• อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ)
    สัทธรรมลำดับที่ : 719
    ชื่อบทธรรม :- ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ)
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=719
    เนื้อความทั้งหมด :-
    หมวด ค. ว่าด้วย อุปกรณ์-เหตุปัจจัย ของสัมมาทิฏฐิ
    --ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ)
    --ภิกษุ ท. ! ความกลัว ๔ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ
    ๑.ความกลัวต่อการติเตียน ตนด้วยตน
    ๒.ความกลัวต่อการการติเตียน จากผู้อื่น
    ๓.ความกลัวต่ออาชญา
    ๔.ความกลัวต่อทุคติ.

    --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า
    “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต, มโนทุจริต,
    เราจะไม่พึงติเตียนเราโดยศีลได้อย่างไรกันเล่า?”
    ดังนี้.
    เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนตนด้วยตนแล้วจึง
    ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต,
    ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต,
    ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต,
    บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่.
    ๑--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน.

    --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า
    “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต,
    ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงติเตียนเรา โดยศีลได้อย่างไรกันเล่า.”
    ดังนี้
    เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนจากผู้อื่นแล้วจึง
    ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต,
    ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต,
    ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต,
    บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่,
    ๒--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น.

    --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่ออาชญา เป็นอย่างไรเล่า?
    +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน
    เห็นพระราชาจับโจรผู้ประพฤติชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ คือ
    โบยด้วยแส้บ้าง เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง หวดด้วยเชือกหนังบ้าง ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง
    ตัดมือเสียบ้าง ตัดเท้าเสียบ้าง ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง
    ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ขอดสังข์” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ปากราหู” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มาลัยไฟ” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มือคบเพลิง” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ริ้วส่าย” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “นุ่งเปลือกไม้” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ยืนกวาง” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เกี่ยวเหยื่อเบ็ดบ้าง” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เหรียญกษาปณ์” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ทาเกลือ” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “แปรงแสบ” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เวียนหลัก” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ตั่งฟาง” บ้าง
    ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง
    ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง บ้าง
    ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็นๆ บ้าง
    ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง*--๑
    เขามานึกขึ้นได้ว่า
    “เพราะเหตุแห่งการทำกรรมอันลามกเช่นนี้
    พระราชาจึงจับโจรอันชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ
    เช่น โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ.... ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง.
    ถ้าเราจะพึงกระทำกรรมอันลามกเช่นนั้น
    พระราชาก็จะจับแม้เราไปกระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ เช่นนั้นเหมือนกัน
    คือ โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ....ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง”
    ดังนี้
    เขากลัวต่อภัยจากอาชญาแล้ว จึงไม่ประพฤติการฉกชิงทรัพย์ของผู้อื่นอยู่.
    ๓--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่ออาชญา.

    --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อทุคติ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า
    “วิบากของ กายทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า,
    วิบากของ วจีทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า
    วิบากของ มโนทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า.
    ถ้าเราประพฤติทุจริตด้วยกาย ประพฤติทุจริตด้วยวาจา ประพฤติทุจริตด้วยใจ
    แล้วจะต้องสงสัยอะไรกันอีกเล่าในข้อที่เราจะพึงเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก
    ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย”
    เขากลัวต่อภัยแห่งทุคติดังนี้แล้ว จึง
    ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต,
    ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต,
    ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต,
    บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่.
    ๔--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อทุคติ.

    --ภิกษุท. ! เหล่านี้แลคือความกลัว ๔ อย่าง.-
    (ความรู้ที่ทำให้รู้จักกลัวต่อสิ่งที่ควรกลัว
    จัดเป็น สัมมาทิฏฐิในชั้นต้นๆ ได้
    จึงนำมาใส่ไว้ในที่นี้).

    *--๑ .ดูรายละเอียดของ การกระทำกรรมกรณ์ เหล่านี้
    ที่หัวข้อว่า “อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะ ของกาม.”

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/122-124/121.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/122/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๖๒-๑๖๔/๑๒๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/162/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91
    ศึกษา​เพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=719
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=719
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53
    ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ) สัทธรรมลำดับที่ : 719 ชื่อบทธรรม :- ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ) https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=719 เนื้อความทั้งหมด :- หมวด ค. ว่าด้วย อุปกรณ์-เหตุปัจจัย ของสัมมาทิฏฐิ --ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ) --ภิกษุ ท. ! ความกลัว ๔ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ ๑.ความกลัวต่อการติเตียน ตนด้วยตน ๒.ความกลัวต่อการการติเตียน จากผู้อื่น ๓.ความกลัวต่ออาชญา ๔.ความกลัวต่อทุคติ. --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต, มโนทุจริต, เราจะไม่พึงติเตียนเราโดยศีลได้อย่างไรกันเล่า?” ดังนี้. เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนตนด้วยตนแล้วจึง ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต, บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่. ๑--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน. --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต, ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงติเตียนเรา โดยศีลได้อย่างไรกันเล่า.” ดังนี้ เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนจากผู้อื่นแล้วจึง ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต, บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่, ๒--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น. --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่ออาชญา เป็นอย่างไรเล่า? +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน เห็นพระราชาจับโจรผู้ประพฤติชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ คือ โบยด้วยแส้บ้าง เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง หวดด้วยเชือกหนังบ้าง ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง ตัดมือเสียบ้าง ตัดเท้าเสียบ้าง ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ขอดสังข์” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ปากราหู” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มาลัยไฟ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มือคบเพลิง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ริ้วส่าย” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “นุ่งเปลือกไม้” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ยืนกวาง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เกี่ยวเหยื่อเบ็ดบ้าง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เหรียญกษาปณ์” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ทาเกลือ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “แปรงแสบ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เวียนหลัก” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ตั่งฟาง” บ้าง ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง บ้าง ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็นๆ บ้าง ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง*--๑ เขามานึกขึ้นได้ว่า “เพราะเหตุแห่งการทำกรรมอันลามกเช่นนี้ พระราชาจึงจับโจรอันชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ เช่น โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ.... ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง. ถ้าเราจะพึงกระทำกรรมอันลามกเช่นนั้น พระราชาก็จะจับแม้เราไปกระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ เช่นนั้นเหมือนกัน คือ โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ....ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง” ดังนี้ เขากลัวต่อภัยจากอาชญาแล้ว จึงไม่ประพฤติการฉกชิงทรัพย์ของผู้อื่นอยู่. ๓--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่ออาชญา. --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อทุคติ เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “วิบากของ กายทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า, วิบากของ วจีทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า วิบากของ มโนทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า. ถ้าเราประพฤติทุจริตด้วยกาย ประพฤติทุจริตด้วยวาจา ประพฤติทุจริตด้วยใจ แล้วจะต้องสงสัยอะไรกันอีกเล่าในข้อที่เราจะพึงเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย” เขากลัวต่อภัยแห่งทุคติดังนี้แล้ว จึง ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต, บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่. ๔--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อทุคติ. --ภิกษุท. ! เหล่านี้แลคือความกลัว ๔ อย่าง.- (ความรู้ที่ทำให้รู้จักกลัวต่อสิ่งที่ควรกลัว จัดเป็น สัมมาทิฏฐิในชั้นต้นๆ ได้ จึงนำมาใส่ไว้ในที่นี้). *--๑ .ดูรายละเอียดของ การกระทำกรรมกรณ์ เหล่านี้ ที่หัวข้อว่า “อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะ ของกาม.” #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/122-124/121. http://etipitaka.com/read/thai/21/122/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๖๒-๑๖๔/๑๒๑. http://etipitaka.com/read/pali/21/162/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91 ศึกษา​เพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=719 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=719 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53 ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ค. ว่าด้วย อุปกรณ์-เหตุปัจจัย ของสัมมาทิฏฐิ
    -หมวด ค. ว่าด้วย อุปกรณ์-เหตุปัจจัย ของสัมมาทิฏฐิ ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ) ภิกษุ ท. ! ความกลัว ๔ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน ความกลัวต่อการการติเตียนจาก ผู้อื่น ความกลัวต่ออาชญา ความกลัวต่อทุคติ. ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต, มโนทุจริต, เราจะไม่พึงติเตียนเราโดยศีลได้อย่างไรกันเล่า?” ดังนี้. เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนตนด้วยตนแล้วจึงละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต, บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน. ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต, ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงติเตียนเรา โดยศีลได้อย่างไรกันเล่า.” ดังนี้ เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนจากผู้อื่นแล้วจึงละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่, ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น. ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่ออาชญา เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน เห็นพระราชาจับโจรผู้ประพฤติชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ คือ โบยด้วยแส้บ้าง เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง หวดด้วยเชือกหนังบ้าง ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง ตัดมือเสียบ้าง ตัดเท้าเสียบ้าง ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ขอดสังข์” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ปากราหู” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มาลัยไฟ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มือคบเพลิง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ริ้วส่าย” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “นุ่งเปลือกไม้” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ยืนกวาง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เกี่ยวเหยื่อเบ็ดบ้าง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เหรียญกษาปณ์” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ทาเกลือ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “แปรงแสบ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เวียนหลัก” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ตั่งฟาง” บ้าง ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้งบ้าง ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็นๆ บ้าง ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง๑ เขามานึกขึ้นได้ว่า “เพราะเหตุแห่งการทำกรรมอันลามกเช่นนี้ พระราชาจึงจับโจรอันชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ เช่น โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ.... ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง. ถ้าเราจะพึงกระทำกรรมอันลามกเช่นนั้น พระราชาก็จะจับแม้เราไปกระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ เช่นนั้นเหมือนกัน คือ โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ....ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง” ดังนี้ เขากลัวต่อภัยจากอาชญาแล้ว จึงไม่ประพฤติการฉกชิงทรัพย์ของผู้อื่นอยู่. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า ความกลัวต่ออาชญา. ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อทุคติ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “วิบากของกายทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า, วิบากของวจีทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า วิบากของมโนทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า. ถ้าเราประพฤติทุจริตด้วยกาย ประพฤติทุจริตด้วยวาจา ประพฤติทุจริตด้วยใจ แล้วจะต้องสงสัยอะไรกันอีกเล่าในข้อที่เราจะพึงเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย” เขากลัวต่อภัยแห่งทุคติดังนี้แล้ว จึงละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต, บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า ความกลัวต่อทุคติ. ภิกษุท. ! เหล่านี้แลคือความกลัว ๔ อย่าง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว