• "ดร.เอ้" ชู 3 เทคโนโลยีสู่ความอยู่รอด ชี้ AI, เทคโนโลยีอวกาศ, การแพทย์อัจฉริยะ คือจุดเปลี่ยนของโลกใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/22237/
    .
    #คนไทยไม่แพ้ใครในโลก #ไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #ไทยไท #สุชัชวีร์ #การสร้างคน #วปอ. #AI #เทคโนโลยีอวกาศ
    "ดร.เอ้" ชู 3 เทคโนโลยีสู่ความอยู่รอด ชี้ AI, เทคโนโลยีอวกาศ, การแพทย์อัจฉริยะ คือจุดเปลี่ยนของโลกใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/22237/ . #คนไทยไม่แพ้ใครในโลก #ไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #ไทยไท #สุชัชวีร์ #การสร้างคน #วปอ. #AI #เทคโนโลยีอวกาศ
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • ครม.หนู 1 ขยับอีกครั้ง หลังมีรายงาน “พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ” อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 (ตุลาคม 2566 – 30 กันยายน 2567 เกษียณอายุราชการพอดี) นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม สัดส่วนคนนอก ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.61  “อนุทิน” 

    สื่อรายงานว่า พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ หรือ บิ๊กดุลย์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มีความเชี่ยวชาญในงานพื้นที่ โดยเฉพาะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังมีข้อพิพาท เพื่อแบ่งเบาภาระพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 

    สำหรับชีวิตราชการก่อนเกษียณของ พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผ่านสนามชายแดนมาโชกโชน ลุยมาแล้วทุกสมรภูมิ ถือเป็นนายทหารนักรบที่เติบโตในเส้นทางการรับราชการ ของสายคุมกำลังมาโดยตลอด เคยประจำการอยู่พื้นที่พิพาททั้งที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไปทำหน้าที่ ผบ.ฉก.ปัตตานี 24 และพื้นที่ชายแดนกัมพูชาในการปกป้องอธิปไตย ในพื้นที่ปราสาทพระวิหารและพื้นที่ประสาทตาควาย เมื่อปี 2564
    ครม.หนู 1 ขยับอีกครั้ง หลังมีรายงาน “พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ” อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 (ตุลาคม 2566 – 30 กันยายน 2567 เกษียณอายุราชการพอดี) นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม สัดส่วนคนนอก ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.61  “อนุทิน”  สื่อรายงานว่า พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ หรือ บิ๊กดุลย์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มีความเชี่ยวชาญในงานพื้นที่ โดยเฉพาะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังมีข้อพิพาท เพื่อแบ่งเบาภาระพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  สำหรับชีวิตราชการก่อนเกษียณของ พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผ่านสนามชายแดนมาโชกโชน ลุยมาแล้วทุกสมรภูมิ ถือเป็นนายทหารนักรบที่เติบโตในเส้นทางการรับราชการ ของสายคุมกำลังมาโดยตลอด เคยประจำการอยู่พื้นที่พิพาททั้งที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไปทำหน้าที่ ผบ.ฉก.ปัตตานี 24 และพื้นที่ชายแดนกัมพูชาในการปกป้องอธิปไตย ในพื้นที่ปราสาทพระวิหารและพื้นที่ประสาทตาควาย เมื่อปี 2564
    0 Comments 0 Shares 467 Views 0 Reviews
  • กว่าจะหายโง่
    ปล่อยเขมรเรียนวปอ.มานาน
    เพิ่งมาสั่งยกเลิกหลังปะทะรุนแรง มันส่งระดับนายพลมาล้วงตับทุกปี
    #7ดอกจิก
    กว่าจะหายโง่ ปล่อยเขมรเรียนวปอ.มานาน เพิ่งมาสั่งยกเลิกหลังปะทะรุนแรง มันส่งระดับนายพลมาล้วงตับทุกปี #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • “เครือข่ายชั้นนำ คอนเนคชันขั้นเทพ”

    พ.ศ. 2498 ก่อเกิด วปอ. สุดยิ่งใหญ่ สถาบันชั้นสูง เปิดทางให้ก้าวไกล ผู้นำยุทธศาสตร์ ก้าวย่างเข้าสู่เส้นชัย สร้างเครือข่ายพันธมิตร ขยับไปสู่จุดหมาย

    ผ่านรั้วนี้ ต้องมีสิทธิ์ บทพิสูจน์ตัวเอง แต่ข้างนอกคนมองเห็น เป็นเส้นทางของคนเก่ง หากเข้าใจกลเกม ยิ่งเล่นยิ่งได้เปรียบ เครือข่ายที่แน่นแฟ้น คือพลังที่เหนือเทียบ

    * เครือข่ายชั้นนำ คอนเนคชันขั้นเทพ ขยับเข้าสู่เกม พลังอำนาจพร้อมเปลี่ยนโลก วางหมากเชื่อมโยง เศรษฐกิจ การเมือง ใครที่ยังเข้าไม่ถึง จึงต้องดิ้นรนต่อไป

    พันธมิตรธุรกิจ วางแผนให้ก้าวไกล ขยับจากเบื้องหลัง สู่เวทีที่ยิ่งใหญ่ สังคมตั้งคำถาม ถึงบทบาทที่ซ่อนใน เป็นโอกาสหรืออำนาจ ที่ควบคุมอนาคตไทย

    ในสนามประชาธิปไตย ใครกำหนดเกม เมื่ออำนาจอยู่ที่ใคร เสียงของเราจะแข็งแกร่ง เครือข่ายโยงใย ทุกวงการชัดเจน สุดท้ายคนทั่วไป ยังคงยืนอยู่ตรงไหน?

    ซ้ำ *

    นี่คือเกม ข้ายิ่งใหญ่กว่าใครๆ เข้าใจหรือเปล่า? เมื่อเครือข่ายแข็งแกร่ง บทใหม่จะเป็นเช่นไร? เสียงของเราต้องดังขึ้นมั๊ย หรือจะยอมแพ้ต่อไป? เลือกเอง ก็แล้วกัน…

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 021145 ก.พ. 2568

    #เครือข่ายชั้นนำ #คอนเนคชันขั้นเทพ #เกมแห่งอำนาจ #สังคมไทยต้องรู้ #ใครเป็นคนกำหนด #เส้นทางชนชั้นนำ #การเมืองการเงิน #เครือข่ายไม่ใช่เรื่องบังเอิญ #คิดให้ลึกมองให้ไกล #ใครได้ใครเสีย
    “เครือข่ายชั้นนำ คอนเนคชันขั้นเทพ”  พ.ศ. 2498 ก่อเกิด วปอ. สุดยิ่งใหญ่ สถาบันชั้นสูง เปิดทางให้ก้าวไกล ผู้นำยุทธศาสตร์ ก้าวย่างเข้าสู่เส้นชัย สร้างเครือข่ายพันธมิตร ขยับไปสู่จุดหมาย ผ่านรั้วนี้ ต้องมีสิทธิ์ บทพิสูจน์ตัวเอง แต่ข้างนอกคนมองเห็น เป็นเส้นทางของคนเก่ง หากเข้าใจกลเกม ยิ่งเล่นยิ่งได้เปรียบ เครือข่ายที่แน่นแฟ้น คือพลังที่เหนือเทียบ * เครือข่ายชั้นนำ คอนเนคชันขั้นเทพ ขยับเข้าสู่เกม พลังอำนาจพร้อมเปลี่ยนโลก วางหมากเชื่อมโยง เศรษฐกิจ การเมือง ใครที่ยังเข้าไม่ถึง จึงต้องดิ้นรนต่อไป พันธมิตรธุรกิจ วางแผนให้ก้าวไกล ขยับจากเบื้องหลัง สู่เวทีที่ยิ่งใหญ่ สังคมตั้งคำถาม ถึงบทบาทที่ซ่อนใน เป็นโอกาสหรืออำนาจ ที่ควบคุมอนาคตไทย ในสนามประชาธิปไตย ใครกำหนดเกม เมื่ออำนาจอยู่ที่ใคร เสียงของเราจะแข็งแกร่ง เครือข่ายโยงใย ทุกวงการชัดเจน สุดท้ายคนทั่วไป ยังคงยืนอยู่ตรงไหน? ซ้ำ * นี่คือเกม ข้ายิ่งใหญ่กว่าใครๆ เข้าใจหรือเปล่า? เมื่อเครือข่ายแข็งแกร่ง บทใหม่จะเป็นเช่นไร? เสียงของเราต้องดังขึ้นมั๊ย หรือจะยอมแพ้ต่อไป? เลือกเอง ก็แล้วกัน… ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 021145 ก.พ. 2568 #เครือข่ายชั้นนำ #คอนเนคชันขั้นเทพ #เกมแห่งอำนาจ #สังคมไทยต้องรู้ #ใครเป็นคนกำหนด #เส้นทางชนชั้นนำ #การเมืองการเงิน #เครือข่ายไม่ใช่เรื่องบังเอิญ #คิดให้ลึกมองให้ไกล #ใครได้ใครเสีย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1343 Views 181 0 Reviews

  • 70 ปี วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เครือข่ายชนชั้นนำ คอนเนคชันขั้นเทพ?

    "วปอ. สร้างเครือข่าย หรือสร้างชนชั้นนำใหม่?" คำถามที่ยังค้างคาใจ ในสังคมไทย กับสถาบันที่มีอิทธิพล สูงสุดแห่งหนึ่งของประเทศ

    จากสถาบันความมั่นคง สู่เครือข่ายแห่งอำนาจ
    ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ก่อตั้ง "วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร" (วปอ.) ภายใต้การดูแลของ กระทรวงกลาโหม โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้เป็นสถาบันศึกษาชั้นสูง สำหรับผู้บริหารระดับสูง ของฝ่ายทหาร และพลเรือน

    แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป วปอ. ไม่ได้เป็นเพียงสถาบันการศึกษา ด้านความมั่นคง แต่กลายเป็น "สนามฝึกซ้อม" ของเครือข่ายอำนาจ ที่ครอบคลุมการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทย

    วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เป็นส่วนหนึ่งของ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม โดยมีหน้าที่หลักคือ การศึกษาและอบรม ข้าราชการระดับสูง ทั้งฝ่ายทหาร พลเรือน นักการเมือง และนักธุรกิจเอกชน

    หลักสูตรของ วปอ.
    - หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) สำหรับข้าราชการระดับสูง และผู้นำทางทหาร
    - หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) เปิดรับผู้บริหารภาคเอกชน และภาครัฐ
    - หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) ครั้งหนึ่งเคยมีนักการเมือง ร่วมศึกษา แต่ปัจจุบันปิดตัวลง

    คุณสมบัติของผู้เข้าเรียน
    ข้าราชการพลเรือน ระดับอำนวยการสูงขึ้นไป
    ข้าราชการทหาร ระดับพันเอกขึ้นไป
    ข้าราชการตำรวจ ระดับพันตำรวจเอกขึ้นไป
    นักธุรกิจเอกชน เจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารระดับสูง

    หลังจากสำเร็จการศึกษา ผู้เรียนจะได้รับ "เข็มรัฏฐาภิรักษ์" ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงวิทยฐานะ ที่ได้รับการยอมรับ ในแวดวงชนชั้นนำไทย

    เครือข่ายอำนาจ หรือเครือข่ายพัฒนา?
    "วปอ. เป็นเครือข่ายผู้นำ ที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน หรือเป็นกลไก ที่ช่วยให้ชนชั้นนำ รักษาอำนาจ?"

    จุดเด่นของเครือข่าย วปอ.
    สร้างสายสัมพันธ์ลึกซึ้ง ผู้เรียนกลายเป็น "พี่น้องร่วมรุ่น" ที่ช่วยเหลือกันตลอดชีวิต
    เข้าถึงโอกาสพิเศษ การได้เข้าเรียน วปอ. คือการเข้าสู่ "สนามหลังบ้านของอำนาจ"
    อิทธิพลต่อการตัดสินใจของชาติ ผู้เรียนส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ ในระดับประเทศ

    แต่ด้านลบล่ะ?
    "พรรคพวกนิยม" หรือระบบเส้นสาย การมี "คอนเนคชัน" สำคัญกว่าความสามารถจริงหรือ?
    เปิดโอกาสให้กลุ่มทุน เข้าถึงอำนาจมากขึ้น นักธุรกิจสามารถสร้างสายสัมพันธ์ กับข้าราชการ และนักการเมืองได้ง่ายขึ้น
    การกีดกันผู้ที่อยู่นอกเครือข่าย ประชาชนทั่วไป ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเครือข่ายนี้

    วปอ. กับการเมือง และเศรษฐกิจไทย
    หลักสูตรเหล่านี้อาจเป็น "เส้นทางลัดสู่ชนชั้นนำ" เพราะเมื่อเข้าเรียนแล้ว ผู้เรียนจะได้รับการยอมรับ ในสังคมระดับสูง อีกทั้งยังเปิดโอกาส ในการ สร้างเครือข่ายผลประโยชน์ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจ และการเมือง

    วปอ. กับนักการเมือง
    อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และนักการเมืองระดับสูงหลายคน เคยศึกษาในหลักสูตร วปอ.
    การศึกษาที่นี่ ช่วยให้นักการเมือง สามารถเชื่อมโยงกับกองทัพ ข้าราชการ และภาคเอกชน

    วปอ. กับภาคธุรกิจ
    นักธุรกิจที่เข้าเรียน วปอ. สามารถเชื่อมโยงกับ ข้าราชการระดับสูง และสร้างโอกาสทางธุรกิจ
    การเรียนรู้เกี่ยวกับ "ยุทธศาสตร์ชาติ" อาจเป็นข้อได้เปรียบในทางธุรกิจ

    3 ขั้นตอนการสร้างเครือข่ายใน วปอ.
    1️⃣ คัดเลือกบุคคลเข้าศึกษา
    เน้นผู้บริหารระดับสูง หรือ "ดาวรุ่ง" ที่มีศักยภาพเป็นผู้นำ

    2️⃣ พัฒนาความสัมพันธ์
    ใช้กิจกรรม เช่น ปฐมนิเทศ ทริปดูงาน งานเลี้ยง
    มีระบบ "พี่รหัส-น้องรหัส" คล้ายมหาวิทยาลัย

    3️⃣ รักษาความสัมพันธ์ หลังเรียนจบ
    ตั้งสมาคมศิษย์เก่า เพื่อให้ช่วยเหลือกันต่อไป
    เครือข่ายนี้ ทำงานผ่านการสนับสนุน ซึ่งกันและกัน

    ประโยชน์ต่อชาติ หรือการสืบทอดอำนาจ?
    มีการตั้งข้อสังเกตว่า "วปอ. คือพื้นที่กลั่นกรอง ผู้นำทางการเมืองและธุรกิจ" ที่ไม่ต้องผ่านการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยโดยตรง

    "ผู้นำต้องมาจากการเลือกตั้ง หรือจากความไว้วางใจ ของเครือข่าย?"

    บางฝ่ายมองว่า วปอ. เป็น "ระบบคัดกรองอำนาจ" ที่ช่วยให้บุคคลที่ "เหมาะสม" ได้ขึ้นเป็นผู้นำ แต่บางฝ่ายมองว่าเป็น "การสืบทอดอำนาจ ของชนชั้นนำ" ที่ตัดประชาชนทั่วไป ออกจากกระบวนการตัดสินใจ

    วปอ. เป็นโอกาสหรือปัญหา?
    ข้อดี
    - เป็นหลักสูตรที่พัฒนาผู้นำ และส่งเสริมความร่วมมือระดับชาติ
    - สร้างเครือข่าย ที่ช่วยให้การบริหารประเทศ เป็นไปอย่างราบรื่น
    - เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจและรัฐ ทำงานร่วมกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อเสีย
    - อาจเป็นช่องทางลัดสำหรับ "ชนชั้นนำใหม่" ที่เข้าสู่เครือข่ายอำนาจ
    - เสริมสร้างระบบเส้นสายและ "พรรคพวกนิยม"
    - ลดโอกาสของประชาชนทั่วไป ในการเข้าถึงอำนาจ

    วปอ. เป็นโอกาส หรือเป็นการสืบทอดอำนาจ ของชนชั้นนำ?

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 021144 ก.พ. 2568

    #วปอ #70ปีวปอ #เครือข่ายอำนาจ #ผู้นำไทย #การเมืองไทย #ชนชั้นนำ #เส้นสาย #ธุรกิจไทย #โอกาสหรืออำนาจ #การศึกษาไทย
    70 ปี วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เครือข่ายชนชั้นนำ คอนเนคชันขั้นเทพ? 🎖️🇹🇭 "วปอ. สร้างเครือข่าย หรือสร้างชนชั้นนำใหม่?" คำถามที่ยังค้างคาใจ ในสังคมไทย กับสถาบันที่มีอิทธิพล สูงสุดแห่งหนึ่งของประเทศ จากสถาบันความมั่นคง สู่เครือข่ายแห่งอำนาจ 🔥 ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ก่อตั้ง "วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร" (วปอ.) ภายใต้การดูแลของ กระทรวงกลาโหม โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้เป็นสถาบันศึกษาชั้นสูง สำหรับผู้บริหารระดับสูง ของฝ่ายทหาร และพลเรือน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป วปอ. ไม่ได้เป็นเพียงสถาบันการศึกษา ด้านความมั่นคง แต่กลายเป็น "สนามฝึกซ้อม" ของเครือข่ายอำนาจ ที่ครอบคลุมการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทย 💼🏛️ 🎓 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เป็นส่วนหนึ่งของ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม โดยมีหน้าที่หลักคือ การศึกษาและอบรม ข้าราชการระดับสูง ทั้งฝ่ายทหาร พลเรือน นักการเมือง และนักธุรกิจเอกชน 🔹 หลักสูตรของ วปอ. - หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) สำหรับข้าราชการระดับสูง และผู้นำทางทหาร - หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) เปิดรับผู้บริหารภาคเอกชน และภาครัฐ - หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) ครั้งหนึ่งเคยมีนักการเมือง ร่วมศึกษา แต่ปัจจุบันปิดตัวลง 🔹 คุณสมบัติของผู้เข้าเรียน ✅ ข้าราชการพลเรือน ระดับอำนวยการสูงขึ้นไป ✅ ข้าราชการทหาร ระดับพันเอกขึ้นไป ✅ ข้าราชการตำรวจ ระดับพันตำรวจเอกขึ้นไป ✅ นักธุรกิจเอกชน เจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารระดับสูง หลังจากสำเร็จการศึกษา ผู้เรียนจะได้รับ "เข็มรัฏฐาภิรักษ์" ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงวิทยฐานะ ที่ได้รับการยอมรับ ในแวดวงชนชั้นนำไทย เครือข่ายอำนาจ หรือเครือข่ายพัฒนา? 🤝 "วปอ. เป็นเครือข่ายผู้นำ ที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน หรือเป็นกลไก ที่ช่วยให้ชนชั้นนำ รักษาอำนาจ?" 🔹 จุดเด่นของเครือข่าย วปอ. ✅ สร้างสายสัมพันธ์ลึกซึ้ง ผู้เรียนกลายเป็น "พี่น้องร่วมรุ่น" ที่ช่วยเหลือกันตลอดชีวิต ✅ เข้าถึงโอกาสพิเศษ การได้เข้าเรียน วปอ. คือการเข้าสู่ "สนามหลังบ้านของอำนาจ" ✅ อิทธิพลต่อการตัดสินใจของชาติ ผู้เรียนส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ ในระดับประเทศ 🔹 แต่ด้านลบล่ะ? ❌ "พรรคพวกนิยม" หรือระบบเส้นสาย การมี "คอนเนคชัน" สำคัญกว่าความสามารถจริงหรือ? ❌ เปิดโอกาสให้กลุ่มทุน เข้าถึงอำนาจมากขึ้น นักธุรกิจสามารถสร้างสายสัมพันธ์ กับข้าราชการ และนักการเมืองได้ง่ายขึ้น ❌ การกีดกันผู้ที่อยู่นอกเครือข่าย ประชาชนทั่วไป ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเครือข่ายนี้ วปอ. กับการเมือง และเศรษฐกิจไทย 💰🏛️ หลักสูตรเหล่านี้อาจเป็น "เส้นทางลัดสู่ชนชั้นนำ" เพราะเมื่อเข้าเรียนแล้ว ผู้เรียนจะได้รับการยอมรับ ในสังคมระดับสูง อีกทั้งยังเปิดโอกาส ในการ สร้างเครือข่ายผลประโยชน์ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจ และการเมือง 🔹 วปอ. กับนักการเมือง อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และนักการเมืองระดับสูงหลายคน เคยศึกษาในหลักสูตร วปอ. การศึกษาที่นี่ ช่วยให้นักการเมือง สามารถเชื่อมโยงกับกองทัพ ข้าราชการ และภาคเอกชน 🔹 วปอ. กับภาคธุรกิจ นักธุรกิจที่เข้าเรียน วปอ. สามารถเชื่อมโยงกับ ข้าราชการระดับสูง และสร้างโอกาสทางธุรกิจ การเรียนรู้เกี่ยวกับ "ยุทธศาสตร์ชาติ" อาจเป็นข้อได้เปรียบในทางธุรกิจ 3 ขั้นตอนการสร้างเครือข่ายใน วปอ. 🤝🏆 1️⃣ คัดเลือกบุคคลเข้าศึกษา 🎯 เน้นผู้บริหารระดับสูง หรือ "ดาวรุ่ง" ที่มีศักยภาพเป็นผู้นำ 2️⃣ พัฒนาความสัมพันธ์ 🔄 ใช้กิจกรรม เช่น ปฐมนิเทศ ทริปดูงาน งานเลี้ยง มีระบบ "พี่รหัส-น้องรหัส" คล้ายมหาวิทยาลัย 3️⃣ รักษาความสัมพันธ์ หลังเรียนจบ 📜 ตั้งสมาคมศิษย์เก่า เพื่อให้ช่วยเหลือกันต่อไป เครือข่ายนี้ ทำงานผ่านการสนับสนุน ซึ่งกันและกัน ประโยชน์ต่อชาติ หรือการสืบทอดอำนาจ? 🤔 มีการตั้งข้อสังเกตว่า "วปอ. คือพื้นที่กลั่นกรอง ผู้นำทางการเมืองและธุรกิจ" ที่ไม่ต้องผ่านการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยโดยตรง "ผู้นำต้องมาจากการเลือกตั้ง หรือจากความไว้วางใจ ของเครือข่าย?" บางฝ่ายมองว่า วปอ. เป็น "ระบบคัดกรองอำนาจ" ที่ช่วยให้บุคคลที่ "เหมาะสม" ได้ขึ้นเป็นผู้นำ แต่บางฝ่ายมองว่าเป็น "การสืบทอดอำนาจ ของชนชั้นนำ" ที่ตัดประชาชนทั่วไป ออกจากกระบวนการตัดสินใจ วปอ. เป็นโอกาสหรือปัญหา? ⚖️ ✅ ข้อดี - เป็นหลักสูตรที่พัฒนาผู้นำ และส่งเสริมความร่วมมือระดับชาติ - สร้างเครือข่าย ที่ช่วยให้การบริหารประเทศ เป็นไปอย่างราบรื่น - เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจและรัฐ ทำงานร่วมกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ❌ ข้อเสีย - อาจเป็นช่องทางลัดสำหรับ "ชนชั้นนำใหม่" ที่เข้าสู่เครือข่ายอำนาจ - เสริมสร้างระบบเส้นสายและ "พรรคพวกนิยม" - ลดโอกาสของประชาชนทั่วไป ในการเข้าถึงอำนาจ วปอ. เป็นโอกาส หรือเป็นการสืบทอดอำนาจ ของชนชั้นนำ? 🤔 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 021144 ก.พ. 2568 🔹 #วปอ #70ปีวปอ #เครือข่ายอำนาจ #ผู้นำไทย #การเมืองไทย #ชนชั้นนำ #เส้นสาย #ธุรกิจไทย #โอกาสหรืออำนาจ #การศึกษาไทย 🎖️
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1467 Views 0 Reviews
  • วันนี้ไปศูนย์สิริกิติ์ ไปดูงาน SX Sustainability Expo ที่ปกติเน้นไปเดินกินข้าวที่ชั้นล่าง

    แต่ปีนี้มีส่วนจัดแสดงบอร์ดโครงการ The Ten ของ วปอ. 66 เลยไปเดินดูงานด้านบนก่อน แล้วไปเจอ ส่วนจัดแสดงของโรงเรียนมีชัยพัฒนา (Meechai Bamboo School) ซึ่งมีเด็กนักเรียนยืนอยู่ 4-5 คน กับบอร์ดภาพเกี่ยวกับการเษตร และ ชุมชน

    ผมถามเด็กๆว่า ที่ร.ร.ทำอะไรกัน เพราะใจสงสัยว่าทำไมถึงมีร.ร.นี้แห่งเดียวที่มาออกงาน แถมชื่อก็แปลกๆ เกี่ยวอะไรกับไม้ไผ่

    น้อง ๆ เล่าว่า ร.ร.ของเขาตั้งอยู่ที่จ.บุรีรัมย์เป็นโรงเรียนประจำของเอกชน มีสอนทำเกษตร กับ มีกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน นอกจากสอนวิชาทั่วไป

    ผมก็คิดว่า อ๋อ คงเป็นร.ร.เอกชนนานาชาติ เหมือนในกรุงเทพฯกระมัง เลยถามต่อว่าค่าเทอมเท่าไหร่?

    เด็กๆตอบว่าเรียนฟรีค่ะ! ผมก็งง ว่าทำไมถึงเรียนฟรี?

    น้องบอกว่า ร.ร.นี้ เปิดมา 15 ปีแล้ว ทั้งร.ร.สร้างด้วยไม้ไผ่ นักเรียนทุกคนต้องจ่ายค่าเทอมเป็นการทำดีให้กับชุมชน รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนตามความรับผิดชอบของตัวเอง มีนักเรียน ม.1-ม.6 ระดับชั้นละ 20 กว่าคน มีครู 10 กว่าคน โดยให้นักเรียนกินนอนที่ร.ร. ไม่ให้กลับบ้านจนกว่าจะปิดเทอม และห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์

    ผมก็ถามว่า แล้วอยู่กันยังไง ไม่เหงาเหรอ?

    น้องตอบกลับว่า หนูมีหนังสือต่างๆให้อ่านเยอะแยะ และ แต่ละวันมีกิจกรรมให้ทำมากมาย และที่ร.ร.ก็กำหนดให้นักเรียนร่วมกันจัดการบริหารดูแลร.ร.กันเอง โดยมีคุณครูช่วยให้คำแนะนำ เรียกว่าทั้งฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายตรวจรับ และฝ่ายต่าง ๆ ของร.ร.ถูกดูแลโดยนักเรียนเอง มีแค่งานครัวที่มีแม่ครัวเป็นคนปรุงอาหารให้กิน

    น้อง ๆ เขาคิดว่า ชีวิตของเขามีกิจกรรมอื่นให้ทำมากกว่าจะมานั่งเล่นโทรศัพท์เลยไม่ติดเกม ติดซีรี่ส์แบบเด็กวัยเดียวกัน

    ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา พี่ ๆ ที่จบไปมักจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ทุกคน และมักจะติดตั้งแต่รอบ Portfolio และส่วนใหญ่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ทั้งด้านเกษตร หรือด้านบริหารก็มี เพราะนักเรียนจะมีทั้งเด็กในจังหวัดบุรีรัมย์ และ ใกล้เคียง แต่ก็มีบางคนที่มาจาก เวียดนาม หรือ เป็นเด็กชาติพันธุ์จากกาญจนบุรี / แม่ฮ่องสอน

    ฟังน้อง ๆ เล่าแล้วผมถึงกับอึ้งกับแนวคิดของ ผ.อ. ซึ่งก็คือ อ.มีชัย วีระไวทยะ แถมยังอยากเขกหัวตัวเองว่า ไม่รู้จักโรงเรียนนี้ได้ยังไง แต่ก็ได้คำตอบว่า ทำไม ผู้จัดงานถึงได้เลือกโรงเรียนนี้มาจัดนิทรรศการในงานนี้

    งานนี้น่าจะจัดถึงวันอาทิตย์ที่ 6 ต.ค. หากมีเวลาอยากชวนให้ไปดูงานนี้ แล้วไปฟังน้อง ๆ เล่าถึงโรงเรียนของเขากันนะครับ
    วันนี้ไปศูนย์สิริกิติ์ ไปดูงาน SX Sustainability Expo ที่ปกติเน้นไปเดินกินข้าวที่ชั้นล่าง 😆 แต่ปีนี้มีส่วนจัดแสดงบอร์ดโครงการ The Ten ของ วปอ. 66 เลยไปเดินดูงานด้านบนก่อน แล้วไปเจอ ส่วนจัดแสดงของโรงเรียนมีชัยพัฒนา (Meechai Bamboo School) ซึ่งมีเด็กนักเรียนยืนอยู่ 4-5 คน กับบอร์ดภาพเกี่ยวกับการเษตร และ ชุมชน ผมถามเด็กๆว่า ที่ร.ร.ทำอะไรกัน เพราะใจสงสัยว่าทำไมถึงมีร.ร.นี้แห่งเดียวที่มาออกงาน แถมชื่อก็แปลกๆ เกี่ยวอะไรกับไม้ไผ่ น้อง ๆ เล่าว่า ร.ร.ของเขาตั้งอยู่ที่จ.บุรีรัมย์เป็นโรงเรียนประจำของเอกชน มีสอนทำเกษตร กับ มีกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน นอกจากสอนวิชาทั่วไป ผมก็คิดว่า อ๋อ คงเป็นร.ร.เอกชนนานาชาติ เหมือนในกรุงเทพฯกระมัง เลยถามต่อว่าค่าเทอมเท่าไหร่? เด็กๆตอบว่าเรียนฟรีค่ะ! ผมก็งง ว่าทำไมถึงเรียนฟรี? น้องบอกว่า ร.ร.นี้ เปิดมา 15 ปีแล้ว ทั้งร.ร.สร้างด้วยไม้ไผ่ นักเรียนทุกคนต้องจ่ายค่าเทอมเป็นการทำดีให้กับชุมชน รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนตามความรับผิดชอบของตัวเอง มีนักเรียน ม.1-ม.6 ระดับชั้นละ 20 กว่าคน มีครู 10 กว่าคน โดยให้นักเรียนกินนอนที่ร.ร. ไม่ให้กลับบ้านจนกว่าจะปิดเทอม และห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์ ผมก็ถามว่า แล้วอยู่กันยังไง ไม่เหงาเหรอ? น้องตอบกลับว่า หนูมีหนังสือต่างๆให้อ่านเยอะแยะ และ แต่ละวันมีกิจกรรมให้ทำมากมาย และที่ร.ร.ก็กำหนดให้นักเรียนร่วมกันจัดการบริหารดูแลร.ร.กันเอง โดยมีคุณครูช่วยให้คำแนะนำ เรียกว่าทั้งฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายตรวจรับ และฝ่ายต่าง ๆ ของร.ร.ถูกดูแลโดยนักเรียนเอง มีแค่งานครัวที่มีแม่ครัวเป็นคนปรุงอาหารให้กิน น้อง ๆ เขาคิดว่า ชีวิตของเขามีกิจกรรมอื่นให้ทำมากกว่าจะมานั่งเล่นโทรศัพท์เลยไม่ติดเกม ติดซีรี่ส์แบบเด็กวัยเดียวกัน ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา พี่ ๆ ที่จบไปมักจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ทุกคน และมักจะติดตั้งแต่รอบ Portfolio และส่วนใหญ่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ทั้งด้านเกษตร หรือด้านบริหารก็มี เพราะนักเรียนจะมีทั้งเด็กในจังหวัดบุรีรัมย์ และ ใกล้เคียง แต่ก็มีบางคนที่มาจาก เวียดนาม หรือ เป็นเด็กชาติพันธุ์จากกาญจนบุรี / แม่ฮ่องสอน ฟังน้อง ๆ เล่าแล้วผมถึงกับอึ้งกับแนวคิดของ ผ.อ. ซึ่งก็คือ อ.มีชัย วีระไวทยะ แถมยังอยากเขกหัวตัวเองว่า ไม่รู้จักโรงเรียนนี้ได้ยังไง แต่ก็ได้คำตอบว่า ทำไม ผู้จัดงานถึงได้เลือกโรงเรียนนี้มาจัดนิทรรศการในงานนี้ งานนี้น่าจะจัดถึงวันอาทิตย์ที่ 6 ต.ค. หากมีเวลาอยากชวนให้ไปดูงานนี้ แล้วไปฟังน้อง ๆ เล่าถึงโรงเรียนของเขากันนะครับ ❤️
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 933 Views 0 Reviews
  • เกษียณไม่สวย มท.1 สั่งสอบผู้ว่าฯเชียงราย พบระดับรองทิ้งพื้นที่ด้วย
    .
    กรณีเกียร์ว่างของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย น่าจะทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่การกระทรวงมหาดไทย สุดจะทนจริงๆ ถึงกับต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาอย่างเร่งด่วน ทั้งๆที่นายพุฒิพงศ์ กำลังจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน อยู่แล้ว
    .
    นายอนุทิน เปิดเผยถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินการดังกล่าวว่า ที่ผ่านมามีพฤติกรรมเดิมๆ คือ การออกนอกพื้นที่โดยไม่มีความจำเป็นเร่ง ทั้งๆที่ตอนนี้ชาวเชียงราย เดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ทั้งน้ำท่วม ดินถล่ม ถือว่าสาหัสมากๆ เช่นนี้เท่ากับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ทิ้งงานแล้วให้นายกรัฐมนตรีมาทำแทนใช่หรือไม่ และถ้าหากนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ไม่เข้ามาช่วยในพื้นที่ ก็จะไม่สามารถจัดการปัญหาแบบเร่งด่วนได้เลย
    .
    “การจะมาอ้างว่าจะเกษียณอายุราชการคงไม่ได้ เพราะคนมหาดไทยลมหายใจคือประชาชน และตรงนี้เป็นปัญหาเดิมๆ พฤติกรรมเดิมๆ ผมจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ถึงความจำเป็นเร่งด่วน เพราะถือเป็นพฤติกรรมซ้ำซาก ที่ไม่ปฏิบัติงาน ในฐานะเป็นผู้บัญชาการในพื้นที่โดยตรง และทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรี ก็อยู่ในพื้นที่ด้วย จึงถือเป็นการกระทำที่อัปยศ อดสู ของกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่จะต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนอย่างสุดความสามารถ” นายอนุทินกล่าว
    .
    นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า เวลารัฐมนตรีลงพื้นที่ต้องมีข้าราชการมารอต้อนรับนั้น อยากบอกว่า เวลานายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีลงมา ให้ความช่วยเหลือ เร่งด่วน ผู้ว่าฯ ควรจะต้องมา เพราะเป็นการมาทำงานร่วมกัน ซึ่งกรณีจังหวัดเชียงราย มีเพียงรองผู้ว่าฯ 4 คนปรากฏว่า มาเพียงคนเดียวคือ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ส่วนรองผู้ว่าฯ อีก 1 คน ก็จะเกษียณอายุราชการ ขณะที่รองผู้ว่าฯ อีก 2 คน ไปรายงานตัวเรียน หลักสูตร วปอ. ซึ่งมันไม่ใช่เวลาที่จะไปด้วยซ้ำ ประชาชนเดือดร้อนขนาดนี้แล้วนายกรัฐมนตรีก็ลงมา มันไม่ใช่เวลา แม้จะต้องสละสิทธิ์ เรียน วปอ. ก็ต้องสละสิทธิ์ด้วยซ้ำไป ในขณะที่ ตัวผู้ว่าฯ เชียงราย มาร่วมพิธีเกษียณใน กทม.แล้วปล่อยให้ประชาชนอยู่กันด้วยความยากลำบาก ทิ้งให้ท่านนายกรัฐมนตรี อยู่ในพื้นที่ ถือว่าไม่ถูกต้อง
    .
    “ผมขอกราบขอโทษพี่น้องชาวเชียงราย ขอให้มั่นใจว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป การทำงานในกระทรวงมหาดไทย จะเป็นไปในทิศทางที่เป็นปึกแผ่น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ให้คำนึงถึงเรื่องภัยจากน้ำท่วม เป็นเรื่องสำคัญสูงสุด” นายอนุทินกล่าว
    ............
    Sondhi X
    เกษียณไม่สวย มท.1 สั่งสอบผู้ว่าฯเชียงราย พบระดับรองทิ้งพื้นที่ด้วย . กรณีเกียร์ว่างของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย น่าจะทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่การกระทรวงมหาดไทย สุดจะทนจริงๆ ถึงกับต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาอย่างเร่งด่วน ทั้งๆที่นายพุฒิพงศ์ กำลังจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน อยู่แล้ว . นายอนุทิน เปิดเผยถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินการดังกล่าวว่า ที่ผ่านมามีพฤติกรรมเดิมๆ คือ การออกนอกพื้นที่โดยไม่มีความจำเป็นเร่ง ทั้งๆที่ตอนนี้ชาวเชียงราย เดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ทั้งน้ำท่วม ดินถล่ม ถือว่าสาหัสมากๆ เช่นนี้เท่ากับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ทิ้งงานแล้วให้นายกรัฐมนตรีมาทำแทนใช่หรือไม่ และถ้าหากนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ไม่เข้ามาช่วยในพื้นที่ ก็จะไม่สามารถจัดการปัญหาแบบเร่งด่วนได้เลย . “การจะมาอ้างว่าจะเกษียณอายุราชการคงไม่ได้ เพราะคนมหาดไทยลมหายใจคือประชาชน และตรงนี้เป็นปัญหาเดิมๆ พฤติกรรมเดิมๆ ผมจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ถึงความจำเป็นเร่งด่วน เพราะถือเป็นพฤติกรรมซ้ำซาก ที่ไม่ปฏิบัติงาน ในฐานะเป็นผู้บัญชาการในพื้นที่โดยตรง และทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรี ก็อยู่ในพื้นที่ด้วย จึงถือเป็นการกระทำที่อัปยศ อดสู ของกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่จะต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนอย่างสุดความสามารถ” นายอนุทินกล่าว . นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า เวลารัฐมนตรีลงพื้นที่ต้องมีข้าราชการมารอต้อนรับนั้น อยากบอกว่า เวลานายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีลงมา ให้ความช่วยเหลือ เร่งด่วน ผู้ว่าฯ ควรจะต้องมา เพราะเป็นการมาทำงานร่วมกัน ซึ่งกรณีจังหวัดเชียงราย มีเพียงรองผู้ว่าฯ 4 คนปรากฏว่า มาเพียงคนเดียวคือ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ส่วนรองผู้ว่าฯ อีก 1 คน ก็จะเกษียณอายุราชการ ขณะที่รองผู้ว่าฯ อีก 2 คน ไปรายงานตัวเรียน หลักสูตร วปอ. ซึ่งมันไม่ใช่เวลาที่จะไปด้วยซ้ำ ประชาชนเดือดร้อนขนาดนี้แล้วนายกรัฐมนตรีก็ลงมา มันไม่ใช่เวลา แม้จะต้องสละสิทธิ์ เรียน วปอ. ก็ต้องสละสิทธิ์ด้วยซ้ำไป ในขณะที่ ตัวผู้ว่าฯ เชียงราย มาร่วมพิธีเกษียณใน กทม.แล้วปล่อยให้ประชาชนอยู่กันด้วยความยากลำบาก ทิ้งให้ท่านนายกรัฐมนตรี อยู่ในพื้นที่ ถือว่าไม่ถูกต้อง . “ผมขอกราบขอโทษพี่น้องชาวเชียงราย ขอให้มั่นใจว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป การทำงานในกระทรวงมหาดไทย จะเป็นไปในทิศทางที่เป็นปึกแผ่น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ให้คำนึงถึงเรื่องภัยจากน้ำท่วม เป็นเรื่องสำคัญสูงสุด” นายอนุทินกล่าว ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    Yay
    12
    0 Comments 0 Shares 1541 Views 0 Reviews