• อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล โยอัฟ กัลลันต์ ระบุ ๓ เหตุผลในการปลดเขาออกจากตำแหน่ง

    หลังจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แต่งตั้งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่แทนกัลลันต์, อดีตผู้นำกองทัพกล่าวว่าเขาถูกไล่ออกเพราะ ๓ ประเด็น, ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไทม์สออฟอิสราเอล

    ตามรายงานของหนังสือพิมพ์, ประเด็นดังกล่าวมีดังนี้

    ▪️การแบ่งปันภาระด้านกลาโหม;

    ▪️ความจำเป็นในการนำตัวประกันกลับคืนมา;

    ▪️ความจำเป็นในการเรียนรู้บทเรียนผ่านคณะกรรมการสอบสวนของรัฐเกี่ยวกับเหตุการณ์ ๗ ตุลาคม และสงครามที่เกิดขึ้นตามมา
    .
    FORMER ISRAELI DEFENSE MINISTER YOAV GALLANT IDENTIFIED THREE REASONS FOR HIS DISMISSAL

    After Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu appointed a new defense minister in place of Gallant, the ex military head said he was fired over three issues, the Times of Israel reports.

    According to the newspaper, the issues are:

    ▪️the sharing of the defense burden;
    ▪️the imperative to bring back the hostages;
    ▪️the need to learn lessons through a state commission of inquiry into October 7 and the war that followed.
    .
    6:01 AM · Nov 6, 2024 · 1,672 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1853935764926554347
    อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล โยอัฟ กัลลันต์ ระบุ ๓ เหตุผลในการปลดเขาออกจากตำแหน่ง หลังจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แต่งตั้งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่แทนกัลลันต์, อดีตผู้นำกองทัพกล่าวว่าเขาถูกไล่ออกเพราะ ๓ ประเด็น, ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไทม์สออฟอิสราเอล ตามรายงานของหนังสือพิมพ์, ประเด็นดังกล่าวมีดังนี้ ▪️การแบ่งปันภาระด้านกลาโหม; ▪️ความจำเป็นในการนำตัวประกันกลับคืนมา; ▪️ความจำเป็นในการเรียนรู้บทเรียนผ่านคณะกรรมการสอบสวนของรัฐเกี่ยวกับเหตุการณ์ ๗ ตุลาคม และสงครามที่เกิดขึ้นตามมา . FORMER ISRAELI DEFENSE MINISTER YOAV GALLANT IDENTIFIED THREE REASONS FOR HIS DISMISSAL After Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu appointed a new defense minister in place of Gallant, the ex military head said he was fired over three issues, the Times of Israel reports. According to the newspaper, the issues are: ▪️the sharing of the defense burden; ▪️the imperative to bring back the hostages; ▪️the need to learn lessons through a state commission of inquiry into October 7 and the war that followed. . 6:01 AM · Nov 6, 2024 · 1,672 Views https://x.com/SputnikInt/status/1853935764926554347
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอ่วเหนือ 400 คนภาคอื่นไม่คุ้ม

    ไม่ปังอย่างที่คิด สำหรับโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือหลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) มีเสียงวิจารณ์ว่า นอกจากไปพ้องกับโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว ยังทำได้แย่กว่า

    จากเดิมที่นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.คาดว่า 10,000 สิทธิ์จะหมดทันทีในวันแรก ปรากฎว่าผ่านไป 2 วัน มีผู้มาใช้สิทธิ์ส่วนลดแค่ 1,814 สิทธิ์ คงเหลือ 8,186 สิทธิ์ แต่ด้วยระยะเวลาใช้จ่ายโครงการถึง 31 ธ.ค. 2567 คาดว่าสิทธิ์จะค่อยลดลงอย่างช้าๆ ในวันธรรมดา และเพิ่มขึ้นในวันหยุดราชการ ถึงกระนั้น ในมุมมองนักท่องเที่ยวถือว่าไม่คุ้ม เพราะให้ส่วนลด 50% เพียงแค่ 400 บาท และยังต้องใช้สิทธิ์เมื่อถึงปลายทาง ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ ไม่จูงใจมากพอที่คนภาคอื่นจะมาเที่ยว

    ยิ่งเดือน พ.ย. เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงฤดูหนาว ราคาที่พักสูงกว่าช่วงอื่น นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งจองห้องพักล่วงหน้าไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ อีกส่วนหนึ่งใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักหมดแล้ว ก็ไม่ถึงมือร้านอาหาร สปา และผู้ประกอบการอื่น แถมมีโรงแรมบางแห่งจำกัดวันละ 5 สิทธิ์ต่อวัน คนมาที่หลังต้องจ่ายราคาเต็ม ซึ่งมุมมองของผู้ประกอบการ ต้องแบกรับภาระต้นทุนลูกค้าห้องละ 400 บาท หากมีลูกค้าใช้สิทธิ์ 100 ห้อง ต้องแบกภาระสูงถึง 40,000 บาท จนกว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ม.ค. 2568 ซึ่งไม่แน่นอนหากพบการทุจริต

    ย้อนกลับมาที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 5 เฟส ตั้งแต่ปี 2563-2566 มอบส่วนลด 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน ทำให้จองห้องพักหรูได้ในราคาที่ถูกลง ใช้สิทธิ์ได้ 10-15 ห้องหรือคืน และจองล่วงหน้าได้ เมื่อเช็กอินแล้วยังมีคูปอง e-voucher ค่าอาหาร ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600-900 บาทต่อวัน และสามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาทสำหรับจังหวัดท่องเที่ยว และ 2,000 บาทสำหรับจังหวัดอื่นๆ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 24,016 ล้านบาท แต่เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 58,621 ล้านบาท

    #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #เราเที่ยวด้วยกัน
    แอ่วเหนือ 400 คนภาคอื่นไม่คุ้ม ไม่ปังอย่างที่คิด สำหรับโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือหลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) มีเสียงวิจารณ์ว่า นอกจากไปพ้องกับโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว ยังทำได้แย่กว่า จากเดิมที่นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.คาดว่า 10,000 สิทธิ์จะหมดทันทีในวันแรก ปรากฎว่าผ่านไป 2 วัน มีผู้มาใช้สิทธิ์ส่วนลดแค่ 1,814 สิทธิ์ คงเหลือ 8,186 สิทธิ์ แต่ด้วยระยะเวลาใช้จ่ายโครงการถึง 31 ธ.ค. 2567 คาดว่าสิทธิ์จะค่อยลดลงอย่างช้าๆ ในวันธรรมดา และเพิ่มขึ้นในวันหยุดราชการ ถึงกระนั้น ในมุมมองนักท่องเที่ยวถือว่าไม่คุ้ม เพราะให้ส่วนลด 50% เพียงแค่ 400 บาท และยังต้องใช้สิทธิ์เมื่อถึงปลายทาง ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ ไม่จูงใจมากพอที่คนภาคอื่นจะมาเที่ยว ยิ่งเดือน พ.ย. เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงฤดูหนาว ราคาที่พักสูงกว่าช่วงอื่น นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งจองห้องพักล่วงหน้าไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ อีกส่วนหนึ่งใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักหมดแล้ว ก็ไม่ถึงมือร้านอาหาร สปา และผู้ประกอบการอื่น แถมมีโรงแรมบางแห่งจำกัดวันละ 5 สิทธิ์ต่อวัน คนมาที่หลังต้องจ่ายราคาเต็ม ซึ่งมุมมองของผู้ประกอบการ ต้องแบกรับภาระต้นทุนลูกค้าห้องละ 400 บาท หากมีลูกค้าใช้สิทธิ์ 100 ห้อง ต้องแบกภาระสูงถึง 40,000 บาท จนกว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ม.ค. 2568 ซึ่งไม่แน่นอนหากพบการทุจริต ย้อนกลับมาที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 5 เฟส ตั้งแต่ปี 2563-2566 มอบส่วนลด 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน ทำให้จองห้องพักหรูได้ในราคาที่ถูกลง ใช้สิทธิ์ได้ 10-15 ห้องหรือคืน และจองล่วงหน้าได้ เมื่อเช็กอินแล้วยังมีคูปอง e-voucher ค่าอาหาร ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600-900 บาทต่อวัน และสามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาทสำหรับจังหวัดท่องเที่ยว และ 2,000 บาทสำหรับจังหวัดอื่นๆ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 24,016 ล้านบาท แต่เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 58,621 ล้านบาท #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #เราเที่ยวด้วยกัน
    Like
    Haha
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร. นพ. ฮิเดกิ วาดะ แนะนำ ให้ผู้ที่มีอายุ 70 ขึ้นไป มีพฤติกรรมดังนี้ จะมีอายุยืนยาวเกิน 90 ปีแน่ๆ คือ

    1. ต้องเดินทุกวัน พยายามเดินให้ได้วันละ ไม่น้อยกว่า 15 นาที
    2. เมื่อนึกขึ้นได้เมื่อไร ให้หายใจยาวๆลึกๆ ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
    3. พยายามยืดเส้น ยืดกล้ามเนื้อ บิดเนื้อ บิดตัวเป็นครั้งคราว
    4. จิบน้ำบ่อยๆ แม้จะไม่กระหายน้ำก็ตาม พยายามจิบน้ำให้ได้มากขึ้น
    5. อายุมากแล้ว อย่าปล่อยให้ท้องผูก กินอหารมีกากใย ลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ให้น้อยลง
    6. พยายามขยับปาก จะเคี้ยว จะพูด จะร้องเหลง เป็นสิ่งที่ควรทำ
    7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุมาก แต่ เพราะไม่ใช้สมองเลยนั่นเอง
    8. ไม่ต้องกินยาเยอะ กินเท่าที่จำเป็น
    9. พยายามวัดความดันเลือดบ่อยๆ เพื่อคุมไม่ให้ความดันสวิง
    10. ทำอารมณ์ให้แจ่มใสเป็นนิจ
    11. พบปะ สังสรรค์กับเพื่อนผู้รู้ใจอยู่เนืองๆ
    12. ท่องเที่ยวอย่างสบายๆ ไม่โลดโผนตามโอกาส
    13. ทำในสิ่งที่ชอบ ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้สิ่งที่ไม่ชอบ หรือปัดทิ้งให้มากขึ้น
    14. ฝึกร้องเพลงจากระดับอนุบาล จนเข้าขั้นมหาลัย….ปอดจะแข็งแรงจนน่าทึ่ง ลดอาการเหนื่อยง่ายลงได้อย่างน่าแปลกใจ
    15.อย่านั่งนอนตลอดเวลา ให้ขยับตัวลุกเดินให้บ่อยขึ้น
    16. กินอะไรก็ได้ ที่ชอบ แต่ อย่าให้เกิดโทษต่อร่างกายนัก
    17. ทำทุกอย่าง ที่ทำให้ใจสบาย มีความสุข
    18. ปล่อยวาง ให้อภัยให้มากขึ้น
    19. รู้จักการแบ่งปันให้ผู้ขาดแคลน ด้อยโอกาส
    20. เป็นโรคอะไรอยู่ก็ตาม เรียนรู้ที่อยู่กับมัน จนคุ้นเคยจักดีกว่า
    21. มองสิ่งรอบตัวในแง่บวกเข้าไว้ เห็นอะไร ก็ดีนะ ดีที่มี ดีที่เป็น
    22. ลดความริษยา อาฆาต มาดร้าย ปลงให้เป็น เย็นให้ได้ เด๋วก็ตายจากกันแล้วววววว
    23. เคยไม่ชอบหน้าใคร ให้ลดละเลิก โดยเฉพาะเรื่องหนักๆของนักการเมืองที่ไม่ถูกใจเรา เด๋วกรรมจะจัดการมันเอง อย่าไปเครียด ประเทศไม่ใช่ของเราคนเดียว อย่าไปแบกไว้บนบ่า มันหนัก
    24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน งีบเลย
    25. เห็นสิ่งใดดี ทำเลย สิ่งใดไม่ดี เลิกทำ ช่วยใครได้ ช่วยเลย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สลึงเดียว
    26. ให้อยู่ท่ามกลางคนดี มีจิตสาธารณะ จะมองโลกสวยงามขึ้น
    27. หา "หมอครอบครัว" อย่าเชื่อหมอที่โรงพยาบาลมากนัก
    28. อย่าบังคับตัวเองมากเกินไป ทำสิ่งที่สบายใจก่อนดีกว่า
    29.แก่แล้ว ไม่ต้องโลภ ตายแล้ว เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ พอใจในสิ่งที่มี มีแล้วรู้จักการแบ่งปัน
    30. สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อผู้อิ่น ถ้าทำได้ ให้ทำทันที
    31.มองสิ่งรอบตัว ให้มีความสุข จิตเบิกบาน
    32.มีเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลคน หรือ สัตว์ใดได้ ให้ทำทันที
    33. มีอะไรที่เกิดขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง
    34. พยายามช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น
    35. ยอมรับความจริงว่า เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้น มันจะอยู่ไม่นาน จะเป็นอยู่ชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนไป ในที่สุด ก็จะหมดไป ดับไป เป็นธรรมดา !!!!!

    ใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ได้…..มีอายุยืนกว่า 90 ปี เป็นอย่างน้อย……แน่นอน❣️❣️❣️❣️❣️
    ดร. นพ. ฮิเดกิ วาดะ แนะนำ ให้ผู้ที่มีอายุ 70 ขึ้นไป มีพฤติกรรมดังนี้ จะมีอายุยืนยาวเกิน 90 ปีแน่ๆ คือ 1. ต้องเดินทุกวัน พยายามเดินให้ได้วันละ ไม่น้อยกว่า 15 นาที 2. เมื่อนึกขึ้นได้เมื่อไร ให้หายใจยาวๆลึกๆ ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง 3. พยายามยืดเส้น ยืดกล้ามเนื้อ บิดเนื้อ บิดตัวเป็นครั้งคราว 4. จิบน้ำบ่อยๆ แม้จะไม่กระหายน้ำก็ตาม พยายามจิบน้ำให้ได้มากขึ้น 5. อายุมากแล้ว อย่าปล่อยให้ท้องผูก กินอหารมีกากใย ลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ให้น้อยลง 6. พยายามขยับปาก จะเคี้ยว จะพูด จะร้องเหลง เป็นสิ่งที่ควรทำ 7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุมาก แต่ เพราะไม่ใช้สมองเลยนั่นเอง 8. ไม่ต้องกินยาเยอะ กินเท่าที่จำเป็น 9. พยายามวัดความดันเลือดบ่อยๆ เพื่อคุมไม่ให้ความดันสวิง 10. ทำอารมณ์ให้แจ่มใสเป็นนิจ 11. พบปะ สังสรรค์กับเพื่อนผู้รู้ใจอยู่เนืองๆ 12. ท่องเที่ยวอย่างสบายๆ ไม่โลดโผนตามโอกาส 13. ทำในสิ่งที่ชอบ ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้สิ่งที่ไม่ชอบ หรือปัดทิ้งให้มากขึ้น 14. ฝึกร้องเพลงจากระดับอนุบาล จนเข้าขั้นมหาลัย….ปอดจะแข็งแรงจนน่าทึ่ง ลดอาการเหนื่อยง่ายลงได้อย่างน่าแปลกใจ 15.อย่านั่งนอนตลอดเวลา ให้ขยับตัวลุกเดินให้บ่อยขึ้น 16. กินอะไรก็ได้ ที่ชอบ แต่ อย่าให้เกิดโทษต่อร่างกายนัก 17. ทำทุกอย่าง ที่ทำให้ใจสบาย มีความสุข 18. ปล่อยวาง ให้อภัยให้มากขึ้น 19. รู้จักการแบ่งปันให้ผู้ขาดแคลน ด้อยโอกาส 20. เป็นโรคอะไรอยู่ก็ตาม เรียนรู้ที่อยู่กับมัน จนคุ้นเคยจักดีกว่า 21. มองสิ่งรอบตัวในแง่บวกเข้าไว้ เห็นอะไร ก็ดีนะ ดีที่มี ดีที่เป็น 22. ลดความริษยา อาฆาต มาดร้าย ปลงให้เป็น เย็นให้ได้ เด๋วก็ตายจากกันแล้วววววว 23. เคยไม่ชอบหน้าใคร ให้ลดละเลิก โดยเฉพาะเรื่องหนักๆของนักการเมืองที่ไม่ถูกใจเรา เด๋วกรรมจะจัดการมันเอง อย่าไปเครียด ประเทศไม่ใช่ของเราคนเดียว อย่าไปแบกไว้บนบ่า มันหนัก 24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน งีบเลย 25. เห็นสิ่งใดดี ทำเลย สิ่งใดไม่ดี เลิกทำ ช่วยใครได้ ช่วยเลย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สลึงเดียว 26. ให้อยู่ท่ามกลางคนดี มีจิตสาธารณะ จะมองโลกสวยงามขึ้น 27. หา "หมอครอบครัว" อย่าเชื่อหมอที่โรงพยาบาลมากนัก 28. อย่าบังคับตัวเองมากเกินไป ทำสิ่งที่สบายใจก่อนดีกว่า 29.แก่แล้ว ไม่ต้องโลภ ตายแล้ว เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ พอใจในสิ่งที่มี มีแล้วรู้จักการแบ่งปัน 30. สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อผู้อิ่น ถ้าทำได้ ให้ทำทันที 31.มองสิ่งรอบตัว ให้มีความสุข จิตเบิกบาน 32.มีเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลคน หรือ สัตว์ใดได้ ให้ทำทันที 33. มีอะไรที่เกิดขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง 34. พยายามช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น 35. ยอมรับความจริงว่า เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้น มันจะอยู่ไม่นาน จะเป็นอยู่ชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนไป ในที่สุด ก็จะหมดไป ดับไป เป็นธรรมดา !!!!! ใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ได้…..มีอายุยืนกว่า 90 ปี เป็นอย่างน้อย……แน่นอน❣️❣️❣️❣️❣️
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยผู้ประกันตน 2567 เริ่ม 1 พ.ย. 2567 กู้ได้ 2 ล้าน
    .
    วันที่ 31 ตุลาคม 2567 นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน มีนโยบายให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ผู้ใช้แรงงาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เร่งผลักดันนโยบายให้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน จับมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ กระทรวงการคลัง จัดโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ปี 2567 เพื่อเป้าหมาย “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยจะช่วยให้ผู้ประกันตนทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ นั้น
    .
    สำนักงานประกันสังคม จึงได้นำโครงการดังกล่าว เสนอคณะกรรมการประกันสังคม และคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ให้ดำเนิน "โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ปี 2567” สามารถขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ภายในวงเงินจำนวนไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ให้กับผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40 ต้องส่งเงินสมทบต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี ก่อนเดือนที่ขอใช้สิทธิ
    .
    โดยมีวัตถุประสงค์
    - เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย
    - เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัย
    - เพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างที่อยู่อาศัย
    ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่เข้าร่วมโครงการจะต้องไม่มีภาระผ่อนที่อยู่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน โดยสำนักงานประกันสังคมได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ผู้ประกันตนสามารถขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 1.59 ต่อปี คงที่เป็นระยะเวลา 5 ปี และในปีที่ 6 – 8 อัตราดอกเบี้ย MRR–ร้อยละ 2 ต่อปี (MRR–2%) และตั้งแต่ปีที่ 9 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย MRR–ร้อยละ 0.5 ต่อปี (MRR–0.5%) โดยผู้ประกันตนจะได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไม่เกินรายละ 2,000,000 บาท
    .
    ผู้ประกันตนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสินเชื่อฯ ดาวน์โหลด Application SSO Plus เพื่อขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป เพื่อนำเอกสารดังกล่าวไปยื่นประกอบการขอสินเชื่อฯ
    .
    ที่มา: สำนักงานประกันสังคม
    .
    - https://www.sso.go.th/wpr/assets/upload/files_storage/sso_th/e1fb643574d4535064f0e92a999729f9.pdf
    .
    #PlanWise
    โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยผู้ประกันตน 2567 เริ่ม 1 พ.ย. 2567 กู้ได้ 2 ล้าน . วันที่ 31 ตุลาคม 2567 นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน มีนโยบายให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ผู้ใช้แรงงาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เร่งผลักดันนโยบายให้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน จับมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ กระทรวงการคลัง จัดโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ปี 2567 เพื่อเป้าหมาย “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยจะช่วยให้ผู้ประกันตนทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ นั้น . สำนักงานประกันสังคม จึงได้นำโครงการดังกล่าว เสนอคณะกรรมการประกันสังคม และคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ให้ดำเนิน "โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ปี 2567” สามารถขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ภายในวงเงินจำนวนไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ให้กับผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40 ต้องส่งเงินสมทบต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี ก่อนเดือนที่ขอใช้สิทธิ . โดยมีวัตถุประสงค์ - เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย - เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัย - เพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่เข้าร่วมโครงการจะต้องไม่มีภาระผ่อนที่อยู่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน โดยสำนักงานประกันสังคมได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ผู้ประกันตนสามารถขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 1.59 ต่อปี คงที่เป็นระยะเวลา 5 ปี และในปีที่ 6 – 8 อัตราดอกเบี้ย MRR–ร้อยละ 2 ต่อปี (MRR–2%) และตั้งแต่ปีที่ 9 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย MRR–ร้อยละ 0.5 ต่อปี (MRR–0.5%) โดยผู้ประกันตนจะได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไม่เกินรายละ 2,000,000 บาท . ผู้ประกันตนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสินเชื่อฯ ดาวน์โหลด Application SSO Plus เพื่อขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป เพื่อนำเอกสารดังกล่าวไปยื่นประกอบการขอสินเชื่อฯ . ที่มา: สำนักงานประกันสังคม . - https://www.sso.go.th/wpr/assets/upload/files_storage/sso_th/e1fb643574d4535064f0e92a999729f9.pdf . #PlanWise
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวานกับวันนี้รู้สึกกดดันมากๆเลย ไม่ค่อยได้โพสต์อะไรได้สบายๆ บางทีก็ต้องมาโพสต์แบบตัดพ้อปัญหาชีวิตที่ต้องมาถูกทางบ้านบังคับและเข้มงวด จนผมไม่มีกรอบเป็นของตัวเอง ความเข็นห่วงของเขาเ็นบ่วงบาศที่รัดตัวผมไว้แน่นจนผมต้องหาทางแก้บ่วงบาศเพื่อตัดตัวเองออกจากทางบ้านเพราะเหมือนทางบ้านไม่ซัพพอร์ตเรื่องผมทำงานอิสระด้านเขียนเว็บและเขียนโปรแกรมครับ อยากให้ผมเป็นลูกจ้าง อยากให้ผมเป็นพนักงานระดับล่าง ต้องทนแบกภาระที่ผู้ใหญ่โยนมา และจะให้ทำจนเษียณหรือครับ อยากเลื่อนตำแหน่ง เหมือนจะต้องเสี่งคุกเสี่ยงตะราง เพราะผมไม่ได้มีเพื่อนสนิทที่ทำงานราชการ แต่ระบบงานไม่มีระดับหัวหน้าลงมาช่วยทำงาน มีแต่สั่งลูกน้อง นั่งรอเซ็นอนุมัติ ทำงานเป็นทีมในที่นั่นเหมือนจะไม่ใช่เลย คือไม่ใช่เลย คือระดับล่างทำงานเยี่ยงทาสชั้นต่ำ ระดับบนนึกอยากโยนงานให้ระดับล่างคนไหนก็ได้ ตัวเองนั่งในห้องแอร์ อยู่บนหอคอยงาช้าง อีโก้สูง ไม่ยอมลงมือทำร่วมกับระดับล่าง กดดันระดับล่างอยู่อย่างเดียว ผมว่าพอสักที ที่ผมไม่ต้องการอยู่ในระบบงานที่เหมือนจะไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรมกับผมและทำให้ผมเบิร์นเอาท์เร็วมากจนเกือบต้องทะเลาะกับผู้ใหญ่
    วันนี้มาตัดพ้อส่วนของเมื่อวานที่ผมเกือบต้องมีปากเสียงกับคนจ้างซึ่งเขาผูกขาดผมคนเดียว และไม่ค่อยจ่ายเงิน และงานส่วนมากมันยาก ถึงทำได้ก็ทำไม่ทัน กดดันอะไรขนาดนั้น ตั้งแต่ผมเสียศูนย์จากการทำงานเป็นลูกจ้างของราชการ และเงินเดือนที่ได้เหมือนถูกควบคุมการใช้จ่าย คือผมอยากจะออกจากเรื่องที่ต้องมาทะเลาะกับผู้จ้าง เหมือนผมรู้สึกว่าผู้จ้างผมจะแกงผมเรื่องที่ Error มีเยอะขึ้น แต่ผมกลับคิดว่า Error มากขึ้น เพราะวิธีคิดของพี่เค้าไม่โอเคกับผม และยังใช้เวอร์ชั่นเฟรมเวิร์กเก่า เลยตะขิดตะขวงใจและกลัดกลุ้มใจลองคิดไปคิดมาดูแล้ว ว่าผมไม่ควรร่วมงานกับคนประเภทนี้จริงๆ ไม่เข้าใจความรู้สึกผมที่ทำมาแทบตาย ไม่เข้าใจที่ผมเครียดเพราะปัญหาที่บ้าน ยกลูกค้ากับลูกค้าในลูกค้ามาข่มอีก เพื่อเร่งผม ผมอยากคุยกับลูกค้าของลูกค้า ที่สั่งลูกค้าหรือคนจ้าง มากๆเลย คืออยากเจรจา ไม่อยากด่าทอ มีปากเสียงรุนแรงกัน ลิมิตผมต่างจากลิมิตคนอื่นมาก วันนี้หวังว่าขอจบช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ที่มันคุโชนมาตั้งแต่เมื่อวานให้ได้นะครับ สู้ๆครับผม
    เมื่อวานกับวันนี้รู้สึกกดดันมากๆเลย ไม่ค่อยได้โพสต์อะไรได้สบายๆ บางทีก็ต้องมาโพสต์แบบตัดพ้อปัญหาชีวิตที่ต้องมาถูกทางบ้านบังคับและเข้มงวด จนผมไม่มีกรอบเป็นของตัวเอง ความเข็นห่วงของเขาเ็นบ่วงบาศที่รัดตัวผมไว้แน่นจนผมต้องหาทางแก้บ่วงบาศเพื่อตัดตัวเองออกจากทางบ้านเพราะเหมือนทางบ้านไม่ซัพพอร์ตเรื่องผมทำงานอิสระด้านเขียนเว็บและเขียนโปรแกรมครับ อยากให้ผมเป็นลูกจ้าง อยากให้ผมเป็นพนักงานระดับล่าง ต้องทนแบกภาระที่ผู้ใหญ่โยนมา และจะให้ทำจนเษียณหรือครับ อยากเลื่อนตำแหน่ง เหมือนจะต้องเสี่งคุกเสี่ยงตะราง เพราะผมไม่ได้มีเพื่อนสนิทที่ทำงานราชการ แต่ระบบงานไม่มีระดับหัวหน้าลงมาช่วยทำงาน มีแต่สั่งลูกน้อง นั่งรอเซ็นอนุมัติ ทำงานเป็นทีมในที่นั่นเหมือนจะไม่ใช่เลย คือไม่ใช่เลย คือระดับล่างทำงานเยี่ยงทาสชั้นต่ำ ระดับบนนึกอยากโยนงานให้ระดับล่างคนไหนก็ได้ ตัวเองนั่งในห้องแอร์ อยู่บนหอคอยงาช้าง อีโก้สูง ไม่ยอมลงมือทำร่วมกับระดับล่าง กดดันระดับล่างอยู่อย่างเดียว ผมว่าพอสักที ที่ผมไม่ต้องการอยู่ในระบบงานที่เหมือนจะไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรมกับผมและทำให้ผมเบิร์นเอาท์เร็วมากจนเกือบต้องทะเลาะกับผู้ใหญ่ วันนี้มาตัดพ้อส่วนของเมื่อวานที่ผมเกือบต้องมีปากเสียงกับคนจ้างซึ่งเขาผูกขาดผมคนเดียว และไม่ค่อยจ่ายเงิน และงานส่วนมากมันยาก ถึงทำได้ก็ทำไม่ทัน กดดันอะไรขนาดนั้น ตั้งแต่ผมเสียศูนย์จากการทำงานเป็นลูกจ้างของราชการ และเงินเดือนที่ได้เหมือนถูกควบคุมการใช้จ่าย คือผมอยากจะออกจากเรื่องที่ต้องมาทะเลาะกับผู้จ้าง เหมือนผมรู้สึกว่าผู้จ้างผมจะแกงผมเรื่องที่ Error มีเยอะขึ้น แต่ผมกลับคิดว่า Error มากขึ้น เพราะวิธีคิดของพี่เค้าไม่โอเคกับผม และยังใช้เวอร์ชั่นเฟรมเวิร์กเก่า เลยตะขิดตะขวงใจและกลัดกลุ้มใจลองคิดไปคิดมาดูแล้ว ว่าผมไม่ควรร่วมงานกับคนประเภทนี้จริงๆ ไม่เข้าใจความรู้สึกผมที่ทำมาแทบตาย ไม่เข้าใจที่ผมเครียดเพราะปัญหาที่บ้าน ยกลูกค้ากับลูกค้าในลูกค้ามาข่มอีก เพื่อเร่งผม ผมอยากคุยกับลูกค้าของลูกค้า ที่สั่งลูกค้าหรือคนจ้าง มากๆเลย คืออยากเจรจา ไม่อยากด่าทอ มีปากเสียงรุนแรงกัน ลิมิตผมต่างจากลิมิตคนอื่นมาก วันนี้หวังว่าขอจบช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ที่มันคุโชนมาตั้งแต่เมื่อวานให้ได้นะครับ สู้ๆครับผม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..นี้คือความจริงทั้งหมด,อย่าตอแหลบิดค่าจริงใดๆอีกเลย.,ยกเลิกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดในแผ่นดินไทยที่ถูกปล้นไปได้แล้วจากmouข้อตกลงทาสห่าเหวตกลงลับๆห่าใดๆก็เถอะ,ควรจบทั้งหมด สู่ยุคใหม่กันจริงที่ทุกๆตารางนิ้วคืออธิปไตยไทยของแท้.
    ..จบสิ้นความยากจนเสียที,ไม่ก็ล่มสลายสิ้นชาติไทยไปทั้งหมดเถอะ,งี่เง่ากากกระจอกทั้งหมดนัก.
    ..คนไทยสมควรปฏิวัติด้วยมือคนภาคประชาชนเองมั้ย เหี้ยรอแต่ทหารทำซากอะไร ยึดทรัพย์นักการเมืองทั้งหมดบวกข้าราชการเลวจริงๆเสียที,ทหารทำมาทั้งหมด กาก&กระจอกบวกเสียของมาก ไร้สมองโง่เขลาที่มองไม่ออกว่า บ่อน้ำมันคือตัวปัญหาทั้งหมดของชาติที่แพงทั้งแผ่นดินบวกยากจนทุกๆคนไทยธรรมดาด้วย,กระจุกร่ำรวยโคตรพ่อโคตรแมร่งมันเฉพาะเดอะแก๊งเดอะก๊กบางกลุ่ม อาทิชนชั้นปกครองเหี้ยๆหน้าเดิมๆ,มันสมควรจบความชั่วเลวนี้ได้แล้ว อธิปไตยเหนือแผ่นดินไทยยังรักษาห่าเหวไม่ได้ตามอดีตเขียนลงไว้แล้ว เกาะกูดอีก ให้สัญชาติพม่าง่ายๆหรือต่างด้าวต่างๆมาสร้างกลโกลาหลแตกแยกในบ้านในเมืองไทย แย่งชิงงานคนไทยทั้งปกติพื้นฐานอีก,นี้คือการปกครองที่เลว ถีบออกไปเถอะ.,เพราะเราคนไทยได้ผู้นำเลว แล้วระบบจัดการชนชั้นปกครองเลวนี้ไม่เด็ดขาดจริง,ประหารต้องประหารได้ด้วย แต่ก็เหี้ย จนก่อเกิดปัญหาสาระพัดต่อเชื้อชั่วเลวสืบทอดมิจบสิ้นนับจากคณะ2475มาถึงปัจจุบันก็ว่า,
    ..ประเด็นตอนนี้ถ้าสายปกครองทั้งกมดคือเผ่าพันธุ์เลวสายแรปทีเลี่ยนชั่วจริง ต้องกำจัดทิ้งด้วยเช่นกัน .โลกต้องมีนักล่าปีศาจซาตานเพื่อปกป้องคนดีด้วย,ผู้เสียสละโคตรๆเลยล่ะ ตนทำภาระกิจเพื่อให้อีกคนบรรลุธรรมสะดวกก็ว่า,แมร่งถ้าทั้งแผ่นดินไทยมีแต่สงครามยิงระเบิดกันทุกๆวัน ข้าวปลาอาหารขาดแคลนไร้มีแดกในแต่ละวัน ทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยเป็นหมด,จะบันเทิงทุกข์ขนาดไหนล่ะ สะดวกบรรลุธรรมโคตรพ่อโคตรแมร่งท่านนะสิ,สถาบันไปวัดเลยล่ะทุกๆสถาบัน ฝันเลยจะอยู่สุขสบายห่าอะไรได้ เผลอๆหนีออกนอกประเทศโน้น ทั้งชนชั้นปกครองทั้งหมดแบบสีหนุไง,หรือใดๆที่ไหนล่ะ คนอำมาตย์ก็บินหนีก่อนใครด้วย เจ้าสัวคนร่ำรวยยิ่งชิงหนีตั้งแต่แรกก่อนเพื่อน สร้างบ้านหรูๆยิ่งใหญ่กว่าวังที่เมืองนอกก็ตรึม,ซวยคือคนจนยากจนชนธรรมดามิใช่ชนชั้นปกครองห่าอะไรแบบพวกเหี้ยๆนี้ พอบ้านเมืองสงบก็กลับมาสะแตกต่อ ผูกขาดสาระพัดทำประโยชน์แดกทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยยิ่งกว่าเก่า,สงครามโลกครั้งที่1ที่2มิได้สอนบทเรียนห่าใดๆบวกไปทำmouตกลงลับๆขายชาติขายอธิปไตยแก่ฝรั่งตะวันตกอีก ซึ่งมันทาสมันปล้นมันเอาเปรียบแผ่นดินไทยตน,โมฆะคือจบ ทำสงครามระหว่างชาติแบบเปิดเผยกันไปเลยก็ได้,ขลาดเขลาเหี้ยอะไร ตายทั้งแผ่นดินไทย มันจะย้ายคนมันมาอยู่ก็เหี้ยมันสิ,อย่างน้อยทั้งคนไทยหมดประเทศได้ต่อสู้,นี้จึงถีบๆชนชั้นปกครองแบบใจหมาใจกากๆออกจากการปกครองเถอะ,ปกครองให้คนของประเทศไทยตนอยากจน ผีบ้าเท่านั้นล่ะ จะผีบ้าให้คนผีบ้ามาปกครองทำซากอะไร,เราคนไทยไม่ต้องทำงานก็อยู่อย่างสบายๆ,ต่อยอดทำเครื่องพิมพ์ตังเข้าประเทศได้มากมาย เผลอไม่ขุดทรัพยากรมีค่าอะไรที่ไร้ความจำเป็นบ้าตังอะไรมากมายก็ได้ คนปกครองจริงๆนะ,ขี้ขลาด กากหรือกระจอก ใจขลาดเขลาก็ว่า เพียงคนไทยสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่งเดียวมันจบความชั่วเลวทั้งระบบได้หมด.ตกงานจะไม่มี มีแต่ตกใจในความร่ำรวยนะสิ,ชาติเรามันรวยโคตรๆจริงๆนะ,แต่เหี้ยกิ่งก่าปกครองเลยถูกทำให้ยากจน.
    ..นี้คือความจริงทั้งหมด,อย่าตอแหลบิดค่าจริงใดๆอีกเลย.,ยกเลิกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดในแผ่นดินไทยที่ถูกปล้นไปได้แล้วจากmouข้อตกลงทาสห่าเหวตกลงลับๆห่าใดๆก็เถอะ,ควรจบทั้งหมด สู่ยุคใหม่กันจริงที่ทุกๆตารางนิ้วคืออธิปไตยไทยของแท้. ..จบสิ้นความยากจนเสียที,ไม่ก็ล่มสลายสิ้นชาติไทยไปทั้งหมดเถอะ,งี่เง่ากากกระจอกทั้งหมดนัก. ..คนไทยสมควรปฏิวัติด้วยมือคนภาคประชาชนเองมั้ย เหี้ยรอแต่ทหารทำซากอะไร ยึดทรัพย์นักการเมืองทั้งหมดบวกข้าราชการเลวจริงๆเสียที,ทหารทำมาทั้งหมด กาก&กระจอกบวกเสียของมาก ไร้สมองโง่เขลาที่มองไม่ออกว่า บ่อน้ำมันคือตัวปัญหาทั้งหมดของชาติที่แพงทั้งแผ่นดินบวกยากจนทุกๆคนไทยธรรมดาด้วย,กระจุกร่ำรวยโคตรพ่อโคตรแมร่งมันเฉพาะเดอะแก๊งเดอะก๊กบางกลุ่ม อาทิชนชั้นปกครองเหี้ยๆหน้าเดิมๆ,มันสมควรจบความชั่วเลวนี้ได้แล้ว อธิปไตยเหนือแผ่นดินไทยยังรักษาห่าเหวไม่ได้ตามอดีตเขียนลงไว้แล้ว เกาะกูดอีก ให้สัญชาติพม่าง่ายๆหรือต่างด้าวต่างๆมาสร้างกลโกลาหลแตกแยกในบ้านในเมืองไทย แย่งชิงงานคนไทยทั้งปกติพื้นฐานอีก,นี้คือการปกครองที่เลว ถีบออกไปเถอะ.,เพราะเราคนไทยได้ผู้นำเลว แล้วระบบจัดการชนชั้นปกครองเลวนี้ไม่เด็ดขาดจริง,ประหารต้องประหารได้ด้วย แต่ก็เหี้ย จนก่อเกิดปัญหาสาระพัดต่อเชื้อชั่วเลวสืบทอดมิจบสิ้นนับจากคณะ2475มาถึงปัจจุบันก็ว่า, ..ประเด็นตอนนี้ถ้าสายปกครองทั้งกมดคือเผ่าพันธุ์เลวสายแรปทีเลี่ยนชั่วจริง ต้องกำจัดทิ้งด้วยเช่นกัน .โลกต้องมีนักล่าปีศาจซาตานเพื่อปกป้องคนดีด้วย,ผู้เสียสละโคตรๆเลยล่ะ ตนทำภาระกิจเพื่อให้อีกคนบรรลุธรรมสะดวกก็ว่า,แมร่งถ้าทั้งแผ่นดินไทยมีแต่สงครามยิงระเบิดกันทุกๆวัน ข้าวปลาอาหารขาดแคลนไร้มีแดกในแต่ละวัน ทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยเป็นหมด,จะบันเทิงทุกข์ขนาดไหนล่ะ สะดวกบรรลุธรรมโคตรพ่อโคตรแมร่งท่านนะสิ,สถาบันไปวัดเลยล่ะทุกๆสถาบัน ฝันเลยจะอยู่สุขสบายห่าอะไรได้ เผลอๆหนีออกนอกประเทศโน้น ทั้งชนชั้นปกครองทั้งหมดแบบสีหนุไง,หรือใดๆที่ไหนล่ะ คนอำมาตย์ก็บินหนีก่อนใครด้วย เจ้าสัวคนร่ำรวยยิ่งชิงหนีตั้งแต่แรกก่อนเพื่อน สร้างบ้านหรูๆยิ่งใหญ่กว่าวังที่เมืองนอกก็ตรึม,ซวยคือคนจนยากจนชนธรรมดามิใช่ชนชั้นปกครองห่าอะไรแบบพวกเหี้ยๆนี้ พอบ้านเมืองสงบก็กลับมาสะแตกต่อ ผูกขาดสาระพัดทำประโยชน์แดกทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยยิ่งกว่าเก่า,สงครามโลกครั้งที่1ที่2มิได้สอนบทเรียนห่าใดๆบวกไปทำmouตกลงลับๆขายชาติขายอธิปไตยแก่ฝรั่งตะวันตกอีก ซึ่งมันทาสมันปล้นมันเอาเปรียบแผ่นดินไทยตน,โมฆะคือจบ ทำสงครามระหว่างชาติแบบเปิดเผยกันไปเลยก็ได้,ขลาดเขลาเหี้ยอะไร ตายทั้งแผ่นดินไทย มันจะย้ายคนมันมาอยู่ก็เหี้ยมันสิ,อย่างน้อยทั้งคนไทยหมดประเทศได้ต่อสู้,นี้จึงถีบๆชนชั้นปกครองแบบใจหมาใจกากๆออกจากการปกครองเถอะ,ปกครองให้คนของประเทศไทยตนอยากจน ผีบ้าเท่านั้นล่ะ จะผีบ้าให้คนผีบ้ามาปกครองทำซากอะไร,เราคนไทยไม่ต้องทำงานก็อยู่อย่างสบายๆ,ต่อยอดทำเครื่องพิมพ์ตังเข้าประเทศได้มากมาย เผลอไม่ขุดทรัพยากรมีค่าอะไรที่ไร้ความจำเป็นบ้าตังอะไรมากมายก็ได้ คนปกครองจริงๆนะ,ขี้ขลาด กากหรือกระจอก ใจขลาดเขลาก็ว่า เพียงคนไทยสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่งเดียวมันจบความชั่วเลวทั้งระบบได้หมด.ตกงานจะไม่มี มีแต่ตกใจในความร่ำรวยนะสิ,ชาติเรามันรวยโคตรๆจริงๆนะ,แต่เหี้ยกิ่งก่าปกครองเลยถูกทำให้ยากจน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอเพียงคุณยินดี
    ที่จะแบกภาระของตัวเองไว้บนบ่า
    แล้วใช้ชีวิตในแบบของคุณไปก็พอแล้ว
    เมื่อไรก็ตามที่คุณพร้อมที่จะยอมรับ
    แม้กระทั่งชีวิตที่ไร้ความสุขสบาย
    ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไป

    จากหนังสือ |อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน
    ขอเพียงคุณยินดี ที่จะแบกภาระของตัวเองไว้บนบ่า แล้วใช้ชีวิตในแบบของคุณไปก็พอแล้ว เมื่อไรก็ตามที่คุณพร้อมที่จะยอมรับ แม้กระทั่งชีวิตที่ไร้ความสุขสบาย ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไป จากหนังสือ |อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • กราบขอบคุณครับ

    หม่อมถนัดศรีได้ทิ้งกลอนก่อนที่จากโลกนี้ไปในวัยเก้าสิบกว่า
    "อ่านดูแล้วปลงเลย"

