• ป.ป.ท.-ตร.สอบสวนกลาง บุกตรวจทรัพย์สิน "วัดท่าหลวง" หลังเจ้าอาวาสพัวพันสีกา! พบ 30 บัญชีธนาคาร-ยอดปี 62 หายไป
    https://www.thai-tai.tv/news/20328/
    .
    #วัดท่าหลวง #พิจิตร #เจ้าอาวาส #สีกากอล์ฟ #ตำรวจสอบสวนกลาง #ปปท #ปปป #ตรวจทรัพย์สิน #คดีทุจริตสงฆ์ #บัญชีวัด
    ป.ป.ท.-ตร.สอบสวนกลาง บุกตรวจทรัพย์สิน "วัดท่าหลวง" หลังเจ้าอาวาสพัวพันสีกา! พบ 30 บัญชีธนาคาร-ยอดปี 62 หายไป https://www.thai-tai.tv/news/20328/ . #วัดท่าหลวง #พิจิตร #เจ้าอาวาส #สีกากอล์ฟ #ตำรวจสอบสวนกลาง #ปปท #ปปป #ตรวจทรัพย์สิน #คดีทุจริตสงฆ์ #บัญชีวัด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • จนท.ทั้งตำรวจสอบสวนกลาง-ป.ป.ท.เขต-ป.ป.ป. บุกตรวจทรัพย์สินวัดท่าหลวง ส่องเงินในบัญชีวัดตั้งแต่ปี 58-ปัจจุบัน รวมถึงรายได้จากอีเว้นท์งานแข่งเรือ/งานหลวงพ่อเพชร-เงินทำบุญ ยันกรุวัตถุมงคล หลังอดีตเจ้าอาวาสฯ-เจ้าคณะฯพิจิตร ต้องแหกพรรษาลาสิกขาฯเซ่นสัมพันธ์ฉาว “สีกากอล์ฟ” เบื้องต้นไม่พบเอกสารปี 62

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000066917

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    จนท.ทั้งตำรวจสอบสวนกลาง-ป.ป.ท.เขต-ป.ป.ป. บุกตรวจทรัพย์สินวัดท่าหลวง ส่องเงินในบัญชีวัดตั้งแต่ปี 58-ปัจจุบัน รวมถึงรายได้จากอีเว้นท์งานแข่งเรือ/งานหลวงพ่อเพชร-เงินทำบุญ ยันกรุวัตถุมงคล หลังอดีตเจ้าอาวาสฯ-เจ้าคณะฯพิจิตร ต้องแหกพรรษาลาสิกขาฯเซ่นสัมพันธ์ฉาว “สีกากอล์ฟ” เบื้องต้นไม่พบเอกสารปี 62 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000066917 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • สีกากอล์ฟพิฆาตพระ นึกว่ารอดแต่โดนรวบ!

    การจับกุมสีกากอล์ฟ หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ วัย 35 ปี ที่เสพเมถุนและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายคน ถึงขั้นปาราชิก ลาสิกขาราวกับใบไม้ร่วง เกิดวิกฤตศรัทธาวงการพระพุทธศาสนา สังคมพากันโล่งใจไปบ้าง เพราะกว่าตำรวจสอบสวนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาผิดได้ ต้องใช้เวลาและพยานหลักฐานหนักมาก

    สีกากอล์ฟถูกเอาผิดใน 3 คดี เป็นของ บก.ปปป. ขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ตลิ่งชัน) ออกหมายจับ ได้แก่ สนับสนุนเจ้าพนักงาน คือ อดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ยักยอกเงินบัญชีวัด 3.8 แสนบาทใส่บัญชีตัวเองแล้วโอนให้สีกากอล์ฟ ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร

    ส่วนอีก 2 คดีเป็นของกองปราบปราม ขอศาลอาญา (รัชดาภิเษก) ออกหมายจับ ได้แก่ คดีฉ้อโกงหลอกเอาเงินอดีต ผอ.พระพุทธศาสนาพิจิตร 4 แสนบาท อ้างว่ามีข้อมูลเสพเมถุนกับพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร แล้วก็ไม่ส่ง ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านร้องเรียนว่าเสพเมถุนและทุจริตเงินวัดตั้งแต่ปี 2559 แต่สุดท้าย ผอ.ถูกเจ้าคณะจังหวัดเด้งไปอยู่ที่อื่น

    กับคดีรีดเอาทรัพย์และทำให้เสื่อมเสีย ที่อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม ถูกขู่ให้โอนเงิน 15,000 บาท แลกกับการไม่ถูกแฉเรื่องเสพเมถุน อดีตพระครูฯ ต้องยอมโอนเงินให้ 8,000 บาท กับบังคับให้ทำหนังสือร้องเรียนอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เรื่องเสพเมถุนเพื่อหวังรีดเงิน 7.2 ล้านบาท อ้างว่าท้องขอค่าเลี้ยงลูก

    น่าเสียดายที่เจ้าคุณอาชว์รู้สึกอับอาย หลังลาสิกขาเลือกที่จะหนีหาย ทั้งที่กรณีที่สีกากอล์ฟขู่เรียกเงิน 7.2 ล้านบาท เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ถ้าลาสิกขาและให้ความร่วมมือกับตำรวจ บก.ปปป. ให้ข้อมูลก็สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ แม้เจ้าคุณอาชว์จะจ่ายเงินส่วนตัวให้สีกากอล์ฟหลักล้านบาท แลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นข่าว

    การแถลงข่าวของตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ระบุว่า พระที่ยอมรับว่าเสพเมถุนกับสีกากอล์ฟมี 9 รูป เหลือพระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่ยังไม่สึกออกมา ส่วนพระที่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมี 3 รูป หนึ่งในนั้นคือพระมหาทิวากร อาภทฺโท เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ยังหลบหนี นอกเหนือจากยักยอกเงินวัดกว่า 1 ล้านบาท

    ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บัญชีธนาคารของสีกากอล์ฟมีเงินหมุนเวียนกว่า 380 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่โอนออกไปยังเว็บพนัน แต่ละครั้งสูงสุด 500,000 บาท ปัจจุบันเหลือติดบัญชี 8,000 บาท ตำรวจไซเบอร์กำลังแกะรอยอยู่

    #Newskit
    สีกากอล์ฟพิฆาตพระ นึกว่ารอดแต่โดนรวบ! การจับกุมสีกากอล์ฟ หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ วัย 35 ปี ที่เสพเมถุนและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายคน ถึงขั้นปาราชิก ลาสิกขาราวกับใบไม้ร่วง เกิดวิกฤตศรัทธาวงการพระพุทธศาสนา สังคมพากันโล่งใจไปบ้าง เพราะกว่าตำรวจสอบสวนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาผิดได้ ต้องใช้เวลาและพยานหลักฐานหนักมาก สีกากอล์ฟถูกเอาผิดใน 3 คดี เป็นของ บก.ปปป. ขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ตลิ่งชัน) ออกหมายจับ ได้แก่ สนับสนุนเจ้าพนักงาน คือ อดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ยักยอกเงินบัญชีวัด 3.8 แสนบาทใส่บัญชีตัวเองแล้วโอนให้สีกากอล์ฟ ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร ส่วนอีก 2 คดีเป็นของกองปราบปราม ขอศาลอาญา (รัชดาภิเษก) ออกหมายจับ ได้แก่ คดีฉ้อโกงหลอกเอาเงินอดีต ผอ.พระพุทธศาสนาพิจิตร 4 แสนบาท อ้างว่ามีข้อมูลเสพเมถุนกับพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร แล้วก็ไม่ส่ง ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านร้องเรียนว่าเสพเมถุนและทุจริตเงินวัดตั้งแต่ปี 2559 แต่สุดท้าย ผอ.ถูกเจ้าคณะจังหวัดเด้งไปอยู่ที่อื่น กับคดีรีดเอาทรัพย์และทำให้เสื่อมเสีย ที่อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม ถูกขู่ให้โอนเงิน 15,000 บาท แลกกับการไม่ถูกแฉเรื่องเสพเมถุน อดีตพระครูฯ ต้องยอมโอนเงินให้ 8,000 บาท กับบังคับให้ทำหนังสือร้องเรียนอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เรื่องเสพเมถุนเพื่อหวังรีดเงิน 7.2 ล้านบาท อ้างว่าท้องขอค่าเลี้ยงลูก น่าเสียดายที่เจ้าคุณอาชว์รู้สึกอับอาย หลังลาสิกขาเลือกที่จะหนีหาย ทั้งที่กรณีที่สีกากอล์ฟขู่เรียกเงิน 7.2 ล้านบาท เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ถ้าลาสิกขาและให้ความร่วมมือกับตำรวจ บก.ปปป. ให้ข้อมูลก็สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ แม้เจ้าคุณอาชว์จะจ่ายเงินส่วนตัวให้สีกากอล์ฟหลักล้านบาท แลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นข่าว การแถลงข่าวของตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ระบุว่า พระที่ยอมรับว่าเสพเมถุนกับสีกากอล์ฟมี 9 รูป เหลือพระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่ยังไม่สึกออกมา ส่วนพระที่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมี 3 รูป หนึ่งในนั้นคือพระมหาทิวากร อาภทฺโท เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ยังหลบหนี นอกเหนือจากยักยอกเงินวัดกว่า 1 ล้านบาท ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บัญชีธนาคารของสีกากอล์ฟมีเงินหมุนเวียนกว่า 380 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่โอนออกไปยังเว็บพนัน แต่ละครั้งสูงสุด 500,000 บาท ปัจจุบันเหลือติดบัญชี 8,000 บาท ตำรวจไซเบอร์กำลังแกะรอยอยู่ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ อยุธยา สึกจากความเป็นพระรายที่ 8 หลังตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. บุกตรวจสอบบัญชีวัด พัวพันสีกากอล์ฟ ยอมรับพลาด อ่อนต่อโลก เชื่อใจ อ้างพระผู้ใหญ่ โอนเงินให้กว่า 12 ล้าน หนึ่งในนั้นเป็นเงินวัดราว 4 แสนบาท ขณะที่สำนักพุทธฯ อัปเดตยอดถึงครึ่งวันเช้า พระสึกเพราะสีกากอล์ฟไปแล้ว 7 รูป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000066095

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ อยุธยา สึกจากความเป็นพระรายที่ 8 หลังตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. บุกตรวจสอบบัญชีวัด พัวพันสีกากอล์ฟ ยอมรับพลาด อ่อนต่อโลก เชื่อใจ อ้างพระผู้ใหญ่ โอนเงินให้กว่า 12 ล้าน หนึ่งในนั้นเป็นเงินวัดราว 4 แสนบาท ขณะที่สำนักพุทธฯ อัปเดตยอดถึงครึ่งวันเช้า พระสึกเพราะสีกากอล์ฟไปแล้ว 7 รูป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000066095 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 560 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยปม! "เจ้าคุณอาชว์"สึกหนีความผิด กลัวถูกทีมงาน "บิ๊กเต่า"จับกุมเหมือน"ทิดแย้ม" พบเคยพยายามติดต่อพระผู้ใหญ่ ขอกลับมาลาสิกขาแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี

    วันนี้ ( 1 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินภายในวัดตรีทศเทพ ของ บก.ปปป., ป.ป.ท. , ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ เบื้องต้นพระเลขา ที่ดูแลบัญชี วัดตรีทศเทพ นำบัญชีวัดจำนวน 5 บัญชี ประกอบด้วย บัญชีการบูรณะภาพวาดฝาผนังวัด, บัญชีค่าเช่าที่จอดรถ,บัญชีงานกฐิน,บัญชีค่าบำรุงศาสนสถาน และบัญชีรายจ่ายค่าน้ำค่าไฟภายในวัด มาให้ตรวจสอบ เท่าที่เจ้าหน้าที่ตรวจดูยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด คาดว่าจะมีการประสานขอเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากยังมีบัญชีธนาคารอีกหลายบัญชีที่ยังไม่ได้ให้มาตรวจสอบ เนื่องจากพระที่ดูแลไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000062002

    #Thaitimes #MGROnline #เจ้าคุณอาชว์ #วัดตรีทศเทพ
    เผยปม! "เจ้าคุณอาชว์"สึกหนีความผิด กลัวถูกทีมงาน "บิ๊กเต่า"จับกุมเหมือน"ทิดแย้ม" พบเคยพยายามติดต่อพระผู้ใหญ่ ขอกลับมาลาสิกขาแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี • วันนี้ ( 1 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินภายในวัดตรีทศเทพ ของ บก.ปปป., ป.ป.ท. , ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ เบื้องต้นพระเลขา ที่ดูแลบัญชี วัดตรีทศเทพ นำบัญชีวัดจำนวน 5 บัญชี ประกอบด้วย บัญชีการบูรณะภาพวาดฝาผนังวัด, บัญชีค่าเช่าที่จอดรถ,บัญชีงานกฐิน,บัญชีค่าบำรุงศาสนสถาน และบัญชีรายจ่ายค่าน้ำค่าไฟภายในวัด มาให้ตรวจสอบ เท่าที่เจ้าหน้าที่ตรวจดูยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด คาดว่าจะมีการประสานขอเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากยังมีบัญชีธนาคารอีกหลายบัญชีที่ยังไม่ได้ให้มาตรวจสอบ เนื่องจากพระที่ดูแลไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000062002 • #Thaitimes #MGROnline #เจ้าคุณอาชว์ #วัดตรีทศเทพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • แถลงความคืบหน้า "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" ตรวจแล้ว 51 บัญชี พบรายได้วัดมากถึง 176 ล้านบาท/ปี อึ้งคลิปเสียงหลักฐาน "ทิดแย้ม" โอนเงิน "สีกาเกร็น" พบมีเงินหมุ่นเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท

    วันนี้ (22 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่คณะทำงานสืบสวนสอบสวน "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" แถลงความคืบหน้าการสืบสวนเส้นทางการเงิน หลังจับกุม "ทิดแย้ม - สีกาเกร็น" แล้ว 7 วัน

    พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยว่า 7 วันที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลได้เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นไปยังการหยุดยั้งการกระทำความผิด หยุดยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัดฯ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนการจะให้ข่าวอะไร จึงต้องเซฟเพื่อไม่กระทบต่อความศรัทธา

    เริ่มต้นจากการที่มีหนังสือร้องเรียนมายังผู้บังคับการกองปราบปราม ว่ามีการนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัวและมีการหยิบยืมเงินพระและฆราวาสเป็นหลักล้านบาท โดยได้ส่งผู้กองทอน พรางตัวไปสืบสวนฯ จนพบหลักฐานว่าเจ้าอาวาสใช้เงินวัดโอนเงินไปให้ "อรัญญาวรรณ หรือ สีกาเกร็น"

    โดย บก.ปปป. ตรวจสอบพบว่าขณะนี้พบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับคดี 51 บัญชี บัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส 21 บัญชี , อรัญญาวรรณ 12 บัญชี โดยมุ่งไปที่เงินหมุนเวียนของอรัญญาวรรณ พบว่าตั้งแต่ปี 2569 มีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมี 4 ช่องทางในการรับเงิน 1.ฝากเงินเงินสด 2.รับโอนจากเจ้าอาวาส 3.รับโอนจากอดีตพระมหาเอกพจน์ 4. รับโอนเงินจากนายฉัตรชัย สีเลี้ยง ซึ่งจากพยานหลักฐานพบว่าไม่สอดคล้องกับคำให้การของอดีตเจ้าอาวาส

    พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เผยว่าวัดไร่ขิง มีรายได้หลายช่องทาง รายได้ตั้งแต่ ต.ค. 66 - ก.ย. 67 เฉลี่ย 400,000 ต่อวัน , 14.7 ล้านบาทต่อเดือน , 176 ล้านบาทต่อปี

    โดย ป.ป.ท. รับทำในส่วนของบัญชีวัดฯ ซึ่งพบความผิดปกติหลายรายการ เช่น การเช่าร้านค้า ปีหนึ่งวัดมีรายได้จากส่วนนี้มากกว่า 30 ล้านบาท โดยเมื่อก่อนมีการนำเงินเข้าบัญชีโดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมารับ

    แต่หลังจากปี 2563 - 2567 พบว่าไม่ได้มีการปฏิบัติตามเช่นที่ทำกันมา โดยมีการเอาเงินสดทั้งหมดไปมอบให้เจ้าอาวาส ซึ่งพบว่าจำนวนเงินที่นำไปให้เจ้าอาวาส เกือบ 200 ล้านบาท

    อีกทั้งเรื่องเงินกฐินพบว่ามีการมอบไปให้เจ้าอาวาสกว่า 20 ล้านบาท รวมถึงการขายวัตถุมงคล ก็เป็นลักษณะพฤติกรรมเดียวกัน

    ส่วนร้านค้าสวัสดิการ พบมีเงินไปเกี่ยวโยงกับบัญชีของคู่สามีภรรยา ซึ่งจะต้องตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

    นอกจากนี้ในการแถลงข่าวยังได้มีการเปิดคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง "ทิตแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง กับ สีกาเกร็น" โดยเป็นการพูดคุยเกียวกับการขอเงินไปส่งค่างวดให้กับเว็บพนัน ซึ่งทิตแย้ม แสดงน้ำเสียงบ่งบอกถึงการหาเงินไม่ทัน

    จากคลิปเสียงดังกล่าว พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว เผยว่า เป็นการสนทนากันช่วงเดือนกันยายน 2567 ซึ่งเป็นการให้โอนเงินไปยังเว็บพนัน ซึ่งส่วนนี้หลวงพ่อรับรู้

    โดยความสัมพันธ์ของสีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ กับอดีตเจ้าอาวาสขอแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ "ช่วงหวาน" กับ "ช่วงขม"

    ช่วงหวานอาจจะเกิดก่อนปี 2563 มีการเริ่มเข้ามายืมเงิน "ทิตแย้ม" 5 ถึง 6 หมื่นบาท และมีการทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้กับ "ทิตแย้ม" ซึ่ง "ทิตแย้ม" ก็ช่วยไป เมื่อยืมเสร็จแล้วก็มีการติดต่อมีการพูดคุยกันเรื่อยมาทุกวัน

    จากนั้นก็เริ่มมีการโอนเงินให้ครั้งละ 1,000 ถึง 10,000 ก่อนที่จะมีการแลก LINE กัน ซึ่งเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น มีการโชว์หน้ากัน "คุยกันไปก็น้ำหนักมากภาพก็เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยเรื่อย ๆ"

    โดย สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ เป็นเด็กที่เรียนอยู่วัดไร่ขิง ช่วง ม.ต้น มาทำกิจกรรมจิตอาสาที่วัดฯ ทำให้ได้เคยพูดคุยและพบกับหลวงพ่อ ก่อนที่จะจบออกไปทำงานพบว่าค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ แล้วกลับมาบ้านคาดว่าน่าจะเป็นช่วงก่อนโควิด จึงเข้าไปขอหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อเคยพูดไว้ว่าถ้ามีแหวนวัดไร่ขิงถ้าเดือดร้อนให้มาขอความช่วยเหลือได้

    ส่วนช่วงขม คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2567 เพราะจากคลิปการสนทนา หลวงพ่อหมดทางที่จะไป เพราะเงินวัดก็เหลือน้อย ไปยืมมาก็ไม่มีให้ยืมแล้ว ต่อมาซักประมาณเดือน ธ.ค. สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ และแฟนหนุ่มถูกจับกุม ทำให้วันต้องเข้าไปพูดคุยกับหลวงพ่ออีกครั้ง พร้อมข่มขู่ว่ามีคลิปที่เคยเซ็กซ์โฟน ถูกเจ้าหน้าที่ของ สอท. ยึดไป วันว่าคลิปดังกล่าวจะถูกเปิดเผยจึงกลับมาข่มขู่หลวงพ่อ เพื่อจะเอาเงินไปดำเนินการหลังถูกจับกุม

    นายคณพศ สตง. 3 ได้ วัดมีสามมูลนิ มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง , มูลนิธิพระอุบาลีฯ , มูลนิธิวัดไร่ขิง , โดยใน 3 มูลนิธินี้มูลนิธิที่มีเงินมากที่สุดคือ "มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง"

    ส่วนมูลนิธิเมตตาประชารัฐ มีอยู่ประมาณ 66 ล้านบาท , มูลนิธิพระอุบาลี 19 ล้านบาท โดยพบว่าเจ้าอาวาสได้มีการยืมเงินกับมูลนิธิวัดไร่ขิงไป 35 ล้านบาทโดยไม่มีรายละเอียดว่ายืมไปทำอะไร ซึ่งเป็นการยืมไปทั้งก้อน โดยมาคืน 5,000,0 บาทในปี 2567 ทำให้ยอดหนี้คงเหลือ 30 ล้านบาท

    นอกจากนี้อดีตเจ้าอาวาสยังได้ยืมเงินในส่วนของมูลนิธิอุบารีไปอีกเก้าล้านบาท โดยมีการชดใช้ไปปีละ 1,100,000 บาท เป็นเวลา 9 ปี รวมเป็นหนี้มูลนิธิทั้งสองมูลนิธิ 38 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคืบหน้าการสืบสวน ยังคงต้องดำเนินการสืบเส้นทางการเงิน-รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

    https://news.ch7.com/detail/804103?fbclid=IwQ0xDSwKbsG5leHRuA2FlbQIxMQABHokl0oAdErnD4pB1keWRJaP2kUkH8-mqlcKVIf1eLNVxzVQbjvvP5Dub3d7w_aem__H3KnIHQ_QuZGpRP3tFxRg#maz1m2gy1zyyhlh1mg4
    แถลงความคืบหน้า "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" ตรวจแล้ว 51 บัญชี พบรายได้วัดมากถึง 176 ล้านบาท/ปี อึ้งคลิปเสียงหลักฐาน "ทิดแย้ม" โอนเงิน "สีกาเกร็น" พบมีเงินหมุ่นเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท วันนี้ (22 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่คณะทำงานสืบสวนสอบสวน "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" แถลงความคืบหน้าการสืบสวนเส้นทางการเงิน หลังจับกุม "ทิดแย้ม - สีกาเกร็น" แล้ว 7 วัน พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยว่า 7 วันที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลได้เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นไปยังการหยุดยั้งการกระทำความผิด หยุดยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัดฯ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนการจะให้ข่าวอะไร จึงต้องเซฟเพื่อไม่กระทบต่อความศรัทธา เริ่มต้นจากการที่มีหนังสือร้องเรียนมายังผู้บังคับการกองปราบปราม ว่ามีการนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัวและมีการหยิบยืมเงินพระและฆราวาสเป็นหลักล้านบาท โดยได้ส่งผู้กองทอน พรางตัวไปสืบสวนฯ จนพบหลักฐานว่าเจ้าอาวาสใช้เงินวัดโอนเงินไปให้ "อรัญญาวรรณ หรือ สีกาเกร็น" โดย บก.ปปป. ตรวจสอบพบว่าขณะนี้พบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับคดี 51 บัญชี บัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส 21 บัญชี , อรัญญาวรรณ 12 บัญชี โดยมุ่งไปที่เงินหมุนเวียนของอรัญญาวรรณ พบว่าตั้งแต่ปี 2569 มีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมี 4 ช่องทางในการรับเงิน 1.ฝากเงินเงินสด 2.รับโอนจากเจ้าอาวาส 3.รับโอนจากอดีตพระมหาเอกพจน์ 4. รับโอนเงินจากนายฉัตรชัย สีเลี้ยง ซึ่งจากพยานหลักฐานพบว่าไม่สอดคล้องกับคำให้การของอดีตเจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เผยว่าวัดไร่ขิง มีรายได้หลายช่องทาง รายได้ตั้งแต่ ต.ค. 66 - ก.ย. 67 เฉลี่ย 400,000 ต่อวัน , 14.7 ล้านบาทต่อเดือน , 176 ล้านบาทต่อปี โดย ป.ป.ท. รับทำในส่วนของบัญชีวัดฯ ซึ่งพบความผิดปกติหลายรายการ เช่น การเช่าร้านค้า ปีหนึ่งวัดมีรายได้จากส่วนนี้มากกว่า 30 ล้านบาท โดยเมื่อก่อนมีการนำเงินเข้าบัญชีโดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมารับ แต่หลังจากปี 2563 - 2567 พบว่าไม่ได้มีการปฏิบัติตามเช่นที่ทำกันมา โดยมีการเอาเงินสดทั้งหมดไปมอบให้เจ้าอาวาส ซึ่งพบว่าจำนวนเงินที่นำไปให้เจ้าอาวาส เกือบ 200 ล้านบาท อีกทั้งเรื่องเงินกฐินพบว่ามีการมอบไปให้เจ้าอาวาสกว่า 20 ล้านบาท รวมถึงการขายวัตถุมงคล ก็เป็นลักษณะพฤติกรรมเดียวกัน ส่วนร้านค้าสวัสดิการ พบมีเงินไปเกี่ยวโยงกับบัญชีของคู่สามีภรรยา ซึ่งจะต้องตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป นอกจากนี้ในการแถลงข่าวยังได้มีการเปิดคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง "ทิตแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง กับ สีกาเกร็น" โดยเป็นการพูดคุยเกียวกับการขอเงินไปส่งค่างวดให้กับเว็บพนัน ซึ่งทิตแย้ม แสดงน้ำเสียงบ่งบอกถึงการหาเงินไม่ทัน จากคลิปเสียงดังกล่าว พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว เผยว่า เป็นการสนทนากันช่วงเดือนกันยายน 2567 ซึ่งเป็นการให้โอนเงินไปยังเว็บพนัน ซึ่งส่วนนี้หลวงพ่อรับรู้ โดยความสัมพันธ์ของสีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ กับอดีตเจ้าอาวาสขอแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ "ช่วงหวาน" กับ "ช่วงขม" ช่วงหวานอาจจะเกิดก่อนปี 2563 มีการเริ่มเข้ามายืมเงิน "ทิตแย้ม" 5 ถึง 6 หมื่นบาท และมีการทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้กับ "ทิตแย้ม" ซึ่ง "ทิตแย้ม" ก็ช่วยไป เมื่อยืมเสร็จแล้วก็มีการติดต่อมีการพูดคุยกันเรื่อยมาทุกวัน จากนั้นก็เริ่มมีการโอนเงินให้ครั้งละ 1,000 ถึง 10,000 ก่อนที่จะมีการแลก LINE กัน ซึ่งเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น มีการโชว์หน้ากัน "คุยกันไปก็น้ำหนักมากภาพก็เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยเรื่อย ๆ" โดย สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ เป็นเด็กที่เรียนอยู่วัดไร่ขิง ช่วง ม.ต้น มาทำกิจกรรมจิตอาสาที่วัดฯ ทำให้ได้เคยพูดคุยและพบกับหลวงพ่อ ก่อนที่จะจบออกไปทำงานพบว่าค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ แล้วกลับมาบ้านคาดว่าน่าจะเป็นช่วงก่อนโควิด จึงเข้าไปขอหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อเคยพูดไว้ว่าถ้ามีแหวนวัดไร่ขิงถ้าเดือดร้อนให้มาขอความช่วยเหลือได้ ส่วนช่วงขม คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2567 เพราะจากคลิปการสนทนา หลวงพ่อหมดทางที่จะไป เพราะเงินวัดก็เหลือน้อย ไปยืมมาก็ไม่มีให้ยืมแล้ว ต่อมาซักประมาณเดือน ธ.ค. สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ และแฟนหนุ่มถูกจับกุม ทำให้วันต้องเข้าไปพูดคุยกับหลวงพ่ออีกครั้ง พร้อมข่มขู่ว่ามีคลิปที่เคยเซ็กซ์โฟน ถูกเจ้าหน้าที่ของ สอท. ยึดไป วันว่าคลิปดังกล่าวจะถูกเปิดเผยจึงกลับมาข่มขู่หลวงพ่อ เพื่อจะเอาเงินไปดำเนินการหลังถูกจับกุม นายคณพศ สตง. 3 ได้ วัดมีสามมูลนิ มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง , มูลนิธิพระอุบาลีฯ , มูลนิธิวัดไร่ขิง , โดยใน 3 มูลนิธินี้มูลนิธิที่มีเงินมากที่สุดคือ "มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง" ส่วนมูลนิธิเมตตาประชารัฐ มีอยู่ประมาณ 66 ล้านบาท , มูลนิธิพระอุบาลี 19 ล้านบาท โดยพบว่าเจ้าอาวาสได้มีการยืมเงินกับมูลนิธิวัดไร่ขิงไป 35 ล้านบาทโดยไม่มีรายละเอียดว่ายืมไปทำอะไร ซึ่งเป็นการยืมไปทั้งก้อน โดยมาคืน 5,000,0 บาทในปี 2567 ทำให้ยอดหนี้คงเหลือ 30 ล้านบาท นอกจากนี้อดีตเจ้าอาวาสยังได้ยืมเงินในส่วนของมูลนิธิอุบารีไปอีกเก้าล้านบาท โดยมีการชดใช้ไปปีละ 1,100,000 บาท เป็นเวลา 9 ปี รวมเป็นหนี้มูลนิธิทั้งสองมูลนิธิ 38 ล้านบาท อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคืบหน้าการสืบสวน ยังคงต้องดำเนินการสืบเส้นทางการเงิน-รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป https://news.ch7.com/detail/804103?fbclid=IwQ0xDSwKbsG5leHRuA2FlbQIxMQABHokl0oAdErnD4pB1keWRJaP2kUkH8-mqlcKVIf1eLNVxzVQbjvvP5Dub3d7w_aem__H3KnIHQ_QuZGpRP3tFxRg#maz1m2gy1zyyhlh1mg4
    NEWS.CH7.COM
    ข่าวอึ้งคลิปเสียงหลักฐาน "ทิดแย้ม" โอนเงิน "สีกาเกร็น" พบมีเงินหมุ่นเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง"
    แถลงความคืบหน้า "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" ตรวจแล้ว 51 บัญชี พบรายได้วัดมากถึง 176 ล้านบาท/ปี อึ้งคลิปเสียงหลักฐาน…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 614 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทั่วโลกไม่ทํา(เว้นไทย) ใช้วีซ่าเปิดบัญชีม้า : [NEWS UPDATE]

    พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เผยถึงการจับกุมเจ้าหน้าที่ธนาคาร และจับกลุ่มผู้ต้องหาอํานวยความสะดวกให้ผู้ต้องหาชาวจีน โดยพาไปติดต่อธนาคารทั่วประเทศขอเปิดบัญชี มีผู้จัดการธนาคารและพนักงานร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร เพื่อให้เปิดบัญชีได้ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว โดยได้ส่วนแบ่งจากการเปิดบัญชี ซึ่งใน 15 บัญชีของผู้ต้องหาชาวจีนมีเงินเข้า 118 ล้านบาท ขยายผลเกี่ยวข้องกับ 462 บัญชี มีผู้เสียหาย 2,084 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,200 ล้านบาท พบเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ประสานจีนออกหมายจับชาวจีนที่หนี ประสานธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบชาวต่างชาติที่เปิดบัญชีธนาคารด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวว่ามีช่องโหว่หรือไม่ เนื่องจากทุกประเทศทั่วโลกไม่มีใครทํา

    -บัญชีวัดไร่ขิงพิรุธเพียบ

    -ทำไมต้องเอาเป็นเอาตาย

    -ส.อ.ท.หนุนชะลอแจกเงินหมื่น

    -ทีมสุดซอยค้นฟรีโซน
    ทั่วโลกไม่ทํา(เว้นไทย) ใช้วีซ่าเปิดบัญชีม้า : [NEWS UPDATE] พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เผยถึงการจับกุมเจ้าหน้าที่ธนาคาร และจับกลุ่มผู้ต้องหาอํานวยความสะดวกให้ผู้ต้องหาชาวจีน โดยพาไปติดต่อธนาคารทั่วประเทศขอเปิดบัญชี มีผู้จัดการธนาคารและพนักงานร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร เพื่อให้เปิดบัญชีได้ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว โดยได้ส่วนแบ่งจากการเปิดบัญชี ซึ่งใน 15 บัญชีของผู้ต้องหาชาวจีนมีเงินเข้า 118 ล้านบาท ขยายผลเกี่ยวข้องกับ 462 บัญชี มีผู้เสียหาย 2,084 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,200 ล้านบาท พบเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ประสานจีนออกหมายจับชาวจีนที่หนี ประสานธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบชาวต่างชาติที่เปิดบัญชีธนาคารด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวว่ามีช่องโหว่หรือไม่ เนื่องจากทุกประเทศทั่วโลกไม่มีใครทํา -บัญชีวัดไร่ขิงพิรุธเพียบ -ทำไมต้องเอาเป็นเอาตาย -ส.อ.ท.หนุนชะลอแจกเงินหมื่น -ทีมสุดซอยค้นฟรีโซน
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 852 มุมมอง 40 0 รีวิว
  • โรงพยาบาลวัดไร่ขิง เจ้าคุณแย้มไม่ใยดี

    การตรวจสอบเส้นทางการเงิน หลังจับกุมนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรืออดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (เจ้าคุณแย้ม) อายุ 69 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม และอดีตเจ้าคณะภาค 14 ข้อหายักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาทเล่นพนันออนไลน์ มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ การตรวจสอบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับวัดไร่ขิง 53 บัญชี พบว่ามี 2 บัญชีที่เปิดเพื่อรับเงินจาคตู้บริจาคในนามของมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ และจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) แต่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลว่า ทางวัดไม่ได้สนับสนุนเงินให้กับโรงพยาบาลมานานกว่า 3 ปี และจากการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคาร ทั้ง 2 บัญชี พบว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงแค่ล้านกว่าบาท

    ในอดีตโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) เคยได้รับเงินสนับสนุนด้านทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาแพทย์ การอบรม ผ่านมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ และบัญชีสนับสนุนการซื้อเครื่องมือแพทย์อยู่เป็นประจำ แต่ในช่วงปี 2564-2565 ทางโรงพยาบาลได้รับเงินสนับสนุนจากทางวัดน้อยลง และหยุดสนับสนุนมานานกว่า 3 ปี ซึ่งบัญชีมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ มีเจ้าคุณแย้มเป็นประธานมูลนิธิและผู้มีอำนาจเบิกถอน ทำให้ พญ.สายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขณะนั้นได้จัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาใหม่ เพื่อเปิดรับเงินจากประชาชนอีกหนึ่งบัญชี โดยขาดอำนาจจากมูลนิธิเมตตาประชารักษ์เดิม

    แม้โรงพยาบาลจะขออนุญาตจากคณะกรรมการวัดไร่ขิง ตั้งตู้บริจาคเงินโรงพยาบาลอีก 1 ตู้ และส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดไขเงินเอง ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัด แต่ก็ยังพบเห็นตู้บริจาคของมูลนิธิเดิม และตู้บริจาคซื้ออุปกรณ์การแพทย์อันเดิมตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน

    สำหรับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ก่อตั้งเมื่อปี 2532 โดยพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินทปัญฺโญ) ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักพัฒนา มรณภาพเมื่อปี 2551 โดยจัดสร้างโรงพยาบาลขนาด 400 เตียง ด้วยเงินบริจาคกว่า 95.77 ล้านบาท สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านจักษุวิทยา เพื่อก้าวสู่สถาบันจักษุวิทยาแห่งชาติในอนาคต การให้บริการเป็น 2 ลักษณะคือ สถาบันจักษุวิทยา และโรงพยาบาลทั่วไประดับตติยภูมิ เน้นโรคที่เกี่ยวข้องกับเด็กและผู้สูงอายุ

    สำหรับผู้สนใจบริจาคให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ดูรายละเอียดเลขที่บัญชีเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.metta.go.th/Donate/DonateCenter หรือ มูลนิธิโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ โทรศัพท์ 09-1808-8899

    #Newskit
    โรงพยาบาลวัดไร่ขิง เจ้าคุณแย้มไม่ใยดี การตรวจสอบเส้นทางการเงิน หลังจับกุมนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรืออดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (เจ้าคุณแย้ม) อายุ 69 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม และอดีตเจ้าคณะภาค 14 ข้อหายักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาทเล่นพนันออนไลน์ มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ การตรวจสอบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับวัดไร่ขิง 53 บัญชี พบว่ามี 2 บัญชีที่เปิดเพื่อรับเงินจาคตู้บริจาคในนามของมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ และจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) แต่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลว่า ทางวัดไม่ได้สนับสนุนเงินให้กับโรงพยาบาลมานานกว่า 3 ปี และจากการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคาร ทั้ง 2 บัญชี พบว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงแค่ล้านกว่าบาท ในอดีตโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) เคยได้รับเงินสนับสนุนด้านทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาแพทย์ การอบรม ผ่านมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ และบัญชีสนับสนุนการซื้อเครื่องมือแพทย์อยู่เป็นประจำ แต่ในช่วงปี 2564-2565 ทางโรงพยาบาลได้รับเงินสนับสนุนจากทางวัดน้อยลง และหยุดสนับสนุนมานานกว่า 3 ปี ซึ่งบัญชีมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ มีเจ้าคุณแย้มเป็นประธานมูลนิธิและผู้มีอำนาจเบิกถอน ทำให้ พญ.สายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขณะนั้นได้จัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาใหม่ เพื่อเปิดรับเงินจากประชาชนอีกหนึ่งบัญชี โดยขาดอำนาจจากมูลนิธิเมตตาประชารักษ์เดิม แม้โรงพยาบาลจะขออนุญาตจากคณะกรรมการวัดไร่ขิง ตั้งตู้บริจาคเงินโรงพยาบาลอีก 1 ตู้ และส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดไขเงินเอง ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัด แต่ก็ยังพบเห็นตู้บริจาคของมูลนิธิเดิม และตู้บริจาคซื้ออุปกรณ์การแพทย์อันเดิมตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน สำหรับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ก่อตั้งเมื่อปี 2532 โดยพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินทปัญฺโญ) ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักพัฒนา มรณภาพเมื่อปี 2551 โดยจัดสร้างโรงพยาบาลขนาด 400 เตียง ด้วยเงินบริจาคกว่า 95.77 ล้านบาท สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านจักษุวิทยา เพื่อก้าวสู่สถาบันจักษุวิทยาแห่งชาติในอนาคต การให้บริการเป็น 2 ลักษณะคือ สถาบันจักษุวิทยา และโรงพยาบาลทั่วไประดับตติยภูมิ เน้นโรคที่เกี่ยวข้องกับเด็กและผู้สูงอายุ สำหรับผู้สนใจบริจาคให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ดูรายละเอียดเลขที่บัญชีเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.metta.go.th/Donate/DonateCenter หรือ มูลนิธิโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ โทรศัพท์ 09-1808-8899 #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบก.ปปป.เผย"ทิดแย้ม" เปิดบัญชีเฉพาะกิจเช่าบูชาพระเครื่อง-กิจกรรมของวัดกว่า 20 บัญชี ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอีกหลายบัญชี

    วันนี้ (18 พ.ค.) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงว่า พนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิง จำนวนหลายบัญชีทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จากข้อมูลการสอบสวนปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินระหว่าง นายแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายช่องทาง ช่วงปี 2563 - 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 บาท แยกออกเป็นบัญชีส่วนตัวของ นายแย้ม โอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ในช่วงปี 2566 รวมกัน 80 ล้านบาท และ ใช้บัญชีของอดีตพระเอกพจน์ หรือนายเอกพจน์ โอนเงิน และตระเวณนำเงินสดไปฝากตู้ธนาคารต่าง ๆ ให้ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายรายการรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีชื่อบัญชีบุคคลอื่นอีก 1 บัญชีโอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ด้วยเช่นกันอีก 60 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000046327

    #MGROnline #ทิดแย้ม
    ผบก.ปปป.เผย"ทิดแย้ม" เปิดบัญชีเฉพาะกิจเช่าบูชาพระเครื่อง-กิจกรรมของวัดกว่า 20 บัญชี ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอีกหลายบัญชี • วันนี้ (18 พ.ค.) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงว่า พนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิง จำนวนหลายบัญชีทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จากข้อมูลการสอบสวนปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินระหว่าง นายแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายช่องทาง ช่วงปี 2563 - 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 บาท แยกออกเป็นบัญชีส่วนตัวของ นายแย้ม โอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ในช่วงปี 2566 รวมกัน 80 ล้านบาท และ ใช้บัญชีของอดีตพระเอกพจน์ หรือนายเอกพจน์ โอนเงิน และตระเวณนำเงินสดไปฝากตู้ธนาคารต่าง ๆ ให้ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายรายการรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีชื่อบัญชีบุคคลอื่นอีก 1 บัญชีโอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ด้วยเช่นกันอีก 60 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000046327 • #MGROnline #ทิดแย้ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไพศาล" โพสต์จี้รัฐจัดระเบียบบัญชีวัด แยกชัดทรัพย์สินพระ-วัด หลังเจอขบวนการโกงซ้ำซาก
    https://www.thai-tai.tv/news/18719/
    "ไพศาล" โพสต์จี้รัฐจัดระเบียบบัญชีวัด แยกชัดทรัพย์สินพระ-วัด หลังเจอขบวนการโกงซ้ำซาก https://www.thai-tai.tv/news/18719/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอบคุณเงินบุญ ต่อทุนอาตมา

    นับเป็นข่าวเสื่อมเสียต่อวงการพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 15 พ.ค. เจ้าคุณแย้ม หรือพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อายุ 70 ปี เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เจ้าคณะภาค 14 เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หลังทราบว่ากำลังจะถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริตยักยอกเงินวัด 300 ล้านบาท ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอออกหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์ ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ก่อนที่ศาลอนุมัติหมายจับช่วงเที่ยง

    ก่อนหน้านี้ชาวบ้านร้องเรียนตำรวจกองปราบปราม เจ้าคุณแย้มยักยอกเงินวัดไร่ขิงไปเล่นพนันออนไลน์ จึงส่งสายลับแฝงตัวอยู่ในวัดตั้งแต่ปี 2567 ทั้งไปทำบุญและทำกิจกรรมในวัดนานกว่า 8 เดือน สืบสวนพบว่าเจ้าคุณแย้มสั่งให้คณะกรรมการวัดโอนเงินจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัว แล้วโอนไปให้สีกา คือ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ อายุ 28 ปี นายหน้าเครือข่ายเว็บพนัน เพื่อโอนเข้าบัญชีเว็บพนันออนไลน์เติมเครดิตใช้เล่นบาคาร่า ตรวจสอบเส้นเงินพบว่าตั้งแต่ปี 2564-2568 เงินบัญชีวัดถูกโอนออกหลายครั้ง รวมกว่า 300 ล้านบาท ส่วนเส้นเงินบัญชีเจ้าคุณแย้มกับบัญชีเว็บพนัน พบว่ามียอดโอนเข้า-ออกจากการได้และเสียไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

    เมื่อเงินในบัญชีวัดร่อยหรอ เจ้าคุณแย้มเริ่มหันไปยืมเงินพระผู้ใหญ่วัดอื่นๆ ที่สนิทสนมกัน เพื่อนำมาเล่นพนัน มีตั้งแต่หลักแสนบาท ถึงหลักล้านบาทต่อครั้ง ด้าน น.ส.อรัญญาวรรณ สีการุ่นเอ๊าะ ตรวจสอบเชิงลึกพบว่าเป็นเจ้าของบัญชีและดูแลเส้นเงินธุรกิจพนันออนไลน์ เมื่อปลายปี 2567 เคยถูกตำรวจไซเบอร์จับกุมหลังพัวพันเครือข่ายเว็บพนัน LAGALAXY911 ก่อนประกันตัวสู้คดี ล่าสุดตำรวจกองปราบปรามจับกุมที่บ้านพักในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิด

    สำหรับวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรี มีชื่อเสียงจากพระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง มีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้อย่างต่อเนื่อง แต่อีกด้านหนึ่งเป็นที่วิจารณ์ว่ามีเรื่องพุทธพาณิชย์ โดยเฉพาะค่าเช่าแผงค้างานประจำปีวัดไร่ขิง ปี 2565 แผงละ 120,000 บาท ปี 2566 พุ่งสูงถึงแผงละ 400,000 บาท ปี 2567 ย้ายมายังทำเลทองแผงละ 2,300,000 บาท และล่าสุดปลายปี 2567 แผงละ 1,500,000 บาท กลายเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยบนโลกออนไลน์ กรณีวัดไร่ขิงเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะยังมีอีกหลายวัดในประเทศไทยที่มีลักษณะพุทธพาณิชย์ชัดเจน แต่ก็ยังมีคนไม่รู้ไปบูชาสักการะ และแก้บนด้วยของเซ่นไหว้สิ้นเปลืองมหาศาลอย่างต่อเนื่อง

    #Newskit
    ขอบคุณเงินบุญ ต่อทุนอาตมา นับเป็นข่าวเสื่อมเสียต่อวงการพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 15 พ.ค. เจ้าคุณแย้ม หรือพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อายุ 70 ปี เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เจ้าคณะภาค 14 เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หลังทราบว่ากำลังจะถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริตยักยอกเงินวัด 300 ล้านบาท ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอออกหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์ ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ก่อนที่ศาลอนุมัติหมายจับช่วงเที่ยง ก่อนหน้านี้ชาวบ้านร้องเรียนตำรวจกองปราบปราม เจ้าคุณแย้มยักยอกเงินวัดไร่ขิงไปเล่นพนันออนไลน์ จึงส่งสายลับแฝงตัวอยู่ในวัดตั้งแต่ปี 2567 ทั้งไปทำบุญและทำกิจกรรมในวัดนานกว่า 8 เดือน สืบสวนพบว่าเจ้าคุณแย้มสั่งให้คณะกรรมการวัดโอนเงินจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัว แล้วโอนไปให้สีกา คือ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ อายุ 28 ปี นายหน้าเครือข่ายเว็บพนัน เพื่อโอนเข้าบัญชีเว็บพนันออนไลน์เติมเครดิตใช้เล่นบาคาร่า ตรวจสอบเส้นเงินพบว่าตั้งแต่ปี 2564-2568 เงินบัญชีวัดถูกโอนออกหลายครั้ง รวมกว่า 300 ล้านบาท ส่วนเส้นเงินบัญชีเจ้าคุณแย้มกับบัญชีเว็บพนัน พบว่ามียอดโอนเข้า-ออกจากการได้และเสียไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เมื่อเงินในบัญชีวัดร่อยหรอ เจ้าคุณแย้มเริ่มหันไปยืมเงินพระผู้ใหญ่วัดอื่นๆ ที่สนิทสนมกัน เพื่อนำมาเล่นพนัน มีตั้งแต่หลักแสนบาท ถึงหลักล้านบาทต่อครั้ง ด้าน น.ส.อรัญญาวรรณ สีการุ่นเอ๊าะ ตรวจสอบเชิงลึกพบว่าเป็นเจ้าของบัญชีและดูแลเส้นเงินธุรกิจพนันออนไลน์ เมื่อปลายปี 2567 เคยถูกตำรวจไซเบอร์จับกุมหลังพัวพันเครือข่ายเว็บพนัน LAGALAXY911 ก่อนประกันตัวสู้คดี ล่าสุดตำรวจกองปราบปรามจับกุมที่บ้านพักในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิด สำหรับวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรี มีชื่อเสียงจากพระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง มีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้อย่างต่อเนื่อง แต่อีกด้านหนึ่งเป็นที่วิจารณ์ว่ามีเรื่องพุทธพาณิชย์ โดยเฉพาะค่าเช่าแผงค้างานประจำปีวัดไร่ขิง ปี 2565 แผงละ 120,000 บาท ปี 2566 พุ่งสูงถึงแผงละ 400,000 บาท ปี 2567 ย้ายมายังทำเลทองแผงละ 2,300,000 บาท และล่าสุดปลายปี 2567 แผงละ 1,500,000 บาท กลายเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยบนโลกออนไลน์ กรณีวัดไร่ขิงเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะยังมีอีกหลายวัดในประเทศไทยที่มีลักษณะพุทธพาณิชย์ชัดเจน แต่ก็ยังมีคนไม่รู้ไปบูชาสักการะ และแก้บนด้วยของเซ่นไหว้สิ้นเปลืองมหาศาลอย่างต่อเนื่อง #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 701 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anit Osathanugrah

    หรือว่าแท้จริงแล้วทุกคนคือเหยื่อของ บอสพอล ตอน2

    วันนี้ ถึงแม้ตัวบอสพอล จะถูกนำไปอยู่ในที่คุมขังแล้ว แต่ผลงานของเขาที่วางทิ้งเอาไว้ ก็เริ่มทยอยออกมาระเบิดใส่ ผู้คนและเทวดาต่างๆไม่หยุดหย่อน หลายคนชอบวิเคราะห์ว่า เกมนี้ไม่มีอะไรหรอก บอสพอลแค่คนโลภ และพอจ่ายใต้โต๊ะใคร ก็แค่อัดเสียงไว้ เผื้อไว้แบลคเมล์ในวันหลัง อันนี้อาจจะเป็นการมองที่ตื้นเขินเกินไป

    จากข้อมูลที่ทยอยออกมาเรื่อยๆรายวัน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการแฉโชว์ วันละคน ทั้งๆที่ตัวเขา เข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้ว เขาทำได้อย่างไร ถ้าไม่ตระเตรียมเรื่องราวเหล่านี้มาก่อน วันนี้ทุกคนก็ได้เห็นแล้วว่า ทุกครั้งที่เขาเจรจากับใคร เขาจะอัดเสียง และเก็บหลักฐานทุกอย่างไว้ ผ่านอุปกรณ์ it ล้ำๆต่างๆ ซุกไว้ในทีืคาดผม กางเกงชั้นใน เผลอๆพวกกล้องกระดุม กล้องรูเข็ม หรืออะไรที่คนธรรมดานึกไม่ถึง รับรองเขามีหมด คนทำธุรกิจปกติ จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เหล่านี้หรือ

    วันนี้ ทุกที่ที่เขาจ่ายเงินไป จะมีข่าวเส้นทางการเงินเหล่านี้หลุดออกมา ทำบุญให้พระ แต่ไม่ได้เข้า บัญชีวัด เรื่องนึ้ทาง จนท จะทำอย่างไร คลิปเสียงนักร้อง รีดไถ และให้จ่ายผ่านมูลนิธิ ถ้าเรื่องเป็นตามนั้นจริง DSI ก็ต้องตามไปสอบมูลนิธินัินต่อ และรับประกันว่า ถ้่าเปิดทุกเส้นทางการเงินของมูลนิธินั้น คงไม่ใช่ของ บอสพอล คนเดียว ครั้งเดียวแน่ ที่ใช้มูลนิธิเป็นที่ฟอกเงิน จะเจอ อีกมากมายมหาศาล ทั้งบริษัทหรือนักการเมือง ที่แอบฟอกเงินผ่านการทำบุญ และจะเกิดโดมิโน แอฟเฟค ขึ้นในสังคมให้ตรวจสอบทุกมูลนิธิหรือไม่
    ซึ่งถ้าตรวจกันขึ้นมาจริงๆ คุกไทยอาจไม่พอขังคน
    และนี่คือระเบิดลูกแรกที่เขาวางเอาไว้

    สิ่งที่เราต้องคิดให้แตก อีกเรื่องคือ เขาวางแผนตั้งใจแฉเรื่องนี้ ชำแหละเบื้องหลัง สังคมไทยแบบนี้ หรือแค่บังเอิญแอบอัดไว้ แล้ววันนี้โดนจับ ก็เลย คิดง่ายๆแบบเด็กประถมลอกข้อสอบ แล้วพอครูจับได้ ก็เลยตีโพยตีพาย ฟ้องว่าเพื่อนๆก็ลอกเหมือนกัน บางคนก็บอกว่าไหนๆจะตายแล้ว ก็เลยลากคนมาตายหมู่ด้วยกัน เอาสะใจเฉยๆ
    คุณคิดว่าคนที่หาเงินได้หลายหมื่นล้าน ในเวลาไม่กี่ปี ผ่านผู้คนหลายแสนคน และระบบอันซับซ้อน เขาคิดได้แค่นี้เหรอ
    คนทำผิด ปกติ พอถูกจับ จะพยายามทำให้เรื่องเงียบไวๆที่สุด เพราะรู้ดีว่าสังคมไทยลืมง่าย อย่าง Forex 3 D ถามจริงๆ ว่ามีใครสนใจอีกไหม แค่เห็นดาราติดคุก ก็สะใจและแยกย้ายกันไปหาเรื่องอืืนมาดราม่าต่อแล้ว…ก็คนไืทย

    สิ่งที่บอสพอลควรทำ คือ ไม่พูดอะไร แค่บอกตัวเองบริสุทธ์ขอพิสูจน์ในชัินศาล ทำหน้าเศร้าเดินเข้าซังเตไป ไม่กี่เดือนคนไทยก็ลืมแล้ว และหลังจากนัิน ก็ใช้อำนาจเงินที่มีนับหมื่นล้าน เล็งเทวดา ฤทธ์ ระดับ องค์อินทร์ เจ้าสววรค์สักสององค์ ให้เคลียร์ให้ หัวหมูสักพันล้าน รับรองสำนวนคดีเบาหวิว เป็นปุยนุ่น ไม่นานก็ออกมาเดินเฉิดฉาย แต่นี่เล่นแฉ เล่นเชือดโชว์ทีละคน รายวัน วันนี้และวันหน้า ใครจะกล้ารับหน้าเสื่อเคลียร์ให้เขา โดนกล้องแอบอัดไว้คุกแน่นอน สิ่งที่เขาทำทั้งหมด วันนีิ คือทำให้ตัวเขาเดือดร้อน ซวยหนัก มากขึ้นในวันหน้า
    แต่เขาก็ทำ

    หลายคนบอก ไม่สะใจ เทวดาที่แฉมา ไฉนตัวเล็กราวกับลูกกรอก ยังหรอก นี่แค่น้ำจิ้ม เรียกน้ำย่อย ยังมีอีกมากมายมหาศาล ที่เขาจะทยอยปล่อยออกมา พูดตามตรง สำหรับบอสพอลนัิน ข้าราชการระดับ รองเลขา หรือรอง ผอ นั้น ไม่ได้ถือเป็นเทวดาสำหรับเขาเลย คอนเนคชั่นของคนมีเงินหมื่นล้านอย่างเขา คุยกับ สส หรือรัฐมนตรีเมื่อไหร่ก็ได้ เอาแค่หนึ่งในบอส ของไอคอน เช่นพี่แซม นี่ก็ สส เก่า ระดับที่ปรึกษารัฐมนตรีมหาดไทย ถ้าเขาจะไหว้วานให้ยกหู หาเพื่อนสส หรือ รมต คนไหน พรรคไหน รับรองทำได้ทุกนาที
    แต่เขาเลือกจะเอาเงินไปเคลียร์ เทวดาลูกกรอก และอัดเสียงไว้แทน

    อำนาจเงินขนาดเขา ถ้าเอาไปสนับสนุนพรรคการเมืองระดับกลางๆ สัก 500-1000 ล้าน แทนที่จะไปซื้อรถสปอร์ตหลากสีเหมือนลูกกวาด นาฬิกาบ้าบอหลายร้อยล้าน รับรองป่านนี้มี นอมินี เป็น รมต ไปแล้วไม่รู้กี่คน แต่เขาไม่ทำ เลือกเดินทางอัดเสียง เก็บหลักฐาน เพื่อแฉ ทุกคนแทน ทำไปทำไม

    อีกหนึ่งเรื่อง ที่น่าคิดที่สุด ในการที่จะบอกว่า เขาตั้งใจแฉ เอาคืนสังคมในวันนีิ แทนที่จะหนีไปใช้ชีวิตเสพสุข ทั้งๆที่จะทำก็ทำได้ ก็คือ วันที่เรื่องราวของไอคอน ระเบิดออกมาตามสื่อต่างๆ ผู้เสียหายโผล่มาเป็นดอกเห็ด ทีมทนาย อเวนเจอร์ ยกพล ออกทีวี แผลงฤทธ์ กันวุ่นวาย จนท ตำรวจถึงกับคำรามออกทีวี ว่า หมายจับจะออกภายใน 48 ชม คนทั่วประเทศออกมาโวยวายว่า พูดเหมือนจะส่งสัญญาณ บอกเขาว่าจะหนีให้รีบหนี

    วันนั้น บอสพอล มีทางเลือกสองทาง

    1 ซื้อตั๋วเครื่องบิน เฟิสคลาส ไปประเทศใดก็ได้ และเสพสุขผ่านเงินหลักหมื่นล้าน ที่เก็บไว้ในดิจิตอล วอลเลท ใช้ชีวิตสุขสบายที่ไหนก็ได้ในโลก จนคดีหมดอายุความ และค่อยกลับ ประเทศไทย เหมือนนักการเมือง พ่อมดการเงินทั้งหลาย รุ่นพี่ที่ทำกัน หรือออกช่องทางธรรมชาติใดก็ได้ วันนั้นเขายังไม่มีหมายจับ

    2 ไปรายการโหนกระแส ให้พี่หนุ่มขยี้ิออกทีวี รู้ทั้งรู้ว่า ไม่ได้ช่วยให้คดีอะไรเบาลงได้เลย และก็รอหมายจับออกมาเพื่อจะได้โดนรวบตัวเหมือนวันนี้ เข้าซังเต

    ทุกคนในประวัติศาสตร์ไทย เลือกหนีไปเสพสุข รึไม่จริง
    แต่บอสพอล เลือกทางที่สอง ไปออกรายการร้องห่มร้องไห้ ในโหนกระแส แต่จุดประสงค์จริงๆไม่ใช่ไปฟอกตัว แต่คือไปแฉดึงเทวดาลงนรกแทน และ จุดชนวนเรื่องนี้ขึ้นมา และก็สมใจเขาโดยพลัน

    วันนี้สังคมไทย ถูกเปิดแผลขึ้นมาเละเทะ ทุกวงการ ล่าแม่มดกันอย่างเมามัน จากฝีมือและหลักฐานของเขา ไม่พ้นกระทั่งวงการสงฆ์ รายการทีวี พิธีกรทีวี รุ่นเก๋า และอีกมากมายมหาศาล ที่กำลังรอถูกเปิดแผล ผ่านคลิปเสียงนับร้อยพัน ในมือของเขา ทุกคนที่เคยพูดคุยกับเขา ถึงกับต้องกลับมานั่งตรึกตรองคิด ว่าเคยพูดอะไรผิดไปไหม ถ้ามี น่าจะใกล้ถึงคิวโดนแฉ เป็นรายต่อไปแน่ๆ

    มหากาพย์เรื่องนี้ ยังอีกยาวไกล ถึงตัวบอสพอล จะอยู่ในที่คุมขัง แต่หมากที่เขาวางทิ้งเอาไว้ ผ่านผู้คน ผ่านหนอน ที่มีมากมายของเขา กำลังจะแผลงฤทธ์ ออกมาเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่า เรื่องนี้จะไปสุดที่ใด จะเปลี่ยนสังคมไทย ในระดับโครงสร้างได้เลยรึไม่ โปรดติดตามชม

    บอสพอล เจ้าช่างอำมหิตจริงๆ

    To be continued.”

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/MhAK17zppYH4p8oe/?mibextid=WC7FNe

    #Thaitimes
    รีโพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anit Osathanugrah “ ‼️หรือว่าแท้จริงแล้วทุกคนคือเหยื่อของ บอสพอล ตอน2‼️ วันนี้ ถึงแม้ตัวบอสพอล จะถูกนำไปอยู่ในที่คุมขังแล้ว แต่ผลงานของเขาที่วางทิ้งเอาไว้ ก็เริ่มทยอยออกมาระเบิดใส่ ผู้คนและเทวดาต่างๆไม่หยุดหย่อน หลายคนชอบวิเคราะห์ว่า เกมนี้ไม่มีอะไรหรอก บอสพอลแค่คนโลภ และพอจ่ายใต้โต๊ะใคร ก็แค่อัดเสียงไว้ เผื้อไว้แบลคเมล์ในวันหลัง อันนี้อาจจะเป็นการมองที่ตื้นเขินเกินไป จากข้อมูลที่ทยอยออกมาเรื่อยๆรายวัน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการแฉโชว์ วันละคน ทั้งๆที่ตัวเขา เข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้ว เขาทำได้อย่างไร ถ้าไม่ตระเตรียมเรื่องราวเหล่านี้มาก่อน วันนี้ทุกคนก็ได้เห็นแล้วว่า ทุกครั้งที่เขาเจรจากับใคร เขาจะอัดเสียง และเก็บหลักฐานทุกอย่างไว้ ผ่านอุปกรณ์ it ล้ำๆต่างๆ ซุกไว้ในทีืคาดผม กางเกงชั้นใน เผลอๆพวกกล้องกระดุม กล้องรูเข็ม หรืออะไรที่คนธรรมดานึกไม่ถึง รับรองเขามีหมด คนทำธุรกิจปกติ จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เหล่านี้หรือ วันนี้ ทุกที่ที่เขาจ่ายเงินไป จะมีข่าวเส้นทางการเงินเหล่านี้หลุดออกมา ทำบุญให้พระ แต่ไม่ได้เข้า บัญชีวัด เรื่องนึ้ทาง จนท จะทำอย่างไร คลิปเสียงนักร้อง รีดไถ และให้จ่ายผ่านมูลนิธิ ถ้าเรื่องเป็นตามนั้นจริง DSI ก็ต้องตามไปสอบมูลนิธินัินต่อ และรับประกันว่า ถ้่าเปิดทุกเส้นทางการเงินของมูลนิธินั้น คงไม่ใช่ของ บอสพอล คนเดียว ครั้งเดียวแน่ ที่ใช้มูลนิธิเป็นที่ฟอกเงิน จะเจอ อีกมากมายมหาศาล ทั้งบริษัทหรือนักการเมือง ที่แอบฟอกเงินผ่านการทำบุญ และจะเกิดโดมิโน แอฟเฟค ขึ้นในสังคมให้ตรวจสอบทุกมูลนิธิหรือไม่ ซึ่งถ้าตรวจกันขึ้นมาจริงๆ คุกไทยอาจไม่พอขังคน และนี่คือระเบิดลูกแรกที่เขาวางเอาไว้ สิ่งที่เราต้องคิดให้แตก อีกเรื่องคือ เขาวางแผนตั้งใจแฉเรื่องนี้ ชำแหละเบื้องหลัง สังคมไทยแบบนี้ หรือแค่บังเอิญแอบอัดไว้ แล้ววันนี้โดนจับ ก็เลย คิดง่ายๆแบบเด็กประถมลอกข้อสอบ แล้วพอครูจับได้ ก็เลยตีโพยตีพาย ฟ้องว่าเพื่อนๆก็ลอกเหมือนกัน บางคนก็บอกว่าไหนๆจะตายแล้ว ก็เลยลากคนมาตายหมู่ด้วยกัน เอาสะใจเฉยๆ คุณคิดว่าคนที่หาเงินได้หลายหมื่นล้าน ในเวลาไม่กี่ปี ผ่านผู้คนหลายแสนคน และระบบอันซับซ้อน เขาคิดได้แค่นี้เหรอ คนทำผิด ปกติ พอถูกจับ จะพยายามทำให้เรื่องเงียบไวๆที่สุด เพราะรู้ดีว่าสังคมไทยลืมง่าย อย่าง Forex 3 D ถามจริงๆ ว่ามีใครสนใจอีกไหม แค่เห็นดาราติดคุก ก็สะใจและแยกย้ายกันไปหาเรื่องอืืนมาดราม่าต่อแล้ว…ก็คนไืทย สิ่งที่บอสพอลควรทำ คือ ไม่พูดอะไร แค่บอกตัวเองบริสุทธ์ขอพิสูจน์ในชัินศาล ทำหน้าเศร้าเดินเข้าซังเตไป ไม่กี่เดือนคนไทยก็ลืมแล้ว และหลังจากนัิน ก็ใช้อำนาจเงินที่มีนับหมื่นล้าน เล็งเทวดา ฤทธ์ ระดับ องค์อินทร์ เจ้าสววรค์สักสององค์ ให้เคลียร์ให้ หัวหมูสักพันล้าน รับรองสำนวนคดีเบาหวิว เป็นปุยนุ่น ไม่นานก็ออกมาเดินเฉิดฉาย แต่นี่เล่นแฉ เล่นเชือดโชว์ทีละคน รายวัน วันนี้และวันหน้า ใครจะกล้ารับหน้าเสื่อเคลียร์ให้เขา โดนกล้องแอบอัดไว้คุกแน่นอน สิ่งที่เขาทำทั้งหมด วันนีิ คือทำให้ตัวเขาเดือดร้อน ซวยหนัก มากขึ้นในวันหน้า แต่เขาก็ทำ หลายคนบอก ไม่สะใจ เทวดาที่แฉมา ไฉนตัวเล็กราวกับลูกกรอก ยังหรอก นี่แค่น้ำจิ้ม เรียกน้ำย่อย ยังมีอีกมากมายมหาศาล ที่เขาจะทยอยปล่อยออกมา พูดตามตรง สำหรับบอสพอลนัิน ข้าราชการระดับ รองเลขา หรือรอง ผอ นั้น ไม่ได้ถือเป็นเทวดาสำหรับเขาเลย คอนเนคชั่นของคนมีเงินหมื่นล้านอย่างเขา คุยกับ สส หรือรัฐมนตรีเมื่อไหร่ก็ได้ เอาแค่หนึ่งในบอส ของไอคอน เช่นพี่แซม นี่ก็ สส เก่า ระดับที่ปรึกษารัฐมนตรีมหาดไทย ถ้าเขาจะไหว้วานให้ยกหู หาเพื่อนสส หรือ รมต คนไหน พรรคไหน รับรองทำได้ทุกนาที แต่เขาเลือกจะเอาเงินไปเคลียร์ เทวดาลูกกรอก และอัดเสียงไว้แทน อำนาจเงินขนาดเขา ถ้าเอาไปสนับสนุนพรรคการเมืองระดับกลางๆ สัก 500-1000 ล้าน แทนที่จะไปซื้อรถสปอร์ตหลากสีเหมือนลูกกวาด นาฬิกาบ้าบอหลายร้อยล้าน รับรองป่านนี้มี นอมินี เป็น รมต ไปแล้วไม่รู้กี่คน แต่เขาไม่ทำ เลือกเดินทางอัดเสียง เก็บหลักฐาน เพื่อแฉ ทุกคนแทน ทำไปทำไม อีกหนึ่งเรื่อง ที่น่าคิดที่สุด ในการที่จะบอกว่า เขาตั้งใจแฉ เอาคืนสังคมในวันนีิ แทนที่จะหนีไปใช้ชีวิตเสพสุข ทั้งๆที่จะทำก็ทำได้ ก็คือ วันที่เรื่องราวของไอคอน ระเบิดออกมาตามสื่อต่างๆ ผู้เสียหายโผล่มาเป็นดอกเห็ด ทีมทนาย อเวนเจอร์ ยกพล ออกทีวี แผลงฤทธ์ กันวุ่นวาย จนท ตำรวจถึงกับคำรามออกทีวี ว่า หมายจับจะออกภายใน 48 ชม คนทั่วประเทศออกมาโวยวายว่า พูดเหมือนจะส่งสัญญาณ บอกเขาว่าจะหนีให้รีบหนี วันนั้น บอสพอล มีทางเลือกสองทาง 1 ซื้อตั๋วเครื่องบิน เฟิสคลาส ไปประเทศใดก็ได้ และเสพสุขผ่านเงินหลักหมื่นล้าน ที่เก็บไว้ในดิจิตอล วอลเลท ใช้ชีวิตสุขสบายที่ไหนก็ได้ในโลก จนคดีหมดอายุความ และค่อยกลับ ประเทศไทย เหมือนนักการเมือง พ่อมดการเงินทั้งหลาย รุ่นพี่ที่ทำกัน หรือออกช่องทางธรรมชาติใดก็ได้ วันนั้นเขายังไม่มีหมายจับ 2 ไปรายการโหนกระแส ให้พี่หนุ่มขยี้ิออกทีวี รู้ทั้งรู้ว่า ไม่ได้ช่วยให้คดีอะไรเบาลงได้เลย และก็รอหมายจับออกมาเพื่อจะได้โดนรวบตัวเหมือนวันนี้ เข้าซังเต ทุกคนในประวัติศาสตร์ไทย เลือกหนีไปเสพสุข รึไม่จริง แต่บอสพอล เลือกทางที่สอง ไปออกรายการร้องห่มร้องไห้ ในโหนกระแส แต่จุดประสงค์จริงๆไม่ใช่ไปฟอกตัว แต่คือไปแฉดึงเทวดาลงนรกแทน และ จุดชนวนเรื่องนี้ขึ้นมา และก็สมใจเขาโดยพลัน วันนี้สังคมไทย ถูกเปิดแผลขึ้นมาเละเทะ ทุกวงการ ล่าแม่มดกันอย่างเมามัน จากฝีมือและหลักฐานของเขา ไม่พ้นกระทั่งวงการสงฆ์ รายการทีวี พิธีกรทีวี รุ่นเก๋า และอีกมากมายมหาศาล ที่กำลังรอถูกเปิดแผล ผ่านคลิปเสียงนับร้อยพัน ในมือของเขา ทุกคนที่เคยพูดคุยกับเขา ถึงกับต้องกลับมานั่งตรึกตรองคิด ว่าเคยพูดอะไรผิดไปไหม ถ้ามี น่าจะใกล้ถึงคิวโดนแฉ เป็นรายต่อไปแน่ๆ มหากาพย์เรื่องนี้ ยังอีกยาวไกล ถึงตัวบอสพอล จะอยู่ในที่คุมขัง แต่หมากที่เขาวางทิ้งเอาไว้ ผ่านผู้คน ผ่านหนอน ที่มีมากมายของเขา กำลังจะแผลงฤทธ์ ออกมาเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่า เรื่องนี้จะไปสุดที่ใด จะเปลี่ยนสังคมไทย ในระดับโครงสร้างได้เลยรึไม่ โปรดติดตามชม บอสพอล เจ้าช่างอำมหิตจริงๆ To be continued.” ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/MhAK17zppYH4p8oe/?mibextid=WC7FNe #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 748 มุมมอง 0 รีวิว