• ม็อบไล่นายกฯ อันวาร์ พรรคพาสลั่นอย่างต่ำ 5 หมื่น

    มรสุมการเมืองของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนในปี 2025 ไม่ต่างจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ก่อนหน้านี้การชุมนุม 28 มิ.ย. เรียกร้องให้ลาออก กรณีคลิปเสียงขายชาติกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา สร้างแรงสั่นสะเทือนการเมืองไทย คราวนี้นายอันวาร์ต้องเจอกับการชุมนุมประท้วงตั้งแต่ม็อบ Turun Anwar (อันวาร์ลาออกเถอะ) การประท้วงของชาวบ้านต่อกฎหมายฟื้นฟูเมือง (URA) ล่าสุดกลุ่มทนายความและนักกฎหมาย ชุมนุมที่พระราชวังแห่งความยุติธรรม ปุตราจายา เรียกร้องความเป็นอิสระของสถาบันตุลาการ และความโปร่งใสในการแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดของประเทศ

    เป็นห้วงเวลาก่อนการนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 26 ก.ค. ที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออกด้วยข้อหาบริหารประเทศล้มเหลว ทั้งการปฎิรูปการเมือง การปิดกั้นเสรีภาพ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ล่าสุดขยายกรอบภาษีการขายและบริการ (SST) ทำให้ต้องซื้อสินค้าและบริการที่แพงขึ้น

    นายทาคิยุดดิน ฮัสซัน เลขาธิการพรรคอิสลามมาเลเซีย (PAS) แถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ก.ค.) ว่าจะมีผู้ชุมนุมอย่างน้อย 50,000 คน ขณะนี้กำลังระดมมวลชนครอบคลุมทุกระดับ รวมถึงเขตเลือกตั้งรัฐสภาและสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ (DUN) ทั่วประเทศ รถบัสอย่างน้อยหนึ่งคันจะถูกส่งไปยังเขตเลือกตั้งของแต่ละรัฐ แต่บางเขตจองไว้แล้วนับสิบคัน ยืนยันว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ พรรคพาสและกลุ่มพันธมิตรแห่งชาติ (Perikatan Nasional หรือ PN) จะไม่ยอมจำนนต่อความพยายามปิดกั้นเสียงประชาชน

    นายอัฟนัน ฮามิมี ไทบ์ อาซามุดเดน หัวหน้ากลุ่มเยาวชนพรรคพาส ยืนยันว่าข้อเรียกร้องที่ให้นายอันวาร์ลาออก เพราะต้องการปกป้องมาเลเซีย ส่วนแถลงการณ์ของรัฐบาลที่อ้างว่าการชุมนุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายเสถียรภาพของประเทศ เป็นการข่มขู่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความกลัวเสียงประชาชน คนที่พูดว่าการชุมนุมครั้งนี้ต้องการสร้างความวุ่นวายให้ประเทศชาติแท้จริงแล้วเป็นคนลงมือทำเอง เราเป็นฝ่ายค้านที่เป็นผู้ใหญ่ใช้ช่องทางประชาธิปไตย ไม่เหมือนฝ่ายค้านในอดีตที่ใช้ความรุนแรงบนท้องถนน

    สำหรับพรรคพาส ถือเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่และเป็นพรรคอิสลามในมาเลเซีย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2494 มีฝ่ายยุวชนพรรค และเครือข่ายโรงเรียนสอนศาสนาทั่วประเทศ ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ห่างไกล มีความคิดแบบอนุรักษนิยม มีฐานเสียงในรัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย และชนะเลือกตั้งยาวนานในรัฐกลันตัน จุดยืนของพรรคคือผลักดันรัฐอิสลาม (Islamic State)

    #Newskit
    ม็อบไล่นายกฯ อันวาร์ พรรคพาสลั่นอย่างต่ำ 5 หมื่น มรสุมการเมืองของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนในปี 2025 ไม่ต่างจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ก่อนหน้านี้การชุมนุม 28 มิ.ย. เรียกร้องให้ลาออก กรณีคลิปเสียงขายชาติกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา สร้างแรงสั่นสะเทือนการเมืองไทย คราวนี้นายอันวาร์ต้องเจอกับการชุมนุมประท้วงตั้งแต่ม็อบ Turun Anwar (อันวาร์ลาออกเถอะ) การประท้วงของชาวบ้านต่อกฎหมายฟื้นฟูเมือง (URA) ล่าสุดกลุ่มทนายความและนักกฎหมาย ชุมนุมที่พระราชวังแห่งความยุติธรรม ปุตราจายา เรียกร้องความเป็นอิสระของสถาบันตุลาการ และความโปร่งใสในการแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดของประเทศ เป็นห้วงเวลาก่อนการนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 26 ก.ค. ที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออกด้วยข้อหาบริหารประเทศล้มเหลว ทั้งการปฎิรูปการเมือง การปิดกั้นเสรีภาพ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ล่าสุดขยายกรอบภาษีการขายและบริการ (SST) ทำให้ต้องซื้อสินค้าและบริการที่แพงขึ้น นายทาคิยุดดิน ฮัสซัน เลขาธิการพรรคอิสลามมาเลเซีย (PAS) แถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ก.ค.) ว่าจะมีผู้ชุมนุมอย่างน้อย 50,000 คน ขณะนี้กำลังระดมมวลชนครอบคลุมทุกระดับ รวมถึงเขตเลือกตั้งรัฐสภาและสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ (DUN) ทั่วประเทศ รถบัสอย่างน้อยหนึ่งคันจะถูกส่งไปยังเขตเลือกตั้งของแต่ละรัฐ แต่บางเขตจองไว้แล้วนับสิบคัน ยืนยันว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ พรรคพาสและกลุ่มพันธมิตรแห่งชาติ (Perikatan Nasional หรือ PN) จะไม่ยอมจำนนต่อความพยายามปิดกั้นเสียงประชาชน นายอัฟนัน ฮามิมี ไทบ์ อาซามุดเดน หัวหน้ากลุ่มเยาวชนพรรคพาส ยืนยันว่าข้อเรียกร้องที่ให้นายอันวาร์ลาออก เพราะต้องการปกป้องมาเลเซีย ส่วนแถลงการณ์ของรัฐบาลที่อ้างว่าการชุมนุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายเสถียรภาพของประเทศ เป็นการข่มขู่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความกลัวเสียงประชาชน คนที่พูดว่าการชุมนุมครั้งนี้ต้องการสร้างความวุ่นวายให้ประเทศชาติแท้จริงแล้วเป็นคนลงมือทำเอง เราเป็นฝ่ายค้านที่เป็นผู้ใหญ่ใช้ช่องทางประชาธิปไตย ไม่เหมือนฝ่ายค้านในอดีตที่ใช้ความรุนแรงบนท้องถนน สำหรับพรรคพาส ถือเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่และเป็นพรรคอิสลามในมาเลเซีย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2494 มีฝ่ายยุวชนพรรค และเครือข่ายโรงเรียนสอนศาสนาทั่วประเทศ ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ห่างไกล มีความคิดแบบอนุรักษนิยม มีฐานเสียงในรัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย และชนะเลือกตั้งยาวนานในรัฐกลันตัน จุดยืนของพรรคคือผลักดันรัฐอิสลาม (Islamic State) #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • MK ร่วมแจม ศึกสุกี้ตลาดแมส

    ในที่สุด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ M เจ้าของภัตตาคารอาหารเอ็มเค และอีกสารพัดแบรนด์ ตัดสินใจโดดร่วมสมรภูมิสุกี้ตลาดแมส ด้วยการเปิดร้านสุกี้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "โบนัสสุกี้" ประเดิมสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี จ.สระบุรี ในวันที่ 16 ก.ค. ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 05.00 น. พร้อมเปิดตัวอย่างร้อนแรงด้วยโปรโมชันฉลองเปิดสาขา 1 ฟรี 1 เป็นเวลา 5 วัน วันละ 100 สิทธิ์

    นับเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของเอ็มเค หลังคู่แข่งอย่างร้านสุกี้ตี๋น้อย ของ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด ประสบความสำเร็จด้วยจำนวนสาขา 82 สาขา มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 รวม 271 ล้านบาท แซงหน้าเอ็มเคที่มีกำไรสุทธิ 234 ล้านบาท รวมทั้งคู่แข่งในตลาดเดียวกันอย่าง ร้านลัคกี้สุกี้ ของบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ที่มี 19 สาขาอีกด้วย ทำให้เอ็มเคตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า บริษัท คุ้มคุ้ม จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา

    สำหรับจังหวัดสระบุรี นอกจากมีรายได้ต่อหัวสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เป็นแหล่งผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ รวมทั้งมีค่ายอดิศร เป็นที่ตั้งของศูนย์การทหารม้า มณฑลทหารบกที่ 18 รวมทั้งโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ที่ อ.มวกเหล็ก แล้ว ยังเป็นทางผ่านสู่ภาคอีสานด้วยถนนมิตรภาพ และมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา ที่ผ่านมามีสุกี้ตี๋น้อย เปิดสาขาสระบุรีที่ปั๊มบางจาก B5 อเวนิว ใกล้ห้างบิ๊กซีเพลสสระบุรี และลัคกี้สุกี้ สาขาโลตัสสระบุรี

    ก่อนหน้านี้เอ็มเคได้ทดลองจัดโปรโมชัน “MK บุฟเฟต์ คุ้มคุ้มอิ่มไม่อั้น 90 นาที” ราคา 299 บาทต่อคน หากลูกค้ามา 4 คน สามารถสั่งกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้น เฉพาะร้านเอ็มเค เรสโตรองต์ สาขาในห้างค้าปลีก เช่น โลตัส และบิ๊กซี รวม 250 สาขา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี จึงขยายโปรโมชันถึงวันที่ 31 ก.ค. 2568 พร้อมเพิ่มสาขาร่วมรายการอีก 49 สาขา รวม 299 สาขา นอกจากนี้ ยังทดลองขยายเวลาให้บริการถึงเวลา 24.00 น. จำนวน 9 สาขา และเวลา 23.00 น. จำนวน 8 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหารในช่วงกลางคืนหรือหลังเลิกงาน

    การเปิดแบรนด์สุกี้ใหม่ของเอ็มเค นอกจากจะสร้างสีสันการแข่งขันสุกี้ตลาดแมสให้คึกคัก ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ว่างจำนวนมาก แม้จะต้องปรับตัวเรื่องการรักษาความปลอดภัยหลังศูนย์การค้าปิดให้บริการก็ตาม

    #Newskit
    MK ร่วมแจม ศึกสุกี้ตลาดแมส ในที่สุด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ M เจ้าของภัตตาคารอาหารเอ็มเค และอีกสารพัดแบรนด์ ตัดสินใจโดดร่วมสมรภูมิสุกี้ตลาดแมส ด้วยการเปิดร้านสุกี้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "โบนัสสุกี้" ประเดิมสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี จ.สระบุรี ในวันที่ 16 ก.ค. ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 05.00 น. พร้อมเปิดตัวอย่างร้อนแรงด้วยโปรโมชันฉลองเปิดสาขา 1 ฟรี 1 เป็นเวลา 5 วัน วันละ 100 สิทธิ์ นับเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของเอ็มเค หลังคู่แข่งอย่างร้านสุกี้ตี๋น้อย ของ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด ประสบความสำเร็จด้วยจำนวนสาขา 82 สาขา มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 รวม 271 ล้านบาท แซงหน้าเอ็มเคที่มีกำไรสุทธิ 234 ล้านบาท รวมทั้งคู่แข่งในตลาดเดียวกันอย่าง ร้านลัคกี้สุกี้ ของบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ที่มี 19 สาขาอีกด้วย ทำให้เอ็มเคตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า บริษัท คุ้มคุ้ม จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สำหรับจังหวัดสระบุรี นอกจากมีรายได้ต่อหัวสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เป็นแหล่งผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ รวมทั้งมีค่ายอดิศร เป็นที่ตั้งของศูนย์การทหารม้า มณฑลทหารบกที่ 18 รวมทั้งโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ที่ อ.มวกเหล็ก แล้ว ยังเป็นทางผ่านสู่ภาคอีสานด้วยถนนมิตรภาพ และมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา ที่ผ่านมามีสุกี้ตี๋น้อย เปิดสาขาสระบุรีที่ปั๊มบางจาก B5 อเวนิว ใกล้ห้างบิ๊กซีเพลสสระบุรี และลัคกี้สุกี้ สาขาโลตัสสระบุรี ก่อนหน้านี้เอ็มเคได้ทดลองจัดโปรโมชัน “MK บุฟเฟต์ คุ้มคุ้มอิ่มไม่อั้น 90 นาที” ราคา 299 บาทต่อคน หากลูกค้ามา 4 คน สามารถสั่งกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้น เฉพาะร้านเอ็มเค เรสโตรองต์ สาขาในห้างค้าปลีก เช่น โลตัส และบิ๊กซี รวม 250 สาขา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี จึงขยายโปรโมชันถึงวันที่ 31 ก.ค. 2568 พร้อมเพิ่มสาขาร่วมรายการอีก 49 สาขา รวม 299 สาขา นอกจากนี้ ยังทดลองขยายเวลาให้บริการถึงเวลา 24.00 น. จำนวน 9 สาขา และเวลา 23.00 น. จำนวน 8 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหารในช่วงกลางคืนหรือหลังเลิกงาน การเปิดแบรนด์สุกี้ใหม่ของเอ็มเค นอกจากจะสร้างสีสันการแข่งขันสุกี้ตลาดแมสให้คึกคัก ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ว่างจำนวนมาก แม้จะต้องปรับตัวเรื่องการรักษาความปลอดภัยหลังศูนย์การค้าปิดให้บริการก็ตาม #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD PCIe Gen6 – เร็วกว่าเดิมเท่าตัว รองรับ 512 TB

    Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่นใหม่ SM8466 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ MonTitan ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยี PCIe Gen6 ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 28 GB/s และรองรับ IOPS สูงถึง 7 ล้านครั้งต่อวินาที—มากกว่ารุ่นก่อนถึงเท่าตัว

    ตัวคอนโทรลเลอร์ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC และรองรับมาตรฐานใหม่ NVMe 2.0+, OCP NVMe SSD Spec 2.5 พร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยครบครัน เช่น Secure Boot, AES-256, TCG Opal และ End-to-End Data Protection

    เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน SM8366 (Gen5):
    - ความเร็ว: 28 GB/s vs 14.2 GB/s
    - ความจุ: 512 TB vs 128 TB
    - IOPS: 7 ล้าน vs 3.5 ล้าน
    - เทคโนโลยีการผลิต: 4nm vs 12nm

    อย่างไรก็ตาม คอนโทรลเลอร์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเปิดตัวเทคโนโลยีเท่านั้น และผลิตภัณฑ์จริงจะเริ่มใช้งานในตลาดช่วงปี 2026–2027 โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ ส่วนตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องรอถึงปี 2030 กว่าจะได้ใช้ SSD ที่รองรับ PCIe Gen6

    ข้อมูลจากข่าว
    - Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่น SM8466 รองรับ PCIe Gen6
    - ความเร็วสูงสุด 28 GB/s และรองรับความจุสูงสุด 512 TB
    - รองรับมาตรฐาน NVMe 2.0+, OCP Spec 2.5 และฟีเจอร์ความปลอดภัยหลายรายการ
    - ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC
    - IOPS สูงสุด 7 ล้านครั้งต่อวินาที
    - เปรียบเทียบกับรุ่นก่อน SM8366: เร็วขึ้น 2 เท่า, ความจุเพิ่ม 4 เท่า
    - คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในปี 2026–2027 สำหรับตลาดองค์กร
    - ตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจได้ใช้ PCIe Gen6 SSD หลังปี 2030

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - คอนโทรลเลอร์ SM8466 ยังไม่พร้อมใช้งานในตลาดทั่วไป ต้องรออีกหลายปี
    - PCIe Gen5 SSD ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดผู้บริโภค ทำให้ Gen6 ยิ่งห่างไกล
    - การเปลี่ยนไปใช้ Gen6 ต้องอัปเกรดทั้งเมนบอร์ด, CPU และระบบจัดเก็บข้อมูล
    - ความเร็วสูงอาจมาพร้อมกับความร้อนและการใช้พลังงานที่มากขึ้น
    - องค์กรควรวางแผนล่วงหน้าในการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ Gen6

    https://wccftech.com/silicon-motion-first-pcie-gen6-ssd-controller-enterprise-sm8466-up-to-28-gbps-speeds-512-tb-capacities/
    Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD PCIe Gen6 – เร็วกว่าเดิมเท่าตัว รองรับ 512 TB Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่นใหม่ SM8466 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ MonTitan ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยี PCIe Gen6 ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 28 GB/s และรองรับ IOPS สูงถึง 7 ล้านครั้งต่อวินาที—มากกว่ารุ่นก่อนถึงเท่าตัว ตัวคอนโทรลเลอร์ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC และรองรับมาตรฐานใหม่ NVMe 2.0+, OCP NVMe SSD Spec 2.5 พร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยครบครัน เช่น Secure Boot, AES-256, TCG Opal และ End-to-End Data Protection เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน SM8366 (Gen5): - ความเร็ว: 28 GB/s vs 14.2 GB/s - ความจุ: 512 TB vs 128 TB - IOPS: 7 ล้าน vs 3.5 ล้าน - เทคโนโลยีการผลิต: 4nm vs 12nm อย่างไรก็ตาม คอนโทรลเลอร์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเปิดตัวเทคโนโลยีเท่านั้น และผลิตภัณฑ์จริงจะเริ่มใช้งานในตลาดช่วงปี 2026–2027 โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ ส่วนตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องรอถึงปี 2030 กว่าจะได้ใช้ SSD ที่รองรับ PCIe Gen6 ✅ ข้อมูลจากข่าว - Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่น SM8466 รองรับ PCIe Gen6 - ความเร็วสูงสุด 28 GB/s และรองรับความจุสูงสุด 512 TB - รองรับมาตรฐาน NVMe 2.0+, OCP Spec 2.5 และฟีเจอร์ความปลอดภัยหลายรายการ - ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC - IOPS สูงสุด 7 ล้านครั้งต่อวินาที - เปรียบเทียบกับรุ่นก่อน SM8366: เร็วขึ้น 2 เท่า, ความจุเพิ่ม 4 เท่า - คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในปี 2026–2027 สำหรับตลาดองค์กร - ตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจได้ใช้ PCIe Gen6 SSD หลังปี 2030 ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - คอนโทรลเลอร์ SM8466 ยังไม่พร้อมใช้งานในตลาดทั่วไป ต้องรออีกหลายปี - PCIe Gen5 SSD ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดผู้บริโภค ทำให้ Gen6 ยิ่งห่างไกล - การเปลี่ยนไปใช้ Gen6 ต้องอัปเกรดทั้งเมนบอร์ด, CPU และระบบจัดเก็บข้อมูล - ความเร็วสูงอาจมาพร้อมกับความร้อนและการใช้พลังงานที่มากขึ้น - องค์กรควรวางแผนล่วงหน้าในการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ Gen6 https://wccftech.com/silicon-motion-first-pcie-gen6-ssd-controller-enterprise-sm8466-up-to-28-gbps-speeds-512-tb-capacities/
    WCCFTECH.COM
    Silicon Motion Unveils Its First PCIe Gen6 SSD Controller For Enterprise: SM8466 With Up To 28 GB/s Speeds & 512 TB Capacities
    Silicon Motion has unveiled its next-gen PCIe Gen6 SSD controller which will be used to power the high-end enterprise level storage products.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข้อมูลบูมในจอร์เจีย – เทคโนโลยีมา น้ำหาย คนอยู่ลำบาก

    ในชนบทของรัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ พื้นที่ที่เคยเงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้ กำลังถูกแทนที่ด้วยอาคารขนาดใหญ่ไร้หน้าต่างที่เต็มไปด้วยเซิร์ฟเวอร์—ศูนย์ข้อมูลที่เป็นหัวใจของโลกดิจิทัลยุคใหม่ โดยเฉพาะในยุค AI และคลาวด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

    แต่เบื้องหลังความก้าวหน้ากลับมีปัญหาใหญ่: การใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อนให้เซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน ศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งอาจใช้น้ำถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้น้ำของทั้งเมือง

    ในเมือง Mansfield ชาวบ้านบางคน เช่น Beverly Morris ซึ่งอาศัยอยู่ห่างจากศูนย์ข้อมูลของ Meta เพียง 400 หลา บ่นว่าบ้านของเธอไม่มีน้ำใช้ และไม่สามารถดื่มน้ำจากบ่อได้อีกต่อไป

    แม้บริษัทต่าง ๆ จะอ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด และบางแห่งลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling หรือการเก็บน้ำฝน แต่ชาวบ้านยังคงไม่ไว้วางใจ และรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตของพวกเขาถูกลดทอนเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเทคโนโลยี

    ปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่ในจอร์เจีย แต่กำลังลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาภัยแล้ง และคาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    ข้อมูลจากข่าว
    - ศูนย์ข้อมูลในจอร์เจียขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับการเติบโตของ AI และคลาวด์
    - ใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อน โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน
    - ชาวบ้านใน Mansfield รายงานว่าบ่อบ้านแห้งและไม่สามารถใช้น้ำได้
    - บริษัทต่าง ๆ อ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมและลงทุนในเทคโนโลยีลดการใช้น้ำ
    - มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling และ rainwater harvesting
    - ปัญหานี้เกิดในหลายรัฐของสหรัฐฯ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีภัยแล้ง
    - คาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอนาคต

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลอาจกระทบต่อแหล่งน้ำของชุมชนโดยตรง
    - การตรวจสอบสิ่งแวดล้อมที่บริษัทจัดจ้างอาจไม่เป็นกลางหรือโปร่งใส
    - ชาวบ้านบางรายยังคงใช้ “น้ำที่ไม่มั่นใจ” ในการปรุงอาหารและแปรงฟัน
    - การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอาจไม่สมดุลกับคุณภาพชีวิตของประชาชน
    - หากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลอาจทำลายระบบนิเวศท้องถิ่น

    https://www.techspot.com/news/108634-data-center-boom-georgia-sparks-water-worries-resident.html
    ศูนย์ข้อมูลบูมในจอร์เจีย – เทคโนโลยีมา น้ำหาย คนอยู่ลำบาก ในชนบทของรัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ พื้นที่ที่เคยเงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้ กำลังถูกแทนที่ด้วยอาคารขนาดใหญ่ไร้หน้าต่างที่เต็มไปด้วยเซิร์ฟเวอร์—ศูนย์ข้อมูลที่เป็นหัวใจของโลกดิจิทัลยุคใหม่ โดยเฉพาะในยุค AI และคลาวด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เบื้องหลังความก้าวหน้ากลับมีปัญหาใหญ่: การใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อนให้เซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน ศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งอาจใช้น้ำถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้น้ำของทั้งเมือง ในเมือง Mansfield ชาวบ้านบางคน เช่น Beverly Morris ซึ่งอาศัยอยู่ห่างจากศูนย์ข้อมูลของ Meta เพียง 400 หลา บ่นว่าบ้านของเธอไม่มีน้ำใช้ และไม่สามารถดื่มน้ำจากบ่อได้อีกต่อไป แม้บริษัทต่าง ๆ จะอ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด และบางแห่งลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling หรือการเก็บน้ำฝน แต่ชาวบ้านยังคงไม่ไว้วางใจ และรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตของพวกเขาถูกลดทอนเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเทคโนโลยี ปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่ในจอร์เจีย แต่กำลังลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาภัยแล้ง และคาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - ศูนย์ข้อมูลในจอร์เจียขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับการเติบโตของ AI และคลาวด์ - ใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อน โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน - ชาวบ้านใน Mansfield รายงานว่าบ่อบ้านแห้งและไม่สามารถใช้น้ำได้ - บริษัทต่าง ๆ อ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมและลงทุนในเทคโนโลยีลดการใช้น้ำ - มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling และ rainwater harvesting - ปัญหานี้เกิดในหลายรัฐของสหรัฐฯ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีภัยแล้ง - คาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอนาคต ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลอาจกระทบต่อแหล่งน้ำของชุมชนโดยตรง - การตรวจสอบสิ่งแวดล้อมที่บริษัทจัดจ้างอาจไม่เป็นกลางหรือโปร่งใส - ชาวบ้านบางรายยังคงใช้ “น้ำที่ไม่มั่นใจ” ในการปรุงอาหารและแปรงฟัน - การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอาจไม่สมดุลกับคุณภาพชีวิตของประชาชน - หากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลอาจทำลายระบบนิเวศท้องถิ่น https://www.techspot.com/news/108634-data-center-boom-georgia-sparks-water-worries-resident.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Data center boom in Georgia sparks water worries and resident backlash
    The rise of data centers is closely tied to the rapid growth of artificial intelligence and cloud computing. But as the demand for digital services increases, so...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เอ้ สุชัชวีร์" ลุยสหรัฐฯ 4 หมุดหมาย ฟื้นสัมพันธ์ "ไทย-สหรัฐฯ" ชี้ถึงเวลาเปลี่ยน "เหินห่าง" เป็น "ใกล้ชิด" ดันไทยสู่ "เศรษฐกิจใหม่"
    https://www.thai-tai.tv/news/20211/
    .
    #เอ้สุชัชวีร์ #ไทยสหรัฐ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เศรษฐกิจใหม่ #การศึกษา #AI #งานวิจัย #นวัตกรรม #SMEไทย #DonaldTrump
    "เอ้ สุชัชวีร์" ลุยสหรัฐฯ 4 หมุดหมาย ฟื้นสัมพันธ์ "ไทย-สหรัฐฯ" ชี้ถึงเวลาเปลี่ยน "เหินห่าง" เป็น "ใกล้ชิด" ดันไทยสู่ "เศรษฐกิจใหม่" https://www.thai-tai.tv/news/20211/ . #เอ้สุชัชวีร์ #ไทยสหรัฐ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เศรษฐกิจใหม่ #การศึกษา #AI #งานวิจัย #นวัตกรรม #SMEไทย #DonaldTrump
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากกรณีวานนี้สาวแม่ค้าออนไลน์ป่วยซึมเศร้าจุดไฟเผาตัวหนีปัญหาครอบครัว หลังการใช้ชีวิตคู่ล้มเหลว ก่อนซื้อน้ำมันมาลาดตัวจุดไฟเผาพรึบลุกท่วมล้มทั้งยืน ขณะเพื่อนบ้านข้างเคียงได้ยินเสียงเร่งคว้าถังน้ำมาช่วยดับ ก่อนถูกหามส่งโรงพยาบาล พบร่างกายถูกเพลิงเผาไหม้ไปแล้วถึงกว่าร้อยละ 60 อาการสาหัส
    ภูมิความรู้ผมยังไม่พร้อมพอที่จะดำเนินงานที่เป็นนายของตัวเอง ยิ่งงานประจำยิ่งไม่ค่อยมีเวลาเรียนรู้ที่จะเป็นนายตัวเอง เคยเป็นลูกจ้าง กกต. แต่แทบทั้งครอบครัวบรรจุเป็นพนักงาน กกต. หมดแล้ว แต่บางทีเจ็บสุดคือย้ายทะเบียนบ้านจนผมดาวน์ไปชั่วขณะ งานที่ทำใน กกต นี่งานเดิมๆซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อ ไม่พอคนสั่งงานปากนรกอีก ต่อไปนี้ถ้า กกต. ใช้งานผมเยี่ยงทาส ต่อไปนี้ขอปฏิเสธ และเดินจากไปไม่สนอะไร ไม่อยากสาปส่งก่อนจากไปเพราะไม่อยากสร้างเหตุปัจจัยแห่งวิบากกรรมอันร้ายแรง
    ผมไม่คิดลาโลกอยู่แล้ว เพราะมันเป็นวิบากกรรมอันหนักหนาสาหัสสากัลป์อยู่แล้ว หลังดูคนตื่นธรรมได้ตอกย้ำธรรมที่เคยศึกษาที่ผ่านมาไม่ครบถ้วน แต่ค่อยๆเรียนรู้ธรรมจนกว่าจะครบถ้วน
    งานอิสระ เป็นนายตัวเอง ไปไหนก็ได้ โตแล้ว แต่ชอบออกเดินทางไปทำคุณประโยชน์ให้ส่วนรวมที่ห่างไกลมากกว่า
    ที่มาของข่าว Nation TV
    https://www.nationtv.tv/news/378728834
    จากกรณีวานนี้สาวแม่ค้าออนไลน์ป่วยซึมเศร้าจุดไฟเผาตัวหนีปัญหาครอบครัว หลังการใช้ชีวิตคู่ล้มเหลว ก่อนซื้อน้ำมันมาลาดตัวจุดไฟเผาพรึบลุกท่วมล้มทั้งยืน ขณะเพื่อนบ้านข้างเคียงได้ยินเสียงเร่งคว้าถังน้ำมาช่วยดับ ก่อนถูกหามส่งโรงพยาบาล พบร่างกายถูกเพลิงเผาไหม้ไปแล้วถึงกว่าร้อยละ 60 อาการสาหัส ภูมิความรู้ผมยังไม่พร้อมพอที่จะดำเนินงานที่เป็นนายของตัวเอง ยิ่งงานประจำยิ่งไม่ค่อยมีเวลาเรียนรู้ที่จะเป็นนายตัวเอง เคยเป็นลูกจ้าง กกต. แต่แทบทั้งครอบครัวบรรจุเป็นพนักงาน กกต. หมดแล้ว แต่บางทีเจ็บสุดคือย้ายทะเบียนบ้านจนผมดาวน์ไปชั่วขณะ งานที่ทำใน กกต นี่งานเดิมๆซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อ ไม่พอคนสั่งงานปากนรกอีก ต่อไปนี้ถ้า กกต. ใช้งานผมเยี่ยงทาส ต่อไปนี้ขอปฏิเสธ และเดินจากไปไม่สนอะไร ไม่อยากสาปส่งก่อนจากไปเพราะไม่อยากสร้างเหตุปัจจัยแห่งวิบากกรรมอันร้ายแรง ผมไม่คิดลาโลกอยู่แล้ว เพราะมันเป็นวิบากกรรมอันหนักหนาสาหัสสากัลป์อยู่แล้ว หลังดูคนตื่นธรรมได้ตอกย้ำธรรมที่เคยศึกษาที่ผ่านมาไม่ครบถ้วน แต่ค่อยๆเรียนรู้ธรรมจนกว่าจะครบถ้วน งานอิสระ เป็นนายตัวเอง ไปไหนก็ได้ โตแล้ว แต่ชอบออกเดินทางไปทำคุณประโยชน์ให้ส่วนรวมที่ห่างไกลมากกว่า ที่มาของข่าว Nation TV https://www.nationtv.tv/news/378728834
    WWW.NATIONTV.TV
    แม่ค้าออนไลน์ จุดไฟเผาตัวเอง เสียชีวิตแล้ว
    จากกรณีวานนี้สาวป่วยซึมเศร้าจุดไฟเผาตัวหนีปัญหาครอบครัว หลังการใช้ชีวิตคู่ล้มเหลว ก่อนซื้อน้ำมันมาลาดตัวจุดไฟเผาพรึบลุกท่วมล้มทั้งยืน ขณะเพื่อนบ้านข้างเคียงได้ยินเสียงเร่งคว้าถังน้ำมาช่วยดับ ก่อนถูกหามส่งโรงพยาบาล พบร่างกายถูกเพลิงเผาไหม้ไปแล้วถึงกว่าร้อยละ 60 อาการสาหัส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันถึงสัตว์เทพในคัมภีร์ซานไห่จิง (คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล) ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉินที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ ในยุคโบราณของจีน วันนี้เรามาคุยกันถึงจิ้งจอกเก้าหาง

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ที่เสวียนหนี่ว์กล่าวมา ท่านราชาปีศาจฟังเข้าใจแล้วหรือไม่ ป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิวเป็นจิ้งจอกขาวเก้าหาง เลือดหัวใจของจิ้งจอกขาวเก้าหางมีสรรพคุณเยี่ยงไร ท่านถามถามชายาของท่านดู”...
    - จากเรื่อง <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่> ผู้แต่ง ถังชีกงจื่อ

    ตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางมีไม่น้อย ส่วนใหญ่ผูกโยงกับปีศาจจิ้งจอกที่ทำให้คนลุ่มหลง แต่แฟนคลับจากเรื่องชุดสามชาติสามภพฯ จะรู้ว่า ในเรื่องนี้จิ้งจอกเก้าหางเป็นเทพขั้นสูงปกครองดินแดนชิงชิว ไม่ใช่ปีศาจร้ายที่คอยยั่วราคะใคร

    ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจคือ ในบรรดาเอกสารโบราณหรือวรรณคดีที่พูดถึงจิ้งจอกเก้าหางนั้น ดูจะมีในคัมภีร์ซานไห่จิงที่เดียวที่กล่าวถึงจิ้งจอกเก้าหางและดินแดนชิงชิวไปพร้อมๆ กัน โดยมีการบรรยายไว้ว่า เขาชิงชิวอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกอีกสามร้อยหลี่ ด้านที่เจอแสงอาทิตย์ของเขานั้นอุดมด้วยหยก ด้านที่มืดมีแร่ธาตุที่ใช้ผลิตสีเขียวได้ บนเขามีสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง รูปร่างเป็นจิ้งจอก มีเก้าหาง เสียงของมันเหมือนเสียงร้องไห้ของทารก มันกินมนุษย์ได้ และหากมนุษย์ใดกินเนื้อมันเข้าไปจะมีภูมิต้านทานมนต์ดำของปีศาจ

    จิ้งจอกเก้าหางเดิมได้รับการยกย่องเป็นสัตว์มงคล ในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นนั้น ในรูปภาพของพระแม่ตะวันตก(ซีหวางหมู่) มักปรากฎสัตว์เทพสี่ตัวอยู่แทบพระบาท หนึ่งในนั้นคือจิ้งจอกเก้าหาง ว่ากันว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของการมีบุตรหลานมากมาย

    แต่ภาพลักษณ์ของจิ้งจอกเก้าหางเริ่มตกต่ำลงเมื่อพ้นยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นเมื่อความนับถือในพระแม่ซีหวางหมู่ลดลง และเริ่มพูดถึงจิ้งจอกแปลงกายเป็นคนได้เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ พร้อมๆ กับความเป็น “สัตว์เทพ” แปรเปลี่ยนไปเป็น “ปีศาจ” มีนิทานปรัมปราเรื่องปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาสิงร่างของต๋าจีผู้เป็นพระสนมขององค์โจ้วหวางแห่งราชวงศ์ซาง แล้วทำให้พระองค์ทรงลุ่มหลงจนทำแต่เรื่องร้ายๆ อย่างไม่ลืมหูลืมตา ตอกย้ำภาพลักษณ์ปีศาจเพศหญิงที่งามสะคราญยั่วยวนให้ชายลุ่มหลงมัวเมาในกิเลสตัณหา เป็นภาพลักษณ์ที่คงอยู่มาจนปัจจุบัน

    แต่สำหรับ Storyฯ แล้ว จิ้งจอกเก้าหางตัวไหนก็ไม่ประทับใจเท่าป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิว เพื่อนเพจล่ะคะ?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_1636558
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/7367050
    https://3g.163.com/dy/article_cambrian/EJB4QI9105418R2V.html
    https://zhidao.baidu.com/question/175130842.html

    #สามชาติสามภพ #จิ้งจอกเก้าหาง #ป๋ายเฉี่ยน #ต๋าจี #ซานไห่จิง #ชิงชิว #ตำนานจีน #StoryfromStory
    สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันถึงสัตว์เทพในคัมภีร์ซานไห่จิง (คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล) ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉินที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ ในยุคโบราณของจีน วันนี้เรามาคุยกันถึงจิ้งจอกเก้าหาง ความมีอยู่ว่า ... “ที่เสวียนหนี่ว์กล่าวมา ท่านราชาปีศาจฟังเข้าใจแล้วหรือไม่ ป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิวเป็นจิ้งจอกขาวเก้าหาง เลือดหัวใจของจิ้งจอกขาวเก้าหางมีสรรพคุณเยี่ยงไร ท่านถามถามชายาของท่านดู”... - จากเรื่อง <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่> ผู้แต่ง ถังชีกงจื่อ ตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางมีไม่น้อย ส่วนใหญ่ผูกโยงกับปีศาจจิ้งจอกที่ทำให้คนลุ่มหลง แต่แฟนคลับจากเรื่องชุดสามชาติสามภพฯ จะรู้ว่า ในเรื่องนี้จิ้งจอกเก้าหางเป็นเทพขั้นสูงปกครองดินแดนชิงชิว ไม่ใช่ปีศาจร้ายที่คอยยั่วราคะใคร ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจคือ ในบรรดาเอกสารโบราณหรือวรรณคดีที่พูดถึงจิ้งจอกเก้าหางนั้น ดูจะมีในคัมภีร์ซานไห่จิงที่เดียวที่กล่าวถึงจิ้งจอกเก้าหางและดินแดนชิงชิวไปพร้อมๆ กัน โดยมีการบรรยายไว้ว่า เขาชิงชิวอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกอีกสามร้อยหลี่ ด้านที่เจอแสงอาทิตย์ของเขานั้นอุดมด้วยหยก ด้านที่มืดมีแร่ธาตุที่ใช้ผลิตสีเขียวได้ บนเขามีสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง รูปร่างเป็นจิ้งจอก มีเก้าหาง เสียงของมันเหมือนเสียงร้องไห้ของทารก มันกินมนุษย์ได้ และหากมนุษย์ใดกินเนื้อมันเข้าไปจะมีภูมิต้านทานมนต์ดำของปีศาจ จิ้งจอกเก้าหางเดิมได้รับการยกย่องเป็นสัตว์มงคล ในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นนั้น ในรูปภาพของพระแม่ตะวันตก(ซีหวางหมู่) มักปรากฎสัตว์เทพสี่ตัวอยู่แทบพระบาท หนึ่งในนั้นคือจิ้งจอกเก้าหาง ว่ากันว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของการมีบุตรหลานมากมาย แต่ภาพลักษณ์ของจิ้งจอกเก้าหางเริ่มตกต่ำลงเมื่อพ้นยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นเมื่อความนับถือในพระแม่ซีหวางหมู่ลดลง และเริ่มพูดถึงจิ้งจอกแปลงกายเป็นคนได้เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ พร้อมๆ กับความเป็น “สัตว์เทพ” แปรเปลี่ยนไปเป็น “ปีศาจ” มีนิทานปรัมปราเรื่องปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาสิงร่างของต๋าจีผู้เป็นพระสนมขององค์โจ้วหวางแห่งราชวงศ์ซาง แล้วทำให้พระองค์ทรงลุ่มหลงจนทำแต่เรื่องร้ายๆ อย่างไม่ลืมหูลืมตา ตอกย้ำภาพลักษณ์ปีศาจเพศหญิงที่งามสะคราญยั่วยวนให้ชายลุ่มหลงมัวเมาในกิเลสตัณหา เป็นภาพลักษณ์ที่คงอยู่มาจนปัจจุบัน แต่สำหรับ Storyฯ แล้ว จิ้งจอกเก้าหางตัวไหนก็ไม่ประทับใจเท่าป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิว เพื่อนเพจล่ะคะ? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_1636558 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/7367050 https://3g.163.com/dy/article_cambrian/EJB4QI9105418R2V.html https://zhidao.baidu.com/question/175130842.html #สามชาติสามภพ #จิ้งจอกเก้าหาง #ป๋ายเฉี่ยน #ต๋าจี #ซานไห่จิง #ชิงชิว #ตำนานจีน #StoryfromStory
    《三生三世十里桃花》里的青丘到底在四海八荒的哪里_翻书党_澎湃新闻-The Paper
    随着《三生三世十里桃花》的热播,“青丘”、“帝君”等热门词的流行唤起了广大观众对神仙世界、对中国古代神话的求知兴趣。那么青丘国究竟坐落于四海八荒的何处?
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • ((( ห นั ก แ ผ่ น ดิ น )))

    อหังกา อีทรัมปป์เหี้ยส่งจดหมายตรงถึงในหลวง ตบหน้ารัฐบาลไทยขายชาติ ตบหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ตบหน้าระบบข้าราชการไทย ตามระเบียบแล้ว วิธีปฎิบัติสากลทั่วโลก หากจะมีจดหมายจากประเทศใดถึงพระมหากษัตริย์ จะผ่านตัวแทนทางการฑูต ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และตัวแทนรัฐบาลนำทูลเกล้า แต่นี่ ส่งตรงจากทำเนียบขาวถึงวังโดยตรง เอ่ยพระนามชัดเจน แปลว่าสุดทนแล้ว แปลว่าอะไร กูจะไล่เรียงบรรทัดให้มรึงฟัง

    1.อีทรัมปป์ไม่เอารัฐบาลขายชาติชุดนี้ จบมั้ย? คุยไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นงาน เอาเด็กเมื่อวานซืนมานั่นเก้าอี้ผู้นำประเทศ บ่งบอกถึงสมองควายไทยบัดซบ 24 ล้านตัว บ่งบอกคุณภาพประชากรควายประเทศมรึงได้ดี แดร๊กปชต.ตอแหลจนควายเรียกเพ่ มันถึงได้เสียมารยาทอย่างรุนแรง และกร่างเกิน ส่งจดหมายตรงถึงสำนักพระราชวัง ในหลวง ใช่เพื่อนเล่นมรึงเหรอ? เค้าคุยกันแค่เฉพาะระดับราชวงศ์

    2.ต้องการสื่อเจตนารมณ์ชัด กูจะเอาภาษีมรึง 36% หากไม่อยากจ่ายขนาดนี้ แนะนำให้ย้ายโรงงานมาผลิตในสหรัฐไปเลย นั่นไง จุดอ่อนโผล่ทันที มันไม่เหลือโรงงานผลิตแล้วไงล่ะ เพราะย้ายหนีออกหมดเกลี้ยง ปิดกิจการกันทั้งแผ่นดิน ไอ้ที่ไล่เก็บภาษีโหดบัดซบ ก็ต้องการให้นานาชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิต เพราะมันรู้ตัวเองดีแล้วว่า ที่สู้จีนไม่ได้ เพราะกูมัวแต่อาศัยจมูกคนอื่นหายใจ กำลังการผลิตไม่มี จะเอาอำนาจที่ไหนต่อรองไปสู้เค้าได้

    3.ต้องการแยกไทยออกมาจากจีน เพราะไทยคือยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดในอาเซียน ไทยสนิทกับจีนมากจนเกินไป แต่มรึงหารู้ไม่ พระราชสำนักเชื่อมสัมพันธไมตรีกับจีนมายาวนานกว่าประเทศมรึงจะเกิดซะอีก ดีออก? เค้าคุยกันมากว่า 500 ปี มรึงแค่ 250 ปี ยังไม่ได้เกิดเลย เป็นใครฟ่ะ จะเข้ามาเสือกเนี่ย? ไทยเราได้รับการอุ้มชูอย่างมาก จากจีน รัสเซีย แค่ดวงอาทิตย์ที่ 2 ที่จีนมอบให้ มันคือหลักประกันพลังงานไม่รู้จบ มีแค่ชาติเดียวที่จีนมอบให้ และร่วมค้นคว้ามาด้วยกัน เหตุเพราะฝีมือในหลวงทั้งนั้น พระเทพเยือนจีนถี่ยิบ มาตลอดหลายปีเพื่อ

    4.อีทรัมปป์ส่งสัญญานตรงถึงสำนักราชวัง เรื่องขอบเขตอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทยกับการปกครอง เป้าหมายคือ มอ112 ที่ผ่านมา อีส้มเน่า อี 3 นิ้วนรก อีกลุ่มเหี้ยทะลุเหี้ย อี NGO อีแดง และขบวนการล้มเจ้าทั้งหลาย ท่อน้ำเลี้ยงมาจาก NED ทั้งสิ้น ซึ่งอเมริกาเป้นผู้หนุนหลังล้มเจ้านั่นเอง เพื่อต้องการจะเข้ามายึดพระราชสมบัติทั้งหมด อเมริกาเป็นแค่ขี้ข้ายิว มีหน้าที่ปล้นสะดมภ์เค้าแดร๊ก มรึงเข้าใจยังว่า "ศัตรูของแผ่นดินแท้จริงคือใคร" ไม่ใช่แค่ตระกูลเหี้ย และขี้ข้าขบวนการล้มเจ้า มันคือ "อียิวระยำสัดนรก ท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยทั้งหมด" กูว่าถึงเวลาเชิญอิหร่านเข้ามาได้แล้วล่ะ ไม่ต้องไปไล่ อียิวอยู่ปายเท่าไหร่ ส่งอิหร่านเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน 2 เท่า เดี๋ยวเค้าจัดการกันเอง

    5.การสื่อสารแบบนี้ การข้ามขั้นตอนแบบนี้ ระดับโลกเค้ามองไม่ให้เกียรติ และไม่เป็นมืออาชีพ แปลว่าอะไร? อีทรัมปป์จนปัญญาแล้ว สู้ขั้วใหม่ไม่ได้ ก็เล่นบทโจรแม่งซะเลย อ้างขาดดุลการค้า ไม่เป็นธรรม นั่นแค่ "หน้าฉาก" ไม่จำเป็นต้องส่งจดหมายตรงถึงพระราชสำนัก มรึงเข้าใจเกมส์ยัง? มันดิ้นแบบนี้ เพราะรู้แล้วว่า ไทยกำลังจะออกห่างอเมริกานั่นเอง ผลจาก 5 ปีหลัง เทดอลล่าร์กระจาย อุ้มทองคำต่อเนื่องแบบเงียบๆ เหี้ยมันรู้หมด ส่งสัญญานเตรียมจะสั่งขี้ข้ายิวในไทย ออกอาละวาดไงล่ะ สัญญานดอกนี้ บีบให้ทหารต้องทำรัฐประหาร เพื่อดึงความมั่นคงชาติกลับมาอยู่ในมือกองทัพ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองเอาชาติไปขายแดร๊ก ทรงมาเต็มตรีนเลยมรึง มิน่า กองทัพไทย ประกาศแสนยานุภาพก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ให้อีขะแมร์ดู แต่ให้เหี้ยยิวดูต่างหากล่ะ

    บทสรุป : ชัดเจนพอยัง? 93 ปี ศัตรูของแผ่นดินไทยทั้งชาติ คืออียิวเหี้ยไซออนนิสต์ พ่อทุกสถาบันเหี้ยไอ้อีทุกตัวบนโลกใบนี้ กูชี้เป้าไม่เคยพลาด ด่ามันมาตั้งแต่ 20 ปีก่อน เพราะเหี้ยมันมีแค่ตัวเดียว ใครล่ะ ที่สามารถสั่งฆ่า ลอบปลงพระชนม์พ่ออยู่หัวร.8 ได้ ใครสั่ง? หากสมเด็จย่าไม่ทรงปรีชาสามารถ เอาตัวรอด และต่อรองให้ยังคงรักษาสายพระโลหิตของราชวงศ์จักรีต่อไว้ได้ ป่านนี้ ไทยเราคงสิ้นชาติไปนานแล้ว ประวัติศาสตร์มันสอน ไม่มีใครทำร้ายแผ่นดินนี้ได้ นอกจากคนไทยกันเอง ถึงเวลาจัดการ ทุกไอ้อีที่ "หนักแผ่นดินรึยัง" กวาดให้เรียบ ย้อนหลัง ย้อนคดีของเก่าที่ผ่านมา 93 ปี ให้หมด ใครเคยทรยศแผ่นดินนี้ไว้ ยึดอำนาจให้สิ้น จับไปตัดหัว 9 ชั่วโคตร กลับมาใช้ "พ่อปกครองลูก" กฎต้องแรง อาญาต้องสะเด็ดน้ำ อย่าให้ไอ้อีหน้าไหนกล้าทรยศแผ่นดินได้อีก ขอเริ่มต้นที่ตระกูลชินจังก่อนเลยเป็นไง 9 ชั่วโคตร เอาให้เลือดชั่วๆ ของตระกูลอัปรีย์จัญไรสิ้นไปจากโลกในพศ.นี้ แม่งซะเลย ดวงดาวแห่งแสง เริ่มฉายปรากฎความจริงเด่นชัดมากขึ้นแล้ว จงเดินตามแสง แล้วความจริงจะปรากฎต่อหน้ามรึง?

    หมี CNN(เปิดหน้ากันหมดแล้วสิมรึง! อีทรัมปป์เร่งเกมส์มากไปหน่อย จีน รัสเซีย บีบจนขี้แตก อ่านทะลุมิติ ไทยเรารอดแล้ว มาทรงนี้คือ "ปะทะแน่นอน" เกมส์การศึกปล่อยให้ทหารจัดการไปซะ ส่วนพวกเรา เกมส์ภายใน จงเร่งมือเป่าประกาศให้โลกรู้ ไอ้อีตัวไหนที่ทุรยศแผ่นดินอโยธยา ไอ้อีทุกตัวต้องโดนโทษหนักประหารชีวิตสถานเดียว พลังแห่งแสง พลังโซเชี่ยลฝ่ายธรรม จะรุกฆาตเหี้ยทุกไอ้อี อย่าให้มันมีที่ยืนในแผ่นดินไทยได้อีก ทหารเอกอโยธยาทั้งหลาย จงกล้าและตามกูมา ตายครั้งเดียว อย่าได้เสียดายชีวิต กูจะตามไปอยู่กับพ่อกูที่สรวงสวรรค์ ขอฝากผลงานมาสเตอร์พีซ ให้โลกประจักษ์ก่อนตาย)
    09 กรกฎาคม 68
    10.00 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    ((( ห นั ก แ ผ่ น ดิ น ))) อหังกา อีทรัมปป์เหี้ยส่งจดหมายตรงถึงในหลวง ตบหน้ารัฐบาลไทยขายชาติ ตบหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ตบหน้าระบบข้าราชการไทย ตามระเบียบแล้ว วิธีปฎิบัติสากลทั่วโลก หากจะมีจดหมายจากประเทศใดถึงพระมหากษัตริย์ จะผ่านตัวแทนทางการฑูต ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และตัวแทนรัฐบาลนำทูลเกล้า แต่นี่ ส่งตรงจากทำเนียบขาวถึงวังโดยตรง เอ่ยพระนามชัดเจน แปลว่าสุดทนแล้ว แปลว่าอะไร กูจะไล่เรียงบรรทัดให้มรึงฟัง 1.อีทรัมปป์ไม่เอารัฐบาลขายชาติชุดนี้ จบมั้ย? คุยไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นงาน เอาเด็กเมื่อวานซืนมานั่นเก้าอี้ผู้นำประเทศ บ่งบอกถึงสมองควายไทยบัดซบ 24 ล้านตัว บ่งบอกคุณภาพประชากรควายประเทศมรึงได้ดี แดร๊กปชต.ตอแหลจนควายเรียกเพ่ มันถึงได้เสียมารยาทอย่างรุนแรง และกร่างเกิน ส่งจดหมายตรงถึงสำนักพระราชวัง ในหลวง ใช่เพื่อนเล่นมรึงเหรอ? เค้าคุยกันแค่เฉพาะระดับราชวงศ์ 2.ต้องการสื่อเจตนารมณ์ชัด กูจะเอาภาษีมรึง 36% หากไม่อยากจ่ายขนาดนี้ แนะนำให้ย้ายโรงงานมาผลิตในสหรัฐไปเลย นั่นไง จุดอ่อนโผล่ทันที มันไม่เหลือโรงงานผลิตแล้วไงล่ะ เพราะย้ายหนีออกหมดเกลี้ยง ปิดกิจการกันทั้งแผ่นดิน ไอ้ที่ไล่เก็บภาษีโหดบัดซบ ก็ต้องการให้นานาชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิต เพราะมันรู้ตัวเองดีแล้วว่า ที่สู้จีนไม่ได้ เพราะกูมัวแต่อาศัยจมูกคนอื่นหายใจ กำลังการผลิตไม่มี จะเอาอำนาจที่ไหนต่อรองไปสู้เค้าได้ 3.ต้องการแยกไทยออกมาจากจีน เพราะไทยคือยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดในอาเซียน ไทยสนิทกับจีนมากจนเกินไป แต่มรึงหารู้ไม่ พระราชสำนักเชื่อมสัมพันธไมตรีกับจีนมายาวนานกว่าประเทศมรึงจะเกิดซะอีก ดีออก? เค้าคุยกันมากว่า 500 ปี มรึงแค่ 250 ปี ยังไม่ได้เกิดเลย เป็นใครฟ่ะ จะเข้ามาเสือกเนี่ย? ไทยเราได้รับการอุ้มชูอย่างมาก จากจีน รัสเซีย แค่ดวงอาทิตย์ที่ 2 ที่จีนมอบให้ มันคือหลักประกันพลังงานไม่รู้จบ มีแค่ชาติเดียวที่จีนมอบให้ และร่วมค้นคว้ามาด้วยกัน เหตุเพราะฝีมือในหลวงทั้งนั้น พระเทพเยือนจีนถี่ยิบ มาตลอดหลายปีเพื่อ 4.อีทรัมปป์ส่งสัญญานตรงถึงสำนักราชวัง เรื่องขอบเขตอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทยกับการปกครอง เป้าหมายคือ มอ112 ที่ผ่านมา อีส้มเน่า อี 3 นิ้วนรก อีกลุ่มเหี้ยทะลุเหี้ย อี NGO อีแดง และขบวนการล้มเจ้าทั้งหลาย ท่อน้ำเลี้ยงมาจาก NED ทั้งสิ้น ซึ่งอเมริกาเป้นผู้หนุนหลังล้มเจ้านั่นเอง เพื่อต้องการจะเข้ามายึดพระราชสมบัติทั้งหมด อเมริกาเป็นแค่ขี้ข้ายิว มีหน้าที่ปล้นสะดมภ์เค้าแดร๊ก มรึงเข้าใจยังว่า "ศัตรูของแผ่นดินแท้จริงคือใคร" ไม่ใช่แค่ตระกูลเหี้ย และขี้ข้าขบวนการล้มเจ้า มันคือ "อียิวระยำสัดนรก ท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยทั้งหมด" กูว่าถึงเวลาเชิญอิหร่านเข้ามาได้แล้วล่ะ ไม่ต้องไปไล่ อียิวอยู่ปายเท่าไหร่ ส่งอิหร่านเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน 2 เท่า เดี๋ยวเค้าจัดการกันเอง 5.การสื่อสารแบบนี้ การข้ามขั้นตอนแบบนี้ ระดับโลกเค้ามองไม่ให้เกียรติ และไม่เป็นมืออาชีพ แปลว่าอะไร? อีทรัมปป์จนปัญญาแล้ว สู้ขั้วใหม่ไม่ได้ ก็เล่นบทโจรแม่งซะเลย อ้างขาดดุลการค้า ไม่เป็นธรรม นั่นแค่ "หน้าฉาก" ไม่จำเป็นต้องส่งจดหมายตรงถึงพระราชสำนัก มรึงเข้าใจเกมส์ยัง? มันดิ้นแบบนี้ เพราะรู้แล้วว่า ไทยกำลังจะออกห่างอเมริกานั่นเอง ผลจาก 5 ปีหลัง เทดอลล่าร์กระจาย อุ้มทองคำต่อเนื่องแบบเงียบๆ เหี้ยมันรู้หมด ส่งสัญญานเตรียมจะสั่งขี้ข้ายิวในไทย ออกอาละวาดไงล่ะ สัญญานดอกนี้ บีบให้ทหารต้องทำรัฐประหาร เพื่อดึงความมั่นคงชาติกลับมาอยู่ในมือกองทัพ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองเอาชาติไปขายแดร๊ก ทรงมาเต็มตรีนเลยมรึง มิน่า กองทัพไทย ประกาศแสนยานุภาพก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ให้อีขะแมร์ดู แต่ให้เหี้ยยิวดูต่างหากล่ะ บทสรุป : ชัดเจนพอยัง? 93 ปี ศัตรูของแผ่นดินไทยทั้งชาติ คืออียิวเหี้ยไซออนนิสต์ พ่อทุกสถาบันเหี้ยไอ้อีทุกตัวบนโลกใบนี้ กูชี้เป้าไม่เคยพลาด ด่ามันมาตั้งแต่ 20 ปีก่อน เพราะเหี้ยมันมีแค่ตัวเดียว ใครล่ะ ที่สามารถสั่งฆ่า ลอบปลงพระชนม์พ่ออยู่หัวร.8 ได้ ใครสั่ง? หากสมเด็จย่าไม่ทรงปรีชาสามารถ เอาตัวรอด และต่อรองให้ยังคงรักษาสายพระโลหิตของราชวงศ์จักรีต่อไว้ได้ ป่านนี้ ไทยเราคงสิ้นชาติไปนานแล้ว ประวัติศาสตร์มันสอน ไม่มีใครทำร้ายแผ่นดินนี้ได้ นอกจากคนไทยกันเอง ถึงเวลาจัดการ ทุกไอ้อีที่ "หนักแผ่นดินรึยัง" กวาดให้เรียบ ย้อนหลัง ย้อนคดีของเก่าที่ผ่านมา 93 ปี ให้หมด ใครเคยทรยศแผ่นดินนี้ไว้ ยึดอำนาจให้สิ้น จับไปตัดหัว 9 ชั่วโคตร กลับมาใช้ "พ่อปกครองลูก" กฎต้องแรง อาญาต้องสะเด็ดน้ำ อย่าให้ไอ้อีหน้าไหนกล้าทรยศแผ่นดินได้อีก ขอเริ่มต้นที่ตระกูลชินจังก่อนเลยเป็นไง 9 ชั่วโคตร เอาให้เลือดชั่วๆ ของตระกูลอัปรีย์จัญไรสิ้นไปจากโลกในพศ.นี้ แม่งซะเลย ดวงดาวแห่งแสง เริ่มฉายปรากฎความจริงเด่นชัดมากขึ้นแล้ว จงเดินตามแสง แล้วความจริงจะปรากฎต่อหน้ามรึง? หมี CNN(เปิดหน้ากันหมดแล้วสิมรึง! อีทรัมปป์เร่งเกมส์มากไปหน่อย จีน รัสเซีย บีบจนขี้แตก อ่านทะลุมิติ ไทยเรารอดแล้ว มาทรงนี้คือ "ปะทะแน่นอน" เกมส์การศึกปล่อยให้ทหารจัดการไปซะ ส่วนพวกเรา เกมส์ภายใน จงเร่งมือเป่าประกาศให้โลกรู้ ไอ้อีตัวไหนที่ทุรยศแผ่นดินอโยธยา ไอ้อีทุกตัวต้องโดนโทษหนักประหารชีวิตสถานเดียว พลังแห่งแสง พลังโซเชี่ยลฝ่ายธรรม จะรุกฆาตเหี้ยทุกไอ้อี อย่าให้มันมีที่ยืนในแผ่นดินไทยได้อีก ทหารเอกอโยธยาทั้งหลาย จงกล้าและตามกูมา ตายครั้งเดียว อย่าได้เสียดายชีวิต กูจะตามไปอยู่กับพ่อกูที่สรวงสวรรค์ ขอฝากผลงานมาสเตอร์พีซ ให้โลกประจักษ์ก่อนตาย) 09 กรกฎาคม 68 10.00 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกติแล้ว ภายในสมาร์ตโฟน ชิปจะถูกวางอยู่บนแผ่นซับสเตรต แล้ว “ลูกบอลบัดกรี” (solder balls) จะเชื่อมระหว่างชิปกับเมนบอร์ด → แต่ LG Innotek เสนอว่า แทนที่จะใช้ลูกบอลเชื่อมแบบเดิม ให้ใช้แท่งทองแดง (Copper Posts) วางบนซับสเตรตก่อน แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีอีกที → ทำให้สามารถ “ลดช่องว่างระหว่างจุดเชื่อมต่อ” ลงได้ถึง 20% แบบไม่เสียประสิทธิภาพเลย

    ข้อดีไม่ใช่แค่บางลง → แต่ระบบนี้ทำให้ ระบายความร้อนได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 7 เท่า → และทนความร้อนในขั้นตอนผลิตมากขึ้น → ไม่เสียรูปง่ายเหมือนลูกบอลดีบุก

    ตอนนี้ LG Innotek มีสิทธิบัตร Copper Post แล้วกว่า 40 ใบ และเตรียมใช้กับแพ็กเกจ RF-SiP (สำหรับโมเด็ม, เครื่องขยายสัญญาณ, ตัวกรองคลื่น) และ FC-CSP (สำหรับแอปพลิเคชันโปรเซสเซอร์)

    LG Innotek พัฒนาโครงสร้าง Copper Post แทน solder balls แบบเดิม  
    • วางแท่งทองแดงบน substrate → แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีด้านบน  
    • ลดระยะห่างระหว่าง solder ได้ถึง ~20%  
    • ทำให้สมาร์ตโฟนบางลง และเหลือพื้นที่ใส่แบตฯ หรือชิ้นส่วนอื่น ๆ มากขึ้น

    ช่วยเพิ่มการระบายความร้อน + ความทนทานในกระบวนการผลิต  
    • ทองแดงนำความร้อนดีกว่าดีบุกบัดกรี 7 เท่า  
    • ไม่เสียรูปแม้ในความร้อนสูงขั้นตอนประกอบ

    ช่วยลดปัญหาสัญญาณรบกวน (signal degradation) ที่เกิดจากความร้อนสะสม  
    • เหมาะกับสมาร์ตโฟนรุ่นสูงที่มีการส่งข้อมูลความเร็วสูง

    LG Innotek ลงทุนวิจัยตั้งแต่ปี 2021 โดยใช้ 3D simulation และ digital twin  
    • ปัจจุบันมีสิทธิบัตรแล้วราว 40 ใบ  
    • เตรียมใช้งานจริงกับ RF-SiP และ FC-CSP บนสมาร์ตโฟน–อุปกรณ์สวมใส่

    Copper Post ยังไม่ใช่โซลูชันที่ผ่าน mass adoption → ต้องรอผู้ผลิตนำไปใช้งานจริงอย่างแพร่หลายในตลาดก่อน

    ต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่แม่นยำสูง → หากควบคุมไม่ดี อาจเกิดความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/lg-innotek-to-slim-down-smartphones-by-replacing-solder-balls-with-copper-posts
    ปกติแล้ว ภายในสมาร์ตโฟน ชิปจะถูกวางอยู่บนแผ่นซับสเตรต แล้ว “ลูกบอลบัดกรี” (solder balls) จะเชื่อมระหว่างชิปกับเมนบอร์ด → แต่ LG Innotek เสนอว่า แทนที่จะใช้ลูกบอลเชื่อมแบบเดิม ให้ใช้แท่งทองแดง (Copper Posts) วางบนซับสเตรตก่อน แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีอีกที → ทำให้สามารถ “ลดช่องว่างระหว่างจุดเชื่อมต่อ” ลงได้ถึง 20% แบบไม่เสียประสิทธิภาพเลย ข้อดีไม่ใช่แค่บางลง → แต่ระบบนี้ทำให้ ระบายความร้อนได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 7 เท่า → และทนความร้อนในขั้นตอนผลิตมากขึ้น → ไม่เสียรูปง่ายเหมือนลูกบอลดีบุก ตอนนี้ LG Innotek มีสิทธิบัตร Copper Post แล้วกว่า 40 ใบ และเตรียมใช้กับแพ็กเกจ RF-SiP (สำหรับโมเด็ม, เครื่องขยายสัญญาณ, ตัวกรองคลื่น) และ FC-CSP (สำหรับแอปพลิเคชันโปรเซสเซอร์) ✅ LG Innotek พัฒนาโครงสร้าง Copper Post แทน solder balls แบบเดิม   • วางแท่งทองแดงบน substrate → แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีด้านบน   • ลดระยะห่างระหว่าง solder ได้ถึง ~20%   • ทำให้สมาร์ตโฟนบางลง และเหลือพื้นที่ใส่แบตฯ หรือชิ้นส่วนอื่น ๆ มากขึ้น ✅ ช่วยเพิ่มการระบายความร้อน + ความทนทานในกระบวนการผลิต   • ทองแดงนำความร้อนดีกว่าดีบุกบัดกรี 7 เท่า   • ไม่เสียรูปแม้ในความร้อนสูงขั้นตอนประกอบ ✅ ช่วยลดปัญหาสัญญาณรบกวน (signal degradation) ที่เกิดจากความร้อนสะสม   • เหมาะกับสมาร์ตโฟนรุ่นสูงที่มีการส่งข้อมูลความเร็วสูง ✅ LG Innotek ลงทุนวิจัยตั้งแต่ปี 2021 โดยใช้ 3D simulation และ digital twin   • ปัจจุบันมีสิทธิบัตรแล้วราว 40 ใบ   • เตรียมใช้งานจริงกับ RF-SiP และ FC-CSP บนสมาร์ตโฟน–อุปกรณ์สวมใส่ ‼️ Copper Post ยังไม่ใช่โซลูชันที่ผ่าน mass adoption → ต้องรอผู้ผลิตนำไปใช้งานจริงอย่างแพร่หลายในตลาดก่อน ‼️ ต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่แม่นยำสูง → หากควบคุมไม่ดี อาจเกิดความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/lg-innotek-to-slim-down-smartphones-by-replacing-solder-balls-with-copper-posts
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    LG Innotek to slim down smartphones by replacing solder balls with copper posts
    LG Innotek introduced Copper Post packaging technology, which replaces traditional solder balls in semiconductor substrates, enabling slimmer, denser, and cooler smartphone designs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมคนบางคนมีแต่คนรัก…
    แต่บางคนเจอแต่คนเกลียด — ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด?

    ถ้าคุณเคยรู้สึกว่า
    “อยู่เฉยๆ ยังมีคนหมั่นไส้”
    “ยังไม่ทันรู้จักกันดี ก็โดนรุมเกลียดแบบไม่มีเหตุผล”
    หรือแม้แต่… “มีแต่คนพร้อมจะซ้ำเติมยามล้ม”
    โพสต์นี้อาจช่วยให้คุณเข้าใจเบื้องหลังของกระแสดึงดูดเวรภัยในชีวิตได้ลึกขึ้น

    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
    ภัยเวร ที่เกิดขึ้นกับชีวิต
    มักมีเหตุ ๒ ทางเสมอ —
    1. นิสัยในปัจจุบัน ที่ก่อคลื่นรบกวนจิตใจผู้อื่น
    2. วิบากกรรมเก่า ที่ติดตามมาให้ผลเหมือนแม่เหล็ก

    บางคนมีนิสัยดีทางกาย
    แต่ไม่รู้เลยว่าตนเองส่งกระแสจิต “อคติแรง”
    หรือ “เห็นแก่ตัวลึกๆ” ออกไป
    บางคนจิตหม่น เศร้า อาฆาตอยู่ภายใน
    ก็สร้างบรรยากาศมืดทึบ ให้คนรอบข้างรู้สึกอึดอัดโดยไม่รู้ตัว

    ขณะเดียวกัน บางคนไม่ได้ทำนิสัยไม่ดีอะไรเลย
    แต่ยังคงมีกรรมเก่าเปิดช่องให้ดึงดูดเวรภัยเข้ามา
    ทำให้ “แค่เห็นหน้า ก็รู้สึกไม่ถูกชะตา”
    หรือ “อยู่เฉยๆ ก็มีคนอยากกลั่นแกล้งแบบไม่มีเหตุผล”

    เมื่อเคยมีอำนาจเบียดเบียนใครในอดีต
    คุณอาจต้องมาอยู่ในวงล้อมของศัตรูในปัจจุบัน
    และเมื่อคุณเคย “แอบสะใจตอนคนอื่นล้ม”
    วันหนึ่ง…คุณอาจต้องล้มกลางวง
    ให้คนอื่นสะใจบ้างแบบไม่เข้าใจเหตุผล

    👁 แต่ธรรมะให้ทางออกเสมอ
    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดใน เวรสูตร ว่า
    หากเราละภัยเวรทั้ง 5
    (ฆ่าสัตว์, ลักทรัพย์, ผิดในกาม, พูดเท็จ, เมา)
    เราจะค่อยๆ ห่างจากเวรภัยได้จริง — แม้ในชาตินี้!

    จงอยู่อย่างผู้ที่ตั้งใจละภัยเวร
    แม้จะยังมีภัยเวรตามทัน
    แต่เมื่อจิตไม่ตอบโต้ ไม่เอาคืน
    ไม่หวังให้ใครเจ็บเหมือนเรา
    เวรจะค่อยๆ หยุดด้วยตัวมันเอง
    และผู้ที่เราเคยเป็นเวรด้วย อาจกลายเป็นมิตรได้อย่างน่าอัศจรรย์

    จำไว้ว่า…
    แม้คุณจะ “เกิดมาเพื่อโดนเกลียด”
    แต่คุณสามารถ “ตายจากไปในฐานะผู้เป็นที่รัก” ได้
    ด้วยทางเดียวคือ… ละเวรให้สำเร็จ!

    #ธรรมะเปลี่ยนชีวิต
    #เวรภัยมีจริงแต่ละได้
    #แม่เหล็กชีวิตมีพลัง
    #โพสต์ที่ใครกำลังโดนเกลียดควรอ่าน
    🧲 ทำไมคนบางคนมีแต่คนรัก… แต่บางคนเจอแต่คนเกลียด — ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด? ถ้าคุณเคยรู้สึกว่า “อยู่เฉยๆ ยังมีคนหมั่นไส้” “ยังไม่ทันรู้จักกันดี ก็โดนรุมเกลียดแบบไม่มีเหตุผล” หรือแม้แต่… “มีแต่คนพร้อมจะซ้ำเติมยามล้ม” โพสต์นี้อาจช่วยให้คุณเข้าใจเบื้องหลังของกระแสดึงดูดเวรภัยในชีวิตได้ลึกขึ้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ภัยเวร ที่เกิดขึ้นกับชีวิต มักมีเหตุ ๒ ทางเสมอ — 1. นิสัยในปัจจุบัน ที่ก่อคลื่นรบกวนจิตใจผู้อื่น 2. วิบากกรรมเก่า ที่ติดตามมาให้ผลเหมือนแม่เหล็ก บางคนมีนิสัยดีทางกาย แต่ไม่รู้เลยว่าตนเองส่งกระแสจิต “อคติแรง” หรือ “เห็นแก่ตัวลึกๆ” ออกไป บางคนจิตหม่น เศร้า อาฆาตอยู่ภายใน ก็สร้างบรรยากาศมืดทึบ ให้คนรอบข้างรู้สึกอึดอัดโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกัน บางคนไม่ได้ทำนิสัยไม่ดีอะไรเลย แต่ยังคงมีกรรมเก่าเปิดช่องให้ดึงดูดเวรภัยเข้ามา ทำให้ “แค่เห็นหน้า ก็รู้สึกไม่ถูกชะตา” หรือ “อยู่เฉยๆ ก็มีคนอยากกลั่นแกล้งแบบไม่มีเหตุผล” 🔁 เมื่อเคยมีอำนาจเบียดเบียนใครในอดีต คุณอาจต้องมาอยู่ในวงล้อมของศัตรูในปัจจุบัน และเมื่อคุณเคย “แอบสะใจตอนคนอื่นล้ม” วันหนึ่ง…คุณอาจต้องล้มกลางวง ให้คนอื่นสะใจบ้างแบบไม่เข้าใจเหตุผล 👁 แต่ธรรมะให้ทางออกเสมอ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดใน เวรสูตร ว่า หากเราละภัยเวรทั้ง 5 (ฆ่าสัตว์, ลักทรัพย์, ผิดในกาม, พูดเท็จ, เมา) เราจะค่อยๆ ห่างจากเวรภัยได้จริง — แม้ในชาตินี้! ✨ จงอยู่อย่างผู้ที่ตั้งใจละภัยเวร แม้จะยังมีภัยเวรตามทัน แต่เมื่อจิตไม่ตอบโต้ ไม่เอาคืน ไม่หวังให้ใครเจ็บเหมือนเรา เวรจะค่อยๆ หยุดด้วยตัวมันเอง และผู้ที่เราเคยเป็นเวรด้วย อาจกลายเป็นมิตรได้อย่างน่าอัศจรรย์ จำไว้ว่า… แม้คุณจะ “เกิดมาเพื่อโดนเกลียด” แต่คุณสามารถ “ตายจากไปในฐานะผู้เป็นที่รัก” ได้ ด้วยทางเดียวคือ… ละเวรให้สำเร็จ! #ธรรมะเปลี่ยนชีวิต #เวรภัยมีจริงแต่ละได้ #แม่เหล็กชีวิตมีพลัง #โพสต์ที่ใครกำลังโดนเกลียดควรอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • Turun Anwar ม็อบไล่นายกฯ มาเลย์

    การเมืองในอาเซียน นอกจากประเทศไทยจะมีการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง กรณีคลิปเสียง ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในลักษณะขายชาติแล้ว นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ที่เป็นประธานอาเซียน และมีทักษิณ ชินวัตร บิดาแพทองธารเป็นที่ปรึกษา ก็ยังมีการชุมนุมเรียกร้องให้ลาออกเช่นกัน

    เมื่อวันที่ 6 ก.ค. มีการชุมนุมเล็กๆ บริเวณลานจอดรถของโรงแรมคอนคอร์ด เชคชันไนน์ ในเมืองชาห์อาลัม รัฐสลังงอร์ เพื่อเรียกร้องให้อันวาร์ลาออก โดยมีป้ายข้อความว่า Turun Anwar (อันวาร์ลาออกเถอะ) Rakyat Susah (ประชาชนกำลังดิ้นรน) และ Rakyat Terbeban (ประชาชนมีภาระหนัก) โดยผู้ชุมนุมแสดงความกังวลถึงปัญหาหลายประการ รวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น และการขยายกรอบภาษีการขายและบริการ (SST) ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา

    แกนนำประกอบด้วย มูฮัมหมัด ราชิด อาลี หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของพรรคเปอจวง (Pejuang) ที่ก่อตั้งโดยอดีตนายกฯ มหาเธร์ โมฮัมหมัด, ฮานิฟ จามาลุดดิน รองหัวหน้ากลุ่มเยาวชนของพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย หรือพาส (Pemuda PAS) พรรคการเมืองเก่าแก่และพรรคอิสลามหนึ่งเดียวของประเทศ, เอซัม นอร์ อดีตสมาชิกพรรคยุติธรรมประชาชน (PKR), อาซามุดดิน ซาฮาร์ ประธานกลุ่มพันธมิตรนักศึกษาอิสลามแห่งมาเลเซีย (Gamis) เป็นต้น

    ฮานีฟ กล่าวว่า เป็นเพียงการชุมนุมย่อยเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการชุมนุมใหญ่ ที่วางแผนไว้ว่าจะจัดขึ้นที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 26 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะมีเอ็นจีโอและผู้นำทางการเมืองอื่นๆ เข้าร่วม อาทิ อดีตนายกรัฐมนตรี มหาธีร์ โมฮัมหมัด, ประธานพรรคเบอร์ซาตู (Bersatu) มูฮิดดิน ยาสซิน และประธานพรรคปาส อับดุล ฮาดิ อาวัง เป็นต้น

    ขณะที่ เอซัม กล่าวว่า ประชาชนผิดหวังกับความเป็นผู้นำของอันวาร์ ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ขณะเป็นฝ่ายค้าน เช่น การลดราคาน้ำมัน ยืนยันว่าไม่ได้ต่อสู้กับทางการและตำรวจ แต่ต้องการให้รัฐบาลได้ยินเสียงของผู้ชุมนุม เมื่อก่อนมีแต่คนธรรมดาเท่านั้นที่โกรธ ตอนนี้แม้แต่คนรวยก็ยังโกรธด้วยเพราะต้องเสียภาษีต่างๆ อีกมาก

    ก่อนหน้านี้ อาหมัด ฟาฎลี ชาอารี หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของพรรคพาส กล่าวกับเว็บไซต์ harakahdaily.net เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ว่า การชุมนุมในวันที่ 26 ก.ค. นอกจากต่อต้านร่างพระราชบัญญัติการฟื้นฟูเมือง (URA) แล้ว จะชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาล เช่น การปฎิรูปการเมืองล้มเหลว การปิดกั้นเสรีภาพ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ห่างไกลจากแนวทางของรัฐบาล Malaysia Madani ไปแล้ว

    #Newskit
    Turun Anwar ม็อบไล่นายกฯ มาเลย์ การเมืองในอาเซียน นอกจากประเทศไทยจะมีการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง กรณีคลิปเสียง ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในลักษณะขายชาติแล้ว นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ที่เป็นประธานอาเซียน และมีทักษิณ ชินวัตร บิดาแพทองธารเป็นที่ปรึกษา ก็ยังมีการชุมนุมเรียกร้องให้ลาออกเช่นกัน เมื่อวันที่ 6 ก.ค. มีการชุมนุมเล็กๆ บริเวณลานจอดรถของโรงแรมคอนคอร์ด เชคชันไนน์ ในเมืองชาห์อาลัม รัฐสลังงอร์ เพื่อเรียกร้องให้อันวาร์ลาออก โดยมีป้ายข้อความว่า Turun Anwar (อันวาร์ลาออกเถอะ) Rakyat Susah (ประชาชนกำลังดิ้นรน) และ Rakyat Terbeban (ประชาชนมีภาระหนัก) โดยผู้ชุมนุมแสดงความกังวลถึงปัญหาหลายประการ รวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น และการขยายกรอบภาษีการขายและบริการ (SST) ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา แกนนำประกอบด้วย มูฮัมหมัด ราชิด อาลี หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของพรรคเปอจวง (Pejuang) ที่ก่อตั้งโดยอดีตนายกฯ มหาเธร์ โมฮัมหมัด, ฮานิฟ จามาลุดดิน รองหัวหน้ากลุ่มเยาวชนของพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย หรือพาส (Pemuda PAS) พรรคการเมืองเก่าแก่และพรรคอิสลามหนึ่งเดียวของประเทศ, เอซัม นอร์ อดีตสมาชิกพรรคยุติธรรมประชาชน (PKR), อาซามุดดิน ซาฮาร์ ประธานกลุ่มพันธมิตรนักศึกษาอิสลามแห่งมาเลเซีย (Gamis) เป็นต้น ฮานีฟ กล่าวว่า เป็นเพียงการชุมนุมย่อยเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการชุมนุมใหญ่ ที่วางแผนไว้ว่าจะจัดขึ้นที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 26 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะมีเอ็นจีโอและผู้นำทางการเมืองอื่นๆ เข้าร่วม อาทิ อดีตนายกรัฐมนตรี มหาธีร์ โมฮัมหมัด, ประธานพรรคเบอร์ซาตู (Bersatu) มูฮิดดิน ยาสซิน และประธานพรรคปาส อับดุล ฮาดิ อาวัง เป็นต้น ขณะที่ เอซัม กล่าวว่า ประชาชนผิดหวังกับความเป็นผู้นำของอันวาร์ ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ขณะเป็นฝ่ายค้าน เช่น การลดราคาน้ำมัน ยืนยันว่าไม่ได้ต่อสู้กับทางการและตำรวจ แต่ต้องการให้รัฐบาลได้ยินเสียงของผู้ชุมนุม เมื่อก่อนมีแต่คนธรรมดาเท่านั้นที่โกรธ ตอนนี้แม้แต่คนรวยก็ยังโกรธด้วยเพราะต้องเสียภาษีต่างๆ อีกมาก ก่อนหน้านี้ อาหมัด ฟาฎลี ชาอารี หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของพรรคพาส กล่าวกับเว็บไซต์ harakahdaily.net เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ว่า การชุมนุมในวันที่ 26 ก.ค. นอกจากต่อต้านร่างพระราชบัญญัติการฟื้นฟูเมือง (URA) แล้ว จะชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาล เช่น การปฎิรูปการเมืองล้มเหลว การปิดกั้นเสรีภาพ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ห่างไกลจากแนวทางของรัฐบาล Malaysia Madani ไปแล้ว #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองจินตนาการว่า...ทั่วโลกมีคลื่นแผ่นดินไหวขนาดเบา ๆ เด้งทุก 90 วินาที แบบนาฬิกาเดินตรงนานหลายวัน → มันเกิดขึ้นจริงในเดือนกันยายน 2023 และเกิดซ้ำอีกครั้งในอีก 1 เดือนต่อมา → โดยไม่มีแผ่นดินไหว, ไม่มีระเบิด, ไม่มีภูเขาไฟ — แต่เกิด “สัญญาณแผ่นดินไหว” (seismic wave) ทุก ๆ 90 วินาที บนความถี่ 10.88 mHz

    นักวิทยาศาสตร์งงอยู่นาน จนทีมจากอ็อกซ์ฟอร์ดนำข้อมูลจากดาวเทียม SWOT ซึ่งใช้เลเซอร์ราดาร์สแกนความสูงของผิวน้ำแบบละเอียด → พบว่ามี “คลื่นสะท้อน” (seiche) ขนาดใหญ่ใน Dickson Fjord ที่อยู่ฝั่งตะวันออกของกรีนแลนด์ → คลื่นนี้เกิดจาก “ดินถล่มขนาดยักษ์ในฟยอร์ด” ที่ทำให้เกิด “คลื่นสึนามิสองระลอก” ติดกัน → เมื่อคลื่นติดอยู่ในพื้นที่แคบแบบฟยอร์ด มันสะท้อนกลับไป–มา สร้างแรงกดบนเปลือกโลกจนเป็นคลื่นแผ่นดินไหวเบา ๆ ไปทั่วโลก!

    ทีมงานใช้เทคนิค Machine Learning แบบเบย์ (Bayesian ML) ผนวกกับข้อมูลแรงสั่นสะเทือนทั่วโลก → คำนวณได้ว่าคลื่นสึนามิต้นทางน่าจะสูงถึง 7.9 เมตร → นี่คือครั้งแรกที่มนุษย์สามารถ “จับภาพ–วิเคราะห์–ยืนยัน” ปรากฏการณ์ seiche ระดับสั่นสะเทือนโลกได้สำเร็จ → และยังแสดงให้เห็นว่า “ภาวะโลกร้อน” ทำให้เกิดสิ่งแปลกใหม่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งการวัดแบบดั้งเดิมเข้าไม่ถึง

    โลกเกิดแรงสั่นสะเทือนซ้ำ ๆ ทุก 90 วินาที นาน 9 วันใน ก.ย. 2023 และอีกครั้งใน ต.ค.  
    • เกิดแรงแผ่นดินไหวเบา ๆ ความถี่ 10.88 mHz ทั่วโลก  
    • สัญญาณตรวจพบทั่วทั้งโครงข่ายเซนเซอร์โลก

    ทีมมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดพบว่าเกิดจาก “seiche” คลื่นน้ำสะท้อนใน Dickson Fjord, Greenland  
    • สาเหตุคือดินถล่มขนาดยักษ์ ทำให้เกิดสึนามิ 2 ลูก  
    • คลื่นวิ่งไปมาภายในฟยอร์ด → สร้างแรงกดจนเกิดคลื่นแผ่นดินไหว

    ใช้ดาวเทียม SWOT ที่มีระบบ KaRIn radar วัดระดับน้ำแบบละเอียดในพื้นที่กว้างถึง 50 กม.  
    • พบว่าพื้นน้ำในฟยอร์ดมีความเอียงเปลี่ยนทิศอย่างชัดเจน (สูงสุด 2 เมตร)  
    • พิสูจน์ว่าคลื่นสะท้อนแบบ seiche เกิดขึ้นจริง

    ยืนยันด้วยข้อมูลลม–น้ำขึ้นน้ำลง และการเคลื่อนไหวเปลือกโลกขนาดเล็กจากจุดไกลหลายพันกิโลเมตร

    ทีมวิจัยใช้ Bayesian ML ช่วยประเมินขนาดคลื่นต้นเหตุ ~7.9 เมตร

    ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมรุ่นใหม่ + เทคนิคข้อมูลขั้นสูงเพื่อไขปริศนาธรณีวิทยา

    https://www.neowin.net/news/oxford-explains-what-made-earth-shake-every-90-seconds-over-nine-days-in-2023/
    ลองจินตนาการว่า...ทั่วโลกมีคลื่นแผ่นดินไหวขนาดเบา ๆ เด้งทุก 90 วินาที แบบนาฬิกาเดินตรงนานหลายวัน → มันเกิดขึ้นจริงในเดือนกันยายน 2023 และเกิดซ้ำอีกครั้งในอีก 1 เดือนต่อมา → โดยไม่มีแผ่นดินไหว, ไม่มีระเบิด, ไม่มีภูเขาไฟ — แต่เกิด “สัญญาณแผ่นดินไหว” (seismic wave) ทุก ๆ 90 วินาที บนความถี่ 10.88 mHz นักวิทยาศาสตร์งงอยู่นาน จนทีมจากอ็อกซ์ฟอร์ดนำข้อมูลจากดาวเทียม SWOT ซึ่งใช้เลเซอร์ราดาร์สแกนความสูงของผิวน้ำแบบละเอียด → พบว่ามี “คลื่นสะท้อน” (seiche) ขนาดใหญ่ใน Dickson Fjord ที่อยู่ฝั่งตะวันออกของกรีนแลนด์ → คลื่นนี้เกิดจาก “ดินถล่มขนาดยักษ์ในฟยอร์ด” ที่ทำให้เกิด “คลื่นสึนามิสองระลอก” ติดกัน → เมื่อคลื่นติดอยู่ในพื้นที่แคบแบบฟยอร์ด มันสะท้อนกลับไป–มา สร้างแรงกดบนเปลือกโลกจนเป็นคลื่นแผ่นดินไหวเบา ๆ ไปทั่วโลก! ทีมงานใช้เทคนิค Machine Learning แบบเบย์ (Bayesian ML) ผนวกกับข้อมูลแรงสั่นสะเทือนทั่วโลก → คำนวณได้ว่าคลื่นสึนามิต้นทางน่าจะสูงถึง 7.9 เมตร → นี่คือครั้งแรกที่มนุษย์สามารถ “จับภาพ–วิเคราะห์–ยืนยัน” ปรากฏการณ์ seiche ระดับสั่นสะเทือนโลกได้สำเร็จ → และยังแสดงให้เห็นว่า “ภาวะโลกร้อน” ทำให้เกิดสิ่งแปลกใหม่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งการวัดแบบดั้งเดิมเข้าไม่ถึง ✅ โลกเกิดแรงสั่นสะเทือนซ้ำ ๆ ทุก 90 วินาที นาน 9 วันใน ก.ย. 2023 และอีกครั้งใน ต.ค.   • เกิดแรงแผ่นดินไหวเบา ๆ ความถี่ 10.88 mHz ทั่วโลก   • สัญญาณตรวจพบทั่วทั้งโครงข่ายเซนเซอร์โลก ✅ ทีมมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดพบว่าเกิดจาก “seiche” คลื่นน้ำสะท้อนใน Dickson Fjord, Greenland   • สาเหตุคือดินถล่มขนาดยักษ์ ทำให้เกิดสึนามิ 2 ลูก   • คลื่นวิ่งไปมาภายในฟยอร์ด → สร้างแรงกดจนเกิดคลื่นแผ่นดินไหว ✅ ใช้ดาวเทียม SWOT ที่มีระบบ KaRIn radar วัดระดับน้ำแบบละเอียดในพื้นที่กว้างถึง 50 กม.   • พบว่าพื้นน้ำในฟยอร์ดมีความเอียงเปลี่ยนทิศอย่างชัดเจน (สูงสุด 2 เมตร)   • พิสูจน์ว่าคลื่นสะท้อนแบบ seiche เกิดขึ้นจริง ✅ ยืนยันด้วยข้อมูลลม–น้ำขึ้นน้ำลง และการเคลื่อนไหวเปลือกโลกขนาดเล็กจากจุดไกลหลายพันกิโลเมตร ✅ ทีมวิจัยใช้ Bayesian ML ช่วยประเมินขนาดคลื่นต้นเหตุ ~7.9 เมตร ✅ ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมรุ่นใหม่ + เทคนิคข้อมูลขั้นสูงเพื่อไขปริศนาธรณีวิทยา https://www.neowin.net/news/oxford-explains-what-made-earth-shake-every-90-seconds-over-nine-days-in-2023/
    WWW.NEOWIN.NET
    Oxford explains what made Earth shake "every 90 seconds over nine days" in 2023
    Back in September of 2023, the Earth shook for "every 90 seconds over nine days" and now in 2025, Oxford scientists have solved what caused it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี ปรากฏตัวต่อสาธารณะทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในการเข้ามัสยิดวันเสาร์(5 ก.ค)พิธีเฉลิมฉลอง 1 วันก่อนเทศกาลอาชูรา(Ashura) หลังหลบในบังเกอร์ใต้ดินระหว่างสงคราม 12 วัน ด้านฮามาสยอมรับโดนโจมตีทางอากาศหนักเสียอำนาจคุมเขตฉนวนกาซาไปเกือบหมด รัฐบาลเทลอาวีฟไฟเขียวให้องค์กรมนุษยธรรมเข้าแจกอาหารได้ อดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอเมริกันเปิดเผยเห็นเพื่อนร่วมงานใช้ปืนกลยิงใส่กลุ่มคนแก่ ผู้หญิง เด็ก เดินช้าห่างจากจุดแจกอาหารอิสราเอล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063723

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี ปรากฏตัวต่อสาธารณะทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในการเข้ามัสยิดวันเสาร์(5 ก.ค)พิธีเฉลิมฉลอง 1 วันก่อนเทศกาลอาชูรา(Ashura) หลังหลบในบังเกอร์ใต้ดินระหว่างสงคราม 12 วัน ด้านฮามาสยอมรับโดนโจมตีทางอากาศหนักเสียอำนาจคุมเขตฉนวนกาซาไปเกือบหมด รัฐบาลเทลอาวีฟไฟเขียวให้องค์กรมนุษยธรรมเข้าแจกอาหารได้ อดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอเมริกันเปิดเผยเห็นเพื่อนร่วมงานใช้ปืนกลยิงใส่กลุ่มคนแก่ ผู้หญิง เด็ก เดินช้าห่างจากจุดแจกอาหารอิสราเอล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063723 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1098 มุมมอง 0 รีวิว
  • สกู๊ตเปิดเส้นทางใหม่ สิงคโปร์-โกตาบารู

    สกู๊ต (Scoot) สายการบินราคาประหยัดในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ด้วยเครื่องบิน Embraer E190-E2 สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ทุกวันศุกร์และวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป ได้แก่ ขาไป เที่ยวบินที่ TR460 ออกจากสิงคโปร์ 20.40 น. ถึงโกตาบารู 21.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที และขากลับ TR461 ออกจากโกตาบารู 22.30 น. ถึงสิงคโปร์ 23.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 25 นาที

    โกตาบารู เมืองหลวงของรัฐกลันตัน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย มีท่าอากาศยานสุลต่านอิสมาอิล เปตรา (KBR) ห่างจากด่านเป็งกาลันกูโบ ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 37 กิโลเมตร และด่านรันเตาปันจัน ตรงข้าม อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส 50 กิโลเมตร เปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่เมื่อ 1 พ.ค. 2567 มีเที่ยวบินให้บริการวันละกว่า 30 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 1.5 ล้านคนต่อปี กำลังขยายอาคารผู้โดยสารและรันเวย์เพื่อรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 4 ล้านคนต่อปี

    ก่อนหน้านี้สกู๊ตเคยเปิดเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู เมื่อปี 2562 ด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่ได้ยกเลิกไป การเปิดเส้นทางบินใหม่ดังกล่าว จะทำให้สกู๊ตมีเที่ยวบินรวมกัน 115 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยัง 12 เมืองในมาเลเซีย

    นอกจากนี้ สกู๊ตเตรียมเปิดเส้นทางสิงคโปร์-ดานัง และสิงคโปร์-ญาจาง ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานชางงีมีเครือข่ายเส้นทางบินครอบคลุมกว่า 170 เมือง อีกทั้งสกู๊ตมีแผนเปิดเส้นทางใหม่ไปยังเมดาน ลาบวน ประเทศอินโดนีเซีย และโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางไปยังคลาร์ก ดาเวา มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หาดใหญ่ ประเทศไทย และเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อรองรับความต้องการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น

    สำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ปัจจุบันมีท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีเที่ยวบินไปยังประเทศสิงคโปร์ โดยสายการบินสกู๊ตเป็นประจำทุกวัน 1 เที่ยวบิน และมีไฟล์ตดึกทุกวันจันทร์ ศุกร์ และอาทิตย์ อีก 1 เที่ยวบิน จึงเป็นไปได้ว่าสกู๊ตต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองโกตาบารู ชมสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม และหมู่เกาะเปอร์เฮนเทียน (Pulau Perhentian) แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและดำน้ำยอดนิยมในรัฐตรังกานูมากกว่า ซึ่งจากสนามบินโกตาบารู เดินทางด้วยรถยนต์ไปอีก 60 กิโลเมตร จะถึงท่าเรือกัวลาบูซุต (Kuala Besut) แล้วต่อด้วยเรือเฟอร์รี่เพื่อไปยังเกาะดังกล่าว

    #Newskit
    สกู๊ตเปิดเส้นทางใหม่ สิงคโปร์-โกตาบารู สกู๊ต (Scoot) สายการบินราคาประหยัดในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ด้วยเครื่องบิน Embraer E190-E2 สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ทุกวันศุกร์และวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป ได้แก่ ขาไป เที่ยวบินที่ TR460 ออกจากสิงคโปร์ 20.40 น. ถึงโกตาบารู 21.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที และขากลับ TR461 ออกจากโกตาบารู 22.30 น. ถึงสิงคโปร์ 23.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 25 นาที โกตาบารู เมืองหลวงของรัฐกลันตัน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย มีท่าอากาศยานสุลต่านอิสมาอิล เปตรา (KBR) ห่างจากด่านเป็งกาลันกูโบ ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 37 กิโลเมตร และด่านรันเตาปันจัน ตรงข้าม อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส 50 กิโลเมตร เปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่เมื่อ 1 พ.ค. 2567 มีเที่ยวบินให้บริการวันละกว่า 30 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 1.5 ล้านคนต่อปี กำลังขยายอาคารผู้โดยสารและรันเวย์เพื่อรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 4 ล้านคนต่อปี ก่อนหน้านี้สกู๊ตเคยเปิดเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู เมื่อปี 2562 ด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่ได้ยกเลิกไป การเปิดเส้นทางบินใหม่ดังกล่าว จะทำให้สกู๊ตมีเที่ยวบินรวมกัน 115 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยัง 12 เมืองในมาเลเซีย นอกจากนี้ สกู๊ตเตรียมเปิดเส้นทางสิงคโปร์-ดานัง และสิงคโปร์-ญาจาง ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานชางงีมีเครือข่ายเส้นทางบินครอบคลุมกว่า 170 เมือง อีกทั้งสกู๊ตมีแผนเปิดเส้นทางใหม่ไปยังเมดาน ลาบวน ประเทศอินโดนีเซีย และโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางไปยังคลาร์ก ดาเวา มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หาดใหญ่ ประเทศไทย และเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อรองรับความต้องการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ปัจจุบันมีท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีเที่ยวบินไปยังประเทศสิงคโปร์ โดยสายการบินสกู๊ตเป็นประจำทุกวัน 1 เที่ยวบิน และมีไฟล์ตดึกทุกวันจันทร์ ศุกร์ และอาทิตย์ อีก 1 เที่ยวบิน จึงเป็นไปได้ว่าสกู๊ตต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองโกตาบารู ชมสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม และหมู่เกาะเปอร์เฮนเทียน (Pulau Perhentian) แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและดำน้ำยอดนิยมในรัฐตรังกานูมากกว่า ซึ่งจากสนามบินโกตาบารู เดินทางด้วยรถยนต์ไปอีก 60 กิโลเมตร จะถึงท่าเรือกัวลาบูซุต (Kuala Besut) แล้วต่อด้วยเรือเฟอร์รี่เพื่อไปยังเกาะดังกล่าว #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว


  • อนาคตถ้าเรามีนายกฯใหม่ที่ดีที่เก่งเฉลียวฉลาด,ด้วยสมบัติทรัพยากรไทยธรรมชาติที่ไม่แพ้ชาติใดๆในโลกตลอดวัตถุดิบที่มากมายหลากหลายที่ซ่อนอยู่อีกมาก,เราสามารถวิวัฒนาการตนเองพัฒนาบุคลากรภายในประเทศเยาวชนเราคนรุ่นต่อไปพร้อมก้าวรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคสมัยใหม่ได้สบาย, อาทิ เป็นฮับสร้างยานบินภายในประเทศ ภายในโลกหรือยานบินอวกาศแบบยานufoได้อย่างเปิดเผยโดยขนส่งวัตถุดิบการผลิตจากทุกๆมุมโลกได้สบายผ่านทางทะเลทางเรือในคลองคอดกระเราที่อาจขุดคลองด้วย สร้างแลนด์บริดจ์คู่ขนานคลองด้วยอรรถประโยชน์สูงสุดเลย,สร้างเครื่องบินก็ได้ส่งออกทั่วโลก,สร้างยานบินอวกาศก็ได้ส่งออกทั่วโลกหรือจักรวาล,สร้างเรือบรรทุกขนาดเล็ก ขนาดกลางขนาดใหญ่ก็ได้ เป็นฮับสาระพัดบนบริเวณพื้นที่บริหารจัดการสากลนี้ซึ่งเป็นของไทยเรา100%จึงนายกฯคนใหม่ต้องระดมแจกหุ้นฟรีๆให้คนไทยถือครองเป็นเจ้าของร่วมกันจริงจับต้องได้เป็นรูปธรรม มิใช่อ้างว่ารัฐบาลเป็นเจ้าของตัวแทนให้แล้วไง จะเรียกร้องอะไรอีก มันมิใช่การเรียกร้องแต่คืออธิปไตยคุณประโยชน์จริงแก่สิทธิของคนไทยทุกๆคนร่วมกันบนแผ่นดินไทยเรานี้ มิใช่รัฐบาลไปฮั่วผลประโยชน์กันเองทั้งแก่กิจการบริษัททุนเอกชนภายในเองและถึงขั้นยกสิทธิขาดแก่เอกชนนายทุนต่างชาติก็เคยทำมาแล้วแบบสัมปทานบ่อปิโตรเลียมสุดท้ายคนไทยทั้งประเทศได้จ่ายค่าน้ำมันราคาแพงค่าครองชีพแพงสาระพัดค่าใช้จ่ายแพงเป็นการตอบแทนคืนมาและยิ่งปตท.เข้าsetอีกยิ่งอนาถโคตรๆกว่าก่อนจะเข้าตลาดหุ้นอีก,นี้คือการปกครองบริหารจัดการที่ไม่ชอบต่อคนไทยทั้งประเทศและไม่ยอมทุบทิ้งกฎหมายที่ทำร้ายทำลายคนไทยจริงจังอะไรด้วย,ปฏิวัตการปกครองล้างระบบเก่าโมฆะระบบทาสเก่าจึงสมควรจริงๆ,ถ้านายกฯใหม่มาจริงก็จะติดกับดักหมากในกระดานมันกรอบมันจึงต้องทำลายกรอบซาตานนีัจึงอิสระเสรีก้าวรุ่งโรจน์ต่อไปได้จริง,
    ..ประเทศไทยถ้าเอาเฉพาะผลิตเครื่องบินรบหรือขับไล่ เราสามารถทำได้แน่นอน เตรียมคนไทยบุคลากรเรารอรับหน้างานก็ทันกาลด้วย,อนาคตต้องเข้าร่วมสภากาแล็กติกจักรวาลอยู่แล้วต้องชัดเจนเปิดตัวให้คนไทยพร้อมมุ่งหมายไปด้วยกันให้เต็มที่ในรอบมิติรอบด้านต่างๆนั้น,ขีปนาวุธยิงระยะไกลสำคัญที่สุดในยุคนี้,ทำลายชัดเจนแบบอิหร่านยิงระเบิดอิสราเอลนั้นล่ะ,เครื่องบินแทบไร้ประโยชน์ไร้ค่า,ดาวเทียมตัวพ่อล็อกเป้าแล้วบนโลกต้องมีเป็นของตัวเอง,ตลอดดาวเทียมยิงจากอวกาศลงสู่พื้นโลกด้วยยิ่งตัวเทพ,ปืนดาวเทียมความถี่สูงปล่อยคลื่นทำลายโดรนทุกๆชนิดทางสงครามแก่ศัตรูก็ได้,เครื่องบินเจออาจตกง่ายๆทุกรุ่นทุกเครื่องล่ะที่แน่ๆจะบินถึง2-3มัคพื้นๆหรือ6-10มัคกลางๆหรือยานบินufoมากว่า10มัคก็ไม่รอด,ยิ่งยานบินต่างดาวใช้จิตบังคับ คลื่นความถี่ยิงใส่สมองต่างดาวมีรวนอาจตกดับอนาถอย่างหลายๆที่ที่พบยานตกก็ได้นอกจากยิงกันเองก็ว่า,ปืนดาวเทียมลักษณะนี้อันตรายมาก สามารถยิงควบคุมได้ตกผิวโลกก็ได้ กำหนดชั้นบรรยากาศก็ได้อีก ห่างจากผิวโลกแค่10เมตรนับจากผิวดินขึ้นมา,อะไรเกินสูงกว่า10เมตรกระทบคลื่นนี้มีอักเสบหมด,คือกำหนดการทำลายล้างได้สาระพัดรูปแบบ ยิงทัังทวีปก็ได้ ยิงครอบคลุมตามอาณาเขตประเทศที่ขีดเป็นเส้นคตเคียวได้หมด,คืออาการหนักหากโดน โดยเฉพาะเครื่องบินมีตกดับอนาถแน่นอน,เราคนไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้สบายแลกเปลี่ยนกับจักรวาลอื่นได้แน่นอนผ่านจิตวิญญาณทะลุจักรวาลอื่นนั้นล่ะ,เพราะคนไทยหลายคนบรรลุไปแล้วไม่น้อยแต่จะมาชี้แนะหรือเปล่าแค่นั้นหรือปลีกวิเวกทางธรรมสถานะเดียวก็ว่า,แต่อนาคตคนไทยจะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณโดยมาก,จึงสบายแน่นอน,ย่อมาปัจจุบัน เราร่ำรวยอยู่แล้วจริงๆ จึงสามารถซื้อหรือผลิตเครื่องบินได้หมดล่ะ,แต่จะทำมั้ย,เพื่อป้องกันตนเอง ป้องกันอาเชียน ป้องกันเอเชีย ผลิตป้องกันพิทักษ์โลกเข้าร่วมกับกองกำลังพิทักษ์โลกมีพร้อมรับหากยานอวกาศต่างดาวจากโลกอื่นมารุกรานเรา,นี้มิใช่จะไม่เกิด แต่จะเกิดแน่นอนในเวลาอันใกล้นี้ เพราะทั่วจักรวาลรับรู้นานแล้วว่าที่โลกเรามีทรัพยากรสำคัญที่ช่วยเหลือโลกเขาได้ในแต่ละแร่ธาตุนัันๆบางคนมาปล้นโลกเราเพื่อยึดไปขายทั่วจักรวาลก็มี,ชาวโลกเราจึงต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา,สงครามจักรวาลมีแน่เกิดแน่นอน,ยิ่งหากเราช้าเข้าร่วมสภากาแล็กติกอีกจะตายเดียวทันที,ไทยเราต้องร่วมมือกับมิตรสหายดีจริงๆ เพราะสุดท้ายเรานี้ล่ะจะเป็นผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีล้ำๆนั้นแก่หลายๆประเทศมิตรสหายเรานั้นแทน,นายกฯคนใหม่หรือผู้ปกครองประเทศไทยเราจะผิดพลาดอีกไม่ได้จริงๆห้ามพวกกากๆกระจอก บ้าบอทางการเมืองเล่นการเมืองหมายแดกหมายโกงห้ามเข้ามาเด็ดขาดเพราะโลกในอนาคตภายหน้ายุคต่อไปนี้ ไม่ใช่ของเล่นๆแล้ว,พังพินาศคือพังจริงๆ,คือชื่อประเทศและประชากรอาจไม่หลงเหลือเลย,คัดออกจากโลกใบนี้จริงๆ.คือทุกๆคนในประเทศนั้นล่ะ,จะผู้นำผู้ปกครองหรือประชาชนก็ไปหมด,แบบเรามองหมากัดกันนั้นล่ะ,เราคือต่างจักรวาลอารยะธรรมสูงกว่าเขาเบื่อหน่ายคนบนโลกนี้เขาลงมติระเบิดทิ้งมันจบเลยนะ,เขามองว่าเราคือสัตว์ตัวหนึ่ง หมาสีดำ หมาสีขวา หมาด่อนหมาลายหมาแดงหมาเผือกหมาเหลืองหมาใดๆมันมองเราคือหมากัดกันนะ หมาในโลกนี้ไร้อารยะธรรมเอาแต่กัดกันมันว่า,มันไม่สนใจว่าหมาเหลืองถูก หมาขาวกัดก่อนนะ,มันไม่สนใจ มันทำลายบ้านหมานี้ทิ้ง ไล่หนีฆ่าทิ้งก็ได้นะคือระเบิดทิ้งนั้นล่ะ,กลัวโรคหมาบ้าไปติดคนจักรวาลมันก็ว่าหรือข้ามกำแพงน้ำแข็งไปก็ได้หรือระเบิดนิวเคลียร์ทำลายโลกซวยคือสมดุลจักรวาลพังไปด้วย มันกลัวตายด้วยเลยลงมากำจัดเราเสียทั้งหมดก็ได้,นี้มโนนะ,
    ..ประเทศไทยเราจริงๆถึงเวลาสร้างเครื่องบินรบเป็นของตนเองได้แล้วเพื่อทดลองมือเพิ่มทักษะในอนาคตต่อการสร้างยานบินอวกาศได้ ตลอดเตรียมบุคลากรคนไทยไว้รองรับขับยานบินได้ทุกๆคนด้วย หรือเครื่องบินรบจอดอยู่คนไทยคนไหนก็ขับออกไปสู้รบได้ทันทีนั้นเอง,เราต้องสร้างสิ่งนี้ลักษณะนี้จริงๆ ผู้นำไหนตายลง เราผลักดันผู้นำคนดีคนใหม่พร้อมนำทัพได้ทันทีนั้นล่ะ,ต้องเลิกมักใหญ่ใฝ่กอดตำแหน่งเก้าอี้ตนเองไว้ได้แล้ว,ขาดคุณสมบัติถีบออกทันทีเป็นต้น.

    https://youtu.be/YEKK-Qutymo?si=7IwCsCHZAMWOAaOa
    อนาคตถ้าเรามีนายกฯใหม่ที่ดีที่เก่งเฉลียวฉลาด,ด้วยสมบัติทรัพยากรไทยธรรมชาติที่ไม่แพ้ชาติใดๆในโลกตลอดวัตถุดิบที่มากมายหลากหลายที่ซ่อนอยู่อีกมาก,เราสามารถวิวัฒนาการตนเองพัฒนาบุคลากรภายในประเทศเยาวชนเราคนรุ่นต่อไปพร้อมก้าวรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคสมัยใหม่ได้สบาย, อาทิ เป็นฮับสร้างยานบินภายในประเทศ ภายในโลกหรือยานบินอวกาศแบบยานufoได้อย่างเปิดเผยโดยขนส่งวัตถุดิบการผลิตจากทุกๆมุมโลกได้สบายผ่านทางทะเลทางเรือในคลองคอดกระเราที่อาจขุดคลองด้วย สร้างแลนด์บริดจ์คู่ขนานคลองด้วยอรรถประโยชน์สูงสุดเลย,สร้างเครื่องบินก็ได้ส่งออกทั่วโลก,สร้างยานบินอวกาศก็ได้ส่งออกทั่วโลกหรือจักรวาล,สร้างเรือบรรทุกขนาดเล็ก ขนาดกลางขนาดใหญ่ก็ได้ เป็นฮับสาระพัดบนบริเวณพื้นที่บริหารจัดการสากลนี้ซึ่งเป็นของไทยเรา100%จึงนายกฯคนใหม่ต้องระดมแจกหุ้นฟรีๆให้คนไทยถือครองเป็นเจ้าของร่วมกันจริงจับต้องได้เป็นรูปธรรม มิใช่อ้างว่ารัฐบาลเป็นเจ้าของตัวแทนให้แล้วไง จะเรียกร้องอะไรอีก มันมิใช่การเรียกร้องแต่คืออธิปไตยคุณประโยชน์จริงแก่สิทธิของคนไทยทุกๆคนร่วมกันบนแผ่นดินไทยเรานี้ มิใช่รัฐบาลไปฮั่วผลประโยชน์กันเองทั้งแก่กิจการบริษัททุนเอกชนภายในเองและถึงขั้นยกสิทธิขาดแก่เอกชนนายทุนต่างชาติก็เคยทำมาแล้วแบบสัมปทานบ่อปิโตรเลียมสุดท้ายคนไทยทั้งประเทศได้จ่ายค่าน้ำมันราคาแพงค่าครองชีพแพงสาระพัดค่าใช้จ่ายแพงเป็นการตอบแทนคืนมาและยิ่งปตท.เข้าsetอีกยิ่งอนาถโคตรๆกว่าก่อนจะเข้าตลาดหุ้นอีก,นี้คือการปกครองบริหารจัดการที่ไม่ชอบต่อคนไทยทั้งประเทศและไม่ยอมทุบทิ้งกฎหมายที่ทำร้ายทำลายคนไทยจริงจังอะไรด้วย,ปฏิวัตการปกครองล้างระบบเก่าโมฆะระบบทาสเก่าจึงสมควรจริงๆ,ถ้านายกฯใหม่มาจริงก็จะติดกับดักหมากในกระดานมันกรอบมันจึงต้องทำลายกรอบซาตานนีัจึงอิสระเสรีก้าวรุ่งโรจน์ต่อไปได้จริง, ..ประเทศไทยถ้าเอาเฉพาะผลิตเครื่องบินรบหรือขับไล่ เราสามารถทำได้แน่นอน เตรียมคนไทยบุคลากรเรารอรับหน้างานก็ทันกาลด้วย,อนาคตต้องเข้าร่วมสภากาแล็กติกจักรวาลอยู่แล้วต้องชัดเจนเปิดตัวให้คนไทยพร้อมมุ่งหมายไปด้วยกันให้เต็มที่ในรอบมิติรอบด้านต่างๆนั้น,ขีปนาวุธยิงระยะไกลสำคัญที่สุดในยุคนี้,ทำลายชัดเจนแบบอิหร่านยิงระเบิดอิสราเอลนั้นล่ะ,เครื่องบินแทบไร้ประโยชน์ไร้ค่า,ดาวเทียมตัวพ่อล็อกเป้าแล้วบนโลกต้องมีเป็นของตัวเอง,ตลอดดาวเทียมยิงจากอวกาศลงสู่พื้นโลกด้วยยิ่งตัวเทพ,ปืนดาวเทียมความถี่สูงปล่อยคลื่นทำลายโดรนทุกๆชนิดทางสงครามแก่ศัตรูก็ได้,เครื่องบินเจออาจตกง่ายๆทุกรุ่นทุกเครื่องล่ะที่แน่ๆจะบินถึง2-3มัคพื้นๆหรือ6-10มัคกลางๆหรือยานบินufoมากว่า10มัคก็ไม่รอด,ยิ่งยานบินต่างดาวใช้จิตบังคับ คลื่นความถี่ยิงใส่สมองต่างดาวมีรวนอาจตกดับอนาถอย่างหลายๆที่ที่พบยานตกก็ได้นอกจากยิงกันเองก็ว่า,ปืนดาวเทียมลักษณะนี้อันตรายมาก สามารถยิงควบคุมได้ตกผิวโลกก็ได้ กำหนดชั้นบรรยากาศก็ได้อีก ห่างจากผิวโลกแค่10เมตรนับจากผิวดินขึ้นมา,อะไรเกินสูงกว่า10เมตรกระทบคลื่นนี้มีอักเสบหมด,คือกำหนดการทำลายล้างได้สาระพัดรูปแบบ ยิงทัังทวีปก็ได้ ยิงครอบคลุมตามอาณาเขตประเทศที่ขีดเป็นเส้นคตเคียวได้หมด,คืออาการหนักหากโดน โดยเฉพาะเครื่องบินมีตกดับอนาถแน่นอน,เราคนไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้สบายแลกเปลี่ยนกับจักรวาลอื่นได้แน่นอนผ่านจิตวิญญาณทะลุจักรวาลอื่นนั้นล่ะ,เพราะคนไทยหลายคนบรรลุไปแล้วไม่น้อยแต่จะมาชี้แนะหรือเปล่าแค่นั้นหรือปลีกวิเวกทางธรรมสถานะเดียวก็ว่า,แต่อนาคตคนไทยจะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณโดยมาก,จึงสบายแน่นอน,ย่อมาปัจจุบัน เราร่ำรวยอยู่แล้วจริงๆ จึงสามารถซื้อหรือผลิตเครื่องบินได้หมดล่ะ,แต่จะทำมั้ย,เพื่อป้องกันตนเอง ป้องกันอาเชียน ป้องกันเอเชีย ผลิตป้องกันพิทักษ์โลกเข้าร่วมกับกองกำลังพิทักษ์โลกมีพร้อมรับหากยานอวกาศต่างดาวจากโลกอื่นมารุกรานเรา,นี้มิใช่จะไม่เกิด แต่จะเกิดแน่นอนในเวลาอันใกล้นี้ เพราะทั่วจักรวาลรับรู้นานแล้วว่าที่โลกเรามีทรัพยากรสำคัญที่ช่วยเหลือโลกเขาได้ในแต่ละแร่ธาตุนัันๆบางคนมาปล้นโลกเราเพื่อยึดไปขายทั่วจักรวาลก็มี,ชาวโลกเราจึงต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา,สงครามจักรวาลมีแน่เกิดแน่นอน,ยิ่งหากเราช้าเข้าร่วมสภากาแล็กติกอีกจะตายเดียวทันที,ไทยเราต้องร่วมมือกับมิตรสหายดีจริงๆ เพราะสุดท้ายเรานี้ล่ะจะเป็นผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีล้ำๆนั้นแก่หลายๆประเทศมิตรสหายเรานั้นแทน,นายกฯคนใหม่หรือผู้ปกครองประเทศไทยเราจะผิดพลาดอีกไม่ได้จริงๆห้ามพวกกากๆกระจอก บ้าบอทางการเมืองเล่นการเมืองหมายแดกหมายโกงห้ามเข้ามาเด็ดขาดเพราะโลกในอนาคตภายหน้ายุคต่อไปนี้ ไม่ใช่ของเล่นๆแล้ว,พังพินาศคือพังจริงๆ,คือชื่อประเทศและประชากรอาจไม่หลงเหลือเลย,คัดออกจากโลกใบนี้จริงๆ.คือทุกๆคนในประเทศนั้นล่ะ,จะผู้นำผู้ปกครองหรือประชาชนก็ไปหมด,แบบเรามองหมากัดกันนั้นล่ะ,เราคือต่างจักรวาลอารยะธรรมสูงกว่าเขาเบื่อหน่ายคนบนโลกนี้เขาลงมติระเบิดทิ้งมันจบเลยนะ,เขามองว่าเราคือสัตว์ตัวหนึ่ง หมาสีดำ หมาสีขวา หมาด่อนหมาลายหมาแดงหมาเผือกหมาเหลืองหมาใดๆมันมองเราคือหมากัดกันนะ หมาในโลกนี้ไร้อารยะธรรมเอาแต่กัดกันมันว่า,มันไม่สนใจว่าหมาเหลืองถูก หมาขาวกัดก่อนนะ,มันไม่สนใจ มันทำลายบ้านหมานี้ทิ้ง ไล่หนีฆ่าทิ้งก็ได้นะคือระเบิดทิ้งนั้นล่ะ,กลัวโรคหมาบ้าไปติดคนจักรวาลมันก็ว่าหรือข้ามกำแพงน้ำแข็งไปก็ได้หรือระเบิดนิวเคลียร์ทำลายโลกซวยคือสมดุลจักรวาลพังไปด้วย มันกลัวตายด้วยเลยลงมากำจัดเราเสียทั้งหมดก็ได้,นี้มโนนะ, ..ประเทศไทยเราจริงๆถึงเวลาสร้างเครื่องบินรบเป็นของตนเองได้แล้วเพื่อทดลองมือเพิ่มทักษะในอนาคตต่อการสร้างยานบินอวกาศได้ ตลอดเตรียมบุคลากรคนไทยไว้รองรับขับยานบินได้ทุกๆคนด้วย หรือเครื่องบินรบจอดอยู่คนไทยคนไหนก็ขับออกไปสู้รบได้ทันทีนั้นเอง,เราต้องสร้างสิ่งนี้ลักษณะนี้จริงๆ ผู้นำไหนตายลง เราผลักดันผู้นำคนดีคนใหม่พร้อมนำทัพได้ทันทีนั้นล่ะ,ต้องเลิกมักใหญ่ใฝ่กอดตำแหน่งเก้าอี้ตนเองไว้ได้แล้ว,ขาดคุณสมบัติถีบออกทันทีเป็นต้น. https://youtu.be/YEKK-Qutymo?si=7IwCsCHZAMWOAaOa
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ส่ง Threadripper 9980X รุ่น 64 คอร์มาเขย่าตลาดซีพียูระดับไฮเอนด์ (HEDT) พร้อมชิปสถาปัตยกรรม Zen 5 ใหม่ ซึ่งแม้จะมี “แค่” 64 คอร์ แต่กลับสร้างปรากฏการณ์ได้ด้วยเหตุผลหลายข้อ:

    ในการทดสอบ Multi-thread บน PassMark ชิปนี้ ทำได้ถึง 147,481 คะแนน → เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเดสก์ท็อป

    แซงแม้แต่รุ่นพี่ 96 คอร์อย่าง Threadripper Pro 9995WX และ 7980X

    ทิ้งห่าง M3 Ultra ของ Apple เกินเท่าตัว!

    เหตุผลที่ทำได้ขนาดนี้คือ Threadripper 9980X มี ความเร็ว base/turbo สูงกว่า, ใช้ SMT เต็ม และอาจเป็นรุ่น pre-production ที่จูนมาดี

    แต่งานนี้ก็ไม่ใช่เทพด้านเดียว — เพราะ คะแนน single-thread กลับไม่โดดเด่นนัก แม้จะวิ่งได้ถึง 5.4GHz
    → ทำได้ราว 4,594 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับ Intel i9-13900KF หรือ M4 Max
    → แพ้ M3 Ultra และ Intel Core Ultra 9 285K แบบชัดเจนในสายงานที่ต้องพลังต่อคอร์สูง ๆ เช่นการเล่นเกม

    AMD Threadripper 9980X ทำลายสถิติ Multi-thread ของ PassMark ด้วยคะแนน 147,481
    • แซง Pro 7995WX (96 คอร์), 7980X (64 คอร์), M3 Ultra (32 คอร์)

    ชิปใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 พร้อม SMT, clock 3.2–5.4GHz, L2+L3 รวม 320MB  
    • รองรับ Overclock  
    • เหมาะกับสายงานมืออาชีพระดับสูง เช่นเรนเดอร์–ตัดต่อ–สตรีมพร้อมกันหลายโปรแกรม

    คะแนน single-thread = 4,594 เทียบเท่า Core i9-13900KF และ Apple M4 Max  
    • ต่ำกว่า M3 Ultra และ Core Ultra 9 285K เล็กน้อย

    TDP อยู่ที่ 350W (เท่ารุ่น Pro) แต่ได้ clock สูงกว่า  
    • ทำให้เป็นตัวเลือกที่ “แรงและยืดหยุ่น” ระหว่างเล่นเกมและทำงานหนัก

    AMD เตรียมวางขายซีพียู Threadripper 9000 series ภายใน ก.ค. 2025 นี้  
    • คาดว่า 9980X จะเปิดตัวพร้อมรุ่นอื่น เช่น 9985WX

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/new-amd-ryzen-threadripper-smashes-passmark-record-9980x-scores-147-481-making-it-the-fastest-desktop-cpu-ever-tested-but-only-in-multi-thread-performance
    AMD ส่ง Threadripper 9980X รุ่น 64 คอร์มาเขย่าตลาดซีพียูระดับไฮเอนด์ (HEDT) พร้อมชิปสถาปัตยกรรม Zen 5 ใหม่ ซึ่งแม้จะมี “แค่” 64 คอร์ แต่กลับสร้างปรากฏการณ์ได้ด้วยเหตุผลหลายข้อ: ในการทดสอบ Multi-thread บน PassMark ชิปนี้ ทำได้ถึง 147,481 คะแนน → เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเดสก์ท็อป แซงแม้แต่รุ่นพี่ 96 คอร์อย่าง Threadripper Pro 9995WX และ 7980X ทิ้งห่าง M3 Ultra ของ Apple เกินเท่าตัว! 📌 เหตุผลที่ทำได้ขนาดนี้คือ Threadripper 9980X มี ความเร็ว base/turbo สูงกว่า, ใช้ SMT เต็ม และอาจเป็นรุ่น pre-production ที่จูนมาดี แต่งานนี้ก็ไม่ใช่เทพด้านเดียว — เพราะ คะแนน single-thread กลับไม่โดดเด่นนัก แม้จะวิ่งได้ถึง 5.4GHz → ทำได้ราว 4,594 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับ Intel i9-13900KF หรือ M4 Max → แพ้ M3 Ultra และ Intel Core Ultra 9 285K แบบชัดเจนในสายงานที่ต้องพลังต่อคอร์สูง ๆ เช่นการเล่นเกม ✅ AMD Threadripper 9980X ทำลายสถิติ Multi-thread ของ PassMark ด้วยคะแนน 147,481 • แซง Pro 7995WX (96 คอร์), 7980X (64 คอร์), M3 Ultra (32 คอร์) ✅ ชิปใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 พร้อม SMT, clock 3.2–5.4GHz, L2+L3 รวม 320MB   • รองรับ Overclock   • เหมาะกับสายงานมืออาชีพระดับสูง เช่นเรนเดอร์–ตัดต่อ–สตรีมพร้อมกันหลายโปรแกรม ✅ คะแนน single-thread = 4,594 เทียบเท่า Core i9-13900KF และ Apple M4 Max   • ต่ำกว่า M3 Ultra และ Core Ultra 9 285K เล็กน้อย ✅ TDP อยู่ที่ 350W (เท่ารุ่น Pro) แต่ได้ clock สูงกว่า   • ทำให้เป็นตัวเลือกที่ “แรงและยืดหยุ่น” ระหว่างเล่นเกมและทำงานหนัก ✅ AMD เตรียมวางขายซีพียู Threadripper 9000 series ภายใน ก.ค. 2025 นี้   • คาดว่า 9980X จะเปิดตัวพร้อมรุ่นอื่น เช่น 9985WX https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/new-amd-ryzen-threadripper-smashes-passmark-record-9980x-scores-147-481-making-it-the-fastest-desktop-cpu-ever-tested-but-only-in-multi-thread-performance
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห่างเหินการจัด Spec คอมพ์มานาน วันนี้ลองไปจัดที่เวบ ihavecpu ครับ
    #spec #computer #ihavecpu
    ห่างเหินการจัด Spec คอมพ์มานาน วันนี้ลองไปจัดที่เวบ ihavecpu ครับ #spec #computer #ihavecpu
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพว่าในอดีต ตลาดเซิร์ฟเวอร์เต็มไปด้วย CPU x86 จาก Intel หรือ AMD เป็นหลัก แต่วันนี้เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — เพราะ AI ต้องการ "พลังประมวลผลแบบเฉพาะทาง" มากขึ้นเรื่อย ๆ → ทำให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ AI GPU + ชิป Arm พุ่งแรง โดยเฉพาะ Nvidia Grace + Blackwell (GB200) ที่อัด GPU ถึง 8 ตัวต่อเครื่อง!

    แค่เซิร์ฟเวอร์ตระกูลนี้เพียงกลุ่มเดียวก็กลายเป็น “ตัวจุดพลุ” ให้ยอดขายเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% เทียบปีต่อปี → แม้จะยังมีส่วนแบ่งแค่ 21.1% ของยอดส่งมอบเครื่องรวม แต่ก็เป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่ที่สุดของ Arm ในตลาดเซิร์ฟเวอร์

    และมันยังไม่หยุดแค่นี้ — เพราะ IDC คาดว่า:
    - ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวมจะโตจาก $249B (2024) → $588B (2029)
    - โดยเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ Accelerated จะกินส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง
    - และเซิร์ฟเวอร์ Arm จะโตจาก $32B → $103B ใน 5 ปี!
    - ในอนาคตยังมีโอกาสเห็นซีพียูจาก Qualcomm, Marvell, MediaTek หรือ Fujitsu ร่วมวงด้วย

    ส่วนผู้นำตลาดคืออเมริกา คิดเป็น 62% ของมูลค่าตลาดเซิร์ฟเวอร์ปี 2025 — เพราะเป็นศูนย์กลางการสร้าง AI Infrastructure พร้อมเทเงินลงในโครงการระดับ Stargate หรือ AGI อย่างต่อเนื่อง

    ตลาดเซิร์ฟเวอร์ไตรมาสแรกปี 2025 พุ่งถึง $95.2B — โตขึ้น 134% จากปีก่อนหน้า  
    • การเติบโตเร็วที่สุดที่เคยบันทึกมา  
    • ขับเคลื่อนโดยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่มี GPU แบบเร่งความเร็ว (Accelerated Servers)

    ยอดจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% YoY — ส่วนใหญ่เป็นของ Nvidia GB200 NVL72  
    • ใช้ซีพียู Grace + GPU Blackwell (B200)  
    • มี GPU 8 ตัวต่อเครื่อง

    ปี 2025 คาดการณ์ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวม $366B แบ่งเป็น:  
    • x86: $283.9B (โต 39.9%)  
    • Non-x86 (รวม Arm): $82B (โต 63.7%)

    Arm คาดจะกิน 21.1% ของยอดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกภายในสิ้นปี 2025  
    • แม้ยังห่างเป้าหมาย 50% แต่ถือเป็นการเติบโตที่มั่นคง

    ตลาด Arm-accelerated servers จะโตจาก $32B → $103B ในปี 2029  
    • ขับเคลื่อนด้วย AI แบบ reasoning model, LLM, AGI

    ตลาดใหญ่สุดคือสหรัฐฯ (โต 59.7%) > จีน (โต 39.5%) > ญี่ปุ่น (33.9%)

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/nvidias-arm-chips-rapidly-gain-share-in-server-market-as-ai-booms-nvidias-arm-powered-gb200-servers-surge-as-market-reaches-a-record-usd95-billion-in-the-first-quarter
    ลองนึกภาพว่าในอดีต ตลาดเซิร์ฟเวอร์เต็มไปด้วย CPU x86 จาก Intel หรือ AMD เป็นหลัก แต่วันนี้เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — เพราะ AI ต้องการ "พลังประมวลผลแบบเฉพาะทาง" มากขึ้นเรื่อย ๆ → ทำให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ AI GPU + ชิป Arm พุ่งแรง โดยเฉพาะ Nvidia Grace + Blackwell (GB200) ที่อัด GPU ถึง 8 ตัวต่อเครื่อง! แค่เซิร์ฟเวอร์ตระกูลนี้เพียงกลุ่มเดียวก็กลายเป็น “ตัวจุดพลุ” ให้ยอดขายเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% เทียบปีต่อปี → แม้จะยังมีส่วนแบ่งแค่ 21.1% ของยอดส่งมอบเครื่องรวม แต่ก็เป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่ที่สุดของ Arm ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ และมันยังไม่หยุดแค่นี้ — เพราะ IDC คาดว่า: - ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวมจะโตจาก $249B (2024) → $588B (2029) - โดยเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ Accelerated จะกินส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง - และเซิร์ฟเวอร์ Arm จะโตจาก $32B → $103B ใน 5 ปี! - ในอนาคตยังมีโอกาสเห็นซีพียูจาก Qualcomm, Marvell, MediaTek หรือ Fujitsu ร่วมวงด้วย ส่วนผู้นำตลาดคืออเมริกา คิดเป็น 62% ของมูลค่าตลาดเซิร์ฟเวอร์ปี 2025 — เพราะเป็นศูนย์กลางการสร้าง AI Infrastructure พร้อมเทเงินลงในโครงการระดับ Stargate หรือ AGI อย่างต่อเนื่อง ✅ ตลาดเซิร์ฟเวอร์ไตรมาสแรกปี 2025 พุ่งถึง $95.2B — โตขึ้น 134% จากปีก่อนหน้า   • การเติบโตเร็วที่สุดที่เคยบันทึกมา   • ขับเคลื่อนโดยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่มี GPU แบบเร่งความเร็ว (Accelerated Servers) ✅ ยอดจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% YoY — ส่วนใหญ่เป็นของ Nvidia GB200 NVL72   • ใช้ซีพียู Grace + GPU Blackwell (B200)   • มี GPU 8 ตัวต่อเครื่อง ✅ ปี 2025 คาดการณ์ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวม $366B แบ่งเป็น:   • x86: $283.9B (โต 39.9%)   • Non-x86 (รวม Arm): $82B (โต 63.7%) ✅ Arm คาดจะกิน 21.1% ของยอดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกภายในสิ้นปี 2025   • แม้ยังห่างเป้าหมาย 50% แต่ถือเป็นการเติบโตที่มั่นคง ✅ ตลาด Arm-accelerated servers จะโตจาก $32B → $103B ในปี 2029   • ขับเคลื่อนด้วย AI แบบ reasoning model, LLM, AGI ✅ ตลาดใหญ่สุดคือสหรัฐฯ (โต 59.7%) > จีน (โต 39.5%) > ญี่ปุ่น (33.9%) https://www.tomshardware.com/desktops/servers/nvidias-arm-chips-rapidly-gain-share-in-server-market-as-ai-booms-nvidias-arm-powered-gb200-servers-surge-as-market-reaches-a-record-usd95-billion-in-the-first-quarter
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดรนของยูเครนโจมตีโรงงานอิเล็กโตรแมคคานิกส์ "คูโพล" (JSC IEMZ Kupol) ในเมืองอีเจฟสค์ (Izhevsk) สาธารณรัฐอุดมูร์ต (Udmurt Republic) ประเทศรัสเซีย เมื่อช่วงเช้านี้ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครนกว่า 1,000 กิโลเมตร

    โรงงานแห่งนี้เป็นผู้ผลิตรายสำคัญของระบบป้องกันภัยทางอากาศ Tor และส่วนประกอบที่ใช้ในโดรน Geran-2 (Shahed-136) รุ่นที่ผลิตในประเทศของรัสเซีย
    โดรนของยูเครนโจมตีโรงงานอิเล็กโตรแมคคานิกส์ "คูโพล" (JSC IEMZ Kupol) ในเมืองอีเจฟสค์ (Izhevsk) สาธารณรัฐอุดมูร์ต (Udmurt Republic) ประเทศรัสเซีย เมื่อช่วงเช้านี้ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครนกว่า 1,000 กิโลเมตร โรงงานแห่งนี้เป็นผู้ผลิตรายสำคัญของระบบป้องกันภัยทางอากาศ Tor และส่วนประกอบที่ใช้ในโดรน Geran-2 (Shahed-136) รุ่นที่ผลิตในประเทศของรัสเซีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีเมลเคยเป็นราชาแห่งการสื่อสารดิจิทัล
    แต่วันนี้ เรากลับเหนื่อยกับกล่องจดหมายที่ล้น ฟิชชิงลวงตา และการตอบกลับที่ไร้ประโยชน์

    ในยุคที่ทุกอย่างเร็วและฉลาดขึ้น
    Slack, Teams, AI, WhatsApp กำลังเข้ามาแทนที่
    แม้แต่อีเมลก็เริ่มกลายเป็นแค่ “ระบบยืนยันตัวตน” ไม่ใช่ช่องทางหลัก

    การสิ้นสุดยุคอีเมล: บทใหม่ของการสื่อสารในโลกที่หมุนเร็ว
    ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อีเมล เคยเป็นเครื่องมือการสื่อสารดิจิทัลที่ทรงพลัง เปลี่ยนวิธีที่มนุษย์ติดต่อกันทั้งในระดับบุคคลและองค์กร มันรวดเร็ว ประหยัด และเก็บบันทึกได้อย่างเป็นระบบ อีเมลช่วยให้โลกใบนี้ใกล้กันขึ้นโดยลบเส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์ แต่ทุกเทคโนโลยีย่อมมีวาระของมัน และอีเมลก็กำลังเดินทางสู่ช่วงปลายของบทบาทหลักในยุคที่ความต้องการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

    จุดสูงสุดของอีเมล: จากนวัตกรรมสู่โครงสร้างหลัก
    การถือกำเนิดของอีเมลในทศวรรษ 1970 เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานทั่วโลก ในทศวรรษ 1990 มันกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ของชีวิตยุคดิจิทัล ทั้งในแวดวงธุรกิจ การศึกษา และชีวิตส่วนตัว ความสามารถในการแนบไฟล์ ส่งข้อความได้ทันทีข้ามทวีป และการเก็บบันทึกแบบถาวร ทำให้อีเมลกลายเป็น "ราชาแห่งการสื่อสารแบบอะซิงโครนัส"

    อย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ดังกล่าวไม่ได้ปราศจากข้อจำกัด

    เมื่อกำแพงเริ่มแตกร้าว: ข้อบกพร่องที่ไม่อาจมองข้าม
    1️⃣ ความปลอดภัยที่ล้าหลัง
    อีเมลเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของอาชญากรรมไซเบอร์ แม้จะมีการเข้ารหัสขั้นพื้นฐาน แต่รูปแบบการทำงานที่กระจายอำนาจทำให้การควบคุมความปลอดภัยแบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ ส่งผลให้ฟิชชิง สแปม และมัลแวร์ยังคงแพร่กระจายได้ง่าย

    2️⃣ ภาระของการจัดการข้อมูล
    การออกแบบที่เรียงตามลำดับเวลาและตามหัวข้อ (thread) ทำให้ข้อความสำคัญถูกฝังอยู่ใต้ชั้นของการตอบกลับและสแปม ผู้ใช้จำนวนมากจึงเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "Email Fatigue" หรือ อาการเหนื่อยล้าจากอีเมล จนกลายเป็นภาระทางจิตใจมากกว่าประโยชน์ทางการสื่อสาร

    3️⃣ ไม่เหมาะกับโลกที่ต้องการความรวดเร็ว
    ในยุคที่ความเร็วในการตอบสนองมีผลต่อความสำเร็จของงาน อีเมลกลับไม่ตอบโจทย์ความต้องการของการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ที่ทีมงานในปัจจุบันต่างคาดหวัง

    🛜 การเปลี่ยนผ่านสู่เครื่องมือสื่อสารใหม่
    การเสื่อมถอยของอีเมลเปิดพื้นที่ให้เครื่องมือใหม่เข้ามาแทนที่:

    Slack, Microsoft Teams, Zoom: ผสานการแชท วิดีโอคอลล์ และการทำงานร่วมกันไว้ในที่เดียว ลดความยุ่งยากจากการเปลี่ยนแพลตฟอร์ม

    WhatsApp, Telegram, LINE: แอปพลิเคชันที่เข้าถึงง่าย ใช้งานได้บนอุปกรณ์พกพา และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ไม่เป็นทางการ

    AI Assistant: การนำ AI มาช่วยร่าง ตอบ หรือตั้งเวลาอีเมล ทำให้ความจำเป็นในการเขียนอีเมลด้วยตนเองลดลง

    อีเมลในบทบาทใหม่: ไม่หายไป แต่ถอยห่าง
    แม้การใช้งานจะลดลง แต่อีเมลจะยังคงอยู่ในบางบริบท เช่น:

    - การสื่อสารอย่างเป็นทางการ
    - เอกสารทางกฎหมาย
    - การติดต่อข้ามองค์กรที่ไม่ใช้เครื่องมือร่วมกัน

    ทางเลือกแห่งอนาคต: จากโลกจริงสู่โลกเสมือน
    1️⃣ ระบบสื่อสารที่ใช้บล็อกเชน: ยกระดับความปลอดภัย ปราศจากการควบคุมจากศูนย์กลาง

    2️⃣ ชุด Productivity แบบรวมศูนย์ (เช่น Google Workspace, Microsoft 365): ฝังการสื่อสารไว้ในบริบทของการทำงานจริง

    3️⃣ Metaverse และ XR (Extended Reality): การประชุมเสมือนแบบ immersive หรือการทำงานร่วมกันในพื้นที่เสมือนอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่

    บทสรุป: การเดินทางของอีเมลจากพระเอกสู่ผู้เบื้องหลัง
    การสิ้นสุดของยุคอีเมลไม่ใช่จุดจบที่เศร้าหมอง แต่มันคือวิวัฒนาการตามธรรมชาติของเทคโนโลยี อีเมลมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การสื่อสาร และสมควรได้รับการยอมรับในฐานะจุดเปลี่ยนของโลกดิจิทัล แต่ในโลกที่ให้ความสำคัญกับ ความเร็ว ความปลอดภัย และประสบการณ์แบบมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เครื่องมือใหม่ๆ กำลังเข้ามารับไม้ต่อ

    เราไม่ได้เพียงแค่ปิดกล่องจดหมาย — เรากำลังเปิดประตูสู่อนาคตที่สื่อสารได้ชาญฉลาดขึ้น เชื่อมโยงลึกขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น

    โลกกำลังก้าวสู่การสื่อสารที่ เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเชื่อมโยงแบบมนุษย์มากขึ้น

    แล้วคุณยังใช้อีเมลเป็นหลักอยู่หรือเปล่า

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    อีเมลเคยเป็นราชาแห่งการสื่อสารดิจิทัล แต่วันนี้ เรากลับเหนื่อยกับกล่องจดหมายที่ล้น ฟิชชิงลวงตา และการตอบกลับที่ไร้ประโยชน์ ในยุคที่ทุกอย่างเร็วและฉลาดขึ้น Slack, Teams, AI, WhatsApp กำลังเข้ามาแทนที่ แม้แต่อีเมลก็เริ่มกลายเป็นแค่ “ระบบยืนยันตัวตน” ไม่ใช่ช่องทางหลัก 📭📭 การสิ้นสุดยุคอีเมล: บทใหม่ของการสื่อสารในโลกที่หมุนเร็ว 🪦🪦 ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อีเมล เคยเป็นเครื่องมือการสื่อสารดิจิทัลที่ทรงพลัง เปลี่ยนวิธีที่มนุษย์ติดต่อกันทั้งในระดับบุคคลและองค์กร มันรวดเร็ว ประหยัด และเก็บบันทึกได้อย่างเป็นระบบ อีเมลช่วยให้โลกใบนี้ใกล้กันขึ้นโดยลบเส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์ แต่ทุกเทคโนโลยีย่อมมีวาระของมัน และอีเมลก็กำลังเดินทางสู่ช่วงปลายของบทบาทหลักในยุคที่ความต้องการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว 🔝 จุดสูงสุดของอีเมล: จากนวัตกรรมสู่โครงสร้างหลัก การถือกำเนิดของอีเมลในทศวรรษ 1970 เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานทั่วโลก ในทศวรรษ 1990 มันกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ของชีวิตยุคดิจิทัล ทั้งในแวดวงธุรกิจ การศึกษา และชีวิตส่วนตัว ความสามารถในการแนบไฟล์ ส่งข้อความได้ทันทีข้ามทวีป และการเก็บบันทึกแบบถาวร ทำให้อีเมลกลายเป็น "ราชาแห่งการสื่อสารแบบอะซิงโครนัส" อย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ดังกล่าวไม่ได้ปราศจากข้อจำกัด 🧱🧱 เมื่อกำแพงเริ่มแตกร้าว: ข้อบกพร่องที่ไม่อาจมองข้าม 1️⃣ ความปลอดภัยที่ล้าหลัง อีเมลเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของอาชญากรรมไซเบอร์ แม้จะมีการเข้ารหัสขั้นพื้นฐาน แต่รูปแบบการทำงานที่กระจายอำนาจทำให้การควบคุมความปลอดภัยแบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ ส่งผลให้ฟิชชิง สแปม และมัลแวร์ยังคงแพร่กระจายได้ง่าย 2️⃣ ภาระของการจัดการข้อมูล การออกแบบที่เรียงตามลำดับเวลาและตามหัวข้อ (thread) ทำให้ข้อความสำคัญถูกฝังอยู่ใต้ชั้นของการตอบกลับและสแปม ผู้ใช้จำนวนมากจึงเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "Email Fatigue" หรือ อาการเหนื่อยล้าจากอีเมล จนกลายเป็นภาระทางจิตใจมากกว่าประโยชน์ทางการสื่อสาร 3️⃣ ไม่เหมาะกับโลกที่ต้องการความรวดเร็ว ในยุคที่ความเร็วในการตอบสนองมีผลต่อความสำเร็จของงาน อีเมลกลับไม่ตอบโจทย์ความต้องการของการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ที่ทีมงานในปัจจุบันต่างคาดหวัง 📶🛜 การเปลี่ยนผ่านสู่เครื่องมือสื่อสารใหม่ การเสื่อมถอยของอีเมลเปิดพื้นที่ให้เครื่องมือใหม่เข้ามาแทนที่: ✅ Slack, Microsoft Teams, Zoom: ผสานการแชท วิดีโอคอลล์ และการทำงานร่วมกันไว้ในที่เดียว ลดความยุ่งยากจากการเปลี่ยนแพลตฟอร์ม ✅ WhatsApp, Telegram, LINE: แอปพลิเคชันที่เข้าถึงง่าย ใช้งานได้บนอุปกรณ์พกพา และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ไม่เป็นทางการ ✅ AI Assistant: การนำ AI มาช่วยร่าง ตอบ หรือตั้งเวลาอีเมล ทำให้ความจำเป็นในการเขียนอีเมลด้วยตนเองลดลง 🎯🎯 อีเมลในบทบาทใหม่: ไม่หายไป แต่ถอยห่าง แม้การใช้งานจะลดลง แต่อีเมลจะยังคงอยู่ในบางบริบท เช่น: - การสื่อสารอย่างเป็นทางการ - เอกสารทางกฎหมาย - การติดต่อข้ามองค์กรที่ไม่ใช้เครื่องมือร่วมกัน 🔮 ทางเลือกแห่งอนาคต: จากโลกจริงสู่โลกเสมือน 1️⃣ ระบบสื่อสารที่ใช้บล็อกเชน: ยกระดับความปลอดภัย ปราศจากการควบคุมจากศูนย์กลาง 2️⃣ ชุด Productivity แบบรวมศูนย์ (เช่น Google Workspace, Microsoft 365): ฝังการสื่อสารไว้ในบริบทของการทำงานจริง 3️⃣ Metaverse และ XR (Extended Reality): การประชุมเสมือนแบบ immersive หรือการทำงานร่วมกันในพื้นที่เสมือนอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ 🏁🏁 บทสรุป: การเดินทางของอีเมลจากพระเอกสู่ผู้เบื้องหลัง 🏁🏁 การสิ้นสุดของยุคอีเมลไม่ใช่จุดจบที่เศร้าหมอง แต่มันคือวิวัฒนาการตามธรรมชาติของเทคโนโลยี อีเมลมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การสื่อสาร และสมควรได้รับการยอมรับในฐานะจุดเปลี่ยนของโลกดิจิทัล แต่ในโลกที่ให้ความสำคัญกับ ความเร็ว ความปลอดภัย และประสบการณ์แบบมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เครื่องมือใหม่ๆ กำลังเข้ามารับไม้ต่อ เราไม่ได้เพียงแค่ปิดกล่องจดหมาย — เรากำลังเปิดประตูสู่อนาคตที่สื่อสารได้ชาญฉลาดขึ้น เชื่อมโยงลึกขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น 📌 โลกกำลังก้าวสู่การสื่อสารที่ เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเชื่อมโยงแบบมนุษย์มากขึ้น แล้วคุณยังใช้อีเมลเป็นหลักอยู่หรือเปล่า❓❓ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta เคยเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ — มี Facebook ครองโลก, ซื้อ Instagram มาต่อยอด, ทุ่มเงินซื้อ WhatsApp พร้อมสัญญาว่าจะไม่มีโฆษณา…แต่สุดท้ายทุกอย่างกำลังย้อนกลับ

    WhatsApp ตอนนี้มีโฆษณา Metaverse ทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญ → ยังไม่เห็นผล Libra (คริปโตของ Meta) → ตาย แม้แต่ AI — LLaMA ยังตามหลัง ChatGPT, Claude และ Gemini อยู่หลายร้อยแต้ม

    นักเขียนบทความนี้ (Howard Yu) วิเคราะห์ว่า Mark Zuckerberg เรียนรู้เชิงธุรกิจเก่งมาก แต่ “ไม่เคยเรียนรู้จากผลกระทบที่ Meta ก่อในสังคม” เช่น การถูกใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่น, ปัญหาสุขภาพจิตวัยรุ่น, และกรณีรุนแรงอย่างความขัดแย้งในเมียนมา

    บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ Mark กับ Steve Jobs ไว้อย่างน่าสนใจ:
    - Jobs เคยผิดพลาด, เคยล้ม, เคยถูกไล่ออกจาก Apple
    - แต่เขากลับมาใหม่ด้วยการ “เติบโตทางจิตใจ” ไม่ใช่แค่ทางเทคโนโลยี
    - เขายอมฟังคนอื่น, สร้างทีมที่เก่งกว่า, ไม่พยายามควบคุมทุกอย่าง → และสร้าง Apple ยุคใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง

    ส่วน Zuckerberg ใช้อำนาจหุ้นพิเศษ (super-voting shares) ทำให้ไม่มีใครปลดเขาได้ → ไม่มีแรงกดดันให้เติบโต เปลี่ยนแปลง หรือยอมรับความผิดพลาด → ผลลัพธ์คือ Meta วนลูปเดิม ๆ — ปรับ feed เพิ่ม engagement → ขายโฆษณา → repeat

    Meta เคยล้มเหลวหลายโปรเจกต์ใหญ่:  
    • Facebook phone → ล้มเหลว  
    • Free Basics → ถูกแบนในอินเดีย  
    • Libra → ถูกต่อต้านโดยรัฐบาล  
    • Metaverse → ทุ่มเงินมหาศาล แต่ยังไม่คืนทุน

    AI ของ Meta (LLaMA 4) ยังตามหลัง OpenAI (ChatGPT), Anthropic (Claude), Google (Gemini)  
    • คะแนน Elo ห่างคู่แข่งหลายสิบถึงหลายร้อยแต้ม  
    • แม้ใช้ open-source เป็นยุทธศาสตร์หลัก แต่ยังไม่ดึงใจนักพัฒนาเท่าที่ควร

    ผู้เขียนชี้ว่า Zuckerberg ไม่เคยเรียนรู้จาก ‘ผลเสียต่อสังคม’ ที่ Meta สร้างไว้:  
    • กรณี Facebook ในเมียนมา → ปล่อยให้ Hate speech ลุกลาม  
    • Facebook ถูกใช้ในการปลุกระดม, ปั่นเลือกตั้ง (Cambridge Analytica)  
    • ระบบโฆษณาใช้ microtargeting เพื่อกด turnout กลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม

    โครงสร้างอำนาจของ Meta = Zuckerberg คุมทุกอย่าง:  
    • เขาถือหุ้น 13% แต่มีสิทธิ์โหวตกว่า 50%  
    • ไม่มีใครปลดเขาได้ จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อใคร

    เปรียบเทียบกับ Steve Jobs:  
    • Jobs ล้มเหลว, ถูกไล่ออกจาก Apple  
    • แต่กลับมาใหม่แบบถ่อมตนและเรียนรู้  
    • สร้างวัฒนธรรมที่ Apple แข็งแรงพอจะอยู่ได้แม้เขาจากไป

    Meta แม้จะยังทำเงินได้มากจากโฆษณา แต่กำลัง “ไร้วิสัยทัศน์ที่สดใหม่” สำหรับโลกยุคหลังโฆษณา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/why-mark-zuckerberg-and-meta-cant-build-the-future
    Meta เคยเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ — มี Facebook ครองโลก, ซื้อ Instagram มาต่อยอด, ทุ่มเงินซื้อ WhatsApp พร้อมสัญญาว่าจะไม่มีโฆษณา…แต่สุดท้ายทุกอย่างกำลังย้อนกลับ WhatsApp ตอนนี้มีโฆษณา Metaverse ทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญ → ยังไม่เห็นผล Libra (คริปโตของ Meta) → ตาย แม้แต่ AI — LLaMA ยังตามหลัง ChatGPT, Claude และ Gemini อยู่หลายร้อยแต้ม นักเขียนบทความนี้ (Howard Yu) วิเคราะห์ว่า Mark Zuckerberg เรียนรู้เชิงธุรกิจเก่งมาก แต่ “ไม่เคยเรียนรู้จากผลกระทบที่ Meta ก่อในสังคม” เช่น การถูกใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่น, ปัญหาสุขภาพจิตวัยรุ่น, และกรณีรุนแรงอย่างความขัดแย้งในเมียนมา บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ Mark กับ Steve Jobs ไว้อย่างน่าสนใจ: - Jobs เคยผิดพลาด, เคยล้ม, เคยถูกไล่ออกจาก Apple - แต่เขากลับมาใหม่ด้วยการ “เติบโตทางจิตใจ” ไม่ใช่แค่ทางเทคโนโลยี - เขายอมฟังคนอื่น, สร้างทีมที่เก่งกว่า, ไม่พยายามควบคุมทุกอย่าง → และสร้าง Apple ยุคใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง ส่วน Zuckerberg ใช้อำนาจหุ้นพิเศษ (super-voting shares) ทำให้ไม่มีใครปลดเขาได้ → ไม่มีแรงกดดันให้เติบโต เปลี่ยนแปลง หรือยอมรับความผิดพลาด → ผลลัพธ์คือ Meta วนลูปเดิม ๆ — ปรับ feed เพิ่ม engagement → ขายโฆษณา → repeat ✅ Meta เคยล้มเหลวหลายโปรเจกต์ใหญ่:   • Facebook phone → ล้มเหลว   • Free Basics → ถูกแบนในอินเดีย   • Libra → ถูกต่อต้านโดยรัฐบาล   • Metaverse → ทุ่มเงินมหาศาล แต่ยังไม่คืนทุน ✅ AI ของ Meta (LLaMA 4) ยังตามหลัง OpenAI (ChatGPT), Anthropic (Claude), Google (Gemini)   • คะแนน Elo ห่างคู่แข่งหลายสิบถึงหลายร้อยแต้ม   • แม้ใช้ open-source เป็นยุทธศาสตร์หลัก แต่ยังไม่ดึงใจนักพัฒนาเท่าที่ควร ✅ ผู้เขียนชี้ว่า Zuckerberg ไม่เคยเรียนรู้จาก ‘ผลเสียต่อสังคม’ ที่ Meta สร้างไว้:   • กรณี Facebook ในเมียนมา → ปล่อยให้ Hate speech ลุกลาม   • Facebook ถูกใช้ในการปลุกระดม, ปั่นเลือกตั้ง (Cambridge Analytica)   • ระบบโฆษณาใช้ microtargeting เพื่อกด turnout กลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม ✅ โครงสร้างอำนาจของ Meta = Zuckerberg คุมทุกอย่าง:   • เขาถือหุ้น 13% แต่มีสิทธิ์โหวตกว่า 50%   • ไม่มีใครปลดเขาได้ จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อใคร ✅ เปรียบเทียบกับ Steve Jobs:   • Jobs ล้มเหลว, ถูกไล่ออกจาก Apple   • แต่กลับมาใหม่แบบถ่อมตนและเรียนรู้   • สร้างวัฒนธรรมที่ Apple แข็งแรงพอจะอยู่ได้แม้เขาจากไป ✅ Meta แม้จะยังทำเงินได้มากจากโฆษณา แต่กำลัง “ไร้วิสัยทัศน์ที่สดใหม่” สำหรับโลกยุคหลังโฆษณา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/why-mark-zuckerberg-and-meta-cant-build-the-future
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why Mark Zuckerberg and Meta can't build the future
    Here's how absolute power trapped Facebook's parent company — and how Steve Jobs broke free.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมัยก่อนเวลาเราพูดถึงอินเทอร์เน็ตในหมู่เกาะห่างไกล เช่น ตูวาลู (Tuvalu) — ประเทศเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรแปซิฟิก — ก็คงคิดถึงเน็ตช้าหรือไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะ Starlink เข้ามาให้บริการในประเทศนี้ และเปิดให้ใช้งานบน IPv6 “เต็มรูปแบบ”

    แค่ไม่กี่เดือนหลัง Starlink เข้ามา ส่วนแบ่ง IPv6 ของตูวาลูพุ่งจาก 0% เป็น 59% — กลายเป็นหนึ่งใน 21 ประเทศที่ “ใช้ IPv6 มากกว่า 50% ของการเชื่อมต่อทั้งหมด” ทันที!

    ประเทศอื่นที่เพิ่งเข้าสู่ “Majority IPv6 Club” ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ บราซิล, เม็กซิโก, กัวเตมาลา, ศรีลังกา, ฮังการี, ญี่ปุ่น, เปอร์โตริโก ฯลฯ

    จำนวนประเทศที่มีการใช้งาน IPv6 เกิน 50% เพิ่มจาก 13 → 21 ประเทศในรอบ 1 ปี  
    • ข้อมูลจาก Akamai, APNIC, Google และ Meta

    ประเทศที่ใช้งาน IPv6 มากที่สุดในโลกขณะนี้ ได้แก่:  
    • อินเดีย (73%)  
    • ฝรั่งเศส (73%)

    Starlink ของ SpaceX เป็นผู้เล่นหลักที่เร่งการเปลี่ยนผ่านไปใช้ IPv6  
    • เครือข่ายของ Starlink “ออกแบบให้รองรับ IPv6 ตั้งแต่ต้น”  
    • ช่วยให้ประเทศขนาดเล็กหรือห่างไกล “ข้ามขั้น” โครงสร้างเก่าไปใช้ระบบใหม่ทันที

    IPv6 แก้ข้อจำกัดของ IPv4 ที่มีแค่ 4.3 พันล้านหมายเลข IP  
    • IPv6 มีหมายเลขได้ถึง 340 undecillion (340 ล้านล้านล้านล้าน)  
    • เพียงพอต่อยุคอุปกรณ์ IoT, รถยนต์อัจฉริยะ, บ้านอัจฉริยะ

    ข้อดีอื่นของ IPv6 เช่น:  
    • ไม่ต้อง NAT → เชื่อมอุปกรณ์ได้แบบ end-to-end  
    • ปรับ routing ให้เร็วขึ้น  • รองรับการเข้ารหัส IPsec เป็นมาตรฐาน

    ประเทศอื่นที่กำลังเข้าใกล้ 50% เช่น ไทย, อังกฤษ และเอสโตเนีย

    บางประเทศที่เคยใช้ IPv6 เกิน 50% มีอัตราการลดลงชั่วคราว  
    • เช่น ญี่ปุ่นและเปอร์โตริโก เคยหลุดจากกลุ่มนี้ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่  
    • อาจเกิดจากการขยายเครือข่ายเดิมที่ยังใช้ IPv4 อยู่

    องค์กรหรือผู้ให้บริการที่ยังไม่อัปเกรดระบบ → เสี่ยงถูกตัดขาดจากเครือข่ายที่ใช้ IPv6-only  
    • โดยเฉพาะระบบ IoT, cloud หรือ edge computing

    การใช้ IPv6 ยังต้องอาศัยการอัปเดต DNS, firewall, VPN และระบบความปลอดภัยให้รองรับ format ใหม่
    • ไม่ใช่แค่เปลี่ยน router อย่างเดียว

    การก้าวเข้าสู่ยุค IPv6 ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยเสมอไป  
    • เพราะการเข้ารหัสและ config ก็ต้องทำอย่างถูกต้อง มิฉะนั้นอาจเกิดช่องโหว่ใหม่ได้

    https://www.techspot.com/news/108490-ipv6-reaches-majority-use-21-countries-starlink-other.html
    สมัยก่อนเวลาเราพูดถึงอินเทอร์เน็ตในหมู่เกาะห่างไกล เช่น ตูวาลู (Tuvalu) — ประเทศเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรแปซิฟิก — ก็คงคิดถึงเน็ตช้าหรือไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะ Starlink เข้ามาให้บริการในประเทศนี้ และเปิดให้ใช้งานบน IPv6 “เต็มรูปแบบ” แค่ไม่กี่เดือนหลัง Starlink เข้ามา ส่วนแบ่ง IPv6 ของตูวาลูพุ่งจาก 0% เป็น 59% — กลายเป็นหนึ่งใน 21 ประเทศที่ “ใช้ IPv6 มากกว่า 50% ของการเชื่อมต่อทั้งหมด” ทันที! ประเทศอื่นที่เพิ่งเข้าสู่ “Majority IPv6 Club” ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ บราซิล, เม็กซิโก, กัวเตมาลา, ศรีลังกา, ฮังการี, ญี่ปุ่น, เปอร์โตริโก ฯลฯ ✅ จำนวนประเทศที่มีการใช้งาน IPv6 เกิน 50% เพิ่มจาก 13 → 21 ประเทศในรอบ 1 ปี   • ข้อมูลจาก Akamai, APNIC, Google และ Meta ✅ ประเทศที่ใช้งาน IPv6 มากที่สุดในโลกขณะนี้ ได้แก่:   • อินเดีย (73%)   • ฝรั่งเศส (73%) ✅ Starlink ของ SpaceX เป็นผู้เล่นหลักที่เร่งการเปลี่ยนผ่านไปใช้ IPv6   • เครือข่ายของ Starlink “ออกแบบให้รองรับ IPv6 ตั้งแต่ต้น”   • ช่วยให้ประเทศขนาดเล็กหรือห่างไกล “ข้ามขั้น” โครงสร้างเก่าไปใช้ระบบใหม่ทันที ✅ IPv6 แก้ข้อจำกัดของ IPv4 ที่มีแค่ 4.3 พันล้านหมายเลข IP   • IPv6 มีหมายเลขได้ถึง 340 undecillion (340 ล้านล้านล้านล้าน)   • เพียงพอต่อยุคอุปกรณ์ IoT, รถยนต์อัจฉริยะ, บ้านอัจฉริยะ ✅ ข้อดีอื่นของ IPv6 เช่น:   • ไม่ต้อง NAT → เชื่อมอุปกรณ์ได้แบบ end-to-end   • ปรับ routing ให้เร็วขึ้น  • รองรับการเข้ารหัส IPsec เป็นมาตรฐาน ✅ ประเทศอื่นที่กำลังเข้าใกล้ 50% เช่น ไทย, อังกฤษ และเอสโตเนีย ‼️ บางประเทศที่เคยใช้ IPv6 เกิน 50% มีอัตราการลดลงชั่วคราว   • เช่น ญี่ปุ่นและเปอร์โตริโก เคยหลุดจากกลุ่มนี้ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่   • อาจเกิดจากการขยายเครือข่ายเดิมที่ยังใช้ IPv4 อยู่ ‼️ องค์กรหรือผู้ให้บริการที่ยังไม่อัปเกรดระบบ → เสี่ยงถูกตัดขาดจากเครือข่ายที่ใช้ IPv6-only   • โดยเฉพาะระบบ IoT, cloud หรือ edge computing ‼️ การใช้ IPv6 ยังต้องอาศัยการอัปเดต DNS, firewall, VPN และระบบความปลอดภัยให้รองรับ format ใหม่ • ไม่ใช่แค่เปลี่ยน router อย่างเดียว ‼️ การก้าวเข้าสู่ยุค IPv6 ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยเสมอไป   • เพราะการเข้ารหัสและ config ก็ต้องทำอย่างถูกต้อง มิฉะนั้นอาจเกิดช่องโหว่ใหม่ได้ https://www.techspot.com/news/108490-ipv6-reaches-majority-use-21-countries-starlink-other.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    IPv6 reaches majority use in 21 countries as Starlink and other providers modernize global connectivity
    The most dramatic transformation has occurred in Tuvalu, a Pacific island nation with a population under 10,000. Until early 2025, Tuvalu had virtually no IPv6 presence. That...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุยกับ ChatGPT : เมื่อถูก Unfriend เพราะการเมือง ความต่างที่แลกมาด้วยความห่าง

    ในยุคที่การเมืองกลายเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ผู้คน การแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์อาจกลายเป็นเหตุให้ใครบางคน “Unfriend” เราไปอย่างเงียบงัน

    มันเจ็บไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าคนคนนั้นเคยเป็นเพื่อนที่ไว้ใจกันมาก่อน

    บางครั้ง เราไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีใคร เพียงแค่แสดงความคิดเห็นตามมุมมองของตนเอง ทว่าในสายตาของอีกฝ่าย ความเห็นนั้นอาจสะเทือนถึงคุณค่าที่เขายึดถือ จนเขาต้องปกป้องตัวเองด้วยการตัดความสัมพันธ์

    ถูกลบ ไม่ได้แปลว่าเราเลว หรือเขาเลว

    แต่มันคือภาพสะท้อนว่าความต่างบางอย่างยังหนักหนาสำหรับคนบางคน

    หากคุณรู้สึกค้างคาใจ อาจเลือกส่งข้อความไปอย่างสุภาพว่า “หากความเห็นของเราทำให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษจริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น และยังเคารพในตัวคุณเสมอ”

    แต่หากไม่มีพื้นที่ให้พูดจา สิ่งที่ควรทำคือไม่โทษตัวเอง ไม่ลดค่าความคิดของตน และไม่ฝืนวิ่งตามความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายปิดประตูใส่

    สุดท้าย ความเห็นทางการเมืองควรเป็นเรื่องที่พูดคุยกันได้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำลายความเป็นมนุษย์ของกันและกัน

    แต่หากยังทำไม่ได้ เราแค่ต้องยืนอยู่ในความเป็นตัวเอง — อย่างไม่เกลียดคนที่คิดไม่เหมือน

    #Newskit
    คุยกับ ChatGPT : เมื่อถูก Unfriend เพราะการเมือง ความต่างที่แลกมาด้วยความห่าง ในยุคที่การเมืองกลายเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ผู้คน การแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์อาจกลายเป็นเหตุให้ใครบางคน “Unfriend” เราไปอย่างเงียบงัน มันเจ็บไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าคนคนนั้นเคยเป็นเพื่อนที่ไว้ใจกันมาก่อน บางครั้ง เราไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีใคร เพียงแค่แสดงความคิดเห็นตามมุมมองของตนเอง ทว่าในสายตาของอีกฝ่าย ความเห็นนั้นอาจสะเทือนถึงคุณค่าที่เขายึดถือ จนเขาต้องปกป้องตัวเองด้วยการตัดความสัมพันธ์ ถูกลบ ไม่ได้แปลว่าเราเลว หรือเขาเลว แต่มันคือภาพสะท้อนว่าความต่างบางอย่างยังหนักหนาสำหรับคนบางคน หากคุณรู้สึกค้างคาใจ อาจเลือกส่งข้อความไปอย่างสุภาพว่า “หากความเห็นของเราทำให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษจริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น และยังเคารพในตัวคุณเสมอ” แต่หากไม่มีพื้นที่ให้พูดจา สิ่งที่ควรทำคือไม่โทษตัวเอง ไม่ลดค่าความคิดของตน และไม่ฝืนวิ่งตามความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายปิดประตูใส่ สุดท้าย ความเห็นทางการเมืองควรเป็นเรื่องที่พูดคุยกันได้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำลายความเป็นมนุษย์ของกันและกัน แต่หากยังทำไม่ได้ เราแค่ต้องยืนอยู่ในความเป็นตัวเอง — อย่างไม่เกลียดคนที่คิดไม่เหมือน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติใช้กล้องอินฟราเรด MIRI ของ James Webb ช่วย “เบลอแสงจ้า” จากดาวแม่คือ TWA 7 (ดาวขนาดเล็กในกลุ่มดาวปั๊มหรือ Antlia) เพื่อให้มองเห็นวัตถุจาง ๆ ใกล้เคียงได้ชัดขึ้น

    ผลลัพธ์คือเจอจุดสว่างสีส้ม ๆ ที่อยู่ห่างจากดาวแม่ไปราว 50 เท่าของระยะห่างโลก–ดวงอาทิตย์ ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ควรจะมีดาวเคราะห์พอดี ทั้งความสว่างและสีของมันยังตรงกับโมเดลที่ใช้คำนวณไว้สำหรับดาวเคราะห์มวลเท่า ๆ กับ “ดาวเสาร์อายุน้อยที่เย็น” อีกด้วย

    ถ้าได้รับการยืนยันว่าเป็นดาวเคราะห์จริง TWA 7 b จะกลายเป็น:
    - ดาวเคราะห์ต่างระบบ “มวลเบาที่สุด” ที่มองเห็นได้ด้วยวิธีนี้
    - หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีใหม่อย่าง work graphs และการกรองแสงดาวแม่เริ่มใช้ได้จริงในการล่าดาวเคราะห์รอบใหม่ ๆ

    James Webb พบดาวเคราะห์นอกระบบดวงแรกจากภาพของตัวเอง  
    • ใช้กล้อง MIRI ในย่าน mid-infrared เพื่อกรองแสงดาวแม่  
    • เป้าหมายอยู่ในระบบดาว TWA 7 ห่าง 111 ปีแสงจากโลก

    ดาวเคราะห์ได้รับชื่อว่า TWA 7 b  
    • อยู่ห่างจากดาวแม่ราว 50 หน่วย AU (Earth–Sun distance)  
    • มวลประมาณ 0.3 เท่าของดาวพฤหัสบดี (ใกล้เคียงดาวเสาร์)  
    • อุณหภูมิราว 47°C (120°F) — ถือว่าเย็นในบริบทจักรวาล

    เดโมภาพมาจากการรวมภาพของกล้อง VLT (ESO) กับ MIRI ของ JWST  
    • จุดสว่างส้มทางขวาบนคือตัว TWA 7 b  
    • วงสีน้ำเงินคือแผ่นเศษซากจาก VLT Sphere

    คาดว่า TWA 7 b เป็นดาวเคราะห์ที่เกิดจากเศษซากในระบบอายุน้อย  
    • ช่วยศึกษากระบวนการเกิดดาวเคราะห์ในยุคต้นของระบบดาว

    บทความวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Nature ในชื่อ “Evidence for a sub-Jovian planet in the young TWA 7 disk”

    https://www.techspot.com/news/108469-webb-telescope-discovers-photographs-first-exoplanet.html
    ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติใช้กล้องอินฟราเรด MIRI ของ James Webb ช่วย “เบลอแสงจ้า” จากดาวแม่คือ TWA 7 (ดาวขนาดเล็กในกลุ่มดาวปั๊มหรือ Antlia) เพื่อให้มองเห็นวัตถุจาง ๆ ใกล้เคียงได้ชัดขึ้น ผลลัพธ์คือเจอจุดสว่างสีส้ม ๆ ที่อยู่ห่างจากดาวแม่ไปราว 50 เท่าของระยะห่างโลก–ดวงอาทิตย์ ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ควรจะมีดาวเคราะห์พอดี ทั้งความสว่างและสีของมันยังตรงกับโมเดลที่ใช้คำนวณไว้สำหรับดาวเคราะห์มวลเท่า ๆ กับ “ดาวเสาร์อายุน้อยที่เย็น” อีกด้วย ถ้าได้รับการยืนยันว่าเป็นดาวเคราะห์จริง TWA 7 b จะกลายเป็น: - ดาวเคราะห์ต่างระบบ “มวลเบาที่สุด” ที่มองเห็นได้ด้วยวิธีนี้ - หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีใหม่อย่าง work graphs และการกรองแสงดาวแม่เริ่มใช้ได้จริงในการล่าดาวเคราะห์รอบใหม่ ๆ ✅ James Webb พบดาวเคราะห์นอกระบบดวงแรกจากภาพของตัวเอง   • ใช้กล้อง MIRI ในย่าน mid-infrared เพื่อกรองแสงดาวแม่   • เป้าหมายอยู่ในระบบดาว TWA 7 ห่าง 111 ปีแสงจากโลก ✅ ดาวเคราะห์ได้รับชื่อว่า TWA 7 b   • อยู่ห่างจากดาวแม่ราว 50 หน่วย AU (Earth–Sun distance)   • มวลประมาณ 0.3 เท่าของดาวพฤหัสบดี (ใกล้เคียงดาวเสาร์)   • อุณหภูมิราว 47°C (120°F) — ถือว่าเย็นในบริบทจักรวาล ✅ เดโมภาพมาจากการรวมภาพของกล้อง VLT (ESO) กับ MIRI ของ JWST   • จุดสว่างส้มทางขวาบนคือตัว TWA 7 b   • วงสีน้ำเงินคือแผ่นเศษซากจาก VLT Sphere ✅ คาดว่า TWA 7 b เป็นดาวเคราะห์ที่เกิดจากเศษซากในระบบอายุน้อย   • ช่วยศึกษากระบวนการเกิดดาวเคราะห์ในยุคต้นของระบบดาว ✅ บทความวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Nature ในชื่อ “Evidence for a sub-Jovian planet in the young TWA 7 disk” https://www.techspot.com/news/108469-webb-telescope-discovers-photographs-first-exoplanet.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Webb telescope discovers and photographs its first exoplanet
    They used Webb's mid-infrared instrument to suppress the overwhelming glare from the host star, revealing faint objects that would have been too dim to spot otherwise.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน ทางเข้าใหม่สนามบินดอนเมือง

    08.00 น. วันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย. กรุงเทพมหานคร จะเปิดใช้โครงการทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีกับถนนพหลโยธิน เชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิต ไปยังถนนพหลโยธินและถนนเทพรักษ์ ระยะทาง 2.768 กิโลเมตร งบประมาณ 1,551.65 ล้านบาท หลังเริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ต้นปี 2564 โดยผู้รับเหมาสองบริษัท ได้แก่ บริษัท สระหลวงก่อสร้าง จำกัด และบริษัท พรรณีวรกิจก่อสร้างและขนส่ง จำกัด แต่ล่าช้าจากบ้านเรือนรุกล้ำคลองถนน ท่ามกลางการเติบโตของเมือง หลังเปิดใช้ถนนเทพรักษ์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2558 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เมื่อปี 2563

    จุดเริ่มต้นถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน อยู่ที่ด้านทิศใต้ของท่าอากาศยานดอนเมือง เลยร้านเจ้เล้งมาเล็กน้อย มีทางเชื่อมไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก ไปยังอาคารคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมือง ต่อเนื่องไปยังอาคารผู้โดยสาร จากนั้นจะมีทางแยกต่างระดับ แยกซ้ายไปถนนพหลโยธิน แยกขวาไปถนนเทพรักษ์ ข้ามคลองถนน รถที่มาจากถนนวิภาวดีรังสิตขาออก สามารถใช้จุดกลับรถอาคารคลังสินค้าเพื่อใช้ถนนตัดใหม่ได้ รถที่มาจากถนนพหลโยธินและถนนเทพรักษ์ สามารถใช้ถนนตัดใหม่ เพื่อไปออกถนนวิภาวดีรังสิต รวมทั้งไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก เพื่อไปท่าอากาศยานดอนเมืองได้

    เดิมคนที่จะไปสนามบินดอนเมือง ส่วนใหญ่ใช้ถนนวิภาวดีรังสิตเป็นหลัก ส่วนคนที่อยู่โซนสะพานใหม่ สายไหม ลำลูกกา วัชรพล ต้องอ้อมไปใช้ถนนแจ้งวัฒนะ หรืออนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซึ่งหากเป็นรถแท็กซี่จะเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพราะต้องอ้อมและไกล ส่วนถนนธูปะเตมีย์ เชื่อมระหว่างถนนพหลโยธิน บริเวณแยก คปอ. กับถนนวิภาวดีรังสิต เนื่องจากเป็นพื้นที่กองทัพอากาศ จึงอนุญาตให้เฉพาะรถยนต์ที่มีสติกเกอร์บัตรผ่านยานพาหนะเข้า-ออก เขตพื้นที่กองทัพอากาศเท่านั้น นอกนั้นเปิดเฉพาะช่วงเช้า 06.00-09.00 น. และช่วงเย็น 15.00-18.00 น. แต่ไม่อนุญาตให้รถโดยสารและรถรับจ้างสาธารณะใช้งาน

    ถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน ออกแบบบริเวณแยกห้างบิ๊กซีสะพานใหม่ ให้เป็นทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟ เพื่อให้การจราจรลื่นไหลได้สะดวก โดยรถที่มาจากถนนเทพรักษ์สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกได้เลย รวมทั้งการก่อสร้างสะพานข้ามไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก เพื่อเข้าสู่ท่าอากาศยานดอนเมือง ช่วยแบ่งเบาการจราจรบริเวณถนนพหลโยธิน และถนนเทพรักษ์ ให้สามารถออกไปยังถนนวิภาวดีรังสิต และท่าอากาศยานดอนเมืองได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส จะไปท่าอากาศยานดอนเมือง สามารถลงที่สถานีสายหยุดแล้วต่อรถแท็กซี่เข้าไปยังถนนสายใหม่ ช่วยประหยัดเวลามากขึ้น

    #Newskit
    ถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน ทางเข้าใหม่สนามบินดอนเมือง 08.00 น. วันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย. กรุงเทพมหานคร จะเปิดใช้โครงการทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีกับถนนพหลโยธิน เชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิต ไปยังถนนพหลโยธินและถนนเทพรักษ์ ระยะทาง 2.768 กิโลเมตร งบประมาณ 1,551.65 ล้านบาท หลังเริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ต้นปี 2564 โดยผู้รับเหมาสองบริษัท ได้แก่ บริษัท สระหลวงก่อสร้าง จำกัด และบริษัท พรรณีวรกิจก่อสร้างและขนส่ง จำกัด แต่ล่าช้าจากบ้านเรือนรุกล้ำคลองถนน ท่ามกลางการเติบโตของเมือง หลังเปิดใช้ถนนเทพรักษ์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2558 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เมื่อปี 2563 จุดเริ่มต้นถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน อยู่ที่ด้านทิศใต้ของท่าอากาศยานดอนเมือง เลยร้านเจ้เล้งมาเล็กน้อย มีทางเชื่อมไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก ไปยังอาคารคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมือง ต่อเนื่องไปยังอาคารผู้โดยสาร จากนั้นจะมีทางแยกต่างระดับ แยกซ้ายไปถนนพหลโยธิน แยกขวาไปถนนเทพรักษ์ ข้ามคลองถนน รถที่มาจากถนนวิภาวดีรังสิตขาออก สามารถใช้จุดกลับรถอาคารคลังสินค้าเพื่อใช้ถนนตัดใหม่ได้ รถที่มาจากถนนพหลโยธินและถนนเทพรักษ์ สามารถใช้ถนนตัดใหม่ เพื่อไปออกถนนวิภาวดีรังสิต รวมทั้งไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก เพื่อไปท่าอากาศยานดอนเมืองได้ เดิมคนที่จะไปสนามบินดอนเมือง ส่วนใหญ่ใช้ถนนวิภาวดีรังสิตเป็นหลัก ส่วนคนที่อยู่โซนสะพานใหม่ สายไหม ลำลูกกา วัชรพล ต้องอ้อมไปใช้ถนนแจ้งวัฒนะ หรืออนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซึ่งหากเป็นรถแท็กซี่จะเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพราะต้องอ้อมและไกล ส่วนถนนธูปะเตมีย์ เชื่อมระหว่างถนนพหลโยธิน บริเวณแยก คปอ. กับถนนวิภาวดีรังสิต เนื่องจากเป็นพื้นที่กองทัพอากาศ จึงอนุญาตให้เฉพาะรถยนต์ที่มีสติกเกอร์บัตรผ่านยานพาหนะเข้า-ออก เขตพื้นที่กองทัพอากาศเท่านั้น นอกนั้นเปิดเฉพาะช่วงเช้า 06.00-09.00 น. และช่วงเย็น 15.00-18.00 น. แต่ไม่อนุญาตให้รถโดยสารและรถรับจ้างสาธารณะใช้งาน ถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน ออกแบบบริเวณแยกห้างบิ๊กซีสะพานใหม่ ให้เป็นทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟ เพื่อให้การจราจรลื่นไหลได้สะดวก โดยรถที่มาจากถนนเทพรักษ์สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกได้เลย รวมทั้งการก่อสร้างสะพานข้ามไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก เพื่อเข้าสู่ท่าอากาศยานดอนเมือง ช่วยแบ่งเบาการจราจรบริเวณถนนพหลโยธิน และถนนเทพรักษ์ ให้สามารถออกไปยังถนนวิภาวดีรังสิต และท่าอากาศยานดอนเมืองได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส จะไปท่าอากาศยานดอนเมือง สามารถลงที่สถานีสายหยุดแล้วต่อรถแท็กซี่เข้าไปยังถนนสายใหม่ ช่วยประหยัดเวลามากขึ้น #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts