• ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

    เดือนนี้ จะส่งผลดีในเรื่องของการเรียนการศึกษา งานสร้างสรรค์ นักวิชาการ นักวิจารณ์จะมีชื่อเสียง แต่จะมีเรื่องให้โศกเศร้าเสียใจจนเกิดการขัดแย้งแตกแยกไม่เข้าใจภายในครอบครัว หญิงต่างวัยจะเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง หรือแม่สามีกับลูกสะใภ้มีปัญหาต่อกัน หรือสะใภ้มีอำนาจ หรือลูกสาวดื้อไม่เชื่อฟังแม่ ผู้หญิงจะมีปัญหาในความรัก เมียหลวงถูกเมียน้อยระราน มีโอกาสจะเป็นม่าย ที่โสดอยู่ก็ยังคงจะไม่ได้แต่ง หากในบ้านมีคนป่วยจะทรุดหนัก เจ็บป่วยที่อวัยวะภายในท้อง ม้าม กระเพาะ ถุงน้ำดี เต้านม สะโพก ระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ ผมร่วง หญิงมีครรภ์คลอดบุตรในบ้านจะสูญเสีย เดินทางระวังภัยอุบัติเหตุจะได้ไม่รับบาดเจ็บให้ต้องรักษาพยาบาล
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เดือนนี้ จะส่งผลดีในเรื่องของการเรียนการศึกษา งานสร้างสรรค์ นักวิชาการ นักวิจารณ์จะมีชื่อเสียง แต่จะมีเรื่องให้โศกเศร้าเสียใจจนเกิดการขัดแย้งแตกแยกไม่เข้าใจภายในครอบครัว หญิงต่างวัยจะเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง หรือแม่สามีกับลูกสะใภ้มีปัญหาต่อกัน หรือสะใภ้มีอำนาจ หรือลูกสาวดื้อไม่เชื่อฟังแม่ ผู้หญิงจะมีปัญหาในความรัก เมียหลวงถูกเมียน้อยระราน มีโอกาสจะเป็นม่าย ที่โสดอยู่ก็ยังคงจะไม่ได้แต่ง หากในบ้านมีคนป่วยจะทรุดหนัก เจ็บป่วยที่อวัยวะภายในท้อง ม้าม กระเพาะ ถุงน้ำดี เต้านม สะโพก ระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ ผมร่วง หญิงมีครรภ์คลอดบุตรในบ้านจะสูญเสีย เดินทางระวังภัยอุบัติเหตุจะได้ไม่รับบาดเจ็บให้ต้องรักษาพยาบาล ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมาแก่ ระรานรร.มาดามอ้อย เพื่อปกป้องทนายsum เดี๋ยวเค้าก็ฝังชิปในปากเมิงละ ไม่รู้จะเห่าน้อยลงหรือมากกว่าเดิม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    หมาแก่ ระรานรร.มาดามอ้อย เพื่อปกป้องทนายsum เดี๋ยวเค้าก็ฝังชิปในปากเมิงละ ไม่รู้จะเห่าน้อยลงหรือมากกว่าเดิม #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    9
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หมาหลง..."

    ที่ไม่ได้หมายถึง "หลงทาง" หรือหายตัวไปจากที่อยู่อาศัยนะครับ แต่หมายถึง "หลงลืม" จำอะไรต่ออะไรไม่ได้แล้ว ลืมเรื่องราวต่างๆไป

    ผมชอบไปกินข้าวตามสั่งอยู่ร้านนึง ตรง 5 แยกลำกระโหลก ตรงถนนพระยาสุเรนทร์ บ่อยๆ จะเจอน้องหมาตัวนึงประจำๆ น้องชื่อ "เซเว่น"

    ที่ชื่อ "เซเว่น" เพราะป้าๆแม่ค้าแถวนั้นร่วมใจกันตั้งชื่อไว้ให้ เค้าบอกว่า น้องอยู่หน้า 7/11 สาขานี้ตั้งแต่เด็กๆ แม่น้องคงคาบมาจากป่าข้างหลัง เป็นลูกโทน พี่น้องก็ไม่มีเลย เพราะอาจจะถูกพี่งูแถวนั้นรับประทาน หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบได้ ทำให้เว่นได้รับสัมปทาน เป็นหมาตัวเดียวใน 7/11 ตรงนั้น ไปโดยปริยาย

    แม่ค้าเเถวนี้เค้าเลยตั้งชื่อให้ตามชาติพันธุ์และเเหล่งกำเนิดของเว่น

    ผมเห็นเซเว่นตั้งแต่มาอยู่แถวนี้ใหม่ๆ ราวๆ 8-9 ปีก่อน เซเว่นจะเป็นที่รักของแม่ค้าและคนที่มานั่งกินอาหารแถวนี้มากๆ คือไม่เห่าไม่กัด เป็นมิตรกับทุกๆคน คืออยู่เป็นเลยทีเดียว ตอนเว่นเด็กคือน่ารักมากๆ อ้วนๆจ้ำม่ำ ปุ๊กลุ๊ก ชอบวิ่งขาพันกันหกล้มหกลุกอยู่ตรงนั้นทุกๆวัน

    กิจวัตรประจำวันของเซเว่น คือจะนอนขวางทางเข้าออกหน้า 7/11 หรือบางครั้งเค้าก็จะเข้ามานอนอยู่ข้างตู้ไอติม หรือใต้ชั้นหนังสือ ถ้าดึกๆจะได้เห็นเว่นนอนเย็นๆยาวๆ เพราะน้องๆพนักงาน 7/11 กะดึกก็คงรักและไม่อยากรบกวนเวลาหลับนอนอันแสนสบายของเว่น

    เกะกะบ้าง แต่ไม่เคยระรานหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร พอหิวก็จะเดินมามอง ส่งสายตาและกระเเสจิต ตามโต๊ะอาหารที่ลูกค้ากำลังนั่งกิน ไม่ว่าเป็นร้าน ราดหน้า ข้าวมันไก่ บะหมี่เกี๊ยว ขออาหารด้วยสายวิงวอน ชนิดที่ว่า ต่อให้คุณจะเป็นองคุลีมาลกลับชาติมาเกิดคุณก็ต้องรีบถวายไก่ในจานข้าวมันไก่ให้มันซักชิ้นนึงทันที เหมือนเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ

    น้องจะเดินไถทุกโต๊ะด้วยความมั่นใจ และทำตัวเหมือนเป็นมิตรโดยไม่รู้สึกผิดและเคอะเขิน

    คือบอนทูบีเลย ว่างั้นเห่อะ...

    ล่าสุด ผมแวะไปกินข้าวร้านป้าวาส ผมไม่ได้มากินร้านป้าวาสบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ร้านรวงที่เคยกินๆก็หายไปหลายร้าน เหลืออยู่แค่ 2-3 ร้านที่ยังขายอยู่ แต่ผมยังเห็นแกขายอยู่ เป็นร้านเก่าแก่ร้านเดียว ที่ผมคิดถึง ผมเลยสั่งอาหารจานเดิมๆที่ผมชอบสั่งตลอดมาทันทีจานนึง แล้วมานั่งรออาหารที่โต๊ะในร้าน

    ก็เหลือบไปเห็นเจ้าเซเว่นเดินออกมามองผมจากที่ไหนก็ไม่รู้ในหลืบๆแถวนั้น

    เซเว่นดูแก่ไปมาก ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเป็นเว่น จนป้าวาสบอกว่าไอ่นี่แหล่ะ ไอ้เว่น... ผมโคตรดีใจเหมือนเจอเพื่อนเก่า แต่ผมแอบเห็นเว่นเดินตุปั๊ดตุเป๋ เซไปเซมาเหมือนรถยังไม่ได้ตั้งศูนย์ มาด้อมๆมองๆ ป้าวาสแกก็เลยผัดข้าวไปเล่าไปให้ฟังว่า

    "มันหลงแล้วไอ่หนู... มันได้แต่เดินมามองๆไปงั้นแหล่ะ แต่มันจำใครไม่ได้แล้ว ใครเดินเข้าไปไกล้ๆก็ไม่ได้ด้วยนะ มันจะคอยแหง่มใส่เท้า แต่มันไม่มีฟันบน กัดใครก็ไม่เข้าแล้ว อย่าไปไกล้มันล่ะหนู.... "

    ส่วนตัวผมก็อยากรู้ว่า ป้าวาสแกรู้ได้ไงหว่า... ว่ามันหลง?
    มันแสดงอาการอะไรออกมา?
    ที่ทำให้แกฟันธงว่าว่ามันหลงลืมหรือเป็นอัลไซเมอร์ในหมา?

    พอถามแกไปแกก็แจงให้ทราบดังนี้

    1. พาไปหาหมอหมา พ่อค้าแม่ค้ารวมเงินกันพาไป จากแม่ค้าหมูปิ้ง ร้านเย็นตาโฟ น้ำปั่น ร้านราดหน้า เตี๋ยวน้ำตก แล้วก็ป้าวาส หมอเลยบอกว่าน้องเริ่มหลงเเล้วนะ

    2. น้องจำใครไม่ได้เลย จะแง่งใส่ทุกคน

    3. จำที่นอนกับข้าวของของตัวเองไม่ได้ เช่น เว่นจะมีผ้าเน่าอยู่ผืนนึงไว้ปูเป็นที่นอน น้องจะติดผ้าผืนนี้มาก และน้องจะชอบหาไม่เจอ ถึงจะปูไว้ที่เดิม ไม่เคยย้ายไปไหน แต่น้องจะวนเห่าตามหาตลอด พอเอามาให้แล้วจะเงียบทันที

    4. เวลาให้ของกิน น้องจะกินไปเรื่อยๆ กินซักพักแล้วก็หยุดแล้วกินใหม่ เดินเป็นวงกลม กินไปเดินไป กินไม่รู้อิ่ม กินอยู่อย่างนั้นแหล่ะ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกินไปเท่าไหร่จำไม่ได้ ต้องคอยดูตลอดเวลา แต่ผมเห็นน้องไม่อ้วนเลย ป้าแกคิดว่าน่าจะมีพยาธิในท้องเยอะ

    จากคำบอกเล่าของป้าวาสอีกเรื่องนึงคือเมื่อวาน เว่นเดินก๊งๆ พยามไปนอนเกาะกลางถนนแล้วโดนมอเตอร์ไซด์ชนไปทีนึง ลุงหน่องร้านข้าวขาหมูเลยไปอุ้มเว่นกลับมา ทำให้วันนี้เลยเดินซะง๊อกซะแง้กอย่างที่เห็น

    ผมเองเกิดมา ก็ไม่เคยเห็นหมาเป็นโรคและอาการแบบนี้เลย ก็ได้เอาใจช่วยเซเว่นอยากให้น้องมีชีวิตอย่างปลอดภัยและมีความสุข แต่สิ่งนึงเลย ที่รู้สึกแปลกใจมากๆคือ เซเว่นเจอคนดีๆเยอะมากกกกก มีแต่คนน่ารักๆที่หยิบยื่นให้เว่นตลอด ป้าร้านหมูปิ้งตอนเช้าก็พาไปอาบน้ำ ป้าวาส ปูที่นอน หาข้าวให้กิน ลุงหน่องเอาขึ้นรถไปหาหมอ ฯลฯ

    เว่นถือว่าเป็นหมาที่ชีวิตมีความสุขมากๆตัวนึงเลย ในช่วงชีวิตนึงของเค้า กินอิ่มนอนหลับ มีที่อยู่ที่กิน และมีคนคอยพาไปหาหมอและช่วยกันดูแล ปัจจัย 4 คือพร้อมสรรพ เว่นโชคดีมากๆ ที่มาเกิดและโตในชุมชนเล็กๆที่เค้ารักสัตว์ทุกคนๆ ความโชคดีที่ ถ้าเป็นระดับเลเวลคือ เสมือนถูกสลากกินแบ่งรัดทะบานรางวัลที่ 1 เวอร์ชั่นหมาจรจัด

    ไอ้คำว่า "วาสนา" นี่ ผมว่ามันมีจริงๆนะ...
    "หมาหลง..." ที่ไม่ได้หมายถึง "หลงทาง" หรือหายตัวไปจากที่อยู่อาศัยนะครับ แต่หมายถึง "หลงลืม" จำอะไรต่ออะไรไม่ได้แล้ว ลืมเรื่องราวต่างๆไป ผมชอบไปกินข้าวตามสั่งอยู่ร้านนึง ตรง 5 แยกลำกระโหลก ตรงถนนพระยาสุเรนทร์ บ่อยๆ จะเจอน้องหมาตัวนึงประจำๆ น้องชื่อ "เซเว่น" ที่ชื่อ "เซเว่น" เพราะป้าๆแม่ค้าแถวนั้นร่วมใจกันตั้งชื่อไว้ให้ เค้าบอกว่า น้องอยู่หน้า 7/11 สาขานี้ตั้งแต่เด็กๆ แม่น้องคงคาบมาจากป่าข้างหลัง เป็นลูกโทน พี่น้องก็ไม่มีเลย เพราะอาจจะถูกพี่งูแถวนั้นรับประทาน หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบได้ ทำให้เว่นได้รับสัมปทาน เป็นหมาตัวเดียวใน 7/11 ตรงนั้น ไปโดยปริยาย แม่ค้าเเถวนี้เค้าเลยตั้งชื่อให้ตามชาติพันธุ์และเเหล่งกำเนิดของเว่น ผมเห็นเซเว่นตั้งแต่มาอยู่แถวนี้ใหม่ๆ ราวๆ 8-9 ปีก่อน เซเว่นจะเป็นที่รักของแม่ค้าและคนที่มานั่งกินอาหารแถวนี้มากๆ คือไม่เห่าไม่กัด เป็นมิตรกับทุกๆคน คืออยู่เป็นเลยทีเดียว ตอนเว่นเด็กคือน่ารักมากๆ อ้วนๆจ้ำม่ำ ปุ๊กลุ๊ก ชอบวิ่งขาพันกันหกล้มหกลุกอยู่ตรงนั้นทุกๆวัน กิจวัตรประจำวันของเซเว่น คือจะนอนขวางทางเข้าออกหน้า 7/11 หรือบางครั้งเค้าก็จะเข้ามานอนอยู่ข้างตู้ไอติม หรือใต้ชั้นหนังสือ ถ้าดึกๆจะได้เห็นเว่นนอนเย็นๆยาวๆ เพราะน้องๆพนักงาน 7/11 กะดึกก็คงรักและไม่อยากรบกวนเวลาหลับนอนอันแสนสบายของเว่น เกะกะบ้าง แต่ไม่เคยระรานหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร พอหิวก็จะเดินมามอง ส่งสายตาและกระเเสจิต ตามโต๊ะอาหารที่ลูกค้ากำลังนั่งกิน ไม่ว่าเป็นร้าน ราดหน้า ข้าวมันไก่ บะหมี่เกี๊ยว ขออาหารด้วยสายวิงวอน ชนิดที่ว่า ต่อให้คุณจะเป็นองคุลีมาลกลับชาติมาเกิดคุณก็ต้องรีบถวายไก่ในจานข้าวมันไก่ให้มันซักชิ้นนึงทันที เหมือนเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ น้องจะเดินไถทุกโต๊ะด้วยความมั่นใจ และทำตัวเหมือนเป็นมิตรโดยไม่รู้สึกผิดและเคอะเขิน คือบอนทูบีเลย ว่างั้นเห่อะ... ล่าสุด ผมแวะไปกินข้าวร้านป้าวาส ผมไม่ได้มากินร้านป้าวาสบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ร้านรวงที่เคยกินๆก็หายไปหลายร้าน เหลืออยู่แค่ 2-3 ร้านที่ยังขายอยู่ แต่ผมยังเห็นแกขายอยู่ เป็นร้านเก่าแก่ร้านเดียว ที่ผมคิดถึง ผมเลยสั่งอาหารจานเดิมๆที่ผมชอบสั่งตลอดมาทันทีจานนึง แล้วมานั่งรออาหารที่โต๊ะในร้าน ก็เหลือบไปเห็นเจ้าเซเว่นเดินออกมามองผมจากที่ไหนก็ไม่รู้ในหลืบๆแถวนั้น เซเว่นดูแก่ไปมาก ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเป็นเว่น จนป้าวาสบอกว่าไอ่นี่แหล่ะ ไอ้เว่น... ผมโคตรดีใจเหมือนเจอเพื่อนเก่า แต่ผมแอบเห็นเว่นเดินตุปั๊ดตุเป๋ เซไปเซมาเหมือนรถยังไม่ได้ตั้งศูนย์ มาด้อมๆมองๆ ป้าวาสแกก็เลยผัดข้าวไปเล่าไปให้ฟังว่า "มันหลงแล้วไอ่หนู... มันได้แต่เดินมามองๆไปงั้นแหล่ะ แต่มันจำใครไม่ได้แล้ว ใครเดินเข้าไปไกล้ๆก็ไม่ได้ด้วยนะ มันจะคอยแหง่มใส่เท้า แต่มันไม่มีฟันบน กัดใครก็ไม่เข้าแล้ว อย่าไปไกล้มันล่ะหนู.... " ส่วนตัวผมก็อยากรู้ว่า ป้าวาสแกรู้ได้ไงหว่า... ว่ามันหลง? มันแสดงอาการอะไรออกมา? ที่ทำให้แกฟันธงว่าว่ามันหลงลืมหรือเป็นอัลไซเมอร์ในหมา? พอถามแกไปแกก็แจงให้ทราบดังนี้ 1. พาไปหาหมอหมา พ่อค้าแม่ค้ารวมเงินกันพาไป จากแม่ค้าหมูปิ้ง ร้านเย็นตาโฟ น้ำปั่น ร้านราดหน้า เตี๋ยวน้ำตก แล้วก็ป้าวาส หมอเลยบอกว่าน้องเริ่มหลงเเล้วนะ 2. น้องจำใครไม่ได้เลย จะแง่งใส่ทุกคน 3. จำที่นอนกับข้าวของของตัวเองไม่ได้ เช่น เว่นจะมีผ้าเน่าอยู่ผืนนึงไว้ปูเป็นที่นอน น้องจะติดผ้าผืนนี้มาก และน้องจะชอบหาไม่เจอ ถึงจะปูไว้ที่เดิม ไม่เคยย้ายไปไหน แต่น้องจะวนเห่าตามหาตลอด พอเอามาให้แล้วจะเงียบทันที 4. เวลาให้ของกิน น้องจะกินไปเรื่อยๆ กินซักพักแล้วก็หยุดแล้วกินใหม่ เดินเป็นวงกลม กินไปเดินไป กินไม่รู้อิ่ม กินอยู่อย่างนั้นแหล่ะ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกินไปเท่าไหร่จำไม่ได้ ต้องคอยดูตลอดเวลา แต่ผมเห็นน้องไม่อ้วนเลย ป้าแกคิดว่าน่าจะมีพยาธิในท้องเยอะ จากคำบอกเล่าของป้าวาสอีกเรื่องนึงคือเมื่อวาน เว่นเดินก๊งๆ พยามไปนอนเกาะกลางถนนแล้วโดนมอเตอร์ไซด์ชนไปทีนึง ลุงหน่องร้านข้าวขาหมูเลยไปอุ้มเว่นกลับมา ทำให้วันนี้เลยเดินซะง๊อกซะแง้กอย่างที่เห็น ผมเองเกิดมา ก็ไม่เคยเห็นหมาเป็นโรคและอาการแบบนี้เลย ก็ได้เอาใจช่วยเซเว่นอยากให้น้องมีชีวิตอย่างปลอดภัยและมีความสุข แต่สิ่งนึงเลย ที่รู้สึกแปลกใจมากๆคือ เซเว่นเจอคนดีๆเยอะมากกกกก มีแต่คนน่ารักๆที่หยิบยื่นให้เว่นตลอด ป้าร้านหมูปิ้งตอนเช้าก็พาไปอาบน้ำ ป้าวาส ปูที่นอน หาข้าวให้กิน ลุงหน่องเอาขึ้นรถไปหาหมอ ฯลฯ เว่นถือว่าเป็นหมาที่ชีวิตมีความสุขมากๆตัวนึงเลย ในช่วงชีวิตนึงของเค้า กินอิ่มนอนหลับ มีที่อยู่ที่กิน และมีคนคอยพาไปหาหมอและช่วยกันดูแล ปัจจัย 4 คือพร้อมสรรพ เว่นโชคดีมากๆ ที่มาเกิดและโตในชุมชนเล็กๆที่เค้ารักสัตว์ทุกคนๆ ความโชคดีที่ ถ้าเป็นระดับเลเวลคือ เสมือนถูกสลากกินแบ่งรัดทะบานรางวัลที่ 1 เวอร์ชั่นหมาจรจัด ไอ้คำว่า "วาสนา" นี่ ผมว่ามันมีจริงๆนะ...
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ความจริงหนึ่งเดียว”ฟาด‘ทนายตั้ม’แดดิ้น
    .
    ผมไม่ได้เป็นคู่กรณีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้เสียหายคือคุณอ้อย -จตุพรเป็นเจ้าทุกข์แจ้งความกล่าวหาว่าคุณษิทรา ฉ้อโกงเงินเขาไป แล้วตำรวจก็ดำเนินการสอบสวนฝ่ายโจทก์ผู้กล่าวหาเรียบร้อยแล้ว แล้วเรื่องนี้ก็กำลังจะดำเนินการเข้ามาสู่ส่วนกลาง
    .
    คุณษิทรา ฟังให้ดีๆ นะ ผมไม่ได้เป็นคนซี้ซั้วแม้จะรู้เรื่องนี้มานานจากทนายผู้รับมอบอำนาจจะเอาข้อมูลมาให้ผมแล้ว ผมยังยืนยันที่จะเจอเจ้าตัว ซึ่งเป็นคุณอ้อย-จตุพร ผู้เสียหายเจ้าทุกข์ตัวจริง เพื่อซักถามกันอย่างละเอียดโดยทีมงานข่าวอาวุโสของผม
    .
    แต่เมื่อคุณษิทราร้อนตัวไปออกรายการ "หนุ่ม กรรชัย" โหนกระแสเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเชิญทนายตั้ม ษิทรา กับอัจฉริยะ มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ จู่ๆคุณหนุ่ม กรรชัย ชงคำถามที่มาของความร่ำรวย ซึ่งอนุมานได้ทันทีว่ารู้กันระหว่างทนายตั้มกับคุณกรรชัย แล้วมาระรานถึงผมหลายประเด็น ที่คุณษิทรา บอกว่าทั้งหมดนี้วางแผนโดยบ้านพระอาทิตย์ ไม่ใช่ครับ คุณเอ่ยชื่อผมได้ “สนธิ ลิ้มทองกุล”ครับ คุณไร้มารยาทกับผม ต่อหน้าคุณก็เรียกผมว่าพี่สนธิ แต่ลับหลังคุณโกรธผม ออกมาโพสต์ด่าผมว่า "ไอ้ลิ้ม มาเจอกูที่โหนกระแส" แต่รีบลบออกไป แต่ว่าผมยังแคปได้อยู่ ไม่เป็นไร
    .
    เข้าใจนะว่า ไม่มีช่องไหนเอาผมไปออกได้หรอก เพราะผม ความจริงมีหนึ่งเดียวมันอยู่ที่ผม อยู่ตรงนี้ ทำไมผมต้องออกโหนกระแส ผมไม่มีความจำเป็นต้องฟอกตัวผม แต่ผมมีความจริงที่จะทำให้คนชั่วต่างๆ ฉิบหายได้
    .
    คุณษิทรา คุณน่ะเด็กเมื่อวานซืน คุณอายุแค่ 43 ปี คุณยังอายุน้อยกว่าลูกชายผมอีก ผมมากกว่าคุณ 35 ปี สิ่งต่างๆ ที่ผมผ่านมาในชีวิตของผม (ขอประทานโทษ) คุณน่ะเทียบไม่ได้กับอุจจาระเท้าผมเลย คุณอย่ามาทะลึ่งกับผม
    .
    เอาล่ะไหนๆ คุณก็เปิดศึกแล้ว เดี๋ยวผมจะสร้างสนามรบใหม่ๆ ให้คุณเข้าไปรบในสนามรบใหม่นี้ ทั้งๆ ที่ผมรู้มานานแล้ว แต่ผมขี้เกียจพูด ผมถือว่าคุณษิทราครับ ทางใครทางมัน แต่คุณทะลึ่งมาเหยียบเส้น ล้ำเส้นผม

    https://www.facebook.com/share/p/vd6PZbbb5ZHAT7yJ/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    “ความจริงหนึ่งเดียว”ฟาด‘ทนายตั้ม’แดดิ้น . ผมไม่ได้เป็นคู่กรณีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้เสียหายคือคุณอ้อย -จตุพรเป็นเจ้าทุกข์แจ้งความกล่าวหาว่าคุณษิทรา ฉ้อโกงเงินเขาไป แล้วตำรวจก็ดำเนินการสอบสวนฝ่ายโจทก์ผู้กล่าวหาเรียบร้อยแล้ว แล้วเรื่องนี้ก็กำลังจะดำเนินการเข้ามาสู่ส่วนกลาง . คุณษิทรา ฟังให้ดีๆ นะ ผมไม่ได้เป็นคนซี้ซั้วแม้จะรู้เรื่องนี้มานานจากทนายผู้รับมอบอำนาจจะเอาข้อมูลมาให้ผมแล้ว ผมยังยืนยันที่จะเจอเจ้าตัว ซึ่งเป็นคุณอ้อย-จตุพร ผู้เสียหายเจ้าทุกข์ตัวจริง เพื่อซักถามกันอย่างละเอียดโดยทีมงานข่าวอาวุโสของผม . แต่เมื่อคุณษิทราร้อนตัวไปออกรายการ "หนุ่ม กรรชัย" โหนกระแสเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเชิญทนายตั้ม ษิทรา กับอัจฉริยะ มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ จู่ๆคุณหนุ่ม กรรชัย ชงคำถามที่มาของความร่ำรวย ซึ่งอนุมานได้ทันทีว่ารู้กันระหว่างทนายตั้มกับคุณกรรชัย แล้วมาระรานถึงผมหลายประเด็น ที่คุณษิทรา บอกว่าทั้งหมดนี้วางแผนโดยบ้านพระอาทิตย์ ไม่ใช่ครับ คุณเอ่ยชื่อผมได้ “สนธิ ลิ้มทองกุล”ครับ คุณไร้มารยาทกับผม ต่อหน้าคุณก็เรียกผมว่าพี่สนธิ แต่ลับหลังคุณโกรธผม ออกมาโพสต์ด่าผมว่า "ไอ้ลิ้ม มาเจอกูที่โหนกระแส" แต่รีบลบออกไป แต่ว่าผมยังแคปได้อยู่ ไม่เป็นไร . เข้าใจนะว่า ไม่มีช่องไหนเอาผมไปออกได้หรอก เพราะผม ความจริงมีหนึ่งเดียวมันอยู่ที่ผม อยู่ตรงนี้ ทำไมผมต้องออกโหนกระแส ผมไม่มีความจำเป็นต้องฟอกตัวผม แต่ผมมีความจริงที่จะทำให้คนชั่วต่างๆ ฉิบหายได้ . คุณษิทรา คุณน่ะเด็กเมื่อวานซืน คุณอายุแค่ 43 ปี คุณยังอายุน้อยกว่าลูกชายผมอีก ผมมากกว่าคุณ 35 ปี สิ่งต่างๆ ที่ผมผ่านมาในชีวิตของผม (ขอประทานโทษ) คุณน่ะเทียบไม่ได้กับอุจจาระเท้าผมเลย คุณอย่ามาทะลึ่งกับผม . เอาล่ะไหนๆ คุณก็เปิดศึกแล้ว เดี๋ยวผมจะสร้างสนามรบใหม่ๆ ให้คุณเข้าไปรบในสนามรบใหม่นี้ ทั้งๆ ที่ผมรู้มานานแล้ว แต่ผมขี้เกียจพูด ผมถือว่าคุณษิทราครับ ทางใครทางมัน แต่คุณทะลึ่งมาเหยียบเส้น ล้ำเส้นผม https://www.facebook.com/share/p/vd6PZbbb5ZHAT7yJ/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    14
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 873 มุมมอง 1 รีวิว
  • “ความจริงหนึ่งเดียว”ฟาด‘ทนายตั้ม’แดดิ้น
    .
    ผมไม่ได้เป็นคู่กรณีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้เสียหายคือคุณอ้อย -จตุพรเป็นเจ้าทุกข์แจ้งความกล่าวหาว่าคุณษิทรา ฉ้อโกงเงินเขาไป แล้วตำรวจก็ดำเนินการสอบสวนฝ่ายโจทก์ผู้กล่าวหาเรียบร้อยแล้ว แล้วเรื่องนี้ก็กำลังจะดำเนินการเข้ามาสู่ส่วนกลาง
    .
    คุณษิทรา ฟังให้ดีๆ นะ ผมไม่ได้เป็นคนซี้ซั้วแม้จะรู้เรื่องนี้มานานจากทนายผู้รับมอบอำนาจจะเอาข้อมูลมาให้ผมแล้ว ผมยังยืนยันที่จะเจอเจ้าตัว ซึ่งเป็นคุณอ้อย-จตุพร ผู้เสียหายเจ้าทุกข์ตัวจริง เพื่อซักถามกันอย่างละเอียดโดยทีมงานข่าวอาวุโสของผม
    .
    แต่เมื่อคุณษิทราร้อนตัวไปออกรายการ "หนุ่ม กรรชัย" โหนกระแสเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเชิญทนายตั้ม ษิทรา กับอัจฉริยะ มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ จู่ๆคุณหนุ่ม กรรชัย ชงคำถามที่มาของความร่ำรวย ซึ่งอนุมานได้ทันทีว่ารู้กันระหว่างทนายตั้มกับคุณกรรชัย แล้วมาระรานถึงผมหลายประเด็น ที่คุณษิทรา บอกว่าทั้งหมดนี้วางแผนโดยบ้านพระอาทิตย์ ไม่ใช่ครับ คุณเอ่ยชื่อผมได้ “สนธิ ลิ้มทองกุล”ครับ คุณไร้มารยาทกับผม ต่อหน้าคุณก็เรียกผมว่าพี่สนธิ แต่ลับหลังคุณโกรธผม ออกมาโพสต์ด่าผมว่า "ไอ้ลิ้ม มาเจอกูที่โหนกระแส" แต่รีบลบออกไป แต่ว่าผมยังแคปได้อยู่ ไม่เป็นไร
    .
    เข้าใจนะว่า ไม่มีช่องไหนเอาผมไปออกได้หรอก เพราะผม ความจริงมีหนึ่งเดียวมันอยู่ที่ผม อยู่ตรงนี้ ทำไมผมต้องออกโหนกระแส ผมไม่มีความจำเป็นต้องฟอกตัวผม แต่ผมมีความจริงที่จะทำให้คนชั่วต่างๆ ฉิบหายได้
    .
    คุณษิทรา คุณน่ะเด็กเมื่อวานซืน คุณอายุแค่ 43 ปี คุณยังอายุน้อยกว่าลูกชายผมอีก ผมมากกว่าคุณ 25 ปี สิ่งต่างๆ ที่ผมผ่านมาในชีวิตของผม (ขอประทานโทษ) คุณน่ะเทียบไม่ได้กับอุจจาระเท้าผมเลย คุณอย่ามาทะลึ่งกับผม
    .
    เอาล่ะไหนๆ คุณก็เปิดศึกแล้ว เดี๋ยวผมจะสร้างสนามรบใหม่ๆ ให้คุณเข้าไปรบในสนามรบใหม่นี้ ทั้งๆ ที่ผมรู้มานานแล้ว แต่ผมขี้เกียจพูด ผมถือว่าคุณษิทราครับ ทางใครทางมัน แต่คุณทะลึ่งมาเหยียบเส้น ล้ำเส้นผม
    “ความจริงหนึ่งเดียว”ฟาด‘ทนายตั้ม’แดดิ้น . ผมไม่ได้เป็นคู่กรณีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้เสียหายคือคุณอ้อย -จตุพรเป็นเจ้าทุกข์แจ้งความกล่าวหาว่าคุณษิทรา ฉ้อโกงเงินเขาไป แล้วตำรวจก็ดำเนินการสอบสวนฝ่ายโจทก์ผู้กล่าวหาเรียบร้อยแล้ว แล้วเรื่องนี้ก็กำลังจะดำเนินการเข้ามาสู่ส่วนกลาง . คุณษิทรา ฟังให้ดีๆ นะ ผมไม่ได้เป็นคนซี้ซั้วแม้จะรู้เรื่องนี้มานานจากทนายผู้รับมอบอำนาจจะเอาข้อมูลมาให้ผมแล้ว ผมยังยืนยันที่จะเจอเจ้าตัว ซึ่งเป็นคุณอ้อย-จตุพร ผู้เสียหายเจ้าทุกข์ตัวจริง เพื่อซักถามกันอย่างละเอียดโดยทีมงานข่าวอาวุโสของผม . แต่เมื่อคุณษิทราร้อนตัวไปออกรายการ "หนุ่ม กรรชัย" โหนกระแสเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเชิญทนายตั้ม ษิทรา กับอัจฉริยะ มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ จู่ๆคุณหนุ่ม กรรชัย ชงคำถามที่มาของความร่ำรวย ซึ่งอนุมานได้ทันทีว่ารู้กันระหว่างทนายตั้มกับคุณกรรชัย แล้วมาระรานถึงผมหลายประเด็น ที่คุณษิทรา บอกว่าทั้งหมดนี้วางแผนโดยบ้านพระอาทิตย์ ไม่ใช่ครับ คุณเอ่ยชื่อผมได้ “สนธิ ลิ้มทองกุล”ครับ คุณไร้มารยาทกับผม ต่อหน้าคุณก็เรียกผมว่าพี่สนธิ แต่ลับหลังคุณโกรธผม ออกมาโพสต์ด่าผมว่า "ไอ้ลิ้ม มาเจอกูที่โหนกระแส" แต่รีบลบออกไป แต่ว่าผมยังแคปได้อยู่ ไม่เป็นไร . เข้าใจนะว่า ไม่มีช่องไหนเอาผมไปออกได้หรอก เพราะผม ความจริงมีหนึ่งเดียวมันอยู่ที่ผม อยู่ตรงนี้ ทำไมผมต้องออกโหนกระแส ผมไม่มีความจำเป็นต้องฟอกตัวผม แต่ผมมีความจริงที่จะทำให้คนชั่วต่างๆ ฉิบหายได้ . คุณษิทรา คุณน่ะเด็กเมื่อวานซืน คุณอายุแค่ 43 ปี คุณยังอายุน้อยกว่าลูกชายผมอีก ผมมากกว่าคุณ 25 ปี สิ่งต่างๆ ที่ผมผ่านมาในชีวิตของผม (ขอประทานโทษ) คุณน่ะเทียบไม่ได้กับอุจจาระเท้าผมเลย คุณอย่ามาทะลึ่งกับผม . เอาล่ะไหนๆ คุณก็เปิดศึกแล้ว เดี๋ยวผมจะสร้างสนามรบใหม่ๆ ให้คุณเข้าไปรบในสนามรบใหม่นี้ ทั้งๆ ที่ผมรู้มานานแล้ว แต่ผมขี้เกียจพูด ผมถือว่าคุณษิทราครับ ทางใครทางมัน แต่คุณทะลึ่งมาเหยียบเส้น ล้ำเส้นผม
    Like
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1072 มุมมอง 1 รีวิว
  • 22/10/67

    พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง
    ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้

    ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น
    แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง
    เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง

    “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง
    โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด”

    ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก
    จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป

    ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน
    และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ
    เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา”

    ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ

    ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ

    ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ
    สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง”

    พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป
    เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร
    หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา!
    ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า

    ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด
    และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง”

    ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า

    ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย
    แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก”

    ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน
    มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา
    เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง

    ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว”
    ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก

    ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด”

    ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก
    แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม

    ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ

    ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว

    นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น

    ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา

    “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ”

    ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า

    ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง
    กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข
    ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว

    ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์
    ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ
    แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน”

    แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี
    ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว
    และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ

    สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ
    เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง
    แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ
    แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ”

    คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง”

    ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก”

    ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย
    แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก

    หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว
    ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน

    ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้”
    ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ”

    ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว”

    แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ

    ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ”

    แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า

    “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด
    ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก
    จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา”

    อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย
    เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน
    ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้

    ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์
    กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง

    ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง

    ………………………………………………………………………

    ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก

    สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข
    ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้
    ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต

    เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน
    และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้

    แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
    .
    22/10/67 พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้ ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด” ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา” ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง” พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา! ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง” ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก” ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว” ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด” ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ” ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ” คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง” ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก” ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้” ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ” ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว” แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ” แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา” อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้ ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์ กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง ……………………………………………………………………… ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้ ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้ แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22/10/67

    พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง
    ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้

    ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น
    แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง
    เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง

    “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง
    โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด”

    ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก
    จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป

    ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน
    และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ
    เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา”

    ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ

    ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ

    ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ
    สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง”

    พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป
    เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร
    หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา!
    ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า

    ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด
    และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง”

    ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า

    ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย
    แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก”

    ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน
    มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา
    เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง

    ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว”
    ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก

    ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด”

    ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก
    แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม

    ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ

    ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว

    นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น

    ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา

    “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ”

    ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า

    ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง
    กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข
    ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว

    ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์
    ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ
    แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน”

    แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี
    ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว
    และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ

    สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ
    เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง
    แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ
    แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ”

    คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง”

    ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก”

    ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย
    แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก

    หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว
    ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน

    ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้”
    ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ”

    ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว”

    แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ

    ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ”

    แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า

    “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด
    ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก
    จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา”

    อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย
    เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน
    ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้

    ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์
    กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง

    ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง

    ………………………………………………………………………

    ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก

    สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข
    ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้
    ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต

    เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน
    และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้

    แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย


    .
    22/10/67 พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้ ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด” ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา” ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง” พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา! ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง” ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก” ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว” ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด” ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ” ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ” คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง” ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก” ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้” ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ” ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว” แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ” แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา” อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้ ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์ กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง ……………………………………………………………………… ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้ ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้ แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรคประชาธิปไตยนี่ไม่นิ่งสงบร่มเย็นเหรอ มันจึงเที่ยวหาเรื่องระรานแหย่โน้นแหย่นี้ไปทั่ว เป็นโรคร้ายเรื้อรังเหรอ
    โรคประชาธิปไตยนี่ไม่นิ่งสงบร่มเย็นเหรอ มันจึงเที่ยวหาเรื่องระรานแหย่โน้นแหย่นี้ไปทั่ว เป็นโรคร้ายเรื้อรังเหรอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กิมจินี่เป็นกันเยอะนะสตอเบอร์แหล
    ไอเลิฟยู ไอเลิฟยู ส่งดอกไม้ ส่งของขวัญ
    ให้เทพส่งติ๊กเกอร์ให้รัวๆ ผลงานคือ
    ระราน ให้ร้าย และคุกคาาาม แน๊กและครอบครัว
    พี่เวิ่น กามิจเป็นผู้บริสุทธิ์
    ทุย ทุ่ย ทุ๋ย
    อย่างไลฟ์ในภาพ ไอเลิฟยูให้ไอ่ป.
    เล่นเอาป.น้ำเดินพุ่งตาเหลือกคาไลฟ์เลย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #กิมจินี่เป็นกันเยอะนะสตอเบอร์แหล ไอเลิฟยู ไอเลิฟยู ส่งดอกไม้ ส่งของขวัญ ให้เทพส่งติ๊กเกอร์ให้รัวๆ ผลงานคือ ระราน ให้ร้าย และคุกคาาาม แน๊กและครอบครัว พี่เวิ่น กามิจเป็นผู้บริสุทธิ์ ทุย ทุ่ย ทุ๋ย อย่างไลฟ์ในภาพ ไอเลิฟยูให้ไอ่ป. เล่นเอาป.น้ำเดินพุ่งตาเหลือกคาไลฟ์เลย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1058 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แฟนเพจคิงส์ขอมาเรื่องดอกไม้สีทองอยากรู้ว่าสรุปยังไง
    เรื่องดอกไม้สีทองของแยกเป็น 2 เรื่อง
    เรื่องแรก ดอกไม้สีทองจากร้านที่เรียกตัวเองว่า แม่ตั๊ก
    แม่ใครไม่รู้แต่ไม่ใช่แม่กรรรูละกัน
    แม่ตั๊ก แม่ค้าออนไลน์ ที่ไลฟ์มาหลายปี
    เรียกได้ว่ามีคนเชื่อถือไม่น้อย จึงเอฟกันรัวๆ
    ดอกไม้สีทองนี้ ถ้าสังเกตุดีๆ จะมีใบรับประกัน
    เป็นภาษาจีน สรุปคือ ดอกไม้สีทองนี้
    มีอยู่ในแอพดัง ไม่ลอกไม่ดำ แต่จำนำไม่ได้เพราะอะไร
    นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ทอง บางรุ่นด้านในคล้ายพลาสติก
    บางรุ่นด้านในเป็นส่วนผสมของทองแดง เงิน และชุบด้วยทอง
    แต่ตั๊กก็รับคืน
    แต่ฉันคืนในเรทที่ประมาณ 33% ของเรทที่ระบายออกไป
    ดังนั้น นี่คือข้อมูลนะครับนะ
    ส่วน ดอกสีทองที่สอง
    คือนางสุวรรณมาลี คชสารสมสู่
    อย่างที่เห็นในภาพ นี่ก็ไม่แท้
    ทั้งความแบ๊ว ความใส่ ความเรียบร้อยและความโก๊ะ
    ที่บรรดาทุยจินตนาการ มโนกันไป
    โดยหารู้ไม่ เราทุกคนต่างเห็นซีนแรกของนาง
    คือการแสดงการกินมาม่า และซีเรียล
    ต้องอดๆ อยากๆ และไลฟ์ 23 ชม.
    เพื่อหาทุนเรียน
    แม้จะเอ๊ะ ในรอยสักแปลกๆ
    แต่ บรรดา โจ และทีมก็มักจะมี
    คำบรรยายอันสวยหรูไว้ให้
    ทำให้คนไทยต่างมองข้ามไป
    เห็นเพียงบทบาทที่นางแสดง
    แต่ภาพที่คุณเห็น อาจมีคำถามว่า ถ่ายตอนไหนนะ
    ทำไม มีท่าทีแบบนี้นะ
    อันนี้พี่คิงส์บอกเลย เพราะได้โพสดักทุยให้มาคอนเฟิร์ม
    กันเถียงไว้ โดยเค้ายืนยันว่า มันคือภาพเมื่อวันที่ 22 กุมพาพันธ์ ปี 2023
    นั่นแปลว่า เป็นภาพที่โพสไว้ในไอจี ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมานั่งแสดง
    ละคร ที่เราเห็นเมื่อต้นปี
    ในระยะเวลานั้น ก่อนหน้าภาพนี้ อิเหวิง
    หรือสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นแรมเดือน
    ในฐานะนักแสดงตกงาน ที่ไม่มีใครจ้าง
    สนุกสนานหลงอยู่กับสล็อทญี่ปุ่น หรือปาจิงโกะ
    ถึงขนาดไปสักสัญลัษณ์ปาจิงโกะเต็มตัว
    เชื่อว่า ณ เวลานั้น คงไม่คิดกลับมาเป็นแดนเซอร์
    หรือ ดาราตัวประกอบอีกแล้ว ด้วยอายุสามสิบ
    ซึ่งมีดาราตัวประกอบรุ่นใหม่ๆที่ใสกว่า เก่งกว่าเกิดขึ้นมากมาย
    แต่ไม่รู้ จังหวะนรกภูมิยังไง ที่กำลังขุดอยู่
    มารู้จักการไลฟ์ตต. มีเอเจนซี่คอยกำกับดูแล
    และสุดท้ายกลายเป็นตัวแสดงหลัก
    ให้บรรดาเงินดาร์คเข้ามาใช้ในการผ่านในการฟอก
    ด้วยการพีเคบิ๊กแม็ต โดยแน๊กชาลีห้ามอย่างไร นางไม่เคยฟัง
    เพราะทุกอย่างถูกวางแผนโดยระบบ
    ที่กลุ่มทุนดาร์คสร้างไว้
    เหมือนกับที่ได้ทำในสหรัฐ ไต้หวัน จีน ตุรกี ที่ขณะนี้
    มีการกวาดบ้านกันขนานใหญ่ดังที่พี่คิงส์ได้ให้ข้อมูล
    ไปอ่านตามที่แปะไว้ใต้โพส เรื่องทุนดาร์คและการกวาดเรียบ
    ในประเทศที่พี่คิงส์แจ้งไว้
    ดังนั้น ทุยไทย เลิกมโนได้แล้ว
    อย่าให้ โจมณฑานี สร้างโลกที่บิดเบี้ยว
    เห็นผิดเป็นชอบ ทำตัวระรานคนไทยด้วยกัน
    โจหวังเพียงงบที่จะมาสร้างกระแส ผ่านยูซผี ผ่านเทรนทิพย์
    และลูกค้าโรงเรียนเถี่อน ที่สอนความงมงาย
    ผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆ
    ส่วนทุย บางตัวก็ได้เศษกระดูก
    และหลายตัว ก็ได้แค่อิสุวรรณมาลีคชสาร
    ส่งดอกไม้ให้ ชมเลยว่า ให้ร้ายแน๊กชาลีเก่งมาก
    แค่นี้ พวกนี้ก็ถวายหัวให้ อันนี้ดูหลักต๋านที่พี่คิงส์โพสไปก่อนหน้า
    ดังนั้นนี่คือข้อสรุป ของสุวรรณมาลี
    ที่ไม่แท้ทั้งคู่ จะได้ตามข่าวกันทันนะ
    และเรื่องสำคัญที่แฟนเพจร้องกันลั่นคือ
    วันนี้ กดไลค์ไม่ทัน อ่านไม่ทัน
    พี่คิงส์ก็ต้องขอโทษที่รัวจริงๆแหละ
    ทำไงได้ เครื่องขุดมันทำงาน
    ท่ามกลางความท้าทายของ โจ มณฑานี
    ชอบนัก อะไรที่เป็นคำขู่วว
    กรรูขุดยันก้นเหว
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #แฟนเพจคิงส์ขอมาเรื่องดอกไม้สีทองอยากรู้ว่าสรุปยังไง เรื่องดอกไม้สีทองของแยกเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรก ดอกไม้สีทองจากร้านที่เรียกตัวเองว่า แม่ตั๊ก แม่ใครไม่รู้แต่ไม่ใช่แม่กรรรูละกัน แม่ตั๊ก แม่ค้าออนไลน์ ที่ไลฟ์มาหลายปี เรียกได้ว่ามีคนเชื่อถือไม่น้อย จึงเอฟกันรัวๆ ดอกไม้สีทองนี้ ถ้าสังเกตุดีๆ จะมีใบรับประกัน เป็นภาษาจีน สรุปคือ ดอกไม้สีทองนี้ มีอยู่ในแอพดัง ไม่ลอกไม่ดำ แต่จำนำไม่ได้เพราะอะไร นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ทอง บางรุ่นด้านในคล้ายพลาสติก บางรุ่นด้านในเป็นส่วนผสมของทองแดง เงิน และชุบด้วยทอง แต่ตั๊กก็รับคืน แต่ฉันคืนในเรทที่ประมาณ 33% ของเรทที่ระบายออกไป ดังนั้น นี่คือข้อมูลนะครับนะ ส่วน ดอกสีทองที่สอง คือนางสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ อย่างที่เห็นในภาพ นี่ก็ไม่แท้ ทั้งความแบ๊ว ความใส่ ความเรียบร้อยและความโก๊ะ ที่บรรดาทุยจินตนาการ มโนกันไป โดยหารู้ไม่ เราทุกคนต่างเห็นซีนแรกของนาง คือการแสดงการกินมาม่า และซีเรียล ต้องอดๆ อยากๆ และไลฟ์ 23 ชม. เพื่อหาทุนเรียน แม้จะเอ๊ะ ในรอยสักแปลกๆ แต่ บรรดา โจ และทีมก็มักจะมี คำบรรยายอันสวยหรูไว้ให้ ทำให้คนไทยต่างมองข้ามไป เห็นเพียงบทบาทที่นางแสดง แต่ภาพที่คุณเห็น อาจมีคำถามว่า ถ่ายตอนไหนนะ ทำไม มีท่าทีแบบนี้นะ อันนี้พี่คิงส์บอกเลย เพราะได้โพสดักทุยให้มาคอนเฟิร์ม กันเถียงไว้ โดยเค้ายืนยันว่า มันคือภาพเมื่อวันที่ 22 กุมพาพันธ์ ปี 2023 นั่นแปลว่า เป็นภาพที่โพสไว้ในไอจี ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมานั่งแสดง ละคร ที่เราเห็นเมื่อต้นปี ในระยะเวลานั้น ก่อนหน้าภาพนี้ อิเหวิง หรือสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นแรมเดือน ในฐานะนักแสดงตกงาน ที่ไม่มีใครจ้าง สนุกสนานหลงอยู่กับสล็อทญี่ปุ่น หรือปาจิงโกะ ถึงขนาดไปสักสัญลัษณ์ปาจิงโกะเต็มตัว เชื่อว่า ณ เวลานั้น คงไม่คิดกลับมาเป็นแดนเซอร์ หรือ ดาราตัวประกอบอีกแล้ว ด้วยอายุสามสิบ ซึ่งมีดาราตัวประกอบรุ่นใหม่ๆที่ใสกว่า เก่งกว่าเกิดขึ้นมากมาย แต่ไม่รู้ จังหวะนรกภูมิยังไง ที่กำลังขุดอยู่ มารู้จักการไลฟ์ตต. มีเอเจนซี่คอยกำกับดูแล และสุดท้ายกลายเป็นตัวแสดงหลัก ให้บรรดาเงินดาร์คเข้ามาใช้ในการผ่านในการฟอก ด้วยการพีเคบิ๊กแม็ต โดยแน๊กชาลีห้ามอย่างไร นางไม่เคยฟัง เพราะทุกอย่างถูกวางแผนโดยระบบ ที่กลุ่มทุนดาร์คสร้างไว้ เหมือนกับที่ได้ทำในสหรัฐ ไต้หวัน จีน ตุรกี ที่ขณะนี้ มีการกวาดบ้านกันขนานใหญ่ดังที่พี่คิงส์ได้ให้ข้อมูล ไปอ่านตามที่แปะไว้ใต้โพส เรื่องทุนดาร์คและการกวาดเรียบ ในประเทศที่พี่คิงส์แจ้งไว้ ดังนั้น ทุยไทย เลิกมโนได้แล้ว อย่าให้ โจมณฑานี สร้างโลกที่บิดเบี้ยว เห็นผิดเป็นชอบ ทำตัวระรานคนไทยด้วยกัน โจหวังเพียงงบที่จะมาสร้างกระแส ผ่านยูซผี ผ่านเทรนทิพย์ และลูกค้าโรงเรียนเถี่อน ที่สอนความงมงาย ผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆ ส่วนทุย บางตัวก็ได้เศษกระดูก และหลายตัว ก็ได้แค่อิสุวรรณมาลีคชสาร ส่งดอกไม้ให้ ชมเลยว่า ให้ร้ายแน๊กชาลีเก่งมาก แค่นี้ พวกนี้ก็ถวายหัวให้ อันนี้ดูหลักต๋านที่พี่คิงส์โพสไปก่อนหน้า ดังนั้นนี่คือข้อสรุป ของสุวรรณมาลี ที่ไม่แท้ทั้งคู่ จะได้ตามข่าวกันทันนะ และเรื่องสำคัญที่แฟนเพจร้องกันลั่นคือ วันนี้ กดไลค์ไม่ทัน อ่านไม่ทัน พี่คิงส์ก็ต้องขอโทษที่รัวจริงๆแหละ ทำไงได้ เครื่องขุดมันทำงาน ท่ามกลางความท้าทายของ โจ มณฑานี ชอบนัก อะไรที่เป็นคำขู่วว กรรูขุดยันก้นเหว #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 739 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตก

    เดือนนี้ จะมีปัญหากับคนในเครื่องแบบตามสืบ ถูกผู้มีอิทธิพลคุกคามระราน ผู้หญิงจะนำพาโชคร้ายเข้ามาพาลให้เกิดอุปสรรคสร้างความเดือดร้อน ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจให้ผิดพลาดจนเสียชื่อเสียเสียงเครดิต พาให้จิตใจไม่สงบ อารมณ์รุนแรง วู่วาม เกิดการเก็บกดอ่อนเพลียจนหมดพลัง สมองตื้อ ส่วนสุขภาพร่างกายมีเกณฑ์จะเจ็บป่วยที่ดวงตา หัวใจ ระบบเลือด ความดันโลหิต ร้อนใน อีกทั้งควรจัดระเบียบดูแลเครื่องใช้ไม้สอย เครื่องใช้ไฟฟ้า และทรัพย์สินในบ้านให้เป็นระเบียบเข้าที่เข้าทาง จะเกิดโศกนาฏกรรม เกิดภัยที่ไม่คาดคิด ภัยจากเพลิงไหม้ ภัยจากระเบิด หรือเรื่องร้ายที่เกิดจากกิจกรรมงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ระวังภัยจากการถูกน้ำมัน น้ำร้อนหรือไฟลวกจนเจ็บปวดแสบปวดร้อนที่ผิวหนังแผลพุพองเป็นหนอง
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตก เดือนนี้ จะมีปัญหากับคนในเครื่องแบบตามสืบ ถูกผู้มีอิทธิพลคุกคามระราน ผู้หญิงจะนำพาโชคร้ายเข้ามาพาลให้เกิดอุปสรรคสร้างความเดือดร้อน ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจให้ผิดพลาดจนเสียชื่อเสียเสียงเครดิต พาให้จิตใจไม่สงบ อารมณ์รุนแรง วู่วาม เกิดการเก็บกดอ่อนเพลียจนหมดพลัง สมองตื้อ ส่วนสุขภาพร่างกายมีเกณฑ์จะเจ็บป่วยที่ดวงตา หัวใจ ระบบเลือด ความดันโลหิต ร้อนใน อีกทั้งควรจัดระเบียบดูแลเครื่องใช้ไม้สอย เครื่องใช้ไฟฟ้า และทรัพย์สินในบ้านให้เป็นระเบียบเข้าที่เข้าทาง จะเกิดโศกนาฏกรรม เกิดภัยที่ไม่คาดคิด ภัยจากเพลิงไหม้ ภัยจากระเบิด หรือเรื่องร้ายที่เกิดจากกิจกรรมงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ระวังภัยจากการถูกน้ำมัน น้ำร้อนหรือไฟลวกจนเจ็บปวดแสบปวดร้อนที่ผิวหนังแผลพุพองเป็นหนอง ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เคสามถุยจบแล้ว
    หลังเพจคิงส์โพธิ์แดงได้เผยถึงความสวะ
    และความเนรคุณ ซัพเพื่อไทยถึงกับตัดสินใจเลิกจ้าง 500 ก็ไม่คุ้ม
    เคสามถุยที่โทนี่มองเป็นแค่ขยะ
    ยืนถือป้ายโดดเดี่ยวแบบเหงาๆต้อนรับโทนี่กลับบ้าน
    แต่โทนี่เห็นเป็นแค่สวะหิวแสง ไม่แลแม้ปลายตา
    ก็ได้แต่ของานซัพที่รับงานโทนี่มาได้ทีละ 400-500
    เอามาประทังชีวิต แต่ก็ดันมาแสดงอาการกร่าง
    แค่เกาะคนมีแสงไปออกทีวีไม่กี่ที นึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่
    ทำตัวเป็นนักเลงคีย์บอร์ด เกรียนทุกเพจของผู้จงรักษ์ภักดี
    พี่คิงส์เลยจัดหนักจัดเต็ม
    ตอนแรก ก็คิดว่าคงจะเปิดข้อมูลกันอีกยาวๆ
    แต่เพิ่งไปเช็คมา ว่าไม่มีใครจ้างแล้ว
    ไปดูในเฟสก็เห็นขายปลาสลิดเป็นค่าหอพักลูกแล้ว
    งั้นเคคอดำ เคเบาหวานต้องอ่านให้จบ เพราะนี่คือความเวทนาและเมตตาที่คิงส์ฯจะมอบให้
    1. หยุดทะลึ่งกับเพจใดๆเมิงเชียร์โทนี่หวังเศษกระดูกเค้าโยนให้เรื่องของเมิง ถ้าเห็นเมิงไปเกรียนคีย์บอร์ดที่เพจคนที่จงรักภักดี เมิงจะโดนเปิด แ-ผ-ลลึกกว่านี้ เมิงรู้ดีว่ากรูมีข้อมูลอีกเยอะ
    2. มึงไปทำมาหากินอย่างอื่น กรูแนะนำ ถึงเมิงโพสขายปลาสลิดอ้อนวอนลูกเพจเป็นค่าหอพักลูก กรูลองเอามาช่วยโพสในคอมเม้นแล้ว แต่ลูกค้าเค้าพอเห็นหน้าเมิงแล้ว มีคนคอมเม้นบอกว่าแดรกไม่ลง กรูว่าน่าจะไม่รอด
    3. ออกกำลังกายบ้าง แดรกอาหารที่มีประโยชน์ เบาหวานเมิงเยอะเกินไปแล้วไขมันก็เกิน เกินมันทุกอย่าง เดี๋ยวจะได้เลี้ยงลูกอีกไม่นาน
    4. จำไว้เป็นบทเรียนว่า เพจคนอื่นเค้าโพสอะไร อย่า เ-สื-อ-ก
    ถ้าเมิงทำ 4 ข้อนี้ได้ กรูจะโพสถึงเมิงโพสสุดท้ายละ
    แต่ถ้ายังทะลึ่ง ไปแขวนคนนั้นคนนี้ที่เค้าจงรักษ์ภักดี สิ่งที่เมิงไม่อยากให้ใครรู้ ได้รู้กันทั้งประเทศแน่นอน
    สรุป วันนี้เมิงได้รู้จักคิงส์โพธิ์แดงระดับนึงละ
    อย่ารู้จักให้มากกว่านี้เลย ตอนนี้ทั้งเสื้อแดงก็ชังเมิง
    โทนี่ก็ไม่ได้นับเมิงแม้เป็นลูกน้อง เห็นเป็นแค่ขยะเปียกหิวแสง
    ซัพงานก็ไม่จ้างแล้ว ได้สติ ทำชีวิตใหม่
    เอาเวลามาระรานคนที่เค้ารักสถาบันกษัตรย์ และวิพากษ์วิจารน์นายเมิงอะ
    ไปทำมาหากิน เชื่อกรู อาชีพรับจ้าง ด่-า เมิงไม่เกิดหรอก
    ถือว่า วันนี้เป็นบทเรียนนะ กรูจะได้ไปทำเรื่องอื่นต่อ
    ไอ่ฉัด ไอ่เคเบาหวาน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เคสามถุยจบแล้ว หลังเพจคิงส์โพธิ์แดงได้เผยถึงความสวะ และความเนรคุณ ซัพเพื่อไทยถึงกับตัดสินใจเลิกจ้าง 500 ก็ไม่คุ้ม เคสามถุยที่โทนี่มองเป็นแค่ขยะ ยืนถือป้ายโดดเดี่ยวแบบเหงาๆต้อนรับโทนี่กลับบ้าน แต่โทนี่เห็นเป็นแค่สวะหิวแสง ไม่แลแม้ปลายตา ก็ได้แต่ของานซัพที่รับงานโทนี่มาได้ทีละ 400-500 เอามาประทังชีวิต แต่ก็ดันมาแสดงอาการกร่าง แค่เกาะคนมีแสงไปออกทีวีไม่กี่ที นึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ทำตัวเป็นนักเลงคีย์บอร์ด เกรียนทุกเพจของผู้จงรักษ์ภักดี พี่คิงส์เลยจัดหนักจัดเต็ม ตอนแรก ก็คิดว่าคงจะเปิดข้อมูลกันอีกยาวๆ แต่เพิ่งไปเช็คมา ว่าไม่มีใครจ้างแล้ว ไปดูในเฟสก็เห็นขายปลาสลิดเป็นค่าหอพักลูกแล้ว งั้นเคคอดำ เคเบาหวานต้องอ่านให้จบ เพราะนี่คือความเวทนาและเมตตาที่คิงส์ฯจะมอบให้ 1. หยุดทะลึ่งกับเพจใดๆเมิงเชียร์โทนี่หวังเศษกระดูกเค้าโยนให้เรื่องของเมิง ถ้าเห็นเมิงไปเกรียนคีย์บอร์ดที่เพจคนที่จงรักภักดี เมิงจะโดนเปิด แ-ผ-ลลึกกว่านี้ เมิงรู้ดีว่ากรูมีข้อมูลอีกเยอะ 2. มึงไปทำมาหากินอย่างอื่น กรูแนะนำ ถึงเมิงโพสขายปลาสลิดอ้อนวอนลูกเพจเป็นค่าหอพักลูก กรูลองเอามาช่วยโพสในคอมเม้นแล้ว แต่ลูกค้าเค้าพอเห็นหน้าเมิงแล้ว มีคนคอมเม้นบอกว่าแดรกไม่ลง กรูว่าน่าจะไม่รอด 3. ออกกำลังกายบ้าง แดรกอาหารที่มีประโยชน์ เบาหวานเมิงเยอะเกินไปแล้วไขมันก็เกิน เกินมันทุกอย่าง เดี๋ยวจะได้เลี้ยงลูกอีกไม่นาน 4. จำไว้เป็นบทเรียนว่า เพจคนอื่นเค้าโพสอะไร อย่า เ-สื-อ-ก ถ้าเมิงทำ 4 ข้อนี้ได้ กรูจะโพสถึงเมิงโพสสุดท้ายละ แต่ถ้ายังทะลึ่ง ไปแขวนคนนั้นคนนี้ที่เค้าจงรักษ์ภักดี สิ่งที่เมิงไม่อยากให้ใครรู้ ได้รู้กันทั้งประเทศแน่นอน สรุป วันนี้เมิงได้รู้จักคิงส์โพธิ์แดงระดับนึงละ อย่ารู้จักให้มากกว่านี้เลย ตอนนี้ทั้งเสื้อแดงก็ชังเมิง โทนี่ก็ไม่ได้นับเมิงแม้เป็นลูกน้อง เห็นเป็นแค่ขยะเปียกหิวแสง ซัพงานก็ไม่จ้างแล้ว ได้สติ ทำชีวิตใหม่ เอาเวลามาระรานคนที่เค้ารักสถาบันกษัตรย์ และวิพากษ์วิจารน์นายเมิงอะ ไปทำมาหากิน เชื่อกรู อาชีพรับจ้าง ด่-า เมิงไม่เกิดหรอก ถือว่า วันนี้เป็นบทเรียนนะ กรูจะได้ไปทำเรื่องอื่นต่อ ไอ่ฉัด ไอ่เคเบาหวาน #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ประวัติศาสตร์​คล้ายกัน#มอดกัดกินชาติ
    คนยิวเข้าไปอยู่ร่วมกับดินแดนของคนปาเลสไตน์​ อยู่ไปๆ​ ระรานแย่งดินแดน​ ไล่ฆ่าผู้บริสุทธิ์
    คนจีนรุ่นหนึ่ง​หรือถึงรุ่นสอง​ที่เข้ามาหลบภัย​ หากินในประเทศ​ไทย หน้าตามันก็ฟ้องว่ามันลูกจีน​ ดูกระจกดูหนังหน้าตัวเอง​ ไปยืนกับคนจีนถ้าไม่ขยับ​ ดูไม่ออกว่าเป็นคนไทย​ แต่ไอ้ลูกคนจีนเหล่านี้​ มันลงการเมืองเป้าหมายแย่งสมบัติ​แย่งแผ่นดิน
    แล้วหากเปิดเช่าที่ดิน99ปี​ ลูกหลานของคนที่เข้ามาได้สัญชาติ​ แล้วหากมาลงการเมือง​ กงกรรมกงล้อประวัติศาสตร์​มันอาจมาถึง​ คนเนรคุณ​แค่สัญชาติ​ไทย

    ขอให้คนเนรคุณแผ่นดิน​ ประสบความล้มเหลว​ "​เรือหาย“ ตกนรก​ไม่หมดเวร เพราะมันกระทบความเดือดร้อนคนทั้งประเทศ​ ให้เป็นไปทั้งเจ็ดชั่วโคตร
    #ประวัติศาสตร์​คล้ายกัน#มอดกัดกินชาติ คนยิวเข้าไปอยู่ร่วมกับดินแดนของคนปาเลสไตน์​ อยู่ไปๆ​ ระรานแย่งดินแดน​ ไล่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ คนจีนรุ่นหนึ่ง​หรือถึงรุ่นสอง​ที่เข้ามาหลบภัย​ หากินในประเทศ​ไทย หน้าตามันก็ฟ้องว่ามันลูกจีน​ ดูกระจกดูหนังหน้าตัวเอง​ ไปยืนกับคนจีนถ้าไม่ขยับ​ ดูไม่ออกว่าเป็นคนไทย​ แต่ไอ้ลูกคนจีนเหล่านี้​ มันลงการเมืองเป้าหมายแย่งสมบัติ​แย่งแผ่นดิน แล้วหากเปิดเช่าที่ดิน99ปี​ ลูกหลานของคนที่เข้ามาได้สัญชาติ​ แล้วหากมาลงการเมือง​ กงกรรมกงล้อประวัติศาสตร์​มันอาจมาถึง​ คนเนรคุณ​แค่สัญชาติ​ไทย ขอให้คนเนรคุณแผ่นดิน​ ประสบความล้มเหลว​ "​เรือหาย“ ตกนรก​ไม่หมดเวร เพราะมันกระทบความเดือดร้อนคนทั้งประเทศ​ ให้เป็นไปทั้งเจ็ดชั่วโคตร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมากะทะไม่ยอมรับผลโหวตคัดค้านนิทรโทษ112 ลุแก่อำนาจสั่งสอบเว็บไซต์สภาผู้แทนฯ ที่เปิดรับโหวต
    ถ้าตรวจสอบ ก็ต้องตรวจ IP Address ของคนโหวตเห็นชอบด้วยนะหมาอ๋อง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #หมากระทะ
    #ระราน
    #ไม่ยอมรับความจริง
    หมากะทะไม่ยอมรับผลโหวตคัดค้านนิทรโทษ112 ลุแก่อำนาจสั่งสอบเว็บไซต์สภาผู้แทนฯ ที่เปิดรับโหวต ถ้าตรวจสอบ ก็ต้องตรวจ IP Address ของคนโหวตเห็นชอบด้วยนะหมาอ๋อง #คิงส์โพธิ์แดง #หมากระทะ #ระราน #ไม่ยอมรับความจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว