• AI ใช้พลังงานและน้ำมากกว่า Bitcoin Mining

    รายงานจาก Alex de Vries-Gao นักวิจัยจาก VU Amsterdam Institute for Environmental Studies ระบุว่า ความต้องการพลังงานของ AI อาจสูงถึง 23 กิกะวัตต์ในปี 2025 ซึ่งมากกว่าการใช้พลังงานของ Bitcoin mining ทั้งปี 2024 นอกจากนี้ยังคาดว่า AI จะใช้น้ำระหว่าง 312.5 ถึง 764.6 พันล้านลิตร สำหรับการระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล เทียบเท่ากับปริมาณน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภคในหนึ่งปี

    แม้ตัวเลขเหล่านี้จะเป็นการประมาณ แต่ก็สะท้อนถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของศูนย์ข้อมูล AI ที่ต้องใช้พลังงานและน้ำจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้ทรัพยากรจริงในรายงานความยั่งยืน ทำให้การประเมินต้องอาศัยการคาดการณ์จากข้อมูลการลงทุนและการติดตั้งฮาร์ดแวร์

    ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมยังรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงมาก โดยคาดว่า AI อาจสร้างคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศสิงคโปร์ทั้งประเทศในปี 2022 นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน เช่น การขุดแร่ การผลิตชิป และการกำจัดอุปกรณ์

    นักการเมืองในสหรัฐฯ เริ่มแสดงความกังวลต่อการใช้ทรัพยากรของ AI โดยมีการเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยีเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำอย่างละเอียด รวมถึงข้อเสนอให้ชะลอการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การใช้พลังงานของ AI
    คาดว่าจะสูงถึง 23GW ในปี 2025 มากกว่า Bitcoin mining ปี 2024

    การใช้น้ำเพื่อระบายความร้อน
    อยู่ระหว่าง 312.5–764.6 พันล้านลิตร เทียบเท่าน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภค

    การปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ใกล้เคียงกับการปล่อยของประเทศสิงคโปร์ในปี 2022

    ความโปร่งใสของบริษัทเทคโนโลยี
    ยังไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำในรายงานความยั่งยืน

    คำเตือนด้านสิ่งแวดล้อม
    ตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน
    การขยายศูนย์ข้อมูล AI อาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำและพลังงานของประชาชนในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-surpasses-2024-bitcoin-mining-in-energy-usage-uses-more-h20-than-the-bottles-of-water-people-drink-globally-study-claims-says-ai-demand-could-hit-23gw-and-up-to-764-billion-liters-of-water-in-2025
    ⚡ AI ใช้พลังงานและน้ำมากกว่า Bitcoin Mining รายงานจาก Alex de Vries-Gao นักวิจัยจาก VU Amsterdam Institute for Environmental Studies ระบุว่า ความต้องการพลังงานของ AI อาจสูงถึง 23 กิกะวัตต์ในปี 2025 ซึ่งมากกว่าการใช้พลังงานของ Bitcoin mining ทั้งปี 2024 นอกจากนี้ยังคาดว่า AI จะใช้น้ำระหว่าง 312.5 ถึง 764.6 พันล้านลิตร สำหรับการระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล เทียบเท่ากับปริมาณน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภคในหนึ่งปี แม้ตัวเลขเหล่านี้จะเป็นการประมาณ แต่ก็สะท้อนถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของศูนย์ข้อมูล AI ที่ต้องใช้พลังงานและน้ำจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้ทรัพยากรจริงในรายงานความยั่งยืน ทำให้การประเมินต้องอาศัยการคาดการณ์จากข้อมูลการลงทุนและการติดตั้งฮาร์ดแวร์ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมยังรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงมาก โดยคาดว่า AI อาจสร้างคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศสิงคโปร์ทั้งประเทศในปี 2022 นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน เช่น การขุดแร่ การผลิตชิป และการกำจัดอุปกรณ์ นักการเมืองในสหรัฐฯ เริ่มแสดงความกังวลต่อการใช้ทรัพยากรของ AI โดยมีการเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยีเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำอย่างละเอียด รวมถึงข้อเสนอให้ชะลอการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การใช้พลังงานของ AI ➡️ คาดว่าจะสูงถึง 23GW ในปี 2025 มากกว่า Bitcoin mining ปี 2024 ✅ การใช้น้ำเพื่อระบายความร้อน ➡️ อยู่ระหว่าง 312.5–764.6 พันล้านลิตร เทียบเท่าน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภค ✅ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ➡️ เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ใกล้เคียงกับการปล่อยของประเทศสิงคโปร์ในปี 2022 ✅ ความโปร่งใสของบริษัทเทคโนโลยี ➡️ ยังไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำในรายงานความยั่งยืน ‼️ คำเตือนด้านสิ่งแวดล้อม ⛔ ตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน ⛔ การขยายศูนย์ข้อมูล AI อาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำและพลังงานของประชาชนในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-surpasses-2024-bitcoin-mining-in-energy-usage-uses-more-h20-than-the-bottles-of-water-people-drink-globally-study-claims-says-ai-demand-could-hit-23gw-and-up-to-764-billion-liters-of-water-in-2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## รัสเซีย ช่วย เขมร บินโดรน โจมตี ทหารไทย...??? ##
    ..
    ..
    สำหรับใครที่ยังเข้าใจผิดแบบนี้อยู่ อยากให้ลองอ่านดูครับ
    .
    1.เริ่มที่ ข้อสังเกตเกี่ยวกับยุทธวิธีการบิน โดรนพลีชีพ หรือ FPV Kamikaze Drone ที่ กองทัพภาคที่ 2 และ นักวิเคราะห์รายอื่นๆ ระบุบว่าเป็น สิ่งที่จะพบได้ในสงคราม รัสเซีย-ยูเครน เนื่องจาก
    .
    1.1 การใช้โดรน FPV พลีชีพ (FPV Kamikaze Drone)
    โดรน FPV ชนิดนี้พบได้ใน สงครามยูเครน-รัสเซีย และ มีลักษณะทางโครงสร้างและอุปกรณ์ที่ใกล้เคียงกันอย่างชัดเจน เช่น เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์, แบตเตอรี่ LiPo และรูปแบบการติดตั้งหัวรบ
    .
    1.2 ความคล้ายคลึงทางยุทธวิธีและผู้ควบคุม
    ด้านความคล้ายคลึงทางยุทธวิธีและผู้ควบคุม กองทัพไทยตั้งข้อสังเกตว่า ความแม่นยำ ในการโจมตี และ พฤติกรรมการบิน สะท้อนว่าผู้ควบคุมโดรนมีประสบการณ์สูงและอาจไม่ใช่กำลังพลกัมพูชาที่เพิ่งฝึกใช้โดรนเป็นครั้งแรก

    1.3 การใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์
    ยุทธวิธีรวมถึงการเลือกใช้พื้นที่สูง เช่น เนิน 745 ในการปล่อยโดรน เพื่อให้ได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ และใช้หุบเขาและป่าทึบในการอำพรางสายไฟเบอร์ออปติกเพื่อควบคุมโดรน ทำให้ฝ่ายไทยตรวจจับได้ยาก ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่นักวิเคราะห์ชี้ว่ามีประสิทธิภาพสูงในสงครามสมัยใหม่ (ไม่ใช่สิ่งที่ ทหารเขมรจะทำได้ด้วยตนเอง)
    ....
    ....
    และที่สำคัญ มีการตรวจพบหลักฐานว่า มีสัญญาณวิทยุทางทหารโหมด CRL และ มีคำสั่งเป็น ภาษาอังกฤษ ลงท้ายประโยคว่า "Finished" ในการสื่อสาร
    .
    ซึ่งเป็นสำนวนที่พบในการสื่อสารของนักบิน FPV ใน สงครามยูเครน-รัสเซีย ทำให้เชื่อว่าอาจมีบุคคลภายนอกประเทศ หรือ "นักรบรับจ้าง" ที่ผ่านสมรภูมิจริงมาแล้วร่วมมือกับกัมพูชาในการโจมตีทหารไทย
    ....
    ....
    สงครามยูเครน คือ สงครามตัวแทน ระหว่าง 2 ฝั่งคือ อเมริกา NATO และ รัสเซีย
    .
    แล้วใครกันหล่ะที่ใช้ คำสั่งเสียง ภาษาอังกฤษ เช่นคำว่า "finished" ในการสื่อสาร...???
    .
    รัสเซีย...???
    .
    ไม่ใช่ครับ...!!!
    .
    ดังนั้นประเด็นนี้ ข้อมูลมันชี้ไปที่ ทหารรับจ้างในที่มีประสบการณ์ในสงคราม รัสเซีย-ยูเครน จากฝั่ง อเมริกา และ NATO ครับ
    .....
    .....
    2.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร (นักวิชาการด้านความมั่นคง) ได้ชี้ว่าศักยภาพโดรนรบของกัมพูชา "สูงขึ้น" และอาจมี "ทหารรับจ้างอเมริกัน" เข้ามาคุมระบบ เหมือนที่ช่วยเหลือยูเครนรบกับรัสเซีย
    .
    3.ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เขมร-ยูเครน-รัสเซีย
    .
    3.1 สัมพันธ์ เขมร กับ ยูเครน
    .
    มีการนำเข้าผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดจาก เขมร ส่งไปฝึกยัง ยูเครน เพื่อเก็บกู้กับระเบิด และ ฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญชาวยูเครน เกี่ยวกับเทคนิคการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด (UXO) โดยเฉพาะการเก็บกู้ระเบิดต่อต้านบุคคล (เช่น PMN2) ซึ่งถูกใช้ในสงครามยูเครน
    .
    เขมร ได้รับการยกย่อง จาก ยูเครน ว่าเป็นความร่วมมือที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยธรรม
    .
    3.2 สัมพันธ์ เขมร กับ รัสเซีย
    .
    จะเห็นได้ชัดจาก จุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศใน UN
    .
    เขมร แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการกล่าวหาว่า รัสเซีย ได้ทำการรุกราน ยูเครน ซึ่ง ฮุนเซน เคยออกมาประณามด้วยตนเอง
    .
    และ ฮุนเซน ในฐานะประธานอาเซียนในปี 2565 ได้พยายามผลักดันให้อาเซียนออกแถลงการณ์ที่แข็งกร้าวและมีเนื้อหาในเชิงคัดค้าน และ ประณามการรุกราน ของ รัสเซีย อย่างชัดเจน
    .
    การโหวตในสมัชชาใหญ่ UN กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ โหวตเห็นชอบมติของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UN General Assembly) ที่ประณามการรุกรานและเรียกร้องให้ รัสเซีย ถอนกำลังทหารออกจากยูเครน ซึ่งแสดงถึงความสอดคล้องทางการเมืองกับฝ่ายตะวันตกและยูเครน
    ....
    ....
    ดังนั้น...
    .
    ความขัดแย้งทางจุดยืน และ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ ยูเครน และ การประณาม รัสเซีย อย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้โอกาสที่ เขมร จะจ้างกลุ่มทหารรับจ้างที่เป็นพันธมิตรหลักของ รัสเซีย อย่าง "กลุ่มวากเนอร์" จึงเป็นไปได้ยากมาก
    .
    และการที่ รัสเซีย จะปล่อยให้ "กลุ่มวากเนอร์" เข้าไปมีบทบาทในการปะทะระหว่าง เขมร กับ ไทย จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศรัสเซีย และ ประเทศไทย (ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน)
    .
    และมองแล้วเป็นการ "ได้ไม่คุ้มเสีย" สำหรับผลประโยชน์ทางการทูตและเศรษฐกิจของรัสเซียในภูมิภาคนี้ (ที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ เพิ่งจะได้ไปเจรจาเปิดตลาดการค้ากับ รัสเซีย เพิ่มขึ้น)
    .....
    .....
    ดังนั้น จากข้อเท็จจริงทางการเมืองและความร่วมมือที่ชัดเจนระหว่างกัมพูชาและยูเครน ประกอบกับคำสั่งเสียงภาษาอังกฤษที่ตรวจพบ ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับการสันนิษฐานที่ว่า ผู้เชี่ยวชาญหรือนักรบรับจ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้โดรนพลีชีพ หรือ FPV Kamikaze Drone โจมตีทหารฝ่ายไทยนั้น น่าจะมาจากกลุ่มที่เคยปฏิบัติการร่วม หรือ มีความใกล้ชิดกับกองกำลัง ฝ่ายยูเครน เช่น อเมริกา และ NATO มากกว่าฝ่าย รัสเซีย ครับ
    .....
    .....
    https://www.thairath.co.th/news/local/2901381
    ## รัสเซีย ช่วย เขมร บินโดรน โจมตี ทหารไทย...??? ## .. .. สำหรับใครที่ยังเข้าใจผิดแบบนี้อยู่ อยากให้ลองอ่านดูครับ . 1.เริ่มที่ ข้อสังเกตเกี่ยวกับยุทธวิธีการบิน โดรนพลีชีพ หรือ FPV Kamikaze Drone ที่ กองทัพภาคที่ 2 และ นักวิเคราะห์รายอื่นๆ ระบุบว่าเป็น สิ่งที่จะพบได้ในสงคราม รัสเซีย-ยูเครน เนื่องจาก . 1.1 การใช้โดรน FPV พลีชีพ (FPV Kamikaze Drone) โดรน FPV ชนิดนี้พบได้ใน สงครามยูเครน-รัสเซีย และ มีลักษณะทางโครงสร้างและอุปกรณ์ที่ใกล้เคียงกันอย่างชัดเจน เช่น เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์, แบตเตอรี่ LiPo และรูปแบบการติดตั้งหัวรบ . 1.2 ความคล้ายคลึงทางยุทธวิธีและผู้ควบคุม ด้านความคล้ายคลึงทางยุทธวิธีและผู้ควบคุม กองทัพไทยตั้งข้อสังเกตว่า ความแม่นยำ ในการโจมตี และ พฤติกรรมการบิน สะท้อนว่าผู้ควบคุมโดรนมีประสบการณ์สูงและอาจไม่ใช่กำลังพลกัมพูชาที่เพิ่งฝึกใช้โดรนเป็นครั้งแรก 1.3 การใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ ยุทธวิธีรวมถึงการเลือกใช้พื้นที่สูง เช่น เนิน 745 ในการปล่อยโดรน เพื่อให้ได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ และใช้หุบเขาและป่าทึบในการอำพรางสายไฟเบอร์ออปติกเพื่อควบคุมโดรน ทำให้ฝ่ายไทยตรวจจับได้ยาก ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่นักวิเคราะห์ชี้ว่ามีประสิทธิภาพสูงในสงครามสมัยใหม่ (ไม่ใช่สิ่งที่ ทหารเขมรจะทำได้ด้วยตนเอง) .... .... และที่สำคัญ มีการตรวจพบหลักฐานว่า มีสัญญาณวิทยุทางทหารโหมด CRL และ มีคำสั่งเป็น ภาษาอังกฤษ ลงท้ายประโยคว่า "Finished" ในการสื่อสาร . ซึ่งเป็นสำนวนที่พบในการสื่อสารของนักบิน FPV ใน สงครามยูเครน-รัสเซีย ทำให้เชื่อว่าอาจมีบุคคลภายนอกประเทศ หรือ "นักรบรับจ้าง" ที่ผ่านสมรภูมิจริงมาแล้วร่วมมือกับกัมพูชาในการโจมตีทหารไทย .... .... สงครามยูเครน คือ สงครามตัวแทน ระหว่าง 2 ฝั่งคือ อเมริกา NATO และ รัสเซีย . แล้วใครกันหล่ะที่ใช้ คำสั่งเสียง ภาษาอังกฤษ เช่นคำว่า "finished" ในการสื่อสาร...??? . รัสเซีย...??? . ไม่ใช่ครับ...!!! . ดังนั้นประเด็นนี้ ข้อมูลมันชี้ไปที่ ทหารรับจ้างในที่มีประสบการณ์ในสงคราม รัสเซีย-ยูเครน จากฝั่ง อเมริกา และ NATO ครับ ..... ..... 2.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร (นักวิชาการด้านความมั่นคง) ได้ชี้ว่าศักยภาพโดรนรบของกัมพูชา "สูงขึ้น" และอาจมี "ทหารรับจ้างอเมริกัน" เข้ามาคุมระบบ เหมือนที่ช่วยเหลือยูเครนรบกับรัสเซีย . 3.ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เขมร-ยูเครน-รัสเซีย . 3.1 สัมพันธ์ เขมร กับ ยูเครน . มีการนำเข้าผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดจาก เขมร ส่งไปฝึกยัง ยูเครน เพื่อเก็บกู้กับระเบิด และ ฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญชาวยูเครน เกี่ยวกับเทคนิคการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด (UXO) โดยเฉพาะการเก็บกู้ระเบิดต่อต้านบุคคล (เช่น PMN2) ซึ่งถูกใช้ในสงครามยูเครน . เขมร ได้รับการยกย่อง จาก ยูเครน ว่าเป็นความร่วมมือที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยธรรม . 3.2 สัมพันธ์ เขมร กับ รัสเซีย . จะเห็นได้ชัดจาก จุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศใน UN . เขมร แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการกล่าวหาว่า รัสเซีย ได้ทำการรุกราน ยูเครน ซึ่ง ฮุนเซน เคยออกมาประณามด้วยตนเอง . และ ฮุนเซน ในฐานะประธานอาเซียนในปี 2565 ได้พยายามผลักดันให้อาเซียนออกแถลงการณ์ที่แข็งกร้าวและมีเนื้อหาในเชิงคัดค้าน และ ประณามการรุกราน ของ รัสเซีย อย่างชัดเจน . การโหวตในสมัชชาใหญ่ UN กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ โหวตเห็นชอบมติของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UN General Assembly) ที่ประณามการรุกรานและเรียกร้องให้ รัสเซีย ถอนกำลังทหารออกจากยูเครน ซึ่งแสดงถึงความสอดคล้องทางการเมืองกับฝ่ายตะวันตกและยูเครน .... .... ดังนั้น... . ความขัดแย้งทางจุดยืน และ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ ยูเครน และ การประณาม รัสเซีย อย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้โอกาสที่ เขมร จะจ้างกลุ่มทหารรับจ้างที่เป็นพันธมิตรหลักของ รัสเซีย อย่าง "กลุ่มวากเนอร์" จึงเป็นไปได้ยากมาก . และการที่ รัสเซีย จะปล่อยให้ "กลุ่มวากเนอร์" เข้าไปมีบทบาทในการปะทะระหว่าง เขมร กับ ไทย จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศรัสเซีย และ ประเทศไทย (ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน) . และมองแล้วเป็นการ "ได้ไม่คุ้มเสีย" สำหรับผลประโยชน์ทางการทูตและเศรษฐกิจของรัสเซียในภูมิภาคนี้ (ที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ เพิ่งจะได้ไปเจรจาเปิดตลาดการค้ากับ รัสเซีย เพิ่มขึ้น) ..... ..... ดังนั้น จากข้อเท็จจริงทางการเมืองและความร่วมมือที่ชัดเจนระหว่างกัมพูชาและยูเครน ประกอบกับคำสั่งเสียงภาษาอังกฤษที่ตรวจพบ ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับการสันนิษฐานที่ว่า ผู้เชี่ยวชาญหรือนักรบรับจ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้โดรนพลีชีพ หรือ FPV Kamikaze Drone โจมตีทหารฝ่ายไทยนั้น น่าจะมาจากกลุ่มที่เคยปฏิบัติการร่วม หรือ มีความใกล้ชิดกับกองกำลัง ฝ่ายยูเครน เช่น อเมริกา และ NATO มากกว่าฝ่าย รัสเซีย ครับ ..... ..... https://www.thairath.co.th/news/local/2901381
    WWW.THAIRATH.CO.TH
    เฉลยแล้วทำไมโดรนกัมพูชารุกหนัก 5 วันติด พบเทคนิคเดียวกับสมรภูมิยูเครน–รัสเซีย
    เฉลยแล้วทำไมโดรนกัมพูชารุกหนัก 5 วันติด ใช้เนิน 745, 677 พื้นที่สูง และใช้ระบบไฟเบอร์ออปติก ป้องกันเจมเมอร์ไทย ซากโดรนชี้ร่องรอยต่างชาติคุมโจมตีไทย พบเทคนิคเดียวกับสมรภูมิยูเครน–รัสเซีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • Aircela: น้ำมันเบนซินจากอากาศ

    บริษัท Aircela จากนิวยอร์กกำลังสร้างนวัตกรรมที่ดูเหมือนฝัน คือเครื่องจักรที่สามารถดึง คาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ แล้วเปลี่ยนเป็น น้ำมันเบนซินปลอดฟอสซิล เครื่องนี้มีขนาดประมาณ 6 ฟุตสูง และ 3 ฟุตกว้าง ใช้สารละลายน้ำผสมโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ในการจับ CO₂ ก่อนจะแยกน้ำเป็นไฮโดรเจนและออกซิเจน แล้วนำไฮโดรเจนกับ CO₂ มาสร้างเป็นเมทานอล และสุดท้ายแปรสภาพเป็นน้ำมันเบนซินที่ไม่มีสารพิษอย่างกำมะถันหรือโลหะหนัก

    ประสิทธิภาพและการทำงาน
    เครื่อง Aircela สามารถจับ CO₂ ได้ราว 10 กิโลกรัมต่อวัน และผลิตน้ำมันเบนซินได้ประมาณ 1 แกลลอนต่อวัน โดยมีถังเก็บเชื้อเพลิงได้ถึง 17 แกลลอน ซึ่งหมายความว่าต้องใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์ในการผลิตน้ำมันเต็มถังสำหรับรถยนต์ทั่วไป แม้จะยังไม่เร็วพอสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเชื้อเพลิงสะอาด

    ผลกระทบและความเป็นไปได้
    หากเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก จุดเด่นคือสามารถติดตั้งได้ทั้งในบ้านหรือพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงน้ำมันเชื้อเพลิงยาก คล้ายกับการใช้ แผงโซลาร์เซลล์แบบโมดูลาร์ ที่สามารถเชื่อมต่อหลายเครื่องเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต

    แผนการในอนาคต
    Aircela ตั้งเป้าที่จะเปิดตัวเชิงพาณิชย์ในปี 2026 และหวังให้เชื้อเพลิงที่ผลิตได้มีราคาสมเหตุสมผลใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซินทั่วไป หากสำเร็จ จะเป็นการปฏิวัติวงการพลังงานและการเดินทาง โดยเฉพาะในยุคที่โลกกำลังมองหาทางออกจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศ

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Aircela พัฒนาเครื่องผลิตน้ำมันเบนซินจากอากาศ น้ำ และคาร์บอน
    เครื่องจับ CO₂ ได้ 10 กก./วัน ผลิตน้ำมัน 1 แกลลอน/วัน
    ถังเก็บได้ 17 แกลลอน ใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์ในการผลิตเต็มถัง

    ผลกระทบ
    ลดการพึ่งพาน้ำมันฟอสซิล
    ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    ใช้งานได้ทั้งบ้านและพื้นที่ห่างไกล

    อนาคต
    ตั้งเป้าเปิดตัวเชิงพาณิชย์ในปี 2026
    ราคาน้ำมันสะอาดใกล้เคียงกับน้ำมันทั่วไป

    คำเตือน
    ปริมาณการผลิตยังน้อย ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในตอนนี้
    ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้เชื้อเพลิงเต็มถัง
    ยังไม่เปิดเผยต้นทุนเครื่องและราคาน้ำมันที่ผลิตได้

    https://www.slashgear.com/2048896/ev-alternative-clean-fuel-aircela-gas-from-air-water-carbon/
    🌱 Aircela: น้ำมันเบนซินจากอากาศ บริษัท Aircela จากนิวยอร์กกำลังสร้างนวัตกรรมที่ดูเหมือนฝัน คือเครื่องจักรที่สามารถดึง คาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ แล้วเปลี่ยนเป็น น้ำมันเบนซินปลอดฟอสซิล เครื่องนี้มีขนาดประมาณ 6 ฟุตสูง และ 3 ฟุตกว้าง ใช้สารละลายน้ำผสมโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ในการจับ CO₂ ก่อนจะแยกน้ำเป็นไฮโดรเจนและออกซิเจน แล้วนำไฮโดรเจนกับ CO₂ มาสร้างเป็นเมทานอล และสุดท้ายแปรสภาพเป็นน้ำมันเบนซินที่ไม่มีสารพิษอย่างกำมะถันหรือโลหะหนัก ⚙️ ประสิทธิภาพและการทำงาน เครื่อง Aircela สามารถจับ CO₂ ได้ราว 10 กิโลกรัมต่อวัน และผลิตน้ำมันเบนซินได้ประมาณ 1 แกลลอนต่อวัน โดยมีถังเก็บเชื้อเพลิงได้ถึง 17 แกลลอน ซึ่งหมายความว่าต้องใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์ในการผลิตน้ำมันเต็มถังสำหรับรถยนต์ทั่วไป แม้จะยังไม่เร็วพอสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเชื้อเพลิงสะอาด 🌐 ผลกระทบและความเป็นไปได้ หากเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก จุดเด่นคือสามารถติดตั้งได้ทั้งในบ้านหรือพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงน้ำมันเชื้อเพลิงยาก คล้ายกับการใช้ แผงโซลาร์เซลล์แบบโมดูลาร์ ที่สามารถเชื่อมต่อหลายเครื่องเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต 🔮 แผนการในอนาคต Aircela ตั้งเป้าที่จะเปิดตัวเชิงพาณิชย์ในปี 2026 และหวังให้เชื้อเพลิงที่ผลิตได้มีราคาสมเหตุสมผลใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซินทั่วไป หากสำเร็จ จะเป็นการปฏิวัติวงการพลังงานและการเดินทาง โดยเฉพาะในยุคที่โลกกำลังมองหาทางออกจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Aircela พัฒนาเครื่องผลิตน้ำมันเบนซินจากอากาศ น้ำ และคาร์บอน ➡️ เครื่องจับ CO₂ ได้ 10 กก./วัน ผลิตน้ำมัน 1 แกลลอน/วัน ➡️ ถังเก็บได้ 17 แกลลอน ใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์ในการผลิตเต็มถัง ✅ ผลกระทบ ➡️ ลดการพึ่งพาน้ำมันฟอสซิล ➡️ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ➡️ ใช้งานได้ทั้งบ้านและพื้นที่ห่างไกล ✅ อนาคต ➡️ ตั้งเป้าเปิดตัวเชิงพาณิชย์ในปี 2026 ➡️ ราคาน้ำมันสะอาดใกล้เคียงกับน้ำมันทั่วไป ‼️ คำเตือน ⛔ ปริมาณการผลิตยังน้อย ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในตอนนี้ ⛔ ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้เชื้อเพลิงเต็มถัง ⛔ ยังไม่เปิดเผยต้นทุนเครื่องและราคาน้ำมันที่ผลิตได้ https://www.slashgear.com/2048896/ev-alternative-clean-fuel-aircela-gas-from-air-water-carbon/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Ambitious Startup Says Its Machine Can Make Gasoline Out Of Thin Air - SlashGear
    A New York-based company called Aircela says its machine is able to capture 10 kilograms of CO2 and convert it into one gallon of gasoline each day.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251212 #securityonline


    ช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ของ WordPress
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน WordPress โดยมีคะแนนความรุนแรง CVSS 9.8 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ระดับต่ำอย่าง “Subscriber” สามารถยกระดับสิทธิ์และเข้ายึดครองเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ ปัญหานี้เกิดจากฟังก์ชัน penci_update_option ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงการตั้งค่าไซต์สำคัญโดยไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนค่า เช่น เปิดให้ใครก็สมัครสมาชิกได้ และตั้งค่าให้ผู้ใช้ใหม่เป็น “Administrator” ได้ทันที นักพัฒนาของธีมได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 8.6.9.1 โดยเพิ่มการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ที่เข้าถึงฟังก์ชันดังกล่าว ผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ใช้ธีมนี้จึงควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดครอง
    https://securityonline.info/cve-2025-64188-cvss-9-8-critical-soledad-theme-flaw-lets-subscribers-take-over-wordpress-sites

    แคมเปญฟิชชิ่ง Okta SSO ปลอมตัวเป็นการแจ้งผลเงินเดือน
    ในช่วงที่พนักงานกำลังรอการประเมินผลงานสิ้นปี มีการโจมตีฟิชชิ่งที่ซับซ้อนเกิดขึ้น โดยใช้การหลอกลวงผ่านอีเมลที่ปลอมเป็นฝ่าย HR หรือระบบเงินเดือน เช่น ADP หรือ Salesforce หัวข้ออีเมลมักจะเป็น “Review Your 2026 Salary & Bonus” เพื่อกระตุ้นให้เหยื่อรีบเปิด เมื่อเหยื่อเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ระบบฟิชชิ่งนี้จะทำงานเหมือนจริงโดยใช้ proxy เชื่อมต่อกับ Okta ขององค์กร ทำให้หน้าล็อกอินดูสมจริงยิ่งขึ้น จากนั้นสคริปต์ inject.js จะดักจับรหัสผ่านและคุกกี้ session สำคัญเพื่อยึดครองบัญชี ผู้โจมตียังใช้เทคนิคซ่อนเว็บไซต์ผ่าน Cloudflare เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ ถือเป็นการโจมตีที่อันตรายและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
    https://securityonline.info/sophisticated-okta-sso-phishing-bypasses-defenses-to-steal-session-tokens-with-salary-review-lures

    ValleyRAT หลุดสู่สาธารณะ กลายเป็นอาวุธไซเบอร์ในมืออาชญากร
    ValleyRAT ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือสอดแนมระดับสูง ตอนนี้กลายเป็นภัยคุกคามสาธารณะหลังตัวสร้าง (builder) ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้ใครก็สามารถสร้างและปรับแต่งมัลแวร์นี้ได้เอง รายงานจาก Check Point Research ระบุว่ามีการตรวจพบการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 85% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา จุดเด่นของ ValleyRAT คือปลั๊กอิน Driver ที่ทำงานในระดับ kernel สามารถหลบเลี่ยงการป้องกันของ Windows 11 ได้ และยังลบไดรเวอร์ป้องกันของระบบรักษาความปลอดภัยออกไปได้ด้วย เดิมที ValleyRAT เชื่อมโยงกับกลุ่ม Silver Fox แต่เมื่อโค้ดถูกปล่อยสู่สาธารณะ การระบุแหล่งที่มาแทบเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
    https://securityonline.info/military-grade-valleyrat-goes-rogue-kernel-rootkit-builder-leak-triggers-massive-global-surge

    ช่องโหว่ GeoServer XXE ถูกโจมตีจริง เสี่ยงขโมยข้อมูลและสแกนระบบภายใน

    CISA ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2025-58360 ของ GeoServer เข้าสู่รายการ Known Exploited Vulnerabilities เนื่องจากพบการโจมตีจริง ช่องโหว่นี้เกิดจากการประมวลผล XML ที่ไม่ถูกกรองอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างคำสั่ง XML ที่อ้างอิงภายนอกเพื่ออ่านไฟล์ลับในเซิร์ฟเวอร์ หรือใช้เป็น SSRF เพื่อเข้าถึงระบบภายในที่ถูกไฟร์วอลล์ป้องกันอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ระบบล่มด้วยการโจมตีแบบ DoS ได้อีกด้วย CISA กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ภายในวันที่ 1 มกราคม 2026 เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/cisa-kev-alert-geoserver-xxe-flaw-under-active-attack-risks-data-theft-internal-network-scanning

    Ransomware 01flip โจมตีโครงสร้างพื้นฐานใน APAC ด้วย Rust และ Sliver
    มีการค้นพบแรนซัมแวร์ใหม่ชื่อ “01flip” ที่ถูกเขียนด้วยภาษา Rust ทำให้สามารถโจมตีได้ทั้ง Windows และ Linux โดยมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ฟิลิปปินส์และไต้หวัน กลุ่มผู้โจมตีใช้วิธีเจาะระบบด้วยช่องโหว่เก่าอย่าง CVE-2019-11580 และติดตั้ง Sliver ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับควบคุมระบบจากระยะไกล น่าสนใจว่ามีโค้ดบางส่วนที่หลีกเลี่ยงการเข้ารหัสไฟล์ที่มีนามสกุล “lockbit” ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาจเชื่อมโยงกับกลุ่ม LockBit หรือเป็นการสร้างหลักฐานปลอม แม้จำนวนเหยื่อยังไม่มาก แต่มีการยืนยันว่ามีข้อมูลรั่วไหลไปขายในดาร์กเว็บแล้ว
    https://securityonline.info/new-01flip-ransomware-hits-apac-critical-infra-cross-platform-rust-weapon-uses-sliver-c2

    ช่องโหว่ Apache Struts 2 เสี่ยงทำเซิร์ฟเวอร์ล่ม
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Struts 2 ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กยอดนิยมสำหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันด้วย Java ช่องโหว่นี้ชื่อว่า CVE-2025-66675 เกิดจากการจัดการไฟล์อัปโหลดที่ผิดพลาด ทำให้ไฟล์ชั่วคราวไม่ถูกลบออก ส่งผลให้พื้นที่ดิสก์เต็มอย่างรวดเร็ว หากถูกโจมตีซ้ำ ๆ เซิร์ฟเวอร์อาจหยุดทำงานทันที นักวิจัยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน Struts 6.8.0 หรือ 7.1.1 และหากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ควรตั้งโฟลเดอร์ชั่วคราวแยกไว้ หรือปิดการใช้งานฟีเจอร์อัปโหลดไฟล์เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/apache-struts-2-dos-flaw-cve-2025-66775-risks-server-crash-via-file-leak-in-multipart-request-processing

    EU ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 90% ภายในปี 2040
    สหภาพยุโรปประกาศข้อตกลงครั้งใหญ่ โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 90% เมื่อเทียบกับปี 1990 ภายในปี 2040 ถือเป็นเป้าหมายที่สูงกว่าหลายประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน การเจรจาครั้งนี้มีทั้งเสียงคัดค้านจากบางประเทศที่กังวลเรื่องต้นทุนอุตสาหกรรม และเสียงสนับสนุนจากประเทศที่เร่งผลักดันการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ข้อตกลงนี้ยังมีการผ่อนปรน เช่น เลื่อนการเก็บภาษีคาร์บอนเชื้อเพลิงไปปี 2028 และอนุญาตให้ใช้เครดิตคาร์บอนระหว่างประเทศบางส่วน แต่โดยรวมถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ยุโรปเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050
    https://securityonline.info/eus-green-mandate-parliament-pledges-90-emissions-cut-by-2040

    Instagram เปิดฟีเจอร์ใหม่ “Your Algorithm” ให้ผู้ใช้ควบคุมฟีดได้เอง
    Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Your Algorithm” ที่ให้ผู้ใช้เห็นและปรับแต่งหัวข้อที่ระบบแนะนำในหน้า Reels ได้โดยตรง ผู้ใช้สามารถเลือกดูหัวข้อที่สนใจมากขึ้นหรือน้อยลง รวมถึงแชร์หัวข้อที่ตนสนใจไปยัง Stories ได้ ฟีเจอร์นี้ใช้ AI เป็นหลักในการปรับแต่ง และถือเป็นครั้งแรกที่ Instagram เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมการทำงานของอัลกอริทึมอย่างชัดเจน แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่า Meta ใช้ AI สร้างเนื้อหาที่เกินจริง แต่การเปิดฟีเจอร์นี้ก็เป็นการเพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้
    https://securityonline.info/youre-in-control-instagram-launches-your-algorithm-feature-for-reels

    Qualcomm เข้าซื้อ Ventana เสริมทัพพัฒนา CPU RISC-V
    Qualcomm ประกาศเข้าซื้อกิจการ Ventana Micro Systems เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการพัฒนา CPU โดยเฉพาะสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังได้รับความนิยม การเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยให้ Qualcomm สามารถผสานความเชี่ยวชาญของ Ventana เข้ากับการพัฒนา CPU Oryon ของตนเอง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและรองรับ AI มากขึ้น นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของ Qualcomm ที่ต้องการลดการพึ่งพา Arm และสร้างอิสระทางเทคโนโลยีในระยะยาว
    https://securityonline.info/qualcomm-buys-ventana-to-double-down-on-risc-v-and-custom-oryon-cpu

    Intel แพ้คดีต่อต้านการผูกขาด ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร
    หลังจากต่อสู้คดีต่อต้านการผูกขาดกับสหภาพยุโรปยาวนานถึง 16 ปี Intel ก็แพ้การอุทธรณ์ครั้งล่าสุด ศาลตัดสินให้ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร จากเดิมที่เคยถูกปรับ 376 ล้านยูโร คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2009 โดย Intel ถูกกล่าวหาว่าใช้วิธีให้เงินสนับสนุนผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง HP, Acer และ Lenovo เพื่อชะลอหรือหยุดการใช้ชิป AMD ถือเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยตรง แม้ Intel เคยชนะบางส่วนของคดี แต่สุดท้ายก็ยังต้องจ่ายค่าปรับก้อนใหญ่ ซึ่งนับเป็นบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์วงการเทคโนโลยี
    https://securityonline.info/16-year-battle-ends-intel-loses-appeal-must-pay-e237-million-eu-fine

    องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง
    ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026
    https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps

    Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล
    Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม
    https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig

    แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม
    กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล
    https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Zoom Rooms เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์
    Zoom ได้ออกแพตช์แก้ไขด่วนสำหรับ Zoom Rooms หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรเป็นความลับได้ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน Windows ที่มีช่องโหว่ CVE-2025-67460 ซึ่งเกิดจากการป้องกันการ downgrade ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ระบบอาจถูกบังคับให้กลับไปใช้เวอร์ชันที่ไม่ปลอดภัย ส่วนใน macOS ก็มีช่องโหว่ CVE-2025-67461 ที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยข้อมูลผ่านการจัดการไฟล์ผิดพลาด Zoom ได้ปล่อยเวอร์ชัน 6.6.0 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/high-severity-zoom-rooms-flaw-risks-privilege-escalation-via-downgrade-protection-bypass

    องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง
    ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026
    https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps

    Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล
    Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม
    https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig

    แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม
    กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล
    https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes


    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251212 #securityonline 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ของ WordPress มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน WordPress โดยมีคะแนนความรุนแรง CVSS 9.8 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ระดับต่ำอย่าง “Subscriber” สามารถยกระดับสิทธิ์และเข้ายึดครองเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ ปัญหานี้เกิดจากฟังก์ชัน penci_update_option ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงการตั้งค่าไซต์สำคัญโดยไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนค่า เช่น เปิดให้ใครก็สมัครสมาชิกได้ และตั้งค่าให้ผู้ใช้ใหม่เป็น “Administrator” ได้ทันที นักพัฒนาของธีมได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 8.6.9.1 โดยเพิ่มการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ที่เข้าถึงฟังก์ชันดังกล่าว ผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ใช้ธีมนี้จึงควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดครอง 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-64188-cvss-9-8-critical-soledad-theme-flaw-lets-subscribers-take-over-wordpress-sites 🎣 แคมเปญฟิชชิ่ง Okta SSO ปลอมตัวเป็นการแจ้งผลเงินเดือน ในช่วงที่พนักงานกำลังรอการประเมินผลงานสิ้นปี มีการโจมตีฟิชชิ่งที่ซับซ้อนเกิดขึ้น โดยใช้การหลอกลวงผ่านอีเมลที่ปลอมเป็นฝ่าย HR หรือระบบเงินเดือน เช่น ADP หรือ Salesforce หัวข้ออีเมลมักจะเป็น “Review Your 2026 Salary & Bonus” เพื่อกระตุ้นให้เหยื่อรีบเปิด เมื่อเหยื่อเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ระบบฟิชชิ่งนี้จะทำงานเหมือนจริงโดยใช้ proxy เชื่อมต่อกับ Okta ขององค์กร ทำให้หน้าล็อกอินดูสมจริงยิ่งขึ้น จากนั้นสคริปต์ inject.js จะดักจับรหัสผ่านและคุกกี้ session สำคัญเพื่อยึดครองบัญชี ผู้โจมตียังใช้เทคนิคซ่อนเว็บไซต์ผ่าน Cloudflare เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ ถือเป็นการโจมตีที่อันตรายและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 🔗 https://securityonline.info/sophisticated-okta-sso-phishing-bypasses-defenses-to-steal-session-tokens-with-salary-review-lures 💻 ValleyRAT หลุดสู่สาธารณะ กลายเป็นอาวุธไซเบอร์ในมืออาชญากร ValleyRAT ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือสอดแนมระดับสูง ตอนนี้กลายเป็นภัยคุกคามสาธารณะหลังตัวสร้าง (builder) ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้ใครก็สามารถสร้างและปรับแต่งมัลแวร์นี้ได้เอง รายงานจาก Check Point Research ระบุว่ามีการตรวจพบการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 85% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา จุดเด่นของ ValleyRAT คือปลั๊กอิน Driver ที่ทำงานในระดับ kernel สามารถหลบเลี่ยงการป้องกันของ Windows 11 ได้ และยังลบไดรเวอร์ป้องกันของระบบรักษาความปลอดภัยออกไปได้ด้วย เดิมที ValleyRAT เชื่อมโยงกับกลุ่ม Silver Fox แต่เมื่อโค้ดถูกปล่อยสู่สาธารณะ การระบุแหล่งที่มาแทบเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป 🔗 https://securityonline.info/military-grade-valleyrat-goes-rogue-kernel-rootkit-builder-leak-triggers-massive-global-surge 🌐 ช่องโหว่ GeoServer XXE ถูกโจมตีจริง เสี่ยงขโมยข้อมูลและสแกนระบบภายใน CISA ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2025-58360 ของ GeoServer เข้าสู่รายการ Known Exploited Vulnerabilities เนื่องจากพบการโจมตีจริง ช่องโหว่นี้เกิดจากการประมวลผล XML ที่ไม่ถูกกรองอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างคำสั่ง XML ที่อ้างอิงภายนอกเพื่ออ่านไฟล์ลับในเซิร์ฟเวอร์ หรือใช้เป็น SSRF เพื่อเข้าถึงระบบภายในที่ถูกไฟร์วอลล์ป้องกันอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ระบบล่มด้วยการโจมตีแบบ DoS ได้อีกด้วย CISA กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ภายในวันที่ 1 มกราคม 2026 เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/cisa-kev-alert-geoserver-xxe-flaw-under-active-attack-risks-data-theft-internal-network-scanning 💥 Ransomware 01flip โจมตีโครงสร้างพื้นฐานใน APAC ด้วย Rust และ Sliver มีการค้นพบแรนซัมแวร์ใหม่ชื่อ “01flip” ที่ถูกเขียนด้วยภาษา Rust ทำให้สามารถโจมตีได้ทั้ง Windows และ Linux โดยมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ฟิลิปปินส์และไต้หวัน กลุ่มผู้โจมตีใช้วิธีเจาะระบบด้วยช่องโหว่เก่าอย่าง CVE-2019-11580 และติดตั้ง Sliver ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับควบคุมระบบจากระยะไกล น่าสนใจว่ามีโค้ดบางส่วนที่หลีกเลี่ยงการเข้ารหัสไฟล์ที่มีนามสกุล “lockbit” ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาจเชื่อมโยงกับกลุ่ม LockBit หรือเป็นการสร้างหลักฐานปลอม แม้จำนวนเหยื่อยังไม่มาก แต่มีการยืนยันว่ามีข้อมูลรั่วไหลไปขายในดาร์กเว็บแล้ว 🔗 https://securityonline.info/new-01flip-ransomware-hits-apac-critical-infra-cross-platform-rust-weapon-uses-sliver-c2 🛡️ ช่องโหว่ Apache Struts 2 เสี่ยงทำเซิร์ฟเวอร์ล่ม มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Struts 2 ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กยอดนิยมสำหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันด้วย Java ช่องโหว่นี้ชื่อว่า CVE-2025-66675 เกิดจากการจัดการไฟล์อัปโหลดที่ผิดพลาด ทำให้ไฟล์ชั่วคราวไม่ถูกลบออก ส่งผลให้พื้นที่ดิสก์เต็มอย่างรวดเร็ว หากถูกโจมตีซ้ำ ๆ เซิร์ฟเวอร์อาจหยุดทำงานทันที นักวิจัยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน Struts 6.8.0 หรือ 7.1.1 และหากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ควรตั้งโฟลเดอร์ชั่วคราวแยกไว้ หรือปิดการใช้งานฟีเจอร์อัปโหลดไฟล์เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/apache-struts-2-dos-flaw-cve-2025-66775-risks-server-crash-via-file-leak-in-multipart-request-processing 🌍 EU ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 90% ภายในปี 2040 สหภาพยุโรปประกาศข้อตกลงครั้งใหญ่ โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 90% เมื่อเทียบกับปี 1990 ภายในปี 2040 ถือเป็นเป้าหมายที่สูงกว่าหลายประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน การเจรจาครั้งนี้มีทั้งเสียงคัดค้านจากบางประเทศที่กังวลเรื่องต้นทุนอุตสาหกรรม และเสียงสนับสนุนจากประเทศที่เร่งผลักดันการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ข้อตกลงนี้ยังมีการผ่อนปรน เช่น เลื่อนการเก็บภาษีคาร์บอนเชื้อเพลิงไปปี 2028 และอนุญาตให้ใช้เครดิตคาร์บอนระหว่างประเทศบางส่วน แต่โดยรวมถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ยุโรปเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 🔗 https://securityonline.info/eus-green-mandate-parliament-pledges-90-emissions-cut-by-2040 📱 Instagram เปิดฟีเจอร์ใหม่ “Your Algorithm” ให้ผู้ใช้ควบคุมฟีดได้เอง Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Your Algorithm” ที่ให้ผู้ใช้เห็นและปรับแต่งหัวข้อที่ระบบแนะนำในหน้า Reels ได้โดยตรง ผู้ใช้สามารถเลือกดูหัวข้อที่สนใจมากขึ้นหรือน้อยลง รวมถึงแชร์หัวข้อที่ตนสนใจไปยัง Stories ได้ ฟีเจอร์นี้ใช้ AI เป็นหลักในการปรับแต่ง และถือเป็นครั้งแรกที่ Instagram เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมการทำงานของอัลกอริทึมอย่างชัดเจน แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่า Meta ใช้ AI สร้างเนื้อหาที่เกินจริง แต่การเปิดฟีเจอร์นี้ก็เป็นการเพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ 🔗 https://securityonline.info/youre-in-control-instagram-launches-your-algorithm-feature-for-reels 💻 Qualcomm เข้าซื้อ Ventana เสริมทัพพัฒนา CPU RISC-V Qualcomm ประกาศเข้าซื้อกิจการ Ventana Micro Systems เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการพัฒนา CPU โดยเฉพาะสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังได้รับความนิยม การเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยให้ Qualcomm สามารถผสานความเชี่ยวชาญของ Ventana เข้ากับการพัฒนา CPU Oryon ของตนเอง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและรองรับ AI มากขึ้น นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของ Qualcomm ที่ต้องการลดการพึ่งพา Arm และสร้างอิสระทางเทคโนโลยีในระยะยาว 🔗 https://securityonline.info/qualcomm-buys-ventana-to-double-down-on-risc-v-and-custom-oryon-cpu ⚖️ Intel แพ้คดีต่อต้านการผูกขาด ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร หลังจากต่อสู้คดีต่อต้านการผูกขาดกับสหภาพยุโรปยาวนานถึง 16 ปี Intel ก็แพ้การอุทธรณ์ครั้งล่าสุด ศาลตัดสินให้ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร จากเดิมที่เคยถูกปรับ 376 ล้านยูโร คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2009 โดย Intel ถูกกล่าวหาว่าใช้วิธีให้เงินสนับสนุนผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง HP, Acer และ Lenovo เพื่อชะลอหรือหยุดการใช้ชิป AMD ถือเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยตรง แม้ Intel เคยชนะบางส่วนของคดี แต่สุดท้ายก็ยังต้องจ่ายค่าปรับก้อนใหญ่ ซึ่งนับเป็นบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์วงการเทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/16-year-battle-ends-intel-loses-appeal-must-pay-e237-million-eu-fine 🧑‍💻 องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026 🔗 https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps 🔐 Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม 🔗 https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล 🔗 https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes 📹 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Zoom Rooms เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์ Zoom ได้ออกแพตช์แก้ไขด่วนสำหรับ Zoom Rooms หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรเป็นความลับได้ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน Windows ที่มีช่องโหว่ CVE-2025-67460 ซึ่งเกิดจากการป้องกันการ downgrade ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ระบบอาจถูกบังคับให้กลับไปใช้เวอร์ชันที่ไม่ปลอดภัย ส่วนใน macOS ก็มีช่องโหว่ CVE-2025-67461 ที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยข้อมูลผ่านการจัดการไฟล์ผิดพลาด Zoom ได้ปล่อยเวอร์ชัน 6.6.0 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/high-severity-zoom-rooms-flaw-risks-privilege-escalation-via-downgrade-protection-bypass 🧑‍💻 องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026 🔗 https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps 🔐 Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม 🔗 https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล 🔗 https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 612 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jetson ONE: เครื่องบินส่วนบุคคลที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตนักบิน

    บทความจาก SlashGear เปิดเผยว่า Jetson ONE ซึ่งเป็นเครื่องบินไฟฟ้าแบบ eVTOL (electric Vertical Take-Off and Landing) กำลังสร้างความฮือฮาในตลาด เพราะสามารถบินได้โดย ไม่ต้องมีใบอนุญาตนักบิน ตามกฎของ FAA Part 103 ที่จัดให้เป็น Ultralight Aircraft

    คุณสมบัติหลักของ Jetson ONE
    น้ำหนักเพียง 253 ปอนด์ (ต่ำกว่าเกณฑ์ 254 ปอนด์ที่ FAA กำหนดสำหรับ ultralight)
    ความเร็วสูงสุด 63 mph (จำกัดด้วยซอฟต์แวร์ให้ตรงกับข้อกำหนด 55 knots)
    บินได้สูงสุด 1,500 ฟุต และมีเวลาบินประมาณ 20 นาที
    ใช้โครงสร้าง คาร์บอนไฟเบอร์ และขับเคลื่อนด้วย 8 มอเตอร์ไฟฟ้า

    ระบบความปลอดภัย
    Jetson ONE มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยลดความเสี่ยง เช่น
    Ballistic parachute คล้ายกับที่ใช้ในเครื่องบิน Cirrus
    ระบบ hands-free hover mode
    สามารถบินต่อได้แม้มีมอเตอร์เสียหายหนึ่งตัว
    โครงสร้างแบบ racecar-style safety cell เพื่อปกป้องผู้โดยสาร

    กฎระเบียบและข้อจำกัด
    แม้จะไม่ต้องมีใบอนุญาตนักบิน แต่ FAA Part 103 กำหนดว่า:
    ห้ามบินเหนือพื้นที่แออัดหรือที่มีการรวมตัวกลางแจ้ง
    จำกัดการใช้งานเฉพาะพื้นที่เปิดโล่ง ไม่ใช่ในเมืองใหญ่
    ใช้ได้สำหรับผู้โดยสารเพียง 1 คนเท่านั้น

    ตลาดและราคา
    Jetson ONE มีราคาอยู่ที่ประมาณ 148,000 ดอลลาร์สหรัฐ
    มีคำสั่งซื้อแล้วกว่า 600 ลำ และการผลิตเต็มไปจนถึงปี 2026–2027
    ลูกค้ารายแรกคือ Palmer Luckey ผู้ก่อตั้ง Oculus

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณสมบัติของ Jetson ONE
    น้ำหนัก 253 ปอนด์, ความเร็วสูงสุด 63 mph, บินได้ 20 นาที
    ใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์และมอเตอร์ไฟฟ้า 8 ตัว

    ระบบความปลอดภัย
    Ballistic parachute, hands-free hover, redundancy ของมอเตอร์
    โครงสร้าง safety cell แบบรถแข่ง

    กฎ FAA Part 103
    ไม่ต้องมีใบอนุญาตนักบิน
    ห้ามบินเหนือเมืองหรือพื้นที่แออัด
    จำกัดผู้โดยสาร 1 คน

    ตลาดและราคา
    ราคา 148,000 ดอลลาร์
    มีคำสั่งซื้อแล้วกว่า 600 ลำ
    ลูกค้ารายแรกคือ Palmer Luckey

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน
    แม้ควบคุมได้ง่าย แต่การฝึกเพียงไม่กี่นาทีไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจด้านสภาพอากาศ
    การบินในพื้นที่ไม่เหมาะสมอาจผิดกฎหมายและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

    https://www.slashgear.com/2047526/jetson-aircraft-no-pilots-license-needed-to-fly/
    ✈️ Jetson ONE: เครื่องบินส่วนบุคคลที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตนักบิน บทความจาก SlashGear เปิดเผยว่า Jetson ONE ซึ่งเป็นเครื่องบินไฟฟ้าแบบ eVTOL (electric Vertical Take-Off and Landing) กำลังสร้างความฮือฮาในตลาด เพราะสามารถบินได้โดย ไม่ต้องมีใบอนุญาตนักบิน ตามกฎของ FAA Part 103 ที่จัดให้เป็น Ultralight Aircraft ⚙️ คุณสมบัติหลักของ Jetson ONE 💠 น้ำหนักเพียง 253 ปอนด์ (ต่ำกว่าเกณฑ์ 254 ปอนด์ที่ FAA กำหนดสำหรับ ultralight) 💠 ความเร็วสูงสุด 63 mph (จำกัดด้วยซอฟต์แวร์ให้ตรงกับข้อกำหนด 55 knots) 💠 บินได้สูงสุด 1,500 ฟุต และมีเวลาบินประมาณ 20 นาที 💠 ใช้โครงสร้าง คาร์บอนไฟเบอร์ และขับเคลื่อนด้วย 8 มอเตอร์ไฟฟ้า 🛡️ ระบบความปลอดภัย Jetson ONE มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยลดความเสี่ยง เช่น 🎗️ Ballistic parachute คล้ายกับที่ใช้ในเครื่องบิน Cirrus 🎗️ ระบบ hands-free hover mode 🎗️ สามารถบินต่อได้แม้มีมอเตอร์เสียหายหนึ่งตัว 🎗️ โครงสร้างแบบ racecar-style safety cell เพื่อปกป้องผู้โดยสาร 📜 กฎระเบียบและข้อจำกัด แม้จะไม่ต้องมีใบอนุญาตนักบิน แต่ FAA Part 103 กำหนดว่า: 💠 ห้ามบินเหนือพื้นที่แออัดหรือที่มีการรวมตัวกลางแจ้ง 💠 จำกัดการใช้งานเฉพาะพื้นที่เปิดโล่ง ไม่ใช่ในเมืองใหญ่ 💠 ใช้ได้สำหรับผู้โดยสารเพียง 1 คนเท่านั้น 💰 ตลาดและราคา 🎗️ Jetson ONE มีราคาอยู่ที่ประมาณ 148,000 ดอลลาร์สหรัฐ 🎗️ มีคำสั่งซื้อแล้วกว่า 600 ลำ และการผลิตเต็มไปจนถึงปี 2026–2027 🎗️ ลูกค้ารายแรกคือ Palmer Luckey ผู้ก่อตั้ง Oculus 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณสมบัติของ Jetson ONE ➡️ น้ำหนัก 253 ปอนด์, ความเร็วสูงสุด 63 mph, บินได้ 20 นาที ➡️ ใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์และมอเตอร์ไฟฟ้า 8 ตัว ✅ ระบบความปลอดภัย ➡️ Ballistic parachute, hands-free hover, redundancy ของมอเตอร์ ➡️ โครงสร้าง safety cell แบบรถแข่ง ✅ กฎ FAA Part 103 ➡️ ไม่ต้องมีใบอนุญาตนักบิน ➡️ ห้ามบินเหนือเมืองหรือพื้นที่แออัด ➡️ จำกัดผู้โดยสาร 1 คน ✅ ตลาดและราคา ➡️ ราคา 148,000 ดอลลาร์ ➡️ มีคำสั่งซื้อแล้วกว่า 600 ลำ ➡️ ลูกค้ารายแรกคือ Palmer Luckey ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน ⛔ แม้ควบคุมได้ง่าย แต่การฝึกเพียงไม่กี่นาทีไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจด้านสภาพอากาศ ⛔ การบินในพื้นที่ไม่เหมาะสมอาจผิดกฎหมายและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ https://www.slashgear.com/2047526/jetson-aircraft-no-pilots-license-needed-to-fly/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    You Don't Need A Pilot License To Fly This Jetson Aircraft (And That's Terrifying) - SlashGear
    The Jetson ONE is a $148,000 eVTOL you can fly without a pilot license. It exploits an FAA ultralight loophole by weighing just 253 lbs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่: BMW PHEV ซ่อมยากหลังอุบัติเหตุ

    บทความจาก EV Clinic วิจารณ์การออกแบบระบบแบตเตอรี่ BMW PHEV รุ่นปี 2021 ที่ซับซ้อนเกินไป ทำให้การซ่อมหลังอุบัติเหตุแทบเป็นไปไม่ได้ และก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายและขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก

    BMW PHEV รุ่นปี 2021 ใช้โมดูล iBMUCP ที่รวมฟิวส์นิรภัย (pyrofuse), คอนแทคเตอร์ และระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ไว้ในตัวเดียวกัน แต่โมดูลนี้ถูกเชื่อมปิดสนิท ไม่มีช่องสำหรับการซ่อม ทำให้แม้เพียงฟิวส์ขาดก็ต้องเปลี่ยนทั้งชุดใหม่ ราคาประมาณ 1,100 ยูโร + ภาษี และยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 25,000 ยูโร เพื่อทำการลงทะเบียนชิ้นส่วนใหม่

    ความซับซ้อนของการซ่อม
    แม้จะสามารถเปิดโมดูลได้ แต่ชิป Infineon TC375 ที่ใช้ควบคุมระบบถูกล็อกเข้ารหัส ทำให้ไม่สามารถล้างข้อมูล “Crash Flag” ได้ ส่งผลให้การซ่อมแซมแทบเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ ขั้นตอนการแฟลชซอฟต์แวร์ทั้งก่อนและหลังการเปลี่ยนชิ้นส่วนยังเสี่ยงต่อการทำให้ระบบเสียหายมากกว่าเดิม หากเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งชุด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 6,000 ยูโรต่อโมดูล

    ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
    บทความชี้ว่าการออกแบบเช่นนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มค่าใช้จ่ายให้เจ้าของรถ แต่ยังสร้าง ขยะอิเล็กทรอนิกส์และคาร์บอนฟุตพริ้นท์มหาศาล เนื่องจากต้องทิ้งชิ้นส่วนที่ยังใช้งานได้ และผลิตใหม่โดยไม่จำเป็น เมื่อเทียบกับ Tesla ที่ฟิวส์มีราคาเพียง 11 ยูโร และสามารถรีเซ็ตระบบได้ง่ายกว่า BMW จึงถูกวิจารณ์ว่าเป็น “วิศวกรรมที่ทำลายสิ่งแวดล้อม” มากกว่าการช่วยลดมลพิษ

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้และอุตสาหกรรม
    นอกจากค่าใช้จ่ายสูงแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่การซ่อมผิดขั้นตอนจะทำให้ระบบล็อกและลบข้อมูลทั้งหมด ส่งผลให้รถไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ขณะที่ BMW ยังไม่เปิดการฝึกอบรมหรือคู่มือที่ชัดเจนให้กับศูนย์บริการภายนอก ทำให้ผู้ใช้และอู่ซ่อมอิสระต้องแบกรับความเสี่ยงเอง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    BMW PHEV รุ่นปี 2021 ใช้โมดูล iBMUCP ที่ไม่สามารถซ่อมได้
    ฟิวส์ขาดต้องเปลี่ยนทั้งชุด ราคาสูงกว่า 1,100 ยูโร

    ขั้นตอนการซ่อมซับซ้อนและเสี่ยงต่อความเสียหาย
    ต้องใช้เครื่องมือพิเศษมูลค่า 25,000 ยูโร และเสี่ยงทำให้แบตเตอรี่ทั้งชุดเสียหาย

    ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายผู้ใช้
    การออกแบบทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์และคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูง

    คำเตือนต่อเจ้าของรถและอู่ซ่อม
    หากขั้นตอนผิดพลาด อาจต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งชุด มูลค่าหลายพันยูโร
    BMW ไม่เปิดการฝึกอบรมหรือคู่มือที่ชัดเจน ทำให้การซ่อมมีความเสี่ยงสูง

    https://evclinic.eu/2025/12/04/2021-phev-bmw-ibmucp-21f37e-post-crash-recovery-when-eu-engineering-becomes-a-synonym-for-unrepairable-generating-waste/
    🚗 ข่าวใหญ่: BMW PHEV ซ่อมยากหลังอุบัติเหตุ บทความจาก EV Clinic วิจารณ์การออกแบบระบบแบตเตอรี่ BMW PHEV รุ่นปี 2021 ที่ซับซ้อนเกินไป ทำให้การซ่อมหลังอุบัติเหตุแทบเป็นไปไม่ได้ และก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายและขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก BMW PHEV รุ่นปี 2021 ใช้โมดูล iBMUCP ที่รวมฟิวส์นิรภัย (pyrofuse), คอนแทคเตอร์ และระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ไว้ในตัวเดียวกัน แต่โมดูลนี้ถูกเชื่อมปิดสนิท ไม่มีช่องสำหรับการซ่อม ทำให้แม้เพียงฟิวส์ขาดก็ต้องเปลี่ยนทั้งชุดใหม่ ราคาประมาณ 1,100 ยูโร + ภาษี และยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 25,000 ยูโร เพื่อทำการลงทะเบียนชิ้นส่วนใหม่ 🔧 ความซับซ้อนของการซ่อม แม้จะสามารถเปิดโมดูลได้ แต่ชิป Infineon TC375 ที่ใช้ควบคุมระบบถูกล็อกเข้ารหัส ทำให้ไม่สามารถล้างข้อมูล “Crash Flag” ได้ ส่งผลให้การซ่อมแซมแทบเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ ขั้นตอนการแฟลชซอฟต์แวร์ทั้งก่อนและหลังการเปลี่ยนชิ้นส่วนยังเสี่ยงต่อการทำให้ระบบเสียหายมากกว่าเดิม หากเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งชุด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 6,000 ยูโรต่อโมดูล 🌍 ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม บทความชี้ว่าการออกแบบเช่นนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มค่าใช้จ่ายให้เจ้าของรถ แต่ยังสร้าง ขยะอิเล็กทรอนิกส์และคาร์บอนฟุตพริ้นท์มหาศาล เนื่องจากต้องทิ้งชิ้นส่วนที่ยังใช้งานได้ และผลิตใหม่โดยไม่จำเป็น เมื่อเทียบกับ Tesla ที่ฟิวส์มีราคาเพียง 11 ยูโร และสามารถรีเซ็ตระบบได้ง่ายกว่า BMW จึงถูกวิจารณ์ว่าเป็น “วิศวกรรมที่ทำลายสิ่งแวดล้อม” มากกว่าการช่วยลดมลพิษ ⚠️ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้และอุตสาหกรรม นอกจากค่าใช้จ่ายสูงแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่การซ่อมผิดขั้นตอนจะทำให้ระบบล็อกและลบข้อมูลทั้งหมด ส่งผลให้รถไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ขณะที่ BMW ยังไม่เปิดการฝึกอบรมหรือคู่มือที่ชัดเจนให้กับศูนย์บริการภายนอก ทำให้ผู้ใช้และอู่ซ่อมอิสระต้องแบกรับความเสี่ยงเอง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ BMW PHEV รุ่นปี 2021 ใช้โมดูล iBMUCP ที่ไม่สามารถซ่อมได้ ➡️ ฟิวส์ขาดต้องเปลี่ยนทั้งชุด ราคาสูงกว่า 1,100 ยูโร ✅ ขั้นตอนการซ่อมซับซ้อนและเสี่ยงต่อความเสียหาย ➡️ ต้องใช้เครื่องมือพิเศษมูลค่า 25,000 ยูโร และเสี่ยงทำให้แบตเตอรี่ทั้งชุดเสียหาย ✅ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายผู้ใช้ ➡️ การออกแบบทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์และคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูง ‼️ คำเตือนต่อเจ้าของรถและอู่ซ่อม ⛔ หากขั้นตอนผิดพลาด อาจต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งชุด มูลค่าหลายพันยูโร ⛔ BMW ไม่เปิดการฝึกอบรมหรือคู่มือที่ชัดเจน ทำให้การซ่อมมีความเสี่ยงสูง https://evclinic.eu/2025/12/04/2021-phev-bmw-ibmucp-21f37e-post-crash-recovery-when-eu-engineering-becomes-a-synonym-for-unrepairable-generating-waste/
    EVCLINIC.EU
    2021 > PHEV BMW iBMUCP 21F37E Post-Crash Recovery — When EU engineering becomes a synonym for “unrepairable” + “generating waste”.
    2021 > PHEV BMW iBMUCP PHEV Post-Crash Recovery — When EU engineering becomes a synonym for “unrepairable” + "generating waste". If you own a BMW PHEV — or if you’re an insurance company — every pothole, every curb impact, small or large incideng and even any rabbit jumping out of a bush repre
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนชั่ว ตอนที่ 5

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 5
    เมื่อรัฐบาลคาวบอยบุช กับเหยี่ยวกระหายเลือด ดิ๊ค เชนี่ สั่งให้ตั้ง AFRICOM ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องมือขวาง เครื่องมือกั้น ไม่ให้จีนแหย่เท้าเข้ามาในอาฟริกาได้อีกนั้น ในรายงานประกอบการตั้งหน่วยงาน AFRICOM ระบุว่า
    ” ศูนย์บัญชาการ (ของอเมริกา) ที่อาฟริกา มีหน้าที่รับผิดชอบด้านกองกำลัง เพื่อสนับสนุนนโยบายของอเมริกา เกี่ยวกับอาฟริกา ซึ่งรวมถึงการสร้างสัมพันธภาพระหว่างกองทัพของอเมริกากับกองทัพ กับอีก 53 ชาติในอาฟริกา”
    แปลว่าอเมริกาคิดคุมอาฟริกาทั้งทวีป โดยผ่านหรือใช้ AFRICOM เหมือนที่อเมริกาคุมยุโรป โดยผ่านหรือใช้นาโต้ เอะ แล้วตะวันออกกลางกับเอเซียล่ะ อเมริกามีหน่วยงานแบบนั้นหรือไม่ และใช้ชื่ออะไร
    AFRICOM ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานและติดต่อกับสถานทูตอเมริกาทั่วอาฟริกา กับกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม รวมทั้งหน่วยงานยูเสด USAID หน่วยงานพลเรือนที่ทำหน้าที่เสือกทุกเรื่อง ภายใต้การกำกับของซีไอเอ ยูเซดมีหน้าที่จัดเงินสนับสนุนให้แก่คนท้องถิ่น ให้ทำงานตามที่ถูกหลอกให้ทำ เพื่อประโยชน์ของอเมริกา โดยคนท้องถิ่นไม่รู้ตัว แถมยูเซดยังอบรมให้คนท้องถิ่นทำหน้าที่เป็นหู เป็นตา คอยรายงานอเมริกาถึงความเคลื่อนไหวของบ้านเมืองตัว ให้อเมริการู้อีกด้วย โดยคนรายงานไม่รู้ตัว ว่ากำลังถูกใช้ (ให้เป็นสายของอเมริกา)
    บ้านเราก็มีนะครับ ยูเซดหายหัวไปนาน ตั้งแต่สงครามเวียตนามเลิก อยู่ดีๆ ไม่กี่ปีมานี้ กลับมาใหม่ พร้อมกับเงินถุงใหญ่ เขาว่า มีพวกเอ็นจีโอ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เข้าไปขอรับเงินสนับสนุนจากยูเซดกันเป็นแถว เอามาช่วยชาวบ้านเคลื่อนไหว สู้กับรัฐบาล ก็ดูกันให้ดีนะครับว่า เข้าทางใครบ้าง ไม่มีใครให้เงินใครเปล่าๆ หรอกครับ ยกเว้น เป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องเรา และไอ้เรื่องชอบเล่า ชอบรายงานให้พ่อฝรั่งนี่ เป็นโรคติดต่อหรือไงไม่รู้ เป็นกันทุกระดับ ฝรั่งถามอะไร ก็รีบจ้อสาธยาย บอกว่า มันจะได้เข้าใจบ้านเราขึ้น โถ พ่อคุณ แม่คุณ มันน่ะ เข้าใจบ้านเรา เห็นทุกอย่าง รู้ทุกอย่างแล้วครับ รู้ว่าใคร มีซี่โครงบานปอดแหกสมองฝ่อขนาด ไหน แต่มันคงคิดว่า ย้อมห่างๆมันไม่ถึงใจ สู้มาย้อมใกล้ๆ สแกนตัวเลยดีกว่า จะได้รู้หน้า รู้ใจ รู้จุดอ่อน จุดแข็ง ต่อไปจะได้จัดรายการมาให้ เป็นการเฉพาะตัว…..
    Dr J Peter Pham ที่ปรึกษาใหญ่ของอเมริกา ด้านการต่างประเทศ และการทหาร บอกว่า สาเหตุสำคัญอีกอย่าง ในการที่เอา AFRICOM ไปวาง อยู่แถวนั้น ก็เพื่อป้องกันการเข้าถึงแหล่ง ไฮโดรคาร์บอน ที่มีมากอยู่ในอาฟริกา AFRICOM มีหน้าที่ต้องทำทุกอย่าง ที่เป็นการป้องกัน ขัดขวางไม่ให้ จีน รัสเซีย รวมถึง อินเดีย เข้าไปถึงแหล่งดังกล่าว (ไฮโดรคาร์บอน ส่วนใหญ่ใช้สร้างสารมีเทน ที่เป็นสารตั้งต้น ทำอะไรสาระพัด โดยเฉพาะ ทำระเบิดครับ)
    ในการให้การกับสภาสูง เมื่อปี ค.ศ.2007 เกี่ยวกับการก่อตั้ง AFRICOM
    Dr Pham ให้การว่า
    ….. การมีแหล่งทรัพยากรแร่มีค่ามากของอาฟริกา ทำให้จีนให้ความสนใจอาฟริกามาก จีนซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ สูงถึงร้อยละ 9 ต่อปี ติดต่อกัน ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ต้องการน้ำมันอย่างยิ่ง รวมทั้งแร่อื่น เพื่อเลี้ยงตัวเองให้อยู่รอด ปัจจุบัน (ในปี 2007) จีนนำเข้าน้ำมันดิบสูงถึง 2.6 ล้านบาเรลต่อวัน (เท่ากับประมาณครึ่งหนึ่งของการใช้น้ำมันต่อวันของจีน) และเป็นน้ำมัน ที่มาจากอาฟริกา ประมาณ 7 แสน 6 หมื่นบาเรล คิดง่ายๆ คือ จีนพึ่งน้ำมันจากอาฟริกา ประมาณ1 ใน 3 ของการนำเข้าน้ำมันของจีน โดยเฉพาะ จากซูดาน อังโกลา และ คองโก … อาฟริกา จึงสำคัญกับการดำรงอยู่ของจีน ไม่น้อยจริงๆ ……
    ในปี ค.ศ.2008 คุณลุงหูจินเทา จากแดนมังกร มีแผนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนมิตรสหาย 8 ประเทศ ในอาฟริกาเป็นเวลา 12 วัน มันเป็นการเดินทางไปเยี่ยมอาฟริกา เป็นครั้งที่ 3 นับแต่คุณลุงหู รับตำแหน่งเมื่อปี 2003 ไม่กี่วันก่อนการเดินทาง คุณลุงหู ประกาศว่า จีนเตรียมเงินอีกจำนวน 3 พันล้านเหรียญ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนในอาฟริกา เงินจำนวนนี้ต่างหากจากเงินกู้ จำนวน 3 พันล้านเหรียญ และวงเงินสินเชื่อเพื่อการส่งสินค้าออก จำนวน 2 พันล้านเหรียญ ที่จีนให้ไปก่อนหน้านี้เมื่อปี 2006 ในตอนที่จีนจัดประชุม Forum on China – Africa Cooperation (FOCAC)
    คุณลุงหูเล่นประกาศแบบนี้ ปฏิบัติการของ AFRICOM ก็ต้องรีบเร่งเครื่อง เร่งปฏิบัติการด่วนที่สุด และ AFRICOM ก็ตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.2008 แต่สำนักงานใหญ่ดันเอาไปแอบไว้ที่เมือง Stuttgart ประเทศเยอรมัน เออ แปลกดี สงสัย คงมีแผนชั่วซ่อนอีกชั้น
    หลังจาก AFRICOM ตั้งไข่ได้แค่ 4 อาทิตย์ กองกำลังติดอาวุธครบเครื่อง ของ โลรอง คุนดา Laurent Nkunda นายพลใหญ่นักรบชาวคองโก ก็ยกพล ไปล้อมเมือง โกมา Goma ทางเหนือของ คิวู และเรียกร้องให้ ประธานาธิบดี โจเซฟ คาบิลา มาเจรจากัน
    ข้อเรียกร้องข้อหนึ่ง ที่นายพลคุนดา ต้องการคือ ให้ประธานาธิบดี คาบิลา ยกเลิกสัญญาร่วมลงทุนระหว่างจีนกับคองโก มูลค่า 9 พันล้านเหรียญ เกี่ยวกับ Sicomines ที่ทำกันไว้เมื่อปี ค.ศ.2007 ซึ่งจะทำให้จีนมีสิทธิในเหมืองแร่ทองแดง และโคบอลท์ ในแถบนั้น แลกกับการก่อสร้างถนนมูลค่า 6 พันล้านบาท สร้างเขื่อน ชนิดใช้กำลังยกของน้ำ 2 เขื่อน โรงพยาบาลหลายโรง โรงเรียนหลายหลัง และทางรถไฟที่จะเชื่อมไปถึงอา ฟริกาใต้ คาทังก้า Katanga และท่าเรือของคองโก ที่มาทาดี Matadi อีก 3 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนของจีน เพื่อพัฒนาบริเวณอื่นนอกหนือจากเหมืองด้วย
    ก็ชัดเจนว่า โครงการ Sicomines ถูกกับดักไปเรียบร้อย และคงค้างคาอยู่อย่างนั้นไปอีก นาน และคองโก ที่ร่ำรวยทรัพยากร ก็คงยังยากจนเหมือนเดิม เพราะหลังจากนั้น ก๊วนหน้าเลือดใจร้าย World Bank, IMF ก็เข้าไปในคองโก และชาวคองโก ก็เป็นหนี้หัวโต แต่พุงฟีบต่อไป
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 5 เมื่อรัฐบาลคาวบอยบุช กับเหยี่ยวกระหายเลือด ดิ๊ค เชนี่ สั่งให้ตั้ง AFRICOM ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องมือขวาง เครื่องมือกั้น ไม่ให้จีนแหย่เท้าเข้ามาในอาฟริกาได้อีกนั้น ในรายงานประกอบการตั้งหน่วยงาน AFRICOM ระบุว่า ” ศูนย์บัญชาการ (ของอเมริกา) ที่อาฟริกา มีหน้าที่รับผิดชอบด้านกองกำลัง เพื่อสนับสนุนนโยบายของอเมริกา เกี่ยวกับอาฟริกา ซึ่งรวมถึงการสร้างสัมพันธภาพระหว่างกองทัพของอเมริกากับกองทัพ กับอีก 53 ชาติในอาฟริกา” แปลว่าอเมริกาคิดคุมอาฟริกาทั้งทวีป โดยผ่านหรือใช้ AFRICOM เหมือนที่อเมริกาคุมยุโรป โดยผ่านหรือใช้นาโต้ เอะ แล้วตะวันออกกลางกับเอเซียล่ะ อเมริกามีหน่วยงานแบบนั้นหรือไม่ และใช้ชื่ออะไร AFRICOM ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานและติดต่อกับสถานทูตอเมริกาทั่วอาฟริกา กับกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม รวมทั้งหน่วยงานยูเสด USAID หน่วยงานพลเรือนที่ทำหน้าที่เสือกทุกเรื่อง ภายใต้การกำกับของซีไอเอ ยูเซดมีหน้าที่จัดเงินสนับสนุนให้แก่คนท้องถิ่น ให้ทำงานตามที่ถูกหลอกให้ทำ เพื่อประโยชน์ของอเมริกา โดยคนท้องถิ่นไม่รู้ตัว แถมยูเซดยังอบรมให้คนท้องถิ่นทำหน้าที่เป็นหู เป็นตา คอยรายงานอเมริกาถึงความเคลื่อนไหวของบ้านเมืองตัว ให้อเมริการู้อีกด้วย โดยคนรายงานไม่รู้ตัว ว่ากำลังถูกใช้ (ให้เป็นสายของอเมริกา) บ้านเราก็มีนะครับ ยูเซดหายหัวไปนาน ตั้งแต่สงครามเวียตนามเลิก อยู่ดีๆ ไม่กี่ปีมานี้ กลับมาใหม่ พร้อมกับเงินถุงใหญ่ เขาว่า มีพวกเอ็นจีโอ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เข้าไปขอรับเงินสนับสนุนจากยูเซดกันเป็นแถว เอามาช่วยชาวบ้านเคลื่อนไหว สู้กับรัฐบาล ก็ดูกันให้ดีนะครับว่า เข้าทางใครบ้าง ไม่มีใครให้เงินใครเปล่าๆ หรอกครับ ยกเว้น เป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องเรา และไอ้เรื่องชอบเล่า ชอบรายงานให้พ่อฝรั่งนี่ เป็นโรคติดต่อหรือไงไม่รู้ เป็นกันทุกระดับ ฝรั่งถามอะไร ก็รีบจ้อสาธยาย บอกว่า มันจะได้เข้าใจบ้านเราขึ้น โถ พ่อคุณ แม่คุณ มันน่ะ เข้าใจบ้านเรา เห็นทุกอย่าง รู้ทุกอย่างแล้วครับ รู้ว่าใคร มีซี่โครงบานปอดแหกสมองฝ่อขนาด ไหน แต่มันคงคิดว่า ย้อมห่างๆมันไม่ถึงใจ สู้มาย้อมใกล้ๆ สแกนตัวเลยดีกว่า จะได้รู้หน้า รู้ใจ รู้จุดอ่อน จุดแข็ง ต่อไปจะได้จัดรายการมาให้ เป็นการเฉพาะตัว….. Dr J Peter Pham ที่ปรึกษาใหญ่ของอเมริกา ด้านการต่างประเทศ และการทหาร บอกว่า สาเหตุสำคัญอีกอย่าง ในการที่เอา AFRICOM ไปวาง อยู่แถวนั้น ก็เพื่อป้องกันการเข้าถึงแหล่ง ไฮโดรคาร์บอน ที่มีมากอยู่ในอาฟริกา AFRICOM มีหน้าที่ต้องทำทุกอย่าง ที่เป็นการป้องกัน ขัดขวางไม่ให้ จีน รัสเซีย รวมถึง อินเดีย เข้าไปถึงแหล่งดังกล่าว (ไฮโดรคาร์บอน ส่วนใหญ่ใช้สร้างสารมีเทน ที่เป็นสารตั้งต้น ทำอะไรสาระพัด โดยเฉพาะ ทำระเบิดครับ) ในการให้การกับสภาสูง เมื่อปี ค.ศ.2007 เกี่ยวกับการก่อตั้ง AFRICOM Dr Pham ให้การว่า ….. การมีแหล่งทรัพยากรแร่มีค่ามากของอาฟริกา ทำให้จีนให้ความสนใจอาฟริกามาก จีนซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ สูงถึงร้อยละ 9 ต่อปี ติดต่อกัน ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ต้องการน้ำมันอย่างยิ่ง รวมทั้งแร่อื่น เพื่อเลี้ยงตัวเองให้อยู่รอด ปัจจุบัน (ในปี 2007) จีนนำเข้าน้ำมันดิบสูงถึง 2.6 ล้านบาเรลต่อวัน (เท่ากับประมาณครึ่งหนึ่งของการใช้น้ำมันต่อวันของจีน) และเป็นน้ำมัน ที่มาจากอาฟริกา ประมาณ 7 แสน 6 หมื่นบาเรล คิดง่ายๆ คือ จีนพึ่งน้ำมันจากอาฟริกา ประมาณ1 ใน 3 ของการนำเข้าน้ำมันของจีน โดยเฉพาะ จากซูดาน อังโกลา และ คองโก … อาฟริกา จึงสำคัญกับการดำรงอยู่ของจีน ไม่น้อยจริงๆ …… ในปี ค.ศ.2008 คุณลุงหูจินเทา จากแดนมังกร มีแผนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนมิตรสหาย 8 ประเทศ ในอาฟริกาเป็นเวลา 12 วัน มันเป็นการเดินทางไปเยี่ยมอาฟริกา เป็นครั้งที่ 3 นับแต่คุณลุงหู รับตำแหน่งเมื่อปี 2003 ไม่กี่วันก่อนการเดินทาง คุณลุงหู ประกาศว่า จีนเตรียมเงินอีกจำนวน 3 พันล้านเหรียญ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนในอาฟริกา เงินจำนวนนี้ต่างหากจากเงินกู้ จำนวน 3 พันล้านเหรียญ และวงเงินสินเชื่อเพื่อการส่งสินค้าออก จำนวน 2 พันล้านเหรียญ ที่จีนให้ไปก่อนหน้านี้เมื่อปี 2006 ในตอนที่จีนจัดประชุม Forum on China – Africa Cooperation (FOCAC) คุณลุงหูเล่นประกาศแบบนี้ ปฏิบัติการของ AFRICOM ก็ต้องรีบเร่งเครื่อง เร่งปฏิบัติการด่วนที่สุด และ AFRICOM ก็ตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.2008 แต่สำนักงานใหญ่ดันเอาไปแอบไว้ที่เมือง Stuttgart ประเทศเยอรมัน เออ แปลกดี สงสัย คงมีแผนชั่วซ่อนอีกชั้น หลังจาก AFRICOM ตั้งไข่ได้แค่ 4 อาทิตย์ กองกำลังติดอาวุธครบเครื่อง ของ โลรอง คุนดา Laurent Nkunda นายพลใหญ่นักรบชาวคองโก ก็ยกพล ไปล้อมเมือง โกมา Goma ทางเหนือของ คิวู และเรียกร้องให้ ประธานาธิบดี โจเซฟ คาบิลา มาเจรจากัน ข้อเรียกร้องข้อหนึ่ง ที่นายพลคุนดา ต้องการคือ ให้ประธานาธิบดี คาบิลา ยกเลิกสัญญาร่วมลงทุนระหว่างจีนกับคองโก มูลค่า 9 พันล้านเหรียญ เกี่ยวกับ Sicomines ที่ทำกันไว้เมื่อปี ค.ศ.2007 ซึ่งจะทำให้จีนมีสิทธิในเหมืองแร่ทองแดง และโคบอลท์ ในแถบนั้น แลกกับการก่อสร้างถนนมูลค่า 6 พันล้านบาท สร้างเขื่อน ชนิดใช้กำลังยกของน้ำ 2 เขื่อน โรงพยาบาลหลายโรง โรงเรียนหลายหลัง และทางรถไฟที่จะเชื่อมไปถึงอา ฟริกาใต้ คาทังก้า Katanga และท่าเรือของคองโก ที่มาทาดี Matadi อีก 3 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนของจีน เพื่อพัฒนาบริเวณอื่นนอกหนือจากเหมืองด้วย ก็ชัดเจนว่า โครงการ Sicomines ถูกกับดักไปเรียบร้อย และคงค้างคาอยู่อย่างนั้นไปอีก นาน และคองโก ที่ร่ำรวยทรัพยากร ก็คงยังยากจนเหมือนเดิม เพราะหลังจากนั้น ก๊วนหน้าเลือดใจร้าย World Bank, IMF ก็เข้าไปในคองโก และชาวคองโก ก็เป็นหนี้หัวโต แต่พุงฟีบต่อไป สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 583 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิทยาศาสตร์สร้างผ้าดำที่สุดในโลก ดูดซับแสงได้ถึง 99.87%

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐฯ ได้พัฒนาผ้าขนสัตว์เมอริโนที่ผ่านการเคลือบด้วยโพลีโดปามีนและการบำบัดด้วยพลาสมา จนเกิดโครงสร้างระดับนาโนที่สามารถดักจับและสะท้อนแสงภายใน ทำให้ผ้าชนิดนี้ดูดซับแสงได้มากถึง 99.87% ซึ่งถือเป็นผ้าที่ดำที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้นมา

    แรงบันดาลใจของงานวิจัยนี้มาจากนก Magnificent Riflebird ที่มีขนดำพิเศษซึ่งสามารถดูดซับแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยเลียนแบบโครงสร้างเส้นใยเล็กๆ (nanofibrils) ของขนดังกล่าว เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ “ultrablack” ที่ไม่สะท้อนแสงแม้มองจากมุมต่างๆ ถึง 60 องศา ซึ่งเหนือกว่าความสามารถของขนนกจริง

    แม้จะไม่ดำที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับวัสดุอย่าง Vantablack (ดูดซับแสง 99.96%) หรือวัสดุคาร์บอนนาโนทิวบ์จาก MIT (99.995%) แต่ผ้าดำใหม่นี้มีข้อได้เปรียบคือ ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า จึงมีศักยภาพในการนำไปใช้จริงในหลายด้าน เช่น แฟชั่น การถ่ายภาพ และงานวิทยาศาสตร์ที่ต้องการวัสดุควบคุมแสง

    นอกจากนี้ นักศึกษาด้านแฟชั่นของคอร์เนลล์ยังได้นำผ้าดำพิเศษนี้ไปสร้างชุดเดรสที่มีการไล่เฉดสีจากเทาเข้มไปจนถึงดำสนิท พร้อมจุดสีฟ้า-เขียวตรงกลางเพื่อเลียนแบบอกของนก riflebird ถือเป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะที่น่าทึ่ง

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    ผ้าดำที่สุดที่เคยสร้าง
    ดูดซับแสงได้ 99.87%
    ใช้โพลีโดปามีนและการบำบัดพลาสมา

    แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
    เลียนแบบโครงสร้างขนนก Magnificent Riflebird
    สร้างเอฟเฟกต์ ultrablack ที่คงทนแม้มองจากหลายมุม

    เปรียบเทียบกับวัสดุอื่น
    ดำไม่เท่า Vantablack หรือคาร์บอนนาโนทิวบ์
    แต่ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า เหมาะต่อการใช้งานจริง

    การประยุกต์ใช้งาน
    แฟชั่นและการออกแบบเสื้อผ้า
    งานวิทยาศาสตร์และการถ่ายภาพที่ต้องการควบคุมแสง

    ข้อควรระวัง
    แม้จะผลิตง่าย แต่ยังต้องตรวจสอบความทนทานระยะยาว
    การใช้งานในอุตสาหกรรมต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม

    https://www.sciencealert.com/blackest-fabric-ever-made-absorbs-99-87-of-all-light-that-hits-it
    ✨ นักวิทยาศาสตร์สร้างผ้าดำที่สุดในโลก ดูดซับแสงได้ถึง 99.87% ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐฯ ได้พัฒนาผ้าขนสัตว์เมอริโนที่ผ่านการเคลือบด้วยโพลีโดปามีนและการบำบัดด้วยพลาสมา จนเกิดโครงสร้างระดับนาโนที่สามารถดักจับและสะท้อนแสงภายใน ทำให้ผ้าชนิดนี้ดูดซับแสงได้มากถึง 99.87% ซึ่งถือเป็นผ้าที่ดำที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้นมา แรงบันดาลใจของงานวิจัยนี้มาจากนก Magnificent Riflebird ที่มีขนดำพิเศษซึ่งสามารถดูดซับแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยเลียนแบบโครงสร้างเส้นใยเล็กๆ (nanofibrils) ของขนดังกล่าว เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ “ultrablack” ที่ไม่สะท้อนแสงแม้มองจากมุมต่างๆ ถึง 60 องศา ซึ่งเหนือกว่าความสามารถของขนนกจริง แม้จะไม่ดำที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับวัสดุอย่าง Vantablack (ดูดซับแสง 99.96%) หรือวัสดุคาร์บอนนาโนทิวบ์จาก MIT (99.995%) แต่ผ้าดำใหม่นี้มีข้อได้เปรียบคือ ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า จึงมีศักยภาพในการนำไปใช้จริงในหลายด้าน เช่น แฟชั่น การถ่ายภาพ และงานวิทยาศาสตร์ที่ต้องการวัสดุควบคุมแสง นอกจากนี้ นักศึกษาด้านแฟชั่นของคอร์เนลล์ยังได้นำผ้าดำพิเศษนี้ไปสร้างชุดเดรสที่มีการไล่เฉดสีจากเทาเข้มไปจนถึงดำสนิท พร้อมจุดสีฟ้า-เขียวตรงกลางเพื่อเลียนแบบอกของนก riflebird ถือเป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะที่น่าทึ่ง 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ ผ้าดำที่สุดที่เคยสร้าง ➡️ ดูดซับแสงได้ 99.87% ➡️ ใช้โพลีโดปามีนและการบำบัดพลาสมา ✅ แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ➡️ เลียนแบบโครงสร้างขนนก Magnificent Riflebird ➡️ สร้างเอฟเฟกต์ ultrablack ที่คงทนแม้มองจากหลายมุม ✅ เปรียบเทียบกับวัสดุอื่น ➡️ ดำไม่เท่า Vantablack หรือคาร์บอนนาโนทิวบ์ ➡️ แต่ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า เหมาะต่อการใช้งานจริง ✅ การประยุกต์ใช้งาน ➡️ แฟชั่นและการออกแบบเสื้อผ้า ➡️ งานวิทยาศาสตร์และการถ่ายภาพที่ต้องการควบคุมแสง ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ แม้จะผลิตง่าย แต่ยังต้องตรวจสอบความทนทานระยะยาว ⛔ การใช้งานในอุตสาหกรรมต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม https://www.sciencealert.com/blackest-fabric-ever-made-absorbs-99-87-of-all-light-that-hits-it
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Blackest Fabric Ever Made Absorbs 99.87% of All Light That Hits It
    If you want to stand out at your next metal gig, don't settle for a spot of color in a sea of black – go ultrablack instead.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251201 #TechRadar

    Dell ชี้การเปลี่ยนผ่านสู่ Windows 11 ยังช้า
    เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่องค์กรจำนวนมากยังคงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าและไม่รีบอัปเกรดไป Windows 11 เพราะเครื่องที่มีอยู่ยังทำงานได้ดี ส่งผลให้ยอดขาย PC ของ Dell คาดว่าจะทรงตัว แม้จะมีเครื่องกว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ก็ตาม ขณะเดียวกัน Dell กลับเห็นการเติบโตในตลาดเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับงานด้าน AI ที่มียอดสั่งซื้อสูงถึง 12 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด สะท้อนว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในตอนนี้
    https://www.techradar.com/pro/security/dell-says-businesses-still-arent-moving-to-windows-11-fast-enough-pc-maker-says-sales-will-be-flat-as-many-stick-with-windows-10

    เปลี่ยนมุมมองเพื่อสร้างนวัตกรรมด้าน Cybersecurity
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สำคัญที่ “วิธีคิด” องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่เรียนรู้ที่จะจัดการความเสี่ยง ไม่ใช่แค่หลีกเลี่ยงมัน การเปิดใจรับฟังและหาทางทำให้ไอเดียใหม่ ๆ ปลอดภัย จะช่วยสร้างความร่วมมือและความเชื่อมั่นภายในทีม ทำให้ความปลอดภัยกลายเป็นตัวช่วยในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่กำแพงกีดกัน
    https://www.techradar.com/pro/mindset-change-is-key-to-nurturing-cybersecurity-innovation

    Kia EV4 รถไฟฟ้าที่ทำให้ Hatchback กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การขับ Kia EV4 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้แตกต่างจาก SUV ทั่วไป ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวและการขับขี่ที่สนุกสนาน แม้จะไม่แรงสุดขั้ว แต่ก็ให้ความสบายและความคล่องตัวที่เหนือกว่า Hatchback ทั่วไป จุดเด่นคือแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกสองขนาด พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 388 ไมล์ และระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 29 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ผู้ช่วยเสียงที่ใช้ ChatGPT และระบบความบันเทิงในรถที่รองรับ Netflix และ Disney+ ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/ive-driven-the-new-electric-kia-ev4-and-it-finally-makes-hatchbacks-exciting-again-for-three-key-reasons

    5 แอปที่จะทำให้ภาพถ่ายมือถือของคุณดียิ่งขึ้น
    แม้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมีกล้องที่ดีมาก แต่การใช้แอปเสริมสามารถยกระดับภาพถ่ายได้อีกขั้น บทความนี้แนะนำ 5 แอป ได้แก่ Lightroom ที่ครบเครื่องด้านการแก้ไข Snapseed ที่ใช้ง่ายและมีฟิลเตอร์หลากหลาย Halide Mark II สำหรับ iPhone ที่ให้ควบคุมการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ Open Camera สำหรับ Android ที่เพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพ และ VSCO ที่มีพรีเซ็ตกว่า 200 แบบพร้อมชุมชนให้แชร์ผลงาน แอปเหล่านี้ช่วยให้ทั้งการถ่ายและการแต่งภาพสนุกและมีคุณภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/phones/want-to-take-better-phone-pictures-these-5-apps-will-vastly-improve-your-photos

    วิศวกรแห่งอนาคต: นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยคนและความยั่งยืน
    บทความนี้สะท้อนว่าคำว่า “นวัตกรรม” ในสายงานวิศวกรรมไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่เพียงอย่างเดียว แต่คือการผสมผสานคน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างความก้าวหน้า วิศวกรยุคใหม่ใช้ข้อมูลและ AI เพื่อคาดการณ์ปัญหาก่อนเกิด ลดการเดินทางและการปล่อยคาร์บอน พร้อมทั้งผลักดันการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเน้นความหลากหลายและการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาในสายงาน เพื่อสร้างทีมที่มีมุมมองหลากหลายและพร้อมแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/engineers-for-the-future-championing-innovation-through-people-purpose-and-progress

    OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือที่แบตใหญ่ที่สุด
    ข่าวนี้พูดถึงมือถือรุ่นใหม่จาก OnePlus ที่คาดว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยใส่ในสมาร์ทโฟน จุดเด่นคือการยืดอายุการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยยังคงรักษาดีไซน์และประสิทธิภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ OnePlus ทำให้แฟน ๆ รอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าจะสร้างความแตกต่างได้มากแค่ไหน
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-next-oneplus-phone-could-have-the-biggest-battery-the-company-has-ever-put-into-a-handset

    Missouri เริ่มบังคับใช้การยืนยันอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri ของสหรัฐฯ ได้เริ่มต้นวันแรกของการบังคับใช้กฎหมายการยืนยันอายุสำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์บางประเภท ทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มค้นหา VPN เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายระหว่างการคุ้มครองเยาวชนกับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ และยังทำให้ตลาด VPN ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทันที
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouris-search-for-vpns-lifts-off-as-the-first-day-of-age-verification-arrives
    📌📡🟡 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟡📡📌 #รวมข่าวIT #20251201 #TechRadar 🖥️ Dell ชี้การเปลี่ยนผ่านสู่ Windows 11 ยังช้า เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่องค์กรจำนวนมากยังคงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าและไม่รีบอัปเกรดไป Windows 11 เพราะเครื่องที่มีอยู่ยังทำงานได้ดี ส่งผลให้ยอดขาย PC ของ Dell คาดว่าจะทรงตัว แม้จะมีเครื่องกว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ก็ตาม ขณะเดียวกัน Dell กลับเห็นการเติบโตในตลาดเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับงานด้าน AI ที่มียอดสั่งซื้อสูงถึง 12 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด สะท้อนว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/dell-says-businesses-still-arent-moving-to-windows-11-fast-enough-pc-maker-says-sales-will-be-flat-as-many-stick-with-windows-10 🔒 เปลี่ยนมุมมองเพื่อสร้างนวัตกรรมด้าน Cybersecurity บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สำคัญที่ “วิธีคิด” องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่เรียนรู้ที่จะจัดการความเสี่ยง ไม่ใช่แค่หลีกเลี่ยงมัน การเปิดใจรับฟังและหาทางทำให้ไอเดียใหม่ ๆ ปลอดภัย จะช่วยสร้างความร่วมมือและความเชื่อมั่นภายในทีม ทำให้ความปลอดภัยกลายเป็นตัวช่วยในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่กำแพงกีดกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/mindset-change-is-key-to-nurturing-cybersecurity-innovation 🚗 Kia EV4 รถไฟฟ้าที่ทำให้ Hatchback กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การขับ Kia EV4 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้แตกต่างจาก SUV ทั่วไป ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวและการขับขี่ที่สนุกสนาน แม้จะไม่แรงสุดขั้ว แต่ก็ให้ความสบายและความคล่องตัวที่เหนือกว่า Hatchback ทั่วไป จุดเด่นคือแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกสองขนาด พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 388 ไมล์ และระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 29 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ผู้ช่วยเสียงที่ใช้ ChatGPT และระบบความบันเทิงในรถที่รองรับ Netflix และ Disney+ ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่ออีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/ive-driven-the-new-electric-kia-ev4-and-it-finally-makes-hatchbacks-exciting-again-for-three-key-reasons 📸 5 แอปที่จะทำให้ภาพถ่ายมือถือของคุณดียิ่งขึ้น แม้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมีกล้องที่ดีมาก แต่การใช้แอปเสริมสามารถยกระดับภาพถ่ายได้อีกขั้น บทความนี้แนะนำ 5 แอป ได้แก่ Lightroom ที่ครบเครื่องด้านการแก้ไข Snapseed ที่ใช้ง่ายและมีฟิลเตอร์หลากหลาย Halide Mark II สำหรับ iPhone ที่ให้ควบคุมการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ Open Camera สำหรับ Android ที่เพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพ และ VSCO ที่มีพรีเซ็ตกว่า 200 แบบพร้อมชุมชนให้แชร์ผลงาน แอปเหล่านี้ช่วยให้ทั้งการถ่ายและการแต่งภาพสนุกและมีคุณภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/want-to-take-better-phone-pictures-these-5-apps-will-vastly-improve-your-photos ⚙️ วิศวกรแห่งอนาคต: นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยคนและความยั่งยืน บทความนี้สะท้อนว่าคำว่า “นวัตกรรม” ในสายงานวิศวกรรมไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่เพียงอย่างเดียว แต่คือการผสมผสานคน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างความก้าวหน้า วิศวกรยุคใหม่ใช้ข้อมูลและ AI เพื่อคาดการณ์ปัญหาก่อนเกิด ลดการเดินทางและการปล่อยคาร์บอน พร้อมทั้งผลักดันการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเน้นความหลากหลายและการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาในสายงาน เพื่อสร้างทีมที่มีมุมมองหลากหลายและพร้อมแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/engineers-for-the-future-championing-innovation-through-people-purpose-and-progress 📱 OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือที่แบตใหญ่ที่สุด ข่าวนี้พูดถึงมือถือรุ่นใหม่จาก OnePlus ที่คาดว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยใส่ในสมาร์ทโฟน จุดเด่นคือการยืดอายุการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยยังคงรักษาดีไซน์และประสิทธิภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ OnePlus ทำให้แฟน ๆ รอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าจะสร้างความแตกต่างได้มากแค่ไหน 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-next-oneplus-phone-could-have-the-biggest-battery-the-company-has-ever-put-into-a-handset 🌐 Missouri เริ่มบังคับใช้การยืนยันอายุออนไลน์ รัฐ Missouri ของสหรัฐฯ ได้เริ่มต้นวันแรกของการบังคับใช้กฎหมายการยืนยันอายุสำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์บางประเภท ทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มค้นหา VPN เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายระหว่างการคุ้มครองเยาวชนกับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ และยังทำให้ตลาด VPN ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทันที 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouris-search-for-vpns-lifts-off-as-the-first-day-of-age-verification-arrives
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อุปกรณ์ที่ไม่ควรใช้แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้”

    แม้ว่าแบตเตอรี่แบบชาร์จใหม่ได้จะกลายเป็นมาตรฐานในชีวิตประจำวัน ทั้งสมาร์ทโฟน กล้อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ แต่ก็มีบางกรณีที่แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียว (disposable) ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เหตุผลหลักคือ รูปแบบการคายประจุและแรงดันไฟฟ้า ที่แตกต่างกัน แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้จะคายประจุอย่างคงที่จนใกล้หมดแล้วแรงดันตกลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวจะคายประจุอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการความเสถียรในระยะยาว

    หนึ่งในกลุ่มอุปกรณ์ที่สำคัญคือ อุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น เครื่องตรวจจับควัน เครื่องตรวจจับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และไฟฉุกเฉิน ซึ่งต้องการแบตเตอรี่ที่สามารถเก็บพลังงานได้นานโดยไม่ต้องดูแลบ่อย ๆ แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวจึงเหมาะสมกว่า เพราะมีอายุการเก็บรักษายาวนานและพร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น

    อีกกลุ่มคือ อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังต่ำ ที่ใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย เช่น นาฬิกาแขวน รีโมทคอนโทรล เทอร์โมสแตท และวิทยุขนาดเล็ก แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้มีการคายประจุเองแม้ไม่ได้ใช้งาน ทำให้ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องยาวนานโดยไม่เปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย ๆ

    สุดท้ายคือ อุปกรณ์ที่ใช้ไม่บ่อย เช่น ไฟฉายสำหรับแคมป์หรือไฟฉุกเฉินในบ้าน เนื่องจากแบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวสามารถเก็บพลังงานได้นานหลายปีโดยไม่เสื่อม ทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อหยิบมาใช้จะยังมีไฟฟ้าเพียงพอ ต่างจากแบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้ที่อาจหมดประจุเองเมื่อเก็บไว้นาน

    สรุปสาระสำคัญ
    อุปกรณ์ความปลอดภัย
    เครื่องตรวจจับควัน, เครื่องตรวจจับ CO, ไฟฉุกเฉินควรใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียว

    อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังต่ำ
    นาฬิกาแขวน, รีโมทคอนโทรล, เทอร์โมสแตท, วิทยุเล็ก ๆ ใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวได้ดีกว่า

    อุปกรณ์ที่ใช้ไม่บ่อย
    ไฟฉายแคมป์, ไฟฉุกเฉิน ควรใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวเพื่อความมั่นใจ

    คำเตือน
    แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้มีแรงดันต่ำกว่า (1.2V เทียบกับ 1.5V) อาจทำให้อุปกรณ์บางชนิดทำงานผิดปกติ
    มีการคายประจุเองแม้ไม่ได้ใช้งาน ทำให้ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการความเสถียรระยะยาว

    https://www.slashgear.com/2039176/devices-should-not-use-rechargeable-batteries/
    🔋 “อุปกรณ์ที่ไม่ควรใช้แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้” แม้ว่าแบตเตอรี่แบบชาร์จใหม่ได้จะกลายเป็นมาตรฐานในชีวิตประจำวัน ทั้งสมาร์ทโฟน กล้อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ แต่ก็มีบางกรณีที่แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียว (disposable) ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เหตุผลหลักคือ รูปแบบการคายประจุและแรงดันไฟฟ้า ที่แตกต่างกัน แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้จะคายประจุอย่างคงที่จนใกล้หมดแล้วแรงดันตกลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวจะคายประจุอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการความเสถียรในระยะยาว หนึ่งในกลุ่มอุปกรณ์ที่สำคัญคือ อุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น เครื่องตรวจจับควัน เครื่องตรวจจับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และไฟฉุกเฉิน ซึ่งต้องการแบตเตอรี่ที่สามารถเก็บพลังงานได้นานโดยไม่ต้องดูแลบ่อย ๆ แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวจึงเหมาะสมกว่า เพราะมีอายุการเก็บรักษายาวนานและพร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น อีกกลุ่มคือ อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังต่ำ ที่ใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย เช่น นาฬิกาแขวน รีโมทคอนโทรล เทอร์โมสแตท และวิทยุขนาดเล็ก แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้มีการคายประจุเองแม้ไม่ได้ใช้งาน ทำให้ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องยาวนานโดยไม่เปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย ๆ สุดท้ายคือ อุปกรณ์ที่ใช้ไม่บ่อย เช่น ไฟฉายสำหรับแคมป์หรือไฟฉุกเฉินในบ้าน เนื่องจากแบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวสามารถเก็บพลังงานได้นานหลายปีโดยไม่เสื่อม ทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อหยิบมาใช้จะยังมีไฟฟ้าเพียงพอ ต่างจากแบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้ที่อาจหมดประจุเองเมื่อเก็บไว้นาน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ อุปกรณ์ความปลอดภัย ➡️ เครื่องตรวจจับควัน, เครื่องตรวจจับ CO, ไฟฉุกเฉินควรใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียว ✅ อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังต่ำ ➡️ นาฬิกาแขวน, รีโมทคอนโทรล, เทอร์โมสแตท, วิทยุเล็ก ๆ ใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวได้ดีกว่า ✅ อุปกรณ์ที่ใช้ไม่บ่อย ➡️ ไฟฉายแคมป์, ไฟฉุกเฉิน ควรใช้แบตเตอรี่แบบใช้ครั้งเดียวเพื่อความมั่นใจ ‼️ คำเตือน ⛔ แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้มีแรงดันต่ำกว่า (1.2V เทียบกับ 1.5V) อาจทำให้อุปกรณ์บางชนิดทำงานผิดปกติ ⛔ มีการคายประจุเองแม้ไม่ได้ใช้งาน ทำให้ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการความเสถียรระยะยาว https://www.slashgear.com/2039176/devices-should-not-use-rechargeable-batteries/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Devices Should Not Use Rechargeable Batteries? - SlashGear
    Avoid using rechargeable batteries in smoke alarms, wall clocks, and remotes. Their lower voltage and self-discharge rates make single-use alkalines safer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขุมทรัพย์ในกองขยะถ่านหิน

    งานวิจัยใหม่เผยว่า “เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ในสหรัฐฯ อาจซ่อนแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements – REEs) มูลค่ากว่า 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีขั้นสูงได้

    นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสพบว่า เถ้าถ่านที่เหลือจากการเผาถ่านหิน มีการสะสมของแร่ธาตุหายากมากกว่าถ่านหินดิบถึง 4–10 เท่า เนื่องจากเมื่อเผาไหม้ ส่วนประกอบที่เป็นคาร์บอนและกำมะถันหายไป เหลือเพียงแร่ธาตุที่ไม่เผาไหม้ เช่น ควอตซ์และ REEs ทำให้ความเข้มข้นของแร่ธาตุสูงขึ้นโดยธรรมชาติ

    มูลค่ามหาศาลและศักยภาพการใช้
    การประเมินล่าสุดระบุว่า มูลค่ารวมของ REEs ในเถ้าถ่านสหรัฐฯ อาจสูงถึง 165 พันล้านดอลลาร์ โดยมีส่วนที่สามารถสกัดได้จริงราว 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปริมาณสำรองที่มีอยู่ในประเทศถึง 8 เท่า หากสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนที่ปัจจุบันครองตลาดกว่า 70%

    ผลพลอยได้ด้านสิ่งแวดล้อม
    การนำเถ้าถ่านมาใช้สกัดแร่ธาตุหายากยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะกองเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 มักก่อให้เกิดมลพิษต่อดินและน้ำ หากสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ จะช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม

    ทางเลือกอื่น ๆ ที่นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษา
    นอกจากเถ้าถ่านแล้ว ยังมีการค้นพบแหล่ง REEs จาก ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และแม้กระทั่ง พืชบางชนิดที่สามารถสะสมแร่ธาตุหายากในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำ “phytomining” หรือการทำเหมืองด้วยพืชในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมีแร่ธาตุหายากเข้มข้น
    ความเข้มข้นสูงกว่าในถ่านหินดิบ 4–10 เท่า
    เกิดจากการเผาไหม้ที่เหลือแร่ธาตุไม่เผาไหม้

    มูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล
    รวมมูลค่า REEs ในเถ้าถ่านราว 165 พันล้านดอลลาร์
    ส่วนที่สกัดได้จริงประมาณ 97 พันล้านดอลลาร์

    ผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
    ลดปัญหากองขยะเถ้าถ่านที่ก่อมลพิษ
    ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม

    ทางเลือกใหม่ในการหา REEs
    ภูเขาไฟที่ดับแล้วอาจเป็นแหล่งใหม่
    พืชบางชนิดสามารถสะสมแร่ธาตุหายากได้

    ความท้าทายและข้อจำกัด
    เทคโนโลยีสกัดยังอยู่ระหว่างการพัฒนา
    ต้องใช้เวลาและการลงทุนสูงก่อนนำไปใช้จริง

    https://www.sciencealert.com/almost-100-billion-worth-of-rare-earth-elements-may-be-buried-in-the-us
    💎 ขุมทรัพย์ในกองขยะถ่านหิน งานวิจัยใหม่เผยว่า “เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ในสหรัฐฯ อาจซ่อนแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements – REEs) มูลค่ากว่า 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีขั้นสูงได้ นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสพบว่า เถ้าถ่านที่เหลือจากการเผาถ่านหิน มีการสะสมของแร่ธาตุหายากมากกว่าถ่านหินดิบถึง 4–10 เท่า เนื่องจากเมื่อเผาไหม้ ส่วนประกอบที่เป็นคาร์บอนและกำมะถันหายไป เหลือเพียงแร่ธาตุที่ไม่เผาไหม้ เช่น ควอตซ์และ REEs ทำให้ความเข้มข้นของแร่ธาตุสูงขึ้นโดยธรรมชาติ ⚙️ มูลค่ามหาศาลและศักยภาพการใช้ การประเมินล่าสุดระบุว่า มูลค่ารวมของ REEs ในเถ้าถ่านสหรัฐฯ อาจสูงถึง 165 พันล้านดอลลาร์ โดยมีส่วนที่สามารถสกัดได้จริงราว 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปริมาณสำรองที่มีอยู่ในประเทศถึง 8 เท่า หากสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนที่ปัจจุบันครองตลาดกว่า 70% 🌱 ผลพลอยได้ด้านสิ่งแวดล้อม การนำเถ้าถ่านมาใช้สกัดแร่ธาตุหายากยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะกองเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 มักก่อให้เกิดมลพิษต่อดินและน้ำ หากสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ จะช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม 🔮 ทางเลือกอื่น ๆ ที่นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษา นอกจากเถ้าถ่านแล้ว ยังมีการค้นพบแหล่ง REEs จาก ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และแม้กระทั่ง พืชบางชนิดที่สามารถสะสมแร่ธาตุหายากในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำ “phytomining” หรือการทำเหมืองด้วยพืชในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมีแร่ธาตุหายากเข้มข้น ➡️ ความเข้มข้นสูงกว่าในถ่านหินดิบ 4–10 เท่า ➡️ เกิดจากการเผาไหม้ที่เหลือแร่ธาตุไม่เผาไหม้ ✅ มูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล ➡️ รวมมูลค่า REEs ในเถ้าถ่านราว 165 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ส่วนที่สกัดได้จริงประมาณ 97 พันล้านดอลลาร์ ✅ ผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ➡️ ลดปัญหากองขยะเถ้าถ่านที่ก่อมลพิษ ➡️ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม ✅ ทางเลือกใหม่ในการหา REEs ➡️ ภูเขาไฟที่ดับแล้วอาจเป็นแหล่งใหม่ ➡️ พืชบางชนิดสามารถสะสมแร่ธาตุหายากได้ ‼️ ความท้าทายและข้อจำกัด ⛔ เทคโนโลยีสกัดยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ⛔ ต้องใช้เวลาและการลงทุนสูงก่อนนำไปใช้จริง https://www.sciencealert.com/almost-100-billion-worth-of-rare-earth-elements-may-be-buried-in-the-us
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Almost $100 Billion Worth of Rare Earth Elements May Be Buried in The US
    The waste left over from spent fossil fuel may contain a treasure trove of rare-earth elements worth billions of dollars.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar

     Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto
    Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you

    Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT
    Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you

    ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026
    หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why

    รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล
    TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ
    https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office

     AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่
    AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ
    https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages

    Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10
    Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด
    https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10

     OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT
    OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด
    https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted

     Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี
    Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17

     ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี
    สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know

     Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it

    หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง
    ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง
    https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday

    Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router
    Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก
    Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud
    https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far

    รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง
    TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
    https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options

    OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel
    OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know

    Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น
    Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs

    มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update
    มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
    https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware

    ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย
    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware

    Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days

    Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง
    Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    📌📡🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📡📌 #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar 🛠️ Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you 🛒 Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you 🚗 ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026 หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why 🖤 รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office 🌐 AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่ AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages 💻 Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10 Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10 🏢 OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด 🔗 https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted 📱 Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17 🚫 ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know 📸 Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it 🎧 หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday 🔐 Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know ☁️ ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud 🔗 https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far 🧹 รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options 🛡️ OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know 🤖 Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs 🪟 มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware 🎨 ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware 🧑‍⚖️ Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์ รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days 🚀 Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1050 มุมมอง 0 รีวิว
  • "จีนบรรลุหมุดหมายด้านพลังงานอิสระ ด้วยการสร้างยูเรเนียมจากธอเรียม"

    สถาบันวิจัยของจีนได้ยืนยันความสำเร็จในการสร้างยูเรเนียมจากธอเรียมผ่านกระบวนการฟิชชัน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่มากในประเทศให้กลายเป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้ได้จริง ความสำเร็จนี้ถูกมองว่าเป็นการลดการพึ่งพาการนำเข้ายูเรเนียมจากต่างประเทศ และช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว

    นวัตกรรมฟิชชันและความยั่งยืน
    การเพาะพันธุ์ยูเรเนียมจากธอเรียมถือเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากธอเรียมมีปริมาณมากในธรรมชาติและสามารถนำมาใช้แทนยูเรเนียมที่มีจำกัด กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่สร้างเชื้อเพลิงใหม่ แต่ยังช่วยลดปัญหากากนิวเคลียร์ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้จีนถูกมองว่าเป็นผู้นำด้านพลังงานนิวเคลียร์สะอาดในอนาคต

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
    ความสำเร็จนี้อาจเปลี่ยนแปลงสมดุลพลังงานโลก เนื่องจากจีนสามารถลดการนำเข้ายูเรเนียมจากประเทศผู้ผลิตหลัก เช่น คาซัคสถาน แคนาดา และออสเตรเลีย การพึ่งพาตนเองด้านพลังงานจะช่วยให้จีนมีอำนาจต่อรองมากขึ้นในเวทีโลก และยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนตามข้อตกลง Paris Agreement

    ความท้าทายและข้อกังวล
    แม้เทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่อง ความปลอดภัยของโรงงานนิวเคลียร์ และการจัดการกากนิวเคลียร์ที่ยังคงเป็นความเสี่ยง หากไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด อาจเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวยังอาจนำไปสู่การแข่งขันด้านนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ

    สรุปสาระสำคัญ
    ความสำเร็จของจีน
    เพาะพันธุ์ยูเรเนียมจากธอเรียมผ่านนวัตกรรมฟิชชัน
    ลดการพึ่งพาการนำเข้ายูเรเนียมจากต่างประเทศ

    ข้อดีของเทคโนโลยี
    ใช้ธอเรียมที่มีปริมาณมากในธรรมชาติ
    ลดปัญหากากนิวเคลียร์และสนับสนุนพลังงานสะอาด

    ผลกระทบระดับโลก
    เปลี่ยนสมดุลพลังงานโลกและเพิ่มอำนาจต่อรองของจีน
    สนับสนุนเป้าหมายลดคาร์บอนตาม Paris Agreement

    คำเตือนและความเสี่ยง
    ความปลอดภัยของโรงงานนิวเคลียร์ยังเป็นข้อกังวล
    อาจนำไปสู่การแข่งขันด้านนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ

    https://www.scmp.com/news/china/science/article/3331312/china-reaches-energy-independence-milestone-breeding-uranium-thorium
    ⚛️ "จีนบรรลุหมุดหมายด้านพลังงานอิสระ ด้วยการสร้างยูเรเนียมจากธอเรียม" สถาบันวิจัยของจีนได้ยืนยันความสำเร็จในการสร้างยูเรเนียมจากธอเรียมผ่านกระบวนการฟิชชัน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่มากในประเทศให้กลายเป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้ได้จริง ความสำเร็จนี้ถูกมองว่าเป็นการลดการพึ่งพาการนำเข้ายูเรเนียมจากต่างประเทศ และช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว 🔬 นวัตกรรมฟิชชันและความยั่งยืน การเพาะพันธุ์ยูเรเนียมจากธอเรียมถือเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากธอเรียมมีปริมาณมากในธรรมชาติและสามารถนำมาใช้แทนยูเรเนียมที่มีจำกัด กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่สร้างเชื้อเพลิงใหม่ แต่ยังช่วยลดปัญหากากนิวเคลียร์ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้จีนถูกมองว่าเป็นผู้นำด้านพลังงานนิวเคลียร์สะอาดในอนาคต 🌍 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ความสำเร็จนี้อาจเปลี่ยนแปลงสมดุลพลังงานโลก เนื่องจากจีนสามารถลดการนำเข้ายูเรเนียมจากประเทศผู้ผลิตหลัก เช่น คาซัคสถาน แคนาดา และออสเตรเลีย การพึ่งพาตนเองด้านพลังงานจะช่วยให้จีนมีอำนาจต่อรองมากขึ้นในเวทีโลก และยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนตามข้อตกลง Paris Agreement 🚨 ความท้าทายและข้อกังวล แม้เทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่อง ความปลอดภัยของโรงงานนิวเคลียร์ และการจัดการกากนิวเคลียร์ที่ยังคงเป็นความเสี่ยง หากไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด อาจเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวยังอาจนำไปสู่การแข่งขันด้านนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความสำเร็จของจีน ➡️ เพาะพันธุ์ยูเรเนียมจากธอเรียมผ่านนวัตกรรมฟิชชัน ➡️ ลดการพึ่งพาการนำเข้ายูเรเนียมจากต่างประเทศ ✅ ข้อดีของเทคโนโลยี ➡️ ใช้ธอเรียมที่มีปริมาณมากในธรรมชาติ ➡️ ลดปัญหากากนิวเคลียร์และสนับสนุนพลังงานสะอาด ✅ ผลกระทบระดับโลก ➡️ เปลี่ยนสมดุลพลังงานโลกและเพิ่มอำนาจต่อรองของจีน ➡️ สนับสนุนเป้าหมายลดคาร์บอนตาม Paris Agreement ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ ความปลอดภัยของโรงงานนิวเคลียร์ยังเป็นข้อกังวล ⛔ อาจนำไปสู่การแข่งขันด้านนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ https://www.scmp.com/news/china/science/article/3331312/china-reaches-energy-independence-milestone-breeding-uranium-thorium
    WWW.SCMP.COM
    China reaches energy independence milestone by ‘breeding’ uranium from thorium
    Chinese research institute confirms success of fission-based innovation that is poised to reshape clean, sustainable nuclear power.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'พรพรหม' ประชุมเร่งรัด โครงการ EV Bike สาธารณะ เตรียมทดสอบ Proof of Concept ต้นปี 69
    https://www.thai-tai.tv/news/22450/
    .
    .#ไทยไท #มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า #EVBike #ความเป็นกลางทางคาร์บอน #กทม. #GIZ

    'พรพรหม' ประชุมเร่งรัด โครงการ EV Bike สาธารณะ เตรียมทดสอบ Proof of Concept ต้นปี 69 https://www.thai-tai.tv/news/22450/ . .#ไทยไท #มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า #EVBike #ความเป็นกลางทางคาร์บอน #กทม. #GIZ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข้อมูลในโรงเก็บของ ช่วยลดค่าไฟบ้านในอังกฤษ

    คู่สามีภรรยา Terrence และ Lesley Bridges จาก Essex ได้เข้าร่วมโครงการทดลองที่ชื่อว่า HeatHub ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks จุดประสงค์คือการหาวิธีใหม่ ๆ ให้ครัวเรือนรายได้น้อยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานแบบ net-zero ได้อย่างยั่งยืน

    HeatHub ที่ติดตั้งในโรงเก็บของหลังบ้านทำงานโดยใช้ Raspberry Pi จำนวน 56 เครื่อง ที่ประมวลผลข้อมูลจริงจากลูกค้า ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ถูกนำไปใช้กับระบบน้ำร้อนภายในบ้าน ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครอบครัวลดลงเหลือเพียง £40 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับครัวเรือนทั่วไปในสหราชอาณาจักร

    แม้ระบบนี้จะไม่ถูกออกแบบมาสำหรับงาน AI หนัก ๆ แต่สามารถใช้รันแอปพลิเคชันหรือวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้ และในอนาคตลูกค้าจะสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อประมวลผลข้อมูลผ่าน HeatHub ที่กระจายอยู่ตามบ้านเรือนต่าง ๆ ซึ่งจะกลายเป็น ศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย (distributed data center)

    นอกจาก Thermify แล้ว ยังมีบริษัท Deep Green ที่ใช้แนวคิดคล้ายกัน โดยติดตั้งไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา ความร้อนที่เกิดขึ้นสามารถครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% ของสระว่ายน้ำต่อปี ลดค่าแก๊สและการปล่อยคาร์บอนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    HeatHub ในโรงเก็บของหลังบ้านช่วยลดค่าไฟเหลือ £40/เดือน
    ใช้ Raspberry Pi 56 เครื่องในการประมวลผลและเปลี่ยนความร้อนเป็นพลังงานทำความร้อน

    เป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks
    มุ่งช่วยครัวเรือนรายได้น้อยเข้าสู่การใช้พลังงาน net-zero

    HeatHub จะกลายเป็นศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย
    ลูกค้าสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อใช้พลังประมวลผล

    Deep Green ใช้แนวคิดคล้ายกันในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา
    ครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% และลดการปล่อยคาร์บอน

    ไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งเอง (DIY)
    บ้านทั่วไปมีข้อจำกัดด้านไฟฟ้าและอาจเสี่ยงต่อการโอเวอร์โหลดหรือไฟไหม้

    ระบบหม้อไอน้ำทั่วไปไม่รองรับการทำงานร่วมกับ HeatHub
    อาจมีปัญหาด้านประกันภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของโครงข่ายไฟฟ้า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-couples-garden-shed-data-center-heats-home-and-cuts-bills
    🏡 ศูนย์ข้อมูลในโรงเก็บของ ช่วยลดค่าไฟบ้านในอังกฤษ คู่สามีภรรยา Terrence และ Lesley Bridges จาก Essex ได้เข้าร่วมโครงการทดลองที่ชื่อว่า HeatHub ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks จุดประสงค์คือการหาวิธีใหม่ ๆ ให้ครัวเรือนรายได้น้อยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานแบบ net-zero ได้อย่างยั่งยืน HeatHub ที่ติดตั้งในโรงเก็บของหลังบ้านทำงานโดยใช้ Raspberry Pi จำนวน 56 เครื่อง ที่ประมวลผลข้อมูลจริงจากลูกค้า ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ถูกนำไปใช้กับระบบน้ำร้อนภายในบ้าน ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครอบครัวลดลงเหลือเพียง £40 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับครัวเรือนทั่วไปในสหราชอาณาจักร แม้ระบบนี้จะไม่ถูกออกแบบมาสำหรับงาน AI หนัก ๆ แต่สามารถใช้รันแอปพลิเคชันหรือวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้ และในอนาคตลูกค้าจะสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อประมวลผลข้อมูลผ่าน HeatHub ที่กระจายอยู่ตามบ้านเรือนต่าง ๆ ซึ่งจะกลายเป็น ศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย (distributed data center) นอกจาก Thermify แล้ว ยังมีบริษัท Deep Green ที่ใช้แนวคิดคล้ายกัน โดยติดตั้งไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา ความร้อนที่เกิดขึ้นสามารถครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% ของสระว่ายน้ำต่อปี ลดค่าแก๊สและการปล่อยคาร์บอนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ HeatHub ในโรงเก็บของหลังบ้านช่วยลดค่าไฟเหลือ £40/เดือน ➡️ ใช้ Raspberry Pi 56 เครื่องในการประมวลผลและเปลี่ยนความร้อนเป็นพลังงานทำความร้อน ✅ เป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks ➡️ มุ่งช่วยครัวเรือนรายได้น้อยเข้าสู่การใช้พลังงาน net-zero ✅ HeatHub จะกลายเป็นศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย ➡️ ลูกค้าสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อใช้พลังประมวลผล ✅ Deep Green ใช้แนวคิดคล้ายกันในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา ➡️ ครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% และลดการปล่อยคาร์บอน ‼️ ไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งเอง (DIY) ⛔ บ้านทั่วไปมีข้อจำกัดด้านไฟฟ้าและอาจเสี่ยงต่อการโอเวอร์โหลดหรือไฟไหม้ ‼️ ระบบหม้อไอน้ำทั่วไปไม่รองรับการทำงานร่วมกับ HeatHub ⛔ อาจมีปัญหาด้านประกันภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของโครงข่ายไฟฟ้า https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-couples-garden-shed-data-center-heats-home-and-cuts-bills
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI กำลังบีบคั้นเป้าหมาย Climate ของ Big Tech”

    หลังจากการเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft, Amazon, Google และ Meta ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่: การจัดหาพลังงานมหาศาลเพื่อรองรับการเติบโตของ AI ข้อมูลจาก BloombergNEF ระบุว่าอุตสาหกรรมนี้อาจต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มถึง 362 กิกะวัตต์ภายในปี 2035 ซึ่งมากกว่าการซื้อพลังงานสะอาดที่ทำได้ในปัจจุบันหลายเท่า

    Microsoft และบริษัทอื่น ๆ แม้จะยังคงประกาศเป้าหมาย Net-zero และ Carbon-negative แต่ก็ยอมรับว่าการขยาย AI ทำให้ การปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เช่น Meta เพิ่มขึ้น 64%, Google 51%, Amazon 33% และ Microsoft 23% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการเปิดตัว ChatGPT

    เพื่อแก้ปัญหา บริษัทต่าง ๆ จึงหันไปใช้กลยุทธ์ “ทุกทางเลือก” ทั้งการซื้อพลังงานสะอาดในสัดส่วนสูงสุด การลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์และธรณีความร้อน รวมถึงการสร้างโรงไฟฟ้าแก๊สใกล้ศูนย์ข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดไฟดับแม้เพียงนาทีเดียว อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ก่อให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องความยั่งยืนและความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อม

    นอกจากนี้ ปัจจัยทางการเมืองก็ซ้ำเติมสถานการณ์ เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump ลดการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนและยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยมี ทำให้การลงทุนในโครงการพลังงานสะอาดชะลอตัว และบีบให้บริษัทเทคโนโลยีต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    ความท้าทายด้านพลังงานของ Big Tech
    AI ต้องการไฟฟ้าจำนวนมหาศาล (362 กิกะวัตต์ภายในปี 2035)
    ศูนย์ข้อมูลคือหัวใจของการใช้พลังงานมหาศาล

    ผลกระทบต่อเป้าหมาย Climate
    Microsoft, Google, Meta, Amazon มีการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นหลังการขยาย AI
    เป้าหมาย Net-zero และ Carbon-negative ถูกกดดันอย่างหนัก

    กลยุทธ์ที่บริษัทใช้
    ลงทุนในพลังงานสะอาด นิวเคลียร์ และธรณีความร้อน
    สร้างโรงไฟฟ้าแก๊สใกล้ศูนย์ข้อมูลเพื่อความมั่นคงทางไฟฟ้า

    คำเตือนและความเสี่ยง
    การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอาจทำลายภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อม
    การลดสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนจากรัฐบาลทำให้การลงทุนสะอาดชะลอตัว
    หากไม่หาทางออกที่ยั่งยืน อุตสาหกรรม AI อาจกลายเป็นตัวเร่งวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/14/big-techs-climate-strategists-feeling-strain-of-ai-power-needs
    ⚡ “AI กำลังบีบคั้นเป้าหมาย Climate ของ Big Tech” หลังจากการเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft, Amazon, Google และ Meta ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่: การจัดหาพลังงานมหาศาลเพื่อรองรับการเติบโตของ AI ข้อมูลจาก BloombergNEF ระบุว่าอุตสาหกรรมนี้อาจต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มถึง 362 กิกะวัตต์ภายในปี 2035 ซึ่งมากกว่าการซื้อพลังงานสะอาดที่ทำได้ในปัจจุบันหลายเท่า Microsoft และบริษัทอื่น ๆ แม้จะยังคงประกาศเป้าหมาย Net-zero และ Carbon-negative แต่ก็ยอมรับว่าการขยาย AI ทำให้ การปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เช่น Meta เพิ่มขึ้น 64%, Google 51%, Amazon 33% และ Microsoft 23% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการเปิดตัว ChatGPT เพื่อแก้ปัญหา บริษัทต่าง ๆ จึงหันไปใช้กลยุทธ์ “ทุกทางเลือก” ทั้งการซื้อพลังงานสะอาดในสัดส่วนสูงสุด การลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์และธรณีความร้อน รวมถึงการสร้างโรงไฟฟ้าแก๊สใกล้ศูนย์ข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดไฟดับแม้เพียงนาทีเดียว อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ก่อให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องความยั่งยืนและความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ปัจจัยทางการเมืองก็ซ้ำเติมสถานการณ์ เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump ลดการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนและยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยมี ทำให้การลงทุนในโครงการพลังงานสะอาดชะลอตัว และบีบให้บริษัทเทคโนโลยีต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความท้าทายด้านพลังงานของ Big Tech ➡️ AI ต้องการไฟฟ้าจำนวนมหาศาล (362 กิกะวัตต์ภายในปี 2035) ➡️ ศูนย์ข้อมูลคือหัวใจของการใช้พลังงานมหาศาล ✅ ผลกระทบต่อเป้าหมาย Climate ➡️ Microsoft, Google, Meta, Amazon มีการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นหลังการขยาย AI ➡️ เป้าหมาย Net-zero และ Carbon-negative ถูกกดดันอย่างหนัก ✅ กลยุทธ์ที่บริษัทใช้ ➡️ ลงทุนในพลังงานสะอาด นิวเคลียร์ และธรณีความร้อน ➡️ สร้างโรงไฟฟ้าแก๊สใกล้ศูนย์ข้อมูลเพื่อความมั่นคงทางไฟฟ้า ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอาจทำลายภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ⛔ การลดสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนจากรัฐบาลทำให้การลงทุนสะอาดชะลอตัว ⛔ หากไม่หาทางออกที่ยั่งยืน อุตสาหกรรม AI อาจกลายเป็นตัวเร่งวิกฤตสภาพภูมิอากาศ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/14/big-techs-climate-strategists-feeling-strain-of-ai-power-needs
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Big tech's climate strategists feeling strain of AI power needs
    Weeks after ChatGPT was unleashed on the world in November 2022, sustainability executives at Microsoft Corp realised they had a big problem.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI และศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมา

    OpenAI มีแผนสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใช้พลังงานมหาศาลถึง 250 กิกะวัตต์ ภายในปี 2033 ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของทั้งประเทศอินเดีย! นอกจากนี้ยังต้องใช้ GPU จำนวนมหาศาลกว่า 30 ล้านตัวต่อปีเพื่อให้ระบบทำงานต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง

    สิ่งที่น่ากังวลคือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะการใช้พลังงานระดับนี้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าสองเท่าของ ExxonMobil บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และยังต้องใช้น้ำจำนวนมหาศาลเพื่อระบายความร้อนของเครื่องจักร ซึ่งอาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำในหลายภูมิภาค

    นอกจาก OpenAI แล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น xAI ของ Elon Musk ก็มีแผนสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่เช่นกัน ทำให้เกิดการแข่งขันที่อาจบีบทรัพยากรโลก ทั้งไฟฟ้า น้ำ และวัตถุดิบหายากที่ใช้ผลิตชิปขั้นสูง

    สรุปประเด็น
    OpenAI ตั้งเป้าสร้างศูนย์ข้อมูล 250 GW ภายในปี 2033
    เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศอินเดีย

    ต้องใช้ GPU กว่า 30 ล้านตัวต่อปี
    เพื่อรองรับการทำงานต่อเนื่อง 24/7

    ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการปล่อย CO₂ มหาศาล
    มากกว่าสองเท่าของ ExxonMobil

    การใช้น้ำจำนวนมหาศาลเพื่อระบายความร้อน
    อาจกระทบต่อชุมชนและทรัพยากรน้ำโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openais-colossal-ai-data-center-targets-would-consume-as-much-electricity-as-entire-nation-of-india-250gw-target-would-require-30-million-gpus-annually-to-ensure-continuous-operation-emit-twice-as-much-carbon-dioxide-as-exxonmobil
    ⚡ OpenAI และศูนย์ข้อมูล AI ขนาดมหึมา OpenAI มีแผนสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใช้พลังงานมหาศาลถึง 250 กิกะวัตต์ ภายในปี 2033 ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของทั้งประเทศอินเดีย! นอกจากนี้ยังต้องใช้ GPU จำนวนมหาศาลกว่า 30 ล้านตัวต่อปีเพื่อให้ระบบทำงานต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง สิ่งที่น่ากังวลคือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะการใช้พลังงานระดับนี้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าสองเท่าของ ExxonMobil บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และยังต้องใช้น้ำจำนวนมหาศาลเพื่อระบายความร้อนของเครื่องจักร ซึ่งอาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำในหลายภูมิภาค นอกจาก OpenAI แล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น xAI ของ Elon Musk ก็มีแผนสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่เช่นกัน ทำให้เกิดการแข่งขันที่อาจบีบทรัพยากรโลก ทั้งไฟฟ้า น้ำ และวัตถุดิบหายากที่ใช้ผลิตชิปขั้นสูง 📌 สรุปประเด็น ✅ OpenAI ตั้งเป้าสร้างศูนย์ข้อมูล 250 GW ภายในปี 2033 ➡️ เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศอินเดีย ✅ ต้องใช้ GPU กว่า 30 ล้านตัวต่อปี ➡️ เพื่อรองรับการทำงานต่อเนื่อง 24/7 ‼️ ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการปล่อย CO₂ มหาศาล ⛔ มากกว่าสองเท่าของ ExxonMobil ‼️ การใช้น้ำจำนวนมหาศาลเพื่อระบายความร้อน ⛔ อาจกระทบต่อชุมชนและทรัพยากรน้ำโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openais-colossal-ai-data-center-targets-would-consume-as-much-electricity-as-entire-nation-of-india-250gw-target-would-require-30-million-gpus-annually-to-ensure-continuous-operation-emit-twice-as-much-carbon-dioxide-as-exxonmobil
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าววิทยาศาสตร์: ร่องรอยโมเลกุลอินทรีย์ในอวกาศ อาจบอกใบ้ถึงกำเนิดชีวิตบนโลก

    ลองจินตนาการว่าโลกของเราไม่ได้เริ่มต้นจากเพียงแค่ทะเลโบราณและภูเขาไฟ แต่มี "วัตถุดิบแห่งชีวิต" เดินทางมาจากห้วงอวกาศอันไกลโพ้น นักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ด้านชีววิทยาอวกาศกำลังค้นพบหลักฐานที่น่าสนใจว่า โมเลกุลอินทรีย์—ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต—มีอยู่ทั่วไปในฝุ่นดาวหาง เศษอุกกาบาต และแม้แต่ในก๊าซจากดาวที่กำลังดับ

    การค้นพบเหล่านี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า ชีวิตบนโลกอาจเริ่มต้นจากอวกาศหรือไม่ โดยโมเลกุลอินทรีย์เหล่านี้อาจถูกพัดพามายังโลกผ่านดาวหางและอุกกาบาต ก่อนจะเจอสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมบนโลกจนเกิดวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตจริง

    นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบสัญญาณก๊าซบางชนิดบนดาวเคราะห์ K2-18b ที่อยู่ห่างออกไปกว่า 124 ปีแสง ซึ่งก๊าซเหล่านี้ปกติจะเกิดจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เช่น ไมโครออร์แกนิซึมในมหาสมุทรบนโลก แม้จะยังเป็นเพียงการคาดการณ์ แต่ก็เป็นหลักฐานที่ทำให้การค้นหาชีวิตนอกโลกยิ่งน่าตื่นเต้นขึ้น

    การค้นพบโมเลกุลอินทรีย์ในอวกาศ
    พบในฝุ่นดาวหาง อุกกาบาต และก๊าซจากดาวที่กำลังดับ
    โมเลกุลเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต เช่น คาร์บอนและกรดอะมิโน

    ทฤษฎีกำเนิดชีวิตจากอวกาศ (Panspermia)
    โมเลกุลอินทรีย์อาจถูกพัดพามายังโลกผ่านดาวหางและอุกกาบาต
    โลกมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมจนเกิดวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิต

    หลักฐานจากดาวเคราะห์ K2-18b
    ตรวจพบก๊าซที่ปกติผลิตโดยสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
    เป็นการคาดการณ์ที่ยังต้องการการยืนยันเพิ่มเติม

    โครงการค้นหาชีวิตนอกโลก
    SETI และ Galileo Project ใช้เทคโนโลยี AI และกล้องโทรทรรศน์
    มุ่งหาสัญญาณหรือหลักฐานของสิ่งมีชีวิตนอกโลก

    ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าชีวิตบนโลกเริ่มจากอวกาศจริง
    การค้นพบโมเลกุลอินทรีย์เป็นเพียง "วัตถุดิบ" ไม่ใช่การพิสูจน์ว่ามีชีวิต

    ข้อมูลจากดาวเคราะห์ K2-18b ยังเป็นการตีความเบื้องต้น
    นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถตรวจสอบโดยตรงว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่จริง

    การค้นหาชีวิตนอกโลกยังคงเป็นการวิจัยระยะยาว
    ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่านี้เพื่อยืนยันการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิต

    https://www.slashgear.com/2014873/origins-of-life-deep-space-organic-molecules/
    🪐 ข่าววิทยาศาสตร์: ร่องรอยโมเลกุลอินทรีย์ในอวกาศ อาจบอกใบ้ถึงกำเนิดชีวิตบนโลก ลองจินตนาการว่าโลกของเราไม่ได้เริ่มต้นจากเพียงแค่ทะเลโบราณและภูเขาไฟ แต่มี "วัตถุดิบแห่งชีวิต" เดินทางมาจากห้วงอวกาศอันไกลโพ้น 🌌 นักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ด้านชีววิทยาอวกาศกำลังค้นพบหลักฐานที่น่าสนใจว่า โมเลกุลอินทรีย์—ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต—มีอยู่ทั่วไปในฝุ่นดาวหาง เศษอุกกาบาต และแม้แต่ในก๊าซจากดาวที่กำลังดับ การค้นพบเหล่านี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า ชีวิตบนโลกอาจเริ่มต้นจากอวกาศหรือไม่ โดยโมเลกุลอินทรีย์เหล่านี้อาจถูกพัดพามายังโลกผ่านดาวหางและอุกกาบาต ก่อนจะเจอสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมบนโลกจนเกิดวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตจริง นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบสัญญาณก๊าซบางชนิดบนดาวเคราะห์ K2-18b ที่อยู่ห่างออกไปกว่า 124 ปีแสง ซึ่งก๊าซเหล่านี้ปกติจะเกิดจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เช่น ไมโครออร์แกนิซึมในมหาสมุทรบนโลก 🌍 แม้จะยังเป็นเพียงการคาดการณ์ แต่ก็เป็นหลักฐานที่ทำให้การค้นหาชีวิตนอกโลกยิ่งน่าตื่นเต้นขึ้น ✅ การค้นพบโมเลกุลอินทรีย์ในอวกาศ ➡️ พบในฝุ่นดาวหาง อุกกาบาต และก๊าซจากดาวที่กำลังดับ ➡️ โมเลกุลเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต เช่น คาร์บอนและกรดอะมิโน ✅ ทฤษฎีกำเนิดชีวิตจากอวกาศ (Panspermia) ➡️ โมเลกุลอินทรีย์อาจถูกพัดพามายังโลกผ่านดาวหางและอุกกาบาต ➡️ โลกมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมจนเกิดวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิต ✅ หลักฐานจากดาวเคราะห์ K2-18b ➡️ ตรวจพบก๊าซที่ปกติผลิตโดยสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ➡️ เป็นการคาดการณ์ที่ยังต้องการการยืนยันเพิ่มเติม ✅ โครงการค้นหาชีวิตนอกโลก ➡️ SETI และ Galileo Project ใช้เทคโนโลยี AI และกล้องโทรทรรศน์ ➡️ มุ่งหาสัญญาณหรือหลักฐานของสิ่งมีชีวิตนอกโลก ‼️ ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าชีวิตบนโลกเริ่มจากอวกาศจริง ⛔ การค้นพบโมเลกุลอินทรีย์เป็นเพียง "วัตถุดิบ" ไม่ใช่การพิสูจน์ว่ามีชีวิต ‼️ ข้อมูลจากดาวเคราะห์ K2-18b ยังเป็นการตีความเบื้องต้น ⛔ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถตรวจสอบโดยตรงว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่จริง ‼️ การค้นหาชีวิตนอกโลกยังคงเป็นการวิจัยระยะยาว ⛔ ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่านี้เพื่อยืนยันการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิต https://www.slashgear.com/2014873/origins-of-life-deep-space-organic-molecules/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Astronomers Keep Finding The Same Thing – And It Points To Life Starting In Space - SlashGear
    Researchers and astronomers have consistently detected the presence of organic molecules in space, hinting at life's extraterrestrial origins.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lenovo เปิดวิสัยทัศน์สุดล้ำ: ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งอนาคตจะลอยฟ้า แช่น้ำร้อน และอยู่ใต้ดิน!

    Lenovo เผยแนวคิดสุดล้ำสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ในอนาคต ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่รวมถึงการออกแบบเพื่อความยั่งยืนและประสิทธิภาพด้านพลังงาน โดยเสนอ 3 รูปแบบใหม่ ได้แก่ “Floating Cloud” ลอยเหนือพื้นโลก, “Data Spa” แช่น้ำร้อนจากพลังงานใต้พิภพ และ “Data Center Bunker” ฝังใต้ดินเพื่อความปลอดภัยและการระบายความร้อนตามธรรมชาติ

    แนวคิดเหล่านี้เกิดจากความต้องการเร่งด่วนในการรองรับการเติบโตของ AI และการใช้พลังงานมหาศาลของระบบประมวลผลยุคใหม่ ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิมไม่สามารถตอบโจทย์ได้อีกต่อไป

    Floating Cloud: ดาต้าเซ็นเตอร์ลอยฟ้า
    ลอยอยู่ระหว่าง 20–30 กม.เหนือพื้นโลก ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 100%
    ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแรงดันสูง
    ลดการใช้พื้นที่บนดิน แต่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากการโจมตีทางอากาศ

    Data Spa: ดาต้าเซ็นเตอร์แช่น้ำร้อน
    ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำพุร้อนหรือพลังงานใต้พิภพ
    ผสมผสานธรรมชาติกับเทคโนโลยีอย่างกลมกลืน
    เสี่ยงต่อความปลอดภัยจากการอยู่ใกล้แหล่งน้ำและผู้คน

    Data Center Bunker: ดาต้าเซ็นเตอร์ใต้ดิน
    ใช้พื้นที่รกร้าง เช่น อุโมงค์เก่า หรือสถานีรถไฟใต้ดิน
    ได้เปรียบด้านการระบายความร้อนตามธรรมชาติและความปลอดภัย
    อาจมีข้อจำกัดด้านอุณหภูมิใต้ดินที่ไม่เหมาะสม

    Neptune Liquid Cooling: เทคโนโลยีระบายความร้อนใหม่ของ Lenovo
    ดึงความร้อนออกจากแหล่งกำเนิดได้ถึง 98%
    ลดการใช้พลังงานเมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ

    แรงผลักดันจาก AI และกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม
    ความต้องการประมวลผล AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    กฎด้านการปล่อยคาร์บอนและความมั่นคงของข้อมูลผลักดันให้ต้องออกแบบใหม่

    คำเตือน: ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    Floating Cloud อาจถูกโจมตีหรือควบคุมได้ยาก
    Data Spa เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลและอุบัติเหตุจากน้ำ

    คำเตือน: ความท้าทายด้านการใช้งานจริง
    แนวคิดเหล่านี้ยังเป็นต้นแบบ ไม่พร้อมใช้งานในเชิงพาณิชย์
    ต้องใช้การลงทุนสูงและการทดสอบด้านวิศวกรรมอย่างเข้มข้น

    https://www.techradar.com/pro/lenovo-goes-literal-with-its-view-of-the-future-of-the-cloud-heres-what-it-thinks-future-data-centers-will-really-look-like
    ☁️ Lenovo เปิดวิสัยทัศน์สุดล้ำ: ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งอนาคตจะลอยฟ้า แช่น้ำร้อน และอยู่ใต้ดิน! Lenovo เผยแนวคิดสุดล้ำสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ในอนาคต ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่รวมถึงการออกแบบเพื่อความยั่งยืนและประสิทธิภาพด้านพลังงาน โดยเสนอ 3 รูปแบบใหม่ ได้แก่ “Floating Cloud” ลอยเหนือพื้นโลก, “Data Spa” แช่น้ำร้อนจากพลังงานใต้พิภพ และ “Data Center Bunker” ฝังใต้ดินเพื่อความปลอดภัยและการระบายความร้อนตามธรรมชาติ แนวคิดเหล่านี้เกิดจากความต้องการเร่งด่วนในการรองรับการเติบโตของ AI และการใช้พลังงานมหาศาลของระบบประมวลผลยุคใหม่ ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิมไม่สามารถตอบโจทย์ได้อีกต่อไป ✅ Floating Cloud: ดาต้าเซ็นเตอร์ลอยฟ้า ➡️ ลอยอยู่ระหว่าง 20–30 กม.เหนือพื้นโลก ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 100% ➡️ ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแรงดันสูง ➡️ ลดการใช้พื้นที่บนดิน แต่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากการโจมตีทางอากาศ ✅ Data Spa: ดาต้าเซ็นเตอร์แช่น้ำร้อน ➡️ ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำพุร้อนหรือพลังงานใต้พิภพ ➡️ ผสมผสานธรรมชาติกับเทคโนโลยีอย่างกลมกลืน ➡️ เสี่ยงต่อความปลอดภัยจากการอยู่ใกล้แหล่งน้ำและผู้คน ✅ Data Center Bunker: ดาต้าเซ็นเตอร์ใต้ดิน ➡️ ใช้พื้นที่รกร้าง เช่น อุโมงค์เก่า หรือสถานีรถไฟใต้ดิน ➡️ ได้เปรียบด้านการระบายความร้อนตามธรรมชาติและความปลอดภัย ➡️ อาจมีข้อจำกัดด้านอุณหภูมิใต้ดินที่ไม่เหมาะสม ✅ Neptune Liquid Cooling: เทคโนโลยีระบายความร้อนใหม่ของ Lenovo ➡️ ดึงความร้อนออกจากแหล่งกำเนิดได้ถึง 98% ➡️ ลดการใช้พลังงานเมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ✅ แรงผลักดันจาก AI และกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม ➡️ ความต้องการประมวลผล AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ➡️ กฎด้านการปล่อยคาร์บอนและความมั่นคงของข้อมูลผลักดันให้ต้องออกแบบใหม่ ‼️ คำเตือน: ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ⛔ Floating Cloud อาจถูกโจมตีหรือควบคุมได้ยาก ⛔ Data Spa เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลและอุบัติเหตุจากน้ำ ‼️ คำเตือน: ความท้าทายด้านการใช้งานจริง ⛔ แนวคิดเหล่านี้ยังเป็นต้นแบบ ไม่พร้อมใช้งานในเชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องใช้การลงทุนสูงและการทดสอบด้านวิศวกรรมอย่างเข้มข้น https://www.techradar.com/pro/lenovo-goes-literal-with-its-view-of-the-future-of-the-cloud-heres-what-it-thinks-future-data-centers-will-really-look-like
    WWW.TECHRADAR.COM
    Lenovo designs floating, underground, and geothermal data centers
    AI tools are driving data demand far beyond current infrastructure capabilities
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารไทย ผู้นำคนใหม่ของไทย หรือเดอะทีมไทยเรา,ท่านจะผิดพลาดแบบยุคโควิด19ไม่ได้อีกแล้วนะ,จะเป็นขี้ข้าทาสอีลิทคาบาลไซออนิสต์หรือใดๆแบบเดิมๆในอดีตไม่ได้อีกแล้วนะ,กฎหมายมากมายที่ออกมาล้วนเป็นไปเพื่อควบคุมคนไทยเป็นทาสในยุคใหม่AIชัดเจนมากของagenda2030มัน,cbdc,เงินดิจิดัล,เมืองอัจฉริยะ,ไบโอเมทริกต่างๆเอย,เหล่านี้เป็นต้นล้วนเป็นภัยอันตรายชัดเจน ระดับฝ่ายข่าวกรอกทางความมั่นคงของชาติทหารเราถ้าพลาดเรื่องนี้ ท่านในนามกองทัพไทยถือว่าทรยศหักหลัง,ไม่สมควรมีประจำการบนแผ่นดินไทยเพราะมิได้ปกป้องดูแลเรา..ประชาชนคนไทยขัดเจนด้วย สมคบคิดจะปกครองให้คนไทยเป็นทาสระบบคาบาลชัดเจนนั้นเอง,ท่านต้องไม่พลาดอีก,ไม่มองโลกแคบขนาดนั้น,บริบทมากมายมันสะท้อนทางฝ่ายมืดชัดเจน ภาษีคาร์บอนก็ผ่านครม.แล้ว,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ผ่านแล้ว,นี้คือการเดินไปทางนรกชัดเจน ,ประเทศไทยจะเดินบนทางนรกไม่ได้อีก,ถ้าเดินทางนี้แสดงว่าเราสิ้นทั้งสามสถาบันแล้ว,มิอาจไว้วางใจสามเสาหักต่อไปได้อีก,เพราะแสดงว่าอยู่ภายใต้ทาสมันไปแล้วเช่นกัน หัวโขนนี้จะเอามาหลอกลวงคนไทยทั้งประเทศเพราะบรรลุเป้าหมายของฝ่ายชั่วซาตานไม่สมควรสิ้น,แสดงว่าการลดประชากรไทยจากวัคซีนอำมหิตนี้ที่ฉีดเกือบหมดทุกๆคนคือการปกครองของฝ่ายมืดเบ็ดเสร็จจริงประจำประเทศไทยเรา,มีทางเดียวที่ทหารจะจบความสงสัยคือนำพาคนไทยปลดปล่อยคนไทยจริงอีกจากการปกครองของฝ่ายมืดมันในไทยเรา,ฉีกกฎหมายอีลิททั้งหมดทิ้งทันทีแล้วทหารเขียนกฎหมายใหม่หมด,กฎหมายอดีตเป็นกฎหมายฝ่ายมืด เผาไฟทิ้งทุกๆฉบับเลย ตำราเรียนเท็จก็เอามาเผาทิ้งด้วย เรา..ประเทศไทยจะรอดไปยุคใหม่บนฐานค่าความจริงได้จริง,ทหารไทยต้องยึดอำนาจ ทหารไทยต้อง ใจหาญสไตล์บิ๊กกุ้ง,เราทั้งประเทศจึงจะรอดจากสงครามโลกของซาตานที่ปกครองโลกนี้จริง,เรา..สามารถเป็นบัวลอยพ้นน้ำทั้งประเทศได้จากสายบัวสายทหารไทยเรานำพาที่แข็งแกร่งและนั้นนี้เรา..คนไทยทั้งหมดด้วยรวมกันเป็นต้นบัวทั้งสายนั้นสู่บัวพ้นน้ำในที่สุดของประเทศไทยเราบนดินปุ๋ยโคลนตมจากพื้นฐานมูลใต้น้ำของซาตานที่สร้างขึ้นหรือธรรมชาติซาตานที่สร้างโลกนี้ขึ้น,แต่มิอาจขัดขวางเรา..ประเทศไทยบรรลุแจ้งได้นั้นเอง.,ทหารไทยต้องเด็ดขาดได้แล้ว.

    https://youtube.com/shorts/IPw1NT681uE?si=RvQko8iionjAGhQC
    ทหารไทย ผู้นำคนใหม่ของไทย หรือเดอะทีมไทยเรา,ท่านจะผิดพลาดแบบยุคโควิด19ไม่ได้อีกแล้วนะ,จะเป็นขี้ข้าทาสอีลิทคาบาลไซออนิสต์หรือใดๆแบบเดิมๆในอดีตไม่ได้อีกแล้วนะ,กฎหมายมากมายที่ออกมาล้วนเป็นไปเพื่อควบคุมคนไทยเป็นทาสในยุคใหม่AIชัดเจนมากของagenda2030มัน,cbdc,เงินดิจิดัล,เมืองอัจฉริยะ,ไบโอเมทริกต่างๆเอย,เหล่านี้เป็นต้นล้วนเป็นภัยอันตรายชัดเจน ระดับฝ่ายข่าวกรอกทางความมั่นคงของชาติทหารเราถ้าพลาดเรื่องนี้ ท่านในนามกองทัพไทยถือว่าทรยศหักหลัง,ไม่สมควรมีประจำการบนแผ่นดินไทยเพราะมิได้ปกป้องดูแลเรา..ประชาชนคนไทยขัดเจนด้วย สมคบคิดจะปกครองให้คนไทยเป็นทาสระบบคาบาลชัดเจนนั้นเอง,ท่านต้องไม่พลาดอีก,ไม่มองโลกแคบขนาดนั้น,บริบทมากมายมันสะท้อนทางฝ่ายมืดชัดเจน ภาษีคาร์บอนก็ผ่านครม.แล้ว,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ผ่านแล้ว,นี้คือการเดินไปทางนรกชัดเจน ,ประเทศไทยจะเดินบนทางนรกไม่ได้อีก,ถ้าเดินทางนี้แสดงว่าเราสิ้นทั้งสามสถาบันแล้ว,มิอาจไว้วางใจสามเสาหักต่อไปได้อีก,เพราะแสดงว่าอยู่ภายใต้ทาสมันไปแล้วเช่นกัน หัวโขนนี้จะเอามาหลอกลวงคนไทยทั้งประเทศเพราะบรรลุเป้าหมายของฝ่ายชั่วซาตานไม่สมควรสิ้น,แสดงว่าการลดประชากรไทยจากวัคซีนอำมหิตนี้ที่ฉีดเกือบหมดทุกๆคนคือการปกครองของฝ่ายมืดเบ็ดเสร็จจริงประจำประเทศไทยเรา,มีทางเดียวที่ทหารจะจบความสงสัยคือนำพาคนไทยปลดปล่อยคนไทยจริงอีกจากการปกครองของฝ่ายมืดมันในไทยเรา,ฉีกกฎหมายอีลิททั้งหมดทิ้งทันทีแล้วทหารเขียนกฎหมายใหม่หมด,กฎหมายอดีตเป็นกฎหมายฝ่ายมืด เผาไฟทิ้งทุกๆฉบับเลย ตำราเรียนเท็จก็เอามาเผาทิ้งด้วย เรา..ประเทศไทยจะรอดไปยุคใหม่บนฐานค่าความจริงได้จริง,ทหารไทยต้องยึดอำนาจ ทหารไทยต้อง ใจหาญสไตล์บิ๊กกุ้ง,เราทั้งประเทศจึงจะรอดจากสงครามโลกของซาตานที่ปกครองโลกนี้จริง,เรา..สามารถเป็นบัวลอยพ้นน้ำทั้งประเทศได้จากสายบัวสายทหารไทยเรานำพาที่แข็งแกร่งและนั้นนี้เรา..คนไทยทั้งหมดด้วยรวมกันเป็นต้นบัวทั้งสายนั้นสู่บัวพ้นน้ำในที่สุดของประเทศไทยเราบนดินปุ๋ยโคลนตมจากพื้นฐานมูลใต้น้ำของซาตานที่สร้างขึ้นหรือธรรมชาติซาตานที่สร้างโลกนี้ขึ้น,แต่มิอาจขัดขวางเรา..ประเทศไทยบรรลุแจ้งได้นั้นเอง.,ทหารไทยต้องเด็ดขาดได้แล้ว. https://youtube.com/shorts/IPw1NT681uE?si=RvQko8iionjAGhQC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • มือถือใหม่ไร้สาย? ผู้ใช้ Android แบ่งสองฝ่ายเรื่อง “ไม่มีสาย USB” ในกล่อง

    บทความจาก SlashGear เปิดประเด็นร้อนในวงการสมาร์ทโฟน เมื่อผู้ใช้ Android เริ่มแตกเป็นสองฝ่ายเกี่ยวกับแนวโน้มใหม่ที่ผู้ผลิตเริ่ม “ตัดสาย USB” ออกจากกล่องมือถือ โดยเฉพาะหลังจาก Sony Xperia 10 VII เปิดตัวโดยไม่มีสาย USB มาให้ ซึ่งอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอนาคต

    ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน การซื้อโทรศัพท์มือถือคือการได้รับ “ทุกอย่างในกล่อง” ตั้งแต่แบตเตอรี่ สายชาร์จ หูฟัง ไปจนถึงเคสและฟิล์มกันรอย แต่วันนี้ภาพนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

    Apple เคยถูกวิจารณ์หนักเมื่อเปิดตัว iPhone 12 โดยไม่มีหัวชาร์จและหูฟังในกล่อง แต่กลับขายดีถล่มทลาย ทำให้แบรนด์ Android อย่าง Samsung ก็เริ่มเดินตาม เช่น Galaxy S21 ที่ไม่มีหัวชาร์จเช่นกัน

    ล่าสุด Sony ก้าวไปอีกขั้นด้วยการตัดสาย USB ออกจากกล่อง Xperia 10 VII โดยให้เหตุผลเรื่องสิ่งแวดล้อมและการลดขนาดบรรจุภัณฑ์ ซึ่งผู้ใช้บางส่วนเห็นด้วย แต่หลายคนก็ไม่พอใจ เพราะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่ควรจะ “มาพร้อมเครื่อง”

    เสริมสาระ: ทำไมแบรนด์ถึงตัดอุปกรณ์ออก?
    สิ่งแวดล้อม: Apple อ้างว่าการตัดหัวชาร์จช่วยลดการใช้วัสดุและลดคาร์บอนถึง 2 ล้านตันต่อปี
    ความแพร่หลายของ USB-C: ปัจจุบันอุปกรณ์ส่วนใหญ่ใช้สาย USB-C เหมือนกัน ทำให้ผู้ใช้มีสายอยู่แล้ว
    การผลักดันสู่การชาร์จไร้สาย: เทคโนโลยีอย่าง MagSafe และ Qi2 เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น

    แต่ผู้ใช้หลายคนโต้แย้งว่า:
    สายเก่าอาจไม่รองรับกำลังไฟใหม่ ทำให้ชาร์จช้า
    การซื้ออุปกรณ์เพิ่มคือการผลักภาระให้ผู้บริโภค
    ราคามือถือเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับน้อยลง

    สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดมือถือ
    Sony Xperia 10 VII ไม่มีสาย USB ในกล่อง
    Apple และ Samsung เคยตัดหัวชาร์จออกมาก่อน
    ผู้ผลิตอ้างเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและลดขนาดกล่อง
    USB-C กลายเป็นมาตรฐาน ทำให้ผู้ใช้มีสายอยู่แล้ว
    การชาร์จไร้สายเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    สายเก่าอาจไม่รองรับกำลังไฟใหม่ ทำให้ชาร์จช้า
    ผู้ใช้ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่ควรมีในกล่อง
    การตัดอุปกรณ์อาจเป็น “greenwashing” มากกว่าความตั้งใจจริง
    ราคามือถือเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับลดลง

    https://www.slashgear.com/2017210/android-users-opinion-no-usb-with-new-smartphone/
    📦 มือถือใหม่ไร้สาย? ผู้ใช้ Android แบ่งสองฝ่ายเรื่อง “ไม่มีสาย USB” ในกล่อง บทความจาก SlashGear เปิดประเด็นร้อนในวงการสมาร์ทโฟน เมื่อผู้ใช้ Android เริ่มแตกเป็นสองฝ่ายเกี่ยวกับแนวโน้มใหม่ที่ผู้ผลิตเริ่ม “ตัดสาย USB” ออกจากกล่องมือถือ โดยเฉพาะหลังจาก Sony Xperia 10 VII เปิดตัวโดยไม่มีสาย USB มาให้ ซึ่งอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอนาคต ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน การซื้อโทรศัพท์มือถือคือการได้รับ “ทุกอย่างในกล่อง” ตั้งแต่แบตเตอรี่ สายชาร์จ หูฟัง ไปจนถึงเคสและฟิล์มกันรอย แต่วันนี้ภาพนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง Apple เคยถูกวิจารณ์หนักเมื่อเปิดตัว iPhone 12 โดยไม่มีหัวชาร์จและหูฟังในกล่อง แต่กลับขายดีถล่มทลาย ทำให้แบรนด์ Android อย่าง Samsung ก็เริ่มเดินตาม เช่น Galaxy S21 ที่ไม่มีหัวชาร์จเช่นกัน ล่าสุด Sony ก้าวไปอีกขั้นด้วยการตัดสาย USB ออกจากกล่อง Xperia 10 VII โดยให้เหตุผลเรื่องสิ่งแวดล้อมและการลดขนาดบรรจุภัณฑ์ ซึ่งผู้ใช้บางส่วนเห็นด้วย แต่หลายคนก็ไม่พอใจ เพราะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่ควรจะ “มาพร้อมเครื่อง” 🧠 เสริมสาระ: ทำไมแบรนด์ถึงตัดอุปกรณ์ออก? 🔰 สิ่งแวดล้อม: Apple อ้างว่าการตัดหัวชาร์จช่วยลดการใช้วัสดุและลดคาร์บอนถึง 2 ล้านตันต่อปี 🔰 ความแพร่หลายของ USB-C: ปัจจุบันอุปกรณ์ส่วนใหญ่ใช้สาย USB-C เหมือนกัน ทำให้ผู้ใช้มีสายอยู่แล้ว 🔰 การผลักดันสู่การชาร์จไร้สาย: เทคโนโลยีอย่าง MagSafe และ Qi2 เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ผู้ใช้หลายคนโต้แย้งว่า: 🔰 สายเก่าอาจไม่รองรับกำลังไฟใหม่ ทำให้ชาร์จช้า 🔰 การซื้ออุปกรณ์เพิ่มคือการผลักภาระให้ผู้บริโภค 🔰 ราคามือถือเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับน้อยลง ✅ สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดมือถือ ➡️ Sony Xperia 10 VII ไม่มีสาย USB ในกล่อง ➡️ Apple และ Samsung เคยตัดหัวชาร์จออกมาก่อน ➡️ ผู้ผลิตอ้างเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและลดขนาดกล่อง ➡️ USB-C กลายเป็นมาตรฐาน ทำให้ผู้ใช้มีสายอยู่แล้ว ➡️ การชาร์จไร้สายเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ สายเก่าอาจไม่รองรับกำลังไฟใหม่ ทำให้ชาร์จช้า ⛔ ผู้ใช้ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่ควรมีในกล่อง ⛔ การตัดอุปกรณ์อาจเป็น “greenwashing” มากกว่าความตั้งใจจริง ⛔ ราคามือถือเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับลดลง https://www.slashgear.com/2017210/android-users-opinion-no-usb-with-new-smartphone/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Android Users Split Over Lack Of USB Cord With New Phone. Half Of Them Are Right - SlashGear
    Smartphone manufacturers eliminating USB cords with packaging is nothing new. So what is the consumer upside? SlashGear's Gozie Ibekwe examines.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรือใบขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลกข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสำเร็จเป็นครั้งแรก! จุดเปลี่ยนของโลจิสติกส์สีเขียว

    เรือใบขนส่งสินค้า “Canopée” ซึ่งเป็นเรือใบขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสำเร็จเป็นครั้งแรก โดยใช้พลังงานลมเป็นหลักในการขับเคลื่อน ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมขนส่งที่มุ่งสู่ความยั่งยืนและลดการปล่อยคาร์บอน

    Canopée เป็นเรือใบขนส่งสินค้าขนาด 121 เมตร ที่ติดตั้งระบบใบเรือแบบอัตโนมัติชื่อ “Oceanwings” จำนวน 4 ใบ ซึ่งสามารถปรับมุมและพับเก็บได้ตามสภาพลม โดยการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกครั้งนี้เริ่มต้นจากฝรั่งเศสไปยังเฟรนช์เกียนา ใช้เวลาหลายวันโดยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลลงอย่างมาก

    เรือลำนี้ถูกออกแบบมาเพื่อขนส่งชิ้นส่วนของจรวด Ariane 6 ของ European Space Agency โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งทางทะเล ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    จุดเด่นของเรือ Canopée
    เป็นเรือใบขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (121 เมตร)
    ใช้ระบบใบเรือ Oceanwings แบบอัตโนมัติ 4 ใบ
    ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากฝรั่งเศสไปเฟรนช์เกียนาสำเร็จ
    ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและการปล่อยคาร์บอน
    ขนส่งชิ้นส่วนจรวด Ariane 6 ให้กับ ESA
    เป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีสีเขียวในโลจิสติกส์
    ได้รับการสนับสนุนจากโครงการขนส่งยั่งยืนของยุโรป

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    การใช้ใบเรือยังขึ้นอยู่กับสภาพลมและภูมิอากาศ
    ความเร็วและระยะเวลาการเดินทางอาจไม่เทียบเท่าเรือขนส่งทั่วไป
    ยังต้องใช้เครื่องยนต์เสริมในบางช่วงของการเดินทาง
    การขยายเทคโนโลยีนี้ไปยังเรือขนาดใหญ่ทั่วโลกยังต้องใช้เวลาและงบประมาณสูง

    Canopée ไม่ใช่แค่เรือใบธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่โลจิสติกส์สามารถเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง ใครที่สนใจเรื่องพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีทางทะเล นี่คือเรื่องราวที่ควรจับตามอง!

    https://www.marineinsight.com/shipping-news/worlds-largest-cargo-sailboat-completes-historic-first-atlantic-crossing/
    ⛵ เรือใบขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลกข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสำเร็จเป็นครั้งแรก! จุดเปลี่ยนของโลจิสติกส์สีเขียว เรือใบขนส่งสินค้า “Canopée” ซึ่งเป็นเรือใบขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสำเร็จเป็นครั้งแรก โดยใช้พลังงานลมเป็นหลักในการขับเคลื่อน ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมขนส่งที่มุ่งสู่ความยั่งยืนและลดการปล่อยคาร์บอน Canopée เป็นเรือใบขนส่งสินค้าขนาด 121 เมตร ที่ติดตั้งระบบใบเรือแบบอัตโนมัติชื่อ “Oceanwings” จำนวน 4 ใบ ซึ่งสามารถปรับมุมและพับเก็บได้ตามสภาพลม โดยการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกครั้งนี้เริ่มต้นจากฝรั่งเศสไปยังเฟรนช์เกียนา ใช้เวลาหลายวันโดยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลลงอย่างมาก เรือลำนี้ถูกออกแบบมาเพื่อขนส่งชิ้นส่วนของจรวด Ariane 6 ของ European Space Agency โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งทางทะเล ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ✅ จุดเด่นของเรือ Canopée ➡️ เป็นเรือใบขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (121 เมตร) ➡️ ใช้ระบบใบเรือ Oceanwings แบบอัตโนมัติ 4 ใบ ➡️ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากฝรั่งเศสไปเฟรนช์เกียนาสำเร็จ ➡️ ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและการปล่อยคาร์บอน ➡️ ขนส่งชิ้นส่วนจรวด Ariane 6 ให้กับ ESA ➡️ เป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีสีเขียวในโลจิสติกส์ ➡️ ได้รับการสนับสนุนจากโครงการขนส่งยั่งยืนของยุโรป ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ การใช้ใบเรือยังขึ้นอยู่กับสภาพลมและภูมิอากาศ ⛔ ความเร็วและระยะเวลาการเดินทางอาจไม่เทียบเท่าเรือขนส่งทั่วไป ⛔ ยังต้องใช้เครื่องยนต์เสริมในบางช่วงของการเดินทาง ⛔ การขยายเทคโนโลยีนี้ไปยังเรือขนาดใหญ่ทั่วโลกยังต้องใช้เวลาและงบประมาณสูง Canopée ไม่ใช่แค่เรือใบธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่โลจิสติกส์สามารถเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง ใครที่สนใจเรื่องพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีทางทะเล นี่คือเรื่องราวที่ควรจับตามอง! https://www.marineinsight.com/shipping-news/worlds-largest-cargo-sailboat-completes-historic-first-atlantic-crossing/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ อนุทิน ประกาศสงครามอาชญากรรมออนไลน์บนเวทีสิงคโปร์ ยกระดับความร่วมมือต้านภัยสแกมเมอร์ข้ามชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/22261/
    .
    #ไทยไท #อนุทิน #สิงคโปร์ #60ปีไทยสิงคโปร์ #คาร์บอนเครดิต #อาชญากรรมออนไลน์

    นายกฯ อนุทิน ประกาศสงครามอาชญากรรมออนไลน์บนเวทีสิงคโปร์ ยกระดับความร่วมมือต้านภัยสแกมเมอร์ข้ามชาติ https://www.thai-tai.tv/news/22261/ . #ไทยไท #อนุทิน #สิงคโปร์ #60ปีไทยสิงคโปร์ #คาร์บอนเครดิต #อาชญากรรมออนไลน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต่างประเทศกำลังรวมพลังเพื่อต่อต้าน เพราะไม่ต้องการให้อีลิทควบคุมวิถีการใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีของเขา,ย่อมาดูไทย กำลังผ่านสาระพัดร่างกฎหมาย ลักหลับประชาชน หักเหความสนใจให้คนไทยไปสนใจเรื่องอื่นๆแทนเช่นเกี่ยวกับเขมรที่ปั่นปลุกกระแสจนติด,ทำไมไทยไม่สั่งจบ เพราะมันไม่ต้องการให้จบ จึงลากยาวจุดกระแสต่อเรื่องราวไปทั่วตลอดเวลา,โดยอีกด้านหนึ่ง ดำเนินทุกวิถีทางให้แผนอีลิทซาตานเดินหน้าทางแอบๆได้อย่างราบรื่น,ผ่านกลไกสส.สว.ในสภาของมันสั่งให้ผ่านกฎหมายต่างๆที่ว่านั้นอย่างเรียบร้อยโดยรวดเร็ว,สังเกตุมุกคาร์บอนต่ำที่สอดแทรกในประกาศนโยบายของรัฐบาลหนูนี้,แอบวางหมากเนียนๆไว้หมด อุ๊งอิ๊งไปหนูมาก็คนของมันหมด,ควบคุมได้หมด เช่นเก็บความลับที่ชั่วเลวไว้ แบบฮุนเซนขู่จะแฉนั้นล่ะ,แล้วก็ปฏิบัติตามมันขู่ทุกๆอย่างอย่างควบคุมโดยว่าง่ายเป็นต้น,คุณอดิเทพไขข้อสงสัยนี้ชัดเจน,เรา..จะประเทศไหนๆทั่วโลก ชาวโลกด้วยกันหมด หากสามัคคีร่วมกันทำลายอีลิทกันอย่างจริงจังทั่วโลก เรา..จะเป็นไทอิสระเสรีแน่นอน,ใครจะมาเยี่ยมมาเยือนกันของชาติไหนๆจะไร้พรมแดนกีดกั้นทันที และไม่ทำลายทำร้ายกันด้วยหรือข่มเหงกันแบบปัจจุบัน คนเราทั่วโลกจะให้เกียรติซึ่งกันและกันในคุณค่าชีวิตของแต่ละคนนั้นเอง ผิวสีใดๆก็รักกันได้ลงใจ ชาติใดก็รักกันได้สบายใจ,สันดานแบบคนเขมรจะไม่มีเลย,จึงสงบสันติเป็นสุขกันทั่วโลก.


    รวมพลังต่อต้าน Digital ID

    เวลาและสถานที่
    22 พ.ย. 2568, 13:00 – 17:00 น.

    ลอนดอน, ลอนดอน W2 2UH, สหราชอาณาจักร

    เกี่ยวกับกิจกรรม
    เลือกอิสรภาพเหนือการควบคุม มาร่วมกับเราที่ Marble Arch, ลอนดอน เวลา 13:00 น. เพื่อรวมพลังต่อต้านการนำ Digital ID สู่อำนาจ

    แพลตฟอร์มประชาชน

    เราคือขบวนการรากหญ้าที่สร้างขึ้นโดยคนธรรมดาที่ไม่ยอมนิ่งเฉย พันธกิจของเราคือการปลุกพลัง เสริมพลัง และรวมชุมชนให้เป็นหนึ่ง ผ่านความคิดสร้างสรรค์ ความจริง และการกระทำในโลกแห่งความเป็นจริง ตั้งแต่การเผยแพร่แบบไวรัลไปจนถึงการชุมนุมทั่วประเทศ เราพิสูจน์ให้เห็นว่าการพูดออกมานั้นทรงพลัง สร้างแรงบันดาลใจ และสนุกสนาน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหว เชื่อมต่อ และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อรวมกัน เราคือพลัง

    https://www.thepeoplesplatform.co.uk/events-1/unite-against-digital-id

    ต่างประเทศกำลังรวมพลังเพื่อต่อต้าน เพราะไม่ต้องการให้อีลิทควบคุมวิถีการใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีของเขา,ย่อมาดูไทย กำลังผ่านสาระพัดร่างกฎหมาย ลักหลับประชาชน หักเหความสนใจให้คนไทยไปสนใจเรื่องอื่นๆแทนเช่นเกี่ยวกับเขมรที่ปั่นปลุกกระแสจนติด,ทำไมไทยไม่สั่งจบ เพราะมันไม่ต้องการให้จบ จึงลากยาวจุดกระแสต่อเรื่องราวไปทั่วตลอดเวลา,โดยอีกด้านหนึ่ง ดำเนินทุกวิถีทางให้แผนอีลิทซาตานเดินหน้าทางแอบๆได้อย่างราบรื่น,ผ่านกลไกสส.สว.ในสภาของมันสั่งให้ผ่านกฎหมายต่างๆที่ว่านั้นอย่างเรียบร้อยโดยรวดเร็ว,สังเกตุมุกคาร์บอนต่ำที่สอดแทรกในประกาศนโยบายของรัฐบาลหนูนี้,แอบวางหมากเนียนๆไว้หมด อุ๊งอิ๊งไปหนูมาก็คนของมันหมด,ควบคุมได้หมด เช่นเก็บความลับที่ชั่วเลวไว้ แบบฮุนเซนขู่จะแฉนั้นล่ะ,แล้วก็ปฏิบัติตามมันขู่ทุกๆอย่างอย่างควบคุมโดยว่าง่ายเป็นต้น,คุณอดิเทพไขข้อสงสัยนี้ชัดเจน,เรา..จะประเทศไหนๆทั่วโลก ชาวโลกด้วยกันหมด หากสามัคคีร่วมกันทำลายอีลิทกันอย่างจริงจังทั่วโลก เรา..จะเป็นไทอิสระเสรีแน่นอน,ใครจะมาเยี่ยมมาเยือนกันของชาติไหนๆจะไร้พรมแดนกีดกั้นทันที และไม่ทำลายทำร้ายกันด้วยหรือข่มเหงกันแบบปัจจุบัน คนเราทั่วโลกจะให้เกียรติซึ่งกันและกันในคุณค่าชีวิตของแต่ละคนนั้นเอง ผิวสีใดๆก็รักกันได้ลงใจ ชาติใดก็รักกันได้สบายใจ,สันดานแบบคนเขมรจะไม่มีเลย,จึงสงบสันติเป็นสุขกันทั่วโลก. รวมพลังต่อต้าน Digital ID เวลาและสถานที่ 22 พ.ย. 2568, 13:00 – 17:00 น. ลอนดอน, ลอนดอน W2 2UH, สหราชอาณาจักร เกี่ยวกับกิจกรรม เลือกอิสรภาพเหนือการควบคุม มาร่วมกับเราที่ Marble Arch, ลอนดอน เวลา 13:00 น. เพื่อรวมพลังต่อต้านการนำ Digital ID สู่อำนาจ แพลตฟอร์มประชาชน เราคือขบวนการรากหญ้าที่สร้างขึ้นโดยคนธรรมดาที่ไม่ยอมนิ่งเฉย พันธกิจของเราคือการปลุกพลัง เสริมพลัง และรวมชุมชนให้เป็นหนึ่ง ผ่านความคิดสร้างสรรค์ ความจริง และการกระทำในโลกแห่งความเป็นจริง ตั้งแต่การเผยแพร่แบบไวรัลไปจนถึงการชุมนุมทั่วประเทศ เราพิสูจน์ให้เห็นว่าการพูดออกมานั้นทรงพลัง สร้างแรงบันดาลใจ และสนุกสนาน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหว เชื่อมต่อ และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อรวมกัน เราคือพลัง https://www.thepeoplesplatform.co.uk/events-1/unite-against-digital-id
    WWW.THEPEOPLESPLATFORM.CO.UK
    Unite Against Digital ID | The People 1
    Choose freedom over control. Join us at the Marble Arch, London at 1pm to unite against The Digital ID being brought into power.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Solarpunk แอฟริกา – เมื่ออนาคตไม่รอใคร”

    ลองจินตนาการว่าไฟฟ้าไม่เคยมาเยือนบ้านคุณเลยตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งคุณได้แสงสว่างจากแผงโซลาร์ที่ผ่อนได้ผ่านมือถือ… นี่คือเรื่องจริงของผู้คนกว่า 600 ล้านคนในแอฟริกา ที่ไม่ได้รอให้รัฐบาลหรือธนาคารโลกมาสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ แต่ลุกขึ้นมาสร้างมันเองผ่านโมเดล Solarpunk ที่กำลังเปลี่ยนโลก

    ในขณะที่โลกพัฒนาแล้วกำลังถกเถียงเรื่องพลังงานสะอาด แอฟริกากำลังลงมือทำจริง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีราคาถูก การเงินดิจิทัล และโมเดลธุรกิจแบบจ่ายรายวัน (PAYG) ที่ทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เข้าถึงได้แม้กับคนที่มีรายได้เพียง $2 ต่อวัน

    ในอดีต การขยายสายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ชนบทต้องใช้เงินมหาศาลและเวลานานหลายสิบปี แต่วันนี้ บริษัทสตาร์ทอัพในแอฟริกาอย่าง Sun King และ SunCulture กลับสามารถติดตั้งระบบโซลาร์ให้เกษตรกรได้ภายในไม่กี่วัน ด้วยเงินดาวน์เพียง $100 และจ่ายรายวันผ่านมือถือ

    ระบบเหล่านี้มาพร้อม IoT ที่สามารถตัดไฟหากไม่จ่าย และเปิดไฟเมื่อชำระเงิน ทำให้เกิดวินัยทางการเงิน และอัตราการชำระหนี้สูงถึง 90% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศที่มีระบบธนาคารเต็มรูปแบบเสียอีก

    ที่น่าทึ่งคือ โมเดลนี้ไม่เพียงให้แสงสว่าง แต่ยังเปลี่ยนชีวิต:
    เกษตรกรสามารถใช้ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มผลผลิต 3-5 เท่า
    เด็กๆ อ่านหนังสือตอนกลางคืนได้
    ผู้หญิงไม่ต้องสูดควันจากเตาเผาดีเซลหรือถ่านอีกต่อไป

    และทั้งหมดนี้ยังสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้อีกด้วย ทำให้ต้นทุนลดลง และขยายตลาดได้มากขึ้น

    สรุปเนื้อหาสำคัญ
    แอฟริกากำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานพลังงานใหม่ด้วยตัวเอง
    ใช้โมเดล Pay-As-You-Go (PAYG) ผ่านมือถือ
    ระบบโซลาร์ติดตั้งง่าย จ่ายรายวันผ่าน M-PESA
    มี IoT ควบคุมการเปิด-ปิดไฟตามการชำระเงิน
    อัตราการชำระหนี้สูงกว่า 90%
    บริษัท Sun King และ SunCulture มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50%
    ปั๊มน้ำโซลาร์ช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกรจาก $600 เป็น $14,000 ต่อเอเคอร์
    คาร์บอนเครดิตช่วยลดต้นทุนลง 25-40%
    มีการลงทุนล่วงหน้าโดยองค์กรต่างประเทศ เช่น British International Investment

    การขยายโมเดลนี้ยังมีความเสี่ยง
    ความผันผวนของค่าเงินในประเทศต่างๆ
    ความเสี่ยงด้านนโยบายจากรัฐบาล
    ความผันผวนของราคาคาร์บอนเครดิต
    ความซับซ้อนในการบำรุงรักษาอุปกรณ์
    ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติหรือความไม่มั่นคงทางการเมือง

    ถ้าโมเดลนี้ขยายไปยังเอเชียใต้ ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกที่ไม่ต้องรอ “สายไฟ” อีกต่อไป แต่ใช้แสงแดดเป็นตัวนำทางสู่อนาคต

    https://climatedrift.substack.com/p/why-solarpunk-is-already-happening
    ☀️ “Solarpunk แอฟริกา – เมื่ออนาคตไม่รอใคร” ลองจินตนาการว่าไฟฟ้าไม่เคยมาเยือนบ้านคุณเลยตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งคุณได้แสงสว่างจากแผงโซลาร์ที่ผ่อนได้ผ่านมือถือ… นี่คือเรื่องจริงของผู้คนกว่า 600 ล้านคนในแอฟริกา ที่ไม่ได้รอให้รัฐบาลหรือธนาคารโลกมาสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ แต่ลุกขึ้นมาสร้างมันเองผ่านโมเดล Solarpunk ที่กำลังเปลี่ยนโลก ในขณะที่โลกพัฒนาแล้วกำลังถกเถียงเรื่องพลังงานสะอาด แอฟริกากำลังลงมือทำจริง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีราคาถูก การเงินดิจิทัล และโมเดลธุรกิจแบบจ่ายรายวัน (PAYG) ที่ทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เข้าถึงได้แม้กับคนที่มีรายได้เพียง $2 ต่อวัน ในอดีต การขยายสายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ชนบทต้องใช้เงินมหาศาลและเวลานานหลายสิบปี แต่วันนี้ บริษัทสตาร์ทอัพในแอฟริกาอย่าง Sun King และ SunCulture กลับสามารถติดตั้งระบบโซลาร์ให้เกษตรกรได้ภายในไม่กี่วัน ด้วยเงินดาวน์เพียง $100 และจ่ายรายวันผ่านมือถือ ระบบเหล่านี้มาพร้อม IoT ที่สามารถตัดไฟหากไม่จ่าย และเปิดไฟเมื่อชำระเงิน ทำให้เกิดวินัยทางการเงิน และอัตราการชำระหนี้สูงถึง 90% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศที่มีระบบธนาคารเต็มรูปแบบเสียอีก ที่น่าทึ่งคือ โมเดลนี้ไม่เพียงให้แสงสว่าง แต่ยังเปลี่ยนชีวิต: 📍 เกษตรกรสามารถใช้ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มผลผลิต 3-5 เท่า 📍 เด็กๆ อ่านหนังสือตอนกลางคืนได้ 📍 ผู้หญิงไม่ต้องสูดควันจากเตาเผาดีเซลหรือถ่านอีกต่อไป และทั้งหมดนี้ยังสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้อีกด้วย ทำให้ต้นทุนลดลง และขยายตลาดได้มากขึ้น 📌 สรุปเนื้อหาสำคัญ ✅ แอฟริกากำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานพลังงานใหม่ด้วยตัวเอง ➡️ ใช้โมเดล Pay-As-You-Go (PAYG) ผ่านมือถือ ➡️ ระบบโซลาร์ติดตั้งง่าย จ่ายรายวันผ่าน M-PESA ➡️ มี IoT ควบคุมการเปิด-ปิดไฟตามการชำระเงิน ➡️ อัตราการชำระหนี้สูงกว่า 90% ➡️ บริษัท Sun King และ SunCulture มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ➡️ ปั๊มน้ำโซลาร์ช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกรจาก $600 เป็น $14,000 ต่อเอเคอร์ ➡️ คาร์บอนเครดิตช่วยลดต้นทุนลง 25-40% ➡️ มีการลงทุนล่วงหน้าโดยองค์กรต่างประเทศ เช่น British International Investment ‼️ การขยายโมเดลนี้ยังมีความเสี่ยง ⛔ ความผันผวนของค่าเงินในประเทศต่างๆ ⛔ ความเสี่ยงด้านนโยบายจากรัฐบาล ⛔ ความผันผวนของราคาคาร์บอนเครดิต ⛔ ความซับซ้อนในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ ⛔ ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติหรือความไม่มั่นคงทางการเมือง ถ้าโมเดลนี้ขยายไปยังเอเชียใต้ ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกที่ไม่ต้องรอ “สายไฟ” อีกต่อไป แต่ใช้แสงแดดเป็นตัวนำทางสู่อนาคต https://climatedrift.substack.com/p/why-solarpunk-is-already-happening
    CLIMATEDRIFT.SUBSTACK.COM
    Why Solarpunk is already happening in Africa
    Or: How Africa is building the future by skipping the past
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 622 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts