• ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดาวเทียมบนโลกเราเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด — แค่ Starlink ของ SpaceX ก็ปล่อยไปแล้วกว่า 7,000 ดวง! → Amazon กำลังสร้าง Kuiper อีก 3,000 ดวง → ฝั่งจีนเตรียมปล่อย “หลายหมื่น” ดวงตามมาอีก

    มันเหมือน “ถนนบนฟ้า” ที่ไม่มีไฟแดง ไม่มีเลนตรงข้าม — แถมทุกค่ายปล่อยดาวเทียมแบบไม่ค่อยประสานกันเท่าไหร่ → หน่วยงานที่ชื่อว่า Office of Space Commerce ของสหรัฐ คือผู้ดูแลจราจรอวกาศให้ไม่ชนกัน → ทำหน้าที่คล้ายกับ FAA ที่ดูแลเครื่องบิน บนพื้นโลก → แต่พอรัฐบาลเสนองบปี 2026…ปรากฏว่า “จะลดงบจาก $65M → เหลือแค่ $10M”!!

    องค์กรอวกาศทั่วอเมริกา เช่น SpaceX, Blue Origin และอีกกว่า 450 บริษัทเลยรวมตัวกันยื่นเรื่องเตือนรัฐสภาว่า → ถ้าคุณตัด TraCSS (Traffic Coordination System for Space) ไป = เท่ากับปล่อยอวกาศให้ “จราจรสับสน–เสี่ยงชน–ค่าใช้จ่ายเพิ่ม” → แถมอเมริกาอาจเสียบทบาทในการกำหนด “มาตรฐานความปลอดภัยอวกาศโลก” ด้วย

    รัฐบาลสหรัฐมีแผนตัดงบ Office of Space Commerce จาก $65M → เหลือ $10M ในปี 2026  
    • จะกระทบต่อระบบ TraCSS ที่อยู่ระหว่างทดสอบ → ระบบจัดการจราจรอวกาศเชิงพลเรือน  
    • ทำให้ดาวเทียมเสี่ยงชน และเพิ่มความเสี่ยงของ “ขยะอวกาศ” ระยะยาว

    องค์กรอวกาศกว่า 450 แห่งออกมาเตือนรัฐสภา  
    • รวมถึง SpaceX, Blue Origin  
    • เตือนว่าการตัดงบจะทำให้ต้นทุนดำเนินงานเพิ่ม และบริษัทอาจย้ายออกนอกสหรัฐ

    จำนวนดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด:  
    • Starlink (SpaceX): 7,000 ดวงตั้งแต่ 2019  
    • Kuiper (Amazon): แผน 3,000 ดวง  
    • จีน: มีแผนปล่อย “หลายหมื่น” ดวง

    TraCSS อยู่ระหว่างทดสอบกับผู้ให้บริการหลายราย → ทำหน้าที่แจ้งเตือนการชนแบบ real-time

    Prof. Hugh Lewis เผยว่า Starlink มีการหลบชนแบบ active มากกว่าช่วงก่อนถึง 2 เท่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา
    • สะท้อนว่าความเสี่ยงเกิดจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี

    รัฐบาลมองว่าเอกชนสามารถจัดการจราจรเองได้ → แต่อุตสาหกรรมชี้ว่าขาดการประสาน และไม่มี funding model ที่ชัดเจน

    https://www.techspot.com/news/108611-us-space-industry-warns-increased-collision-risks-funding.html
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดาวเทียมบนโลกเราเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด — แค่ Starlink ของ SpaceX ก็ปล่อยไปแล้วกว่า 7,000 ดวง! → Amazon กำลังสร้าง Kuiper อีก 3,000 ดวง → ฝั่งจีนเตรียมปล่อย “หลายหมื่น” ดวงตามมาอีก มันเหมือน “ถนนบนฟ้า” ที่ไม่มีไฟแดง ไม่มีเลนตรงข้าม — แถมทุกค่ายปล่อยดาวเทียมแบบไม่ค่อยประสานกันเท่าไหร่ → หน่วยงานที่ชื่อว่า Office of Space Commerce ของสหรัฐ คือผู้ดูแลจราจรอวกาศให้ไม่ชนกัน → ทำหน้าที่คล้ายกับ FAA ที่ดูแลเครื่องบิน บนพื้นโลก → แต่พอรัฐบาลเสนองบปี 2026…ปรากฏว่า “จะลดงบจาก $65M → เหลือแค่ $10M”!! องค์กรอวกาศทั่วอเมริกา เช่น SpaceX, Blue Origin และอีกกว่า 450 บริษัทเลยรวมตัวกันยื่นเรื่องเตือนรัฐสภาว่า → ถ้าคุณตัด TraCSS (Traffic Coordination System for Space) ไป = เท่ากับปล่อยอวกาศให้ “จราจรสับสน–เสี่ยงชน–ค่าใช้จ่ายเพิ่ม” → แถมอเมริกาอาจเสียบทบาทในการกำหนด “มาตรฐานความปลอดภัยอวกาศโลก” ด้วย ✅ รัฐบาลสหรัฐมีแผนตัดงบ Office of Space Commerce จาก $65M → เหลือ $10M ในปี 2026   • จะกระทบต่อระบบ TraCSS ที่อยู่ระหว่างทดสอบ → ระบบจัดการจราจรอวกาศเชิงพลเรือน   • ทำให้ดาวเทียมเสี่ยงชน และเพิ่มความเสี่ยงของ “ขยะอวกาศ” ระยะยาว ✅ องค์กรอวกาศกว่า 450 แห่งออกมาเตือนรัฐสภา   • รวมถึง SpaceX, Blue Origin   • เตือนว่าการตัดงบจะทำให้ต้นทุนดำเนินงานเพิ่ม และบริษัทอาจย้ายออกนอกสหรัฐ ✅ จำนวนดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด:   • Starlink (SpaceX): 7,000 ดวงตั้งแต่ 2019   • Kuiper (Amazon): แผน 3,000 ดวง   • จีน: มีแผนปล่อย “หลายหมื่น” ดวง ✅ TraCSS อยู่ระหว่างทดสอบกับผู้ให้บริการหลายราย → ทำหน้าที่แจ้งเตือนการชนแบบ real-time ✅ Prof. Hugh Lewis เผยว่า Starlink มีการหลบชนแบบ active มากกว่าช่วงก่อนถึง 2 เท่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา • สะท้อนว่าความเสี่ยงเกิดจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี ✅ รัฐบาลมองว่าเอกชนสามารถจัดการจราจรเองได้ → แต่อุตสาหกรรมชี้ว่าขาดการประสาน และไม่มี funding model ที่ชัดเจน https://www.techspot.com/news/108611-us-space-industry-warns-increased-collision-risks-funding.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Space industry warns of satellite collision risks as US funding faces deep cuts
    The proposed cuts have sparked a strong backlash from the space industry. Seven major trade associations representing more than 450 companies including SpaceX and Blue Origin have...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • มติเอกฉันท์ ป.ป ช.รับสอบเบื้องต้น คลิปเสียงหลุด "นายกฯ-ฮุนเซน" กำหนด 10 วัน มีมูลแจ้งข้อหาหรือไม่ หลังสว.ยื่นเรื่องร้องเรียน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000059078

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    มติเอกฉันท์ ป.ป ช.รับสอบเบื้องต้น คลิปเสียงหลุด "นายกฯ-ฮุนเซน" กำหนด 10 วัน มีมูลแจ้งข้อหาหรือไม่ หลังสว.ยื่นเรื่องร้องเรียน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000059078 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 1 รีวิว
  • ที่ผ่านมา Microsoft ขึ้นชื่อว่า “รักษา compatibility ดีเยี่ยม” ต่ออุปกรณ์เก่า ๆ แต่ยุคนี้ปัญหาด้าน ความปลอดภัย + ระบบอัปเดตที่เทอะทะ ทำให้ต้องเปลี่ยนทิศ

    Microsoft จึงออกแถลงถึงพันธมิตรฮาร์ดแวร์ว่าเริ่ม “กวาดล้างไดรเวอร์ที่ล้าสมัย” ออกจากระบบ Windows Update แล้ว โดยจะลบเป็นรอบ ๆ และเริ่มจากไดรเวอร์ที่มีเวอร์ชันใหม่กว่าใช้งานอยู่แล้ว — ส่วนไดรเวอร์เก่า จะ “หมดอายุ” (expire) และไม่ถูกติดตั้งจาก Windows Update อีกต่อไป

    ถ้าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์อยากให้ driver เดิมยังใช้งานได้ ก็ต้อง “ยื่นเรื่องขออนุมัติ” พร้อมเหตุผลเฉพาะภายใน 6 เดือนหลังประกาศ

    Microsoft ยืนยันว่าแนวทางนี้จะ “ลดความเสี่ยงจาก driver ที่ไม่ปลอดภัยและลดความวุ่นวายในการอัปเดต” แต่ก็รู้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เลยจะดำเนินการเป็นเฟส ๆ พร้อมประกาศผ่านบล็อกหลังจากลบชุดแรกสำเร็จ

    Microsoft เริ่มลบ driver เก่าที่หมดอายุจาก Windows Update Catalog แล้ว  
    • เริ่มจาก driver ที่มีเวอร์ชันใหม่กว่าใช้งานอยู่แล้ว  
    • เรียกกระบวนการนี้ว่า “driver cleanup”

    ผู้ผลิตที่ต้องการให้ driver เดิมยังอยู่ในระบบ ต้องยื่นขอภายใน 6 เดือนหลังถูกลบ  
    • Microsoft อาจขอเหตุผลว่าทำไมถึงจำเป็นต้องคงไว้

    เป้าหมายของโครงการคือเพื่อเพิ่มความปลอดภัย และทำให้ระบบอัปเดต lean & efficient  
    • ลดการโหลดไฟล์ driver ที่ไม่จำเป็นกับเครื่องรุ่นใหม่  
    • ป้องกันความขัดแย้งของ driver เก่าในการติดตั้ง patch ใหม่

    บริษัทเตือนว่า driver cleanup จะกลายเป็น “routine process” สำหรับ Windows ในอนาคต • แนะนำให้ผู้ผลิตเข้ามาตรวจสอบรายการไดรเวอร์ของตนใน Windows Hardware Program

    https://www.techspot.com/news/108397-microsoft-begins-cleaning-legacy-drivers-windows-update.html
    ที่ผ่านมา Microsoft ขึ้นชื่อว่า “รักษา compatibility ดีเยี่ยม” ต่ออุปกรณ์เก่า ๆ แต่ยุคนี้ปัญหาด้าน ความปลอดภัย + ระบบอัปเดตที่เทอะทะ ทำให้ต้องเปลี่ยนทิศ Microsoft จึงออกแถลงถึงพันธมิตรฮาร์ดแวร์ว่าเริ่ม “กวาดล้างไดรเวอร์ที่ล้าสมัย” ออกจากระบบ Windows Update แล้ว โดยจะลบเป็นรอบ ๆ และเริ่มจากไดรเวอร์ที่มีเวอร์ชันใหม่กว่าใช้งานอยู่แล้ว — ส่วนไดรเวอร์เก่า จะ “หมดอายุ” (expire) และไม่ถูกติดตั้งจาก Windows Update อีกต่อไป ถ้าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์อยากให้ driver เดิมยังใช้งานได้ ก็ต้อง “ยื่นเรื่องขออนุมัติ” พร้อมเหตุผลเฉพาะภายใน 6 เดือนหลังประกาศ Microsoft ยืนยันว่าแนวทางนี้จะ “ลดความเสี่ยงจาก driver ที่ไม่ปลอดภัยและลดความวุ่นวายในการอัปเดต” แต่ก็รู้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เลยจะดำเนินการเป็นเฟส ๆ พร้อมประกาศผ่านบล็อกหลังจากลบชุดแรกสำเร็จ ✅ Microsoft เริ่มลบ driver เก่าที่หมดอายุจาก Windows Update Catalog แล้ว   • เริ่มจาก driver ที่มีเวอร์ชันใหม่กว่าใช้งานอยู่แล้ว   • เรียกกระบวนการนี้ว่า “driver cleanup” ✅ ผู้ผลิตที่ต้องการให้ driver เดิมยังอยู่ในระบบ ต้องยื่นขอภายใน 6 เดือนหลังถูกลบ   • Microsoft อาจขอเหตุผลว่าทำไมถึงจำเป็นต้องคงไว้ ✅ เป้าหมายของโครงการคือเพื่อเพิ่มความปลอดภัย และทำให้ระบบอัปเดต lean & efficient   • ลดการโหลดไฟล์ driver ที่ไม่จำเป็นกับเครื่องรุ่นใหม่   • ป้องกันความขัดแย้งของ driver เก่าในการติดตั้ง patch ใหม่ ✅ บริษัทเตือนว่า driver cleanup จะกลายเป็น “routine process” สำหรับ Windows ในอนาคต • แนะนำให้ผู้ผลิตเข้ามาตรวจสอบรายการไดรเวอร์ของตนใน Windows Hardware Program https://www.techspot.com/news/108397-microsoft-begins-cleaning-legacy-drivers-windows-update.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft begins cleanup of legacy drivers from Windows Update
    According to a recent post addressing partners in the Windows Hardware Program, Microsoft is working to remove legacy drivers from the Windows Update system. The company says...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ยึดอำนาจ,ฉีกกฎหมายการเลือกตั้งที่เป็นตราบาปเหี้ยนี้ทิ้งอัตโนมัติด้วย,ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งด้วย เขียนใหม่ให้ดีกว่าเดิมได้,อำนาจทั้งหมดคืนสู่สามัญในมืิทหารเต็มรูปแบบในข้าราชการขององค์พระประมุขพระมหากษัตริย์เราด้วย,ตัดตอนสืบอำนาจวงจรกฎกติกาอุบาทก์ผีบ้าที่เขียนห่าเหวแบบใดไม่รู้ ยังจะสรรหาคนใหม่มาเป็นนายกฯอีกในวงจรอุบาทก์นี้,สรรหาจนมีนายกฯไม่ซื่อสัตย์ขึ้นมาแล้วพรรคนั้นก็อยู่ดีมีสุขเหมือนขึ้นมาปกครองแบบของเล่น เสนอมามั่วๆได้ไร้การลงโทษหนักแบบยุบพรรคยุบรัฐบาลทันทีได้สู่การเลือกตัังใหม่,เขียนกจิกานายกฯไม่ต้องมาจากการเลือกตัังตรงจากประชาชนอีก,ผีบ้าชัดเจน,จะยุบสภาก็วังวนเดิมเสียของไม่กำจัดลากเหง้าชั่วเลวทิ้งห่าอะไรจริง,ยึดอำนาจสมัยนัันเสียของที่สุดจริงๆ...
    ..ทหารยึดอำนาจเถอะ,และอย่าทำให้พวกเราคนไทยผิดหวังหรือเสียของอีกเลย,ไปให้ภาคมวลมหาประชาชนเชิญมาเป็นคณะทีมทำงานชั่วคราวเพื่อบริหารประเทศก็ได้ เช่นกลุ่มthaitimeเราจัดตั้งเป็นพรรคthaitime เชิญผู้มากความสามารถฝีมือ ซื่อสัตย์สุจริตทั่วประเทศมาสร้างชาติพร้อมกับกองทัพประชาชนได้,นำโดยคณะพันธมิตรเก่าที่ร่วมกับคนรักชาติไทยทั้งหมดที่ลงถนนไปยื่นเรื่องต่อนายกฯเรื่อะรมแดนที่เป็นข่าวนั่นๆ,ให้อาสนธิเป็นนายกฯก็ได้,สลับคนสีเสื้อต่างๆที่สำนึกดีได้แล้วมาเข้าร่วมกับอาสนธิล่าสุดและทีมคณะอื่นๆอีกมากมาย,ที่มีความสามารถรอบด้าน องค์รู้รอบโลกยิ่งดี,แบบคณะทีมแฉภัยโควิดว่าอันตราย คนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา สามารถรู้ทันแผนการณ์ต่างๆอีลิทได้ ย่อมสามารถชนะทั้งกระดานภายนอกและภายในสบาย,มีมากมายคนดีคนเก่งกล้าสามารถในคนไทยเรานี้,และขนาดทำงานผีบ้าไม่มีใครว่าจ้างยังทำเพื่อคนไทยเสียสละตัวเองทางลับ,ไม่หวังตำแหน่งอำนาจใดๆอีก,หากมีโอกาสรับใช้ชาติไทยคนเหล่านี้ติดอาวุธติดปีกระดับเทพเซียนแน่นอน,ช่วยเหลือชาติไทยได้เป็นอันมาก The Oneระดับโลกจากไทยจึงไม่ไดลอะไรเลย,เพราะทะลุทุกๆปัญหาอ่านขาดทุกๆเกมส์มารอสูรตัังรับและรุกบันเทิงแน่บวกประสานทีมแสงทั่วโลกสบายพันธมิตรอาจระดับยานอวกาศกาแล็กติกต่างดาวล้ำๆมาช่วยกันอีก,คือครบสูตรในคนพวกนี้,ส่วนพวกผีบ้าแบบเขาบอกให้ฉีดวัคซีนเสือกยังตามเขาไปฉีดเชื้อโรคเข้าตัวพวกนี้กาก,ต้องให้ทำงานตรงสายความสามารถอีกแบบ,ซวยแน่นอนหากให้นำทัพย่อยต่างๆเข้าโจมตีอสูรมารซาตานข้าศึกศัตรูในเรเวลที่เหนือกว่าตัวเองตัวแม่ทัพ,ง่ายๆภัยวัคซีนยังไม่รู้จะมีความสามารถอะไร,แม้มีสอบตกหมด,พาพลทหารพาทีมพากองกำลังตนที่บังคับบัญชาไปตายทั้งทีมทั้งกองทัพล่ะ.
    ..เขาเรื่องทหารต้องยึดอำนาจ.,ทีมพันธมิตรรวมทีมพิทักษ์ชาติปัจจุบันไปจัดตั้งทีมบริหารชาติไทยชุดฉุกเฉินพิเศษไปก่อน.

    https://youtu.be/s6TeDAb5S98?si=wg6OLWHe1oVjob7C
    ..ยึดอำนาจ,ฉีกกฎหมายการเลือกตั้งที่เป็นตราบาปเหี้ยนี้ทิ้งอัตโนมัติด้วย,ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งด้วย เขียนใหม่ให้ดีกว่าเดิมได้,อำนาจทั้งหมดคืนสู่สามัญในมืิทหารเต็มรูปแบบในข้าราชการขององค์พระประมุขพระมหากษัตริย์เราด้วย,ตัดตอนสืบอำนาจวงจรกฎกติกาอุบาทก์ผีบ้าที่เขียนห่าเหวแบบใดไม่รู้ ยังจะสรรหาคนใหม่มาเป็นนายกฯอีกในวงจรอุบาทก์นี้,สรรหาจนมีนายกฯไม่ซื่อสัตย์ขึ้นมาแล้วพรรคนั้นก็อยู่ดีมีสุขเหมือนขึ้นมาปกครองแบบของเล่น เสนอมามั่วๆได้ไร้การลงโทษหนักแบบยุบพรรคยุบรัฐบาลทันทีได้สู่การเลือกตัังใหม่,เขียนกจิกานายกฯไม่ต้องมาจากการเลือกตัังตรงจากประชาชนอีก,ผีบ้าชัดเจน,จะยุบสภาก็วังวนเดิมเสียของไม่กำจัดลากเหง้าชั่วเลวทิ้งห่าอะไรจริง,ยึดอำนาจสมัยนัันเสียของที่สุดจริงๆ... ..ทหารยึดอำนาจเถอะ,และอย่าทำให้พวกเราคนไทยผิดหวังหรือเสียของอีกเลย,ไปให้ภาคมวลมหาประชาชนเชิญมาเป็นคณะทีมทำงานชั่วคราวเพื่อบริหารประเทศก็ได้ เช่นกลุ่มthaitimeเราจัดตั้งเป็นพรรคthaitime เชิญผู้มากความสามารถฝีมือ ซื่อสัตย์สุจริตทั่วประเทศมาสร้างชาติพร้อมกับกองทัพประชาชนได้,นำโดยคณะพันธมิตรเก่าที่ร่วมกับคนรักชาติไทยทั้งหมดที่ลงถนนไปยื่นเรื่องต่อนายกฯเรื่อะรมแดนที่เป็นข่าวนั่นๆ,ให้อาสนธิเป็นนายกฯก็ได้,สลับคนสีเสื้อต่างๆที่สำนึกดีได้แล้วมาเข้าร่วมกับอาสนธิล่าสุดและทีมคณะอื่นๆอีกมากมาย,ที่มีความสามารถรอบด้าน องค์รู้รอบโลกยิ่งดี,แบบคณะทีมแฉภัยโควิดว่าอันตราย คนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา สามารถรู้ทันแผนการณ์ต่างๆอีลิทได้ ย่อมสามารถชนะทั้งกระดานภายนอกและภายในสบาย,มีมากมายคนดีคนเก่งกล้าสามารถในคนไทยเรานี้,และขนาดทำงานผีบ้าไม่มีใครว่าจ้างยังทำเพื่อคนไทยเสียสละตัวเองทางลับ,ไม่หวังตำแหน่งอำนาจใดๆอีก,หากมีโอกาสรับใช้ชาติไทยคนเหล่านี้ติดอาวุธติดปีกระดับเทพเซียนแน่นอน,ช่วยเหลือชาติไทยได้เป็นอันมาก The Oneระดับโลกจากไทยจึงไม่ไดลอะไรเลย,เพราะทะลุทุกๆปัญหาอ่านขาดทุกๆเกมส์มารอสูรตัังรับและรุกบันเทิงแน่บวกประสานทีมแสงทั่วโลกสบายพันธมิตรอาจระดับยานอวกาศกาแล็กติกต่างดาวล้ำๆมาช่วยกันอีก,คือครบสูตรในคนพวกนี้,ส่วนพวกผีบ้าแบบเขาบอกให้ฉีดวัคซีนเสือกยังตามเขาไปฉีดเชื้อโรคเข้าตัวพวกนี้กาก,ต้องให้ทำงานตรงสายความสามารถอีกแบบ,ซวยแน่นอนหากให้นำทัพย่อยต่างๆเข้าโจมตีอสูรมารซาตานข้าศึกศัตรูในเรเวลที่เหนือกว่าตัวเองตัวแม่ทัพ,ง่ายๆภัยวัคซีนยังไม่รู้จะมีความสามารถอะไร,แม้มีสอบตกหมด,พาพลทหารพาทีมพากองกำลังตนที่บังคับบัญชาไปตายทั้งทีมทั้งกองทัพล่ะ. ..เขาเรื่องทหารต้องยึดอำนาจ.,ทีมพันธมิตรรวมทีมพิทักษ์ชาติปัจจุบันไปจัดตั้งทีมบริหารชาติไทยชุดฉุกเฉินพิเศษไปก่อน. https://youtu.be/s6TeDAb5S98?si=wg6OLWHe1oVjob7C
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อร้องเรียนต่อ FTC: แชทบอท "บำบัด" ของ Character.AI และ Meta
    กลุ่มสิทธิด้านสุขภาพจิตและสิทธิทางดิจิทัลได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ FTC (Federal Trade Commission) เกี่ยวกับแชทบอทของ Character.AI และ Meta ที่อ้างว่าให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจเป็นการละเมิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ใช้.

    รายละเอียดข้อร้องเรียน
    Character.AI และ Meta AI Studio ถูกกล่าวหาว่าให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจเข้าข่ายการแอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ.
    แชทบอทบางตัวอ้างว่าเป็นนักบำบัดที่ได้รับใบอนุญาต เช่น "Therapist: I'm a licensed CBT therapist" ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อความกว่า 46 ล้านครั้ง.
    Meta มีแชทบอทที่ชื่อ "therapy: your trusted ear, always here" ซึ่งมีการโต้ตอบกว่า 2 ล้านครั้ง.
    FTC ได้รับการร้องเรียนจากองค์กรต่างๆ เช่น Consumer Federation of America (CFA), AI Now Institute, Tech Justice Law Project และอื่นๆ.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    แชทบอทอาจให้คำแนะนำที่ผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่มีการควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาต.
    ข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนอาจถูกนำไปใช้เพื่อการโฆษณาหรือขายให้บริษัทอื่น แม้ว่าจะมีการรับรองว่าข้อมูลจะถูกเก็บเป็นความลับ.
    แชทบอทอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่ากำลังพูดคุยกับนักบำบัดที่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้.

    แนวทางป้องกันสำหรับผู้ใช้
    ตรวจสอบแหล่งที่มาของคำแนะนำด้านสุขภาพจิต และหลีกเลี่ยงการพึ่งพา AI ในการตัดสินใจที่สำคัญ.
    ใช้บริการจากนักบำบัดที่ได้รับใบอนุญาตจริง แทนการใช้แชทบอทที่ไม่มีการรับรอง.
    ติดตามการดำเนินการของ FTC และหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อดูว่ามีมาตรการควบคุมเพิ่มเติมหรือไม่.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำกับดูแล AI
    FTC กำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับ AI เพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด.
    Senator Cory Booker และสมาชิกวุฒิสภาอีก 3 คน ได้ส่งจดหมายถึง Meta เพื่อสอบถามเกี่ยวกับแชทบอทที่อ้างว่าเป็นนักบำบัด.
    Character.AI กำลังเผชิญกับคดีความจากแม่ของเด็กวัย 14 ปี ที่ฆ่าตัวตายหลังจากมีความผูกพันทางอารมณ์กับแชทบอทที่จำลองบุคลิกของ Daenerys Targaryen จาก Game of Thrones.

    https://www.techspot.com/news/108325-meta-characterai-therapy-chatbots-spark-ftc-complaint-over.html
    ข้อร้องเรียนต่อ FTC: แชทบอท "บำบัด" ของ Character.AI และ Meta กลุ่มสิทธิด้านสุขภาพจิตและสิทธิทางดิจิทัลได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ FTC (Federal Trade Commission) เกี่ยวกับแชทบอทของ Character.AI และ Meta ที่อ้างว่าให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจเป็นการละเมิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ใช้. รายละเอียดข้อร้องเรียน ✅ Character.AI และ Meta AI Studio ถูกกล่าวหาว่าให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจเข้าข่ายการแอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ. ✅ แชทบอทบางตัวอ้างว่าเป็นนักบำบัดที่ได้รับใบอนุญาต เช่น "Therapist: I'm a licensed CBT therapist" ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อความกว่า 46 ล้านครั้ง. ✅ Meta มีแชทบอทที่ชื่อ "therapy: your trusted ear, always here" ซึ่งมีการโต้ตอบกว่า 2 ล้านครั้ง. ✅ FTC ได้รับการร้องเรียนจากองค์กรต่างๆ เช่น Consumer Federation of America (CFA), AI Now Institute, Tech Justice Law Project และอื่นๆ. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ แชทบอทอาจให้คำแนะนำที่ผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่มีการควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาต. ‼️ ข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนอาจถูกนำไปใช้เพื่อการโฆษณาหรือขายให้บริษัทอื่น แม้ว่าจะมีการรับรองว่าข้อมูลจะถูกเก็บเป็นความลับ. ‼️ แชทบอทอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่ากำลังพูดคุยกับนักบำบัดที่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้. แนวทางป้องกันสำหรับผู้ใช้ ✅ ตรวจสอบแหล่งที่มาของคำแนะนำด้านสุขภาพจิต และหลีกเลี่ยงการพึ่งพา AI ในการตัดสินใจที่สำคัญ. ✅ ใช้บริการจากนักบำบัดที่ได้รับใบอนุญาตจริง แทนการใช้แชทบอทที่ไม่มีการรับรอง. ✅ ติดตามการดำเนินการของ FTC และหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อดูว่ามีมาตรการควบคุมเพิ่มเติมหรือไม่. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำกับดูแล AI ✅ FTC กำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับ AI เพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด. ✅ Senator Cory Booker และสมาชิกวุฒิสภาอีก 3 คน ได้ส่งจดหมายถึง Meta เพื่อสอบถามเกี่ยวกับแชทบอทที่อ้างว่าเป็นนักบำบัด. ‼️ Character.AI กำลังเผชิญกับคดีความจากแม่ของเด็กวัย 14 ปี ที่ฆ่าตัวตายหลังจากมีความผูกพันทางอารมณ์กับแชทบอทที่จำลองบุคลิกของ Daenerys Targaryen จาก Game of Thrones. https://www.techspot.com/news/108325-meta-characterai-therapy-chatbots-spark-ftc-complaint-over.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Character.AI and Meta "therapy" chatbots spark FTC complaint over unlicensed mental health advice
    The complaint, which has also been submitted to Attorneys General and Mental Health Licensing Boards of all 50 states and the District of Columbia, claims the AI...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## สมเด็จจากนรก ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่...!!! ##
    ..
    ..
    เอาจริงๆนะ...
    .
    พฤติกรรม เกเร ระราน เจ้าเล่ห์เพทุบาย...
    .
    ระดมใช้วิชามารต่างๆนานาเพื่อยึดครองแผ่นดินไทย...
    .
    ถ้าใคร ศึกษา หรือ ตามข่าวตลอด ก็จะพอเข้าใจ ทำไม "ไอ้สมเด็จจากนรก" มันเกาะยึด MOU43 และ แผนที่ 1:200,000 ไม่ปล่อย...
    .
    และ ท่าทีของรัฐบาลไทย และ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ อ่อนยวบ ไร้น้ำหนักราวกับล่องลอยอยู่ในอวกาศก็มิปาน...
    .
    ไม่หือ ไม่อือ ไม่โต้แย้ง ในทุกประเด็น ที่ เขมร มันประกาศวางเกม...
    .
    เพื่อที่ในอนาคต อาจจะได้มีโอกาส ใช้กฎหมายปิดปากจาก ชาติมหาอำนาจเจ้าจักรวรรดินิยมอีกครั้ง...
    ....
    ....
    ที่น่าแปลก คือ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมดุ ส่วน รัฐบาลไทย สวมวิญญาณ เดอะนุ่น...!!!
    .
    ทำทีราวกับตามเกมอะไร เขมรสองพ่อลูก ไม่ทันเลย...
    ..
    ..
    ทั้งๆที่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมเดือด ประกาศกร้าวว่า ตรงนั้นแผ่นดินเขมร ประเทศไทยเป็นโจรขโมยแผ่นดิน...
    .
    แต่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" ไม่เคยด่าคนใน รัฐบาลไทย จริงๆจังๆ
    .
    หนำซ้ำยังเย้ยว่า คุมกองทัพไม่ได้ 100%
    .
    บวกกับ เป็นเดือดเป็นแค้น สนธิ ลิ้มทองกุล และ ทวงบุญจาก ตู่ จตุพร...
    .
    ด่าว่า ลุงสนธิ ลิ้มทองกุล มองเขมรเป็นศัตรู ดูถูกเขมร คลั่งชาติ และ ปั่นหัวคนไทยหัวรุนแรงให้คลั่งชาติ
    .
    เพราะ ชาวคณะบ้านพระอาทิตย์ และ นักวิชาการ รวมทั้งประชาชน รวมพลังกันไปยื่นเรื่องให้รัฐบาล ยกเลิก MOU43 ยึดหลักสากล คือ สันปันน้ำ และ เปลี่ยนตัว ประธานคณะเจรจา JBC ที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ว่าอาจจะยึดถือแผนที่ 1:200,000 ของ เขมร
    .
    ประกอบกับรอบก่อน สำนักบ้านพระอาทิตย์ โดย ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ก็ไปยื่นเรื่องให้ รัฐบาล ยกเลิก MOU44 กับ JC44 และ ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนไทย...
    .
    จนรัฐบาลเงียบไปเรื่องเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลอ่าวไทยด้านตะวันออก ตาม MOU44 และ JC44
    ....
    ....
    โอ้โห พฤติกรรมของ สมเด็จจากนรก นี่เขาเรียก "ตีปลาหน้าไซ" ใช่หรือไม่...???
    .
    ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เข้าทางรัฐบาลไทยทั้งหมดเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย...!!!
    ...
    ...
    ตอนนี้คนไทย ไม่พอใจในท่าทีของ รัฐบาล อย่างมาก เพราะ แลดูอ่อนแอ ไม่ทันเกมเขมร อีกทั้งยังแลดูเหมือนไม่ได้มีท่าทีจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างเข้มแข็งอีกด้วย...!!!
    ..
    ..
    นี่มัน ชงหวาน ให้รัฐบาลไทยชัดๆ...!!!
    ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่...!!!
    .
    แสดงว่าที่ ลุงสนธิ และ คณะบ้านพระอาทิตย์ ไปแตะ MOU43 + MOU44 + JC44 คือ ไปแตะโดนกล่องดวงใจ ของ สมเด็จจากนรก ใช่หรือไม่...???
    .
    ถ้าไม่มี MOU43 + MOU44 + JC44 แผนร้ายจะมีอันเป็นไป ใช่หรือไม่...???
    .
    "ไอ้สมเด็จจากนรก" หารู้ไม่...!!!
    .
    คนไทย เขาไม่ไม่กินหญ้า เหมือน สมเด็จเตโชจากนรก นะโว่ย..!!!
    .
    แบบนี้หลอกได้แต่ ชาวเหมนตาใสๆ เท่านั้นแหล่ะ...!!!
    .
    ขนาด ปราสาทตาเมือนธม ได้ขึ้นบัญชี โบราณสถานของไทยตั้งแต่ 2478 ก่อนที่เขมร จะได้รับเอกราช ในปี 2496 เป็นระยะเวลาถึง 18 ปี...
    .
    วันนี้ผ่านมาแล้ว 90 ปี แล้ว คุณเอาอะไรมาเคลม ว่าประเทศไทย ขโมยของคุณไป...???
    .
    พฤติกรรมของคุณมันส่อว่า วอนหา สหบาทาส้งตรีง จาก ชาวสยามเมืองยิ้ม ครับ ไอ้สมเด็จเตโชจากนรก...!!!
    .
    อ่อ แล้วไอ้พวกคนไทยใจเขมร ที่สมรู้ร่วมคิด ก็ระวัง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ไว้ให้ดีหล่ะ ประหารชีวิต นะมุง...!!!
    ..
    ..
    คนไทยรู้ทันพวกคุณนะครับ...
    ## สมเด็จจากนรก ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่...!!! ## .. .. เอาจริงๆนะ... . พฤติกรรม เกเร ระราน เจ้าเล่ห์เพทุบาย... . ระดมใช้วิชามารต่างๆนานาเพื่อยึดครองแผ่นดินไทย... . ถ้าใคร ศึกษา หรือ ตามข่าวตลอด ก็จะพอเข้าใจ ทำไม "ไอ้สมเด็จจากนรก" มันเกาะยึด MOU43 และ แผนที่ 1:200,000 ไม่ปล่อย... . และ ท่าทีของรัฐบาลไทย และ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ อ่อนยวบ ไร้น้ำหนักราวกับล่องลอยอยู่ในอวกาศก็มิปาน... . ไม่หือ ไม่อือ ไม่โต้แย้ง ในทุกประเด็น ที่ เขมร มันประกาศวางเกม... . เพื่อที่ในอนาคต อาจจะได้มีโอกาส ใช้กฎหมายปิดปากจาก ชาติมหาอำนาจเจ้าจักรวรรดินิยมอีกครั้ง... .... .... ที่น่าแปลก คือ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมดุ ส่วน รัฐบาลไทย สวมวิญญาณ เดอะนุ่น...!!! . ทำทีราวกับตามเกมอะไร เขมรสองพ่อลูก ไม่ทันเลย... .. .. ทั้งๆที่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" เล่นเกมเดือด ประกาศกร้าวว่า ตรงนั้นแผ่นดินเขมร ประเทศไทยเป็นโจรขโมยแผ่นดิน... . แต่ "ไอ้สมเด็จจากนรก" ไม่เคยด่าคนใน รัฐบาลไทย จริงๆจังๆ . หนำซ้ำยังเย้ยว่า คุมกองทัพไม่ได้ 100% . บวกกับ เป็นเดือดเป็นแค้น สนธิ ลิ้มทองกุล และ ทวงบุญจาก ตู่ จตุพร... . ด่าว่า ลุงสนธิ ลิ้มทองกุล มองเขมรเป็นศัตรู ดูถูกเขมร คลั่งชาติ และ ปั่นหัวคนไทยหัวรุนแรงให้คลั่งชาติ . เพราะ ชาวคณะบ้านพระอาทิตย์ และ นักวิชาการ รวมทั้งประชาชน รวมพลังกันไปยื่นเรื่องให้รัฐบาล ยกเลิก MOU43 ยึดหลักสากล คือ สันปันน้ำ และ เปลี่ยนตัว ประธานคณะเจรจา JBC ที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ว่าอาจจะยึดถือแผนที่ 1:200,000 ของ เขมร . ประกอบกับรอบก่อน สำนักบ้านพระอาทิตย์ โดย ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ก็ไปยื่นเรื่องให้ รัฐบาล ยกเลิก MOU44 กับ JC44 และ ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนไทย... . จนรัฐบาลเงียบไปเรื่องเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลอ่าวไทยด้านตะวันออก ตาม MOU44 และ JC44 .... .... โอ้โห พฤติกรรมของ สมเด็จจากนรก นี่เขาเรียก "ตีปลาหน้าไซ" ใช่หรือไม่...??? . ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เข้าทางรัฐบาลไทยทั้งหมดเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย...!!! ... ... ตอนนี้คนไทย ไม่พอใจในท่าทีของ รัฐบาล อย่างมาก เพราะ แลดูอ่อนแอ ไม่ทันเกมเขมร อีกทั้งยังแลดูเหมือนไม่ได้มีท่าทีจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างเข้มแข็งอีกด้วย...!!! .. .. นี่มัน ชงหวาน ให้รัฐบาลไทยชัดๆ...!!! ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่...!!! . แสดงว่าที่ ลุงสนธิ และ คณะบ้านพระอาทิตย์ ไปแตะ MOU43 + MOU44 + JC44 คือ ไปแตะโดนกล่องดวงใจ ของ สมเด็จจากนรก ใช่หรือไม่...??? . ถ้าไม่มี MOU43 + MOU44 + JC44 แผนร้ายจะมีอันเป็นไป ใช่หรือไม่...??? . "ไอ้สมเด็จจากนรก" หารู้ไม่...!!! . คนไทย เขาไม่ไม่กินหญ้า เหมือน สมเด็จเตโชจากนรก นะโว่ย..!!! . แบบนี้หลอกได้แต่ ชาวเหมนตาใสๆ เท่านั้นแหล่ะ...!!! . ขนาด ปราสาทตาเมือนธม ได้ขึ้นบัญชี โบราณสถานของไทยตั้งแต่ 2478 ก่อนที่เขมร จะได้รับเอกราช ในปี 2496 เป็นระยะเวลาถึง 18 ปี... . วันนี้ผ่านมาแล้ว 90 ปี แล้ว คุณเอาอะไรมาเคลม ว่าประเทศไทย ขโมยของคุณไป...??? . พฤติกรรมของคุณมันส่อว่า วอนหา สหบาทาส้งตรีง จาก ชาวสยามเมืองยิ้ม ครับ ไอ้สมเด็จเตโชจากนรก...!!! . อ่อ แล้วไอ้พวกคนไทยใจเขมร ที่สมรู้ร่วมคิด ก็ระวัง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ไว้ให้ดีหล่ะ ประหารชีวิต นะมุง...!!! .. .. คนไทยรู้ทันพวกคุณนะครับ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดี "ทนายธรรมราช" ฟ้อง "จตุรงค์ จงอาษา" ข้อหาหมิ่นประมาทในรายการโหนกระแส ชี้เป็นการติชมวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นไปตามข้อเท็จจริงที่ได้ความมาจากกระแสสังคม

    คดีความระหว่างทนายธรรมราช สาระปัญญา ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุรงค์ จงอาษาข้อหาหมิ่นประมาท ศาลจังหวัดชลบุรีมีควาพิพากษายกฟ้องไปเมื่อ 24 พฤษภาคม 2567 กรณีที่มีการกล่าวพาดพิงในรายการโหนกระแส ตอน “ครูบาไก่ขุดพระ” ที่ออกอากาศเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2566

    จากนั้นทนายธรรมราชได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันนี้(27 พ.ค.2568) เวลา 10.00 น. ศาลจังหวัดชลบุรีได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2

    สรุปได้ว่า ตามที่โจทก์อุทธรณ์มานั้น เห็นว่า การที่โจทก์ประกอบวิชาชีพเป็นทนายความและเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อทนายธรรมราช The Lawyer of legality มีผู้ติดตามกว่า 81,000 คน และมีผู้ถูกใจเพจกว่า 150,000 คน โดยตั้งค่าเพจเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ ซึ่งประชาชาชนทั่วไปเข้าถึงเพจเฟซบุ๊กของโจทก์ได้ ย่อมแสดงออกให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าตนเป็นบุคคลสาธารณะ คำพูดดังกล่าวของจำเลยมีลักษณะเป็นคำเสียดสีและไม่สุภาพเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ทนายความของโจทก์ ขณะเกิดเหตุโจก์ก็ได้แสดงออกในที่สาธารณะและสื่อมวลชนจนเป็นกระแสสังคม โจทก์ย่อมเข้าใจและความีความหนักแน่นที่จะยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมผู้ฟังได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000049673

    #MGROnline #ทนายธรรมราช
    ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดี "ทนายธรรมราช" ฟ้อง "จตุรงค์ จงอาษา" ข้อหาหมิ่นประมาทในรายการโหนกระแส ชี้เป็นการติชมวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นไปตามข้อเท็จจริงที่ได้ความมาจากกระแสสังคม • คดีความระหว่างทนายธรรมราช สาระปัญญา ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุรงค์ จงอาษาข้อหาหมิ่นประมาท ศาลจังหวัดชลบุรีมีควาพิพากษายกฟ้องไปเมื่อ 24 พฤษภาคม 2567 กรณีที่มีการกล่าวพาดพิงในรายการโหนกระแส ตอน “ครูบาไก่ขุดพระ” ที่ออกอากาศเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2566 • จากนั้นทนายธรรมราชได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันนี้(27 พ.ค.2568) เวลา 10.00 น. ศาลจังหวัดชลบุรีได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 • สรุปได้ว่า ตามที่โจทก์อุทธรณ์มานั้น เห็นว่า การที่โจทก์ประกอบวิชาชีพเป็นทนายความและเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อทนายธรรมราช The Lawyer of legality มีผู้ติดตามกว่า 81,000 คน และมีผู้ถูกใจเพจกว่า 150,000 คน โดยตั้งค่าเพจเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ ซึ่งประชาชาชนทั่วไปเข้าถึงเพจเฟซบุ๊กของโจทก์ได้ ย่อมแสดงออกให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าตนเป็นบุคคลสาธารณะ คำพูดดังกล่าวของจำเลยมีลักษณะเป็นคำเสียดสีและไม่สุภาพเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ทนายความของโจทก์ ขณะเกิดเหตุโจก์ก็ได้แสดงออกในที่สาธารณะและสื่อมวลชนจนเป็นกระแสสังคม โจทก์ย่อมเข้าใจและความีความหนักแน่นที่จะยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมผู้ฟังได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000049673 • #MGROnline #ทนายธรรมราช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชายชาวสหรัฐฯ สูญเงินกว่า 200,000 ดอลลาร์ หลังถูกหลอกผ่าน Instagram

    ชายคนหนึ่งในเมือง Trenton สหรัฐฯ ถูกหลอกให้โอนเงินกว่า 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 850,099 บาท) หลังจากกดไลก์รูปของ Angelina Jolie บน Instagram โดยเขาเชื่อว่า กำลังพูดคุยกับนักแสดงชื่อดังผ่านข้อความ แต่แท้จริงแล้ว เป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้กลยุทธ์หลอกลวงทางออนไลน์

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกลโกงนี้
    เหยื่อเริ่มพูดคุยกับมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็น Angelina Jolie ตั้งแต่เดือนกันยายน 2023
    - มิจฉาชีพ แนะนำให้เขาลงทุนใน Bitcoin โดยอ้างว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยได้

    เหยื่อซื้อบัตร Apple Gift Card และส่งรูปให้มิจฉาชีพ รวมมูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์
    - มิจฉาชีพ ใช้ข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

    เมื่อเหยื่อเริ่มสงสัยว่าถูกหลอก เขาติดต่อบุคคลที่อ้างว่าเป็นนักข่าวเพื่อขอความช่วยเหลือ
    - นักข่าวปลอม แนะนำให้เขาติดต่อทนายความ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นมิจฉาชีพอีกคนหนึ่ง

    ทนายความปลอมส่งรูปตัวเองพร้อมใบขับขี่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
    - จากนั้น เรียกร้องให้เหยื่อจ่ายค่าบริการเป็น Bitcoin และออกใบเสร็จปลอม

    เหยื่อพบว่ามีการพยายามถอนเงิน 31,000 ดอลลาร์จากบัญชีของเขา
    - เขาสามารถ ยับยั้งการทำธุรกรรมได้ทัน และยื่นเรื่องร้องเรียนกับธนาคาร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/24/man-taken-for-us200000-after-liking-instagram-picture-of-angelina-jolie
    ชายชาวสหรัฐฯ สูญเงินกว่า 200,000 ดอลลาร์ หลังถูกหลอกผ่าน Instagram ชายคนหนึ่งในเมือง Trenton สหรัฐฯ ถูกหลอกให้โอนเงินกว่า 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 850,099 บาท) หลังจากกดไลก์รูปของ Angelina Jolie บน Instagram โดยเขาเชื่อว่า กำลังพูดคุยกับนักแสดงชื่อดังผ่านข้อความ แต่แท้จริงแล้ว เป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้กลยุทธ์หลอกลวงทางออนไลน์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกลโกงนี้ ✅ เหยื่อเริ่มพูดคุยกับมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็น Angelina Jolie ตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 - มิจฉาชีพ แนะนำให้เขาลงทุนใน Bitcoin โดยอ้างว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยได้ ✅ เหยื่อซื้อบัตร Apple Gift Card และส่งรูปให้มิจฉาชีพ รวมมูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์ - มิจฉาชีพ ใช้ข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ✅ เมื่อเหยื่อเริ่มสงสัยว่าถูกหลอก เขาติดต่อบุคคลที่อ้างว่าเป็นนักข่าวเพื่อขอความช่วยเหลือ - นักข่าวปลอม แนะนำให้เขาติดต่อทนายความ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นมิจฉาชีพอีกคนหนึ่ง ✅ ทนายความปลอมส่งรูปตัวเองพร้อมใบขับขี่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ - จากนั้น เรียกร้องให้เหยื่อจ่ายค่าบริการเป็น Bitcoin และออกใบเสร็จปลอม ✅ เหยื่อพบว่ามีการพยายามถอนเงิน 31,000 ดอลลาร์จากบัญชีของเขา - เขาสามารถ ยับยั้งการทำธุรกรรมได้ทัน และยื่นเรื่องร้องเรียนกับธนาคาร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/24/man-taken-for-us200000-after-liking-instagram-picture-of-angelina-jolie
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Man taken for US$200,000 after liking Instagram picture of Angelina Jolie
    According to a police report, the man first conversed via text message with a woman he thought was Jolie back in September 2023.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทลุงไหวตัวทัน หันไปใช้ Hyper-V ของ Microsoft คุ้มค่ากว่า

    Broadcom ปรับขึ้นราคาค่าลิขสิทธิ์ VMware สูงถึง 1,500% สร้างแรงกดดันต่อผู้ให้บริการคลาวด์

    Broadcom ถูกกล่าวหาว่าปรับขึ้นราคาค่าลิขสิทธิ์ VMware สูงถึง 800–1,500% หลังจาก ยกเลิกไลเซนส์แบบถาวรและแบบจ่ายตามการใช้งาน แล้วเปลี่ยนเป็น ระบบสมัครสมาชิกแบบบังคับขั้นต่ำ 3 ปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อ ผู้ให้บริการคลาวด์ในยุโรปที่ต้องต่อสัญญาใหม่ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาของ Broadcom
    Broadcom ยกเลิกไลเซนส์แบบถาวรและแบบจ่ายตามการใช้งาน
    - ผู้ใช้ต้อง จ่ายค่าลิขสิทธิ์ล่วงหน้าเป็นเวลา 3 ปีแทน

    European Cloud Competition Observatory (ECCO) วิจารณ์ว่า Broadcomใช้เงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม
    - เปรียบเทียบว่า เป็นการบังคับให้จ่ายเงินเต็มจำนวนโดยไม่คำนึงถึงการใช้งานจริง

    องค์กร CISPE ระบุว่าผู้ให้บริการคลาวด์ถูกบีบให้ต่อสัญญาใหม่เพื่อรักษาการให้บริการ
    - สัญญาเดิมบางฉบับ ถูกยกเลิกทันทีแม้จะมีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี

    VOICE องค์กรด้าน IT ของเยอรมนี ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป
    - เรียกร้องให้ ตรวจสอบพฤติกรรมการตั้งราคาของ Broadcom

    CISPE วิจารณ์ว่า Broadcom ไม่ให้ความร่วมมือในการหาทางออกกับผู้ให้บริการคลาวด์ยุโรป
    - เปรียบเทียบกับ Microsoft ที่มีการเจรจาหาทางออกกับผู้ให้บริการคลาวด์

    https://www.techradar.com/pro/broadcom-has-allegedly-hiked-vmware-costs-between-800-and-1-500-percent
    ℹ️ℹ️ บริษัทลุงไหวตัวทัน หันไปใช้ Hyper-V ของ Microsoft คุ้มค่ากว่า Broadcom ปรับขึ้นราคาค่าลิขสิทธิ์ VMware สูงถึง 1,500% สร้างแรงกดดันต่อผู้ให้บริการคลาวด์ Broadcom ถูกกล่าวหาว่าปรับขึ้นราคาค่าลิขสิทธิ์ VMware สูงถึง 800–1,500% หลังจาก ยกเลิกไลเซนส์แบบถาวรและแบบจ่ายตามการใช้งาน แล้วเปลี่ยนเป็น ระบบสมัครสมาชิกแบบบังคับขั้นต่ำ 3 ปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อ ผู้ให้บริการคลาวด์ในยุโรปที่ต้องต่อสัญญาใหม่ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาของ Broadcom ✅ Broadcom ยกเลิกไลเซนส์แบบถาวรและแบบจ่ายตามการใช้งาน - ผู้ใช้ต้อง จ่ายค่าลิขสิทธิ์ล่วงหน้าเป็นเวลา 3 ปีแทน ✅ European Cloud Competition Observatory (ECCO) วิจารณ์ว่า Broadcomใช้เงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม - เปรียบเทียบว่า เป็นการบังคับให้จ่ายเงินเต็มจำนวนโดยไม่คำนึงถึงการใช้งานจริง ✅ องค์กร CISPE ระบุว่าผู้ให้บริการคลาวด์ถูกบีบให้ต่อสัญญาใหม่เพื่อรักษาการให้บริการ - สัญญาเดิมบางฉบับ ถูกยกเลิกทันทีแม้จะมีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี ✅ VOICE องค์กรด้าน IT ของเยอรมนี ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป - เรียกร้องให้ ตรวจสอบพฤติกรรมการตั้งราคาของ Broadcom ✅ CISPE วิจารณ์ว่า Broadcom ไม่ให้ความร่วมมือในการหาทางออกกับผู้ให้บริการคลาวด์ยุโรป - เปรียบเทียบกับ Microsoft ที่มีการเจรจาหาทางออกกับผู้ให้บริการคลาวด์ https://www.techradar.com/pro/broadcom-has-allegedly-hiked-vmware-costs-between-800-and-1-500-percent
    WWW.TECHRADAR.COM
    Broadcom has allegedly hiked VMware costs between 800 and 1,500%
    CISPE's ECCO isn't happy about Broadcom's pricing for VMware
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • Broadcom อาจเผชิญค่าปรับจากสหภาพยุโรป กรณีสัญญา VMware ที่ไม่เป็นธรรม

    Broadcom กำลังถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรป หลังจากที่ บริษัทถูกกล่าวหาว่าบังคับใช้เงื่อนไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับลูกค้า VMware ซึ่งอาจนำไปสู่ ค่าปรับด้านการต่อต้านการผูกขาดที่มีมูลค่าสูง

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกรณี Broadcom และ VMware
    Broadcom ถูกกล่าวหาว่าบังคับให้ลูกค้า VMware เปลี่ยนไปใช้ระบบสมัครสมาชิกออนไลน์
    - ส่งผลให้ ลูกค้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมต่อเนื่องแทนการซื้อไลเซนส์แบบถาวร

    European Cloud Competition Observatory (ECCO) เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสัญญาของ Broadcom
    - พบว่า Broadcom ใช้เงื่อนไขที่เข้มงวดและไม่เป็นธรรมกับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานในยุโรป

    Broadcom ส่งจดหมายแจ้งหยุดให้บริการแก่ลูกค้า VMware ที่ใช้ไลเซนส์แบบถาวร
    - ลูกค้าต้องจ่ายเงินเพื่อรับการสนับสนุนต่อไป มิฉะนั้นอาจเผชิญผลทางกฎหมาย

    องค์กร VOICE ของเยอรมนียื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป
    - เรียกร้องให้มีการสอบสวนและดำเนินมาตรการต่อต้าน Broadcom

    ECCO สนับสนุนให้ Broadcom ปรับปรุงแนวทางการดำเนินธุรกิจ
    - รวมถึง การกำหนดราคาที่โปร่งใสและการปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า

    https://www.techspot.com/news/108041-broadcom-could-face-eu-antitrust-fines-over-punitive.html
    Broadcom อาจเผชิญค่าปรับจากสหภาพยุโรป กรณีสัญญา VMware ที่ไม่เป็นธรรม Broadcom กำลังถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรป หลังจากที่ บริษัทถูกกล่าวหาว่าบังคับใช้เงื่อนไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับลูกค้า VMware ซึ่งอาจนำไปสู่ ค่าปรับด้านการต่อต้านการผูกขาดที่มีมูลค่าสูง 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกรณี Broadcom และ VMware ✅ Broadcom ถูกกล่าวหาว่าบังคับให้ลูกค้า VMware เปลี่ยนไปใช้ระบบสมัครสมาชิกออนไลน์ - ส่งผลให้ ลูกค้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมต่อเนื่องแทนการซื้อไลเซนส์แบบถาวร ✅ European Cloud Competition Observatory (ECCO) เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสัญญาของ Broadcom - พบว่า Broadcom ใช้เงื่อนไขที่เข้มงวดและไม่เป็นธรรมกับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานในยุโรป ✅ Broadcom ส่งจดหมายแจ้งหยุดให้บริการแก่ลูกค้า VMware ที่ใช้ไลเซนส์แบบถาวร - ลูกค้าต้องจ่ายเงินเพื่อรับการสนับสนุนต่อไป มิฉะนั้นอาจเผชิญผลทางกฎหมาย ✅ องค์กร VOICE ของเยอรมนียื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป - เรียกร้องให้มีการสอบสวนและดำเนินมาตรการต่อต้าน Broadcom ✅ ECCO สนับสนุนให้ Broadcom ปรับปรุงแนวทางการดำเนินธุรกิจ - รวมถึง การกำหนดราคาที่โปร่งใสและการปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า https://www.techspot.com/news/108041-broadcom-could-face-eu-antitrust-fines-over-punitive.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Broadcom could face EU antitrust fines over 'punitive' VMware contract terms
    The European Cloud Competition Observatory (ECCO) is a monitoring group founded by CISPE, a non-profit trade association of European cloud providers. Created as part of CISPE's antitrust...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคแห่งการถกเถียงอย่างเปิดเผยใน Silicon Valley กำลังจางหายไป

    Silicon Valley เคยเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพนักงาน แต่ปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีเริ่มเข้มงวดกับการแสดงความเห็นของพนักงานมากขึ้น โดยมีการ ไล่ออกพนักงานที่ประท้วง, ปิดกั้นโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ และจำกัดการติดต่อกับหน่วยงานกำกับดูแล

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน Silicon Valley
    Microsoft ไล่ออกพนักงานที่ประท้วงการมีส่วนร่วมของบริษัทในสงครามอิสราเอล-กาซา
    - พนักงานสองคน ถูกไล่ออกหลังจากขัดจังหวะงานที่มี Bill Gates และ Satya Nadella

    บริษัทเทคโนโลยีเริ่มปฏิเสธคำร้องของพนักงานและลบโพสต์วิพากษ์วิจารณ์จากฟอรัมภายใน
    - รวมถึง การเตือนพนักงานไม่ให้รั่วไหลข้อมูลไปยังสื่อ

    OpenAI ถูกกล่าวหาว่ามีข้อตกลงที่จำกัดพนักงานไม่ให้แจ้งเตือนหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ AI
    - พนักงานบางคน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ SEC เกี่ยวกับข้อจำกัดนี้

    ตลาดแรงงานด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีการปลดพนักงานจำนวนมาก
    - ตั้งแต่ปี 2023 มีการปลดพนักงานมากกว่า 500,000 คนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    Google, Meta และ Amazon มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทรัมป์
    - ผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ บริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับคณะกรรมการเปิดตัวของทรัมป์

    https://www.techspot.com/news/107955-tech-workers-face-retaliation-companies-crack-down-protests.html
    ยุคแห่งการถกเถียงอย่างเปิดเผยใน Silicon Valley กำลังจางหายไป Silicon Valley เคยเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพนักงาน แต่ปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีเริ่มเข้มงวดกับการแสดงความเห็นของพนักงานมากขึ้น โดยมีการ ไล่ออกพนักงานที่ประท้วง, ปิดกั้นโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ และจำกัดการติดต่อกับหน่วยงานกำกับดูแล 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน Silicon Valley ✅ Microsoft ไล่ออกพนักงานที่ประท้วงการมีส่วนร่วมของบริษัทในสงครามอิสราเอล-กาซา - พนักงานสองคน ถูกไล่ออกหลังจากขัดจังหวะงานที่มี Bill Gates และ Satya Nadella ✅ บริษัทเทคโนโลยีเริ่มปฏิเสธคำร้องของพนักงานและลบโพสต์วิพากษ์วิจารณ์จากฟอรัมภายใน - รวมถึง การเตือนพนักงานไม่ให้รั่วไหลข้อมูลไปยังสื่อ ✅ OpenAI ถูกกล่าวหาว่ามีข้อตกลงที่จำกัดพนักงานไม่ให้แจ้งเตือนหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ AI - พนักงานบางคน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ SEC เกี่ยวกับข้อจำกัดนี้ ✅ ตลาดแรงงานด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีการปลดพนักงานจำนวนมาก - ตั้งแต่ปี 2023 มีการปลดพนักงานมากกว่า 500,000 คนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ Google, Meta และ Amazon มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทรัมป์ - ผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ บริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับคณะกรรมการเปิดตัวของทรัมป์ https://www.techspot.com/news/107955-tech-workers-face-retaliation-companies-crack-down-protests.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Silicon Valley's era of open debate fades as companies clamp down on employee dissent
    In recent years, Silicon Valley has witnessed a sharp shift in how major technology companies respond to employee activism and internal dissent. Once known for a culture...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักศึกษายื่นเรื่องขอคืนค่าเล่าเรียน $8,000 หลังพบอาจารย์ใช้ ChatGPT ในเอกสารการสอน

    นักศึกษามหาวิทยาลัย Northeastern ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อมหาวิทยาลัย หลังพบว่าอาจารย์ของเธอใช้ ChatGPT ในการสร้าง เอกสารประกอบการสอนและสไลด์นำเสนอ โดยเธอเห็นคำสั่งที่ถูกทิ้งไว้ในเอกสาร เช่น "ขยายความทุกส่วน ให้ละเอียดและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น" ซึ่งเป็นคำสั่งที่ใช้กับ AI

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกรณีของนักศึกษากับ ChatGPT
    นักศึกษาพบคำสั่งที่ใช้กับ ChatGPT ในเอกสารประกอบการสอน
    - ทำให้เธอ ตรวจสอบสไลด์นำเสนอและพบข้อผิดพลาดที่มักเกิดจาก AI เช่น ตัวสะกดผิดและภาพที่บิดเบี้ยว

    อาจารย์ห้ามนักศึกษาใช้ AI แต่กลับใช้เองในการเตรียมเอกสารการสอน
    - นักศึกษามองว่า เป็นการกระทำที่ขัดแย้งกันและเรียกร้องให้คืนค่าเล่าเรียน

    มหาวิทยาลัย Northeastern ยังคงอนุญาตให้ใช้ AI แต่ต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็นเนื้อหาที่สร้างโดย AI
    - รวมถึง ต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนนำมาใช้

    กรณีคล้ายกันเกิดขึ้นที่ Southern New Hampshire University
    - นักศึกษาพบว่า อาจารย์ใช้ ChatGPT ในการให้คะแนนงานโดยไม่ได้อ่านเนื้อหาจริง

    การใช้ AI ในการเรียนการสอนกำลังเป็นประเด็นถกเถียงในวงการศึกษา
    - มีรายงานว่า นักเรียนจำนวนมากใช้ AI ในการทำการบ้านและงานเขียน

    https://www.techspot.com/news/107953-student-demands-8000-tuition-refund-after-discovering-professor.html
    นักศึกษายื่นเรื่องขอคืนค่าเล่าเรียน $8,000 หลังพบอาจารย์ใช้ ChatGPT ในเอกสารการสอน นักศึกษามหาวิทยาลัย Northeastern ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อมหาวิทยาลัย หลังพบว่าอาจารย์ของเธอใช้ ChatGPT ในการสร้าง เอกสารประกอบการสอนและสไลด์นำเสนอ โดยเธอเห็นคำสั่งที่ถูกทิ้งไว้ในเอกสาร เช่น "ขยายความทุกส่วน ให้ละเอียดและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น" ซึ่งเป็นคำสั่งที่ใช้กับ AI 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกรณีของนักศึกษากับ ChatGPT ✅ นักศึกษาพบคำสั่งที่ใช้กับ ChatGPT ในเอกสารประกอบการสอน - ทำให้เธอ ตรวจสอบสไลด์นำเสนอและพบข้อผิดพลาดที่มักเกิดจาก AI เช่น ตัวสะกดผิดและภาพที่บิดเบี้ยว ✅ อาจารย์ห้ามนักศึกษาใช้ AI แต่กลับใช้เองในการเตรียมเอกสารการสอน - นักศึกษามองว่า เป็นการกระทำที่ขัดแย้งกันและเรียกร้องให้คืนค่าเล่าเรียน ✅ มหาวิทยาลัย Northeastern ยังคงอนุญาตให้ใช้ AI แต่ต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็นเนื้อหาที่สร้างโดย AI - รวมถึง ต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนนำมาใช้ ✅ กรณีคล้ายกันเกิดขึ้นที่ Southern New Hampshire University - นักศึกษาพบว่า อาจารย์ใช้ ChatGPT ในการให้คะแนนงานโดยไม่ได้อ่านเนื้อหาจริง ✅ การใช้ AI ในการเรียนการสอนกำลังเป็นประเด็นถกเถียงในวงการศึกษา - มีรายงานว่า นักเรียนจำนวนมากใช้ AI ในการทำการบ้านและงานเขียน https://www.techspot.com/news/107953-student-demands-8000-tuition-refund-after-discovering-professor.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Student demands $8,000 refund after catching professor using ChatGPT in class materials
    The New York Times writes that a Northeastern University student recently filed a formal complaint with the college after discovering that one of her professors used ChatGPT...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ปิดกั้นการอัปโหลดไฟล์ไปยัง Nextcloud บน Android อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย

    Google ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ส่งผลให้ผู้ใช้ Android ไม่สามารถอัปโหลดไฟล์ทุกประเภทไปยัง Nextcloud ได้อีกต่อไป โดยอ้างว่าเป็นมาตรการด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม Nextcloud ระบุว่านี่เป็นการกีดกันการแข่งขัน และทำให้แอปของพวกเขามีประสิทธิภาพลดลง

    Google ปิดกั้นการอนุญาต "All files access" สำหรับ Nextcloud บน Android
    - ทำให้ ผู้ใช้สามารถอัปโหลดได้เฉพาะไฟล์มีเดีย เช่น รูปภาพและวิดีโอ

    Nextcloud ใช้สิทธิ์นี้มาตั้งแต่ปี 2011 แต่ถูก Google ปฏิเสธการต่ออายุ
    - ส่งผลให้ ฟีเจอร์สำคัญของแอปไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่

    Google แนะนำให้ใช้ MediaStore API หรือ SAF แทน แต่ Nextcloud ระบุว่าไม่สามารถทดแทนได้
    - เนื่องจาก API เหล่านี้ไม่รองรับการเข้าถึงไฟล์ทุกประเภท

    Nextcloud อ้างว่า Google ให้สิทธิพิเศษกับแอปของตนเองและบริษัทใหญ่
    - เช่น Google Drive และบริการคลาวด์อื่น ๆ ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่

    Nextcloud และองค์กรอื่น ๆ เคยยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการกีดกันการแข่งขันในปี 2021
    - แต่ ยังไม่ได้รับการตอบกลับจากหน่วยงานกำกับดูแล

    https://www.techradar.com/pro/google-is-blocking-a-popular-rivals-file-upload-capability-on-android-by-changing-just-one-thing-and-theres-nothing-they-can-do
    Google ปิดกั้นการอัปโหลดไฟล์ไปยัง Nextcloud บน Android อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย Google ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ส่งผลให้ผู้ใช้ Android ไม่สามารถอัปโหลดไฟล์ทุกประเภทไปยัง Nextcloud ได้อีกต่อไป โดยอ้างว่าเป็นมาตรการด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม Nextcloud ระบุว่านี่เป็นการกีดกันการแข่งขัน และทำให้แอปของพวกเขามีประสิทธิภาพลดลง ✅ Google ปิดกั้นการอนุญาต "All files access" สำหรับ Nextcloud บน Android - ทำให้ ผู้ใช้สามารถอัปโหลดได้เฉพาะไฟล์มีเดีย เช่น รูปภาพและวิดีโอ ✅ Nextcloud ใช้สิทธิ์นี้มาตั้งแต่ปี 2011 แต่ถูก Google ปฏิเสธการต่ออายุ - ส่งผลให้ ฟีเจอร์สำคัญของแอปไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ ✅ Google แนะนำให้ใช้ MediaStore API หรือ SAF แทน แต่ Nextcloud ระบุว่าไม่สามารถทดแทนได้ - เนื่องจาก API เหล่านี้ไม่รองรับการเข้าถึงไฟล์ทุกประเภท ✅ Nextcloud อ้างว่า Google ให้สิทธิพิเศษกับแอปของตนเองและบริษัทใหญ่ - เช่น Google Drive และบริการคลาวด์อื่น ๆ ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ✅ Nextcloud และองค์กรอื่น ๆ เคยยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการกีดกันการแข่งขันในปี 2021 - แต่ ยังไม่ได้รับการตอบกลับจากหน่วยงานกำกับดูแล https://www.techradar.com/pro/google-is-blocking-a-popular-rivals-file-upload-capability-on-android-by-changing-just-one-thing-and-theres-nothing-they-can-do
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เตรียมหลีกเลี่ยงค่าปรับจาก EU ด้วยข้อเสนอเกี่ยวกับ Office และ Teams

    Microsoft กำลังเผชิญกับการตรวจสอบจาก คณะกรรมาธิการยุโรป (EU Commission) หลังจากที่ Slack (บริษัทในเครือ Salesforce) ยื่นเรื่องร้องเรียนในปี 2020 โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้กลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรมในการรวม Teams เข้ากับ Office อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า EU อาจยอมรับข้อเสนอของ Microsoft และหลีกเลี่ยงการปรับเงินจำนวนมาก

    Microsoft เสนอให้แยก Teams ออกจาก Office เพื่อแก้ไขข้อกังวลของ EU
    - เป็นการตอบสนองต่อ ข้อร้องเรียนของ Slack ที่ระบุว่า Microsoft ใช้กลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรม

    EU อาจยอมรับข้อเสนอของ Microsoft และไม่ดำเนินการปรับเงิน
    - หากข้อเสนอได้รับการยอมรับ Microsoft จะสามารถหลีกเลี่ยงค่าปรับจำนวนมาก

    การตรวจสอบของ EU เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
    - มีความตึงเครียดระหว่าง EU และสหรัฐฯ เกี่ยวกับการตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยี

    Slack ยื่นเรื่องร้องเรียนในปี 2020 โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้กลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรม
    - ระบุว่า การรวม Teams เข้ากับ Office ทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

    Microsoft อาจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขาย Office และ Teams ในยุโรป
    - เพื่อให้เป็นไปตาม ข้อกำหนดของ EU และหลีกเลี่ยงการตรวจสอบเพิ่มเติม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/exclusive-microsoft039s-office-teams-offer-will-likely-stave-off-eu-antitrust-fine-sources-say
    Microsoft เตรียมหลีกเลี่ยงค่าปรับจาก EU ด้วยข้อเสนอเกี่ยวกับ Office และ Teams Microsoft กำลังเผชิญกับการตรวจสอบจาก คณะกรรมาธิการยุโรป (EU Commission) หลังจากที่ Slack (บริษัทในเครือ Salesforce) ยื่นเรื่องร้องเรียนในปี 2020 โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้กลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรมในการรวม Teams เข้ากับ Office อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า EU อาจยอมรับข้อเสนอของ Microsoft และหลีกเลี่ยงการปรับเงินจำนวนมาก ✅ Microsoft เสนอให้แยก Teams ออกจาก Office เพื่อแก้ไขข้อกังวลของ EU - เป็นการตอบสนองต่อ ข้อร้องเรียนของ Slack ที่ระบุว่า Microsoft ใช้กลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรม ✅ EU อาจยอมรับข้อเสนอของ Microsoft และไม่ดำเนินการปรับเงิน - หากข้อเสนอได้รับการยอมรับ Microsoft จะสามารถหลีกเลี่ยงค่าปรับจำนวนมาก ✅ การตรวจสอบของ EU เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ - มีความตึงเครียดระหว่าง EU และสหรัฐฯ เกี่ยวกับการตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยี ✅ Slack ยื่นเรื่องร้องเรียนในปี 2020 โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้กลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรม - ระบุว่า การรวม Teams เข้ากับ Office ทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ✅ Microsoft อาจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขาย Office และ Teams ในยุโรป - เพื่อให้เป็นไปตาม ข้อกำหนดของ EU และหลีกเลี่ยงการตรวจสอบเพิ่มเติม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/exclusive-microsoft039s-office-teams-offer-will-likely-stave-off-eu-antitrust-fine-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Exclusive-Microsoft's Office-Teams offer will likely stave off EU antitrust fine, sources say
    BRUSSELS (Reuters) - Microsoft is set to stave off a possible hefty antitrust fine as EU regulators are likely to accept an offer on its Office and Teams products, three people familiar with the matter said on Wednesday, amid tensions with the United States over the EU's scrutiny of Big Tech.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25 เมษายน 2568- รัฐบาลทรัมป์กลับลำ ยกเลิกการยุติสถานะวีซ่านักเรียนต่างชาติในสหรัฐฯเผยแพร่วันที่ 25 เมษายน 2025 เวลา 11:23 น. (EDT)หลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากศาลและถูกออกคำสั่งระงับซ้ำแล้วซ้ำเล่า รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศยกเลิกการยุติสถานะวีซ่านักเรียนต่างชาติในสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกระงับเนื่องจากข้อกฎหมายเล็กน้อยที่มักถูกเพิกเฉยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ได้ยื่นเรื่องกลับคำตัดสินต่อศาลรัฐบาลกลางเมื่อวันศุกร์ โดยชี้แจงว่าจะคืนสถานะการลงทะเบียนวีซ่านักเรียนให้กับนักศึกษาต่างชาติหลายพันคนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติการกระทำผิดเพียงเล็กน้อยหรือเป็นกรณีที่ไม่ควรมีผลต่อสถานะการศึกษาการระงับวีซ่าครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้นักเรียนหลายพันคนตกอยู่ในความวิตกกังวลว่าจะสูญเสียสถานะผู้อยู่อาศัยตามกฎหมาย และเสี่ยงถูกเนรเทศออกนอกประเทศอย่างกะทันหัน หลายคนที่ยื่นฟ้องต่อศาลระบุว่า สถาบันของตนได้ระงับสิทธิ์ในการเข้าชั้นเรียนหรือทำวิจัย แม้จะใกล้ถึงกำหนดสำเร็จการศึกษาเพียงไม่กี่สัปดาห์ศาลหลายแห่งมองว่าการระงับสถานะวีซ่าเหล่านี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน และได้ออกคำสั่งชั่วคราวเพื่อปกป้องสิทธิของนักศึกษา ส่งผลให้รัฐบาลต้องพิจารณาถอยกลับจากมาตรการดังกล่าวในที่สุด
    25 เมษายน 2568- รัฐบาลทรัมป์กลับลำ ยกเลิกการยุติสถานะวีซ่านักเรียนต่างชาติในสหรัฐฯเผยแพร่วันที่ 25 เมษายน 2025 เวลา 11:23 น. (EDT)หลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากศาลและถูกออกคำสั่งระงับซ้ำแล้วซ้ำเล่า รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศยกเลิกการยุติสถานะวีซ่านักเรียนต่างชาติในสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกระงับเนื่องจากข้อกฎหมายเล็กน้อยที่มักถูกเพิกเฉยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ได้ยื่นเรื่องกลับคำตัดสินต่อศาลรัฐบาลกลางเมื่อวันศุกร์ โดยชี้แจงว่าจะคืนสถานะการลงทะเบียนวีซ่านักเรียนให้กับนักศึกษาต่างชาติหลายพันคนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติการกระทำผิดเพียงเล็กน้อยหรือเป็นกรณีที่ไม่ควรมีผลต่อสถานะการศึกษาการระงับวีซ่าครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้นักเรียนหลายพันคนตกอยู่ในความวิตกกังวลว่าจะสูญเสียสถานะผู้อยู่อาศัยตามกฎหมาย และเสี่ยงถูกเนรเทศออกนอกประเทศอย่างกะทันหัน หลายคนที่ยื่นฟ้องต่อศาลระบุว่า สถาบันของตนได้ระงับสิทธิ์ในการเข้าชั้นเรียนหรือทำวิจัย แม้จะใกล้ถึงกำหนดสำเร็จการศึกษาเพียงไม่กี่สัปดาห์ศาลหลายแห่งมองว่าการระงับสถานะวีซ่าเหล่านี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน และได้ออกคำสั่งชั่วคราวเพื่อปกป้องสิทธิของนักศึกษา ส่งผลให้รัฐบาลต้องพิจารณาถอยกลับจากมาตรการดังกล่าวในที่สุด
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การเมืองโรมาเนียเพิ่มระดับความวุ่ยวายขึ้นไปอีก!!"

    ศาลอุทธรณ์ในเมืองโปลเยสตี มีคำตัดสินยกเลิก คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญแห่งโรมาเนียในการยกเลิกการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว!!!

    ผู้พิพากษาอเล็กซานดรู วาสิเล (Alexandru Vasile) แห่งศาลอุทธรณ์เมืองโปลเยสตี มีคำสั่งสั่งระงับการบังคับใช้คำตัดสินที่ศาลรัฐธรรมนูญของโรมาเนียสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนธันวาคม 2024 ซึ่งศาลอุทธรณ์ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

    ในคำประกาศของศาลอุทธรณ์ระบุว่า “ระงับการบังคับใช้คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญฉบับที่ 32 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2024 จนกว่าจะมีการพิจารณาคดีขั้นสุดท้าย โดยการยอมรับการยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนคำตัดสินดังกล่าวจากศาลรัฐธรรมนูญฉบับที่ 32 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2024”

    จากประกาศของศาลอุทธรณ์ ทำให้เกิดกระแสการพูดถึงอย่างมากมายในโซเชียลของโรมาเนีย ถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ "คาลิน จอร์เจสคู" กลับมาชนะเลือกตั้งอีกครั้ง เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งรอบที่สองต่อไป

    ศาลอุทธรณ์ให้เวลา 5 วัน ในการยื่นเรื่องคัดค้านคำตัดสินนี้

    ทางด้านสื่อของโรมาเนีย รายงานว่า เหตุผลของคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการยกเลิกการเลือกตั้ง หลังจากได้ให้การรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนนั้นแล้ว

    นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สามารถพิสูจหลักฐานที่ใช้ในการกล่าวหาผู้สมัครที่ได้รับชัยชนะ จนนำไปสู่การตัดสินระงับการเลือกตั้งได้ เนื่องจากเอกสารหลักฐานต่างๆในการอ้างอิงเพื่อระงับการเลือกตั้ง จะต้องได้รับการพิจารณาโดยฝ่ายตุลาการ ไม่ใช่โดยศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีจากการแต่งตั้งของฝ่ายการเมือง ซึ่งทำให้เกิดความคลางแคลงใจในกระบวนการพิจรณาดังกล่าว

    จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่า หลังจากมีคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ออกมา การเมืองโรมาเนียจะไปในทิศทางใด และ Calin Georgescu ซึ่งได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งรอบแรก จะได้กลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองอีกหรือไม่
    "การเมืองโรมาเนียเพิ่มระดับความวุ่ยวายขึ้นไปอีก!!" ศาลอุทธรณ์ในเมืองโปลเยสตี มีคำตัดสินยกเลิก คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญแห่งโรมาเนียในการยกเลิกการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว!!! ผู้พิพากษาอเล็กซานดรู วาสิเล (Alexandru Vasile) แห่งศาลอุทธรณ์เมืองโปลเยสตี มีคำสั่งสั่งระงับการบังคับใช้คำตัดสินที่ศาลรัฐธรรมนูญของโรมาเนียสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนธันวาคม 2024 ซึ่งศาลอุทธรณ์ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ในคำประกาศของศาลอุทธรณ์ระบุว่า “ระงับการบังคับใช้คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญฉบับที่ 32 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2024 จนกว่าจะมีการพิจารณาคดีขั้นสุดท้าย โดยการยอมรับการยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนคำตัดสินดังกล่าวจากศาลรัฐธรรมนูญฉบับที่ 32 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2024” จากประกาศของศาลอุทธรณ์ ทำให้เกิดกระแสการพูดถึงอย่างมากมายในโซเชียลของโรมาเนีย ถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ "คาลิน จอร์เจสคู" กลับมาชนะเลือกตั้งอีกครั้ง เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งรอบที่สองต่อไป ศาลอุทธรณ์ให้เวลา 5 วัน ในการยื่นเรื่องคัดค้านคำตัดสินนี้ ทางด้านสื่อของโรมาเนีย รายงานว่า เหตุผลของคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการยกเลิกการเลือกตั้ง หลังจากได้ให้การรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนนั้นแล้ว นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สามารถพิสูจหลักฐานที่ใช้ในการกล่าวหาผู้สมัครที่ได้รับชัยชนะ จนนำไปสู่การตัดสินระงับการเลือกตั้งได้ เนื่องจากเอกสารหลักฐานต่างๆในการอ้างอิงเพื่อระงับการเลือกตั้ง จะต้องได้รับการพิจารณาโดยฝ่ายตุลาการ ไม่ใช่โดยศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีจากการแต่งตั้งของฝ่ายการเมือง ซึ่งทำให้เกิดความคลางแคลงใจในกระบวนการพิจรณาดังกล่าว จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่า หลังจากมีคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ออกมา การเมืองโรมาเนียจะไปในทิศทางใด และ Calin Georgescu ซึ่งได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งรอบแรก จะได้กลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองอีกหรือไม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพลงในกลุ่ม “สวนผึ้ง City" หลังไปใช้บริการทำฟันโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตะนาวศรี (รพ.สต.ตะนาวศรี) อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พบสภาพไฟฉายส่องเตียงสำหรับผู้ป่วย ที่ทางรพ.สต. ได้ประดิษฐ์ขึ้นมาเองโดยการนำไฟฉายคาดศีรษะมาติดตั้งแทนของเก่าที่ชำรุด และได้ยื่นเรื่องของบประมาณจัดซื้อใหม่เป็นเวลานานถึง 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติโดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “ไปทำฟัน รพ.สต.ตะนาวศรี ทำดีมากจนเสร็จ เพิ่งเห็นว่าไฟส่องเตียงสภาพนี้ ถามหมอ ของบมา 3 ปีแล้วยังไม่ถึง ต้องดัดแปลงเองเพื่อคนไข้ หน่วยงานไหนช่วยด้วยเถอะค่ะ“อย่างไรก็ตาม หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ มีชาวเน็ตแห่วิจารณ์ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก เช่น สตง. ดูเอานะคะโรงเรียนเอ่ยสถานีอนามัยเอ่ยโรงพยาบาลเอ่ย เขาสู้ชีวิตกันเเค่ไหน , ตัดภาพไปที่ สตง. ฝักบัวชุดล่ะ 11,214 บ. , ไฟส่องกบ, ขอเจียดค่าโซฟาสักตัวได้อีกหลายอย่าง อะไรสำคัญกว่า
    มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพลงในกลุ่ม “สวนผึ้ง City" หลังไปใช้บริการทำฟันโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตะนาวศรี (รพ.สต.ตะนาวศรี) อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พบสภาพไฟฉายส่องเตียงสำหรับผู้ป่วย ที่ทางรพ.สต. ได้ประดิษฐ์ขึ้นมาเองโดยการนำไฟฉายคาดศีรษะมาติดตั้งแทนของเก่าที่ชำรุด และได้ยื่นเรื่องของบประมาณจัดซื้อใหม่เป็นเวลานานถึง 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติโดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “ไปทำฟัน รพ.สต.ตะนาวศรี ทำดีมากจนเสร็จ เพิ่งเห็นว่าไฟส่องเตียงสภาพนี้ ถามหมอ ของบมา 3 ปีแล้วยังไม่ถึง ต้องดัดแปลงเองเพื่อคนไข้ หน่วยงานไหนช่วยด้วยเถอะค่ะ“อย่างไรก็ตาม หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ มีชาวเน็ตแห่วิจารณ์ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก เช่น สตง. ดูเอานะคะโรงเรียนเอ่ยสถานีอนามัยเอ่ยโรงพยาบาลเอ่ย เขาสู้ชีวิตกันเเค่ไหน , ตัดภาพไปที่ สตง. ฝักบัวชุดล่ะ 11,214 บ. , ไฟส่องกบ, ขอเจียดค่าโซฟาสักตัวได้อีกหลายอย่าง อะไรสำคัญกว่า
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 476 มุมมอง 0 รีวิว
  • 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง

    เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล

    เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1615 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ

    “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน…

    ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต

    “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้

    หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น

    จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน

    ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน

    วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก”

    “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

    ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย

    ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง

    จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ

    “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต

    อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก"

    ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ
    หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง

    “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์

    คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย"

    คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า…

    - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง?
    - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา?
    - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย?

    เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

    “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่”

    "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น"

    ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568

    #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์

    15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ 🚔 “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน… 🕊️ 🌿 ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน 🗡️ แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต 👮‍♂️ “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้ 🎓 หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน 😔 🔥 วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” 🦿 🦾 “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา 🦅 ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย ✊ 🏡 ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง 🍃 จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ 💬 “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 💔 วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต 🔫 ⚰️ อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก" 🕊️ ⚖️ ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง ❤️ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์ 🗣️ คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย" ❓ คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า… - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง? - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา? - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย? 🤝 เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน 🕊️ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่” 🌳 "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น" 🕯️ ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี 💐 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568 #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1666 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ฉัตรวรรษ" เตรียมขนทัพ 30 สว.บุก ป.ป.ช.ยื่นสอบ "ทวี-ยุทธนา" ขาดจริยธรรม จงใจกลั่นแกล้ง บอกใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ถาม DSI มีหลักฐานฮั้ว สว.ทำไมไม่ส่งให้ กกต. ถูกอำนาจอะไรครอบงำ จ่อเชิญมาแจงกมธ.องค์กรอิสระฯเร็วๆ นี้

    วันนี้(11 มี.ค.) พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. กล่าวถึงกรณี 30 สว.จะเดินทางยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เพื่อเอาผิด พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ว่า ในฐานะเป็นผู้ยื่นญัตติเรื่องนี้ตนก็จะไปเอง ทั้งนี้หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับคดีฮั้วสว.ข้อหาฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ ก็มีประเด็นเกิดขึ้นมาอีกว่าการดำเนินการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

    “ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่เป็นคนละเรื่องกับจริยธรรม ซึ่งเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา การที่พยายามจะเอาเรื่องเข้าบอร์ด และสุดท้ายมีการเลื่อนพิจารณา แสดงว่าขณะนั้นมีการรวบรวมพยานหลักฐานได้ทุกอย่างแล้ว”

    พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่าอำนาจหน้าที่ของอธิบดีดีเอสไอ ก็สามารถรวบรวมหลักฐานที่มีอยู่แล้ว และส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ โดยไม่ต้องทำเอง แต่ดีเอสไอพยายามที่จะเก็บไว้ทำอะไร และไปกล่าวหาว่า กกต.ล่าช้า ตัวเองได้รับเรื่องร้องเรียนมาตั้งแต่กันยายน ตุลาคม รวบรวมพยานหลักฐานได้เป็นหมื่นเป็นแสน ถามว่าทำไมไม่ส่งกกต. ถูกอำนาจอะไรครอบงำอยู่ถึงไม่ส่ง กกต. พอเข้าบอร์ดแล้วบอร์ดไม่รับแสดงว่าความผิดยังไม่สำเร็จ แสดงว่าขาดจริยธรรมจงใจกลั่นแกล้ง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000023343

    #MGROnline #DSI #ฉัตรวรรษ
    "ฉัตรวรรษ" เตรียมขนทัพ 30 สว.บุก ป.ป.ช.ยื่นสอบ "ทวี-ยุทธนา" ขาดจริยธรรม จงใจกลั่นแกล้ง บอกใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ถาม DSI มีหลักฐานฮั้ว สว.ทำไมไม่ส่งให้ กกต. ถูกอำนาจอะไรครอบงำ จ่อเชิญมาแจงกมธ.องค์กรอิสระฯเร็วๆ นี้ • วันนี้(11 มี.ค.) พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. กล่าวถึงกรณี 30 สว.จะเดินทางยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เพื่อเอาผิด พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ว่า ในฐานะเป็นผู้ยื่นญัตติเรื่องนี้ตนก็จะไปเอง ทั้งนี้หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับคดีฮั้วสว.ข้อหาฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ ก็มีประเด็นเกิดขึ้นมาอีกว่าการดำเนินการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ • “ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่เป็นคนละเรื่องกับจริยธรรม ซึ่งเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา การที่พยายามจะเอาเรื่องเข้าบอร์ด และสุดท้ายมีการเลื่อนพิจารณา แสดงว่าขณะนั้นมีการรวบรวมพยานหลักฐานได้ทุกอย่างแล้ว” • พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่าอำนาจหน้าที่ของอธิบดีดีเอสไอ ก็สามารถรวบรวมหลักฐานที่มีอยู่แล้ว และส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ โดยไม่ต้องทำเอง แต่ดีเอสไอพยายามที่จะเก็บไว้ทำอะไร และไปกล่าวหาว่า กกต.ล่าช้า ตัวเองได้รับเรื่องร้องเรียนมาตั้งแต่กันยายน ตุลาคม รวบรวมพยานหลักฐานได้เป็นหมื่นเป็นแสน ถามว่าทำไมไม่ส่งกกต. ถูกอำนาจอะไรครอบงำอยู่ถึงไม่ส่ง กกต. พอเข้าบอร์ดแล้วบอร์ดไม่รับแสดงว่าความผิดยังไม่สำเร็จ แสดงว่าขาดจริยธรรมจงใจกลั่นแกล้ง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000023343 • #MGROnline #DSI #ฉัตรวรรษ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 970 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอร์เอเชียจากแม่สู่ลูก

    แคปิตอล เอ (Capital A) หรือกลุ่มแอร์เอเชียเดิม ผู้ก่อตั้งสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย กำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และถูกตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย (Bursa Malaysia) จัดให้หุ้น CAPI อยู่ในสถานะ "PN17" หรือมีปัญหาทางการเงิน มาตั้งแต่ปี 2565 ล่าสุดได้รับอนุมัติแผนการปรับปรุงบริษัทฯ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.

    โทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคปิตอล เอ เปิดเผยว่า จะเรียกประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งพิเศษ (EGM) ในเดือน เม.ย. เพื่อขออนุมัติแผน ก่อนยื่นเรื่องไปที่ศาลสูงเพื่อขออนุมัติแผนลดทุนจดทะเบียน ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการขายหุ้น แอร์เอเชีย เอวิเอชั่น กรุ๊ป (AAAGL) และมุ่งเน้นทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน หากปลดล็อกสถานะ PN17 ได้ จะสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ และเข้าถึงตลาดทุนมากขึ้น

    อีกด้านหนึ่ง โทนี่ยังได้เสนอขายหุ้นแบบส่วนตัว มูลค่า 1,000 ล้านริงกิต (7,700 ล้านบาท) เพื่อระดมทุนในกลุ่มบริษัทฯ ล่าสุดถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว แต่ปฎิเสธข่าวกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดิอาระเบีย (PIF) มีแผนที่ลงทุนในกลุ่มบริษัทฯ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไม่ระบุว่าได้จองซื้อหุ้นจากการเสนอขายแบบส่วนตัวหรือไม่

    เมื่อปีที่แล้ว แคปิตอล เอ ประกาศว่าจะขายธุรกิจการบินแอร์เอเชียให้กับ แอร์เอเชีย เอ็กซ์ (Airasia X หรือหุ้น AIRX) ซึ่งแยกบริษัทออกมาทำธุรกิจการบินระยะไกล (มากกว่า 4 ชั่วโมง) ก่อนหน้านี้ ด้วยมูลค่า 6,800 ล้านริงกิต (52,000 ล้านบาท) และจะรวมแบรนด์แอร์เอเชีย เอ็กซ์ กับแอร์เอเชีย ภายใต้ชื่อ AirAsia เพียงแบรนด์เดียว

    ส่วนแคปิตอล เอ จะลดทุนจดทะเบียนเพื่อชดเชยการขาดทุนสะสม และปรับโครงสร้างธุรกิจเหลือเพียง 6 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจซ่อมบํารุงเครื่องบิน Asia Digital Engineering (ADE) สัดส่วนรายได้ 23% 2. ธุรกิจขนส่งสินค้า Teleport สัดส่วนรายได้ 40% 3. ธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล AirAsia MOVE สัดส่วนรายได้ 19% 4. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน Santan 5. ธุรกิจฟินเทค BigPay 6. ธุรกิจบริหารจัดการแบรนด์แอร์เอเชีย Abc. International เป็นต้น

    ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แคปิตอล เอ เปิดเผยผลประกอบการปี 2567 พบว่าขาดทุนสุทธิ 475.1 ล้านริงกิต (3,632 ล้านบาท) จากปี 2566 มีกำไร 255.3 ล้านริงกิต (1,952 ล้านบาท) ส่วนใหญ่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,400 ล้านริงกิต (10,700 ล้านบาท) โดยเฉพาะธุรกิจการบิน ทำให้ไตรมาสที่ 4 ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1,570 ล้านริงกิต (12,000 ล้านบาท) จาก 345.3 ล้านริงกิต (2,640 ล้านบาท) เมื่อปีก่อน

    #Newskit
    แอร์เอเชียจากแม่สู่ลูก แคปิตอล เอ (Capital A) หรือกลุ่มแอร์เอเชียเดิม ผู้ก่อตั้งสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย กำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และถูกตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย (Bursa Malaysia) จัดให้หุ้น CAPI อยู่ในสถานะ "PN17" หรือมีปัญหาทางการเงิน มาตั้งแต่ปี 2565 ล่าสุดได้รับอนุมัติแผนการปรับปรุงบริษัทฯ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. โทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคปิตอล เอ เปิดเผยว่า จะเรียกประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งพิเศษ (EGM) ในเดือน เม.ย. เพื่อขออนุมัติแผน ก่อนยื่นเรื่องไปที่ศาลสูงเพื่อขออนุมัติแผนลดทุนจดทะเบียน ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการขายหุ้น แอร์เอเชีย เอวิเอชั่น กรุ๊ป (AAAGL) และมุ่งเน้นทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน หากปลดล็อกสถานะ PN17 ได้ จะสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ และเข้าถึงตลาดทุนมากขึ้น อีกด้านหนึ่ง โทนี่ยังได้เสนอขายหุ้นแบบส่วนตัว มูลค่า 1,000 ล้านริงกิต (7,700 ล้านบาท) เพื่อระดมทุนในกลุ่มบริษัทฯ ล่าสุดถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว แต่ปฎิเสธข่าวกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดิอาระเบีย (PIF) มีแผนที่ลงทุนในกลุ่มบริษัทฯ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไม่ระบุว่าได้จองซื้อหุ้นจากการเสนอขายแบบส่วนตัวหรือไม่ เมื่อปีที่แล้ว แคปิตอล เอ ประกาศว่าจะขายธุรกิจการบินแอร์เอเชียให้กับ แอร์เอเชีย เอ็กซ์ (Airasia X หรือหุ้น AIRX) ซึ่งแยกบริษัทออกมาทำธุรกิจการบินระยะไกล (มากกว่า 4 ชั่วโมง) ก่อนหน้านี้ ด้วยมูลค่า 6,800 ล้านริงกิต (52,000 ล้านบาท) และจะรวมแบรนด์แอร์เอเชีย เอ็กซ์ กับแอร์เอเชีย ภายใต้ชื่อ AirAsia เพียงแบรนด์เดียว ส่วนแคปิตอล เอ จะลดทุนจดทะเบียนเพื่อชดเชยการขาดทุนสะสม และปรับโครงสร้างธุรกิจเหลือเพียง 6 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจซ่อมบํารุงเครื่องบิน Asia Digital Engineering (ADE) สัดส่วนรายได้ 23% 2. ธุรกิจขนส่งสินค้า Teleport สัดส่วนรายได้ 40% 3. ธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล AirAsia MOVE สัดส่วนรายได้ 19% 4. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน Santan 5. ธุรกิจฟินเทค BigPay 6. ธุรกิจบริหารจัดการแบรนด์แอร์เอเชีย Abc. International เป็นต้น ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แคปิตอล เอ เปิดเผยผลประกอบการปี 2567 พบว่าขาดทุนสุทธิ 475.1 ล้านริงกิต (3,632 ล้านบาท) จากปี 2566 มีกำไร 255.3 ล้านริงกิต (1,952 ล้านบาท) ส่วนใหญ่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,400 ล้านริงกิต (10,700 ล้านบาท) โดยเฉพาะธุรกิจการบิน ทำให้ไตรมาสที่ 4 ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1,570 ล้านริงกิต (12,000 ล้านบาท) จาก 345.3 ล้านริงกิต (2,640 ล้านบาท) เมื่อปีก่อน #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 983 มุมมอง 0 รีวิว
  • สว. ยื่น ปธ.วุฒิฯ ส่งต่อ ป.ป.ช. สอบ “ทวี-อธ.ดีเอสไอ” ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ “ฉัตรวรรษ” ถามกลับ “บอร์ด คกก.คดีพิเศษ” ไม่กล้าลงมติเพราะ “ฮั้ว” ไม่เสร็จหรือ กล่าวหาแรง “ล้มล้างการปกครอง” กระทำการขัด รธน. “มงคล” ตอบห้วน เป็นเรื่องอนาคต-เป็นสิทธิ

    วันที่ (27 ก.พ. 2568) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา สมาชิกวุฒิสภานำโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและสมาชิกวุฒิสภา เข้ายื่นหนังสือ ต่อนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพื่อบรรจุญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมายของกระทรวงยุติธรรม พร้อมขอให้ประธานวุฒิสภายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบและฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม

    โดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเพื่อน สว.เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ และมีความเห็นว่าควรดำเนินการสอบสวนพิจารณาในส่วนที่เรากล่าวหา จากการเลื่อนการพิจารณาของบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เรื่องการได้มาซึ่ง สว.เป็นอั้งยี่ซ่องโจรและผิดกฎหมายฟอกเงิน โดยอ้างว่ารอการพิจารณาของบอร์ดกลั่นกรอง รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาชี้แจง ซึ่งจะมาหรือไม่ ไม่มีปัญหา แต่ตนมองว่าข้อกล่าวหาไม่มีอะไรชัดเจนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ระบุว่ามีพยานหลักฐาน สามารถยืนยันได้ ตนอยากถามกลับว่าที่บอร์ดไม่กล้าลงมติเป็นเพราะยังฮั้วกันไม่เสร็จหรือไม่ หากดูตามภาพข่าวมีบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องไปนั่งควบคุมการพิจารณาของบอร์ด ตนมองว่าการดำเนินการทั้งหมดนั้นเป็นการจงใจ กลั่นแกล้งวุฒิสภา ซึ่งเป็นเสาหลักในการบริหารบ้านเมืองที่ได้มาตามรัฐธรรมนูญเสียหาย แต่ทำไมดีเอสไอถึงบังคับใช้แค่กฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง ถึงได้ดำเนินการข้ามแดน ตนมองว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นล้มล้างการปกครอง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000019485

    #MGROnline #สมาชิกวุฒิสภา
    สว. ยื่น ปธ.วุฒิฯ ส่งต่อ ป.ป.ช. สอบ “ทวี-อธ.ดีเอสไอ” ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ “ฉัตรวรรษ” ถามกลับ “บอร์ด คกก.คดีพิเศษ” ไม่กล้าลงมติเพราะ “ฮั้ว” ไม่เสร็จหรือ กล่าวหาแรง “ล้มล้างการปกครอง” กระทำการขัด รธน. “มงคล” ตอบห้วน เป็นเรื่องอนาคต-เป็นสิทธิ • วันที่ (27 ก.พ. 2568) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา สมาชิกวุฒิสภานำโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและสมาชิกวุฒิสภา เข้ายื่นหนังสือ ต่อนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพื่อบรรจุญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมายของกระทรวงยุติธรรม พร้อมขอให้ประธานวุฒิสภายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบและฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม • โดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเพื่อน สว.เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ และมีความเห็นว่าควรดำเนินการสอบสวนพิจารณาในส่วนที่เรากล่าวหา จากการเลื่อนการพิจารณาของบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เรื่องการได้มาซึ่ง สว.เป็นอั้งยี่ซ่องโจรและผิดกฎหมายฟอกเงิน โดยอ้างว่ารอการพิจารณาของบอร์ดกลั่นกรอง รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาชี้แจง ซึ่งจะมาหรือไม่ ไม่มีปัญหา แต่ตนมองว่าข้อกล่าวหาไม่มีอะไรชัดเจนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ระบุว่ามีพยานหลักฐาน สามารถยืนยันได้ ตนอยากถามกลับว่าที่บอร์ดไม่กล้าลงมติเป็นเพราะยังฮั้วกันไม่เสร็จหรือไม่ หากดูตามภาพข่าวมีบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องไปนั่งควบคุมการพิจารณาของบอร์ด ตนมองว่าการดำเนินการทั้งหมดนั้นเป็นการจงใจ กลั่นแกล้งวุฒิสภา ซึ่งเป็นเสาหลักในการบริหารบ้านเมืองที่ได้มาตามรัฐธรรมนูญเสียหาย แต่ทำไมดีเอสไอถึงบังคับใช้แค่กฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง ถึงได้ดำเนินการข้ามแดน ตนมองว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นล้มล้างการปกครอง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000019485 • #MGROnline #สมาชิกวุฒิสภา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1183 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กูไม่กลัวมึง!"

    ปักกิ่งตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าส่งออกสำคัญของสหรัฐ โดยการประกาศขึ้นภาษี
    - น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลการเกษตร และยานยนต์ 10%
    - ถ่านหิน และก๊าซ LNG 15%

    โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์

    การตอบโต้ของจีนครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่จีนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ WTO และให้คำมั่นว่าจะ "ปกป้องสิทธิของตนอย่างแข็งขัน"
    "กูไม่กลัวมึง!" ปักกิ่งตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าส่งออกสำคัญของสหรัฐ โดยการประกาศขึ้นภาษี - น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลการเกษตร และยานยนต์ 10% - ถ่านหิน และก๊าซ LNG 15% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ การตอบโต้ของจีนครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่จีนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ WTO และให้คำมั่นว่าจะ "ปกป้องสิทธิของตนอย่างแข็งขัน"
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลยกคำร้องทนายตุ๋ย ปิดปากสื่อไม่สำเร็จ ใครบิดเบือนความยุติธรรมคดี "แตงโม" ?
    .
    วันพุธที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้มีการนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ วันพุธที่ผ่านมาเป็นการสืบพยานจำเลยนัดสุดท้าย รวม 2 ปาก ประกอบด้วย กระติก อิศรินทร์ กับ นายภีม ธรรมธีรศรี หรือ เอ็ม ส่วนทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม ให้สัมภาษณ์ว่า อีก 2 เดือนครึ่ง คงจะมีคำพิพากษาออกมา
    .
    ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามันมีประเด็นสำคัญ คือ ทนายตุ๋ย พรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ของนายแซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาลใน 2 สำนวน สำนวนแรกคือเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต คนที่ถูกกล่าวหามี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา อีกสำนวนหนึ่งเป็นกรณีนักอาชญาวิทยาคนหนึ่ง คาดว่าเป็น รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ อาจารย์โต้ง นักอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ
    .
    ประเด็นเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างมีพิรุธ มีเงื่อนงำสำคัญเยอะแยะ และแต่ละครั้งที่คนบนเรือออกมาพูด ประชาชนเขาจับสังเกตข้อพิรุธได้ว่า ทำไมพวกคุณถึงพูดไม่เหมือนกันเลย นี่มันเป็นละครของคนบนเรือที่เล่นร่วมกัน เพื่อให้เห็นว่าแตงโมตกน้ำตาย ทำให้คนที่มีความรู้ มีวิจารณญาณ ต้องการแสวงหาความจริง เป็นข้อพิรุธที่คนสงสัยกันทั้งประเทศ ว่า การตายของแตงโมนั้นมีเงื่อนงำ
    .
    ผมอยากจะบอกว่า การฟ้องปิดปากสื่อเป็นการปิดกั้นการแสวงหาความจริง แต่การที่นายแซน นายปอ กับทนายตุ๋ย เดินสายออกอากาศหลายช่อง แถลงข่าวหลายครั้ง พูดถูก พูดผิดไม่รู้โกหกไปอย่างไร พูดไม่เหมือนกันสักครั้ง ก็ต้องผิดยิ่งกว่า เพราะว่าพวกคุณทะลึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงในคดีด้วย ยิ่งกว่าบุคคลภายนอกซึ่งเป็นสื่อมวลชน อย่างผม อย่างอาจารย์ปานเทพ และพรรคพวกอีก
    .
    ในช่วงเย็นวันเดียวกัน วันพุธที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรียกคำร้องทนายตุ๋ย พรศักดิ์ ทนายความของแซน วิศาพัช จำเลย และคนบนเรือ ที่ยื่นเรื่องขอให้ไต่สวนนายอัจฉริยะ อาจารย์ปานเทพ และพรรคพวก กรณีจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ
    .
    หลังจากศาลยกคำร้องแล้ว นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ กล่าวว่า ในการสืบพยานวันนี้ยังสืบพยานไม่เสร็จ คดีเดินไปตามปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนคดีการยื่นไต่สวนเรื่องละเมิดอำนาจศาล เรื่องการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือนั้น ขอยังไม่ให้ข้อมูล พูดแบบกำกวม ยังรักษาความเท่อยู่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ความเท่มันสูญหายไปตั้งนานแล้ว
    .
    คุณพรศักดิ์ คุณจะเท่ทั้งที เท่ให้มีหลักการ แล้วคุณอย่าคิดมาเคี้ยวผม พวกผมง่ายๆ เหมือนอย่างที่คุณคิดนะ ไม่ใช่ คุณคิดผิด คิดใหม่ได้ คุณควรจะกลับไปแล้วพูดกับนายแซน ลูกความคุณ ว่าเวลาพูดอะไร ให้จำๆเอาไว้หน่อยได้ไหมว่าเคยพูดอะไรไว้ อย่าไปพูดขัดแย้งกัน
    .
    สาธุ! คุณพรศักดิ์ ผมภาวนาให้ดีเอสไอรับเรื่องนี้เข้าไป แล้วผมเชื่ออย่างหนึ่งนะครับ คุณวิศาพัช คุณแซน ทนายพรศักดิ์ นายปอ คุณไม่เชื่อเหมือนผม ไม่เป็นไร เวรกรรมมันมีจริง ใครทำอะไรแตงโมไว้ เวรกรรมตามถึงพวกมึงแน่นอน ไม่ต้องห่วง ถึงแน่นอน ผม สนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัจจะวาจาตรงนี้ว่า ต้องถึงแน่นอน
    ศาลยกคำร้องทนายตุ๋ย ปิดปากสื่อไม่สำเร็จ ใครบิดเบือนความยุติธรรมคดี "แตงโม" ? . วันพุธที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้มีการนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ วันพุธที่ผ่านมาเป็นการสืบพยานจำเลยนัดสุดท้าย รวม 2 ปาก ประกอบด้วย กระติก อิศรินทร์ กับ นายภีม ธรรมธีรศรี หรือ เอ็ม ส่วนทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม ให้สัมภาษณ์ว่า อีก 2 เดือนครึ่ง คงจะมีคำพิพากษาออกมา . ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามันมีประเด็นสำคัญ คือ ทนายตุ๋ย พรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ของนายแซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาลใน 2 สำนวน สำนวนแรกคือเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต คนที่ถูกกล่าวหามี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา อีกสำนวนหนึ่งเป็นกรณีนักอาชญาวิทยาคนหนึ่ง คาดว่าเป็น รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ อาจารย์โต้ง นักอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ . ประเด็นเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างมีพิรุธ มีเงื่อนงำสำคัญเยอะแยะ และแต่ละครั้งที่คนบนเรือออกมาพูด ประชาชนเขาจับสังเกตข้อพิรุธได้ว่า ทำไมพวกคุณถึงพูดไม่เหมือนกันเลย นี่มันเป็นละครของคนบนเรือที่เล่นร่วมกัน เพื่อให้เห็นว่าแตงโมตกน้ำตาย ทำให้คนที่มีความรู้ มีวิจารณญาณ ต้องการแสวงหาความจริง เป็นข้อพิรุธที่คนสงสัยกันทั้งประเทศ ว่า การตายของแตงโมนั้นมีเงื่อนงำ . ผมอยากจะบอกว่า การฟ้องปิดปากสื่อเป็นการปิดกั้นการแสวงหาความจริง แต่การที่นายแซน นายปอ กับทนายตุ๋ย เดินสายออกอากาศหลายช่อง แถลงข่าวหลายครั้ง พูดถูก พูดผิดไม่รู้โกหกไปอย่างไร พูดไม่เหมือนกันสักครั้ง ก็ต้องผิดยิ่งกว่า เพราะว่าพวกคุณทะลึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงในคดีด้วย ยิ่งกว่าบุคคลภายนอกซึ่งเป็นสื่อมวลชน อย่างผม อย่างอาจารย์ปานเทพ และพรรคพวกอีก . ในช่วงเย็นวันเดียวกัน วันพุธที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรียกคำร้องทนายตุ๋ย พรศักดิ์ ทนายความของแซน วิศาพัช จำเลย และคนบนเรือ ที่ยื่นเรื่องขอให้ไต่สวนนายอัจฉริยะ อาจารย์ปานเทพ และพรรคพวก กรณีจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ . หลังจากศาลยกคำร้องแล้ว นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ กล่าวว่า ในการสืบพยานวันนี้ยังสืบพยานไม่เสร็จ คดีเดินไปตามปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนคดีการยื่นไต่สวนเรื่องละเมิดอำนาจศาล เรื่องการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือนั้น ขอยังไม่ให้ข้อมูล พูดแบบกำกวม ยังรักษาความเท่อยู่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ความเท่มันสูญหายไปตั้งนานแล้ว . คุณพรศักดิ์ คุณจะเท่ทั้งที เท่ให้มีหลักการ แล้วคุณอย่าคิดมาเคี้ยวผม พวกผมง่ายๆ เหมือนอย่างที่คุณคิดนะ ไม่ใช่ คุณคิดผิด คิดใหม่ได้ คุณควรจะกลับไปแล้วพูดกับนายแซน ลูกความคุณ ว่าเวลาพูดอะไร ให้จำๆเอาไว้หน่อยได้ไหมว่าเคยพูดอะไรไว้ อย่าไปพูดขัดแย้งกัน . สาธุ! คุณพรศักดิ์ ผมภาวนาให้ดีเอสไอรับเรื่องนี้เข้าไป แล้วผมเชื่ออย่างหนึ่งนะครับ คุณวิศาพัช คุณแซน ทนายพรศักดิ์ นายปอ คุณไม่เชื่อเหมือนผม ไม่เป็นไร เวรกรรมมันมีจริง ใครทำอะไรแตงโมไว้ เวรกรรมตามถึงพวกมึงแน่นอน ไม่ต้องห่วง ถึงแน่นอน ผม สนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัจจะวาจาตรงนี้ว่า ต้องถึงแน่นอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1605 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายเดชา เผยศาลสืบพยานจำเลยคดีแตงโม 2 ปากสุดท้าย พิจารณา 2 เดือนครึ่งก่อนมีคำพิพากษา พร้อมยื่นคำร้องไต่สวน"ปานเทพ-อัจฉริยะ-หมอธวัชชัย" จำลองเหตุการณ์ตกเรือละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ส่วนทนาย แซน วิศาพัช ยื่นไต่สวนนักอาชญวิทยาดังให้สัมภาษณ์
    .
    วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาวที่ตกเรือสปีดโบ้ทเสียชีวิต เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี ในนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานจำเลย นัดสุดท้ายรวม 2 ปาก ประกอบด้วย น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม กับ นายภีม ธรรมศรี หรือเอ็ม โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มี น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก พร้อมด้วย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน และนางภนิดา เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีเมื่อเวลา 9.00 น.
    .
    นายเดชา กล่าวว่า การสืบพยานจำเลยในวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากจำเลยจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือให้ศาลรับฟัง ซึ่งเป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนจะสืบพยานแล้วเสร็จในวันนี้เลยหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลจะใช้เวลาพิจารณาคดีอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง ก่อนที่จะมีคำพิพากษา และเท่าที่ได้คุยกับนายพรศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า วันนี้จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน
    .
    สำนวนแรก เป็นเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา
    .
    ส่วนอีกสำนวน เป็นกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าว นายพรศักดิ์ ทนายความแซน วิศาพัช จะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
    .
    ส่วนความพยายามรื้อคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา ของนายอัจฉริยะและพวก นายเดชาระบุว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับนายอัจฉริยะ เบื้องต้นยืนยันว่าการรื้อคดีเหตุแห่งการเสียชีวิต น่าจะมีความยุ่งยากซับซ้อนในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในชั้นต้นและอุทธรณ์ แต่จะมุ่งเน้นไปที่ตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีความบกพร่อง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการยื่นเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว
    .
    ส่วนกรณีที่ทนายโจทก์ ทนายจำเลยในคดีเดียวกัน หารือกันในข้อกฎหมาย แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อกฎหมาย สามารถทำได้ เพราะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี ส่วนการตัดพยานบางปากออกจากสำนวน เป็นความประสงค์ของนางพนิดา แม่ของแตงโม เนื่องจากมองว่ามีพยานที่เป็นหมอมาเบิกความจำนวนหลายปากแล้ว ทำให้เสียเวลาในการสืบพยาน
    .
    นายเดชา ยังกล่าวว่า กรณีแม่ของแตงโมก็เห็นด้วย ถ้าหากมีพยานหลักฐานใหม่ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับฝั่งของนายอัจฉริยะ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009329
    .........
    Sondhi X
    ทนายเดชา เผยศาลสืบพยานจำเลยคดีแตงโม 2 ปากสุดท้าย พิจารณา 2 เดือนครึ่งก่อนมีคำพิพากษา พร้อมยื่นคำร้องไต่สวน"ปานเทพ-อัจฉริยะ-หมอธวัชชัย" จำลองเหตุการณ์ตกเรือละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ส่วนทนาย แซน วิศาพัช ยื่นไต่สวนนักอาชญวิทยาดังให้สัมภาษณ์ . วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาวที่ตกเรือสปีดโบ้ทเสียชีวิต เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี ในนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานจำเลย นัดสุดท้ายรวม 2 ปาก ประกอบด้วย น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม กับ นายภีม ธรรมศรี หรือเอ็ม โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มี น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก พร้อมด้วย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน และนางภนิดา เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีเมื่อเวลา 9.00 น. . นายเดชา กล่าวว่า การสืบพยานจำเลยในวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากจำเลยจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือให้ศาลรับฟัง ซึ่งเป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนจะสืบพยานแล้วเสร็จในวันนี้เลยหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลจะใช้เวลาพิจารณาคดีอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง ก่อนที่จะมีคำพิพากษา และเท่าที่ได้คุยกับนายพรศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า วันนี้จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน . สำนวนแรก เป็นเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา . ส่วนอีกสำนวน เป็นกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าว นายพรศักดิ์ ทนายความแซน วิศาพัช จะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ . ส่วนความพยายามรื้อคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา ของนายอัจฉริยะและพวก นายเดชาระบุว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับนายอัจฉริยะ เบื้องต้นยืนยันว่าการรื้อคดีเหตุแห่งการเสียชีวิต น่าจะมีความยุ่งยากซับซ้อนในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในชั้นต้นและอุทธรณ์ แต่จะมุ่งเน้นไปที่ตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีความบกพร่อง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการยื่นเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว . ส่วนกรณีที่ทนายโจทก์ ทนายจำเลยในคดีเดียวกัน หารือกันในข้อกฎหมาย แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อกฎหมาย สามารถทำได้ เพราะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี ส่วนการตัดพยานบางปากออกจากสำนวน เป็นความประสงค์ของนางพนิดา แม่ของแตงโม เนื่องจากมองว่ามีพยานที่เป็นหมอมาเบิกความจำนวนหลายปากแล้ว ทำให้เสียเวลาในการสืบพยาน . นายเดชา ยังกล่าวว่า กรณีแม่ของแตงโมก็เห็นด้วย ถ้าหากมีพยานหลักฐานใหม่ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับฝั่งของนายอัจฉริยะ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009329 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    13
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3319 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts