• เคยมีคำกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิตซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ในความเป็นจริงก็ตายแล้วตายเลยไม่ต่างจากสัตว์อื่นหรือมนุษย์ โตขึ้นมาสักหน่อยประมาณช่วงมัธยมต้น ช่างประปานามว่ามาริโอ้ทำให้ผมทึ่ง เพราะในอาณาจักรเห็ดแล้ว เขามีชีวิตได้สูงสุดถึง 99 ครั้ง

    โอ้..คุณพระ!

    #TomorrowandTomorrowandTomorrow
    นี่คือหนังสือที่เปิดเผยวงการสร้างเกมวิดีโอได้เจาะลึกและน่าสนใจมากเล่มหนึ่งที่มีอยู่ไม่มากนักในตลาด ที่สำคัญมีอะไรมากไปกว่าแค่เรื่องเด็กสร้างเกม

    สนพ.แซลมอน
    แกเบรียล เซวิน เขียน
    สุวิชชา จันทร แปล
    พิมพ์เมื่อ กรกฎาคม 2566
    หนา 400 หน้า 495 บาท

    หนังสือเล่มใหญ่มากแถมยังหนา ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร เป็นอุปสรรคในการถืออ่านพอสมควร ด้วยความหนักบวกเทอะทะ จึงไม่เหมาะพกพาอ่านนอกสถานที่เท่าใดนัก แต่นี่ไม่ทำให้ใจที่อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้างลดน้อยลง

    เปิดประตูสู่โลกในจินตนาการ

    ด้วยเหตุใดก็ตามที่บันดาลให้เด็กหญิงเซดีน กรีน เชื้อสายอเมริกันยิว ในวัยสิบกว่าปีที่มาเยี่ยมพี่สาวอายุห่างจากเธอ 2 ปีกับแม่ แล้วทำให้พี่สาวแหกปากลั่น จนแม่ต้องไล่ให้เซดีออกไปนอกห้องสักพัก จนเธอเดินเปะปะมาเจอกับ แซม เมเซอ ที่เป็นเด็กชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหน้าตาแปลก และเท้ามีปัญหา ซึ่งกำลังจดจ่อกับการบังคับมาริโอ้ เกมจากเครื่องเล่นนินเทนโดในห้องสันทนาการ ถือได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสายใยพิเศษพิสดาร ที่จะผูกโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันไปอีกนานหลายสิบปีนับจากนี้

    💻

    แม้จะไม่เคยมีใครสามารถทำให้แซมอ้าปากพูดได้มาก่อน นับตั้งแต่เขาอยู่ใน รพ.มาเป็นระยะเวลากว่าหกสัปดาห์ แต่เซดี คือบุคคลอันน่าเหลือเชื่อ ที่ทั้งหมอ และพยาบาลต่างแปลกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนับแต่เดินไปเห็นเขา แล้วยืนชมแซมเล่นตัวมาริโอ้ด้วยเทคนิกชั้นเซียน จนอีกไม่กี่อึดใจถัดมา แซมก็เอ่ยปากคุยกับเธอเกี่ยวกับเกมที่เขากำลังเล่น จากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับรู้จักกันดีมาเป็นเวลานานทั้งที่เพิ่งจะพบกันในวันนั้นเป็นครั้งแรก

    💻

    เหตุนี้เอง หมอและพยาบาลจึงอยากให้แม่ของเซดี ยอมให้เธอมาที่รพ.บ่อย ๆ และเป็นเพื่อนคุยกับแซม เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขาแจ่มใสร่าเริงขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เท้าของเขามีปัญหาไม่ธรรมดา ซึ่งเซดีเองก็ยินดี เธอและแซมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องของวิดีโอเกม จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน และไปกระทบกระเทือนใจของแซมอย่างรุนแรงจนเขาผิดหวังและไล่เธอไม่ให้มาพบเจอกันอีกต่อไป

    💻

    เวลาผ่านไปหลายปี เซดีเรียนต่อที่ mit ทางด้านสาขาการออกแบบเกม ส่วนแซมเข้าฮาร์วาร์ดได้ เขาถนัดด้านคณิตศาสตร์ เท้าเจ้ากรรมยังคงแย่ไม่แพ้สมัยเด็ก แซมได้รูมเมตเป็นลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกันญี่ปุ่นชื่อว่า มาร์กซ์ วาตานาเบะ ผู้มีจิตใจดีและเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือแนะนำเขาในหลายเรื่อง

    วันหนึ่ง แซม ได้พบกับเซดี ในระหว่างทางที่กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เขาอดใจไม่ไหวร้องเรียกเธอ แล้วได้คุยกันสั้น ๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต เธอฝากแผ่นเกมสำหรับเล่นกับเครื่องพีซีให้เขาไว้ บอกว่าเป็นเกมที่เธอสร้างเอง เล่นจบแล้วรู้สึกอย่างไรช่วยติดต่อบอกด้วยตามที่อยู่อีเมล จากนั้นต่างแยกย้าย

    💻

    ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายกับเซดี ที่ทำให้เธอสิ้นหวังและหมดพลังในชีวิต แต่เป็นแซมที่พยายามหาทางติดต่อกลับ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเธอเลย วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินด้วยเท้าสภาพเน่า ๆ เสี่ยงไปยังที่พักของเธอ เมื่อได้พบกันเซดีเหมือนผีตายซากที่รอเวลาแห้งเหี่ยว แซมมาหาเธอทุกวันจนในที่สุด สาวน้อยคนเก่ากลับฟื้นคืนสติเป็นผู้เป็นคน จนยอมรับข้อเสนอมาร่วมกันสร้างเกมกับเขาในช่วงปิดภาคเรียนไม่กี่เดือน เพื่อต้องการสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งต่อมาทั้งสองได้มาร์กซ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย

    💻

    แล้วตำนานแห่งสามสหายที่ให้กำเนิดโคตรเกมที่ยิ่งใหญ่และตีตลาดจนเป็นที่นิยมในวงกว้าง ก็ถือกำเนิดขึ้น นำพาผู้อ่านท่องสู่จักรวาลของผู้สร้างอันบรรเจิดเพริศแพร้ว จนมีหลายบริษัทเข้าแถวอยากทำสัญญาด้วย ต่อมาโชคชะตาเอื้ออำนวย ให้ทั้งสามก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเป็นของตน จนสร้างสรรค์ผลงานน่าจดจำป้อนสู่ตลาด มีทั้งที่ประสบความสำเร็จงดงาม และบางเกมก็โดนหามลงจากเวที ตลอดจนประสบพบเจออุปสรรคหลากหลายที่ล้วนแต่รุนแรงต่อเนื่องเป็นระลอกถึงกับเกือบจะล้มหายไปจากวงการ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้

    💻

    เรื่องราวสุดแสนเข้มข้นน่าติดตามค้นหาอีกมากมาย รอคอยให้ผู้อ่านเช่นคุณเสาะแสวงหามาทดสอบ ต่อให้ไม่ใช่คนที่รักชอบในการเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลย ก็สามารถจะทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ได้รับความบันเทิงควบคู่ไปด้วย

    💽ความน่าทึ่งซึ่งปรากฏชัดหลังอ่านจบ

    (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือ ต่อจากนี้ไปอาจมีกล่าวถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน โปรดพิจารณา ถ้าไม่กังวลก็ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ)

    1. ผมทั้งถูกใจและขัดใจในขนาดรูปเล่มที่ทำออกมา คือถืออ่านไม่ถนัดมือ รูปภาพที่ทำปกก็ดูไม่เข้ากับเรื่องเกม ไม่ค่อยดึงดูดให้คนอยากอ่าน ไม่สื่อถึงเรื่องวงการเกม แต่เมื่ออ่านเนื้อหาภายในไปสักพักจึงเข้าใจที่มาของรูปคลื่น อ้อ ..ความเกี่ยวข้องกับเกมอยู่ตรงนี้เองสำคัญด้วยสิ แต่คนที่จะรู้ได้คือต้องอ่านก่อนเท่านั้นนี่คือจุดบอด นอกจากภาพปกก็การจัดทำอาร์ตเวิร์ก ทีแรกไม่ชอบเลย ทำไมถึงตั้งใจให้อักษรถูกวางเรียงเป็นพรืด ออกมาเป็นบล็อกราวกับก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถมยังเว้นพื้นที่ว่างด้านริมชิดขอบหนังสือนิดเดียว แต่กลับเว้นช่องว่างด้านหลังแถวอักษรเยอะ กลายเป็นเมื่อเปิดหน้าหนังสือออก จะมีบริเวณที่เว้นว่างซึ่งไม่มีอักษรเลยช่วงกึ่งกลางเล่มเป็นช่องโล่งกว้างใหญ่ มองแล้วแปลก ๆ

    ตัวอักษรที่ถูกเลือกใช้อีก ไม่ใช่แบบอักษรที่นิยม มองแล้วไม่นุ่มนวล ออกจะเป็นอักษรที่ดูแข็งทื่อและกระด้างเมื่อเรียงอยู่ด้วยกันเป็นแถวยาว แต่เมื่อมองไปมองมา พลิกอ่านไปสักระยะก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้น นี่มันเหมือนรูปแบบของตัวพิกเซลเลยนี่นา ความเป็นเหลี่ยม เป็นก้อน เป็นบล็อก หรือนี่คือความตั้งใจที่ได้รับการออกแบบไว้แต่แรกของผู้เขียนและสนพ. เนื่องจากไม่เคยเห็นฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าฉบับแปลไทยก็คงจะพยายามทำออกมาโดยคงแนวคิดเดิมให้ได้มากสุด เมื่อคิดได้ดังนี้ จากที่ตอนแรกขัดใจกลักลายเป็นนึกชมขึ้นมาแทน ไม่รู้หรอกว่าจะใช่อย่างที่เดาไหม แต่ถ้าใช่ถือว่าทำสำเร็จ เพราะมันเข้ากับเรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมพอดี

    .

    2. ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยกับรูปแบบการเขียนของแกเบรียลที่เหมือนกับเล่ม "หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ" คือคนอ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมากกับเรื่องที่ผู้เขียนเล่า เพราะเขาจะไม่มีการขึ้นบทใหม่ หรือใช้ย่อหน้า หรือเลขแบ่ง หรือเว้นวรรคที่ว่าง เพื่อแบ่งฉากให้รู้ชัดเจนว่านี่คือเรื่องราวของฉากใหม่ เหตุการณ์ใหม่ วันใหม่แล้วนะ เรียกว่าเล่าเรื่องฉากหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แล้วบรรทัดถัดไปก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แถมไม่มีบรรยายเกริ่น แต่เริ่มด้วยบทสนทนาของตัวละครทันที ดังนั้นบ่อยครั้งที่อ่านอยู่แล้วพอพลิกหน้าต่อไปก็เอ๋อ งงอยู่นานว่าทำไมเรื่องราวมันจึงไม่ต่อเนื่องกัน ตัวละครคุยกันเรื่องหนึ่ง ไฉนกลายเป็นใครไม่รู้มาคุยในอีกเรื่องหนึ่ง กว่าจะทำความเข้าใจว่า อ๋อ..นี่คือตอนใหม่ คนละช่วงเวลาแล้วนะก็เบลอเป็นระยะ เพราะปรากฏลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งการจัดวางรูปแบบให้แถวอักษรเรียงเท่ากันเป็นตับด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้การอ่านนั้นยากขึ้น แต่เมื่อชินกับสไตล์การเขียนของเขาแล้ว ช่วงหลัง ๆ ก็จะเริ่มอ่านง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ่านเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ อ่านอย่างจดจ่อแล้วคิดตามไป

    ..

    3. การเล่าเรื่องเป็นมุมมองอย่างพระเจ้าที่มองเห็นความคิด ความในใจของตัวละครทั้งหมด เพียงแต่ผู้เขียนเลือกที่จะเล่าเท่าที่อยากบอกในช่วงแรกแค่นิดหน่อย แล้วค่อย ๆ เผยเรื่องราวความลับของตัวละครหลักทั้งสามออกมาทีละนิดในภายหลัง ชนิดปิดทั้งตัวละครอื่นในเรื่องเองที่ไม่รู้ความจริง รวมถึงปิดคนอ่านด้วย โดยมาเปิดให้รู้ภายหลังเมื่อถึงช่วงที่สำคัญในจังหวะและบรรยากาศ ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นไต่ระดับถึงจุดอิ่มของตัวละครที่ดำเนินอยู่พอดี ทั้งตัวละครบางตัวรวมถึงคนอ่าน จะได้รู้เรื่องราวในอดีตไปพร้อมกัน จึงเกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอกในเรื่อง กลายเป็นแรงผลักดันให้นิยายเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผู้เขียนต้องการ ซึ่งนับว่ามีความชาญฉลาดที่เลือกการทยอยเล่าความจริง ได้เหมาะเจาะกับฉากนั้นอย่างลงตัว

    ...

    4. เชื่อว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ ทิศทางความชอบหรือไม่ชอบหลังอ่านจบแล้วจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่ชอบถึงชอบมาก กับกลุ่มที่ไม่ชอบเลย หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน เพียงเพราะคิดว่าเนื้อหาอย่างนี้คงเหมาะกับผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม คือคนที่เคยสัมผัสกับการเล่มวิดีโอเกมมาก่อนเท่านั้น คนที่ไม่เคยเล่นคงเข้าถึงได้ยากและน่าจะไม่สนุกแน่เลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แน่นอนว่าผมชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก แม้ในปัจจุบันเวลาชีวิตจะไม่อำนวยให้สามารถกลับไปเล่นได้เหมือนในอดีต ทว่าอยากยืนยันสิ่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมั่นใจ ถึงคนที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อน ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสนุก และไม่ได้เข้าใจยากจนเกินไปนัก

    ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจจะเป็นด่านที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จริง เพราะเรื่องถูกเล่าแบบไม่รีบร้อน อีกทั้งบรรยายรายละเอียดชีวิตของตัวเอกทั้งสองแบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสนใจนัก ทว่าพอผ่านไปสักพักความรู้สึกเฉย ๆ กึ่งเริ่มจะเบื่อแล้วนะ จะค่อย ๆ หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้เรื่องราวต่อไปของทั้งเซดีนและแซม น่าแปลกเหมือนกัน แต่เหมือนบุคลิกและความสัมพันธ์ของทั้งสองมีแรงดึงดูดประหลาด ที่ทำให้ไม่อาจจะหยุดอ่าน คงคล้ายเมื่อเราได้เริ่มเล่นเกมสักเกมหนึ่งซึ่งทีแรกเกือบจะท้อแท้และบอกตัวเองว่า เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย แต่ใจหนึ่งก็กระซิบบอกตัวเองว่า เล่นต่ออีกหน่อยน่าอย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ และพอตั้งใจให้สมาธิกับการจดจ่อกับฉากตรงหน้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกมเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเราเริ่มถูกดึงเข้าไปสู่โลกของมัน และการเล่นก็เข้าฝัก เกิดความคุ้นชิน ไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อดังที่คิด

    ....

    5. สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเกมมาก่อน อาจมีข้อได้เปรียบและสามารถสนุกไปกับเนื้อหาที่ผู้เขียนใส่เข้ามา มากกว่าคนกลุ่มอื่นพอสมควร เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่า เนื่องจากมีการกล่าวถึงชื่อเกมหลายเกมที่เป็นที่นิยมของบรรดาผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประมาณช่วงยุคแปดศูนย์ ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยแตะโลกของเกมมาก่อน ก็ยังสามารถสนุกไปกับเนื้อหายาวเหยียดได้เช่นกัน หากว่าชื่นชอบในการได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างเกมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มหรือพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นตอนทางความคิดการออกแบบตัวละคร ฉาก องค์ประกอบเรื่องราวเนื้อหา จนแล้วเสร็จไปถึงขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การแสดงงาน ให้สัมภาษณ์ เดินสายไปตามที่ต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้เขียนออกมาอย่างหนังสือวิชาการ แต่ผ่านการบอกเล่าอย่างมีชั้นเชิงของนิยาย ที่ผูกโยงเข้ากับเรื่องราวความใฝ่ฝันของตัวเอกทั้งสาม ที่อยากจะสร้างเกมที่นักเล่นทุกคนจะเล่นได้อย่างสนุกและรักมัน เป็นโลกที่พวกเขาจะไม่มีวันแพ้ เพราะถ้าตายก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

    .....

    6. ในเล่มนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่น อย่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก คนในครอบครัว และจิตวิทยาการใช้ชีวิตและจูงใจคน รวมถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่นิยายเพ้อฝันที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสาวสามคนที่อยากโลดแล่นในวงการนักออกแบบเกมเท่านั้นภายในจำนวนแถวอักษรยาวเหยียดที่เรียงเป็นตับกว่าสี่ร้อยหน้า โลกเบื้องหลังนั้นมีความซับซ้อน และโยงใยยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของคนต่อคน และคนกับสังคมวงกว้างอย่างลึกล้ำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในเรื่องราวดราม่ากว่าจะมาเป็นเกมสักเกมให้คนเล่นเสพสมจนสนุกสนาน ทว่าชีวิตของคนสร้างที่ให้กำเนิดเกมฮิตนั้น เขาและเธอต้องพบเจอและผ่านด่าน อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วกี่ร้อยกี่พันฉาก ปะปนทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ ความขมขื่นที่ไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนที่นึกว่าเป็นเพื่อนซึ่งเหมือนใกล้ชิดสุดกว่าใครอื่นในชีวิต ความว่างเปล่าโหวงเหวงที่บรรจุอยู่ภายในจิตใจ เมื่อถึงที่สุดได้แตกกระจายและขยายตัวออกสู่ภายนอก จนกระทั่งตัวเองไม่สามารถจัดการรับมือกับสิ่งที่เกิดและประเดประดังเข้าหา สิ่งที่หลงเหลือต่อจากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะจัดการเส้นทางชีวิตตนอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง และเก็บสาระที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตน

    7. ผมชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างแซม กับมาร์กซ์ แซมกับเซดี และมาร์กซ์กับเซดี ที่มีมุมแตกต่างให้เราได้ศึกษา ได้เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีให้กัน ในขณะเดียวกันเมื่อมีโจทย์มาทดสอบความเป็นเพื่อนและมิตรภาพของพวกเขา แต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นปุถุชนคนทั่วไป ที่ยังรักตัวรักตนมากเหนือสิ่งอื่นใด จึงในบางคราวก็รับบทบาทร้ายกาจไร้ซึ่งเหตุผลอันสมควรได้เหมือนกัน แม้นเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายเมื่อกาลเวลาหมุนผ่านยาวนานเพียงพอ คนเราก็จะเติบโตขึ้น เรียนรู้จากความบกพร่องผิดพลาดของตนในอดีต และเข้าใจโลกมากกว่าเก่า จนสามารถจะปลดปล่อยปลงวางปมที่เคยขมวดแน่นในใจ ให้คลี่คลายลงแล้วก้าวข้ามผ่านเกมชีวิตจริง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมดังชื่อเรื่อง

    พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้.

    แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นที่นักอ่านท่านอื่นอาจจะไม่ได้เห็นเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพียงหวังใจว่าใครที่มีเล่มนี้อยู่ที่บ้านแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเกิดความรู้สึกอยากทำความรู้จักกับ แซม, มาร์กซ์ และเซดี ขึ้นมาบ้าง

    #หนังสือดี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #วิดีโอเกม
    #นิยายแปล
    #การสร้างเกม
    เคยมีคำกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิตซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ในความเป็นจริงก็ตายแล้วตายเลยไม่ต่างจากสัตว์อื่นหรือมนุษย์ โตขึ้นมาสักหน่อยประมาณช่วงมัธยมต้น ช่างประปานามว่ามาริโอ้ทำให้ผมทึ่ง เพราะในอาณาจักรเห็ดแล้ว เขามีชีวิตได้สูงสุดถึง 99 ครั้ง โอ้..คุณพระ! #TomorrowandTomorrowandTomorrow นี่คือหนังสือที่เปิดเผยวงการสร้างเกมวิดีโอได้เจาะลึกและน่าสนใจมากเล่มหนึ่งที่มีอยู่ไม่มากนักในตลาด ที่สำคัญมีอะไรมากไปกว่าแค่เรื่องเด็กสร้างเกม สนพ.แซลมอน แกเบรียล เซวิน เขียน สุวิชชา จันทร แปล พิมพ์เมื่อ กรกฎาคม 2566 หนา 400 หน้า 495 บาท หนังสือเล่มใหญ่มากแถมยังหนา ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร เป็นอุปสรรคในการถืออ่านพอสมควร ด้วยความหนักบวกเทอะทะ จึงไม่เหมาะพกพาอ่านนอกสถานที่เท่าใดนัก แต่นี่ไม่ทำให้ใจที่อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้างลดน้อยลง เปิดประตูสู่โลกในจินตนาการ ด้วยเหตุใดก็ตามที่บันดาลให้เด็กหญิงเซดีน กรีน เชื้อสายอเมริกันยิว ในวัยสิบกว่าปีที่มาเยี่ยมพี่สาวอายุห่างจากเธอ 2 ปีกับแม่ แล้วทำให้พี่สาวแหกปากลั่น จนแม่ต้องไล่ให้เซดีออกไปนอกห้องสักพัก จนเธอเดินเปะปะมาเจอกับ แซม เมเซอ ที่เป็นเด็กชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหน้าตาแปลก และเท้ามีปัญหา ซึ่งกำลังจดจ่อกับการบังคับมาริโอ้ เกมจากเครื่องเล่นนินเทนโดในห้องสันทนาการ ถือได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสายใยพิเศษพิสดาร ที่จะผูกโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันไปอีกนานหลายสิบปีนับจากนี้ 💻 แม้จะไม่เคยมีใครสามารถทำให้แซมอ้าปากพูดได้มาก่อน นับตั้งแต่เขาอยู่ใน รพ.มาเป็นระยะเวลากว่าหกสัปดาห์ แต่เซดี คือบุคคลอันน่าเหลือเชื่อ ที่ทั้งหมอ และพยาบาลต่างแปลกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนับแต่เดินไปเห็นเขา แล้วยืนชมแซมเล่นตัวมาริโอ้ด้วยเทคนิกชั้นเซียน จนอีกไม่กี่อึดใจถัดมา แซมก็เอ่ยปากคุยกับเธอเกี่ยวกับเกมที่เขากำลังเล่น จากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับรู้จักกันดีมาเป็นเวลานานทั้งที่เพิ่งจะพบกันในวันนั้นเป็นครั้งแรก 💻 เหตุนี้เอง หมอและพยาบาลจึงอยากให้แม่ของเซดี ยอมให้เธอมาที่รพ.บ่อย ๆ และเป็นเพื่อนคุยกับแซม เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขาแจ่มใสร่าเริงขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เท้าของเขามีปัญหาไม่ธรรมดา ซึ่งเซดีเองก็ยินดี เธอและแซมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องของวิดีโอเกม จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน และไปกระทบกระเทือนใจของแซมอย่างรุนแรงจนเขาผิดหวังและไล่เธอไม่ให้มาพบเจอกันอีกต่อไป 💻 เวลาผ่านไปหลายปี เซดีเรียนต่อที่ mit ทางด้านสาขาการออกแบบเกม ส่วนแซมเข้าฮาร์วาร์ดได้ เขาถนัดด้านคณิตศาสตร์ เท้าเจ้ากรรมยังคงแย่ไม่แพ้สมัยเด็ก แซมได้รูมเมตเป็นลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกันญี่ปุ่นชื่อว่า มาร์กซ์ วาตานาเบะ ผู้มีจิตใจดีและเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือแนะนำเขาในหลายเรื่อง วันหนึ่ง แซม ได้พบกับเซดี ในระหว่างทางที่กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เขาอดใจไม่ไหวร้องเรียกเธอ แล้วได้คุยกันสั้น ๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต เธอฝากแผ่นเกมสำหรับเล่นกับเครื่องพีซีให้เขาไว้ บอกว่าเป็นเกมที่เธอสร้างเอง เล่นจบแล้วรู้สึกอย่างไรช่วยติดต่อบอกด้วยตามที่อยู่อีเมล จากนั้นต่างแยกย้าย 💻 ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายกับเซดี ที่ทำให้เธอสิ้นหวังและหมดพลังในชีวิต แต่เป็นแซมที่พยายามหาทางติดต่อกลับ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเธอเลย วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินด้วยเท้าสภาพเน่า ๆ เสี่ยงไปยังที่พักของเธอ เมื่อได้พบกันเซดีเหมือนผีตายซากที่รอเวลาแห้งเหี่ยว แซมมาหาเธอทุกวันจนในที่สุด สาวน้อยคนเก่ากลับฟื้นคืนสติเป็นผู้เป็นคน จนยอมรับข้อเสนอมาร่วมกันสร้างเกมกับเขาในช่วงปิดภาคเรียนไม่กี่เดือน เพื่อต้องการสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งต่อมาทั้งสองได้มาร์กซ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย 💻 แล้วตำนานแห่งสามสหายที่ให้กำเนิดโคตรเกมที่ยิ่งใหญ่และตีตลาดจนเป็นที่นิยมในวงกว้าง ก็ถือกำเนิดขึ้น นำพาผู้อ่านท่องสู่จักรวาลของผู้สร้างอันบรรเจิดเพริศแพร้ว จนมีหลายบริษัทเข้าแถวอยากทำสัญญาด้วย ต่อมาโชคชะตาเอื้ออำนวย ให้ทั้งสามก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเป็นของตน จนสร้างสรรค์ผลงานน่าจดจำป้อนสู่ตลาด มีทั้งที่ประสบความสำเร็จงดงาม และบางเกมก็โดนหามลงจากเวที ตลอดจนประสบพบเจออุปสรรคหลากหลายที่ล้วนแต่รุนแรงต่อเนื่องเป็นระลอกถึงกับเกือบจะล้มหายไปจากวงการ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้ 💻 เรื่องราวสุดแสนเข้มข้นน่าติดตามค้นหาอีกมากมาย รอคอยให้ผู้อ่านเช่นคุณเสาะแสวงหามาทดสอบ ต่อให้ไม่ใช่คนที่รักชอบในการเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลย ก็สามารถจะทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ได้รับความบันเทิงควบคู่ไปด้วย 💽ความน่าทึ่งซึ่งปรากฏชัดหลังอ่านจบ (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือ ต่อจากนี้ไปอาจมีกล่าวถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน โปรดพิจารณา ถ้าไม่กังวลก็ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ) 1. ผมทั้งถูกใจและขัดใจในขนาดรูปเล่มที่ทำออกมา คือถืออ่านไม่ถนัดมือ รูปภาพที่ทำปกก็ดูไม่เข้ากับเรื่องเกม ไม่ค่อยดึงดูดให้คนอยากอ่าน ไม่สื่อถึงเรื่องวงการเกม แต่เมื่ออ่านเนื้อหาภายในไปสักพักจึงเข้าใจที่มาของรูปคลื่น อ้อ ..ความเกี่ยวข้องกับเกมอยู่ตรงนี้เองสำคัญด้วยสิ แต่คนที่จะรู้ได้คือต้องอ่านก่อนเท่านั้นนี่คือจุดบอด นอกจากภาพปกก็การจัดทำอาร์ตเวิร์ก ทีแรกไม่ชอบเลย ทำไมถึงตั้งใจให้อักษรถูกวางเรียงเป็นพรืด ออกมาเป็นบล็อกราวกับก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถมยังเว้นพื้นที่ว่างด้านริมชิดขอบหนังสือนิดเดียว แต่กลับเว้นช่องว่างด้านหลังแถวอักษรเยอะ กลายเป็นเมื่อเปิดหน้าหนังสือออก จะมีบริเวณที่เว้นว่างซึ่งไม่มีอักษรเลยช่วงกึ่งกลางเล่มเป็นช่องโล่งกว้างใหญ่ มองแล้วแปลก ๆ ตัวอักษรที่ถูกเลือกใช้อีก ไม่ใช่แบบอักษรที่นิยม มองแล้วไม่นุ่มนวล ออกจะเป็นอักษรที่ดูแข็งทื่อและกระด้างเมื่อเรียงอยู่ด้วยกันเป็นแถวยาว แต่เมื่อมองไปมองมา พลิกอ่านไปสักระยะก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้น นี่มันเหมือนรูปแบบของตัวพิกเซลเลยนี่นา ความเป็นเหลี่ยม เป็นก้อน เป็นบล็อก หรือนี่คือความตั้งใจที่ได้รับการออกแบบไว้แต่แรกของผู้เขียนและสนพ. เนื่องจากไม่เคยเห็นฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าฉบับแปลไทยก็คงจะพยายามทำออกมาโดยคงแนวคิดเดิมให้ได้มากสุด เมื่อคิดได้ดังนี้ จากที่ตอนแรกขัดใจกลักลายเป็นนึกชมขึ้นมาแทน ไม่รู้หรอกว่าจะใช่อย่างที่เดาไหม แต่ถ้าใช่ถือว่าทำสำเร็จ เพราะมันเข้ากับเรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมพอดี . 2. ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยกับรูปแบบการเขียนของแกเบรียลที่เหมือนกับเล่ม "หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ" คือคนอ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมากกับเรื่องที่ผู้เขียนเล่า เพราะเขาจะไม่มีการขึ้นบทใหม่ หรือใช้ย่อหน้า หรือเลขแบ่ง หรือเว้นวรรคที่ว่าง เพื่อแบ่งฉากให้รู้ชัดเจนว่านี่คือเรื่องราวของฉากใหม่ เหตุการณ์ใหม่ วันใหม่แล้วนะ เรียกว่าเล่าเรื่องฉากหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แล้วบรรทัดถัดไปก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แถมไม่มีบรรยายเกริ่น แต่เริ่มด้วยบทสนทนาของตัวละครทันที ดังนั้นบ่อยครั้งที่อ่านอยู่แล้วพอพลิกหน้าต่อไปก็เอ๋อ งงอยู่นานว่าทำไมเรื่องราวมันจึงไม่ต่อเนื่องกัน ตัวละครคุยกันเรื่องหนึ่ง ไฉนกลายเป็นใครไม่รู้มาคุยในอีกเรื่องหนึ่ง กว่าจะทำความเข้าใจว่า อ๋อ..นี่คือตอนใหม่ คนละช่วงเวลาแล้วนะก็เบลอเป็นระยะ เพราะปรากฏลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งการจัดวางรูปแบบให้แถวอักษรเรียงเท่ากันเป็นตับด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้การอ่านนั้นยากขึ้น แต่เมื่อชินกับสไตล์การเขียนของเขาแล้ว ช่วงหลัง ๆ ก็จะเริ่มอ่านง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ่านเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ อ่านอย่างจดจ่อแล้วคิดตามไป .. 3. การเล่าเรื่องเป็นมุมมองอย่างพระเจ้าที่มองเห็นความคิด ความในใจของตัวละครทั้งหมด เพียงแต่ผู้เขียนเลือกที่จะเล่าเท่าที่อยากบอกในช่วงแรกแค่นิดหน่อย แล้วค่อย ๆ เผยเรื่องราวความลับของตัวละครหลักทั้งสามออกมาทีละนิดในภายหลัง ชนิดปิดทั้งตัวละครอื่นในเรื่องเองที่ไม่รู้ความจริง รวมถึงปิดคนอ่านด้วย โดยมาเปิดให้รู้ภายหลังเมื่อถึงช่วงที่สำคัญในจังหวะและบรรยากาศ ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นไต่ระดับถึงจุดอิ่มของตัวละครที่ดำเนินอยู่พอดี ทั้งตัวละครบางตัวรวมถึงคนอ่าน จะได้รู้เรื่องราวในอดีตไปพร้อมกัน จึงเกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอกในเรื่อง กลายเป็นแรงผลักดันให้นิยายเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผู้เขียนต้องการ ซึ่งนับว่ามีความชาญฉลาดที่เลือกการทยอยเล่าความจริง ได้เหมาะเจาะกับฉากนั้นอย่างลงตัว ... 4. เชื่อว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ ทิศทางความชอบหรือไม่ชอบหลังอ่านจบแล้วจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่ชอบถึงชอบมาก กับกลุ่มที่ไม่ชอบเลย หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน เพียงเพราะคิดว่าเนื้อหาอย่างนี้คงเหมาะกับผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม คือคนที่เคยสัมผัสกับการเล่มวิดีโอเกมมาก่อนเท่านั้น คนที่ไม่เคยเล่นคงเข้าถึงได้ยากและน่าจะไม่สนุกแน่เลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แน่นอนว่าผมชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก แม้ในปัจจุบันเวลาชีวิตจะไม่อำนวยให้สามารถกลับไปเล่นได้เหมือนในอดีต ทว่าอยากยืนยันสิ่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมั่นใจ ถึงคนที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อน ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสนุก และไม่ได้เข้าใจยากจนเกินไปนัก ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจจะเป็นด่านที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จริง เพราะเรื่องถูกเล่าแบบไม่รีบร้อน อีกทั้งบรรยายรายละเอียดชีวิตของตัวเอกทั้งสองแบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสนใจนัก ทว่าพอผ่านไปสักพักความรู้สึกเฉย ๆ กึ่งเริ่มจะเบื่อแล้วนะ จะค่อย ๆ หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้เรื่องราวต่อไปของทั้งเซดีนและแซม น่าแปลกเหมือนกัน แต่เหมือนบุคลิกและความสัมพันธ์ของทั้งสองมีแรงดึงดูดประหลาด ที่ทำให้ไม่อาจจะหยุดอ่าน คงคล้ายเมื่อเราได้เริ่มเล่นเกมสักเกมหนึ่งซึ่งทีแรกเกือบจะท้อแท้และบอกตัวเองว่า เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย แต่ใจหนึ่งก็กระซิบบอกตัวเองว่า เล่นต่ออีกหน่อยน่าอย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ และพอตั้งใจให้สมาธิกับการจดจ่อกับฉากตรงหน้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกมเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเราเริ่มถูกดึงเข้าไปสู่โลกของมัน และการเล่นก็เข้าฝัก เกิดความคุ้นชิน ไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อดังที่คิด .... 5. สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเกมมาก่อน อาจมีข้อได้เปรียบและสามารถสนุกไปกับเนื้อหาที่ผู้เขียนใส่เข้ามา มากกว่าคนกลุ่มอื่นพอสมควร เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่า เนื่องจากมีการกล่าวถึงชื่อเกมหลายเกมที่เป็นที่นิยมของบรรดาผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประมาณช่วงยุคแปดศูนย์ ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยแตะโลกของเกมมาก่อน ก็ยังสามารถสนุกไปกับเนื้อหายาวเหยียดได้เช่นกัน หากว่าชื่นชอบในการได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างเกมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มหรือพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นตอนทางความคิดการออกแบบตัวละคร ฉาก องค์ประกอบเรื่องราวเนื้อหา จนแล้วเสร็จไปถึงขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การแสดงงาน ให้สัมภาษณ์ เดินสายไปตามที่ต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้เขียนออกมาอย่างหนังสือวิชาการ แต่ผ่านการบอกเล่าอย่างมีชั้นเชิงของนิยาย ที่ผูกโยงเข้ากับเรื่องราวความใฝ่ฝันของตัวเอกทั้งสาม ที่อยากจะสร้างเกมที่นักเล่นทุกคนจะเล่นได้อย่างสนุกและรักมัน เป็นโลกที่พวกเขาจะไม่มีวันแพ้ เพราะถ้าตายก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ..... 6. ในเล่มนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่น อย่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก คนในครอบครัว และจิตวิทยาการใช้ชีวิตและจูงใจคน รวมถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่นิยายเพ้อฝันที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสาวสามคนที่อยากโลดแล่นในวงการนักออกแบบเกมเท่านั้นภายในจำนวนแถวอักษรยาวเหยียดที่เรียงเป็นตับกว่าสี่ร้อยหน้า โลกเบื้องหลังนั้นมีความซับซ้อน และโยงใยยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของคนต่อคน และคนกับสังคมวงกว้างอย่างลึกล้ำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในเรื่องราวดราม่ากว่าจะมาเป็นเกมสักเกมให้คนเล่นเสพสมจนสนุกสนาน ทว่าชีวิตของคนสร้างที่ให้กำเนิดเกมฮิตนั้น เขาและเธอต้องพบเจอและผ่านด่าน อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วกี่ร้อยกี่พันฉาก ปะปนทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ ความขมขื่นที่ไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนที่นึกว่าเป็นเพื่อนซึ่งเหมือนใกล้ชิดสุดกว่าใครอื่นในชีวิต ความว่างเปล่าโหวงเหวงที่บรรจุอยู่ภายในจิตใจ เมื่อถึงที่สุดได้แตกกระจายและขยายตัวออกสู่ภายนอก จนกระทั่งตัวเองไม่สามารถจัดการรับมือกับสิ่งที่เกิดและประเดประดังเข้าหา สิ่งที่หลงเหลือต่อจากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะจัดการเส้นทางชีวิตตนอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง และเก็บสาระที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตน 7. ผมชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างแซม กับมาร์กซ์ แซมกับเซดี และมาร์กซ์กับเซดี ที่มีมุมแตกต่างให้เราได้ศึกษา ได้เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีให้กัน ในขณะเดียวกันเมื่อมีโจทย์มาทดสอบความเป็นเพื่อนและมิตรภาพของพวกเขา แต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นปุถุชนคนทั่วไป ที่ยังรักตัวรักตนมากเหนือสิ่งอื่นใด จึงในบางคราวก็รับบทบาทร้ายกาจไร้ซึ่งเหตุผลอันสมควรได้เหมือนกัน แม้นเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายเมื่อกาลเวลาหมุนผ่านยาวนานเพียงพอ คนเราก็จะเติบโตขึ้น เรียนรู้จากความบกพร่องผิดพลาดของตนในอดีต และเข้าใจโลกมากกว่าเก่า จนสามารถจะปลดปล่อยปลงวางปมที่เคยขมวดแน่นในใจ ให้คลี่คลายลงแล้วก้าวข้ามผ่านเกมชีวิตจริง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมดังชื่อเรื่อง พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้. แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นที่นักอ่านท่านอื่นอาจจะไม่ได้เห็นเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพียงหวังใจว่าใครที่มีเล่มนี้อยู่ที่บ้านแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเกิดความรู้สึกอยากทำความรู้จักกับ แซม, มาร์กซ์ และเซดี ขึ้นมาบ้าง #หนังสือดี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #วิดีโอเกม #นิยายแปล #การสร้างเกม
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 896 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ

    อ่านจบแล้วต้องรีบระบายความในใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัด

    ขอใช้ประโยคนี้ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าซื่อตรงต่อตนเองมากที่สุดครับ

    "ผมหลงรักเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้"

    เดิมก็คาดการณ์ไว้ตอนตัดสินใจเลือกยืมมาจากห้องสมุด เล่มนี้ต้องดีแน่ คงจะมอบความอิ่มเอมให้เราพอสมควร เชื่ออย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าปก และชื่อที่ดึงความสนใจได้ชงัดนัก ประกอบกับบางส่วนที่เกริ่นไว้ด้านหลังปก เท่านี้ก็เหมือนเห็นแสงที่อบอุ่นขาวนวล สว่างออกมารอบ ๆ หนังสือ อาจจะเป็นคำบอกเล่าที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างจะเปราะบางกับอะไรก็ตามที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว

    📚 The Storied Life of A.j.Fikry หรือชื่อไทยว่า
    หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ (ชอบชื่อไทยมาก ตั้งได้ดีจริง)

    แพรวสำนักพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ในขณะที่ต้นฉบับขายตั้งแต่ปี 2014 หนาเพียง 216 หน้า

    หลายคนคงเคยอ่านแล้ว แต่น่าจะมีอีกหลายคนที่มีอยู่ในมือแต่ยังไม่ได้อ่าน หวังว่าหลังจากอ่านสิ่งที่ผมเล่าจบแล้ว จะเกิดแรงขับมากพอทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาอ่านได้

    โครงเรื่องจริง ๆ ก็ดังที่ชื่อไทยได้บอกไว้ ชัดเจนและสรุปเนื้อหาทั้งหมดในเล่มออกมาในประโยคเดียวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื้อหาย่อยที่อยู่ในเล่มนี้สิ ที่แต่ละอย่างล้วนโดนใจทั้งนั้น

    สรุปเนื้อเรื่องคือ

    ชายวัยใกล้สี่สิบคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนเกาะอลิซ เป็นคนที่มีบุคลิกปิด ไม่ชอบสุงสิงใคร เพิ่งสูญเสียเมียอันเป็นที่รักไปไม่นานจากอุบัติเหตุ จึงจ่อมจมอยู่กับความเศร้าเฝ้าร้านที่ยอดขายก็ย่ำแย่ วันหนึ่งมีตัวแทนสาวสวยคนใหม่จาก สนพ.แห่งหนึ่ง เดินทางไกลมาเพื่อจะนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่จะออกในช่วงฤดูหนาว และแนะนำเล่มที่น่าสนใจที่น่าจะสั่งมาวางขายในร้าน ให้กับเขาแทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป ทว่าเขากลับพูดจาด้วยอย่างหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำเลวร้ายต่อเธอที่เพิ่งเริ่มต้นงาน

    หลังจากวันนั้นไม่นาน คืนหนึ่งเขาดื่มหนักมากและฟุบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที ต้องตกใจเพราะของมีค่ามหาศาลชิ้นหนึ่งหายไปจากร้านของเขา จึงไปแจ้งความกับตำรวจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งให้ช่วยตามหา เพราะเขากะว่าอีกไม่นานจะขายสมบัติชิ้นนั้นเพื่อนำเงินก้อนมาใช้ หลังจากปิดร้านหนังสือ แต่ตำรวจหาไม่พบ ขณะที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่ามีสถานการณ์ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้นกับเขาตามมาติด ๆ และการตัดสินใจต่อกรณีนี้ ได้นำพาให้ชีวิตของเขารวมถึงร้านหนังสือที่รักประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

    ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหญิง ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ ล้วนแต่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ผู้เขียนช่างสร้างบุคลิก อุปนิสัย และปูมหลังของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งตกหลุมรัก คอยลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครแต่ละตัวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปให้ได้ ยามถึงฉากที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวละครเด่น ก็พลอยตื่นเต้นและอยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมหวัง บางฉากก็ได้ยิ้งแก้มปริ บางฉากก็ขำ บางฉากก็ซึมเซา เศร้าและเสียดาย สุดท้ายฉากชีวิตของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านหนังสือจะลงเอยอย่างไร ลองไปตามอ่านกันให้ได้นะ

    สำนวนการเขียนของนักเขียนช่างกระชับ จับใจ ในหน้ากระดาษจำกัดเพียง 216 หน้านี้ แทบจะบอกได้ว่าไม่มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ไหน ตัวละครใดที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเสียของ ไร้ความหมาย เพียงเป็นตัวประกอบไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะแม้จะเพียงแค่ปรากฏมาไม่กี่หน้า แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะซึ่งสำคัญต่อการเดินเรื่อง อ่านไปช่วงแรกอาจยังไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยิ่งจำนวนหน้าฝั่งซ้ายเริ่มมากขึ้นจนแซงฝั่งขวา ก็เห็นถึงการวางแผนมาแล้วอย่างดีและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก สิ่งที่ถูกเริ่มไว้ในตอนต้น ในหลายประเด็น และคาใจให้คนอ่านเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ หากไม่รู้หรือไม่ยอมเฉลยในตอนจบคงต้องนอนไม่หลับแน่ ก็ปรากฏว่านักเขียนได้เปิดจนหมดเปลือก ทว่าใช้วิธีเผยความจริงได้อย่างชาญฉลาด และน่าทึ่ง

    ช่วงต้นอาจจะยังจับทางไม่ถูกก็จะไม่คุ้นชินกับการตัดฉาก ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทันใดอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ย่อหน้าใหม่และอักษรเริ่มต้นประโยคของย่อหน้านั้นที่เป็นสีซีดจางต่างจากบรรทัดถัดไป และดำเนินในลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการแบ่งเป็นบท หรือใส่เลขเพื่อบ่งบอกเมื่อขึ้นฉากหรือสถานการณ์ใหม่ ปล่อยให้คนอ่านได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ ว่าอ๋อ..นี่จบเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงตอนใหม่อย่างปุบปับ อาศัยเพียงคำบรรยายไม่ถึงครึ่งหน้าเพื่อนำให้คิดตาม พอรู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครหลักในเรื่องต่อไป

    ใช่ นี่คือหนังสือที่เดินหน้าด้วยการเน้นที่บทสนทนาของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว โดยมีการบรรยายความเพียงแค่เป็นส่วนประกอบฉาก ไม่มากแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะการคั่นจังหวะของแต่ละช่วงตอนของการเล่าเรื่อง ด้วยบันทึกของพ่อที่เขียนให้กับลูกสาว เกี่ยวกับหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเห็นว่ามีความน่าสนใจ และดีพอที่จะแนะนำต่อให้ลูกไปตามอ่านนั้น เป็นอะไรที่แสนจะน่ารักและน่าประทับใจในคราวเดียว มันทำให้เราได้ประเมินตัวเองเหมือนกัน ว่าฉันคือนักอ่านที่แท้จริงแล้วหรือไม่ โดยดูจากชื่อหนังสือที่พ่อแนะนำให้ลูกอ่านนี้แหละ มีสักกี่เรื่องที่เคยผ่านตาผ่านมือเราแล้วบ้าง และอีกกี่เรื่องที่แค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน กี่เรื่องกันที่แม้แต่ชื่อเรื่องยังไม่เคยได้ยิน

    ตลอดทั้งเล่มนี้ นอกจากจะมีหน้าคั่นที่เป็นบันทึกของพ่อแนะนำหนังสือให้ลูกดังได้กล่าวไป ยังมีกล่าวถึงหนังสือหลากหลายประเภท หลายเรื่อง ผ่านบทสนทนากับตัวละครอื่นอยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าอ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว เราจะได้เปิดโลกเหมือนเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่งจริง ๆ นักอ่านบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องลักษณะนี้ ยิ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินหนังสือที่ถูกเอ่ยถึงเลยในเล่ม คงยิ่งจะอ่านแล้วเหมือนขาดความเชื่อมโยง หรือเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครในเรื่องได้น้อย แต่เชื่อเถิด ต่อให้คุณไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องใดเลยที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าได้อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม สุดท้ายคุณจะพบว่า นี่คือหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง และไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น แต่ระหว่างทางหนังสือยังได้สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเราไม่มากก็น้อย

    สำหรับผมนั้น แน่นอนว่าอ่านด้วยความรู้สึกยินดีมีสุขในทุกหน้า ไม่ว่าเรื่องราวในนั้นจะมีครบ ทั้งสนุกสนาน ได้อมยิ้ม ได้หัวเราะ หรืออาจเศร้าซึมเซาบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะนี่แหละคือชีวิต เราจะหวังให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีไปตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ ..จริงหรือไม่

    #หนังสือ
    #นิยายแปล
    #ร้านหนังสือ
    #คนรักการอ่าน
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ อ่านจบแล้วต้องรีบระบายความในใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัด ขอใช้ประโยคนี้ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าซื่อตรงต่อตนเองมากที่สุดครับ "ผมหลงรักเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้" เดิมก็คาดการณ์ไว้ตอนตัดสินใจเลือกยืมมาจากห้องสมุด เล่มนี้ต้องดีแน่ คงจะมอบความอิ่มเอมให้เราพอสมควร เชื่ออย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าปก และชื่อที่ดึงความสนใจได้ชงัดนัก ประกอบกับบางส่วนที่เกริ่นไว้ด้านหลังปก เท่านี้ก็เหมือนเห็นแสงที่อบอุ่นขาวนวล สว่างออกมารอบ ๆ หนังสือ อาจจะเป็นคำบอกเล่าที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างจะเปราะบางกับอะไรก็ตามที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว 📚 The Storied Life of A.j.Fikry หรือชื่อไทยว่า หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ (ชอบชื่อไทยมาก ตั้งได้ดีจริง) แพรวสำนักพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ในขณะที่ต้นฉบับขายตั้งแต่ปี 2014 หนาเพียง 216 หน้า หลายคนคงเคยอ่านแล้ว แต่น่าจะมีอีกหลายคนที่มีอยู่ในมือแต่ยังไม่ได้อ่าน หวังว่าหลังจากอ่านสิ่งที่ผมเล่าจบแล้ว จะเกิดแรงขับมากพอทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาอ่านได้ โครงเรื่องจริง ๆ ก็ดังที่ชื่อไทยได้บอกไว้ ชัดเจนและสรุปเนื้อหาทั้งหมดในเล่มออกมาในประโยคเดียวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื้อหาย่อยที่อยู่ในเล่มนี้สิ ที่แต่ละอย่างล้วนโดนใจทั้งนั้น สรุปเนื้อเรื่องคือ ชายวัยใกล้สี่สิบคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนเกาะอลิซ เป็นคนที่มีบุคลิกปิด ไม่ชอบสุงสิงใคร เพิ่งสูญเสียเมียอันเป็นที่รักไปไม่นานจากอุบัติเหตุ จึงจ่อมจมอยู่กับความเศร้าเฝ้าร้านที่ยอดขายก็ย่ำแย่ วันหนึ่งมีตัวแทนสาวสวยคนใหม่จาก สนพ.แห่งหนึ่ง เดินทางไกลมาเพื่อจะนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่จะออกในช่วงฤดูหนาว และแนะนำเล่มที่น่าสนใจที่น่าจะสั่งมาวางขายในร้าน ให้กับเขาแทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป ทว่าเขากลับพูดจาด้วยอย่างหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำเลวร้ายต่อเธอที่เพิ่งเริ่มต้นงาน หลังจากวันนั้นไม่นาน คืนหนึ่งเขาดื่มหนักมากและฟุบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที ต้องตกใจเพราะของมีค่ามหาศาลชิ้นหนึ่งหายไปจากร้านของเขา จึงไปแจ้งความกับตำรวจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งให้ช่วยตามหา เพราะเขากะว่าอีกไม่นานจะขายสมบัติชิ้นนั้นเพื่อนำเงินก้อนมาใช้ หลังจากปิดร้านหนังสือ แต่ตำรวจหาไม่พบ ขณะที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่ามีสถานการณ์ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้นกับเขาตามมาติด ๆ และการตัดสินใจต่อกรณีนี้ ได้นำพาให้ชีวิตของเขารวมถึงร้านหนังสือที่รักประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหญิง ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ ล้วนแต่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ผู้เขียนช่างสร้างบุคลิก อุปนิสัย และปูมหลังของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งตกหลุมรัก คอยลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครแต่ละตัวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปให้ได้ ยามถึงฉากที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวละครเด่น ก็พลอยตื่นเต้นและอยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมหวัง บางฉากก็ได้ยิ้งแก้มปริ บางฉากก็ขำ บางฉากก็ซึมเซา เศร้าและเสียดาย สุดท้ายฉากชีวิตของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านหนังสือจะลงเอยอย่างไร ลองไปตามอ่านกันให้ได้นะ สำนวนการเขียนของนักเขียนช่างกระชับ จับใจ ในหน้ากระดาษจำกัดเพียง 216 หน้านี้ แทบจะบอกได้ว่าไม่มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ไหน ตัวละครใดที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเสียของ ไร้ความหมาย เพียงเป็นตัวประกอบไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะแม้จะเพียงแค่ปรากฏมาไม่กี่หน้า แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะซึ่งสำคัญต่อการเดินเรื่อง อ่านไปช่วงแรกอาจยังไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยิ่งจำนวนหน้าฝั่งซ้ายเริ่มมากขึ้นจนแซงฝั่งขวา ก็เห็นถึงการวางแผนมาแล้วอย่างดีและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก สิ่งที่ถูกเริ่มไว้ในตอนต้น ในหลายประเด็น และคาใจให้คนอ่านเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ หากไม่รู้หรือไม่ยอมเฉลยในตอนจบคงต้องนอนไม่หลับแน่ ก็ปรากฏว่านักเขียนได้เปิดจนหมดเปลือก ทว่าใช้วิธีเผยความจริงได้อย่างชาญฉลาด และน่าทึ่ง ช่วงต้นอาจจะยังจับทางไม่ถูกก็จะไม่คุ้นชินกับการตัดฉาก ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทันใดอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ย่อหน้าใหม่และอักษรเริ่มต้นประโยคของย่อหน้านั้นที่เป็นสีซีดจางต่างจากบรรทัดถัดไป และดำเนินในลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการแบ่งเป็นบท หรือใส่เลขเพื่อบ่งบอกเมื่อขึ้นฉากหรือสถานการณ์ใหม่ ปล่อยให้คนอ่านได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ ว่าอ๋อ..นี่จบเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงตอนใหม่อย่างปุบปับ อาศัยเพียงคำบรรยายไม่ถึงครึ่งหน้าเพื่อนำให้คิดตาม พอรู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครหลักในเรื่องต่อไป ใช่ นี่คือหนังสือที่เดินหน้าด้วยการเน้นที่บทสนทนาของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว โดยมีการบรรยายความเพียงแค่เป็นส่วนประกอบฉาก ไม่มากแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะการคั่นจังหวะของแต่ละช่วงตอนของการเล่าเรื่อง ด้วยบันทึกของพ่อที่เขียนให้กับลูกสาว เกี่ยวกับหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเห็นว่ามีความน่าสนใจ และดีพอที่จะแนะนำต่อให้ลูกไปตามอ่านนั้น เป็นอะไรที่แสนจะน่ารักและน่าประทับใจในคราวเดียว มันทำให้เราได้ประเมินตัวเองเหมือนกัน ว่าฉันคือนักอ่านที่แท้จริงแล้วหรือไม่ โดยดูจากชื่อหนังสือที่พ่อแนะนำให้ลูกอ่านนี้แหละ มีสักกี่เรื่องที่เคยผ่านตาผ่านมือเราแล้วบ้าง และอีกกี่เรื่องที่แค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน กี่เรื่องกันที่แม้แต่ชื่อเรื่องยังไม่เคยได้ยิน ตลอดทั้งเล่มนี้ นอกจากจะมีหน้าคั่นที่เป็นบันทึกของพ่อแนะนำหนังสือให้ลูกดังได้กล่าวไป ยังมีกล่าวถึงหนังสือหลากหลายประเภท หลายเรื่อง ผ่านบทสนทนากับตัวละครอื่นอยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าอ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว เราจะได้เปิดโลกเหมือนเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่งจริง ๆ นักอ่านบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องลักษณะนี้ ยิ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินหนังสือที่ถูกเอ่ยถึงเลยในเล่ม คงยิ่งจะอ่านแล้วเหมือนขาดความเชื่อมโยง หรือเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครในเรื่องได้น้อย แต่เชื่อเถิด ต่อให้คุณไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องใดเลยที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าได้อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม สุดท้ายคุณจะพบว่า นี่คือหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง และไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น แต่ระหว่างทางหนังสือยังได้สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเราไม่มากก็น้อย สำหรับผมนั้น แน่นอนว่าอ่านด้วยความรู้สึกยินดีมีสุขในทุกหน้า ไม่ว่าเรื่องราวในนั้นจะมีครบ ทั้งสนุกสนาน ได้อมยิ้ม ได้หัวเราะ หรืออาจเศร้าซึมเซาบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะนี่แหละคือชีวิต เราจะหวังให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีไปตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ ..จริงหรือไม่ #หนังสือ #นิยายแปล #ร้านหนังสือ #คนรักการอ่าน #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1948 มุมมอง 0 รีวิว