    เริ่มเป็นไม้ ใกล้ฝั่ง ต้องนั่งคิด
    เหลือชีวิต ยาวนาน สักปานไหน

    เมื่อหมดกรรม จำพราก จากโลกไป
    จะมีใคร ชื่นชม สมบัติเรา

    ถึงมีบุตร สุดรัก ก็ยากพึ่ง
    สักวันหนึ่ง ก็รักตัว ครอบครัวเขา

    พ่ออุตส่าห์ หาให้ คงไม่เอา
    ล้วนของเก่า เกินวัย ไม่อยากรับ

    มองโถถ้วย สวยสี ที่เคยคุ้น
    เริ่มหมดเงา ขาวขุ่น เพราะฝุ่นจับ

    หนังสือเก่า เบียดเสียด ขี้เกียจนับ
    วางสุมทับ อับชื้น เริ่มขึ้นรา

    ค้นปืนผา หน้าไม้ จากใต้ตู้
    ยังดีอยู่ ของเก่า เรารักษา

    รูปภาพเก่า นานนม สะสมมา
    ทั้งเงินตรา เก่าใหม่ มิใช่น้อย

    หีบเสื้อผ้า แต่ก่อน ตั้งซ้อนทับ
    ถูกเก็บพับ ห่างงาน การใช้สอย

    เสื้อกันหนาว กรำงาน ผ่านดงดอย
    มีร่องรอย เลาะลุย คุ้ยหิมะ

    นึกถึงวัน ข้างหน้า ถ้าเราสิ้น
    อาจจมดิน เน่าเหม็น เป็นขยะ

    ห่วงพระเครื่อง ใส่กล่อง เต็มห้องพระ
    เป็นภาระ ของใคร ยังไม่รู้

    เริ่มแจ้งชัด สัจธรรม อันล้ำค่า
    เราเกิดมา มือเท้า เปล่าทั้งคู่

    หลงไขว่คว้า มาครอง เป็นของกู
    กองสุมอยู่ เปล่าเปล่า ตอนเรา ต า ย
    กราบขอบคุณครับ หม่อมถนัดศรีได้ทิ้งกลอนก่อนที่จากโลกนี้ไปในวัยเก้าสิบกว่า "อ่านดูแล้วปลงเลย" เริ่มเป็นไม้ ใกล้ฝั่ง ต้องนั่งคิด เหลือชีวิต ยาวนาน สักปานไหน เมื่อหมดกรรม จำพราก จากโลกไป จะมีใคร ชื่นชม สมบัติเรา ถึงมีบุตร สุดรัก ก็ยากพึ่ง สักวันหนึ่ง ก็รักตัว ครอบครัวเขา พ่ออุตส่าห์ หาให้ คงไม่เอา ล้วนของเก่า เกินวัย ไม่อยากรับ มองโถถ้วย สวยสี ที่เคยคุ้น เริ่มหมดเงา ขาวขุ่น เพราะฝุ่นจับ หนังสือเก่า เบียดเสียด ขี้เกียจนับ วางสุมทับ อับชื้น เริ่มขึ้นรา ค้นปืนผา หน้าไม้ จากใต้ตู้ ยังดีอยู่ ของเก่า เรารักษา รูปภาพเก่า นานนม สะสมมา ทั้งเงินตรา เก่าใหม่ มิใช่น้อย หีบเสื้อผ้า แต่ก่อน ตั้งซ้อนทับ ถูกเก็บพับ ห่างงาน การใช้สอย เสื้อกันหนาว กรำงาน ผ่านดงดอย มีร่องรอย เลาะลุย คุ้ยหิมะ นึกถึงวัน ข้างหน้า ถ้าเราสิ้น อาจจมดิน เน่าเหม็น เป็นขยะ ห่วงพระเครื่อง ใส่กล่อง เต็มห้องพระ เป็นภาระ ของใคร ยังไม่รู้ เริ่มแจ้งชัด สัจธรรม อันล้ำค่า เราเกิดมา มือเท้า เปล่าทั้งคู่ หลงไขว่คว้า มาครอง เป็นของกู กองสุมอยู่ เปล่าเปล่า ตอนเรา ต า ย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'เจ๊ไฝ‘ มิชลิน 1 ดาว เขย่า 'ซอฟต์พาวเวอร์' ถึงเวลารัฐบาลต้องตาสว่าง
    .
    แม้'ภิญญา จุนสุตะ' หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'เจ๊ไฝ' จะยืนยันว่ายังไม่คิดรีไทร์จากวงการอาหารในปี 2568 ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ แต่ในถ้อยคำหนึ่งของการสัมภาษณ์จากเจ๊ไฝนั้นก็ยอมรับส่วนหนึ่งว่ามีความคิดที่ว่านั้นเช่นกัน
    .
    "เรื่องราวเกิดจากไปช่วยยูเอ็นหาเงินช่วยผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นงานใหญ่และมีทูตมาเยอะ โดยสิ่งแรกที่เขามาถามว่าอายุ 80 ปี แล้วยังไม่เลิกอีกเหรอ ก็ตอบไปแค่ว่า มันก็มีโครงการอยู่ในใจ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องบานปลาย ที่บอกว่าจะเลิกนี่เลิกไม่ได้หรอก ยังมีงานที่ต่างประเทศรออยู่อีกเยอะ อย่างที่ฝรั่งเศสก็ยังต้องไป แล้วจะเลิกได้ยังไง มันยังติดพันกันอยู่" คำยืนยันจากเจ๊ไฝ
    .
    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเจ๊ไฝจะยืนหน้าเตาทำอาหารต่อไป หรือหันหลังบอกลาวงการ ต้องยอมรับว่ามีผลต่อแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยพอสมควร ถึงขนาดที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าพลังซอฟต์พาวเวอร์ที่แฝงอยู่ในตัวของเจ๊ไฝนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน
    .
    กรณีของเจ๊ไฝนั้นถึงตอนนี้จะยังไม่รีไทร์ แต่ด้วยวัยเลยหลัก 80 ปีเข้าไปแล้ว หากจะประกาศวางมือก็คงไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด และอาจดูเป็นเรื่องตลกกับคำถามที่ว่ารัฐบาลมีแผนรองรับในอนาคตอย่างไรหากเจ๊ไฝเจ้าของรางวัลมิชลิน 1 ดาว 7 ปีติดต่อกันประกาศวางมือในอนาคต
    .
    ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ๊ไฝเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เป็นแรงดึงดูดระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ทำให้นักท่องเที่ยวและคนดังระดับโลกเดินทางมายังประเทศไทย ความนิยมในร้านเจ๊ไฝนั้นทำให้วงการอุตสาหกรรมผู้ประกอบการร้านอาหารไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย แต่ปัจจุบันด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหารสูงขึ้น ส่งผลให้ร้านอาหารไทยหลายร้านที่ไม่ได้ยืนอยู่จุดเดียวกับเจ๊ไฝล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก
    .
    โดยนอกเหนือไปจากต้นทุนการผลิตอาหารที่สูงขึ้นแล้ว พบว่าอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ คือ ทายาทที่จะมาสืบทอดกิจการต่อจากบรรพบุรุษ ซึ่งกรณีเจ๊ไฝก็เช่นเดียวกันที่ธุรกิจไม่ได้ส่งต่อไปยังทายาท ร้านอาหารชื่อดังระดับตำนานหลายร้านกำลังเผชิญกับปัญหานี้ หากคนรุ่นปัจจุบันที่ทำอยู่ไม่สามารถแบกภาระทั้งด้านต้นทุนและสังขารต่อไป ตำนานก็คงต้องปิดตัวลงเช่นกัน
    .
    'ร้านอาหาร' เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแล้ว จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับบำบัดความหิวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการเสพงานศิลป์และเรื่องราวเบื้องหลังของจานอาหารเหล่านั้นด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องนามธรรมที่สร้างสามารถมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เหมือนกับที่ทุกวันนี้ได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างศาสนาต่อแถวเข้าชมพุทธสถานหลายแห่งในประเทศไทยปีละหลายล้านคน ตรงนี้เองที่เรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ อันเป็นแรงดึงดูดให้หลายคนอยากเข้ามาประเทศไทย
    .
    อย่างที่ทราบกันดีว่าธุรกิจร้านอาหาร ถือเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นได้ง่าย แต่การรักษาธุรกิจให้ตลอดรอดฝั่งนั้นทำได้ยาก หลายกิจการที่ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางนี้ได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น ขณะที่ ภาครัฐเองก็ไม่ได้มีแนวทางที่ชัดเจนในจะช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจนี้ลดลง
    .
    หรือสติปัญญาของรัฐบาลต่อนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ จะมีแค่เพียงการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดล่าสุด คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งมารับตำแหน่งเดิมที่นางสาวแพทองธารเคยทำงานในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เท่านั้น
    ..............
    Sondhi X
    'เจ๊ไฝ‘ มิชลิน 1 ดาว เขย่า 'ซอฟต์พาวเวอร์' ถึงเวลารัฐบาลต้องตาสว่าง . แม้'ภิญญา จุนสุตะ' หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'เจ๊ไฝ' จะยืนยันว่ายังไม่คิดรีไทร์จากวงการอาหารในปี 2568 ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ แต่ในถ้อยคำหนึ่งของการสัมภาษณ์จากเจ๊ไฝนั้นก็ยอมรับส่วนหนึ่งว่ามีความคิดที่ว่านั้นเช่นกัน . "เรื่องราวเกิดจากไปช่วยยูเอ็นหาเงินช่วยผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นงานใหญ่และมีทูตมาเยอะ โดยสิ่งแรกที่เขามาถามว่าอายุ 80 ปี แล้วยังไม่เลิกอีกเหรอ ก็ตอบไปแค่ว่า มันก็มีโครงการอยู่ในใจ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องบานปลาย ที่บอกว่าจะเลิกนี่เลิกไม่ได้หรอก ยังมีงานที่ต่างประเทศรออยู่อีกเยอะ อย่างที่ฝรั่งเศสก็ยังต้องไป แล้วจะเลิกได้ยังไง มันยังติดพันกันอยู่" คำยืนยันจากเจ๊ไฝ . อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเจ๊ไฝจะยืนหน้าเตาทำอาหารต่อไป หรือหันหลังบอกลาวงการ ต้องยอมรับว่ามีผลต่อแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยพอสมควร ถึงขนาดที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าพลังซอฟต์พาวเวอร์ที่แฝงอยู่ในตัวของเจ๊ไฝนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน . กรณีของเจ๊ไฝนั้นถึงตอนนี้จะยังไม่รีไทร์ แต่ด้วยวัยเลยหลัก 80 ปีเข้าไปแล้ว หากจะประกาศวางมือก็คงไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด และอาจดูเป็นเรื่องตลกกับคำถามที่ว่ารัฐบาลมีแผนรองรับในอนาคตอย่างไรหากเจ๊ไฝเจ้าของรางวัลมิชลิน 1 ดาว 7 ปีติดต่อกันประกาศวางมือในอนาคต . ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ๊ไฝเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เป็นแรงดึงดูดระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ทำให้นักท่องเที่ยวและคนดังระดับโลกเดินทางมายังประเทศไทย ความนิยมในร้านเจ๊ไฝนั้นทำให้วงการอุตสาหกรรมผู้ประกอบการร้านอาหารไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย แต่ปัจจุบันด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหารสูงขึ้น ส่งผลให้ร้านอาหารไทยหลายร้านที่ไม่ได้ยืนอยู่จุดเดียวกับเจ๊ไฝล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก . โดยนอกเหนือไปจากต้นทุนการผลิตอาหารที่สูงขึ้นแล้ว พบว่าอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ คือ ทายาทที่จะมาสืบทอดกิจการต่อจากบรรพบุรุษ ซึ่งกรณีเจ๊ไฝก็เช่นเดียวกันที่ธุรกิจไม่ได้ส่งต่อไปยังทายาท ร้านอาหารชื่อดังระดับตำนานหลายร้านกำลังเผชิญกับปัญหานี้ หากคนรุ่นปัจจุบันที่ทำอยู่ไม่สามารถแบกภาระทั้งด้านต้นทุนและสังขารต่อไป ตำนานก็คงต้องปิดตัวลงเช่นกัน . 'ร้านอาหาร' เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแล้ว จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับบำบัดความหิวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการเสพงานศิลป์และเรื่องราวเบื้องหลังของจานอาหารเหล่านั้นด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องนามธรรมที่สร้างสามารถมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เหมือนกับที่ทุกวันนี้ได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างศาสนาต่อแถวเข้าชมพุทธสถานหลายแห่งในประเทศไทยปีละหลายล้านคน ตรงนี้เองที่เรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ อันเป็นแรงดึงดูดให้หลายคนอยากเข้ามาประเทศไทย . อย่างที่ทราบกันดีว่าธุรกิจร้านอาหาร ถือเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นได้ง่าย แต่การรักษาธุรกิจให้ตลอดรอดฝั่งนั้นทำได้ยาก หลายกิจการที่ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางนี้ได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น ขณะที่ ภาครัฐเองก็ไม่ได้มีแนวทางที่ชัดเจนในจะช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจนี้ลดลง . หรือสติปัญญาของรัฐบาลต่อนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ จะมีแค่เพียงการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดล่าสุด คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งมารับตำแหน่งเดิมที่นางสาวแพทองธารเคยทำงานในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เท่านั้น .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 652 มุมมอง 0 รีวิว
  • UPDATE: เริ่ม 1 ธ.ค. นี้ เดินทางผ่าน 6 สนามบินใช้ระบบ Biometric สแกนหน้าเช็กอิน คาดประชาชนได้รับความสะดวกและรวดเร็วขึ้น
    .
    วันนี้ (29 ตุลาคม) ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า AOT นำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสาร โดยพัฒนาและทดสอบระบบให้มีความพร้อมในการใช้งาน เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
    .
    รวมทั้งจะช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.), ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.), ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.), ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.), ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.)
    .
    ซึ่งในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ผู้โดยสารภายในประเทศสามารถใช้งานได้ก่อน และในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 พร้อมใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้โดยสารจำเป็นต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล
    .
    สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนใช้งานเมื่อมาเช็กอินที่สนามบิน โดยมี 2 วิธี ได้แก่
    .
    1. เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร (เครื่อง CUTE) โดยระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบ
    .
    2. เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (เครื่อง CUSS) โดยหลังจากเช็กอินเสร็จแล้วให้ผู้โดยสารเลือกสายการบินที่เดินทาง ต่อด้วยเลือก Enrollment จากนั้นสแกน Barcode จากบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) เสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถือเป็นการเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ซึ่งระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบเช่นเดียวกัน
    .
    ซึ่งเมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ถือว่าผู้โดยสารให้ความยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ดังนั้นเมื่อผู้โดยสารจะโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD) ตลอดจนผ่านจุดตรวจค้น รวมทั้งขั้นตอนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องแสดง Passport และ Boarding Pass อีกต่อไป ทั้งนี้ เป็นการยินยอมให้ใช้ข้อมูล Biometric สำหรับการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
    .
    ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT มั่นใจว่าระบบ Biometric มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร ทั้งผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ จะได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ใช้เวลาน้อยในแต่ละจุดบริการ ทำให้ผู้โดยสารมีเวลาเพียงพอที่จะเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าปลอดอากรและของฝาก รับประทานอาหาร หรือพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากที่ผ่านมา AOT มีการติดตั้งระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง หรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) ที่สนับสนุนการให้บริการทั้งหมด 5 ระบบ
    .
    ได้แก่ 1. เครื่อง CUTE (เครื่องตรวจบัตรโดยสารซึ่งใช้งานโดยเจ้าหน้าที่สายการบิน) 2. เครื่อง CUSS (เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ) 3. เครื่อง CUBD เครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ 4. ระบบ PVS (Passenger Validation System) สำหรับตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร และ 5. ระบบ SBG (Self-Boarding Gate) หรือระบบประตูทางออกขึ้นเครื่อง
    .
    โดยทั้ง 5 ระบบดังกล่าวติดตั้งเพื่อรองรับระบบ Biometric ไว้เรียบร้อยแล้ว และเมื่อระบบทั้งหมด 6 ระบบมีการใช้งานและเชื่อมต่อกันอย่างครอบคลุม จะทำให้ข้อมูลต่างๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายอย่างสมบูรณ์
    .
    ดร.กีรติ กล่าวว่า ในส่วนของปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 - กันยายน 2567) มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 119.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 72.67 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.82% และผู้โดยสารภายในประเทศ 46.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.01% ขณะที่มีเที่ยวบินรวม 732,690 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.5% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 416,190 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 29.63% และเที่ยวบินภายในประเทศ 316,500 เที่ยวบิน ลดลง 0.73%
    .
    โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสาร 60 ล้านคน เพิ่มขึ้น 24.04% และมีเที่ยวบิน 346,680 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 17.88% ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้โดยสาร 29.15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.25% และมีเที่ยวบิน 197,250 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 11.47% ด้านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีผู้โดยสาร 8.82 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.14% และมีเที่ยวบิน 57,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.68% สำหรับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสาร 1.9 ล้านคน ลดลง 1.96% และมีเที่ยวบิน 12,260 เที่ยวบิน ลดลง 3.37%
    .
    ขณะที่ท่าอากาศยานภูเก็ต มีผู้โดยสาร 16.40 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25.94% และมีเที่ยวบิน 98,710 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 19.97% และท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีผู้โดยสาร 3.03 ล้านคน ลดลง 5.14% และมีเที่ยวบิน 19,730 เที่ยวบิน ลดลง 5.84% ทั้งนี้ มีผู้โดยสารแยกตามสัญชาติ 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน, อินเดีย, เกาหลีใต้, รัสเซีย และญี่ปุ่น
    .
    ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการจัดสรรตารางบินฤดูหนาว 2024/2025 (W2024/2025) ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT มีเที่ยวบินได้รับการจัดสรรเวลารวม 370,239 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากฤดูหนาวในปีที่ผ่านมา (W2023/2024) 22.1% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 222,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 33.1% เที่ยวบินภายในประเทศ 147,459 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.5% ทั้งนี้ มีแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งระหว่างประเทศและในประเทศเพิ่มขึ้น 23% และเส้นทางระหว่างประเทศที่มีผู้โดยสารเดินทางเข้าประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน, มาเลเซีย, อินเดีย, สิงคโปร์ และฮ่องกง
    .
    สำหรับปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ในปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 - กันยายน 2568) AOT คาดว่าจะผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 129.97 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 78.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.17% และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 51.36 คน เพิ่มขึ้น 10.18% ขณะที่คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 808,280 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.32% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 453,750 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.02% และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 354,530 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.02%
    .
    โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 64.44 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.40% และมีเที่ยวบินประมาณ 376,820 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.69% ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารประมาณ 33.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.91% และมีเที่ยวบินประมาณ 223,200 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 13.00%
    .
    #สนามบิน
    #TheStandardNews
    UPDATE: เริ่ม 1 ธ.ค. นี้ เดินทางผ่าน 6 สนามบินใช้ระบบ Biometric สแกนหน้าเช็กอิน คาดประชาชนได้รับความสะดวกและรวดเร็วขึ้น . วันนี้ (29 ตุลาคม) ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า AOT นำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสาร โดยพัฒนาและทดสอบระบบให้มีความพร้อมในการใช้งาน เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้น . รวมทั้งจะช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.), ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.), ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.), ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.), ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) . ซึ่งในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ผู้โดยสารภายในประเทศสามารถใช้งานได้ก่อน และในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 พร้อมใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้โดยสารจำเป็นต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล . สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนใช้งานเมื่อมาเช็กอินที่สนามบิน โดยมี 2 วิธี ได้แก่ . 1. เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร (เครื่อง CUTE) โดยระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบ . 2. เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (เครื่อง CUSS) โดยหลังจากเช็กอินเสร็จแล้วให้ผู้โดยสารเลือกสายการบินที่เดินทาง ต่อด้วยเลือก Enrollment จากนั้นสแกน Barcode จากบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) เสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถือเป็นการเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ซึ่งระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบเช่นเดียวกัน . ซึ่งเมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ถือว่าผู้โดยสารให้ความยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ดังนั้นเมื่อผู้โดยสารจะโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD) ตลอดจนผ่านจุดตรวจค้น รวมทั้งขั้นตอนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องแสดง Passport และ Boarding Pass อีกต่อไป ทั้งนี้ เป็นการยินยอมให้ใช้ข้อมูล Biometric สำหรับการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น . ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT มั่นใจว่าระบบ Biometric มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร ทั้งผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ จะได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ใช้เวลาน้อยในแต่ละจุดบริการ ทำให้ผู้โดยสารมีเวลาเพียงพอที่จะเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าปลอดอากรและของฝาก รับประทานอาหาร หรือพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากที่ผ่านมา AOT มีการติดตั้งระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง หรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) ที่สนับสนุนการให้บริการทั้งหมด 5 ระบบ . ได้แก่ 1. เครื่อง CUTE (เครื่องตรวจบัตรโดยสารซึ่งใช้งานโดยเจ้าหน้าที่สายการบิน) 2. เครื่อง CUSS (เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ) 3. เครื่อง CUBD เครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ 4. ระบบ PVS (Passenger Validation System) สำหรับตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร และ 5. ระบบ SBG (Self-Boarding Gate) หรือระบบประตูทางออกขึ้นเครื่อง . โดยทั้ง 5 ระบบดังกล่าวติดตั้งเพื่อรองรับระบบ Biometric ไว้เรียบร้อยแล้ว และเมื่อระบบทั้งหมด 6 ระบบมีการใช้งานและเชื่อมต่อกันอย่างครอบคลุม จะทำให้ข้อมูลต่างๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายอย่างสมบูรณ์ . ดร.กีรติ กล่าวว่า ในส่วนของปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 - กันยายน 2567) มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 119.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 72.67 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.82% และผู้โดยสารภายในประเทศ 46.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.01% ขณะที่มีเที่ยวบินรวม 732,690 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.5% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 416,190 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 29.63% และเที่ยวบินภายในประเทศ 316,500 เที่ยวบิน ลดลง 0.73% . โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสาร 60 ล้านคน เพิ่มขึ้น 24.04% และมีเที่ยวบิน 346,680 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 17.88% ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้โดยสาร 29.15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.25% และมีเที่ยวบิน 197,250 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 11.47% ด้านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีผู้โดยสาร 8.82 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.14% และมีเที่ยวบิน 57,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.68% สำหรับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสาร 1.9 ล้านคน ลดลง 1.96% และมีเที่ยวบิน 12,260 เที่ยวบิน ลดลง 3.37% . ขณะที่ท่าอากาศยานภูเก็ต มีผู้โดยสาร 16.40 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25.94% และมีเที่ยวบิน 98,710 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 19.97% และท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีผู้โดยสาร 3.03 ล้านคน ลดลง 5.14% และมีเที่ยวบิน 19,730 เที่ยวบิน ลดลง 5.84% ทั้งนี้ มีผู้โดยสารแยกตามสัญชาติ 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน, อินเดีย, เกาหลีใต้, รัสเซีย และญี่ปุ่น . ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการจัดสรรตารางบินฤดูหนาว 2024/2025 (W2024/2025) ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT มีเที่ยวบินได้รับการจัดสรรเวลารวม 370,239 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากฤดูหนาวในปีที่ผ่านมา (W2023/2024) 22.1% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 222,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 33.1% เที่ยวบินภายในประเทศ 147,459 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.5% ทั้งนี้ มีแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งระหว่างประเทศและในประเทศเพิ่มขึ้น 23% และเส้นทางระหว่างประเทศที่มีผู้โดยสารเดินทางเข้าประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน, มาเลเซีย, อินเดีย, สิงคโปร์ และฮ่องกง . สำหรับปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ในปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 - กันยายน 2568) AOT คาดว่าจะผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 129.97 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 78.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.17% และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 51.36 คน เพิ่มขึ้น 10.18% ขณะที่คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 808,280 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.32% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 453,750 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.02% และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 354,530 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.02% . โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 64.44 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.40% และมีเที่ยวบินประมาณ 376,820 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.69% ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารประมาณ 33.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.91% และมีเที่ยวบินประมาณ 223,200 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 13.00% . #สนามบิน #TheStandardNews
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทิศทาง Chasiv Yar ใกล้กับ Bakhmut

    โดรนลาดตระเวนของรัสเซีย บันทึกเหตุการณ์สำคัญ ช่วงเวลาที่กองกำลังยูเครน โจมตีทำลายทหารฝ่ายเดียวกันเองขณะยกธงขาวยอมแพ้ เพื่อมอบตัวกับทหารรัสเซีย

    - โดรนลาดตระเวนของรัสเซียตรวจพบชายกลุ่มหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นทหารยูเครนที่ถอดเครื่องแบบทิ้งเพื่ออำพรางตัวเป็นพลเรือน เดินถือธงขาวพร้อมสัมภาระส่วนตัว บ่งบอกถึงการยอมแพ้

    - ทหารรัสเซียจัดแจงหย่อนวิทยุให้พวกเขาเพื่อช่วยประสานงานให้เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ถูกต้อง

    - ในขณะนั้นเอง โดรนลาดตระเวนของฝ่ายยูเครน มาพบเข้าพอดี และแจ้งพิกัดให้ทหารปืนใหญ่ยูเครนระดมยิงใส่ชายชาวยูเครนเหล่านั้น

    - แม้พวกเขา จะพยายามหลบในที่ปลอดภัย และโดรนของรัสเซียทิ้งอาหารและน้ำให้พวกเขา แต่ก็ไม่พ้นเงื้อมปืนใหญ่ของยูเครนที่ระดมโจมตีเข้ามา

    - สุดท้ายแล้วกลุ่มชายเหล่านี้เสียชีวิต 5 ราย

    - ชายรายที่ 6 ขณะกำลังรายงานทางวิทยุเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเพื่อนร่วมเดินทาง แต่แล้วเขาก็ขาดการติดต่อไปอย่างไร้ร่องรอย

    - ช่วงที่รายงานสถานการณ์ ทหารรัสเซียไม่สามารถเข้าไปในตำแหน่งนั้นได้ เนื่องจากไม่ปลอดภัยจากการโจมตีของยูเครน
    ทิศทาง Chasiv Yar ใกล้กับ Bakhmut โดรนลาดตระเวนของรัสเซีย บันทึกเหตุการณ์สำคัญ ช่วงเวลาที่กองกำลังยูเครน โจมตีทำลายทหารฝ่ายเดียวกันเองขณะยกธงขาวยอมแพ้ เพื่อมอบตัวกับทหารรัสเซีย - โดรนลาดตระเวนของรัสเซียตรวจพบชายกลุ่มหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นทหารยูเครนที่ถอดเครื่องแบบทิ้งเพื่ออำพรางตัวเป็นพลเรือน เดินถือธงขาวพร้อมสัมภาระส่วนตัว บ่งบอกถึงการยอมแพ้ - ทหารรัสเซียจัดแจงหย่อนวิทยุให้พวกเขาเพื่อช่วยประสานงานให้เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ถูกต้อง - ในขณะนั้นเอง โดรนลาดตระเวนของฝ่ายยูเครน มาพบเข้าพอดี และแจ้งพิกัดให้ทหารปืนใหญ่ยูเครนระดมยิงใส่ชายชาวยูเครนเหล่านั้น - แม้พวกเขา จะพยายามหลบในที่ปลอดภัย และโดรนของรัสเซียทิ้งอาหารและน้ำให้พวกเขา แต่ก็ไม่พ้นเงื้อมปืนใหญ่ของยูเครนที่ระดมโจมตีเข้ามา - สุดท้ายแล้วกลุ่มชายเหล่านี้เสียชีวิต 5 ราย - ชายรายที่ 6 ขณะกำลังรายงานทางวิทยุเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเพื่อนร่วมเดินทาง แต่แล้วเขาก็ขาดการติดต่อไปอย่างไร้ร่องรอย - ช่วงที่รายงานสถานการณ์ ทหารรัสเซียไม่สามารถเข้าไปในตำแหน่งนั้นได้ เนื่องจากไม่ปลอดภัยจากการโจมตีของยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลที่สนธิลิ้มทองกุลเปิดโปงพฤติกรรมของทนายตั้ม นายสิทธา เบี้ยบังเกิด ตอกย้ําว่าอ้อยจตุพร ที่โอนเงินสองล้านยูโรหรือเจ็ดสิบเอ็ดล้านบาทเข้าบัญชีชื่อสิทธ์ธาเบี้ยบังเกิด ไม่ใช่การให้โดยเสน่ห์หายอย่างที่ทนายตั้มอ้าง และในเมื่อทนายตั้ม อมเงินก้อนนี้ไปโดยไม่ยอมคืนให้เจ้าของก็เท่ากับมีภาระต้องเสียภาษีอีกมหาศาล
    ถึงขั้นนายสนธิ ท้า ถ้าทนายตั้มมีหลักฐานการจ่ายภาษีจะยอมกราบตีนและไหนๆทนายตั้มอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง สนธิ ลิ้มทองกุลก็จะยื่นหนังสือถึงกรมสรรพากรให้ตรวจสอบการเสียภาษี จากรายได้ก้อนนี้ด้วย จัดหนักให้สุดซอยแบบเดียวกับที่เคยจัดให้ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ตอนที่เปิดศึกกันครั้งที่ผ่านมา หลังรายการจบลงสื่อต่างๆก็นําไปรายงานข่าวกันอย่างคึกคัก แหกพฤติกรรมฉ้อโกงเงิน ไปจากเศรษฐีนีใจบุญที่เคยให้ความรักความเมตตากับทนายตั้มอย่างจริงใจ
    ชาวเน็ตมีความเห็นตรงกันมากว่า เป็นไปไม่ได้หรือไม่เชื่อที่ใครจะให้เงิน71 ล้านด้วยความเสน่หากับคนที่ไม่ใช่ญาติรวมถึงตรรกะว่า ถ้าอ้อย จตุพรให้ด้วยความเสน่หาจริงแล้วจะมาแจ้งจับทนายตั้มทําไม งานนี้ สนธิ ลิ้มทองกุลชนะขาด เครดิตความน่าเชื่อถือต่างกันลิบลับในด้านคดีความ ต้องบอกว่าทนายตั้มงานนี้เหนื่อยแน่เพราะสํานักงานตํารวจแห่งชาติมีคําสั่งให้โอนคดีจาก สภ ปากช่อง มายังกองปราบปรามเรียบร้อยแล้ว และเนื่องจากทนายตั้มใช้วิธีดักคอว่าพลตํารวจตรีจรูญ เกียรติปานแก้ว เหมือนเป็นคู่กรณีกลายๆจะมาคุมสํานวน
    สํานักงานตํารวจแห่งชาติจึงไม่เปิดช่องทางให้ทนายตั้มใช้ประเด็นนี้มาต่อสู้คดี จึงมอบหมายให้บิ๊กหมูพลตํารวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลางรับผิดชอบซึ่งตามประวัติบิ๊กหมูเป็นถึงผู้การกองปราบมาก่อน ลีลาก็ถึงลูกถึงคน ไม่กลัวใครหน้าไหนเหมือนกัน ในสถานการณ์ที่เห็นว่าตัวเองเพลี่ยงพล้ํา ทนายตั้มเลยยกเลิกเกมที่จะไปแจ้งจับใครต่อใครเปลี่ยนวิธีจะไปขอเจรจากับเจ้าของเงินแทน แต่โชคร้ายที่ออกแนวหลอกลวงมันรุนแรงเกินกว่าที่คู่กรณีจะยอมให้อภัยจึงจัดการปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารทั้งหมด ทนายตั้มไม่สามารถติดต่อคุณอ้อยได้แล้ว
    การเปิดศึกกับสนธิ ลิ้มทองกุลและการไปบี้เอาเงินจากบอสพอล ทนายตั้มใช้วิธีการอ้างถึงรายการโหนกระแสเหมือนๆกัน เล่นเอาหนุ่มกรรชัยสุดทนพูดตําหนิทนายตั้มตรงๆ ว่าอย่าลากชื่อรายการไปเกี่ยวข้องและหนุ่มกรรชัยต้องรีบโทรเคลียร์กับสนธิลิ้มทองกุลว่ารายการโหนกระแสไม่ได้ตั้งใจจะฟอกขาวให้ทนายตั้ม ซึ่งต่างเข้าใจกันด้วยดี ดูเหลี่ยมไหนทนายตั้มก็รอดยากผู้คนกําลังรุมประณามลามปามไปถึงสังคมทนาย คิงส์ดำบอกเลยว่า ตั้มเอ้ย ซ้อมกินฉี่ไว้ล่วงหน้าได้เลย
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    #สนธิลิ้มทองกุล
    #ทนายตั้ม
    ข้อมูลที่สนธิลิ้มทองกุลเปิดโปงพฤติกรรมของทนายตั้ม นายสิทธา เบี้ยบังเกิด ตอกย้ําว่าอ้อยจตุพร ที่โอนเงินสองล้านยูโรหรือเจ็ดสิบเอ็ดล้านบาทเข้าบัญชีชื่อสิทธ์ธาเบี้ยบังเกิด ไม่ใช่การให้โดยเสน่ห์หายอย่างที่ทนายตั้มอ้าง และในเมื่อทนายตั้ม อมเงินก้อนนี้ไปโดยไม่ยอมคืนให้เจ้าของก็เท่ากับมีภาระต้องเสียภาษีอีกมหาศาล ถึงขั้นนายสนธิ ท้า ถ้าทนายตั้มมีหลักฐานการจ่ายภาษีจะยอมกราบตีนและไหนๆทนายตั้มอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง สนธิ ลิ้มทองกุลก็จะยื่นหนังสือถึงกรมสรรพากรให้ตรวจสอบการเสียภาษี จากรายได้ก้อนนี้ด้วย จัดหนักให้สุดซอยแบบเดียวกับที่เคยจัดให้ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ตอนที่เปิดศึกกันครั้งที่ผ่านมา หลังรายการจบลงสื่อต่างๆก็นําไปรายงานข่าวกันอย่างคึกคัก แหกพฤติกรรมฉ้อโกงเงิน ไปจากเศรษฐีนีใจบุญที่เคยให้ความรักความเมตตากับทนายตั้มอย่างจริงใจ ชาวเน็ตมีความเห็นตรงกันมากว่า เป็นไปไม่ได้หรือไม่เชื่อที่ใครจะให้เงิน71 ล้านด้วยความเสน่หากับคนที่ไม่ใช่ญาติรวมถึงตรรกะว่า ถ้าอ้อย จตุพรให้ด้วยความเสน่หาจริงแล้วจะมาแจ้งจับทนายตั้มทําไม งานนี้ สนธิ ลิ้มทองกุลชนะขาด เครดิตความน่าเชื่อถือต่างกันลิบลับในด้านคดีความ ต้องบอกว่าทนายตั้มงานนี้เหนื่อยแน่เพราะสํานักงานตํารวจแห่งชาติมีคําสั่งให้โอนคดีจาก สภ ปากช่อง มายังกองปราบปรามเรียบร้อยแล้ว และเนื่องจากทนายตั้มใช้วิธีดักคอว่าพลตํารวจตรีจรูญ เกียรติปานแก้ว เหมือนเป็นคู่กรณีกลายๆจะมาคุมสํานวน สํานักงานตํารวจแห่งชาติจึงไม่เปิดช่องทางให้ทนายตั้มใช้ประเด็นนี้มาต่อสู้คดี จึงมอบหมายให้บิ๊กหมูพลตํารวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลางรับผิดชอบซึ่งตามประวัติบิ๊กหมูเป็นถึงผู้การกองปราบมาก่อน ลีลาก็ถึงลูกถึงคน ไม่กลัวใครหน้าไหนเหมือนกัน ในสถานการณ์ที่เห็นว่าตัวเองเพลี่ยงพล้ํา ทนายตั้มเลยยกเลิกเกมที่จะไปแจ้งจับใครต่อใครเปลี่ยนวิธีจะไปขอเจรจากับเจ้าของเงินแทน แต่โชคร้ายที่ออกแนวหลอกลวงมันรุนแรงเกินกว่าที่คู่กรณีจะยอมให้อภัยจึงจัดการปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารทั้งหมด ทนายตั้มไม่สามารถติดต่อคุณอ้อยได้แล้ว การเปิดศึกกับสนธิ ลิ้มทองกุลและการไปบี้เอาเงินจากบอสพอล ทนายตั้มใช้วิธีการอ้างถึงรายการโหนกระแสเหมือนๆกัน เล่นเอาหนุ่มกรรชัยสุดทนพูดตําหนิทนายตั้มตรงๆ ว่าอย่าลากชื่อรายการไปเกี่ยวข้องและหนุ่มกรรชัยต้องรีบโทรเคลียร์กับสนธิลิ้มทองกุลว่ารายการโหนกระแสไม่ได้ตั้งใจจะฟอกขาวให้ทนายตั้ม ซึ่งต่างเข้าใจกันด้วยดี ดูเหลี่ยมไหนทนายตั้มก็รอดยากผู้คนกําลังรุมประณามลามปามไปถึงสังคมทนาย คิงส์ดำบอกเลยว่า ตั้มเอ้ย ซ้อมกินฉี่ไว้ล่วงหน้าได้เลย #คิงส์โพธิ์ดำ #สนธิลิ้มทองกุล #ทนายตั้ม
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่เจ็บป่วย ดีที่สุด…แต่เราควบคุมไม่ได้
    วางแผนค่าใช้จ่ายดีๆ…ลดภาระได้เยอะ

    #ประกันสุขภาพเด็ก #ประกันชีวิต #เหมาจ่ายเด็ก #ประกันเหมาจ่ายเด็ก #ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่าย #ประกันสุขภาพ #ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย #AIA #มรดกเพื่อลูก
    ไม่เจ็บป่วย ดีที่สุด…แต่เราควบคุมไม่ได้ วางแผนค่าใช้จ่ายดีๆ…ลดภาระได้เยอะ #ประกันสุขภาพเด็ก #ประกันชีวิต #เหมาจ่ายเด็ก #ประกันเหมาจ่ายเด็ก #ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่าย #ประกันสุขภาพ #ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย #AIA #มรดกเพื่อลูก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ภายในงานมีการเปิดตัว "ธนบัตรจำลอง" BRICS ที่ออกแบบพิเศษ

    ด้านหน้าเป็นธงชาติ 5 ประเทศผู้ก่อตั้ง BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้) เรียงเป็นวงกลม ส่วนด้านหลังเป็นธงชาติของประเทศที่สนใจเข้าร่วม พร้อมระบุข้อความ "BRICS New Development Bank" สะท้อนความพยายามสร้างทางเลือกใหม่ เพื่อท้าทายดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางสถานะดอลลาร์ที่เสื่อมถอยจากภาระหนี้และการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

    ประธานาธิบดีปูตินยืนยันชัดเจนว่า ในขณะนี้ ไม่มีแผนในการใช้สกุลเงินร่วมกันแบบยูโร โดยธนบัตรดังกล่าวมีไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของ “การทำงานร่วมกัน” ของประเทศ BRICS"

    "ลวดลายและรูปแบบของธนบัตร BRICS ที่ถูกใช้ในเชิงสัญลักษณ์นี้ เป็นตัวแทนของความเสมอภาคและพหุขั้ว" เอฟเกนี เฟโดรอฟ(Evgeny Fedorov) ซีอีโอของ ARM-Registr ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกแบบธนบัตร กล่าว

    เฟโดรอฟยังกล่าวเสริมอีกว่า ธนบัตรด้านหน้าจะมีรูปธงสมาชิก BRICS เริ่มต้นห้าประเทศ ส่วนด้านหลังจะมีรูปภาพของธงประเทศที่เข้าร่วมการประชุมซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละครั้ง

    ธนบัตร BRICS ในการประชุมมีสามรูปแบบคือ ใบละ 200 100 และ 50
    การประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ภายในงานมีการเปิดตัว "ธนบัตรจำลอง" BRICS ที่ออกแบบพิเศษ ด้านหน้าเป็นธงชาติ 5 ประเทศผู้ก่อตั้ง BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้) เรียงเป็นวงกลม ส่วนด้านหลังเป็นธงชาติของประเทศที่สนใจเข้าร่วม พร้อมระบุข้อความ "BRICS New Development Bank" สะท้อนความพยายามสร้างทางเลือกใหม่ เพื่อท้าทายดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางสถานะดอลลาร์ที่เสื่อมถอยจากภาระหนี้และการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ประธานาธิบดีปูตินยืนยันชัดเจนว่า ในขณะนี้ ไม่มีแผนในการใช้สกุลเงินร่วมกันแบบยูโร โดยธนบัตรดังกล่าวมีไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของ “การทำงานร่วมกัน” ของประเทศ BRICS" "ลวดลายและรูปแบบของธนบัตร BRICS ที่ถูกใช้ในเชิงสัญลักษณ์นี้ เป็นตัวแทนของความเสมอภาคและพหุขั้ว" เอฟเกนี เฟโดรอฟ(Evgeny Fedorov) ซีอีโอของ ARM-Registr ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกแบบธนบัตร กล่าว เฟโดรอฟยังกล่าวเสริมอีกว่า ธนบัตรด้านหน้าจะมีรูปธงสมาชิก BRICS เริ่มต้นห้าประเทศ ส่วนด้านหลังจะมีรูปภาพของธงประเทศที่เข้าร่วมการประชุมซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละครั้ง ธนบัตร BRICS ในการประชุมมีสามรูปแบบคือ ใบละ 200 100 และ 50
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทิ้งทวน!?!

    ในขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ปธน.ไบเดนประกาศมอบ "เงินกู้ฉุกเฉิน" ให้ยูเครน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยใช้ดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในการชำระคืน

    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ในการใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยของทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัดไว้มูลค่าประมาณ 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนยูเครน

    เงินกู้มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจความช่วยเหลือมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากชาติตะวันตก (G7) ที่อนุมัติไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการใช้ดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซีย เพื่อช่วยเหลือยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย ส่วนที่เหลืออีก 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะมาจากสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร แคนาดา ญี่ปุ่น และพันธมิตรอื่นๆ

    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันพุธว่า สหรัฐจะให้เงินกู้ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่ง "จะชำระคืนด้วยดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด" ไบเดนยังกล่าวอีกว่า "ยูเครนสามารถรับความช่วยเหลือที่ต้องการในขณะนี้ได้ทันที โดยไม่เพิ่มภาระให้กับผู้เสียภาษีเลย"

    "เงินกู้เหล่านี้จะช่วยเหลือประชาชนชาวยูเครนในการปกป้องและสร้างประเทศขึ้นใหม่ และความพยายามของเราก็ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ทรราชจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่พวกเขาได้ก่อขึ้น" ไบเดนกล่าวเสริม

    ทางด้าน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวในพิธีลงนามร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของยูเครน เซอร์จิ มาร์เชนโก เมื่อวันพุธทำนองเดียวกันว่า “รัสเซียจะเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายจากสงครามที่ผิดกฎหมาย แทนผู้เสียภาษีในชาติตะวันตก”
    ทิ้งทวน!?! ในขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ปธน.ไบเดนประกาศมอบ "เงินกู้ฉุกเฉิน" ให้ยูเครน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยใช้ดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในการชำระคืน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ในการใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยของทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัดไว้มูลค่าประมาณ 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนยูเครน เงินกู้มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจความช่วยเหลือมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากชาติตะวันตก (G7) ที่อนุมัติไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการใช้ดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซีย เพื่อช่วยเหลือยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย ส่วนที่เหลืออีก 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะมาจากสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร แคนาดา ญี่ปุ่น และพันธมิตรอื่นๆ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันพุธว่า สหรัฐจะให้เงินกู้ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่ง "จะชำระคืนด้วยดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด" ไบเดนยังกล่าวอีกว่า "ยูเครนสามารถรับความช่วยเหลือที่ต้องการในขณะนี้ได้ทันที โดยไม่เพิ่มภาระให้กับผู้เสียภาษีเลย" "เงินกู้เหล่านี้จะช่วยเหลือประชาชนชาวยูเครนในการปกป้องและสร้างประเทศขึ้นใหม่ และความพยายามของเราก็ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ทรราชจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่พวกเขาได้ก่อขึ้น" ไบเดนกล่าวเสริม ทางด้าน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวในพิธีลงนามร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของยูเครน เซอร์จิ มาร์เชนโก เมื่อวันพุธทำนองเดียวกันว่า “รัสเซียจะเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายจากสงครามที่ผิดกฎหมาย แทนผู้เสียภาษีในชาติตะวันตก”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนของงานกฐินนั้น ที่สำคัญอีกอย่างก็คือผู้ครองผ้ากฐิน ถ้าว่ากันโดยพระธรรมวินัยแล้ว ท่านให้บุคคลที่มีจีวรเก่าที่สุดในวัดได้ผ้านั้นไป แต่ว่าระยะหลัง ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสมักจะเป็นผู้ครองผ้ากฐิน

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ บางท่านถือว่าผู้ครองกฐินจึงมีสิทธิ์ที่จะรับบริวารกฐินทั้งหมด ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์รับ เจ้าอาวาสก็เลยมักจะครองกฐินเสียเอง แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าบางวัดมีพระไม่ครบ ๕ รูป ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ ต้องไปยืมพระวัดอื่นมา

    การไปยืมพระวัดอื่นมานั้น พระวัดอื่นที่มานั้น ไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนในกฐินนั้นทั้งสิ้น ให้เฉพาะบุคคลที่จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้น ดังนั้น...จึงมีการเข้าใจผิดกันว่า ถ้าไม่ครองกฐินแล้วจะไม่มีโอกาสได้รับบริวารกฐิน ซึ่งก็คือไม่มีสิทธิ์รับเงิน ก็ขอให้เข้าใจให้ถูกเสียใหม่

    สำหรับวัดท่าขนุนของเรานั้น ครองกฐินกันไปตามอายุพรรษา ก็คือถ้าปีนี้ไปถึงใคร ปีหน้าท่านถัดไปก็จะรู้เองว่าถึงคิวของตนเองครองกฐินแล้ว สำหรับผู้ครองกฐินนั้นต้องรับภาระหนัก เพราะว่าต้องเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด ในเมื่อเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด บุคคลที่ได้อานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ พูดง่าย ๆ ก็คือ ละเว้นให้ไม่ต้องรักษาศีลหลายข้อ อย่างเช่นว่าการเที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา ซึ่งปกติแล้ววัดท่าขนุนของเราไม่ยอมให้ไปโดยไม่ต้องบอกลา ออกจากวัดไปไหนจะต้องลาทุกคน อานิสงส์กฐินข้อนี้จึงไม่มีประโยชน์สำหรับพระวัดท่าขนุน

    สามารถฉันคณะโภชนาได้ ก็คือโดยปกติแล้ว ถ้าญาติโยมบอกว่านำอาหารอะไรมาถวายพระ พระไม่สามารถที่จะฉันรวมกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปได้ เพราะว่าเป็นการผิดพระวินัย สาเหตุมาจากสมัยพุทธกาล เมื่อมหาเศรษฐีท่านบอกว่าจะถวายภัตตาหารอะไร พอเป็นอาหารที่ประณีต มีรสดี บรรดาพระก็แห่กันไปจนเขาเลี้ยงไม่ไหว พระพุทธเจ้าจึงต้องตรัสห้ามไว้ว่า ถ้าเป็นอาหารที่เจ้าภาพออกชื่อ ให้ฉันได้ไม่เกิน ๓ รูปเท่านั้น ถ้าถึงรูปที่ ๔ ขึ้นไปเรียกว่าคณะ ถ้าฉันคณะโภชนาแบบนั้น โดนปรับอาบัติทุกคำที่กลืนลงไป ก็แปลว่าศีลขาดทุกคำที่กลืน แต่หากว่ารับกฐินแล้วสามารถฉันคณะโภชนาได้

    ลำดับต่อไป คือ ฉันปรัมปรโภชนาได้ คำว่า ปรัมประ ก็คือฉันจากที่หนึ่งแล้วไปฉันอีกที่หนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะฉันได้น้อย บางทีเจ้าภาพเขาก็เสียใจ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องมาใช้กับอาตมา เพราะว่าฉันน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว

    ข้อต่อไปท่านบอกว่า ไปไหนไม่ต้องเอาจีวรไปครบสำรับ เพราะว่ามีผู้ครองกฐินรักษาผ้าแทนเราแล้ว

    ข้อสุดท้าย ก็คือ จีวรที่เกิดขึ้นไม่ต้องทำวิกัปเป็น ๒ เจ้าของ สามารถที่จะใช้เป็นของตนเองได้เลย

    ในเมื่ออานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ แต่ผู้ที่ครองกฐินจะไม่ได้อานิสงส์นี้ เพราะว่าต้องรักษาผ้ากฐินแทนผู้อื่นทั้งวัด ถ้าทำผ้าขาดครองก็ทำให้ขาดอานิสงส์กฐินทั้งวัดเหมือนกัน

    ดังนั้น...ในส่วนของผู้ครองกฐินจึงสำคัญมาก เพราะว่าห้ามเผลออย่างเด็ดขาด และอานิสงส์กฐินนี้จะมีแค่กลางเดือน ๔ เท่านั้น ถ้าท่านจำพรรษาแล้วไม่ได้รับกฐิน ได้รับอานิสงส์ ๑ เดือน ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ ถ้าจำพรรษาแล้วได้รับกฐิน ท่านขยายเวลาให้ถึงกลางเดือน ๔ ก็คือเพิ่มขึ้นมาอีก ๔ เดือน แต่อาตมาไม่เคยใช้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าอานิสงส์กฐินนั้น ถ้าเผลอเราจะมักง่าย ไปไหนเอาจีวรไปครบไตรก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสจนเกินไป จีวรชุดหนึ่งก็ใช้ได้หลายปี

    ขณะเดียวกันเรื่องของคณะโภชนา ปรัมปรโภชนานั้น ถ้าเราเผลอตัวเมื่อไร เกินกลางเดือน ๔ ไปก็จะโดนอาบัติ การไปไหนปกติก็ต้องบอกอยู่แล้วว่าไปไหน เพื่อที่เจ้าอาวาสหรือเพื่อนฝูงจะได้รู้ มีอะไรเร่งด่วนจะได้ตามตัวกันได้

    เมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาบวชมา ๓๐ กว่าปีไม่เคยใช้อานิสงส์กฐินเลย พูดง่าย ๆ ว่าไม่ต้องรอให้กฐินเดาะ แต่เป็นคนเดาะกฐินเสียเอง แต่ว่าในส่วนอื่น บุคคลอื่น โดยเฉพาะพระอื่น ๆ ในวัดท่าขนุน อาตมาไม่ได้บังคับ ใครจะใช้อานิสงส์กฐินก็อย่าเผลอ ถ้าใครไม่ใช้อานิสงส์กฐินก็ขออนุโมทนาด้วย เนื่องเพราะว่าในเรื่องของศีลพระนั้น ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ๒๒๗ ข้อก็สามารถรักษาได้ ทำไมต้องไปผ่อนใน ๔ - ๕ ข้อเหล่านั้น

    ในเรื่องของการขอกฐิน วัดท่าขนุนจะไม่มีเรื่องนี้ เนื่องเพราะว่าอาตมาจะตั้งกองกฐินขึ้นมาเอง หลังจากนั้นญาติโยมก็มาสมทบ ร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีเท่านั้น เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ถ้ามีวัดใดมาขอกฐิน ญาติโยมจะเป็นเจ้าภาพจะเป็นอะไรก็ตาม ให้รู้ว่าบุญกฐินนั้นโยมได้ไปเต็ม ๆ แต่อานิสงส์กฐินสำหรับพระไม่มีใครได้เลย เพราะว่าในพระวินัยท่านห้ามขอกฐิน

    ญาติโยมที่อยากจะเป็นเจ้าภาพกฐิน ให้ไปปวารณาตนแจ้งต่อเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่งที่เราจะเอากฐินไปทอด ว่าเราขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ถ้าอย่างนั้นพระในวัดท่านถึงจะได้อานิสงส์กฐินไปเต็ม ๆ

    ในส่วนของการที่พระไปขอจากญาติโยม ก็คาดว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน
    สาเหตุแรก ก็คือ ไม่รู้ว่าในพระบาลีท่านห้ามขอกฐิน
    อย่างที่ ๒ ก็คือ แกล้งไม่รู้ เพราะว่าอยากได้กฐิน เนื่องจากว่าเจ้าภาพหลายรายมาปวารณากฐินกับอาตมาแล้วถามว่า ต้องการยอดปัจจัยเท่าไร ซึ่งถ้าเป็นวัดอื่น ๆ ก็อาจจะมีการบอกว่าเท่านั้นแสน เท่านี้ล้าน แต่สำหรับวัดท่าขนุน มีโยมถามอยู่ ๒ ปี ปีแรกที่ถาม อาตมาบอกว่าเอามา ๑๖ บาท เป็นเลขมงคลโสฬสสวยดี ปีถัดมาถามอีก บอกว่าเอามา ๙ บาทก็แล้วกัน ก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น เนื่องจากว่ากฐินอยู่ที่ศรัทธาของโยม ไม่ใช่ว่าพระไปตั้งยอด แล้วให้โยมตะเกียกตะกายหามาด้วยความยากลำบาก

    เรื่องของพระธรรมวินัยแล้ว ส่วนใหญ่พระเณรสมัยนี้ไม่ค่อยที่จะเข้มงวดกัน อาจจะเป็นเพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านไม่ได้สั่งสอนไว้ ไม่ได้อบรมไว้ หรือไม่ก็ความที่อยากได้ยอดปัจจัยกฐินมาก ๆ ก็เลยต้องไปเที่ยวขอกฐินจากญาติโยมหลาย ๆ คน เพื่อให้มารวมกันทอด

    ในส่วนของกฐิน ขอย้ำอีกครั้งว่า อานิสงส์กฐิน สำคัญที่สุดตรงผ้าไตร จะเป็นผืนเดียว หรือครบไตรก็ตาม ถ้าไม่มีผ้าไตรก็ไม่เป็นกฐิน ถ้ามีผ้าไตรแล้วบริวารกฐินอื่นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้

    เมื่อญาติโยมทราบแล้วจะได้รู้ว่า ในเรื่องของกฐินแต่โบราณมานั้น เขาเน้นกันเรื่องผ้าไตรครองสำหรับพระ แต่ปัจจุบันนี้ผิดเพี้ยนไป กลายเป็นว่าวัดไหนทำยอดเงินได้มาก ก็ถือว่าได้บุญมาก อย่าลืมว่าเงินเป็นแค่บริวารกฐินเท่านั้น ตัวบุญกฐินเต็ม ๆ อยู่ที่ผ้าไตรต่างหาก

    เมื่อญาติโยมได้ทราบในเรื่องของกฐิน ตลอดกระทั่งแบบธรรมเนียมในการปวารณาเป็นเจ้าภาพกฐิน หรือว่าในการถวายกฐินแล้ว ต่อไปก็จะได้ปฏิบัติกันได้ถูกต้อง
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
    ส่วนของงานกฐินนั้น ที่สำคัญอีกอย่างก็คือผู้ครองผ้ากฐิน ถ้าว่ากันโดยพระธรรมวินัยแล้ว ท่านให้บุคคลที่มีจีวรเก่าที่สุดในวัดได้ผ้านั้นไป แต่ว่าระยะหลัง ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสมักจะเป็นผู้ครองผ้ากฐิน เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ บางท่านถือว่าผู้ครองกฐินจึงมีสิทธิ์ที่จะรับบริวารกฐินทั้งหมด ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์รับ เจ้าอาวาสก็เลยมักจะครองกฐินเสียเอง แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าบางวัดมีพระไม่ครบ ๕ รูป ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ ต้องไปยืมพระวัดอื่นมา การไปยืมพระวัดอื่นมานั้น พระวัดอื่นที่มานั้น ไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนในกฐินนั้นทั้งสิ้น ให้เฉพาะบุคคลที่จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้น ดังนั้น...จึงมีการเข้าใจผิดกันว่า ถ้าไม่ครองกฐินแล้วจะไม่มีโอกาสได้รับบริวารกฐิน ซึ่งก็คือไม่มีสิทธิ์รับเงิน ก็ขอให้เข้าใจให้ถูกเสียใหม่ สำหรับวัดท่าขนุนของเรานั้น ครองกฐินกันไปตามอายุพรรษา ก็คือถ้าปีนี้ไปถึงใคร ปีหน้าท่านถัดไปก็จะรู้เองว่าถึงคิวของตนเองครองกฐินแล้ว สำหรับผู้ครองกฐินนั้นต้องรับภาระหนัก เพราะว่าต้องเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด ในเมื่อเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด บุคคลที่ได้อานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ พูดง่าย ๆ ก็คือ ละเว้นให้ไม่ต้องรักษาศีลหลายข้อ อย่างเช่นว่าการเที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา ซึ่งปกติแล้ววัดท่าขนุนของเราไม่ยอมให้ไปโดยไม่ต้องบอกลา ออกจากวัดไปไหนจะต้องลาทุกคน อานิสงส์กฐินข้อนี้จึงไม่มีประโยชน์สำหรับพระวัดท่าขนุน สามารถฉันคณะโภชนาได้ ก็คือโดยปกติแล้ว ถ้าญาติโยมบอกว่านำอาหารอะไรมาถวายพระ พระไม่สามารถที่จะฉันรวมกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปได้ เพราะว่าเป็นการผิดพระวินัย สาเหตุมาจากสมัยพุทธกาล เมื่อมหาเศรษฐีท่านบอกว่าจะถวายภัตตาหารอะไร พอเป็นอาหารที่ประณีต มีรสดี บรรดาพระก็แห่กันไปจนเขาเลี้ยงไม่ไหว พระพุทธเจ้าจึงต้องตรัสห้ามไว้ว่า ถ้าเป็นอาหารที่เจ้าภาพออกชื่อ ให้ฉันได้ไม่เกิน ๓ รูปเท่านั้น ถ้าถึงรูปที่ ๔ ขึ้นไปเรียกว่าคณะ ถ้าฉันคณะโภชนาแบบนั้น โดนปรับอาบัติทุกคำที่กลืนลงไป ก็แปลว่าศีลขาดทุกคำที่กลืน แต่หากว่ารับกฐินแล้วสามารถฉันคณะโภชนาได้ ลำดับต่อไป คือ ฉันปรัมปรโภชนาได้ คำว่า ปรัมประ ก็คือฉันจากที่หนึ่งแล้วไปฉันอีกที่หนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะฉันได้น้อย บางทีเจ้าภาพเขาก็เสียใจ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องมาใช้กับอาตมา เพราะว่าฉันน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว ข้อต่อไปท่านบอกว่า ไปไหนไม่ต้องเอาจีวรไปครบสำรับ เพราะว่ามีผู้ครองกฐินรักษาผ้าแทนเราแล้ว ข้อสุดท้าย ก็คือ จีวรที่เกิดขึ้นไม่ต้องทำวิกัปเป็น ๒ เจ้าของ สามารถที่จะใช้เป็นของตนเองได้เลย ในเมื่ออานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ แต่ผู้ที่ครองกฐินจะไม่ได้อานิสงส์นี้ เพราะว่าต้องรักษาผ้ากฐินแทนผู้อื่นทั้งวัด ถ้าทำผ้าขาดครองก็ทำให้ขาดอานิสงส์กฐินทั้งวัดเหมือนกัน ดังนั้น...ในส่วนของผู้ครองกฐินจึงสำคัญมาก เพราะว่าห้ามเผลออย่างเด็ดขาด และอานิสงส์กฐินนี้จะมีแค่กลางเดือน ๔ เท่านั้น ถ้าท่านจำพรรษาแล้วไม่ได้รับกฐิน ได้รับอานิสงส์ ๑ เดือน ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ ถ้าจำพรรษาแล้วได้รับกฐิน ท่านขยายเวลาให้ถึงกลางเดือน ๔ ก็คือเพิ่มขึ้นมาอีก ๔ เดือน แต่อาตมาไม่เคยใช้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าอานิสงส์กฐินนั้น ถ้าเผลอเราจะมักง่าย ไปไหนเอาจีวรไปครบไตรก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสจนเกินไป จีวรชุดหนึ่งก็ใช้ได้หลายปี ขณะเดียวกันเรื่องของคณะโภชนา ปรัมปรโภชนานั้น ถ้าเราเผลอตัวเมื่อไร เกินกลางเดือน ๔ ไปก็จะโดนอาบัติ การไปไหนปกติก็ต้องบอกอยู่แล้วว่าไปไหน เพื่อที่เจ้าอาวาสหรือเพื่อนฝูงจะได้รู้ มีอะไรเร่งด่วนจะได้ตามตัวกันได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาบวชมา ๓๐ กว่าปีไม่เคยใช้อานิสงส์กฐินเลย พูดง่าย ๆ ว่าไม่ต้องรอให้กฐินเดาะ แต่เป็นคนเดาะกฐินเสียเอง แต่ว่าในส่วนอื่น บุคคลอื่น โดยเฉพาะพระอื่น ๆ ในวัดท่าขนุน อาตมาไม่ได้บังคับ ใครจะใช้อานิสงส์กฐินก็อย่าเผลอ ถ้าใครไม่ใช้อานิสงส์กฐินก็ขออนุโมทนาด้วย เนื่องเพราะว่าในเรื่องของศีลพระนั้น ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ๒๒๗ ข้อก็สามารถรักษาได้ ทำไมต้องไปผ่อนใน ๔ - ๕ ข้อเหล่านั้น ในเรื่องของการขอกฐิน วัดท่าขนุนจะไม่มีเรื่องนี้ เนื่องเพราะว่าอาตมาจะตั้งกองกฐินขึ้นมาเอง หลังจากนั้นญาติโยมก็มาสมทบ ร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีเท่านั้น เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ถ้ามีวัดใดมาขอกฐิน ญาติโยมจะเป็นเจ้าภาพจะเป็นอะไรก็ตาม ให้รู้ว่าบุญกฐินนั้นโยมได้ไปเต็ม ๆ แต่อานิสงส์กฐินสำหรับพระไม่มีใครได้เลย เพราะว่าในพระวินัยท่านห้ามขอกฐิน ญาติโยมที่อยากจะเป็นเจ้าภาพกฐิน ให้ไปปวารณาตนแจ้งต่อเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่งที่เราจะเอากฐินไปทอด ว่าเราขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ถ้าอย่างนั้นพระในวัดท่านถึงจะได้อานิสงส์กฐินไปเต็ม ๆ ในส่วนของการที่พระไปขอจากญาติโยม ก็คาดว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก ก็คือ ไม่รู้ว่าในพระบาลีท่านห้ามขอกฐิน อย่างที่ ๒ ก็คือ แกล้งไม่รู้ เพราะว่าอยากได้กฐิน เนื่องจากว่าเจ้าภาพหลายรายมาปวารณากฐินกับอาตมาแล้วถามว่า ต้องการยอดปัจจัยเท่าไร ซึ่งถ้าเป็นวัดอื่น ๆ ก็อาจจะมีการบอกว่าเท่านั้นแสน เท่านี้ล้าน แต่สำหรับวัดท่าขนุน มีโยมถามอยู่ ๒ ปี ปีแรกที่ถาม อาตมาบอกว่าเอามา ๑๖ บาท เป็นเลขมงคลโสฬสสวยดี ปีถัดมาถามอีก บอกว่าเอามา ๙ บาทก็แล้วกัน ก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น เนื่องจากว่ากฐินอยู่ที่ศรัทธาของโยม ไม่ใช่ว่าพระไปตั้งยอด แล้วให้โยมตะเกียกตะกายหามาด้วยความยากลำบาก เรื่องของพระธรรมวินัยแล้ว ส่วนใหญ่พระเณรสมัยนี้ไม่ค่อยที่จะเข้มงวดกัน อาจจะเป็นเพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านไม่ได้สั่งสอนไว้ ไม่ได้อบรมไว้ หรือไม่ก็ความที่อยากได้ยอดปัจจัยกฐินมาก ๆ ก็เลยต้องไปเที่ยวขอกฐินจากญาติโยมหลาย ๆ คน เพื่อให้มารวมกันทอด ในส่วนของกฐิน ขอย้ำอีกครั้งว่า อานิสงส์กฐิน สำคัญที่สุดตรงผ้าไตร จะเป็นผืนเดียว หรือครบไตรก็ตาม ถ้าไม่มีผ้าไตรก็ไม่เป็นกฐิน ถ้ามีผ้าไตรแล้วบริวารกฐินอื่นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เมื่อญาติโยมทราบแล้วจะได้รู้ว่า ในเรื่องของกฐินแต่โบราณมานั้น เขาเน้นกันเรื่องผ้าไตรครองสำหรับพระ แต่ปัจจุบันนี้ผิดเพี้ยนไป กลายเป็นว่าวัดไหนทำยอดเงินได้มาก ก็ถือว่าได้บุญมาก อย่าลืมว่าเงินเป็นแค่บริวารกฐินเท่านั้น ตัวบุญกฐินเต็ม ๆ อยู่ที่ผ้าไตรต่างหาก เมื่อญาติโยมได้ทราบในเรื่องของกฐิน ตลอดกระทั่งแบบธรรมเนียมในการปวารณาเป็นเจ้าภาพกฐิน หรือว่าในการถวายกฐินแล้ว ต่อไปก็จะได้ปฏิบัติกันได้ถูกต้อง ................................... พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน www.watthakhanun.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนของงานกฐินนั้น ที่สำคัญอีกอย่างก็คือผู้ครองผ้ากฐิน ถ้าว่ากันโดยพระธรรมวินัยแล้ว ท่านให้บุคคลที่มีจีวรเก่าที่สุดในวัดได้ผ้านั้นไป แต่ว่าระยะหลัง ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสมักจะเป็นผู้ครองผ้ากฐิน

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ บางท่านถือว่าผู้ครองกฐินจึงมีสิทธิ์ที่จะรับบริวารกฐินทั้งหมด ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์รับ เจ้าอาวาสก็เลยมักจะครองกฐินเสียเอง แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าบางวัดมีพระไม่ครบ ๕ รูป ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ ต้องไปยืมพระวัดอื่นมา

    การไปยืมพระวัดอื่นมานั้น พระวัดอื่นที่มานั้น ไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนในกฐินนั้นทั้งสิ้น ให้เฉพาะบุคคลที่จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้น ดังนั้น...จึงมีการเข้าใจผิดกันว่า ถ้าไม่ครองกฐินแล้วจะไม่มีโอกาสได้รับบริวารกฐิน ซึ่งก็คือไม่มีสิทธิ์รับเงิน ก็ขอให้เข้าใจให้ถูกเสียใหม่

    สำหรับวัดท่าขนุนของเรานั้น ครองกฐินกันไปตามอายุพรรษา ก็คือถ้าปีนี้ไปถึงใคร ปีหน้าท่านถัดไปก็จะรู้เองว่าถึงคิวของตนเองครองกฐินแล้ว สำหรับผู้ครองกฐินนั้นต้องรับภาระหนัก เพราะว่าต้องเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด ในเมื่อเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด บุคคลที่ได้อานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ พูดง่าย ๆ ก็คือ ละเว้นให้ไม่ต้องรักษาศีลหลายข้อ อย่างเช่นว่าการเที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา ซึ่งปกติแล้ววัดท่าขนุนของเราไม่ยอมให้ไปโดยไม่ต้องบอกลา ออกจากวัดไปไหนจะต้องลาทุกคน อานิสงส์กฐินข้อนี้จึงไม่มีประโยชน์สำหรับพระวัดท่าขนุน

    สามารถฉันคณะโภชนาได้ ก็คือโดยปกติแล้ว ถ้าญาติโยมบอกว่านำอาหารอะไรมาถวายพระ พระไม่สามารถที่จะฉันรวมกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปได้ เพราะว่าเป็นการผิดพระวินัย สาเหตุมาจากสมัยพุทธกาล เมื่อมหาเศรษฐีท่านบอกว่าจะถวายภัตตาหารอะไร พอเป็นอาหารที่ประณีต มีรสดี บรรดาพระก็แห่กันไปจนเขาเลี้ยงไม่ไหว พระพุทธเจ้าจึงต้องตรัสห้ามไว้ว่า ถ้าเป็นอาหารที่เจ้าภาพออกชื่อ ให้ฉันได้ไม่เกิน ๓ รูปเท่านั้น ถ้าถึงรูปที่ ๔ ขึ้นไปเรียกว่าคณะ ถ้าฉันคณะโภชนาแบบนั้น โดนปรับอาบัติทุกคำที่กลืนลงไป ก็แปลว่าศีลขาดทุกคำที่กลืน แต่หากว่ารับกฐินแล้วสามารถฉันคณะโภชนาได้

    ลำดับต่อไป คือ ฉันปรัมปรโภชนาได้ คำว่า ปรัมประ ก็คือฉันจากที่หนึ่งแล้วไปฉันอีกที่หนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะฉันได้น้อย บางทีเจ้าภาพเขาก็เสียใจ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องมาใช้กับอาตมา เพราะว่าฉันน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว

    ข้อต่อไปท่านบอกว่า ไปไหนไม่ต้องเอาจีวรไปครบสำรับ เพราะว่ามีผู้ครองกฐินรักษาผ้าแทนเราแล้ว

    ข้อสุดท้าย ก็คือ จีวรที่เกิดขึ้นไม่ต้องทำวิกัปเป็น ๒ เจ้าของ สามารถที่จะใช้เป็นของตนเองได้เลย

    ในเมื่ออานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ แต่ผู้ที่ครองกฐินจะไม่ได้อานิสงส์นี้ เพราะว่าต้องรักษาผ้ากฐินแทนผู้อื่นทั้งวัด ถ้าทำผ้าขาดครองก็ทำให้ขาดอานิสงส์กฐินทั้งวัดเหมือนกัน

    ดังนั้น...ในส่วนของผู้ครองกฐินจึงสำคัญมาก เพราะว่าห้ามเผลออย่างเด็ดขาด และอานิสงส์กฐินนี้จะมีแค่กลางเดือน ๔ เท่านั้น ถ้าท่านจำพรรษาแล้วไม่ได้รับกฐิน ได้รับอานิสงส์ ๑ เดือน ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ ถ้าจำพรรษาแล้วได้รับกฐิน ท่านขยายเวลาให้ถึงกลางเดือน ๔ ก็คือเพิ่มขึ้นมาอีก ๔ เดือน แต่อาตมาไม่เคยใช้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าอานิสงส์กฐินนั้น ถ้าเผลอเราจะมักง่าย ไปไหนเอาจีวรไปครบไตรก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสจนเกินไป จีวรชุดหนึ่งก็ใช้ได้หลายปี

    ขณะเดียวกันเรื่องของคณะโภชนา ปรัมปรโภชนานั้น ถ้าเราเผลอตัวเมื่อไร เกินกลางเดือน ๔ ไปก็จะโดนอาบัติ การไปไหนปกติก็ต้องบอกอยู่แล้วว่าไปไหน เพื่อที่เจ้าอาวาสหรือเพื่อนฝูงจะได้รู้ มีอะไรเร่งด่วนจะได้ตามตัวกันได้

    เมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาบวชมา ๓๐ กว่าปีไม่เคยใช้อานิสงส์กฐินเลย พูดง่าย ๆ ว่าไม่ต้องรอให้กฐินเดาะ แต่เป็นคนเดาะกฐินเสียเอง แต่ว่าในส่วนอื่น บุคคลอื่น โดยเฉพาะพระอื่น ๆ ในวัดท่าขนุน อาตมาไม่ได้บังคับ ใครจะใช้อานิสงส์กฐินก็อย่าเผลอ ถ้าใครไม่ใช้อานิสงส์กฐินก็ขออนุโมทนาด้วย เนื่องเพราะว่าในเรื่องของศีลพระนั้น ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ๒๒๗ ข้อก็สามารถรักษาได้ ทำไมต้องไปผ่อนใน ๔ - ๕ ข้อเหล่านั้น

    ในเรื่องของการขอกฐิน วัดท่าขนุนจะไม่มีเรื่องนี้ เนื่องเพราะว่าอาตมาจะตั้งกองกฐินขึ้นมาเอง หลังจากนั้นญาติโยมก็มาสมทบ ร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีเท่านั้น เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ถ้ามีวัดใดมาขอกฐิน ญาติโยมจะเป็นเจ้าภาพจะเป็นอะไรก็ตาม ให้รู้ว่าบุญกฐินนั้นโยมได้ไปเต็ม ๆ แต่อานิสงส์กฐินสำหรับพระไม่มีใครได้เลย เพราะว่าในพระวินัยท่านห้ามขอกฐิน

    ญาติโยมที่อยากจะเป็นเจ้าภาพกฐิน ให้ไปปวารณาตนแจ้งต่อเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่งที่เราจะเอากฐินไปทอด ว่าเราขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ถ้าอย่างนั้นพระในวัดท่านถึงจะได้อานิสงส์กฐินไปเต็ม ๆ

    ในส่วนของการที่พระไปขอจากญาติโยม ก็คาดว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน
    สาเหตุแรก ก็คือ ไม่รู้ว่าในพระบาลีท่านห้ามขอกฐิน
    อย่างที่ ๒ ก็คือ แกล้งไม่รู้ เพราะว่าอยากได้กฐิน เนื่องจากว่าเจ้าภาพหลายรายมาปวารณากฐินกับอาตมาแล้วถามว่า ต้องการยอดปัจจัยเท่าไร ซึ่งถ้าเป็นวัดอื่น ๆ ก็อาจจะมีการบอกว่าเท่านั้นแสน เท่านี้ล้าน แต่สำหรับวัดท่าขนุน มีโยมถามอยู่ ๒ ปี ปีแรกที่ถาม อาตมาบอกว่าเอามา ๑๖ บาท เป็นเลขมงคลโสฬสสวยดี ปีถัดมาถามอีก บอกว่าเอามา ๙ บาทก็แล้วกัน ก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น เนื่องจากว่ากฐินอยู่ที่ศรัทธาของโยม ไม่ใช่ว่าพระไปตั้งยอด แล้วให้โยมตะเกียกตะกายหามาด้วยความยากลำบาก

    เรื่องของพระธรรมวินัยแล้ว ส่วนใหญ่พระเณรสมัยนี้ไม่ค่อยที่จะเข้มงวดกัน อาจจะเป็นเพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านไม่ได้สั่งสอนไว้ ไม่ได้อบรมไว้ หรือไม่ก็ความที่อยากได้ยอดปัจจัยกฐินมาก ๆ ก็เลยต้องไปเที่ยวขอกฐินจากญาติโยมหลาย ๆ คน เพื่อให้มารวมกันทอด

    ในส่วนของกฐิน ขอย้ำอีกครั้งว่า อานิสงส์กฐิน สำคัญที่สุดตรงผ้าไตร จะเป็นผืนเดียว หรือครบไตรก็ตาม ถ้าไม่มีผ้าไตรก็ไม่เป็นกฐิน ถ้ามีผ้าไตรแล้วบริวารกฐินอื่นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้

    เมื่อญาติโยมทราบแล้วจะได้รู้ว่า ในเรื่องของกฐินแต่โบราณมานั้น เขาเน้นกันเรื่องผ้าไตรครองสำหรับพระ แต่ปัจจุบันนี้ผิดเพี้ยนไป กลายเป็นว่าวัดไหนทำยอดเงินได้มาก ก็ถือว่าได้บุญมาก อย่าลืมว่าเงินเป็นแค่บริวารกฐินเท่านั้น ตัวบุญกฐินเต็ม ๆ อยู่ที่ผ้าไตรต่างหาก

    เมื่อญาติโยมได้ทราบในเรื่องของกฐิน ตลอดกระทั่งแบบธรรมเนียมในการปวารณาเป็นเจ้าภาพกฐิน หรือว่าในการถวายกฐินแล้ว ต่อไปก็จะได้ปฏิบัติกันได้ถูกต้อง
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
    ส่วนของงานกฐินนั้น ที่สำคัญอีกอย่างก็คือผู้ครองผ้ากฐิน ถ้าว่ากันโดยพระธรรมวินัยแล้ว ท่านให้บุคคลที่มีจีวรเก่าที่สุดในวัดได้ผ้านั้นไป แต่ว่าระยะหลัง ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสมักจะเป็นผู้ครองผ้ากฐิน เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ บางท่านถือว่าผู้ครองกฐินจึงมีสิทธิ์ที่จะรับบริวารกฐินทั้งหมด ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์รับ เจ้าอาวาสก็เลยมักจะครองกฐินเสียเอง แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าบางวัดมีพระไม่ครบ ๕ รูป ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ ต้องไปยืมพระวัดอื่นมา การไปยืมพระวัดอื่นมานั้น พระวัดอื่นที่มานั้น ไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนในกฐินนั้นทั้งสิ้น ให้เฉพาะบุคคลที่จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้น ดังนั้น...จึงมีการเข้าใจผิดกันว่า ถ้าไม่ครองกฐินแล้วจะไม่มีโอกาสได้รับบริวารกฐิน ซึ่งก็คือไม่มีสิทธิ์รับเงิน ก็ขอให้เข้าใจให้ถูกเสียใหม่ สำหรับวัดท่าขนุนของเรานั้น ครองกฐินกันไปตามอายุพรรษา ก็คือถ้าปีนี้ไปถึงใคร ปีหน้าท่านถัดไปก็จะรู้เองว่าถึงคิวของตนเองครองกฐินแล้ว สำหรับผู้ครองกฐินนั้นต้องรับภาระหนัก เพราะว่าต้องเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด ในเมื่อเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด บุคคลที่ได้อานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ พูดง่าย ๆ ก็คือ ละเว้นให้ไม่ต้องรักษาศีลหลายข้อ อย่างเช่นว่าการเที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา ซึ่งปกติแล้ววัดท่าขนุนของเราไม่ยอมให้ไปโดยไม่ต้องบอกลา ออกจากวัดไปไหนจะต้องลาทุกคน อานิสงส์กฐินข้อนี้จึงไม่มีประโยชน์สำหรับพระวัดท่าขนุน สามารถฉันคณะโภชนาได้ ก็คือโดยปกติแล้ว ถ้าญาติโยมบอกว่านำอาหารอะไรมาถวายพระ พระไม่สามารถที่จะฉันรวมกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปได้ เพราะว่าเป็นการผิดพระวินัย สาเหตุมาจากสมัยพุทธกาล เมื่อมหาเศรษฐีท่านบอกว่าจะถวายภัตตาหารอะไร พอเป็นอาหารที่ประณีต มีรสดี บรรดาพระก็แห่กันไปจนเขาเลี้ยงไม่ไหว พระพุทธเจ้าจึงต้องตรัสห้ามไว้ว่า ถ้าเป็นอาหารที่เจ้าภาพออกชื่อ ให้ฉันได้ไม่เกิน ๓ รูปเท่านั้น ถ้าถึงรูปที่ ๔ ขึ้นไปเรียกว่าคณะ ถ้าฉันคณะโภชนาแบบนั้น โดนปรับอาบัติทุกคำที่กลืนลงไป ก็แปลว่าศีลขาดทุกคำที่กลืน แต่หากว่ารับกฐินแล้วสามารถฉันคณะโภชนาได้ ลำดับต่อไป คือ ฉันปรัมปรโภชนาได้ คำว่า ปรัมประ ก็คือฉันจากที่หนึ่งแล้วไปฉันอีกที่หนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะฉันได้น้อย บางทีเจ้าภาพเขาก็เสียใจ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องมาใช้กับอาตมา เพราะว่าฉันน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว ข้อต่อไปท่านบอกว่า ไปไหนไม่ต้องเอาจีวรไปครบสำรับ เพราะว่ามีผู้ครองกฐินรักษาผ้าแทนเราแล้ว ข้อสุดท้าย ก็คือ จีวรที่เกิดขึ้นไม่ต้องทำวิกัปเป็น ๒ เจ้าของ สามารถที่จะใช้เป็นของตนเองได้เลย ในเมื่ออานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ แต่ผู้ที่ครองกฐินจะไม่ได้อานิสงส์นี้ เพราะว่าต้องรักษาผ้ากฐินแทนผู้อื่นทั้งวัด ถ้าทำผ้าขาดครองก็ทำให้ขาดอานิสงส์กฐินทั้งวัดเหมือนกัน ดังนั้น...ในส่วนของผู้ครองกฐินจึงสำคัญมาก เพราะว่าห้ามเผลออย่างเด็ดขาด และอานิสงส์กฐินนี้จะมีแค่กลางเดือน ๔ เท่านั้น ถ้าท่านจำพรรษาแล้วไม่ได้รับกฐิน ได้รับอานิสงส์ ๑ เดือน ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ ถ้าจำพรรษาแล้วได้รับกฐิน ท่านขยายเวลาให้ถึงกลางเดือน ๔ ก็คือเพิ่มขึ้นมาอีก ๔ เดือน แต่อาตมาไม่เคยใช้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าอานิสงส์กฐินนั้น ถ้าเผลอเราจะมักง่าย ไปไหนเอาจีวรไปครบไตรก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสจนเกินไป จีวรชุดหนึ่งก็ใช้ได้หลายปี ขณะเดียวกันเรื่องของคณะโภชนา ปรัมปรโภชนานั้น ถ้าเราเผลอตัวเมื่อไร เกินกลางเดือน ๔ ไปก็จะโดนอาบัติ การไปไหนปกติก็ต้องบอกอยู่แล้วว่าไปไหน เพื่อที่เจ้าอาวาสหรือเพื่อนฝูงจะได้รู้ มีอะไรเร่งด่วนจะได้ตามตัวกันได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาบวชมา ๓๐ กว่าปีไม่เคยใช้อานิสงส์กฐินเลย พูดง่าย ๆ ว่าไม่ต้องรอให้กฐินเดาะ แต่เป็นคนเดาะกฐินเสียเอง แต่ว่าในส่วนอื่น บุคคลอื่น โดยเฉพาะพระอื่น ๆ ในวัดท่าขนุน อาตมาไม่ได้บังคับ ใครจะใช้อานิสงส์กฐินก็อย่าเผลอ ถ้าใครไม่ใช้อานิสงส์กฐินก็ขออนุโมทนาด้วย เนื่องเพราะว่าในเรื่องของศีลพระนั้น ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ๒๒๗ ข้อก็สามารถรักษาได้ ทำไมต้องไปผ่อนใน ๔ - ๕ ข้อเหล่านั้น ในเรื่องของการขอกฐิน วัดท่าขนุนจะไม่มีเรื่องนี้ เนื่องเพราะว่าอาตมาจะตั้งกองกฐินขึ้นมาเอง หลังจากนั้นญาติโยมก็มาสมทบ ร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีเท่านั้น เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ถ้ามีวัดใดมาขอกฐิน ญาติโยมจะเป็นเจ้าภาพจะเป็นอะไรก็ตาม ให้รู้ว่าบุญกฐินนั้นโยมได้ไปเต็ม ๆ แต่อานิสงส์กฐินสำหรับพระไม่มีใครได้เลย เพราะว่าในพระวินัยท่านห้ามขอกฐิน ญาติโยมที่อยากจะเป็นเจ้าภาพกฐิน ให้ไปปวารณาตนแจ้งต่อเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่งที่เราจะเอากฐินไปทอด ว่าเราขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ถ้าอย่างนั้นพระในวัดท่านถึงจะได้อานิสงส์กฐินไปเต็ม ๆ ในส่วนของการที่พระไปขอจากญาติโยม ก็คาดว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก ก็คือ ไม่รู้ว่าในพระบาลีท่านห้ามขอกฐิน อย่างที่ ๒ ก็คือ แกล้งไม่รู้ เพราะว่าอยากได้กฐิน เนื่องจากว่าเจ้าภาพหลายรายมาปวารณากฐินกับอาตมาแล้วถามว่า ต้องการยอดปัจจัยเท่าไร ซึ่งถ้าเป็นวัดอื่น ๆ ก็อาจจะมีการบอกว่าเท่านั้นแสน เท่านี้ล้าน แต่สำหรับวัดท่าขนุน มีโยมถามอยู่ ๒ ปี ปีแรกที่ถาม อาตมาบอกว่าเอามา ๑๖ บาท เป็นเลขมงคลโสฬสสวยดี ปีถัดมาถามอีก บอกว่าเอามา ๙ บาทก็แล้วกัน ก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น เนื่องจากว่ากฐินอยู่ที่ศรัทธาของโยม ไม่ใช่ว่าพระไปตั้งยอด แล้วให้โยมตะเกียกตะกายหามาด้วยความยากลำบาก เรื่องของพระธรรมวินัยแล้ว ส่วนใหญ่พระเณรสมัยนี้ไม่ค่อยที่จะเข้มงวดกัน อาจจะเป็นเพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านไม่ได้สั่งสอนไว้ ไม่ได้อบรมไว้ หรือไม่ก็ความที่อยากได้ยอดปัจจัยกฐินมาก ๆ ก็เลยต้องไปเที่ยวขอกฐินจากญาติโยมหลาย ๆ คน เพื่อให้มารวมกันทอด ในส่วนของกฐิน ขอย้ำอีกครั้งว่า อานิสงส์กฐิน สำคัญที่สุดตรงผ้าไตร จะเป็นผืนเดียว หรือครบไตรก็ตาม ถ้าไม่มีผ้าไตรก็ไม่เป็นกฐิน ถ้ามีผ้าไตรแล้วบริวารกฐินอื่นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เมื่อญาติโยมทราบแล้วจะได้รู้ว่า ในเรื่องของกฐินแต่โบราณมานั้น เขาเน้นกันเรื่องผ้าไตรครองสำหรับพระ แต่ปัจจุบันนี้ผิดเพี้ยนไป กลายเป็นว่าวัดไหนทำยอดเงินได้มาก ก็ถือว่าได้บุญมาก อย่าลืมว่าเงินเป็นแค่บริวารกฐินเท่านั้น ตัวบุญกฐินเต็ม ๆ อยู่ที่ผ้าไตรต่างหาก เมื่อญาติโยมได้ทราบในเรื่องของกฐิน ตลอดกระทั่งแบบธรรมเนียมในการปวารณาเป็นเจ้าภาพกฐิน หรือว่าในการถวายกฐินแล้ว ต่อไปก็จะได้ปฏิบัติกันได้ถูกต้อง ................................... พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน www.watthakhanun.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออนุญาตเจ้าของลายมือ

    ตามลายมือ ทายว่า ฉลาด มีความรู้และจินตนาการอยู่ในตัว รักเกียรติยศและชื่อเสียง มีความทะเยอทะยานที่จะให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้าและดีขึ้น ใจใฝ่หาความรู้และธรรม วางแผนในการทำสิ่งต่างๆ รักธรรมชาติ มีอารมณ์เครียด หงุดหงิดหน่อย ตอนเด็ก มีเหตุการณ์ที่คนในครอบครัวทำให้สะเทือนใจ อาจทำให้อยู่ห่างจากครอบครัว

    รัก มีคนเข้ามาจีบพอสมควร รักไม่ราบรื่นหรือไม่ได้ดั่งใจหวังหรือไม่ถูกใจ ตอนวัยรุ่น ถึง อายุ 20 กลาง ไม่สมหวังในรัก มีเหตุการณ์สะเทือนใจตอนอายุ 20 ต้น มีเกณฑ์มีคู่ช้า เพราะค่อนข้างเลือกคู่และมีมาตรฐานหรือสเปคในการเลือกคู่ คู่คนไทย ทำให้เหนื่อย ลำบาก เครียด วิตกกังวล บางครั้งทำให้เสียใจ บางครั้งครอบครัวไม่ถูกใจคู่ คู่ต่างชาติส่งเสริม เกื้อกูล กว่าคู่คนไทย ถ้าคบคู่ต่างชาติ จะคบกันได้ยาวกว่าคู่คนไทย

    งาน คิดสร้างฐานะและหลักฐานด้วยตัวเองตอนอายุ 20 กลาง จึงลงมือทำและเหนื่อยด้วยตัวเอง ตอนเริ่มทำงาน อาจไม่ราบรื่นหรือลำบากหรือเหนื่อยหน่อย หลังจากนั้นพอไปได้ ก่อนอายุ 30 งานไปได้เรื่อยๆ เจออุปสรรคบ้าง เหนื่อยบ้าง มีคนช่วยเหลืออุปถัมภ์เวลามีปัญหาเรื่องงาน อายุ 20 กลาง อายุ 20 ปลาย และอายุ 30 ต้น มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ดีเรื่องงานและเงิน อายุ 32 อายุ 35 อายุ 50 ต้น อายุ 50 กลาง เจออุปสรรคแต่ผ่านไปได้ ตอนอายุ 50 ต้น ระมัดระวังเรื่องการงาน การเงินหรือการลงทุน มีเกณฑ์เสียมากกว่าได้ อายุ 30 ปลาย อายุ 40 ต้น มีเกณฑ์เปลี่ยนแปลงเรื่องงานหรือที่อยู่อาจทำงานหรืออยู่ไกลถิ่นเกิดหรือต่างประเทศ ตอนอายุมากขึ้นจะมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบมากขึ้น

    เงิน หาเงินเก่ง ใช้เงินเก่ง บางครั้งมีคนมาทำให้เดือดร้อนจนเสียเงิน ตอนวัยรุ่น ถึง อายุ 20 กลาง เจอปัญหาเรื่องเงินแต่ช่วงนั้นมีลาภเข้ามา ลาภมาจากคนในครอบครัว ตอนมีหนี้จะหาเงินได้มากกว่าตอนไม่มีหนี้ อนาคตมีเงินพอสมควร

    สุขภาพ สมอง อาจคิดมากจนปวดศีรษะ อวัยวะภายในท้อง ลำไส้ ลำไส้แปรปรวน

    ตามวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด ทายว่า พูดจาเก่ง ช่างเจรจา ขยัน มีความคิดและการกระทำที่เป็นผู้ใหญ่กว่าคนในวัยเดียวกัน สนใจในประวัติศาสตร์ ของโบราณ ของเก่า ญาติมีฐานะดีและหน้าที่การงานดี

    ตอนอายุ 39 ขยันในการทำงาน บางครั้งอาจหักโหมในการทำงานเกินไป พยายามเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้ดีขึ้นเกี่ยวกับแม่และเพื่อน

    ตอนอายุ 40 เป็นปีที่ดี เรื่องเงิน ญาติ บ้าน แต่เหนื่อยหน่อยและต้องใช้เวลาในการได้มา ญาติหรือคนใกล้ชิด มีปัญหาสุขภาพ มีการเดินทางไปหาญาติหรือคนใกล้ชิด การเดินทาง ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุ เสียเงินในการซ่อมหรือดูแลรักษารถยนต์

    คู่ มีลักษณะอ่อนโยน จู้จี้ จุกจิก โลเล จะมีนิสัยไม่ค่อยถูกใจตัวเอง เป็นคนต่างชาติ
    เข้ามาเยอะตอนอายุ 12/18/22/29/34/35/48
    เข้ามาบ้างตอนอายุ 14/16/20/26/27/41/44/46
    มีเกณฑ์มีคู่ ถ้าจะแต่ง แนะนำตอนอายุ 41/44

    งาน ขยันในการทำงาน บางครั้งอาจหักโหมในการทำงานเกินไป ใช้ความรู้ที่มีในการสร้างตัว สร้างฐานะและหลักฐาน งานที่เหมาะ งานด้านใช้ทักษะในการเจรจา การติดต่อ ประสานงาน การสื่อสาร การเขียน

    เงิน มีรายได้มากกว่ารายจ่าย จึงมีโอกาสรวย ได้ลาภจากพ่อ พ่อให้เงินใช้

    สุขภาพ ระบบเลือด หัวใจ สายตา ระบบการหายใจ จมูก คอ
    ขออนุญาตเจ้าของลายมือ ตามลายมือ ทายว่า ฉลาด มีความรู้และจินตนาการอยู่ในตัว รักเกียรติยศและชื่อเสียง มีความทะเยอทะยานที่จะให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้าและดีขึ้น ใจใฝ่หาความรู้และธรรม วางแผนในการทำสิ่งต่างๆ รักธรรมชาติ มีอารมณ์เครียด หงุดหงิดหน่อย ตอนเด็ก มีเหตุการณ์ที่คนในครอบครัวทำให้สะเทือนใจ อาจทำให้อยู่ห่างจากครอบครัว รัก มีคนเข้ามาจีบพอสมควร รักไม่ราบรื่นหรือไม่ได้ดั่งใจหวังหรือไม่ถูกใจ ตอนวัยรุ่น ถึง อายุ 20 กลาง ไม่สมหวังในรัก มีเหตุการณ์สะเทือนใจตอนอายุ 20 ต้น มีเกณฑ์มีคู่ช้า เพราะค่อนข้างเลือกคู่และมีมาตรฐานหรือสเปคในการเลือกคู่ คู่คนไทย ทำให้เหนื่อย ลำบาก เครียด วิตกกังวล บางครั้งทำให้เสียใจ บางครั้งครอบครัวไม่ถูกใจคู่ คู่ต่างชาติส่งเสริม เกื้อกูล กว่าคู่คนไทย ถ้าคบคู่ต่างชาติ จะคบกันได้ยาวกว่าคู่คนไทย งาน คิดสร้างฐานะและหลักฐานด้วยตัวเองตอนอายุ 20 กลาง จึงลงมือทำและเหนื่อยด้วยตัวเอง ตอนเริ่มทำงาน อาจไม่ราบรื่นหรือลำบากหรือเหนื่อยหน่อย หลังจากนั้นพอไปได้ ก่อนอายุ 30 งานไปได้เรื่อยๆ เจออุปสรรคบ้าง เหนื่อยบ้าง มีคนช่วยเหลืออุปถัมภ์เวลามีปัญหาเรื่องงาน อายุ 20 กลาง อายุ 20 ปลาย และอายุ 30 ต้น มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ดีเรื่องงานและเงิน อายุ 32 อายุ 35 อายุ 50 ต้น อายุ 50 กลาง เจออุปสรรคแต่ผ่านไปได้ ตอนอายุ 50 ต้น ระมัดระวังเรื่องการงาน การเงินหรือการลงทุน มีเกณฑ์เสียมากกว่าได้ อายุ 30 ปลาย อายุ 40 ต้น มีเกณฑ์เปลี่ยนแปลงเรื่องงานหรือที่อยู่อาจทำงานหรืออยู่ไกลถิ่นเกิดหรือต่างประเทศ ตอนอายุมากขึ้นจะมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบมากขึ้น เงิน หาเงินเก่ง ใช้เงินเก่ง บางครั้งมีคนมาทำให้เดือดร้อนจนเสียเงิน ตอนวัยรุ่น ถึง อายุ 20 กลาง เจอปัญหาเรื่องเงินแต่ช่วงนั้นมีลาภเข้ามา ลาภมาจากคนในครอบครัว ตอนมีหนี้จะหาเงินได้มากกว่าตอนไม่มีหนี้ อนาคตมีเงินพอสมควร สุขภาพ สมอง อาจคิดมากจนปวดศีรษะ อวัยวะภายในท้อง ลำไส้ ลำไส้แปรปรวน ตามวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด ทายว่า พูดจาเก่ง ช่างเจรจา ขยัน มีความคิดและการกระทำที่เป็นผู้ใหญ่กว่าคนในวัยเดียวกัน สนใจในประวัติศาสตร์ ของโบราณ ของเก่า ญาติมีฐานะดีและหน้าที่การงานดี ตอนอายุ 39 ขยันในการทำงาน บางครั้งอาจหักโหมในการทำงานเกินไป พยายามเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้ดีขึ้นเกี่ยวกับแม่และเพื่อน ตอนอายุ 40 เป็นปีที่ดี เรื่องเงิน ญาติ บ้าน แต่เหนื่อยหน่อยและต้องใช้เวลาในการได้มา ญาติหรือคนใกล้ชิด มีปัญหาสุขภาพ มีการเดินทางไปหาญาติหรือคนใกล้ชิด การเดินทาง ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุ เสียเงินในการซ่อมหรือดูแลรักษารถยนต์ คู่ มีลักษณะอ่อนโยน จู้จี้ จุกจิก โลเล จะมีนิสัยไม่ค่อยถูกใจตัวเอง เป็นคนต่างชาติ เข้ามาเยอะตอนอายุ 12/18/22/29/34/35/48 เข้ามาบ้างตอนอายุ 14/16/20/26/27/41/44/46 มีเกณฑ์มีคู่ ถ้าจะแต่ง แนะนำตอนอายุ 41/44 งาน ขยันในการทำงาน บางครั้งอาจหักโหมในการทำงานเกินไป ใช้ความรู้ที่มีในการสร้างตัว สร้างฐานะและหลักฐาน งานที่เหมาะ งานด้านใช้ทักษะในการเจรจา การติดต่อ ประสานงาน การสื่อสาร การเขียน เงิน มีรายได้มากกว่ารายจ่าย จึงมีโอกาสรวย ได้ลาภจากพ่อ พ่อให้เงินใช้ สุขภาพ ระบบเลือด หัวใจ สายตา ระบบการหายใจ จมูก คอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25/10/67

    ช่วยสุนัขรอดตาย

    สุนัขตกลงไปในอ่างเก็บน้ำที่มีขอบซีเมนต์สูงมากจนไม่อาจขึ้นมาเองได้
    มันยืนรอความตายอย่างสิ้นหวัง แต่โชคดีที่มีวีรบุรุษ6คนช่วยเหลือมัน
    โดยจับมือต่อๆกันเพื่อนำตัวมันขึ้นมา เป็นภาระกิจที่ยากมากแต่ก็สำเร็จลงได้



    25/10/67 ช่วยสุนัขรอดตาย สุนัขตกลงไปในอ่างเก็บน้ำที่มีขอบซีเมนต์สูงมากจนไม่อาจขึ้นมาเองได้ มันยืนรอความตายอย่างสิ้นหวัง แต่โชคดีที่มีวีรบุรุษ6คนช่วยเหลือมัน โดยจับมือต่อๆกันเพื่อนำตัวมันขึ้นมา เป็นภาระกิจที่ยากมากแต่ก็สำเร็จลงได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 46 0 รีวิว
  • 24/10/67

    มีกูรูโลกหลายคน…ออกมาเตือนว่า เริ่มมีลางบอกเหตุ จากทั่วโลก
    ให้เริ่มออมเงิน ออมทรัพย์สิน อย่างจริงจังไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้แล้ว

    กูรูหลายท่าน บอกว่า
    ถ้าท่านไม่รีบตายไปก่อน ให้นับถอยหลังไปในอีกไม่เกิน 2-3 ปี ข้างหน้านี้ จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะรุนแรงกว่ายุคต้มยำกุ้ง และ ลามมาถึงไทยแน่นอน คือ

    1. วิกฤตผู้สูงวัย และคนป่วยที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้มีจำนวนมากกว่าคนที่หารายได้

    2. อาหารขาดแคลน เพราะสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ เช่น น้ำ และป่าถูกทำลาย ทำให้อาหารทะเล และอาหารป่า
    เหลือน้อยลง ๆ

    3. หนี้ล้ม เพราะผู้กู้ไม่มีจ่าย เพราะรายได้เดิม ๆ และงานเดิม ๆ ถูก Disrupt คือถูกทำลายล้าง แล้วสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ โดยความคิดใหม่ ทำใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และชีวิตประจำวัน

    4. พลังงานแพง เพราะเหลือน้อย แต่ความต้องการใช้มาก

    5. โลกร้อน เพราะการเผาเชื้อเพลิงจากฟอสซิล ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก

    6. คนใช้สมองทำงานตกงาน 44% ของทั่วโลก เพราะ AI ทำงานแทน

    7. ผลพวงกระทบจากสงครามตะวันออกกลาง และสงครามยูเครน

    ทั้ง 7 วิกฤตใหญ่จะเกิดกับทั่วโลก เพราะอยู่บนดิน ใต้ฟ้าเดียวกัน และประชาคมเดียวกัน

    ใครที่มีที่ดิน หากไม่เดือดร้อนทางการเงินมากนัก พยายามถือครองให้นานที่สุด เพราะ ในอนาคตไม่นาน จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกมาก

    เชื่อว่า จะเกิดข้าวยากหมากแพง จะเกิดกลียุค จะเกิดทุพพิกภัย จะมีคนไทยอดอยาก​ ลำบากยากจน จำนวนมากมาย จะเกิดโจรภัยชุกชุมทุกหย่อมหญ้า

    อย่าได้ฟุ้งเฟ้อ
    อย่าได้ใช้ของแบรนด์เนม
    อย่าได้โลภ
    อย่าเชื่อคำหลอกลวงของนักการเมือง
    อย่าฝากความหวังในการรับของแจก แดกของฟรี
    อย่าสร้างภาระหนี้สินเพิ่มเกินตัว หากรู้ว่าไม่มีรายได้ มาเสริมเพิ่มให้รอดได้ จะตกอยู่ในกับดักของวิกฤติ ในการล่มสลายทางเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้ ท่านจะเดือดร้อนแสนสาหัส

    พวกอวดรวย พวกที่ชอบใช้ของแบรนด์เนม จะถูก จี้ปล้น ถูกฆ่าชิงทรัพย์ ถูกฆ่าข่มขืน ก่อนประชาชนกลุ่มอื่น ๆ ระวังตัวให้จงดี แต่งตัวล่อโจรเข้าไว้ คงได้เจอหายนะแน่ ๆ

    ความมีสติในทุกสถานการณ์ ย่อมผ่อนหนัก เป็นเบาได้ ขอให้คนไทยทุกคน มีสติปัญญาเพิ่มมากขึ้น รู้จักหาหนทางแก้ปัญหาของแต่ละคน แต่ละครอบครัวให้ดี

    เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก่อน ย่อมเป็นผู้ที่อยู่บนความไม่ประมาท คุณจะได้เป็นคนที่
    โชคดีที่สุด ที่รอดพ้นปลอดภัยจากวิกฤติโลกล้มทางเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ได้

    สงครามล้างหนี้ ของชาติมหาอำนาจ และ ชาติตะวันตก จักเกิดขึ้นแน่ สงครามล้างแค้น ในชาติตะวันออกกลาง กับอิสราเอล จะทวีความรุนแรงมากขึ้นแน่

    ขอให้กัลยาณมิตรทุกท่าน ประคองร่างกาย และ จิตใจ ให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยดีเถิดนะคะ
    24/10/67 มีกูรูโลกหลายคน…ออกมาเตือนว่า เริ่มมีลางบอกเหตุ จากทั่วโลก ให้เริ่มออมเงิน ออมทรัพย์สิน อย่างจริงจังไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้แล้ว กูรูหลายท่าน บอกว่า ถ้าท่านไม่รีบตายไปก่อน ให้นับถอยหลังไปในอีกไม่เกิน 2-3 ปี ข้างหน้านี้ จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะรุนแรงกว่ายุคต้มยำกุ้ง และ ลามมาถึงไทยแน่นอน คือ 1. วิกฤตผู้สูงวัย และคนป่วยที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้มีจำนวนมากกว่าคนที่หารายได้ 2. อาหารขาดแคลน เพราะสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ เช่น น้ำ และป่าถูกทำลาย ทำให้อาหารทะเล และอาหารป่า เหลือน้อยลง ๆ 3. หนี้ล้ม เพราะผู้กู้ไม่มีจ่าย เพราะรายได้เดิม ๆ และงานเดิม ๆ ถูก Disrupt คือถูกทำลายล้าง แล้วสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ โดยความคิดใหม่ ทำใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และชีวิตประจำวัน 4. พลังงานแพง เพราะเหลือน้อย แต่ความต้องการใช้มาก 5. โลกร้อน เพราะการเผาเชื้อเพลิงจากฟอสซิล ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก 6. คนใช้สมองทำงานตกงาน 44% ของทั่วโลก เพราะ AI ทำงานแทน 7. ผลพวงกระทบจากสงครามตะวันออกกลาง และสงครามยูเครน ทั้ง 7 วิกฤตใหญ่จะเกิดกับทั่วโลก เพราะอยู่บนดิน ใต้ฟ้าเดียวกัน และประชาคมเดียวกัน ใครที่มีที่ดิน หากไม่เดือดร้อนทางการเงินมากนัก พยายามถือครองให้นานที่สุด เพราะ ในอนาคตไม่นาน จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกมาก เชื่อว่า จะเกิดข้าวยากหมากแพง จะเกิดกลียุค จะเกิดทุพพิกภัย จะมีคนไทยอดอยาก​ ลำบากยากจน จำนวนมากมาย จะเกิดโจรภัยชุกชุมทุกหย่อมหญ้า อย่าได้ฟุ้งเฟ้อ อย่าได้ใช้ของแบรนด์เนม อย่าได้โลภ อย่าเชื่อคำหลอกลวงของนักการเมือง อย่าฝากความหวังในการรับของแจก แดกของฟรี อย่าสร้างภาระหนี้สินเพิ่มเกินตัว หากรู้ว่าไม่มีรายได้ มาเสริมเพิ่มให้รอดได้ จะตกอยู่ในกับดักของวิกฤติ ในการล่มสลายทางเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้ ท่านจะเดือดร้อนแสนสาหัส พวกอวดรวย พวกที่ชอบใช้ของแบรนด์เนม จะถูก จี้ปล้น ถูกฆ่าชิงทรัพย์ ถูกฆ่าข่มขืน ก่อนประชาชนกลุ่มอื่น ๆ ระวังตัวให้จงดี แต่งตัวล่อโจรเข้าไว้ คงได้เจอหายนะแน่ ๆ ความมีสติในทุกสถานการณ์ ย่อมผ่อนหนัก เป็นเบาได้ ขอให้คนไทยทุกคน มีสติปัญญาเพิ่มมากขึ้น รู้จักหาหนทางแก้ปัญหาของแต่ละคน แต่ละครอบครัวให้ดี เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก่อน ย่อมเป็นผู้ที่อยู่บนความไม่ประมาท คุณจะได้เป็นคนที่ โชคดีที่สุด ที่รอดพ้นปลอดภัยจากวิกฤติโลกล้มทางเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ได้ สงครามล้างหนี้ ของชาติมหาอำนาจ และ ชาติตะวันตก จักเกิดขึ้นแน่ สงครามล้างแค้น ในชาติตะวันออกกลาง กับอิสราเอล จะทวีความรุนแรงมากขึ้นแน่ ขอให้กัลยาณมิตรทุกท่าน ประคองร่างกาย และ จิตใจ ให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยดีเถิดนะคะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCB EIC เผยแพร่ข้อมูล
    ภาพรวมการส่งออกของไทยในปัจจุบัน อยู่ในสภาวะ
    อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ หากไม่ทำอะไรเลย

    นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 การส่งออก
    เป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมายาวนาน
    คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60-65% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม
    ภายในประเทศ (จีดีพี) การส่งออกมีบทบาทสำคัญ
    ในการสร้างรายได้จากต่างประเทศ การจ้างงาน และเพิ่ม
    ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

    อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยได้สูญเสียบทบาท
    และความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเช่นที่เคยเป็นมา

    SCB EIC มองว่า เครื่องยนต์ส่งออกของไทยกำลังอ่อนแรงลงมาก
    จากปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งมีส่วนทำให้การส่งออกไทย
    ไม่สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก
    ได้เหมือนในอดีต และไม่สามารถปรับตัวตามกระแสโลก
    ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ทัน

    ปัจจัยภายในประเทศ :

    1) สินค้าส่งออกไทยไม่ค่อยสอดคล้องกับความต้องการของโลก :
    ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดการผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ
    ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป
    เช่น สมาร์ตโฟน แผงวงจรไฟฟ้า หรือสินค้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาด
    ขณะที่สินค้าหมวดเครื่องจักรและเครื่องใช้เครื่องกลที่ไทยผลิต
    กลับเป็นสินค้าที่โลกต้องการซื้อน้อยลงเช่น Hard Disk Drives (HDD)
    ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทย แต่เมื่อเทคโนโลยี
    เปลี่ยนไปสู่ Solid State Drives (SSD) ความต้องการ HDD
    ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับสินค้าหมวดยานพาหนะ ส่วนประกอบ
    และอุปกรณ์เสริม ที่ไทยเคยส่งออกดีมาก จากการส่งออกยานยนต์
    และเครื่องยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทาย
    จากการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของผู้ซื้อ ซึ่งรวมมูลค่า
    การส่งออก 2 หมวดใหญ่นี้คิดเป็น 27% ของมูลค่าการส่งออก
    ไทยทั้งหมดในปี 2566

    2) โครงสร้างการผลิตเพื่อส่งออกไทยเปลี่ยนแปลงช้า :
    ภาคการผลิตของไทยยังผูกโยงกับห่วงโซ่อุปทานเก่าอยู่มาก
    ส่งผลให้โครงสร้างการส่งออกเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้า
    ขณะที่โครงสร้างการผลิตของประเทศคู่แข่งหลายราย
    ที่เคยผลิตสินค้าล้าสมัยกว่าไทยในอดีต กลับสามารถ
    ปรับตามกระแสความต้องการในตลาดโลกที่เปลี่ยนไปได้
    อย่างรวดเร็วจากการหาห่วงโซ่อุปทานใหม่ สะท้อนจาก
    ส่วนแบ่งยอดขายสินค้าไทยในตลาดโลก ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง
    จาก 10 ปีก่อนมากนัก เช่น รถยนต์ EV แผงวงจรไฟฟ้า/เซมิคอนดักเตอร์
    สมาร์ตโฟน แผงโซลาร์เซลล์ (เป็นกลุ่มสินค้าส่งออกที่มีสัดส่วนสูงขึ้นในตลาดโลก)

    ทั้งนี้ถึงแม้การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ของไทยจะมีสัดส่วนต่อมูลค่าการส่งออก
    ทั้งหมดสูงขึ้น แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 17% ในปี 2556-2560 เป็น 23%
    ในปี 2561-2565 ซึ่งแตกต่างจากเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
    ที่มีสัดส่วนการส่งออกกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมาก จาก 16% เป็น 32%, 38%
    เป็น 44% และ 40% เป็น 48% ตามลำดับ โดยสาเหตุเป็นเพราะว่า
    ประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ผลิตสินค้ากลุ่มนี้ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
    มีขั้นตอนการผลิตซับซ้อนกว่า และสร้างมูลค่าเพิ่มสูงกว่าได้
    ในขณะที่ไทยส่วนใหญ่แล้วยังคงผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีระดับกลาง
    และมีความซับซ้อนน้อยกว่า สะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันที่ต่ำกว่า
    แสดงให้เห็นว่าไทยอาจไม่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น
    ในปัจจุบันได้มากเท่าประเทศเพื่อนบ้าน

    3) ความสามารถในการกระจายตลาดใหม่ไม่ค่อยสูง :
    การส่งออกของไทยกว่า 75% ยังคงกระจุกตัวในบางตลาดหลัก เช่น จีน สหรัฐฯ
    ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน เช่นในอดีต ซึ่งหากเกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้น
    ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ก็อาจสร้างความเสี่ยงสูงต่อไทยตามมา เช่น เศรษฐกิจจีน
    ชะลอตัว ในช่วงที่ผ่านมา จะกระทบการส่งออกไทยไปตลาดจีนตามไปด้วย
    สะท้อนความจำเป็นในการขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง
    และเพิ่มยอดส่งออกของไทยได้

    จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าปัญหาหลักของการส่งออกไทยมาจาก
    ปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคการผลิตในประเทศที่ไม่ค่อยตอบโจทย์
    สินค้าใหม่ ๆ คำถามสำคัญคือ อะไรเป็นสาเหตุทำให้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
    ภาคการผลิตของไทยมาถึงจุดนี้?

    SCB EIC มองว่าสาเหตุหลักมาจากทักษะแรงงานไทยและการลงทุน
    จากต่างชาติที่ลดลง :

    1) แรงงานสูงวัยและทักษะต่ำ : ประเทศไทยกำลังเผชิญสังคมผู้สูงอายุ
    22.7% จากประชากรทั้งหมดในปี 2566 (อายุ 60 ปีขึ้นไป) และมีแนวโน้ม
    เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน รวมถึงปัญหาแรงงานขาดทักษะ
    ที่จำเป็น โดยเฉพาะทักษะเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตสินค้า
    และการแข่งขันในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    ปัญหานี้ทำให้การผลิตสินค้าเทคโนโลยีของไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับ
    เทคโนโลยีขั้นกลาง และการพัฒนาสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงจึงเกิดขึ้นค่อนข้างช้า
    เนื่องจากเพิ่มศักยภาพแรงงานไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

    2) สัดส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลดลง :
    FDI เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยได้รับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และทันสมัย
    เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและการส่งออก
    รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
    การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในไทยลดลงมาก จากที่เคยเป็นหนึ่ง
    ในจุดหมายปลายทางหลักในอาเซียน ไทยกลับตกอันดับมาเรื่อย ๆ
    อยู่อันดับ 7 ในปี 2566 แย่กว่าในปี 2543 2553 และ 2562 ที่อันดับ 3, 3,
    และ 6 ตามลำดับ เสียอีก (ข้อมูลจาก World Bank)

    สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก

    (1) ทักษะแรงงานไทยไม่สูงและสัดส่วนแรงงานสูงวัย
    ยังมีมากที่สุดในอาเซียน

    (2) ไทยขาดการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA)
    กับประเทศสำคัญ ๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศคู่แข่ง
    เช่น เวียดนาม ได้เปรียบจากการมีข้อตกลง FTA กับสหภาพยุโรป
    และการเข้าร่วม CPTPP ทำให้เข้าถึงตลาดสำคัญในโลกได้ง่ายขึ้น

    (3) การเมืองไทยมีความไม่แน่นอนสูง

    (4) นโยบายเศรษฐกิจระยะยาวขาดความชัดเจนและความต่อเนื่อง
    นักลงทุนไทยและต่างประเทศขาดความมั่นใจที่จะลงทุน
    วิจัยและพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เนื่องจากเป็นการลงทุนสูง
    และใช้เวลากว่าจะเห็นผล และ

    (5) กฎระเบียบภาครัฐซับซ้อน ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้นักลงทุน
    ต่างชาติเลือกลงทุนในประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมือง
    และนโยบายและสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการลงทุนดีกว่า

    ปัจจัยภายนอก :

    การส่งออกของไทยยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกหลายประการ

    ได้แก่ 1) China over-capacity ที่อาจซ้ำเติมปัญหาความสามารถ
    ในการแข่งขันของไทย โดยเฉพาะความสามารถในการแข่งขันด้านราคา
    กับสินค้าจีน

    2) ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจสร้างความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี
    สินค้านำเข้าทุกประเภทจากทุกประเทศเพิ่มเติม

    3) ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามยืดเยื้อ การแบ่งขั้ว
    ทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น หรือมาตรการกีดกันการค้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบ
    ต่อการค้าโลก

    4) การผันผวนของค่าเงินบาท จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง
    สำคัญทั่วโลก

    (5) ค่าระวางเรือและค่าขนส่งที่อาจจะกลับมาสูงขึ้น จากสงครามที่เกิดขึ้นบ่อย
    และรุนแรงขึ้น รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเรือขนส่งและตู้คอนเทนเนอร์


    ปัจจัยภายในและนอกประเทศเหล่านี้กดดันให้เครื่องยนต์ส่งออกของไทย
    อ่อนแอลง และเป็นสัญญาณที่น่ากังวล เนื่องจากการบริโภคและการลงทุน
    ในประเทศก็กำลังอ่อนแรงเช่นกัน โดยการบริโภคถูกจำกัดจากภาระหนี้
    ครัวเรือนสูง และการลงทุนได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ในประเทศ
    ที่เปราะบาง

    อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังไม่ไร้ความหวังเสียทีเดียว
    หากรัฐบาลสามารถจัดการ 3 ปัจจัยหลักได้ ได้แก่ แรงงาน การลงทุน
    โดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และยุทธศาสตร์นโยบายอุปทานที่ชัดเจน
    ประเทศไทยจะสามารถปรับโครงสร้างการผลิตให้แข็งแกร่งขึ้น
    และช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้บนข้อได้เปรียบที่ไทยมีอยู่แล้ว
    เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทังนี้ปัจจัยกดดันจากภายนอกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถ
    ควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม SCB EIC มองว่าหากโครงสร้างการผลิตของไทย
    แข็งแกร่ง จะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้ได้ และอาจทำให้ไทย
    ได้รับประโยชน์จากบางปัจจัย เช่น ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจนำมาซึ่ง
    การย้ายฐานการผลิตและการลงทุนใหม่ ๆ

    การส่งออกไทยในปัจจุบันเปรียบเหมือนรถที่กำลังวิ่งอย่างเชื่องช้า
    ที่ต้องเลือกว่าจะเริ่มซ่อมแซมและปรับปรุงโครงสร้างเครื่องยนต์
    ให้ทันสมัยจุดไหนบ้าง เพื่อให้รถคันนี้กลับมาวิ่งเร็วได้อีกครั้ง
    แต่หากไม่เริ่มทำอะไรวันนี้ เครื่องยนต์เก่านี้อาจพังในไม่ช้า
    ทำให้รถเราค่อยๆ หยุดวิ่ง และปล่อยให้รถคันอื่นแซงหน้า
    ไปคันแล้วคันเล่า

    ที่มา : SCB EIC ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #การส่งออกไทย #thaitimes
    💥💥ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCB EIC เผยแพร่ข้อมูล ภาพรวมการส่งออกของไทยในปัจจุบัน อยู่ในสภาวะ อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ หากไม่ทำอะไรเลย นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 การส่งออก เป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมายาวนาน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60-65% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (จีดีพี) การส่งออกมีบทบาทสำคัญ ในการสร้างรายได้จากต่างประเทศ การจ้างงาน และเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยได้สูญเสียบทบาท และความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเช่นที่เคยเป็นมา SCB EIC มองว่า เครื่องยนต์ส่งออกของไทยกำลังอ่อนแรงลงมาก จากปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งมีส่วนทำให้การส่งออกไทย ไม่สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก ได้เหมือนในอดีต และไม่สามารถปรับตัวตามกระแสโลก ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ทัน ปัจจัยภายในประเทศ : 1) สินค้าส่งออกไทยไม่ค่อยสอดคล้องกับความต้องการของโลก : ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดการผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป เช่น สมาร์ตโฟน แผงวงจรไฟฟ้า หรือสินค้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาด ขณะที่สินค้าหมวดเครื่องจักรและเครื่องใช้เครื่องกลที่ไทยผลิต กลับเป็นสินค้าที่โลกต้องการซื้อน้อยลงเช่น Hard Disk Drives (HDD) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทย แต่เมื่อเทคโนโลยี เปลี่ยนไปสู่ Solid State Drives (SSD) ความต้องการ HDD ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับสินค้าหมวดยานพาหนะ ส่วนประกอบ และอุปกรณ์เสริม ที่ไทยเคยส่งออกดีมาก จากการส่งออกยานยนต์ และเครื่องยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทาย จากการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของผู้ซื้อ ซึ่งรวมมูลค่า การส่งออก 2 หมวดใหญ่นี้คิดเป็น 27% ของมูลค่าการส่งออก ไทยทั้งหมดในปี 2566 2) โครงสร้างการผลิตเพื่อส่งออกไทยเปลี่ยนแปลงช้า : ภาคการผลิตของไทยยังผูกโยงกับห่วงโซ่อุปทานเก่าอยู่มาก ส่งผลให้โครงสร้างการส่งออกเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้า ขณะที่โครงสร้างการผลิตของประเทศคู่แข่งหลายราย ที่เคยผลิตสินค้าล้าสมัยกว่าไทยในอดีต กลับสามารถ ปรับตามกระแสความต้องการในตลาดโลกที่เปลี่ยนไปได้ อย่างรวดเร็วจากการหาห่วงโซ่อุปทานใหม่ สะท้อนจาก ส่วนแบ่งยอดขายสินค้าไทยในตลาดโลก ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง จาก 10 ปีก่อนมากนัก เช่น รถยนต์ EV แผงวงจรไฟฟ้า/เซมิคอนดักเตอร์ สมาร์ตโฟน แผงโซลาร์เซลล์ (เป็นกลุ่มสินค้าส่งออกที่มีสัดส่วนสูงขึ้นในตลาดโลก) ทั้งนี้ถึงแม้การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ของไทยจะมีสัดส่วนต่อมูลค่าการส่งออก ทั้งหมดสูงขึ้น แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 17% ในปี 2556-2560 เป็น 23% ในปี 2561-2565 ซึ่งแตกต่างจากเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่มีสัดส่วนการส่งออกกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมาก จาก 16% เป็น 32%, 38% เป็น 44% และ 40% เป็น 48% ตามลำดับ โดยสาเหตุเป็นเพราะว่า ประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ผลิตสินค้ากลุ่มนี้ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง มีขั้นตอนการผลิตซับซ้อนกว่า และสร้างมูลค่าเพิ่มสูงกว่าได้ ในขณะที่ไทยส่วนใหญ่แล้วยังคงผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีระดับกลาง และมีความซับซ้อนน้อยกว่า สะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันที่ต่ำกว่า แสดงให้เห็นว่าไทยอาจไม่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น ในปัจจุบันได้มากเท่าประเทศเพื่อนบ้าน 3) ความสามารถในการกระจายตลาดใหม่ไม่ค่อยสูง : การส่งออกของไทยกว่า 75% ยังคงกระจุกตัวในบางตลาดหลัก เช่น จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน เช่นในอดีต ซึ่งหากเกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้น ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ก็อาจสร้างความเสี่ยงสูงต่อไทยตามมา เช่น เศรษฐกิจจีน ชะลอตัว ในช่วงที่ผ่านมา จะกระทบการส่งออกไทยไปตลาดจีนตามไปด้วย สะท้อนความจำเป็นในการขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มยอดส่งออกของไทยได้ จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าปัญหาหลักของการส่งออกไทยมาจาก ปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคการผลิตในประเทศที่ไม่ค่อยตอบโจทย์ สินค้าใหม่ ๆ คำถามสำคัญคือ อะไรเป็นสาเหตุทำให้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ภาคการผลิตของไทยมาถึงจุดนี้? SCB EIC มองว่าสาเหตุหลักมาจากทักษะแรงงานไทยและการลงทุน จากต่างชาติที่ลดลง : 1) แรงงานสูงวัยและทักษะต่ำ : ประเทศไทยกำลังเผชิญสังคมผู้สูงอายุ 22.7% จากประชากรทั้งหมดในปี 2566 (อายุ 60 ปีขึ้นไป) และมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน รวมถึงปัญหาแรงงานขาดทักษะ ที่จำเป็น โดยเฉพาะทักษะเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตสินค้า และการแข่งขันในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัญหานี้ทำให้การผลิตสินค้าเทคโนโลยีของไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับ เทคโนโลยีขั้นกลาง และการพัฒนาสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงจึงเกิดขึ้นค่อนข้างช้า เนื่องจากเพิ่มศักยภาพแรงงานไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง 2) สัดส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลดลง : FDI เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยได้รับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และทันสมัย เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและการส่งออก รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในไทยลดลงมาก จากที่เคยเป็นหนึ่ง ในจุดหมายปลายทางหลักในอาเซียน ไทยกลับตกอันดับมาเรื่อย ๆ อยู่อันดับ 7 ในปี 2566 แย่กว่าในปี 2543 2553 และ 2562 ที่อันดับ 3, 3, และ 6 ตามลำดับ เสียอีก (ข้อมูลจาก World Bank) สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก (1) ทักษะแรงงานไทยไม่สูงและสัดส่วนแรงงานสูงวัย ยังมีมากที่สุดในอาเซียน (2) ไทยขาดการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศสำคัญ ๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ได้เปรียบจากการมีข้อตกลง FTA กับสหภาพยุโรป และการเข้าร่วม CPTPP ทำให้เข้าถึงตลาดสำคัญในโลกได้ง่ายขึ้น (3) การเมืองไทยมีความไม่แน่นอนสูง (4) นโยบายเศรษฐกิจระยะยาวขาดความชัดเจนและความต่อเนื่อง นักลงทุนไทยและต่างประเทศขาดความมั่นใจที่จะลงทุน วิจัยและพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เนื่องจากเป็นการลงทุนสูง และใช้เวลากว่าจะเห็นผล และ (5) กฎระเบียบภาครัฐซับซ้อน ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้นักลงทุน ต่างชาติเลือกลงทุนในประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมือง และนโยบายและสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการลงทุนดีกว่า ปัจจัยภายนอก : การส่งออกของไทยยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกหลายประการ ได้แก่ 1) China over-capacity ที่อาจซ้ำเติมปัญหาความสามารถ ในการแข่งขันของไทย โดยเฉพาะความสามารถในการแข่งขันด้านราคา กับสินค้าจีน 2) ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจสร้างความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี สินค้านำเข้าทุกประเภทจากทุกประเทศเพิ่มเติม 3) ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามยืดเยื้อ การแบ่งขั้ว ทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น หรือมาตรการกีดกันการค้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบ ต่อการค้าโลก 4) การผันผวนของค่าเงินบาท จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง สำคัญทั่วโลก (5) ค่าระวางเรือและค่าขนส่งที่อาจจะกลับมาสูงขึ้น จากสงครามที่เกิดขึ้นบ่อย และรุนแรงขึ้น รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเรือขนส่งและตู้คอนเทนเนอร์ ปัจจัยภายในและนอกประเทศเหล่านี้กดดันให้เครื่องยนต์ส่งออกของไทย อ่อนแอลง และเป็นสัญญาณที่น่ากังวล เนื่องจากการบริโภคและการลงทุน ในประเทศก็กำลังอ่อนแรงเช่นกัน โดยการบริโภคถูกจำกัดจากภาระหนี้ ครัวเรือนสูง และการลงทุนได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ในประเทศ ที่เปราะบาง อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังไม่ไร้ความหวังเสียทีเดียว หากรัฐบาลสามารถจัดการ 3 ปัจจัยหลักได้ ได้แก่ แรงงาน การลงทุน โดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และยุทธศาสตร์นโยบายอุปทานที่ชัดเจน ประเทศไทยจะสามารถปรับโครงสร้างการผลิตให้แข็งแกร่งขึ้น และช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้บนข้อได้เปรียบที่ไทยมีอยู่แล้ว เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทังนี้ปัจจัยกดดันจากภายนอกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถ ควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม SCB EIC มองว่าหากโครงสร้างการผลิตของไทย แข็งแกร่ง จะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้ได้ และอาจทำให้ไทย ได้รับประโยชน์จากบางปัจจัย เช่น ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจนำมาซึ่ง การย้ายฐานการผลิตและการลงทุนใหม่ ๆ การส่งออกไทยในปัจจุบันเปรียบเหมือนรถที่กำลังวิ่งอย่างเชื่องช้า ที่ต้องเลือกว่าจะเริ่มซ่อมแซมและปรับปรุงโครงสร้างเครื่องยนต์ ให้ทันสมัยจุดไหนบ้าง เพื่อให้รถคันนี้กลับมาวิ่งเร็วได้อีกครั้ง แต่หากไม่เริ่มทำอะไรวันนี้ เครื่องยนต์เก่านี้อาจพังในไม่ช้า ทำให้รถเราค่อยๆ หยุดวิ่ง และปล่อยให้รถคันอื่นแซงหน้า ไปคันแล้วคันเล่า ที่มา : SCB EIC ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #การส่งออกไทย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ของว่างที่เฝ้ารอกับคำขออย่างสุดท้าย

    ความหมายของการมีชีวิตคืออะไร หนังสือเล่มนี้จะเป็นเล่มหนึ่งที่พาคุณไปเที่ยวชมและร่วมเรียนรู้ไปกับการแสวงหาความสำคัญของการอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ของใครอีกหลายคนในสภาวะที่ร่างกายกำลังอ่อนแอ ด้วยโรคร้ายกัดกินจนใกล้วาระสุดท้าย ก่อนลมหายใจจะดับลง

    สนพ.piccolo พิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นปี 2019
    ฉบับแปลไทย เม.ย.2567
    โอกาวะ อิโตะ เขียน
    ธนพล ศักดิ์สมุทรานันท์ แปล
    223 หน้า 285 บาท

    ตลอดทั้งเล่มเต็มไปด้วยความอบอวลของความรักระหว่างมนุษย์ที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน รวมไปถึงมนุษย์ที่มีต่อสัตว์และสัตว์เองก็แสดงตอบต่อด้วยความซื่อตรง

    เนื้อหากล่าวถึงหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า อูมิโนะ ชิสุกุ ซึ่งมีวัย 33 ปี ชีวิตที่ผ่านมาของเธออ่อนโยนต่อคนรอบข้างมาโดยตลอดตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะพ่อบุญธรรมที่รับเลี้ยงเธอซึ่งสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เล็ก แม้จะไม่ใช่บุพการีที่ให้กำเนิด แต่มอบความรักดูแลเอาใจใส่อย่างดี ทว่าวันหนึ่งเมื่อเธอพบว่าตนมีโรคร้ายเกาะกิน แม้นจะพยายามรักษา ต่อสู้ด้วยตนเองหลังแยกมาอยู่คนเดียว แต่สุดท้ายบั้นปลายชีวิต ต้องทำใจยอมรับความจริงว่ามีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน ไม่อยากให้พ่อต้องเดือดร้อนและเศร้าใจเพราะทราบความจริง จึงเลือกที่จะไม่บอกแล้วตระเตรียมแผนล่วงหน้าสำหรับรับมือกับความตายที่กำลังย่างกรายมาถึง ด้วยการตัดสินใจเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่เกาะเลมอนซึ่งรายล้อมด้วยทะเลเงียบสงบและงดงาม เต็มไปด้วยธรรมชาติและอากาศอันสดชื่นบริสุทธิ์ มีไร่องุ่น กับท้องฟ้าสีครามและท้องทะเลสีน้ำเงินที่เธอชอบและใฝ่ฝัน เป็นสถานที่เธอเลือกเพราะคิดว่าเหมาะสมตรงกับรสนิยมความชอบของตนมากที่สุด

    ชื่อของสถานที่ดังกล่าวคือบ้านพักสิงโต เปรียบได้กับดินแดนสุขาวดีที่มีเทวดานางฟ้าคอยให้การต้อนรับดูแลด้วยหัวใจ โดยเฉพาะเจ้าของสถานที่สาวซึ่งมีนามว่ามาดอนน่า เป็นหญิงมหัศจรรย์ที่มีน้ำใจงาม มีความเชี่ยวชาญในด้านการดูแลทั้งทางด้านร่างกายที่เจ็บไข้ของผู้ป่วย และเยียวยาด้านจิตใจไปพร้อมกัน

    ณ สถานที่แห่งนี้เอง ในบ้านพักบนเกาะห่างไกล ที่ซึ่งชิสุกุไม่เคยคาดฝันว่าจะได้พบกับความรักอีกครั้ง กับชายหนุ่มน่ารัก สุภาพและวัยใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังอดตะลึงไปกับห้องพักส่วนตัวที่แสนสบายท่ามกลางบรรยากาศราวสรวงสวรรค์ เธอได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่เฉพาะตัวเองเท่านั้นที่ประสบกับภาวะทุกข์โศกจากโรคภัยที่กำลังจะพรากลมหายใจอันหวงแหนให้หลุดลอยไป แต่ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคนทั้งชายหญิง วัยเด็กหรือแม้กระทั่งวัยสูงอายุ แต่ละคนล้วนมีอาการทรมานที่ไม่น้อยไปกว่าเธอ บางคนเป็นมากกว่าด้วย

    ชิสุกุได้สัมผัสกับมิตรภาพและวิญญาณภายในของเพื่อนต่างวัย ที่ตอนแรกเธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่คบคุ้นด้วย ยังมีเจ้าสุนัขแสนรู้น่ารักเพศเมียอีกตัวหนึ่งเล่า ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยชุบชูหัวใจอันอ่อนล้าของหญิงสาว ให้ยอมเปิดใจและคลายวงล้อมของป้อมปราการที่ขังตัวเองจากทุกคนลงได้ หมาตัวนี้มีชื่อว่า รกกะ เจ้าของเดิมเคยมาพำนักอยู่ที่บ้านสิงโตเมื่อนานมาแล้ว และหลังจากเธอคนนั้นจากไป ทุกคนก้ช่วยกันดูแลรกกะต่อมา

    จนกระทั่ง รกกะ ได้พบกับชิสุกุ ทั้งคู่ถูกชะตากันตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ หลังจากนั้นก็อยู่ด้วยกันตลอด รกกะเป็นเสมือนตู้ยาเคลื่อนที่ซึ่งช่วยให้ชิสุกุต่อสู้กับความเจ็บปวดโดยยังสามารถปรากฏรอยยิ้มอยู่ได้

    สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้มาพักที่นี่ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ นั่นคือการได้มีกิจกรรมกินของว่างร่วมกันในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงหนึ่งครั้งในรอบเจ็ดวัน โดยทุกคนมีสิทธิเท่ากันคนละ1เสียง ที่สามารถเขียนใส่กระดาษเพื่อบอกเล่าถึงขนมที่ตนชื่นชอบและอยากกินมากที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วคำขอเหล่านั้นจะถูกจับฉลากขึ้นมาหนึ่งใบ คำขอของใครก็ตามที่โชคดี แม่ครัวจะแกะสูตรแล้วทำออกมาให้เหมือนหรือใกล้เคียงที่สุด เพื่อจะเสิร์ฟให้กับทุกคนได้ชิมกัน

    อย่างไรก็ตาม วันที่ต้องจากลาย่อมบ่ายหน้ามาถึงเพื่อนแต่ละคน ในห้วงเวลาเช่นนั้น ทั้งเขาหรือเธอรวมทั้งชิสุกุเอง มีวิธีรับมือระหว่างเผชิญหน้ากับความเสื่อมสลายของสังขาร ที่ค่อย ๆ ทรุดโทรมและดับสิ้นไปทีละน้อยอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านจะได้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกันกับตัวละครในเรื่อง

    ถ้าคุณเคยประทับใจมาแล้วกับ ร้านเครื่องเขียนนั้นใต้ต้นสึบากิ นี่คืออีกเล่มหนึ่งที่น่าลองหามาอ่านครับ โดยเฉพาะคนที่กำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยอยู่ หรือแม้ผู้ดูแลคนป่วยเอง แต่ถึงแม้จะไม่ได้ป่วยเลย แต่การได้ทำความเข้าใจกับเรื่องราวเหล่านี้ก็ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ผู้เขียนบรรยายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เปิดเผยเรื่องราวทีละน้อย แล้วไต่ระดับไปอย่างช้า ๆ อารมณ์ของเรื่องไม่ใช่จะมีแต่เปลี่ยวเหงา โศกเศร้า ทดท้อ เจ็บแค้น และสิ้นหวังเพียงเท่านั้น แต่ยังมีความเบิกบานหรรษา อิ่มเอม อบอุ่น เปี่ยมหวัง ให้อภัย สงบสุข คละเคล้าจนกลายเป็นส่วนผสมที่น่าศึกษา มีความละมุนละไมไปพร้อม ๆ กับการได้เห็นถึงความจริงอันเป็นสัจธรรมของชีวิต

    เพราะความเจ็บป่วยนั้นเกิดมีได้กับคนทุกคน แต่มีไม่กี่คนเท่านัั้นจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างดี และจัดวางภาระทุกอย่างให้อยู่ถูกที่ถูกทาง ในขณะที่เตรียมพร้อมจะปล่อยวางร่างกายนี้ ซึ่งตนหวงแหนประหนึ่งคือสมบัติของเราจริง ๆ ยามเมื่อเวลานั้นมาถึง

    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #ผู้ป่วยระยะสุดท้าย
    #เตรียมตัวตาย
    #การดูแลผู้ป่วย
    #หนังสือดี
    #ของว่างที่เฝ้ารอกับคำขออย่างสุดท้าย ความหมายของการมีชีวิตคืออะไร หนังสือเล่มนี้จะเป็นเล่มหนึ่งที่พาคุณไปเที่ยวชมและร่วมเรียนรู้ไปกับการแสวงหาความสำคัญของการอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ของใครอีกหลายคนในสภาวะที่ร่างกายกำลังอ่อนแอ ด้วยโรคร้ายกัดกินจนใกล้วาระสุดท้าย ก่อนลมหายใจจะดับลง สนพ.piccolo พิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นปี 2019 ฉบับแปลไทย เม.ย.2567 โอกาวะ อิโตะ เขียน ธนพล ศักดิ์สมุทรานันท์ แปล 223 หน้า 285 บาท ตลอดทั้งเล่มเต็มไปด้วยความอบอวลของความรักระหว่างมนุษย์ที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน รวมไปถึงมนุษย์ที่มีต่อสัตว์และสัตว์เองก็แสดงตอบต่อด้วยความซื่อตรง เนื้อหากล่าวถึงหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า อูมิโนะ ชิสุกุ ซึ่งมีวัย 33 ปี ชีวิตที่ผ่านมาของเธออ่อนโยนต่อคนรอบข้างมาโดยตลอดตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะพ่อบุญธรรมที่รับเลี้ยงเธอซึ่งสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เล็ก แม้จะไม่ใช่บุพการีที่ให้กำเนิด แต่มอบความรักดูแลเอาใจใส่อย่างดี ทว่าวันหนึ่งเมื่อเธอพบว่าตนมีโรคร้ายเกาะกิน แม้นจะพยายามรักษา ต่อสู้ด้วยตนเองหลังแยกมาอยู่คนเดียว แต่สุดท้ายบั้นปลายชีวิต ต้องทำใจยอมรับความจริงว่ามีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน ไม่อยากให้พ่อต้องเดือดร้อนและเศร้าใจเพราะทราบความจริง จึงเลือกที่จะไม่บอกแล้วตระเตรียมแผนล่วงหน้าสำหรับรับมือกับความตายที่กำลังย่างกรายมาถึง ด้วยการตัดสินใจเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่เกาะเลมอนซึ่งรายล้อมด้วยทะเลเงียบสงบและงดงาม เต็มไปด้วยธรรมชาติและอากาศอันสดชื่นบริสุทธิ์ มีไร่องุ่น กับท้องฟ้าสีครามและท้องทะเลสีน้ำเงินที่เธอชอบและใฝ่ฝัน เป็นสถานที่เธอเลือกเพราะคิดว่าเหมาะสมตรงกับรสนิยมความชอบของตนมากที่สุด ชื่อของสถานที่ดังกล่าวคือบ้านพักสิงโต เปรียบได้กับดินแดนสุขาวดีที่มีเทวดานางฟ้าคอยให้การต้อนรับดูแลด้วยหัวใจ โดยเฉพาะเจ้าของสถานที่สาวซึ่งมีนามว่ามาดอนน่า เป็นหญิงมหัศจรรย์ที่มีน้ำใจงาม มีความเชี่ยวชาญในด้านการดูแลทั้งทางด้านร่างกายที่เจ็บไข้ของผู้ป่วย และเยียวยาด้านจิตใจไปพร้อมกัน ณ สถานที่แห่งนี้เอง ในบ้านพักบนเกาะห่างไกล ที่ซึ่งชิสุกุไม่เคยคาดฝันว่าจะได้พบกับความรักอีกครั้ง กับชายหนุ่มน่ารัก สุภาพและวัยใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังอดตะลึงไปกับห้องพักส่วนตัวที่แสนสบายท่ามกลางบรรยากาศราวสรวงสวรรค์ เธอได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่เฉพาะตัวเองเท่านั้นที่ประสบกับภาวะทุกข์โศกจากโรคภัยที่กำลังจะพรากลมหายใจอันหวงแหนให้หลุดลอยไป แต่ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคนทั้งชายหญิง วัยเด็กหรือแม้กระทั่งวัยสูงอายุ แต่ละคนล้วนมีอาการทรมานที่ไม่น้อยไปกว่าเธอ บางคนเป็นมากกว่าด้วย ชิสุกุได้สัมผัสกับมิตรภาพและวิญญาณภายในของเพื่อนต่างวัย ที่ตอนแรกเธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่คบคุ้นด้วย ยังมีเจ้าสุนัขแสนรู้น่ารักเพศเมียอีกตัวหนึ่งเล่า ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยชุบชูหัวใจอันอ่อนล้าของหญิงสาว ให้ยอมเปิดใจและคลายวงล้อมของป้อมปราการที่ขังตัวเองจากทุกคนลงได้ หมาตัวนี้มีชื่อว่า รกกะ เจ้าของเดิมเคยมาพำนักอยู่ที่บ้านสิงโตเมื่อนานมาแล้ว และหลังจากเธอคนนั้นจากไป ทุกคนก้ช่วยกันดูแลรกกะต่อมา จนกระทั่ง รกกะ ได้พบกับชิสุกุ ทั้งคู่ถูกชะตากันตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ หลังจากนั้นก็อยู่ด้วยกันตลอด รกกะเป็นเสมือนตู้ยาเคลื่อนที่ซึ่งช่วยให้ชิสุกุต่อสู้กับความเจ็บปวดโดยยังสามารถปรากฏรอยยิ้มอยู่ได้ สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้มาพักที่นี่ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ นั่นคือการได้มีกิจกรรมกินของว่างร่วมกันในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงหนึ่งครั้งในรอบเจ็ดวัน โดยทุกคนมีสิทธิเท่ากันคนละ1เสียง ที่สามารถเขียนใส่กระดาษเพื่อบอกเล่าถึงขนมที่ตนชื่นชอบและอยากกินมากที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วคำขอเหล่านั้นจะถูกจับฉลากขึ้นมาหนึ่งใบ คำขอของใครก็ตามที่โชคดี แม่ครัวจะแกะสูตรแล้วทำออกมาให้เหมือนหรือใกล้เคียงที่สุด เพื่อจะเสิร์ฟให้กับทุกคนได้ชิมกัน อย่างไรก็ตาม วันที่ต้องจากลาย่อมบ่ายหน้ามาถึงเพื่อนแต่ละคน ในห้วงเวลาเช่นนั้น ทั้งเขาหรือเธอรวมทั้งชิสุกุเอง มีวิธีรับมือระหว่างเผชิญหน้ากับความเสื่อมสลายของสังขาร ที่ค่อย ๆ ทรุดโทรมและดับสิ้นไปทีละน้อยอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านจะได้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกันกับตัวละครในเรื่อง ถ้าคุณเคยประทับใจมาแล้วกับ ร้านเครื่องเขียนนั้นใต้ต้นสึบากิ นี่คืออีกเล่มหนึ่งที่น่าลองหามาอ่านครับ โดยเฉพาะคนที่กำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยอยู่ หรือแม้ผู้ดูแลคนป่วยเอง แต่ถึงแม้จะไม่ได้ป่วยเลย แต่การได้ทำความเข้าใจกับเรื่องราวเหล่านี้ก็ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ผู้เขียนบรรยายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เปิดเผยเรื่องราวทีละน้อย แล้วไต่ระดับไปอย่างช้า ๆ อารมณ์ของเรื่องไม่ใช่จะมีแต่เปลี่ยวเหงา โศกเศร้า ทดท้อ เจ็บแค้น และสิ้นหวังเพียงเท่านั้น แต่ยังมีความเบิกบานหรรษา อิ่มเอม อบอุ่น เปี่ยมหวัง ให้อภัย สงบสุข คละเคล้าจนกลายเป็นส่วนผสมที่น่าศึกษา มีความละมุนละไมไปพร้อม ๆ กับการได้เห็นถึงความจริงอันเป็นสัจธรรมของชีวิต เพราะความเจ็บป่วยนั้นเกิดมีได้กับคนทุกคน แต่มีไม่กี่คนเท่านัั้นจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างดี และจัดวางภาระทุกอย่างให้อยู่ถูกที่ถูกทาง ในขณะที่เตรียมพร้อมจะปล่อยวางร่างกายนี้ ซึ่งตนหวงแหนประหนึ่งคือสมบัติของเราจริง ๆ ยามเมื่อเวลานั้นมาถึง #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #ผู้ป่วยระยะสุดท้าย #เตรียมตัวตาย #การดูแลผู้ป่วย #หนังสือดี
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนี้สหรัฐฯ ไร้ทางออก! หนี้พุ่งวันละพันๆ ล้าน ทะลุ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ ชาวอเมริกันแบกหนี้คนละ 103,700 ดอลลาร์ เผยปีนี้จ่ายดอกเบี้ยสูงสุดในประวัติศาสตร์เกิน $1.16 ล้านล้าน

    23 ตุลาคม 2567- รายงานเพจ IMCT News Thai Perspectives on Global News เปิดสถานการณ์วิกฤตหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเพิ่มขึ้นถึง 473 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ทะลุระดับ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ สร้างสถิติใหม่ของภาระหนี้ต่อประชากรที่ 103,700 ดอลลาร์ต่อคน

    ที่น่าวิตกไปกว่านั้น ในปีงบประมาณ 2024 สหรัฐฯ ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 1.16 ล้านล้านดอลลาร์ ทำลายสถิติการจ่ายดอกเบี้ยที่เคยมีมา คิดเป็นภาระดอกเบี้ยต่อประชากร 3,360 ดอลลาร์ต่อคน สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายทางการคลังครั้งใหญ่ที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญ ท่ามกลางคำถามที่ว่าจะมีแผนรับมือระยะยาวอย่างไร #imctnews รายงาน
    ----
    หนี้ที่เอาไม่อยู่
    หนี้ของสหรัฐฯ ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 473 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาสู่ระดับ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าสหรัฐฯ ได้ก่อหนี้จำนวน $1,450 สำหรับชาวอเมริกันทุกคนเฉพาะในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

    นอกจากนี้ยังหมายความว่าขณะนี้สหรัฐฯ มีหนี้เป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 103,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับชาวอเมริกันทุกคน

    ในปี 2024 สหรัฐฯ จ่ายดอกเบี้ยรวม 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับหนี้ที่ในปีแรกที่สูงกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์

    เพียงแค่ดอกเบี้ยอย่างเดียว สหรัฐฯ จ่ายเงิน 3,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับชาวอเมริกันทุกคนในช่วงปีงบประมาณ 2024 แผนระยะยาวที่นี่คืออะไร?

    ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก IMCT News Thai Perspectives on Global News
    https://www.facebook.com/share/p/iciTB3woD3VHjNwR/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    หนี้สหรัฐฯ ไร้ทางออก! หนี้พุ่งวันละพันๆ ล้าน ทะลุ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ ชาวอเมริกันแบกหนี้คนละ 103,700 ดอลลาร์ เผยปีนี้จ่ายดอกเบี้ยสูงสุดในประวัติศาสตร์เกิน $1.16 ล้านล้าน 23 ตุลาคม 2567- รายงานเพจ IMCT News Thai Perspectives on Global News เปิดสถานการณ์วิกฤตหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเพิ่มขึ้นถึง 473 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ทะลุระดับ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ สร้างสถิติใหม่ของภาระหนี้ต่อประชากรที่ 103,700 ดอลลาร์ต่อคน ที่น่าวิตกไปกว่านั้น ในปีงบประมาณ 2024 สหรัฐฯ ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 1.16 ล้านล้านดอลลาร์ ทำลายสถิติการจ่ายดอกเบี้ยที่เคยมีมา คิดเป็นภาระดอกเบี้ยต่อประชากร 3,360 ดอลลาร์ต่อคน สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายทางการคลังครั้งใหญ่ที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญ ท่ามกลางคำถามที่ว่าจะมีแผนรับมือระยะยาวอย่างไร #imctnews รายงาน ---- หนี้ที่เอาไม่อยู่ หนี้ของสหรัฐฯ ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 473 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาสู่ระดับ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าสหรัฐฯ ได้ก่อหนี้จำนวน $1,450 สำหรับชาวอเมริกันทุกคนเฉพาะในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังหมายความว่าขณะนี้สหรัฐฯ มีหนี้เป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 103,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับชาวอเมริกันทุกคน ในปี 2024 สหรัฐฯ จ่ายดอกเบี้ยรวม 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับหนี้ที่ในปีแรกที่สูงกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพียงแค่ดอกเบี้ยอย่างเดียว สหรัฐฯ จ่ายเงิน 3,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับชาวอเมริกันทุกคนในช่วงปีงบประมาณ 2024 แผนระยะยาวที่นี่คืออะไร? ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก IMCT News Thai Perspectives on Global News https://www.facebook.com/share/p/iciTB3woD3VHjNwR/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Sad
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมู ปากน้ำ"สุดเซ็ง สายการบินRyanair ทำไม้คิวส่วนตัวหาย ระหว่างเดินทางมาแข่งขัน ศึกสนุกเกอร์ นอร์เทิร์น ไอร์แลนด์ โอเพ่น 2024 ก่อนดวล "เอฟวัน" เทพไชยา อุ่นหนู ในรอบ 64 คน

    "หมู ปากน้ำ" นพพล แสงคำ นักสนุกเกอร์ชาวไทย สุดเซ็งเมื่อไม้คิวและสัมภาระที่ใส่ในกล่องคิวหาย ขณะเดินทางด้วยสายการบิน ไรอันแอร์ (Ryanair) เที่ยวบิน อาร์เค 193 เพื่อเตรียมเข้าไปร่วมการแข่งขันสนุกเกอร์ นอร์เทิร์น ไอร์แลนด์ โอเพ่น 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 550,400 ปอนด์ หรือ ประมาณ 23.7 ล้านบาท ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 20-27 ต.ค.67 ที่สังเวียนวอเตอร์ฟรอนท์ฮอลล์ กรุงเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ

    "หมู" ได้โพสต์เรื่อดังกล่าวลงในโซเชียลส่วนตัวว่า ว่า "จากเมื่อวานที่บินมาถึง Belfast และผมจะต้องทำการแข่งขันวันนี้เวลาประมาณ 16.00 น. โดย WST แจ้งว่าต้องยืมไม้คิวคนอื่นแข่งไป ก่อนท่านใดที่พอรู้จักใครที่ทำงานในสายการบิน Ryanair หรือ มีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษ และสามารถติดต่อเป็นธุระให้ผมได้ รบกวนช่วยติดต่อกลับผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ"

    สำหรับ "หมู ปากน้ำ" นพพล แสงคำ มือ 28 ของโลก มีคิวลงดวลกับ "เอฟวัน" เทพไชยา อุ่นหนู มือ 38 ของโลก ในรอบ 64 คนสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์นี้ โดยทั้งคู่ดวลคิวกันในวันอังคารที่ 22 ต.ค.67 เวลา 21.00 น. (เวลาไทย) โดยประมาณ

    #Thaitimes
    หมู ปากน้ำ"สุดเซ็ง สายการบินRyanair ทำไม้คิวส่วนตัวหาย ระหว่างเดินทางมาแข่งขัน ศึกสนุกเกอร์ นอร์เทิร์น ไอร์แลนด์ โอเพ่น 2024 ก่อนดวล "เอฟวัน" เทพไชยา อุ่นหนู ในรอบ 64 คน "หมู ปากน้ำ" นพพล แสงคำ นักสนุกเกอร์ชาวไทย สุดเซ็งเมื่อไม้คิวและสัมภาระที่ใส่ในกล่องคิวหาย ขณะเดินทางด้วยสายการบิน ไรอันแอร์ (Ryanair) เที่ยวบิน อาร์เค 193 เพื่อเตรียมเข้าไปร่วมการแข่งขันสนุกเกอร์ นอร์เทิร์น ไอร์แลนด์ โอเพ่น 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 550,400 ปอนด์ หรือ ประมาณ 23.7 ล้านบาท ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 20-27 ต.ค.67 ที่สังเวียนวอเตอร์ฟรอนท์ฮอลล์ กรุงเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ "หมู" ได้โพสต์เรื่อดังกล่าวลงในโซเชียลส่วนตัวว่า ว่า "จากเมื่อวานที่บินมาถึง Belfast และผมจะต้องทำการแข่งขันวันนี้เวลาประมาณ 16.00 น. โดย WST แจ้งว่าต้องยืมไม้คิวคนอื่นแข่งไป ก่อนท่านใดที่พอรู้จักใครที่ทำงานในสายการบิน Ryanair หรือ มีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษ และสามารถติดต่อเป็นธุระให้ผมได้ รบกวนช่วยติดต่อกลับผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ" สำหรับ "หมู ปากน้ำ" นพพล แสงคำ มือ 28 ของโลก มีคิวลงดวลกับ "เอฟวัน" เทพไชยา อุ่นหนู มือ 38 ของโลก ในรอบ 64 คนสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์นี้ โดยทั้งคู่ดวลคิวกันในวันอังคารที่ 22 ต.ค.67 เวลา 21.00 น. (เวลาไทย) โดยประมาณ #Thaitimes
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยแพร่ข้อมูล
    ธนาคารพาณิชย์ไทยเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
    ส่งผลต่อภาวะต้นทุนทางการเงินที่เริ่มผ่อนคลาย
    สู่ตลาดสินเชื่อ

    ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน
    หรือ กนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเมื่อวันที่
    16 ต.ค. 2567 (จากระดับ 2.50% มาที่ 2.25%)
    ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทยอยประกาศปรับลด
    อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% โดยให้มีผล
    ต้นเดือนพ.ย. 2567 พร้อมๆ กับต่ออายุมาตรการ
    ช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางไปจนถึงสิ้นปี 2567

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การทยอยปรับลด
    อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ในครั้งนี้
    เป็นหนึ่งในกลไกการส่งผ่านต้นทุนทางการเงิน
    ที่ปรับผ่อนคลายลงตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
    มาสู่ตลาดสินเชื่อ โดยคาดว่า สัดส่วนสินเชื่อรายย่อย
    และสินเชื่อธุรกิจ ที่น่าจะได้รับอานิสงส์จากการปรับลด
    อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก่อนสิ้นปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 40.9%
    ของสินเชื่อรวมทั้งระบบแบงก์ไทย

    ขณะที่ผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขาเดียว
    ของธนาคารพาณิชย์ในรอบนี้จะทำให้ภาระดอกเบี้ย
    ของลูกหนี้รายย่อยและภาคธุรกิจปรับลดลงเกือบ
    1,300 ล้านบาท
    (คำนวณผลของภาระดอกเบี้ยที่จะปรับลดลง
    เฉพาะช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2567 โดยยังไม่ได้นับรวม
    สินเชื่อ ส่วนที่จะเข้าสู่ช่วงการปรับอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า)
    ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
    #thaitimes
    💥ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยแพร่ข้อมูล ธนาคารพาณิชย์ไทยเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ส่งผลต่อภาวะต้นทุนทางการเงินที่เริ่มผ่อนคลาย สู่ตลาดสินเชื่อ ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2567 (จากระดับ 2.50% มาที่ 2.25%) ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทยอยประกาศปรับลด อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% โดยให้มีผล ต้นเดือนพ.ย. 2567 พร้อมๆ กับต่ออายุมาตรการ ช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางไปจนถึงสิ้นปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การทยอยปรับลด อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกลไกการส่งผ่านต้นทุนทางการเงิน ที่ปรับผ่อนคลายลงตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มาสู่ตลาดสินเชื่อ โดยคาดว่า สัดส่วนสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อธุรกิจ ที่น่าจะได้รับอานิสงส์จากการปรับลด อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก่อนสิ้นปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 40.9% ของสินเชื่อรวมทั้งระบบแบงก์ไทย ขณะที่ผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขาเดียว ของธนาคารพาณิชย์ในรอบนี้จะทำให้ภาระดอกเบี้ย ของลูกหนี้รายย่อยและภาคธุรกิจปรับลดลงเกือบ 1,300 ล้านบาท (คำนวณผลของภาระดอกเบี้ยที่จะปรับลดลง เฉพาะช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2567 โดยยังไม่ได้นับรวม สินเชื่อ ส่วนที่จะเข้าสู่ช่วงการปรับอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า) ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ศูนย์วิจัยกสิกรไทย #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • กินตอนไหน ไม่กินเมื่อไหร่ และกินเป็นช่วงยาวได้แค่ไหน?

    1- กินแต่เช้าไป 6 ชม แล้วอดต่อ 18 ชม (early eater)ดีกว่าไป กิน สายหรือ บ่าย ถึงเย็น หรือถึงค่ำ (late eater) แม้จะเป็น 6 ชม เท่ากัน
    2-ถ้าทำงานเป็นกะ กะละ 24 ชม จะปล่อยให้กินได้ยาวนานเท่าใด?
    กิน 10 ชม ดีกว่ากิน 16 ชม แม้ปริมาณ รวมเท่ากัน

    3- อาหารที่กินยังคงเป็นประเภทผัก ผลไม้ กากไยมาก เนื้อน้อย แป้งน้อย ปลาเยอะ และถั่ว

    รายงานการศึกษาทั้งสองชิ้นในวารสาร Cell Metabolism (clinical and translational report) 4 ตุลาคม 2022 ตอกย้ำการให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหาร

    ซึ่งขณะนี้เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า

    1- อาหารเมดิเตอร์เรเนียนที่มากผัก ผลไม้ กากใย น้ำมันมะกอก ไวน์แดง แป้งไม่มาก จัดเป็นอาหารช่วยชีวิต
    ซึ่งในคนไทยเราก็มีผักผลไม้มากมายมหาศาลตามฤดูกาลอยู่แล้ว
    ปรับแต่งให้เข้ากับรสชาติไทยๆ เป็นส้มตำ เคียงผักนานาชนิด แต่อย่าให้เค็มมาก ลดข้าวเหนียวลงบ้าง เนื้อสัตว์ทั้งหลายพยายามหลีกเลี่ยง แต่ได้โปรตีนจากถั่ว จากพืช และปลา ปู กุ้ง หอย

    2- แต่คำถามหลักใหญ่อีกข้อคือ ถ้ากินเท่าเดิม เป็นชนิดของอาหารที่ดีตามข้างต้น จะกินตอนไหนดีตั้งแต่หลังตื่นนอน หรือชะลอไปเที่ยงหรือหลังเที่ยงไปจนกระทั่งถึงสอง สามทุ่ม แบบไหนจะดีกว่ากัน หรือจะเรียกกันง่ายๆว่า early eater กับ late eater (เหมือนที่มีการศึกษาก่อนหน้าและหมอได้เคยเรียนให้ทราบในบทความ งดข้าวเช้า ตายเร็ว ในคอลัมน์สุขภาพหรรษานี้)

    3-และไม่นานมานี้ เราก็ทราบว่าการกินเป็นช่วงสั้นและกินแต่น้ำในช่วงเวลาที่เหลือในแต่ละวัน หรือจะเป็นเพียงผลไม้ที่เรียกว่า ไอ-เอฟ หรือ intermittent fasting โดย กิน 6 อด 18 ชั่วโมง หรือกิน 8 อด 16 ชั่วโมง หรือในหนึ่งสัปดาห์ กินปกติหกวัน ที่เหลืออีกหนึ่งวัน กินแต่น้ำ
    โดยที่ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ พิสูจน์แล้วว่าทำให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดจากโรคคาร์ดิโอเมตาบอลิก (cardio metabolic) รวมทั้งมีรายงานพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดความรุนแรงต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากการติดโควิด

    แต่ช่วงเวลาที่กิน ไอ-เอฟ จะกินตั้งแต่ครึ่งเช้าหรือจะกินบ่ายหรือค่ำ โดยระยะเวลาที่กินนั้นเท่ากัน?

    4-คำถามต่อมา คือว่า จะปล่อยให้กินได้ยาวนานเท่าใดถ้าเข้างาน 24 ชม

    รายงานแรกจากคณะทำงาน Salk Institute for biological studies, La Jolla กับ University of California, San Diego ทำการศึกษาในอาสาสมัครที่เป็นนักผจญเพลิงที่ทำงานเป็นกะ กะละ 24 ชั่วโมง และให้กินอาหารได้เป็นระยะ (time restricted eating) ในช่วงเวลา 10 ชั่วโมง เทียบกับให้มีอิสระมากขึ้นในการกินอาหารให้ได้ระยะเวลาถึง 14 ชั่วโมง โดยอาหารการกินนั้นเป็นอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนเหมือนกัน และแบ่งกลุ่มละ 75 คน ศึกษาการกินอาหารดังกล่าวเป็นเวลา 12 สัปดาห์

    ทั้งนี้ มีข้อมูลสุขภาพพื้นฐานก่อนทำการศึกษาอย่างครบถ้วน และมีการประเมินข้อมูลสุขภาพอย่างถี่ยิบ ซึ่งรวมถึงระดับไขมัน ชนิดของไขมัน ความดันโลหิต ความอ้วน ระดับน้ำตาลสะสม และอื่นๆอีกมาก

    ผลปรากฏว่ากลุ่มที่กำหนดช่วงเวลาที่ให้กิน (time window) 10 ชั่วโมงนั้น มีสุขภาพดีแข็งแรงขึ้นกว่าอีกกลุ่มและภาวะสุขภาพทางคาร์ดิโอเมตาบอลิกดีขึ้น และควรจะได้เป็นหลักปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานเป็นกะ กะละถึง 24 ชั่วโมง

    โดยคนในกลุ่มนี้มีการศึกษาก่อนหน้าว่า สุขภาพเสื่อม โทรมไปทั้งสิ้น

    สำหรับในรายงานที่สองนั้น มาจากภาควิชาอายุรศาสตร์และประสาทวิทยา ฮาร์วาร์ด บอสตัน ร่วมกับสถาบันในประเทศเยอรมนีและสเปน
    โดยตั้งสมมติฐานจากการที่มนุษย์จะมีนาฬิกาชีวิต หรือสมอง กำหนดระยะเวลาของการกิน การออกกำลัง การทำงาน และการนอนหลับ ซึ่งมีส่วนที่แปรเปลี่ยนและสัมพันธ์กับเวลากลางวันและกลางคืน

    ดังนั้น ถ้าตื่นขึ้นมาปุ๊บแล้วกินเลย โดยให้ระยะเวลาการกินอยู่ที่ 5 ชั่วโมง และเทียบกับเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่ได้กินอาหาร กินข้าวเช้า แต่ไปเริ่มกินเอาเที่ยงหรือบ่ายไปแล้ว จนกระทั่งถึงหัวค่ำ โดยที่ทั้งสองกลุ่มนี้ กลุ่มใดจะให้
    ผลกระทบในทางเลว ในแง่ของการปรับอุณหภูมิในร่างกาย การปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานของร่างกายและศึกษาลึกลงไปจนถึงเนื้อเยื่อไขมันในการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับเมแทบอลิซึมของไขมัน

    การศึกษานี้คัดสรรซอยย่อยตั้งแต่อาสาสมัคร 2,150 ราย และมีคุณสมบัติที่จะสามารถเข้าร่วมในการวิจัยอย่างเข้มข้นได้หรือไม่ จนกระทั่งท้ายสุดเหลืออยู่เพียงจำนวน 16 คน และแบ่งออกเป็นกลุ่มกินแต่เช้าเจ็ดคน และกลุ่มที่กินล่าช้าไปจนกระทั่งถึงเย็นค่ำเก้าคน และให้มีรูปแบบแผนในการกินเร็วและกินช้าแบบนี้สลับสับเปลี่ยนกัน โดยมีช่วงเวลาพัก (wash out period) ระหว่างสามถึง 12 สัปดาห์

    ผลของการศึกษาพบว่า กลุ่มที่กินช้าจะมีความรู้สึกหิวมากกว่า คล้องจองไปกับการที่มีฮอร์โมนที่เพิ่มการหิวข้าว และมีระยะตื่น (wake time) มากกว่า

    อัตราสัดส่วนของฮอร์โมน ghrelin ต่อ leptin ที่ 24 ชั่วโมงนั้นสูงขึ้น มีระบบการเผาผลาญใช้พลังงานลดลง และอุณหภูมิในร่างกายตลอด 24 ชั่วโมงลดลง

    นอกจากนั้นการวิเคราะห์ยีน พบว่า ยีนที่ควบคุมความเสถียรของเซลล์ และการคุมการคงมีชีวิตและการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ ในระบบ autophagy เป็นในทิศทางที่แย่ลง รวมทั้งมีการเผาผลาญไขมันลดลงและมีการเพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อไขมันมากขึ้น

    ซึ่งทั้ง หลายทั้งปวงนี้บ่งบอกถึงการมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วน และโรคที่ตามติดมาจากผลพวงดังกล่าว

    ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยทั้งสองกลุ่มต่างก็ให้ข้อสรุปในทิศทางคล้ายกัน คือ

    เริ่มกินตั้งแต่เช้าหรืออย่า งดมื้อเช้า และจำกัดระยะเวลาของการกินอยู่ในช่วง 5 ถึง 10 ชั่วโมงแรก

    และประเพณี ประพฤติ ปฏิบัติของการกินมื้อเย็น ดินเนอร์ตอน 5 โมงเย็น หรือล่าช้าไปถึงทุ่มหรือสามทุ่ม จะเป็นสิ่งที่อาจไม่ให้ผลดีต่อสุขภาพ และการกินตอนสายจนไปถึงบ่าย เย็น กลับจะเพิ่มความตะกละ อยากกิน จนอาจจะต้องลุกขึ้นมาหาอะไรกินตอนกลางคืน หรือตอนดึกไปอีก

    อาหารมื้อเช้านั้น น่าจะเป็นมื้อที่ใหญ่ที่สุดหรือไม่ ?

    จึงมีการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งจากสกอตแลนด์และอังกฤษ พบว่า มื้อเช้าอาจจะไม่จำเป็นที่ต้องเป็นมื้อใหญ่เสมอไป แต่อยู่ในระยะเวลาของการกินและปริมาณของอาหารและชนิดของอาหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

    ที่เรียนให้ทราบถึงตรงนี้ เพื่อที่จะให้รู้สึกสบายใจและมั่นใจที่จะเริ่มประพฤติปฏิบัติในการกินอาหารสุขภาพ ทราบถึงเวลาและระยะเวลาของการกิน ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปจนถึงสุขภาพของร่างกายโดยรวม คุณภาพของการนอน และแน่นอน ส่งผลไปถึงสมองทำให้เสื่อมช้าลง (resistance) หรือแม้แต่เสื่อมแล้วก็ยังไม่แสดงอาการออกมาได้ (resilience)
    ชีวิตของเราเองเลือกได้ ที่จะไม่เป็นภาระต่อครอบครัว สังคม และทำให้ประเทศไทยของเรามั่งคั่งครับ..

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    กินตอนไหน ไม่กินเมื่อไหร่ และกินเป็นช่วงยาวได้แค่ไหน? 1- กินแต่เช้าไป 6 ชม แล้วอดต่อ 18 ชม (early eater)ดีกว่าไป กิน สายหรือ บ่าย ถึงเย็น หรือถึงค่ำ (late eater) แม้จะเป็น 6 ชม เท่ากัน 2-ถ้าทำงานเป็นกะ กะละ 24 ชม จะปล่อยให้กินได้ยาวนานเท่าใด? กิน 10 ชม ดีกว่ากิน 16 ชม แม้ปริมาณ รวมเท่ากัน 3- อาหารที่กินยังคงเป็นประเภทผัก ผลไม้ กากไยมาก เนื้อน้อย แป้งน้อย ปลาเยอะ และถั่ว รายงานการศึกษาทั้งสองชิ้นในวารสาร Cell Metabolism (clinical and translational report) 4 ตุลาคม 2022 ตอกย้ำการให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหาร ซึ่งขณะนี้เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า 1- อาหารเมดิเตอร์เรเนียนที่มากผัก ผลไม้ กากใย น้ำมันมะกอก ไวน์แดง แป้งไม่มาก จัดเป็นอาหารช่วยชีวิต ซึ่งในคนไทยเราก็มีผักผลไม้มากมายมหาศาลตามฤดูกาลอยู่แล้ว ปรับแต่งให้เข้ากับรสชาติไทยๆ เป็นส้มตำ เคียงผักนานาชนิด แต่อย่าให้เค็มมาก ลดข้าวเหนียวลงบ้าง เนื้อสัตว์ทั้งหลายพยายามหลีกเลี่ยง แต่ได้โปรตีนจากถั่ว จากพืช และปลา ปู กุ้ง หอย 2- แต่คำถามหลักใหญ่อีกข้อคือ ถ้ากินเท่าเดิม เป็นชนิดของอาหารที่ดีตามข้างต้น จะกินตอนไหนดีตั้งแต่หลังตื่นนอน หรือชะลอไปเที่ยงหรือหลังเที่ยงไปจนกระทั่งถึงสอง สามทุ่ม แบบไหนจะดีกว่ากัน หรือจะเรียกกันง่ายๆว่า early eater กับ late eater (เหมือนที่มีการศึกษาก่อนหน้าและหมอได้เคยเรียนให้ทราบในบทความ งดข้าวเช้า ตายเร็ว ในคอลัมน์สุขภาพหรรษานี้)  3-และไม่นานมานี้ เราก็ทราบว่าการกินเป็นช่วงสั้นและกินแต่น้ำในช่วงเวลาที่เหลือในแต่ละวัน หรือจะเป็นเพียงผลไม้ที่เรียกว่า ไอ-เอฟ หรือ intermittent fasting โดย กิน 6 อด 18 ชั่วโมง หรือกิน 8 อด 16 ชั่วโมง หรือในหนึ่งสัปดาห์ กินปกติหกวัน ที่เหลืออีกหนึ่งวัน กินแต่น้ำ โดยที่ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ พิสูจน์แล้วว่าทำให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดจากโรคคาร์ดิโอเมตาบอลิก (cardio metabolic) รวมทั้งมีรายงานพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดความรุนแรงต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากการติดโควิด แต่ช่วงเวลาที่กิน ไอ-เอฟ จะกินตั้งแต่ครึ่งเช้าหรือจะกินบ่ายหรือค่ำ โดยระยะเวลาที่กินนั้นเท่ากัน? 4-คำถามต่อมา คือว่า จะปล่อยให้กินได้ยาวนานเท่าใดถ้าเข้างาน 24 ชม รายงานแรกจากคณะทำงาน Salk Institute for biological studies, La Jolla กับ University of California, San Diego ทำการศึกษาในอาสาสมัครที่เป็นนักผจญเพลิงที่ทำงานเป็นกะ กะละ 24 ชั่วโมง และให้กินอาหารได้เป็นระยะ (time restricted eating) ในช่วงเวลา 10 ชั่วโมง เทียบกับให้มีอิสระมากขึ้นในการกินอาหารให้ได้ระยะเวลาถึง 14 ชั่วโมง โดยอาหารการกินนั้นเป็นอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนเหมือนกัน และแบ่งกลุ่มละ 75 คน ศึกษาการกินอาหารดังกล่าวเป็นเวลา 12 สัปดาห์ ทั้งนี้ มีข้อมูลสุขภาพพื้นฐานก่อนทำการศึกษาอย่างครบถ้วน และมีการประเมินข้อมูลสุขภาพอย่างถี่ยิบ ซึ่งรวมถึงระดับไขมัน ชนิดของไขมัน ความดันโลหิต ความอ้วน ระดับน้ำตาลสะสม และอื่นๆอีกมาก ผลปรากฏว่ากลุ่มที่กำหนดช่วงเวลาที่ให้กิน (time window) 10 ชั่วโมงนั้น มีสุขภาพดีแข็งแรงขึ้นกว่าอีกกลุ่มและภาวะสุขภาพทางคาร์ดิโอเมตาบอลิกดีขึ้น และควรจะได้เป็นหลักปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานเป็นกะ กะละถึง 24 ชั่วโมง โดยคนในกลุ่มนี้มีการศึกษาก่อนหน้าว่า สุขภาพเสื่อม โทรมไปทั้งสิ้น สำหรับในรายงานที่สองนั้น มาจากภาควิชาอายุรศาสตร์และประสาทวิทยา ฮาร์วาร์ด บอสตัน ร่วมกับสถาบันในประเทศเยอรมนีและสเปน โดยตั้งสมมติฐานจากการที่มนุษย์จะมีนาฬิกาชีวิต หรือสมอง กำหนดระยะเวลาของการกิน การออกกำลัง การทำงาน และการนอนหลับ ซึ่งมีส่วนที่แปรเปลี่ยนและสัมพันธ์กับเวลากลางวันและกลางคืน ดังนั้น ถ้าตื่นขึ้นมาปุ๊บแล้วกินเลย โดยให้ระยะเวลาการกินอยู่ที่ 5 ชั่วโมง และเทียบกับเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่ได้กินอาหาร กินข้าวเช้า แต่ไปเริ่มกินเอาเที่ยงหรือบ่ายไปแล้ว จนกระทั่งถึงหัวค่ำ โดยที่ทั้งสองกลุ่มนี้ กลุ่มใดจะให้ ผลกระทบในทางเลว ในแง่ของการปรับอุณหภูมิในร่างกาย การปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานของร่างกายและศึกษาลึกลงไปจนถึงเนื้อเยื่อไขมันในการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับเมแทบอลิซึมของไขมัน การศึกษานี้คัดสรรซอยย่อยตั้งแต่อาสาสมัคร 2,150 ราย และมีคุณสมบัติที่จะสามารถเข้าร่วมในการวิจัยอย่างเข้มข้นได้หรือไม่ จนกระทั่งท้ายสุดเหลืออยู่เพียงจำนวน 16 คน และแบ่งออกเป็นกลุ่มกินแต่เช้าเจ็ดคน และกลุ่มที่กินล่าช้าไปจนกระทั่งถึงเย็นค่ำเก้าคน และให้มีรูปแบบแผนในการกินเร็วและกินช้าแบบนี้สลับสับเปลี่ยนกัน โดยมีช่วงเวลาพัก (wash out period) ระหว่างสามถึง 12 สัปดาห์ ผลของการศึกษาพบว่า กลุ่มที่กินช้าจะมีความรู้สึกหิวมากกว่า คล้องจองไปกับการที่มีฮอร์โมนที่เพิ่มการหิวข้าว และมีระยะตื่น (wake time) มากกว่า อัตราสัดส่วนของฮอร์โมน ghrelin ต่อ leptin ที่ 24 ชั่วโมงนั้นสูงขึ้น มีระบบการเผาผลาญใช้พลังงานลดลง และอุณหภูมิในร่างกายตลอด 24 ชั่วโมงลดลง นอกจากนั้นการวิเคราะห์ยีน พบว่า ยีนที่ควบคุมความเสถียรของเซลล์ และการคุมการคงมีชีวิตและการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ ในระบบ autophagy เป็นในทิศทางที่แย่ลง รวมทั้งมีการเผาผลาญไขมันลดลงและมีการเพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อไขมันมากขึ้น ซึ่งทั้ง หลายทั้งปวงนี้บ่งบอกถึงการมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วน และโรคที่ตามติดมาจากผลพวงดังกล่าว ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยทั้งสองกลุ่มต่างก็ให้ข้อสรุปในทิศทางคล้ายกัน คือ เริ่มกินตั้งแต่เช้าหรืออย่า งดมื้อเช้า และจำกัดระยะเวลาของการกินอยู่ในช่วง 5 ถึง 10 ชั่วโมงแรก และประเพณี ประพฤติ ปฏิบัติของการกินมื้อเย็น ดินเนอร์ตอน 5 โมงเย็น หรือล่าช้าไปถึงทุ่มหรือสามทุ่ม จะเป็นสิ่งที่อาจไม่ให้ผลดีต่อสุขภาพ และการกินตอนสายจนไปถึงบ่าย เย็น กลับจะเพิ่มความตะกละ อยากกิน จนอาจจะต้องลุกขึ้นมาหาอะไรกินตอนกลางคืน หรือตอนดึกไปอีก อาหารมื้อเช้านั้น น่าจะเป็นมื้อที่ใหญ่ที่สุดหรือไม่ ? จึงมีการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งจากสกอตแลนด์และอังกฤษ พบว่า มื้อเช้าอาจจะไม่จำเป็นที่ต้องเป็นมื้อใหญ่เสมอไป แต่อยู่ในระยะเวลาของการกินและปริมาณของอาหารและชนิดของอาหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ที่เรียนให้ทราบถึงตรงนี้ เพื่อที่จะให้รู้สึกสบายใจและมั่นใจที่จะเริ่มประพฤติปฏิบัติในการกินอาหารสุขภาพ ทราบถึงเวลาและระยะเวลาของการกิน ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปจนถึงสุขภาพของร่างกายโดยรวม คุณภาพของการนอน และแน่นอน ส่งผลไปถึงสมองทำให้เสื่อมช้าลง (resistance) หรือแม้แต่เสื่อมแล้วก็ยังไม่แสดงอาการออกมาได้ (resilience) ชีวิตของเราเองเลือกได้ ที่จะไม่เป็นภาระต่อครอบครัว สังคม และทำให้ประเทศไทยของเรามั่งคั่งครับ.. ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    Love
    Yay
    19
    1 ความคิดเห็น 4 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣️ แม้จะเป็นเพียงแนวคิดที่ต้องรอผลศึกษา แต่คนกรุงเทพฯ คงไม่ทนกับพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป เพราะแทนที่จะแก้ปัญหาแบบกระทบประชาชนน้อยที่สุด กลับเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย เก็บเงินประชาชนไปให้นายทุนรถไฟฟ้า แล้วมาเคลมเอาหน้ากับค่าโดยสาร 20 บาท เลือกตั้งปี 70 เพื่อไทยจะได้คำตอบจากคนกรุงฯ ในเรื่องนี้อย่างแน่นอน
    #7ดอกจิก
    ♣️ แม้จะเป็นเพียงแนวคิดที่ต้องรอผลศึกษา แต่คนกรุงเทพฯ คงไม่ทนกับพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป เพราะแทนที่จะแก้ปัญหาแบบกระทบประชาชนน้อยที่สุด กลับเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย เก็บเงินประชาชนไปให้นายทุนรถไฟฟ้า แล้วมาเคลมเอาหน้ากับค่าโดยสาร 20 บาท เลือกตั้งปี 70 เพื่อไทยจะได้คำตอบจากคนกรุงฯ ในเรื่องนี้อย่างแน่นอน #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนาคตสถานีลพบุรี

    โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะทาง 145 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 21,467 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2561 ในที่สุดสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกะเทียม (ทางรถไฟยกระดับ) ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย. 2567 ส่วนสัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ คืบหน้า 98.26% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2567 และสัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม (ST8) คืบหน้า 49.59% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2568

    สำหรับไฮไลต์ของโครงการอยู่ที่สัญญาที่ 1 เป็นการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ใหม่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อโบราณสถานอย่างพระปรางค์สามยอด มีจุดเริ่มต้นทางทิศใต้ของสถานีบ้านกลับ เบี่ยงออกทางด้านทิศตะวันตกของเมืองลพบุรี และยกระดับบนแนวเกาะกลางถนนของทางหลวงหมายเลข 366 (ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี) ระยะทาง 19 กิโลเมตร ก่อนลดระดับลง บรรจบแนวเส้นทางรถไฟเดิม ระหว่างสถานีท่าแค และสถานีโคกกะเทียม

    พร้อมปรับปรุงสถานีรถไฟบ้านกลับ โดยอนุรักษ์อาคารเดิมไว้ และก่อสร้างสถานีรถไฟลพบุรี 2 บริเวณถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี ก่อนถึงแยกสนามไชย ต.โพลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้น 1 ที่จอดรถ ชั้น 2 พื้นที่จำหน่ายตั๋วและรองรับผู้โดยสาร ชั้น 3 ชานชาลา

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ตั้งสถานีรถไฟลพบุรี 2 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟลพบุรี ต.ท่าหิน อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี ประมาณ 9 กิโลเมตร ตามแผนของกระทรวงคมนาคม จะให้รถไฟชานเมือง กรุงเทพ (หัวลำโพง)-ลพบุรี และรถไฟท้องถิ่น พิษณุโลก-ลพบุรี ทั้งไปและกลับ จอดที่สถานีเดิม นอกนั้นทั้งรถไฟธรรมดา รถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ ย้ายไปให้บริการที่สถานีลพบุรี 2 แห่งใหม่

    แน่นอนว่าย่อมมีผู้ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่ต้องอาศัยรถไฟธรรมดา สายพิษณุโลก สายตะพานหิน สายนครสวรรค์ และสายบ้านตาคลี มายังสถานีลพบุรี ไม่นับรวมกรณีรถไฟทางไกลสายเหนือ ต้องไปใช้บริการที่สถานีลพบุรี 2 มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอหรือไม่ มีรถรับส่งผู้โดยสารไปยังตัวเมืองลพบุรีหรือไม่ บริการฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ภาระตกอยู่กับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น

    ขณะนี้สถานีรถไฟลพบุรี ได้ทำทำแบบสำรวจเพื่อประกอบการจัดทำแผนในการเดินขบวนรถไฟโดยสาร ที่ให้บริการระหว่างสถานีลพบุรี (เดิม) และสถานีลพบุรี 2 เพื่อรับทราบถึงความคิดเห็น ความต้องการ ข้อดีข้อเสีย และผลกระทบที่ได้รับ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ Google Form https://forms.gle/8HG7zhG7gheZBaSW6 หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร สถานีรถไฟลพบุรี

    #Newskit #สถานีลพบุรี #รถไฟทางคู่
    อนาคตสถานีลพบุรี โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะทาง 145 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 21,467 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2561 ในที่สุดสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกะเทียม (ทางรถไฟยกระดับ) ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย. 2567 ส่วนสัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ คืบหน้า 98.26% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2567 และสัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม (ST8) คืบหน้า 49.59% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2568 สำหรับไฮไลต์ของโครงการอยู่ที่สัญญาที่ 1 เป็นการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ใหม่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อโบราณสถานอย่างพระปรางค์สามยอด มีจุดเริ่มต้นทางทิศใต้ของสถานีบ้านกลับ เบี่ยงออกทางด้านทิศตะวันตกของเมืองลพบุรี และยกระดับบนแนวเกาะกลางถนนของทางหลวงหมายเลข 366 (ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี) ระยะทาง 19 กิโลเมตร ก่อนลดระดับลง บรรจบแนวเส้นทางรถไฟเดิม ระหว่างสถานีท่าแค และสถานีโคกกะเทียม พร้อมปรับปรุงสถานีรถไฟบ้านกลับ โดยอนุรักษ์อาคารเดิมไว้ และก่อสร้างสถานีรถไฟลพบุรี 2 บริเวณถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี ก่อนถึงแยกสนามไชย ต.โพลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้น 1 ที่จอดรถ ชั้น 2 พื้นที่จำหน่ายตั๋วและรองรับผู้โดยสาร ชั้น 3 ชานชาลา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ตั้งสถานีรถไฟลพบุรี 2 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟลพบุรี ต.ท่าหิน อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี ประมาณ 9 กิโลเมตร ตามแผนของกระทรวงคมนาคม จะให้รถไฟชานเมือง กรุงเทพ (หัวลำโพง)-ลพบุรี และรถไฟท้องถิ่น พิษณุโลก-ลพบุรี ทั้งไปและกลับ จอดที่สถานีเดิม นอกนั้นทั้งรถไฟธรรมดา รถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ ย้ายไปให้บริการที่สถานีลพบุรี 2 แห่งใหม่ แน่นอนว่าย่อมมีผู้ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่ต้องอาศัยรถไฟธรรมดา สายพิษณุโลก สายตะพานหิน สายนครสวรรค์ และสายบ้านตาคลี มายังสถานีลพบุรี ไม่นับรวมกรณีรถไฟทางไกลสายเหนือ ต้องไปใช้บริการที่สถานีลพบุรี 2 มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอหรือไม่ มีรถรับส่งผู้โดยสารไปยังตัวเมืองลพบุรีหรือไม่ บริการฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ภาระตกอยู่กับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ขณะนี้สถานีรถไฟลพบุรี ได้ทำทำแบบสำรวจเพื่อประกอบการจัดทำแผนในการเดินขบวนรถไฟโดยสาร ที่ให้บริการระหว่างสถานีลพบุรี (เดิม) และสถานีลพบุรี 2 เพื่อรับทราบถึงความคิดเห็น ความต้องการ ข้อดีข้อเสีย และผลกระทบที่ได้รับ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ Google Form https://forms.gle/8HG7zhG7gheZBaSW6 หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร สถานีรถไฟลพบุรี #Newskit #สถานีลพบุรี #รถไฟทางคู่
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลิกพยายามใช้ชีวิตเป็นฮีโร่
    เลิกพยายามทำตัวเป็น 'เดอะแบก'
    ที่แบทรับภาระของทุกคนเอาไว้บนบ่าบ้าง
    เพราะต่อให้พยายามอย่างไร เราก็รับผิดชอบ
    ชีวิตของทุกคนไว้ไม่ไหวหรอก

    จากหนังสือ |อย่าลืมไปว่าใจเราสำคัญนะ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    เลิกพยายามใช้ชีวิตเป็นฮีโร่ เลิกพยายามทำตัวเป็น 'เดอะแบก' ที่แบทรับภาระของทุกคนเอาไว้บนบ่าบ้าง เพราะต่อให้พยายามอย่างไร เราก็รับผิดชอบ ชีวิตของทุกคนไว้ไม่ไหวหรอก จากหนังสือ |อย่าลืมไปว่าใจเราสำคัญนะ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 สัญญาณสำคัญ ที่เตือนว่า มีโอกาส "ติดเตียง"

    การ #ติดเตียง สำหรับผู้สูงอายุนั้น ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านร่างกาย ที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ต้องมีคนช่วยดูแล

    ...แต่ยัง อาจก่อให้เกิดปัญหาหนักในทางจิตใจ เพราะอาจทำให้รู้สึกได้ว่า ตนเองไม่มีค่า ต้องเป็นภาระของลูกหลานที่ตนรัก ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าตามมา

    ดังนั้น ภาวะ "ติดเตียง" จึงเป็นภาวะ "ที่ต้องระวังป้องกัน ปล่อยให้เกิดไม่ได้" เพราะจะบั่นทอน "ความสุข ในวัยเกษียณ" ของคุณจนหมดสิ้น

    จึงควรต้องจับตาดู 3 สัญญาณ ของร่างกาย เพื่อระวังป้องกัน ดังนี้

    1. ความอ่อนแรงและการเคลื่อนไหวที่ลดลง
    สัญญาณแรกที่ผู้สูงอายุต้องระวังคือการเคลื่อนไหวที่ลดลง ความอ่อนแรงในกล้ามเนื้อทำให้ผู้สูงอายุเริ่มมีปัญหาในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การลุกจากเตียง การเดิน หรือแม้กระทั่งการนั่งเป็นเวลานาน

    **การอ่อนแรงของกล้ามเนื้อมักมาจากการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ (Sarcopenia) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อไปตามอายุ นอกจากนี้ การไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ การขาดโปรตีน และโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบหรือโรคเบาหวาน ก็สามารถเป็นปัจจัยสำคัญได้**

    2. ปัญหาการทรงตัวและการล้ม
    สัญญาณเตือนที่สองคือปัญหาการทรงตัว ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะล้ม การล้มอาจส่งผลให้เกิดกระดูกหัก หรือบาดเจ็บรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยติดเตียงในระยะยาว

    **ปัญหานี้เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทและสมอง รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับความเสื่อมของกระดูกและข้อต่อ เช่น โรคกระดูกพรุน ซึ่งทำให้กระดูกเปราะและแตกหักง่ายขึ้น การทรงตัวที่ไม่ดีสามารถเกิดจากภาวะหลอดเลือดตีบตันในสมอง หรือภาวะขาดสมดุลในระดับสมองส่วนกลาง**

    3. การกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่
    ปัญหาการควบคุมระบบขับถ่ายเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงความเสื่อมของระบบประสาทและกล้ามเนื้อในร่างกาย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเตียงได้

    **สาเหตุของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มักเกิดจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน หรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อในระบบขับถ่ายได้อย่างเต็มที่**

    (ข้อมูลอ้างอิงจาก World Health Organization, National Institutes of Health, และ Mayo Clinic)

    -----------

    #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย คือคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกัน สาเหตุที่ก่อให้เกิดสัญญาณ ทั้ง 3 อย่างนี้ มีประสิทธิภาพ

    คลอเรลล่าที่ปลอดภัย เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการช่วยกำจัดสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักจากร่างกาย งานวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่าคลอเรลล่าที่ปลอดภัยมีบทบาทในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและปรับปรุงการทำงานของตับและไตได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเสื่อมถอยของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Merchant, 2001), (Jeon et al., 2016). นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยในการลดความเสี่ยงของปัญหาการทรงตัวและการล้มที่มักเกิดจากการสะสมของสารพิษในระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Queiroz et al., 2020).

    สำหรับ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย งานวิจัยชี้ว่ามีสาร Phycocyanin ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สารนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อและปัญหาการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการป้องกันภาวะติดเตียง (Bermejo et al., 2008), (Mao et al., 2005). นอกจากนี้ การบริโภคสไปรูลิน่าที่ปลอดภัยยังช่วยส่งเสริมระบบประสาท และป้องกันปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ซึ่งเป็นผลจากความเสื่อมถอยของระบบประสาท (Belay et al., 1993).

    โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง

    เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    3 สัญญาณสำคัญ ที่เตือนว่า มีโอกาส "ติดเตียง" การ #ติดเตียง สำหรับผู้สูงอายุนั้น ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านร่างกาย ที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ต้องมีคนช่วยดูแล ...แต่ยัง อาจก่อให้เกิดปัญหาหนักในทางจิตใจ เพราะอาจทำให้รู้สึกได้ว่า ตนเองไม่มีค่า ต้องเป็นภาระของลูกหลานที่ตนรัก ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าตามมา ดังนั้น ภาวะ "ติดเตียง" จึงเป็นภาวะ "ที่ต้องระวังป้องกัน ปล่อยให้เกิดไม่ได้" เพราะจะบั่นทอน "ความสุข ในวัยเกษียณ" ของคุณจนหมดสิ้น จึงควรต้องจับตาดู 3 สัญญาณ ของร่างกาย เพื่อระวังป้องกัน ดังนี้ 1. ความอ่อนแรงและการเคลื่อนไหวที่ลดลง สัญญาณแรกที่ผู้สูงอายุต้องระวังคือการเคลื่อนไหวที่ลดลง ความอ่อนแรงในกล้ามเนื้อทำให้ผู้สูงอายุเริ่มมีปัญหาในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การลุกจากเตียง การเดิน หรือแม้กระทั่งการนั่งเป็นเวลานาน **การอ่อนแรงของกล้ามเนื้อมักมาจากการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ (Sarcopenia) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อไปตามอายุ นอกจากนี้ การไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ การขาดโปรตีน และโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบหรือโรคเบาหวาน ก็สามารถเป็นปัจจัยสำคัญได้** 2. ปัญหาการทรงตัวและการล้ม สัญญาณเตือนที่สองคือปัญหาการทรงตัว ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะล้ม การล้มอาจส่งผลให้เกิดกระดูกหัก หรือบาดเจ็บรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยติดเตียงในระยะยาว **ปัญหานี้เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทและสมอง รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับความเสื่อมของกระดูกและข้อต่อ เช่น โรคกระดูกพรุน ซึ่งทำให้กระดูกเปราะและแตกหักง่ายขึ้น การทรงตัวที่ไม่ดีสามารถเกิดจากภาวะหลอดเลือดตีบตันในสมอง หรือภาวะขาดสมดุลในระดับสมองส่วนกลาง** 3. การกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่ ปัญหาการควบคุมระบบขับถ่ายเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงความเสื่อมของระบบประสาทและกล้ามเนื้อในร่างกาย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเตียงได้ **สาเหตุของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มักเกิดจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน หรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อในระบบขับถ่ายได้อย่างเต็มที่** (ข้อมูลอ้างอิงจาก World Health Organization, National Institutes of Health, และ Mayo Clinic) ----------- #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย คือคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกัน สาเหตุที่ก่อให้เกิดสัญญาณ ทั้ง 3 อย่างนี้ มีประสิทธิภาพ คลอเรลล่าที่ปลอดภัย เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการช่วยกำจัดสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักจากร่างกาย งานวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่าคลอเรลล่าที่ปลอดภัยมีบทบาทในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและปรับปรุงการทำงานของตับและไตได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเสื่อมถอยของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Merchant, 2001), (Jeon et al., 2016). นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยในการลดความเสี่ยงของปัญหาการทรงตัวและการล้มที่มักเกิดจากการสะสมของสารพิษในระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Queiroz et al., 2020). สำหรับ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย งานวิจัยชี้ว่ามีสาร Phycocyanin ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สารนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อและปัญหาการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการป้องกันภาวะติดเตียง (Bermejo et al., 2008), (Mao et al., 2005). นอกจากนี้ การบริโภคสไปรูลิน่าที่ปลอดภัยยังช่วยส่งเสริมระบบประสาท และป้องกันปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ซึ่งเป็นผลจากความเสื่อมถอยของระบบประสาท (Belay et al., 1993). โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 สัญญาณสำคัญ ที่เตือนว่า มีโอกาส "ติดเตียง"

    การ #ติดเตียง สำหรับผู้สูงอายุนั้น ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านร่างกาย ที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ต้องมีคนช่วยดูแล

    ...แต่ยัง อาจก่อให้เกิดปัญหาหนักในทางจิตใจ เพราะอาจทำให้รู้สึกได้ว่า ตนเองไม่มีค่า ต้องเป็นภาระของลูกหลานที่ตนรัก ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าตามมา

    ดังนั้น ภาวะ "ติดเตียง" จึงเป็นภาวะ "ที่ต้องระวังป้องกัน ปล่อยให้เกิดไม่ได้" เพราะจะบั่นทอน "ความสุข ในวัยเกษียณ" ของคุณจนหมดสิ้น

    จึงควรต้องจับตาดู 3 สัญญาณ ของร่างกาย เพื่อระวังป้องกัน ดังนี้

    1. ความอ่อนแรงและการเคลื่อนไหวที่ลดลง
    สัญญาณแรกที่ผู้สูงอายุต้องระวังคือการเคลื่อนไหวที่ลดลง ความอ่อนแรงในกล้ามเนื้อทำให้ผู้สูงอายุเริ่มมีปัญหาในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การลุกจากเตียง การเดิน หรือแม้กระทั่งการนั่งเป็นเวลานาน

    **การอ่อนแรงของกล้ามเนื้อมักมาจากการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ (Sarcopenia) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อไปตามอายุ นอกจากนี้ การไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ การขาดโปรตีน และโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบหรือโรคเบาหวาน ก็สามารถเป็นปัจจัยสำคัญได้**

    2. ปัญหาการทรงตัวและการล้ม
    สัญญาณเตือนที่สองคือปัญหาการทรงตัว ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะล้ม การล้มอาจส่งผลให้เกิดกระดูกหัก หรือบาดเจ็บรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยติดเตียงในระยะยาว

    **ปัญหานี้เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทและสมอง รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับความเสื่อมของกระดูกและข้อต่อ เช่น โรคกระดูกพรุน ซึ่งทำให้กระดูกเปราะและแตกหักง่ายขึ้น การทรงตัวที่ไม่ดีสามารถเกิดจากภาวะหลอดเลือดตีบตันในสมอง หรือภาวะขาดสมดุลในระดับสมองส่วนกลาง**

    3. การกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่
    ปัญหาการควบคุมระบบขับถ่ายเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงความเสื่อมของระบบประสาทและกล้ามเนื้อในร่างกาย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเตียงได้

    **สาเหตุของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มักเกิดจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน หรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อในระบบขับถ่ายได้อย่างเต็มที่**

    (ข้อมูลอ้างอิงจาก World Health Organization, National Institutes of Health, และ Mayo Clinic)

    -----------

    #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย คือคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกัน สาเหตุที่ก่อให้เกิดสัญญาณ ทั้ง 3 อย่างนี้ มีประสิทธิภาพ

    คลอเรลล่าที่ปลอดภัย เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการช่วยกำจัดสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักจากร่างกาย งานวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่าคลอเรลล่าที่ปลอดภัยมีบทบาทในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและปรับปรุงการทำงานของตับและไตได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเสื่อมถอยของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Merchant, 2001), (Jeon et al., 2016). นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยในการลดความเสี่ยงของปัญหาการทรงตัวและการล้มที่มักเกิดจากการสะสมของสารพิษในระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Queiroz et al., 2020).

    สำหรับ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย งานวิจัยชี้ว่ามีสาร Phycocyanin ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สารนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อและปัญหาการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการป้องกันภาวะติดเตียง (Bermejo et al., 2008), (Mao et al., 2005). นอกจากนี้ การบริโภคสไปรูลิน่าที่ปลอดภัยยังช่วยส่งเสริมระบบประสาท และป้องกันปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ซึ่งเป็นผลจากความเสื่อมถอยของระบบประสาท (Belay et al., 1993).

    โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง

    เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    3 สัญญาณสำคัญ ที่เตือนว่า มีโอกาส "ติดเตียง" การ #ติดเตียง สำหรับผู้สูงอายุนั้น ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านร่างกาย ที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ต้องมีคนช่วยดูแล ...แต่ยัง อาจก่อให้เกิดปัญหาหนักในทางจิตใจ เพราะอาจทำให้รู้สึกได้ว่า ตนเองไม่มีค่า ต้องเป็นภาระของลูกหลานที่ตนรัก ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าตามมา ดังนั้น ภาวะ "ติดเตียง" จึงเป็นภาวะ "ที่ต้องระวังป้องกัน ปล่อยให้เกิดไม่ได้" เพราะจะบั่นทอน "ความสุข ในวัยเกษียณ" ของคุณจนหมดสิ้น จึงควรต้องจับตาดู 3 สัญญาณ ของร่างกาย เพื่อระวังป้องกัน ดังนี้ 1. ความอ่อนแรงและการเคลื่อนไหวที่ลดลง สัญญาณแรกที่ผู้สูงอายุต้องระวังคือการเคลื่อนไหวที่ลดลง ความอ่อนแรงในกล้ามเนื้อทำให้ผู้สูงอายุเริ่มมีปัญหาในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การลุกจากเตียง การเดิน หรือแม้กระทั่งการนั่งเป็นเวลานาน **การอ่อนแรงของกล้ามเนื้อมักมาจากการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ (Sarcopenia) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อไปตามอายุ นอกจากนี้ การไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ การขาดโปรตีน และโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบหรือโรคเบาหวาน ก็สามารถเป็นปัจจัยสำคัญได้** 2. ปัญหาการทรงตัวและการล้ม สัญญาณเตือนที่สองคือปัญหาการทรงตัว ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะล้ม การล้มอาจส่งผลให้เกิดกระดูกหัก หรือบาดเจ็บรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยติดเตียงในระยะยาว **ปัญหานี้เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทและสมอง รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับความเสื่อมของกระดูกและข้อต่อ เช่น โรคกระดูกพรุน ซึ่งทำให้กระดูกเปราะและแตกหักง่ายขึ้น การทรงตัวที่ไม่ดีสามารถเกิดจากภาวะหลอดเลือดตีบตันในสมอง หรือภาวะขาดสมดุลในระดับสมองส่วนกลาง** 3. การกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่ ปัญหาการควบคุมระบบขับถ่ายเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงความเสื่อมของระบบประสาทและกล้ามเนื้อในร่างกาย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเตียงได้ **สาเหตุของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มักเกิดจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน หรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อในระบบขับถ่ายได้อย่างเต็มที่** (ข้อมูลอ้างอิงจาก World Health Organization, National Institutes of Health, และ Mayo Clinic) ----------- #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย คือคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกัน สาเหตุที่ก่อให้เกิดสัญญาณ ทั้ง 3 อย่างนี้ มีประสิทธิภาพ คลอเรลล่าที่ปลอดภัย เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการช่วยกำจัดสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักจากร่างกาย งานวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่าคลอเรลล่าที่ปลอดภัยมีบทบาทในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและปรับปรุงการทำงานของตับและไตได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเสื่อมถอยของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Merchant, 2001), (Jeon et al., 2016). นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยในการลดความเสี่ยงของปัญหาการทรงตัวและการล้มที่มักเกิดจากการสะสมของสารพิษในระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Queiroz et al., 2020). สำหรับ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย งานวิจัยชี้ว่ามีสาร Phycocyanin ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สารนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อและปัญหาการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการป้องกันภาวะติดเตียง (Bermejo et al., 2008), (Mao et al., 2005). นอกจากนี้ การบริโภคสไปรูลิน่าที่ปลอดภัยยังช่วยส่งเสริมระบบประสาท และป้องกันปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ซึ่งเป็นผลจากความเสื่อมถอยของระบบประสาท (Belay et al., 1993). โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21/10/67

    อย่ามองว่าคนในบ้านเป็นภาระ
    ที่ทำให้คุณต้องเหนื่อย
    เพราะถ้าคุณเป็นเสาหลักของบ้าน
    หมายถึงคุณมีหัวใจยิ่งใหญ่
    และมีภาระอันหนักอึ้ง

    คุณคือคนพิเศษ
    ที่มีโอกาสได้ดูแลคนอื่น
    แม้จะหนัก เหนื่อย อ่อนล้า กดดัน
    เพื่อหาเงินให้ทุกคนในบ้านรอด

    แต่คุณจงภูมิใจเถอะ
    เพราะหน้าที่นี้.. ไม่ใช่ใครก็ทำได้
    แต่ต้องเป็นคนพิเศษ
    คนที่มีหัวใจยิ่งใหญ่จริงๆเท่านั้น
    ถึงจะทำมันได้ดี

    ทุกความดีที่เราทำ
    ตามกฎของธรรมชาติ
    จะเหวี่ยงสิ่งดีๆมาตอบแทนเราเสมอ
    ในเวลาที่เหมาะสม

    จงสู้ต่อไป... ถึงแม้จะเหนื่อย
    ขอให้ครอบครัวสุขสบายก็พอ

    เป็นกำลังใจให้เสาหลักทุกคน❤️

    #จำไว้นะลูก
    #เพจจำไว้นะลูก
    21/10/67 อย่ามองว่าคนในบ้านเป็นภาระ ที่ทำให้คุณต้องเหนื่อย เพราะถ้าคุณเป็นเสาหลักของบ้าน หมายถึงคุณมีหัวใจยิ่งใหญ่ และมีภาระอันหนักอึ้ง คุณคือคนพิเศษ ที่มีโอกาสได้ดูแลคนอื่น แม้จะหนัก เหนื่อย อ่อนล้า กดดัน เพื่อหาเงินให้ทุกคนในบ้านรอด แต่คุณจงภูมิใจเถอะ เพราะหน้าที่นี้.. ไม่ใช่ใครก็ทำได้ แต่ต้องเป็นคนพิเศษ คนที่มีหัวใจยิ่งใหญ่จริงๆเท่านั้น ถึงจะทำมันได้ดี ทุกความดีที่เราทำ ตามกฎของธรรมชาติ จะเหวี่ยงสิ่งดีๆมาตอบแทนเราเสมอ ในเวลาที่เหมาะสม จงสู้ต่อไป... ถึงแม้จะเหนื่อย ขอให้ครอบครัวสุขสบายก็พอ เป็นกำลังใจให้เสาหลักทุกคน❤️ #จำไว้นะลูก #เพจจำไว้นะลูก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 โรคพบบ่อยในไทย ที่อาจทำให้ชีวิตเกษียณของคุณ *หมดความสุข*

    เมื่อถึงวัยเกษียณ หลายคนมองไปถึงการใช้ชีวิตที่ปกติ สงบสุข ได้ไปเที่ยว ออกไปเรียนรู้กับคนที่รัก

    ... แต่ในความเป็นจริง โรคเรื้อรังต่างๆ ที่เกิดจากความเสื่อมที่สะสมอยู่ในร่างกายก่อนแล้ว แต่มาแสดงอาการในวัยสูงอายุ! สามารถทำให้ชีวิตที่เราอยากได้นั้น หายไปทันที และ กลับกลายเป็น #ภาระ ให้กับคนที่อยู่ด้วย ให้กับคนรักแทน

    สามโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุหลังเกษียณในประเทศไทย ที่มีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต มีดังนี้

    1. #โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease)
    โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้สูงอายุในประเทศไทย และมักเกิดจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำให้เกิดการตีบตัน

    **โรคนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนล้าและหายใจลำบากเท่านั้น แต่ยังทำให้ความสามารถในการทำกิจกรรมประจำวันลดลงอีกด้วย**

    2. #โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes)
    โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ และมักทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ, โรคไต และปัญหาเส้นประสาท

    **โรคนี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมพลังงานและการใช้ชีวิตได้ตามปกติ**

    3. #โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
    ความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดสมองได้

    **ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมักรู้สึกเหนื่อยง่าย และอาจไม่สามารถทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานได้ตามปกติ**

    (ข้อมูลอ้างอิงจาก WHO Extranet ,BioMed Central, World Bank)

    -------

    #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย คือคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกัน โรคหัวใจ, เบาหวานชนิดที่ 2, และความดันโลหิตสูงได้อย่าง มีประสิทธิภาพ

    เนื่องจาก คลอเรลล่าที่ปลอดภัย ทำหน้าที่สะสางสารพิษโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตและอินซูลิน การกำจัดสารพิษนี้ช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและควบคุมความดันโลหิต (Shim et al., 2008)

    ส่วน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีสาร Phycocyanin ที่ช่วยลดการอักเสบระดับเซลล์และป้องกันการสะสมไขมันในหลอดเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Puyfoulhoux et al., 2001; Vazquez et al., 2013)

    โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง

    เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    3 โรคพบบ่อยในไทย ที่อาจทำให้ชีวิตเกษียณของคุณ *หมดความสุข* เมื่อถึงวัยเกษียณ หลายคนมองไปถึงการใช้ชีวิตที่ปกติ สงบสุข ได้ไปเที่ยว ออกไปเรียนรู้กับคนที่รัก ... แต่ในความเป็นจริง โรคเรื้อรังต่างๆ ที่เกิดจากความเสื่อมที่สะสมอยู่ในร่างกายก่อนแล้ว แต่มาแสดงอาการในวัยสูงอายุ! สามารถทำให้ชีวิตที่เราอยากได้นั้น หายไปทันที และ กลับกลายเป็น #ภาระ ให้กับคนที่อยู่ด้วย ให้กับคนรักแทน สามโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุหลังเกษียณในประเทศไทย ที่มีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต มีดังนี้ 1. #โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้สูงอายุในประเทศไทย และมักเกิดจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำให้เกิดการตีบตัน **โรคนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนล้าและหายใจลำบากเท่านั้น แต่ยังทำให้ความสามารถในการทำกิจกรรมประจำวันลดลงอีกด้วย** 2. #โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes) โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ และมักทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ, โรคไต และปัญหาเส้นประสาท **โรคนี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมพลังงานและการใช้ชีวิตได้ตามปกติ** 3. #โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) ความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดสมองได้ **ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมักรู้สึกเหนื่อยง่าย และอาจไม่สามารถทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานได้ตามปกติ** (ข้อมูลอ้างอิงจาก WHO Extranet ,BioMed Central, World Bank) ------- #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย คือคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกัน โรคหัวใจ, เบาหวานชนิดที่ 2, และความดันโลหิตสูงได้อย่าง มีประสิทธิภาพ เนื่องจาก คลอเรลล่าที่ปลอดภัย ทำหน้าที่สะสางสารพิษโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตและอินซูลิน การกำจัดสารพิษนี้ช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและควบคุมความดันโลหิต (Shim et al., 2008) ส่วน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีสาร Phycocyanin ที่ช่วยลดการอักเสบระดับเซลล์และป้องกันการสะสมไขมันในหลอดเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Puyfoulhoux et al., 2001; Vazquez et al., 2013) โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 โรคพบบ่อยในไทย ที่อาจทำให้ชีวิตเกษียณของคุณ *หมดความสุข*

    เมื่อถึงวัยเกษียณ หลายคนมองไปถึงการใช้ชีวิตที่ปกติ สงบสุข ได้ไปเที่ยว ออกไปเรียนรู้กับคนที่รัก

    ... แต่ในความเป็นจริง โรคเรื้อรังต่างๆ ที่เกิดจากความเสื่อมที่สะสมอยู่ในร่างกายก่อนแล้ว แต่มาแสดงอาการในวัยสูงอายุ! สามารถทำให้ชีวิตที่เราอยากได้นั้น หายไปทันที และ กลับกลายเป็น #ภาระ ให้กับคนที่อยู่ด้วย ให้กับคนรักแทน

    สามโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุหลังเกษียณในประเทศไทย ที่มีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต มีดังนี้

    1. #โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease)
    โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้สูงอายุในประเทศไทย และมักเกิดจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำให้เกิดการตีบตัน

    **โรคนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนล้าและหายใจลำบากเท่านั้น แต่ยังทำให้ความสามารถในการทำกิจกรรมประจำวันลดลงอีกด้วย**

    2. #โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes)
    โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ และมักทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ, โรคไต และปัญหาเส้นประสาท

    **โรคนี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมพลังงานและการใช้ชีวิตได้ตามปกติ**

    3. #โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
    ความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดสมองได้

    **ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมักรู้สึกเหนื่อยง่าย และอาจไม่สามารถทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานได้ตามปกติ**

    (ข้อมูลอ้างอิงจาก WHO Extranet ,BioMed Central, World Bank)

    -------

    #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย คือคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกัน โรคหัวใจ, เบาหวานชนิดที่ 2, และความดันโลหิตสูงได้อย่าง มีประสิทธิภาพ

    เนื่องจาก คลอเรลล่าที่ปลอดภัย ทำหน้าที่สะสางสารพิษโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตและอินซูลิน การกำจัดสารพิษนี้ช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและควบคุมความดันโลหิต (Shim et al., 2008)

    ส่วน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีสาร Phycocyanin ที่ช่วยลดการอักเสบระดับเซลล์และป้องกันการสะสมไขมันในหลอดเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Puyfoulhoux et al., 2001; Vazquez et al., 2013)

    โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง

    เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    3 โรคพบบ่อยในไทย ที่อาจทำให้ชีวิตเกษียณของคุณ *หมดความสุข* เมื่อถึงวัยเกษียณ หลายคนมองไปถึงการใช้ชีวิตที่ปกติ สงบสุข ได้ไปเที่ยว ออกไปเรียนรู้กับคนที่รัก ... แต่ในความเป็นจริง โรคเรื้อรังต่างๆ ที่เกิดจากความเสื่อมที่สะสมอยู่ในร่างกายก่อนแล้ว แต่มาแสดงอาการในวัยสูงอายุ! สามารถทำให้ชีวิตที่เราอยากได้นั้น หายไปทันที และ กลับกลายเป็น #ภาระ ให้กับคนที่อยู่ด้วย ให้กับคนรักแทน สามโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุหลังเกษียณในประเทศไทย ที่มีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต มีดังนี้ 1. #โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้สูงอายุในประเทศไทย และมักเกิดจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำให้เกิดการตีบตัน **โรคนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนล้าและหายใจลำบากเท่านั้น แต่ยังทำให้ความสามารถในการทำกิจกรรมประจำวันลดลงอีกด้วย** 2. #โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes) โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ และมักทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ, โรคไต และปัญหาเส้นประสาท **โรคนี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมพลังงานและการใช้ชีวิตได้ตามปกติ** 3. #โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) ความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดสมองได้ **ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมักรู้สึกเหนื่อยง่าย และอาจไม่สามารถทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานได้ตามปกติ** (ข้อมูลอ้างอิงจาก WHO Extranet ,BioMed Central, World Bank) ------- #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย คือคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกัน โรคหัวใจ, เบาหวานชนิดที่ 2, และความดันโลหิตสูงได้อย่าง มีประสิทธิภาพ เนื่องจาก คลอเรลล่าที่ปลอดภัย ทำหน้าที่สะสางสารพิษโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตและอินซูลิน การกำจัดสารพิษนี้ช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและควบคุมความดันโลหิต (Shim et al., 2008) ส่วน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีสาร Phycocyanin ที่ช่วยลดการอักเสบระดับเซลล์และป้องกันการสะสมไขมันในหลอดเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Puyfoulhoux et al., 2001; Vazquez et al., 2013) โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนนายกฯครั้งที่ 5 ! นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า
    จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรื่องกองทุนวายุภักษ์ ๑

    ด่วนที่สุด

    วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗

    เรื่อง กองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ อาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย (ฉบับที่ ๖)

    เรียน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

    ตามที่ข้าพเจ้าได้มีหนังสือ ๕ ฉบับ ฉบับหลังสุดลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ๕) ร้องเรียนกรณีกระทรวงการคลังประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) วงเงิน ๑.๕ แสนล้านบาท ในวันที่ ๑๖-๒๐ กันยายนนี้ และให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ ๑๘-๒๐ กันยายนนี้

    ซึ่งข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย นั้น

    ข้าพเจ้าขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ดังนี้

    ๑. พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑

    “มาตรา ๒๘ การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น เพื่อฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม

    ในการมอบหมายตามวรรคหนึ่ง คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผลกระทบต่อการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายนั้น และแนวทางการบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐและผลกระทบจากการดําเนินการดังกล่าว ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ต้องมียอดคงค้างทั้งหมดรวมกันไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการกําหนด

    ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายตามมาตรานี้ ไม่ว่าการมอบหมายนั้นจะเกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือไม่ จัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการนั้น ๆ และแจ้งให้คณะกรรมการและกระทรวงการคลังทราบ”

    ๒. ประเด็นที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย

    เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ได้รับทราบโครงการกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) และโดยที่เงื่อนไขในการประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนฯ

    มีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับผลตอบแทนแต่ละปีไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓ ต่อปี ทั้งจากรายได้แต่ละปี และจากกำไรสะสมของกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และมีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับคืนเงินลงทุนก่อนหน้ากระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข.

    ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า กรณีนี้เข้าข่ายเป็นการที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง”ดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น” ตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘

    ๒.๑ ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลัง

    พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๑๐ กำหนดหน้าที่และอำนาจของกระทรวงการคลังไว้ว่า “กระทรวงการคลัง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการคลังแผ่นดิน การประเมินราคาทรัพย์สิน การบริหารพัสดุภาครัฐ กิจการเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ ทรัพย์สินของแผ่นดิน ภาษีอากร การรัษฎากร กิจการหารายได้ที่รัฐมีอำนาจดำเนินการได้แต่ผู้เดียวตามกฎหมายและไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการอื่น การบริหารหนี้สาธารณะ การบริหารและการพัฒนารัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังหรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงการคลัง”

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลังข้างต้น จึงกระทำมิได้

    ส่วนการที่กองทุนฯ จะแบ่งปันรายได้และกำหนดลำดับสิทธิในการคืนเงินลงทุนนั้น ถึงแม้อาจจะอยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ แต่กองทุนฯ ไม่มีหน้าที่และอำนาจที่ครอบคลุมไปถึงการดำเนินการให้มีผลเป็นการทำให้กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก.

    ๒.๒ คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรคสองของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขภาระที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี

    ๒.๓ อาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า กระทรวงการคลังอาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรตสามของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขประมาณการที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี

    ๓. ขอให้สั่งการแก้ไข

    กรณีที่ถ้าหากท่านตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ท่านมีหน้าที่สั่งการให้แก้ไข และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องโดยพลัน

    จึงขอให้ท่านโปรดพิจารณาว่าการกระทำที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

    ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

    (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
    อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    สำเนาเรียน
    ประธาน ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗
    ประธาน ค.ต.ง. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗
    ประธาน ก.ก.ต. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗“
    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/Ti8aaMp5mLUDpy1U/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    เตือนนายกฯครั้งที่ 5 ! นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรื่องกองทุนวายุภักษ์ ๑ ด่วนที่สุด วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ เรื่อง กองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ อาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย (ฉบับที่ ๖) เรียน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่ข้าพเจ้าได้มีหนังสือ ๕ ฉบับ ฉบับหลังสุดลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ๕) ร้องเรียนกรณีกระทรวงการคลังประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) วงเงิน ๑.๕ แสนล้านบาท ในวันที่ ๑๖-๒๐ กันยายนนี้ และให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ ๑๘-๒๐ กันยายนนี้ ซึ่งข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย นั้น ข้าพเจ้าขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ดังนี้ ๑. พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ “มาตรา ๒๘ การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น เพื่อฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม ในการมอบหมายตามวรรคหนึ่ง คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผลกระทบต่อการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายนั้น และแนวทางการบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐและผลกระทบจากการดําเนินการดังกล่าว ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ต้องมียอดคงค้างทั้งหมดรวมกันไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการกําหนด ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายตามมาตรานี้ ไม่ว่าการมอบหมายนั้นจะเกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือไม่ จัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการนั้น ๆ และแจ้งให้คณะกรรมการและกระทรวงการคลังทราบ” ๒. ประเด็นที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ได้รับทราบโครงการกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) และโดยที่เงื่อนไขในการประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนฯ มีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับผลตอบแทนแต่ละปีไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓ ต่อปี ทั้งจากรายได้แต่ละปี และจากกำไรสะสมของกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และมีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับคืนเงินลงทุนก่อนหน้ากระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า กรณีนี้เข้าข่ายเป็นการที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง”ดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น” ตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘ ๒.๑ ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลัง พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๑๐ กำหนดหน้าที่และอำนาจของกระทรวงการคลังไว้ว่า “กระทรวงการคลัง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการคลังแผ่นดิน การประเมินราคาทรัพย์สิน การบริหารพัสดุภาครัฐ กิจการเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ ทรัพย์สินของแผ่นดิน ภาษีอากร การรัษฎากร กิจการหารายได้ที่รัฐมีอำนาจดำเนินการได้แต่ผู้เดียวตามกฎหมายและไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการอื่น การบริหารหนี้สาธารณะ การบริหารและการพัฒนารัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังหรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงการคลัง” ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลังข้างต้น จึงกระทำมิได้ ส่วนการที่กองทุนฯ จะแบ่งปันรายได้และกำหนดลำดับสิทธิในการคืนเงินลงทุนนั้น ถึงแม้อาจจะอยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ แต่กองทุนฯ ไม่มีหน้าที่และอำนาจที่ครอบคลุมไปถึงการดำเนินการให้มีผลเป็นการทำให้กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ๒.๒ คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรคสองของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขภาระที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี ๒.๓ อาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า กระทรวงการคลังอาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรตสามของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขประมาณการที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี ๓. ขอให้สั่งการแก้ไข กรณีที่ถ้าหากท่านตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ท่านมีหน้าที่สั่งการให้แก้ไข และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องโดยพลัน จึงขอให้ท่านโปรดพิจารณาว่าการกระทำที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ขอแสดงความนับถืออย่างสูง (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สำเนาเรียน ประธาน ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗ ประธาน ค.ต.ง. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗ ประธาน ก.ก.ต. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗“ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/Ti8aaMp5mLUDpy1U/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมไม่อยากเป็นแบบพี่เค้านะครับ บางทีผมคงออกหน้าในรายการพี่หนุ่มคงไม่ได้เพราะไม่อยากให้ใครมารู้จักผม กลับคนมาขุดผมไม่ใช่อะไร และผมไม่อยากทำงานในสภาวะที่ เยี่ยงทาส และ ยิ่งกว่าทาส จนเกินไป และผมไม่อยากเป็นภาระพี่กันจอมพลังและพี่หนุมกรรชัยเพราะเรื่องแบบนี้ ผมโดนยึดเงินเดือน และโดนควบคุมการใช้เงิน เพราะข้ออ้างที่ว่ากลัวผมจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย คือไม่เข้าใจผมแล้วใช้ข้ออ้างลวงๆเพื่อควบคุมการใช้จ่ายของผมเพื่ออะไร อยากจะกักขังผมไม่ให้ผมออกนอกลู่นอกทางในแบบที่ผมต้องการแล้วได้เงินดี แต่กลับให้ผมหัดใช้ชีวิตเยี่ยงทาส จะมากเกินไปแล้วนะ ผมจะทะเลาะกับผู้ว่าจ้างจะตายอยู่แล้วจะต้องมาทะเลาะกับคนรอบข้างอีก ตอนกินเจเกือบจะเจแตกเพราะยังเลิกคิดเรื่องนี้ไม่ได้ แต่แค่ไม่ระบายมันออกมาในนี้ แต่บางทีอยากออกรายการคล้ายๆโหนกระแสในช่อง News1 สักวันหนึ่ง เพราะผมเจอเรื่องที่ไม่เป็นธรรมกับผมและความไฝ่ฝันของผมมานานแล้วครับ และกลับถูกตอบแทนด้วยสิ่งที่ Toxic ทั้งกาย วาจา ใจ หลังจากที่ทำเพื่อคนรอบข้างแทบตาย พอกันที ชีวิตทาสในรูปลูกจ้าง ปากบอกว่าทำไปเพราะรัก แต่จิตใจอยากให้ผมเผชิญกับความลำบากเกินความสามารถที่จะตั้งรับ บอกตรงๆ ขอยืนด้วยขาตัวเองดีกว่า โดนบังคับย้ายทะเบียนบ้านเพื่อมาทำงานและให้คนรอบข้างเก็บกั๊กเงินเดือนไว้ และควบคุมการใช้จ่าย การกินของผม แบบนี้ผมผุทั้งกาย วาจา ใจพอดี ผมคงต้องเสียตัวตนในอีกไม่นานนี้เพราะเรื่องแค่นี้ ผมขอทำใจให้สงบและผ่านเรื่องนี้ด้วยกัน พรุ่งนี้จะทวงด้วยเหตุผลที่พอจะฟังได้ ถ้าเขาไม่ฟัง ผมขอแยกทาง จบ ครับ
    ผมไม่อยากเป็นแบบพี่เค้านะครับ บางทีผมคงออกหน้าในรายการพี่หนุ่มคงไม่ได้เพราะไม่อยากให้ใครมารู้จักผม กลับคนมาขุดผมไม่ใช่อะไร และผมไม่อยากทำงานในสภาวะที่ เยี่ยงทาส และ ยิ่งกว่าทาส จนเกินไป และผมไม่อยากเป็นภาระพี่กันจอมพลังและพี่หนุมกรรชัยเพราะเรื่องแบบนี้ ผมโดนยึดเงินเดือน และโดนควบคุมการใช้เงิน เพราะข้ออ้างที่ว่ากลัวผมจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย คือไม่เข้าใจผมแล้วใช้ข้ออ้างลวงๆเพื่อควบคุมการใช้จ่ายของผมเพื่ออะไร อยากจะกักขังผมไม่ให้ผมออกนอกลู่นอกทางในแบบที่ผมต้องการแล้วได้เงินดี แต่กลับให้ผมหัดใช้ชีวิตเยี่ยงทาส จะมากเกินไปแล้วนะ ผมจะทะเลาะกับผู้ว่าจ้างจะตายอยู่แล้วจะต้องมาทะเลาะกับคนรอบข้างอีก ตอนกินเจเกือบจะเจแตกเพราะยังเลิกคิดเรื่องนี้ไม่ได้ แต่แค่ไม่ระบายมันออกมาในนี้ แต่บางทีอยากออกรายการคล้ายๆโหนกระแสในช่อง News1 สักวันหนึ่ง เพราะผมเจอเรื่องที่ไม่เป็นธรรมกับผมและความไฝ่ฝันของผมมานานแล้วครับ และกลับถูกตอบแทนด้วยสิ่งที่ Toxic ทั้งกาย วาจา ใจ หลังจากที่ทำเพื่อคนรอบข้างแทบตาย พอกันที ชีวิตทาสในรูปลูกจ้าง ปากบอกว่าทำไปเพราะรัก แต่จิตใจอยากให้ผมเผชิญกับความลำบากเกินความสามารถที่จะตั้งรับ บอกตรงๆ ขอยืนด้วยขาตัวเองดีกว่า โดนบังคับย้ายทะเบียนบ้านเพื่อมาทำงานและให้คนรอบข้างเก็บกั๊กเงินเดือนไว้ และควบคุมการใช้จ่าย การกินของผม แบบนี้ผมผุทั้งกาย วาจา ใจพอดี ผมคงต้องเสียตัวตนในอีกไม่นานนี้เพราะเรื่องแค่นี้ ผมขอทำใจให้สงบและผ่านเรื่องนี้ด้วยกัน พรุ่งนี้จะทวงด้วยเหตุผลที่พอจะฟังได้ ถ้าเขาไม่ฟัง ผมขอแยกทาง จบ ครับ
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=4V_JpxDqfM4
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาที่สนามบิน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #basiclistening

    The conversations from the clip :

    Staff: Good afternoon! May I see your ticket and passport, please?
    Passenger: Sure, here you go.
    Staff: Thank you. Are you checking in any bags today?
    Passenger: Yes, I have one suitcase to check in.
    Staff: Great. Please place it on the scale.
    Passenger: No problem. Is it within the weight limit?
    Staff: Yes, it’s under the limit. You’re all set with your baggage. Here’s your boarding pass.
    Passenger: Thanks! What gate do I need to go to?
    Staff: You’ll be departing from Gate 12. It’s just down this hallway to the right.
    Passenger: Got it. And when does boarding start?
    Staff: Boarding will begin at 3:30 PM, so you have about 45 minutes.
    Passenger: Perfect! Is there a coffee shop nearby?
    Staff: Yes, there’s one just around the corner on your left.
    Passenger: Thanks for your help!
    Staff: You’re welcome! Have a safe flight!

    เจ้าหน้าที่: สวัสดีตอนบ่าย! ขอดูตั๋วและหนังสือเดินทางของคุณได้ไหมครับ?
    ผู้โดยสาร: แน่นอนค่ะ นี่เลย
    เจ้าหน้าที่: ขอบคุณครับ วันนี้คุณมีสัมภาระที่จะเช็คอินไหมครับ?
    ผู้โดยสาร: ใช่ค่ะ มีกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งที่จะเช็คอิน
    เจ้าหน้าที่: ดีมากครับ กรุณาวางกระเป๋าบนตาชั่ง
    ผู้โดยสาร: ไม่มีปัญหาค่ะ มันอยู่ในขีดจำกัดน้ำหนักไหมค่ะ?
    เจ้าหน้าที่: ใช่ครับ มันต่ำกว่าขีดจำกัด คุณพร้อมกับสัมภาระแล้ว นี่คือบัตรขึ้นเครื่องของคุณ
    ผู้โดยสาร: ขอบคุณค่ะ แล้วต้องไปที่ประตูไหนค่ะ?
    เจ้าหน้าที่: คุณจะออกจากประตู 12 ครับ มันอยู่ที่ปลายทางเดินนี้ทางขวา
    ผู้โดยสาร: ได้ครับ แล้วการขึ้นเครื่องเริ่มเมื่อไหร่ค่ะ?
    เจ้าหน้าที่: การขึ้นเครื่องจะเริ่มตอน 15:30 น. ดังนั้นคุณมีเวลาประมาณ 45 นาที
    ผู้โดยสาร: เยี่ยมเลย! มีร้านกาแฟใกล้ ๆ ไหมค่ะ?
    เจ้าหน้าที่: ใช่ครับ มีร้านหนึ่งอยู่ตรงมุมนี้ทางซ้าย
    ผู้โดยสาร: ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือค่ะ!
    เจ้าหน้าที่: ยินดีครับ ขอให้คุณเดินทางโดยสวัสดิภาพ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Ticket (ทิค-เก็ท) n. แปลว่า ตั๋ว
    Passport (พาส-พอร์ต) n. แปลว่า หนังสือเดินทาง
    Check-in (เช็ค-อิน) v. แปลว่า เช็คอิน, ฝากกระเป๋า
    Suitcase (ซูท-เคส) n. แปลว่า กระเป๋าเดินทาง
    Scale (สเกล) n. แปลว่า เครื่องชั่ง
    Weight limit (เวท ลิม-มิท) n. แปลว่า ขีดจำกัดน้ำหนัก
    Baggage (แบก-เกจ) n. แปลว่า สัมภาระ
    Boarding pass (บอร์ด-ดิง พาส) n. แปลว่า บัตรขึ้นเครื่อง
    Gate (เกท) n. แปลว่า ประตูทางขึ้นเครื่อง
    Hallway (ฮอล-เวย์) n. แปลว่า ทางเดิน
    Departing (ดี-พาร์ท-ทิง) v. แปลว่า ออกเดินทาง
    Boarding (บอร์ด-ดิง) v. แปลว่า ขึ้นเครื่อง
    Nearby (เนียร์-บาย) adj. แปลว่า ใกล้เคียง
    Corner (คอร์-เนอร์) n. แปลว่า มุม
    Flight (ไฟลท์) n. แปลว่า เที่ยวบิน
    https://www.youtube.com/watch?v=4V_JpxDqfM4 (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาที่สนามบิน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #basiclistening The conversations from the clip : Staff: Good afternoon! May I see your ticket and passport, please? Passenger: Sure, here you go. Staff: Thank you. Are you checking in any bags today? Passenger: Yes, I have one suitcase to check in. Staff: Great. Please place it on the scale. Passenger: No problem. Is it within the weight limit? Staff: Yes, it’s under the limit. You’re all set with your baggage. Here’s your boarding pass. Passenger: Thanks! What gate do I need to go to? Staff: You’ll be departing from Gate 12. It’s just down this hallway to the right. Passenger: Got it. And when does boarding start? Staff: Boarding will begin at 3:30 PM, so you have about 45 minutes. Passenger: Perfect! Is there a coffee shop nearby? Staff: Yes, there’s one just around the corner on your left. Passenger: Thanks for your help! Staff: You’re welcome! Have a safe flight! เจ้าหน้าที่: สวัสดีตอนบ่าย! ขอดูตั๋วและหนังสือเดินทางของคุณได้ไหมครับ? ผู้โดยสาร: แน่นอนค่ะ นี่เลย เจ้าหน้าที่: ขอบคุณครับ วันนี้คุณมีสัมภาระที่จะเช็คอินไหมครับ? ผู้โดยสาร: ใช่ค่ะ มีกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งที่จะเช็คอิน เจ้าหน้าที่: ดีมากครับ กรุณาวางกระเป๋าบนตาชั่ง ผู้โดยสาร: ไม่มีปัญหาค่ะ มันอยู่ในขีดจำกัดน้ำหนักไหมค่ะ? เจ้าหน้าที่: ใช่ครับ มันต่ำกว่าขีดจำกัด คุณพร้อมกับสัมภาระแล้ว นี่คือบัตรขึ้นเครื่องของคุณ ผู้โดยสาร: ขอบคุณค่ะ แล้วต้องไปที่ประตูไหนค่ะ? เจ้าหน้าที่: คุณจะออกจากประตู 12 ครับ มันอยู่ที่ปลายทางเดินนี้ทางขวา ผู้โดยสาร: ได้ครับ แล้วการขึ้นเครื่องเริ่มเมื่อไหร่ค่ะ? เจ้าหน้าที่: การขึ้นเครื่องจะเริ่มตอน 15:30 น. ดังนั้นคุณมีเวลาประมาณ 45 นาที ผู้โดยสาร: เยี่ยมเลย! มีร้านกาแฟใกล้ ๆ ไหมค่ะ? เจ้าหน้าที่: ใช่ครับ มีร้านหนึ่งอยู่ตรงมุมนี้ทางซ้าย ผู้โดยสาร: ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือค่ะ! เจ้าหน้าที่: ยินดีครับ ขอให้คุณเดินทางโดยสวัสดิภาพ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Ticket (ทิค-เก็ท) n. แปลว่า ตั๋ว Passport (พาส-พอร์ต) n. แปลว่า หนังสือเดินทาง Check-in (เช็ค-อิน) v. แปลว่า เช็คอิน, ฝากกระเป๋า Suitcase (ซูท-เคส) n. แปลว่า กระเป๋าเดินทาง Scale (สเกล) n. แปลว่า เครื่องชั่ง Weight limit (เวท ลิม-มิท) n. แปลว่า ขีดจำกัดน้ำหนัก Baggage (แบก-เกจ) n. แปลว่า สัมภาระ Boarding pass (บอร์ด-ดิง พาส) n. แปลว่า บัตรขึ้นเครื่อง Gate (เกท) n. แปลว่า ประตูทางขึ้นเครื่อง Hallway (ฮอล-เวย์) n. แปลว่า ทางเดิน Departing (ดี-พาร์ท-ทิง) v. แปลว่า ออกเดินทาง Boarding (บอร์ด-ดิง) v. แปลว่า ขึ้นเครื่อง Nearby (เนียร์-บาย) adj. แปลว่า ใกล้เคียง Corner (คอร์-เนอร์) n. แปลว่า มุม Flight (ไฟลท์) n. แปลว่า เที่ยวบิน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣️ สุริยะโยนภาระให้ประชาชน แก้ปัญหาแบบสิ้นคิด อ้างคิดค่าธรรมเนียมรถติดคันละ 40 - 50 บาท เส้นสุขุมวิท สีลม รัชดา เพื่อปล้นเงินประชาชนไปซื้อคืนกิจการรถไฟฟ้า แล้วค่อยมาคิดค่าโดยสาร 20 บาท ถถถถถถถถถ
    #7ดอกจิก
    #สุริยะ
    ♣️ สุริยะโยนภาระให้ประชาชน แก้ปัญหาแบบสิ้นคิด อ้างคิดค่าธรรมเนียมรถติดคันละ 40 - 50 บาท เส้นสุขุมวิท สีลม รัชดา เพื่อปล้นเงินประชาชนไปซื้อคืนกิจการรถไฟฟ้า แล้วค่อยมาคิดค่าโดยสาร 20 บาท ถถถถถถถถถ #7ดอกจิก #สุริยะ
    Angry
    Haha
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยแพร่ข้อมูล
    หนี้ครัวเรือนปี 2567 อาจชะลอลงมาที่
    88.5-89.5% ต่อจีดีพี

    🚩โดยหนี้ครัวเรือนไทยชะลอลงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565
    (ล่าสุด ไตรมาส 2/2567 เติบโตเพียง 1.3% ปีต่อปี
    นับเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุด ในสถิติข้อมูลหนี้ครัวเรือน
    ที่ย้อนหลังได้ถึงปี 2546

    🚩สะท้อน 4 เรื่องหลัก ได้แก่ หนี้รถทยอยหดตัว
    สินเชื่อบ้านโตช้า แต่หนี้เพื่ออุปโภคบริโภคอื่นๆ
    ที่ไม่ใช่บัตรเครดิ ตและสินเชื่อส่วนบุคคลยังเติบโต
    และหนี้จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่แบงก์ และ SFIs
    ทยอยเพิ่มสูงขึ้น

    🚩ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า หนี้ครัวเรือนไทย
    อาจเติบโตต่ำกว่า 1.0% ในปี 2567 เนื่องจาก
    เศรษฐกิจในภาพรวมยังมีสัญญาณฟื้นตัวช้า
    ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือน
    และความสามารถในการก่อหนี้ก้อนใหม่

    🚩ซึ่งทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับทบทวน
    ประมาณการสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีปี 2567
    ลงมาที่กรอบ 88.5-89.5%

    🚩อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากผลสำรวจหนี้สินครัวเรือน
    ประจำไตรมาส 3/2567 ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย
    พบว่า ครัวเรือนในแต่ละกลุ่มระดับรายได้
    มีความสามารถในการรับมือกับภาระหนี้ที่แตกต่างกัน

    🚩ดังนั้นการลดลงของสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี
    ในภาพใหญ่ของทั้งประเทศ จึงไม่อาจสะท้อนว่า
    ภาระหนี้สินและปัญหาการชำระหนี้ในระดับครัวเรือน
    จะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นตามในทันที

    ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #หนี้ครัวเรือนไทย
    #thaitimes
    💥💥ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยแพร่ข้อมูล หนี้ครัวเรือนปี 2567 อาจชะลอลงมาที่ 88.5-89.5% ต่อจีดีพี 🚩โดยหนี้ครัวเรือนไทยชะลอลงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 (ล่าสุด ไตรมาส 2/2567 เติบโตเพียง 1.3% ปีต่อปี นับเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุด ในสถิติข้อมูลหนี้ครัวเรือน ที่ย้อนหลังได้ถึงปี 2546 🚩สะท้อน 4 เรื่องหลัก ได้แก่ หนี้รถทยอยหดตัว สินเชื่อบ้านโตช้า แต่หนี้เพื่ออุปโภคบริโภคอื่นๆ ที่ไม่ใช่บัตรเครดิ ตและสินเชื่อส่วนบุคคลยังเติบโต และหนี้จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่แบงก์ และ SFIs ทยอยเพิ่มสูงขึ้น 🚩ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า หนี้ครัวเรือนไทย อาจเติบโตต่ำกว่า 1.0% ในปี 2567 เนื่องจาก เศรษฐกิจในภาพรวมยังมีสัญญาณฟื้นตัวช้า ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือน และความสามารถในการก่อหนี้ก้อนใหม่ 🚩ซึ่งทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับทบทวน ประมาณการสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีปี 2567 ลงมาที่กรอบ 88.5-89.5% 🚩อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากผลสำรวจหนี้สินครัวเรือน ประจำไตรมาส 3/2567 ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ครัวเรือนในแต่ละกลุ่มระดับรายได้ มีความสามารถในการรับมือกับภาระหนี้ที่แตกต่างกัน 🚩ดังนั้นการลดลงของสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ในภาพใหญ่ของทั้งประเทศ จึงไม่อาจสะท้อนว่า ภาระหนี้สินและปัญหาการชำระหนี้ในระดับครัวเรือน จะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นตามในทันที ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย #หุ้นติดดอย #การลงทุน #หนี้ครัวเรือนไทย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.50 เป็นร้อยละ 2.25 ต่อปี โดยให้มีผลทันที

    16 ตุลาคม 2567-รายงานผลการประชุม กนง. ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567 ด้านกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้มีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ เห็นว่าจุดยืนของนโยบายการเงินที่เป็นกลางยังเหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปีในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ได้บ้าง โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงอยู่ในระดับที่ยังเป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ ขณะที่กรรมการ 2 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว รวมถึงการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า

    เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 2.7 และ 2.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชนซึ่งได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งออกที่ปรับดีขึ้นตามความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เศรษฐกิจฟื้นตัวแตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน โดยการส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมบางกลุ่ม รวมถึง SMEs ยังถูกกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง

    อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 และ 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ 1.2 ตามลำดับ โดยอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากสภาพอากาศที่ผันผวน และอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากผลของฐาน ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ 0.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง อาทิ การแข่งขันด้านราคาที่อยู่ในระดับสูงจากสินค้านำเข้า ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับกรอบเป้าหมาย และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567

    ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นบ้าง อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์ สรอ. ปรับแข็งค่า ตามทิศทางนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักและปัจจัยเฉพาะในประเทศ ด้านต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนผ่านธนาคารพาณิชย์และตลาดตราสารหนี้ยังทรงตัวใกล้เคียงเดิม สินเชื่อโดยรวมชะลอลง โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ SMEs กลุ่มธุรกิจที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมทั้งสินเชื่อเช่าซื้อและบัตรเครดิต ด้านคุณภาพสินเชื่อปรับด้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากลูกหนี้ที่เคยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินในช่วงที่ผ่านมา และธุรกิจ SMEs และครัวเรือนที่รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีภาระหนี้สูง คณะกรรมการฯ ยังสนับสนุนนโยบายของ ธปท. ที่ให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาภาระหนี้ที่ตรงจุดและมีส่วนช่วยกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ ทั้งนี้ ต้องติดตามผลกระทบของคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงต่อต้นทุนการกู้ยืมและการขยายตัวของสินเชื่อในภาพรวม รวมถึงนัยต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

    ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังควรอยู่ในระดับที่เป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งไม่ต่ำเกินไปจนนำไปสู่การสะสมความไม่สมดุลทางการเงินในระยะยาว

    ธนาคารแห่งประเทศไทย
    16 ตุลาคม 2567

    #Thaitimes
    คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.50 เป็นร้อยละ 2.25 ต่อปี โดยให้มีผลทันที 16 ตุลาคม 2567-รายงานผลการประชุม กนง. ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567 ด้านกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้มีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ เห็นว่าจุดยืนของนโยบายการเงินที่เป็นกลางยังเหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปีในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ได้บ้าง โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงอยู่ในระดับที่ยังเป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ ขณะที่กรรมการ 2 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว รวมถึงการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 2.7 และ 2.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชนซึ่งได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งออกที่ปรับดีขึ้นตามความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เศรษฐกิจฟื้นตัวแตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน โดยการส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมบางกลุ่ม รวมถึง SMEs ยังถูกกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 และ 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ 1.2 ตามลำดับ โดยอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากสภาพอากาศที่ผันผวน และอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากผลของฐาน ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ 0.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง อาทิ การแข่งขันด้านราคาที่อยู่ในระดับสูงจากสินค้านำเข้า ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับกรอบเป้าหมาย และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567 ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นบ้าง อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์ สรอ. ปรับแข็งค่า ตามทิศทางนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักและปัจจัยเฉพาะในประเทศ ด้านต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนผ่านธนาคารพาณิชย์และตลาดตราสารหนี้ยังทรงตัวใกล้เคียงเดิม สินเชื่อโดยรวมชะลอลง โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ SMEs กลุ่มธุรกิจที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมทั้งสินเชื่อเช่าซื้อและบัตรเครดิต ด้านคุณภาพสินเชื่อปรับด้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากลูกหนี้ที่เคยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินในช่วงที่ผ่านมา และธุรกิจ SMEs และครัวเรือนที่รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีภาระหนี้สูง คณะกรรมการฯ ยังสนับสนุนนโยบายของ ธปท. ที่ให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาภาระหนี้ที่ตรงจุดและมีส่วนช่วยกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ ทั้งนี้ ต้องติดตามผลกระทบของคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงต่อต้นทุนการกู้ยืมและการขยายตัวของสินเชื่อในภาพรวม รวมถึงนัยต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังควรอยู่ในระดับที่เป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งไม่ต่ำเกินไปจนนำไปสู่การสะสมความไม่สมดุลทางการเงินในระยะยาว ธนาคารแห่งประเทศไทย 16 ตุลาคม 2567 #Thaitimes
    Like
    Love
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • มติ กนง. 5 ต่อ 2 ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็นร้อยละ 2.25 ต่อปี มีผลทันที
    .
    วันนี้ (16 ต.ค.) นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ระบุว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.50 เป็นร้อยละ 2.25 ต่อปี โดยให้มีผลทันที
    .
    โดยเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567 ด้านกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ มีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ เห็นว่า จุดยืนของนโยบายการเงินที่เป็นกลางยังเหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ได้บ้าง โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงอยู่ในระดับที่ยังเป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ ขณะที่กรรมการ 2 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว รวมถึงการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า
    .
    เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 2.7 และ 2.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลําดับ โดยมีแรงขับเคลื่อนสําคัญมาจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งออกที่ปรับดีขึ้นตามความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เศรษฐกิจฟื้นตัวแตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน โดยการส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมบางกลุ่ม รวมถึง SMEs ยังถูกกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง
    .
    อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 และ 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ 1.2 ตามลําดับ โดยอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากสภาพอากาศที่ผันผวน และอัตราเงินเฟ้อ หมวดพลังงานมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากผลของฐาน ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ 0.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลําดับ โดยอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง อาทิ การแข่งขันด้านราคาที่อยู่ในระดับสูงจากสินค้านําเข้า ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับกรอบเป้าหมาย และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567
    .
    ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นบ้าง อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับแข็งค่า ตามทิศทางนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก และปัจจัยเฉพาะในประเทศ ด้านต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนผ่านธนาคารพาณิชย์และตลาดตราสารหนี้ยังทรงตัวใกล้เคียงเดิม สินเชื่อโดยรวมชะลอลง โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ SMEs กลุ่มธุรกิจที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมทั้งสินเชื่อเช่าซื้อและบัตรเครดิต ด้านคุณภาพสินเชื่อปรับน้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากลูกหนี้ที่เคยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินในช่วงที่ผ่านมา และธุรกิจ SMEs และครัวเรือนที่รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีภาระหนี้สูง คณะกรรมการฯ ยังสนับสนุน นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาภาระหนี้ที่ตรงจุด และมีส่วนช่วยกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ ทั้งนี้ ต้องติดตามผลกระทบของคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงต่อต้นทุนการกู้ยืมและการขยายตัวของสินเชื่อในภาพรวม รวมถึงนัยต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
    .
    ภายใต้กรอบการดําเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังควรอยู่ในระดับที่เป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งไม่ต่ำเกินไปจนนําไปสู่การสะสมความไม่สมดุลทางการเงินในระยะยาว
    .............
    Sondhi X
    มติ กนง. 5 ต่อ 2 ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็นร้อยละ 2.25 ต่อปี มีผลทันที . วันนี้ (16 ต.ค.) นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ระบุว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.50 เป็นร้อยละ 2.25 ต่อปี โดยให้มีผลทันที . โดยเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567 ด้านกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ มีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ เห็นว่า จุดยืนของนโยบายการเงินที่เป็นกลางยังเหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ได้บ้าง โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงอยู่ในระดับที่ยังเป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ ขณะที่กรรมการ 2 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว รวมถึงการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า . เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 2.7 และ 2.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลําดับ โดยมีแรงขับเคลื่อนสําคัญมาจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งออกที่ปรับดีขึ้นตามความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เศรษฐกิจฟื้นตัวแตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน โดยการส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมบางกลุ่ม รวมถึง SMEs ยังถูกกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง . อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 และ 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ 1.2 ตามลําดับ โดยอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากสภาพอากาศที่ผันผวน และอัตราเงินเฟ้อ หมวดพลังงานมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากผลของฐาน ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ 0.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลําดับ โดยอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง อาทิ การแข่งขันด้านราคาที่อยู่ในระดับสูงจากสินค้านําเข้า ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับกรอบเป้าหมาย และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2567 . ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นบ้าง อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับแข็งค่า ตามทิศทางนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก และปัจจัยเฉพาะในประเทศ ด้านต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนผ่านธนาคารพาณิชย์และตลาดตราสารหนี้ยังทรงตัวใกล้เคียงเดิม สินเชื่อโดยรวมชะลอลง โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ SMEs กลุ่มธุรกิจที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมทั้งสินเชื่อเช่าซื้อและบัตรเครดิต ด้านคุณภาพสินเชื่อปรับน้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากลูกหนี้ที่เคยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินในช่วงที่ผ่านมา และธุรกิจ SMEs และครัวเรือนที่รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีภาระหนี้สูง คณะกรรมการฯ ยังสนับสนุน นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาภาระหนี้ที่ตรงจุด และมีส่วนช่วยกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ ทั้งนี้ ต้องติดตามผลกระทบของคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงต่อต้นทุนการกู้ยืมและการขยายตัวของสินเชื่อในภาพรวม รวมถึงนัยต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ . ภายใต้กรอบการดําเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังควรอยู่ในระดับที่เป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งไม่ต่ำเกินไปจนนําไปสู่การสะสมความไม่สมดุลทางการเงินในระยะยาว ............. Sondhi X
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 691 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣️ เป็นรัฐมนตรีได้ยังไงก่อน โชว์ไอเดียวิบัติ สร้างความบรรลัย คิดใช้เงินฟาด หัวให้คนผลิตลูก เพิ่มภาระกองทุนประกันสังคม เพิ่มภาระผู้สูงอายุต้องมาเลี้ยงหลาน เพิ่มปัญหาสังคมในอนาคต และกว่าจะเพิ่มจำนวนแรงงาน ต้องรอเกือบ20ปี โลกคงใช้หุ่นยนต์ - แอปพลิเคชั่น ทำงานแทนมนุษย์เกือบหมดแล้ว
    #7ดอกจิก
    ♣️ เป็นรัฐมนตรีได้ยังไงก่อน โชว์ไอเดียวิบัติ สร้างความบรรลัย คิดใช้เงินฟาด หัวให้คนผลิตลูก เพิ่มภาระกองทุนประกันสังคม เพิ่มภาระผู้สูงอายุต้องมาเลี้ยงหลาน เพิ่มปัญหาสังคมในอนาคต และกว่าจะเพิ่มจำนวนแรงงาน ต้องรอเกือบ20ปี โลกคงใช้หุ่นยนต์ - แอปพลิเคชั่น ทำงานแทนมนุษย์เกือบหมดแล้ว #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15-10-67/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.87 ชื่อตอน "WE WILL ROCK U(FCUK JEWS BASTARD)" กลัวตาย แต่ไม่อยากเสียอำนาจ ทำไงดีล่ะ? ไปตายห่าเถิด เค้ารอขยี้มรึงอยู่ ดีออก? JOHN KIM ลั่น งวดนี้เอาจริง สั่งบรรจุกระสุนปืนใหญ่ไม่อั้น เตรียมถล่มโซล กูยิ่งคันไม้ คันมืออยู่ จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตัวเอง หรือจะร่วมกับกูไปฆ่าไอ้อีเหี้ยที่ทำแผ่นดินมรึงแตกดีล่ะ? อีโสมขาวหน้าโง่ เสพอารยธรรมตะวันตก ถูกล้างสมองซะคิดว่า มันยกมรึงเป็นชนชั้นเดียวกับเหี้ยมัน หัวดำในสายตาเหี้ยเป็นแค่ "ทาส" และขั้วใหม่จะขยี้ไอ้หัวทองทั้งหลายที่หลงตัวเอง เป็นแค่ขี้ข้าซาตาน อย่าริยกตัวเป็นเทพ เดี๋ยวมรึงโดนกูแน่! แยกสเปซี่โลกกันไปเลย หลงตัวเองไปอยู่กับเหี้ย อยู่ร่วมกันได้ไปอยู่กับขั้วใหม่ คนกับสัดเดรัจฉาน ไม่ปะปนกัน สัจธรรม! จีน รัสเซีย ซ้อมรบ ล้อมไต้หวัน ส่งสัญญาน เตรียมเคลียร์ใจแปซิฟิค ใครเสี้ยน ใครห้าวเป้ง ผลลัพธ์คือ? มันคือการเชือดเหี้ยให้เหี้ยดู! ก๊กมินตั๋งรู้ดีว่าจะเจออะไร? แค่อี ไล่ชิงเต๋อ ปากหมา ละครปาหี่ เคาะกะลาขอเงิน ขออาวุธ มันไม่ได้ช่วยอะไรมากดอก? จีน รัสเซีย ยิ่งสบโอกาส อยากเปิดโชว์รูมให้ไต้หวันดู ว่าของจริง มันคนละเรื่องกับที่เหี้ยใช้ กระจอกเทียบไม่ติด! สรุปคือซ้อมรบแค่หน้าฉาก เพราะจะเก็บไต้หวัน 24 ชม.ก็จบแล้ว เอามันมาโปรโมตสินค้าใหม่ ล็อตใหม่ดีกว่ามุย? SHOW ROOM LIVE 2024 ตลาดอาวุธโลกแห่ชมคับคั่ง โดยเฉพาะเหี้ยตะวันตก มรึงมีเหี้ยอะไรซ่อนอยู่ โชว์ออกมา! ล่าสุด ข่าวไม่ตีให้มรึงเห็นดอก รัสเซียไล่ยึดพื้นที่ กินเมืองไปเรื่อย พลร่มดาหน้าลงพื้นบุกเก็บกวาด เก็บงาน สบายตรีน ทหาร NATO ในเครื่องแบบยูเครน เผ่นหางจุกตูดตามเคย "พ่องมา" อียูเครนมันสิ้นสภาพแล้ว ไม่มีอำนาจต่อรองอะไร แค่รอโดนเค้าเขมือบทั้งแผ่นดินเท่านั้นเอง อีสื่อหลอกควายก็ปั่นหาแดร๊กเช้าเย็น NATO เสียกำลังพลไปมากกว่า 30% กับยูเครนที่เดียว หมามุย? จีนแซงหน้าองค์การนาซ่าไม่เห็นฝุ่น หลายคนไม่รู้ NASA ไม่มีความสามารถพอในทุกเรื่องราวโครงการอวกาศอีกต่อไป แม้แต่บริษัทเอกชนยังแซงหน้า ต้องยืมมือคนอื่นหายใจที่แล้วมา ไม่ต้องถามถึงโครงการอวกาศจีน ที่สร้างสถานีอวกาศเอง ขนาดใหญ่สะใจโก๋ จน NASA ต้องมาขอร่วมใช้บริการ จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ไปไกลกว่าที่หลายคนคิด NASA กลายเป็นองค์กรตกต่ำ ไร้น้ำยา ขาดนวตกรรมใหม่เพิ่ม เพราะไม่มีงบ เพราะไม่มีผลงาน แค่ส่งกระสวยอวกาศออกไปนอกโลกยังไม่มีปัญญา ไอ้ที่มรึงเห็นน่ะ มันเก่งแต่จัดฉากเหยียบดวงจันทร์หลอกควายเท่านั้นเอง นี่แหละ ผลงานมาสเตอร์พีซ! ข้ามมาวิกบางกอกหรรษา : มีคนชง ศาลรับฟ้อง มีมูล ยื่นต่อ กกต.ยุบพรรค มาตามสเตป ที่มาอีเหลี่ยมเรียกอีเนวินคุยลับ หวังเปิดทางรอด ยืมมือภูมิใจโว๊ยอุ้มกูที จ้องรวมร่าง งานนี้ กูบอกเลย "หักหลังมาแน่" บู๊ทเขียวตรีนโตเค้าสั่งมา จะไปกันหมด หรือ จะเลือกทางที่สะดวกกว่า แค่จ่ายคือจบ แค่เผ่นคือรอด เดี๋ยวเปิดช่องประตูหมาลอดให้ ยังคิดจะสู้ จะตายห่ายกโคตร สั่งสอน ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ โคตรตระกูลเหี้ยแค่ใต้ตรีนวัง อย่าริสะเออะเทียบ? ด้านอีส้มเน่าแตกเละเทะ ขับไล่อีพ่อฟ้า ยุบแล้ว ยุบอีก จะอยู่ให้หนักแผ่นดินต่อไปทำไม ไปตายห่าซะน่ะ? เพราะยังไง มรึงก็จบได้แค่นี้ ทั้งอีแดง อีส้ม ไปหมดทั้งกะปิ ใครอยากซวยก็ลองมาอุ้มมันดูสิ เค้าเชือดไม่เลี้ยง อีเนวินรู้งาน อ่านขาด "มันจบแล้วครับนาย" สั่งอีเพ่นู๋ ถอย อย่าถลำลึก หมดวาสนา หมายังไม่แล นี่คือ FACT เอาล่ะ กูจะชี้ให้มรึงเห็น ยามเมื่อแสงทำงาน ไอ้อีหน้าไหนก็หยุดไม่อยู่ ล่าสุด อีสถิตย์ ปธ.สรรหาปธ.บอดร์ดธปท. โดนศาลสั่งร่วมชดใช้ 6.6 หมื่นล้าน หลังแก้สัญญาสัมปทานเอื้อ AIS ปี 44 โดนกันหมด อย่าคิดว่าจะรอด! ทุกการกระทำย่อมมีใบเสร็จเสมอ ทุกคดีความ ทุกความอยุติธรรม ย้อนหลังเช็คบิลได้หมด หากสดชื่น? ใครที่คิดว่าทำเหี้ยแล้ว 10-20 ปีผ่านไปรอด มรึงคิดผิด? เพราะทุกชีวิตบนโลก ไม่พ้นบ่วงแห่งกรรมทั้งสิ้น! กลับมาเกมส์กลกามการเมืองโลกกันต่อ : ล่าสุด เฮซบอเลาะห์โหดสลัด ส่งโดรนพลีชีพมาเป็นฝูงบึ้มค่ายฝึกทหารอียิวซะเละเทะ ตายโหงตายห่าคาโรงอาหาร ตายเพี๊ยบ หลัก 10 อีกสิมรึง? หากสื่อตอแหลมันบอก 10 คือ 100 บอก 100 คือ 1000 บอก 1000 คือ 10000 มันเอา 10 หารตลอด มรึงเข้าใจยัง? EU แตกกระจาย ช็อค! เซอร์เบียขอเข้า BRICS ทิ้ง EU หน้าตาเฉย เสียหมาทั้ง EU เพราะนัยยะคือ เมื่อเซอร์เบียไปได้ ใครจะตามมาล่ะ? ทั้งฝั่งยุโรปตะวันออกไง? ก็เพราะเค้าวางแผนกันไว้นานแล้ว กลับบ้านดีที่สุด อยู่อย่างสุขกายสบายใจ ไม่ต้องเป็นขี้ข้าใคร มาหมดฝั่งตะวันออกแน่ เพราะมีกิน มีใช้ ไม่รู้จบ? สงครามใครพามากันล่ะ? 7 ชาติรอจ่อหักหลัง EU งานนี้ เละเป็นโจ๊ก ยูโรดิ่งเหวตามฟอร์ม เดินตามดอลล่าร์ตายเป็นแถว?

    ปล.มรึงรู้มั้ยว่า กว่า 3 ปีแล้ว ที่กองทัพหม่อง ได้ไล่ฆ่าขี้ข้าเหี้ย C และกองกำลังแบ่งแยกดินแดนตายห่าไปไม่รู้กี่แสนแล้ว ชนกลุ่มน้อยที่ถูกหลอกใช้ กลับลำกันหมด หลังจีนเข้ามาชี้ทางสว่างให้ อยู่ร่วมกันได้ หากมรึงไม่ชักศึกเข้าบ้าน จีนมา งานมี โลจิสติคเข้า เหี้ยมา สงครามมี ตายห่าสถานเดียว หลังจีนได้สั่งสอนอีมิน อ๋อง ลาย ไปเมื่อปลายปีก่อน ช่วงนี้ สงบเสงี่ยมเจียมตัวดีแล อยู่ดีดี ก็แกว่งเท้าหาส้นตรีน ทุนจีนสีเทา แก็งค์คอลเซ็นเตอร์ มันล้ำเส้นมากเกินไป ทหารหม่องตบเท้า ตามลูกเพ่ใหญ่ ไม่กล้าหืออีกต่อไป ทำให้สถานการณ์พรมแดนพม่า เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไทยอุ่นใจ เพราะพม่าเอาอยู่ ไอ้ข่าวที่ออกเนี่ย ปั่นทั้งนั้น หลอกควายคลั่งปชต.ไงล่ะ? ทหารไทย ทหารหม่อง ยังแดร๊กเหล้าขาว ยาดอง กันอยู่เลย กูไปรบกันตอนไหนฟ่ะ? คำถามโลกแตก? ทำไมเครื่องบินบินผ่านขั้วโลกเหนือได้ แต่ไม่สามารถบินผ่านขั้วโลกใต้ได้ เหตุผลมีเป็น 100 แต่ข้อเท็จจริง มีเพียง 1 เดียว "เค้าไม่อนุญาตให้เครื่องบินมนุษยชาติบินผ่านเด็ดขาด" เพราะเค้ารู้จักเราดีกว่าเรารู้จักตัวเองซะอีก? มนุษย์เป็นภัยต่อทุกสรรพสิ่งโลก เพราะความกลัว มนุษย์ทำได้ทุกอย่าง? ดังนั้น มรึงอยู่ห่างๆ กูไว้น่ะดีแล้ว กูมาแค่ศึกษาพวกมรึง ตบให้อยู่ในกรอบระเบียบจักรวาลเท่านั้นพอ สงครามนุ๊ก ไม่อนุญาตให้ใช้จริง ทุกอย่างแค่จัดฉากสร้างกระแส ผู้นำโลกต่างรู้ดีว่า โลกนี้ ใครปกครองที่แท้จริง? ความลับไม่มีในโลก แต่บางเรื่อง มรึงไม่รู้จะดีกว่า? เพราะรู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้ จักรวาล THE METRIX มันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ เอาเป็นว่า มรึงไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวดอกน่ะ? แผนสั่งตรงวอชิงตัน สั่งให้อีเหลี่ยมเหี้ยและพรรคชาติชั่ว แทรกแซงแบงค์ชาติ เพื่อบ่อนทำลายเศรษฐกิจไทย ทหารรู้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ส่งตัวชง ส่งให้ศาลไคฟงตบ สั่งยุบพรรค และถอนสิทธิ์ทุกไอ้อี เอาให้หมดหน้าตัก เกมส์มันเดินมาสุดทางแล้ว อีเหลี่ยมชาติชั่วไม่ทำ มันก็จะถูกเก็บ ใครจะไปรู้ เห็นสำราญบานตะไท ยิ้มแย้มแจ่มใส ข้างใน น้ำตาตกใน ร่วงเช้าเย็น ช้ำใจ เจ็บใจสุดติ่ง เอาอีลูกสาวร่านบูชายันต์ยังไม่พอ ผลงานไม่มี เหี้ยก็จ้องฆ่า ทหารก็จ้องซ้ำ ไม่ว่าเลือกทางไหน "นรกล้วนๆ" ตากใบตามหลอกหลอน ชั้น 14 ตามลากเข้าคุก ศาลตามเก็บงาน สื่อไม่ตี แต่ความจริงเป็นประจักษ์ ศาลไล่เช็คบิลทุกคดีความที่เอื้อให้เหี้ยเหลี่ยม โดนหมดทุกองคาพยพ ไม่มียกเว้น ไม่มีปราณี! ใครที่ไม่รู้ ก็รู้ไว้ซะ อย่าดูถูกเวลาแสงทำงาน ยังมีอะไรให้มรึงดีใจจนเก็บทรงไม่อยู่อีกเยอะ เหี้ยดิ้นพล่านกันหมดแล้ว เหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกเต็มตรีน! ล่าสุด อีแขกภาระตะ เพิ่งจะนึกได้ อะไรขี้ อะไรทองคำจริง ไม่สนคว่ำบาตรเหี้ย ส่งสินค้าต้องห้ามให้รัสเซีย ตบหน้าเหี้ยอย่างจัง? ไม่ว่าจะเป็นแผงไมโครชิป อุปกรณ์ด้านเทคโนโลยี ดอกนี้ อีแขกส่งสัญญาน กูไม่ออกจาก BRICS ชัวร์? ออกให้โง่เหรอ? พลังงานรัสเซีย ทำให้อีแขกรวยเละ ขายส่งให้ไอ้หน้าโง่ยุโรปไงล่ะ?

    หมี CNN(ยิ่งสู้ ยิ่งแพ้ หันหลังกลับก็ไม่ได้ ใครโง่ ยุโรปโง่ที่สุด อียิวหมดหนทางสู้ เหี้ยมะกันจนตรอก สภาพสิ้นแผ่นดินมาเต็ม รัสเซีย จีน เดินหน้าไม่หยุด ทั้งโลจิสติค และแผ่นดินใหม่ ขยายท่อส่งน้ำมัน แก็ส ไปทั่วโลก หลังจัดการเหี้ยจนอยู่หมัด EU เงียบกริบ NATO ขี้แตก อีเบียร์ อีเศษฝรั่ง หายจ้อยไปเลย หลบทำไม ปากดีก็ดีให้สุดสิจ๊ะ? ตะวันออกกลางคึกสุด เมามันส์ไล่กระทืบอียิวคาตรีน อีแคน อีจิงโจ้ ลังเล กูคือเหยื่อรายต่อไป ชิมิ? แปซิฟิคแค่ละครปั่น ของจริงอยู่ที่ตะวันออกกลาง เมื่อเบ็ดเสร็จ ปูตินถึงจะขยายต่อไปหาอีโปลเศษสวะ เพราะถึงเวลานั้น ก็ไม่เหลือใครจะมาช่วยมรึงได้อีกแล้ว เพราะเจ๊งกันหมด หมดตูด ถังแตก กันทั้งทวีป)
    15 ตุลาคม 67
    11.11 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172901260255901566
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    15-10-67/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.87 ชื่อตอน "WE WILL ROCK U(FCUK JEWS BASTARD)" กลัวตาย แต่ไม่อยากเสียอำนาจ ทำไงดีล่ะ? ไปตายห่าเถิด เค้ารอขยี้มรึงอยู่ ดีออก? JOHN KIM ลั่น งวดนี้เอาจริง สั่งบรรจุกระสุนปืนใหญ่ไม่อั้น เตรียมถล่มโซล กูยิ่งคันไม้ คันมืออยู่ จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตัวเอง หรือจะร่วมกับกูไปฆ่าไอ้อีเหี้ยที่ทำแผ่นดินมรึงแตกดีล่ะ? อีโสมขาวหน้าโง่ เสพอารยธรรมตะวันตก ถูกล้างสมองซะคิดว่า มันยกมรึงเป็นชนชั้นเดียวกับเหี้ยมัน หัวดำในสายตาเหี้ยเป็นแค่ "ทาส" และขั้วใหม่จะขยี้ไอ้หัวทองทั้งหลายที่หลงตัวเอง เป็นแค่ขี้ข้าซาตาน อย่าริยกตัวเป็นเทพ เดี๋ยวมรึงโดนกูแน่! แยกสเปซี่โลกกันไปเลย หลงตัวเองไปอยู่กับเหี้ย อยู่ร่วมกันได้ไปอยู่กับขั้วใหม่ คนกับสัดเดรัจฉาน ไม่ปะปนกัน สัจธรรม! จีน รัสเซีย ซ้อมรบ ล้อมไต้หวัน ส่งสัญญาน เตรียมเคลียร์ใจแปซิฟิค ใครเสี้ยน ใครห้าวเป้ง ผลลัพธ์คือ? มันคือการเชือดเหี้ยให้เหี้ยดู! ก๊กมินตั๋งรู้ดีว่าจะเจออะไร? แค่อี ไล่ชิงเต๋อ ปากหมา ละครปาหี่ เคาะกะลาขอเงิน ขออาวุธ มันไม่ได้ช่วยอะไรมากดอก? จีน รัสเซีย ยิ่งสบโอกาส อยากเปิดโชว์รูมให้ไต้หวันดู ว่าของจริง มันคนละเรื่องกับที่เหี้ยใช้ กระจอกเทียบไม่ติด! สรุปคือซ้อมรบแค่หน้าฉาก เพราะจะเก็บไต้หวัน 24 ชม.ก็จบแล้ว เอามันมาโปรโมตสินค้าใหม่ ล็อตใหม่ดีกว่ามุย? SHOW ROOM LIVE 2024 ตลาดอาวุธโลกแห่ชมคับคั่ง โดยเฉพาะเหี้ยตะวันตก มรึงมีเหี้ยอะไรซ่อนอยู่ โชว์ออกมา! ล่าสุด ข่าวไม่ตีให้มรึงเห็นดอก รัสเซียไล่ยึดพื้นที่ กินเมืองไปเรื่อย พลร่มดาหน้าลงพื้นบุกเก็บกวาด เก็บงาน สบายตรีน ทหาร NATO ในเครื่องแบบยูเครน เผ่นหางจุกตูดตามเคย "พ่องมา" อียูเครนมันสิ้นสภาพแล้ว ไม่มีอำนาจต่อรองอะไร แค่รอโดนเค้าเขมือบทั้งแผ่นดินเท่านั้นเอง อีสื่อหลอกควายก็ปั่นหาแดร๊กเช้าเย็น NATO เสียกำลังพลไปมากกว่า 30% กับยูเครนที่เดียว หมามุย? จีนแซงหน้าองค์การนาซ่าไม่เห็นฝุ่น หลายคนไม่รู้ NASA ไม่มีความสามารถพอในทุกเรื่องราวโครงการอวกาศอีกต่อไป แม้แต่บริษัทเอกชนยังแซงหน้า ต้องยืมมือคนอื่นหายใจที่แล้วมา ไม่ต้องถามถึงโครงการอวกาศจีน ที่สร้างสถานีอวกาศเอง ขนาดใหญ่สะใจโก๋ จน NASA ต้องมาขอร่วมใช้บริการ จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ไปไกลกว่าที่หลายคนคิด NASA กลายเป็นองค์กรตกต่ำ ไร้น้ำยา ขาดนวตกรรมใหม่เพิ่ม เพราะไม่มีงบ เพราะไม่มีผลงาน แค่ส่งกระสวยอวกาศออกไปนอกโลกยังไม่มีปัญญา ไอ้ที่มรึงเห็นน่ะ มันเก่งแต่จัดฉากเหยียบดวงจันทร์หลอกควายเท่านั้นเอง นี่แหละ ผลงานมาสเตอร์พีซ! ข้ามมาวิกบางกอกหรรษา : มีคนชง ศาลรับฟ้อง มีมูล ยื่นต่อ กกต.ยุบพรรค มาตามสเตป ที่มาอีเหลี่ยมเรียกอีเนวินคุยลับ หวังเปิดทางรอด ยืมมือภูมิใจโว๊ยอุ้มกูที จ้องรวมร่าง งานนี้ กูบอกเลย "หักหลังมาแน่" บู๊ทเขียวตรีนโตเค้าสั่งมา จะไปกันหมด หรือ จะเลือกทางที่สะดวกกว่า แค่จ่ายคือจบ แค่เผ่นคือรอด เดี๋ยวเปิดช่องประตูหมาลอดให้ ยังคิดจะสู้ จะตายห่ายกโคตร สั่งสอน ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ โคตรตระกูลเหี้ยแค่ใต้ตรีนวัง อย่าริสะเออะเทียบ? ด้านอีส้มเน่าแตกเละเทะ ขับไล่อีพ่อฟ้า ยุบแล้ว ยุบอีก จะอยู่ให้หนักแผ่นดินต่อไปทำไม ไปตายห่าซะน่ะ? เพราะยังไง มรึงก็จบได้แค่นี้ ทั้งอีแดง อีส้ม ไปหมดทั้งกะปิ ใครอยากซวยก็ลองมาอุ้มมันดูสิ เค้าเชือดไม่เลี้ยง อีเนวินรู้งาน อ่านขาด "มันจบแล้วครับนาย" สั่งอีเพ่นู๋ ถอย อย่าถลำลึก หมดวาสนา หมายังไม่แล นี่คือ FACT เอาล่ะ กูจะชี้ให้มรึงเห็น ยามเมื่อแสงทำงาน ไอ้อีหน้าไหนก็หยุดไม่อยู่ ล่าสุด อีสถิตย์ ปธ.สรรหาปธ.บอดร์ดธปท. โดนศาลสั่งร่วมชดใช้ 6.6 หมื่นล้าน หลังแก้สัญญาสัมปทานเอื้อ AIS ปี 44 โดนกันหมด อย่าคิดว่าจะรอด! ทุกการกระทำย่อมมีใบเสร็จเสมอ ทุกคดีความ ทุกความอยุติธรรม ย้อนหลังเช็คบิลได้หมด หากสดชื่น? ใครที่คิดว่าทำเหี้ยแล้ว 10-20 ปีผ่านไปรอด มรึงคิดผิด? เพราะทุกชีวิตบนโลก ไม่พ้นบ่วงแห่งกรรมทั้งสิ้น! กลับมาเกมส์กลกามการเมืองโลกกันต่อ : ล่าสุด เฮซบอเลาะห์โหดสลัด ส่งโดรนพลีชีพมาเป็นฝูงบึ้มค่ายฝึกทหารอียิวซะเละเทะ ตายโหงตายห่าคาโรงอาหาร ตายเพี๊ยบ หลัก 10 อีกสิมรึง? หากสื่อตอแหลมันบอก 10 คือ 100 บอก 100 คือ 1000 บอก 1000 คือ 10000 มันเอา 10 หารตลอด มรึงเข้าใจยัง? EU แตกกระจาย ช็อค! เซอร์เบียขอเข้า BRICS ทิ้ง EU หน้าตาเฉย เสียหมาทั้ง EU เพราะนัยยะคือ เมื่อเซอร์เบียไปได้ ใครจะตามมาล่ะ? ทั้งฝั่งยุโรปตะวันออกไง? ก็เพราะเค้าวางแผนกันไว้นานแล้ว กลับบ้านดีที่สุด อยู่อย่างสุขกายสบายใจ ไม่ต้องเป็นขี้ข้าใคร มาหมดฝั่งตะวันออกแน่ เพราะมีกิน มีใช้ ไม่รู้จบ? สงครามใครพามากันล่ะ? 7 ชาติรอจ่อหักหลัง EU งานนี้ เละเป็นโจ๊ก ยูโรดิ่งเหวตามฟอร์ม เดินตามดอลล่าร์ตายเป็นแถว? ปล.มรึงรู้มั้ยว่า กว่า 3 ปีแล้ว ที่กองทัพหม่อง ได้ไล่ฆ่าขี้ข้าเหี้ย C และกองกำลังแบ่งแยกดินแดนตายห่าไปไม่รู้กี่แสนแล้ว ชนกลุ่มน้อยที่ถูกหลอกใช้ กลับลำกันหมด หลังจีนเข้ามาชี้ทางสว่างให้ อยู่ร่วมกันได้ หากมรึงไม่ชักศึกเข้าบ้าน จีนมา งานมี โลจิสติคเข้า เหี้ยมา สงครามมี ตายห่าสถานเดียว หลังจีนได้สั่งสอนอีมิน อ๋อง ลาย ไปเมื่อปลายปีก่อน ช่วงนี้ สงบเสงี่ยมเจียมตัวดีแล อยู่ดีดี ก็แกว่งเท้าหาส้นตรีน ทุนจีนสีเทา แก็งค์คอลเซ็นเตอร์ มันล้ำเส้นมากเกินไป ทหารหม่องตบเท้า ตามลูกเพ่ใหญ่ ไม่กล้าหืออีกต่อไป ทำให้สถานการณ์พรมแดนพม่า เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไทยอุ่นใจ เพราะพม่าเอาอยู่ ไอ้ข่าวที่ออกเนี่ย ปั่นทั้งนั้น หลอกควายคลั่งปชต.ไงล่ะ? ทหารไทย ทหารหม่อง ยังแดร๊กเหล้าขาว ยาดอง กันอยู่เลย กูไปรบกันตอนไหนฟ่ะ? คำถามโลกแตก? ทำไมเครื่องบินบินผ่านขั้วโลกเหนือได้ แต่ไม่สามารถบินผ่านขั้วโลกใต้ได้ เหตุผลมีเป็น 100 แต่ข้อเท็จจริง มีเพียง 1 เดียว "เค้าไม่อนุญาตให้เครื่องบินมนุษยชาติบินผ่านเด็ดขาด" เพราะเค้ารู้จักเราดีกว่าเรารู้จักตัวเองซะอีก? มนุษย์เป็นภัยต่อทุกสรรพสิ่งโลก เพราะความกลัว มนุษย์ทำได้ทุกอย่าง? ดังนั้น มรึงอยู่ห่างๆ กูไว้น่ะดีแล้ว กูมาแค่ศึกษาพวกมรึง ตบให้อยู่ในกรอบระเบียบจักรวาลเท่านั้นพอ สงครามนุ๊ก ไม่อนุญาตให้ใช้จริง ทุกอย่างแค่จัดฉากสร้างกระแส ผู้นำโลกต่างรู้ดีว่า โลกนี้ ใครปกครองที่แท้จริง? ความลับไม่มีในโลก แต่บางเรื่อง มรึงไม่รู้จะดีกว่า? เพราะรู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้ จักรวาล THE METRIX มันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ เอาเป็นว่า มรึงไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวดอกน่ะ? แผนสั่งตรงวอชิงตัน สั่งให้อีเหลี่ยมเหี้ยและพรรคชาติชั่ว แทรกแซงแบงค์ชาติ เพื่อบ่อนทำลายเศรษฐกิจไทย ทหารรู้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ส่งตัวชง ส่งให้ศาลไคฟงตบ สั่งยุบพรรค และถอนสิทธิ์ทุกไอ้อี เอาให้หมดหน้าตัก เกมส์มันเดินมาสุดทางแล้ว อีเหลี่ยมชาติชั่วไม่ทำ มันก็จะถูกเก็บ ใครจะไปรู้ เห็นสำราญบานตะไท ยิ้มแย้มแจ่มใส ข้างใน น้ำตาตกใน ร่วงเช้าเย็น ช้ำใจ เจ็บใจสุดติ่ง เอาอีลูกสาวร่านบูชายันต์ยังไม่พอ ผลงานไม่มี เหี้ยก็จ้องฆ่า ทหารก็จ้องซ้ำ ไม่ว่าเลือกทางไหน "นรกล้วนๆ" ตากใบตามหลอกหลอน ชั้น 14 ตามลากเข้าคุก ศาลตามเก็บงาน สื่อไม่ตี แต่ความจริงเป็นประจักษ์ ศาลไล่เช็คบิลทุกคดีความที่เอื้อให้เหี้ยเหลี่ยม โดนหมดทุกองคาพยพ ไม่มียกเว้น ไม่มีปราณี! ใครที่ไม่รู้ ก็รู้ไว้ซะ อย่าดูถูกเวลาแสงทำงาน ยังมีอะไรให้มรึงดีใจจนเก็บทรงไม่อยู่อีกเยอะ เหี้ยดิ้นพล่านกันหมดแล้ว เหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกเต็มตรีน! ล่าสุด อีแขกภาระตะ เพิ่งจะนึกได้ อะไรขี้ อะไรทองคำจริง ไม่สนคว่ำบาตรเหี้ย ส่งสินค้าต้องห้ามให้รัสเซีย ตบหน้าเหี้ยอย่างจัง? ไม่ว่าจะเป็นแผงไมโครชิป อุปกรณ์ด้านเทคโนโลยี ดอกนี้ อีแขกส่งสัญญาน กูไม่ออกจาก BRICS ชัวร์? ออกให้โง่เหรอ? พลังงานรัสเซีย ทำให้อีแขกรวยเละ ขายส่งให้ไอ้หน้าโง่ยุโรปไงล่ะ? หมี CNN(ยิ่งสู้ ยิ่งแพ้ หันหลังกลับก็ไม่ได้ ใครโง่ ยุโรปโง่ที่สุด อียิวหมดหนทางสู้ เหี้ยมะกันจนตรอก สภาพสิ้นแผ่นดินมาเต็ม รัสเซีย จีน เดินหน้าไม่หยุด ทั้งโลจิสติค และแผ่นดินใหม่ ขยายท่อส่งน้ำมัน แก็ส ไปทั่วโลก หลังจัดการเหี้ยจนอยู่หมัด EU เงียบกริบ NATO ขี้แตก อีเบียร์ อีเศษฝรั่ง หายจ้อยไปเลย หลบทำไม ปากดีก็ดีให้สุดสิจ๊ะ? ตะวันออกกลางคึกสุด เมามันส์ไล่กระทืบอียิวคาตรีน อีแคน อีจิงโจ้ ลังเล กูคือเหยื่อรายต่อไป ชิมิ? แปซิฟิคแค่ละครปั่น ของจริงอยู่ที่ตะวันออกกลาง เมื่อเบ็ดเสร็จ ปูตินถึงจะขยายต่อไปหาอีโปลเศษสวะ เพราะถึงเวลานั้น ก็ไม่เหลือใครจะมาช่วยมรึงได้อีกแล้ว เพราะเจ๊งกันหมด หมดตูด ถังแตก กันทั้งทวีป) 15 ตุลาคม 67 11.11 น. https://linevoom.line.me/post/1172901260255901566 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อตากใบพึ่งพระเจ้า 'เพื่อไทย' สารภาพอับจน ทำได้แค่ขับ 'พิศาล'
    .
    ยิ่งใกล้ถึงวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของอายุความในคดีสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส มากขึ้นเท่าไหร กระแสกดดันยิ่งถาโถมใส่พรรคเพื่อไทยมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นประเด็นที่นายสรวงศ์​ เทียนทอง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย​ ยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยเองก็วิงวอนให้พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ​ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตแม่ทัพภาค 4 ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว​เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
    .
    "หากกลับมาหลังจากที่คดีขาดอายุความ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย​ จะมีมาตรการออกมาแน่นอน​ ต่อให้ขับออกจากพรรค ก็ยังเป็น​ ส.ส.อยู่​ แต่เราไม่อยากให้เกิดเป็นบรรทัดฐาน​ และในส่วนของพรรค ยังพยายามติดต่อ ให้กลับมาสู้คดี​ พร้อมยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อท่านได้ ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้อุ้ม​ พล.อ.พิศาล​ เพราะในส่วนของพรรคก็ทำอย่างเต็มที่​ พยายามอย่างยิ่งเพื่อให้ท่านกลับมาสู่กระบวนการยุติธรรม​" เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุ
    .
    ขณะที่ ทางญาติของผู้สูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์ได้มีการจัดงานนิทรรศการ “ลบ ไม่เลือน 20 ปี ตากใบ” โดยนางสีตีรอยะ อายุ 58 ปี ซึ่งสูญเสียสามีจากเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ตอนนี้ก็ต้องมาดูแลลูกที่กำลังป่วยติดเตียงอยู่ และต้องแบกภาระไว้คนเดียว ในส่วนของคดีก็คิดไม่ออกเหมือนกัน เพราะไม่มีตัวแทนที่จะสู้คดีนี้
    .
    “ถ้าได้สู้ก็จะสู้ ตอนนี้ขอความยุติธรรมอย่างเดียว ตอนนี้ทำได้แค่ดุอาอ์อย่างเดียว ให้พระเจ้าช่วยแค่นั้น เพราะคิดแบบนี้อย่างเดียวถึงทำใจให้อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ แต่เดี๋ยวนี้ทำใจได้แล้ว ช่วงแรกๆ อยู่เหมือนไม่รู้อะไรเลย ทำอะไรไม่ถูกประมาณ 10 ปี ซึ่งพอมาฟ้องก็รู้ว่าจำเลยไม่ได้ถูกจับ คิดไม่ออกว่าจะทำแบบไหนเหมือนกัน คิดไม่ออกว่าเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไร ขออย่างเดียวคือขอดุอาอ์ให้อัลเลาะห์ช่วย” นางสีตีรอยะกล่าว
    ..............
    Sondhi X
    เหยื่อตากใบพึ่งพระเจ้า 'เพื่อไทย' สารภาพอับจน ทำได้แค่ขับ 'พิศาล' . ยิ่งใกล้ถึงวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของอายุความในคดีสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส มากขึ้นเท่าไหร กระแสกดดันยิ่งถาโถมใส่พรรคเพื่อไทยมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นประเด็นที่นายสรวงศ์​ เทียนทอง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย​ ยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยเองก็วิงวอนให้พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ​ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตแม่ทัพภาค 4 ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว​เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม . "หากกลับมาหลังจากที่คดีขาดอายุความ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย​ จะมีมาตรการออกมาแน่นอน​ ต่อให้ขับออกจากพรรค ก็ยังเป็น​ ส.ส.อยู่​ แต่เราไม่อยากให้เกิดเป็นบรรทัดฐาน​ และในส่วนของพรรค ยังพยายามติดต่อ ให้กลับมาสู้คดี​ พร้อมยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อท่านได้ ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้อุ้ม​ พล.อ.พิศาล​ เพราะในส่วนของพรรคก็ทำอย่างเต็มที่​ พยายามอย่างยิ่งเพื่อให้ท่านกลับมาสู่กระบวนการยุติธรรม​" เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุ . ขณะที่ ทางญาติของผู้สูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์ได้มีการจัดงานนิทรรศการ “ลบ ไม่เลือน 20 ปี ตากใบ” โดยนางสีตีรอยะ อายุ 58 ปี ซึ่งสูญเสียสามีจากเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ตอนนี้ก็ต้องมาดูแลลูกที่กำลังป่วยติดเตียงอยู่ และต้องแบกภาระไว้คนเดียว ในส่วนของคดีก็คิดไม่ออกเหมือนกัน เพราะไม่มีตัวแทนที่จะสู้คดีนี้ . “ถ้าได้สู้ก็จะสู้ ตอนนี้ขอความยุติธรรมอย่างเดียว ตอนนี้ทำได้แค่ดุอาอ์อย่างเดียว ให้พระเจ้าช่วยแค่นั้น เพราะคิดแบบนี้อย่างเดียวถึงทำใจให้อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ แต่เดี๋ยวนี้ทำใจได้แล้ว ช่วงแรกๆ อยู่เหมือนไม่รู้อะไรเลย ทำอะไรไม่ถูกประมาณ 10 ปี ซึ่งพอมาฟ้องก็รู้ว่าจำเลยไม่ได้ถูกจับ คิดไม่ออกว่าจะทำแบบไหนเหมือนกัน คิดไม่ออกว่าเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไร ขออย่างเดียวคือขอดุอาอ์ให้อัลเลาะห์ช่วย” นางสีตีรอยะกล่าว .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 648 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนแรงงานไทยในอิสราเอล เปิดใจวินาทีเกิดระเบิดในไร่แอปเปิ้ลทำหนุ่มวัย 42 ปีชาวบุรีรัมย์เสียชีวิตคาที่ หลังเกิดเหตุแรงงานไทยทั้ง 24 ชีวิตถูกอพยพออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย ยอมรับตกใจและกังวลเรื่องความปลอดภัยแต่จำเป็นต้องเสี่ยงอยู่ต่อเพราะภาระครอบครัวและหนี้สิน ญาติเฝ้ารอศพกลับบ้านเกิดด้วยความโศกเศร้าและไม่มีกำหนดชัดเจน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000098218

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เพื่อนแรงงานไทยในอิสราเอล เปิดใจวินาทีเกิดระเบิดในไร่แอปเปิ้ลทำหนุ่มวัย 42 ปีชาวบุรีรัมย์เสียชีวิตคาที่ หลังเกิดเหตุแรงงานไทยทั้ง 24 ชีวิตถูกอพยพออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย ยอมรับตกใจและกังวลเรื่องความปลอดภัยแต่จำเป็นต้องเสี่ยงอยู่ต่อเพราะภาระครอบครัวและหนี้สิน ญาติเฝ้ารอศพกลับบ้านเกิดด้วยความโศกเศร้าและไม่มีกำหนดชัดเจน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000098218 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Wow
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1748 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อใดที่ชีวิตของคุณดูสับสน มั่วซั่ว ไม่เป็นระเบียบ หรือต้องเผชิญกับความท้อใจจนไม่อยากทำอะไร สิ่งสำคัญคือการสังเกตว่าจิตใจของคุณอาจกำลังฟุ้งซ่าน ขาดความชัดเจน และไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน เมื่อเรารู้สึกเช่นนี้ ความกระฉับกระเฉงและพลังที่จะทำอะไรให้สำเร็จก็จะหายไป

    การแก้ไขเริ่มต้นที่การสร้างสภาพจิตใจที่ดี หากจิตใจโปร่งโล่งและมีเป้าหมายที่ชัดเจน การคิดและการทำงานตามลำดับก็จะกลับมามีประสิทธิภาพได้ แต่สิ่งที่ยากคือการรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น เจ้านายที่แย่ เพื่อนร่วมงานที่ไม่เป็นระบบ หรือสถานการณ์ที่ดูไม่มีอนาคต

    เมื่อคุณต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ วิธีที่สำคัญคือการฝึกฝนให้จิตใจมั่นคง ท่ามกลางความยุ่งเหยิงรอบตัว เพราะหากคุณไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ ความสับสนและฟุ้งซ่านจะติดตัวคุณไป และอาจทำให้คุณเจอกับสถานการณ์เดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก

    ถ้าคุณตั้งเป้าหมายที่ภายนอกไม่ได้ ให้หันมาตั้งเป้าหมายภายในแทน เริ่มจากการมองหาสิ่งที่ทำให้ใจจดจ่อ เป็นสมาธิ และสร้างระบบระเบียบในจิตใจ หากจิตเริ่มฟุ้งซ่าน ให้พยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปที่สิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า เช่น การทำงานตรงหน้าเป็นเครื่องมือในการฝึกจิต ให้มองงานเป็นเครื่องตรึงจิต ไม่ใช่ภาระหนักที่ต้องหลีกเลี่ยง

    ท้ายที่สุด การทำงานและการรับผิดชอบต่อหน้าที่จะเป็นวิธีที่ทำให้จิตใจสงบ และสร้างสมาธิขึ้นมาได้ ใครก็ตามที่พยายามหนีงาน หนีภาระ สุดท้ายก็จะต้องเผชิญกับจิตที่วุ่นวายและขาดเป้าหมายไปเรื่อยๆ
    เมื่อใดที่ชีวิตของคุณดูสับสน มั่วซั่ว ไม่เป็นระเบียบ หรือต้องเผชิญกับความท้อใจจนไม่อยากทำอะไร สิ่งสำคัญคือการสังเกตว่าจิตใจของคุณอาจกำลังฟุ้งซ่าน ขาดความชัดเจน และไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน เมื่อเรารู้สึกเช่นนี้ ความกระฉับกระเฉงและพลังที่จะทำอะไรให้สำเร็จก็จะหายไป การแก้ไขเริ่มต้นที่การสร้างสภาพจิตใจที่ดี หากจิตใจโปร่งโล่งและมีเป้าหมายที่ชัดเจน การคิดและการทำงานตามลำดับก็จะกลับมามีประสิทธิภาพได้ แต่สิ่งที่ยากคือการรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น เจ้านายที่แย่ เพื่อนร่วมงานที่ไม่เป็นระบบ หรือสถานการณ์ที่ดูไม่มีอนาคต เมื่อคุณต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ วิธีที่สำคัญคือการฝึกฝนให้จิตใจมั่นคง ท่ามกลางความยุ่งเหยิงรอบตัว เพราะหากคุณไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ ความสับสนและฟุ้งซ่านจะติดตัวคุณไป และอาจทำให้คุณเจอกับสถานการณ์เดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าคุณตั้งเป้าหมายที่ภายนอกไม่ได้ ให้หันมาตั้งเป้าหมายภายในแทน เริ่มจากการมองหาสิ่งที่ทำให้ใจจดจ่อ เป็นสมาธิ และสร้างระบบระเบียบในจิตใจ หากจิตเริ่มฟุ้งซ่าน ให้พยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปที่สิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า เช่น การทำงานตรงหน้าเป็นเครื่องมือในการฝึกจิต ให้มองงานเป็นเครื่องตรึงจิต ไม่ใช่ภาระหนักที่ต้องหลีกเลี่ยง ท้ายที่สุด การทำงานและการรับผิดชอบต่อหน้าที่จะเป็นวิธีที่ทำให้จิตใจสงบ และสร้างสมาธิขึ้นมาได้ ใครก็ตามที่พยายามหนีงาน หนีภาระ สุดท้ายก็จะต้องเผชิญกับจิตที่วุ่นวายและขาดเป้าหมายไปเรื่อยๆ
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านประกาศห้ามนำเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารแบบพกพา (walkie-talkies) ขึ้นไปบนทุกเที่ยวบิน หลังเหตุโจมตีวินาศกรรมนองเลือดในเลบานอน ซึ่งกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล
    .
    "อุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ยกเว้นโทรศัพท์มือถือ ถูกห้ามในห้องผู้โดยสาร หรือในสัมภาระลงทะเบียนที่ไม่มีเจ้าของเดินทางไปด้วย" ตามรายงานของสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ อ้างถึงคำกล่าวของ จาฟาร์ ยาเซอร์โล โฆษกองค์การการบินพลเรือนของอิหร่าน
    .
    การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นราว 3 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุวินาศกรรมเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารแบบพกพาระเบิด เล็งเป้าหมายเล่นงานสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 39 ราย
    .
    นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 3,000 รายในเหตุโจมตี ที่อิหร่านและฮิซบอลเลาะห์กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล ในนั้นรวมถึง มอจทาบา อามานี เอกอัครราชทูตของเตหะรานประจำเลบานอน
    .
    เมื่อช่วงต้นเดือน สายการบินเอมิเรตส์ของดูไบ สั่งห้ามนำเพจเจอร์และวิทยุสื่อสาร walkie-talkies ขึ้นไปบนเที่ยวบิน ไปแล้วก่อนหน้านี้
    .
    ความตึงเครียดในภูมิภาคร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่สงครามในกาซาปะทะขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ลากกลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านเข้าร่วมวงด้วย ในนั้นทั้งจากเลบานอน อิรัก ซีเรีย และเยเมน
    .
    เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สายการบินหลายแห่งได้ระงับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่อิหร่าน หลังจากเตหะรานยิงห่าขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม
    .
    อิหร่านรัวขีปนาวุธมากกว่า 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอล ในการแก้แค้นอิสราเอล ที่สังหารพวกผู้นำนักรบที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านในภูมิภาคไปแล้วหลายคน เช่นเดียวกับนายพลรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิบัติอิสลามแห่งอิหร่าน
    .
    นับตั้งแต่นั้น อิสราเอลประกาศแก้แค้น โดย โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหม บอกว่าการตอบโต้จะเป็นไปในแบบ "นองเลือด แม่นยำและน่าตกตะลึง"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000097938
    ..............
    Sondhi X
    อิหร่านประกาศห้ามนำเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารแบบพกพา (walkie-talkies) ขึ้นไปบนทุกเที่ยวบิน หลังเหตุโจมตีวินาศกรรมนองเลือดในเลบานอน ซึ่งกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล . "อุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ยกเว้นโทรศัพท์มือถือ ถูกห้ามในห้องผู้โดยสาร หรือในสัมภาระลงทะเบียนที่ไม่มีเจ้าของเดินทางไปด้วย" ตามรายงานของสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ อ้างถึงคำกล่าวของ จาฟาร์ ยาเซอร์โล โฆษกองค์การการบินพลเรือนของอิหร่าน . การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นราว 3 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุวินาศกรรมเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารแบบพกพาระเบิด เล็งเป้าหมายเล่นงานสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 39 ราย . นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 3,000 รายในเหตุโจมตี ที่อิหร่านและฮิซบอลเลาะห์กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล ในนั้นรวมถึง มอจทาบา อามานี เอกอัครราชทูตของเตหะรานประจำเลบานอน . เมื่อช่วงต้นเดือน สายการบินเอมิเรตส์ของดูไบ สั่งห้ามนำเพจเจอร์และวิทยุสื่อสาร walkie-talkies ขึ้นไปบนเที่ยวบิน ไปแล้วก่อนหน้านี้ . ความตึงเครียดในภูมิภาคร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่สงครามในกาซาปะทะขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ลากกลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านเข้าร่วมวงด้วย ในนั้นทั้งจากเลบานอน อิรัก ซีเรีย และเยเมน . เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สายการบินหลายแห่งได้ระงับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่อิหร่าน หลังจากเตหะรานยิงห่าขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม . อิหร่านรัวขีปนาวุธมากกว่า 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอล ในการแก้แค้นอิสราเอล ที่สังหารพวกผู้นำนักรบที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านในภูมิภาคไปแล้วหลายคน เช่นเดียวกับนายพลรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิบัติอิสลามแห่งอิหร่าน . นับตั้งแต่นั้น อิสราเอลประกาศแก้แค้น โดย โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหม บอกว่าการตอบโต้จะเป็นไปในแบบ "นองเลือด แม่นยำและน่าตกตะลึง" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000097938 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 994 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11-10-67/01 : หมี CNN / "หมีตะนอย" EP19 ตอน "SECRET WEAPON" ไม่ต้องซ่อนกันอีกแล้ว งัดออกมาโชว์เลย ลวกเพ่! กลัวจุงเบย? หลังเหี้ยมะกันสัญญาจะอุ้มอียิวระยำสลัดหมาจนตัวตาย เป็นไปตามแผนขั้วใหม่ รอกระดิกตรีนเชือด งานนี้ ต้องเอาให้อับอายไปทั่วโลก ประกาศศักดากันให้ชัดไปเลย ว่า ไอ้ที่มรึงเห่าหอนมาแรมปี แม่ง "โคตรกระจอก" เตรียมตายคาตรีนโลกได้เลย! เพราะอาหรับเค้าลงแขกอียิว ใครมาช่วย อาหรับจะช่วยกระทืบซ้ำ ชัดน่ะ? ข่าวไม่ลับดอกน่ะ ไม่แปลกที่จีนแอบส่งหน่วยเฉพาะกิจเข้าไปในเลบานอน ใครบอกล่ะว่ามีแต่จีน? แม่งมากันหมดโลกเลยมั้ง? ทั้งแอฟริกา โสมแดง จีน รัสเซีย อิหร่าน อิรัก ซีเรีย เค้าเข้าไปวางระบบ เตรียมการนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะเริ่ม เพราะอ่านขาด ว่ามรึงต้องมาทางนี้แน่! อิหร่านสอนเชิง ต่อให้มรึงยิงมิสไซส์มา 1000 ลูก กูก็เอาอยู่ เพราะยังมีอะไรอีกเยอะ ที่มรึงยังไม่รู้? บอกตรง เหี้ยมันรู้ตัวว่า สู้ยังไงก็แพ้ เพราะทั้งโลกสามัคคีลงแขกเหี้ยกันหมดแล้ว เหลือแค่มรึงกับอียิวเนี่ยแหละ EU มันถอยแล้ว ไปไม่สุด! มรึงจะสู้ยังไง เมื่ออาวุธ NATO ถูกรัสเซีย อิหร่าน จีน โสมแดง ถอดรหัสออกจนหมดเกลี้ยง รู้ไส้รู้พุงหมดเปลือก เอาไปโชว์โง่อยู่ที่มอสโคว์! คลังแสงมรึงหมดเกลี้ยง กำลังพลเหลือน้อยลงทุกที เกณฑ์เท่าไหร่ เข้ามาในพื้นที่ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ กลับบ้านเก่าหมด สภาพ! ล่าสุด อีหุ่นเชิดปธน.ไต้หวัน ประกาศกร้าวไม่รวมชาติจีน กูเห็นมาเยอะแล้ว ปากดี ตายคาที่ทุกตัว! แค่เล่นตามบท เคาะกะลาขอตังค์ ขออาวุธ? จีนไม่สนใจ อยากตายห่าวันไหนบอก 24 ชม. ก็เหลือแล้ว? เพราะต่างรู้กันดีว่า หน้าฉาก เหี้ยสั่งได้แต่ผู้นำหุ่นเชิด แต่หลังฉาก อำนาจสั่งการ เป็นของพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งหมอบกับจีนไปนานแล้ว ก็แค่ "ละครหลอกควายเปื่อยตุ๋นน้ำแดง" ข้ามวิกแป๊บ : ไม่ต้องดิ้น! ไม่ต้องแถ นั่งแท่นผู้บริหาร มรึงจะเห่าเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อ? ชื่อมันอยู่เต็มตา ตอนเปิดตัว กระสันจะมีเอี่ยว ตอนถูกเช็คบิล แพแตก หนีหางจุกตูดกันหมด แล้วเงินที่ไปหลอกแดร๊กควายไทยบัดซบเนี่ย "หมดไปแล้วรึจ๊ะ?" ด้านเพ่ตั๊ก ซีโร่ ผิดก็คือผิด ลูกผู้ชายตัวจริงซะอย่าง รับผิดชอบไม่มีเงื่อนไข ลุ้นเหยื่อรอด ไม่งั้นยาวแน่! ส่วนเรื่องเมาแล้วขับ รอผลตรวจ วิบากกรรมมีกันทุกคน อยู่ที่มีสติ รับมือกับมันยังไง? กลับมาที่กลกามเวทีโลกต่อ : น่าฉงน โดรนมหาเทพรัสเซีย S-70 เกิดขัดข้อง ขณะลาดตระเวนกับ SU-57 ไม่รีรอ รัสเซียสั่งจัดการยิงทิ้งทันที เพื่อไม่ให้ไปตกอยู่ในมือข้าศึก คำถามคือ "มรึงเล่นเหี้ยอะไรกันเนี่ย?" แผนสับขาหลอกมาอีก หรือไม่ตั้งใจกันแน่? S-70 คือโดรนดักจับเครื่องบินสเตลท์ GEN 5 ได้อย่างแม่นยำ หลบซ่อนตัวที่ไหนไม่รอดสายตาไปได้? S-70 มีแบบทั้งมีคนขับและไร้คนขับ เข้าใจว่านำมาเพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง แต่เกิดผิดพลาด เลยทำลายทิ้งทันที เด็ดขาดคือรัสเซีย S-70 เมื่อดักจับสัญญานเครื่องบินสเตลท์ได้ ก็สามารถนำร่องได้เช่นกัน? นี่คือตัวตึง ที่จะมาชี้เป้า ระบุพิกัดตำแหน่งขีปนาวุธนิวเคลียร์อ่ะเป่า? หากถูกแจมสัญญานดาวเทียม เรื่องนี้ ไม่นานก็มีคำตอบแน่ ว่ามันผิดพลาด หรือตั้งใจทำ เพราะกล้องจับภาพได้ง่ายดายมาก เหมือนตั้งใจให้ถ่ายซะ
    งั้น ถึงได้บอกไงล่ะว่า "มรึงเล่นเหี้ยอะไรกันเนี่ย?" ปกติ การปฎิบัติภาระกิจใดของรัสเซียก็ตาม มักจะเก็บเป็นความลับเสมอ แต่งวดนี้ เด่นชัด ไปป่ะ?

    ปล.อีเหลี่ยมขี้แตก! หมากเด็ด ธีรยุทธ ยิงรัว โดนทุกดอก ใครชง ใครตบ ใครส่งเข้าประกวด ไม่ต้องถาม? หลักฐานทุกเม็ด ครบทุกชิ้นถึงมือศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ส่อดึงกลับ ย้อนเข้าคุก ขัดพระบรมราชโองการชัด! โมฆะพระราชทานอภัยลดโทษ เหตุยื่นเสนอเป็นเท็จ ทุกอย่างที่กูเคยบอก เงายมราชมาตามเอาหัวมรึงแล้วไงล่ะ? เผ่นสิจ๊ะ น่ะจ๊ะ มันจะไปยากอะไร แค่มรึงจ่ายครบจบที่เดียว! คืนมาให้หมด พร้อมดอกเบี้ยแผ่นดิน แล้วไสหัวไปซะ เดี๋ยวค่อยส่งมือเก็บไปตามล่าหัวต่อไป ที่มาว่า อีเหลี่ยมชาติหมาพยายามกระตุ้นเกมส์การเมืองใหม่ ต่อรอง อีเนวินบอกชัด มันจบแล้วครับนาย! ลืมตามาดูโลกความเป็นจริงบ้าง "แค่ใต้ตรีนวัง" กองทัพเริ่มจัดขบวนใหม่ แข็งแกร่งกว่าเก่า เบ็ดเสร็จเด็ดขาดขึ้นเยอะ ศาลทำหน้าที่ฉลุย ไม่มีใครมาขัดแข้งขัดขาได้อีก ฝีมือเสธ.แดงเค้า กวาดทางสะดวกโยธิน ปูทางกฎหมายศักดิ์สิทธิ์กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนละครปาหี่ศรีธนญชัย ทนดูอีกไม่นานดอก ศาลฟันเมื่อไหร่ เข้าคุกทั้งกะปิ เพราะทุกคดีมันพ่วงกันหมด มัดตราสังข์รอไว้แล้ว! ช่วงนี้โปรดสังเกตุ ทุนเหี้ยห่าซาตาน ที่เคยหลอกแดร๊กเงินชาวบ้าน ถูกชำระแค้นหมด ใครทำชั่ว ใคร 18 มงกุฎ ถูกลากเข้าคุกหมด ทุกอย่างไม่มีบังเอิญ แค่ใบสั่ง มันมาตามนัดเท่านั้นเอง! เอาอีกากีมาล้างทุนสีเทา(บีบคอ บีบไข่ จนดิ้นไม่หลุด) แล้วเอาอีเขียวมาเหยียบหัวอีกากีอีกที เหี้ยขนาดไหน ก็ไปไม่รอด เมื่อเขียวเค้าสั่งมา! เหลืองอย่าเพิ่งออก แดงอย่าเพิ่งรีบเข้า ดอกนี้ เค้าเรียก "เชือดลูกเหี้ยให้พ่อเหี้ยมันดู" การเมืองส้นตรีนใกล้จบ อีแดงจะเอาเงิน(ภาษีประชากรควาย) ฟาดอีควายไทยบัดซบต่อ เงินไม่ใช่ของกูเหรอ? แล้วที่มรึงต้องใช้น้ำมันแพง สินค้าขึ้นราคาไม่มีลง ค่าไฟ ค่าน้ำ ชนชั้นกลางแบกภาษีไปตั้งเท่าไหร่ มรึงไม่รู้สึก เพราะมรึงไม่ได้จ่ายไงล่ะ? จะเอาท่าเดียว แดร๊กส้นตรีนมวลมหาประชาชนไทยมุย? เมือความเบื่อหน่ายมันล้นทะลัก การเปลี่ยนแปลงจึงก่อเกิด นี่คือจุดที่ทหารเค้ารอเล่นอยู่ น้ำท่วมใครช่วยมรึงได้จริง? ทหารทั้งนั้น วังทั้งนั้น ของพระราชทานทั้งนั้น มันเป็นแบบนี้มากี่ยุค กี่สมัยแล้ว เลิกแกล้งโง่ซักที! จะมีพรรคการเมือง นักการเมืองไปทำไม? เสนียดจัญไรแผ่นดินทั้งนั้น โลกเค้าไม่แคร์ปชต. กันแล้ว เพราะมันแดร๊กไม่ได้ จะหิวตายกันหมดแล้ว ไปแหกตาดูอเมริกา ยุโรป ตอนนี้สิ? จ่ายหนัก จ่ายอ่วม มีแต่จ่าย เพราะใครกันล่ะ?

    หมี CNN(ใจร่มๆ เวลาเหี้ยจะตายหมู่ สัญญานมันจะแรงแบบนี้แหละ เพราะเสียงโหยหวลมันจะดังไปไกลมาก ดิ้นทุรนทุรายกันใหญ่ เกมส์โลกไม่พ้นมินิคุ๊กกี้ชาเขียว เกมส์ไทยไม่พ้นส้นตรีนบู๊ทเบอร์ 10 ภาพมันชัด ภาพมันฟ้อง สงครามมันแค่ปัจจัยเสริม ปากท้องคือหนทางสู่ชัยชนะ ใครเลี้ยงโลกได้ ทำให้โลกอิ่มได้ นั่นคือจ้าวโลกคนใหม่ ส่วนข่าวที่อีแขกภาระตะจะขายข้าวขาว สะเทือนอาเซียนนั่น นั่นคือกลไกตลาด อย่าไปกลัว สุดท้ายมันวัดกันที่คุณภาพข้าว และชื่อเสียงที่โด่งดังกันมานาน ยังไงข้าว ปลา อาหาร คือของจริง มีเท่าไหร่ ก็ไม่พอขายดอก หากยิ่งสงครามมาเต็ม อีแขกก็ต้องเก็บสแปร์เอาไว้เช่นกัน เพราะทางฝั่งปากีฯ เริ่มส่งสัญญานปลดแอกเหี้ยยิวกันหมดแล้ว อีบังคลาเทศที่เพิ่งจะถูกม็อบปฎิวัติไป กำลังจะเก็บกวาดในไม่ช้านี้ ความวุ่นวายทั่วโลกจะก่อเกิด ใครมีข้าวในมือ ยิ่งกว่าทองคำ อย่าปล่อย ตามตามเทตามตลาดตอนนี้ เพราะมันคือเกมส์ดึงเชงเค้า)
    11 ตุลาคม 67
    11.53 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172862253941620845
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    11-10-67/01 : หมี CNN / "หมีตะนอย" EP19 ตอน "SECRET WEAPON" ไม่ต้องซ่อนกันอีกแล้ว งัดออกมาโชว์เลย ลวกเพ่! กลัวจุงเบย? หลังเหี้ยมะกันสัญญาจะอุ้มอียิวระยำสลัดหมาจนตัวตาย เป็นไปตามแผนขั้วใหม่ รอกระดิกตรีนเชือด งานนี้ ต้องเอาให้อับอายไปทั่วโลก ประกาศศักดากันให้ชัดไปเลย ว่า ไอ้ที่มรึงเห่าหอนมาแรมปี แม่ง "โคตรกระจอก" เตรียมตายคาตรีนโลกได้เลย! เพราะอาหรับเค้าลงแขกอียิว ใครมาช่วย อาหรับจะช่วยกระทืบซ้ำ ชัดน่ะ? ข่าวไม่ลับดอกน่ะ ไม่แปลกที่จีนแอบส่งหน่วยเฉพาะกิจเข้าไปในเลบานอน ใครบอกล่ะว่ามีแต่จีน? แม่งมากันหมดโลกเลยมั้ง? ทั้งแอฟริกา โสมแดง จีน รัสเซีย อิหร่าน อิรัก ซีเรีย เค้าเข้าไปวางระบบ เตรียมการนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะเริ่ม เพราะอ่านขาด ว่ามรึงต้องมาทางนี้แน่! อิหร่านสอนเชิง ต่อให้มรึงยิงมิสไซส์มา 1000 ลูก กูก็เอาอยู่ เพราะยังมีอะไรอีกเยอะ ที่มรึงยังไม่รู้? บอกตรง เหี้ยมันรู้ตัวว่า สู้ยังไงก็แพ้ เพราะทั้งโลกสามัคคีลงแขกเหี้ยกันหมดแล้ว เหลือแค่มรึงกับอียิวเนี่ยแหละ EU มันถอยแล้ว ไปไม่สุด! มรึงจะสู้ยังไง เมื่ออาวุธ NATO ถูกรัสเซีย อิหร่าน จีน โสมแดง ถอดรหัสออกจนหมดเกลี้ยง รู้ไส้รู้พุงหมดเปลือก เอาไปโชว์โง่อยู่ที่มอสโคว์! คลังแสงมรึงหมดเกลี้ยง กำลังพลเหลือน้อยลงทุกที เกณฑ์เท่าไหร่ เข้ามาในพื้นที่ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ กลับบ้านเก่าหมด สภาพ! ล่าสุด อีหุ่นเชิดปธน.ไต้หวัน ประกาศกร้าวไม่รวมชาติจีน กูเห็นมาเยอะแล้ว ปากดี ตายคาที่ทุกตัว! แค่เล่นตามบท เคาะกะลาขอตังค์ ขออาวุธ? จีนไม่สนใจ อยากตายห่าวันไหนบอก 24 ชม. ก็เหลือแล้ว? เพราะต่างรู้กันดีว่า หน้าฉาก เหี้ยสั่งได้แต่ผู้นำหุ่นเชิด แต่หลังฉาก อำนาจสั่งการ เป็นของพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งหมอบกับจีนไปนานแล้ว ก็แค่ "ละครหลอกควายเปื่อยตุ๋นน้ำแดง" ข้ามวิกแป๊บ : ไม่ต้องดิ้น! ไม่ต้องแถ นั่งแท่นผู้บริหาร มรึงจะเห่าเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อ? ชื่อมันอยู่เต็มตา ตอนเปิดตัว กระสันจะมีเอี่ยว ตอนถูกเช็คบิล แพแตก หนีหางจุกตูดกันหมด แล้วเงินที่ไปหลอกแดร๊กควายไทยบัดซบเนี่ย "หมดไปแล้วรึจ๊ะ?" ด้านเพ่ตั๊ก ซีโร่ ผิดก็คือผิด ลูกผู้ชายตัวจริงซะอย่าง รับผิดชอบไม่มีเงื่อนไข ลุ้นเหยื่อรอด ไม่งั้นยาวแน่! ส่วนเรื่องเมาแล้วขับ รอผลตรวจ วิบากกรรมมีกันทุกคน อยู่ที่มีสติ รับมือกับมันยังไง? กลับมาที่กลกามเวทีโลกต่อ : น่าฉงน โดรนมหาเทพรัสเซีย S-70 เกิดขัดข้อง ขณะลาดตระเวนกับ SU-57 ไม่รีรอ รัสเซียสั่งจัดการยิงทิ้งทันที เพื่อไม่ให้ไปตกอยู่ในมือข้าศึก คำถามคือ "มรึงเล่นเหี้ยอะไรกันเนี่ย?" แผนสับขาหลอกมาอีก หรือไม่ตั้งใจกันแน่? S-70 คือโดรนดักจับเครื่องบินสเตลท์ GEN 5 ได้อย่างแม่นยำ หลบซ่อนตัวที่ไหนไม่รอดสายตาไปได้? S-70 มีแบบทั้งมีคนขับและไร้คนขับ เข้าใจว่านำมาเพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง แต่เกิดผิดพลาด เลยทำลายทิ้งทันที เด็ดขาดคือรัสเซีย S-70 เมื่อดักจับสัญญานเครื่องบินสเตลท์ได้ ก็สามารถนำร่องได้เช่นกัน? นี่คือตัวตึง ที่จะมาชี้เป้า ระบุพิกัดตำแหน่งขีปนาวุธนิวเคลียร์อ่ะเป่า? หากถูกแจมสัญญานดาวเทียม เรื่องนี้ ไม่นานก็มีคำตอบแน่ ว่ามันผิดพลาด หรือตั้งใจทำ เพราะกล้องจับภาพได้ง่ายดายมาก เหมือนตั้งใจให้ถ่ายซะ งั้น ถึงได้บอกไงล่ะว่า "มรึงเล่นเหี้ยอะไรกันเนี่ย?" ปกติ การปฎิบัติภาระกิจใดของรัสเซียก็ตาม มักจะเก็บเป็นความลับเสมอ แต่งวดนี้ เด่นชัด ไปป่ะ? ปล.อีเหลี่ยมขี้แตก! หมากเด็ด ธีรยุทธ ยิงรัว โดนทุกดอก ใครชง ใครตบ ใครส่งเข้าประกวด ไม่ต้องถาม? หลักฐานทุกเม็ด ครบทุกชิ้นถึงมือศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ส่อดึงกลับ ย้อนเข้าคุก ขัดพระบรมราชโองการชัด! โมฆะพระราชทานอภัยลดโทษ เหตุยื่นเสนอเป็นเท็จ ทุกอย่างที่กูเคยบอก เงายมราชมาตามเอาหัวมรึงแล้วไงล่ะ? เผ่นสิจ๊ะ น่ะจ๊ะ มันจะไปยากอะไร แค่มรึงจ่ายครบจบที่เดียว! คืนมาให้หมด พร้อมดอกเบี้ยแผ่นดิน แล้วไสหัวไปซะ เดี๋ยวค่อยส่งมือเก็บไปตามล่าหัวต่อไป ที่มาว่า อีเหลี่ยมชาติหมาพยายามกระตุ้นเกมส์การเมืองใหม่ ต่อรอง อีเนวินบอกชัด มันจบแล้วครับนาย! ลืมตามาดูโลกความเป็นจริงบ้าง "แค่ใต้ตรีนวัง" กองทัพเริ่มจัดขบวนใหม่ แข็งแกร่งกว่าเก่า เบ็ดเสร็จเด็ดขาดขึ้นเยอะ ศาลทำหน้าที่ฉลุย ไม่มีใครมาขัดแข้งขัดขาได้อีก ฝีมือเสธ.แดงเค้า กวาดทางสะดวกโยธิน ปูทางกฎหมายศักดิ์สิทธิ์กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนละครปาหี่ศรีธนญชัย ทนดูอีกไม่นานดอก ศาลฟันเมื่อไหร่ เข้าคุกทั้งกะปิ เพราะทุกคดีมันพ่วงกันหมด มัดตราสังข์รอไว้แล้ว! ช่วงนี้โปรดสังเกตุ ทุนเหี้ยห่าซาตาน ที่เคยหลอกแดร๊กเงินชาวบ้าน ถูกชำระแค้นหมด ใครทำชั่ว ใคร 18 มงกุฎ ถูกลากเข้าคุกหมด ทุกอย่างไม่มีบังเอิญ แค่ใบสั่ง มันมาตามนัดเท่านั้นเอง! เอาอีกากีมาล้างทุนสีเทา(บีบคอ บีบไข่ จนดิ้นไม่หลุด) แล้วเอาอีเขียวมาเหยียบหัวอีกากีอีกที เหี้ยขนาดไหน ก็ไปไม่รอด เมื่อเขียวเค้าสั่งมา! เหลืองอย่าเพิ่งออก แดงอย่าเพิ่งรีบเข้า ดอกนี้ เค้าเรียก "เชือดลูกเหี้ยให้พ่อเหี้ยมันดู" การเมืองส้นตรีนใกล้จบ อีแดงจะเอาเงิน(ภาษีประชากรควาย) ฟาดอีควายไทยบัดซบต่อ เงินไม่ใช่ของกูเหรอ? แล้วที่มรึงต้องใช้น้ำมันแพง สินค้าขึ้นราคาไม่มีลง ค่าไฟ ค่าน้ำ ชนชั้นกลางแบกภาษีไปตั้งเท่าไหร่ มรึงไม่รู้สึก เพราะมรึงไม่ได้จ่ายไงล่ะ? จะเอาท่าเดียว แดร๊กส้นตรีนมวลมหาประชาชนไทยมุย? เมือความเบื่อหน่ายมันล้นทะลัก การเปลี่ยนแปลงจึงก่อเกิด นี่คือจุดที่ทหารเค้ารอเล่นอยู่ น้ำท่วมใครช่วยมรึงได้จริง? ทหารทั้งนั้น วังทั้งนั้น ของพระราชทานทั้งนั้น มันเป็นแบบนี้มากี่ยุค กี่สมัยแล้ว เลิกแกล้งโง่ซักที! จะมีพรรคการเมือง นักการเมืองไปทำไม? เสนียดจัญไรแผ่นดินทั้งนั้น โลกเค้าไม่แคร์ปชต. กันแล้ว เพราะมันแดร๊กไม่ได้ จะหิวตายกันหมดแล้ว ไปแหกตาดูอเมริกา ยุโรป ตอนนี้สิ? จ่ายหนัก จ่ายอ่วม มีแต่จ่าย เพราะใครกันล่ะ? หมี CNN(ใจร่มๆ เวลาเหี้ยจะตายหมู่ สัญญานมันจะแรงแบบนี้แหละ เพราะเสียงโหยหวลมันจะดังไปไกลมาก ดิ้นทุรนทุรายกันใหญ่ เกมส์โลกไม่พ้นมินิคุ๊กกี้ชาเขียว เกมส์ไทยไม่พ้นส้นตรีนบู๊ทเบอร์ 10 ภาพมันชัด ภาพมันฟ้อง สงครามมันแค่ปัจจัยเสริม ปากท้องคือหนทางสู่ชัยชนะ ใครเลี้ยงโลกได้ ทำให้โลกอิ่มได้ นั่นคือจ้าวโลกคนใหม่ ส่วนข่าวที่อีแขกภาระตะจะขายข้าวขาว สะเทือนอาเซียนนั่น นั่นคือกลไกตลาด อย่าไปกลัว สุดท้ายมันวัดกันที่คุณภาพข้าว และชื่อเสียงที่โด่งดังกันมานาน ยังไงข้าว ปลา อาหาร คือของจริง มีเท่าไหร่ ก็ไม่พอขายดอก หากยิ่งสงครามมาเต็ม อีแขกก็ต้องเก็บสแปร์เอาไว้เช่นกัน เพราะทางฝั่งปากีฯ เริ่มส่งสัญญานปลดแอกเหี้ยยิวกันหมดแล้ว อีบังคลาเทศที่เพิ่งจะถูกม็อบปฎิวัติไป กำลังจะเก็บกวาดในไม่ช้านี้ ความวุ่นวายทั่วโลกจะก่อเกิด ใครมีข้าวในมือ ยิ่งกว่าทองคำ อย่าปล่อย ตามตามเทตามตลาดตอนนี้ เพราะมันคือเกมส์ดึงเชงเค้า) 11 ตุลาคม 67 11.53 น. https://linevoom.line.me/post/1172862253941620845 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ละเลย-นิ่งดูดาย-โยนภาระ’ กับดักความไม่ปลอดภัยในเด็ก ที่ ‘ผู้ใหญ่’ ไม่เคยจำ!
    https://theactive.net/read/child-safety
    ‘ละเลย-นิ่งดูดาย-โยนภาระ’ กับดักความไม่ปลอดภัยในเด็ก ที่ ‘ผู้ใหญ่’ ไม่เคยจำ! https://theactive.net/read/child-safety
    THEACTIVE.NET
    'ละเลย-นิ่งดูดาย-โยนภาระ' กับดักความไม่ปลอดภัยในเด็ก ที่ 'ผู้ใหญ่' ไม่เคยจำ! | The Active
    เราต้องยอมรับก่อนว่า เมื่อเหตุสูญเสียเกิดขึ้น มันคือการละเมิดสิทธิเด็ก มันคือความละเลยของผู้ใหญ่
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว