• ภาค1 ส 12-7-68 ..
    E:\- m1 ภาค ส่ง
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล
    ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน

    ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง

    ภาค1 ส 12-7-68 .. E:\- m1 ภาค ส่ง 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • วันนี้เราคุยกันเรื่องวัฒนธรรมแต่งงานอีกแบบ ที่มาคือชื่อภาษาจีนของละครและนิยายจีนเรื่อง “จุ้ยซวี่” (赘婿 ชื่อละครภาษาไทยแปลตามชื่อภาษาอังกฤษว่า <สามีข้าคือฮีโร่>)

    ขอเริ่มเรื่องจากบทสนทนาจากในละครของเจ้าบ่าวหนิงอี้กับพ่อบ้านแห่งสกุลซู เพื่อให้เห็นภาพ
    ...หนิงอี้: “นี่คืออันใด?”
    พ่อบ้านเกิ่ง: “นี้คือเกี้ยวเจ้าสาว”
    หนิงอี้: “ของคุณหนู?”
    พ่อบ้านเกิ่ง: “ของท่าน”
    หนิงอี้: “เพราะเหตุใด?”
    พ่อบ้านเกิ่ง: “เพราะท่านเป็นจุ้ยซวี่”
    หนิงอี้: “เป็นจุ้ยซวี่ก็ต้องนั่งเกี้ยวรึ?”
    พ่อบ้านเกิ่ง: “เป็นจุ้ยซวี่ต้องนั่งเกี้ยว”...

    ในละครเรื่องนี้ หนิงอี้ผู้เป็นเจ้าบ่าวต้องนั่งเกี้ยวถูกส่งตัวไปยังบ้านของฝ่ายหญิง (ตามรูปประกอบ) อีกทั้งระหว่างทางยังโดนคนชี้นิ้ววิพากย์วิจารณ์มากมายราวกับว่าเป็นเรื่องน่าดูแคลน เหตุเพราะเขาเป็น “จุ้ยซวี่”

    “จุ้ยซวี่” คือการเรียกเขยที่แต่งเข้าไปในสกุลของฝ่ายเจ้าสาว พำนักอยู่ในเรือนของฝ่ายหญิง และหากมีลูก ลูกก็จะใช้แซ่หรือนามสกุลตามฝ่ายหญิง ซึ่งเพื่อนเพจที่พอคุ้นเคยกับธรรมเนียมจีนจะรู้ว่าเป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับธรรมเนียมปกติที่ผู้หญิงจะแต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย เมื่อมีลูกก็จะใช้นามสกุลของฝ่ายชาย

    ทำไมถึงมีจุ้ยซวี่? การแต่งชายเข้าบ้านฝ่ายหญิงนั้น เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายเจ้าสาวมาจากตระกูลคหบดีหรือมียศถาบรรดาศักดิ์แต่ขาดบุตรชายที่จะสืบสกุล ดังนั้นฝ่ายเจ้าบ่าวจึงมักเป็นคนที่มีฐานะต่ำต้อย

    แล้วธรรมเนียมแต่งจุ้ยซวี่เข้าเรือนเกิดขึ้นในยุคสมัยใด? ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ มีการกล่าวถึงจุ้ยซวี่มาตั้งแต่ยุคสมัยชุนชิว แต่ในวัฒนธรรมจีนนั้นการสืบสกุลเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของชายชาตรี ดังนั้นการละทิ้งสกุลของตนเพื่อไปสืบเชื้อสายให้สกุลอื่นจึงเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ในสมัยนั้นจุ้ยซวี่จึงมีฐานะต่ำต้อยมาก มีการเปรียบเสมือนเป็นทาสในเรือน ในสมัยนั้นยังมีกฎห้ามจุ้ยซวี่แยกเรือนออกไปอยู่เอง ห้ามไม่ให้ถือครองที่ดิน และลูกหลานจะเข้ารับราชการได้นั้นต้องผ่านไปแล้วสามรุ่นด้วยกัน (โอ้โห!)

    ในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง จุ้ยซวี่ได้รับการปฏิบัติดีขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้นแม้จะไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ว่ากันว่า เป็นเพราะว่าบิดาของปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง (องค์ซ่งไท่จู่) ก็เป็นจุ้ยซวี่ สังคมรับเรื่องนี้ได้มากขึ้นถึงขนาดที่ว่ามีชายบางคนที่ฐานะครอบครัวไม่เลว ยังขวนขวายแต่งเข้าสกุลของฝ่ายหญิงที่เรืองอำนาจเพื่อเสริมสร้างอำนาจทางการเมืองให้แก่ตนเลยทีเดียว

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ กดไลค์กดแชร์กันหน่อยนะคะ)

    เครดิตรูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/450812871_100288750 และจากละคร
    เครดิตข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.sohu.com/a/451219092_588218
    https://www.52shijing.com/kjxs/113551.html

    #สามีข้าคือฮีโร่ #ประเพณีจีนโบราณ #จุ้ยซวี่ #เกี้ยวเจ้าสาว #StoryfromStory
    วันนี้เราคุยกันเรื่องวัฒนธรรมแต่งงานอีกแบบ ที่มาคือชื่อภาษาจีนของละครและนิยายจีนเรื่อง “จุ้ยซวี่” (赘婿 ชื่อละครภาษาไทยแปลตามชื่อภาษาอังกฤษว่า <สามีข้าคือฮีโร่>) ขอเริ่มเรื่องจากบทสนทนาจากในละครของเจ้าบ่าวหนิงอี้กับพ่อบ้านแห่งสกุลซู เพื่อให้เห็นภาพ ...หนิงอี้: “นี่คืออันใด?” พ่อบ้านเกิ่ง: “นี้คือเกี้ยวเจ้าสาว” หนิงอี้: “ของคุณหนู?” พ่อบ้านเกิ่ง: “ของท่าน” หนิงอี้: “เพราะเหตุใด?” พ่อบ้านเกิ่ง: “เพราะท่านเป็นจุ้ยซวี่” หนิงอี้: “เป็นจุ้ยซวี่ก็ต้องนั่งเกี้ยวรึ?” พ่อบ้านเกิ่ง: “เป็นจุ้ยซวี่ต้องนั่งเกี้ยว”... ในละครเรื่องนี้ หนิงอี้ผู้เป็นเจ้าบ่าวต้องนั่งเกี้ยวถูกส่งตัวไปยังบ้านของฝ่ายหญิง (ตามรูปประกอบ) อีกทั้งระหว่างทางยังโดนคนชี้นิ้ววิพากย์วิจารณ์มากมายราวกับว่าเป็นเรื่องน่าดูแคลน เหตุเพราะเขาเป็น “จุ้ยซวี่” “จุ้ยซวี่” คือการเรียกเขยที่แต่งเข้าไปในสกุลของฝ่ายเจ้าสาว พำนักอยู่ในเรือนของฝ่ายหญิง และหากมีลูก ลูกก็จะใช้แซ่หรือนามสกุลตามฝ่ายหญิง ซึ่งเพื่อนเพจที่พอคุ้นเคยกับธรรมเนียมจีนจะรู้ว่าเป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับธรรมเนียมปกติที่ผู้หญิงจะแต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย เมื่อมีลูกก็จะใช้นามสกุลของฝ่ายชาย ทำไมถึงมีจุ้ยซวี่? การแต่งชายเข้าบ้านฝ่ายหญิงนั้น เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายเจ้าสาวมาจากตระกูลคหบดีหรือมียศถาบรรดาศักดิ์แต่ขาดบุตรชายที่จะสืบสกุล ดังนั้นฝ่ายเจ้าบ่าวจึงมักเป็นคนที่มีฐานะต่ำต้อย แล้วธรรมเนียมแต่งจุ้ยซวี่เข้าเรือนเกิดขึ้นในยุคสมัยใด? ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ มีการกล่าวถึงจุ้ยซวี่มาตั้งแต่ยุคสมัยชุนชิว แต่ในวัฒนธรรมจีนนั้นการสืบสกุลเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของชายชาตรี ดังนั้นการละทิ้งสกุลของตนเพื่อไปสืบเชื้อสายให้สกุลอื่นจึงเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ในสมัยนั้นจุ้ยซวี่จึงมีฐานะต่ำต้อยมาก มีการเปรียบเสมือนเป็นทาสในเรือน ในสมัยนั้นยังมีกฎห้ามจุ้ยซวี่แยกเรือนออกไปอยู่เอง ห้ามไม่ให้ถือครองที่ดิน และลูกหลานจะเข้ารับราชการได้นั้นต้องผ่านไปแล้วสามรุ่นด้วยกัน (โอ้โห!) ในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง จุ้ยซวี่ได้รับการปฏิบัติดีขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้นแม้จะไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ว่ากันว่า เป็นเพราะว่าบิดาของปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง (องค์ซ่งไท่จู่) ก็เป็นจุ้ยซวี่ สังคมรับเรื่องนี้ได้มากขึ้นถึงขนาดที่ว่ามีชายบางคนที่ฐานะครอบครัวไม่เลว ยังขวนขวายแต่งเข้าสกุลของฝ่ายหญิงที่เรืองอำนาจเพื่อเสริมสร้างอำนาจทางการเมืองให้แก่ตนเลยทีเดียว (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ กดไลค์กดแชร์กันหน่อยนะคะ) เครดิตรูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/450812871_100288750 และจากละคร เครดิตข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.sohu.com/a/451219092_588218 https://www.52shijing.com/kjxs/113551.html #สามีข้าคือฮีโร่ #ประเพณีจีนโบราณ #จุ้ยซวี่ #เกี้ยวเจ้าสาว #StoryfromStory
    WWW.SOHU.COM
    《赘婿》首播:剧情搞笑,宋轶获赞,郭麒麟槽点较为集中_宁毅
    而郭麒麟从脸上讲就有点不合适,大家可以看一下这个镜头他和张若昀的对比,年龄和气质的差异一下子就能看出来,而且郭麒麟看起来特别的黑。 大家其实对郭麒麟这个演员没有什么意见,甚至也承认郭麒麟在平常生活中…
    1 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา!

    ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10%

    สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี

    นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้

    การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024  
    • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)  
    • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า

    ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7

    ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:  
    • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%)

    ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022)

    โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก

    การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา! ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10% สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้ ✅ การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024   • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)   • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า ✅ ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7 ✅ ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:   • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%) ✅ ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022) ✅ โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก ✅ การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • 3/
    กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

    เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี

    การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล

    มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    3/ กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 0 Reviews
  • 2/
    กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

    เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี

    การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล

    มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    2/ กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 0 Reviews
  • 1/
    กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

    เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี

    การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล

    มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    1/ กลุ่มฮูตีในเยเมนเผยแพร่ภาพวิดีโอช่วงเวลาเข้ายึดเรือ “Magic Seas” และระเบิดเรือทิ้งจนจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เรือ “Magic Seas” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าแห้งของอังกฤษ ใช้ธงไลบีเรีย และบริหารจัดการโดยบริษัท Stem Shipping จากกรีก พยายามฝ่าฝืนประกาศเตือนภัยในการปิดล้อมทะเลแดงของฮูตี การโจมตีเรือโดยกลุ่มฮูตีใช้อาวุธหลายประเภทอย่างเป็นขั้นตอน ประกอบด้วยการใช้เรือโดรนพลีชีพ การบุกขึ้นเรือ และการวางระเบิดรอบเรืออย่างแม่นยำส่งผลให้เรือจมลงสู่ก้นทะเล มีรายงานว่า เรือที่จมนั้นเป็นเรือเปล่า สินค้าต่างๆรวมทั้งลูกเรือ 22 คนอพยพออกไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยความช่วยเหลือจากเรือ “Safeen Prism” ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ตอบรับสัญญาณช่วยเหลือจากลูกเรือ “Magic Seas”
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่าคุณต้องเข้าออฟฟิศที่ทาสีเทาๆ มีไฟเพดานที่ทำให้ปวดตา โต๊ะจัดเป็นแถวแบบโรงเรียนประถม และไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทุกวัน... → นั่นแหละคือสิ่งที่พนักงานในอังกฤษจำนวนมากรู้สึกกับสถานที่ทำงานของพวกเขา → และผลสำรวจจาก Kinly พบว่า 34% ถึงขั้นคิดจะลาออกเพราะดีไซน์ออฟฟิศน่าเบื่อ! → โดยเฉพาะคนช่วงอายุ 25–34 ปี บางคน “ลาออกไปแล้วจริง ๆ”

    ต้นเหตุไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามนะครับ → 21% บอกว่าที่ทำงานแบบนี้กระทบ “สุขภาพจิต” โดยตรง → สร้างความรู้สึกแย่ หมดไฟ และไม่อยากมาทำงาน

    ข่าวดีก็คือ บริษัทจำนวนมากในอังกฤษเริ่ม หันมาใช้เทคโนโลยี AV เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศออฟฟิศ → มีทั้งจอภาพ เสียง ระบบเซ็นเซอร์ และสื่อมัลติมีเดีย → เพื่อช่วยให้พื้นที่ทำงานมีชีวิตชีวา สดชื่นขึ้น และเสริมจินตนาการ

    ที่น่าสนใจคือ 65% ของผู้เชี่ยวชาญ AV บอกว่าออฟฟิศควรมีความสวยงาม “พอ ๆ กับฟังก์ชัน” → และตอนนี้ มากกว่า 2 ใน 3 ของทีม AV เริ่มทำงานร่วมกับฝ่าย HR โดยตรงเพื่อดูแลสุขภาวะพนักงาน

    34% ของพนักงานชาวอังกฤษคิดจะลาออกเพราะออฟฟิศน่าเบื่อ  
    • โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25–34 ปี  
    • เกือบครึ่งเคย “ลาออกจริง” เพราะเหตุผลนี้

    21% บอกว่าสภาพแวดล้อมออฟฟิศส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต  
    • ความน่าเบื่อ ความอึดอัด แสงไม่เหมาะสม สีทึม ทำให้หมดไฟ

    77% ของผู้เชี่ยวชาญ AV เชื่อว่าออฟฟิศที่น่ามองส่งผลต่อผลิตภาพโดยตรง

    บริษัทมากกว่าครึ่งในอังกฤษ เริ่มใช้เทคโนโลยีภาพและเสียงมาปรับสภาพแวดล้อม  
    • เช่น ป้ายดิจิทัล จอแสดงผล เสียงประกอบ ambient lighting  
    • ใช้เพื่อรองรับพนักงาน neurodiverse และเชื่อมโยงพนักงาน remote–onsite

    Kinly CEO ย้ำว่า “ออฟฟิศไม่ใช่แค่สวย แต่เป็นกลยุทธ์” ที่ต้องวางแผนแบบมีเป้าหมาย

    https://www.techspot.com/news/108577-workers-quitting-over-their-depressing-offices-but-av.html
    ลองนึกภาพว่าคุณต้องเข้าออฟฟิศที่ทาสีเทาๆ มีไฟเพดานที่ทำให้ปวดตา โต๊ะจัดเป็นแถวแบบโรงเรียนประถม และไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทุกวัน... → นั่นแหละคือสิ่งที่พนักงานในอังกฤษจำนวนมากรู้สึกกับสถานที่ทำงานของพวกเขา → และผลสำรวจจาก Kinly พบว่า 34% ถึงขั้นคิดจะลาออกเพราะดีไซน์ออฟฟิศน่าเบื่อ! → โดยเฉพาะคนช่วงอายุ 25–34 ปี บางคน “ลาออกไปแล้วจริง ๆ” ต้นเหตุไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามนะครับ → 21% บอกว่าที่ทำงานแบบนี้กระทบ “สุขภาพจิต” โดยตรง → สร้างความรู้สึกแย่ หมดไฟ และไม่อยากมาทำงาน ข่าวดีก็คือ บริษัทจำนวนมากในอังกฤษเริ่ม หันมาใช้เทคโนโลยี AV เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศออฟฟิศ → มีทั้งจอภาพ เสียง ระบบเซ็นเซอร์ และสื่อมัลติมีเดีย → เพื่อช่วยให้พื้นที่ทำงานมีชีวิตชีวา สดชื่นขึ้น และเสริมจินตนาการ ที่น่าสนใจคือ 65% ของผู้เชี่ยวชาญ AV บอกว่าออฟฟิศควรมีความสวยงาม “พอ ๆ กับฟังก์ชัน” → และตอนนี้ มากกว่า 2 ใน 3 ของทีม AV เริ่มทำงานร่วมกับฝ่าย HR โดยตรงเพื่อดูแลสุขภาวะพนักงาน ✅ 34% ของพนักงานชาวอังกฤษคิดจะลาออกเพราะออฟฟิศน่าเบื่อ   • โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25–34 ปี   • เกือบครึ่งเคย “ลาออกจริง” เพราะเหตุผลนี้ ✅ 21% บอกว่าสภาพแวดล้อมออฟฟิศส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต   • ความน่าเบื่อ ความอึดอัด แสงไม่เหมาะสม สีทึม ทำให้หมดไฟ ✅ 77% ของผู้เชี่ยวชาญ AV เชื่อว่าออฟฟิศที่น่ามองส่งผลต่อผลิตภาพโดยตรง ✅ บริษัทมากกว่าครึ่งในอังกฤษ เริ่มใช้เทคโนโลยีภาพและเสียงมาปรับสภาพแวดล้อม   • เช่น ป้ายดิจิทัล จอแสดงผล เสียงประกอบ ambient lighting   • ใช้เพื่อรองรับพนักงาน neurodiverse และเชื่อมโยงพนักงาน remote–onsite ✅ Kinly CEO ย้ำว่า “ออฟฟิศไม่ใช่แค่สวย แต่เป็นกลยุทธ์” ที่ต้องวางแผนแบบมีเป้าหมาย https://www.techspot.com/news/108577-workers-quitting-over-their-depressing-offices-but-av.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Some workers are quitting over their depressing office designs, but AV tech is helping
    Most offices are bland, dull, miserable boxes, with migraine-inducing lighting and drab colors. They certainly don't make occupants happy to come into work, and can even affect...
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • ในแมตช์รอบ 4 ของ Wimbledon 2025 ที่เซ็นเตอร์คอร์ตระหว่าง Anastasia Pavlyuchenkova (รัสเซีย) และ Sonay Kartal (อังกฤษ) เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นระบบเทคโนโลยี” → เพราะลูกหนึ่งของ Kartal ออกนอกเส้นชัดเจน แต่กลับไม่มีการเรียก out → ทั้งผู้ชม–นักกีฬา–แม้แต่กรรมการกลางก็สับสนว่าเกิดอะไรขึ้น

    สุดท้ายมีการชี้แจงว่า…ระบบ Hawk-Eye ถูก “กดปิดชั่วคราว” จากฝีมือมนุษย์โดยไม่ได้ตั้งใจ → ทีมงาน Wimbledon ยอมรับว่า ระบบยังทำงานได้สมบูรณ์แบบ 100% แต่พลาดจากมนุษย์ล้วนๆ → และได้ประกาศแก้ไขโดย “ปิดความสามารถในการปิดระบบด้วยมือ” แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำอีก

    ด้าน CEO ของ Wimbledon ยืนยันว่า “นี่ไม่ใช่ AI” แต่เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมนุษย์คอยกำกับ → กลายเป็นบทเรียนว่า แม้เทคโนโลยีจะล้ำแค่ไหน…แต่ human error ก็ยังเป็นจุดอ่อนเสมอ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/08/wimbledon-blames-human-error-for-a-mistake-by-the-tech-that-replaced-officials-here039s-what-happened
    ในแมตช์รอบ 4 ของ Wimbledon 2025 ที่เซ็นเตอร์คอร์ตระหว่าง Anastasia Pavlyuchenkova (รัสเซีย) และ Sonay Kartal (อังกฤษ) เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นระบบเทคโนโลยี” → เพราะลูกหนึ่งของ Kartal ออกนอกเส้นชัดเจน แต่กลับไม่มีการเรียก out → ทั้งผู้ชม–นักกีฬา–แม้แต่กรรมการกลางก็สับสนว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายมีการชี้แจงว่า…ระบบ Hawk-Eye ถูก “กดปิดชั่วคราว” จากฝีมือมนุษย์โดยไม่ได้ตั้งใจ → ทีมงาน Wimbledon ยอมรับว่า ระบบยังทำงานได้สมบูรณ์แบบ 100% แต่พลาดจากมนุษย์ล้วนๆ → และได้ประกาศแก้ไขโดย “ปิดความสามารถในการปิดระบบด้วยมือ” แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำอีก ด้าน CEO ของ Wimbledon ยืนยันว่า “นี่ไม่ใช่ AI” แต่เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมนุษย์คอยกำกับ → กลายเป็นบทเรียนว่า แม้เทคโนโลยีจะล้ำแค่ไหน…แต่ human error ก็ยังเป็นจุดอ่อนเสมอ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/08/wimbledon-blames-human-error-for-a-mistake-by-the-tech-that-replaced-officials-here039s-what-happened
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Wimbledon blames human error for a mistake by the tech that replaced officials. Here's what happened
    The All England Club, somewhat ironically, is blaming "human error" for a glaring mistake by the electronic system that replaced human line judges this year at Wimbledon.
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • ทุกวันนี้เวลารถเกิดอุบัติเหตุ เราต้องส่งไปให้ช่างประเมิน ตรวจเช็กรูปถ่าย ส่งเรื่องประกัน ฯลฯ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้มักใช้เวลาและพึ่งพาคนเป็นหลัก

    โครงการใหม่นี้กำลังจะเปลี่ยนเกม → ทีมวิจัยจาก University of Portsmouth พัฒนาระบบที่ใช้ AI Vision + Machine Learning → เพื่อตรวจจับความเสียหายจากภาพถ่ายหรือข้อมูลหลังอุบัติเหตุ → พร้อมแนะนำแนวทางซ่อม, ประเมินต้นทุน, และจัดลำดับงานเข้าสู่อู่ซ่อมอัตโนมัติ

    ผู้ร่วมพัฒนาคือ ABL 1 Touch บริษัทศูนย์ซ่อมรถยนต์รายใหญ่ในอังกฤษ และ Innovate UK ซึ่งเป็นองค์กรส่งเสริมนวัตกรรมของรัฐ → โดยเป้าหมายไม่ใช่แค่ลดต้นทุน–เพิ่มความเร็วเท่านั้น แต่จะสร้าง “technical benchmark” ให้ใช้ในระดับอุตสาหกรรมทั้งระบบ

    ตัวแทนจากบริษัทก็เสริมว่า ระบบนี้จะช่วยลดการพึ่งพาบุคคลคนเดียว (single point dependency) และปรับปรุงการจัดคิว–วางแผนทรัพยากรในอู่ซ่อมรถทั่วประเทศ

    ทีมจาก University of Portsmouth พัฒนา AI เพื่อวิเคราะห์ความเสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์
    • ใช้ Computer Vision + Machine Learning  
    • ตรวจจับ–ประเมิน–แนะนำการซ่อมได้อัตโนมัติ

    โครงการร่วมมือกับ ABL 1 Touch และ Innovate UK  
    • วางเป้าจะเป็น “technical benchmark” สำหรับวงการซ่อมรถอังกฤษ  
    • เตรียมใช้ในบริษัทประกันและผู้ให้บริการรถยนต์รายใหญ่

    เป้าหมายคือ “ลดภาระพนักงาน เพิ่มความเร็ว และกำหนดมาตรฐาน”  
    • แก้ปัญหางานประเมินที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะ  
    • ช่วยจัดการข้อมูลจากหลายแหล่งให้เข้าอู่ได้รวดเร็วขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/06/scientists-developing-ai-tool-to-assess-car-repairs
    ทุกวันนี้เวลารถเกิดอุบัติเหตุ เราต้องส่งไปให้ช่างประเมิน ตรวจเช็กรูปถ่าย ส่งเรื่องประกัน ฯลฯ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้มักใช้เวลาและพึ่งพาคนเป็นหลัก โครงการใหม่นี้กำลังจะเปลี่ยนเกม → ทีมวิจัยจาก University of Portsmouth พัฒนาระบบที่ใช้ AI Vision + Machine Learning → เพื่อตรวจจับความเสียหายจากภาพถ่ายหรือข้อมูลหลังอุบัติเหตุ → พร้อมแนะนำแนวทางซ่อม, ประเมินต้นทุน, และจัดลำดับงานเข้าสู่อู่ซ่อมอัตโนมัติ ผู้ร่วมพัฒนาคือ ABL 1 Touch บริษัทศูนย์ซ่อมรถยนต์รายใหญ่ในอังกฤษ และ Innovate UK ซึ่งเป็นองค์กรส่งเสริมนวัตกรรมของรัฐ → โดยเป้าหมายไม่ใช่แค่ลดต้นทุน–เพิ่มความเร็วเท่านั้น แต่จะสร้าง “technical benchmark” ให้ใช้ในระดับอุตสาหกรรมทั้งระบบ ตัวแทนจากบริษัทก็เสริมว่า ระบบนี้จะช่วยลดการพึ่งพาบุคคลคนเดียว (single point dependency) และปรับปรุงการจัดคิว–วางแผนทรัพยากรในอู่ซ่อมรถทั่วประเทศ ✅ ทีมจาก University of Portsmouth พัฒนา AI เพื่อวิเคราะห์ความเสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์ • ใช้ Computer Vision + Machine Learning   • ตรวจจับ–ประเมิน–แนะนำการซ่อมได้อัตโนมัติ ✅ โครงการร่วมมือกับ ABL 1 Touch และ Innovate UK   • วางเป้าจะเป็น “technical benchmark” สำหรับวงการซ่อมรถอังกฤษ   • เตรียมใช้ในบริษัทประกันและผู้ให้บริการรถยนต์รายใหญ่ ✅ เป้าหมายคือ “ลดภาระพนักงาน เพิ่มความเร็ว และกำหนดมาตรฐาน”   • แก้ปัญหางานประเมินที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะ   • ช่วยจัดการข้อมูลจากหลายแหล่งให้เข้าอู่ได้รวดเร็วขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/06/scientists-developing-ai-tool-to-assess-car-repairs
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Scientists developing AI tool to assess car repairs
    Scientists in the UK say they are developing an artificial intelligence (AI) tool which can accurately diagnose damage to cars following an accident and organise the necessary repairs.
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลปิดข่าวกรณีขีปนาวุธของอิหร่านยิงโดนที่ตั้งทางทหารสำคัญๆหลายแห่งทั่วประเทศ ระหว่างที่ทั้ง 2 ชาติทำศึกสงครามกันเป็นเวลา 12 วัน เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงข้อมูลจากเรดาร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063489

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    อิสราเอลปิดข่าวกรณีขีปนาวุธของอิหร่านยิงโดนที่ตั้งทางทหารสำคัญๆหลายแห่งทั่วประเทศ ระหว่างที่ทั้ง 2 ชาติทำศึกสงครามกันเป็นเวลา 12 วัน เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงข้อมูลจากเรดาร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063489 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 982 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน Nvidia ยังเป็นบริษัททำการ์ดจอเกมเป็นหลัก มูลค่าราว $500 พันล้าน → แต่ตอนนี้ (กลางปี 2025) Nvidia กำลังแตะมูลค่า $4 ล้านล้านดอลลาร์ โดย  
    • เคยแตะ $3.92T ระหว่างวัน (intraday)  
    • ปิดที่ $3.89T  
    • แซงสถิติเดิมของ Apple ที่เคยปิดที่ $3.915T เมื่อปลายปี 2024

    สาเหตุหลักมาจากความ “บูม” ของตลาด AI — โดย Nvidia ควบคุม ฮาร์ดแวร์ AI ระดับสูง ที่ใช้เทรนและรัน LLM แทบทั้งหมด
    → ทำให้กลายเป็น “หัวใจกลางของยุค AI Infrastructure” ที่ทั้ง Microsoft, Amazon, Meta, Tesla และ Alphabet ต้องพึ่งพา
    → ในไตรมาสล่าสุด Nvidia ทำรายได้ $44.1B (+69%)  
    • เฉพาะส่วน Data Center ก็ทำถึง $39.1B  
    • วางเป้า $170B รายได้รวมในปีงบประมาณ 2026 (ขึ้นจาก $130B ในปี 2025)

    และที่น่าสนใจคือ…
    → มูลค่าตลาดของ Nvidia สูงกว่ารวมกันของบริษัทจดทะเบียนทั้งประเทศอังกฤษ
    → นักลงทุนที่ถือดัชนีแบบ S&P 500 ตอนนี้มีสัดส่วน Nvidia เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว

    https://www.techspot.com/news/108558-nvidia-closes-4-trillion-valuation-surpasses-apple-record.html
    ลองนึกภาพว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน Nvidia ยังเป็นบริษัททำการ์ดจอเกมเป็นหลัก มูลค่าราว $500 พันล้าน → แต่ตอนนี้ (กลางปี 2025) Nvidia กำลังแตะมูลค่า $4 ล้านล้านดอลลาร์ โดย   • เคยแตะ $3.92T ระหว่างวัน (intraday)   • ปิดที่ $3.89T   • แซงสถิติเดิมของ Apple ที่เคยปิดที่ $3.915T เมื่อปลายปี 2024 สาเหตุหลักมาจากความ “บูม” ของตลาด AI — โดย Nvidia ควบคุม ฮาร์ดแวร์ AI ระดับสูง ที่ใช้เทรนและรัน LLM แทบทั้งหมด → ทำให้กลายเป็น “หัวใจกลางของยุค AI Infrastructure” ที่ทั้ง Microsoft, Amazon, Meta, Tesla และ Alphabet ต้องพึ่งพา → ในไตรมาสล่าสุด Nvidia ทำรายได้ $44.1B (+69%)   • เฉพาะส่วน Data Center ก็ทำถึง $39.1B   • วางเป้า $170B รายได้รวมในปีงบประมาณ 2026 (ขึ้นจาก $130B ในปี 2025) และที่น่าสนใจคือ… → มูลค่าตลาดของ Nvidia สูงกว่ารวมกันของบริษัทจดทะเบียนทั้งประเทศอังกฤษ 🇬🇧 → นักลงทุนที่ถือดัชนีแบบ S&P 500 ตอนนี้มีสัดส่วน Nvidia เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว https://www.techspot.com/news/108558-nvidia-closes-4-trillion-valuation-surpasses-apple-record.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia closes in on $4 trillion valuation, surpasses Apple's record
    "When the first company crossed a trillion dollars, it was amazing. And now you're talking four trillion, which is just incredible. It tells you that there's this...
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • กล้องวงจรปิด (CCTV) เคยเป็นแค่เรื่องรักษาความปลอดภัย แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของ "ความมั่นคงระดับชาติ"

    แคนาดาเพิ่งสั่งให้ Hikvision — บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนที่เป็น ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 1 ของโลก — หยุดดำเนินงานในประเทศ โดยระบุว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของแคนาดา” (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพราะอะไร)

    หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากความสัมพันธ์ของ Hikvision กับรัฐจีน ซึ่งมีข่าวว่า กล้องแบรนด์นี้ถูกใช้ในระบบตรวจจับ–ติดตามชาวอุยกูร์ในซินเจียง มาก่อน — และประเทศอย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ก็เคยแบนมาแล้วเช่นกัน

    ที่น่าสนใจคือ Canada ไม่ใช่แค่ห้ามซื้อใหม่ แต่ จะทยอยเลิกใช้กล้อง Hikvision ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสถานที่ราชการ — และขอให้ประชาชน "ใช้วิจารณญาณ" ถ้าจะซื้ออุปกรณ์จากแบรนด์นี้ด้วย

    Hikvision เองก็ออกมาโต้ว่า "ไม่เป็นธรรม ขาดความโปร่งใส และดูเหมือนโดนเล่นงานเพราะเป็นบริษัทจากจีน" — ซึ่งก็สะท้อนว่าเทคโนโลยีบางอย่างกำลังถูกแปะป้าย “น่าเชื่อถือ/ไม่น่าเชื่อถือ” ด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเทคนิคจริง ๆ แล้วครับ

    แคนาดาสั่งให้ Hikvision หยุดดำเนินกิจการในประเทศทันที  
    • อ้างเหตุผลด้าน “ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ”
    • อิงตามกฎหมาย Investment Canada Act

    Hikvision คือผู้ผลิต CCTV รายใหญ่ที่สุดของโลก  
    • เข้ามาทำตลาดในแคนาดาตั้งแต่ปี 2014  
    • ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับโครงการรัฐจีน

    แคนาดาจะทยอยเลิกใช้ Hikvision ในอาคารราชการและภาครัฐ
    • พร้อมขอให้ประชาชน “พิจารณาอย่างรอบคอบ” หากจะใช้อุปกรณ์จากแบรนด์นี้

    ประเทศอื่น ๆ เคยแบน Hikvision มาแล้ว เช่น:  
    • สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย  
    • โดยเฉพาะจากข้อกล่าวหาว่าอุปกรณ์ถูกใช้สอดแนมชาวอุยกูร์ในจีน (ซึ่งจีนปฏิเสธ)

    Hikvision แถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และขาดหลักฐานชัดเจน”

    https://www.techradar.com/pro/is-the-worlds-largest-cctv-surveillance-camera-vendor-going-to-be-the-next-huawei-canada-gov-bans-hikvision-amidst-security-fears
    กล้องวงจรปิด (CCTV) เคยเป็นแค่เรื่องรักษาความปลอดภัย แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของ "ความมั่นคงระดับชาติ" แคนาดาเพิ่งสั่งให้ Hikvision — บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนที่เป็น ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 1 ของโลก — หยุดดำเนินงานในประเทศ โดยระบุว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของแคนาดา” (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพราะอะไร) หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากความสัมพันธ์ของ Hikvision กับรัฐจีน ซึ่งมีข่าวว่า กล้องแบรนด์นี้ถูกใช้ในระบบตรวจจับ–ติดตามชาวอุยกูร์ในซินเจียง มาก่อน — และประเทศอย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ก็เคยแบนมาแล้วเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ Canada ไม่ใช่แค่ห้ามซื้อใหม่ แต่ จะทยอยเลิกใช้กล้อง Hikvision ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสถานที่ราชการ — และขอให้ประชาชน "ใช้วิจารณญาณ" ถ้าจะซื้ออุปกรณ์จากแบรนด์นี้ด้วย Hikvision เองก็ออกมาโต้ว่า "ไม่เป็นธรรม ขาดความโปร่งใส และดูเหมือนโดนเล่นงานเพราะเป็นบริษัทจากจีน" — ซึ่งก็สะท้อนว่าเทคโนโลยีบางอย่างกำลังถูกแปะป้าย “น่าเชื่อถือ/ไม่น่าเชื่อถือ” ด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเทคนิคจริง ๆ แล้วครับ ✅ แคนาดาสั่งให้ Hikvision หยุดดำเนินกิจการในประเทศทันที   • อ้างเหตุผลด้าน “ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ” • อิงตามกฎหมาย Investment Canada Act ✅ Hikvision คือผู้ผลิต CCTV รายใหญ่ที่สุดของโลก   • เข้ามาทำตลาดในแคนาดาตั้งแต่ปี 2014   • ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับโครงการรัฐจีน ✅ แคนาดาจะทยอยเลิกใช้ Hikvision ในอาคารราชการและภาครัฐ • พร้อมขอให้ประชาชน “พิจารณาอย่างรอบคอบ” หากจะใช้อุปกรณ์จากแบรนด์นี้ ✅ ประเทศอื่น ๆ เคยแบน Hikvision มาแล้ว เช่น:   • สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย   • โดยเฉพาะจากข้อกล่าวหาว่าอุปกรณ์ถูกใช้สอดแนมชาวอุยกูร์ในจีน (ซึ่งจีนปฏิเสธ) ✅ Hikvision แถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และขาดหลักฐานชัดเจน” https://www.techradar.com/pro/is-the-worlds-largest-cctv-surveillance-camera-vendor-going-to-be-the-next-huawei-canada-gov-bans-hikvision-amidst-security-fears
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยหอจดหมายเหตุอังกฤษ เปิดเอกสาร 'ฮุนเซน' โจมตีไทยมาตลอดกว่า 40 ปี
    https://www.thai-tai.tv/news/19976/
    .
    #ไทยกัมพูชา #ข้อพิพาทชายแดน #ประวัติศาสตร์ไทย #ฮุนเซน #พนมดงรัก #สหประชาชาติ #ICJ #สงครามเย็น #ภูมิรัฐศาสตร์ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เนิน537
    นักวิจัยหอจดหมายเหตุอังกฤษ เปิดเอกสาร 'ฮุนเซน' โจมตีไทยมาตลอดกว่า 40 ปี https://www.thai-tai.tv/news/19976/ . #ไทยกัมพูชา #ข้อพิพาทชายแดน #ประวัติศาสตร์ไทย #ฮุนเซน #พนมดงรัก #สหประชาชาติ #ICJ #สงครามเย็น #ภูมิรัฐศาสตร์ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เนิน537
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • ลองจินตนาการดูนะครับ — บริษัทเพิ่งสั่งพักงานพนักงานไอทีคนหนึ่งไป แต่ลืม “ตัดสิทธิ์เข้าถึงระบบ” ของเขาให้ทัน เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง พนักงานคนนั้นกลับมาออนไลน์... แล้วก็:

    เปลี่ยนรหัสผ่านระบบทุกอย่าง
    - ปั่นป่วนระบบ multi-factor authentication ให้ทีมงานเข้าไม่ได้
    - ทำให้กิจกรรมของพนักงานในอังกฤษ และลูกค้าในเยอรมนี–บาห์เรน ล่มยาวเป็นวัน

    เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับ Mohammed Umar Taj วัย 31 ปีในเมืองลีดส์ อังกฤษ ซึ่งถูกตั้งข้อหาในปี 2022 และเพิ่งถูกตัดสินจำคุก 7 เดือน 14 วันในปี 2025 นี้

    แค่วันเดียว “ระบบล่ม” ยังไม่แย่เท่า “ความเชื่อมั่นที่พังทลาย” เพราะลูกค้าก็เริ่มไม่มั่นใจในบริษัท และพนักงานเองก็ไม่สามารถเข้าทำงานได้ ต้องเสียเวลาฟื้นฟูระบบกันนาน

    นักสืบจากหน่วย cybercrime ยังเตือนว่า “องค์กรควรตัดสิทธิ์ของพนักงานทันทีเมื่อมีการเปลี่ยนสถานะงาน” เพราะแม้จะมีนโยบายแล้ว แต่ในความเป็นจริง ระบบบางอย่างก็ “ลบชื่อได้ช้า” หรือมีบัญชีที่ควบคุมยาก เช่น admin service หรือ credential ฝังอยู่ในสคริปต์ต่าง ๆ

    อดีตพนักงานไอทีในอังกฤษถูกตัดสินจำคุก 7 เดือน 14 วัน  
    • กรณีเข้าถึงระบบองค์กรอย่างผิดกฎหมายหลังถูกสั่งพักงาน  
    • เปลี่ยนรหัสผ่านและปั่นป่วนระบบ MFA ภายในไม่กี่ชั่วโมง

    ความเสียหายประเมินมูลค่ากว่า $200,000  
    • มาจากการล่มของระบบงาน  
    • ส่งผลต่อพนักงานภายใน + ลูกค้าต่างชาติ (เยอรมนี, บาห์เรน)

    ศาลเมืองลีดส์ตัดสินโทษภายใต้ข้อหาเจตนา “ขัดขวางการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์”

    ตำรวจแนะนำให้องค์กรทบทวนขั้นตอนการจัดการสิทธิ์เข้าระบบของพนักงานทันทีเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง

    พนักงานที่ยังมี access หลังถูกพักงานหรือให้ออก เป็นช่องโหว่อันตรายมาก  
    • โดยเฉพาะในฝ่าย IT, DevOps, หรือ admin ที่มีสิทธิ์สูง

    ระบบ MFA ที่ถูกปั่นป่วน อาจทำให้การกู้คืนระบบยากขึ้นหลายเท่า  
    • เพราะแม้มี backup แต่ไม่สามารถยืนยันตัวเพื่อเข้าไปฟื้นฟูได้

    พนักงานแค่คนเดียวสามารถสร้างความเสียหายระดับขัดขวางธุรกิจ-ทำลายความเชื่อมั่น

    หลายองค์กรยังไม่มีระบบ “access kill-switch” หรือไม่ได้ฝึกซ้อม incident response กรณี internal sabotage

    บัญชีที่ฝัง credentials ใน script หรือ service อัตโนมัติ มักไม่อยู่ภายใต้ระบบกำกับปกติ → เสี่ยงถูกใช้ย้อนกลับมาทำลาย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/rogue-it-worker-gets-seven-months-in-prison-over-usd200-000-digital-rampage-technician-changed-all-of-his-companys-passwords-after-getting-suspended
    ลองจินตนาการดูนะครับ — บริษัทเพิ่งสั่งพักงานพนักงานไอทีคนหนึ่งไป แต่ลืม “ตัดสิทธิ์เข้าถึงระบบ” ของเขาให้ทัน เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง พนักงานคนนั้นกลับมาออนไลน์... แล้วก็: เปลี่ยนรหัสผ่านระบบทุกอย่าง - ปั่นป่วนระบบ multi-factor authentication ให้ทีมงานเข้าไม่ได้ - ทำให้กิจกรรมของพนักงานในอังกฤษ และลูกค้าในเยอรมนี–บาห์เรน ล่มยาวเป็นวัน เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับ Mohammed Umar Taj วัย 31 ปีในเมืองลีดส์ อังกฤษ ซึ่งถูกตั้งข้อหาในปี 2022 และเพิ่งถูกตัดสินจำคุก 7 เดือน 14 วันในปี 2025 นี้ แค่วันเดียว “ระบบล่ม” ยังไม่แย่เท่า “ความเชื่อมั่นที่พังทลาย” เพราะลูกค้าก็เริ่มไม่มั่นใจในบริษัท และพนักงานเองก็ไม่สามารถเข้าทำงานได้ ต้องเสียเวลาฟื้นฟูระบบกันนาน นักสืบจากหน่วย cybercrime ยังเตือนว่า “องค์กรควรตัดสิทธิ์ของพนักงานทันทีเมื่อมีการเปลี่ยนสถานะงาน” เพราะแม้จะมีนโยบายแล้ว แต่ในความเป็นจริง ระบบบางอย่างก็ “ลบชื่อได้ช้า” หรือมีบัญชีที่ควบคุมยาก เช่น admin service หรือ credential ฝังอยู่ในสคริปต์ต่าง ๆ ✅ อดีตพนักงานไอทีในอังกฤษถูกตัดสินจำคุก 7 เดือน 14 วัน   • กรณีเข้าถึงระบบองค์กรอย่างผิดกฎหมายหลังถูกสั่งพักงาน   • เปลี่ยนรหัสผ่านและปั่นป่วนระบบ MFA ภายในไม่กี่ชั่วโมง ✅ ความเสียหายประเมินมูลค่ากว่า $200,000   • มาจากการล่มของระบบงาน   • ส่งผลต่อพนักงานภายใน + ลูกค้าต่างชาติ (เยอรมนี, บาห์เรน) ✅ ศาลเมืองลีดส์ตัดสินโทษภายใต้ข้อหาเจตนา “ขัดขวางการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์” ✅ ตำรวจแนะนำให้องค์กรทบทวนขั้นตอนการจัดการสิทธิ์เข้าระบบของพนักงานทันทีเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ‼️ พนักงานที่ยังมี access หลังถูกพักงานหรือให้ออก เป็นช่องโหว่อันตรายมาก   • โดยเฉพาะในฝ่าย IT, DevOps, หรือ admin ที่มีสิทธิ์สูง ‼️ ระบบ MFA ที่ถูกปั่นป่วน อาจทำให้การกู้คืนระบบยากขึ้นหลายเท่า   • เพราะแม้มี backup แต่ไม่สามารถยืนยันตัวเพื่อเข้าไปฟื้นฟูได้ ‼️ พนักงานแค่คนเดียวสามารถสร้างความเสียหายระดับขัดขวางธุรกิจ-ทำลายความเชื่อมั่น ‼️ หลายองค์กรยังไม่มีระบบ “access kill-switch” หรือไม่ได้ฝึกซ้อม incident response กรณี internal sabotage ‼️ บัญชีที่ฝัง credentials ใน script หรือ service อัตโนมัติ มักไม่อยู่ภายใต้ระบบกำกับปกติ → เสี่ยงถูกใช้ย้อนกลับมาทำลาย https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/rogue-it-worker-gets-seven-months-in-prison-over-usd200-000-digital-rampage-technician-changed-all-of-his-companys-passwords-after-getting-suspended
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • Carnegie Mellon (CMU) เป็นสถาบันระดับโลกด้าน Computer Science ที่ผลิตยอดฝีมือเข้าสู่วงการมาตลอด แต่ปีนี้อาจารย์ต้องนัด retreat กันกลางซัมเมอร์ — เพื่อ “ทบทวนหลักสูตรทั้งระบบ” หลัง Generative AI เข้ามาเขย่าทุกวิชา

    เพราะเดี๋ยวนี้ AI อย่าง Copilot, Claude หรือ Gemini สามารถ:
    - เขียนโค้ดแทนเด็กปี 1 ได้ทั้งยวง
    - ทำ code review, debug, อธิบาย flow ได้ในไม่กี่วินาที
    - ใช้ prompt ภาษาอังกฤษแทนภาษาคอมพิวเตอร์

    แต่ปัญหาคือ — “เด็กไม่เข้าใจว่ามันทำงานยังไง” → พอถึงเวลาที่โค้ดพัง หรือต้องทำของใหม่จากศูนย์ กลับไม่มีใครซ่อมเองได้!

    ดังนั้นหลายมหาวิทยาลัยเริ่มหาทางออก เช่น:
    - ลดการสอน syntax ภาษาโปรแกรม → ไปเน้น “ความคิดเชิงคอมพิวเตอร์” (computational thinking)
    - ปรับวิชาให้ข้ามศาสตร์ เช่น สร้างวิชาร่วมระหว่าง AI กับการตลาด, การแพทย์, การออกแบบ
    - สร้างความรู้ด้าน “AI literacy” — เพื่อให้เด็กรู้ว่าใช้ AI อย่างไรให้ถูกจรรยาบรรณ
    - เปิดโครงการระดับชาติ เช่น “Level Up AI” ของ US ที่เชิญวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศมาสร้างมาตรฐานร่วมกัน

    ข้อเท็จจริงที่น่าเจ็บปวดกว่าคือ... ตลาดแรงงานเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่า:
    - งานเขียนโค้ดระดับพื้นฐานเริ่มถูก AI แย่ง → คนจบใหม่ถูกปัดตกบ่อย
    - ต้องส่งใบสมัครมากกว่า 100–200 แห่งกว่าจะได้สัมภาษณ์
    - บริษัทเทคส่วนใหญ่หดการจ้างงานตั้งแต่ช่วง post-pandemic แล้ว

    นักศึกษาบางคนปรับตัวโดยต่อยอดตนเองให้เก่งข้ามศาสตร์ เช่น เรียน Political Science ควบกับ Cybersecurity เพื่อทำงานด้านความมั่นคง/ข่าวกรองได้ในอนาคต

    สุดท้ายอาจไม่ใช่ว่า “งานโปรแกรมเมอร์หายไป” แต่โลกต้องการ “คนที่ใช้ AI สร้างโค้ดได้โดยเข้าใจมันจริง ๆ” มากกว่า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/how-do-you-teach-computer-science-in-the-ai-era
    Carnegie Mellon (CMU) เป็นสถาบันระดับโลกด้าน Computer Science ที่ผลิตยอดฝีมือเข้าสู่วงการมาตลอด แต่ปีนี้อาจารย์ต้องนัด retreat กันกลางซัมเมอร์ — เพื่อ “ทบทวนหลักสูตรทั้งระบบ” หลัง Generative AI เข้ามาเขย่าทุกวิชา เพราะเดี๋ยวนี้ AI อย่าง Copilot, Claude หรือ Gemini สามารถ: - เขียนโค้ดแทนเด็กปี 1 ได้ทั้งยวง - ทำ code review, debug, อธิบาย flow ได้ในไม่กี่วินาที - ใช้ prompt ภาษาอังกฤษแทนภาษาคอมพิวเตอร์ แต่ปัญหาคือ — “เด็กไม่เข้าใจว่ามันทำงานยังไง” → พอถึงเวลาที่โค้ดพัง หรือต้องทำของใหม่จากศูนย์ กลับไม่มีใครซ่อมเองได้! ดังนั้นหลายมหาวิทยาลัยเริ่มหาทางออก เช่น: - ลดการสอน syntax ภาษาโปรแกรม → ไปเน้น “ความคิดเชิงคอมพิวเตอร์” (computational thinking) - ปรับวิชาให้ข้ามศาสตร์ เช่น สร้างวิชาร่วมระหว่าง AI กับการตลาด, การแพทย์, การออกแบบ - สร้างความรู้ด้าน “AI literacy” — เพื่อให้เด็กรู้ว่าใช้ AI อย่างไรให้ถูกจรรยาบรรณ - เปิดโครงการระดับชาติ เช่น “Level Up AI” ของ US ที่เชิญวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศมาสร้างมาตรฐานร่วมกัน ข้อเท็จจริงที่น่าเจ็บปวดกว่าคือ... ตลาดแรงงานเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่า: - งานเขียนโค้ดระดับพื้นฐานเริ่มถูก AI แย่ง → คนจบใหม่ถูกปัดตกบ่อย - ต้องส่งใบสมัครมากกว่า 100–200 แห่งกว่าจะได้สัมภาษณ์ - บริษัทเทคส่วนใหญ่หดการจ้างงานตั้งแต่ช่วง post-pandemic แล้ว นักศึกษาบางคนปรับตัวโดยต่อยอดตนเองให้เก่งข้ามศาสตร์ เช่น เรียน Political Science ควบกับ Cybersecurity เพื่อทำงานด้านความมั่นคง/ข่าวกรองได้ในอนาคต สุดท้ายอาจไม่ใช่ว่า “งานโปรแกรมเมอร์หายไป” แต่โลกต้องการ “คนที่ใช้ AI สร้างโค้ดได้โดยเข้าใจมันจริง ๆ” มากกว่า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/how-do-you-teach-computer-science-in-the-ai-era
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How do you teach computer science in the AI era?
    Universities across the United States are scrambling to understand the implications of generative AI's transformation of technology.
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • ใครเคยเหนื่อยกับการตามแผนโปรเจกต์ในทีม หรืออัปเดตสถานะหลายงานใน Planner วันละหลายรอบ...ข่าวนี้คือข่าวดีเลยครับ

    Microsoft เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์เด็ด 4 รายการให้ Planner ซึ่งมี 3 อย่างเป็นของ Project Manager Agent — ผู้ช่วยจัดการแผนงานที่ใช้ AI ช่วยคุณตั้งเป้าหมาย, แตกงานย่อย, และส่งการแจ้งเตือนความคืบหน้าแบบ real-time

    จากเดิม Project Manager Agent แจ้งเตือนแค่ใน Teams — ตอนนี้ขยายมาสู่ อีเมลแล้วด้วย เพิ่มฟีเจอร์ สรุปรายงานสถานะงานอัตโนมัติ (status report) — บอก progress, risk, next step ให้พร้อม รองรับ มากกว่า 40 ภาษา เทียบเท่า Copilot 365 แล้ว (ยกเว้นอาหรับ/ฮิบรูซึ่งกำลังจะตามมา)

    และที่หลายคนรอคอยคือ… Planner แบบพื้นฐานตอนนี้สามารถ แก้ไขหลาย Task พร้อมกันได้แล้ว! แค่ไปที่ Grid view แล้วลากเลือกงานที่ต้องการ กด Ctrl + ลูกศรขึ้น/ลง เพื่อปรับข้อมูลได้ในครั้งเดียว — จะเปลี่ยนชื่อ, วันเริ่มต้น, วันสิ้นสุด, ความสำคัญ, ผู้รับผิดชอบ ก็ทำพร้อมกันได้เลย!

    Project Manager Agent แจ้งเตือนผ่านอีเมล  
    • จากเดิมแจ้งใน Teams อย่างเดียว → ขยายสู่ email  
    • สะดวกสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ใน Teams ตลอดเวลา

    สามารถสรุปรายงานสถานะแผนอัตโนมัติ (Status Report)  
    • รายงาน progress, milestones, risk, next step  
    • ตอนนี้เปิดใช้งานใน Public Preview สำหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษก่อน

    รองรับการใช้งานมากกว่า 40 ภาษา  
    • เหมือนกับ Copilot 365  
    • ยกเว้นภาษาอาหรับและฮิบรูที่จะตามมาในสัปดาห์นี้

    สามารถแก้ไขหลาย Task พร้อมกัน (Bulk Editing)  
    • ทำใน Grid View ได้  
    • เลือกหลายแถวแล้วใช้ Ctrl + Up/Down แก้ไขแบบกลุ่ม  
    • ปรับ status, priority, due/start date, assignee ได้รวดเร็ว

    Microsoft เตรียมย้ายผู้ใช้งานทั้งหมดจาก Project for the web ไปยัง Planner เริ่ม 1 ส.ค. นี้

    https://www.neowin.net/news/microsoft-planner-gets-bulk-editing-feature-and-three-improvements-for-project-manager-agent/
    ใครเคยเหนื่อยกับการตามแผนโปรเจกต์ในทีม หรืออัปเดตสถานะหลายงานใน Planner วันละหลายรอบ...ข่าวนี้คือข่าวดีเลยครับ Microsoft เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์เด็ด 4 รายการให้ Planner ซึ่งมี 3 อย่างเป็นของ Project Manager Agent — ผู้ช่วยจัดการแผนงานที่ใช้ AI ช่วยคุณตั้งเป้าหมาย, แตกงานย่อย, และส่งการแจ้งเตือนความคืบหน้าแบบ real-time 📨 จากเดิม Project Manager Agent แจ้งเตือนแค่ใน Teams — ตอนนี้ขยายมาสู่ อีเมลแล้วด้วย 📊 เพิ่มฟีเจอร์ สรุปรายงานสถานะงานอัตโนมัติ (status report) — บอก progress, risk, next step ให้พร้อม 🌍 รองรับ มากกว่า 40 ภาษา เทียบเท่า Copilot 365 แล้ว (ยกเว้นอาหรับ/ฮิบรูซึ่งกำลังจะตามมา) และที่หลายคนรอคอยคือ… Planner แบบพื้นฐานตอนนี้สามารถ แก้ไขหลาย Task พร้อมกันได้แล้ว! แค่ไปที่ Grid view แล้วลากเลือกงานที่ต้องการ กด Ctrl + ลูกศรขึ้น/ลง เพื่อปรับข้อมูลได้ในครั้งเดียว — จะเปลี่ยนชื่อ, วันเริ่มต้น, วันสิ้นสุด, ความสำคัญ, ผู้รับผิดชอบ ก็ทำพร้อมกันได้เลย! ✅ Project Manager Agent แจ้งเตือนผ่านอีเมล   • จากเดิมแจ้งใน Teams อย่างเดียว → ขยายสู่ email   • สะดวกสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ใน Teams ตลอดเวลา ✅ สามารถสรุปรายงานสถานะแผนอัตโนมัติ (Status Report)   • รายงาน progress, milestones, risk, next step   • ตอนนี้เปิดใช้งานใน Public Preview สำหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษก่อน ✅ รองรับการใช้งานมากกว่า 40 ภาษา   • เหมือนกับ Copilot 365   • ยกเว้นภาษาอาหรับและฮิบรูที่จะตามมาในสัปดาห์นี้ ✅ สามารถแก้ไขหลาย Task พร้อมกัน (Bulk Editing)   • ทำใน Grid View ได้   • เลือกหลายแถวแล้วใช้ Ctrl + Up/Down แก้ไขแบบกลุ่ม   • ปรับ status, priority, due/start date, assignee ได้รวดเร็ว ✅ Microsoft เตรียมย้ายผู้ใช้งานทั้งหมดจาก Project for the web ไปยัง Planner เริ่ม 1 ส.ค. นี้ https://www.neowin.net/news/microsoft-planner-gets-bulk-editing-feature-and-three-improvements-for-project-manager-agent/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Planner gets bulk editing feature and three improvements for Project Manager agent
    Microsoft has announced four new updates for Microsoft Planner. One of the changes is a bulk editing feature while the rest improve the Project Manager agent.
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • ทัวร์สิงคโปร์ สายบอลห้ามพลาด!!
    ชมแมตช์ ARSENAL NEWCASTLE UNITED พร้อมเที่ยวครบทุกไฮไลท์สุดปัง

    เดินทาง 26 - 28 ก.ค. 68
    บินตรง Thai Lion Air (SL)
    ราคาเพียง 21,999.-

    Garden by the Bay ชมสวนพฤกษศาสตร์ระดับโลก
    ช้อปฟินที่ Orchard Road แหล่งรวมแบรนด์เนม
    ชิม Song Fa Bak Kut Teh ต้นตำรับความอร่อยกว่า 50 ปี
    ชมโชว์ Wonder Full Light ณ Marina Bay Sands
    ตั๋วบอลรวมในแพ็ก! ที่นั่ง Zone Silver ชมแมตช์มันส์ติดขอบสนาม
    แชะกับ Merlion สัญลักษณ์สิงคโปร์
    สักการะวัดพระเขี้ยวแก้ว
    ชม The Jewel @ Changi สนามบินที่สวยที่สุดในโลก

    เที่ยวครบ กินดี ดูบอลมันส์ คุ้มแบบนี้ ห้ามพลาด!

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eebd1f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์สิงคโปร์ #ดูบอลอังกฤษที่สิงคโปร์ #Arsenal #Newcastle #ไลอ้อนแอร์ #เที่ยวครบจบในทริปเดียว #SongFaBakKutTeh
    🦁🇸🇬 ทัวร์สิงคโปร์ สายบอลห้ามพลาด!! ชมแมตช์ ARSENAL ⚔️ NEWCASTLE UNITED พร้อมเที่ยวครบทุกไฮไลท์สุดปัง 📆 เดินทาง 26 - 28 ก.ค. 68 ✈️ บินตรง Thai Lion Air (SL) 💰 ราคาเพียง 21,999.- 🌳 Garden by the Bay ชมสวนพฤกษศาสตร์ระดับโลก 🛍️ ช้อปฟินที่ Orchard Road แหล่งรวมแบรนด์เนม 🍲 ชิม Song Fa Bak Kut Teh ต้นตำรับความอร่อยกว่า 50 ปี 🏙️ ชมโชว์ Wonder Full Light ณ Marina Bay Sands ⚽ ตั๋วบอลรวมในแพ็ก! ที่นั่ง Zone Silver ชมแมตช์มันส์ติดขอบสนาม 🦁 แชะกับ Merlion สัญลักษณ์สิงคโปร์ 🛕 สักการะวัดพระเขี้ยวแก้ว 🌈 ชม The Jewel @ Changi สนามบินที่สวยที่สุดในโลก 📸 เที่ยวครบ กินดี ดูบอลมันส์ คุ้มแบบนี้ ห้ามพลาด! ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eebd1f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์สิงคโปร์ #ดูบอลอังกฤษที่สิงคโปร์ #Arsenal #Newcastle #ไลอ้อนแอร์ #เที่ยวครบจบในทริปเดียว #SongFaBakKutTeh
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • ทัวร์สิงคโปร์ สายบอลห้ามพลาด!!
    ชมแมตช์ ARSENAL NEWCASTLE UNITED พร้อมเที่ยวครบทุกไฮไลท์สุดปัง

    เดินทาง 26 - 28 ก.ค. 68
    บินตรง Thai Lion Air (SL)
    ราคาเพียง 21,999.-

    Garden by the Bay ชมสวนพฤกษศาสตร์ระดับโลก
    ช้อปฟินที่ Orchard Road แหล่งรวมแบรนด์เนม
    ชิม Song Fa Bak Kut Teh ต้นตำรับความอร่อยกว่า 50 ปี
    ชมโชว์ Wonder Full Light ณ Marina Bay Sands
    ตั๋วบอลรวมในแพ็ก! ที่นั่ง Zone Silver ชมแมตช์มันส์ติดขอบสนาม
    แชะกับ Merlion สัญลักษณ์สิงคโปร์
    สักการะวัดพระเขี้ยวแก้ว
    ชม The Jewel @ Changi สนามบินที่สวยที่สุดในโลก

    เที่ยวครบ กินดี ดูบอลมันส์ คุ้มแบบนี้ ห้ามพลาด!

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eebd1f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์สิงคโปร์ #ดูบอลอังกฤษที่สิงคโปร์ #Arsenal #Newcastle #ไลอ้อนแอร์ #เที่ยวครบจบในทริปเดียว #SongFaBakKutTeh #JewelChangi #WonderFullShow #ETRAVELWAY
    🦁🇸🇬 ทัวร์สิงคโปร์ สายบอลห้ามพลาด!! ชมแมตช์ ARSENAL ⚔️ NEWCASTLE UNITED พร้อมเที่ยวครบทุกไฮไลท์สุดปัง 📆 เดินทาง 26 - 28 ก.ค. 68 ✈️ บินตรง Thai Lion Air (SL) 💰 ราคาเพียง 21,999.- 🌳 Garden by the Bay ชมสวนพฤกษศาสตร์ระดับโลก 🛍️ ช้อปฟินที่ Orchard Road แหล่งรวมแบรนด์เนม 🍲 ชิม Song Fa Bak Kut Teh ต้นตำรับความอร่อยกว่า 50 ปี 🏙️ ชมโชว์ Wonder Full Light ณ Marina Bay Sands ⚽ ตั๋วบอลรวมในแพ็ก! ที่นั่ง Zone Silver ชมแมตช์มันส์ติดขอบสนาม 🦁 แชะกับ Merlion สัญลักษณ์สิงคโปร์ 🛕 สักการะวัดพระเขี้ยวแก้ว 🌈 ชม The Jewel @ Changi สนามบินที่สวยที่สุดในโลก 📸 เที่ยวครบ กินดี ดูบอลมันส์ คุ้มแบบนี้ ห้ามพลาด! ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eebd1f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์สิงคโปร์ #ดูบอลอังกฤษที่สิงคโปร์ #Arsenal #Newcastle #ไลอ้อนแอร์ #เที่ยวครบจบในทริปเดียว #SongFaBakKutTeh #JewelChangi #WonderFullShow #ETRAVELWAY
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • สมัยก่อนเวลาเราพูดถึงอินเทอร์เน็ตในหมู่เกาะห่างไกล เช่น ตูวาลู (Tuvalu) — ประเทศเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรแปซิฟิก — ก็คงคิดถึงเน็ตช้าหรือไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะ Starlink เข้ามาให้บริการในประเทศนี้ และเปิดให้ใช้งานบน IPv6 “เต็มรูปแบบ”

    แค่ไม่กี่เดือนหลัง Starlink เข้ามา ส่วนแบ่ง IPv6 ของตูวาลูพุ่งจาก 0% เป็น 59% — กลายเป็นหนึ่งใน 21 ประเทศที่ “ใช้ IPv6 มากกว่า 50% ของการเชื่อมต่อทั้งหมด” ทันที!

    ประเทศอื่นที่เพิ่งเข้าสู่ “Majority IPv6 Club” ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ บราซิล, เม็กซิโก, กัวเตมาลา, ศรีลังกา, ฮังการี, ญี่ปุ่น, เปอร์โตริโก ฯลฯ

    จำนวนประเทศที่มีการใช้งาน IPv6 เกิน 50% เพิ่มจาก 13 → 21 ประเทศในรอบ 1 ปี  
    • ข้อมูลจาก Akamai, APNIC, Google และ Meta

    ประเทศที่ใช้งาน IPv6 มากที่สุดในโลกขณะนี้ ได้แก่:  
    • อินเดีย (73%)  
    • ฝรั่งเศส (73%)

    Starlink ของ SpaceX เป็นผู้เล่นหลักที่เร่งการเปลี่ยนผ่านไปใช้ IPv6  
    • เครือข่ายของ Starlink “ออกแบบให้รองรับ IPv6 ตั้งแต่ต้น”  
    • ช่วยให้ประเทศขนาดเล็กหรือห่างไกล “ข้ามขั้น” โครงสร้างเก่าไปใช้ระบบใหม่ทันที

    IPv6 แก้ข้อจำกัดของ IPv4 ที่มีแค่ 4.3 พันล้านหมายเลข IP  
    • IPv6 มีหมายเลขได้ถึง 340 undecillion (340 ล้านล้านล้านล้าน)  
    • เพียงพอต่อยุคอุปกรณ์ IoT, รถยนต์อัจฉริยะ, บ้านอัจฉริยะ

    ข้อดีอื่นของ IPv6 เช่น:  
    • ไม่ต้อง NAT → เชื่อมอุปกรณ์ได้แบบ end-to-end  
    • ปรับ routing ให้เร็วขึ้น  • รองรับการเข้ารหัส IPsec เป็นมาตรฐาน

    ประเทศอื่นที่กำลังเข้าใกล้ 50% เช่น ไทย, อังกฤษ และเอสโตเนีย

    บางประเทศที่เคยใช้ IPv6 เกิน 50% มีอัตราการลดลงชั่วคราว  
    • เช่น ญี่ปุ่นและเปอร์โตริโก เคยหลุดจากกลุ่มนี้ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่  
    • อาจเกิดจากการขยายเครือข่ายเดิมที่ยังใช้ IPv4 อยู่

    องค์กรหรือผู้ให้บริการที่ยังไม่อัปเกรดระบบ → เสี่ยงถูกตัดขาดจากเครือข่ายที่ใช้ IPv6-only  
    • โดยเฉพาะระบบ IoT, cloud หรือ edge computing

    การใช้ IPv6 ยังต้องอาศัยการอัปเดต DNS, firewall, VPN และระบบความปลอดภัยให้รองรับ format ใหม่
    • ไม่ใช่แค่เปลี่ยน router อย่างเดียว

    การก้าวเข้าสู่ยุค IPv6 ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยเสมอไป  
    • เพราะการเข้ารหัสและ config ก็ต้องทำอย่างถูกต้อง มิฉะนั้นอาจเกิดช่องโหว่ใหม่ได้

    https://www.techspot.com/news/108490-ipv6-reaches-majority-use-21-countries-starlink-other.html
    สมัยก่อนเวลาเราพูดถึงอินเทอร์เน็ตในหมู่เกาะห่างไกล เช่น ตูวาลู (Tuvalu) — ประเทศเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรแปซิฟิก — ก็คงคิดถึงเน็ตช้าหรือไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะ Starlink เข้ามาให้บริการในประเทศนี้ และเปิดให้ใช้งานบน IPv6 “เต็มรูปแบบ” แค่ไม่กี่เดือนหลัง Starlink เข้ามา ส่วนแบ่ง IPv6 ของตูวาลูพุ่งจาก 0% เป็น 59% — กลายเป็นหนึ่งใน 21 ประเทศที่ “ใช้ IPv6 มากกว่า 50% ของการเชื่อมต่อทั้งหมด” ทันที! ประเทศอื่นที่เพิ่งเข้าสู่ “Majority IPv6 Club” ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ บราซิล, เม็กซิโก, กัวเตมาลา, ศรีลังกา, ฮังการี, ญี่ปุ่น, เปอร์โตริโก ฯลฯ ✅ จำนวนประเทศที่มีการใช้งาน IPv6 เกิน 50% เพิ่มจาก 13 → 21 ประเทศในรอบ 1 ปี   • ข้อมูลจาก Akamai, APNIC, Google และ Meta ✅ ประเทศที่ใช้งาน IPv6 มากที่สุดในโลกขณะนี้ ได้แก่:   • อินเดีย (73%)   • ฝรั่งเศส (73%) ✅ Starlink ของ SpaceX เป็นผู้เล่นหลักที่เร่งการเปลี่ยนผ่านไปใช้ IPv6   • เครือข่ายของ Starlink “ออกแบบให้รองรับ IPv6 ตั้งแต่ต้น”   • ช่วยให้ประเทศขนาดเล็กหรือห่างไกล “ข้ามขั้น” โครงสร้างเก่าไปใช้ระบบใหม่ทันที ✅ IPv6 แก้ข้อจำกัดของ IPv4 ที่มีแค่ 4.3 พันล้านหมายเลข IP   • IPv6 มีหมายเลขได้ถึง 340 undecillion (340 ล้านล้านล้านล้าน)   • เพียงพอต่อยุคอุปกรณ์ IoT, รถยนต์อัจฉริยะ, บ้านอัจฉริยะ ✅ ข้อดีอื่นของ IPv6 เช่น:   • ไม่ต้อง NAT → เชื่อมอุปกรณ์ได้แบบ end-to-end   • ปรับ routing ให้เร็วขึ้น  • รองรับการเข้ารหัส IPsec เป็นมาตรฐาน ✅ ประเทศอื่นที่กำลังเข้าใกล้ 50% เช่น ไทย, อังกฤษ และเอสโตเนีย ‼️ บางประเทศที่เคยใช้ IPv6 เกิน 50% มีอัตราการลดลงชั่วคราว   • เช่น ญี่ปุ่นและเปอร์โตริโก เคยหลุดจากกลุ่มนี้ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่   • อาจเกิดจากการขยายเครือข่ายเดิมที่ยังใช้ IPv4 อยู่ ‼️ องค์กรหรือผู้ให้บริการที่ยังไม่อัปเกรดระบบ → เสี่ยงถูกตัดขาดจากเครือข่ายที่ใช้ IPv6-only   • โดยเฉพาะระบบ IoT, cloud หรือ edge computing ‼️ การใช้ IPv6 ยังต้องอาศัยการอัปเดต DNS, firewall, VPN และระบบความปลอดภัยให้รองรับ format ใหม่ • ไม่ใช่แค่เปลี่ยน router อย่างเดียว ‼️ การก้าวเข้าสู่ยุค IPv6 ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยเสมอไป   • เพราะการเข้ารหัสและ config ก็ต้องทำอย่างถูกต้อง มิฉะนั้นอาจเกิดช่องโหว่ใหม่ได้ https://www.techspot.com/news/108490-ipv6-reaches-majority-use-21-countries-starlink-other.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    IPv6 reaches majority use in 21 countries as Starlink and other providers modernize global connectivity
    The most dramatic transformation has occurred in Tuvalu, a Pacific island nation with a population under 10,000. Until early 2025, Tuvalu had virtually no IPv6 presence. That...
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • หน้าที่หลักของนายกรัฐมนตรี (Prime Minister) ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล ตามระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา (เช่น ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น) มีดังนี้:

    1. **เป็นหัวหน้ารัฐบาล:**
    * เป็นผู้บัญชาการสูงสุดในการบริหารราชการแผ่นดิน
    * กำหนดนโยบายของคณะรัฐมนตรี (Cabinet) และรับผิดชอบต่อการดำเนินนโยบายนั้น
    * คุมทิศทางและประสานงานการทำงานของกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ

    2. **คัดเลือกและจัดตั้งคณะรัฐมนตรี:**
    * เป็นผู้เสนอชื่อบุคคลเพื่อพระมหากษัตริย์ (ในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ) หรือประมุขแห่งรัฐ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี
    * มีอำนาจปรับเปลี่ยน (reshuffle) คณะรัฐมนตรี โดยการแต่งตั้งหรือถอดถอนรัฐมนตรี

    3. **เป็นผู้นำในรัฐสภา:**
    * แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา
    * ตอบคำถามและชี้แจงนโยบายในการอภิปรายทั่วไปในรัฐสภา (เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ)
    * เสนอร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาลต่อรัฐสภา

    4. **เป็นโฆษกหลักของรัฐบาล:**
    * ชี้แจงนโยบายและสถานการณ์สำคัญของประเทศต่อสาธารณชน
    * เป็นตัวแทนของรัฐบาลในการแถลงข่าวหรือสื่อสารในประเด็นเร่งด่วนหรือสำคัญระดับชาติ

    5. **เป็นผู้แทนประเทศในเวทีระหว่างประเทศ:**
    * เป็นตัวแทนสูงสุดของรัฐบาลในการเยือนต่างประเทศและต้อนรับผู้นำต่างประเทศ
    * เข้าร่วมการประชุมสุดยอดระหว่างประเทศ (เช่น การประชุมอาเซียน สหประชาชาติ G20)

    6. **เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี:**
    * เรียกประชุมและเป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี
    * นำเสนอวาระการประชุมและชี้ขาดในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีความเห็นไม่ตรงกัน

    7. **รับผิดชอบต่อความมั่นคงของชาติ:**
    * เป็นประธานในคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง (เช่น คณะกรรมการนโยบายต่างประเทศ คณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ - ในบางประเทศ)
    * เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพในยามสงบ (ในบางประเทศ เช่น อังกฤษ) หรือประสานงานกับฝ่ายทหาร (ในประเทศที่ประมุขแห่งรัฐเป็นผู้บัญชาการสูงสุด เช่น ไทย)

    8. **การใช้อำนาจตามกฎหมาย:**
    * ลงนามในพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง และเอกสารราชการสำคัญต่างๆ ร่วมกับรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ
    * ใช้อำนาจอื่นๆ ตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนด

    9. **การแก้ไขวิกฤต:**
    * เป็นผู้มีบทบาทสำคัญและเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจและแก้ไขวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง หรือภัยธรรมชาติ

    10. **การรับผิดชอบทางการเมือง:**
    * ต้องรับผิดชอบทางการเมืองต่อรัฐสภาและประชาชน หากรัฐบาลบริหารงานผิดพลาดหรือนโยบายล้มเหลว นายกรัฐมนตรีมักจะเป็นผู้ที่ต้องลาออกหรือถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนใคร

    **หมายเหตุ:**
    * รายละเอียดหน้าที่และอำนาจอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและประเพณีทางการเมืองของประเทศนั้นๆ
    * ในประเทศไทย หน้าที่และอำนาจของนายกรัฐมนตรีกำหนดไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2560) โดยเฉพาะในมาตรา 171, 172, 173 และหมวด 6 ว่าด้วยคณะรัฐมนตรี
    * นายกรัฐมนตรีต้องดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในประเทศไทย

    สรุปได้ว่า นายกรัฐมนตรีมีบทบาทสำคัญที่สุดในฝ่ายบริหาร ในการกำหนดทิศทางประเทศ นำการบริหารราชการแผ่นดิน และเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจเรื่องสำคัญต่างๆ ของชาติ
    หน้าที่หลักของนายกรัฐมนตรี (Prime Minister) ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล ตามระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา (เช่น ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น) มีดังนี้: 1. **เป็นหัวหน้ารัฐบาล:** * เป็นผู้บัญชาการสูงสุดในการบริหารราชการแผ่นดิน * กำหนดนโยบายของคณะรัฐมนตรี (Cabinet) และรับผิดชอบต่อการดำเนินนโยบายนั้น * คุมทิศทางและประสานงานการทำงานของกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ 2. **คัดเลือกและจัดตั้งคณะรัฐมนตรี:** * เป็นผู้เสนอชื่อบุคคลเพื่อพระมหากษัตริย์ (ในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ) หรือประมุขแห่งรัฐ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี * มีอำนาจปรับเปลี่ยน (reshuffle) คณะรัฐมนตรี โดยการแต่งตั้งหรือถอดถอนรัฐมนตรี 3. **เป็นผู้นำในรัฐสภา:** * แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา * ตอบคำถามและชี้แจงนโยบายในการอภิปรายทั่วไปในรัฐสภา (เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ) * เสนอร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาลต่อรัฐสภา 4. **เป็นโฆษกหลักของรัฐบาล:** * ชี้แจงนโยบายและสถานการณ์สำคัญของประเทศต่อสาธารณชน * เป็นตัวแทนของรัฐบาลในการแถลงข่าวหรือสื่อสารในประเด็นเร่งด่วนหรือสำคัญระดับชาติ 5. **เป็นผู้แทนประเทศในเวทีระหว่างประเทศ:** * เป็นตัวแทนสูงสุดของรัฐบาลในการเยือนต่างประเทศและต้อนรับผู้นำต่างประเทศ * เข้าร่วมการประชุมสุดยอดระหว่างประเทศ (เช่น การประชุมอาเซียน สหประชาชาติ G20) 6. **เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี:** * เรียกประชุมและเป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี * นำเสนอวาระการประชุมและชี้ขาดในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีความเห็นไม่ตรงกัน 7. **รับผิดชอบต่อความมั่นคงของชาติ:** * เป็นประธานในคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง (เช่น คณะกรรมการนโยบายต่างประเทศ คณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ - ในบางประเทศ) * เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพในยามสงบ (ในบางประเทศ เช่น อังกฤษ) หรือประสานงานกับฝ่ายทหาร (ในประเทศที่ประมุขแห่งรัฐเป็นผู้บัญชาการสูงสุด เช่น ไทย) 8. **การใช้อำนาจตามกฎหมาย:** * ลงนามในพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง และเอกสารราชการสำคัญต่างๆ ร่วมกับรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ * ใช้อำนาจอื่นๆ ตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนด 9. **การแก้ไขวิกฤต:** * เป็นผู้มีบทบาทสำคัญและเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจและแก้ไขวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง หรือภัยธรรมชาติ 10. **การรับผิดชอบทางการเมือง:** * ต้องรับผิดชอบทางการเมืองต่อรัฐสภาและประชาชน หากรัฐบาลบริหารงานผิดพลาดหรือนโยบายล้มเหลว นายกรัฐมนตรีมักจะเป็นผู้ที่ต้องลาออกหรือถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนใคร **หมายเหตุ:** * รายละเอียดหน้าที่และอำนาจอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและประเพณีทางการเมืองของประเทศนั้นๆ * ในประเทศไทย หน้าที่และอำนาจของนายกรัฐมนตรีกำหนดไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2560) โดยเฉพาะในมาตรา 171, 172, 173 และหมวด 6 ว่าด้วยคณะรัฐมนตรี * นายกรัฐมนตรีต้องดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในประเทศไทย สรุปได้ว่า นายกรัฐมนตรีมีบทบาทสำคัญที่สุดในฝ่ายบริหาร ในการกำหนดทิศทางประเทศ นำการบริหารราชการแผ่นดิน และเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจเรื่องสำคัญต่างๆ ของชาติ
    0 Comments 0 Shares 253 Views 0 Reviews
  • **แมวป่าเซอลี่ สินสอดที่มอบให้เสี่ยวเฉียว**

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูซี่รีส์เรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าตั้งแต่ต้นเรื่องมีการกล่าวถึงสินสอดที่หลิวเหยี่ยนนำมามอบให้นางเอกว่าใช้เพียงพอนมาแทนแมวป่า และเชื่อว่าหลายท่านอาจเกิดความ ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ว่าจริงๆ แล้วมันมีความหมายอย่างไร

    จริงๆ แล้วรายการสินสอดผันแปรไปตามยุคสมัย นอกจากจะปฏิบัติตามธรรมเนียมโบราณแล้ว ในบางยุคสมัยยังมีกฎหมายกำหนด เช่นในสมัยถังเริ่มมีบทกฎหมายระบุเกณฑ์ขั้นสูงสุดของสินสอดสำหรับชาวบ้านทั่วไป ทั้งนี้เพื่อจำกัดพฤติกรรมการซื้อสะใภ้หรือขายลูกสาว

    <ปรปักษ์จำนน> เป็นยุคสมัยในจินตนาการแต่ดูองค์ประกอบคล้ายคลึงตอนปลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (แถวๆ ช่วงปีค.ศ. 180-220) ซึ่งพิธีการและธรรมเนียมส่วนใหญ่สืบทอดมาจากราชวงศ์ก่อนๆ

    หากเราดูตามบันทึกพิธีการหลี่จี้จะพบว่าสินสอดสำหรับขุนนางในสมัยก่อนราชวงศ์ฮั่นนั้น ประกอบด้วยผ้าสีดำแดงห้าพับและหนังกวางเต็มตัวสองผืน ฟังดูไม่มากแต่ล้วนสะท้อนความนัย โดยสีดำแดงสะท้อนหยินหยางและฟ้าดินคู่กัน ผ้าผืนห้าพับจับปลายชนกันแสดงถึงห้าธาตุห้าวง และหนังกวางเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของชาย ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติชาวบ้านทั่วไปอาจใช้ห่านป่ามาทดแทนหนังกวางที่หายากและแพง

    ต่อมาในสมัยฮั่น รายการสินสอดถูกเพิ่มขึ้นเป็นสามสิบรายการโดยให้ความสำคัญกับทองคำ ทั้งนี้ รายการอื่นประกอบด้วยสัตว์ (ซึ่งอาจแตกออกมาเป็นสัตว์สี่เท้าและสัตว์สองเท้า) ผ้าไหมหรือผ้าผืน สุรา และธัญพืชหลากชนิด ซึ่งอาจไม่ได้มีมูลค่าสูงนักแต่เน้นที่ความหมายมงคลและความตั้งใจในการคัดสรร

    แมวป่าที่พูดถึงใน ซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> นี้คือสัตว์สี่เท้าที่ถูกนำมาใช้เป็น ‘สัตว์หมั้นหมาย’ ((聘兽/พิ่นโซ่ว) ซึ่งในบริบทของสินสอดมันเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์หรือความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของฝ่ายชายนั่นเอง (อนึ่ง หากใช้สัตว์สี่เท้าชนิดอื่นก็อาจมีความหมายอื่น)

    แมวป่าดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ‘เซอลี่’ (หรือ Lynx ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นสัตว์นักล่าชนิดหนึ่งในตระกูลแมว มีขนาดเล็กกว่าเสือแต่ใหญ่กว่าแมว ลายจุดหางสั้น ลำตัวยาวประมาณ 0.8-1.3 เมตรเมื่อโตเต็มที่ โดยมีเอกลักษณ์คือหูที่เรียวและมีขนสีดำยาวงอนขึ้น (ดูรูปประกอบ) ปัจจุบันมีอยู่สี่สายพันธ์ด้วยกันโดยที่พบเห็นในจีนถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Eurasian Lynx และเป็นหนึ่งในสัตว์สงวน

    เท่าที่ Storyฯ ทำการบ้านมา ยังไม่เห็นความหมายเชิงมงคลเป็นพิเศษของแมวป่าเซอลี่ แต่มันถูกยกย่องให้เป็นเจ้าแห่งภูเขาด้วยความว่องไวของมันทั้งบนพื้นและบนต้นไม้ มีอีกชื่อเรียกว่า ‘โบยบินเหนือหญ้า’ (草上飞/เฉ่าซ่างเฟย) และคนที่มีฐานะอันจะกินในสมัยโบราณนิยมใช้เซอลี่เป็นตัวช่วยในการล่าสัตว์ โดยเฉพาะในสมัยถัง จัดเป็นสัตว์ที่มีค่าหายากชนิดหนึ่ง

    และด้วยความที่แมวป่าเซอลี่เป็นสัตว์ที่ว่องไวล่าได้ยาก มันจึงถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> เป็นสัตว์หมั้นหมายที่แสดงถึงความตั้งใจอย่างยิ่งยวดของฝ่ายชาย โดยพระเอกตั้งใจออกไปล่ามาด้วยตนเองเพื่อใช้เป็นสินสอด ในขณะที่หลิวเหยี่ยนใช้เพียงพอนมาเป็นตัวแทน นอกจากนี้ รายการสินสอดอื่นที่หลิวเหยี่ยนมอบให้นางเอกนั้นยังตกๆ หล่นๆ ไม่ว่าจะจำนวนรายการที่ไม่มากและผ้าผืนที่มีเพียงผ้าสีดำ (ไม่ใช่สีดำแดงตามพิธีการโบราณ) สะท้อนถึงความไม่ใส่ใจของหลิวเหยี่ยนซึ่งนางเอกก็รู้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.upmedia.mg/news_info.php?Type=196&SerialNo=230176 https://www.sohu.com/a/571225018_121392910
    https://www.toutiao.com/article/7327926416916775465/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_10502786
    https://www.163.com/dy/article/HTQM9DMC0552XHZR.html
    https://culture.ycwb.com/2020-05/02/content_796281.htm
    https://www.napaidd.com/news/c6036/d93278

    #ปรปักษ์จำนน #สินสอดจีนโบราณ #แมวป่า #เซอลี่ #สาระจีน
    **แมวป่าเซอลี่ สินสอดที่มอบให้เสี่ยวเฉียว** สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูซี่รีส์เรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าตั้งแต่ต้นเรื่องมีการกล่าวถึงสินสอดที่หลิวเหยี่ยนนำมามอบให้นางเอกว่าใช้เพียงพอนมาแทนแมวป่า และเชื่อว่าหลายท่านอาจเกิดความ ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ว่าจริงๆ แล้วมันมีความหมายอย่างไร จริงๆ แล้วรายการสินสอดผันแปรไปตามยุคสมัย นอกจากจะปฏิบัติตามธรรมเนียมโบราณแล้ว ในบางยุคสมัยยังมีกฎหมายกำหนด เช่นในสมัยถังเริ่มมีบทกฎหมายระบุเกณฑ์ขั้นสูงสุดของสินสอดสำหรับชาวบ้านทั่วไป ทั้งนี้เพื่อจำกัดพฤติกรรมการซื้อสะใภ้หรือขายลูกสาว <ปรปักษ์จำนน> เป็นยุคสมัยในจินตนาการแต่ดูองค์ประกอบคล้ายคลึงตอนปลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (แถวๆ ช่วงปีค.ศ. 180-220) ซึ่งพิธีการและธรรมเนียมส่วนใหญ่สืบทอดมาจากราชวงศ์ก่อนๆ หากเราดูตามบันทึกพิธีการหลี่จี้จะพบว่าสินสอดสำหรับขุนนางในสมัยก่อนราชวงศ์ฮั่นนั้น ประกอบด้วยผ้าสีดำแดงห้าพับและหนังกวางเต็มตัวสองผืน ฟังดูไม่มากแต่ล้วนสะท้อนความนัย โดยสีดำแดงสะท้อนหยินหยางและฟ้าดินคู่กัน ผ้าผืนห้าพับจับปลายชนกันแสดงถึงห้าธาตุห้าวง และหนังกวางเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของชาย ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติชาวบ้านทั่วไปอาจใช้ห่านป่ามาทดแทนหนังกวางที่หายากและแพง ต่อมาในสมัยฮั่น รายการสินสอดถูกเพิ่มขึ้นเป็นสามสิบรายการโดยให้ความสำคัญกับทองคำ ทั้งนี้ รายการอื่นประกอบด้วยสัตว์ (ซึ่งอาจแตกออกมาเป็นสัตว์สี่เท้าและสัตว์สองเท้า) ผ้าไหมหรือผ้าผืน สุรา และธัญพืชหลากชนิด ซึ่งอาจไม่ได้มีมูลค่าสูงนักแต่เน้นที่ความหมายมงคลและความตั้งใจในการคัดสรร แมวป่าที่พูดถึงใน ซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> นี้คือสัตว์สี่เท้าที่ถูกนำมาใช้เป็น ‘สัตว์หมั้นหมาย’ ((聘兽/พิ่นโซ่ว) ซึ่งในบริบทของสินสอดมันเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์หรือความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของฝ่ายชายนั่นเอง (อนึ่ง หากใช้สัตว์สี่เท้าชนิดอื่นก็อาจมีความหมายอื่น) แมวป่าดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ‘เซอลี่’ (หรือ Lynx ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นสัตว์นักล่าชนิดหนึ่งในตระกูลแมว มีขนาดเล็กกว่าเสือแต่ใหญ่กว่าแมว ลายจุดหางสั้น ลำตัวยาวประมาณ 0.8-1.3 เมตรเมื่อโตเต็มที่ โดยมีเอกลักษณ์คือหูที่เรียวและมีขนสีดำยาวงอนขึ้น (ดูรูปประกอบ) ปัจจุบันมีอยู่สี่สายพันธ์ด้วยกันโดยที่พบเห็นในจีนถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Eurasian Lynx และเป็นหนึ่งในสัตว์สงวน เท่าที่ Storyฯ ทำการบ้านมา ยังไม่เห็นความหมายเชิงมงคลเป็นพิเศษของแมวป่าเซอลี่ แต่มันถูกยกย่องให้เป็นเจ้าแห่งภูเขาด้วยความว่องไวของมันทั้งบนพื้นและบนต้นไม้ มีอีกชื่อเรียกว่า ‘โบยบินเหนือหญ้า’ (草上飞/เฉ่าซ่างเฟย) และคนที่มีฐานะอันจะกินในสมัยโบราณนิยมใช้เซอลี่เป็นตัวช่วยในการล่าสัตว์ โดยเฉพาะในสมัยถัง จัดเป็นสัตว์ที่มีค่าหายากชนิดหนึ่ง และด้วยความที่แมวป่าเซอลี่เป็นสัตว์ที่ว่องไวล่าได้ยาก มันจึงถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> เป็นสัตว์หมั้นหมายที่แสดงถึงความตั้งใจอย่างยิ่งยวดของฝ่ายชาย โดยพระเอกตั้งใจออกไปล่ามาด้วยตนเองเพื่อใช้เป็นสินสอด ในขณะที่หลิวเหยี่ยนใช้เพียงพอนมาเป็นตัวแทน นอกจากนี้ รายการสินสอดอื่นที่หลิวเหยี่ยนมอบให้นางเอกนั้นยังตกๆ หล่นๆ ไม่ว่าจะจำนวนรายการที่ไม่มากและผ้าผืนที่มีเพียงผ้าสีดำ (ไม่ใช่สีดำแดงตามพิธีการโบราณ) สะท้อนถึงความไม่ใส่ใจของหลิวเหยี่ยนซึ่งนางเอกก็รู้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.upmedia.mg/news_info.php?Type=196&SerialNo=230176 https://www.sohu.com/a/571225018_121392910 https://www.toutiao.com/article/7327926416916775465/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_10502786 https://www.163.com/dy/article/HTQM9DMC0552XHZR.html https://culture.ycwb.com/2020-05/02/content_796281.htm https://www.napaidd.com/news/c6036/d93278 #ปรปักษ์จำนน #สินสอดจีนโบราณ #แมวป่า #เซอลี่ #สาระจีน
    WWW.UPMEDIA.MG
    劉宇寧、宋祖兒新劇《折腰》首播熱度奪冠 來自台灣的「他」與她上演祖孫訣別逼哭全網--上報
    (以下內容涉及劇透,請斟酌閱讀)陸劇女星宋祖兒因逃稅慘遭冷藏2年,近期順利解禁,她主演的多部新劇傳出......
    1 Comments 0 Shares 309 Views 0 Reviews
  • คุณเคยรู้สึกไหมว่าวันทำงานหมดไปกับการ “ตามเรื่อง, ตอบอีเมล, กรอกฟอร์ม” มากกว่าสร้างงานใหม่ ๆ?

    นั่นแหละครับคือปัญหาที่ Dropbox สำรวจพบในสหราชอาณาจักร โดยสรุปว่า คนทำงาน “ติดหล่มงานจุกจิก” จนไม่มีเวลาใช้สมองคิดสร้างสรรค์เลย

    - คนอังกฤษเกือบครึ่ง (45%) บอกว่ามีเวลา “คิดหาวิธีใหม่ ๆ หรือพัฒนางาน” แค่ 0–5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
    - 1 ใน 4 คนใช้เวลา “6–10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” กับงานแอดมินอย่างเดียว — เท่ากับเสียเวลาทำงานเต็มวันไปฟรี ๆ
    - แค่ 42% เท่านั้นที่บอกว่าตนเองมีเวลาพอสำหรับงานสร้างสรรค์

    สิ่งนี้สะท้อนว่าระบบงานแบบเดิม ๆ ที่ใช้วิธี manual, ประสานงานแบบ patchwork และเครื่องมือที่ไม่เชื่อมต่อกัน — กำลังกดทับศักยภาพของพนักงานจำนวนมาก

    ในขณะที่ฝั่ง Dropbox เองบอกว่า พนักงานที่ใช้ AI ช่วยงานอยู่ทุกสัปดาห์ (96%) สามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 7.9 ชั่วโมง/สัปดาห์ — เท่ากับได้วันทำงานคืนมา 1 วันแบบไม่ต้อง OT

    พนักงานออฟฟิศในอังกฤษเสียเวลา 11.3 พันล้านชั่วโมงต่อปีไปกับงานแอดมิน  
    • งานที่กินเวลาคือ อีเมล, นัดหมาย, กรอกฟอร์ม, ค้นหาข้อมูล

    มีเพียง 42% ของคนทำงานอังกฤษที่รู้สึกว่าตนเองมีเวลา “พอ” สำหรับงานสร้างสรรค์  
    • ตัวเลขนี้แย่กว่าประเทศอย่างสหรัฐและเยอรมนี

    พนักงาน Dropbox ที่ใช้ AI ช่วยงานสามารถประหยัดเวลาเฉลี่ย 7.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์  
    • ใช้ AI ในการจัดเอกสาร, เขียน, โค้ด, คิดไอเดีย, และค้นข้อมูล

    เกินครึ่งของพนักงานอังกฤษ (51%) คิดว่าตนมีเครื่องมือที่ดีในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  
    • แต่ก็ยังดีกว่าฝรั่งเศสและสหรัฐที่คนจำนวนมากรู้สึกว่า “เครื่องมือยังไม่ช่วยพอ”

    หากมีเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง/วัน คนทำงาน 27% จะเอาไปเคลียร์งานค้าง, 18% จะลดภาระของตนเอง

    Dropbox เสนอว่าวิธีแก้ที่ยั่งยืนคือ “การเปลี่ยนระบบทั้งองค์กร” เช่น  
    • ใช้เครื่องมือที่ลดงานซ้ำซ้อน  
    • ปรับโมเดลการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น  
    • ให้อิสระแก่พนักงานในการจัดสรรเวลาและงาน

    https://www.techradar.com/pro/uk-workers-are-wasting-billions-of-hours-on-administrative-tasks-no-im-not-joking
    คุณเคยรู้สึกไหมว่าวันทำงานหมดไปกับการ “ตามเรื่อง, ตอบอีเมล, กรอกฟอร์ม” มากกว่าสร้างงานใหม่ ๆ? นั่นแหละครับคือปัญหาที่ Dropbox สำรวจพบในสหราชอาณาจักร โดยสรุปว่า คนทำงาน “ติดหล่มงานจุกจิก” จนไม่มีเวลาใช้สมองคิดสร้างสรรค์เลย - คนอังกฤษเกือบครึ่ง (45%) บอกว่ามีเวลา “คิดหาวิธีใหม่ ๆ หรือพัฒนางาน” แค่ 0–5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ - 1 ใน 4 คนใช้เวลา “6–10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” กับงานแอดมินอย่างเดียว — เท่ากับเสียเวลาทำงานเต็มวันไปฟรี ๆ - แค่ 42% เท่านั้นที่บอกว่าตนเองมีเวลาพอสำหรับงานสร้างสรรค์ สิ่งนี้สะท้อนว่าระบบงานแบบเดิม ๆ ที่ใช้วิธี manual, ประสานงานแบบ patchwork และเครื่องมือที่ไม่เชื่อมต่อกัน — กำลังกดทับศักยภาพของพนักงานจำนวนมาก ในขณะที่ฝั่ง Dropbox เองบอกว่า พนักงานที่ใช้ AI ช่วยงานอยู่ทุกสัปดาห์ (96%) สามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 7.9 ชั่วโมง/สัปดาห์ — เท่ากับได้วันทำงานคืนมา 1 วันแบบไม่ต้อง OT ✅ พนักงานออฟฟิศในอังกฤษเสียเวลา 11.3 พันล้านชั่วโมงต่อปีไปกับงานแอดมิน   • งานที่กินเวลาคือ อีเมล, นัดหมาย, กรอกฟอร์ม, ค้นหาข้อมูล ✅ มีเพียง 42% ของคนทำงานอังกฤษที่รู้สึกว่าตนเองมีเวลา “พอ” สำหรับงานสร้างสรรค์   • ตัวเลขนี้แย่กว่าประเทศอย่างสหรัฐและเยอรมนี ✅ พนักงาน Dropbox ที่ใช้ AI ช่วยงานสามารถประหยัดเวลาเฉลี่ย 7.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์   • ใช้ AI ในการจัดเอกสาร, เขียน, โค้ด, คิดไอเดีย, และค้นข้อมูล ✅ เกินครึ่งของพนักงานอังกฤษ (51%) คิดว่าตนมีเครื่องมือที่ดีในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ   • แต่ก็ยังดีกว่าฝรั่งเศสและสหรัฐที่คนจำนวนมากรู้สึกว่า “เครื่องมือยังไม่ช่วยพอ” ✅ หากมีเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง/วัน คนทำงาน 27% จะเอาไปเคลียร์งานค้าง, 18% จะลดภาระของตนเอง ✅ Dropbox เสนอว่าวิธีแก้ที่ยั่งยืนคือ “การเปลี่ยนระบบทั้งองค์กร” เช่น   • ใช้เครื่องมือที่ลดงานซ้ำซ้อน   • ปรับโมเดลการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น   • ให้อิสระแก่พนักงานในการจัดสรรเวลาและงาน https://www.techradar.com/pro/uk-workers-are-wasting-billions-of-hours-on-administrative-tasks-no-im-not-joking
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • ทุกวันนี้บริษัทเทคโนโลยีต่างพูดถึงว่า AI ทำให้คนทำงานได้เร็วขึ้น ผลิตได้มากขึ้นในเวลาน้อยลง แต่ความจริงคือ...หลายบริษัทกลับใช้ AI เป็นเหตุผลในการปลดพนักงาน แล้วเราควรรู้สึกดียังไง?

    Bernie Sanders ให้สัมภาษณ์ในรายการ Joe Rogan Experience โดยตั้งคำถามว่า "ถ้าเราสร้าง AI เพื่อให้คนทำงานง่ายขึ้น ทำไมถึงเอาเวลาที่เหลือไปไล่คนออก?" เขาเสนอทางเลือกใหม่: "ลดชั่วโมงทำงานเหลือ 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (4 วัน) โดยไม่ลดเงินเดือน"

    เขายกตัวอย่างประเทศอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น ที่กำลังทดลองสัปดาห์ทำงาน 4 วัน โดยผลลัพธ์ที่ออกมาก็น่าสนใจ:
    - รายได้บริษัทเพิ่มขึ้น 8%
    - ความเหนื่อยล้าของพนักงานลดลง 10%
    - ความเครียดลดลง 35%
    - และในกรณีของ Microsoft Japan — ผลิตภาพเพิ่มขึ้นถึง 40%

    แต่ในโลกจริงกลับตรงข้าม — บริษัทยักษ์ใหญ่ยังปลดพนักงานนับพัน เช่น Microsoft เพิ่งประกาศเลย์ออฟอีกครั้ง แม้กำลังทุ่มงบกว่า $80 พันล้านดอลลาร์ พัฒนา AI ภายในปีเดียว

    สรุปคือ: “AI ควรให้เวลาคืนกลับคนทำงาน ไม่ใช่พรากงานไปจากพวกเขา”

    https://www.techspot.com/news/108462-bernie-sanders-productivity-boosting-ai-mean-4-day.html
    ทุกวันนี้บริษัทเทคโนโลยีต่างพูดถึงว่า AI ทำให้คนทำงานได้เร็วขึ้น ผลิตได้มากขึ้นในเวลาน้อยลง แต่ความจริงคือ...หลายบริษัทกลับใช้ AI เป็นเหตุผลในการปลดพนักงาน แล้วเราควรรู้สึกดียังไง? Bernie Sanders ให้สัมภาษณ์ในรายการ Joe Rogan Experience โดยตั้งคำถามว่า "ถ้าเราสร้าง AI เพื่อให้คนทำงานง่ายขึ้น ทำไมถึงเอาเวลาที่เหลือไปไล่คนออก?" เขาเสนอทางเลือกใหม่: "ลดชั่วโมงทำงานเหลือ 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (4 วัน) โดยไม่ลดเงินเดือน" เขายกตัวอย่างประเทศอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น ที่กำลังทดลองสัปดาห์ทำงาน 4 วัน โดยผลลัพธ์ที่ออกมาก็น่าสนใจ: - รายได้บริษัทเพิ่มขึ้น 8% - ความเหนื่อยล้าของพนักงานลดลง 10% - ความเครียดลดลง 35% - และในกรณีของ Microsoft Japan — ผลิตภาพเพิ่มขึ้นถึง 40% แต่ในโลกจริงกลับตรงข้าม — บริษัทยักษ์ใหญ่ยังปลดพนักงานนับพัน เช่น Microsoft เพิ่งประกาศเลย์ออฟอีกครั้ง แม้กำลังทุ่มงบกว่า $80 พันล้านดอลลาร์ พัฒนา AI ภายในปีเดียว สรุปคือ: “AI ควรให้เวลาคืนกลับคนทำงาน ไม่ใช่พรากงานไปจากพวกเขา” https://www.techspot.com/news/108462-bernie-sanders-productivity-boosting-ai-mean-4-day.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bernie Sanders says AI's "productivity boost" should mean 4-day workweeks, not layoffs
    During a recent interview on the Joe Rogan Experience, Sanders pointed out that the extra time that workers save through the use of AI tools should be...
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • ท่าทางของ "จอร์เจีย เมโลนี" ผู้นำอิตาลี ตอกย้ำกระแสข่าวว่าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิก สามเกลอนิยมโค้ก ที่ประกอบไปด้วยผู้นำจาก อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน
    ท่าทางของ "จอร์เจีย เมโลนี" ผู้นำอิตาลี ตอกย้ำกระแสข่าวว่าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิก สามเกลอนิยมโค้ก ที่ประกอบไปด้วยผู้นำจาก อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=vYbzRCivdeU
    แนวข้อสอบภาษาอังกฤษเข้ารับราชการ ก.พ. ชุดที่ 17
    #สอบเข้ารับราชการ #ข้อสอบภาษาอังกฤษ #ข้อสอบเก่า
    https://www.youtube.com/watch?v=vYbzRCivdeU แนวข้อสอบภาษาอังกฤษเข้ารับราชการ ก.พ. ชุดที่ 17 #สอบเข้ารับราชการ #ข้อสอบภาษาอังกฤษ #ข้อสอบเก่า
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
More Results