• ข่าวนี้กล่าวถึงการซื้อกิจการของบริษัท Seagate ที่มีเป้าหมายจะเข้าซื้อบริษัท Intevac ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตฮาร์ดดิสก์แบบ HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording) การซื้อกิจการนี้มีความสำคัญเพราะ HAMR ถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำฮาร์ดดิสก์ให้มีความจุสูงถึง 100TB หรือมากกว่าในอนาคต

    Seagate ประกาศการซื้อ Intevac ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2025 หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวฮาร์ดดิสก์ขนาด 36TB และประกาศว่าจะมีรุ่น 60TB ตามมาในไม่ช้า ด้วยการเข้าซื้อ Intevac ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตระบบ sputtering สำหรับการเคลือบวัสดุบาง ๆ เช่น โลหะผสมเหล็ก-แพลทินัม (FePt) ลงบนแผ่นฮาร์ดดิสก์ จะช่วยให้ Seagate สามารถผลิตชั้นแม่เหล็กที่มีความสม่ำเสมอสูง มีอัตราส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวนที่ดีขึ้น และมีข้อบกพร่องน้อยลง ส่งผลให้การเก็บข้อมูลมีความหนาแน่นมากขึ้น

    เทคโนโลยี HAMR ใช้ความร้อนในการลดความต้านทานแม่เหล็ก ทำให้สามารถเขียนข้อมูลเป็นหน่วยที่เล็กและเสถียรกว่า ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความจุของฮาร์ดดิสก์

    การซื้อกิจการนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการของ Intevac แล้ว โดยมีข้อตกลงให้ Seagate ซื้อ Intevac ด้วยเงินสดในราคาหุ้นละ $4 การซื้อขายนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน 2025

    อย่างไรก็ตาม การซื้อกิจการนี้อาจถูกคัดค้านจากคู่แข่งอย่าง Western Digital และ Resonac ซึ่งเป็นลูกค้าของ Toshiba เนื่องจากกังวลว่าการซื้อกิจการจะทำให้การแข่งขันลดลงและอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตฮาร์ดดิสก์แบบ HAMR ของพวกเขา

    Seagate คาดว่าจะสามารถเพิ่มการผลิตฮาร์ดดิสก์แบบ HAMR ได้หลังจากการซื้อกิจการนี้ แต่การกระทำดังกล่าวอาจทำให้ Western Digital และ Toshiba ต้องซื้อเครื่องมือ sputtering จาก Seagate ซึ่งเป็นคู่แข่งที่สำคัญ

    https://www.techradar.com/pro/race-to-100tb-hdd-heats-up-as-seagate-pulls-rug-under-western-digital-toshiba-feet-by-acquiring-hamr-specialist
    ข่าวนี้กล่าวถึงการซื้อกิจการของบริษัท Seagate ที่มีเป้าหมายจะเข้าซื้อบริษัท Intevac ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตฮาร์ดดิสก์แบบ HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording) การซื้อกิจการนี้มีความสำคัญเพราะ HAMR ถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำฮาร์ดดิสก์ให้มีความจุสูงถึง 100TB หรือมากกว่าในอนาคต Seagate ประกาศการซื้อ Intevac ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2025 หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวฮาร์ดดิสก์ขนาด 36TB และประกาศว่าจะมีรุ่น 60TB ตามมาในไม่ช้า ด้วยการเข้าซื้อ Intevac ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตระบบ sputtering สำหรับการเคลือบวัสดุบาง ๆ เช่น โลหะผสมเหล็ก-แพลทินัม (FePt) ลงบนแผ่นฮาร์ดดิสก์ จะช่วยให้ Seagate สามารถผลิตชั้นแม่เหล็กที่มีความสม่ำเสมอสูง มีอัตราส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวนที่ดีขึ้น และมีข้อบกพร่องน้อยลง ส่งผลให้การเก็บข้อมูลมีความหนาแน่นมากขึ้น เทคโนโลยี HAMR ใช้ความร้อนในการลดความต้านทานแม่เหล็ก ทำให้สามารถเขียนข้อมูลเป็นหน่วยที่เล็กและเสถียรกว่า ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความจุของฮาร์ดดิสก์ การซื้อกิจการนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการของ Intevac แล้ว โดยมีข้อตกลงให้ Seagate ซื้อ Intevac ด้วยเงินสดในราคาหุ้นละ $4 การซื้อขายนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน 2025 อย่างไรก็ตาม การซื้อกิจการนี้อาจถูกคัดค้านจากคู่แข่งอย่าง Western Digital และ Resonac ซึ่งเป็นลูกค้าของ Toshiba เนื่องจากกังวลว่าการซื้อกิจการจะทำให้การแข่งขันลดลงและอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตฮาร์ดดิสก์แบบ HAMR ของพวกเขา Seagate คาดว่าจะสามารถเพิ่มการผลิตฮาร์ดดิสก์แบบ HAMR ได้หลังจากการซื้อกิจการนี้ แต่การกระทำดังกล่าวอาจทำให้ Western Digital และ Toshiba ต้องซื้อเครื่องมือ sputtering จาก Seagate ซึ่งเป็นคู่แข่งที่สำคัญ https://www.techradar.com/pro/race-to-100tb-hdd-heats-up-as-seagate-pulls-rug-under-western-digital-toshiba-feet-by-acquiring-hamr-specialist
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Dell กำลังจะทำสัญญากับบริษัท xAI ของ Elon Musk เพื่อส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ที่มีมูลค่าถึง $5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะใช้ชิป Nvidia GB200 ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Memphis supercomputer ของ xAI ซึ่งกำลังสร้างขึ้นในเมืองเมมฟิส โดยใช้เซิร์ฟเวอร์จาก Dell และ Supermicro บางส่วน รายงานบอกว่าข้อตกลงนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาบางส่วน แต่คาดว่าจะสามารถส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ได้ในปลายปี 2025

    Elon Musk เคยกล่าวไว้ว่า "การจะสามารถแข่งขันในด้าน AI ได้นั้นต้องใช้เงินหลายพันล้านเหรียญต่อปี" และครั้งนี้เขาได้แสดงให้เห็นถึงการทุ่มทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ AI อย่างจริงจัง

    นอกจากนี้ Dell ยังคาดการณ์ว่ารายได้จากเซิร์ฟเวอร์ AI ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น $14 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปีงบประมาณ 2026 การชนะข้อตกลงนี้จะทำให้ Dell สามารถยกระดับสถานะของตนในตลาดเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ AI ได้อย่างชัดเจน

    ก่อนหน้านี้ HPE ได้รับสัญญามูลค่า $1 พันล้านเหรียญสหรัฐจาก xAI เพื่อส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการทำงาน AI ซึ่งแสดงถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดนี้ การที่ Dell สามารถเข้ามาแย่งข้อตกลงจากคู่แข่งยิ่งทำให้เห็นว่า Dell มีความตั้งใจที่จะขยายตลาดนี้อย่างจริงจัง

    นักวิเคราะห์คาดว่า Dell จะส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ AI มูลค่ามากกว่า $10 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณที่ผ่านมา และมูลค่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็น $14 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2026 การทำสัญญากับ xAI ครั้งนี้จะช่วยยกระดับสถานะของ Dell ในตลาด AI และเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทอย่างชัดเจน ซึ่งนักวิเคราะห์ Woo Jin Ho ของ Bloomberg Intelligence ระบุว่าจะ "ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้นำด้านเซิร์ฟเวอร์ AI อย่างมั่นคง"

    https://www.techradar.com/pro/xai-could-sign-a-usd5-billion-deal-with-dell-for-thousands-of-servers-with-nvidias-gb200-blackwell-ai-gpu-accelerators
    บริษัท Dell กำลังจะทำสัญญากับบริษัท xAI ของ Elon Musk เพื่อส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ที่มีมูลค่าถึง $5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะใช้ชิป Nvidia GB200 ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Memphis supercomputer ของ xAI ซึ่งกำลังสร้างขึ้นในเมืองเมมฟิส โดยใช้เซิร์ฟเวอร์จาก Dell และ Supermicro บางส่วน รายงานบอกว่าข้อตกลงนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาบางส่วน แต่คาดว่าจะสามารถส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ได้ในปลายปี 2025 Elon Musk เคยกล่าวไว้ว่า "การจะสามารถแข่งขันในด้าน AI ได้นั้นต้องใช้เงินหลายพันล้านเหรียญต่อปี" และครั้งนี้เขาได้แสดงให้เห็นถึงการทุ่มทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ AI อย่างจริงจัง นอกจากนี้ Dell ยังคาดการณ์ว่ารายได้จากเซิร์ฟเวอร์ AI ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น $14 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปีงบประมาณ 2026 การชนะข้อตกลงนี้จะทำให้ Dell สามารถยกระดับสถานะของตนในตลาดเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ AI ได้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ HPE ได้รับสัญญามูลค่า $1 พันล้านเหรียญสหรัฐจาก xAI เพื่อส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการทำงาน AI ซึ่งแสดงถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดนี้ การที่ Dell สามารถเข้ามาแย่งข้อตกลงจากคู่แข่งยิ่งทำให้เห็นว่า Dell มีความตั้งใจที่จะขยายตลาดนี้อย่างจริงจัง นักวิเคราะห์คาดว่า Dell จะส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ AI มูลค่ามากกว่า $10 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณที่ผ่านมา และมูลค่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็น $14 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2026 การทำสัญญากับ xAI ครั้งนี้จะช่วยยกระดับสถานะของ Dell ในตลาด AI และเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทอย่างชัดเจน ซึ่งนักวิเคราะห์ Woo Jin Ho ของ Bloomberg Intelligence ระบุว่าจะ "ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้นำด้านเซิร์ฟเวอร์ AI อย่างมั่นคง" https://www.techradar.com/pro/xai-could-sign-a-usd5-billion-deal-with-dell-for-thousands-of-servers-with-nvidias-gb200-blackwell-ai-gpu-accelerators
    WWW.TECHRADAR.COM
    Dell's deal with Grok's mothership set to be confirmed according to business reports
    The order is expected to form part of xAI's Memphis supercomputer project
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • Raja Koduri อดีตผู้บริหารของ Intel ที่เคยรับผิดชอบกลุ่มกราฟิกของบริษัท ได้ออกมาพูดถึงปัญหาภายในของ Intel ที่ทำให้นวัตกรรมไม่สามารถก้าวหน้าได้ โดยเขายกตัวอย่างโปรเจ็กต์ Falcon Shores ว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหานี้

    Koduri อธิบายว่า Intel มีเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาหลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์ปลายทาง หรืออุปกรณ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักคือผู้นำบริษัทที่ไม่สามารถทำให้ Intel ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมได้ ซึ่งเขากล่าวถึงการตัดสินใจทางการเมืองและกระบวนการที่ทำให้การพัฒนาช้าลง

    ในบทความที่เขาโพสต์ใน X, Koduri กล่าวถึงปัญหาที่เขาเรียกว่า "งูในสเปรดชีตและพาวเวอร์พอยต์" ที่หมายถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากกระบวนการบริหารที่ซับซ้อนและไม่เข้าใจถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทำให้ความพยายามในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องหยุดชะงัก

    Koduri ยังกล่าวถึงอดีต CEO Andy Grove ว่าเป็นคนเดียวที่เข้าใจถึงรายละเอียดของทุกชั้นในองค์กรของ Intel และเขาเชื่อว่า Intel ยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันกับ NVIDIA ในระยะยาว แต่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าความคาดหวังเท่านั้น

    ตัวอย่างที่ Koduri ยกขึ้นมาคือโปรเจ็กต์ Rialto Bridge และ Falcon Shores ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดที่มุ่งเน้นการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและ AI หาก Intel เปิดตัว Rialto Bridge ในปี 2024 น่าจะทำให้พวกเขาสามารถแข่งขันกับ NVIDIA Hopper H100 ได้อย่างสบาย แต่พวกเขากลับไม่สามารถจับโอกาสนั้นได้ ทำให้รายได้ในส่วนของ AI ต่ำที่สุดในบรรดาคู่แข่ง

    Koduri ได้เสนอแนะวิธีการที่เขาเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อน Intel ไปข้างหน้าได้และหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ในอนาคตประกอบด้วย

    1) การลดกระบวนการตัดสินใจที่ซับซ้อน: Koduri กล่าวว่ากระบวนการบริหารที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและความซับซ้อนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ Intel ไม่สามารถก้าวหน้าได้ เขาแนะนำว่า Intel ควรปรับลดขั้นตอนการตัดสินใจให้น้อยลงและให้ความสำคัญกับผลลัพธ์จริงจังมากขึ้น

    2) การปรับปรุงการวิจัยและพัฒนา: Intel ควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเน้นการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว Koduri เชื่อว่าการทดลองและนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทก้าวหน้าได้

    3) การนำโครงการที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้ใหม่: Koduri กล่าวว่าโครงการบางโครงการที่ถูกยกเลิก เช่น Rialto Bridge และ Falcon Shores นั้นมีศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง แต่กลับไม่สามารถเปิดตัวได้เนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาแนะนำให้พิจารณาการนำโครงการเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่

    4) การเสริมสร้างทีมงานที่มีความสามารถ: Koduri เน้นถึงความสำคัญของการมีทีมงานที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบในทุกชั้นขององค์กร เขาเชื่อว่าการให้ทีมงานมีอิสระในการทำงานและการสนับสนุนที่เพียงพอจะทำให้บริษัทสามารถก้าวข้ามความท้าทายได้

    5) การลดความกลัวในการทดลอง: Koduri กล่าวว่าควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทดลองและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลว การพัฒนานวัตกรรมต้องการความกล้าในการทดลองและการเรียนรู้จากความผิดพลาด

    https://wccftech.com/intel-ex-exec-raja-koduri-says-you-dont-learn-without-shipping/
    Raja Koduri อดีตผู้บริหารของ Intel ที่เคยรับผิดชอบกลุ่มกราฟิกของบริษัท ได้ออกมาพูดถึงปัญหาภายในของ Intel ที่ทำให้นวัตกรรมไม่สามารถก้าวหน้าได้ โดยเขายกตัวอย่างโปรเจ็กต์ Falcon Shores ว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหานี้ Koduri อธิบายว่า Intel มีเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาหลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์ปลายทาง หรืออุปกรณ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักคือผู้นำบริษัทที่ไม่สามารถทำให้ Intel ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมได้ ซึ่งเขากล่าวถึงการตัดสินใจทางการเมืองและกระบวนการที่ทำให้การพัฒนาช้าลง ในบทความที่เขาโพสต์ใน X, Koduri กล่าวถึงปัญหาที่เขาเรียกว่า "งูในสเปรดชีตและพาวเวอร์พอยต์" ที่หมายถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากกระบวนการบริหารที่ซับซ้อนและไม่เข้าใจถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทำให้ความพยายามในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องหยุดชะงัก Koduri ยังกล่าวถึงอดีต CEO Andy Grove ว่าเป็นคนเดียวที่เข้าใจถึงรายละเอียดของทุกชั้นในองค์กรของ Intel และเขาเชื่อว่า Intel ยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันกับ NVIDIA ในระยะยาว แต่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าความคาดหวังเท่านั้น ตัวอย่างที่ Koduri ยกขึ้นมาคือโปรเจ็กต์ Rialto Bridge และ Falcon Shores ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดที่มุ่งเน้นการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและ AI หาก Intel เปิดตัว Rialto Bridge ในปี 2024 น่าจะทำให้พวกเขาสามารถแข่งขันกับ NVIDIA Hopper H100 ได้อย่างสบาย แต่พวกเขากลับไม่สามารถจับโอกาสนั้นได้ ทำให้รายได้ในส่วนของ AI ต่ำที่สุดในบรรดาคู่แข่ง Koduri ได้เสนอแนะวิธีการที่เขาเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อน Intel ไปข้างหน้าได้และหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ในอนาคตประกอบด้วย 1) การลดกระบวนการตัดสินใจที่ซับซ้อน: Koduri กล่าวว่ากระบวนการบริหารที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและความซับซ้อนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ Intel ไม่สามารถก้าวหน้าได้ เขาแนะนำว่า Intel ควรปรับลดขั้นตอนการตัดสินใจให้น้อยลงและให้ความสำคัญกับผลลัพธ์จริงจังมากขึ้น 2) การปรับปรุงการวิจัยและพัฒนา: Intel ควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเน้นการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว Koduri เชื่อว่าการทดลองและนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทก้าวหน้าได้ 3) การนำโครงการที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้ใหม่: Koduri กล่าวว่าโครงการบางโครงการที่ถูกยกเลิก เช่น Rialto Bridge และ Falcon Shores นั้นมีศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง แต่กลับไม่สามารถเปิดตัวได้เนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาแนะนำให้พิจารณาการนำโครงการเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ 4) การเสริมสร้างทีมงานที่มีความสามารถ: Koduri เน้นถึงความสำคัญของการมีทีมงานที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบในทุกชั้นขององค์กร เขาเชื่อว่าการให้ทีมงานมีอิสระในการทำงานและการสนับสนุนที่เพียงพอจะทำให้บริษัทสามารถก้าวข้ามความท้าทายได้ 5) การลดความกลัวในการทดลอง: Koduri กล่าวว่าควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทดลองและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลว การพัฒนานวัตกรรมต้องการความกล้าในการทดลองและการเรียนรู้จากความผิดพลาด https://wccftech.com/intel-ex-exec-raja-koduri-says-you-dont-learn-without-shipping/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Ex-Exec Raja Koduri Says "You Don't Learn Without Shipping"; Gives A Rundown Into What's Wrong With Team Blue & How Intel Is Held Back By Bureaucratic Snakes
    Intel's former executive Raja Koduri has revealed that Team Blue's internal structure "stifles innovation", citing Falcon Shores as example.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงที่ผ่านมานี้ การลงโทษทางการค้าจากสหรัฐอเมริกาต่อประเทศจีนเหมือนจะกลับให้ผลตรงกันข้าม เนื่องจากประเทศจีนกลับค้นพบวิธีในการฝ่าฟันปัญหาและมีความก้าวหน้าเหนือคู่แข่งอย่างน่าทึ่งในเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductors) รายงานจากการสำรวจของสถาบัน Korea Institute of S&T Evaluation and Planning ที่รวมเอาความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวน 39 คน พบว่าจีนสามารถมีความก้าวหน้ามากกว่าเกาหลีใต้ในทุกด้านของเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์

    รายงานนี้เผยว่า ในเทคโนโลยีหน่วยความจำที่มีความต้านทานและความเข้มสูง จีนได้คะแนน 94.1% ขณะที่เกาหลีใต้ได้เพียง 90.9% นอกจากนี้ ในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ AI ที่มีประสิทธิภาพสูง จีนยังคงมีความเหนือกว่า โดยได้คะแนน 88.3% เมื่อเทียบกับเกาหลีใต้ที่ได้ 84.1% ส่วนในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์กำลัง (Power Semiconductors) จีนได้คะแนน 79.8% ขณะที่เกาหลีใต้ได้เพียง 67.5%

    นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีเซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงแบบใหม่ที่จีนยังคงมีคะแนนนำหน้าเกาหลีใต้เช่นกัน โดยได้คะแนน 83.9% ขณะที่เกาหลีใต้ได้ 81.3% แต่มีเพียงเทคโนโลยีแพ็กเกจเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเท่านั้นที่ทั้งสองประเทศได้คะแนนเท่ากันที่ 74.2%

    ในปี 2022 จีนยังคงตามหลังเกาหลีใต้อยู่มาก แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าทั้งสองประเทศได้สลับตำแหน่งกัน ซึ่งผลสำรวจนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเกาหลีใต้จำเป็นต้องมุ่งพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

    นาย Park Yong-in หัวหน้าฝ่ายเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ได้กล่าวในที่ประชุมว่า พนักงานในทีม System LSI ควรรับผิดชอบและแบ่งปันภาระในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เรือธงเพื่อสร้างความได้เปรียบในตลาด คาดว่าในอนาคตเราจะได้เห็นความก้าวหน้าในการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ต่อไป

    https://wccftech.com/china-has-surpassed-south-korean-in-all-semiconductor-technologies-claims-survey/
    ช่วงที่ผ่านมานี้ การลงโทษทางการค้าจากสหรัฐอเมริกาต่อประเทศจีนเหมือนจะกลับให้ผลตรงกันข้าม เนื่องจากประเทศจีนกลับค้นพบวิธีในการฝ่าฟันปัญหาและมีความก้าวหน้าเหนือคู่แข่งอย่างน่าทึ่งในเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductors) รายงานจากการสำรวจของสถาบัน Korea Institute of S&T Evaluation and Planning ที่รวมเอาความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวน 39 คน พบว่าจีนสามารถมีความก้าวหน้ามากกว่าเกาหลีใต้ในทุกด้านของเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ รายงานนี้เผยว่า ในเทคโนโลยีหน่วยความจำที่มีความต้านทานและความเข้มสูง จีนได้คะแนน 94.1% ขณะที่เกาหลีใต้ได้เพียง 90.9% นอกจากนี้ ในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ AI ที่มีประสิทธิภาพสูง จีนยังคงมีความเหนือกว่า โดยได้คะแนน 88.3% เมื่อเทียบกับเกาหลีใต้ที่ได้ 84.1% ส่วนในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์กำลัง (Power Semiconductors) จีนได้คะแนน 79.8% ขณะที่เกาหลีใต้ได้เพียง 67.5% นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีเซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงแบบใหม่ที่จีนยังคงมีคะแนนนำหน้าเกาหลีใต้เช่นกัน โดยได้คะแนน 83.9% ขณะที่เกาหลีใต้ได้ 81.3% แต่มีเพียงเทคโนโลยีแพ็กเกจเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเท่านั้นที่ทั้งสองประเทศได้คะแนนเท่ากันที่ 74.2% ในปี 2022 จีนยังคงตามหลังเกาหลีใต้อยู่มาก แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าทั้งสองประเทศได้สลับตำแหน่งกัน ซึ่งผลสำรวจนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเกาหลีใต้จำเป็นต้องมุ่งพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น นาย Park Yong-in หัวหน้าฝ่ายเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ได้กล่าวในที่ประชุมว่า พนักงานในทีม System LSI ควรรับผิดชอบและแบ่งปันภาระในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เรือธงเพื่อสร้างความได้เปรียบในตลาด คาดว่าในอนาคตเราจะได้เห็นความก้าวหน้าในการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ต่อไป https://wccftech.com/china-has-surpassed-south-korean-in-all-semiconductor-technologies-claims-survey/
    WCCFTECH.COM
    China Has Managed To Successfully Surpass South Korea In All Categories Of Semiconductor Technology, At Least According To A Survey Of Local Experts
    A survey involving local experts has revealed that China has comprehensively beaten South Korea in all semiconductor technologies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • Friedrich Merz ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนต่อไป เรียกร้องให้ยุโรป 'ปลดแอก' จากสหรัฐฯ

    ผลเอ็กซิตโพลบ่งชี้ว่าพรรค CDU ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมขวากลางของเยอรมนีมีคะแนนนำ 28.5% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรค AfD ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมขวาจัดที่ได้มากกว่า 20%

    Merz เพิ่งกล่าวพาดพิงถึง Donald Trump กลางรายการช่อง ARD หลังเลือกตั้งจบสิ้นลง พร้อมกดดันยุโรปตีตัวออกห่างวอชิงตัน

    "ผมสื่อสารใกล้ชิดกับนายกฯ และผู้นำสหภาพยุโรปหลายคน สำหรับผม การเสริมความแข็งแกร่งให้ยุโรปโดยเร็วที่สุดเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง เพื่อให้เราค่อยๆ เป็นอิสระจากสหรัฐฯ" Merz กล่าว

    ผู้นำพรรค CDU กล่าวเสริมอีกว่า "ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องพูดอะไรแบบนี้ทางทีวี แต่หลังจากคำพูดล่าสุดของ Trump เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชัดเจนว่าชาวอเมริกัน อย่างน้อยก็รัฐบาลชุดนี้ ไม่สนใจชะตากรรมของยุโรปเลย"

    Merz ยังแสดงความเห็นว่า ยังไม่แน่ใจอนาคตของ NATO แต่ประเทศในยุโรปต้องรีบเสริมความแข็งแกร่งในการปกป้องตนเอง

    เขายังวิจารณ์ Elon Musk คนสนิทของ Trump ที่แทรกแซงการเลือกตั้งเยอรมนีโดยการประกาศสนับสนุนไวเดล จากพรรค AfD อย่างเต็มตัว โดยระบุว่า "การแทรกแซงจากวอชิงตันรุนแรง ดราม่า และท้าทายไม่แพ้การแทรกแซงจากมอสโก"

    การสนับสนุนของมัสก์ ทำให้เสียงสนับสนุนของชาวเยอรมันที่มีต่อไวเดลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากโฆษณาชวนเชื่อที่มีอยู่บน "X"

    ​​​​​​​​​​​​​​​​
    Friedrich Merz ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนต่อไป เรียกร้องให้ยุโรป 'ปลดแอก' จากสหรัฐฯ ผลเอ็กซิตโพลบ่งชี้ว่าพรรค CDU ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมขวากลางของเยอรมนีมีคะแนนนำ 28.5% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรค AfD ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมขวาจัดที่ได้มากกว่า 20% Merz เพิ่งกล่าวพาดพิงถึง Donald Trump กลางรายการช่อง ARD หลังเลือกตั้งจบสิ้นลง พร้อมกดดันยุโรปตีตัวออกห่างวอชิงตัน "ผมสื่อสารใกล้ชิดกับนายกฯ และผู้นำสหภาพยุโรปหลายคน สำหรับผม การเสริมความแข็งแกร่งให้ยุโรปโดยเร็วที่สุดเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง เพื่อให้เราค่อยๆ เป็นอิสระจากสหรัฐฯ" Merz กล่าว ผู้นำพรรค CDU กล่าวเสริมอีกว่า "ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องพูดอะไรแบบนี้ทางทีวี แต่หลังจากคำพูดล่าสุดของ Trump เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชัดเจนว่าชาวอเมริกัน อย่างน้อยก็รัฐบาลชุดนี้ ไม่สนใจชะตากรรมของยุโรปเลย" Merz ยังแสดงความเห็นว่า ยังไม่แน่ใจอนาคตของ NATO แต่ประเทศในยุโรปต้องรีบเสริมความแข็งแกร่งในการปกป้องตนเอง เขายังวิจารณ์ Elon Musk คนสนิทของ Trump ที่แทรกแซงการเลือกตั้งเยอรมนีโดยการประกาศสนับสนุนไวเดล จากพรรค AfD อย่างเต็มตัว โดยระบุว่า "การแทรกแซงจากวอชิงตันรุนแรง ดราม่า และท้าทายไม่แพ้การแทรกแซงจากมอสโก" การสนับสนุนของมัสก์ ทำให้เสียงสนับสนุนของชาวเยอรมันที่มีต่อไวเดลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากโฆษณาชวนเชื่อที่มีอยู่บน "X" ​​​​​​​​​​​​​​​​
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sandisk ได้เปิดเผยแผนการเปิดตัว SSD ที่มีความจุสูงถึง 1 เพตะไบต์ (PB) ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยตั้งเป้าไปที่การใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความจุเยอะ เช่น งานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ซับซ้อน แม้ว่าจะยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว SSD ขนาด 1PB นี้ แต่ Sandisk ได้ประกาศแผนการเปิดตัว SSD ขนาด 256TB ในปี 2026 และ 512TB ในปี 2027

    Sandisk ได้เริ่มกระบวนการแยกธุรกิจฮาร์ดดิสก์ (HDD) และแฟลชออกเป็นสองส่วนตั้งแต่ปี 2023 และเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2024 ขณะที่ Western Digital จะมุ่งเน้นไปที่ฮาร์ดดิสก์และแพลตฟอร์ม ส่วน Sandisk จะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์แฟลชเทคโนโลยี เช่น SSD การ์ดหน่วยความจำ และ USB

    นอกจากนี้ Sandisk ยังเปิดตัว SSD รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า UltraQLC DC SN670 ซึ่งเป็น NVMe PCIe Gen 5 QLC Data Center SSD ที่ให้ความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้น 68% และความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดย SSD นี้มีความจุ 128TB (ใช้งานได้จริง 122.88TB) และรุ่น 64TB (ใช้งานได้จริง 61.44TB) ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่สามของปี 2025

    นอกจากนี้ Sandisk ยังเผยรายละเอียดของเทคโนโลยี UltraQLC ที่ช่วยให้การจัดการการไหลข้อมูลจาก NAND-SSD ไปยังคอนโทรลเลอร์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการใช้ตัวคูณ (multiplexer) ในโหมด Toggle mode ที่เพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนข้อมูล และสามารถปรับกำลังไฟตามความต้องการของงาน

    ในขณะที่ Sandisk มักใช้ TLC NAND สำหรับ SSD ที่เน้นประสิทธิภาพและ QLC NAND สำหรับ SSD ที่เน้นความจุ บริษัทจะเริ่มปรับมาใช้ QLC สำหรับส่วนใหญ่ภายในปี 2028 โดย Sandisk เตรียมเปิดตัว BiCS9 ที่มีเลเยอร์มากกว่า 300 ชั้น ซึ่งจะใช้ในการผลิตชิป TLC ขนาด 1Tb

    https://www.techradar.com/pro/sandisk-plans-256tb-ssd-in-2026-and-512tb-ssd-in-2027-and-no-you-wont-be-able-to-install-it-in-your-desktop-computer
    Sandisk ได้เปิดเผยแผนการเปิดตัว SSD ที่มีความจุสูงถึง 1 เพตะไบต์ (PB) ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยตั้งเป้าไปที่การใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความจุเยอะ เช่น งานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ซับซ้อน แม้ว่าจะยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว SSD ขนาด 1PB นี้ แต่ Sandisk ได้ประกาศแผนการเปิดตัว SSD ขนาด 256TB ในปี 2026 และ 512TB ในปี 2027 Sandisk ได้เริ่มกระบวนการแยกธุรกิจฮาร์ดดิสก์ (HDD) และแฟลชออกเป็นสองส่วนตั้งแต่ปี 2023 และเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2024 ขณะที่ Western Digital จะมุ่งเน้นไปที่ฮาร์ดดิสก์และแพลตฟอร์ม ส่วน Sandisk จะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์แฟลชเทคโนโลยี เช่น SSD การ์ดหน่วยความจำ และ USB นอกจากนี้ Sandisk ยังเปิดตัว SSD รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า UltraQLC DC SN670 ซึ่งเป็น NVMe PCIe Gen 5 QLC Data Center SSD ที่ให้ความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้น 68% และความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดย SSD นี้มีความจุ 128TB (ใช้งานได้จริง 122.88TB) และรุ่น 64TB (ใช้งานได้จริง 61.44TB) ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่สามของปี 2025 นอกจากนี้ Sandisk ยังเผยรายละเอียดของเทคโนโลยี UltraQLC ที่ช่วยให้การจัดการการไหลข้อมูลจาก NAND-SSD ไปยังคอนโทรลเลอร์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการใช้ตัวคูณ (multiplexer) ในโหมด Toggle mode ที่เพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนข้อมูล และสามารถปรับกำลังไฟตามความต้องการของงาน ในขณะที่ Sandisk มักใช้ TLC NAND สำหรับ SSD ที่เน้นประสิทธิภาพและ QLC NAND สำหรับ SSD ที่เน้นความจุ บริษัทจะเริ่มปรับมาใช้ QLC สำหรับส่วนใหญ่ภายในปี 2028 โดย Sandisk เตรียมเปิดตัว BiCS9 ที่มีเลเยอร์มากกว่า 300 ชั้น ซึ่งจะใช้ในการผลิตชิป TLC ขนาด 1Tb https://www.techradar.com/pro/sandisk-plans-256tb-ssd-in-2026-and-512tb-ssd-in-2027-and-no-you-wont-be-able-to-install-it-in-your-desktop-computer
    WWW.TECHRADAR.COM
    After Solidigm, Samsung and Phison, Sandisk is introducing a 122.88TB SSD called the UltraQLC DC SN670
    There's a 1PB SSD on the horizon too, but no definitive timeline for it at the moment
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทจีน Numemory หรือที่รู้จักในชื่อ Xincun Technology ได้เปิดตัว Storage Class Memory (SCM) ตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Optane ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากในวงการจัดเก็บข้อมูล เนื่องจากทั้ง Intel และ Micron ได้ระงับการพัฒนา SCM แบบดั้งเดิมแล้ว

    Numemory ได้สร้างชิป NM101 และ NM102 ที่รวมความสามารถของ DRAM กับการจัดเก็บข้อมูลของ NAND flash โดย NM101 เป็นชิป 64Gb (8GB) single-level cell (SLC) 3D-stacked memory ที่ใช้มาตรฐาน 3200 MT/s NAND interface และใช้แรงดันไฟฟ้า 1.2V สำหรับ I/O ซึ่งทำให้สามารถใช้ร่วมกับ SSDs ได้

    อย่างไรก็ตาม ขนาดของชิป 64Gb และ 128Gb อาจไม่เหมาะสมกับการสร้าง SSDs ขนาดใหญ่ในปัจจุบัน เนื่องจากต้องใช้จำนวนมากถึง 128/64 ICs ในการสร้าง SSD ขนาด 1TB แต่ความสามารถในการจัดการกับข้อมูลของ NM101 ถูกอธิบายว่าดีกว่า SSDs รุ่นใหม่ที่ใช้ PCIe 5.0 x4 interface

    สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีข้อจำกัดในขนาด Numemory ก็สามารถเพิ่มขนาดของชิปจาก 64Gb เป็น 128Gb ได้อย่างรวดเร็วด้วย NM102 ที่ยังคงสถาปัตยกรรมแบบ SLC และใช้แรงดันไฟฟ้า 1.2V สำหรับ I/O

    การสร้าง SCM ใหม่นี้ทำให้ Numemory กลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญในตลาด SSDs ประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ต้องการเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่พึ่งพาตนเอง

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการที่ Intel Optane 2nd Generation ก็มีขนาด 128Gb ต่อชิป ทำให้การสร้างอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ด้วยหน่วยความจำประเภทนี้ยังคงเป็นเรื่องยาก แต่ Intel ก็ยังสามารถขายผลิตภัณฑ์แบรนด์ Optane ได้มากมาย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/chinese-chipmaker-unveils-optane-like-storage-class-memory-for-ultra-high-end-storage
    บริษัทจีน Numemory หรือที่รู้จักในชื่อ Xincun Technology ได้เปิดตัว Storage Class Memory (SCM) ตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Optane ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากในวงการจัดเก็บข้อมูล เนื่องจากทั้ง Intel และ Micron ได้ระงับการพัฒนา SCM แบบดั้งเดิมแล้ว Numemory ได้สร้างชิป NM101 และ NM102 ที่รวมความสามารถของ DRAM กับการจัดเก็บข้อมูลของ NAND flash โดย NM101 เป็นชิป 64Gb (8GB) single-level cell (SLC) 3D-stacked memory ที่ใช้มาตรฐาน 3200 MT/s NAND interface และใช้แรงดันไฟฟ้า 1.2V สำหรับ I/O ซึ่งทำให้สามารถใช้ร่วมกับ SSDs ได้ อย่างไรก็ตาม ขนาดของชิป 64Gb และ 128Gb อาจไม่เหมาะสมกับการสร้าง SSDs ขนาดใหญ่ในปัจจุบัน เนื่องจากต้องใช้จำนวนมากถึง 128/64 ICs ในการสร้าง SSD ขนาด 1TB แต่ความสามารถในการจัดการกับข้อมูลของ NM101 ถูกอธิบายว่าดีกว่า SSDs รุ่นใหม่ที่ใช้ PCIe 5.0 x4 interface สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีข้อจำกัดในขนาด Numemory ก็สามารถเพิ่มขนาดของชิปจาก 64Gb เป็น 128Gb ได้อย่างรวดเร็วด้วย NM102 ที่ยังคงสถาปัตยกรรมแบบ SLC และใช้แรงดันไฟฟ้า 1.2V สำหรับ I/O การสร้าง SCM ใหม่นี้ทำให้ Numemory กลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญในตลาด SSDs ประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ต้องการเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่พึ่งพาตนเอง สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการที่ Intel Optane 2nd Generation ก็มีขนาด 128Gb ต่อชิป ทำให้การสร้างอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ด้วยหน่วยความจำประเภทนี้ยังคงเป็นเรื่องยาก แต่ Intel ก็ยังสามารถขายผลิตภัณฑ์แบรนด์ Optane ได้มากมาย https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/chinese-chipmaker-unveils-optane-like-storage-class-memory-for-ultra-high-end-storage
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท ASE Technology กำลังทุ่มทุน $200 ล้านเพื่อทดสอบวิธีการบรรจุชิปรูปแบบใหม่ที่ใช้แผ่นซับสเตรต (substrate) ทรงสี่เหลี่ยมแทนแผ่นเวเฟอร์ (wafers) ทรงกลมแบบเดิม โดยวิธีนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตแพ็กเกจชิปขั้นสูงของบริษัท

    ในระยะแรก บริษัทมีแผนจะตั้งสายการผลิตทดลองขนาดเล็กที่เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน โดยจะติดตั้งเครื่องจักรทดลองที่สามารถจัดการกับแผ่นซับสเตรตขนาด 600 มม. x 600 มม. แทนที่แผ่นเวเฟอร์ขนาด 300 มม. ทรงกลม การใช้แผ่นซับสเตรตทรงสี่เหลี่ยมนี้อาจเพิ่มพื้นที่การใช้งานได้ถึง 5 เท่าของแผ่นเวเฟอร์ขนาด 300 มม. ทำให้สามารถประกอบโปรเซสเซอร์แบบ multi-chiplet AI ได้มากขึ้นบนแผ่นซับสเตรตเดียว

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีเครื่องจักรที่พร้อมใช้สำหรับการผลิตแผ่นซับสเตรตขนาดใหญ่นี้ที่ตรงตามมาตรฐานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบัน ดังนั้น ASE จึงต้องร่วมมือกับผู้จัดหาเครื่องจักรเพื่อพัฒนาเครื่องมือที่จะทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นไปได้

    การใช้แผ่นซับสเตรตขนาดใหญ่ยังเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับการเปลี่ยนไปใช้แผ่นซับสเตรตที่ทำจากแก้ว ซึ่งมีคุณสมบัติดีขึ้นในด้านความเรียบ ความเสถียรทางความร้อนและกลไก รวมถึงการเชื่อมต่อที่หนาแน่นยิ่งขึ้น

    นี่เป็นการลงทุนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ ASE โดยบริษัทคาดว่าการใช้แผ่นซับสเตรตทรงสี่เหลี่ยมจะช่วยให้สามารถแข่งขันได้เหนือคู่แข่งในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี

    นอกจากนี้ ASE ยังวางแผนที่จะส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ประกอบบนแผ่นซับสเตรตทรงสี่เหลี่ยมให้กับลูกค้าภายในปีหน้า การลงทุน $200 ล้านนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการใช้จ่ายทุนในปี 2025 ของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะเกิน $1.9 พันล้าน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ase-testing-using-square-packaging-substrates-instead-of-round-wafers
    บริษัท ASE Technology กำลังทุ่มทุน $200 ล้านเพื่อทดสอบวิธีการบรรจุชิปรูปแบบใหม่ที่ใช้แผ่นซับสเตรต (substrate) ทรงสี่เหลี่ยมแทนแผ่นเวเฟอร์ (wafers) ทรงกลมแบบเดิม โดยวิธีนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตแพ็กเกจชิปขั้นสูงของบริษัท ในระยะแรก บริษัทมีแผนจะตั้งสายการผลิตทดลองขนาดเล็กที่เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน โดยจะติดตั้งเครื่องจักรทดลองที่สามารถจัดการกับแผ่นซับสเตรตขนาด 600 มม. x 600 มม. แทนที่แผ่นเวเฟอร์ขนาด 300 มม. ทรงกลม การใช้แผ่นซับสเตรตทรงสี่เหลี่ยมนี้อาจเพิ่มพื้นที่การใช้งานได้ถึง 5 เท่าของแผ่นเวเฟอร์ขนาด 300 มม. ทำให้สามารถประกอบโปรเซสเซอร์แบบ multi-chiplet AI ได้มากขึ้นบนแผ่นซับสเตรตเดียว อย่างไรก็ตาม ไม่มีเครื่องจักรที่พร้อมใช้สำหรับการผลิตแผ่นซับสเตรตขนาดใหญ่นี้ที่ตรงตามมาตรฐานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบัน ดังนั้น ASE จึงต้องร่วมมือกับผู้จัดหาเครื่องจักรเพื่อพัฒนาเครื่องมือที่จะทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นไปได้ การใช้แผ่นซับสเตรตขนาดใหญ่ยังเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับการเปลี่ยนไปใช้แผ่นซับสเตรตที่ทำจากแก้ว ซึ่งมีคุณสมบัติดีขึ้นในด้านความเรียบ ความเสถียรทางความร้อนและกลไก รวมถึงการเชื่อมต่อที่หนาแน่นยิ่งขึ้น นี่เป็นการลงทุนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ ASE โดยบริษัทคาดว่าการใช้แผ่นซับสเตรตทรงสี่เหลี่ยมจะช่วยให้สามารถแข่งขันได้เหนือคู่แข่งในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี นอกจากนี้ ASE ยังวางแผนที่จะส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ประกอบบนแผ่นซับสเตรตทรงสี่เหลี่ยมให้กับลูกค้าภายในปีหน้า การลงทุน $200 ล้านนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการใช้จ่ายทุนในปี 2025 ของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะเกิน $1.9 พันล้าน https://www.tomshardware.com/tech-industry/ase-testing-using-square-packaging-substrates-instead-of-round-wafers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟรีดริช เมิร์ซ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีจากพรรค CDU ซึ่งมีคะแนนนิยมจากผลการสำรวจมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่ในขณะนี้ ประกาศว่า "จะยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอลทั้งหมด" หากพรรคของเขาชนะการเลือกตั้ง

    ในสุนทรพจน์ที่มูลนิธิ Koerber ในกรุงเบอร์ลิน เมิร์ซได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ด้านนโยบายต่างประเทศของพรรคคริสเตียนเดโมแครต (CDU/CSU) โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเยอรมนีต่อความมั่นคงของอิสราเอล

    “รัฐบาลที่นำโดยผมจะทำให้ความสัมพันธ์กับอิสราเอลกลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง ผมจะยุติการคว่ำบาตรการส่งออกอาวุธของรัฐบาลปัจจุบันทันที” เมิร์ซกล่าวโดยพาดพิงไปถึงโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีจากพรรค SPD

    ขณะเดียวกัน เมิร์ซไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลในฉนวนกาซาและการเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์หลายพันคน และยังวิพากษ์วิจารณ์หมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่มีต่อนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู อีกด้วย และยังกล่าวอีกว่า จะทำทุกวิธีการเพื่อหาทางยกเลิกการบังคับใช้หมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ

    นอกจากนี้ เมิร์ซยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ว่า จะหารือกับฝรั่งเศสและอังกฤษ เรื่องอาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องดินแดนยูเครน ท่ามกลางท่าทีที่เปลี่ยนไปของสหรัฐที่มีต่อยุโรป

    ปัจจุบัน เมิร์ซมีคะแนนนิยมนำคู่แข่งคนสำคัญอย่าง อลิซ ไวเดล ผู้สมัครจากพรรค AfD ในการสำรวจความคิดเห็นของนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเยอรมนี ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ โดยพรรค CDU ของเขาได้รับการสนับสนุน 28%
    ฟรีดริช เมิร์ซ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีจากพรรค CDU ซึ่งมีคะแนนนิยมจากผลการสำรวจมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่ในขณะนี้ ประกาศว่า "จะยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอลทั้งหมด" หากพรรคของเขาชนะการเลือกตั้ง ในสุนทรพจน์ที่มูลนิธิ Koerber ในกรุงเบอร์ลิน เมิร์ซได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ด้านนโยบายต่างประเทศของพรรคคริสเตียนเดโมแครต (CDU/CSU) โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเยอรมนีต่อความมั่นคงของอิสราเอล “รัฐบาลที่นำโดยผมจะทำให้ความสัมพันธ์กับอิสราเอลกลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง ผมจะยุติการคว่ำบาตรการส่งออกอาวุธของรัฐบาลปัจจุบันทันที” เมิร์ซกล่าวโดยพาดพิงไปถึงโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีจากพรรค SPD ขณะเดียวกัน เมิร์ซไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลในฉนวนกาซาและการเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์หลายพันคน และยังวิพากษ์วิจารณ์หมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่มีต่อนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู อีกด้วย และยังกล่าวอีกว่า จะทำทุกวิธีการเพื่อหาทางยกเลิกการบังคับใช้หมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ นอกจากนี้ เมิร์ซยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ว่า จะหารือกับฝรั่งเศสและอังกฤษ เรื่องอาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องดินแดนยูเครน ท่ามกลางท่าทีที่เปลี่ยนไปของสหรัฐที่มีต่อยุโรป ปัจจุบัน เมิร์ซมีคะแนนนิยมนำคู่แข่งคนสำคัญอย่าง อลิซ ไวเดล ผู้สมัครจากพรรค AfD ในการสำรวจความคิดเห็นของนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเยอรมนี ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ โดยพรรค CDU ของเขาได้รับการสนับสนุน 28%
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัท AI ชื่อดังของจีนวางแผนที่จะเผยแพร่โค้ดและข้อมูลสำคัญต่อสาธารณชนตั้งแต่สัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ไม่ธรรมดาในการแบ่งปันเทคโนโลยีหลักมากกว่าคู่แข่งอย่าง OpenAIสตาร์ทอัพอายุ 20 เดือนรายนี้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับซิลิคอนวัลเลย์ด้วยความซับซ้อนของโมเดล AI เมื่อเดือนที่แล้ว วางแผนที่จะเผยแพร่คลังโค้ดของตนให้กับนักพัฒนาและนักวิจัยทุกคน ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถดาวน์โหลดและสร้างหรือปรับปรุงโค้ดเบื้องหลัง R1 หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับได้ โดยบริษัทได้ระบุไว้ในโพสต์บน Xhttps://www.bloomberg.com/news/articles/2025-02-21/deepseek-promises-to-share-even-more-ai-code-in-a-rare-step?srnd=homepage-asia
    DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัท AI ชื่อดังของจีนวางแผนที่จะเผยแพร่โค้ดและข้อมูลสำคัญต่อสาธารณชนตั้งแต่สัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ไม่ธรรมดาในการแบ่งปันเทคโนโลยีหลักมากกว่าคู่แข่งอย่าง OpenAIสตาร์ทอัพอายุ 20 เดือนรายนี้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับซิลิคอนวัลเลย์ด้วยความซับซ้อนของโมเดล AI เมื่อเดือนที่แล้ว วางแผนที่จะเผยแพร่คลังโค้ดของตนให้กับนักพัฒนาและนักวิจัยทุกคน ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถดาวน์โหลดและสร้างหรือปรับปรุงโค้ดเบื้องหลัง R1 หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับได้ โดยบริษัทได้ระบุไว้ในโพสต์บน Xhttps://www.bloomberg.com/news/articles/2025-02-21/deepseek-promises-to-share-even-more-ai-code-in-a-rare-step?srnd=homepage-asia
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของพรรคการเมืองในเยอรมนีล่าสุด ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 นี้:

    อันดับหนึ่ง พรรคคริสเตียนเดโมแครตยูเนียน (Christian Democratic Union - CDU) ซึ่งเป็นพรรคเมืองสายกลาง-ขวา ของ ฟรีดริช เมิร์ซ (Friedrich Merz) มีคะแนนนำในทุกโพล

    อันดับสอง ตามมาด้วยพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี หรือ AfD (Alternative for Germany / Alternative für Deutschland) ของ อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัด (อนุรักษนิยม)

    อันดับที่สาม เป็นของพรรค SPD (Social Democratic Party of Germany) ของ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน


    สำหรับ ฟรีดริช เมิร์ซ ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ ประกาศอย่างชัดเจนว่าหากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะยังคงนโยบายเคียงข้างยูเครนต่อไป และประกาศจะส่งมอบขีปนาวุธร่อน Taurus ที่มีพิสัยยิงมากกว่า 500 กม. ซึ่งเป็นสิ่งที่ โอลาฟ ชอลซ์ ไม่กล้าตัดสินใจ

    ส่วนอลิซ ไวเดล ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะกลับมามีความสัมพันธ์ที่เป็นปกติกับรัสเซีย และพร้อมจะกลับมาใช้บริการก๊าซจากรัสเซียเช่นเดิม นอกจากนี้เธอจะใช้นโยบายที่แข็งกร้าวต่อผู้อพยพเข้าเมืองเช่นเดียวกับทรัมป์

    ในช่วงแรก พรรค AfD มีคะแนนนิยมนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อพันธมิตรในยุโรป มีการปลุกระดมข่าวสาร เพื่อโจมตีไวเดลเกี่ยวกับนโยบายที่แข็งกร้าวด้านต่อต้านผู้อพยพ ทำให้เกิดการประท้วงเป็นวงกว้างในเยอรมนีเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเบอร์ลิน และในเมืองอื่นๆ ของเยอรมนี ส่งผลให้คะแนนนิยมของเธอตกลงมาอย่างชัดเจน

    อีลอน มัสก์ คนสนิทของทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนพรรค AfD ของไวเดล

    แม้ว่าคะแนนนิยมของพรรค AfD ยังเป็นรองคู่แข่งจากพรรค CDU แต่ไม่ได้หมายความว่า ไวเดลหมดโอกาสชนะ เนื่องจากคะแนนนิยมที่ใกล้เคียงกัน และยังมีประชาชนเยอรมนีอีกมากที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ซึ่งอาจทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

    โดยรวมแล้ว หลังการเลือกตั้งจบสิ้นลง รัฐบาลของเยอรมันยังคงเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคการเมืองเช่นเดิม


    ผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของพรรคการเมืองในเยอรมนีล่าสุด ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 นี้: อันดับหนึ่ง พรรคคริสเตียนเดโมแครตยูเนียน (Christian Democratic Union - CDU) ซึ่งเป็นพรรคเมืองสายกลาง-ขวา ของ ฟรีดริช เมิร์ซ (Friedrich Merz) มีคะแนนนำในทุกโพล อันดับสอง ตามมาด้วยพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี หรือ AfD (Alternative for Germany / Alternative für Deutschland) ของ อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัด (อนุรักษนิยม) อันดับที่สาม เป็นของพรรค SPD (Social Democratic Party of Germany) ของ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน สำหรับ ฟรีดริช เมิร์ซ ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ ประกาศอย่างชัดเจนว่าหากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะยังคงนโยบายเคียงข้างยูเครนต่อไป และประกาศจะส่งมอบขีปนาวุธร่อน Taurus ที่มีพิสัยยิงมากกว่า 500 กม. ซึ่งเป็นสิ่งที่ โอลาฟ ชอลซ์ ไม่กล้าตัดสินใจ ส่วนอลิซ ไวเดล ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะกลับมามีความสัมพันธ์ที่เป็นปกติกับรัสเซีย และพร้อมจะกลับมาใช้บริการก๊าซจากรัสเซียเช่นเดิม นอกจากนี้เธอจะใช้นโยบายที่แข็งกร้าวต่อผู้อพยพเข้าเมืองเช่นเดียวกับทรัมป์ ในช่วงแรก พรรค AfD มีคะแนนนิยมนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อพันธมิตรในยุโรป มีการปลุกระดมข่าวสาร เพื่อโจมตีไวเดลเกี่ยวกับนโยบายที่แข็งกร้าวด้านต่อต้านผู้อพยพ ทำให้เกิดการประท้วงเป็นวงกว้างในเยอรมนีเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเบอร์ลิน และในเมืองอื่นๆ ของเยอรมนี ส่งผลให้คะแนนนิยมของเธอตกลงมาอย่างชัดเจน อีลอน มัสก์ คนสนิทของทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนพรรค AfD ของไวเดล แม้ว่าคะแนนนิยมของพรรค AfD ยังเป็นรองคู่แข่งจากพรรค CDU แต่ไม่ได้หมายความว่า ไวเดลหมดโอกาสชนะ เนื่องจากคะแนนนิยมที่ใกล้เคียงกัน และยังมีประชาชนเยอรมนีอีกมากที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ซึ่งอาจทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยรวมแล้ว หลังการเลือกตั้งจบสิ้นลง รัฐบาลของเยอรมันยังคงเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคการเมืองเช่นเดิม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Moore Threads ได้เปิดตัวไดร์เวอร์เวอร์ชัน 290.100 สำหรับกราฟิกการ์ดรุ่น MTT S Series โดยการอัปเดตนี้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสบการณ์การเล่นเกมในหลายเกมสมัยใหม่ จากการทดสอบภายในก่อนการปล่อยออกสู่สาธารณะ ผลลัพธ์ชี้ให้เห็นว่าในเกม Infinity Nikki ซึ่งรองรับเฉพาะ DirectX 12 เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% และในเกม Death Stranding เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ที่น่าทึ่งที่สุดคือในเกม A Plague Tale: Requiem เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 120%

    กราฟิกการ์ด MTT S80 ของ Moore Threads ถึงแม้ว่าจะมาพร้อมกับ PCI Express Gen 5 และมี MUSA cores 4096 หน่วย แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบกับคู่แข่งหลักในตลาดได้ในหลายสถานการณ์

    การอัปเดตนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Moore Threads ประกาศเมื่อเดือนกันยายน 2023 ว่าไดร์เวอร์เวอร์ชัน 230.40.0.1 นั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ถึง 40% สำหรับการ์ด MTT S80 และ S70 นอกจากนี้ Moore Threads ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้มีผลงานสูงในด้านการประมวลผลเชิงลึกด้วย DeepSeek's R1 Distill-Qwen-7B distilled model

    https://www.techpowerup.com/332866/moore-threads-claims-120-gaming-performance-improvement-for-mtt-s-series-gpus
    บริษัท Moore Threads ได้เปิดตัวไดร์เวอร์เวอร์ชัน 290.100 สำหรับกราฟิกการ์ดรุ่น MTT S Series โดยการอัปเดตนี้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสบการณ์การเล่นเกมในหลายเกมสมัยใหม่ จากการทดสอบภายในก่อนการปล่อยออกสู่สาธารณะ ผลลัพธ์ชี้ให้เห็นว่าในเกม Infinity Nikki ซึ่งรองรับเฉพาะ DirectX 12 เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% และในเกม Death Stranding เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ที่น่าทึ่งที่สุดคือในเกม A Plague Tale: Requiem เฟรมเรทเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 120% กราฟิกการ์ด MTT S80 ของ Moore Threads ถึงแม้ว่าจะมาพร้อมกับ PCI Express Gen 5 และมี MUSA cores 4096 หน่วย แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบกับคู่แข่งหลักในตลาดได้ในหลายสถานการณ์ การอัปเดตนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Moore Threads ประกาศเมื่อเดือนกันยายน 2023 ว่าไดร์เวอร์เวอร์ชัน 230.40.0.1 นั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ถึง 40% สำหรับการ์ด MTT S80 และ S70 นอกจากนี้ Moore Threads ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้มีผลงานสูงในด้านการประมวลผลเชิงลึกด้วย DeepSeek's R1 Distill-Qwen-7B distilled model https://www.techpowerup.com/332866/moore-threads-claims-120-gaming-performance-improvement-for-mtt-s-series-gpus
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Moore Threads Claims 120% Gaming Performance Improvement for MTT S Series GPUs
    Moore Threads has released version 290.100 of its MTT S Series Windows desktop driver; today's freshly published patch notes describe "performance and experience optimizations" for multiple modern games titles. Press coverage of the Chinese graphics card manufacturer's hardware portfolio has concent...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้เลิกสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี PhysX รุ่น 32 บิตบน GPU รุ่น RTX 50 อย่างเงียบ ๆ โดยได้ประกาศอย่างเป็นทางการในฟอรัมของ Nvidia เอง การยกเลิกนี้เกิดขึ้นจากการที่ Nvidia เลิกสนับสนุนแอปพลิเคชัน CUDA รุ่น 32 บิตตั้งแต่ GPU รุ่น RTX 50 เป็นต้นไป

    PhysX เป็นเทคโนโลยีที่เคยได้รับการโปรโมทอย่างมากในช่วงปี 2000 และ 2010 โดยเป็นชุดพัฒนาการจำลองฟิสิกส์ที่สามารถประมวลผลวัตถุภายในเกม เช่น ร่างกายของตัวละคร การจำลองการเคลื่อนที่ของผ้า อนุภาคต่าง ๆ และของไหล โดยปกติจะทำให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลกราฟิกสูงขึ้นเมื่อการคำนวณฟิสิกส์ถูกส่งไปประมวลผลที่ GPU แทนการประมวลผลที่ CPU

    ถึงแม้ว่า PhysX เคยถูกใช้งานในเกม AAA หลายเกม เช่น ซีรีส์ Batman Arkham, Borderlands 2, Metro: Last Light และ The Witcher 3 แต่การใช้งานก็เริ่มลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากมีการพัฒนาโซลูชันอื่นที่ยืดหยุ่นมากกว่า

    ปัญหาหลักของ PhysX คือการที่ต้องใช้ GPU ของ Nvidia เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถใช้งานบน GPU ของคู่แข่งหรือคอนโซลอื่น ๆ ได้ และ Nvidia เองก็เริ่มลดการสนับสนุนฟีเจอร์ของ PhysX ในช่วงปลายอายุการใช้งานของมัน

    สำหรับคนที่ยังต้องการใช้งาน PhysX บน GPU รุ่น RTX 50 ขึ้นไป จะต้องติดตั้งการ์ดจอรุ่น RTX 40 หรือต่ำกว่ามาใช้เป็นการ์ดสำรองในการประมวลผล PhysX เท่านั้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/physx-quietly-retired-on-rtx-50-series-gpus-nvidia-ends-32-bit-cuda-app-support
    Nvidia ได้เลิกสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี PhysX รุ่น 32 บิตบน GPU รุ่น RTX 50 อย่างเงียบ ๆ โดยได้ประกาศอย่างเป็นทางการในฟอรัมของ Nvidia เอง การยกเลิกนี้เกิดขึ้นจากการที่ Nvidia เลิกสนับสนุนแอปพลิเคชัน CUDA รุ่น 32 บิตตั้งแต่ GPU รุ่น RTX 50 เป็นต้นไป PhysX เป็นเทคโนโลยีที่เคยได้รับการโปรโมทอย่างมากในช่วงปี 2000 และ 2010 โดยเป็นชุดพัฒนาการจำลองฟิสิกส์ที่สามารถประมวลผลวัตถุภายในเกม เช่น ร่างกายของตัวละคร การจำลองการเคลื่อนที่ของผ้า อนุภาคต่าง ๆ และของไหล โดยปกติจะทำให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลกราฟิกสูงขึ้นเมื่อการคำนวณฟิสิกส์ถูกส่งไปประมวลผลที่ GPU แทนการประมวลผลที่ CPU ถึงแม้ว่า PhysX เคยถูกใช้งานในเกม AAA หลายเกม เช่น ซีรีส์ Batman Arkham, Borderlands 2, Metro: Last Light และ The Witcher 3 แต่การใช้งานก็เริ่มลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากมีการพัฒนาโซลูชันอื่นที่ยืดหยุ่นมากกว่า ปัญหาหลักของ PhysX คือการที่ต้องใช้ GPU ของ Nvidia เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถใช้งานบน GPU ของคู่แข่งหรือคอนโซลอื่น ๆ ได้ และ Nvidia เองก็เริ่มลดการสนับสนุนฟีเจอร์ของ PhysX ในช่วงปลายอายุการใช้งานของมัน สำหรับคนที่ยังต้องการใช้งาน PhysX บน GPU รุ่น RTX 50 ขึ้นไป จะต้องติดตั้งการ์ดจอรุ่น RTX 40 หรือต่ำกว่ามาใช้เป็นการ์ดสำรองในการประมวลผล PhysX เท่านั้น https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/physx-quietly-retired-on-rtx-50-series-gpus-nvidia-ends-32-bit-cuda-app-support
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    PhysX quietly retired on RTX 50 series GPUs: Nvidia ends 32-bit CUDA app support
    With no 64-bit games using PhysX (that we are aware of), the technology is now end-of-life.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อองค์กรของคุณติดปีกแห่งการเปลี่ยนแปลง: เรื่องเล่าจากวงล้อการเรียนรู้

    ณ ใจกลางเมืองที่ไม่เคยหลับใหล มีบริษัทที่ชื่อว่า "แสงตะวัน" กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้พวกเขาตามไม่ทัน คู่แข่งรายใหม่ก็โผล่ขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด กำไรที่เคยงดงามเริ่มหดหาย แสงตะวันจะทำอย่างไร?

    วงล้อแห่งการเรียนรู้: กุญแจสำคัญสู่การเปลี่ยนแปลง
    ผู้บริหารของแสงตะวันได้ค้นพบโมเดลการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เปรียบเสมือน "วงล้อแห่งการเรียนรู้" ที่จะนำพาองค์กรของพวกเขาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน วงล้อนี้ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญ
    1.ผลกระทบ (Impact): พวกเขาเริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการให้องค์กรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด และจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจได้อย่างไร
    2.การถ่ายทอด (Transfer): พวกเขาเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานทุกระดับ รวมถึงลูกค้าและคู่ค้า เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และประเมินอย่างรอบด้าน
    3.การเรียนรู้ (Learning): พวกเขาใช้ข้อมูลที่ได้มาสร้างองค์ความรู้ใหม่ พัฒนาทักษะของพนักงาน และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
    4.ปฏิกิริยา (Reaction): พวกเขานำความรู้ที่ได้มาทดลองใช้จริง ปรับปรุงแก้ไข และเรียนรู้จากประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง
    5.ประสิทธิภาพ (Effectiveness): พวกเขาประเมินผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ และนำข้อมูลมาปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง

    ทีมและนวัตกรรม: แรงขับเคลื่อนสำคัญ
    วงล้อแห่งการเรียนรู้ของแสงตะวันไม่ได้หมุนด้วยตัวมันเอง พวกเขาให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม และส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ พวกเขายังลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

    10X Consulting: เพื่อนร่วมทางสู่ความสำเร็จ
    “แสงตะวัน” ไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางนี้อย่างโดดเดี่ยว พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจาก “10X Consulting” แบรนด์ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาการจัดการองค์กร ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนในทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง

    “10X Consulting” ให้บริการที่หลากหลายที่สามารถช่วยให้องค์กรของคุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น
    •การวิเคราะห์ข้อมูล:
    เราช่วยคุณวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อค้นหา Insight ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจที่แม่นยำ
    •การพัฒนาทีม:
    เราช่วยคุณพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ
    •การค้นหาสิ่งใหม่:
    เราช่วยคุณค้นหาสิ่งใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
    •การประเมินผลลัพธ์: เราช่วยคุณประเมินผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง

    “แสงตะวัน” ในวันใหม่
    วันนี้ แสงตะวันกลับมาผงาดอีกครั้ง พวกเขาไม่กลัวความเปลี่ยนแปลง เพราะพวกเขามีวงล้อแห่งการเรียนรู้เป็นเครื่องนำทาง พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

    บทเรียนจาก “แสงตะวัน”
    เรื่องราวของแสงตะวันสอนให้เรารู้ว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมทิศทางของการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง วงล้อแห่งการเรียนรู้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะนำพาองค์กรของคุณไปสู่ความสำเร็จ
    หากคุณต้องการที่จะติดปีกให้องค์กรของคุณและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ อย่ารอช้าที่จะติดต่อ “10X Consulting” เราพร้อมที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของคุณ

    www.10-xconsulting.com

    เมื่อองค์กรของคุณติดปีกแห่งการเปลี่ยนแปลง: เรื่องเล่าจากวงล้อการเรียนรู้ ณ ใจกลางเมืองที่ไม่เคยหลับใหล มีบริษัทที่ชื่อว่า "แสงตะวัน" กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้พวกเขาตามไม่ทัน คู่แข่งรายใหม่ก็โผล่ขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด กำไรที่เคยงดงามเริ่มหดหาย แสงตะวันจะทำอย่างไร? วงล้อแห่งการเรียนรู้: กุญแจสำคัญสู่การเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารของแสงตะวันได้ค้นพบโมเดลการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เปรียบเสมือน "วงล้อแห่งการเรียนรู้" ที่จะนำพาองค์กรของพวกเขาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน วงล้อนี้ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญ 1.ผลกระทบ (Impact): พวกเขาเริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการให้องค์กรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด และจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจได้อย่างไร 2.การถ่ายทอด (Transfer): พวกเขาเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานทุกระดับ รวมถึงลูกค้าและคู่ค้า เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และประเมินอย่างรอบด้าน 3.การเรียนรู้ (Learning): พวกเขาใช้ข้อมูลที่ได้มาสร้างองค์ความรู้ใหม่ พัฒนาทักษะของพนักงาน และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 4.ปฏิกิริยา (Reaction): พวกเขานำความรู้ที่ได้มาทดลองใช้จริง ปรับปรุงแก้ไข และเรียนรู้จากประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง 5.ประสิทธิภาพ (Effectiveness): พวกเขาประเมินผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ และนำข้อมูลมาปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ทีมและนวัตกรรม: แรงขับเคลื่อนสำคัญ วงล้อแห่งการเรียนรู้ของแสงตะวันไม่ได้หมุนด้วยตัวมันเอง พวกเขาให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม และส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ พวกเขายังลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า 10X Consulting: เพื่อนร่วมทางสู่ความสำเร็จ “แสงตะวัน” ไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางนี้อย่างโดดเดี่ยว พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจาก “10X Consulting” แบรนด์ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาการจัดการองค์กร ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนในทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง “10X Consulting” ให้บริการที่หลากหลายที่สามารถช่วยให้องค์กรของคุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น •การวิเคราะห์ข้อมูล: เราช่วยคุณวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อค้นหา Insight ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจที่แม่นยำ •การพัฒนาทีม: เราช่วยคุณพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ •การค้นหาสิ่งใหม่: เราช่วยคุณค้นหาสิ่งใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า •การประเมินผลลัพธ์: เราช่วยคุณประเมินผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง “แสงตะวัน” ในวันใหม่ วันนี้ แสงตะวันกลับมาผงาดอีกครั้ง พวกเขาไม่กลัวความเปลี่ยนแปลง เพราะพวกเขามีวงล้อแห่งการเรียนรู้เป็นเครื่องนำทาง พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง บทเรียนจาก “แสงตะวัน” เรื่องราวของแสงตะวันสอนให้เรารู้ว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมทิศทางของการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง วงล้อแห่งการเรียนรู้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะนำพาองค์กรของคุณไปสู่ความสำเร็จ หากคุณต้องการที่จะติดปีกให้องค์กรของคุณและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ อย่ารอช้าที่จะติดต่อ “10X Consulting” เราพร้อมที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของคุณ www.10-xconsulting.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Arm ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสร้างชิปประมวลผลของตัวเอง ซึ่งเป็นข่าวที่น่าสนใจและสำคัญในวงการเทคโนโลยี Arm เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ เช่น ARMv9 และได้รับการอนุญาตให้ใช้ IP จากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Apple, Qualcomm, Samsung, Nvidia, AMD, และ AWS แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลิตและขายชิปของตัวเอง

    ล่าสุดมีรายงานว่า Arm กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่การผลิตชิปประมวลผลเองโดยอาจมีการซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ยังคงมีอิสระอยู่ การซื้อกิจการนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดของ Arm ในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และ AI

    อย่างไรก็ตาม การก้าวเข้าสู่การผลิตชิปนี้อาจทำให้ Arm กลายเป็นคู่แข่งของลูกค้าบางรายที่ใช้งาน IP ของ Arm อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับ Arm ต่อไป นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะดึงตัวพนักงานจากบริษัทลูกค้าของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาชิปใหม่นี้ด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ Arm จะทำชิปที่เน้นไปที่การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันในวงการนี้ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Arm ได้สร้างความสำเร็จจากการที่ลูกค้ามองว่าบริษัทเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางในอุตสาหกรรม แต่การก้าวสู่การผลิตชิปเองอาจทำให้ภาพลักษณ์นี้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/the-only-way-is-stack-arm-wants-to-build-its-own-cpu-server-for-hyperscalers-reports-say-and-amd-wont-be-happy
    บริษัท Arm ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสร้างชิปประมวลผลของตัวเอง ซึ่งเป็นข่าวที่น่าสนใจและสำคัญในวงการเทคโนโลยี Arm เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ เช่น ARMv9 และได้รับการอนุญาตให้ใช้ IP จากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Apple, Qualcomm, Samsung, Nvidia, AMD, และ AWS แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลิตและขายชิปของตัวเอง ล่าสุดมีรายงานว่า Arm กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่การผลิตชิปประมวลผลเองโดยอาจมีการซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ยังคงมีอิสระอยู่ การซื้อกิจการนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดของ Arm ในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และ AI อย่างไรก็ตาม การก้าวเข้าสู่การผลิตชิปนี้อาจทำให้ Arm กลายเป็นคู่แข่งของลูกค้าบางรายที่ใช้งาน IP ของ Arm อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับ Arm ต่อไป นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะดึงตัวพนักงานจากบริษัทลูกค้าของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาชิปใหม่นี้ด้วย สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ Arm จะทำชิปที่เน้นไปที่การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันในวงการนี้ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Arm ได้สร้างความสำเร็จจากการที่ลูกค้ามองว่าบริษัทเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางในอุตสาหกรรม แต่การก้าวสู่การผลิตชิปเองอาจทำให้ภาพลักษณ์นี้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต https://www.techradar.com/pro/the-only-way-is-stack-arm-wants-to-build-its-own-cpu-server-for-hyperscalers-reports-say-and-amd-wont-be-happy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Samsung Electronics ประกาศเสนอชื่อผู้บริหารฝ่ายธุรกิจชิป Jun Young-hyun และ Chief Technology Officer Song Jai-hyuk เข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังประสบปัญหา นอกจากนี้ยังเสนอชื่อ ศาสตราจารย์ Lee Hyuk-jae จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลเป็นกรรมการบริหารภายนอก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชิปและเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยเซมิคอนดักเตอร์ของมหาวิทยาลัย

    การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ที่พยายามกลับมาเป็นผู้นำตลาดอีกครั้ง หลังจากที่เสียตำแหน่งให้กับคู่แข่งภายในประเทศอย่าง SK Hynix ในด้านชิป HBM ที่ใช้ในหน่วยประมวลผลกราฟิก AI ของ Nvidia การเสนอชื่อผู้บริหารใหม่จะต้องผ่านการอนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม

    เรื่องที่น่าสนใจคือการที่ Samsung พยายามกลับมาเป็นผู้นำในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเซมิคอนดักเตอร์เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีหลายๆ อย่างในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงรถยนต์อัจฉริยะ ความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจนี้จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งบริษัทและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั้งหมด

    ในขณะนี้ Samsung กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นจากคู่แข่งหลายราย ไม่ว่าจะเป็นในประเทศอย่าง SK Hynix หรือบริษัทระดับโลกอย่าง Intel และ TSMC การเสริมความแข็งแกร่งในการบริหารธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จในอนาคตของบริษัท.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/18/samsung-electronics-nominates-chip-execs-as-new-board-members
    บริษัท Samsung Electronics ประกาศเสนอชื่อผู้บริหารฝ่ายธุรกิจชิป Jun Young-hyun และ Chief Technology Officer Song Jai-hyuk เข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังประสบปัญหา นอกจากนี้ยังเสนอชื่อ ศาสตราจารย์ Lee Hyuk-jae จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลเป็นกรรมการบริหารภายนอก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชิปและเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยเซมิคอนดักเตอร์ของมหาวิทยาลัย การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ที่พยายามกลับมาเป็นผู้นำตลาดอีกครั้ง หลังจากที่เสียตำแหน่งให้กับคู่แข่งภายในประเทศอย่าง SK Hynix ในด้านชิป HBM ที่ใช้ในหน่วยประมวลผลกราฟิก AI ของ Nvidia การเสนอชื่อผู้บริหารใหม่จะต้องผ่านการอนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม เรื่องที่น่าสนใจคือการที่ Samsung พยายามกลับมาเป็นผู้นำในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเซมิคอนดักเตอร์เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีหลายๆ อย่างในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงรถยนต์อัจฉริยะ ความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจนี้จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งบริษัทและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั้งหมด ในขณะนี้ Samsung กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นจากคู่แข่งหลายราย ไม่ว่าจะเป็นในประเทศอย่าง SK Hynix หรือบริษัทระดับโลกอย่าง Intel และ TSMC การเสริมความแข็งแกร่งในการบริหารธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จในอนาคตของบริษัท. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/18/samsung-electronics-nominates-chip-execs-as-new-board-members
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Samsung Electronics nominates chip execs as new board members
    SEOUL (Reuters) - Samsung Electronics on Tuesday nominated its chip business chief Jun Young-hyun and Chief Technology Officer Song Jai-hyuk to join its board, as the tech giant looks to boost competitiveness in its struggling semiconductor business.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ discrete รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "Celestial" ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สถาปัตยกรรม Xe3P และอาจจะผลิตโดย Intel Foundry Services (IFS) แทนที่จะเป็น TSMC นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางการพัฒนา GPU ของ Intel

    การเปิดตัว GPU Celestial นี้คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU รุ่นก่อนหน้าที่ชื่อว่า Battlemage โดยมีการปรับปรุงในด้านความสามารถในการประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่า Celestial จะใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาโดย Intel เอง ซึ่งหมายความว่า Intel ได้เปลี่ยนใจจากการใช้บริการของ TSMC มาผลิต GPU ของตนเอง

    นอกจากนั้น มีรายงานว่า Intel มีความตั้งใจที่จะยังคงแข่งขันในตลาด GPU แบบ discrete และจะมีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ GPU Celestial ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า Celestial จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026

    เทคโนโลยี Xe3P ที่จะถูกใช้ใน GPU Celestial นี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และทำให้ GPU ของ Intel สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Intel Foundry Services ในการผลิตชิปยังเป็นการบ่งบอกถึงความพยายามของ Intel ในการลดการพึ่งพาบริษัทภายนอกและเพิ่มการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น

    การพัฒนา GPU รุ่น Celestial นี้อาจจะช่วยให้ Intel มีโอกาสกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในตลาด GPU ที่เดิมเคยสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD

    https://wccftech.com/intel-celestial-dgpus-are-expected-to-feature-the-xe3p-architecture/
    Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ discrete รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "Celestial" ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สถาปัตยกรรม Xe3P และอาจจะผลิตโดย Intel Foundry Services (IFS) แทนที่จะเป็น TSMC นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางการพัฒนา GPU ของ Intel การเปิดตัว GPU Celestial นี้คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU รุ่นก่อนหน้าที่ชื่อว่า Battlemage โดยมีการปรับปรุงในด้านความสามารถในการประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่า Celestial จะใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาโดย Intel เอง ซึ่งหมายความว่า Intel ได้เปลี่ยนใจจากการใช้บริการของ TSMC มาผลิต GPU ของตนเอง นอกจากนั้น มีรายงานว่า Intel มีความตั้งใจที่จะยังคงแข่งขันในตลาด GPU แบบ discrete และจะมีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ GPU Celestial ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า Celestial จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026 เทคโนโลยี Xe3P ที่จะถูกใช้ใน GPU Celestial นี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และทำให้ GPU ของ Intel สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Intel Foundry Services ในการผลิตชิปยังเป็นการบ่งบอกถึงความพยายามของ Intel ในการลดการพึ่งพาบริษัทภายนอกและเพิ่มการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น การพัฒนา GPU รุ่น Celestial นี้อาจจะช่วยให้ Intel มีโอกาสกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในตลาด GPU ที่เดิมเคยสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD https://wccftech.com/intel-celestial-dgpus-are-expected-to-feature-the-xe3p-architecture/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Celestial dGPUs Are Expected To Feature The Xe3P Architecture, Will Likely Use Intel Foundry Instead of TSMC
    Intel's next-gen Celestial discrete GPUs are expected to feature the Xe3P architecture and could potentially be developed by the IFS.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำแฟนๆ นางงามร้องโอ้มายก็อดเลยทีเดียว หลังจากที่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เจ้าของมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ และมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” หรือ แอน JKN เจ้าของ เวทีมิส ยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ถึงขั้นเคยเปิดศึกฟาดปากกัน นอกจากนี้ณวัฒน์ยังไม่เผาผีกับเวทีนางงามซึ่งเป็นเวทีคู่แข่ง

    แต่ล่าสุด ณวัฒน์ ได้โพสต์ภาพจูบปากแอน จักรพงษ์ จัดประกวดมิส ยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ซึ่งบริษัทมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ เป็นผู้ถือสิทธิ์ในการประกวด ซึ่งเป็นการรับช่วงต่อจาก “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” หรือ ปุ้ย TPN ที่เคยมีข่าวลือมาหลายระลอกว่าลิขสิทธิ์จะหลุดมือก่อนหน้านี้ โดยทั้งคู่ร่วมกันแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) ณ MGI HALL ชั้น 6 ศูนย์การค้า Bravo BKK (Show DC เดิม) พร้อมตอบทุกคำถามที่อยากรู้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000015715

    #MGROnline #ณวัฒน์ #แอนจักรพงษ์ #มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์
    ทำแฟนๆ นางงามร้องโอ้มายก็อดเลยทีเดียว หลังจากที่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เจ้าของมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ และมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” หรือ แอน JKN เจ้าของ เวทีมิส ยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ถึงขั้นเคยเปิดศึกฟาดปากกัน นอกจากนี้ณวัฒน์ยังไม่เผาผีกับเวทีนางงามซึ่งเป็นเวทีคู่แข่ง • แต่ล่าสุด ณวัฒน์ ได้โพสต์ภาพจูบปากแอน จักรพงษ์ จัดประกวดมิส ยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ซึ่งบริษัทมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ เป็นผู้ถือสิทธิ์ในการประกวด ซึ่งเป็นการรับช่วงต่อจาก “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” หรือ ปุ้ย TPN ที่เคยมีข่าวลือมาหลายระลอกว่าลิขสิทธิ์จะหลุดมือก่อนหน้านี้ โดยทั้งคู่ร่วมกันแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) ณ MGI HALL ชั้น 6 ศูนย์การค้า Bravo BKK (Show DC เดิม) พร้อมตอบทุกคำถามที่อยากรู้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000015715 • #MGROnline #ณวัฒน์ #แอนจักรพงษ์ #มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมนักบินชาวอเมริกันกำลังชมการแสดงผาดโผนของเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 ของรัสเซีย Su-57E ในงานแสดงทางอากาศ Aero India 2025

    หมายเลขบนเครื่อง 054 บ่งบอกว่านี่คือเครื่องต้นแบบตั้งปี 2012 รัสเซียกำลังบอกเป็นนัยว่า เครื่องต้นแบบเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็เพียงพอแล้วที่จะนำมาแสดงเทียบกับเครื่องรุ่นใหม่ของคู่แข่ง
    ทีมนักบินชาวอเมริกันกำลังชมการแสดงผาดโผนของเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 ของรัสเซีย Su-57E ในงานแสดงทางอากาศ Aero India 2025 หมายเลขบนเครื่อง 054 บ่งบอกว่านี่คือเครื่องต้นแบบตั้งปี 2012 รัสเซียกำลังบอกเป็นนัยว่า เครื่องต้นแบบเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็เพียงพอแล้วที่จะนำมาแสดงเทียบกับเครื่องรุ่นใหม่ของคู่แข่ง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • มีรายงานจาก Wall Street Journal ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการให้ TSMC นำประสบการณ์ด้านการผลิตชิปขนาดใหญ่ด้วยเทคโนโลยี EUV lithography มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตของ Intel อีกทั้งยังมีข่าวลือจาก Financial Times ว่า TSMC กำลังเร่งขยายการดำเนินงานในโรงงานผลิตชิปที่ Arizona

    Tristan Gerra นักวิเคราะห์จาก Baird ได้ส่งข้อมูลถึงลูกค้าว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังสนับสนุนให้มีการส่งวิศวกรของ TSMC ไปยังโรงงานผลิตชิปขนาด 3nm และ 2nm ของ Intel เพื่อให้โรงงานและโครงการผลิตชิปต่างๆ ของ Intel มีความเป็นไปได้มากขึ้น แนวคิดนี้ก็คือให้โรงงานนั้นถูกหมุนเวียนออกมาเป็นบริษัทใหม่ที่เป็นเจ้าของร่วมโดย TSMC และ Intel และดำเนินการโดย TSMC ซึ่งจะได้รับเงินทุนจาก U.S. Chip Act

    แม้ว่าข่าวลือนี้จะยังไม่มีการยืนยันและอาจใช้เวลานานในการนำไปปฏิบัติ นักวิเคราะห์มองว่าแนวทางนี้มีเหตุผล เพราะจะช่วยลดแรงกดดันทางการเงินของ Intel และช่วยให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การออกแบบชิปและโซลูชันแพลตฟอร์ม ขณะเดียวกัน โรงงานผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพและมีความสามารถแข่งขันก็จะสามารถดึงดูดนักออกแบบชิปชั้นนำได้

    อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลในด้านเทคโนโลยีที่ TSMC และ Intel อาจต้องปรับแต่งกระบวนการผลิตของตน และด้านธุรกิจที่ TSMC อาจไม่ต้องการช่วย Intel เนื่องจากเป็นคู่แข่งกัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-govt-pushing-tsmc-and-intel-to-create-joint-venture-in-the-us-report
    มีรายงานจาก Wall Street Journal ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการให้ TSMC นำประสบการณ์ด้านการผลิตชิปขนาดใหญ่ด้วยเทคโนโลยี EUV lithography มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตของ Intel อีกทั้งยังมีข่าวลือจาก Financial Times ว่า TSMC กำลังเร่งขยายการดำเนินงานในโรงงานผลิตชิปที่ Arizona Tristan Gerra นักวิเคราะห์จาก Baird ได้ส่งข้อมูลถึงลูกค้าว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังสนับสนุนให้มีการส่งวิศวกรของ TSMC ไปยังโรงงานผลิตชิปขนาด 3nm และ 2nm ของ Intel เพื่อให้โรงงานและโครงการผลิตชิปต่างๆ ของ Intel มีความเป็นไปได้มากขึ้น แนวคิดนี้ก็คือให้โรงงานนั้นถูกหมุนเวียนออกมาเป็นบริษัทใหม่ที่เป็นเจ้าของร่วมโดย TSMC และ Intel และดำเนินการโดย TSMC ซึ่งจะได้รับเงินทุนจาก U.S. Chip Act แม้ว่าข่าวลือนี้จะยังไม่มีการยืนยันและอาจใช้เวลานานในการนำไปปฏิบัติ นักวิเคราะห์มองว่าแนวทางนี้มีเหตุผล เพราะจะช่วยลดแรงกดดันทางการเงินของ Intel และช่วยให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การออกแบบชิปและโซลูชันแพลตฟอร์ม ขณะเดียวกัน โรงงานผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพและมีความสามารถแข่งขันก็จะสามารถดึงดูดนักออกแบบชิปชั้นนำได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลในด้านเทคโนโลยีที่ TSMC และ Intel อาจต้องปรับแต่งกระบวนการผลิตของตน และด้านธุรกิจที่ TSMC อาจไม่ต้องการช่วย Intel เนื่องจากเป็นคู่แข่งกัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-govt-pushing-tsmc-and-intel-to-create-joint-venture-in-the-us-report
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว

  • ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงจะจัดประชุมสัมมนาสุดยอดผู้นำเทคโนโลยีของจีน งานนี้เชิญแจ๊ก หม่ากลับคืนเวที ถือเป็นกลยุทธ์การระดมความรู้และความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทนำการพัฒนาจีนเป็นผู้นำโลกยุคใหม่

    แหล่งข่าวเผยว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตรียมจัดการประชุมสัมมนาเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นภาคเอกชนในสัปดาห์หน้า โดยมีผู้นำธุรกิจของประเทศเข้าร่วมด้วย รวมถึงแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทอาลีบาบา

    ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แทบไม่เคยจัดการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับภาคเอกชนเลย และงานดังกล่าวตอกย้ำความท้าทายมากมายที่บริษัทจีนต้องเผชิญ ตั้งแต่ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปจนถึงการเติบโตที่ชะงักงันของเศรษฐกิจภายในประเทศ

    ผู้ประกอบการจำนวนมากจะเป็นผู้ประกอบการจากภาคเทคโนโลยี และคาดว่าสี จิ้นผิง จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น แหล่งข่าว 2 รายระบุ

    การประชุมสัมมนาครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า แหล่งข่าวระบุ ข่าวการประชุมดังกล่าวรายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นครั้งแรก
    โพนี่ หม่า ซีอีโอของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Tencent มีกำหนดที่จะเข้าร่วม แหล่งข่าวสองรายระบุว่า เล่ย จุน ซีอีโอของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Xiaomi รวมถึงหวัง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งบริษัทหุ่นยนต์ Yushu Technology ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมเช่นกัน แหล่งข่าวหนึ่งกล่าว

    นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ Huawei Technologies ยังคาดว่าจะเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จะเข้าร่วมด้วย เพราะบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับโลกเทคโนโลยีด้วยโมเดลที่บริษัทอ้างว่าพัฒนาขึ้นด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวเดียวของคู่แข่งจากตะวันตก

    สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ติดต่อกับบุคคลสำคัญทั้ง 5 รายที่ทราบเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดขอสงวนนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ 

    สำนักงานข้อมูลของคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่ตอบคำถามสื่อในนามของผู้นำประเทศ ไม่ได้ตอบคำถามของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวในทันที

    อาลีบาบา เทนเซนต์ เสี่ยวหมี่ หัวเว่ย ยู่ชู่ และดีพซีค ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้

    ปรากฏว่าหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงของอาลีบาบา เทนเซนต์ และเสี่ยวหมี่ พุ่งขึ้นต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่ายตามข่าว โดยเสี่ยวหมี่ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 7% นอกจากนี้ เทนเซนต์ยังปิดตลาดสูงขึ้น 7% ในขณะที่อาลีบาบาปิดตลาดที่ระดับ 6%

    ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
    สีจิ้นผิงเป็นประธานการประชุมสัมมนาระดับสูงสำหรับภาคเอกชนเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งเป็นเวลา 6 ปีหลังจากที่เขาดำรงตำแหน่ง ในเวลานั้น เขาให้คำมั่นว่าจะลดหย่อนภาษีและสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทเอกชนจะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนทางการเงินได้

    การเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่วางแผนไว้ของแจ็ค หม่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังได้ถอนตัวออกจากชีวิตสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่ Ant บริษัทฟินเทคของเขาถูกทางการสั่งระงับการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในปี 2020 ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดจากคำปราศรัยของเขาในปีนั้นที่วิจารณ์ระบบการกำกับดูแลของจีน

    อาณาจักรธุรกิจของเขาและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กว้างขึ้นก็ตกเป็นเป้าหมายของการปราบปรามทางการ โดยช่วงเวลาที่เขาอยู่ห่างจากจุดสนใจเป็นสัญลักษณ์ของการพลิกผันของโชคชะตาสำหรับภาคเอกชนของจีน

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของจีนในการบรรลุ "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" โดยกล่าวว่าบริษัทเอกชนควร "ร่ำรวยและเปี่ยมด้วยความรัก" เช่นเดียวกับ "รักชาติ" และแบ่งปันผลจากการเติบโตของตนกับพนักงานอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น

    คำพูดของเขาถูกมองว่าเป็นการขัดขวางความเกินพอดีในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง และทำหน้าที่เป็นเบรกในการลงทุนที่มีความเสี่ยง

    การเข้าร่วมของผู้ก่อตั้ง DeepSeek อย่าง Liang จะช่วยเสริมสถานะใหม่ที่เพิ่งค้นพบของบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ให้กลายเป็นผู้พลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม AI ระดับโลก เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสัมมนาแบบปิดที่จัดโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เชียง

    ประธานาธิบดีสีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนต้องบรรลุความพอเพียงในตัวเองในด้านเซมิคอนดักเตอร์มาเป็นเวลานาน และต้องการให้ประเทศใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ

    แต่ความพยายามของจีนถูกขัดขวางโดยมาตรการควบคุมการส่งออกชิปที่บังคับใช้โดยวอชิงตัน ซึ่งกังวลว่าปักกิ่งอาจใช้เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร

    ที่มา Xi to chair symposium attended by Jack Ma and other Chinese business leaders, sources say - https://www.reuters.com/world/china/xi-chair-symposium-attended-by-jack-ma-other-chinese-business-leaders-sources-2025-02-14/
    ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงจะจัดประชุมสัมมนาสุดยอดผู้นำเทคโนโลยีของจีน งานนี้เชิญแจ๊ก หม่ากลับคืนเวที ถือเป็นกลยุทธ์การระดมความรู้และความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทนำการพัฒนาจีนเป็นผู้นำโลกยุคใหม่ แหล่งข่าวเผยว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตรียมจัดการประชุมสัมมนาเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นภาคเอกชนในสัปดาห์หน้า โดยมีผู้นำธุรกิจของประเทศเข้าร่วมด้วย รวมถึงแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทอาลีบาบา ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แทบไม่เคยจัดการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับภาคเอกชนเลย และงานดังกล่าวตอกย้ำความท้าทายมากมายที่บริษัทจีนต้องเผชิญ ตั้งแต่ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปจนถึงการเติบโตที่ชะงักงันของเศรษฐกิจภายในประเทศ ผู้ประกอบการจำนวนมากจะเป็นผู้ประกอบการจากภาคเทคโนโลยี และคาดว่าสี จิ้นผิง จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น แหล่งข่าว 2 รายระบุ การประชุมสัมมนาครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า แหล่งข่าวระบุ ข่าวการประชุมดังกล่าวรายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นครั้งแรก โพนี่ หม่า ซีอีโอของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Tencent มีกำหนดที่จะเข้าร่วม แหล่งข่าวสองรายระบุว่า เล่ย จุน ซีอีโอของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Xiaomi รวมถึงหวัง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งบริษัทหุ่นยนต์ Yushu Technology ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมเช่นกัน แหล่งข่าวหนึ่งกล่าว นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ Huawei Technologies ยังคาดว่าจะเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จะเข้าร่วมด้วย เพราะบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับโลกเทคโนโลยีด้วยโมเดลที่บริษัทอ้างว่าพัฒนาขึ้นด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวเดียวของคู่แข่งจากตะวันตก สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ติดต่อกับบุคคลสำคัญทั้ง 5 รายที่ทราบเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดขอสงวนนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ  สำนักงานข้อมูลของคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่ตอบคำถามสื่อในนามของผู้นำประเทศ ไม่ได้ตอบคำถามของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวในทันที อาลีบาบา เทนเซนต์ เสี่ยวหมี่ หัวเว่ย ยู่ชู่ และดีพซีค ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ปรากฏว่าหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงของอาลีบาบา เทนเซนต์ และเสี่ยวหมี่ พุ่งขึ้นต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่ายตามข่าว โดยเสี่ยวหมี่ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 7% นอกจากนี้ เทนเซนต์ยังปิดตลาดสูงขึ้น 7% ในขณะที่อาลีบาบาปิดตลาดที่ระดับ 6% ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น สีจิ้นผิงเป็นประธานการประชุมสัมมนาระดับสูงสำหรับภาคเอกชนเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งเป็นเวลา 6 ปีหลังจากที่เขาดำรงตำแหน่ง ในเวลานั้น เขาให้คำมั่นว่าจะลดหย่อนภาษีและสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทเอกชนจะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนทางการเงินได้ การเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่วางแผนไว้ของแจ็ค หม่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังได้ถอนตัวออกจากชีวิตสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่ Ant บริษัทฟินเทคของเขาถูกทางการสั่งระงับการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในปี 2020 ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดจากคำปราศรัยของเขาในปีนั้นที่วิจารณ์ระบบการกำกับดูแลของจีน อาณาจักรธุรกิจของเขาและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กว้างขึ้นก็ตกเป็นเป้าหมายของการปราบปรามทางการ โดยช่วงเวลาที่เขาอยู่ห่างจากจุดสนใจเป็นสัญลักษณ์ของการพลิกผันของโชคชะตาสำหรับภาคเอกชนของจีน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของจีนในการบรรลุ "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" โดยกล่าวว่าบริษัทเอกชนควร "ร่ำรวยและเปี่ยมด้วยความรัก" เช่นเดียวกับ "รักชาติ" และแบ่งปันผลจากการเติบโตของตนกับพนักงานอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น คำพูดของเขาถูกมองว่าเป็นการขัดขวางความเกินพอดีในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง และทำหน้าที่เป็นเบรกในการลงทุนที่มีความเสี่ยง การเข้าร่วมของผู้ก่อตั้ง DeepSeek อย่าง Liang จะช่วยเสริมสถานะใหม่ที่เพิ่งค้นพบของบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ให้กลายเป็นผู้พลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม AI ระดับโลก เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสัมมนาแบบปิดที่จัดโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เชียง ประธานาธิบดีสีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนต้องบรรลุความพอเพียงในตัวเองในด้านเซมิคอนดักเตอร์มาเป็นเวลานาน และต้องการให้ประเทศใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ความพยายามของจีนถูกขัดขวางโดยมาตรการควบคุมการส่งออกชิปที่บังคับใช้โดยวอชิงตัน ซึ่งกังวลว่าปักกิ่งอาจใช้เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร ที่มา Xi to chair symposium attended by Jack Ma and other Chinese business leaders, sources say - https://www.reuters.com/world/china/xi-chair-symposium-attended-by-jack-ma-other-chinese-business-leaders-sources-2025-02-14/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯมีความตั้งใจปรับเปลี่ยนโฟกัสด้านการทหาร ให้ความสำคัญลำดับต้นๆต่อการเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในอินโด-แปซิฟิก เช่นเดียวกับการป้องกันมาตุภูมิ จากคำประกาศกร้าวของ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา(เพนตากอน)
    .
    ระหว่างกล่าวกับที่ประชุมสนับสนุนยูเครน ของเหล่ารัฐมนตรีกลาโหมนาโตและบรรดาชาตินอกสมาชิกนาโต ในกรุงบรัสเซลส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของวอชิงตัน และเรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเข้ารับหน้าที่เป็นผู้นำในด้านความมั่นคงของตนเอง
    .
    เฮกเซธ เน้นย้ำว่า "ข้อเท็จจริงทางยุทธศาสตร์" บีบให้วอชิงตัน ต้องหันไปมุ่งเน้นคุ้มกันชายแดนของตนเองและตอบโต้ภัยคุกคามจากปักกิ่ง "สหรัฐฯต้องเผชิญกับภัยคุกคามสืบเนื่อง ที่มีต่อมาตุภูมิของเรา" เขากล่าว พร้อมบอกว่า "เราต้อง และเรากำลังมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชายแดนของเรา"
    .
    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุ จีน คือภัยคุกคามสำคัญที่สุด โดยให้คำจำกัดความปักกิ่งว่าเป็น "คู่แข่งที่ทัดเทียม" ทั้งในแง่ศักยภาพและความตั้งใจคุกคามผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
    .
    "สหรัฐฯให้ความสำคัญลำดับต้นๆกับการป้องปรามสงครามกับจีนในแปซิฟิก ตะหนักถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลน และต้องเลือกทุ่มเททรัพยากรไปที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อรับประกันว่าการป้องปรามนั้นจะไม่ล้มเหลว" เฮกเซธระบุ
    .
    ความเป็นคู่อริทางยุทธศาสตร์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 2 ชาติต่างยกระดับการปรากฏตัวทางทหารและเศรษฐกิจในอินโด-แปซิฟิก ในขณะที่สหรัฐฯส่งเสียงเตือนซ้ำๆในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากความเคลื่อนไหวเสริมกำลังทหารและความทะเยอทะยานในระดับภูมิภาคของจีน
    .
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำจุดยืนดังกล่าวเช่นกัน ประกาศกร้าวว่าการตอบโต้จีน จะเป็นแก่นกลางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัย 2 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขากล่าวหาพรรคคอมมิวนิสต์จีน "โกหก หลอกลวง เจาะระบบและขโมยข้อมูล เปิดทางสู่สถานะมหาอำนาจโลก โดยที่เราต้องเป็นฝ่ายชดใช้"
    .
    รูบิโอ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆนานาของสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ซึ่งอนุญาตให้ห่วงโซ่อุปทานสำคัญๆโยกย้ายไปยังจีน เตือนว่ามันทำให้การผลิตของอเมริกาตกอยู่ในความอ่อนแอ นอกจากนี้แล้วเขายังเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกว่าเดิม ในการจำกัดอิทธิพลของปักกิ่งในอินโด-แปซิฟิก และที่อื่นๆ
    .
    ปักกิ่งปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวมาตลอดต่อข้อกล่าวหานี้ พร้อมชี้ว่าสหรัฐฯคือขุมกำลังหลักที่บ่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค กระทรวงกลาโหมของจีนประณามความพยายามของวอชิงตัน ในการยกระดับปรากฏตัวทางทหารในอินโด-แปซิฟิก ว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อย่างกว้างขวาง ในความพยายาม "ควบคุมจีน" และปั้นแต่งเรื่องเล่า "ภัยคุกคามจากจีน" แบบเลยเถิด
    .
    นอกจากนี้แล้ว จีน ยังได้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ต่อกรณีกระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับไต้หวัน เน้นย้ำว่าพวกเขามองว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นดินแดนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของประเทศ ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" ทั้งนี้ที่ผ่านมา ปักกิ่ง ประณามวอชิงตัน ต่อการขายอาวุธต่างๆนานาให้ไทเป กล่าวหาว่าอเมริกาปลุกปั่นสถานการณ์ความตึงเครียด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014311
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯมีความตั้งใจปรับเปลี่ยนโฟกัสด้านการทหาร ให้ความสำคัญลำดับต้นๆต่อการเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในอินโด-แปซิฟิก เช่นเดียวกับการป้องกันมาตุภูมิ จากคำประกาศกร้าวของ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา(เพนตากอน) . ระหว่างกล่าวกับที่ประชุมสนับสนุนยูเครน ของเหล่ารัฐมนตรีกลาโหมนาโตและบรรดาชาตินอกสมาชิกนาโต ในกรุงบรัสเซลส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของวอชิงตัน และเรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเข้ารับหน้าที่เป็นผู้นำในด้านความมั่นคงของตนเอง . เฮกเซธ เน้นย้ำว่า "ข้อเท็จจริงทางยุทธศาสตร์" บีบให้วอชิงตัน ต้องหันไปมุ่งเน้นคุ้มกันชายแดนของตนเองและตอบโต้ภัยคุกคามจากปักกิ่ง "สหรัฐฯต้องเผชิญกับภัยคุกคามสืบเนื่อง ที่มีต่อมาตุภูมิของเรา" เขากล่าว พร้อมบอกว่า "เราต้อง และเรากำลังมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชายแดนของเรา" . รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุ จีน คือภัยคุกคามสำคัญที่สุด โดยให้คำจำกัดความปักกิ่งว่าเป็น "คู่แข่งที่ทัดเทียม" ทั้งในแง่ศักยภาพและความตั้งใจคุกคามผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก . "สหรัฐฯให้ความสำคัญลำดับต้นๆกับการป้องปรามสงครามกับจีนในแปซิฟิก ตะหนักถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลน และต้องเลือกทุ่มเททรัพยากรไปที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อรับประกันว่าการป้องปรามนั้นจะไม่ล้มเหลว" เฮกเซธระบุ . ความเป็นคู่อริทางยุทธศาสตร์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 2 ชาติต่างยกระดับการปรากฏตัวทางทหารและเศรษฐกิจในอินโด-แปซิฟิก ในขณะที่สหรัฐฯส่งเสียงเตือนซ้ำๆในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากความเคลื่อนไหวเสริมกำลังทหารและความทะเยอทะยานในระดับภูมิภาคของจีน . มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำจุดยืนดังกล่าวเช่นกัน ประกาศกร้าวว่าการตอบโต้จีน จะเป็นแก่นกลางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัย 2 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขากล่าวหาพรรคคอมมิวนิสต์จีน "โกหก หลอกลวง เจาะระบบและขโมยข้อมูล เปิดทางสู่สถานะมหาอำนาจโลก โดยที่เราต้องเป็นฝ่ายชดใช้" . รูบิโอ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆนานาของสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ซึ่งอนุญาตให้ห่วงโซ่อุปทานสำคัญๆโยกย้ายไปยังจีน เตือนว่ามันทำให้การผลิตของอเมริกาตกอยู่ในความอ่อนแอ นอกจากนี้แล้วเขายังเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกว่าเดิม ในการจำกัดอิทธิพลของปักกิ่งในอินโด-แปซิฟิก และที่อื่นๆ . ปักกิ่งปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวมาตลอดต่อข้อกล่าวหานี้ พร้อมชี้ว่าสหรัฐฯคือขุมกำลังหลักที่บ่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค กระทรวงกลาโหมของจีนประณามความพยายามของวอชิงตัน ในการยกระดับปรากฏตัวทางทหารในอินโด-แปซิฟิก ว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อย่างกว้างขวาง ในความพยายาม "ควบคุมจีน" และปั้นแต่งเรื่องเล่า "ภัยคุกคามจากจีน" แบบเลยเถิด . นอกจากนี้แล้ว จีน ยังได้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ต่อกรณีกระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับไต้หวัน เน้นย้ำว่าพวกเขามองว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นดินแดนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของประเทศ ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" ทั้งนี้ที่ผ่านมา ปักกิ่ง ประณามวอชิงตัน ต่อการขายอาวุธต่างๆนานาให้ไทเป กล่าวหาว่าอเมริกาปลุกปั่นสถานการณ์ความตึงเครียด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014311 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2236 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขย่าวงการรถยนต์ไฟฟ้าจนร้อนไปทั่วเมื่อหุ้น BYD พุ่งทะยานวันพุธ (12) หลังค่ายรถอีวีชื่อดังจีน BYD ประกาศจับมือบริษัท AI จีนชื่อดัง DeepSeek ให้เอาสมองกล AI ใส่ในรถ BYD ส่วนผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ไม่เดินทางร่วมการประชุม AI Summit ที่กรุงปารีสซึ่งมีการประชุม 2 วันถึงแม้จะได้รับเชิญ หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิ่งไชนาโพสต์ชี้ ไม่จำเป็นเพราะจีนได้ปักธงเป็นผู้ชนะสมรภูมิรบปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกไปแล้วเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังวุ่นวายประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สัปดาห์ที่แล้วสั่งระงับชั่วคราวโครงการสถานีชาร์เจอร์ของรถอีวีทั่วสหรัฐฯ 5 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง อีลอน มัสก์ เจ้าของเทสลากำลังยุ่งกับการยกเลิกหน่วยงานรัฐไล่เจ้าหน้าที่รัฐออก
    .
    ยูโรนิวส์รายงานวันพุธ (12 ก.พ.) ว่า หุ้น BYD พุ่งทะยานสูงสุดวันพุธ (12) หลังค่าย BYD ยักษ์ใหญ่อีวีของจีนประกาศจับมือร่วมกันกับบริษัท DeepSeek เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จีนเมื่อต้นสัปดาห์นี้
    .
    BYD คู่แข่งสำคัญของค่ายเทสลาจากสหรัฐฯ แถลงว่า จะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติในรถทุกรุ่นของตัวเอง ตั้งแต่รุ่นที่ราคาต่ำสู่รุ่นระดับเอ็กซ์คลูซีฟ
    .
    ผู้ก่อตั้ง BYD Wang Chuanfu กล่าวในวันจันทร์ (10) ว่า บริษัท BYD ตั้งใจจะทำให้การขับขี่อัตโนมัติมีความหรูหราน้อยลงและฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้น
    .
    เทคโนโลยีใหม่ที่ว่านี้ถูกเรียกว่า “ดวงตาแห่งพระเจ้า” (God's Eye) จะได้รับการติดตั้งในรถที่มีราคาต่ำสุดตั้งแต่ 69,800 หยวน หรือ ราว 325,712.21 บาท อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนประจำวันพุธ (12)
    .
    BYD เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะติดตั้งซอฟต์แวร์ AI ของ DeepSeek เข้าไปในบางรุ่นของระบบการขับขี่ของตัวเอง
    .
    ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาชี้ว่า DeepSeek จะทำให้ระบบเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ BYD มีความชาญฉลาดมากขึ้นทางด้านระบบเสียงสั่งการ และเพิ่มความสามารถการขับขี่อัตโนมัติ
    .
    การประกาศจับมือร่วมกันของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดังจากแดนมังกรทำเอาเทสลาของอีลอน มัสก์ตกที่นั่งลำบาก สื่อ city.am ของอังกฤษออกมาชี้ว่า ผลการประกาศจับมือร่วมกันระหว่าง BYD และ DeepSeek ส่งผลสะเทือนต่อหุ้นเทสลาในวันพุธ (12) ที่ตกลง 5 วันติดต่อกัน
    .
    เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างเริ่มวิตกถึงซีอีโอใหญ่ อีลอน มัสก์ ในการใช้เวลาของเขา แมตต์ บริตซแมน (Matt Britzman) จาก Hargreaves Lansdown
    .
    นอกเหนือจากที่เขาต้องวุ่นกับแพลตฟอร์ม X ที่ปรากฏการทวีตของมัสก์บนแพลตฟอร์มบ่อยครั้ง มัสก์ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำสำนักงานประสิทธิภาพรัฐ DOGE และยังเปิดข้อเสนอ 97 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ OpenAI ของ แซม อัลต์แมน ทำให้วิตกว่า อีลอน จะไม่สนใจบริหาร Tesla อย่างมีประสิทธิภาพ
    .
    “แบรนด์ Tesla ตอนนี้พังแล้ว” รอส เกอร์เบอร์ (Ross Gerber) ซีอีโอบริหารประจำ Gerber Kawasaki แถลง
    .
    ขณะที่ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) มีรายงานไม่บินเข้าร่วมการประชุม AI โลก 2 วันจัดขึ้นที่กรุงปารีส ถึงแม้จะถูกเชิญก็ตาม หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานวานนี้ (11) แสดงความเห็นว่า จากการที่จีนกลายเป็นแชมป์ด้าน AI ในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    หนังสือฮ่องกงรายงานว่า แต่ทว่ามีปรากฏภาพซีอีโอบริษัท OpenAI ของสหรัฐฯ แซม อัลต์แมน เข้าร่วมงานในการประชุมนอกรอบในวันอังคาร (11)
    .
    งานซัมมิต AI โลกนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนวันจันทร์ (10) ได้ออกมาประกาศว่า “หากเป็นเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI แล้วขอให้เลือกยุโรปและฝรั่งเศส”
    .
    ฝรั่งเศสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จับมือร่วมกันตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ AI 1 กิกะวัตต์ของบริษัท Mistral AI ที่ฝรั่งเศสมูลค่าถึง 50 พันล้านยูโร
    .
    ทั้งนี้ Mistral AI SAS เป็นสตาร์ทอัปด้านปัญญาประดิษฐ์จากฝรั่งเศส มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส มีความเชี่ยวชาญในโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบเปิดน้ำหนัก ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2023 โดยวิศวกรที่เคยทำงานโดย Google DeepMind และ Meta Platforms
    .
    ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งรถไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (7) เป็นที่น่าตกตะลึงเมื่อ รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่มี “อีลอน มัสก์” ทำงานร่วม ออกคำสั่งภายในวันพฤหัสบดี (6) ให้บรรดาผู้อำนวยการคมนาคมมลรัฐ และสำนักงานบริหารทางหลวงสหรัฐฯ FHWA
    .
    ห้ามมลรัฐต่างๆ ใช้เงินใดๆที่ส่งไปให้ภายใต้โครงการโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จเจอร์อีวี NEVI ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ต้องการขยายสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รถอีวีให้ครอบคลุมทั่วประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายโลกร้อนและสิ่งแวดล้อมของไบเดน
    .
    เดอะการ์เดียนชี้ว่า ปัจจุบันในสหรัฐฯ พบว่า 14 มลรัฐทั่วอเมริกามีสถานีชาร์จเจอร์ไม่ต่ำกว่า 1 แห่งเปิดบริการ และมาจนถึงพฤศจิกายนล่าสุด มีจุดชาร์จไฟสาธารณะร่วม 126 เปิดทั่วสถานีชาร์จเจอร์รัฐ NEVI 31 แห่งใน 9 รัฐ เพิ่มขึ้น 83% ในการเปิดนับตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว
    .
    ทรัมป์เคยออกมาประณามการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของไบเดนว่าจะเป็นการนำความหายนะมาสู่อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014306
    ..............
    Sondhi X
    เขย่าวงการรถยนต์ไฟฟ้าจนร้อนไปทั่วเมื่อหุ้น BYD พุ่งทะยานวันพุธ (12) หลังค่ายรถอีวีชื่อดังจีน BYD ประกาศจับมือบริษัท AI จีนชื่อดัง DeepSeek ให้เอาสมองกล AI ใส่ในรถ BYD ส่วนผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ไม่เดินทางร่วมการประชุม AI Summit ที่กรุงปารีสซึ่งมีการประชุม 2 วันถึงแม้จะได้รับเชิญ หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิ่งไชนาโพสต์ชี้ ไม่จำเป็นเพราะจีนได้ปักธงเป็นผู้ชนะสมรภูมิรบปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกไปแล้วเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังวุ่นวายประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สัปดาห์ที่แล้วสั่งระงับชั่วคราวโครงการสถานีชาร์เจอร์ของรถอีวีทั่วสหรัฐฯ 5 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง อีลอน มัสก์ เจ้าของเทสลากำลังยุ่งกับการยกเลิกหน่วยงานรัฐไล่เจ้าหน้าที่รัฐออก . ยูโรนิวส์รายงานวันพุธ (12 ก.พ.) ว่า หุ้น BYD พุ่งทะยานสูงสุดวันพุธ (12) หลังค่าย BYD ยักษ์ใหญ่อีวีของจีนประกาศจับมือร่วมกันกับบริษัท DeepSeek เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จีนเมื่อต้นสัปดาห์นี้ . BYD คู่แข่งสำคัญของค่ายเทสลาจากสหรัฐฯ แถลงว่า จะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติในรถทุกรุ่นของตัวเอง ตั้งแต่รุ่นที่ราคาต่ำสู่รุ่นระดับเอ็กซ์คลูซีฟ . ผู้ก่อตั้ง BYD Wang Chuanfu กล่าวในวันจันทร์ (10) ว่า บริษัท BYD ตั้งใจจะทำให้การขับขี่อัตโนมัติมีความหรูหราน้อยลงและฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้น . เทคโนโลยีใหม่ที่ว่านี้ถูกเรียกว่า “ดวงตาแห่งพระเจ้า” (God's Eye) จะได้รับการติดตั้งในรถที่มีราคาต่ำสุดตั้งแต่ 69,800 หยวน หรือ ราว 325,712.21 บาท อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนประจำวันพุธ (12) . BYD เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะติดตั้งซอฟต์แวร์ AI ของ DeepSeek เข้าไปในบางรุ่นของระบบการขับขี่ของตัวเอง . ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาชี้ว่า DeepSeek จะทำให้ระบบเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ BYD มีความชาญฉลาดมากขึ้นทางด้านระบบเสียงสั่งการ และเพิ่มความสามารถการขับขี่อัตโนมัติ . การประกาศจับมือร่วมกันของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดังจากแดนมังกรทำเอาเทสลาของอีลอน มัสก์ตกที่นั่งลำบาก สื่อ city.am ของอังกฤษออกมาชี้ว่า ผลการประกาศจับมือร่วมกันระหว่าง BYD และ DeepSeek ส่งผลสะเทือนต่อหุ้นเทสลาในวันพุธ (12) ที่ตกลง 5 วันติดต่อกัน . เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างเริ่มวิตกถึงซีอีโอใหญ่ อีลอน มัสก์ ในการใช้เวลาของเขา แมตต์ บริตซแมน (Matt Britzman) จาก Hargreaves Lansdown . นอกเหนือจากที่เขาต้องวุ่นกับแพลตฟอร์ม X ที่ปรากฏการทวีตของมัสก์บนแพลตฟอร์มบ่อยครั้ง มัสก์ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำสำนักงานประสิทธิภาพรัฐ DOGE และยังเปิดข้อเสนอ 97 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ OpenAI ของ แซม อัลต์แมน ทำให้วิตกว่า อีลอน จะไม่สนใจบริหาร Tesla อย่างมีประสิทธิภาพ . “แบรนด์ Tesla ตอนนี้พังแล้ว” รอส เกอร์เบอร์ (Ross Gerber) ซีอีโอบริหารประจำ Gerber Kawasaki แถลง . ขณะที่ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) มีรายงานไม่บินเข้าร่วมการประชุม AI โลก 2 วันจัดขึ้นที่กรุงปารีส ถึงแม้จะถูกเชิญก็ตาม หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานวานนี้ (11) แสดงความเห็นว่า จากการที่จีนกลายเป็นแชมป์ด้าน AI ในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . หนังสือฮ่องกงรายงานว่า แต่ทว่ามีปรากฏภาพซีอีโอบริษัท OpenAI ของสหรัฐฯ แซม อัลต์แมน เข้าร่วมงานในการประชุมนอกรอบในวันอังคาร (11) . งานซัมมิต AI โลกนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนวันจันทร์ (10) ได้ออกมาประกาศว่า “หากเป็นเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI แล้วขอให้เลือกยุโรปและฝรั่งเศส” . ฝรั่งเศสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จับมือร่วมกันตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ AI 1 กิกะวัตต์ของบริษัท Mistral AI ที่ฝรั่งเศสมูลค่าถึง 50 พันล้านยูโร . ทั้งนี้ Mistral AI SAS เป็นสตาร์ทอัปด้านปัญญาประดิษฐ์จากฝรั่งเศส มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส มีความเชี่ยวชาญในโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบเปิดน้ำหนัก ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2023 โดยวิศวกรที่เคยทำงานโดย Google DeepMind และ Meta Platforms . ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งรถไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (7) เป็นที่น่าตกตะลึงเมื่อ รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่มี “อีลอน มัสก์” ทำงานร่วม ออกคำสั่งภายในวันพฤหัสบดี (6) ให้บรรดาผู้อำนวยการคมนาคมมลรัฐ และสำนักงานบริหารทางหลวงสหรัฐฯ FHWA . ห้ามมลรัฐต่างๆ ใช้เงินใดๆที่ส่งไปให้ภายใต้โครงการโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จเจอร์อีวี NEVI ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ต้องการขยายสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รถอีวีให้ครอบคลุมทั่วประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายโลกร้อนและสิ่งแวดล้อมของไบเดน . เดอะการ์เดียนชี้ว่า ปัจจุบันในสหรัฐฯ พบว่า 14 มลรัฐทั่วอเมริกามีสถานีชาร์จเจอร์ไม่ต่ำกว่า 1 แห่งเปิดบริการ และมาจนถึงพฤศจิกายนล่าสุด มีจุดชาร์จไฟสาธารณะร่วม 126 เปิดทั่วสถานีชาร์จเจอร์รัฐ NEVI 31 แห่งใน 9 รัฐ เพิ่มขึ้น 83% ในการเปิดนับตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว . ทรัมป์เคยออกมาประณามการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของไบเดนว่าจะเป็นการนำความหายนะมาสู่อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014306 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2184 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียยื่นข้อเสนอเปิดสายการผลิต Sukhoi Su-57 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่สเตลธ์รุ่นทันสมัยที่สุดของแดนหมีขาวในแดนภารตะ เพื่อส่งมอบเข้าประจำการในกองทัพอากาศอินเดีย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงการกระชับสัมพันธ์ด้านกลาโหมระหว่าง 2 มหาอำนาจ
    .
    ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา รัสเซียถือเป็นซัปพลายเออร์อาวุธหลักของอินเดียซึ่งเป็นชาติผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วย และเครื่องบินขับไล่จากแดนหมีขาวก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในฝูงบินกองทัพอากาศอินเดีย ทว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ความสามารถในการส่งออกอาวุธของรัสเซียลดลงไปมากจากผลของสงครามในยูเครน ซึ่งทำให้อินเดียต้องหันไปพึ่งตะวันตกมากขึ้น
    .
    โฆษก Rosoboronexport ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจส่งออกอาวุธของรัสเซียให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า โครงการผลิตเครื่องบินขับไล่ Su-57 อาจเริ่มได้ภายในปีนี้ หากรัฐบาลอินเดียรับข้อเสนอของมอสโก
    .
    กระทรวงกลาโหมอินเดียยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมอาวุธรัสเซียและเจ้าหน้าที่อินเดียคนหนึ่งระบุว่า รัสเซียได้ยื่นข้อเสนอแบบไม่เป็นทางการระหว่างพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย และผู้แทนจากบริษัท Hindustan Aeronautics ซึ่งเป็นบริษัทด้านอวกาศและการป้องกันประเทศที่รัฐบาลอินเดียเป็นเจ้าของ
    .
    กองทัพอากาศอินเดียกำลังพยายามหาวิธีเติมเต็มฝูงบินขับไล่ซึ่งปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 31 ฝูงบิน จากเป้าหมาย 42 ฝูงบิน ในขณะที่มหาอำนาจคู่แข่งอย่าง “จีน” มีการเพิ่มจำนวนฝูงบินทหารอย่างต่อเนื่อง
    .
    โฆษก Rosoboronexport ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในงานแสดงการบิน Aero India ที่เมืองบังกาลอร์ว่า การเปิดสายผลิตเครื่องบินรบในอินเดียโดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า กระบวนการผลิตจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแซงก์ชันรัสเซียของตะวันตก
    .
    เขายังบอกด้วยว่า ในการผลิตเครื่องบินขับไล่ Su-57 อาจจะใช้วิธีปรับปรุงสายการผลิต Sukhoi Su-30 ที่มีอยู่แล้วในอินเดีย ซึ่งปัจจุบันกองทัพอากาศอินเดียมีเครื่องบินรบรุ่นนี้ใช้งานอยู่ทั้งสิ้น 260 ลำ
    .
    ทั้ง Su-57 และเครื่องบินขับไล่ F-35 Lightning II ของค่ายล็อกฮีดมาร์ตินจากสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพใกล้เคียงกัน ต่างถูกนำมาแสดงในงาน Aero India ด้วยกันทั้งคู่
    .
    แม้จะได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพพอฟัดพอเหวี่ยงกับเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ทว่า Su-57 ก็เคยประสบปัญหาล่าช้าในช่วงของการพัฒนา และเคยเกิดอุบัติเหตุตกเมื่อปี 2019
    .
    ตามข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิต เครื่องบินขับไล่ Su-57 เริ่มเดินสายการผลิตแบบต่อเนื่อง (serial production) เมื่อปี 2022
    .
    ปีที่แล้วรัสเซียได้ส่ง Su-57 ไปเข้าร่วมในงานแสดงการบินที่เมืองจูไห่ของจีน ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวในต่างแดนครั้งแรก และยังเป็นการประกาศความร่วมมือระหว่างจีน-รัสเซียให้ชาติตะวันตกได้เห็นกลายๆ ด้วย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014303
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียยื่นข้อเสนอเปิดสายการผลิต Sukhoi Su-57 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่สเตลธ์รุ่นทันสมัยที่สุดของแดนหมีขาวในแดนภารตะ เพื่อส่งมอบเข้าประจำการในกองทัพอากาศอินเดีย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงการกระชับสัมพันธ์ด้านกลาโหมระหว่าง 2 มหาอำนาจ . ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา รัสเซียถือเป็นซัปพลายเออร์อาวุธหลักของอินเดียซึ่งเป็นชาติผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วย และเครื่องบินขับไล่จากแดนหมีขาวก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในฝูงบินกองทัพอากาศอินเดีย ทว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ความสามารถในการส่งออกอาวุธของรัสเซียลดลงไปมากจากผลของสงครามในยูเครน ซึ่งทำให้อินเดียต้องหันไปพึ่งตะวันตกมากขึ้น . โฆษก Rosoboronexport ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจส่งออกอาวุธของรัสเซียให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า โครงการผลิตเครื่องบินขับไล่ Su-57 อาจเริ่มได้ภายในปีนี้ หากรัฐบาลอินเดียรับข้อเสนอของมอสโก . กระทรวงกลาโหมอินเดียยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมอาวุธรัสเซียและเจ้าหน้าที่อินเดียคนหนึ่งระบุว่า รัสเซียได้ยื่นข้อเสนอแบบไม่เป็นทางการระหว่างพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย และผู้แทนจากบริษัท Hindustan Aeronautics ซึ่งเป็นบริษัทด้านอวกาศและการป้องกันประเทศที่รัฐบาลอินเดียเป็นเจ้าของ . กองทัพอากาศอินเดียกำลังพยายามหาวิธีเติมเต็มฝูงบินขับไล่ซึ่งปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 31 ฝูงบิน จากเป้าหมาย 42 ฝูงบิน ในขณะที่มหาอำนาจคู่แข่งอย่าง “จีน” มีการเพิ่มจำนวนฝูงบินทหารอย่างต่อเนื่อง . โฆษก Rosoboronexport ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในงานแสดงการบิน Aero India ที่เมืองบังกาลอร์ว่า การเปิดสายผลิตเครื่องบินรบในอินเดียโดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า กระบวนการผลิตจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแซงก์ชันรัสเซียของตะวันตก . เขายังบอกด้วยว่า ในการผลิตเครื่องบินขับไล่ Su-57 อาจจะใช้วิธีปรับปรุงสายการผลิต Sukhoi Su-30 ที่มีอยู่แล้วในอินเดีย ซึ่งปัจจุบันกองทัพอากาศอินเดียมีเครื่องบินรบรุ่นนี้ใช้งานอยู่ทั้งสิ้น 260 ลำ . ทั้ง Su-57 และเครื่องบินขับไล่ F-35 Lightning II ของค่ายล็อกฮีดมาร์ตินจากสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพใกล้เคียงกัน ต่างถูกนำมาแสดงในงาน Aero India ด้วยกันทั้งคู่ . แม้จะได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพพอฟัดพอเหวี่ยงกับเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ทว่า Su-57 ก็เคยประสบปัญหาล่าช้าในช่วงของการพัฒนา และเคยเกิดอุบัติเหตุตกเมื่อปี 2019 . ตามข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิต เครื่องบินขับไล่ Su-57 เริ่มเดินสายการผลิตแบบต่อเนื่อง (serial production) เมื่อปี 2022 . ปีที่แล้วรัสเซียได้ส่ง Su-57 ไปเข้าร่วมในงานแสดงการบินที่เมืองจูไห่ของจีน ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวในต่างแดนครั้งแรก และยังเป็นการประกาศความร่วมมือระหว่างจีน-รัสเซียให้ชาติตะวันตกได้เห็นกลายๆ ด้วย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014303 .............. Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1972 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไม่นานมานี้ มีคำตัดสินที่สำคัญในวงการเทคโนโลยีและกฎหมายที่มีผลกระทบใหญ่ในอนาคต คำตัดสินนี้เป็นกรณีแรกที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดลิขสิทธิ์ในสหรัฐอเมริกา โดยศาลรัฐบาลกลางในเดลาแวร์ได้ตัดสินให้ Thomson Reuters ชนะคดีที่ฟ้องร้อง Ross Intelligence ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลการวิจัยกฎหมายของ Thomson Reuters ชื่อว่า Westlaw เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ด้านกฎหมายที่เป็นคู่แข่งกัน

    ศาลปฏิเสธข้ออ้างการใช้งานที่เป็นธรรม (fair use) ของ Ross Intelligence ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่บริษัท AI มักใช้ในการโต้เถียงเรื่องลิขสิทธิ์ โดยผู้พิพากษา Stephanos Bibas กล่าวในคำตัดสินว่า "ไม่มีข้อแก้ต่างใดๆ ของ Ross ที่สมเหตุสมผล ผมปฏิเสธทั้งหมด"

    คดีนี้เน้นไปที่ AI ที่ไม่ได้สร้างเนื้อหาใหม่จากข้อมูลเดิม เช่น โมเดลภาษาใหญ่ (large language models) แต่ใช้ข้อมูลโดยตรงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นคู่แข่ง คำตัดสินนี้อาจมีผลกระทบที่สำคัญต่ออุตสาหกรรม AI และอาจทำให้การโต้เถียงเรื่องการใช้งานที่เป็นธรรมยากขึ้นสำหรับบริษัทที่กำลังพัฒนาระบบ AI อื่นๆ เช่น OpenAI, Microsoft และ Meta Platforms

    การตัดสินนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาลิขสิทธิ์ในยุคที่ AI มีบทบาทมากขึ้น และทำให้เราเห็นว่าศาลยังคงเคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์

    https://www.techspot.com/news/106738-federal-judge-rules-against-ai-company-major-copyright.html
    เมื่อไม่นานมานี้ มีคำตัดสินที่สำคัญในวงการเทคโนโลยีและกฎหมายที่มีผลกระทบใหญ่ในอนาคต คำตัดสินนี้เป็นกรณีแรกที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดลิขสิทธิ์ในสหรัฐอเมริกา โดยศาลรัฐบาลกลางในเดลาแวร์ได้ตัดสินให้ Thomson Reuters ชนะคดีที่ฟ้องร้อง Ross Intelligence ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลการวิจัยกฎหมายของ Thomson Reuters ชื่อว่า Westlaw เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ด้านกฎหมายที่เป็นคู่แข่งกัน ศาลปฏิเสธข้ออ้างการใช้งานที่เป็นธรรม (fair use) ของ Ross Intelligence ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่บริษัท AI มักใช้ในการโต้เถียงเรื่องลิขสิทธิ์ โดยผู้พิพากษา Stephanos Bibas กล่าวในคำตัดสินว่า "ไม่มีข้อแก้ต่างใดๆ ของ Ross ที่สมเหตุสมผล ผมปฏิเสธทั้งหมด" คดีนี้เน้นไปที่ AI ที่ไม่ได้สร้างเนื้อหาใหม่จากข้อมูลเดิม เช่น โมเดลภาษาใหญ่ (large language models) แต่ใช้ข้อมูลโดยตรงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นคู่แข่ง คำตัดสินนี้อาจมีผลกระทบที่สำคัญต่ออุตสาหกรรม AI และอาจทำให้การโต้เถียงเรื่องการใช้งานที่เป็นธรรมยากขึ้นสำหรับบริษัทที่กำลังพัฒนาระบบ AI อื่นๆ เช่น OpenAI, Microsoft และ Meta Platforms การตัดสินนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาลิขสิทธิ์ในยุคที่ AI มีบทบาทมากขึ้น และทำให้เราเห็นว่าศาลยังคงเคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ https://www.techspot.com/news/106738-federal-judge-rules-against-ai-company-major-copyright.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Federal judge delivers first major AI copyright ruling against startup
    The case, filed in 2020, accused Ross Intelligence of reproducing materials from Thomson Reuters' Westlaw legal research database to build a competing AI-powered legal platform. Judge Bibas...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts