• กรณี แห่ศพสมาชิกBRN เสมือนเป็นวีรบุรุษ ถือเป็นโจทย์ยากของหน่วยงานความมั่นคงไทย จะทำอย่างไรเมื่อฝ่ายตรงข้ามนำศพที่ถูกวิสามัญมาเป็นเครื่องมือหาแนวร่วม เพื่อให้มีการก่อความรุนแรงไม่สิ้นสุด

    #แห่ศพสดุดีBRN #ป่วนสามจังหวัดชายแดนใต้ #คนร้ายกลายเป็นฮีโร่ #โจทย์ยากของรัฐไทย #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    กรณี แห่ศพสมาชิกBRN เสมือนเป็นวีรบุรุษ ถือเป็นโจทย์ยากของหน่วยงานความมั่นคงไทย จะทำอย่างไรเมื่อฝ่ายตรงข้ามนำศพที่ถูกวิสามัญมาเป็นเครื่องมือหาแนวร่วม เพื่อให้มีการก่อความรุนแรงไม่สิ้นสุด #แห่ศพสดุดีBRN #ป่วนสามจังหวัดชายแดนใต้ #คนร้ายกลายเป็นฮีโร่ #โจทย์ยากของรัฐไทย #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    Angry
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 906 มุมมอง 57 0 รีวิว
  • มาเฟียจีน กับ ลูกกระจ๊อกตร.ไทย ความบรรลัยที่ไม่จบสิ้น
    การจับมือกันระหว่างผู้กว้างขวางไทยชื่อเสี่ยออพัทยา กับมาเฟียจีนเทาจากแผ่นดินใหญ่ชื่อว่าบ๊อบบี้
    เมื่อเดือนกันยายน 2567 เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์บุกอุ้มตัวนักธุรกิจชาวจีน ชื่อนายเฉินจิง บริเวณหน้าสถานบันเทิงเวิลด์เฮ้าส์คลับ พัทยา กลุ่มคนร้ายพยายามกระชากลากตัวนายเฉินจิงไปขึ้นรถตู้อัลพาร์ดสีขาว แต่นายเฉินจิงขัดขืนต่อสู้สุดชีวิตเลยดิ้นหลุดออกจากรถตู้มาได้ แต่ไม่รอดจากการถูกรุมกระทืบจนบาดเจ็บสาหัสที่ดวงตาแถมยังถูกชิงสร้อยคอทองคํา ราคา 2.5ล้านบาทไปด้วย
    หลังแจ้งความและตรวจร่างกายเรียบร้อย นายเฉินจิงก็รีบบินหนีอิทธิพลมืดจากจีนในวันรุ่งขึ้นทันที แต่ปรากฏว่าตํารวจเมืองพัทยาออกอาการไม่อยากทําคดี ผ่านไปนาน 5 เดือนคดีไม่มีความคืบหน้า พร้อมท้าทายว่าคดีนี้ไม่มีใครจะทําอะไรพวกกูได้เพราะกูมีลูกพี่ใหญ่คนไทย ให้การคุ้มครอง
    นายเฉินจิง แม้จะเกรงกลัวจนไม่กล้ามาไทยแต่ก็ได้มอบหมาย คนส่งเอกสารและตามคดีกับทางพนักงานสอบสวนสภ. เมืองพัทยา ยืนยันขอดําเนินการกับผู้ต้องหาจนถึงที่สุดแต่ก็ถูกเตะถ่วงอยู่ดี
    จนเมื่อต้นปี2567 มีชายต่างชาติพาสิงโตนั่งรถเบนรี่ เปิดประทุนพาเที่ยวชมเมืองพัทยา จนผู้คนแตกตื่นแท้จริงแล้วสิงโตนั้นเป็นสัตว์เสริมบารมีของบ๊อบบี้มาเฟียจีนเทาคนนี้
    ในที่สุดตํารวจพัทยา สุดจะเตะถ่วงได้อีกต่อไปจึงขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา8 ราย เป็นจีน 5 ไทย 3แต่คนร้ายบางคนมีพรายกระซิบ ชิงบินหนีไปกัมพูชาก่อนมีหมายจับอย่างเฉียดฉิวแต่บ๊อบบี้ไม่ได้บินหนีไปด้วยยังคงกบดานอยู่ในไทย
    แถมยังติดต่อกลับไปยังนายเฉินจิงผู้เสียหายว่าให้ถอนแจ้งความเสียจะยอมจ่ายชดเชยค่าเสียหายให้รวมทั้งคืนสร้อยคอ 2.5 ล้านให้ด้วย
    ต้องดูน้ํายาตํารวจไทยต่อไปจะปล่อยให้แก๊งมาเฟียจีนเทาพัทยาเหยียบย่ํากฎหมายไทยต่อไปหรือจะขุดรากถอนโคนกันไปเลย
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    มาเฟียจีน กับ ลูกกระจ๊อกตร.ไทย ความบรรลัยที่ไม่จบสิ้น การจับมือกันระหว่างผู้กว้างขวางไทยชื่อเสี่ยออพัทยา กับมาเฟียจีนเทาจากแผ่นดินใหญ่ชื่อว่าบ๊อบบี้ เมื่อเดือนกันยายน 2567 เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์บุกอุ้มตัวนักธุรกิจชาวจีน ชื่อนายเฉินจิง บริเวณหน้าสถานบันเทิงเวิลด์เฮ้าส์คลับ พัทยา กลุ่มคนร้ายพยายามกระชากลากตัวนายเฉินจิงไปขึ้นรถตู้อัลพาร์ดสีขาว แต่นายเฉินจิงขัดขืนต่อสู้สุดชีวิตเลยดิ้นหลุดออกจากรถตู้มาได้ แต่ไม่รอดจากการถูกรุมกระทืบจนบาดเจ็บสาหัสที่ดวงตาแถมยังถูกชิงสร้อยคอทองคํา ราคา 2.5ล้านบาทไปด้วย หลังแจ้งความและตรวจร่างกายเรียบร้อย นายเฉินจิงก็รีบบินหนีอิทธิพลมืดจากจีนในวันรุ่งขึ้นทันที แต่ปรากฏว่าตํารวจเมืองพัทยาออกอาการไม่อยากทําคดี ผ่านไปนาน 5 เดือนคดีไม่มีความคืบหน้า พร้อมท้าทายว่าคดีนี้ไม่มีใครจะทําอะไรพวกกูได้เพราะกูมีลูกพี่ใหญ่คนไทย ให้การคุ้มครอง นายเฉินจิง แม้จะเกรงกลัวจนไม่กล้ามาไทยแต่ก็ได้มอบหมาย คนส่งเอกสารและตามคดีกับทางพนักงานสอบสวนสภ. เมืองพัทยา ยืนยันขอดําเนินการกับผู้ต้องหาจนถึงที่สุดแต่ก็ถูกเตะถ่วงอยู่ดี จนเมื่อต้นปี2567 มีชายต่างชาติพาสิงโตนั่งรถเบนรี่ เปิดประทุนพาเที่ยวชมเมืองพัทยา จนผู้คนแตกตื่นแท้จริงแล้วสิงโตนั้นเป็นสัตว์เสริมบารมีของบ๊อบบี้มาเฟียจีนเทาคนนี้ ในที่สุดตํารวจพัทยา สุดจะเตะถ่วงได้อีกต่อไปจึงขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา8 ราย เป็นจีน 5 ไทย 3แต่คนร้ายบางคนมีพรายกระซิบ ชิงบินหนีไปกัมพูชาก่อนมีหมายจับอย่างเฉียดฉิวแต่บ๊อบบี้ไม่ได้บินหนีไปด้วยยังคงกบดานอยู่ในไทย แถมยังติดต่อกลับไปยังนายเฉินจิงผู้เสียหายว่าให้ถอนแจ้งความเสียจะยอมจ่ายชดเชยค่าเสียหายให้รวมทั้งคืนสร้อยคอ 2.5 ล้านให้ด้วย ต้องดูน้ํายาตํารวจไทยต่อไปจะปล่อยให้แก๊งมาเฟียจีนเทาพัทยาเหยียบย่ํากฎหมายไทยต่อไปหรือจะขุดรากถอนโคนกันไปเลย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนร้ายคดีแตงโมซ้อนแผนคนบนเรือ
    ให้หนีไปต่างประเทศ แบบไปแล้วไปลับๆๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    คนร้ายคดีแตงโมซ้อนแผนคนบนเรือ ให้หนีไปต่างประเทศ แบบไปแล้วไปลับๆๆ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า

    "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง"

    #silenttokyoandsothisisxmas
    สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก)
    ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน
    เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล
    248 หน้า 280 บาท
    พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564

    คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง?

    เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม!

    🧨

    จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด

    🧨

    ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น

    🧨

    ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย

    🧨

    ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด

    🧨

    ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น

    🧨

    มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้

    🧨

    ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน

    สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว

    🧨

    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป..

    ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม ..

    สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป..

    หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่..

    ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่..

    หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป..

    หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ...

    ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ

    .......

    ภาควิเคราะห์✒️

    ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย

    ✒️

    ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย

    ✒️

    อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ✒️

    อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ

    แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่

    ✒️

    พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว

    หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย

    ✒️

    กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า

    "อยากตายนักหรือไง"

    เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว

    ✒️

    ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า

    อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย

    พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ

    ✒️

    เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ)

    ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร

    ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่

    ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน

    คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต

    ✒️

    มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่

    ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี

    แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด

    ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา

    สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด

    ..........

    อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย

    แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี

    ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ

    สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King

    "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น"

    #หนังญี่ปุ่น
    #หนังน่าดู
    #หนังสือน่าอ่าน
    #บทความ
    #รีววิหนังสือ
    #thaitimes
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #ระเบิดกลางกรุง
    #โตเกียว
    #สงคราม
    #แง่คิด
    #ระทึกขวัญ
    #สืบสวน
    #ก่อการร้าย
    ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง" #silenttokyoandsothisisxmas สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก) ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล 248 หน้า 280 บาท พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564 คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง? เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม! 🧨 จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด 🧨 ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น 🧨 ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย 🧨 ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด 🧨 ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น 🧨 มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้ 🧨 ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว 🧨 เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป.. ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม .. สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป.. หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่.. ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่.. หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป.. หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ... ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ ....... ภาควิเคราะห์✒️ ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย ✒️ ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย ✒️ อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ✒️ อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่ ✒️ พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย ✒️ กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า "อยากตายนักหรือไง" เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว ✒️ ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ ✒️ เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ) ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่ ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต ✒️ มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่ ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด .......... อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น" #หนังญี่ปุ่น #หนังน่าดู #หนังสือน่าอ่าน #บทความ #รีววิหนังสือ #thaitimes #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #ระเบิดกลางกรุง #โตเกียว #สงคราม #แง่คิด #ระทึกขวัญ #สืบสวน #ก่อการร้าย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ้มเปลี่ยนชีวิตได้ ในบางครั้งยังอาจสามารถเปลี่ยนโลก นี่ไม่ต้องลำบากเสาะหาจากที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะมีอยู่ในกายทุกผู้คน

    #กระบี่อมตะ
    โก้วเล้ง เขียน / ว.ณ เมืองลุง แปล
    สนพ.สร้างสรรค์บุ๊กส์
    นวนิยายสั้นเล่มเดียวจบ หมวดกำลังภายใน
    เป็นเล่มแรกที่ถูกจัดเข้าในชุดอาวุธของโก้วเล้ง

    ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้ว ผลงานในชุดนี้มีทั้งหมดกี่เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 7 เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 8 เล่ม ซึ่งตามความจริง ล้วนเป็นเหล่า สนพ.ต่าง ๆ จากต้นทาง ที่รวบรวมจัดเข้าชุดกันเองเพื่อหวังในยอดขายเพิ่มขึ้น หาใช่สิ่งที่โก้วเล้งเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่แรก มีบางข้อมูลถึงกับระบุว่า เล่มที่โก้วเล้งเป็นคนเขียนเองมีเพียง 2 เรื่องแรกเท่านั้น คือกระบี่อมตะ และเดชขนนกยูง หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แล้วเล่มอื่นในชุดใครที่เป็นมือปืนรับจ้างเขียนแทนโดยใช้ชื่อโก้วเล้งเล่า

    นี่คืออีกหนึ่งปริศนาในงานเขียนของปีศาจสุรา ที่ช่วงหลังก่อนเสียชีวิต แต่งเรื่องไว้หลายเรื่องแต่แต่งไม่จบ นับเป็นรอยด่างหรือความมัวหมองในชีวิตงานเขียนประการหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย

    วกมาสู่เล่มนี้

    เพิ่งจบเมื่อเช้า ก่อนหน้าไม่เคยอ่านในชุดอาวุธมาเลยสักเล่มเดียว ผ่านตาพบเห็นมาหลายปกตั้งแต่เด็ก แต่ก็นิยมไปอ่านเรื่องยาว หรือเรื่องชุดอื่น ๆ ซะ บัดนี้ตั้งใจว่าจะลองมาลิ้มรสเล่มที่พลาดไป เริ่มต้นด้วยเล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ

    เนื้อหากล่าวถึง กลุ่มชายฉกรรจ์ขบวนใหญ่ ต่างที่มาแต่มารวมตัวกันเฉพาะกิจ ด้วยเหตุผลคือตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งมีสิ่งของที่ทั้งหมดต้องการแอบซ่อนไว้ เปิดเรื่องที่โรงเตี๊ยมในเมืองซึ่งมีตัวเอกของเรื่อง นามแปะเง็กเกียเดินทางผ่านมาแวะพักค้างอ้างแรม ในมือของมันผู้นี้มีศาสตราวุธสุดยอดเป็นกระบี่ดำเล่มหนึ่ง กระบี่โบราณดูไปไม่มีใดน่าสนใจ ทว่าผู้กล้าและชาวยุทธ์ทั่วหล้าต่างพากันทราบดี ถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ได้รับการกล่าวขานถึง นั่นเรียกว่ากระบี่อมตะ ผู้มาที่ไม่ทราบสำนักสังกัดชัด ต่างล้วนทราบดีแก่ใจว่าบุรุษเจ้าของกระบี่เล่มนี้ยากตอแย และมีฝีมือมิใช่ชั่ว ต่างคุมเชิงกันและกันไม่ว่าใครไม่กล้าลงไม้ลงมือก่อน

    มิคาดนอกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีบุรุษหน้าตาเข้าทีฝีมือรวบรัดมาเยี่ยมเยือนและอุดหนุนแล้ว ยังมีวาสนาได้รับการต้อนรับโกวเนี้ยเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกที่เรียบร้อยราวคุณหนู และรูปโฉมโนมพรรณที่สามารถสร้างความลุ่มหลงแก่เหล่าบุรุษได้ นางมีชื่อว่าอ้วงจีเยี้ย ไม่แน่ใจเป็นนางที่ไล่ตามแปะเง็กเกียหรือไม่ เพราะเขาจำได้ว่าเคยพบหน้านางมาก่อนแล้วถึงสองครั้งที่โรงเตี๊ยมแห่งอื่น นี่ไม่อาจโทษว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ อย่างไรชายงามย่อมพึงตาต้องใจในสตรีสาวและยังสวยเป็นธรรมดา ที่สำคัญกลับเป็นนางที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหา เจรจาพาทีกับเขาก่อนด้วย เป็นเรื่องที่เขาเองก็คาดไม่ถึง อย่างน้อยทุกครั้งที่พบหน้า นางส่งรอยยิ้มที่พิมพ์ใจกระไรปานนั้นให้กับเขา

    ทว่าเรื่องราวกับซับซ้อนยอกย้อนยิ่ง ในขณะที่แปะเง็กเกียเข้าใจว่ากลุ่มชายแปลกหน้าท่าทางประหลาดทั้งหลาย ล้วนมีเป้าประสงค์ที่จะมาหาเรื่องกับตน พลันเกิดเหตุลอบฆ่าฟันกันขึ้น มีคนตายและอาวุธที่เข่นฆ่าก็แปลกประหลาด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อ้วงจีเยี้ยพลันเอ่ยขอร้องแปะเง็กเกียให้ค้างอยู่ร่วมห้องเดียวกับนาง ให้เหตุผลว่าบัดนี้นางกลัวยิ่ง เช่นนี้ไยมิใช่การบอกใบ้ว่านางยินดีให้แปะเง็กเกีย ไม่ต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ กับนางระหว่างคืนใช่หรือไม่ แต่แปะเง็กเกียกลับเรียบร้อยขึ้นมาจริง ๆ มันพานขึ้นไปนอนบนเตียงเรียงคู่กับนาง ทว่าเพียงแค่อ้าปากกล่าววาจาด้วยท่าทีสงวนคำพูดยิ่งนัก

    คืนนั้นเอง อ้วงจี่เยี้ยพลันกล้าเผยความในใจ ปรารถนาให้เมื่ออรุณขึ้น เขาพานางติดตามไปด้วยในทุกที่ หลีกลี้หนีจากวังวนความวุ่นวายทั้งหลาย แปะเง็กเกียกลับรับปากง่ายดาย ก่อนรุ่งสางได้สกัดจุดหลับนางแล้วออกจากห้อง ตั้งใจจะไปตกลงเจรจากับพวกคนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพานางที่ตนชมชอบปลีกกายจากไป ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายปานนั้น หลังเอ่ยวาจาอ้อมค้อมลดเลี้ยวอยู่เนิ่นนาน แปะเง็กเกียที่เตรียมจะยกถุงผ้าที่บรรจุวัตถุหายากที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับคนประหลาดที่เหลือ หาคาดไม่ที่พวกมันกังวลสนใจกลับเป็นตัวของอ้วงจีเยี้ยเอง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นสิ่งของใดในตัวนางที่พวกมันกล่าวหาว่าถูกขโมยมา เมื่อการค้าตกลงไม่สำเร็จแปะเง็กเกียจึงลุกเดินกลับห้อง แต่กลับพบเห็นมีเงาชายคนหนึ่งอยู่ในห้องคล้ายเจรจาบางอย่างกับหญิงที่ตนชอบ ด้วยความเสียใจ ขณะจะผละจากไปปรากฏเสียงร้องของนางดังขึ้นด้วยความตกใจ

    แปะเง็กเกียรีบพุ่งปราดเข้าไปจึงพบว่า เป็นคนร้ายที่เป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันชั่วครู่ก่อนที่มันจะชิงจังหวะโดดหลบหนีไป พอดีกับที่สหายคนหนึ่งของแปะเง็กเกียเข้าประตูมาเพราะได้ยินเสียง แปะเง็กเกียจึงขอร้องให้มันช่วยดูแลอ้วงจีเยี้ยแทน ก่อนจะโผออกจากห้อง พุ่งทะยานขึ้นหลังคาตามไป

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ให้เพื่อน ๆ ไปหาอ่านกันต่อ ขอบอกเพียงว่า เป็นนิยายกำลังภายในขนาดสั้นที่เขียนได้ดีมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่มีความเป็นงานแนวสืบสวนสอบสวน มีการพลิกไปพลิกมาของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเบื้องหลังคือของมีค่าอันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซึ่งวัตถุชิ้นนี้กล่าวโยงไปถึงของสำคัญอันจะมีส่วนสำคัญต่อไปในเล่มที่สองของชุดอาวุธของโก้วเล้ง

    ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งเรื่องไปแล้วนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมของเหล่าบรรดาโจรทั้งหลายที่ต่างหมายของสิ่งเดียวกัน ใครเป็นมิตรกับใคร ใครแฝงตัวหลอกล่อ เป้าจริงคือใคร เป้าลวงไฉนเยอะปานนั้น จะเชื่อใจใครได้บ้าง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร หรือสหายกลับทรยศ หญิงงามความจริงคือผู้ถูกกระทำ หรือคือต้นตอของเหตุเภทภัยทั้งหมดกันแน่ แต่ละบทที่ผ่านไปมีแต่ศพ ที่เพิ่มมากขึ้น คนมีชีวิตกลับยิ่งมายิ่งลดน้อยลง แปะเง็กเกียที่ถูกม้วนเข้าไปในวังวนของแหใหญ่ปากนี้ จะสามารถพาตัวรอดพ้นจากหายนะได้หรือไม่

    ฤาต้องจบชีวิตไปอย่างเลอะเลือนงมงาย ไม่ทราบกระทั่งความจริงว่าตนต้องตายด้วยสาเหตุใด

    สุดท้ายที่นึกว่าจะจบลงแล้ว กลับมีพลิกในพลิกอีกที... นี่มันอะไร

    ไปลองอ่านดูนะครับ

    #โก้วเล้ง
    #วณเมืองลุง
    #นิบายจีน
    #นิยายแปล
    #รีวิวหนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes]

    ยิ้มเปลี่ยนชีวิตได้ ในบางครั้งยังอาจสามารถเปลี่ยนโลก นี่ไม่ต้องลำบากเสาะหาจากที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะมีอยู่ในกายทุกผู้คน #กระบี่อมตะ โก้วเล้ง เขียน / ว.ณ เมืองลุง แปล สนพ.สร้างสรรค์บุ๊กส์ นวนิยายสั้นเล่มเดียวจบ หมวดกำลังภายใน เป็นเล่มแรกที่ถูกจัดเข้าในชุดอาวุธของโก้วเล้ง ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้ว ผลงานในชุดนี้มีทั้งหมดกี่เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 7 เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 8 เล่ม ซึ่งตามความจริง ล้วนเป็นเหล่า สนพ.ต่าง ๆ จากต้นทาง ที่รวบรวมจัดเข้าชุดกันเองเพื่อหวังในยอดขายเพิ่มขึ้น หาใช่สิ่งที่โก้วเล้งเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่แรก มีบางข้อมูลถึงกับระบุว่า เล่มที่โก้วเล้งเป็นคนเขียนเองมีเพียง 2 เรื่องแรกเท่านั้น คือกระบี่อมตะ และเดชขนนกยูง หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แล้วเล่มอื่นในชุดใครที่เป็นมือปืนรับจ้างเขียนแทนโดยใช้ชื่อโก้วเล้งเล่า นี่คืออีกหนึ่งปริศนาในงานเขียนของปีศาจสุรา ที่ช่วงหลังก่อนเสียชีวิต แต่งเรื่องไว้หลายเรื่องแต่แต่งไม่จบ นับเป็นรอยด่างหรือความมัวหมองในชีวิตงานเขียนประการหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย วกมาสู่เล่มนี้ เพิ่งจบเมื่อเช้า ก่อนหน้าไม่เคยอ่านในชุดอาวุธมาเลยสักเล่มเดียว ผ่านตาพบเห็นมาหลายปกตั้งแต่เด็ก แต่ก็นิยมไปอ่านเรื่องยาว หรือเรื่องชุดอื่น ๆ ซะ บัดนี้ตั้งใจว่าจะลองมาลิ้มรสเล่มที่พลาดไป เริ่มต้นด้วยเล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ เนื้อหากล่าวถึง กลุ่มชายฉกรรจ์ขบวนใหญ่ ต่างที่มาแต่มารวมตัวกันเฉพาะกิจ ด้วยเหตุผลคือตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งมีสิ่งของที่ทั้งหมดต้องการแอบซ่อนไว้ เปิดเรื่องที่โรงเตี๊ยมในเมืองซึ่งมีตัวเอกของเรื่อง นามแปะเง็กเกียเดินทางผ่านมาแวะพักค้างอ้างแรม ในมือของมันผู้นี้มีศาสตราวุธสุดยอดเป็นกระบี่ดำเล่มหนึ่ง กระบี่โบราณดูไปไม่มีใดน่าสนใจ ทว่าผู้กล้าและชาวยุทธ์ทั่วหล้าต่างพากันทราบดี ถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ได้รับการกล่าวขานถึง นั่นเรียกว่ากระบี่อมตะ ผู้มาที่ไม่ทราบสำนักสังกัดชัด ต่างล้วนทราบดีแก่ใจว่าบุรุษเจ้าของกระบี่เล่มนี้ยากตอแย และมีฝีมือมิใช่ชั่ว ต่างคุมเชิงกันและกันไม่ว่าใครไม่กล้าลงไม้ลงมือก่อน มิคาดนอกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีบุรุษหน้าตาเข้าทีฝีมือรวบรัดมาเยี่ยมเยือนและอุดหนุนแล้ว ยังมีวาสนาได้รับการต้อนรับโกวเนี้ยเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกที่เรียบร้อยราวคุณหนู และรูปโฉมโนมพรรณที่สามารถสร้างความลุ่มหลงแก่เหล่าบุรุษได้ นางมีชื่อว่าอ้วงจีเยี้ย ไม่แน่ใจเป็นนางที่ไล่ตามแปะเง็กเกียหรือไม่ เพราะเขาจำได้ว่าเคยพบหน้านางมาก่อนแล้วถึงสองครั้งที่โรงเตี๊ยมแห่งอื่น นี่ไม่อาจโทษว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ อย่างไรชายงามย่อมพึงตาต้องใจในสตรีสาวและยังสวยเป็นธรรมดา ที่สำคัญกลับเป็นนางที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหา เจรจาพาทีกับเขาก่อนด้วย เป็นเรื่องที่เขาเองก็คาดไม่ถึง อย่างน้อยทุกครั้งที่พบหน้า นางส่งรอยยิ้มที่พิมพ์ใจกระไรปานนั้นให้กับเขา ทว่าเรื่องราวกับซับซ้อนยอกย้อนยิ่ง ในขณะที่แปะเง็กเกียเข้าใจว่ากลุ่มชายแปลกหน้าท่าทางประหลาดทั้งหลาย ล้วนมีเป้าประสงค์ที่จะมาหาเรื่องกับตน พลันเกิดเหตุลอบฆ่าฟันกันขึ้น มีคนตายและอาวุธที่เข่นฆ่าก็แปลกประหลาด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อ้วงจีเยี้ยพลันเอ่ยขอร้องแปะเง็กเกียให้ค้างอยู่ร่วมห้องเดียวกับนาง ให้เหตุผลว่าบัดนี้นางกลัวยิ่ง เช่นนี้ไยมิใช่การบอกใบ้ว่านางยินดีให้แปะเง็กเกีย ไม่ต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ กับนางระหว่างคืนใช่หรือไม่ แต่แปะเง็กเกียกลับเรียบร้อยขึ้นมาจริง ๆ มันพานขึ้นไปนอนบนเตียงเรียงคู่กับนาง ทว่าเพียงแค่อ้าปากกล่าววาจาด้วยท่าทีสงวนคำพูดยิ่งนัก คืนนั้นเอง อ้วงจี่เยี้ยพลันกล้าเผยความในใจ ปรารถนาให้เมื่ออรุณขึ้น เขาพานางติดตามไปด้วยในทุกที่ หลีกลี้หนีจากวังวนความวุ่นวายทั้งหลาย แปะเง็กเกียกลับรับปากง่ายดาย ก่อนรุ่งสางได้สกัดจุดหลับนางแล้วออกจากห้อง ตั้งใจจะไปตกลงเจรจากับพวกคนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพานางที่ตนชมชอบปลีกกายจากไป ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายปานนั้น หลังเอ่ยวาจาอ้อมค้อมลดเลี้ยวอยู่เนิ่นนาน แปะเง็กเกียที่เตรียมจะยกถุงผ้าที่บรรจุวัตถุหายากที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับคนประหลาดที่เหลือ หาคาดไม่ที่พวกมันกังวลสนใจกลับเป็นตัวของอ้วงจีเยี้ยเอง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นสิ่งของใดในตัวนางที่พวกมันกล่าวหาว่าถูกขโมยมา เมื่อการค้าตกลงไม่สำเร็จแปะเง็กเกียจึงลุกเดินกลับห้อง แต่กลับพบเห็นมีเงาชายคนหนึ่งอยู่ในห้องคล้ายเจรจาบางอย่างกับหญิงที่ตนชอบ ด้วยความเสียใจ ขณะจะผละจากไปปรากฏเสียงร้องของนางดังขึ้นด้วยความตกใจ แปะเง็กเกียรีบพุ่งปราดเข้าไปจึงพบว่า เป็นคนร้ายที่เป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันชั่วครู่ก่อนที่มันจะชิงจังหวะโดดหลบหนีไป พอดีกับที่สหายคนหนึ่งของแปะเง็กเกียเข้าประตูมาเพราะได้ยินเสียง แปะเง็กเกียจึงขอร้องให้มันช่วยดูแลอ้วงจีเยี้ยแทน ก่อนจะโผออกจากห้อง พุ่งทะยานขึ้นหลังคาตามไป เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ให้เพื่อน ๆ ไปหาอ่านกันต่อ ขอบอกเพียงว่า เป็นนิยายกำลังภายในขนาดสั้นที่เขียนได้ดีมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่มีความเป็นงานแนวสืบสวนสอบสวน มีการพลิกไปพลิกมาของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเบื้องหลังคือของมีค่าอันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซึ่งวัตถุชิ้นนี้กล่าวโยงไปถึงของสำคัญอันจะมีส่วนสำคัญต่อไปในเล่มที่สองของชุดอาวุธของโก้วเล้ง ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งเรื่องไปแล้วนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมของเหล่าบรรดาโจรทั้งหลายที่ต่างหมายของสิ่งเดียวกัน ใครเป็นมิตรกับใคร ใครแฝงตัวหลอกล่อ เป้าจริงคือใคร เป้าลวงไฉนเยอะปานนั้น จะเชื่อใจใครได้บ้าง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร หรือสหายกลับทรยศ หญิงงามความจริงคือผู้ถูกกระทำ หรือคือต้นตอของเหตุเภทภัยทั้งหมดกันแน่ แต่ละบทที่ผ่านไปมีแต่ศพ ที่เพิ่มมากขึ้น คนมีชีวิตกลับยิ่งมายิ่งลดน้อยลง แปะเง็กเกียที่ถูกม้วนเข้าไปในวังวนของแหใหญ่ปากนี้ จะสามารถพาตัวรอดพ้นจากหายนะได้หรือไม่ ฤาต้องจบชีวิตไปอย่างเลอะเลือนงมงาย ไม่ทราบกระทั่งความจริงว่าตนต้องตายด้วยสาเหตุใด สุดท้ายที่นึกว่าจะจบลงแล้ว กลับมีพลิกในพลิกอีกที... นี่มันอะไร ไปลองอ่านดูนะครับ #โก้วเล้ง #วณเมืองลุง #นิบายจีน #นิยายแปล #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes]
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สนุกจังตังอยู่ครบ

    ความสนุกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กับแค่โครงเรื่องแนวคลาสสิกที่ให้คนกลุ่มหนึ่ง ติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่อาจติดต่อกับคนอื่นได้ แล้วมีการตายเกิดขึ้นทีละราย ทว่าเล่มนี้มีการรื้อโครงสร้างแนวเก่าออก แล้วก่อขึ้นใหม่โดยรูปแบบภายนอกยังคงคล้ายเดิม ทว่าภายในนั้นมีความดัดแปลงให้แตกต่างไป นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่ง

    ผมกำลังพูดถึง #ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะ ผลงานของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ฝีมือแปลโดย สุรีรัตน์ งามสง่าพงษ์
    จัดพิมพ์โดย สนพ.ไดฟุกุ เมื่อกรกฎาคม 2566 ความหนา 240 หน้า ราคา 270 บาท ต้นฉบับพิมพ์ตั้งแต่ปี 2539 นับถึงปัจจุบันก็เฉียด 30 ปีเข้าแล้ว

    อ่านจบก่อนและค่อนข้างชอบ จึงลองไปอ่านความเห็นคนอื่นดูบ้าง รู้สึกเสียงแตกเป็นสองฝั่ง มีไม่น้อยค่อนไปในทางไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ซึ่งก็แล้วแต่ความเห็นของคนอ่าน ในส่วนของผมเองมีเหตุผลที่ชอบซึ่งจะได้เขียนถึงต่อไป

    เบื้องต้นขอเล่าเนื้อหาโดยสรุปดังนี้

    ชายหนุ่มหญิงสาว 7 คน (แบ่งเป็นชาย4หญิง3) ที่ผ่านการออดิชันเพื่อจะรับบทแสดงนำในละครเวทีของคณะละครแห่งหนึ่ง ได้รับจดหมายจากผกก.ละครที่ส่งถึงทุกคนว่าให้มารวมตัวกันที่บ้านพักหลังหนึ่งบนภูเขาเป็นเวลา 4 วัน เพื่อฝึกซ้อมพิเศษตามวันเวลานัดที่ระบุ ถ้าใครไม่มาหรือมาช้าจะถูกตัดสิทธิ์ และห้ามบอกใครทั้งนั้น

    ที่บ้านพัก ทั้ง7คนได้พบกับเจ้าของบ้านที่รออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ให้ทราบว่ามีห้องอะไรในเกสต์เฮาส์บ้าง มีวัตถุดิบทำอาหารไว้ให้พอสำหรับ 4 วัน แต่ผู้มาพักต้องทำอาหารเอง ไม่มีใครมาคอยดูแลให้ทั้งสิ้น ทั้ง7ต้องอยู่ตามลำพัง เป็นเงื่อนไขที่ทางคนกลางของ ผกก.ที่ติดต่อมาแจ้งไว้ ก่อนออกจากบ้านพักเขาทิ้งท้ายว่าหากมีเหตุฉุกเฉินให้โทรศัพท์ถึงเขาได้ เขาอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก

    ขณะทั้ง7กำลังไม่สบอารมณ์ในสิ่งที่เจ้าของบ้านพักแจ้ง และจับกลุ่มสนทนา ปรากฏว่ามีจดหมายจากผกก.มาส่ง แจ้งรายละเอียดว่าตลอด 4 วันนี้ ให้ทุกคนถือเสมือนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่มีหิมะตกหนัก ไม่สามารถออกไปไหนและสายสัญญาณโทรศัพท์ถูกหิมะหล่นทับไม่อาจติดต่อใคร และจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น โดยให้แต่ละคนจำลองสถานการณ์เอาเองว่าจะทำอย่างไร ถ้ามีฆาตกรฆ่าคนตายไปทีละคน ทั้งหมดถือเป็นการฝึกซ้อมและทดสอบที่จะนำมาใช้ในการวัดผล โดยห้ามติดต่อหาใครทั้งนั้น ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะครบกำหนด ใครฝ่าฝืนถือว่าสละสิทธิ์โดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ทั้ง7คนทุ่มเถียงถึงคำสั่งแปลกพิสดารของผกก. แต่ในที่สุดก็จำต้องยอมรับและปฏิบัติตาม

    หลังเลือกห้องกันแล้วว่าใครจะพักห้องไหน มีทั้งห้องเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ มีห้องสันทนาการ ห้องนั่งเล่นรวม ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องสุขาและอาบน้ำ และห้องอื่น ๆ ทุกคนใช้ชีวิตไปตามอัธยาศัย แล้วก็เกิดเหตุน่ากลัวขึ้นในคืนวันแรก สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งหายตัวไปในเช้าวันถัดมา และมีกระดาษที่เขียนคำอธิบายไว้ว่าบุคคลคนนั้นถูกฆ่าตายแล้วด้วยวิธีการใด และต้องหายตัวไปเหมือนถูกตัดออกจากการแข่งขัน สมาชิกที่เหลือจึงเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้ไม่รู้ว่าเพื่อนคนดังกล่าวไปแอบอยู่ที่ใดระหว่างที่ยังไม่ครบ4วัน คนที่เหลือต้องพยายามหาทางคาดเดาตัวคนร้ายให้ได้

    ในระหว่างคนทั้ง6ที่เหลือ ก็มีความสัมพันธ์ส่วนตัวพัวพันกันอยู่ มีชายอย่างน้อยสามคนที่ชอบหญิงคนหนึ่งในกลุ่ม จึงมีการพูดจาเชิงข่มหรือดูถูกเหยียดหยาม ส่วนหญิงอีกคนดูจะมีใจให้กับชายอีกคนที่ชอบผู้หญิงอีกคน มันช่างยุ่งเหยิงดีแท้ และแล้วก็มีการตายเกิดขึ้นอีกในคืนวันถัดมาโดยไม่มีใครทราบจนล่วงเข้าวันใหม่ ยังคงมีกระดาษเขียนรายละเอียดที่ระบุว่าผู้ตายถูกฆ่าแบบไหน และคนในกลุ่มก็หายตัวไปอีกหนึ่ง เหลือเพียง 5 คน ทำให้เกิดการทุ่มเถียงกันมากขึ้น มีคนหนึ่งเริ่มเสนอแนวคิดที่น่ากลัวว่า คนที่หายตัวไปนั้นอาจไม่ใช่การซ้อมแสดงละคร แต่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วจริง ๆ

    ความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรกันแน่ หาคำตอบได้ใน ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะครับ

    ..............

    ความจริงเล่มนี้ตัวละครไม่เยอะ มีกล่าวถึงคนอื่นที่เกี่ยวข้องบ้างเล็กน้อยคือผกก. ,เจ้าของบ้านพัก,และตัวละครอีกหนึ่งคนซึ่งจะถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังคนในกลุ่มได้เข้าพักในบ้านไปแล้วระยะหนึ่ง ดังนั้นสำหรับผม ถือว่าเรื่องนี้มีความง่ายกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เคยอ่านมาในการจดจำตัวละคร เรียกว่าพยายามท่องจำเอาตั้งแต่เริ่มเลย พร้อมกับดูผังบ้านชั้น1 และชั้น2ประกอบไปด้วย เพื่อจำว่าใครพักอยู่ห้องไหนบ้าง แม้รายละเอียดของผังบ้านที่ให้มาจะไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก แค่วาดแบ่งเป็นขนาดให้เห็นอย่างหยาบ ๆ ว่าห้องไหนคือห้องอะไร มีเฟอร์นิเจอร์ใดตั้งอยู่บ้างเท่าที่จำเป็น ตำแหน่งของประตูหน้าต่างก็บอกเฉพาะบางตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้แสดงครบทุกห้อง และมองเห็นบางจุดที่รู้สึกติดใจตั้งแต่ทีแรกว่าตำแหน่งนั้นคืออะไร ทำไมไม่ระบุรายละเอียดให้ทราบ พออ่านจนใกล้จบจึงถึงบางอ้อ ที่แท้จุดที่เราสงสัยเป็นส่วนสำคัญของปริศนาแห่งคดีในเล่มนี้ด้วยสิ

    ขอกล่าวถึงเหตุผลที่ชอบนะครับ หลักเลยคือเห็นถึงความตั้งใจของผู้เขียน ที่อยากจะทำให้เกิดการเล่าเรื่องแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากการเล่ารูปแบบเดิมที่เคยใช้กันมาในนิยายรุ่นเก่าของนักเขียนดังหลายคนทางฝากตะวันตก แม้จะสร้างสถานการณ์ให้มีคนมาอยู่รวมกันในที่ซึ่งเหมือนหนีไปไหนไม่ได้ แล้วตายไปทีละคนเช่นโครงเรื่องแนวคลาสสิก แต่ก็ใส่รายละเอียดที่ทำให้ต่างตรงที่คราวนี้ ทุกอย่างถูกกำหนดบังคับจากกฎกติกาที่ระบุในจม. ทำให้เหยื่อมีความสับสนระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าคือความจริงหรือคือการแสดงละครตามสิ่งที่ผกก.ต้องการกันแน่

    ที่สร้างสรรค์อย่างมากคือใช้วิธีการเล่าสองรูปแบบสลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง คือเล่าในมุมมองพระเจ้าที่เราเข้าใจเอาเองแต่แรกว่าคือมุมมองสายตาของนักเขียน ทว่าเฉลยตอนท้ายที่เข้าสู่ช่วงไขคดีว่าที่แท้เป็นมุมมองพระเจ้าก็จริง แต่ไม่ใช่สายตาผู้เขียน หากแต่เป็นใคร หากได้อ่านเองแล้วก็จะรู้ จุดนี้ผมถือว่ายอดเยี่ยมมาก ส่วนอีกมุมมองหนึ่งจะเป็นการเล่าผ่านสายตาและความคิดของตัวละครตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม7คน คล้ายทำนองบันทึกการคุยกับตัวเองว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มีใครทำอะไร ใครคุยว่าอย่างไรบ้าง โดยในส่วนนี้จะมีสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของคนดังกล่าวทำให้คนอ่านทราบมุมมองของเขาอย่างใกล้ชิด และเป็นตัวละครสำคัญที่เหมือนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องเดินหน้าต่อไป และตัวละครตัวนี้เองที่ภายหลัง ก็คล้ายจะสถาปนาตนเองเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนักสืบในการคลี่คลายปริศนาทั้งหมดด้วย

    เรื่องจะถูกแบ่งเล่าเป็น 4 วัน ในแต่ละวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างจนกระทั่งจบวัน จึงเริ่มต้นบทใหม่ในวันถัดไป ดังที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้คือ ตั้งใจท่องจำชื่อตัวละครทั้ง7และจำผังบ้านไว้ในหัวคร่าว ๆ ดังนั้นตอนอ่านที่ผู้เขียนบรรยายเล่าถึงช่วงที่ระบุถึงตัวละครกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนในห้องใด และการเล่าถึงสภาพภายในของบ้านพักว่ามีอะไรตั้งอยู่จุดไหนอย่างไร ผมจึงมองเห็นภาพเป็นสามมิติได้ไม่ยากนัก นับว่าผู้เขียนออกแบบและคิดผังบ้านหลังนี้มาได้ไม่เลว จึงสอดรับเข้ากันกับเหตุผลที่ประกอบในการกระทำของตัวละครต่าง ๆ อย่างกลมกลืน

    ด้วยความที่ส่วนตัวผมเคยผ่านการ try out จนได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อแสดงละครเวที รวมถึงเคยอยู่ในฐานะของผู้ที่ฝึกฝนการแสดงให้กับรุ่นน้องในคณะสมัยเรียนมาก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจในความรู้สึกของเหล่าตัวละครที่แสดงบทบาทลีลาในเรื่อง ว่าทำไมถึงคิดหรือพูดและทำอะไรลงไปดังที่ปรากฏนั้น ซึ่งไม่แปลกแต่ประการใด จึงถือว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งของผู้เขียน ที่มีมุมมองการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ได้น่าสนใจไม่แพ้เรื่องตุ๊กตาปิเอโรในคฤหาสน์กางเขนเช่นกัน

    ด้านสำนวนการแปลอ่านได้เพลินไม่มีสะดุดติดขัด บางคำพูดของบทสนทนาก็ทำให้รู้สึกฮาเหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าจะเครียด แต่กลับอ่านแล้วผ่อนคลายสบาย ๆ และอยากรู้ว่าที่แท้แล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ ชอบบทสรุปของเรื่องในตอนท้ายที่ต่างไปจากนิยายแนวนี้ที่อ่านผ่านมาทั้งหมด นับว่าเป็นตอนจบที่ผมมีความสุขมากจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะกลอุบายที่ใช้ ช่างน่าประทับใจยิ่ง

    #รีวิวหนังสือ
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #บทความ
    #เรื่องแปล
    #ฃาตกรรม
    #สืบสวน
    #thaitimes
    #ละครเวที
    #ไขปริศนา
    #สนุกจังตังอยู่ครบ ความสนุกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กับแค่โครงเรื่องแนวคลาสสิกที่ให้คนกลุ่มหนึ่ง ติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่อาจติดต่อกับคนอื่นได้ แล้วมีการตายเกิดขึ้นทีละราย ทว่าเล่มนี้มีการรื้อโครงสร้างแนวเก่าออก แล้วก่อขึ้นใหม่โดยรูปแบบภายนอกยังคงคล้ายเดิม ทว่าภายในนั้นมีความดัดแปลงให้แตกต่างไป นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่ง ผมกำลังพูดถึง #ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะ ผลงานของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ฝีมือแปลโดย สุรีรัตน์ งามสง่าพงษ์ จัดพิมพ์โดย สนพ.ไดฟุกุ เมื่อกรกฎาคม 2566 ความหนา 240 หน้า ราคา 270 บาท ต้นฉบับพิมพ์ตั้งแต่ปี 2539 นับถึงปัจจุบันก็เฉียด 30 ปีเข้าแล้ว อ่านจบก่อนและค่อนข้างชอบ จึงลองไปอ่านความเห็นคนอื่นดูบ้าง รู้สึกเสียงแตกเป็นสองฝั่ง มีไม่น้อยค่อนไปในทางไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ซึ่งก็แล้วแต่ความเห็นของคนอ่าน ในส่วนของผมเองมีเหตุผลที่ชอบซึ่งจะได้เขียนถึงต่อไป เบื้องต้นขอเล่าเนื้อหาโดยสรุปดังนี้ ชายหนุ่มหญิงสาว 7 คน (แบ่งเป็นชาย4หญิง3) ที่ผ่านการออดิชันเพื่อจะรับบทแสดงนำในละครเวทีของคณะละครแห่งหนึ่ง ได้รับจดหมายจากผกก.ละครที่ส่งถึงทุกคนว่าให้มารวมตัวกันที่บ้านพักหลังหนึ่งบนภูเขาเป็นเวลา 4 วัน เพื่อฝึกซ้อมพิเศษตามวันเวลานัดที่ระบุ ถ้าใครไม่มาหรือมาช้าจะถูกตัดสิทธิ์ และห้ามบอกใครทั้งนั้น ที่บ้านพัก ทั้ง7คนได้พบกับเจ้าของบ้านที่รออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ให้ทราบว่ามีห้องอะไรในเกสต์เฮาส์บ้าง มีวัตถุดิบทำอาหารไว้ให้พอสำหรับ 4 วัน แต่ผู้มาพักต้องทำอาหารเอง ไม่มีใครมาคอยดูแลให้ทั้งสิ้น ทั้ง7ต้องอยู่ตามลำพัง เป็นเงื่อนไขที่ทางคนกลางของ ผกก.ที่ติดต่อมาแจ้งไว้ ก่อนออกจากบ้านพักเขาทิ้งท้ายว่าหากมีเหตุฉุกเฉินให้โทรศัพท์ถึงเขาได้ เขาอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก ขณะทั้ง7กำลังไม่สบอารมณ์ในสิ่งที่เจ้าของบ้านพักแจ้ง และจับกลุ่มสนทนา ปรากฏว่ามีจดหมายจากผกก.มาส่ง แจ้งรายละเอียดว่าตลอด 4 วันนี้ ให้ทุกคนถือเสมือนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่มีหิมะตกหนัก ไม่สามารถออกไปไหนและสายสัญญาณโทรศัพท์ถูกหิมะหล่นทับไม่อาจติดต่อใคร และจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น โดยให้แต่ละคนจำลองสถานการณ์เอาเองว่าจะทำอย่างไร ถ้ามีฆาตกรฆ่าคนตายไปทีละคน ทั้งหมดถือเป็นการฝึกซ้อมและทดสอบที่จะนำมาใช้ในการวัดผล โดยห้ามติดต่อหาใครทั้งนั้น ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะครบกำหนด ใครฝ่าฝืนถือว่าสละสิทธิ์โดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ทั้ง7คนทุ่มเถียงถึงคำสั่งแปลกพิสดารของผกก. แต่ในที่สุดก็จำต้องยอมรับและปฏิบัติตาม หลังเลือกห้องกันแล้วว่าใครจะพักห้องไหน มีทั้งห้องเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ มีห้องสันทนาการ ห้องนั่งเล่นรวม ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องสุขาและอาบน้ำ และห้องอื่น ๆ ทุกคนใช้ชีวิตไปตามอัธยาศัย แล้วก็เกิดเหตุน่ากลัวขึ้นในคืนวันแรก สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งหายตัวไปในเช้าวันถัดมา และมีกระดาษที่เขียนคำอธิบายไว้ว่าบุคคลคนนั้นถูกฆ่าตายแล้วด้วยวิธีการใด และต้องหายตัวไปเหมือนถูกตัดออกจากการแข่งขัน สมาชิกที่เหลือจึงเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้ไม่รู้ว่าเพื่อนคนดังกล่าวไปแอบอยู่ที่ใดระหว่างที่ยังไม่ครบ4วัน คนที่เหลือต้องพยายามหาทางคาดเดาตัวคนร้ายให้ได้ ในระหว่างคนทั้ง6ที่เหลือ ก็มีความสัมพันธ์ส่วนตัวพัวพันกันอยู่ มีชายอย่างน้อยสามคนที่ชอบหญิงคนหนึ่งในกลุ่ม จึงมีการพูดจาเชิงข่มหรือดูถูกเหยียดหยาม ส่วนหญิงอีกคนดูจะมีใจให้กับชายอีกคนที่ชอบผู้หญิงอีกคน มันช่างยุ่งเหยิงดีแท้ และแล้วก็มีการตายเกิดขึ้นอีกในคืนวันถัดมาโดยไม่มีใครทราบจนล่วงเข้าวันใหม่ ยังคงมีกระดาษเขียนรายละเอียดที่ระบุว่าผู้ตายถูกฆ่าแบบไหน และคนในกลุ่มก็หายตัวไปอีกหนึ่ง เหลือเพียง 5 คน ทำให้เกิดการทุ่มเถียงกันมากขึ้น มีคนหนึ่งเริ่มเสนอแนวคิดที่น่ากลัวว่า คนที่หายตัวไปนั้นอาจไม่ใช่การซ้อมแสดงละคร แต่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วจริง ๆ ความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรกันแน่ หาคำตอบได้ใน ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะครับ .............. ความจริงเล่มนี้ตัวละครไม่เยอะ มีกล่าวถึงคนอื่นที่เกี่ยวข้องบ้างเล็กน้อยคือผกก. ,เจ้าของบ้านพัก,และตัวละครอีกหนึ่งคนซึ่งจะถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังคนในกลุ่มได้เข้าพักในบ้านไปแล้วระยะหนึ่ง ดังนั้นสำหรับผม ถือว่าเรื่องนี้มีความง่ายกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เคยอ่านมาในการจดจำตัวละคร เรียกว่าพยายามท่องจำเอาตั้งแต่เริ่มเลย พร้อมกับดูผังบ้านชั้น1 และชั้น2ประกอบไปด้วย เพื่อจำว่าใครพักอยู่ห้องไหนบ้าง แม้รายละเอียดของผังบ้านที่ให้มาจะไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก แค่วาดแบ่งเป็นขนาดให้เห็นอย่างหยาบ ๆ ว่าห้องไหนคือห้องอะไร มีเฟอร์นิเจอร์ใดตั้งอยู่บ้างเท่าที่จำเป็น ตำแหน่งของประตูหน้าต่างก็บอกเฉพาะบางตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้แสดงครบทุกห้อง และมองเห็นบางจุดที่รู้สึกติดใจตั้งแต่ทีแรกว่าตำแหน่งนั้นคืออะไร ทำไมไม่ระบุรายละเอียดให้ทราบ พออ่านจนใกล้จบจึงถึงบางอ้อ ที่แท้จุดที่เราสงสัยเป็นส่วนสำคัญของปริศนาแห่งคดีในเล่มนี้ด้วยสิ ขอกล่าวถึงเหตุผลที่ชอบนะครับ หลักเลยคือเห็นถึงความตั้งใจของผู้เขียน ที่อยากจะทำให้เกิดการเล่าเรื่องแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากการเล่ารูปแบบเดิมที่เคยใช้กันมาในนิยายรุ่นเก่าของนักเขียนดังหลายคนทางฝากตะวันตก แม้จะสร้างสถานการณ์ให้มีคนมาอยู่รวมกันในที่ซึ่งเหมือนหนีไปไหนไม่ได้ แล้วตายไปทีละคนเช่นโครงเรื่องแนวคลาสสิก แต่ก็ใส่รายละเอียดที่ทำให้ต่างตรงที่คราวนี้ ทุกอย่างถูกกำหนดบังคับจากกฎกติกาที่ระบุในจม. ทำให้เหยื่อมีความสับสนระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าคือความจริงหรือคือการแสดงละครตามสิ่งที่ผกก.ต้องการกันแน่ ที่สร้างสรรค์อย่างมากคือใช้วิธีการเล่าสองรูปแบบสลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง คือเล่าในมุมมองพระเจ้าที่เราเข้าใจเอาเองแต่แรกว่าคือมุมมองสายตาของนักเขียน ทว่าเฉลยตอนท้ายที่เข้าสู่ช่วงไขคดีว่าที่แท้เป็นมุมมองพระเจ้าก็จริง แต่ไม่ใช่สายตาผู้เขียน หากแต่เป็นใคร หากได้อ่านเองแล้วก็จะรู้ จุดนี้ผมถือว่ายอดเยี่ยมมาก ส่วนอีกมุมมองหนึ่งจะเป็นการเล่าผ่านสายตาและความคิดของตัวละครตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม7คน คล้ายทำนองบันทึกการคุยกับตัวเองว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มีใครทำอะไร ใครคุยว่าอย่างไรบ้าง โดยในส่วนนี้จะมีสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของคนดังกล่าวทำให้คนอ่านทราบมุมมองของเขาอย่างใกล้ชิด และเป็นตัวละครสำคัญที่เหมือนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องเดินหน้าต่อไป และตัวละครตัวนี้เองที่ภายหลัง ก็คล้ายจะสถาปนาตนเองเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนักสืบในการคลี่คลายปริศนาทั้งหมดด้วย เรื่องจะถูกแบ่งเล่าเป็น 4 วัน ในแต่ละวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างจนกระทั่งจบวัน จึงเริ่มต้นบทใหม่ในวันถัดไป ดังที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้คือ ตั้งใจท่องจำชื่อตัวละครทั้ง7และจำผังบ้านไว้ในหัวคร่าว ๆ ดังนั้นตอนอ่านที่ผู้เขียนบรรยายเล่าถึงช่วงที่ระบุถึงตัวละครกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนในห้องใด และการเล่าถึงสภาพภายในของบ้านพักว่ามีอะไรตั้งอยู่จุดไหนอย่างไร ผมจึงมองเห็นภาพเป็นสามมิติได้ไม่ยากนัก นับว่าผู้เขียนออกแบบและคิดผังบ้านหลังนี้มาได้ไม่เลว จึงสอดรับเข้ากันกับเหตุผลที่ประกอบในการกระทำของตัวละครต่าง ๆ อย่างกลมกลืน ด้วยความที่ส่วนตัวผมเคยผ่านการ try out จนได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อแสดงละครเวที รวมถึงเคยอยู่ในฐานะของผู้ที่ฝึกฝนการแสดงให้กับรุ่นน้องในคณะสมัยเรียนมาก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจในความรู้สึกของเหล่าตัวละครที่แสดงบทบาทลีลาในเรื่อง ว่าทำไมถึงคิดหรือพูดและทำอะไรลงไปดังที่ปรากฏนั้น ซึ่งไม่แปลกแต่ประการใด จึงถือว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งของผู้เขียน ที่มีมุมมองการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ได้น่าสนใจไม่แพ้เรื่องตุ๊กตาปิเอโรในคฤหาสน์กางเขนเช่นกัน ด้านสำนวนการแปลอ่านได้เพลินไม่มีสะดุดติดขัด บางคำพูดของบทสนทนาก็ทำให้รู้สึกฮาเหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าจะเครียด แต่กลับอ่านแล้วผ่อนคลายสบาย ๆ และอยากรู้ว่าที่แท้แล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ ชอบบทสรุปของเรื่องในตอนท้ายที่ต่างไปจากนิยายแนวนี้ที่อ่านผ่านมาทั้งหมด นับว่าเป็นตอนจบที่ผมมีความสุขมากจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะกลอุบายที่ใช้ ช่างน่าประทับใจยิ่ง #รีวิวหนังสือ #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #บทความ #เรื่องแปล #ฃาตกรรม #สืบสวน #thaitimes #ละครเวที #ไขปริศนา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนร้ายแอบวางระเบิดไว้ใต้ฝ้าเพดานศาลาปฏิบัติธรรมบ้านจุฬาภรณ์ 5 อ.ระแงะ ทหารพราน 4511 เจ็บ 7 นาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007246

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คนร้ายแอบวางระเบิดไว้ใต้ฝ้าเพดานศาลาปฏิบัติธรรมบ้านจุฬาภรณ์ 5 อ.ระแงะ ทหารพราน 4511 เจ็บ 7 นาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007246 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 794 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ่อ-ลูกครู ตชด. เหยื่อผู้ก่อความไม่สงบ

    เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นผู้แทนพระองค์เชิญดินฝังศพพระราชทานวางบนหลุมฝังศพของ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (รร.ตชด.) บ้านบ้านตืองอช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ครู รร.ตชด.บ้านตืองอฯ บุตรชาย ที่บ้านเลขที่ 293 หมู่ 3 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นผู้แทนพระองค์เชิญดินฝังศพพระราชทานวางบนหลุมฝังศพของครู ตชด. ทั้ง 2 นายด้วย

    พ.ต.ท.สุวิทย์ ครูใหญ่ และลูกชาย ด.ต.โดม ครูวิชาเกษตรโรงเรียนเดียวกัน ถูกคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องซุกใต้ถนนดักถล่มแล้วยิงซ้ำ เสียชีวิต 2 ราย พร้อมขโมยปืนไป 2 กระบอก เหตุเกิดบนถนนศรีสาคร-ลูโบ๊ะยือริง ช่วงบ้านไอร์กือแด หมู่ 4 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 สร้างความสะเทือนใจให้แก่วงการตำรวจ และแวดวงการศึกษา เนื่องจาก พ.ต.ท.สุวิทย์เป็นครูที่ทุ่มเทเสียสละสอนนักเรียนในพื้นที่เสี่ยงภัยมานานกว่า 30 ปี และถือเป็นครูต้นแบบให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอยู่ทั้งหมด 12 แห่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

    นางสุปรีดา ช่วยเทวฤทธิ์ ภรรยา พ.ต.ท.สุวิทย์ กล่าวว่า “พี่แกไปดีแล้ว และสมความตั้งใจในหน้าที่การงาน แกไปไม่คิดขอย้ายจากที่นี่ ทั้งมีโอกาส แกบอกแกรักคนที่นี่ แต่สุดท้าย มีไม่กี่คนที่เกลียดแก แกไปดีแล้ว” สอดคล้องกับ จ.ส.ต.หญิง ฮานีบะห์ สานิ ครูโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอฯ ตามรายงานข่าวของศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา กล่าวว่า ทั้งโรงเรียนมีครูผู้ชายอยู่ 2 คน คือครูใหญ่สุวิทย์และครูโดม ที่เหลือเป็นครูผู้หญิง 11 คน ต้องดูแลเด็กนักเรียน 120 ชีวิต เรานั่งเรือด้วยกัน แต่คนขับเรือไม่อยู่แล้ว แล้วใครจะขับต่อ แล้วจะไปต่ออย่างไร วันข้างหน้าเราไม่รู้ว่าจะเจออะไร อุปสรรคอะไร แล้วจะไปต่อถึงฝั่งได้อย่างไร

    เฟซบุ๊กของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มหนึ่ง กล่าวอ้างพระนามแห่งอัลเลาะห์ ระบุว่าทั้งสองคนเป็นพลรบสยามไทย นอกจากเป็นครูแล้วยังมีสถานะพลรบด้วย แม้จะเสียดายผู้มากด้วยฝีมือและประสบการณ์ แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้และทำลายได้ ขณะที่ศาลจังหวัดนราธิวาส อนุมัติออกหมายจับนายอับดุลเลาะห์ สาเมาะ อายุ 30 ปี และนายอับดุลเลาะ บูละ อายุ 40 ปี มีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดี รวม 14 หมายจับ มาจากหลักฐานดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ

    #Newskit
    พ่อ-ลูกครู ตชด. เหยื่อผู้ก่อความไม่สงบ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นผู้แทนพระองค์เชิญดินฝังศพพระราชทานวางบนหลุมฝังศพของ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (รร.ตชด.) บ้านบ้านตืองอช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ครู รร.ตชด.บ้านตืองอฯ บุตรชาย ที่บ้านเลขที่ 293 หมู่ 3 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นผู้แทนพระองค์เชิญดินฝังศพพระราชทานวางบนหลุมฝังศพของครู ตชด. ทั้ง 2 นายด้วย พ.ต.ท.สุวิทย์ ครูใหญ่ และลูกชาย ด.ต.โดม ครูวิชาเกษตรโรงเรียนเดียวกัน ถูกคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องซุกใต้ถนนดักถล่มแล้วยิงซ้ำ เสียชีวิต 2 ราย พร้อมขโมยปืนไป 2 กระบอก เหตุเกิดบนถนนศรีสาคร-ลูโบ๊ะยือริง ช่วงบ้านไอร์กือแด หมู่ 4 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 สร้างความสะเทือนใจให้แก่วงการตำรวจ และแวดวงการศึกษา เนื่องจาก พ.ต.ท.สุวิทย์เป็นครูที่ทุ่มเทเสียสละสอนนักเรียนในพื้นที่เสี่ยงภัยมานานกว่า 30 ปี และถือเป็นครูต้นแบบให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอยู่ทั้งหมด 12 แห่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นางสุปรีดา ช่วยเทวฤทธิ์ ภรรยา พ.ต.ท.สุวิทย์ กล่าวว่า “พี่แกไปดีแล้ว และสมความตั้งใจในหน้าที่การงาน แกไปไม่คิดขอย้ายจากที่นี่ ทั้งมีโอกาส แกบอกแกรักคนที่นี่ แต่สุดท้าย มีไม่กี่คนที่เกลียดแก แกไปดีแล้ว” สอดคล้องกับ จ.ส.ต.หญิง ฮานีบะห์ สานิ ครูโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอฯ ตามรายงานข่าวของศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา กล่าวว่า ทั้งโรงเรียนมีครูผู้ชายอยู่ 2 คน คือครูใหญ่สุวิทย์และครูโดม ที่เหลือเป็นครูผู้หญิง 11 คน ต้องดูแลเด็กนักเรียน 120 ชีวิต เรานั่งเรือด้วยกัน แต่คนขับเรือไม่อยู่แล้ว แล้วใครจะขับต่อ แล้วจะไปต่ออย่างไร วันข้างหน้าเราไม่รู้ว่าจะเจออะไร อุปสรรคอะไร แล้วจะไปต่อถึงฝั่งได้อย่างไร เฟซบุ๊กของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มหนึ่ง กล่าวอ้างพระนามแห่งอัลเลาะห์ ระบุว่าทั้งสองคนเป็นพลรบสยามไทย นอกจากเป็นครูแล้วยังมีสถานะพลรบด้วย แม้จะเสียดายผู้มากด้วยฝีมือและประสบการณ์ แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้และทำลายได้ ขณะที่ศาลจังหวัดนราธิวาส อนุมัติออกหมายจับนายอับดุลเลาะห์ สาเมาะ อายุ 30 ปี และนายอับดุลเลาะ บูละ อายุ 40 ปี มีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดี รวม 14 หมายจับ มาจากหลักฐานดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ #Newskit
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษา อาลี ราซีนี ( Ali Razini) และผู้พิพากษา โมฮัมหมัด ม็อกชิสเซห์ (Mo hammad Moghisseh) ประจำศาลสูงสุดอิหร่าน ถูกคนร้ายปลอมตัวเข้ามาถึงด้านในศาลมีปืนพกเป็นอาวุธลอบสังหารอุกอาจก่อนปลิดชีพตัวเองรวมเป็น 3 ศพกลางกรุงเตหะราน
    .
    เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันเสาร์(18 ม.ค) กลายเป็นคดีเขย่าขวัญเมื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดอิหร่าน 2 คนรับผิดชอบคดีด้านความมั่นคงอิหร่าน จารกรรมลับ และก่อการร้าย โดนลอบสังหารถึงในศาลกลางกรุงเตหะรานวันเสาร์(18) อ้างอิงการรายงานจากสื่อทางการอิหร่าน
    .
    “เช้านี้มีมือปืนแอบแฝงตัวเข้ามาถึงในศาลสูงสุดอิหร่านในลักษณะมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อลอบสังหารผู้พิพากษาชำนาญการที่กล้าหาญ 2 คน ซึ่งทั้งสองได้สละชีวิต” รายงานจากเว็บไซต์ตุลาการอิหร่าน ไมซาน (Mizan)
    .
    บนเว็บไซต์ได้ระบุว่ามือปืนสังหารตัวเองหลังจากลงมือก่อการร้าย(ลอบสังหาร) สำนักข่าว IRNA อิหร่านรายงานและเสริมว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
    .
    สื่ออังกฤษรายงานว่า ผู้พิพากษาสูงสุดอิหร่านที่เสียชีวิตคือ ผู้พิพากษา อาลี ราซีนี ( Ali Razini) และผู้พิพากษา โมฮัมหมัด ม็อกชิสเซห์ (Mo hammad Moghisseh)
    .
    โฆษกยุติธรรมอิหร่าน อัสการ์ จาฮานกีร์ (Asghar Jahangir) แถลงทางโทรทัศน์ว่า “คนร้ายมาพร้อมอาวุธปืนพกเข้ามาในห้องของผู้พิพากษาทั้งสองและลั่นกระสุนใส่คนทั้งคู่”
    และเสริมต่อว่า “มีการระบุตัวผู้ต้องสงสัย เรียกตัวหรือจับกุมในความเกี่ยวข้องคดีนี้” แต่โฆษกยุติธรรมอิหร่านไม่ได้อธิบายในรายละเอียด
    .
    อย่างไรก็ตามมาจนถึงเวลานี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจเบื้องหลัง แต่เว็บไซต์ทางการไมซานกล่าวว่า มือปืนไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องในคดีศาลสูงสุดอิหร่านใดๆ
    .
    และเจ้าหน้าที่กำลังเดินหน้าสอบสวนคดีนี้
    .
    ด้านประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน (Masoud Pezeshkian) ออกมาแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตอย่างคาดไม่ถึงของผู้พิพากษา พร้อมเร่งให้เจ้าหน้าที่สอบสวนคดีนี้โดยเร็ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005787
    ..............
    Sondhi X
    ผู้พิพากษา อาลี ราซีนี ( Ali Razini) และผู้พิพากษา โมฮัมหมัด ม็อกชิสเซห์ (Mo hammad Moghisseh) ประจำศาลสูงสุดอิหร่าน ถูกคนร้ายปลอมตัวเข้ามาถึงด้านในศาลมีปืนพกเป็นอาวุธลอบสังหารอุกอาจก่อนปลิดชีพตัวเองรวมเป็น 3 ศพกลางกรุงเตหะราน . เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันเสาร์(18 ม.ค) กลายเป็นคดีเขย่าขวัญเมื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดอิหร่าน 2 คนรับผิดชอบคดีด้านความมั่นคงอิหร่าน จารกรรมลับ และก่อการร้าย โดนลอบสังหารถึงในศาลกลางกรุงเตหะรานวันเสาร์(18) อ้างอิงการรายงานจากสื่อทางการอิหร่าน . “เช้านี้มีมือปืนแอบแฝงตัวเข้ามาถึงในศาลสูงสุดอิหร่านในลักษณะมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อลอบสังหารผู้พิพากษาชำนาญการที่กล้าหาญ 2 คน ซึ่งทั้งสองได้สละชีวิต” รายงานจากเว็บไซต์ตุลาการอิหร่าน ไมซาน (Mizan) . บนเว็บไซต์ได้ระบุว่ามือปืนสังหารตัวเองหลังจากลงมือก่อการร้าย(ลอบสังหาร) สำนักข่าว IRNA อิหร่านรายงานและเสริมว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย . สื่ออังกฤษรายงานว่า ผู้พิพากษาสูงสุดอิหร่านที่เสียชีวิตคือ ผู้พิพากษา อาลี ราซีนี ( Ali Razini) และผู้พิพากษา โมฮัมหมัด ม็อกชิสเซห์ (Mo hammad Moghisseh) . โฆษกยุติธรรมอิหร่าน อัสการ์ จาฮานกีร์ (Asghar Jahangir) แถลงทางโทรทัศน์ว่า “คนร้ายมาพร้อมอาวุธปืนพกเข้ามาในห้องของผู้พิพากษาทั้งสองและลั่นกระสุนใส่คนทั้งคู่” และเสริมต่อว่า “มีการระบุตัวผู้ต้องสงสัย เรียกตัวหรือจับกุมในความเกี่ยวข้องคดีนี้” แต่โฆษกยุติธรรมอิหร่านไม่ได้อธิบายในรายละเอียด . อย่างไรก็ตามมาจนถึงเวลานี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจเบื้องหลัง แต่เว็บไซต์ทางการไมซานกล่าวว่า มือปืนไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องในคดีศาลสูงสุดอิหร่านใดๆ . และเจ้าหน้าที่กำลังเดินหน้าสอบสวนคดีนี้ . ด้านประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน (Masoud Pezeshkian) ออกมาแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตอย่างคาดไม่ถึงของผู้พิพากษา พร้อมเร่งให้เจ้าหน้าที่สอบสวนคดีนี้โดยเร็ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005787 .............. Sondhi X
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 852 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปู้เหลียงเหรินแห่งสมัยถัง

    ในซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> มีกล่าวไว้ แคว้นอู๋มีลิ่วเต้าเหมิน แคว้นอันมีองครักษ์เสื้อแดง และแคว้นฉู่มีปู้เหลียงเหริน โดยที่เหรินหรูอี้ถูกเข้าใจว่าเป็นปู้เหลียงเหรินจากแคว้นฉู่

    ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอาณาจักรและยุคสมัยสมมุติ ลิ่วเต้าเหมินและองครักษ์เสื้อแดงไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่ในสมัยราชวงศ์หมิงมีมือปราบลิ่วซ่านเหมินและมีองค์รักษ์เสื้อแพร (Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว ลองค้นอ่านย้อนหลังจากสารบัญบนเพจนะคะ) ส่วนปู้เหลียงเหรินนั้น มีอยู่จริงในสมัยถัง เพื่อนเพจบางท่านอาจพอจำได้ว่าในเรื่อง <ตำนานลั่วหยาง> และ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> มีปู้เหลียงเหรินปรากฏด้วย (แต่จำไม่ได้แล้วว่าซับไทยแปลไว้แตกต่างกันไหม)

    ในบันทึกเกร็ดประวัติของสมัยชิงมีเขียนถึงโดยคร่าวว่า ผู้มีหน้าที่การสืบตามและจับกุมคนร้ายนั้น ในสมัยถังเรียกว่าปู้เหลียงเหริน มีหัวหน้าเรียกว่าปู้เหลียงซ่วย สถานะเปรียบได้เป็นต้าสุยเหอของราชวงศ์ฮั่น (แต่... ต้าสุยหรือต้าสุยเหอนี้ ในสมัยฮั่นคือราชองครักษ์รักษาพระราชวังที่ประจำการอยู่หน้าประตูวัง) และตามพจนานุกรมฉบับสุยถังและห้าราชวงศ์ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 1997 นั้น อธิบายถึงปู้เหลียงเหรินไว้ว่าเป็นคนที่ปฏิบัติภารกิจของทางการในสมัยถัง มีหน้าที่ตามสืบและจับกุมผู้กระทำความผิด

    คำว่า ‘ปู้เหลียงเหริน’ แปลตรงตัวว่าคนไม่ดี แล้วทำไมจึงใช้ชื่อนี้? คำตอบยังเป็นที่ถกกันจวบจนปัจจุบันเพราะไม่มีเอกสารยืนยันชัดเจน บ้างก็ว่าเป็นเพราะวิธีการสืบหาและจับคนร้ายของพวกเขานั้นโหดร้ายและสกปรก บ้างก็ว่าจริงแล้วพวกเขาเป็นอดีตอาชญากรที่ทางการให้ปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างผลงานไถ่โทษ และบ้างก็ว่าเป็นการเรียกย่อที่หมายถึงมือปราบที่มีหน้าที่จับกุมคนไม่ดี

    จากการพยายามไปหาข้อมูลมา Storyฯ รู้สึกว่า ปู้เหลียงเหรินเป็นกลุ่มคนที่เป็นปริศนาทางประวัติศาสตร์มิใช่น้อย เนื่องเพราะข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาแทบไม่ปรากฏ ทราบแต่ว่ามีอยู่ในสมัยถัง มีหน้าที่สืบหาและจับกุมคนร้าย แต่ตัวตนและสถานะของพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรไม่มีการระบุชัด และในพงศาวดารถังลิ่วเตี่ยน ไม่ปรากฏตำแหน่งหัวหน้าปู้เหลียงซ่วยและไม่มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหริน

    และเนื่องด้วยมีเอกสารในสมัยชิงที่นิยามปู้เหลียงเหรินโดยเปรียบเทียบถึงราชองรักษ์ต้าสุยของสมัยฮั่นตามที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้มีคนสันนิษฐานว่าปู้เหลียงเหรินเป็นหน่วยงานลับที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้เท่านั้น

    แต่... ถ้าเป็นองค์กรลับก็ไม่ควรมีการกล่าวถึงอย่างเปิดเผย ทว่าในบันทึกในเกร็ดประวัติและรวมเรื่องสั้น ‘ฉาวเหยี่ยเชียนจ้าย’ ของสมัยถังนั้น มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหรินในคดีดังที่เกี่ยวข้องกับคดีคนหายจากตระกูลขุนนางระดับสูงในรัชสมัยขององค์ถังไท่จงหลี่ซื่อหมินแห่งราชวงศ์ถัง

    ในเมื่อองค์กรนี้มีตัวตนจริง แต่ไม่ปรากฏชื่อในหน่วยงานราชการอย่างเป็นทางการ แต่ก็อาจไม่เป็นความลับ จึงเป็นที่สันนิษฐานไปอีกว่า ปู้เหลียงเหรินจัดเป็นเจ้าหน้าที่หลวงที่ระดับต่ำมากหรือเสมียน เรียกว่า ‘ลี่’ (吏) (หมายเหตุ ถ้ามีตำแหน่งเป็นขุนนางจะเรียกว่า ‘กวน’/官) หรือเป็นเพียงคนที่ช่วยงานราชการโดยไม่มียศตำแหน่งอย่างแท้จริง และที่บอกว่าพวกเขามีสถานะที่ต่ำมากนั้น เป็นเพราะว่า พวกเขาเป็นอาชญกรมาก่อนและเข้ามาทำงานให้ทางการเพื่อไถ่โทษ ซึ่งสอดคล้องกับหนึ่งในที่มาของชื่อที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั่นเอง

    นอกจากตัวตนที่เป็นปริศนาแล้ว ที่เป็นปริศนายิ่งกว่าก็คือการหายตัวไปของปู้เหลียงเหริน เพราะไม่มีบันทึกว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่ข้อสันนิษฐานว่าเมื่อสิ้นราชวงศ์ถังกลุ่มปู้เหลียงเหรินก็หอบสมบัติหนีหายกันไป บ้างก็ว่าสลายตัวไป บ้างก็ว่าไปปักหลักที่ที่มั่นอื่นรอวันกลับมาทำงานอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่มีการยืนยัน แต่ข้อเท็จจริงคือหลังจากราชวงศ์ถังล่มสลายก็ไม่มีการเรียกมือปราบว่าปู้เหลียงเหรินอีกเลย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.ejdz.cn/download/news/n143411.html
    https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_13674760
    https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl?page=1
    http://www.qulishi.com/article/201906/344565.html
    https://www.163.com/dy/article/GQNDI8640552B97M.html

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #ปู้เหลียงเหริน #มือปราบสมัยถัง
    ปู้เหลียงเหรินแห่งสมัยถัง ในซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> มีกล่าวไว้ แคว้นอู๋มีลิ่วเต้าเหมิน แคว้นอันมีองครักษ์เสื้อแดง และแคว้นฉู่มีปู้เหลียงเหริน โดยที่เหรินหรูอี้ถูกเข้าใจว่าเป็นปู้เหลียงเหรินจากแคว้นฉู่ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอาณาจักรและยุคสมัยสมมุติ ลิ่วเต้าเหมินและองครักษ์เสื้อแดงไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่ในสมัยราชวงศ์หมิงมีมือปราบลิ่วซ่านเหมินและมีองค์รักษ์เสื้อแพร (Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว ลองค้นอ่านย้อนหลังจากสารบัญบนเพจนะคะ) ส่วนปู้เหลียงเหรินนั้น มีอยู่จริงในสมัยถัง เพื่อนเพจบางท่านอาจพอจำได้ว่าในเรื่อง <ตำนานลั่วหยาง> และ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> มีปู้เหลียงเหรินปรากฏด้วย (แต่จำไม่ได้แล้วว่าซับไทยแปลไว้แตกต่างกันไหม) ในบันทึกเกร็ดประวัติของสมัยชิงมีเขียนถึงโดยคร่าวว่า ผู้มีหน้าที่การสืบตามและจับกุมคนร้ายนั้น ในสมัยถังเรียกว่าปู้เหลียงเหริน มีหัวหน้าเรียกว่าปู้เหลียงซ่วย สถานะเปรียบได้เป็นต้าสุยเหอของราชวงศ์ฮั่น (แต่... ต้าสุยหรือต้าสุยเหอนี้ ในสมัยฮั่นคือราชองครักษ์รักษาพระราชวังที่ประจำการอยู่หน้าประตูวัง) และตามพจนานุกรมฉบับสุยถังและห้าราชวงศ์ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 1997 นั้น อธิบายถึงปู้เหลียงเหรินไว้ว่าเป็นคนที่ปฏิบัติภารกิจของทางการในสมัยถัง มีหน้าที่ตามสืบและจับกุมผู้กระทำความผิด คำว่า ‘ปู้เหลียงเหริน’ แปลตรงตัวว่าคนไม่ดี แล้วทำไมจึงใช้ชื่อนี้? คำตอบยังเป็นที่ถกกันจวบจนปัจจุบันเพราะไม่มีเอกสารยืนยันชัดเจน บ้างก็ว่าเป็นเพราะวิธีการสืบหาและจับคนร้ายของพวกเขานั้นโหดร้ายและสกปรก บ้างก็ว่าจริงแล้วพวกเขาเป็นอดีตอาชญากรที่ทางการให้ปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างผลงานไถ่โทษ และบ้างก็ว่าเป็นการเรียกย่อที่หมายถึงมือปราบที่มีหน้าที่จับกุมคนไม่ดี จากการพยายามไปหาข้อมูลมา Storyฯ รู้สึกว่า ปู้เหลียงเหรินเป็นกลุ่มคนที่เป็นปริศนาทางประวัติศาสตร์มิใช่น้อย เนื่องเพราะข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาแทบไม่ปรากฏ ทราบแต่ว่ามีอยู่ในสมัยถัง มีหน้าที่สืบหาและจับกุมคนร้าย แต่ตัวตนและสถานะของพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรไม่มีการระบุชัด และในพงศาวดารถังลิ่วเตี่ยน ไม่ปรากฏตำแหน่งหัวหน้าปู้เหลียงซ่วยและไม่มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหริน และเนื่องด้วยมีเอกสารในสมัยชิงที่นิยามปู้เหลียงเหรินโดยเปรียบเทียบถึงราชองรักษ์ต้าสุยของสมัยฮั่นตามที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้มีคนสันนิษฐานว่าปู้เหลียงเหรินเป็นหน่วยงานลับที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้เท่านั้น แต่... ถ้าเป็นองค์กรลับก็ไม่ควรมีการกล่าวถึงอย่างเปิดเผย ทว่าในบันทึกในเกร็ดประวัติและรวมเรื่องสั้น ‘ฉาวเหยี่ยเชียนจ้าย’ ของสมัยถังนั้น มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหรินในคดีดังที่เกี่ยวข้องกับคดีคนหายจากตระกูลขุนนางระดับสูงในรัชสมัยขององค์ถังไท่จงหลี่ซื่อหมินแห่งราชวงศ์ถัง ในเมื่อองค์กรนี้มีตัวตนจริง แต่ไม่ปรากฏชื่อในหน่วยงานราชการอย่างเป็นทางการ แต่ก็อาจไม่เป็นความลับ จึงเป็นที่สันนิษฐานไปอีกว่า ปู้เหลียงเหรินจัดเป็นเจ้าหน้าที่หลวงที่ระดับต่ำมากหรือเสมียน เรียกว่า ‘ลี่’ (吏) (หมายเหตุ ถ้ามีตำแหน่งเป็นขุนนางจะเรียกว่า ‘กวน’/官) หรือเป็นเพียงคนที่ช่วยงานราชการโดยไม่มียศตำแหน่งอย่างแท้จริง และที่บอกว่าพวกเขามีสถานะที่ต่ำมากนั้น เป็นเพราะว่า พวกเขาเป็นอาชญกรมาก่อนและเข้ามาทำงานให้ทางการเพื่อไถ่โทษ ซึ่งสอดคล้องกับหนึ่งในที่มาของชื่อที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั่นเอง นอกจากตัวตนที่เป็นปริศนาแล้ว ที่เป็นปริศนายิ่งกว่าก็คือการหายตัวไปของปู้เหลียงเหริน เพราะไม่มีบันทึกว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่ข้อสันนิษฐานว่าเมื่อสิ้นราชวงศ์ถังกลุ่มปู้เหลียงเหรินก็หอบสมบัติหนีหายกันไป บ้างก็ว่าสลายตัวไป บ้างก็ว่าไปปักหลักที่ที่มั่นอื่นรอวันกลับมาทำงานอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่มีการยืนยัน แต่ข้อเท็จจริงคือหลังจากราชวงศ์ถังล่มสลายก็ไม่มีการเรียกมือปราบว่าปู้เหลียงเหรินอีกเลย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.ejdz.cn/download/news/n143411.html https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_13674760 https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl?page=1 http://www.qulishi.com/article/201906/344565.html https://www.163.com/dy/article/GQNDI8640552B97M.html #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #ปู้เหลียงเหริน #มือปราบสมัยถัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • น่าเศร้า ตรง "เจ็บจ่ายจบ" นี่หล่ะ...
    .
    ขอให้ อาจารย์ปานเทพ ลุงอัจ หมอธวัชชัย และ ทุกท่าน รื้อคดีได้สำเร็จ เอา "คนชั่ว" มารับโทษให้ได้...
    .
    ผมเชื่อว่า อาจารย์ปานเทพ และ ทีมงาน มีข้อมูล สาวไปถึง ตัวคนร้าย และ ผู้สมรู้ร่วมคิด แล้ว...
    .
    กรรมจะทำงานเมื่อไหร่ รอดูครับ...
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=4Pab9e6S9Ow
    น่าเศร้า ตรง "เจ็บจ่ายจบ" นี่หล่ะ... . ขอให้ อาจารย์ปานเทพ ลุงอัจ หมอธวัชชัย และ ทุกท่าน รื้อคดีได้สำเร็จ เอา "คนชั่ว" มารับโทษให้ได้... . ผมเชื่อว่า อาจารย์ปานเทพ และ ทีมงาน มีข้อมูล สาวไปถึง ตัวคนร้าย และ ผู้สมรู้ร่วมคิด แล้ว... . กรรมจะทำงานเมื่อไหร่ รอดูครับ... . https://www.youtube.com/watch?v=4Pab9e6S9Ow
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 643 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชัดแล้ว คำขู่เก็บสนธิ-ปานเทพ มิใช่คนร้ายคดีแตงโม
    แต่เป็นเรื่อง MOU44
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ชัดแล้ว คำขู่เก็บสนธิ-ปานเทพ มิใช่คนร้ายคดีแตงโม แต่เป็นเรื่อง MOU44 #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 826 มุมมอง 64 2 รีวิว
  • ตำรวจ เข้าตรวจสอบรถ จยย.ที่ “จ่าเอ็ม” ใช้ก่อเหตุยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิต หลังนำมาจอดทิ้งไว้ในปั้มน้ำมันเรียบถนนมอเตอร์เวย์

    กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน ประเทศกัมพูชา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เสียชีวิตบนเกาะกลางถนน ย่านบางลำภู ตรงข้ามวัดบวรนิเวศฯ โดยภาพวงจรปิดพบคนร้ายขับขี่จยย. มาจอดรอ ก่อนจะข้ามถนนไปยิงผู้เสียชีวิต แล้วกลับมาขี่จยย.หลบหนีไป จากนั้นหลังศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคือ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. พฐ. เข้าตรวจสอบรถจยย.ฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง ทะเบียน 1 กช 845 สมุทรปราการ ที่คนร้ายนำมาจอดทิ้งไว้บริเวณปั๊มน้ำมันพีที (ปั๊มแก๊สแอลพีจี) ถนนเรียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กทม.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000002219

    #MGROnline #จ่าเอ็ม #ฝ่ายค้าน #กัมพูชา
    ตำรวจ เข้าตรวจสอบรถ จยย.ที่ “จ่าเอ็ม” ใช้ก่อเหตุยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิต หลังนำมาจอดทิ้งไว้ในปั้มน้ำมันเรียบถนนมอเตอร์เวย์ • กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน ประเทศกัมพูชา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เสียชีวิตบนเกาะกลางถนน ย่านบางลำภู ตรงข้ามวัดบวรนิเวศฯ โดยภาพวงจรปิดพบคนร้ายขับขี่จยย. มาจอดรอ ก่อนจะข้ามถนนไปยิงผู้เสียชีวิต แล้วกลับมาขี่จยย.หลบหนีไป จากนั้นหลังศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคือ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. พฐ. เข้าตรวจสอบรถจยย.ฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง ทะเบียน 1 กช 845 สมุทรปราการ ที่คนร้ายนำมาจอดทิ้งไว้บริเวณปั๊มน้ำมันพีที (ปั๊มแก๊สแอลพีจี) ถนนเรียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000002219 • #MGROnline #จ่าเอ็ม #ฝ่ายค้าน #กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 431 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลออกหมายจับ มือปืน ยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา เชื่อคนร้ายยังอยู่ในประเทศ (08/01/68)#news1 #ยิงอดีตสส.กัมพูชา
    ศาลออกหมายจับ มือปืน ยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา เชื่อคนร้ายยังอยู่ในประเทศ (08/01/68)#news1 #ยิงอดีตสส.กัมพูชา
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1291 มุมมอง 64 0 รีวิว
  • 7 มกราคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า มีรายงานว่า นายลิม กิมยา เดินทางมาจาก เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยรถบัส มาพร้อมกับภรรยาชาวฝรั่งเศส และลุงชาวกัมพูชา ได้มาลงตรงบริเวณที่เกิดเหตุ และมีคนร้ายขับรถ จยย. ไม่ทราบทะเบียน มาจอด และยิง ก่อนหลบหนีไปเบื้องต้นฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม พาภรรยาไปสอบปากคำที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อหาสาเหตุปมสังหาร อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา อย่างอุกอาจกลางกรุงสำหรับนายลิม กิมยา ผู้เสียชีวิต เป็นนักการเมืองกัมพูชา ขั้วตรงข้ามกับ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานพฤฒสภาของกัมพูชา เป็นอดีต สส.ฝ่ายค้าน จากพรรค Cambodia National Rescue ที่มีผลงานโดดเด่น โดยเมื่อปี 2018 เขาได้อภิปรายเรื่องงบประมาณรัฐบาลอย่างหนัก โดยปัจจุบัน นายลิม กิมยา ถือสัญชาติ ฝรั่งเศส-กัมพูชารายงานข่าวว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ชุดสืบสวนนครบาลและ ชุดสืบสวนนครบาล 1 เร่งล่าตัวมือปืนผู้ก่อเหตุ ซึ่งหลบหนีไป มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปที่มา https://www.nationtv.tv/news/crime/378954029?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3Mc9xWHt0sCgNYdnBU24IoEr-Y-8_XuMg04Tc43GgZy7zWog0qmGrM3ME_aem_VsFP1guRTCe58IWSYccN8Q#m5ml6y27yfwju4yta39
    7 มกราคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า มีรายงานว่า นายลิม กิมยา เดินทางมาจาก เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยรถบัส มาพร้อมกับภรรยาชาวฝรั่งเศส และลุงชาวกัมพูชา ได้มาลงตรงบริเวณที่เกิดเหตุ และมีคนร้ายขับรถ จยย. ไม่ทราบทะเบียน มาจอด และยิง ก่อนหลบหนีไปเบื้องต้นฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม พาภรรยาไปสอบปากคำที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อหาสาเหตุปมสังหาร อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา อย่างอุกอาจกลางกรุงสำหรับนายลิม กิมยา ผู้เสียชีวิต เป็นนักการเมืองกัมพูชา ขั้วตรงข้ามกับ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานพฤฒสภาของกัมพูชา เป็นอดีต สส.ฝ่ายค้าน จากพรรค Cambodia National Rescue ที่มีผลงานโดดเด่น โดยเมื่อปี 2018 เขาได้อภิปรายเรื่องงบประมาณรัฐบาลอย่างหนัก โดยปัจจุบัน นายลิม กิมยา ถือสัญชาติ ฝรั่งเศส-กัมพูชารายงานข่าวว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ชุดสืบสวนนครบาลและ ชุดสืบสวนนครบาล 1 เร่งล่าตัวมือปืนผู้ก่อเหตุ ซึ่งหลบหนีไป มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปที่มา https://www.nationtv.tv/news/crime/378954029?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3Mc9xWHt0sCgNYdnBU24IoEr-Y-8_XuMg04Tc43GgZy7zWog0qmGrM3ME_aem_VsFP1guRTCe58IWSYccN8Q#m5ml6y27yfwju4yta39
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนร้ายลอบวางระเบิดตำรวจ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ขณะตั้งด่านตรวจหน้า ร.ร.บ้านกะลาพอ บาดเจ็บ 3 ราย คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000674

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คนร้ายลอบวางระเบิดตำรวจ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ขณะตั้งด่านตรวจหน้า ร.ร.บ้านกะลาพอ บาดเจ็บ 3 ราย คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000674 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1456 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ต้องสงสัยที่จุดชนวนระเบิดรถไซเบอร์ทรัคของเทสลา บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ในลาสเวกัส เป็นทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ และลงมือยิงศีรษะตนเองก่อนการระเบิด จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) แต่ระบุจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจของชายรายดังกล่าว
    .
    เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัย นายแมตธิว อลัน ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ซึ่งดูเหมือนจะลงมือฆ่าตัวตายในรถกระบะไซเบอร์ทรัค ที่เต็มไปด้วยกระติกเชื้อเพลิงและพลุไฟ ซึ่งจากนั้นได้ลุกติดไฟ
    .
    ชายรายนี้มีบาดแผลกระสุนปืนบริเวณศีรษะและพบปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ เท้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระหว่างแถลงข่าวในลาสเวกัส "ณ จุดนี้ ยังไม่ทราบแรงจูงใจ" สเปนเซอร์ อีแวนส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอระบุ พร้อมบอกว่าทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นการก่อการร้าย
    .
    ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรมในตอนเช้าวันพุธ (1 ม.ค.) ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ นอกจากผู้เสียชีวิตภายในรถแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหลายราย
    .
    โรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเปิดบริการในปี 2008 มีธุรกิจของครอบครัวของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกัน เป็นเจ้าของบางส่วน
    .
    อีแวนส์ บอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกับว่าที่ประธานาธิบดี รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เทสลา มีเจ้าของคือ อีลอน มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลกและเป็นผู้สนับสนุน ทรัมป์ ตัวยง "แต่จนถึงตอนนี้เราไม่มีข้อมูลที่บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มันมีแรงขับเคลื่อจากอุดมการณ์ใดๆ โดยเฉพาะหรือไม่"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่ระบุว่า ร่างไร้วิญญาณที่อยู่ภายในรถเทสลา ถูกไฟเผาไหม้จนจำไม่ได้ แต่พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่ามันเป็นศพของนายลิเวลสเบอร์เกอร์ ผ่านบัตรประจำตัวทหาร พาสสปอร์ต และเครดิตการ์ดของเขา
    .
    เควิน แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายลาสเวกัส เปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เช่ารถมาจากโคโลราโดในวันที่ 28 ธันวาคม จากนั้นก็ขับรถคันนี้มาเพียงลำพัง ผ่านแอริโซนาและนิวเม็กซิโก มาถึงลาสเวกัส ในวันที่ 1 มกราคม พร้อมยืนยันข้อมูลที่ว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ เคยใช้เวลาช่วงหนึ่งในเยอรมนี และเคยประจำการในอัฟกานิสถานปี 2009
    .
    โฆษกของกองทัพรายหนึ่งเปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ได้รับอนุมัติให้ลาราชการในช่วงเวลาที่เสียชีวิต และบอกว่าเขาเคยได้เหรียญกล้าหาญมาแล้วหลายเหรียญ
    .
    ทีมสืบสวนยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดด้วยวิธีการใด แต่ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค อย่างเช่นพลุไฟและเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนบอกว่ามีส่วนประกอบบางส่วนไม่ระเบิด และระดับความซับซ้อนของระเบิด ถือว่าต่ำกว่าที่พวกเขาคาดหมายจากฝีมือใครบางคนที่มีภูมิหลังทางทหารอย่างเช่นนายลิเวลสเบอร์เกอร์
    .
    เจ้าหน้าที่ยืนยันด้วยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ซื้อปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติมา 2 กระบอก ซึ่งทั้ง 2 กระบอกถูกพบในเทสลา และหนึ่งในนั้นอยู่บริเวณเท้าของเขา
    .
    เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากคนร้ายขับรถกระบะไฟฟ้าพุ่งเข้าชนฝูงชน ในย่านเฟรนช์ ควอเตอร์ ในนิวออร์ลีนส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน
    .
    เบื้องต้น ทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่าง 2 เหตุการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ในนิวออร์ลีนส์ ระบุในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) เชื่อว่าคนร้ายลงมือเพียงลำพัง ส่วนเอฟบีไอให้คำจำกัดความเหตุการณ์ในลาสเวกัส ว่า "เป็นเหตุการณ์โดดๆ"
    .
    แม็คมาฮิล ระบุในวันพุธ (1 ม.ค.) ข้อเท็จจริงคือมันเป็นรถไซเบอร์ทรัค ที่ช่วยจำกัดความเสียหายได้อย่างมาก "เพราะส่วนใหญ่แล้วระเบิดจะพุ่งทะลุรถออกมา" แต่คราวนี้บานกระจกประตูของโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร "ไม่แม้กระทั่งมีรอยแตกใดๆ จากแรงระเบิด"
    .
    รถกระบะคันนี้ถูกเช่าในโคโลราโด ผ่านแอปรถเช่า Turo จากการเปิดเผยของตำรวจ ซึ่งเป็นแอปเดียวกับที่คนร้ายใช้เช่ารถก่อเหตุโจมตีในนิวออร์ลีนส์ อย่างไรก็ตาม แม็คมาฮิล บอกว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เราจำเป็นต้องเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องนี้"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000532
    ..............
    Sondhi X
    ผู้ต้องสงสัยที่จุดชนวนระเบิดรถไซเบอร์ทรัคของเทสลา บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ในลาสเวกัส เป็นทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ และลงมือยิงศีรษะตนเองก่อนการระเบิด จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) แต่ระบุจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจของชายรายดังกล่าว . เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัย นายแมตธิว อลัน ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ซึ่งดูเหมือนจะลงมือฆ่าตัวตายในรถกระบะไซเบอร์ทรัค ที่เต็มไปด้วยกระติกเชื้อเพลิงและพลุไฟ ซึ่งจากนั้นได้ลุกติดไฟ . ชายรายนี้มีบาดแผลกระสุนปืนบริเวณศีรษะและพบปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ เท้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระหว่างแถลงข่าวในลาสเวกัส "ณ จุดนี้ ยังไม่ทราบแรงจูงใจ" สเปนเซอร์ อีแวนส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอระบุ พร้อมบอกว่าทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นการก่อการร้าย . ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรมในตอนเช้าวันพุธ (1 ม.ค.) ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ นอกจากผู้เสียชีวิตภายในรถแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหลายราย . โรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเปิดบริการในปี 2008 มีธุรกิจของครอบครัวของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกัน เป็นเจ้าของบางส่วน . อีแวนส์ บอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกับว่าที่ประธานาธิบดี รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เทสลา มีเจ้าของคือ อีลอน มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลกและเป็นผู้สนับสนุน ทรัมป์ ตัวยง "แต่จนถึงตอนนี้เราไม่มีข้อมูลที่บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มันมีแรงขับเคลื่อจากอุดมการณ์ใดๆ โดยเฉพาะหรือไม่" . พวกเจ้าหน้าที่ระบุว่า ร่างไร้วิญญาณที่อยู่ภายในรถเทสลา ถูกไฟเผาไหม้จนจำไม่ได้ แต่พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่ามันเป็นศพของนายลิเวลสเบอร์เกอร์ ผ่านบัตรประจำตัวทหาร พาสสปอร์ต และเครดิตการ์ดของเขา . เควิน แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายลาสเวกัส เปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เช่ารถมาจากโคโลราโดในวันที่ 28 ธันวาคม จากนั้นก็ขับรถคันนี้มาเพียงลำพัง ผ่านแอริโซนาและนิวเม็กซิโก มาถึงลาสเวกัส ในวันที่ 1 มกราคม พร้อมยืนยันข้อมูลที่ว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ เคยใช้เวลาช่วงหนึ่งในเยอรมนี และเคยประจำการในอัฟกานิสถานปี 2009 . โฆษกของกองทัพรายหนึ่งเปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ได้รับอนุมัติให้ลาราชการในช่วงเวลาที่เสียชีวิต และบอกว่าเขาเคยได้เหรียญกล้าหาญมาแล้วหลายเหรียญ . ทีมสืบสวนยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดด้วยวิธีการใด แต่ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค อย่างเช่นพลุไฟและเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนบอกว่ามีส่วนประกอบบางส่วนไม่ระเบิด และระดับความซับซ้อนของระเบิด ถือว่าต่ำกว่าที่พวกเขาคาดหมายจากฝีมือใครบางคนที่มีภูมิหลังทางทหารอย่างเช่นนายลิเวลสเบอร์เกอร์ . เจ้าหน้าที่ยืนยันด้วยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ซื้อปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติมา 2 กระบอก ซึ่งทั้ง 2 กระบอกถูกพบในเทสลา และหนึ่งในนั้นอยู่บริเวณเท้าของเขา . เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากคนร้ายขับรถกระบะไฟฟ้าพุ่งเข้าชนฝูงชน ในย่านเฟรนช์ ควอเตอร์ ในนิวออร์ลีนส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน . เบื้องต้น ทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่าง 2 เหตุการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ในนิวออร์ลีนส์ ระบุในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) เชื่อว่าคนร้ายลงมือเพียงลำพัง ส่วนเอฟบีไอให้คำจำกัดความเหตุการณ์ในลาสเวกัส ว่า "เป็นเหตุการณ์โดดๆ" . แม็คมาฮิล ระบุในวันพุธ (1 ม.ค.) ข้อเท็จจริงคือมันเป็นรถไซเบอร์ทรัค ที่ช่วยจำกัดความเสียหายได้อย่างมาก "เพราะส่วนใหญ่แล้วระเบิดจะพุ่งทะลุรถออกมา" แต่คราวนี้บานกระจกประตูของโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร "ไม่แม้กระทั่งมีรอยแตกใดๆ จากแรงระเบิด" . รถกระบะคันนี้ถูกเช่าในโคโลราโด ผ่านแอปรถเช่า Turo จากการเปิดเผยของตำรวจ ซึ่งเป็นแอปเดียวกับที่คนร้ายใช้เช่ารถก่อเหตุโจมตีในนิวออร์ลีนส์ อย่างไรก็ตาม แม็คมาฮิล บอกว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เราจำเป็นต้องเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องนี้" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000532 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1445 มุมมอง 1 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
    .
    สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส
    .
    นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ
    .
    สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว
    .
    ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย
    .
    เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน
    .
    ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020
    .
    โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010
    .
    แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม
    .
    สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน
    .
    แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ
    .
    เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน
    .
    ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง . สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ . ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่ . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส . นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ . สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว . ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย . เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน . ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020 . โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010 . แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม . สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน . แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ . เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน . ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1583 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สืบสวนของสหรัฐยืนยันว่า คนร้ายที่ก่อการร้ายในนิวออร์ลีนส์ และคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดรถ cybertruck ในลาสเวกัส นอกจากรถถูกเช่ามาจากที่เดียวกัน คือบริษัทคาร์แชริ่งที่ชื่อว่า Turo แล้วนั้น

    ยังพบว่าทั้งสองคนเคยประจำการอยู่ที่ฐานทัพทหารแห่งเดียวกันอีกด้วย
    เจ้าหน้าที่สืบสวนของสหรัฐยืนยันว่า คนร้ายที่ก่อการร้ายในนิวออร์ลีนส์ และคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดรถ cybertruck ในลาสเวกัส นอกจากรถถูกเช่ามาจากที่เดียวกัน คือบริษัทคาร์แชริ่งที่ชื่อว่า Turo แล้วนั้น ยังพบว่าทั้งสองคนเคยประจำการอยู่ที่ฐานทัพทหารแห่งเดียวกันอีกด้วย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนร้ายรายหนึ่งสังหารชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย ในเหตุอาละวาดในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในมอนเตเนโกร ก่อนเสียชีวิตจากพิษบาดแผลอาการบาดเจ็บ ที่เกิดขึ้นจากความพยายามฆ่าตัวตาย จากการเปิดเผยของ ดานิโล ซาราโนวิค รัฐมนตรีมหาดไทยของประเทศแห่งนี้
    .
    ตำรวจระบุตัวตนมือปืนชื่อ อเล็กซานเดอร์ มาร์ติโนวิช วัย 24 ปี และบอกว่าคนร้ายรายนี้พยายามฆ่าตัวตายใกล้บ้านพักของตนเองในเมืองเซติเญ ขณะกำลังถูกตำรวจต้อนจนมุม
    .
    "ตอนที่เขาเห็นว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ไร้ความหวัง เขาพยายามฆ่าตัวตาย เขาไม่ได้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ แต่ไปเสียชีวิตระหว่างถูกลำเลียงตัวส่งโรงพยาบาล" ซาราโนวิค ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RTCG สื่อมวลชนแห่งรัฐมอนเตเนโกร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับความพยายามฆ่าตัวตาย
    .
    มาร์ติโนวิช พยายามหลบหนีหลังจากกราดยิงเข้าใส่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเซติเญ เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงพอดกอรีตซา เมืองหลวงของมอนเตเนโกร ไปทางตะวันตกราว 38 กิโลเมตร ปลิดชีพชาวบ้านไป 4 ราย
    .
    จากนั้นมือปืนก็มุ่งหน้าไปยังจุดอื่นๆ อีก 3 แห่ง สังหารผู้คนไปอีกอย่างน้อย 6 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 2 คน จากการเปิดเผยของตำรวจ นอกจากนี้ ยังมีคนอื่น 4 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
    .
    ตำรวจเปิดเผยว่า มาร์ติโนวิช เคยมีประวัติเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย
    .
    เมื่อช่วงค่ำวันพุธ (1 ม.ค.) ลาซาร์ เชปาโนวิช ผู้บัญชาการตำรวจ เชื่อว่าผู้ต้องสงสัยคงดื่มมาอย่างหนักก่อนลงมือไล่ยิงผู้คน ขณะที่นายกรัฐมนตรี มิโลจโก สปาจิช ระบุว่ามีเหตุกระทบกระทั่งกัน ก่อนหน้าการกราดยิง ความเห็นที่สอดคล้องกับความเห็นของตำรวจ ที่เชื่อว่าเหตุยิงกันในครั้งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม
    .
    เหตุกราดยิงหมู่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมากๆ ในมอนเตเนโกร แต่ระยะหลังเริ่มพบเห็นบ่อยขึ้นเช่นกัน โดยหนล่าสุดเกิดขึ้นในเมืองเซติเญ เช่นกัน มี 11 ราย ในนั้นรวมถึงเด็ก 2 คนและมือปืนคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุโจมตีหมู่ดังกล่าว
    .
    ในเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนในประเทศที่มีประชากร 605,000 คน ทาง สปาจิช เรียกเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่า "โศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยอง" และประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศ 3 วัน ทั้งนี้ ทางประธานาธิบดี ยาคอฟ มิลาโตวิช ก็รู้สึกขนลุกขนพองต่อเหตุโจมตีดังกล่าวเช่นกัน
    .
    แม้มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอันเข้มงวด บรรดาประเทศแถบบอลข่านตะวันตก ที่ประกอบด้วยเซอร์เบีย มอนเตเนโกร บอสเนีย แอลเบเนีย โคโซโว และมาซิโดเนียเหนือ ยังคงเต็มไปด้วยอาวุธ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่มาจากสงครามนองเลือดในยุคทศวรรษ 1990 แต่บางส่วนย้อนกลับไปถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เลยทีเดียว
    .
    สปาจิช เปิดเผยว่าพวกเจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณายกระดับกฎเกณฑ์การเป็นเจ้าของและพกพาอาวุธปืนสั้น ในนั้นอาจรวมถึงความเป็นไปได้ในการแบนอาวุธดังกล่าวโดยสิ้นเชิง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000249
    ..............
    Sondhi X
    คนร้ายรายหนึ่งสังหารชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย ในเหตุอาละวาดในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในมอนเตเนโกร ก่อนเสียชีวิตจากพิษบาดแผลอาการบาดเจ็บ ที่เกิดขึ้นจากความพยายามฆ่าตัวตาย จากการเปิดเผยของ ดานิโล ซาราโนวิค รัฐมนตรีมหาดไทยของประเทศแห่งนี้ . ตำรวจระบุตัวตนมือปืนชื่อ อเล็กซานเดอร์ มาร์ติโนวิช วัย 24 ปี และบอกว่าคนร้ายรายนี้พยายามฆ่าตัวตายใกล้บ้านพักของตนเองในเมืองเซติเญ ขณะกำลังถูกตำรวจต้อนจนมุม . "ตอนที่เขาเห็นว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ไร้ความหวัง เขาพยายามฆ่าตัวตาย เขาไม่ได้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ แต่ไปเสียชีวิตระหว่างถูกลำเลียงตัวส่งโรงพยาบาล" ซาราโนวิค ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RTCG สื่อมวลชนแห่งรัฐมอนเตเนโกร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับความพยายามฆ่าตัวตาย . มาร์ติโนวิช พยายามหลบหนีหลังจากกราดยิงเข้าใส่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเซติเญ เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงพอดกอรีตซา เมืองหลวงของมอนเตเนโกร ไปทางตะวันตกราว 38 กิโลเมตร ปลิดชีพชาวบ้านไป 4 ราย . จากนั้นมือปืนก็มุ่งหน้าไปยังจุดอื่นๆ อีก 3 แห่ง สังหารผู้คนไปอีกอย่างน้อย 6 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 2 คน จากการเปิดเผยของตำรวจ นอกจากนี้ ยังมีคนอื่น 4 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเสี่ยงต่อการเสียชีวิต . ตำรวจเปิดเผยว่า มาร์ติโนวิช เคยมีประวัติเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย . เมื่อช่วงค่ำวันพุธ (1 ม.ค.) ลาซาร์ เชปาโนวิช ผู้บัญชาการตำรวจ เชื่อว่าผู้ต้องสงสัยคงดื่มมาอย่างหนักก่อนลงมือไล่ยิงผู้คน ขณะที่นายกรัฐมนตรี มิโลจโก สปาจิช ระบุว่ามีเหตุกระทบกระทั่งกัน ก่อนหน้าการกราดยิง ความเห็นที่สอดคล้องกับความเห็นของตำรวจ ที่เชื่อว่าเหตุยิงกันในครั้งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม . เหตุกราดยิงหมู่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมากๆ ในมอนเตเนโกร แต่ระยะหลังเริ่มพบเห็นบ่อยขึ้นเช่นกัน โดยหนล่าสุดเกิดขึ้นในเมืองเซติเญ เช่นกัน มี 11 ราย ในนั้นรวมถึงเด็ก 2 คนและมือปืนคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุโจมตีหมู่ดังกล่าว . ในเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนในประเทศที่มีประชากร 605,000 คน ทาง สปาจิช เรียกเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่า "โศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยอง" และประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศ 3 วัน ทั้งนี้ ทางประธานาธิบดี ยาคอฟ มิลาโตวิช ก็รู้สึกขนลุกขนพองต่อเหตุโจมตีดังกล่าวเช่นกัน . แม้มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอันเข้มงวด บรรดาประเทศแถบบอลข่านตะวันตก ที่ประกอบด้วยเซอร์เบีย มอนเตเนโกร บอสเนีย แอลเบเนีย โคโซโว และมาซิโดเนียเหนือ ยังคงเต็มไปด้วยอาวุธ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่มาจากสงครามนองเลือดในยุคทศวรรษ 1990 แต่บางส่วนย้อนกลับไปถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เลยทีเดียว . สปาจิช เปิดเผยว่าพวกเจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณายกระดับกฎเกณฑ์การเป็นเจ้าของและพกพาอาวุธปืนสั้น ในนั้นอาจรวมถึงความเป็นไปได้ในการแบนอาวุธดังกล่าวโดยสิ้นเชิง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000249 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1430 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และบาดเจ็บ 7 คน หลังรถกระบะไฟฟ้า "ไซเบอร์ทรัค" ของเทสลา จู่ๆ เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เป็นของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในลาสเวกัส รัฐเนวาดา จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    .
    เควิด แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของลาสเวกัส เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวว่า รถไฟฟ้าขับมาจอดบริเวณด้านหน้าประตูทางเท้าที่เป็นบานกระจกของโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ก่อนเกิด "ระเบิดตูมสนั่น"
    .
    ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรม ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ
    .
    แม็คมาฮิล บอกว่า "มีผู้เสียชีวิต 1 รายภายในรถไซเบอร์ทรัค" และมีอีก 7 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
    .
    ด้าน อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่า "คณะทำงานระดับสูงของเทสลาทั้งหมด เวลานี้กำลังสืบสวนประเด็นดังกล่าว" พร้อมบอกว่า "เราไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน"
    .
    มัสก์ ซึ่งสนับสนุน ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน และได้รับการเสนอชื่อจากตัวแทนรีพับลิกันให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการชุดหนึ่งที่จะทำหน้าที่ตัดลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของรัฐบาล ระบุว่าเขาจะโพสต์ข้อมูลเพิ่มเติม "ทันทีที่เราทราบเรื่องใดๆ"
    .
    ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุระเบิดแล้ว และสั่งการให้คณะทำงานของเขามอบความช่วยเหลือในระดับรัฐบาลกลางใดๆ ที่จำเป็น
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดน เพิ่งได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนผู้คนที่กำลังฉลองปีใหม่ในนิวออร์ลีนส์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย
    .
    แม็คมาฮิล พูดถึงเหตุโจมตีดังกล่าวด้วย แต่ไม่ได้โยงทั้ง 2 เหตุการณ์อย่างชัดเจน และบอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ในลาสเวกัส "กำลังใช้ทุกมาตรการป้องกันไว้ก่อนที่จำเป็น สำหรับคงความปลอดภัยแก่ชุมชนของเรา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000233
    ..............
    Sondhi X
    มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และบาดเจ็บ 7 คน หลังรถกระบะไฟฟ้า "ไซเบอร์ทรัค" ของเทสลา จู่ๆ เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เป็นของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในลาสเวกัส รัฐเนวาดา จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ . เควิด แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของลาสเวกัส เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวว่า รถไฟฟ้าขับมาจอดบริเวณด้านหน้าประตูทางเท้าที่เป็นบานกระจกของโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ก่อนเกิด "ระเบิดตูมสนั่น" . ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรม ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ . แม็คมาฮิล บอกว่า "มีผู้เสียชีวิต 1 รายภายในรถไซเบอร์ทรัค" และมีอีก 7 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย . ด้าน อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่า "คณะทำงานระดับสูงของเทสลาทั้งหมด เวลานี้กำลังสืบสวนประเด็นดังกล่าว" พร้อมบอกว่า "เราไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน" . มัสก์ ซึ่งสนับสนุน ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน และได้รับการเสนอชื่อจากตัวแทนรีพับลิกันให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการชุดหนึ่งที่จะทำหน้าที่ตัดลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของรัฐบาล ระบุว่าเขาจะโพสต์ข้อมูลเพิ่มเติม "ทันทีที่เราทราบเรื่องใดๆ" . ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุระเบิดแล้ว และสั่งการให้คณะทำงานของเขามอบความช่วยเหลือในระดับรัฐบาลกลางใดๆ ที่จำเป็น . ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดน เพิ่งได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนผู้คนที่กำลังฉลองปีใหม่ในนิวออร์ลีนส์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย . แม็คมาฮิล พูดถึงเหตุโจมตีดังกล่าวด้วย แต่ไม่ได้โยงทั้ง 2 เหตุการณ์อย่างชัดเจน และบอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ในลาสเวกัส "กำลังใช้ทุกมาตรการป้องกันไว้ก่อนที่จำเป็น สำหรับคงความปลอดภัยแก่ชุมชนของเรา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000233 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1386 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชายชาวเทกซัสวัย 42 ปี ก่อเหตุขับรถกระบะพุ่งใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองขึ้นปีใหม่ในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ในนิวออร์ลีนส์ จากนั้นก็เปิดฉากยิงใส่ตำรวจ ปลิดชีพผู้คนไปอย่างน้อย 10 ราย และบาดเจ็บ 35 คน ในเหตุโจมตีตอนเช้ามืดที่ทางเอฟบีไอระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจเป็นการก่อการร้าย
    .
    คนขับรถซึ่งเอฟบีไอระบุมีชื่อว่า ชามซุด-ดิน จาบบาร์ พลเมืองสหรัฐฯ จากเทกซัส เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังยิงปะทะกับตำรวจ และอาจมีคนอื่นร่วมมือด้วย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่้
    .
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอน 3.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 16.15 น.) ณ แยกถนนคานาลตัดกับถนนเบอร์บอน จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ของเมืองนิวออร์ลีนส์ ซึ่งมีการแสดงดนตรี และบาร์ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก
    .
    ธงของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ถูกพบในรถกระบะคันที่เกิดเหตุ กระตุ้นให้มีการสืบสวนความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับองค์กรก่อการร้าย จากถ้อยแถลงของเอฟบีไอ พร้อมระบุว่ารถกระบะคันนี้ดูเหมือนเป็นยานพาหนะที่เช่ามา
    .
    "เราไม่เชื่อว่าจาบบาร์ อยู่เบื้องหลังเพียงคนเดียว เรากำลังไล่ล่าเชิงรุกในทุกเบาะแส ในนั้นรวมถึงพวกที่รู้ว่ามั่วสุมคลุกคลีกับเขา" อเลเทีย ดันแคน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอฟบีไอระบุ พร้อมเผยด้วยว่าทีมสืบสวนพบอาวุธและเป็นไปได้ว่าจะเป็นวัตถุระเบิดชิ้นหนึ่งในรถกระบะ นอกจากนี้ ยังพบวัตถุต้องสงสัยอื่นๆ เป็นไปได้ว่าจะเป็นวัตถุระเบิดในย่านเฟรช์ควอเตอร์ และระเบิด 2 ลูกถูกกำจัดแล้ว
    .
    ดันแคน ยืนยันยอดผู้เสียชีวิต 10 ราย หลังจากสมาชิกสภาคองเกรสรายหนึ่ง บอกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงกว่านี้
    .
    เจ้าหน้าที่เลื่อนการแข่งขัน "ชูการ์โบว์ล" ศึกอเมริกันฟุตบอล รอบชิงชนะเลิศในระดับมหาวิทยาลัย ที่มีกำหนดเล่นกันในนิวออร์ลีนส์ ในทุกๆ ปีของวันขึ้นปีใหม่ ออกไป 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ เมืองแห่งนี้ยังมีคิวรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศึกอเมริกันฟุตบอลระดับอาชีพ NFL รอบชิงชนะเลิศ หรือซูเปอร์โบว์ล ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์
    .
    ผู้นำของเมืองรายหนึ่งเล่าว่า คนร้ายมาในชุดเครื่องแบบทหารเต็มขั้น ขณะที่ แอนน์ เคิร์คแพทริค ผู้บัญชาการตำรวจแถลงข่าวว่า "มันไม่ใช่แค่การก่อการร้าย แต่มันเป็นปีศาจ เขามุ่งหน้าแบบไม่ยอมถอยกลับในการสังหารหมู่และก่อความเสียหาย"
    .
    เคิร์คแพทริค บอกว่าหลังจากหักเลี้ยวรถไปชนรั้วกั้น คนร้ายควักปืนลั่นไกยิงออกมาจากตัวรถเข้าใส่พวกเจ้าหน้าที่ ทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 ราย อย่างไรก็ตาม อาการของทั้งคู่ทรงตัวแล้ว ขณะที่ตำรวจเผยว่ามีเจ้าหน้าที่ 400 ราย ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่เฟรนช์ ควอเตอร์ ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ
    .
    "มันเป็นสถานการณ์ที่อ่อนไหว และเราอยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นและระดับรัฐบาลกลาง เพื่อรับประกันการสืบสวนอย่างครบถ้วนและละเอียด เพื่อนำตัวพวกที่อาจเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์นี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" เจฟฟ์ แลนดรี ผู้ว่าการรัฐลุยเซียนากล่าวบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่าพวกผู้ได้รับบาดเจ็บถูกระจายส่งโรงพยาบาลอย่างน้อย 5 แห่ง ขณะที่ซีบีเอสนิวส์ รายงานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาได้ยินเสียงชนดังสนั่นจากถนนสายดังกล่าว และพบเห็นรถกระบะสีข่าวพุ่งชนแนวกั้นด้วยความเร็วสูง
    .
    ในการตอบสนองต่อเหตุขับรถโจมตีถนนคนเดินหลายต่อหลายเหตุการณ์ทั่วโลก ทางเมืองนิวออร์ลีนส์ อยู่ระหว่างดำเนินการรื้อถอนและติดตั้งใหม่แนวกั้นเหล็กที่เรียกว่าระบบเสากั้น (bollards) ที่ไว้กั้นการสัญจรของยานพาหนะในเขตคนเดินถนนบนถนนเบอร์บอน อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าโครงการดังกล่าวมีความคืบหน้าไปถึงไหนตอนที่เกิดเหตุโจมตีในวันพุธ (1 ม.ค.)
    .
    โครงการก่อสร้างนี้เริ่มในเดือนพฤศจิกายน 2024 และมีกำหนดเดินหน้าไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 อ้างอิงข้อมูลบนเว็บไซต์ของเมือง
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ต่อโทรศัพท์หานายกเทศมนตรีของเมือง แสดงจุดยืนว่ารัฐบาลกลางพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่ารัฐบาลของเขาจะช่วยนิวออร์ลันส์ สืบสวนและฟื้นตัว จากสิ่งที่เขาเรียกว่าการกระทำที่ชั่วช้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000231
    ..............
    Sondhi X
    ชายชาวเทกซัสวัย 42 ปี ก่อเหตุขับรถกระบะพุ่งใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองขึ้นปีใหม่ในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ในนิวออร์ลีนส์ จากนั้นก็เปิดฉากยิงใส่ตำรวจ ปลิดชีพผู้คนไปอย่างน้อย 10 ราย และบาดเจ็บ 35 คน ในเหตุโจมตีตอนเช้ามืดที่ทางเอฟบีไอระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจเป็นการก่อการร้าย . คนขับรถซึ่งเอฟบีไอระบุมีชื่อว่า ชามซุด-ดิน จาบบาร์ พลเมืองสหรัฐฯ จากเทกซัส เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังยิงปะทะกับตำรวจ และอาจมีคนอื่นร่วมมือด้วย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่้ . เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอน 3.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 16.15 น.) ณ แยกถนนคานาลตัดกับถนนเบอร์บอน จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ของเมืองนิวออร์ลีนส์ ซึ่งมีการแสดงดนตรี และบาร์ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก . ธงของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ถูกพบในรถกระบะคันที่เกิดเหตุ กระตุ้นให้มีการสืบสวนความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับองค์กรก่อการร้าย จากถ้อยแถลงของเอฟบีไอ พร้อมระบุว่ารถกระบะคันนี้ดูเหมือนเป็นยานพาหนะที่เช่ามา . "เราไม่เชื่อว่าจาบบาร์ อยู่เบื้องหลังเพียงคนเดียว เรากำลังไล่ล่าเชิงรุกในทุกเบาะแส ในนั้นรวมถึงพวกที่รู้ว่ามั่วสุมคลุกคลีกับเขา" อเลเทีย ดันแคน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอฟบีไอระบุ พร้อมเผยด้วยว่าทีมสืบสวนพบอาวุธและเป็นไปได้ว่าจะเป็นวัตถุระเบิดชิ้นหนึ่งในรถกระบะ นอกจากนี้ ยังพบวัตถุต้องสงสัยอื่นๆ เป็นไปได้ว่าจะเป็นวัตถุระเบิดในย่านเฟรช์ควอเตอร์ และระเบิด 2 ลูกถูกกำจัดแล้ว . ดันแคน ยืนยันยอดผู้เสียชีวิต 10 ราย หลังจากสมาชิกสภาคองเกรสรายหนึ่ง บอกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงกว่านี้ . เจ้าหน้าที่เลื่อนการแข่งขัน "ชูการ์โบว์ล" ศึกอเมริกันฟุตบอล รอบชิงชนะเลิศในระดับมหาวิทยาลัย ที่มีกำหนดเล่นกันในนิวออร์ลีนส์ ในทุกๆ ปีของวันขึ้นปีใหม่ ออกไป 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ เมืองแห่งนี้ยังมีคิวรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศึกอเมริกันฟุตบอลระดับอาชีพ NFL รอบชิงชนะเลิศ หรือซูเปอร์โบว์ล ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ . ผู้นำของเมืองรายหนึ่งเล่าว่า คนร้ายมาในชุดเครื่องแบบทหารเต็มขั้น ขณะที่ แอนน์ เคิร์คแพทริค ผู้บัญชาการตำรวจแถลงข่าวว่า "มันไม่ใช่แค่การก่อการร้าย แต่มันเป็นปีศาจ เขามุ่งหน้าแบบไม่ยอมถอยกลับในการสังหารหมู่และก่อความเสียหาย" . เคิร์คแพทริค บอกว่าหลังจากหักเลี้ยวรถไปชนรั้วกั้น คนร้ายควักปืนลั่นไกยิงออกมาจากตัวรถเข้าใส่พวกเจ้าหน้าที่ ทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 ราย อย่างไรก็ตาม อาการของทั้งคู่ทรงตัวแล้ว ขณะที่ตำรวจเผยว่ามีเจ้าหน้าที่ 400 ราย ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่เฟรนช์ ควอเตอร์ ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ . "มันเป็นสถานการณ์ที่อ่อนไหว และเราอยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นและระดับรัฐบาลกลาง เพื่อรับประกันการสืบสวนอย่างครบถ้วนและละเอียด เพื่อนำตัวพวกที่อาจเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์นี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" เจฟฟ์ แลนดรี ผู้ว่าการรัฐลุยเซียนากล่าวบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่าพวกผู้ได้รับบาดเจ็บถูกระจายส่งโรงพยาบาลอย่างน้อย 5 แห่ง ขณะที่ซีบีเอสนิวส์ รายงานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาได้ยินเสียงชนดังสนั่นจากถนนสายดังกล่าว และพบเห็นรถกระบะสีข่าวพุ่งชนแนวกั้นด้วยความเร็วสูง . ในการตอบสนองต่อเหตุขับรถโจมตีถนนคนเดินหลายต่อหลายเหตุการณ์ทั่วโลก ทางเมืองนิวออร์ลีนส์ อยู่ระหว่างดำเนินการรื้อถอนและติดตั้งใหม่แนวกั้นเหล็กที่เรียกว่าระบบเสากั้น (bollards) ที่ไว้กั้นการสัญจรของยานพาหนะในเขตคนเดินถนนบนถนนเบอร์บอน อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าโครงการดังกล่าวมีความคืบหน้าไปถึงไหนตอนที่เกิดเหตุโจมตีในวันพุธ (1 ม.ค.) . โครงการก่อสร้างนี้เริ่มในเดือนพฤศจิกายน 2024 และมีกำหนดเดินหน้าไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 อ้างอิงข้อมูลบนเว็บไซต์ของเมือง . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ต่อโทรศัพท์หานายกเทศมนตรีของเมือง แสดงจุดยืนว่ารัฐบาลกลางพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่ารัฐบาลของเขาจะช่วยนิวออร์ลันส์ สืบสวนและฟื้นตัว จากสิ่งที่เขาเรียกว่าการกระทำที่ชั่วช้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000231 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1311 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกิดเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนผู้คนในเมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐฯ ในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย บาดเจ็บอีกนับสิบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000185

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เกิดเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนผู้คนในเมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐฯ ในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย บาดเจ็บอีกนับสิบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000185 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1522 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวด่วน!
    เกิดเหตุคนร้ายขับรถยนต์กระบะด้วยความเร็วสูงพุ่งชนกลุ่มคนบนถนนเบอร์บอน เมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา ขณะมีการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 ราย บาดเจ็บอีก 30 ราย

    พยานในเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายที่ก่อเหตุลงจากรถและมีเสียงปืนยิงปะทะกับตำรวจ ทางการท้องถิ่นเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ เบื้องต้นยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้

    จากรูปที่สองและสามรถกระบะสีขาว ตามรายงานแจ้งว่าเป็นรถของคนร้ายที่ก่อเหตุ
    ข่าวด่วน! เกิดเหตุคนร้ายขับรถยนต์กระบะด้วยความเร็วสูงพุ่งชนกลุ่มคนบนถนนเบอร์บอน เมืองนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา ขณะมีการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 ราย บาดเจ็บอีก 30 ราย พยานในเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายที่ก่อเหตุลงจากรถและมีเสียงปืนยิงปะทะกับตำรวจ ทางการท้องถิ่นเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ เบื้องต้นยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ จากรูปที่สองและสามรถกระบะสีขาว ตามรายงานแจ้งว่าเป็นรถของคนร้ายที่ก่อเหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts