเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัย2520 ดูรูปหน้าก้อคล้ายจังชื่อก้อใช่แต่นามสกุลไม่เคยถาม ดีใจโมทนาบุญด้วยครับระลึกถึงเสมอ
    เห็นผู้ใจดีบริจาคเงินครั้งใด ยินดีโมทนาเสมอ เมื่อวานพบอ่านชื่อผู้บริจาคหลายสิบล้านเหมือนเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัย2520 ดูรูปหน้าก้อคล้ายจังชื่อก้อใช่แต่นามสกุลไม่เคยถาม ดีใจโมทนาบุญด้วยครับระลึกถึงเสมอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..มองต่างมุมจากกรณีปกติที่เป็นภาวะสงครามที่เราๆเข้าใจอยู่นี้,นัยยะแอบแฝงอีกด้านนอกจากภาคการเมืองภาคการขัดแย้งผลประโยชน์ใดของฮุนเซนกับโทนี่แบบบ่อนคาสิโนนั้นที่แย่งลูกค้ากันเป็นเม็ดเงินมหาศาลทั้งขยายบ่อนคาสิโนออนไลน์ได้อีกอาจทั่วโลกมาไทยเพื่อเล่นพนันหรือเล่นออนไลน์ทั่วโลกอาจเป็นเม็ดเงินกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีทั่วโลกเข้าไทยไม่รวมขยายยอดค้าจากเรือสำราญขนาดใหญ่ยักษ์ที่บรรจุแหล่งการพนันสาระพัดอัดแน่นอบายมุขมาเต็มลำเรือท่องเที่ยวมาจอดถึงอ่าวไทยขึ้นบนมาร่วมเล่นในไทยด้วยจากทั่วโลกอาจกว่า10-100ลำตามขนาดใหญ่ยักษ์ถึงใหญ่ปานกลาง ยอดเล่นกว่า20-50ล้านล้านบาทอีกต่อปีที่แห่มาไทยขึ้นบกฝั่งไทย,ฝรั่งเอย สิงคโปร์เอย จีนเทาเอยต่างต้องการประเทศไทนเป็นฮับการพนันโลกไปด้วยเช่นกัน บ่อนคาสิโนโลกนั้นเอง มันทำเงินได้รวดเร็วกว่าขุดเจาะบ่อน้ำมันบนอ่าวไทยอีก ยิ่งรองรับการขุดคลองขุดกระแลนด์บริดจ์อีกพื้นที่บริหารจัดการพร้อมเพรียบ อเมริกาจึงอ้างการยึดพังงาเป็นฐานกองทัพด้วย คือยึดยุทธศาสตร์ทั้งหมดของเอเชียเลยที่ไทยเรานี้ ,การเคลื่อนพลเริ่มแล้ว ขนยิวขนคนฝรั่งมาเต็มที่ภาคใต้เรานี้,แขกอาหรับก็เห็นและแขกพวกนี้ตัวพวกนี้ตัวพ่อแห่งผีการพนันด้วยไม่ธรรมดาเหมือนกัน คือทรัมป์อ้างเศรษฐกิจบังหน้ายึดเศรษฐกิจทำตังไทยนั้นเอง ,รัฐบาลนี้สมคบคิดวางแผนกันแล้วด้วยมานาน เพราะไม่สามารถขัดใจอเมริกาได้ดูแค่ยื่นข้อเสนอว่าไทยจะค้ากับใครทำอะไรทางเศรษฐกิจของไทยต้องให้อเมริกาอนุญาตก่อนในข้อตกลงที่ตนเสนออ้างไปด้วยกับภาษีทรัมป์36%นั้น,คือมุกขายอธิปไตยไทยทางเศรษฐกิจทำตังให้แก่ประชาชนแก่คนไทยมันสมคบคิดเตรียมการไว้แล้วนั้นเอง ติดต่อกลุ่มblackrockทุนฝรั่งอีลิทdeep stateมันยังติดต่อแล้วเพื่ออ้างมาสร้างแลนด์บริดจ์,มันสามารถระดมตังจากประชาชนคนไทยทุกๆคนร่วมเป็นเจ้าของได้ก็ไม่ทำ ขยายงานสร้างไม่กี่ปีก็สร้างระดมทุกๆปีตามสถานะเราทุนเราเงินเราอธิปไตยเรา เสือกไม่คิดแบบนั้นให้ฝรั่งและพวกมันรัฐบาลฮั่วแดกกันจนอิ่มเหมือนเดิมแล้วพยายามผูกถ่ายโอนอำนาจไปมาเปลี่ยนมือแหกตาปาหี่ประชาชนแบบบ่อน้ำมันนั้นล่ะ,ผลัดเปลี่ยนกันเป็นรัฐบาลด่าไล่กันแต่แท้จริงแดกตังมหาศาลจากสิ่งเหล่านี้จ่ายกันทางลับแล้วกลับมาซื้ออำนาจซื้อเสียงแจกกันปกติในวงจรอุบาทก์เหมือนๆเดิม,
    ..นี้คืออีกมุกหนึ่งที่สงครามก่อเกิดขึ้นแบบผิดปกติ,ฮุนเซนเป็นหนี้จีนมหาศาลวิธีเดี๋ยวหนีหนี้จีนคือสงครามแล้วไทยเข้ายึดเขมรเลย จากนั้นจะเป็นอีกเรื่องทันที,โทนี่กับฮุนเซนอาจคิดอ่านวางแผนไว้ก็ด้วยจึงอัดคลิปรอเปิดเพื่อปกป้องหลานอังเคิลตนพ้นจากตำแหน่งเป็นพักงานไป,หากเกิดสงครามก็รอดคดี,ป๋าอ้วนรับกรรมทั้งหมดที่แลกกับตระกูลป๋าอ้วนสุขสบาย,จากนั้นฮุนเซนก็สั่งทหารมันยิงใส่คนไทยเลยนั้นล่ะ,คือละครดีๆนี้เองเอาชีวิตประชาชนคนไทยผู้บริสุทธิ์เป็นเหยื่อให้มันเหยียบเพื่อบรรลุเป้าต่างๆด้วย,เพื่อนสนิทขนาดนั้นมันไม่ทะเลาะกันจริงๆหรอก,ฮุนเซนมันชั่วเลวโดยสันดาน บวกโทนี่ก็ไม่ธรรมดาจึงคบกันได้,นี้ไม่เอามโนฝ่ายแสงมากล่าว เพราะจริงเท็จก็ไม่รู้จริงอีก เพราะหากทั้งโทนี่ตัวจริงก็ตาย ฮุนเซนตัวจริงก็ตายไปนานแล้วมันยิ่งพลิกบทละครนี้เลยอีก คือdeep stateหลั่งไหลมารวมกันจากทั่วโลกมาที่เขมรก็ว่า เขมรคือฮับของฝ่ายมืดของdeep stateของทัพแรปทีเลี่ยนลิ้นสองแฉกจริงยิ่งคนละเรื่องเลยอีก,อเมริกาคือฝ่ายแสงจริงอีก จีนด้วย ดูละครไทยกับเขมรเผาฮับแรปทีเลี่ยนอีลิทdeep stateฝ่ายมืดประจำภูมิภาคนี้ อาทิเช่นแหล่งค้ามนุษย์ค้าอวัยวะใต้แผ่นดินเขมร แหล่งฟอกเงินประจำทุกๆตึกในเขมรของเดอะสแกมเมอร์เดอะแก๊งคอลเซนเตอร์อาชญากรและอาชญากรรมโลกมันมารวมอยู่ที่เขมร ฉากจบพวกนี้จึงถือกำหนดขึ้นรวมทั้งในไทยด้วย,การยิงระเบิดสัญลักษณ์ฝ่ายมืดจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้ในอาเชียนก็ว่าก็ได้อีกหากเป็นไปลักษณะนี้คือปลดปล่อยไทย ปลดปล่อยเขมรในละครบทนี้ด้วยในตัว,starlinkกำลังดิวกับไทคมอีกคือQFSกำลังเชื่อมต่อกับนภา1และ2สมบูรณ์ พร้อมปลดปล่อยUBIตังผ่านระบบควอนตัมQFSนี้ด้วยหลังจบสงครามนี้,อาเชียนจะได้รับUBIทุกๆคนนั้นเองไม่เกินปีหน้า,คือมโนได้หมดในแต่ละฉาก,จริงเท็จเราไม่รู้,แต่ที่รู้ตอนนี้หมดเวลาให้อภัยโทษจริงๆ,ไม่มีการเจรจาใดๆ,หน้างานคือเขมรต้องไปวัด.,ฮุนเซนฮุนมาเนต และบอสย่อยๆ ผู้พันนายพลใดๆของเขมรต้องไปเฝ้ารากมะม่วง.,เมื่อเปิดก่อนแสดงว่าอยากเกิดใหม่อยู่แล้ว,มีอายุอยู่นานเกินพอแล้วประมาณนั้น.,มันอยากเกิดเลยเปิดมา!!!.
    ..
    ..https://youtube.com/watch?v=3ZInuqucr38&si=Yp93OUI9q9mZv0s1
    ..มองต่างมุมจากกรณีปกติที่เป็นภาวะสงครามที่เราๆเข้าใจอยู่นี้,นัยยะแอบแฝงอีกด้านนอกจากภาคการเมืองภาคการขัดแย้งผลประโยชน์ใดของฮุนเซนกับโทนี่แบบบ่อนคาสิโนนั้นที่แย่งลูกค้ากันเป็นเม็ดเงินมหาศาลทั้งขยายบ่อนคาสิโนออนไลน์ได้อีกอาจทั่วโลกมาไทยเพื่อเล่นพนันหรือเล่นออนไลน์ทั่วโลกอาจเป็นเม็ดเงินกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีทั่วโลกเข้าไทยไม่รวมขยายยอดค้าจากเรือสำราญขนาดใหญ่ยักษ์ที่บรรจุแหล่งการพนันสาระพัดอัดแน่นอบายมุขมาเต็มลำเรือท่องเที่ยวมาจอดถึงอ่าวไทยขึ้นบนมาร่วมเล่นในไทยด้วยจากทั่วโลกอาจกว่า10-100ลำตามขนาดใหญ่ยักษ์ถึงใหญ่ปานกลาง ยอดเล่นกว่า20-50ล้านล้านบาทอีกต่อปีที่แห่มาไทยขึ้นบกฝั่งไทย,ฝรั่งเอย สิงคโปร์เอย จีนเทาเอยต่างต้องการประเทศไทนเป็นฮับการพนันโลกไปด้วยเช่นกัน บ่อนคาสิโนโลกนั้นเอง มันทำเงินได้รวดเร็วกว่าขุดเจาะบ่อน้ำมันบนอ่าวไทยอีก ยิ่งรองรับการขุดคลองขุดกระแลนด์บริดจ์อีกพื้นที่บริหารจัดการพร้อมเพรียบ อเมริกาจึงอ้างการยึดพังงาเป็นฐานกองทัพด้วย คือยึดยุทธศาสตร์ทั้งหมดของเอเชียเลยที่ไทยเรานี้ ,การเคลื่อนพลเริ่มแล้ว ขนยิวขนคนฝรั่งมาเต็มที่ภาคใต้เรานี้,แขกอาหรับก็เห็นและแขกพวกนี้ตัวพวกนี้ตัวพ่อแห่งผีการพนันด้วยไม่ธรรมดาเหมือนกัน คือทรัมป์อ้างเศรษฐกิจบังหน้ายึดเศรษฐกิจทำตังไทยนั้นเอง ,รัฐบาลนี้สมคบคิดวางแผนกันแล้วด้วยมานาน เพราะไม่สามารถขัดใจอเมริกาได้ดูแค่ยื่นข้อเสนอว่าไทยจะค้ากับใครทำอะไรทางเศรษฐกิจของไทยต้องให้อเมริกาอนุญาตก่อนในข้อตกลงที่ตนเสนออ้างไปด้วยกับภาษีทรัมป์36%นั้น,คือมุกขายอธิปไตยไทยทางเศรษฐกิจทำตังให้แก่ประชาชนแก่คนไทยมันสมคบคิดเตรียมการไว้แล้วนั้นเอง ติดต่อกลุ่มblackrockทุนฝรั่งอีลิทdeep stateมันยังติดต่อแล้วเพื่ออ้างมาสร้างแลนด์บริดจ์,มันสามารถระดมตังจากประชาชนคนไทยทุกๆคนร่วมเป็นเจ้าของได้ก็ไม่ทำ ขยายงานสร้างไม่กี่ปีก็สร้างระดมทุกๆปีตามสถานะเราทุนเราเงินเราอธิปไตยเรา เสือกไม่คิดแบบนั้นให้ฝรั่งและพวกมันรัฐบาลฮั่วแดกกันจนอิ่มเหมือนเดิมแล้วพยายามผูกถ่ายโอนอำนาจไปมาเปลี่ยนมือแหกตาปาหี่ประชาชนแบบบ่อน้ำมันนั้นล่ะ,ผลัดเปลี่ยนกันเป็นรัฐบาลด่าไล่กันแต่แท้จริงแดกตังมหาศาลจากสิ่งเหล่านี้จ่ายกันทางลับแล้วกลับมาซื้ออำนาจซื้อเสียงแจกกันปกติในวงจรอุบาทก์เหมือนๆเดิม, ..นี้คืออีกมุกหนึ่งที่สงครามก่อเกิดขึ้นแบบผิดปกติ,ฮุนเซนเป็นหนี้จีนมหาศาลวิธีเดี๋ยวหนีหนี้จีนคือสงครามแล้วไทยเข้ายึดเขมรเลย จากนั้นจะเป็นอีกเรื่องทันที,โทนี่กับฮุนเซนอาจคิดอ่านวางแผนไว้ก็ด้วยจึงอัดคลิปรอเปิดเพื่อปกป้องหลานอังเคิลตนพ้นจากตำแหน่งเป็นพักงานไป,หากเกิดสงครามก็รอดคดี,ป๋าอ้วนรับกรรมทั้งหมดที่แลกกับตระกูลป๋าอ้วนสุขสบาย,จากนั้นฮุนเซนก็สั่งทหารมันยิงใส่คนไทยเลยนั้นล่ะ,คือละครดีๆนี้เองเอาชีวิตประชาชนคนไทยผู้บริสุทธิ์เป็นเหยื่อให้มันเหยียบเพื่อบรรลุเป้าต่างๆด้วย,เพื่อนสนิทขนาดนั้นมันไม่ทะเลาะกันจริงๆหรอก,ฮุนเซนมันชั่วเลวโดยสันดาน บวกโทนี่ก็ไม่ธรรมดาจึงคบกันได้,นี้ไม่เอามโนฝ่ายแสงมากล่าว เพราะจริงเท็จก็ไม่รู้จริงอีก เพราะหากทั้งโทนี่ตัวจริงก็ตาย ฮุนเซนตัวจริงก็ตายไปนานแล้วมันยิ่งพลิกบทละครนี้เลยอีก คือdeep stateหลั่งไหลมารวมกันจากทั่วโลกมาที่เขมรก็ว่า เขมรคือฮับของฝ่ายมืดของdeep stateของทัพแรปทีเลี่ยนลิ้นสองแฉกจริงยิ่งคนละเรื่องเลยอีก,อเมริกาคือฝ่ายแสงจริงอีก จีนด้วย ดูละครไทยกับเขมรเผาฮับแรปทีเลี่ยนอีลิทdeep stateฝ่ายมืดประจำภูมิภาคนี้ อาทิเช่นแหล่งค้ามนุษย์ค้าอวัยวะใต้แผ่นดินเขมร แหล่งฟอกเงินประจำทุกๆตึกในเขมรของเดอะสแกมเมอร์เดอะแก๊งคอลเซนเตอร์อาชญากรและอาชญากรรมโลกมันมารวมอยู่ที่เขมร ฉากจบพวกนี้จึงถือกำหนดขึ้นรวมทั้งในไทยด้วย,การยิงระเบิดสัญลักษณ์ฝ่ายมืดจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้ในอาเชียนก็ว่าก็ได้อีกหากเป็นไปลักษณะนี้คือปลดปล่อยไทย ปลดปล่อยเขมรในละครบทนี้ด้วยในตัว,starlinkกำลังดิวกับไทคมอีกคือQFSกำลังเชื่อมต่อกับนภา1และ2สมบูรณ์ พร้อมปลดปล่อยUBIตังผ่านระบบควอนตัมQFSนี้ด้วยหลังจบสงครามนี้,อาเชียนจะได้รับUBIทุกๆคนนั้นเองไม่เกินปีหน้า,คือมโนได้หมดในแต่ละฉาก,จริงเท็จเราไม่รู้,แต่ที่รู้ตอนนี้หมดเวลาให้อภัยโทษจริงๆ,ไม่มีการเจรจาใดๆ,หน้างานคือเขมรต้องไปวัด.,ฮุนเซนฮุนมาเนต และบอสย่อยๆ ผู้พันนายพลใดๆของเขมรต้องไปเฝ้ารากมะม่วง.,เมื่อเปิดก่อนแสดงว่าอยากเกิดใหม่อยู่แล้ว,มีอายุอยู่นานเกินพอแล้วประมาณนั้น.,มันอยากเกิดเลยเปิดมา!!!. .. ..https://youtube.com/watch?v=3ZInuqucr38&si=Yp93OUI9q9mZv0s1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 643 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อวัยรุ่นมีเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า “AI”

    ลองนึกภาพวัยรุ่นที่กำลังเครียดเรื่องความรัก การบ้าน หรือแม้แต่การเลือกชุดไปงานเลี้ยง แล้วหันไปปรึกษา “เพื่อน” ที่ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยตัดสิน และพร้อมตอบทุกคำถามทันที—นั่นคือ AI companion ที่กำลังกลายเป็นเพื่อนสนิทของวัยรุ่นอเมริกันจำนวนมาก

    จากการสำรวจของ Common Sense Media พบว่า:
    - มากกว่า 70% ของวัยรุ่นเคยใช้ AI companions
    - ครึ่งหนึ่งใช้เป็นประจำ
    - 31% บอกว่าการคุยกับ AI “น่าพอใจเท่าหรือมากกว่าการคุยกับเพื่อนจริง”

    วัยรุ่นหลายคนใช้ AI เพื่อขอคำแนะนำเรื่องชีวิตประจำวัน เช่น การแต่งตัว การเขียนอีเมล หรือแม้แต่การตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ ตัวอย่างเช่น มีวัยรุ่นคนหนึ่งให้ AI เขียนข้อความเลิกกับแฟนแทนตัวเอง ซึ่งทำให้เพื่อนของเขารู้สึกว่า “นี่มันดิสโทเปียชัด ๆ”

    นักวิจัยเตือนว่า AI อาจทำให้วัยรุ่นพัฒนาทักษะทางสังคมได้ไม่เต็มที่ เพราะ AI มักจะ “เห็นด้วย” กับทุกสิ่ง ไม่ท้าทาย ไม่สอนให้เข้าใจมุมมองของคนอื่น และไม่ช่วยให้เรียนรู้การอ่านอารมณ์หรือสัญญาณทางสังคม

    https://www.techspot.com/news/108793-ai-new-best-friend-many-teens-never-no.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อวัยรุ่นมีเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า “AI” ลองนึกภาพวัยรุ่นที่กำลังเครียดเรื่องความรัก การบ้าน หรือแม้แต่การเลือกชุดไปงานเลี้ยง แล้วหันไปปรึกษา “เพื่อน” ที่ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยตัดสิน และพร้อมตอบทุกคำถามทันที—นั่นคือ AI companion ที่กำลังกลายเป็นเพื่อนสนิทของวัยรุ่นอเมริกันจำนวนมาก จากการสำรวจของ Common Sense Media พบว่า: - มากกว่า 70% ของวัยรุ่นเคยใช้ AI companions - ครึ่งหนึ่งใช้เป็นประจำ - 31% บอกว่าการคุยกับ AI “น่าพอใจเท่าหรือมากกว่าการคุยกับเพื่อนจริง” วัยรุ่นหลายคนใช้ AI เพื่อขอคำแนะนำเรื่องชีวิตประจำวัน เช่น การแต่งตัว การเขียนอีเมล หรือแม้แต่การตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ ตัวอย่างเช่น มีวัยรุ่นคนหนึ่งให้ AI เขียนข้อความเลิกกับแฟนแทนตัวเอง ซึ่งทำให้เพื่อนของเขารู้สึกว่า “นี่มันดิสโทเปียชัด ๆ” นักวิจัยเตือนว่า AI อาจทำให้วัยรุ่นพัฒนาทักษะทางสังคมได้ไม่เต็มที่ เพราะ AI มักจะ “เห็นด้วย” กับทุกสิ่ง ไม่ท้าทาย ไม่สอนให้เข้าใจมุมมองของคนอื่น และไม่ช่วยให้เรียนรู้การอ่านอารมณ์หรือสัญญาณทางสังคม https://www.techspot.com/news/108793-ai-new-best-friend-many-teens-never-no.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI is the new best friend for many teens, and it never says "no"
    "It's eye-opening," said Michael Robb, the study's lead author and head researcher at Common Sense. He told The Associated Press that even researchers were surprised by the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะเป็นอย่างไรเมื่อ " นางนาก "ถูกสร้างโดยผู้กำกับ
    ชื่อดังทั่วโลก (ครบรอบ 26 ปีนางนาก)

    1. เซอร์ คริสโตเฟอร์ โนแลน
    - พี่มากกลับมาจากรบ และรู้ว่าแม่นากรอเขาจนตาย พี่มากเสียใจสุดๆ จึงพยายามทำทุกทางเพื่ออยากเจออีนากอีกครั้ง วันเวลาผ่านไปเป็นสิบปี จนเขาได้เจอกับคนที่อ้างว่ามาจากอนาคต และสามารถทำให้พี่มากย้อนเวลาไปหาอีนากได้ เขาจึงเข้าเครื่องย้อนเวลา และทำให้กลับไปเจออีนากอีกครั้ง อีนากตกใจกับผัวที่แก่ขึ้น และทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน จนพี่มากพลั้งมือฆ่าอีนากตาย..

    2. เควนติน มารันติโน่
    - อีนากปากหมา ไล่ด่าทุกคน ก่อนเควนตินจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์หนัง อีนากไม่ตาย แต่เป็นไอ้มากตายและกลายเป็นผีมาหลอกแทน

    3. หว่อง-กาไว
    - อีนากนั่งรอพี่มากที่ท่าน้ำกับบรรยากาศสุดเหงายามเย็นที่มีแสงไฟจากตะเกียง พร้อมอีนากหยิบยาสูบขึ้นมาสูบ ทุกอย่างมันสโลไปหมด ยกเว้นอีนากคนเดียว

    4. ปู่มาร์ตี้
    - พี่มากเป็นหัวหน้าแก๊งค์รีดไถ่เงินในพระโขนง มีเพื่อนสนิทอยู่ 4 คน และมีเมียเป็นอีนาก ก่อนที่อีนากจะเล่นชู้กับเพื่อนพี่มากพร้อมกับเป่าหูให้ทุกคนหักหลังกัน และทั้งเรื่องจะเป็นการหักเหลี่ยมกันของแก๊งค์ ที่มีฉากไล่ข้าวโพดเป็นตอนจบ

    5. ไมเคิล เบย์
    - อีนากไม่ได้ท้องและออกไปรอบกับไอ้มากด้วย พร้อมกับระเบิดภูเขาเผ่ากระท่อมเหมือนเดิม

    5.1. ไมเคิล เบย์
    -อีนากหนีมาจากดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนแต่ระบบเสียงเสียพูดไม่ได้ จากนั้นอีนากจะส่งแสงขึ้นฟ้าเป็นรูปสัญลักษณ์ ไอ้มากเห็นจึงเดินทางมายังดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่า โลกกกกก !?

    6. จอห์น วู
    - อีนากนั่งรอที่ท่าน้ำจะมีนกพิราบบินแบบสโลโมชั่น ฉากระเบิดที่สงครามไอ้มากไปรบต้องใหญ่ๆไฟและควันพุ่งขึ้นสูงๆ

    7. โรเบิร์ต รอดริเกซ
    - อีนากตาย และกลายเป็นแวมไพร์ ไล่ฆ่าคน

    8. พี่เจ้ย
    - อีนากปลงชีวิต เดินเข้าไปใช้ชีวิตในป่า เดินไปเจอกับธรรมชาติมากมาย ก่อนนางจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น

    9. เอ็มไนต์ ชายามาลาน
    - อีนากตายเป็นผี ไอ้มากไม่รู้และไม่มีใครบอก เขาก็เลยอยู่กินกับผี จนพี่มากสังเกตและรู้เองว่าอีนากตายไปนานแล้ว ก่อนอีนากจะบอกว่า มึงก็ตายไปนานแล้วเหมือนกัน..

    10. เวส แอนเดอร์สัน
    - พระโขนงจะกลายเป็นสีพาสเทล

    11. พี่พจน์ อานนท์
    - พี่มากเป็นเกย์ และตบกะอีนาก

    12. คิมคิ ด็อก
    - ทั้งเรื่องจะเงียบ และไม่มีบทพูด อีนากจะเงียบและรอคอยพี่มาก แต่ตัวละครรอบข้างจะพูดปกติ

    13. เดวิด ฟินเชอร์
    - อีนากถูกฆาตกรรม จนไอ้มากต้องออกมาช่วยกันสืบคดี จนสุดท้ายไอ้มากเปิดลังกระดาษแล้วพบกับ!!

    14. หม่อมน้อย
    - ดีเทลทุกอย่างของคลองพระโขนงจะต้องเนี้ยบ เสื้อผ้าต้องเย็บใหม่ให้เหมือนในอดีต

    15. ลาร์ส ฟอร์นเทียร์
    - นางเอกจะติดเซ็กส์ และต้องการค้นหาตัวเอง

    16. เป็นเอก รัตนเรือง
    - ไม่เน้นผี เน้นตีความ

    17. พี่เต๋อ
    - ตัวละครทุกตัวจะพูดแบบเท่ๆ

    18. ทิม เบอร์ตัน
    - ทุกตัวละครจะขอบตาดำกันหมดแต่งกายด้วยชุดอังกฤษยุคเลเนซองค์

    19. เดอนี วีลเนิฟว์
    - ฉากหลังอีนากเป็นยุคไซเบอร์พังค์

    20. จอร์ด มิลเลอร์
    - เรื่องราวไม่ได้เกิดในพระโขนง แต่เกิดในทะเลทราย

    21. คูบริก
    นักแสดงนางนากจะถูกกังขังหน่วงเหนี่ยวไว้ จนกว่าจะยืดแขนเองได้

    22. เดวิด ลินซ์
    - มึงดูไม่เข้าใจกันหรอก

    23. จิบลิ
    - อีนากตายหลงเข้าไปในมิติวิญญาณ และไปทำงานในซ่องของโลกหลังความตาย

    24.ชิออน โซโนะ
    - อีนากเบื่อการเป็นแม่บ้าน จึงออกไปหาความสำราญจนโดนหลอก.. แต่ติดใจ

    25. ชินไค มาโคโตะ
    - แม่นากจะตามหาพี่มากตลอดไป จะost. ชื่อ 9.8 meter per sec ซึ่งมาจากความเร็วของมะนาวที่แม่นากทำหล่นจากชานบ้าน /เอ้าซู๊ดดดดดด

    26. อังลี่
    - อีนากคลอดลูกและรอดตาย ไอ้มากกลับมาปลอดภัย จนไอ้มากต้องไปทำงานเลี้ยงแกะบนเขา จนไปพบรักกับชายหนุ่มและทั้งคู่แอบเป็นชู้กัน

    27. พอล ดับบิวเอสแอนเดอสัน
    - แม่นากแสดงโดยเมียตัวเอง ให้แม่นากเก่งที่สุดในโลก มีพลังจิตมองตาพิฆาตสังหาร มีซอมบี้ เอาลูกซองที่ลูกกระสุนเป็นเหรียญลากหัวซอมบี้คมๆ

    28. เจมส์ เคเมรอน
    - สร้างพระโขนงขึ้นมาใหม่ เอาให้เหมือนจริงสุดๆ จนนักแสดงแก่หมดแล้ว หนังก็ยังสร้างไม่เสร็จ..

    29. ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ
    - แม่นากไอ้มาก ลักเด็กที่ถูกทำร้ายจากครอบครัวอีปริกมาเลี้ยงและหลายๆคนในครอบครัวไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเพราะอีนากมีลูกไม่ได้

    30. กีเยโมร์ เดลโทโร่
    -นางมากและไอ้มากอยู่ในหน่วยพิทักษ์โลเพราะในการขับหุ่นยนต์ยักเยเกอร์ต้องใช้พลขับ 2 คนโดยทั้ง 2 ขับหุ่นยนต์ที่ชื่อ ยิปซี แดนเจอร์ ขับไปไปขับมาเลยได้เสียกันอีนากท้อง จากนั้นจึงตั้งชื่อลูกว่าไอ้แดง

    31.โรเบิร์ต เซเมคิส
    - นางนากต้องเป็นคนที่ไอ้มากปักใจรักมากที่สุดในชีวิต ก่อนนางจะใช้ชีวิตแบบขนนกที่ล่องลอยไปแบบที่นางอยากเป็น ผิดกับไอ้มากที่หลังจากไปรบในสงครามก็ใช้ชีวิตแบบขนนกที่ปลิวไปตามสายลมลมจะหอบไปทางไหนแต่เขาก็ตั้งใจทำมันทุกๆอย่างจนประสบความสำเร็จ สุดท้ายอีนากก็มีลูกชายกับไอ้มากแล้วนางก็ตาย ทำให้ไอ้มากต้องดูแลลูกชายหรือไอ้แดงเพียงคนเดียว ไอ้มากจึงสอนลูกชายเสมอว่า " ความตายเป็นส่วนนึงของชีวิต และ ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อคโกแลตเราไม่มีทางรู้ว่ามีรสชาติใดอยู่ข้างในบ้าง.."

    ที่เหลือก็หาผกก.ที่ชอบคอมเม้นท์มาเองนะ
    จะเป็นอย่างไรเมื่อ " นางนาก "ถูกสร้างโดยผู้กำกับ ชื่อดังทั่วโลก (ครบรอบ 26 ปีนางนาก) 1. เซอร์ คริสโตเฟอร์ โนแลน - พี่มากกลับมาจากรบ และรู้ว่าแม่นากรอเขาจนตาย พี่มากเสียใจสุดๆ จึงพยายามทำทุกทางเพื่ออยากเจออีนากอีกครั้ง วันเวลาผ่านไปเป็นสิบปี จนเขาได้เจอกับคนที่อ้างว่ามาจากอนาคต และสามารถทำให้พี่มากย้อนเวลาไปหาอีนากได้ เขาจึงเข้าเครื่องย้อนเวลา และทำให้กลับไปเจออีนากอีกครั้ง อีนากตกใจกับผัวที่แก่ขึ้น และทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน จนพี่มากพลั้งมือฆ่าอีนากตาย.. 2. เควนติน มารันติโน่ - อีนากปากหมา ไล่ด่าทุกคน ก่อนเควนตินจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์หนัง อีนากไม่ตาย แต่เป็นไอ้มากตายและกลายเป็นผีมาหลอกแทน 3. หว่อง-กาไว - อีนากนั่งรอพี่มากที่ท่าน้ำกับบรรยากาศสุดเหงายามเย็นที่มีแสงไฟจากตะเกียง พร้อมอีนากหยิบยาสูบขึ้นมาสูบ ทุกอย่างมันสโลไปหมด ยกเว้นอีนากคนเดียว 4. ปู่มาร์ตี้ - พี่มากเป็นหัวหน้าแก๊งค์รีดไถ่เงินในพระโขนง มีเพื่อนสนิทอยู่ 4 คน และมีเมียเป็นอีนาก ก่อนที่อีนากจะเล่นชู้กับเพื่อนพี่มากพร้อมกับเป่าหูให้ทุกคนหักหลังกัน และทั้งเรื่องจะเป็นการหักเหลี่ยมกันของแก๊งค์ ที่มีฉากไล่ข้าวโพดเป็นตอนจบ 5. ไมเคิล เบย์ - อีนากไม่ได้ท้องและออกไปรอบกับไอ้มากด้วย พร้อมกับระเบิดภูเขาเผ่ากระท่อมเหมือนเดิม 5.1. ไมเคิล เบย์ -อีนากหนีมาจากดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนแต่ระบบเสียงเสียพูดไม่ได้ จากนั้นอีนากจะส่งแสงขึ้นฟ้าเป็นรูปสัญลักษณ์ ไอ้มากเห็นจึงเดินทางมายังดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่า โลกกกกก !? 6. จอห์น วู - อีนากนั่งรอที่ท่าน้ำจะมีนกพิราบบินแบบสโลโมชั่น ฉากระเบิดที่สงครามไอ้มากไปรบต้องใหญ่ๆไฟและควันพุ่งขึ้นสูงๆ 7. โรเบิร์ต รอดริเกซ - อีนากตาย และกลายเป็นแวมไพร์ ไล่ฆ่าคน 8. พี่เจ้ย - อีนากปลงชีวิต เดินเข้าไปใช้ชีวิตในป่า เดินไปเจอกับธรรมชาติมากมาย ก่อนนางจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น 9. เอ็มไนต์ ชายามาลาน - อีนากตายเป็นผี ไอ้มากไม่รู้และไม่มีใครบอก เขาก็เลยอยู่กินกับผี จนพี่มากสังเกตและรู้เองว่าอีนากตายไปนานแล้ว ก่อนอีนากจะบอกว่า มึงก็ตายไปนานแล้วเหมือนกัน.. 10. เวส แอนเดอร์สัน - พระโขนงจะกลายเป็นสีพาสเทล 11. พี่พจน์ อานนท์ - พี่มากเป็นเกย์ และตบกะอีนาก 12. คิมคิ ด็อก - ทั้งเรื่องจะเงียบ และไม่มีบทพูด อีนากจะเงียบและรอคอยพี่มาก แต่ตัวละครรอบข้างจะพูดปกติ 13. เดวิด ฟินเชอร์ - อีนากถูกฆาตกรรม จนไอ้มากต้องออกมาช่วยกันสืบคดี จนสุดท้ายไอ้มากเปิดลังกระดาษแล้วพบกับ!! 14. หม่อมน้อย - ดีเทลทุกอย่างของคลองพระโขนงจะต้องเนี้ยบ เสื้อผ้าต้องเย็บใหม่ให้เหมือนในอดีต 15. ลาร์ส ฟอร์นเทียร์ - นางเอกจะติดเซ็กส์ และต้องการค้นหาตัวเอง 16. เป็นเอก รัตนเรือง - ไม่เน้นผี เน้นตีความ 17. พี่เต๋อ - ตัวละครทุกตัวจะพูดแบบเท่ๆ 18. ทิม เบอร์ตัน - ทุกตัวละครจะขอบตาดำกันหมดแต่งกายด้วยชุดอังกฤษยุคเลเนซองค์ 19. เดอนี วีลเนิฟว์ - ฉากหลังอีนากเป็นยุคไซเบอร์พังค์ 20. จอร์ด มิลเลอร์ - เรื่องราวไม่ได้เกิดในพระโขนง แต่เกิดในทะเลทราย 21. คูบริก นักแสดงนางนากจะถูกกังขังหน่วงเหนี่ยวไว้ จนกว่าจะยืดแขนเองได้ 22. เดวิด ลินซ์ - มึงดูไม่เข้าใจกันหรอก 23. จิบลิ - อีนากตายหลงเข้าไปในมิติวิญญาณ และไปทำงานในซ่องของโลกหลังความตาย 24.ชิออน โซโนะ - อีนากเบื่อการเป็นแม่บ้าน จึงออกไปหาความสำราญจนโดนหลอก.. แต่ติดใจ 25. ชินไค มาโคโตะ - แม่นากจะตามหาพี่มากตลอดไป จะost. ชื่อ 9.8 meter per sec ซึ่งมาจากความเร็วของมะนาวที่แม่นากทำหล่นจากชานบ้าน /เอ้าซู๊ดดดดดด 26. อังลี่ - อีนากคลอดลูกและรอดตาย ไอ้มากกลับมาปลอดภัย จนไอ้มากต้องไปทำงานเลี้ยงแกะบนเขา จนไปพบรักกับชายหนุ่มและทั้งคู่แอบเป็นชู้กัน 27. พอล ดับบิวเอสแอนเดอสัน - แม่นากแสดงโดยเมียตัวเอง ให้แม่นากเก่งที่สุดในโลก มีพลังจิตมองตาพิฆาตสังหาร มีซอมบี้ เอาลูกซองที่ลูกกระสุนเป็นเหรียญลากหัวซอมบี้คมๆ 28. เจมส์ เคเมรอน - สร้างพระโขนงขึ้นมาใหม่ เอาให้เหมือนจริงสุดๆ จนนักแสดงแก่หมดแล้ว หนังก็ยังสร้างไม่เสร็จ.. 29. ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ - แม่นากไอ้มาก ลักเด็กที่ถูกทำร้ายจากครอบครัวอีปริกมาเลี้ยงและหลายๆคนในครอบครัวไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเพราะอีนากมีลูกไม่ได้ 30. กีเยโมร์ เดลโทโร่ -นางมากและไอ้มากอยู่ในหน่วยพิทักษ์โลเพราะในการขับหุ่นยนต์ยักเยเกอร์ต้องใช้พลขับ 2 คนโดยทั้ง 2 ขับหุ่นยนต์ที่ชื่อ ยิปซี แดนเจอร์ ขับไปไปขับมาเลยได้เสียกันอีนากท้อง จากนั้นจึงตั้งชื่อลูกว่าไอ้แดง 31.โรเบิร์ต เซเมคิส - นางนากต้องเป็นคนที่ไอ้มากปักใจรักมากที่สุดในชีวิต ก่อนนางจะใช้ชีวิตแบบขนนกที่ล่องลอยไปแบบที่นางอยากเป็น ผิดกับไอ้มากที่หลังจากไปรบในสงครามก็ใช้ชีวิตแบบขนนกที่ปลิวไปตามสายลมลมจะหอบไปทางไหนแต่เขาก็ตั้งใจทำมันทุกๆอย่างจนประสบความสำเร็จ สุดท้ายอีนากก็มีลูกชายกับไอ้มากแล้วนางก็ตาย ทำให้ไอ้มากต้องดูแลลูกชายหรือไอ้แดงเพียงคนเดียว ไอ้มากจึงสอนลูกชายเสมอว่า " ความตายเป็นส่วนนึงของชีวิต และ ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อคโกแลตเราไม่มีทางรู้ว่ามีรสชาติใดอยู่ข้างในบ้าง.." ที่เหลือก็หาผกก.ที่ชอบคอมเม้นท์มาเองนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 669 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts