• จับตาข้อมูลเชิงลึก บุคคลสำคัญที่มีความผิดปกติ (9/9/68)
    #ข้อมูลลับวงใน #บุคคลสำคัญต้องจับตา #ความผิดปกติที่ไม่ธรรมดา #เบื้องหลังอำนาจ #ลึกกว่าที่คุณคิด #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    จับตาข้อมูลเชิงลึก บุคคลสำคัญที่มีความผิดปกติ (9/9/68) #ข้อมูลลับวงใน #บุคคลสำคัญต้องจับตา #ความผิดปกติที่ไม่ธรรมดา #เบื้องหลังอำนาจ #ลึกกว่าที่คุณคิด #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ไม่อยากจะเชื่อ นี่นะหรือหนูเชิญมา ว่าที่รมต.พลังงาน SHIPหายละ! (9/9/68)
    #รมตพลังงานหรือพังงาน #หนูเชิญมาทำไม #SHIPหายจริงหรือ #ว่าที่รมตพลังงาน #รัฐบาลอนุทิน #พลังงานไทยหรือใครได้ประโยชน์ #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    ไม่อยากจะเชื่อ นี่นะหรือหนูเชิญมา ว่าที่รมต.พลังงาน SHIPหายละ! (9/9/68) #รมตพลังงานหรือพังงาน #หนูเชิญมาทำไม #SHIPหายจริงหรือ #ว่าที่รมตพลังงาน #รัฐบาลอนุทิน #พลังงานไทยหรือใครได้ประโยชน์ #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “ควอนตัมคอมพิวติ้งอาจปลดล็อก Bitcoin มูลค่า 879 พันล้านดอลลาร์! กระเป๋าเงินที่ถูกลืมอาจกลายเป็นขุมทรัพย์แห่งอนาคต”

    ลองจินตนาการว่า Bitcoin ที่คุณเคยได้ยินว่าหายไปแล้ว — เพราะเจ้าของลืมรหัส หรือเสียชีวิตโดยไม่มีใครเข้าถึงได้ — วันหนึ่งกลับถูกปลดล็อกขึ้นมาอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้งที่ทรงพลังพอจะเจาะระบบเข้ารหัส AES ได้สำเร็จ…นั่นคือสิ่งที่นักวิเคราะห์หลายคนเริ่มพูดถึงในปี 2025

    จุดเริ่มต้นของความกังวลนี้มาจากความก้าวหน้าของชิปควอนตัม “Willow” จาก Google ที่สามารถทำงานบางอย่างได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาที — เทียบกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันที่ต้องใช้เวลาถึง 10^25 ปีในการทำงานเดียวกัน แม้ Willow จะมีเพียง 105 qubits แต่ก็แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาเทคโนโลยีนี้กำลังเร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ตามการวิเคราะห์ของ Ronan Manly จาก Sound Money Report มี Bitcoin จำนวนมหาศาลระหว่าง 2.3 ถึง 7.8 ล้าน BTC ที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเงินที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย — คิดเป็น 11% ถึง 37% ของจำนวน Bitcoin ทั้งหมดในระบบ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการลืมรหัส หรือเจ้าของเสียชีวิตโดยไม่มีการถ่ายทอดข้อมูล

    หากควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถเจาะระบบ AES ได้จริงในอนาคต กระเป๋าเงินเหล่านี้อาจถูกปลดล็อก และ Bitcoin มูลค่ารวมกว่า 879 พันล้านดอลลาร์ (ตามราคาปัจจุบันที่ ~$112,000 ต่อเหรียญ) อาจถูกนำออกมาใช้ — ซึ่งอาจทำให้ตลาดเกิดการเทขายครั้งใหญ่ และเข้าสู่ภาวะขาลงโดยไม่ต้องมีปัจจัยอื่นใดเลย

    แม้ผู้ใช้ Bitcoin ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปใช้กระเป๋าเงินที่ปลอดภัยต่อควอนตัมแล้ว แต่กระเป๋าเงินที่ถูกลืมและไม่มีเจ้าของจะยังคงเสี่ยงต่อการถูกเจาะในอนาคต หากไม่มีการอัปเกรดหรือเปลี่ยนระบบเข้ารหัส

    ความก้าวหน้าของควอนตัมคอมพิวติ้ง
    Google Willow chip ทำงานบางอย่างได้ใน 5 นาที เทียบกับ 10^25 ปีของซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    Willow มี 105 qubits และสามารถลดข้อผิดพลาดเมื่อเพิ่มจำนวน qubits
    เทคโนโลยีนี้ได้รับความสนใจจาก Elon Musk และ Sam Altman

    ความเสี่ยงต่อ Bitcoin
    Bitcoin ใช้การเข้ารหัส AES และ elliptic curve cryptography (ECC)
    หากควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถเจาะ AES ได้ จะสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินที่ถูกลืม
    คาดว่ามี Bitcoin ระหว่าง 2.3 ถึง 7.8 ล้าน BTC ที่อยู่ในกระเป๋าเงินนิ่ง
    มูลค่ารวมของ Bitcoin ที่อาจถูกปลดล็อกสูงถึง $879 พันล้าน

    กระเป๋าเงินนิ่ง (Dormant Wallets)
    เกิดจากการลืมรหัส, การเสียชีวิต, หรือการเก็บไว้โดยไม่มีการเคลื่อนไหว
    ส่วนใหญ่ไม่สามารถอัปเกรดระบบเข้ารหัสได้
    อาจกลายเป็นเป้าหมายหลักของการเจาะระบบในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ECC และ SHA-256 ยังปลอดภัยกว่า RSA แต่ก็เริ่มถูกตั้งคำถามจากนักวิจัยควอนตัม
    Quantum-safe wallets กำลังถูกพัฒนา เช่น lattice-based cryptography
    นักพัฒนา Bitcoin เริ่มเตรียมแผนรับมือ “Q-Day” หรือวันที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถเจาะระบบได้จริง

    https://wccftech.com/quantum-computing-could-leave-a-shocking-879-billion-of-bitcoin-up-for-grabs-heres-how/
    💥 “ควอนตัมคอมพิวติ้งอาจปลดล็อก Bitcoin มูลค่า 879 พันล้านดอลลาร์! กระเป๋าเงินที่ถูกลืมอาจกลายเป็นขุมทรัพย์แห่งอนาคต” ลองจินตนาการว่า Bitcoin ที่คุณเคยได้ยินว่าหายไปแล้ว — เพราะเจ้าของลืมรหัส หรือเสียชีวิตโดยไม่มีใครเข้าถึงได้ — วันหนึ่งกลับถูกปลดล็อกขึ้นมาอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้งที่ทรงพลังพอจะเจาะระบบเข้ารหัส AES ได้สำเร็จ…นั่นคือสิ่งที่นักวิเคราะห์หลายคนเริ่มพูดถึงในปี 2025 จุดเริ่มต้นของความกังวลนี้มาจากความก้าวหน้าของชิปควอนตัม “Willow” จาก Google ที่สามารถทำงานบางอย่างได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาที — เทียบกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันที่ต้องใช้เวลาถึง 10^25 ปีในการทำงานเดียวกัน แม้ Willow จะมีเพียง 105 qubits แต่ก็แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาเทคโนโลยีนี้กำลังเร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามการวิเคราะห์ของ Ronan Manly จาก Sound Money Report มี Bitcoin จำนวนมหาศาลระหว่าง 2.3 ถึง 7.8 ล้าน BTC ที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเงินที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย — คิดเป็น 11% ถึง 37% ของจำนวน Bitcoin ทั้งหมดในระบบ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการลืมรหัส หรือเจ้าของเสียชีวิตโดยไม่มีการถ่ายทอดข้อมูล หากควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถเจาะระบบ AES ได้จริงในอนาคต กระเป๋าเงินเหล่านี้อาจถูกปลดล็อก และ Bitcoin มูลค่ารวมกว่า 879 พันล้านดอลลาร์ (ตามราคาปัจจุบันที่ ~$112,000 ต่อเหรียญ) อาจถูกนำออกมาใช้ — ซึ่งอาจทำให้ตลาดเกิดการเทขายครั้งใหญ่ และเข้าสู่ภาวะขาลงโดยไม่ต้องมีปัจจัยอื่นใดเลย แม้ผู้ใช้ Bitcoin ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปใช้กระเป๋าเงินที่ปลอดภัยต่อควอนตัมแล้ว แต่กระเป๋าเงินที่ถูกลืมและไม่มีเจ้าของจะยังคงเสี่ยงต่อการถูกเจาะในอนาคต หากไม่มีการอัปเกรดหรือเปลี่ยนระบบเข้ารหัส ✅ ความก้าวหน้าของควอนตัมคอมพิวติ้ง ➡️ Google Willow chip ทำงานบางอย่างได้ใน 5 นาที เทียบกับ 10^25 ปีของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ➡️ Willow มี 105 qubits และสามารถลดข้อผิดพลาดเมื่อเพิ่มจำนวน qubits ➡️ เทคโนโลยีนี้ได้รับความสนใจจาก Elon Musk และ Sam Altman ✅ ความเสี่ยงต่อ Bitcoin ➡️ Bitcoin ใช้การเข้ารหัส AES และ elliptic curve cryptography (ECC) ➡️ หากควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถเจาะ AES ได้ จะสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินที่ถูกลืม ➡️ คาดว่ามี Bitcoin ระหว่าง 2.3 ถึง 7.8 ล้าน BTC ที่อยู่ในกระเป๋าเงินนิ่ง ➡️ มูลค่ารวมของ Bitcoin ที่อาจถูกปลดล็อกสูงถึง $879 พันล้าน ✅ กระเป๋าเงินนิ่ง (Dormant Wallets) ➡️ เกิดจากการลืมรหัส, การเสียชีวิต, หรือการเก็บไว้โดยไม่มีการเคลื่อนไหว ➡️ ส่วนใหญ่ไม่สามารถอัปเกรดระบบเข้ารหัสได้ ➡️ อาจกลายเป็นเป้าหมายหลักของการเจาะระบบในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ECC และ SHA-256 ยังปลอดภัยกว่า RSA แต่ก็เริ่มถูกตั้งคำถามจากนักวิจัยควอนตัม ➡️ Quantum-safe wallets กำลังถูกพัฒนา เช่น lattice-based cryptography ➡️ นักพัฒนา Bitcoin เริ่มเตรียมแผนรับมือ “Q-Day” หรือวันที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถเจาะระบบได้จริง https://wccftech.com/quantum-computing-could-leave-a-shocking-879-billion-of-bitcoin-up-for-grabs-heres-how/
    WCCFTECH.COM
    Quantum Computing Could Leave A Shocking $879 Billion Of Bitcoin Up For Grabs - Here's How!
    A large proportion of Bitcoin's circulating supply is currently sitting in dormant wallets that are susceptible to quantum computing hacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • “XCENA MX1: ชิปพันธุ์ใหม่ที่รวม RISC-V หลายพันคอร์ไว้ในหน่วยความจำ — เปลี่ยนโฉมเซิร์ฟเวอร์ด้วย CXL 3.2 และ SSD tiering!”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังรันงาน AI ขนาดใหญ่ หรือ query ฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ที่กินแรมมหาศาล แล้วพบว่า bottleneck ไม่ได้อยู่ที่ CPU หรือ GPU — แต่อยู่ที่การเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลกับหน่วยความจำ นั่นคือปัญหาที่ XCENA MX1 เข้ามาแก้แบบตรงจุด

    ในงาน FMS 2025 (Future of Memory and Storage) บริษัทสตาร์ทอัพจากเกาหลีใต้ชื่อ XCENA ได้เปิดตัว MX1 Computational Memory ซึ่งเป็นชิปที่รวม “หลายพันคอร์ RISC-V” ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง พร้อมรองรับมาตรฐาน PCIe Gen6 และ Compute Express Link (CXL) 3.2

    แนวคิดคือ “near-data processing” — ย้ายการประมวลผลมาอยู่ใกล้กับ DRAM เพื่อลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมหาศาลในงานที่ใช้ข้อมูลหนัก เช่น AI inference, in-memory analytics และฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    MX1 ยังรองรับการขยายหน่วยความจำด้วย SSD แบบ tiered storage ที่สามารถเพิ่มความจุได้ถึงระดับ petabyte พร้อมฟีเจอร์ด้านการบีบอัดข้อมูลและความเสถียร ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการทั้งความเร็วและความจุในเวลาเดียวกัน

    XCENA เตรียมเปิดตัวสองรุ่นคือ MX1P ในปลายปีนี้ และ MX1S ในปี 2026 โดยรุ่นหลังจะมี dual PCIe Gen6 x8 links และฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับงานระดับ data center ขนาดใหญ่ ทั้งสองรุ่นจะใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์และความยืดหยุ่นของ CXL 3.2 อย่างเต็มที่

    การเปิดตัว MX1 Computational Memory
    เปิดตัวในงาน FMS 2025 โดยบริษัท XCENA จากเกาหลีใต้
    ใช้ PCIe Gen6 และ CXL 3.2 เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ
    รวมหลายพันคอร์ RISC-V ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง

    แนวคิด near-data processing
    ลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM
    เพิ่มประสิทธิภาพในงาน AI, analytics และฐานข้อมูล
    ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในระบบเซิร์ฟเวอร์

    การขยายหน่วยความจำด้วย SSD tiering
    รองรับการขยายความจุถึงระดับ petabyte
    มีระบบบีบอัดข้อมูลและฟีเจอร์ด้าน reliability
    ใช้ SSD เป็น tier รองเพื่อเพิ่มความจุโดยไม่ลดความเร็ว

    แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์
    MX1P จะเปิดตัวปลายปี 2025 พร้อมตัวอย่างสำหรับพันธมิตร
    MX1S จะเปิดตัวในปี 2026 พร้อม dual PCIe Gen6 x8 links
    ทั้งสองรุ่นรองรับ CXL 3.2 เต็มรูปแบบ

    การสนับสนุนสำหรับนักพัฒนา
    มี SDK พร้อมไดรเวอร์, runtime libraries และเครื่องมือสำหรับ deployment
    รองรับแอปพลิเคชันตั้งแต่ AI inference ถึง in-memory analytics
    ออกแบบให้ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมมาตรฐาน

    รางวัลและการยอมรับ
    ได้รับรางวัล “Most Innovative Memory Technology” ในงาน FMS 2025
    เคยได้รับรางวัล “Most Innovative Startup” ในปี 2024
    ได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญด้าน storage ว่าเป็นแนวทางใหม่ที่เปลี่ยนเกม

    https://www.techradar.com/pro/a-chip-with-thousands-of-cores-could-change-the-way-servers-are-designed-bringing-compute-nearer-to-ram-thanks-to-cxl-is-a-lightbulb-moment
    🧠 “XCENA MX1: ชิปพันธุ์ใหม่ที่รวม RISC-V หลายพันคอร์ไว้ในหน่วยความจำ — เปลี่ยนโฉมเซิร์ฟเวอร์ด้วย CXL 3.2 และ SSD tiering!” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังรันงาน AI ขนาดใหญ่ หรือ query ฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ที่กินแรมมหาศาล แล้วพบว่า bottleneck ไม่ได้อยู่ที่ CPU หรือ GPU — แต่อยู่ที่การเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลกับหน่วยความจำ นั่นคือปัญหาที่ XCENA MX1 เข้ามาแก้แบบตรงจุด ในงาน FMS 2025 (Future of Memory and Storage) บริษัทสตาร์ทอัพจากเกาหลีใต้ชื่อ XCENA ได้เปิดตัว MX1 Computational Memory ซึ่งเป็นชิปที่รวม “หลายพันคอร์ RISC-V” ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง พร้อมรองรับมาตรฐาน PCIe Gen6 และ Compute Express Link (CXL) 3.2 แนวคิดคือ “near-data processing” — ย้ายการประมวลผลมาอยู่ใกล้กับ DRAM เพื่อลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมหาศาลในงานที่ใช้ข้อมูลหนัก เช่น AI inference, in-memory analytics และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ MX1 ยังรองรับการขยายหน่วยความจำด้วย SSD แบบ tiered storage ที่สามารถเพิ่มความจุได้ถึงระดับ petabyte พร้อมฟีเจอร์ด้านการบีบอัดข้อมูลและความเสถียร ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการทั้งความเร็วและความจุในเวลาเดียวกัน XCENA เตรียมเปิดตัวสองรุ่นคือ MX1P ในปลายปีนี้ และ MX1S ในปี 2026 โดยรุ่นหลังจะมี dual PCIe Gen6 x8 links และฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับงานระดับ data center ขนาดใหญ่ ทั้งสองรุ่นจะใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์และความยืดหยุ่นของ CXL 3.2 อย่างเต็มที่ ✅ การเปิดตัว MX1 Computational Memory ➡️ เปิดตัวในงาน FMS 2025 โดยบริษัท XCENA จากเกาหลีใต้ ➡️ ใช้ PCIe Gen6 และ CXL 3.2 เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ ➡️ รวมหลายพันคอร์ RISC-V ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง ✅ แนวคิด near-data processing ➡️ ลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพในงาน AI, analytics และฐานข้อมูล ➡️ ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในระบบเซิร์ฟเวอร์ ✅ การขยายหน่วยความจำด้วย SSD tiering ➡️ รองรับการขยายความจุถึงระดับ petabyte ➡️ มีระบบบีบอัดข้อมูลและฟีเจอร์ด้าน reliability ➡️ ใช้ SSD เป็น tier รองเพื่อเพิ่มความจุโดยไม่ลดความเร็ว ✅ แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ➡️ MX1P จะเปิดตัวปลายปี 2025 พร้อมตัวอย่างสำหรับพันธมิตร ➡️ MX1S จะเปิดตัวในปี 2026 พร้อม dual PCIe Gen6 x8 links ➡️ ทั้งสองรุ่นรองรับ CXL 3.2 เต็มรูปแบบ ✅ การสนับสนุนสำหรับนักพัฒนา ➡️ มี SDK พร้อมไดรเวอร์, runtime libraries และเครื่องมือสำหรับ deployment ➡️ รองรับแอปพลิเคชันตั้งแต่ AI inference ถึง in-memory analytics ➡️ ออกแบบให้ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมมาตรฐาน ✅ รางวัลและการยอมรับ ➡️ ได้รับรางวัล “Most Innovative Memory Technology” ในงาน FMS 2025 ➡️ เคยได้รับรางวัล “Most Innovative Startup” ในปี 2024 ➡️ ได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญด้าน storage ว่าเป็นแนวทางใหม่ที่เปลี่ยนเกม https://www.techradar.com/pro/a-chip-with-thousands-of-cores-could-change-the-way-servers-are-designed-bringing-compute-nearer-to-ram-thanks-to-cxl-is-a-lightbulb-moment
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Getac F120: แท็บเล็ตพันธุ์แกร่งที่รัน AI ได้แรงกว่าละครหลังข่าว พร้อมลุยทุกสนามรบและงานภาคสนาม!”

    ลองนึกภาพว่าคุณต้องทำงานในพื้นที่กลางแจ้งที่เต็มไปด้วยฝุ่น น้ำ หรืออุณหภูมิสุดขั้ว แล้วต้องใช้แท็บเล็ตในการวิเคราะห์ข้อมูลภาพจากโดรน หรือรันโมเดล AI เพื่อวินิจฉัยอุปกรณ์ — Getac F120 คือแท็บเล็ตที่ออกแบบมาเพื่อสถานการณ์แบบนั้นโดยเฉพาะ

    Getac เปิดตัว F120 ซึ่งเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของโลกที่ผ่านมาตรฐาน Copilot+ PC แบบเต็มตัวในรูปแบบ rugged tablet — หมายความว่ามันไม่ใช่แค่ทนทาน แต่ยังมีสมองที่ฉลาดระดับ AI ด้วย NPU ที่แรงถึง 48 TOPS (Trillion Operations Per Second) มากกว่าขั้นต่ำที่ Microsoft กำหนดไว้ที่ 40 TOPS

    ภายในใช้ชิป Intel Core Ultra 200V Series พร้อม RAM สูงสุด 32GB LPDDR5X และ SSD PCIe NVMe สูงสุด 2TB — เรียกได้ว่าแรงกว่าคอมพิวเตอร์สำนักงานทั่วไปหลายรุ่น แถมยังมี Windows Hello สำหรับสแกนใบหน้า และระบบรักษาความปลอดภัยระดับ TPM 2.0

    หน้าจอขนาด 12.2 นิ้วแบบ LumiBond ให้ความสว่างสูงถึง 1,200 nits อ่านกลางแดดได้สบาย พร้อม Smart Touch ที่ใช้งานได้แม้ใส่ถุงมือ ตัวเครื่องผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H และ IP66 ทนต่อการตกจากที่สูง 6 ฟุต และใช้งานได้ในอุณหภูมิ -29°C ถึง 63°C

    สำหรับการเชื่อมต่อก็จัดเต็ม ทั้ง Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, Thunderbolt 4 สองช่อง และรองรับ 5G Sub-6 แบบออปชัน พร้อมแบตเตอรี่แบบ hot-swappable ที่เปลี่ยนได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง — เหมาะกับงานภาคสนามที่ต้องทำงานต่อเนื่องโดยไม่มีเวลาเสีย

    สเปกหลักของ Getac F120
    ใช้ Intel Core Ultra 200V Series + Intel AI Boost NPU (สูงสุด 48 TOPS)
    RAM สูงสุด 32GB LPDDR5X และ SSD สูงสุด 2TB PCIe NVMe
    รองรับ Windows Hello facial recognition และ TPM 2.0

    หน้าจอและความทนทาน
    หน้าจอ LumiBond ขนาด 12.2 นิ้ว ความสว่าง 1,200 nits
    รองรับ Smart Touch แม้ใส่ถุงมือ
    ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H และ IP66
    ทนต่อการตกจาก 6 ฟุต และใช้งานได้ในอุณหภูมิ -29°C ถึง 63°C

    การเชื่อมต่อและการใช้งานภาคสนาม
    รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, Thunderbolt 4 x2
    มีออปชันสำหรับ 5G Sub-6
    ใช้แบตเตอรี่แบบ hot-swappable เพื่อการทำงานต่อเนื่อง

    การใช้งานในอุตสาหกรรม
    เหมาะกับงานด้านสาธารณูปโภค, ยานยนต์, ความปลอดภัยสาธารณะ
    รองรับการประมวลผลภาพ, การวินิจฉัย, และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์
    ออกแบบมาเพื่องานที่ “ล้มไม่ได้” เช่น ภารกิจภาคสนามหรือการกู้ภัย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Copilot+ PC ต้องมี NPU 40+ TOPS, RAM 16GB+, SSD 256GB+, และระบบ biometric
    Getac เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านอุปกรณ์ rugged สำหรับภาคอุตสาหกรรม
    รุ่น F120 เริ่มต้นที่ราคา $3,079 — เน้นกลุ่มมืออาชีพมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป

    https://www.techradar.com/pro/the-worlds-fastest-rugged-tablet-just-launched-and-its-perfect-for-those-who-want-to-work-in-challenging-environments-while-compiling-ai-code
    🛡️ “Getac F120: แท็บเล็ตพันธุ์แกร่งที่รัน AI ได้แรงกว่าละครหลังข่าว พร้อมลุยทุกสนามรบและงานภาคสนาม!” ลองนึกภาพว่าคุณต้องทำงานในพื้นที่กลางแจ้งที่เต็มไปด้วยฝุ่น น้ำ หรืออุณหภูมิสุดขั้ว แล้วต้องใช้แท็บเล็ตในการวิเคราะห์ข้อมูลภาพจากโดรน หรือรันโมเดล AI เพื่อวินิจฉัยอุปกรณ์ — Getac F120 คือแท็บเล็ตที่ออกแบบมาเพื่อสถานการณ์แบบนั้นโดยเฉพาะ Getac เปิดตัว F120 ซึ่งเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของโลกที่ผ่านมาตรฐาน Copilot+ PC แบบเต็มตัวในรูปแบบ rugged tablet — หมายความว่ามันไม่ใช่แค่ทนทาน แต่ยังมีสมองที่ฉลาดระดับ AI ด้วย NPU ที่แรงถึง 48 TOPS (Trillion Operations Per Second) มากกว่าขั้นต่ำที่ Microsoft กำหนดไว้ที่ 40 TOPS ภายในใช้ชิป Intel Core Ultra 200V Series พร้อม RAM สูงสุด 32GB LPDDR5X และ SSD PCIe NVMe สูงสุด 2TB — เรียกได้ว่าแรงกว่าคอมพิวเตอร์สำนักงานทั่วไปหลายรุ่น แถมยังมี Windows Hello สำหรับสแกนใบหน้า และระบบรักษาความปลอดภัยระดับ TPM 2.0 หน้าจอขนาด 12.2 นิ้วแบบ LumiBond ให้ความสว่างสูงถึง 1,200 nits อ่านกลางแดดได้สบาย พร้อม Smart Touch ที่ใช้งานได้แม้ใส่ถุงมือ ตัวเครื่องผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H และ IP66 ทนต่อการตกจากที่สูง 6 ฟุต และใช้งานได้ในอุณหภูมิ -29°C ถึง 63°C สำหรับการเชื่อมต่อก็จัดเต็ม ทั้ง Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, Thunderbolt 4 สองช่อง และรองรับ 5G Sub-6 แบบออปชัน พร้อมแบตเตอรี่แบบ hot-swappable ที่เปลี่ยนได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง — เหมาะกับงานภาคสนามที่ต้องทำงานต่อเนื่องโดยไม่มีเวลาเสีย ✅ สเปกหลักของ Getac F120 ➡️ ใช้ Intel Core Ultra 200V Series + Intel AI Boost NPU (สูงสุด 48 TOPS) ➡️ RAM สูงสุด 32GB LPDDR5X และ SSD สูงสุด 2TB PCIe NVMe ➡️ รองรับ Windows Hello facial recognition และ TPM 2.0 ✅ หน้าจอและความทนทาน ➡️ หน้าจอ LumiBond ขนาด 12.2 นิ้ว ความสว่าง 1,200 nits ➡️ รองรับ Smart Touch แม้ใส่ถุงมือ ➡️ ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H และ IP66 ➡️ ทนต่อการตกจาก 6 ฟุต และใช้งานได้ในอุณหภูมิ -29°C ถึง 63°C ✅ การเชื่อมต่อและการใช้งานภาคสนาม ➡️ รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, Thunderbolt 4 x2 ➡️ มีออปชันสำหรับ 5G Sub-6 ➡️ ใช้แบตเตอรี่แบบ hot-swappable เพื่อการทำงานต่อเนื่อง ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรม ➡️ เหมาะกับงานด้านสาธารณูปโภค, ยานยนต์, ความปลอดภัยสาธารณะ ➡️ รองรับการประมวลผลภาพ, การวินิจฉัย, และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ➡️ ออกแบบมาเพื่องานที่ “ล้มไม่ได้” เช่น ภารกิจภาคสนามหรือการกู้ภัย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Copilot+ PC ต้องมี NPU 40+ TOPS, RAM 16GB+, SSD 256GB+, และระบบ biometric ➡️ Getac เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านอุปกรณ์ rugged สำหรับภาคอุตสาหกรรม ➡️ รุ่น F120 เริ่มต้นที่ราคา $3,079 — เน้นกลุ่มมืออาชีพมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป https://www.techradar.com/pro/the-worlds-fastest-rugged-tablet-just-launched-and-its-perfect-for-those-who-want-to-work-in-challenging-environments-while-compiling-ai-code
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Cirrus7 Nimbini v4 Pro Edition: พีซีจิ๋วไร้พัดลมที่แรงระดับเวิร์กสเตชัน พร้อม Intel Core Ultra และ RAM 128GB!”

    ลองนึกภาพว่าคุณต้องการคอมพิวเตอร์สำหรับงานธุรกิจหรือวิศวกรรมที่ต้องการความแรงระดับเวิร์กสเตชัน แต่ไม่อยากได้เสียงพัดลมดังรบกวน หรือเครื่องใหญ่เทอะทะ — Cirrus7 Nimbini v4 Pro Edition คือคำตอบที่น่าสนใจมากในปี 2025 นี้

    Cirrus7 เปิดตัวมินิพีซีรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ passive cooling เต็มรูปแบบ ไม่มีพัดลมเลยแม้แต่ตัวเดียว ตัวเคสถูกออกแบบให้เป็นฮีตซิงก์ขนาดใหญ่ที่ช่วยระบายความร้อนจากซีพียูระดับแล็ปท็อปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว

    ภายในใช้เมนบอร์ด Intel NUC 15 Pro พร้อมรองรับซีพียูตั้งแต่ Core 3 100U ไปจนถึงตัวท็อปอย่าง Core Ultra 7 265H ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 5.1GHz และมี iGPU Intel Arc 140T ในตัว รองรับ RAM DDR5-5600 สูงสุดถึง 128GB และ SSD แบบ M.2 PCIe 4.0 ความจุสูงสุด 4TB

    พอร์ตเชื่อมต่อก็จัดเต็ม ทั้ง Thunderbolt 4 สองช่อง, USB-A 3.2 Gen 2 สามช่อง, HDMI 2.0b สองช่อง, LAN 2.5GbE, Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 ผ่าน Intel BE201 รวมถึงมีตัวเลือกติดตั้ง Linux ฟรี หรือ Windows แบบมีลิขสิทธิ์ พร้อมการรับประกัน 3 ปีที่ขยายได้ถึง 5 ปี

    แม้จะมีรุ่นเริ่มต้นที่ราคา €728 แต่ถ้าคุณเลือกสเปกสูงสุด ราคาจะพุ่งไปถึง €2,796.20 ซึ่งถือว่าแพงไม่น้อยสำหรับมินิพีซี แต่ก็แลกกับความเงียบ ความแรง และดีไซน์ที่ดูเรียบหรูแบบมืออาชีพ

    สเปกของ Cirrus7 Nimbini v4 Pro Edition
    ใช้ Intel NUC 15 Pro motherboard รองรับ CPU ตั้งแต่ Core 3 100U ถึง Core Ultra 7 265H
    RAM รองรับสูงสุด 128GB DDR5-5600
    SSD แบบ M.2 PCIe 4.0 ความจุ 1TB–4TB
    มี iGPU Intel Arc 140T ในตัว

    ระบบระบายความร้อนแบบไร้พัดลม
    เคสออกแบบให้เป็นฮีตซิงก์ขนาดใหญ่
    ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว — ลดเสียงรบกวนและเพิ่มความทนทาน
    มีตัวเลือกเพิ่มจำนวนฟินระบายความร้อน หากใช้สเปกสูง

    พอร์ตและการเชื่อมต่อ
    2x Thunderbolt 4, 3x USB-A 3.2 Gen 2, 1x USB 2.0
    2x HDMI 2.0b, 1x 2.5GbE LAN, IR receiver, Wi-Fi antenna slots
    รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 ผ่าน Intel BE201

    ระบบปฏิบัติการและการรับประกัน
    รองรับ Linux ฟรี เช่น Ubuntu 24/25 LTS และ Mint 22
    รองรับ Windows 11 Home/Pro แบบมีลิขสิทธิ์
    รับประกัน 3 ปี ขยายได้ถึง 5 ปี

    ราคาและตัวเลือก
    รุ่นเริ่มต้น €728 (Core 3 100U + 8GB RAM + 250GB SSD)
    รุ่นสูงสุด €2,796.20 (Core Ultra 7 265H + 128GB RAM + 4TB SSD)
    มีตัวเลือกติดตั้ง VESA mount และซีลกันฝุ่น

    https://www.techradar.com/pro/looking-for-a-silent-mini-pc-the-cirrus7-pairs-an-intel-core-ultra-7-265h-with-a-casing-that-looks-like-a-giant-heatsink-but-it-aint-cheap
    🖥️ “Cirrus7 Nimbini v4 Pro Edition: พีซีจิ๋วไร้พัดลมที่แรงระดับเวิร์กสเตชัน พร้อม Intel Core Ultra และ RAM 128GB!” ลองนึกภาพว่าคุณต้องการคอมพิวเตอร์สำหรับงานธุรกิจหรือวิศวกรรมที่ต้องการความแรงระดับเวิร์กสเตชัน แต่ไม่อยากได้เสียงพัดลมดังรบกวน หรือเครื่องใหญ่เทอะทะ — Cirrus7 Nimbini v4 Pro Edition คือคำตอบที่น่าสนใจมากในปี 2025 นี้ Cirrus7 เปิดตัวมินิพีซีรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ passive cooling เต็มรูปแบบ ไม่มีพัดลมเลยแม้แต่ตัวเดียว ตัวเคสถูกออกแบบให้เป็นฮีตซิงก์ขนาดใหญ่ที่ช่วยระบายความร้อนจากซีพียูระดับแล็ปท็อปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว ภายในใช้เมนบอร์ด Intel NUC 15 Pro พร้อมรองรับซีพียูตั้งแต่ Core 3 100U ไปจนถึงตัวท็อปอย่าง Core Ultra 7 265H ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 5.1GHz และมี iGPU Intel Arc 140T ในตัว รองรับ RAM DDR5-5600 สูงสุดถึง 128GB และ SSD แบบ M.2 PCIe 4.0 ความจุสูงสุด 4TB พอร์ตเชื่อมต่อก็จัดเต็ม ทั้ง Thunderbolt 4 สองช่อง, USB-A 3.2 Gen 2 สามช่อง, HDMI 2.0b สองช่อง, LAN 2.5GbE, Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 ผ่าน Intel BE201 รวมถึงมีตัวเลือกติดตั้ง Linux ฟรี หรือ Windows แบบมีลิขสิทธิ์ พร้อมการรับประกัน 3 ปีที่ขยายได้ถึง 5 ปี แม้จะมีรุ่นเริ่มต้นที่ราคา €728 แต่ถ้าคุณเลือกสเปกสูงสุด ราคาจะพุ่งไปถึง €2,796.20 ซึ่งถือว่าแพงไม่น้อยสำหรับมินิพีซี แต่ก็แลกกับความเงียบ ความแรง และดีไซน์ที่ดูเรียบหรูแบบมืออาชีพ ✅ สเปกของ Cirrus7 Nimbini v4 Pro Edition ➡️ ใช้ Intel NUC 15 Pro motherboard รองรับ CPU ตั้งแต่ Core 3 100U ถึง Core Ultra 7 265H ➡️ RAM รองรับสูงสุด 128GB DDR5-5600 ➡️ SSD แบบ M.2 PCIe 4.0 ความจุ 1TB–4TB ➡️ มี iGPU Intel Arc 140T ในตัว ✅ ระบบระบายความร้อนแบบไร้พัดลม ➡️ เคสออกแบบให้เป็นฮีตซิงก์ขนาดใหญ่ ➡️ ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว — ลดเสียงรบกวนและเพิ่มความทนทาน ➡️ มีตัวเลือกเพิ่มจำนวนฟินระบายความร้อน หากใช้สเปกสูง ✅ พอร์ตและการเชื่อมต่อ ➡️ 2x Thunderbolt 4, 3x USB-A 3.2 Gen 2, 1x USB 2.0 ➡️ 2x HDMI 2.0b, 1x 2.5GbE LAN, IR receiver, Wi-Fi antenna slots ➡️ รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 ผ่าน Intel BE201 ✅ ระบบปฏิบัติการและการรับประกัน ➡️ รองรับ Linux ฟรี เช่น Ubuntu 24/25 LTS และ Mint 22 ➡️ รองรับ Windows 11 Home/Pro แบบมีลิขสิทธิ์ ➡️ รับประกัน 3 ปี ขยายได้ถึง 5 ปี ✅ ราคาและตัวเลือก ➡️ รุ่นเริ่มต้น €728 (Core 3 100U + 8GB RAM + 250GB SSD) ➡️ รุ่นสูงสุด €2,796.20 (Core Ultra 7 265H + 128GB RAM + 4TB SSD) ➡️ มีตัวเลือกติดตั้ง VESA mount และซีลกันฝุ่น https://www.techradar.com/pro/looking-for-a-silent-mini-pc-the-cirrus7-pairs-an-intel-core-ultra-7-265h-with-a-casing-that-looks-like-a-giant-heatsink-but-it-aint-cheap
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft จับมือวงการนิวเคลียร์! เตรียมใช้ Small Modular Reactors และพลังงานฟิวชันป้อนศูนย์ข้อมูล AI ยุคใหม่”

    ลองจินตนาการว่าคุณคือผู้บริหารฝ่ายพลังงานของ Microsoft แล้วพบว่าศูนย์ข้อมูลของบริษัทกำลังใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ จากการรันโมเดล AI ขนาดมหึมา เช่น GPT-5 หรือ Copilot — แม้จะลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างลมและแสงอาทิตย์แล้ว แต่ก็ยังไม่พอสำหรับการทำงานแบบ 24/7 ที่ไม่สะดุด

    นั่นคือเหตุผลที่ Microsoft ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ World Nuclear Association (WNA) ซึ่งถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกรายแรกที่เข้าร่วมองค์กรนี้อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในรูปแบบใหม่ เช่น Small Modular Reactors (SMRs) และฟิวชันพลังงาน เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลก

    Microsoft มองว่า SMRs เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคใหม่ เพราะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องโดยไม่ขึ้นกับสภาพอากาศ และมีขนาดเล็กพอที่จะติดตั้งใกล้ศูนย์ข้อมูลได้โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับบริษัทฟิวชันอย่าง Helion เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในระยะยาว

    หนึ่งในโครงการสำคัญคือการฟื้นฟูโรงไฟฟ้า Crane Clean Energy Center ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของโรงงาน Three Mile Island Unit 1 โดย Microsoft ได้ลงนามในสัญญาซื้อไฟฟ้าแบบระยะยาว 20 ปี กับ Constellation Energy เพื่อให้มั่นใจว่าศูนย์ข้อมูลจะมีไฟฟ้าใช้แบบไม่สะดุด

    แม้จะมีความหวังสูง แต่การพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ยังเผชิญกับความท้าทาย เช่น ต้นทุนสูง ความล่าช้าในการก่อสร้าง และข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ ซึ่ง Microsoft จะเข้าไปมีบทบาทในการผลักดันให้เกิดการปรับปรุงด้านการออกใบอนุญาตและความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน

    การเข้าร่วม World Nuclear Association ของ Microsoft
    เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกรายแรกที่เข้าร่วม WNA อย่างเป็นทางการ
    มุ่งเน้นการใช้ Small Modular Reactors และพลังงานฟิวชัน
    สะท้อนความตั้งใจในการลดคาร์บอนและรองรับความต้องการไฟฟ้าจาก AI

    โครงการพลังงานนิวเคลียร์ของ Microsoft
    ลงนามสัญญาซื้อไฟฟ้า 20 ปี กับ Constellation Energy เพื่อฟื้นฟูโรงไฟฟ้า Crane
    ร่วมมือกับ Helion เพื่อพัฒนาพลังงานฟิวชันเชิงพาณิชย์
    วางแผนใช้ SMRs เป็นโครงสร้างพื้นฐานใกล้ศูนย์ข้อมูล

    บริบทของอุตสาหกรรมพลังงาน
    ความต้องการไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทศวรรษหน้า
    พลังงานหมุนเวียนยังไม่สามารถให้กำลังไฟฟ้าแบบต่อเนื่องได้
    พลังงานนิวเคลียร์มีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าแบบ base-load ที่มั่นคง

    บทบาทของ Microsoft ใน WNA
    เข้าร่วมกลุ่มทำงานด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขั้นสูง
    ผลักดันการออกใบอนุญาตที่รวดเร็วและห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น
    ทีม Energy Technology นำโดย Dr. Melissa Lott จะเป็นผู้ขับเคลื่อนกลยุทธ์

    คำเตือนจากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานนิวเคลียร์
    การพัฒนา SMRs และฟิวชันยังอยู่ในช่วงต้น — อาจใช้เวลาหลายปี
    ต้นทุนการก่อสร้างและการบำรุงรักษายังสูงเมื่อเทียบกับพลังงานหมุนเวียน
    ความล่าช้าในการอนุมัติโครงการอาจกระทบต่อแผนพลังงานของ Microsoft
    การต่อต้านจากภาคประชาชนและการเมืองอาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัว
    หากเทคโนโลยีไม่สามารถใช้งานได้จริงตามเป้า อาจส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานของบริษัท

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-joins-world-nuclear-association-as-it-doubles-down-on-small-modular-reactors-and-fusion-energy
    ⚛️ “Microsoft จับมือวงการนิวเคลียร์! เตรียมใช้ Small Modular Reactors และพลังงานฟิวชันป้อนศูนย์ข้อมูล AI ยุคใหม่” ลองจินตนาการว่าคุณคือผู้บริหารฝ่ายพลังงานของ Microsoft แล้วพบว่าศูนย์ข้อมูลของบริษัทกำลังใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ จากการรันโมเดล AI ขนาดมหึมา เช่น GPT-5 หรือ Copilot — แม้จะลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างลมและแสงอาทิตย์แล้ว แต่ก็ยังไม่พอสำหรับการทำงานแบบ 24/7 ที่ไม่สะดุด นั่นคือเหตุผลที่ Microsoft ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ World Nuclear Association (WNA) ซึ่งถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกรายแรกที่เข้าร่วมองค์กรนี้อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในรูปแบบใหม่ เช่น Small Modular Reactors (SMRs) และฟิวชันพลังงาน เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลก Microsoft มองว่า SMRs เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคใหม่ เพราะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องโดยไม่ขึ้นกับสภาพอากาศ และมีขนาดเล็กพอที่จะติดตั้งใกล้ศูนย์ข้อมูลได้โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับบริษัทฟิวชันอย่าง Helion เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในระยะยาว หนึ่งในโครงการสำคัญคือการฟื้นฟูโรงไฟฟ้า Crane Clean Energy Center ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของโรงงาน Three Mile Island Unit 1 โดย Microsoft ได้ลงนามในสัญญาซื้อไฟฟ้าแบบระยะยาว 20 ปี กับ Constellation Energy เพื่อให้มั่นใจว่าศูนย์ข้อมูลจะมีไฟฟ้าใช้แบบไม่สะดุด แม้จะมีความหวังสูง แต่การพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ยังเผชิญกับความท้าทาย เช่น ต้นทุนสูง ความล่าช้าในการก่อสร้าง และข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ ซึ่ง Microsoft จะเข้าไปมีบทบาทในการผลักดันให้เกิดการปรับปรุงด้านการออกใบอนุญาตและความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน ✅ การเข้าร่วม World Nuclear Association ของ Microsoft ➡️ เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกรายแรกที่เข้าร่วม WNA อย่างเป็นทางการ ➡️ มุ่งเน้นการใช้ Small Modular Reactors และพลังงานฟิวชัน ➡️ สะท้อนความตั้งใจในการลดคาร์บอนและรองรับความต้องการไฟฟ้าจาก AI ✅ โครงการพลังงานนิวเคลียร์ของ Microsoft ➡️ ลงนามสัญญาซื้อไฟฟ้า 20 ปี กับ Constellation Energy เพื่อฟื้นฟูโรงไฟฟ้า Crane ➡️ ร่วมมือกับ Helion เพื่อพัฒนาพลังงานฟิวชันเชิงพาณิชย์ ➡️ วางแผนใช้ SMRs เป็นโครงสร้างพื้นฐานใกล้ศูนย์ข้อมูล ✅ บริบทของอุตสาหกรรมพลังงาน ➡️ ความต้องการไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทศวรรษหน้า ➡️ พลังงานหมุนเวียนยังไม่สามารถให้กำลังไฟฟ้าแบบต่อเนื่องได้ ➡️ พลังงานนิวเคลียร์มีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าแบบ base-load ที่มั่นคง ✅ บทบาทของ Microsoft ใน WNA ➡️ เข้าร่วมกลุ่มทำงานด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขั้นสูง ➡️ ผลักดันการออกใบอนุญาตที่รวดเร็วและห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น ➡️ ทีม Energy Technology นำโดย Dr. Melissa Lott จะเป็นผู้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ ‼️ คำเตือนจากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานนิวเคลียร์ ⛔ การพัฒนา SMRs และฟิวชันยังอยู่ในช่วงต้น — อาจใช้เวลาหลายปี ⛔ ต้นทุนการก่อสร้างและการบำรุงรักษายังสูงเมื่อเทียบกับพลังงานหมุนเวียน ⛔ ความล่าช้าในการอนุมัติโครงการอาจกระทบต่อแผนพลังงานของ Microsoft ⛔ การต่อต้านจากภาคประชาชนและการเมืองอาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัว ⛔ หากเทคโนโลยีไม่สามารถใช้งานได้จริงตามเป้า อาจส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานของบริษัท https://www.techradar.com/pro/microsoft-joins-world-nuclear-association-as-it-doubles-down-on-small-modular-reactors-and-fusion-energy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ตุรกีปิดโซเชียลมีเดียทั่วประเทศ! X, YouTube, WhatsApp ดับกลางดึก — VPN พุ่ง 500% ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง”

    ลองนึกภาพว่าคุณอยู่ในอิสตันบูล คืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 แล้วจู่ๆ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มที่คุณใช้ — X (Twitter), YouTube, Instagram, Facebook, TikTok และ WhatsApp — หายไปจากหน้าจอแบบไม่มีคำอธิบาย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตุรกี เมื่อรัฐบาลเริ่มบล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์มหลักทั้งหมด ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุ

    เหตุการณ์เริ่มต้นหลังพรรคฝ่ายค้าน CHP เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุม หลังตำรวจปิดล้อมสำนักงานใหญ่ในอิสตันบูล โดย NetBlocks รายงานว่าการบล็อกเกิดขึ้นเฉพาะในเครือข่ายของเมืองนี้เป็นหลัก และยังคงดำเนินอยู่ในช่วงเวลาที่รายงาน

    ประชาชนไม่รอช้า รีบหาทางเข้าถึงโซเชียลมีเดียผ่าน VPN โดย Proton VPN รายงานว่ามีการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 500% ภายในหนึ่งชั่วโมงในคืนวันอาทิตย์ และแนะนำให้ใช้โหมด Stealth พร้อมการตั้งค่า alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตุรกีใช้มาตรการแบบนี้ — ก่อนหน้านี้เคยมีการบล็อกโซเชียลมีเดียหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว การเลือกตั้ง และการจับกุมผู้นำฝ่ายค้าน โดยมีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา

    แม้ VPN จะเป็นทางออกที่ประชาชนใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN หลายราย เช่น Proton, NordVPN, Surfshark และ ExpressVPN ก็ถูกบล็อกเช่นกัน ทำให้ต้องดาวน์โหลดแอปผ่านช่องทางสำรอง เช่น GitHub หรือ App Store เท่านั้น

    เหตุการณ์บล็อกโซเชียลมีเดียในตุรกี
    เริ่มต้นคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025
    แพลตฟอร์มที่ถูกบล็อก: X, YouTube, Instagram, Facebook, TikTok, WhatsApp
    เกิดขึ้นหลังพรรค CHP เรียกร้องให้ประชาชนชุมนุม
    เครือข่ายในอิสตันบูลถูกบล็อกเป็นหลัก

    การตอบสนองของประชาชน
    Proton VPN รายงานการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้น 500% ภายในหนึ่งชั่วโมง
    แนะนำให้ใช้โหมด Stealth และ alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก
    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปผ่าน App Store หรือ GitHub หากเว็บไซต์ถูกบล็อก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ตุรกีเคยบล็อกโซเชียลมีเดียในปี 2023–2024 หลังเหตุการณ์ทางการเมืองและภัยพิบัติ
    มีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา
    ประเทศมีประวัติการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง
    VPN เช่น Octohide ใช้เทคนิค VLESS และ REALITY เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบ DPI

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/x-whatsapp-youtube-and-other-social-media-platforms-go-dark-in-turkey-and-vpn-usage-spikes
    📵 “ตุรกีปิดโซเชียลมีเดียทั่วประเทศ! X, YouTube, WhatsApp ดับกลางดึก — VPN พุ่ง 500% ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง” ลองนึกภาพว่าคุณอยู่ในอิสตันบูล คืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 แล้วจู่ๆ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มที่คุณใช้ — X (Twitter), YouTube, Instagram, Facebook, TikTok และ WhatsApp — หายไปจากหน้าจอแบบไม่มีคำอธิบาย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตุรกี เมื่อรัฐบาลเริ่มบล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์มหลักทั้งหมด ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุ เหตุการณ์เริ่มต้นหลังพรรคฝ่ายค้าน CHP เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุม หลังตำรวจปิดล้อมสำนักงานใหญ่ในอิสตันบูล โดย NetBlocks รายงานว่าการบล็อกเกิดขึ้นเฉพาะในเครือข่ายของเมืองนี้เป็นหลัก และยังคงดำเนินอยู่ในช่วงเวลาที่รายงาน ประชาชนไม่รอช้า รีบหาทางเข้าถึงโซเชียลมีเดียผ่าน VPN โดย Proton VPN รายงานว่ามีการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 500% ภายในหนึ่งชั่วโมงในคืนวันอาทิตย์ และแนะนำให้ใช้โหมด Stealth พร้อมการตั้งค่า alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตุรกีใช้มาตรการแบบนี้ — ก่อนหน้านี้เคยมีการบล็อกโซเชียลมีเดียหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว การเลือกตั้ง และการจับกุมผู้นำฝ่ายค้าน โดยมีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา แม้ VPN จะเป็นทางออกที่ประชาชนใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN หลายราย เช่น Proton, NordVPN, Surfshark และ ExpressVPN ก็ถูกบล็อกเช่นกัน ทำให้ต้องดาวน์โหลดแอปผ่านช่องทางสำรอง เช่น GitHub หรือ App Store เท่านั้น ✅ เหตุการณ์บล็อกโซเชียลมีเดียในตุรกี ➡️ เริ่มต้นคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 ➡️ แพลตฟอร์มที่ถูกบล็อก: X, YouTube, Instagram, Facebook, TikTok, WhatsApp ➡️ เกิดขึ้นหลังพรรค CHP เรียกร้องให้ประชาชนชุมนุม ➡️ เครือข่ายในอิสตันบูลถูกบล็อกเป็นหลัก ✅ การตอบสนองของประชาชน ➡️ Proton VPN รายงานการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้น 500% ภายในหนึ่งชั่วโมง ➡️ แนะนำให้ใช้โหมด Stealth และ alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก ➡️ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปผ่าน App Store หรือ GitHub หากเว็บไซต์ถูกบล็อก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ตุรกีเคยบล็อกโซเชียลมีเดียในปี 2023–2024 หลังเหตุการณ์ทางการเมืองและภัยพิบัติ ➡️ มีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา ➡️ ประเทศมีประวัติการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง ➡️ VPN เช่น Octohide ใช้เทคนิค VLESS และ REALITY เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบ DPI https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/x-whatsapp-youtube-and-other-social-media-platforms-go-dark-in-turkey-and-vpn-usage-spikes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SiFive เปิดตัว RISC-V Gen 2 IP — ชิปใหม่ที่รวมพลัง Scalar, Vector และ Matrix เพื่อเร่ง AI ตั้งแต่ IoT จนถึง Data Center!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาอุปกรณ์ IoT ที่ต้องการประมวลผล AI แบบเรียลไทม์ หรือคุณเป็นผู้ดูแลระบบในศูนย์ข้อมูลที่ต้องรันโมเดล LLM ขนาดมหึมา — ตอนนี้ SiFive ได้เปิดตัวชุด IP ใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งหมด ด้วยการรวมพลังการประมวลผลแบบ scalar, vector และ matrix เข้าไว้ในสถาปัตยกรรม RISC-V รุ่นล่าสุด

    SiFive เปิดตัว “2nd Generation Intelligence IP” ซึ่งประกอบด้วย 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ X160 Gen 2, X180 Gen 2, X280 Gen 2, X390 Gen 2 และ XM Gen 2 โดย X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด ส่วนอีกสามรุ่นเป็นการอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อนหน้า จุดเด่นคือการรองรับการประมวลผลแบบเวกเตอร์และเมทริกซ์ที่เหมาะกับงาน AI ทุกระดับ ตั้งแต่ edge computing ไปจนถึง data center

    X160 และ X180 ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ฝังตัวที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและพื้นที่ เช่น รถยนต์อัตโนมัติ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และระบบ IoT อัจฉริยะ ส่วน XM Gen 2 มาพร้อม matrix engine ที่ปรับขนาดได้ เหมาะกับงาน inference โมเดลขนาดใหญ่ เช่น LLM และ AI ด้านภาพ

    ทุก IP ในซีรีส์นี้สามารถทำหน้าที่เป็น Accelerator Control Unit (ACU) เพื่อควบคุม accelerator ภายนอกผ่านอินเทอร์เฟซ SSCI และ VCIX ซึ่งช่วยลดภาระของซอฟต์แวร์และเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนาน

    SiFive ยังชี้ว่า vector engine มีข้อได้เปรียบเหนือ CPU แบบ scalar โดยสามารถประมวลผลข้อมูลหลายชุดพร้อมกัน ลด overhead และใช้พลังงานน้อยลง — เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพในพื้นที่จำกัด

    การเปิดตัว IP ใหม่ของ SiFive
    เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Gen 2: X160, X180, X280, X390 และ XM
    X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่สำหรับ edge และ IoT
    X280, X390 และ XM เป็นรุ่นอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อน
    รองรับ scalar, vector และ matrix compute ในสถาปัตยกรรมเดียว

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยี
    XM Gen 2 มี matrix engine ที่ปรับขนาดได้ รองรับงาน AI ขนาดใหญ่
    Vector engine ลด overhead และใช้พลังงานน้อยกว่าการประมวลผลแบบ scalar
    รองรับ datatype ใหม่ เช่น BF16 และ vector crypto extensions
    มี memory subsystem ที่ลด latency และเพิ่ม throughput

    การใช้งานในโลกจริง
    X160 และ X180 เหมาะกับรถยนต์อัตโนมัติ, หุ่นยนต์, IoT อัจฉริยะ
    X390 Gen 2 รองรับ 4-core cache-coherent complex และ bandwidth สูงถึง 1 TB/s
    ทุก IP สามารถทำหน้าที่เป็น ACU เพื่อควบคุม accelerator ภายนอก
    ใช้ SSCI และ VCIX interface เพื่อเชื่อมต่อกับ co-processor

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Deloitte คาดการณ์ว่า edge AI จะเติบโตถึง 78% ในปีนี้
    SiFive ได้รับการยอมรับจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ Tier 1 ในสหรัฐฯ
    IP ทั้งหมดพร้อมให้ license แล้ว และจะมี silicon ตัวแรกใน Q2 2026
    SiFive จะโชว์ผลิตภัณฑ์ในงาน AI Infra Summit ที่ Santa Clara

    คำเตือนสำหรับผู้พัฒนาและองค์กร
    IP เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง pre-silicon — ประสิทธิภาพจริงต้องรอการพิสูจน์
    การใช้งาน matrix engine ต้องมีการออกแบบซอฟต์แวร์ที่รองรับโดยเฉพาะ
    การเชื่อมต่อกับ accelerator ภายนอกต้องใช้ interface เฉพาะ SSCI/VCIX
    หากใช้ในระบบที่ไม่รองรับ vector หรือ matrix compute อาจไม่เห็นประโยชน์เต็มที่
    การนำไปใช้ใน edge device ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้านพลังงานและความร้อน

    https://www.techpowerup.com/340788/sifives-new-risc-v-ip-combines-scalar-vector-and-matrix-compute-to-accelerate-ai-from-the-far-edge-iot-to-the-data-center
    🧠 “SiFive เปิดตัว RISC-V Gen 2 IP — ชิปใหม่ที่รวมพลัง Scalar, Vector และ Matrix เพื่อเร่ง AI ตั้งแต่ IoT จนถึง Data Center!” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาอุปกรณ์ IoT ที่ต้องการประมวลผล AI แบบเรียลไทม์ หรือคุณเป็นผู้ดูแลระบบในศูนย์ข้อมูลที่ต้องรันโมเดล LLM ขนาดมหึมา — ตอนนี้ SiFive ได้เปิดตัวชุด IP ใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งหมด ด้วยการรวมพลังการประมวลผลแบบ scalar, vector และ matrix เข้าไว้ในสถาปัตยกรรม RISC-V รุ่นล่าสุด SiFive เปิดตัว “2nd Generation Intelligence IP” ซึ่งประกอบด้วย 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ X160 Gen 2, X180 Gen 2, X280 Gen 2, X390 Gen 2 และ XM Gen 2 โดย X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด ส่วนอีกสามรุ่นเป็นการอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อนหน้า จุดเด่นคือการรองรับการประมวลผลแบบเวกเตอร์และเมทริกซ์ที่เหมาะกับงาน AI ทุกระดับ ตั้งแต่ edge computing ไปจนถึง data center X160 และ X180 ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ฝังตัวที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและพื้นที่ เช่น รถยนต์อัตโนมัติ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และระบบ IoT อัจฉริยะ ส่วน XM Gen 2 มาพร้อม matrix engine ที่ปรับขนาดได้ เหมาะกับงาน inference โมเดลขนาดใหญ่ เช่น LLM และ AI ด้านภาพ ทุก IP ในซีรีส์นี้สามารถทำหน้าที่เป็น Accelerator Control Unit (ACU) เพื่อควบคุม accelerator ภายนอกผ่านอินเทอร์เฟซ SSCI และ VCIX ซึ่งช่วยลดภาระของซอฟต์แวร์และเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนาน SiFive ยังชี้ว่า vector engine มีข้อได้เปรียบเหนือ CPU แบบ scalar โดยสามารถประมวลผลข้อมูลหลายชุดพร้อมกัน ลด overhead และใช้พลังงานน้อยลง — เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพในพื้นที่จำกัด ✅ การเปิดตัว IP ใหม่ของ SiFive ➡️ เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Gen 2: X160, X180, X280, X390 และ XM ➡️ X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่สำหรับ edge และ IoT ➡️ X280, X390 และ XM เป็นรุ่นอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อน ➡️ รองรับ scalar, vector และ matrix compute ในสถาปัตยกรรมเดียว ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยี ➡️ XM Gen 2 มี matrix engine ที่ปรับขนาดได้ รองรับงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ Vector engine ลด overhead และใช้พลังงานน้อยกว่าการประมวลผลแบบ scalar ➡️ รองรับ datatype ใหม่ เช่น BF16 และ vector crypto extensions ➡️ มี memory subsystem ที่ลด latency และเพิ่ม throughput ✅ การใช้งานในโลกจริง ➡️ X160 และ X180 เหมาะกับรถยนต์อัตโนมัติ, หุ่นยนต์, IoT อัจฉริยะ ➡️ X390 Gen 2 รองรับ 4-core cache-coherent complex และ bandwidth สูงถึง 1 TB/s ➡️ ทุก IP สามารถทำหน้าที่เป็น ACU เพื่อควบคุม accelerator ภายนอก ➡️ ใช้ SSCI และ VCIX interface เพื่อเชื่อมต่อกับ co-processor ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Deloitte คาดการณ์ว่า edge AI จะเติบโตถึง 78% ในปีนี้ ➡️ SiFive ได้รับการยอมรับจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ Tier 1 ในสหรัฐฯ ➡️ IP ทั้งหมดพร้อมให้ license แล้ว และจะมี silicon ตัวแรกใน Q2 2026 ➡️ SiFive จะโชว์ผลิตภัณฑ์ในงาน AI Infra Summit ที่ Santa Clara ‼️ คำเตือนสำหรับผู้พัฒนาและองค์กร ⛔ IP เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง pre-silicon — ประสิทธิภาพจริงต้องรอการพิสูจน์ ⛔ การใช้งาน matrix engine ต้องมีการออกแบบซอฟต์แวร์ที่รองรับโดยเฉพาะ ⛔ การเชื่อมต่อกับ accelerator ภายนอกต้องใช้ interface เฉพาะ SSCI/VCIX ⛔ หากใช้ในระบบที่ไม่รองรับ vector หรือ matrix compute อาจไม่เห็นประโยชน์เต็มที่ ⛔ การนำไปใช้ใน edge device ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้านพลังงานและความร้อน https://www.techpowerup.com/340788/sifives-new-risc-v-ip-combines-scalar-vector-and-matrix-compute-to-accelerate-ai-from-the-far-edge-iot-to-the-data-center
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    SiFive's New RISC-V IP Combines Scalar, Vector and Matrix Compute to Accelerate AI from the Far Edge IoT to the Data Center
    Further expanding SiFive's lead in RISC-V AI IP, the company today launched its 2nd Generation Intelligence family, featuring five new RISC-V-based products designed to accelerate AI workloads across thousands of potential applications. The lineup includes two entirely new products—the X160 Gen 2 an...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • “JetStream จาก d-Matrix: การ์ด I/O ที่เปลี่ยนเกม AI inference ให้เร็วขึ้น 10 เท่า!”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังรันโมเดล AI ขนาดมหึมา เช่น Llama70B หรือ GPT-4 บนเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องพร้อมกัน แล้วพบว่าแม้จะมีชิปประมวลผลแรงแค่ไหน ก็ยังติดคอขวดที่ระบบเครือข่าย — นั่นคือปัญหาที่ JetStream จาก d-Matrix เข้ามาแก้แบบตรงจุด

    JetStream คือการ์ด I/O แบบ PCIe Gen5 ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ในงาน AI inference โดยเฉพาะ โดยสามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 400Gbps และทำงานร่วมกับ Corsair compute accelerator และ Aviator software ของ d-Matrix ได้อย่างไร้รอยต่อ

    จุดเด่นของ JetStream คือการเป็น “Transparent NIC” ที่ใช้การสื่อสารแบบ peer-to-peer ระหว่างอุปกรณ์โดยไม่ต้องผ่าน CPU หรือระบบปฏิบัติการ — ลด latency ได้อย่างมหาศาล และทำให้การ inference ข้ามเครื่องเป็นไปอย่างลื่นไหล

    เมื่อใช้งานร่วมกับ Corsair และ Aviator แล้ว JetStream สามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 10 เท่า ลดต้นทุนต่อคำตอบ (cost-per-token) ได้ 3 เท่า และประหยัดพลังงานได้อีก 3 เท่า เมื่อเทียบกับระบบที่ใช้ GPU แบบเดิมในการ inference โมเดลขนาด 100B+ parameters

    ที่สำคัญคือ JetStream ใช้พอร์ต Ethernet มาตรฐานทั่วไป ทำให้สามารถติดตั้งใน data center ที่มีอยู่แล้วได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างเครือข่าย — ถือเป็นการออกแบบที่ “พร้อมใช้งานจริง” ไม่ใช่แค่แนวคิดในห้องแล็บ

    JetStream คืออะไร
    เป็นการ์ด I/O แบบ PCIe Gen5 ที่ออกแบบเพื่อ AI inference โดยเฉพาะ
    รองรับความเร็วสูงสุด 400Gbps ต่อการ์ด
    ทำงานร่วมกับ Corsair accelerator และ Aviator software ของ d-Matrix
    ใช้การสื่อสารแบบ peer-to-peer โดยไม่ผ่าน CPU หรือ OS

    ประสิทธิภาพที่ได้จาก JetStream
    เพิ่มความเร็วการ inference ได้ถึง 10 เท่า
    ลดต้นทุนต่อคำตอบได้ 3 เท่า
    ประหยัดพลังงานได้ 3 เท่า เมื่อเทียบกับ GPU-based solutions
    รองรับโมเดลขนาดใหญ่กว่า 100B parameters เช่น Llama70B

    การติดตั้งและใช้งาน
    มาในรูปแบบ PCIe full-height card ขนาดมาตรฐาน
    ใช้พอร์ต Ethernet ทั่วไป — ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้าง data center
    เหมาะกับการใช้งานใน hyperscale cloud และ private cloud
    ตัวอย่างพร้อมใช้งานแล้ว และจะเริ่มผลิตจริงภายในสิ้นปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    d-Matrix เป็นผู้บุกเบิกด้าน Digital In-Memory Computing (DIMC)
    Corsair ใช้สถาปัตยกรรม chiplet ที่ออกแบบมาเพื่อ inference โดยเฉพาะ
    Aviator เป็น software stack ที่ช่วยจัดการ pipeline inference แบบ multi-node
    JetStream ช่วยลด bottleneck ด้านเครือข่ายที่มักเกิดในงาน AI ขนาดใหญ่

    https://www.techpowerup.com/340786/d-matrix-announces-jetstream-i-o-accelerators-enabling-ultra-low-latency-for-ai-inference-at-scale
    🚀 “JetStream จาก d-Matrix: การ์ด I/O ที่เปลี่ยนเกม AI inference ให้เร็วขึ้น 10 เท่า!” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังรันโมเดล AI ขนาดมหึมา เช่น Llama70B หรือ GPT-4 บนเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องพร้อมกัน แล้วพบว่าแม้จะมีชิปประมวลผลแรงแค่ไหน ก็ยังติดคอขวดที่ระบบเครือข่าย — นั่นคือปัญหาที่ JetStream จาก d-Matrix เข้ามาแก้แบบตรงจุด JetStream คือการ์ด I/O แบบ PCIe Gen5 ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ในงาน AI inference โดยเฉพาะ โดยสามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 400Gbps และทำงานร่วมกับ Corsair compute accelerator และ Aviator software ของ d-Matrix ได้อย่างไร้รอยต่อ จุดเด่นของ JetStream คือการเป็น “Transparent NIC” ที่ใช้การสื่อสารแบบ peer-to-peer ระหว่างอุปกรณ์โดยไม่ต้องผ่าน CPU หรือระบบปฏิบัติการ — ลด latency ได้อย่างมหาศาล และทำให้การ inference ข้ามเครื่องเป็นไปอย่างลื่นไหล เมื่อใช้งานร่วมกับ Corsair และ Aviator แล้ว JetStream สามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 10 เท่า ลดต้นทุนต่อคำตอบ (cost-per-token) ได้ 3 เท่า และประหยัดพลังงานได้อีก 3 เท่า เมื่อเทียบกับระบบที่ใช้ GPU แบบเดิมในการ inference โมเดลขนาด 100B+ parameters ที่สำคัญคือ JetStream ใช้พอร์ต Ethernet มาตรฐานทั่วไป ทำให้สามารถติดตั้งใน data center ที่มีอยู่แล้วได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างเครือข่าย — ถือเป็นการออกแบบที่ “พร้อมใช้งานจริง” ไม่ใช่แค่แนวคิดในห้องแล็บ ✅ JetStream คืออะไร ➡️ เป็นการ์ด I/O แบบ PCIe Gen5 ที่ออกแบบเพื่อ AI inference โดยเฉพาะ ➡️ รองรับความเร็วสูงสุด 400Gbps ต่อการ์ด ➡️ ทำงานร่วมกับ Corsair accelerator และ Aviator software ของ d-Matrix ➡️ ใช้การสื่อสารแบบ peer-to-peer โดยไม่ผ่าน CPU หรือ OS ✅ ประสิทธิภาพที่ได้จาก JetStream ➡️ เพิ่มความเร็วการ inference ได้ถึง 10 เท่า ➡️ ลดต้นทุนต่อคำตอบได้ 3 เท่า ➡️ ประหยัดพลังงานได้ 3 เท่า เมื่อเทียบกับ GPU-based solutions ➡️ รองรับโมเดลขนาดใหญ่กว่า 100B parameters เช่น Llama70B ✅ การติดตั้งและใช้งาน ➡️ มาในรูปแบบ PCIe full-height card ขนาดมาตรฐาน ➡️ ใช้พอร์ต Ethernet ทั่วไป — ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้าง data center ➡️ เหมาะกับการใช้งานใน hyperscale cloud และ private cloud ➡️ ตัวอย่างพร้อมใช้งานแล้ว และจะเริ่มผลิตจริงภายในสิ้นปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ d-Matrix เป็นผู้บุกเบิกด้าน Digital In-Memory Computing (DIMC) ➡️ Corsair ใช้สถาปัตยกรรม chiplet ที่ออกแบบมาเพื่อ inference โดยเฉพาะ ➡️ Aviator เป็น software stack ที่ช่วยจัดการ pipeline inference แบบ multi-node ➡️ JetStream ช่วยลด bottleneck ด้านเครือข่ายที่มักเกิดในงาน AI ขนาดใหญ่ https://www.techpowerup.com/340786/d-matrix-announces-jetstream-i-o-accelerators-enabling-ultra-low-latency-for-ai-inference-at-scale
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    d-Matrix Announces JetStream I/O Accelerators Enabling Ultra-Low Latency for AI Inference at Scale
    d-Matrix today announced the expansion of its AI product portfolio with d-Matrix JetStream, a custom I/O card designed from the ground up to deliver industry-leading, data center-scale AI inference. With millions of people now using AI services - and the rise of agentic AI, reasoning, and multi-moda...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคภูมิใจไทยพร้อมเดินหน้า โครงการคนละครึ่ง ประเดิมใช้งบกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจทันที ขณะที่ นโยบายตั๋วรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน กำลังจับตาว่าจะได้ลงมือปฏิบัติจริงหรือไม่ หลังมีนายอนุทิน นั่งนายกรัฐมนตรี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086145

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    พรรคภูมิใจไทยพร้อมเดินหน้า โครงการคนละครึ่ง ประเดิมใช้งบกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจทันที ขณะที่ นโยบายตั๋วรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน กำลังจับตาว่าจะได้ลงมือปฏิบัติจริงหรือไม่ หลังมีนายอนุทิน นั่งนายกรัฐมนตรี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086145 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Windows 11 25H2: อัปเดตใหญ่ที่ไม่แรงขึ้นเลย — ผลทดสอบชี้ชัดว่าเร็วเท่าเดิมกับ 24H2!”

    ถ้าคุณกำลังรอ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม…ข่าวนี้อาจทำให้คุณต้องทบทวนใหม่ เพราะผลการทดสอบจาก Phoronix พบว่า 25H2 ไม่ได้เร็วขึ้นเลยเมื่อเทียบกับ 24H2 — แถมบางการทดสอบยังช้ากว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ!

    Phoronix ได้ทดสอบระบบปฏิบัติการ 4 ตัว ได้แก่ Windows 11 24H2, Windows 11 25H2, Ubuntu 24.04 LTS และ Ubuntu 25.10 โดยใช้เครื่อง Ryzen 9 9950X กับ RAM DDR5 32GB และรันการทดสอบกว่า 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, Intel Open Image Denoise และ IndigoBench

    ผลลัพธ์คือ Ubuntu ทั้งสองเวอร์ชันทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows 11 25H2 ถึง 15% และเมื่อเทียบกันเองระหว่าง 24H2 กับ 25H2 พบว่า “ไม่มีความแตกต่างด้านประสิทธิภาพเลย” โดยเฉลี่ยคือ 0% — บางการทดสอบ 24H2 ยังเร็วกว่า 2% ด้วยซ้ำ

    สาเหตุหลักคือ 25H2 เป็นเพียง “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2 ให้ใช้งานได้ทันที โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนลใดๆ ต่างจาก 24H2 ที่เคยมีการเขียนส่วนสำคัญใหม่ด้วยภาษา Rust และปรับปรุงระบบหลายจุด

    25H2 ยังมีการลบฟีเจอร์เก่า เช่น PowerShell 2.0 และ WMIC CLI และจะใช้การอัปเดตแบบ cumulative update ที่ใช้เวลารีสตาร์ทเพียงครั้งเดียว — เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความเสถียร แต่ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่หวังประสิทธิภาพใหม่ๆ

    ผลการทดสอบ Windows 11 25H2
    ทดสอบเทียบกับ Ubuntu 24.04, Ubuntu 25.10 และ Windows 11 24H2
    ใช้ Ryzen 9 9950X + RAM DDR5 32GB
    ทดสอบ 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, IndigoBench
    25H2 ไม่เร็วกว่า 24H2 โดยเฉลี่ย = 0% Ubuntu ทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows ถึง 15%

    ลักษณะของ Windows 11 25H2
    เป็น “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2
    ไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนล
    ลบ PowerShell 2.0 และ WMIC CLI ออกจากระบบ
    ใช้การอัปเดตแบบ cumulative update — รีสตาร์ทครั้งเดียว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Windows 11 24H2 เคยมีการเขียนระบบใหม่บางส่วนด้วยภาษา Rust
    25H2 มีการปรับปรุง UI เช่น Start Menu แบบใหม่ และการซ่อน Recommended
    Microsoft เตรียมเลื่อน Windows 12 ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี
    การอัปเดตแบบ enablement package ช่วยลดความเสี่ยงในการติดตั้ง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/early-windows-11-25h2-benchmarks-confirm-the-update-provides-no-performance-improvements-over-24h2
    🪟 “Windows 11 25H2: อัปเดตใหญ่ที่ไม่แรงขึ้นเลย — ผลทดสอบชี้ชัดว่าเร็วเท่าเดิมกับ 24H2!” ถ้าคุณกำลังรอ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม…ข่าวนี้อาจทำให้คุณต้องทบทวนใหม่ เพราะผลการทดสอบจาก Phoronix พบว่า 25H2 ไม่ได้เร็วขึ้นเลยเมื่อเทียบกับ 24H2 — แถมบางการทดสอบยังช้ากว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ! Phoronix ได้ทดสอบระบบปฏิบัติการ 4 ตัว ได้แก่ Windows 11 24H2, Windows 11 25H2, Ubuntu 24.04 LTS และ Ubuntu 25.10 โดยใช้เครื่อง Ryzen 9 9950X กับ RAM DDR5 32GB และรันการทดสอบกว่า 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, Intel Open Image Denoise และ IndigoBench ผลลัพธ์คือ Ubuntu ทั้งสองเวอร์ชันทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows 11 25H2 ถึง 15% และเมื่อเทียบกันเองระหว่าง 24H2 กับ 25H2 พบว่า “ไม่มีความแตกต่างด้านประสิทธิภาพเลย” โดยเฉลี่ยคือ 0% — บางการทดสอบ 24H2 ยังเร็วกว่า 2% ด้วยซ้ำ สาเหตุหลักคือ 25H2 เป็นเพียง “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2 ให้ใช้งานได้ทันที โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนลใดๆ ต่างจาก 24H2 ที่เคยมีการเขียนส่วนสำคัญใหม่ด้วยภาษา Rust และปรับปรุงระบบหลายจุด 25H2 ยังมีการลบฟีเจอร์เก่า เช่น PowerShell 2.0 และ WMIC CLI และจะใช้การอัปเดตแบบ cumulative update ที่ใช้เวลารีสตาร์ทเพียงครั้งเดียว — เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความเสถียร แต่ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่หวังประสิทธิภาพใหม่ๆ ✅ ผลการทดสอบ Windows 11 25H2 ➡️ ทดสอบเทียบกับ Ubuntu 24.04, Ubuntu 25.10 และ Windows 11 24H2 ➡️ ใช้ Ryzen 9 9950X + RAM DDR5 32GB ➡️ ทดสอบ 41 รายการ เช่น LuxCoreRender, Embree, IndigoBench ➡️ 25H2 ไม่เร็วกว่า 24H2 โดยเฉลี่ย = 0% ➡️ Ubuntu ทำคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า Windows ถึง 15% ✅ ลักษณะของ Windows 11 25H2 ➡️ เป็น “enablement package” ที่เปิดฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่ใน 24H2 ➡️ ไม่เปลี่ยนโครงสร้างระบบหรือเคอร์เนล ➡️ ลบ PowerShell 2.0 และ WMIC CLI ออกจากระบบ ➡️ ใช้การอัปเดตแบบ cumulative update — รีสตาร์ทครั้งเดียว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Windows 11 24H2 เคยมีการเขียนระบบใหม่บางส่วนด้วยภาษา Rust ➡️ 25H2 มีการปรับปรุง UI เช่น Start Menu แบบใหม่ และการซ่อน Recommended ➡️ Microsoft เตรียมเลื่อน Windows 12 ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี ➡️ การอัปเดตแบบ enablement package ช่วยลดความเสี่ยงในการติดตั้ง https://www.tomshardware.com/software/windows/early-windows-11-25h2-benchmarks-confirm-the-update-provides-no-performance-improvements-over-24h2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI ไม่บูมแล้ว? อัตราการใช้งาน AI ในบริษัทใหญ่ลดลงต่อเนื่อง — สัญญาณสะท้อนความจริงหลังคลื่นกระแส”

    ถ้าเมื่อปีที่แล้วคุณรู้สึกว่า AI กำลังครองโลก — ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Midjourney, หรือระบบอัตโนมัติในองค์กร — คุณไม่ได้คิดไปเอง เพราะช่วงนั้นคือจุดพีคของกระแส AI ที่ทุกบริษัทต่างรีบปรับตัวเพื่อไม่ให้ตกขบวน แต่ตอนนี้…ข้อมูลจาก U.S. Census Bureau กลับชี้ว่า “บริษัทขนาดใหญ่กำลังลดการใช้งาน AI ลงอย่างต่อเนื่อง”

    จากการสำรวจธุรกิจมากกว่า 1.2 ล้านแห่งทั่วสหรัฐฯ พบว่า บริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 250 คน มีอัตราการใช้งาน AI ลดลงจาก 13.5% ในเดือนมิถุนายน เหลือเพียง 12% ในปลายเดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2022

    แม้บริษัทขนาดเล็กบางกลุ่มยังคงเพิ่มการใช้งาน AI แต่ภาพรวมกลับสะท้อนความลังเล โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานว่า 95% ของบริษัทที่นำ AI ไปใช้ “ไม่สามารถสร้างรายได้ใหม่ได้จริง” และหลายแห่งเริ่มกลับมาจ้างพนักงานมนุษย์อีกครั้ง หลังพบว่า AI ยังไม่สามารถแทนที่แรงงานได้อย่างสมบูรณ์

    นอกจากนี้ยังมีสัญญาณจากตลาด เช่น ราคาหุ้น Nvidia ที่ตกลงหลังประกาศว่า “GPU สำหรับ AI ขายหมดแล้ว” และการเปิดตัว GPT-5 ที่ไม่สามารถสร้างความประทับใจได้ตามที่คาดหวัง — ทั้งหมดนี้ทำให้นักวิเคราะห์บางคนเริ่มพูดถึง “AI winter” หรือช่วงชะลอตัวของวงการ AI ที่อาจกำลังเริ่มต้น

    ข้อมูลจาก U.S. Census Bureau
    สำรวจธุรกิจ 1.2 ล้านแห่งทุกสองสัปดาห์
    บริษัทขนาดใหญ่ (มากกว่า 250 คน) ลดการใช้งาน AI จาก 13.5% เหลือ 12%
    เป็นการลดลงครั้งแรกตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2022
    บริษัทขนาดเล็กบางกลุ่มยังคงเพิ่มการใช้งาน

    สาเหตุที่ทำให้การใช้งาน AI ลดลง
    95% ของบริษัทที่ใช้ AI ไม่สามารถสร้างรายได้ใหม่ได้
    AI ยังไม่สามารถแทนแรงงานมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์
    บริษัทเริ่มกลับมาจ้างพนักงานหลังพบข้อจำกัดของ AI
    GPT-5 เปิดตัวแล้วแต่ไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ตามที่คาดหวัง

    บริบทจากภายนอก
    Nvidia ประกาศว่า GPU สำหรับ AI ขายหมด แต่ราคาหุ้นกลับตก
    นักเศรษฐศาสตร์บางคนเปรียบเทียบกระแส AI กับฟองสบู่ dot-com
    AMD ยังเชื่อว่า AI “ยังถูกประเมินต่ำ” และมีศักยภาพอีกมาก
    McKinsey รายงานว่า 92% ของบริษัทยังคงวางแผนลงทุนใน AI เพิ่มขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-adoption-rate-is-declining-among-large-companies-us-census-bureau-claims-fewer-businesses-are-using-ai-tools
    📉 “AI ไม่บูมแล้ว? อัตราการใช้งาน AI ในบริษัทใหญ่ลดลงต่อเนื่อง — สัญญาณสะท้อนความจริงหลังคลื่นกระแส” ถ้าเมื่อปีที่แล้วคุณรู้สึกว่า AI กำลังครองโลก — ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Midjourney, หรือระบบอัตโนมัติในองค์กร — คุณไม่ได้คิดไปเอง เพราะช่วงนั้นคือจุดพีคของกระแส AI ที่ทุกบริษัทต่างรีบปรับตัวเพื่อไม่ให้ตกขบวน แต่ตอนนี้…ข้อมูลจาก U.S. Census Bureau กลับชี้ว่า “บริษัทขนาดใหญ่กำลังลดการใช้งาน AI ลงอย่างต่อเนื่อง” จากการสำรวจธุรกิจมากกว่า 1.2 ล้านแห่งทั่วสหรัฐฯ พบว่า บริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 250 คน มีอัตราการใช้งาน AI ลดลงจาก 13.5% ในเดือนมิถุนายน เหลือเพียง 12% ในปลายเดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2022 แม้บริษัทขนาดเล็กบางกลุ่มยังคงเพิ่มการใช้งาน AI แต่ภาพรวมกลับสะท้อนความลังเล โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานว่า 95% ของบริษัทที่นำ AI ไปใช้ “ไม่สามารถสร้างรายได้ใหม่ได้จริง” และหลายแห่งเริ่มกลับมาจ้างพนักงานมนุษย์อีกครั้ง หลังพบว่า AI ยังไม่สามารถแทนที่แรงงานได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีสัญญาณจากตลาด เช่น ราคาหุ้น Nvidia ที่ตกลงหลังประกาศว่า “GPU สำหรับ AI ขายหมดแล้ว” และการเปิดตัว GPT-5 ที่ไม่สามารถสร้างความประทับใจได้ตามที่คาดหวัง — ทั้งหมดนี้ทำให้นักวิเคราะห์บางคนเริ่มพูดถึง “AI winter” หรือช่วงชะลอตัวของวงการ AI ที่อาจกำลังเริ่มต้น ✅ ข้อมูลจาก U.S. Census Bureau ➡️ สำรวจธุรกิจ 1.2 ล้านแห่งทุกสองสัปดาห์ ➡️ บริษัทขนาดใหญ่ (มากกว่า 250 คน) ลดการใช้งาน AI จาก 13.5% เหลือ 12% ➡️ เป็นการลดลงครั้งแรกตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2022 ➡️ บริษัทขนาดเล็กบางกลุ่มยังคงเพิ่มการใช้งาน ✅ สาเหตุที่ทำให้การใช้งาน AI ลดลง ➡️ 95% ของบริษัทที่ใช้ AI ไม่สามารถสร้างรายได้ใหม่ได้ ➡️ AI ยังไม่สามารถแทนแรงงานมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ ➡️ บริษัทเริ่มกลับมาจ้างพนักงานหลังพบข้อจำกัดของ AI ➡️ GPT-5 เปิดตัวแล้วแต่ไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ตามที่คาดหวัง ✅ บริบทจากภายนอก ➡️ Nvidia ประกาศว่า GPU สำหรับ AI ขายหมด แต่ราคาหุ้นกลับตก ➡️ นักเศรษฐศาสตร์บางคนเปรียบเทียบกระแส AI กับฟองสบู่ dot-com ➡️ AMD ยังเชื่อว่า AI “ยังถูกประเมินต่ำ” และมีศักยภาพอีกมาก ➡️ McKinsey รายงานว่า 92% ของบริษัทยังคงวางแผนลงทุนใน AI เพิ่มขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-adoption-rate-is-declining-among-large-companies-us-census-bureau-claims-fewer-businesses-are-using-ai-tools
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OneXGPU Lite เปิดตัว eGPU ขนาดพกพา พร้อมพอร์ต ‘USB 5.0’ ที่แท้คือ USB4 v2 — แรงระดับ RTX 4060 ในขนาดใส่กระเป๋า!”

    ลองนึกภาพว่าคุณใช้แล็ปท็อปบางเบาอย่าง Surface Pro หรือ Steam Deck แล้วอยากเล่นเกม AAA หรือเรนเดอร์งาน 3D หนักๆ แบบลื่นไหล…แต่ไม่อยากแบกเครื่องใหญ่หรือซื้อโน้ตบุ๊กเกมมิ่งราคาแพง ตอนนี้มีทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจมาก — OneXGPU Lite คือ eGPU ขนาดเล็กจาก One-Netbook ที่เปิดตัวในงาน Fall Launch 2025 พร้อมชิป AMD Radeon RX 7600M XT และพอร์ตเชื่อมต่อที่เรียกว่า “USB 5.0” ซึ่งจริงๆ แล้วคือ USB4 v2 หรือ Thunderbolt 5

    แม้ชื่อ USB 5.0 จะยังไม่ใช่มาตรฐานที่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ One-Netbook อาจกำลังใช้ชื่อเรียกล่วงหน้าเพื่อสื่อถึงความเร็วสูงสุด 80 Gbps ที่พอร์ตนี้รองรับ ซึ่งมากพอสำหรับการส่งข้อมูลกราฟิกระดับ PCIe ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ตัวเครื่องมีขนาดเพียง 114 x 116 x 34.5 มม. และหนักแค่ 493.5 กรัม — เล็กกว่าการ์ดจอ mini-ITX ทั่วไป และสามารถใส่ในกระเป๋ากางเกงได้จริง CEO ของบริษัทถึงกับโชว์การหยิบออกจากกระเป๋าตัวเองกลางเวที

    ด้านประสิทธิภาพ RX 7600M XT ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA3 พร้อม VRAM 8GB และ Infinity Cache 32MB สามารถรันที่ 120W และให้คะแนน Time Spy สูงถึง 10,245 ซึ่งใกล้เคียงกับ RTX 4060 รุ่นโน้ตบุ๊ก และแรงกว่ากราฟิกใน Steam Deck ถึง 3 เท่า

    ยังมีพอร์ต OCuLink สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็ว PCIe เต็มรูปแบบ และพอร์ต HDMI 2.1 + DisplayPort 2.0 ที่รองรับ 4K 120Hz พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ vapor chamber ที่เงียบไม่เกิน 42dBA

    การเปิดตัว OneXGPU Lite
    เปิดตัวในงาน Fall Launch 2025 โดย One-Netbook
    ใช้ GPU AMD Radeon RX 7600M XT สถาปัตยกรรม RDNA3
    ขนาด 114 x 116 x 34.5 มม. น้ำหนัก 493.5 กรัม
    มี RGB, พอร์ต HDMI 2.1 และ DisplayPort 2.0 รองรับ 4K 120Hz

    พอร์ตเชื่อมต่อและความเร็ว
    ใช้พอร์ต “USB 5.0” ที่แท้คือ USB4 v2 หรือ Thunderbolt 5
    รองรับความเร็วสูงสุด 80 Gbps แบบ bidirectional
    มีพอร์ต OCuLink สำหรับการเชื่อมต่อ PCIe โดยตรง
    รองรับ reverse charging สูงสุด 65W สำหรับโน้ตบุ๊กหรือ handheld

    ประสิทธิภาพของ GPU
    RX 7600M XT มี 2048 Stream Processors, VRAM 8GB GDDR6
    Infinity Cache 32MB และ TDP สูงสุด 120W
    คะแนน Time Spy 10,245 ใกล้เคียง RTX 4060
    แรงกว่ากราฟิกใน Steam Deck หรือ ROG Ally ถึง 3 เท่า

    ระบบระบายความร้อน
    ใช้ vapor chamber cooling พร้อมเสียงรบกวนต่ำกว่า 42dBA
    ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียม CNC พร้อมรูระบายอากาศกว่า 15,000 จุด

    ราคาและการวางจำหน่าย
    เปิดราคาที่ 3,899 หยวน (~$535 USD)
    มีสาย “USB 5.0” แถมในกล่อง มูลค่า 199 หยวน (~$27 USD)
    เริ่มจัดส่งวันที่ 25 กันยายน 2025
    ยังไม่มีข้อมูลการวางจำหน่ายนอกประเทศจีน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/usb-5-0-connection-touted-on-new-slim-egpu-with-rx-7600m-xt-compact-onexgpu-lite-unveiled-likely-using-usb4-v2
    🔌 “OneXGPU Lite เปิดตัว eGPU ขนาดพกพา พร้อมพอร์ต ‘USB 5.0’ ที่แท้คือ USB4 v2 — แรงระดับ RTX 4060 ในขนาดใส่กระเป๋า!” ลองนึกภาพว่าคุณใช้แล็ปท็อปบางเบาอย่าง Surface Pro หรือ Steam Deck แล้วอยากเล่นเกม AAA หรือเรนเดอร์งาน 3D หนักๆ แบบลื่นไหล…แต่ไม่อยากแบกเครื่องใหญ่หรือซื้อโน้ตบุ๊กเกมมิ่งราคาแพง ตอนนี้มีทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจมาก — OneXGPU Lite คือ eGPU ขนาดเล็กจาก One-Netbook ที่เปิดตัวในงาน Fall Launch 2025 พร้อมชิป AMD Radeon RX 7600M XT และพอร์ตเชื่อมต่อที่เรียกว่า “USB 5.0” ซึ่งจริงๆ แล้วคือ USB4 v2 หรือ Thunderbolt 5 แม้ชื่อ USB 5.0 จะยังไม่ใช่มาตรฐานที่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ One-Netbook อาจกำลังใช้ชื่อเรียกล่วงหน้าเพื่อสื่อถึงความเร็วสูงสุด 80 Gbps ที่พอร์ตนี้รองรับ ซึ่งมากพอสำหรับการส่งข้อมูลกราฟิกระดับ PCIe ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเครื่องมีขนาดเพียง 114 x 116 x 34.5 มม. และหนักแค่ 493.5 กรัม — เล็กกว่าการ์ดจอ mini-ITX ทั่วไป และสามารถใส่ในกระเป๋ากางเกงได้จริง CEO ของบริษัทถึงกับโชว์การหยิบออกจากกระเป๋าตัวเองกลางเวที ด้านประสิทธิภาพ RX 7600M XT ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA3 พร้อม VRAM 8GB และ Infinity Cache 32MB สามารถรันที่ 120W และให้คะแนน Time Spy สูงถึง 10,245 ซึ่งใกล้เคียงกับ RTX 4060 รุ่นโน้ตบุ๊ก และแรงกว่ากราฟิกใน Steam Deck ถึง 3 เท่า ยังมีพอร์ต OCuLink สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็ว PCIe เต็มรูปแบบ และพอร์ต HDMI 2.1 + DisplayPort 2.0 ที่รองรับ 4K 120Hz พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ vapor chamber ที่เงียบไม่เกิน 42dBA ✅ การเปิดตัว OneXGPU Lite ➡️ เปิดตัวในงาน Fall Launch 2025 โดย One-Netbook ➡️ ใช้ GPU AMD Radeon RX 7600M XT สถาปัตยกรรม RDNA3 ➡️ ขนาด 114 x 116 x 34.5 มม. น้ำหนัก 493.5 กรัม ➡️ มี RGB, พอร์ต HDMI 2.1 และ DisplayPort 2.0 รองรับ 4K 120Hz ✅ พอร์ตเชื่อมต่อและความเร็ว ➡️ ใช้พอร์ต “USB 5.0” ที่แท้คือ USB4 v2 หรือ Thunderbolt 5 ➡️ รองรับความเร็วสูงสุด 80 Gbps แบบ bidirectional ➡️ มีพอร์ต OCuLink สำหรับการเชื่อมต่อ PCIe โดยตรง ➡️ รองรับ reverse charging สูงสุด 65W สำหรับโน้ตบุ๊กหรือ handheld ✅ ประสิทธิภาพของ GPU ➡️ RX 7600M XT มี 2048 Stream Processors, VRAM 8GB GDDR6 ➡️ Infinity Cache 32MB และ TDP สูงสุด 120W ➡️ คะแนน Time Spy 10,245 ใกล้เคียง RTX 4060 ➡️ แรงกว่ากราฟิกใน Steam Deck หรือ ROG Ally ถึง 3 เท่า ✅ ระบบระบายความร้อน ➡️ ใช้ vapor chamber cooling พร้อมเสียงรบกวนต่ำกว่า 42dBA ➡️ ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียม CNC พร้อมรูระบายอากาศกว่า 15,000 จุด ✅ ราคาและการวางจำหน่าย ➡️ เปิดราคาที่ 3,899 หยวน (~$535 USD) ➡️ มีสาย “USB 5.0” แถมในกล่อง มูลค่า 199 หยวน (~$27 USD) ➡️ เริ่มจัดส่งวันที่ 25 กันยายน 2025 ➡️ ยังไม่มีข้อมูลการวางจำหน่ายนอกประเทศจีน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/usb-5-0-connection-touted-on-new-slim-egpu-with-rx-7600m-xt-compact-onexgpu-lite-unveiled-likely-using-usb4-v2
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    ‘USB 5.0’ connection touted on new slim eGPU with RX 7600M XT — Compact OneXGPU Lite unveiled, likely using USB4 v2
    Though it has a fancy 80 Gbps Type-C connector, its performance is a step back from last year’s OneXGPU 2.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • โผ ครม.อนุทิน ใกล้ลงตัว "บิ๊กเล็ก" ขึ้นว่าการกลาโหม "บิ๊กณัฐ" น้องรัก "ลุงป้อม" นั่ง รมช.- งูเห่าเพื่อไทยได้ 2 เก้าอี้ กลุ่ม "นิพนธ์" ได้ 1 ตำแหน่ง กล้าธรรมนิ่งแล้ว ส่วนโควตาคนนอก 7 ตำแหน่ง ตามโผเดิม "บวรศักดิ์" รองนายกฯ "เอกนิติ" นั่งขุนคลัง "สีหศักดิ์" คุม กต. "ศุภจี" ว่าการพาณิชย์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086146

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    โผ ครม.อนุทิน ใกล้ลงตัว "บิ๊กเล็ก" ขึ้นว่าการกลาโหม "บิ๊กณัฐ" น้องรัก "ลุงป้อม" นั่ง รมช.- งูเห่าเพื่อไทยได้ 2 เก้าอี้ กลุ่ม "นิพนธ์" ได้ 1 ตำแหน่ง กล้าธรรมนิ่งแล้ว ส่วนโควตาคนนอก 7 ตำแหน่ง ตามโผเดิม "บวรศักดิ์" รองนายกฯ "เอกนิติ" นั่งขุนคลัง "สีหศักดิ์" คุม กต. "ศุภจี" ว่าการพาณิชย์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086146 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel 14A: เทคโนโลยีสุดล้ำที่แรงกว่า 18A แต่แพงกว่า เพราะใช้เครื่องพิมพ์ชิประดับนาโนรุ่นใหม่จาก ASML!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังออกแบบชิปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดพลังงานที่สุดในโลก แล้ว Intel บอกว่า “เรามี 14A node ที่แรงกว่า 18A ถึง 20% และกินไฟน้อยลงถึง 35%” — ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม? แต่เบื้องหลังนั้นคือค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว เพราะต้องใช้เครื่องพิมพ์ชิปรุ่นใหม่ที่เรียกว่า High-NA EUV จาก ASML ซึ่งมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง!

    David Zinsner, CFO ของ Intel ยืนยันในงานประชุม Citi’s Global TMT ว่า 14A จะมีต้นทุนต่อแผ่นเวเฟอร์สูงกว่า 18A อย่างแน่นอน แม้จะไม่สูงมากในแง่การลงทุนรวม แต่เครื่องพิมพ์ Twinscan EXE:5200B ที่ใช้เลนส์ขนาด 0.55 NA (Numerical Aperture) ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยพุ่งขึ้น

    Intel 14A ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่หลายอย่าง เช่น RibbonFET 2 ที่เป็นโครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ gate-all-around รุ่นปรับปรุง และ PowerDirect ที่เป็นระบบส่งพลังงานจากด้านหลังของชิปโดยตรง ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของการเดินสายไฟและเพิ่มประสิทธิภาพ

    นอกจากนี้ยังมี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของ CPU และ GPU โดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่หรือพลังงานมากนัก — ทั้งหมดนี้ทำให้ 14A เป็น node ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผลิตภัณฑ์ของ Intel และลูกค้าภายนอกในอนาคต

    แต่ปัญหาคือ หาก Intel ไม่สามารถหาลูกค้าภายนอกมาใช้ 14A ได้ ก็อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน และอาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้ไปเลย ซึ่งจะส่งผลต่อแผนการฟื้นตัวของ Intel Foundry ที่กำลังพยายามกลับมาเป็นผู้นำในตลาดโลก

    Intel 14A node คืออะไร
    เป็นกระบวนการผลิตชิประดับ 1.4nm ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด
    ใช้เทคโนโลยี RibbonFET 2 และ PowerDirect เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    มี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วโดยไม่เพิ่มพื้นที่หรือพลังงาน
    ให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 18A ถึง 15–20% และลดการใช้พลังงานได้ 25–35%

    เครื่องมือที่ใช้ใน 14A
    ใช้เครื่องพิมพ์ชิป High-NA EUV จาก ASML รุ่น Twinscan EXE:5200B
    ความละเอียดสูงถึง 8nm ต่อการยิงแสงครั้งเดียว
    ลดความจำเป็นในการใช้ multi-patterning ซึ่งช่วยเพิ่ม yield
    เครื่องมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง เทียบกับ $235 ล้านของรุ่นเดิม

    บริบททางธุรกิจและการลงทุน
    Intel ต้องการลูกค้าภายนอกเพื่อให้คุ้มค่าการลงทุนใน 14A
    หากไม่มีลูกค้ารายใหญ่ อาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้
    Intel Foundry ต้องรักษาสัดส่วนการถือหุ้น 51% ตามข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ
    การพัฒนา 14A ใช้งบวิจัยหลายพันล้านดอลลาร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    14A-E เป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ 14A ที่เพิ่มประสิทธิภาพอีก 5%
    Samsung และ TSMC กำลังพัฒนา 2nm node เพื่อแข่งขันกับ Intel
    Intel ได้รับสัญญาผลิตชิป 18A มูลค่า $15 พันล้านจาก Microsoft1
    High-NA EUV ยังมีข้อจำกัดด้านขนาด field ทำให้ต้องปรับการออกแบบชิปใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-cfo-confirms-that-14a-will-be-more-expensive-to-use-than-18a-intel-expects-14a-fabrication-process-to-offer-15-20-percent-better-performance-per-watt-or-25-35-percent-lower-power-consumption-compared-to-18a
    ⚙️ “Intel 14A: เทคโนโลยีสุดล้ำที่แรงกว่า 18A แต่แพงกว่า เพราะใช้เครื่องพิมพ์ชิประดับนาโนรุ่นใหม่จาก ASML!” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังออกแบบชิปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดพลังงานที่สุดในโลก แล้ว Intel บอกว่า “เรามี 14A node ที่แรงกว่า 18A ถึง 20% และกินไฟน้อยลงถึง 35%” — ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม? แต่เบื้องหลังนั้นคือค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว เพราะต้องใช้เครื่องพิมพ์ชิปรุ่นใหม่ที่เรียกว่า High-NA EUV จาก ASML ซึ่งมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง! David Zinsner, CFO ของ Intel ยืนยันในงานประชุม Citi’s Global TMT ว่า 14A จะมีต้นทุนต่อแผ่นเวเฟอร์สูงกว่า 18A อย่างแน่นอน แม้จะไม่สูงมากในแง่การลงทุนรวม แต่เครื่องพิมพ์ Twinscan EXE:5200B ที่ใช้เลนส์ขนาด 0.55 NA (Numerical Aperture) ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยพุ่งขึ้น Intel 14A ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่หลายอย่าง เช่น RibbonFET 2 ที่เป็นโครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ gate-all-around รุ่นปรับปรุง และ PowerDirect ที่เป็นระบบส่งพลังงานจากด้านหลังของชิปโดยตรง ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของการเดินสายไฟและเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของ CPU และ GPU โดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่หรือพลังงานมากนัก — ทั้งหมดนี้ทำให้ 14A เป็น node ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผลิตภัณฑ์ของ Intel และลูกค้าภายนอกในอนาคต แต่ปัญหาคือ หาก Intel ไม่สามารถหาลูกค้าภายนอกมาใช้ 14A ได้ ก็อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน และอาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้ไปเลย ซึ่งจะส่งผลต่อแผนการฟื้นตัวของ Intel Foundry ที่กำลังพยายามกลับมาเป็นผู้นำในตลาดโลก ✅ Intel 14A node คืออะไร ➡️ เป็นกระบวนการผลิตชิประดับ 1.4nm ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ➡️ ใช้เทคโนโลยี RibbonFET 2 และ PowerDirect เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ มี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วโดยไม่เพิ่มพื้นที่หรือพลังงาน ➡️ ให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 18A ถึง 15–20% และลดการใช้พลังงานได้ 25–35% ✅ เครื่องมือที่ใช้ใน 14A ➡️ ใช้เครื่องพิมพ์ชิป High-NA EUV จาก ASML รุ่น Twinscan EXE:5200B ➡️ ความละเอียดสูงถึง 8nm ต่อการยิงแสงครั้งเดียว ➡️ ลดความจำเป็นในการใช้ multi-patterning ซึ่งช่วยเพิ่ม yield ➡️ เครื่องมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง เทียบกับ $235 ล้านของรุ่นเดิม ✅ บริบททางธุรกิจและการลงทุน ➡️ Intel ต้องการลูกค้าภายนอกเพื่อให้คุ้มค่าการลงทุนใน 14A ➡️ หากไม่มีลูกค้ารายใหญ่ อาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้ ➡️ Intel Foundry ต้องรักษาสัดส่วนการถือหุ้น 51% ตามข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ การพัฒนา 14A ใช้งบวิจัยหลายพันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 14A-E เป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ 14A ที่เพิ่มประสิทธิภาพอีก 5% ➡️ Samsung และ TSMC กำลังพัฒนา 2nm node เพื่อแข่งขันกับ Intel ➡️ Intel ได้รับสัญญาผลิตชิป 18A มูลค่า $15 พันล้านจาก Microsoft1 ➡️ High-NA EUV ยังมีข้อจำกัดด้านขนาด field ทำให้ต้องปรับการออกแบบชิปใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-cfo-confirms-that-14a-will-be-more-expensive-to-use-than-18a-intel-expects-14a-fabrication-process-to-offer-15-20-percent-better-performance-per-watt-or-25-35-percent-lower-power-consumption-compared-to-18a
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Decisioninator: กล่องไม้เล็กๆ ที่ช่วย ‘รักษาชีวิตคู่’ ด้วย Raspberry Pi และ Flutter!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกับคนรักกำลังเถียงกันเรื่องเดิมๆ เช่น “จะกินอะไรดีคืนนี้?” หรือ “ดูหนังเรื่องไหนดี?” แล้วคำตอบก็วนอยู่ที่ “อะไรก็ได้” จนกลายเป็นความอึดอัดสะสม…นั่นคือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์สุดสร้างสรรค์จากวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ใช้ชื่อว่า Makerinator ผู้ซึ่งกล่าวติดตลกว่า “Decisioninator ช่วยรักษาชีวิตแต่งงานของผมไว้ได้!”

    เครื่องนี้คือกล่องไม้ขนาดเล็กสไตล์ตู้เกมยุค 80 ที่ภายในซ่อนพลังของ Raspberry Pi 4 พร้อมระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite และแอปที่สร้างด้วย Flutter + Flame Engine ซึ่งเป็น game engine สำหรับ 2D UI ที่เหมาะกับการสร้างระบบหมุนแบบวงล้อคล้าย Wheel of Fortune

    ตัวเครื่องมีปุ่มสองปุ่ม: ปุ่มแดงใหญ่สำหรับหมุนวงล้อ และปุ่มน้ำเงินเล็กสำหรับเลือกโหมด เช่น ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, หรือดูหนัง โดยทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและ “ตัดสินใจแทนคุณ” ในเรื่องที่มักกลายเป็นปัญหาเล็กๆ ที่สะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่

    Makerinator ยังเล่าว่าเขาไม่ใช่ช่างไม้มืออาชีพ แต่สามารถเลเซอร์คัตแผ่นไม้, พ่นสี, แปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation และใช้ epoxy กับเครื่องมือโรตารี่เพื่อแก้ปัญหาการประกอบที่ผิดพลาด — จนออกมาเป็นเครื่องที่ดูดีแบบเรโทร และใช้งานได้จริง

    จุดเริ่มต้นของ Decisioninator
    สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการตัดสินใจในชีวิตคู่ เช่น กินอะไรดี ดูอะไรดี
    ใช้ Raspberry Pi 4 เป็นแกนหลักของระบบ
    รันระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite เพื่อประหยัดทรัพยากร
    ใช้ Flutter + Flame Engine ในการสร้าง UI แบบวงล้อหมุน

    ฟีเจอร์ของเครื่อง
    มีปุ่มแดงสำหรับหมุน และปุ่มน้ำเงินสำหรับเลือกโหมด
    โหมดที่มีให้เลือก: ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, ดูหนัง
    ใช้ GPIO ของ Pi ในการรับอินพุตจากปุ่ม
    ใช้ converter 12V → 5V เพื่อจ่ายไฟให้ Raspberry Pi

    งานประกอบและดีไซน์
    ตัวเครื่องทำจากไม้ที่เลเซอร์คัตและประกอบด้วยมือ
    ใช้ epoxy และเครื่องมือโรตารี่ในการแก้ปัญหาการประกอบ
    พ่นสีและแปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation
    ดีไซน์คล้ายตู้เกมยุค 80 เช่น Tempest หรือ Tron

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Flame Engine เป็น game engine สำหรับ Flutter ที่เน้นงาน 2D
    Flutter-Pi เป็น library ที่ช่วยให้ Flutter รันบน Raspberry Pi ได้
    Raspberry Pi GPIO รองรับการเชื่อมต่อกับปุ่ม, LED, และเซ็นเซอร์ต่างๆ
    การใช้ Raspberry Pi ในงาน DIY ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น

    https://www.tomshardware.com/raspberry-pi/the-decisioninator-saved-my-marriage-says-software-engineer-raspberry-pi-powered-device-automates-restaurant-chore-date-night-and-movie-night-choices
    🎰 “Decisioninator: กล่องไม้เล็กๆ ที่ช่วย ‘รักษาชีวิตคู่’ ด้วย Raspberry Pi และ Flutter!” ลองนึกภาพว่าคุณกับคนรักกำลังเถียงกันเรื่องเดิมๆ เช่น “จะกินอะไรดีคืนนี้?” หรือ “ดูหนังเรื่องไหนดี?” แล้วคำตอบก็วนอยู่ที่ “อะไรก็ได้” จนกลายเป็นความอึดอัดสะสม…นั่นคือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์สุดสร้างสรรค์จากวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ใช้ชื่อว่า Makerinator ผู้ซึ่งกล่าวติดตลกว่า “Decisioninator ช่วยรักษาชีวิตแต่งงานของผมไว้ได้!” เครื่องนี้คือกล่องไม้ขนาดเล็กสไตล์ตู้เกมยุค 80 ที่ภายในซ่อนพลังของ Raspberry Pi 4 พร้อมระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite และแอปที่สร้างด้วย Flutter + Flame Engine ซึ่งเป็น game engine สำหรับ 2D UI ที่เหมาะกับการสร้างระบบหมุนแบบวงล้อคล้าย Wheel of Fortune ตัวเครื่องมีปุ่มสองปุ่ม: ปุ่มแดงใหญ่สำหรับหมุนวงล้อ และปุ่มน้ำเงินเล็กสำหรับเลือกโหมด เช่น ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, หรือดูหนัง โดยทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและ “ตัดสินใจแทนคุณ” ในเรื่องที่มักกลายเป็นปัญหาเล็กๆ ที่สะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ Makerinator ยังเล่าว่าเขาไม่ใช่ช่างไม้มืออาชีพ แต่สามารถเลเซอร์คัตแผ่นไม้, พ่นสี, แปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation และใช้ epoxy กับเครื่องมือโรตารี่เพื่อแก้ปัญหาการประกอบที่ผิดพลาด — จนออกมาเป็นเครื่องที่ดูดีแบบเรโทร และใช้งานได้จริง ✅ จุดเริ่มต้นของ Decisioninator ➡️ สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการตัดสินใจในชีวิตคู่ เช่น กินอะไรดี ดูอะไรดี ➡️ ใช้ Raspberry Pi 4 เป็นแกนหลักของระบบ ➡️ รันระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite เพื่อประหยัดทรัพยากร ➡️ ใช้ Flutter + Flame Engine ในการสร้าง UI แบบวงล้อหมุน ✅ ฟีเจอร์ของเครื่อง ➡️ มีปุ่มแดงสำหรับหมุน และปุ่มน้ำเงินสำหรับเลือกโหมด ➡️ โหมดที่มีให้เลือก: ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, ดูหนัง ➡️ ใช้ GPIO ของ Pi ในการรับอินพุตจากปุ่ม ➡️ ใช้ converter 12V → 5V เพื่อจ่ายไฟให้ Raspberry Pi ✅ งานประกอบและดีไซน์ ➡️ ตัวเครื่องทำจากไม้ที่เลเซอร์คัตและประกอบด้วยมือ ➡️ ใช้ epoxy และเครื่องมือโรตารี่ในการแก้ปัญหาการประกอบ ➡️ พ่นสีและแปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation ➡️ ดีไซน์คล้ายตู้เกมยุค 80 เช่น Tempest หรือ Tron ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Flame Engine เป็น game engine สำหรับ Flutter ที่เน้นงาน 2D ➡️ Flutter-Pi เป็น library ที่ช่วยให้ Flutter รันบน Raspberry Pi ได้ ➡️ Raspberry Pi GPIO รองรับการเชื่อมต่อกับปุ่ม, LED, และเซ็นเซอร์ต่างๆ ➡️ การใช้ Raspberry Pi ในงาน DIY ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น https://www.tomshardware.com/raspberry-pi/the-decisioninator-saved-my-marriage-says-software-engineer-raspberry-pi-powered-device-automates-restaurant-chore-date-night-and-movie-night-choices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันพุธที่ 10 เดือนกันยายน พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันพุธที่ 10 เดือนกันยายน พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • “RTX 5090 โมดิฟาย 128GB VRAM ราคา $13,000! GPU สุดลิมิเต็ดที่เกิดจากตลาดมืด AI ในจีน”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังสร้างโมเดล AI ขนาดใหญ่ หรือฝึก LLM บนเครื่องส่วนตัว แล้วพบว่าแม้ RTX 4090 ที่มี VRAM 24GB ก็ยังไม่พอ…ตอนนี้มี GPU ที่อาจตอบโจทย์คุณ — RTX 5090 ที่ถูกโมดิฟายให้มี VRAM ถึง 128GB! แต่ราคาก็แรงตามไปด้วยที่ $13,200 ต่อใบ และยังเป็น “โปรโตไทป์สุดลับ” ที่ผลิตจากโรงงานใต้ดินในจีน

    โดยปกติ RTX 5090 มาพร้อม VRAM 32GB GDDR7 ซึ่งถือว่าเยอะมากแล้วสำหรับงานเกม แต่สำหรับงาน AI ที่ต้องใช้หน่วยความจำมหาศาล เช่นการรันโมเดล GPT หรือ Stable Diffusion แบบ local — ก็ยังไม่พออยู่ดี

    โรงงานในจีนจึงเริ่มนำ GPU รุ่นท็อปมาดัดแปลงใหม่ โดยถอดชิปออกจากการ์ดเกม แล้วติดตั้งลงบน PCB แบบ custom ที่รองรับการใส่แรมสองด้าน (dual-sided) พร้อมใช้ GDDR7X ที่ยังไม่วางจำหน่ายทั่วไป และต้องเขียน BIOS กับ firmware ใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ระบบรู้จัก VRAM ขนาดมหึมา

    ก่อนหน้านี้เคยมี RTX 4090 ที่ถูกโมดิฟายให้มี VRAM 96GB ซึ่งถือว่าแปลกมากแล้ว แต่ครั้งนี้คือการก้าวข้ามขีดจำกัดไปอีกขั้น โดยใช้เทคนิคที่อาจต้องใช้ชิป GDDR7 ขนาด 32Gb ซึ่งยังไม่มีผู้ผลิตรายใดประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ

    แม้จะยังไม่มีภาพ PCB ชัดเจน แต่มีการโพสต์ภาพจาก Nvidia-SMI ที่แสดงให้เห็นว่า VRAM 128GB ถูกระบบตรวจจับจริง — แปลว่ามันใช้งานได้ ไม่ใช่แค่แนวคิด และมีราคาขายจริงในตลาดมืด AI ที่กำลังเฟื่องฟูในจีน

    การ์ดจอ RTX 5090 โมดิฟาย
    เพิ่ม VRAM จาก 32GB เป็น 128GB ด้วยการใช้ PCB แบบสองด้าน
    ใช้ GDDR7X ที่ยังไม่วางจำหน่ายทั่วไป
    ต้องเขียน BIOS และ firmware ใหม่เพื่อให้ระบบรู้จักหน่วยความจำ
    มีภาพจาก Nvidia-SMI แสดงว่า VRAM ถูกตรวจจับครบ 128GB
    ราคาขายประมาณ $13,200 ต่อใบ สูงกว่ารุ่นปกติถึง 4 เท่า

    บริบทของตลาด GPU ในจีน
    จีนถูกจำกัดการนำเข้า GPU ระดับสูงจากสหรัฐฯ
    เกิดตลาดมืดที่นำการ์ดเกมมาดัดแปลงเป็น GPU สำหรับงาน AI
    เคยมี RTX 4090 โมดิฟายเป็น 96GB และ 48GB เพื่อใช้ในเซิร์ฟเวอร์
    การ์ดเหล่านี้มักถูกขายต่อในตลาดมือสองโดยไม่มีข้อมูลชัดเจน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GDDR7 ที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้มีความจุสูงสุด 24Gb (3GB ต่อโมดูล)
    การจะได้ 128GB ต้องใช้โมดูล 32Gb หรือ PCB ที่ใส่แรมจำนวนมากผิดปกติ
    RTX Pro 6000 ที่เป็นรุ่น workstation ยังมีแค่ 96GB VRAM
    การ์ดที่มี VRAM สูงเหมาะกับงาน AI มากกว่างานเกม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/upgraded-nvidia-rtx-5090-gets-128gb-vram-and-usd13-000-price-tag-super-limited-gpu-is-described-as-a-prototype
    💸 “RTX 5090 โมดิฟาย 128GB VRAM ราคา $13,000! GPU สุดลิมิเต็ดที่เกิดจากตลาดมืด AI ในจีน” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังสร้างโมเดล AI ขนาดใหญ่ หรือฝึก LLM บนเครื่องส่วนตัว แล้วพบว่าแม้ RTX 4090 ที่มี VRAM 24GB ก็ยังไม่พอ…ตอนนี้มี GPU ที่อาจตอบโจทย์คุณ — RTX 5090 ที่ถูกโมดิฟายให้มี VRAM ถึง 128GB! แต่ราคาก็แรงตามไปด้วยที่ $13,200 ต่อใบ และยังเป็น “โปรโตไทป์สุดลับ” ที่ผลิตจากโรงงานใต้ดินในจีน โดยปกติ RTX 5090 มาพร้อม VRAM 32GB GDDR7 ซึ่งถือว่าเยอะมากแล้วสำหรับงานเกม แต่สำหรับงาน AI ที่ต้องใช้หน่วยความจำมหาศาล เช่นการรันโมเดล GPT หรือ Stable Diffusion แบบ local — ก็ยังไม่พออยู่ดี โรงงานในจีนจึงเริ่มนำ GPU รุ่นท็อปมาดัดแปลงใหม่ โดยถอดชิปออกจากการ์ดเกม แล้วติดตั้งลงบน PCB แบบ custom ที่รองรับการใส่แรมสองด้าน (dual-sided) พร้อมใช้ GDDR7X ที่ยังไม่วางจำหน่ายทั่วไป และต้องเขียน BIOS กับ firmware ใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ระบบรู้จัก VRAM ขนาดมหึมา ก่อนหน้านี้เคยมี RTX 4090 ที่ถูกโมดิฟายให้มี VRAM 96GB ซึ่งถือว่าแปลกมากแล้ว แต่ครั้งนี้คือการก้าวข้ามขีดจำกัดไปอีกขั้น โดยใช้เทคนิคที่อาจต้องใช้ชิป GDDR7 ขนาด 32Gb ซึ่งยังไม่มีผู้ผลิตรายใดประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แม้จะยังไม่มีภาพ PCB ชัดเจน แต่มีการโพสต์ภาพจาก Nvidia-SMI ที่แสดงให้เห็นว่า VRAM 128GB ถูกระบบตรวจจับจริง — แปลว่ามันใช้งานได้ ไม่ใช่แค่แนวคิด และมีราคาขายจริงในตลาดมืด AI ที่กำลังเฟื่องฟูในจีน ✅ การ์ดจอ RTX 5090 โมดิฟาย ➡️ เพิ่ม VRAM จาก 32GB เป็น 128GB ด้วยการใช้ PCB แบบสองด้าน ➡️ ใช้ GDDR7X ที่ยังไม่วางจำหน่ายทั่วไป ➡️ ต้องเขียน BIOS และ firmware ใหม่เพื่อให้ระบบรู้จักหน่วยความจำ ➡️ มีภาพจาก Nvidia-SMI แสดงว่า VRAM ถูกตรวจจับครบ 128GB ➡️ ราคาขายประมาณ $13,200 ต่อใบ สูงกว่ารุ่นปกติถึง 4 เท่า ✅ บริบทของตลาด GPU ในจีน ➡️ จีนถูกจำกัดการนำเข้า GPU ระดับสูงจากสหรัฐฯ ➡️ เกิดตลาดมืดที่นำการ์ดเกมมาดัดแปลงเป็น GPU สำหรับงาน AI ➡️ เคยมี RTX 4090 โมดิฟายเป็น 96GB และ 48GB เพื่อใช้ในเซิร์ฟเวอร์ ➡️ การ์ดเหล่านี้มักถูกขายต่อในตลาดมือสองโดยไม่มีข้อมูลชัดเจน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GDDR7 ที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้มีความจุสูงสุด 24Gb (3GB ต่อโมดูล) ➡️ การจะได้ 128GB ต้องใช้โมดูล 32Gb หรือ PCB ที่ใส่แรมจำนวนมากผิดปกติ ➡️ RTX Pro 6000 ที่เป็นรุ่น workstation ยังมีแค่ 96GB VRAM ➡️ การ์ดที่มี VRAM สูงเหมาะกับงาน AI มากกว่างานเกม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/upgraded-nvidia-rtx-5090-gets-128gb-vram-and-usd13-000-price-tag-super-limited-gpu-is-described-as-a-prototype
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TSMC ปั้นคนท้องถิ่น! ขยายโครงการฝึกงานในรัฐแอริโซนา รับมือโรงงานผลิตชิป 4nm–2nm ที่กำลังบูม”

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นนักศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้า หรือวิทยาการคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ แล้ววันหนึ่งคุณได้รับโอกาสฝึกงานกับ TSMC — บริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกำลังสร้างโรงงานใหม่ในรัฐแอริโซนาเพื่อผลิตชิประดับ 4nm และ 2nm ที่ใช้ใน AI, GPU และอุปกรณ์ล้ำยุคของ Apple, Nvidia และ AMD

    ในฤดูร้อนปี 2025 นี้ TSMC ได้ขยายโครงการฝึกงานในรัฐแอริโซนาอย่างมหาศาล โดยรับนักศึกษากว่า 200 คนจาก 60 มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 130 คนเมื่อปีที่แล้ว และจากเพียง 16 คนในปี 2023 — ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดเพื่อเตรียมบุคลากรรองรับโรงงานผลิตชิปที่กำลังเร่งเปิดใช้งาน

    โรงงานแห่งแรกในเมืองฟีนิกซ์เริ่มผลิตชิป 4nm แล้วตั้งแต่ต้นปีนี้ และกำลังสร้างโรงงานที่สองและสามตามแผนที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ของรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าโรงงานทั้งสามจะสร้างงานโดยตรงกว่า 6,000 ตำแหน่ง และเป็นหัวใจของห่วงโซ่อุปทานชิปในประเทศ

    นอกจากฝึกงานแล้ว TSMC ยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Arizona State University (ASU) และหน่วยงานรัฐเพื่อเปิดหลักสูตรเร่งรัด 15 สัปดาห์สำหรับช่างเทคนิคในโรงงาน พร้อมทุนวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา และศูนย์ฝึกอบรมด้านการบรรจุชิป (advanced packaging) ร่วมกับ Amkor ในเมือง Peoria

    การขยายโครงการฝึกงานของ TSMC
    รับนักศึกษากว่า 200 คนจาก 60 มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ
    เพิ่มขึ้นจาก 130 คนในปี 2024 และ 16 คนในปี 2023
    มีนักศึกษาจาก ASU เข้าร่วมกว่า 30 คน
    เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมบุคลากรสำหรับโรงงานผลิตชิประดับ 4nm และ 2nm

    โรงงานผลิตชิปในรัฐแอริโซนา
    โรงงานแรกเริ่มผลิตชิป 4nm แล้วในต้นปี 2025
    โรงงานที่สองและสามอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
    ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act มูลค่า $6.6 พันล้าน
    คาดว่าจะสร้างงานโดยตรงกว่า 6,000 ตำแหน่ง
    เป็นการลงทุนรวมกว่า $65 พันล้าน ถือเป็นการลงทุนจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์รัฐแอริโซนา

    ความร่วมมือด้านการศึกษาและการฝึกอบรม
    ASU เปิดหลักสูตรวิจัยระดับปริญญาตรีและบัณฑิตด้านเซมิคอนดักเตอร์
    รัฐแอริโซนาเปิดโปรแกรมฝึกอบรมช่างเทคนิคแบบเร่งรัด 15 สัปดาห์
    Amkor เปิดศูนย์บรรจุชิปมูลค่า $2 พันล้านในเมือง Peoria
    รองรับเทคโนโลยี CoWoS และ InFO สำหรับ GPU และ AI accelerators

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-increases-arizona-internships-to-feed-fabs
    🏗️ “TSMC ปั้นคนท้องถิ่น! ขยายโครงการฝึกงานในรัฐแอริโซนา รับมือโรงงานผลิตชิป 4nm–2nm ที่กำลังบูม” ลองจินตนาการว่าคุณเป็นนักศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้า หรือวิทยาการคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ แล้ววันหนึ่งคุณได้รับโอกาสฝึกงานกับ TSMC — บริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกำลังสร้างโรงงานใหม่ในรัฐแอริโซนาเพื่อผลิตชิประดับ 4nm และ 2nm ที่ใช้ใน AI, GPU และอุปกรณ์ล้ำยุคของ Apple, Nvidia และ AMD ในฤดูร้อนปี 2025 นี้ TSMC ได้ขยายโครงการฝึกงานในรัฐแอริโซนาอย่างมหาศาล โดยรับนักศึกษากว่า 200 คนจาก 60 มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 130 คนเมื่อปีที่แล้ว และจากเพียง 16 คนในปี 2023 — ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดเพื่อเตรียมบุคลากรรองรับโรงงานผลิตชิปที่กำลังเร่งเปิดใช้งาน โรงงานแห่งแรกในเมืองฟีนิกซ์เริ่มผลิตชิป 4nm แล้วตั้งแต่ต้นปีนี้ และกำลังสร้างโรงงานที่สองและสามตามแผนที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ของรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าโรงงานทั้งสามจะสร้างงานโดยตรงกว่า 6,000 ตำแหน่ง และเป็นหัวใจของห่วงโซ่อุปทานชิปในประเทศ นอกจากฝึกงานแล้ว TSMC ยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Arizona State University (ASU) และหน่วยงานรัฐเพื่อเปิดหลักสูตรเร่งรัด 15 สัปดาห์สำหรับช่างเทคนิคในโรงงาน พร้อมทุนวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา และศูนย์ฝึกอบรมด้านการบรรจุชิป (advanced packaging) ร่วมกับ Amkor ในเมือง Peoria ✅ การขยายโครงการฝึกงานของ TSMC ➡️ รับนักศึกษากว่า 200 คนจาก 60 มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ ➡️ เพิ่มขึ้นจาก 130 คนในปี 2024 และ 16 คนในปี 2023 ➡️ มีนักศึกษาจาก ASU เข้าร่วมกว่า 30 คน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมบุคลากรสำหรับโรงงานผลิตชิประดับ 4nm และ 2nm ✅ โรงงานผลิตชิปในรัฐแอริโซนา ➡️ โรงงานแรกเริ่มผลิตชิป 4nm แล้วในต้นปี 2025 ➡️ โรงงานที่สองและสามอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ➡️ ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act มูลค่า $6.6 พันล้าน ➡️ คาดว่าจะสร้างงานโดยตรงกว่า 6,000 ตำแหน่ง ➡️ เป็นการลงทุนรวมกว่า $65 พันล้าน ถือเป็นการลงทุนจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์รัฐแอริโซนา ✅ ความร่วมมือด้านการศึกษาและการฝึกอบรม ➡️ ASU เปิดหลักสูตรวิจัยระดับปริญญาตรีและบัณฑิตด้านเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ รัฐแอริโซนาเปิดโปรแกรมฝึกอบรมช่างเทคนิคแบบเร่งรัด 15 สัปดาห์ ➡️ Amkor เปิดศูนย์บรรจุชิปมูลค่า $2 พันล้านในเมือง Peoria ➡️ รองรับเทคโนโลยี CoWoS และ InFO สำหรับ GPU และ AI accelerators https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-increases-arizona-internships-to-feed-fabs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    TSMC increases Arizona internships to feed its Phoenix fabs — CHIPS-fueled supply chain begins to take shape
    A wave of homegrown talent arrives just as TSMC’s 4nm ramp-up in Arizona turns into a three-fab silicon supercluster.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..จริงๆนายกฯหนู ยกเลิกผ่านมติ ครม.ของตนเองก็จบแล้ว,ทำได้ทันทีด้วย,หรือตัดสินใจด้วยตนเองคนเดียวก็ได้เพราะMOUนี้ผิดขั้นตอนไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายประชาธิปไตยไทยแต่ต้นแล้ว ไม่นำเข้าสภาฯใดๆเลยด้วยแต่แรก จึงด้วยสถานะนายกฯอำนาจเต็มสามารถโมฆะMOU43,44นี้ได้อย่างชอบธรรม.
    ..นายกฯไม่จำเป็นต้องนำเข้าคณะครม.ตนก็ได้,คนไทยจะเห็นความเด็ดขาดนายกฯหนูโน้น,เพราะกล้าเหยียบเขมรและฮุนเซนจริงแท้คนไทย,ก่อนมาเป็นนายกฯพรรคภูมิใจไทย พรรคภูมิใจไทยก็เป็นตัวตั้งตัวตีเสนอยกเลิกMOU43,44นะ,
    ..นายกฯรัฐบาลนี้ทำได้จะรอดพ้น(ประวัติศาสตร์จะมีข้อยกเว้นว่ารัฐบาลยุคนายกฯหนูไม่มีข้อหานี้ด้วย)จากข้อหากบฎ ม.119เจตนาทำให้เสียหาย สูญเสียดินแดนอธิปไตยชาติโดยกอดmou43,44tor46นี้ไว้โทษประหารชีวิตอย่างเดียวและ ม.157 ทันที ,ก้มหน้าไม่อายครอบครัวคนอีสานที่ตายเกือบยกครัว คนไทยชาวบ้านที่บริสุทธิ์มากมายต้องตายไป มันยิงโรงพยาบาลไทย มันระบุพิกัดชัดเจนกะระยะยิงตกชัดมีหลักฐานจากกูรูสายข่าวว่ามันล็อกเป้ายิง7/11ปั้มน้ำมันจริง,และอื่นๆด้วย,เงยหน้าไม่ละอายต่อทหารหาญที่สูญเสียชีวิตทั้งพิการและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก,อย่าทรยศหักหลังประชาชนนะ,
    ..นายกฯหนูและรัฐบาลชุดนี้4เดือนจะแตกต่างทันทีกับจุดยืนสมัยยุคอภิสิทธิ์ยุคลุงตู่ยึดอำนาจแท้ๆแต่ไม่ยอมยกเลิกMOU43,44กอดคาจนหมดอำนาจจากการยึดอำนาจและจนหมดอำนาจจากนั่งตำแหน่งนายกฯสมัยลุง,ละเว้นปฏิบัติหน้าที่จน อ.วีระ จะฟ้องแน่นอนแล้วที่ประกาศออกสื่อชัดเจนบวกหลักฐานบ้านหนองจานที่ยืนบนแผ่นดินไทยชัดเจนนั้นด้วยแต่สุมหัวเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนไทยบอกว่าตรงจุด อ.วีระถูกจับเป็นดินแดนแผ่นดินเขมรนะ จนอยู่คุกเขมรสมบูรณ์เป็นความผิดในเจตนา ม.119แล้วด้วย ม.157ก็ด้วย,ไม่รวมตรึมทั้ง11จุดได้คืนจากเขมรด้วยที่บิ๊กกุ้งถีบ้ขมรออกจากพื้นที่ประเทศไทยจริง
    ..อย่าทรยศหักหลังเหมือนพรรคการเมืองในอดีตนะ กัญชาเสรีคือบทเรียน.
    ..ทำกัญชาเสรีจริงๆจะมีประโยชน์มากแต่หักหลังประชาชนปลูกผีบ้าอะไรคนละ6ต้น ต้องปลูกสกัดทำยาส่ง รพ.จริงเสรีด้วย.
    ..คนชาวบ้านไทบ้านจะมีตังใช้จ่ายจริง มุกกีดกันประชาชนตรึม วิจัยเอย โรงเรือนต้องมาตราฐานลงทุนเป็นหมื่นเป็นแสน แดกค่าใบอนุญาตอีก สาระพัดมุกเหี้ยๆต่อชาวบ้านมิให้มีโอกาสจริง เงื่อนไขกติกามากมายจนเป็นภาระ ต้องสไตล์ปลูกพืชผักสวนครัวโน้น อยากกินอยากปลูกตอนไหนก็ปลูก,ชุมชนควบคุมดูแลรักษาความสงบร่วมกัน บริหารจัดการผลิตผลการตลาดช่วยเหลือคนไทยจริงจังด้วย,มิใช่สร้างต้นทุนแพงๆสูงๆต้นทุนแก่ชาวบ้านคนปลูกจึงสร้างความลำบากและสร้างให้ยากชัดเจนไม่มีเจตนาดีจริงต่อการช่วยสร้างรายรับแก่ประชาชน สร้างฐานต้นทุนยารักษาโรคที่ราคาถูกบนแผ่นดินไทยด้วย,ต่างชาติล็อบบี้โคตรๆเพื่อทำลายนโยบายนี้เพราะกระทบบริษัทยาทั่วโลกจริง,กำจัดแมลงพืชผลทางการเกษตรก็ได้ด้วย ภัยร้ายแรงต่อบริษัทยารักษาคนและบริษัทยาฆ่าแมลงกำจัดแมลงโรคพืชและสัตว์เลี้ยง,หว่านตามป่าตามเขาปลายนาก็เกิดเติบโตใหญ่แล้ว สามารถผสมสินค้าอุปโภคบริโภคได้จริงกว่า50,000รายการสินค้า ใยกัญชากัญชงสร้างชุดเกราะได้ สร้างโครงโครงรถยนต์น้ำหนักเบาประหยัดพลังงานและแข็งแรงได้,พื้นที่ปลูกกัญชาต้องให้คนละ1ถึง2ไร่เลยไม่เกินนั้น,1ไร่กัญชา ,อีก1ไร่กัญชง,เพื่อสกัดยาฯสุขภาพรักษาโรคครอบจักรวาลต้นทุนต่ำได้จริง,ใยกัญชาใยกัญชงก็จะเพียงพอด้วย,ต่างชาติอิจฉาสุดๆในความเสรีเรา,คนไม่ดีโจมตีแค่โทษนิดเดียวก็เป็นธรรมดา,จากผิดพลาดกัญชาเสรี ยุคตนเป็นนายกฯ4เดือนสามารถปัดฝุ่นได้เลย,ตนเป็นนายกฯจริงแล้วด้วย,ทำสิ่งที่ถูกต้องค่าจริงก็จบดีแน่นอน,MOU43,44ตนเป็นนายกฯแล้วถือโอกาสทำคุณไถ่โทษต่อแผ่นดินไทยที่กระทำไปเสียจะคดีฮั่วสว.หรือเขากระโดง ก็ตาม ทำปัจจุบันนี้จริงจังมิใช่ผีบ้าปั่นคนละครึ่งหักเหความสนใจประชาชนไป,ตนต้องยกเลิกMOU43,44ทำจริงทำชัดเจนและรวดเร็วซึ่งสามารถจบเรื่องนี้ได้ไม่เกินวันศุกร์นี้มอบความสุขแก่คนไทยเลยคือยกเลิกMOU43,44พร้อมประกาศโดยเป็นทางการว่ารัฐบาลไทยรับรอง1:50,000เท่านั้นและเสาหมุดเขตแดนสยาม74เสาแค่นั้นที่เกิดก่อนMOUนี้อีกจะดำเนินการสร้างรั้วลวดหนามทันทีด้วยตลอดแนวพรมแดน74เสาเขตแดนแม้พื้นที่สันปันน้ำก็จะสร้างรั้วลวดหนามด้วย,พรรคภูมิใจไทยต้องทำสิ่งนี้ให้ชัดเจนก่อนภายในอาทิตย์คือ9,10,11,และวันศุกร์มอบความสุขแก่คนไทยทั้งประเทศขึ้นแถลงอย่างเป็นทางการทั่วประเทศว่า "ในนานนายฯคนที่32ปัจจุบันของประกาศยกเลิกMOU43และ44อย่างเป็นทางการฝ่ายเดียวที่สามารถกระทำได้ชอบธรรมต่อประเทศเขมรที่รุกรานหมายยึดดินแดนอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา ทั้งยกเลิกข้อตกลงหยุดยิงทั้ง13ข้อโดยทันทีด้วยซึ่งประเทศเขมรละเมิดมาโดยตลอด.,จึงให้เป็นทางการไว้และมีผลทันทีนับจากเวลานี้" นี้ต้องสร้างฟอร์มตนเองแบบนี้ ตนเป็นนายกฯจริงแล้ว แม้มีเวลาไม่กี่เดือนก็สามารถทำเรื่องนี้ทันทีได้,ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ คนไทยเลือกแน่นอน,แต่ถ้าแสวงหาทางชั่ว คนไทยดูออกทันทีนะ,ดับอนาถแน่นอน นายกฯคนที่33รออยู่ ยุบพรรคภูมิใจไทยมาเร็วกว่ากำหนดแน่นอนบวกพลังงานสาปแซงของคนไทยทั่วประเทศร่วมด้วยคนดับอนาถยิ่งกว่าเดิมอีก,ทางมี2ทงให้เลือกจะอยู่อย่างหมาขี้เรื้อนหรือสิงโตราชสีห์.นายกฯคนที่32เลือกได้ ราชัญกัญชาต่อยอดเพื่อปากท้องจริงแก่ประชาชนเลย ลุยเลยมาถูกทางแล้ว เป็นใหญ่แล้ว,บอกค่าจริง ใช้ให้ถูกก็จบ เหมือนรถยนต์ขับตำกำแพงก็สมควรตายนั้นล่ะ,เขาให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการไปมันก็เกิดประโยชน์ นี้คือทองคำเขียวชัดเจน กว่าบ่อน้ำมันอีก บีบสกัดทำน้ำมันไบโอดีเซลก็ได้,บริษัทยาบิ๊กฟาร์มม่าอเมริกาฝรั่งต่างชาติหรือโรงงานใยกระดาษกลัวจะตายหรือโรงงานผลิตอะไรๆต่างๆก็ด้วย เพราะมันประยุกต์ใช้ทำโครงสร้างวัสดุใดๆผสมมวลมันใดๆให้โลหะวัสดุนั้นๆแข็งแกร่งขึ้นไปอีกลดวัตถุดิบหลักต้นทุนทำก็ได้ด้วย,แหล่งทำเงินภายใน4เดือนกันเลยต่อเกษตรกรไทย ,ธรรมนัสคุมเกษตรฯเหมาะอีก,ปลูกฝิ่นเสรีด้วยเลย555,สกัดทำยาพาราฯสมุนไพรไทยได้ ยาแก้ปวดอย่างดีควบคุมให้ดีหรือเสรีให้เหมาะสม ลดการนำเข้ายารักษาโรคภายในโรงพยาบาลไทยหลายล้านล้านบาทเลยนะ,ส่งออกประเทศทำสงครามโลกที่3ในอนาคตก็ได้ตลาดเม็ดเงินยาแก้ปวดข้มเข้นอย่างดีมหาศาลเม็ดเงินช่วยเกษตรกรไทยกว่า2-3ล้านล้านบาทหรือกว่า10ล้านล้านบาทสบาย ใช้ในทางที่ถูก ควบคุมให้โปร่งใสมิใช่เหี้ยแบบอดีตไปปลูกข้างๆบ้านเป็นหมื่นเป็นแสนหรือล้านไร่หวังเอาเข้ามาขายแดกในไทยแบบที่แฉๆในสภาก็เหี้ยเกินไป,แมร่งอเมริกายึดบ่อน้ำมันไทยทั่วประเทศก็ทำบ่อเงินบ่อทองนี้ให้เต็มที่แทนก็ได้แต่ต้องโปร่งใสจริงอย่าให้ต่างชาติมาแทรกแซงได้อีก,ฮับโรงพยาบาลโลกด้านสมุนไพรคู่AIการแพทย์ชีวภาพยุคใหม่กึ่งจักรกลก็ได้,ใครพิการจักรกลก็ช่วยได้,หรืออนาคตเทคโนโลยีสร้างมวลเนื้อใหม่ของต่างดาวถ่ายทอดมาคู่สมุนไพรดำเนินชีวิตรักษาสุขภาพก็โอเคได้หมด,บ่อน้ำมันอาจดับอนาคตแล้วเพราะใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานสนามแม่เหล็กโลกหรือพลังงานฟรีเทสล่ากันแล้ว.

    .."พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยกับการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา"

    ภูมิใจไทยจี้ สภาถกญัตติยกเลิก MOU 43-44 ตั้ง กมธ. ก่อนเสนอรัฐบาลทำประชามติ
    โดย THE STANDARD TEAM
    05.08.2025

    วันนี้ (5 สิงหาคม) ที่พรรคภูมิใจไทย แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงกรณี สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส. กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และคณะ ยื่นญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วย และอยากให้สภานำญัตตินี้มาพิจารณา เพื่อให้เห็นถึงข้อดี-ข้อด้อย และข้อที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในเอ็มโอยูดังกล่าว เพื่อที่ขั้นต่อไปเราอยากให้มีการทำประชามติรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ว่าการเซ็นเอ็มโอยูดังกล่าวมีประโยชน์หรือโทษอะไรบ้าง

    “แน่นอนว่าเราเห็นโทษของ MOU ดังกล่าวแน่นอน เพราะตลอด 10 กว่าวันที่ผ่านมา เราเห็นชัดว่าข้อผิดพลาดเป็นอย่างไร ส่งผลกระทบถึงประชาชนแค่ไหน จึงเสนอญัตตินี้เพื่ออยากให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) โดยใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด เพื่อที่จะได้นำเสนอต่อรัฐบาลให้ทำประชามติโดยเร็ว” โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าว


    https://thestandard.co/thai-cambodia-mou-termination/




    ..จริงๆนายกฯหนู ยกเลิกผ่านมติ ครม.ของตนเองก็จบแล้ว,ทำได้ทันทีด้วย,หรือตัดสินใจด้วยตนเองคนเดียวก็ได้เพราะMOUนี้ผิดขั้นตอนไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายประชาธิปไตยไทยแต่ต้นแล้ว ไม่นำเข้าสภาฯใดๆเลยด้วยแต่แรก จึงด้วยสถานะนายกฯอำนาจเต็มสามารถโมฆะMOU43,44นี้ได้อย่างชอบธรรม. ..นายกฯไม่จำเป็นต้องนำเข้าคณะครม.ตนก็ได้,คนไทยจะเห็นความเด็ดขาดนายกฯหนูโน้น,เพราะกล้าเหยียบเขมรและฮุนเซนจริงแท้คนไทย,ก่อนมาเป็นนายกฯพรรคภูมิใจไทย พรรคภูมิใจไทยก็เป็นตัวตั้งตัวตีเสนอยกเลิกMOU43,44นะ, ..นายกฯรัฐบาลนี้ทำได้จะรอดพ้น(ประวัติศาสตร์จะมีข้อยกเว้นว่ารัฐบาลยุคนายกฯหนูไม่มีข้อหานี้ด้วย)จากข้อหากบฎ ม.119เจตนาทำให้เสียหาย สูญเสียดินแดนอธิปไตยชาติโดยกอดmou43,44tor46นี้ไว้โทษประหารชีวิตอย่างเดียวและ ม.157 ทันที ,ก้มหน้าไม่อายครอบครัวคนอีสานที่ตายเกือบยกครัว คนไทยชาวบ้านที่บริสุทธิ์มากมายต้องตายไป มันยิงโรงพยาบาลไทย มันระบุพิกัดชัดเจนกะระยะยิงตกชัดมีหลักฐานจากกูรูสายข่าวว่ามันล็อกเป้ายิง7/11ปั้มน้ำมันจริง,และอื่นๆด้วย,เงยหน้าไม่ละอายต่อทหารหาญที่สูญเสียชีวิตทั้งพิการและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก,อย่าทรยศหักหลังประชาชนนะ, ..นายกฯหนูและรัฐบาลชุดนี้4เดือนจะแตกต่างทันทีกับจุดยืนสมัยยุคอภิสิทธิ์ยุคลุงตู่ยึดอำนาจแท้ๆแต่ไม่ยอมยกเลิกMOU43,44กอดคาจนหมดอำนาจจากการยึดอำนาจและจนหมดอำนาจจากนั่งตำแหน่งนายกฯสมัยลุง,ละเว้นปฏิบัติหน้าที่จน อ.วีระ จะฟ้องแน่นอนแล้วที่ประกาศออกสื่อชัดเจนบวกหลักฐานบ้านหนองจานที่ยืนบนแผ่นดินไทยชัดเจนนั้นด้วยแต่สุมหัวเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนไทยบอกว่าตรงจุด อ.วีระถูกจับเป็นดินแดนแผ่นดินเขมรนะ จนอยู่คุกเขมรสมบูรณ์เป็นความผิดในเจตนา ม.119แล้วด้วย ม.157ก็ด้วย,ไม่รวมตรึมทั้ง11จุดได้คืนจากเขมรด้วยที่บิ๊กกุ้งถีบ้ขมรออกจากพื้นที่ประเทศไทยจริง ..อย่าทรยศหักหลังเหมือนพรรคการเมืองในอดีตนะ กัญชาเสรีคือบทเรียน. ..ทำกัญชาเสรีจริงๆจะมีประโยชน์มากแต่หักหลังประชาชนปลูกผีบ้าอะไรคนละ6ต้น ต้องปลูกสกัดทำยาส่ง รพ.จริงเสรีด้วย. ..คนชาวบ้านไทบ้านจะมีตังใช้จ่ายจริง มุกกีดกันประชาชนตรึม วิจัยเอย โรงเรือนต้องมาตราฐานลงทุนเป็นหมื่นเป็นแสน แดกค่าใบอนุญาตอีก สาระพัดมุกเหี้ยๆต่อชาวบ้านมิให้มีโอกาสจริง เงื่อนไขกติกามากมายจนเป็นภาระ ต้องสไตล์ปลูกพืชผักสวนครัวโน้น อยากกินอยากปลูกตอนไหนก็ปลูก,ชุมชนควบคุมดูแลรักษาความสงบร่วมกัน บริหารจัดการผลิตผลการตลาดช่วยเหลือคนไทยจริงจังด้วย,มิใช่สร้างต้นทุนแพงๆสูงๆต้นทุนแก่ชาวบ้านคนปลูกจึงสร้างความลำบากและสร้างให้ยากชัดเจนไม่มีเจตนาดีจริงต่อการช่วยสร้างรายรับแก่ประชาชน สร้างฐานต้นทุนยารักษาโรคที่ราคาถูกบนแผ่นดินไทยด้วย,ต่างชาติล็อบบี้โคตรๆเพื่อทำลายนโยบายนี้เพราะกระทบบริษัทยาทั่วโลกจริง,กำจัดแมลงพืชผลทางการเกษตรก็ได้ด้วย ภัยร้ายแรงต่อบริษัทยารักษาคนและบริษัทยาฆ่าแมลงกำจัดแมลงโรคพืชและสัตว์เลี้ยง,หว่านตามป่าตามเขาปลายนาก็เกิดเติบโตใหญ่แล้ว สามารถผสมสินค้าอุปโภคบริโภคได้จริงกว่า50,000รายการสินค้า ใยกัญชากัญชงสร้างชุดเกราะได้ สร้างโครงโครงรถยนต์น้ำหนักเบาประหยัดพลังงานและแข็งแรงได้,พื้นที่ปลูกกัญชาต้องให้คนละ1ถึง2ไร่เลยไม่เกินนั้น,1ไร่กัญชา ,อีก1ไร่กัญชง,เพื่อสกัดยาฯสุขภาพรักษาโรคครอบจักรวาลต้นทุนต่ำได้จริง,ใยกัญชาใยกัญชงก็จะเพียงพอด้วย,ต่างชาติอิจฉาสุดๆในความเสรีเรา,คนไม่ดีโจมตีแค่โทษนิดเดียวก็เป็นธรรมดา,จากผิดพลาดกัญชาเสรี ยุคตนเป็นนายกฯ4เดือนสามารถปัดฝุ่นได้เลย,ตนเป็นนายกฯจริงแล้วด้วย,ทำสิ่งที่ถูกต้องค่าจริงก็จบดีแน่นอน,MOU43,44ตนเป็นนายกฯแล้วถือโอกาสทำคุณไถ่โทษต่อแผ่นดินไทยที่กระทำไปเสียจะคดีฮั่วสว.หรือเขากระโดง ก็ตาม ทำปัจจุบันนี้จริงจังมิใช่ผีบ้าปั่นคนละครึ่งหักเหความสนใจประชาชนไป,ตนต้องยกเลิกMOU43,44ทำจริงทำชัดเจนและรวดเร็วซึ่งสามารถจบเรื่องนี้ได้ไม่เกินวันศุกร์นี้มอบความสุขแก่คนไทยเลยคือยกเลิกMOU43,44พร้อมประกาศโดยเป็นทางการว่ารัฐบาลไทยรับรอง1:50,000เท่านั้นและเสาหมุดเขตแดนสยาม74เสาแค่นั้นที่เกิดก่อนMOUนี้อีกจะดำเนินการสร้างรั้วลวดหนามทันทีด้วยตลอดแนวพรมแดน74เสาเขตแดนแม้พื้นที่สันปันน้ำก็จะสร้างรั้วลวดหนามด้วย,พรรคภูมิใจไทยต้องทำสิ่งนี้ให้ชัดเจนก่อนภายในอาทิตย์คือ9,10,11,และวันศุกร์มอบความสุขแก่คนไทยทั้งประเทศขึ้นแถลงอย่างเป็นทางการทั่วประเทศว่า "ในนานนายฯคนที่32ปัจจุบันของประกาศยกเลิกMOU43และ44อย่างเป็นทางการฝ่ายเดียวที่สามารถกระทำได้ชอบธรรมต่อประเทศเขมรที่รุกรานหมายยึดดินแดนอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา ทั้งยกเลิกข้อตกลงหยุดยิงทั้ง13ข้อโดยทันทีด้วยซึ่งประเทศเขมรละเมิดมาโดยตลอด.,จึงให้เป็นทางการไว้และมีผลทันทีนับจากเวลานี้" นี้ต้องสร้างฟอร์มตนเองแบบนี้ ตนเป็นนายกฯจริงแล้ว แม้มีเวลาไม่กี่เดือนก็สามารถทำเรื่องนี้ทันทีได้,ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ คนไทยเลือกแน่นอน,แต่ถ้าแสวงหาทางชั่ว คนไทยดูออกทันทีนะ,ดับอนาถแน่นอน นายกฯคนที่33รออยู่ ยุบพรรคภูมิใจไทยมาเร็วกว่ากำหนดแน่นอนบวกพลังงานสาปแซงของคนไทยทั่วประเทศร่วมด้วยคนดับอนาถยิ่งกว่าเดิมอีก,ทางมี2ทงให้เลือกจะอยู่อย่างหมาขี้เรื้อนหรือสิงโตราชสีห์.นายกฯคนที่32เลือกได้ ราชัญกัญชาต่อยอดเพื่อปากท้องจริงแก่ประชาชนเลย ลุยเลยมาถูกทางแล้ว เป็นใหญ่แล้ว,บอกค่าจริง ใช้ให้ถูกก็จบ เหมือนรถยนต์ขับตำกำแพงก็สมควรตายนั้นล่ะ,เขาให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการไปมันก็เกิดประโยชน์ นี้คือทองคำเขียวชัดเจน กว่าบ่อน้ำมันอีก บีบสกัดทำน้ำมันไบโอดีเซลก็ได้,บริษัทยาบิ๊กฟาร์มม่าอเมริกาฝรั่งต่างชาติหรือโรงงานใยกระดาษกลัวจะตายหรือโรงงานผลิตอะไรๆต่างๆก็ด้วย เพราะมันประยุกต์ใช้ทำโครงสร้างวัสดุใดๆผสมมวลมันใดๆให้โลหะวัสดุนั้นๆแข็งแกร่งขึ้นไปอีกลดวัตถุดิบหลักต้นทุนทำก็ได้ด้วย,แหล่งทำเงินภายใน4เดือนกันเลยต่อเกษตรกรไทย ,ธรรมนัสคุมเกษตรฯเหมาะอีก,ปลูกฝิ่นเสรีด้วยเลย555,สกัดทำยาพาราฯสมุนไพรไทยได้ ยาแก้ปวดอย่างดีควบคุมให้ดีหรือเสรีให้เหมาะสม ลดการนำเข้ายารักษาโรคภายในโรงพยาบาลไทยหลายล้านล้านบาทเลยนะ,ส่งออกประเทศทำสงครามโลกที่3ในอนาคตก็ได้ตลาดเม็ดเงินยาแก้ปวดข้มเข้นอย่างดีมหาศาลเม็ดเงินช่วยเกษตรกรไทยกว่า2-3ล้านล้านบาทหรือกว่า10ล้านล้านบาทสบาย ใช้ในทางที่ถูก ควบคุมให้โปร่งใสมิใช่เหี้ยแบบอดีตไปปลูกข้างๆบ้านเป็นหมื่นเป็นแสนหรือล้านไร่หวังเอาเข้ามาขายแดกในไทยแบบที่แฉๆในสภาก็เหี้ยเกินไป,แมร่งอเมริกายึดบ่อน้ำมันไทยทั่วประเทศก็ทำบ่อเงินบ่อทองนี้ให้เต็มที่แทนก็ได้แต่ต้องโปร่งใสจริงอย่าให้ต่างชาติมาแทรกแซงได้อีก,ฮับโรงพยาบาลโลกด้านสมุนไพรคู่AIการแพทย์ชีวภาพยุคใหม่กึ่งจักรกลก็ได้,ใครพิการจักรกลก็ช่วยได้,หรืออนาคตเทคโนโลยีสร้างมวลเนื้อใหม่ของต่างดาวถ่ายทอดมาคู่สมุนไพรดำเนินชีวิตรักษาสุขภาพก็โอเคได้หมด,บ่อน้ำมันอาจดับอนาคตแล้วเพราะใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานสนามแม่เหล็กโลกหรือพลังงานฟรีเทสล่ากันแล้ว. .."พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยกับการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา" ภูมิใจไทยจี้ สภาถกญัตติยกเลิก MOU 43-44 ตั้ง กมธ. ก่อนเสนอรัฐบาลทำประชามติ โดย THE STANDARD TEAM 05.08.2025 วันนี้ (5 สิงหาคม) ที่พรรคภูมิใจไทย แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงกรณี สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส. กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และคณะ ยื่นญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วย และอยากให้สภานำญัตตินี้มาพิจารณา เพื่อให้เห็นถึงข้อดี-ข้อด้อย และข้อที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในเอ็มโอยูดังกล่าว เพื่อที่ขั้นต่อไปเราอยากให้มีการทำประชามติรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ว่าการเซ็นเอ็มโอยูดังกล่าวมีประโยชน์หรือโทษอะไรบ้าง “แน่นอนว่าเราเห็นโทษของ MOU ดังกล่าวแน่นอน เพราะตลอด 10 กว่าวันที่ผ่านมา เราเห็นชัดว่าข้อผิดพลาดเป็นอย่างไร ส่งผลกระทบถึงประชาชนแค่ไหน จึงเสนอญัตตินี้เพื่ออยากให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) โดยใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด เพื่อที่จะได้นำเสนอต่อรัฐบาลให้ทำประชามติโดยเร็ว” โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าว https://thestandard.co/thai-cambodia-mou-termination/
    THESTANDARD.CO
    ภูมิใจไทยจี้ สภาถกญัตติยกเลิก MOU 43-44 ตั้ง กมธ. ก่อนเสนอรัฐบาลทำประชามติ
    ที่ พรรคภูมิใจไทย แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงกรณี สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส. กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เนปาลยกเลิกแบนโซเชียลมีเดีย หลังการประท้วง Gen Z ลุกลามจนมีผู้เสียชีวิต 19 ราย!”

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นวัยรุ่นในเนปาล ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางแสดงความเห็น พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล แล้ววันหนึ่งรัฐบาลประกาศแบน Facebook, YouTube, X และอีกกว่า 20 แพลตฟอร์ม โดยอ้างว่า “ไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐ” — สิ่งที่ตามมาคือการลุกฮือครั้งใหญ่ของคนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองว่า “Gen Z Nepal”

    เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ พร้อมป้ายข้อความเช่น “หยุดคอร์รัปชัน ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย” และ “เยาวชนต่อต้านการโกงกิน” การชุมนุมเริ่มต้นอย่างสงบ แต่กลับกลายเป็นเหตุรุนแรงเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนพยายามฝ่ารั้วเข้าไปในเขตรัฐสภา ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน2

    หลังเหตุการณ์บานปลาย รัฐบาลเนปาลโดยรัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียทันที โดยระบุว่า “เพื่อรับฟังเสียงเรียกร้องของคนรุ่นใหม่” และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน

    แม้ TikTok และ Viber จะยังใช้งานได้ตลอดช่วงแบน เพราะลงทะเบียนกับรัฐแล้ว แต่แพลตฟอร์มใหญ่อื่นๆ เช่น Facebook, X และ YouTube เพิ่งกลับมาออนไลน์หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 กันยายน

    นานาชาติรวมถึงสหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเนปาลเคารพสิทธิการชุมนุมอย่างสงบและเสรีภาพในการแสดงออก

    เหตุการณ์ประท้วง Gen Z Nepal
    เริ่มต้นจากการแบนโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์มเมื่อวันที่ 4 กันยายน
    ผู้ประท้วงรวมตัวหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ
    มีการใช้ป้ายข้อความต่อต้านคอร์รัปชันและการเซ็นเซอร์
    ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริงในการสลายการชุมนุม
    มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน
    การชุมนุมลุกลามไปยังเมืองอื่น เช่น Pokhara, Itahari, Butwal

    การตอบสนองของรัฐบาล
    รัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดีย
    นายกรัฐมนตรี KP Sharma Oli แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต
    ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน
    ให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
    ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจแบน แต่ต้องการ “ควบคุมและจัดระเบียบ” โซเชียลมีเดีย

    บริบทและปฏิกิริยาระหว่างประเทศ
    สถานทูต 7 ประเทศออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้เคารพสิทธิมนุษยชน
    UNHRO เรียกร้องให้สอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
    ประชาชนกว่า 90% ของเนปาลใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ
    การแบนโซเชียลมีเดียกระทบต่อการสื่อสารและการแสดงออกของประชาชน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/nepal-scraps-social-media-ban-as-deadly-clashes-kill-19-people
    📱 “เนปาลยกเลิกแบนโซเชียลมีเดีย หลังการประท้วง Gen Z ลุกลามจนมีผู้เสียชีวิต 19 ราย!” ลองจินตนาการว่าคุณเป็นวัยรุ่นในเนปาล ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางแสดงความเห็น พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล แล้ววันหนึ่งรัฐบาลประกาศแบน Facebook, YouTube, X และอีกกว่า 20 แพลตฟอร์ม โดยอ้างว่า “ไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐ” — สิ่งที่ตามมาคือการลุกฮือครั้งใหญ่ของคนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองว่า “Gen Z Nepal” เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ พร้อมป้ายข้อความเช่น “หยุดคอร์รัปชัน ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย” และ “เยาวชนต่อต้านการโกงกิน” การชุมนุมเริ่มต้นอย่างสงบ แต่กลับกลายเป็นเหตุรุนแรงเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนพยายามฝ่ารั้วเข้าไปในเขตรัฐสภา ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน2 หลังเหตุการณ์บานปลาย รัฐบาลเนปาลโดยรัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียทันที โดยระบุว่า “เพื่อรับฟังเสียงเรียกร้องของคนรุ่นใหม่” และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน แม้ TikTok และ Viber จะยังใช้งานได้ตลอดช่วงแบน เพราะลงทะเบียนกับรัฐแล้ว แต่แพลตฟอร์มใหญ่อื่นๆ เช่น Facebook, X และ YouTube เพิ่งกลับมาออนไลน์หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 กันยายน นานาชาติรวมถึงสหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเนปาลเคารพสิทธิการชุมนุมอย่างสงบและเสรีภาพในการแสดงออก ✅ เหตุการณ์ประท้วง Gen Z Nepal ➡️ เริ่มต้นจากการแบนโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์มเมื่อวันที่ 4 กันยายน ➡️ ผู้ประท้วงรวมตัวหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ ➡️ มีการใช้ป้ายข้อความต่อต้านคอร์รัปชันและการเซ็นเซอร์ ➡️ ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริงในการสลายการชุมนุม ➡️ มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน ➡️ การชุมนุมลุกลามไปยังเมืองอื่น เช่น Pokhara, Itahari, Butwal ✅ การตอบสนองของรัฐบาล ➡️ รัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดีย ➡️ นายกรัฐมนตรี KP Sharma Oli แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต ➡️ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน ➡️ ให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ➡️ ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจแบน แต่ต้องการ “ควบคุมและจัดระเบียบ” โซเชียลมีเดีย ✅ บริบทและปฏิกิริยาระหว่างประเทศ ➡️ สถานทูต 7 ประเทศออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้เคารพสิทธิมนุษยชน ➡️ UNHRO เรียกร้องให้สอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ➡️ ประชาชนกว่า 90% ของเนปาลใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ ➡️ การแบนโซเชียลมีเดียกระทบต่อการสื่อสารและการแสดงออกของประชาชน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/nepal-scraps-social-media-ban-as-deadly-clashes-kill-19-people
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nepal scraps social-media ban as deadly clashes kill 19 people
    Nepal's government scrapped a days-old prohibition on social-media after the ban sparked deadly clashes between police and protesters that local media reported left 19 people dead and 347 injured.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel ปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่! Michelle Holthaus อำลาหลังรับใช้บริษัทกว่า 30 ปี”

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอย่าง Intel แล้ววันหนึ่งคุณต้องตัดสินใจอำลาตำแหน่ง หลังจากร่วมสร้างและขับเคลื่อนองค์กรมากว่า 30 ปี — นั่นคือเรื่องราวของ Michelle Johnston Holthaus ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Intel ที่เพิ่งประกาศลาออกท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างผู้บริหารของบริษัท

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan พยายามพลิกฟื้น Intel จากภาวะตกต่ำ โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ “ลดชั้นการบริหาร” และ “เร่งการตัดสินใจ” เพื่อให้ทีมพัฒนาชิปสามารถรายงานตรงถึงตัวเขาได้ทันที

    Michelle Holthaus เคยดำรงตำแหน่ง interim co-CEO หลังจาก Pat Gelsinger ถูกปลด และยังเคยเป็นหัวหน้าฝ่าย Client Computing Group และ Chief Revenue Officer มาก่อน เธอจะยังคงอยู่ในบทบาทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้

    นอกจากการอำลาของ Holthaus ยังมีการแต่งตั้งผู้บริหารใหม่หลายตำแหน่ง เช่น Kevork Kechichian จาก Arm มารับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม Data Center, Srinivasan Iyengar รับหน้าที่สร้างกลุ่ม Central Engineering ใหม่ และ Jim Johnson ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม Client Computing อย่างเป็นทางการ

    การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศแผนเข้าถือหุ้น 10% ใน Intel และเรียกร้องให้ Tan ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์ — ทำให้สถานการณ์ของ Intel ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น

    การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงของ Intel
    Michelle Holthaus อำลาหลังทำงานกับ Intel มากกว่า 30 ปี
    เคยดำรงตำแหน่ง interim co-CEO และหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์
    จะยังคงอยู่ในบทบาทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
    CEO Lip-Bu Tan ปรับโครงสร้างให้ทีมชิปรายงานตรงถึงตัวเอง

    การแต่งตั้งผู้บริหารใหม่
    Kevork Kechichian จาก Arm รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม Data Center
    Srinivasan Iyengar นำทีม Central Engineering และธุรกิจ custom silicon
    Jim Johnson ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม Client Computing อย่างเป็นทางการ
    Naga Chandrasekaran ขยายบทบาทใน Intel Foundry ให้ครอบคลุม Foundry Services

    บริบททางการเมืองและเศรษฐกิจ
    รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อควบคุมเชิงยุทธศาสตร์
    ประธานาธิบดี Trump เรียกร้องให้ CEO Tan ลาออกจากตำแหน่ง
    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากตลาดและภาครัฐ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/intel-product-chief-michelle-holthaus-to-leave-company
    🔄 “Intel ปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่! Michelle Holthaus อำลาหลังรับใช้บริษัทกว่า 30 ปี” ลองจินตนาการว่าคุณเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอย่าง Intel แล้ววันหนึ่งคุณต้องตัดสินใจอำลาตำแหน่ง หลังจากร่วมสร้างและขับเคลื่อนองค์กรมากว่า 30 ปี — นั่นคือเรื่องราวของ Michelle Johnston Holthaus ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Intel ที่เพิ่งประกาศลาออกท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างผู้บริหารของบริษัท การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan พยายามพลิกฟื้น Intel จากภาวะตกต่ำ โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ “ลดชั้นการบริหาร” และ “เร่งการตัดสินใจ” เพื่อให้ทีมพัฒนาชิปสามารถรายงานตรงถึงตัวเขาได้ทันที Michelle Holthaus เคยดำรงตำแหน่ง interim co-CEO หลังจาก Pat Gelsinger ถูกปลด และยังเคยเป็นหัวหน้าฝ่าย Client Computing Group และ Chief Revenue Officer มาก่อน เธอจะยังคงอยู่ในบทบาทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ นอกจากการอำลาของ Holthaus ยังมีการแต่งตั้งผู้บริหารใหม่หลายตำแหน่ง เช่น Kevork Kechichian จาก Arm มารับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม Data Center, Srinivasan Iyengar รับหน้าที่สร้างกลุ่ม Central Engineering ใหม่ และ Jim Johnson ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม Client Computing อย่างเป็นทางการ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศแผนเข้าถือหุ้น 10% ใน Intel และเรียกร้องให้ Tan ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์ — ทำให้สถานการณ์ของ Intel ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น ✅ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงของ Intel ➡️ Michelle Holthaus อำลาหลังทำงานกับ Intel มากกว่า 30 ปี ➡️ เคยดำรงตำแหน่ง interim co-CEO และหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ ➡️ จะยังคงอยู่ในบทบาทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ➡️ CEO Lip-Bu Tan ปรับโครงสร้างให้ทีมชิปรายงานตรงถึงตัวเอง ✅ การแต่งตั้งผู้บริหารใหม่ ➡️ Kevork Kechichian จาก Arm รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม Data Center ➡️ Srinivasan Iyengar นำทีม Central Engineering และธุรกิจ custom silicon ➡️ Jim Johnson ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม Client Computing อย่างเป็นทางการ ➡️ Naga Chandrasekaran ขยายบทบาทใน Intel Foundry ให้ครอบคลุม Foundry Services ✅ บริบททางการเมืองและเศรษฐกิจ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อควบคุมเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ ประธานาธิบดี Trump เรียกร้องให้ CEO Tan ลาออกจากตำแหน่ง ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากตลาดและภาครัฐ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/intel-product-chief-michelle-holthaus-to-leave-company
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel announces key executive shake-up, says products chief Holthaus will exit
    (Reuters) - Intel announced a series of top executive changes on Monday, including the departure of products chief Michelle Johnston Holthaus, at a time when CEO Lip-Bu Tan intensifies efforts to turn around the struggling U.S. chipmaker.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฤดูใบไม้ร่วงนี้มีอะไรให้เล่น? 12 เกมใหม่ที่เตรียมเขย่าวงการ รวม Pokémon, Metroid และ Kirby!”

    ลองนึกภาพว่าคุณเพิ่งซื้อ Nintendo Switch 2 มาใหม่ สดๆ ร้อนๆ แล้วกำลังมองหาเกมที่จะเติมเต็มคลังของคุณในช่วงปลายปีนี้…ข่าวดีคือ ฤดูใบไม้ร่วงนี้มีเกมใหม่มากมายที่น่าสนใจ ทั้งจากซีรีส์ระดับตำนานและเกมภาคต่อที่แฟนๆ รอคอยกันมานาน

    หนึ่งในเกมที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือ Pokémon Legends: Z-A ซึ่งจะเปิดให้เล่นวันที่ 16 ตุลาคม โดยผู้เล่นสามารถเลือกโปเกมอนเริ่มต้นได้จาก Chikorita, Tepig หรือ Totodile แล้วออกผจญภัยในโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยเทรนเนอร์คู่แข่งและความลับของเมือง Lumiose ที่ถูกปรับโฉมใหม่ให้เข้ากับยุค Switch 2

    ถัดมาในวันที่ 20 พฤศจิกายนคือ Kirby Air Riders เกมแข่งรถภาคต่อจากเวอร์ชัน GameCube ปี 2003 ที่กลับมาอีกครั้งพร้อมกราฟิกใหม่และโหมดผู้เล่นหลายคนที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นบน Switch 2 โดยเฉพาะ

    และแม้ว่า Grand Theft Auto VI จะถูกเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า แต่ก็เปิดทางให้เกมอื่นๆ ได้เฉิดฉาย โดยเฉพาะ Metroid Prime 4: Beyond ที่มีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ หากไม่ถูกเลื่อนอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการกลับมาของซีรีส์ที่แฟนๆ รอคอยมาตั้งแต่ปี 2017

    Pokémon Legends: Z-A
    เปิดตัววันที่ 16 ตุลาคม 2025
    มีโปเกมอนเริ่มต้นให้เลือก 3 ตัว: Chikorita, Tepig, Totodile
    ฉากหลังคือเมือง Lumiose ที่ถูกปรับโฉมใหม่
    รองรับ Nintendo Switch 2 Edition พร้อมกราฟิกและระบบใหม่

    Kirby Air Riders
    เปิดตัววันที่ 20 พฤศจิกายน 2025
    เป็นภาคต่อจากเกมแข่งรถบน GameCube ปี 2003
    รองรับโหมดผู้เล่นหลายคนและการเล่นออนไลน์
    พัฒนาเพื่อใช้ประสิทธิภาพของ Switch 2 อย่างเต็มที่

    Metroid Prime 4: Beyond
    ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าอาจเปิดตัวในเดือนกันยายนหรือธันวาคม
    มีข่าวลือว่าทีมทดสอบเกมของ Retro Studios เพิ่งเสร็จสิ้นงานแล้ว
    รองรับโหมดกราฟิก 4K/60fps และโหมดประสิทธิภาพ 120fps บน Switch 26
    เป็นภาคต่อที่เริ่มพัฒนาใหม่ตั้งแต่ปี 2019 หลังจากเปลี่ยนทีมผู้สร้าง

    เกมอื่นๆ ที่น่าสนใจในฤดูใบไม้ร่วง
    Hyrule Warriors: Age of Imprisonment (ฤดูหนาว 2025)
    Super Mario Party Jamboree + Jamboree TV (เปิดตัวแล้วในเดือนกรกฎาคม)
    Donkey Kong Bananza (เปิดตัวแล้วในเดือนกรกฎาคม)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/08/pokemon-and-11-more-video-games-coming-this-fall
    🎮 “ฤดูใบไม้ร่วงนี้มีอะไรให้เล่น? 12 เกมใหม่ที่เตรียมเขย่าวงการ รวม Pokémon, Metroid และ Kirby!” ลองนึกภาพว่าคุณเพิ่งซื้อ Nintendo Switch 2 มาใหม่ สดๆ ร้อนๆ แล้วกำลังมองหาเกมที่จะเติมเต็มคลังของคุณในช่วงปลายปีนี้…ข่าวดีคือ ฤดูใบไม้ร่วงนี้มีเกมใหม่มากมายที่น่าสนใจ ทั้งจากซีรีส์ระดับตำนานและเกมภาคต่อที่แฟนๆ รอคอยกันมานาน หนึ่งในเกมที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือ Pokémon Legends: Z-A ซึ่งจะเปิดให้เล่นวันที่ 16 ตุลาคม โดยผู้เล่นสามารถเลือกโปเกมอนเริ่มต้นได้จาก Chikorita, Tepig หรือ Totodile แล้วออกผจญภัยในโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยเทรนเนอร์คู่แข่งและความลับของเมือง Lumiose ที่ถูกปรับโฉมใหม่ให้เข้ากับยุค Switch 2 ถัดมาในวันที่ 20 พฤศจิกายนคือ Kirby Air Riders เกมแข่งรถภาคต่อจากเวอร์ชัน GameCube ปี 2003 ที่กลับมาอีกครั้งพร้อมกราฟิกใหม่และโหมดผู้เล่นหลายคนที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นบน Switch 2 โดยเฉพาะ และแม้ว่า Grand Theft Auto VI จะถูกเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า แต่ก็เปิดทางให้เกมอื่นๆ ได้เฉิดฉาย โดยเฉพาะ Metroid Prime 4: Beyond ที่มีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ หากไม่ถูกเลื่อนอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการกลับมาของซีรีส์ที่แฟนๆ รอคอยมาตั้งแต่ปี 2017 ✅ Pokémon Legends: Z-A ➡️ เปิดตัววันที่ 16 ตุลาคม 2025 ➡️ มีโปเกมอนเริ่มต้นให้เลือก 3 ตัว: Chikorita, Tepig, Totodile ➡️ ฉากหลังคือเมือง Lumiose ที่ถูกปรับโฉมใหม่ ➡️ รองรับ Nintendo Switch 2 Edition พร้อมกราฟิกและระบบใหม่ ✅ Kirby Air Riders ➡️ เปิดตัววันที่ 20 พฤศจิกายน 2025 ➡️ เป็นภาคต่อจากเกมแข่งรถบน GameCube ปี 2003 ➡️ รองรับโหมดผู้เล่นหลายคนและการเล่นออนไลน์ ➡️ พัฒนาเพื่อใช้ประสิทธิภาพของ Switch 2 อย่างเต็มที่ ✅ Metroid Prime 4: Beyond ➡️ ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าอาจเปิดตัวในเดือนกันยายนหรือธันวาคม ➡️ มีข่าวลือว่าทีมทดสอบเกมของ Retro Studios เพิ่งเสร็จสิ้นงานแล้ว ➡️ รองรับโหมดกราฟิก 4K/60fps และโหมดประสิทธิภาพ 120fps บน Switch 26 ➡️ เป็นภาคต่อที่เริ่มพัฒนาใหม่ตั้งแต่ปี 2019 หลังจากเปลี่ยนทีมผู้สร้าง ✅ เกมอื่นๆ ที่น่าสนใจในฤดูใบไม้ร่วง ➡️ Hyrule Warriors: Age of Imprisonment (ฤดูหนาว 2025) ➡️ Super Mario Party Jamboree + Jamboree TV (เปิดตัวแล้วในเดือนกรกฎาคม) ➡️ Donkey Kong Bananza (เปิดตัวแล้วในเดือนกรกฎาคม) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/08/pokemon-and-11-more-video-games-coming-this-fall
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Pokemon and 11 more video games coming this fall
    There are sequels aplenty, including new Ninja Gaiden and Battlefield games, but also a fresh look at mountain climbing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI Data Center: เบื้องหลังเทคโนโลยีล้ำยุคที่อาจกลายเป็นจุดอ่อนด้านความมั่นคงไซเบอร์ระดับโลก”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาโมเดล AI ที่ซับซ้อนระดับ GPT-5 หรือระบบวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ที่ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล คุณอาจคิดถึง GPU, TPU หรือคลาวด์ที่เร็วแรง แต่สิ่งที่คุณอาจมองข้ามคือ “AI Data Center” ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด — และนั่นคือจุดที่ภัยคุกคามไซเบอร์กำลังพุ่งเป้าเข้าใส่

    ในปี 2025 การลงทุนใน AI Data Center พุ่งสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น Amazon ทุ่มเงินกว่า $20 พันล้านในเพนซิลเวเนีย และ Meta เตรียมเปิดศูนย์ Prometheus ขนาดหลายกิกะวัตต์ในปี 2026 ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกแผน AI Action Plan เพื่อเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    แต่เบื้องหลังความก้าวหน้าเหล่านี้คือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งด้านพลังงาน (คาดว่าใช้ไฟฟ้ากว่า 612 เทราวัตต์ชั่วโมงใน 5 ปี) และด้านความปลอดภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะการโจมตีแบบ side-channel, memory-level, model exfiltration และ supply chain sabotage ที่กำลังกลายเป็นเรื่องจริง

    AI Data Center ไม่ได้แค่เก็บข้อมูล แต่ยังเป็นที่อยู่ของโมเดล, น้ำหนักการเรียนรู้, และชุดข้อมูลฝึก ซึ่งหากถูกขโมยหรือถูกแก้ไข อาจส่งผลต่อความแม่นยำ ความน่าเชื่อถือ และแม้แต่ความมั่นคงของประเทศ

    การเติบโตของ AI Data Center
    Amazon ลงทุน $20 พันล้านในเพนซิลเวเนีย
    Meta เตรียมเปิดศูนย์ Prometheus ขนาดหลายกิกะวัตต์ในปี 2026
    รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนผ่าน AI Action Plan โดยประธานาธิบดีทรัมป์
    ความต้องการพลังงานสูงถึง 612 เทราวัตต์ชั่วโมงใน 5 ปี
    คาดว่าจะเพิ่มการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก 3–4%

    ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น
    โจมตีแบบ DDoS, ransomware, supply chain และ social engineering
    side-channel attack จากฮาร์ดแวร์ เช่น CPU, GPU, TPU
    ตัวอย่าง: AMD พบช่องโหว่ 4 จุดในเดือนกรกฎาคม 2025
    TPUXtract โจมตี TPU โดยเจาะข้อมูลโมเดล AI โดยตรง
    GPU เสี่ยงต่อ memory-level attack และ malware ที่รันในหน่วยความจำ GPU
    ความเสี่ยงจาก model exfiltration, data poisoning, model inversion และ model stealing

    ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และ supply chain
    การโจมตีจากรัฐต่างชาติ เช่น การแทรกซึมจากจีนผ่าน Digital Silk Road 2.0
    การใช้เทคโนโลยี 5G และระบบเฝ้าระวังในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย
    ความเสี่ยงจากการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตโดยบริษัทจีน
    การโจมตี supply chain ก่อนศูนย์จะเปิดใช้งานจริง

    แนวทางที่ผู้บริหารด้านความปลอดภัยควรพิจารณา
    ตรวจสอบนโยบายของผู้ให้บริการ AI Data Center อย่างละเอียด
    ใช้ Faraday cage หรือ shield chamber เพื่อลด side-channel attack
    ทำ AI audit อย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจหาช่องโหว่และ backdoor
    ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของศูนย์และแหล่งที่มาของอุปกรณ์
    คัดกรองบุคลากรเพื่อป้องกันการแทรกซึมจากรัฐต่างชาติ

    https://www.csoonline.com/article/4051849/the-importance-of-reviewing-ai-data-centers-policies.html
    🏭 “AI Data Center: เบื้องหลังเทคโนโลยีล้ำยุคที่อาจกลายเป็นจุดอ่อนด้านความมั่นคงไซเบอร์ระดับโลก” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาโมเดล AI ที่ซับซ้อนระดับ GPT-5 หรือระบบวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ที่ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล คุณอาจคิดถึง GPU, TPU หรือคลาวด์ที่เร็วแรง แต่สิ่งที่คุณอาจมองข้ามคือ “AI Data Center” ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด — และนั่นคือจุดที่ภัยคุกคามไซเบอร์กำลังพุ่งเป้าเข้าใส่ ในปี 2025 การลงทุนใน AI Data Center พุ่งสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น Amazon ทุ่มเงินกว่า $20 พันล้านในเพนซิลเวเนีย และ Meta เตรียมเปิดศูนย์ Prometheus ขนาดหลายกิกะวัตต์ในปี 2026 ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกแผน AI Action Plan เพื่อเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่เบื้องหลังความก้าวหน้าเหล่านี้คือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งด้านพลังงาน (คาดว่าใช้ไฟฟ้ากว่า 612 เทราวัตต์ชั่วโมงใน 5 ปี) และด้านความปลอดภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะการโจมตีแบบ side-channel, memory-level, model exfiltration และ supply chain sabotage ที่กำลังกลายเป็นเรื่องจริง AI Data Center ไม่ได้แค่เก็บข้อมูล แต่ยังเป็นที่อยู่ของโมเดล, น้ำหนักการเรียนรู้, และชุดข้อมูลฝึก ซึ่งหากถูกขโมยหรือถูกแก้ไข อาจส่งผลต่อความแม่นยำ ความน่าเชื่อถือ และแม้แต่ความมั่นคงของประเทศ ✅ การเติบโตของ AI Data Center ➡️ Amazon ลงทุน $20 พันล้านในเพนซิลเวเนีย ➡️ Meta เตรียมเปิดศูนย์ Prometheus ขนาดหลายกิกะวัตต์ในปี 2026 ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนผ่าน AI Action Plan โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ➡️ ความต้องการพลังงานสูงถึง 612 เทราวัตต์ชั่วโมงใน 5 ปี ➡️ คาดว่าจะเพิ่มการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก 3–4% ✅ ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น ➡️ โจมตีแบบ DDoS, ransomware, supply chain และ social engineering ➡️ side-channel attack จากฮาร์ดแวร์ เช่น CPU, GPU, TPU ➡️ ตัวอย่าง: AMD พบช่องโหว่ 4 จุดในเดือนกรกฎาคม 2025 ➡️ TPUXtract โจมตี TPU โดยเจาะข้อมูลโมเดล AI โดยตรง ➡️ GPU เสี่ยงต่อ memory-level attack และ malware ที่รันในหน่วยความจำ GPU ➡️ ความเสี่ยงจาก model exfiltration, data poisoning, model inversion และ model stealing ✅ ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และ supply chain ➡️ การโจมตีจากรัฐต่างชาติ เช่น การแทรกซึมจากจีนผ่าน Digital Silk Road 2.0 ➡️ การใช้เทคโนโลยี 5G และระบบเฝ้าระวังในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ➡️ ความเสี่ยงจากการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตโดยบริษัทจีน ➡️ การโจมตี supply chain ก่อนศูนย์จะเปิดใช้งานจริง ✅ แนวทางที่ผู้บริหารด้านความปลอดภัยควรพิจารณา ➡️ ตรวจสอบนโยบายของผู้ให้บริการ AI Data Center อย่างละเอียด ➡️ ใช้ Faraday cage หรือ shield chamber เพื่อลด side-channel attack ➡️ ทำ AI audit อย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจหาช่องโหว่และ backdoor ➡️ ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของศูนย์และแหล่งที่มาของอุปกรณ์ ➡️ คัดกรองบุคลากรเพื่อป้องกันการแทรกซึมจากรัฐต่างชาติ https://www.csoonline.com/article/4051849/the-importance-of-reviewing-ai-data-centers-policies.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The importance of reviewing AI data centers’ policies
    As the race to invest in AI tools, technologies and capabilities continues, it is critical for cybersecurity leaders to not only look at whether the AI-embedded software is secure but also to scrutinize whether the AI data centers are secure as well.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts