• รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar

     Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto
    Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you

    Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT
    Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you

    ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026
    หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why

    รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล
    TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ
    https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office

     AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่
    AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ
    https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages

    Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10
    Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด
    https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10

     OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT
    OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด
    https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted

     Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี
    Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17

     ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี
    สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know

     Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it

    หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง
    ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง
    https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday

    Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router
    Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก
    Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud
    https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far

    รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง
    TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
    https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options

    OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel
    OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know

    Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น
    Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs

    มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update
    มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
    https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware

    ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย
    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware

    Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days

    Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง
    Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    📌📡🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📡📌 #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar 🛠️ Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you 🛒 Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you 🚗 ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026 หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why 🖤 รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office 🌐 AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่ AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages 💻 Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10 Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10 🏢 OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด 🔗 https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted 📱 Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17 🚫 ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know 📸 Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it 🎧 หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday 🔐 Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know ☁️ ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud 🔗 https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far 🧹 รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options 🛡️ OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know 🤖 Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs 🪟 มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware 🎨 ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware 🧑‍⚖️ Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์ รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days 🚀 Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia อาจหยุดการจัดส่ง VRAM ควบคู่กับ GPU ให้กับผู้ผลิตการ์ดจอ (AIBs)

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว Golden Pig Upgrade Nvidia จะไม่จัดส่ง VRAM พร้อมกับ GPU อีกต่อไป แต่จะส่งเฉพาะ GPU die ให้กับพันธมิตร ซึ่งต่างจากแนวทางเดิมที่ Nvidia มักจะจัดชุด GPU + VRAM ให้พร้อมใช้งาน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงวิกฤตหน่วยความจำที่กำลังทวีความรุนแรงทั่วโลก

    วิกฤตหน่วยความจำ
    หน่วยความจำ GDDR ที่ใช้ใน GPU ผลิตโดยบริษัทอย่าง Samsung, Micron และ SK Hynix ซึ่งกำลังเผชิญความต้องการสูงจากตลาด AI ทำให้เกิดการขาดแคลนอย่างหนัก Nvidia จึงเลือกที่จะไม่แบกรับภาระการจัดหาหน่วยความจำเอง และผลักภาระไปยังพันธมิตรที่ต้องจัดหาตามสเปกที่ Nvidia กำหนด

    ผลกระทบต่อพันธมิตรและตลาด
    ผู้ผลิตรายใหญ่ ที่มีเครือข่ายจัดหาหน่วยความจำอยู่แล้วอาจไม่เจอปัญหามากนัก
    ผู้ผลิตรายเล็ก อาจได้รับผลกระทบหนัก เพราะต้องแข่งขันจัดหาหน่วยความจำในตลาดที่ตึงตัว ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและเสี่ยงต่อการขาดสต็อก
    อาจเกิดการปรับขึ้นราคาการ์ดจอในอนาคต เนื่องจากต้นทุน VRAM ที่สูงขึ้น

    ความหมายต่ออุตสาหกรรม
    การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงการที่ AI กำลังแย่งทรัพยากรจากตลาดเกมมิ่งและผู้บริโภคทั่วไป หากวิกฤตหน่วยความจำยังดำเนินต่อไป อาจทำให้ผู้ผลิตการ์ดจอรายเล็กต้องถอนตัวจากตลาด และส่งผลต่อการแข่งขันในระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Nvidia หยุดจัดส่ง VRAM พร้อม GPU
    พันธมิตรต้องจัดหาหน่วยความจำเองตามสเปก

    วิกฤตหน่วยความจำทั่วโลก
    ความต้องการจากตลาด AI ทำให้ GDDR ขาดแคลน

    ผลกระทบต่อพันธมิตร
    ผู้ผลิตรายใหญ่ปรับตัวได้ แต่รายเล็กเสี่ยงสูง

    ความหมายต่ออุตสาหกรรม
    AI แย่งทรัพยากรจากตลาดเกมมิ่งและผู้บริโภคทั่วไป

    ความเสี่ยงด้านต้นทุนและราคา
    การ์ดจออาจแพงขึ้นและขาดสต็อกในอนาคต

    ความเสี่ยงต่อผู้ผลิตรายเล็ก
    อาจไม่สามารถแข่งขันได้และต้องถอนตัวจากตลาด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-reportedly-no-longer-supplying-vram-to-its-gpu-board-partners-in-response-to-memory-crunch-rumor-claims-vendors-will-only-get-the-die-forced-to-source-memory-on-their-own
    🧩 Nvidia อาจหยุดการจัดส่ง VRAM ควบคู่กับ GPU ให้กับผู้ผลิตการ์ดจอ (AIBs) ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว Golden Pig Upgrade Nvidia จะไม่จัดส่ง VRAM พร้อมกับ GPU อีกต่อไป แต่จะส่งเฉพาะ GPU die ให้กับพันธมิตร ซึ่งต่างจากแนวทางเดิมที่ Nvidia มักจะจัดชุด GPU + VRAM ให้พร้อมใช้งาน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงวิกฤตหน่วยความจำที่กำลังทวีความรุนแรงทั่วโลก 💾 วิกฤตหน่วยความจำ หน่วยความจำ GDDR ที่ใช้ใน GPU ผลิตโดยบริษัทอย่าง Samsung, Micron และ SK Hynix ซึ่งกำลังเผชิญความต้องการสูงจากตลาด AI ทำให้เกิดการขาดแคลนอย่างหนัก Nvidia จึงเลือกที่จะไม่แบกรับภาระการจัดหาหน่วยความจำเอง และผลักภาระไปยังพันธมิตรที่ต้องจัดหาตามสเปกที่ Nvidia กำหนด ⚠️ ผลกระทบต่อพันธมิตรและตลาด 🔷 ผู้ผลิตรายใหญ่ ที่มีเครือข่ายจัดหาหน่วยความจำอยู่แล้วอาจไม่เจอปัญหามากนัก 🔷 ผู้ผลิตรายเล็ก อาจได้รับผลกระทบหนัก เพราะต้องแข่งขันจัดหาหน่วยความจำในตลาดที่ตึงตัว ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและเสี่ยงต่อการขาดสต็อก 🔷 อาจเกิดการปรับขึ้นราคาการ์ดจอในอนาคต เนื่องจากต้นทุน VRAM ที่สูงขึ้น 🌍 ความหมายต่ออุตสาหกรรม การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงการที่ AI กำลังแย่งทรัพยากรจากตลาดเกมมิ่งและผู้บริโภคทั่วไป หากวิกฤตหน่วยความจำยังดำเนินต่อไป อาจทำให้ผู้ผลิตการ์ดจอรายเล็กต้องถอนตัวจากตลาด และส่งผลต่อการแข่งขันในระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Nvidia หยุดจัดส่ง VRAM พร้อม GPU ➡️ พันธมิตรต้องจัดหาหน่วยความจำเองตามสเปก ✅ วิกฤตหน่วยความจำทั่วโลก ➡️ ความต้องการจากตลาด AI ทำให้ GDDR ขาดแคลน ✅ ผลกระทบต่อพันธมิตร ➡️ ผู้ผลิตรายใหญ่ปรับตัวได้ แต่รายเล็กเสี่ยงสูง ✅ ความหมายต่ออุตสาหกรรม ➡️ AI แย่งทรัพยากรจากตลาดเกมมิ่งและผู้บริโภคทั่วไป ‼️ ความเสี่ยงด้านต้นทุนและราคา ⛔ การ์ดจออาจแพงขึ้นและขาดสต็อกในอนาคต ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ผลิตรายเล็ก ⛔ อาจไม่สามารถแข่งขันได้และต้องถอนตัวจากตลาด https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-reportedly-no-longer-supplying-vram-to-its-gpu-board-partners-in-response-to-memory-crunch-rumor-claims-vendors-will-only-get-the-die-forced-to-source-memory-on-their-own
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • การจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index เพื่อประเมินผลกระทบของ AI

    นักวิจัยจาก MIT และ ORNL สร้าง Iceberg Index เพื่อจำลองแรงงานสหรัฐฯ กว่า 151 ล้านคน โดยบันทึกทักษะ งาน และตำแหน่งที่ตั้ง จากนั้นนำข้อมูลไปจับคู่กับความสามารถของ AI ในปัจจุบัน ผลลัพธ์เผยว่า AI สามารถแทนที่แรงงานได้ถึง 11.7% ซึ่งครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึงการเงิน โลจิสติกส์ และทรัพยากรบุคคล

    ผลกระทบต่อแรงงานและเศรษฐกิจ
    การแทนที่แรงงานดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะงานสาย white-collar ที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่มากที่สุด การเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้วกว่า 100,000 ตำแหน่งในปีนี้ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

    การใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบาย
    Iceberg Index ไม่ได้มีไว้เพื่อคาดการณ์อย่างเดียว แต่ยังถูกใช้โดยรัฐต่าง ๆ เช่น เทนเนสซี นอร์ทแคโรไลนา และยูทาห์ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายในระดับเขตและมณฑล ข้อมูลนี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถวางแผนล่วงหน้า ลดความเสี่ยง และเตรียมแรงงานให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจาก AI

    ความหมายต่ออนาคตแรงงานโลก
    แม้การแทนที่แรงงานจะสร้างความกังวล แต่เครื่องมือเช่น Iceberg Index ก็ช่วยให้สังคมเข้าใจและเตรียมรับมือได้ดียิ่งขึ้น หากใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง รัฐบาลและองค์กรสามารถออกแบบนโยบายที่ลดผลกระทบเชิงลบ และอาจสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแรงงานในยุคดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index
    AI สามารถแทนที่แรงงานสหรัฐฯ ได้ถึง 11.7%

    มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ
    คิดเป็นเงินเดือนและสวัสดิการกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี

    การใช้งานจริงของ Iceberg Index
    รัฐต่าง ๆ ใช้เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบและกำหนดนโยบาย

    ผลกระทบต่อแรงงาน white-collar
    งานด้านการเงิน โลจิสติกส์ และ HR เสี่ยงสูงต่อการถูกแทนที่

    ความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างจำนวนมาก
    อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน

    ความท้าทายในการปรับตัวของแรงงาน
    หากไม่มีการเตรียมพร้อม อาจสร้างความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/mit-simulation-shows-ai-can-replace-11-7-percent-of-u-s-workers-worth-usd1-2-trillion-in-salaries-iceberg-index-tool-shows-jobs-are-affected-in-every-state-across-the-country
    🤖 การจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index เพื่อประเมินผลกระทบของ AI นักวิจัยจาก MIT และ ORNL สร้าง Iceberg Index เพื่อจำลองแรงงานสหรัฐฯ กว่า 151 ล้านคน โดยบันทึกทักษะ งาน และตำแหน่งที่ตั้ง จากนั้นนำข้อมูลไปจับคู่กับความสามารถของ AI ในปัจจุบัน ผลลัพธ์เผยว่า AI สามารถแทนที่แรงงานได้ถึง 11.7% ซึ่งครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึงการเงิน โลจิสติกส์ และทรัพยากรบุคคล 📉 ผลกระทบต่อแรงงานและเศรษฐกิจ การแทนที่แรงงานดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะงานสาย white-collar ที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่มากที่สุด การเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้วกว่า 100,000 ตำแหน่งในปีนี้ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ 🏛️ การใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบาย Iceberg Index ไม่ได้มีไว้เพื่อคาดการณ์อย่างเดียว แต่ยังถูกใช้โดยรัฐต่าง ๆ เช่น เทนเนสซี นอร์ทแคโรไลนา และยูทาห์ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายในระดับเขตและมณฑล ข้อมูลนี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถวางแผนล่วงหน้า ลดความเสี่ยง และเตรียมแรงงานให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจาก AI 🌍 ความหมายต่ออนาคตแรงงานโลก แม้การแทนที่แรงงานจะสร้างความกังวล แต่เครื่องมือเช่น Iceberg Index ก็ช่วยให้สังคมเข้าใจและเตรียมรับมือได้ดียิ่งขึ้น หากใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง รัฐบาลและองค์กรสามารถออกแบบนโยบายที่ลดผลกระทบเชิงลบ และอาจสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแรงงานในยุคดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index ➡️ AI สามารถแทนที่แรงงานสหรัฐฯ ได้ถึง 11.7% ✅ มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ ➡️ คิดเป็นเงินเดือนและสวัสดิการกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ การใช้งานจริงของ Iceberg Index ➡️ รัฐต่าง ๆ ใช้เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบและกำหนดนโยบาย ✅ ผลกระทบต่อแรงงาน white-collar ➡️ งานด้านการเงิน โลจิสติกส์ และ HR เสี่ยงสูงต่อการถูกแทนที่ ‼️ ความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างจำนวนมาก ⛔ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน ‼️ ความท้าทายในการปรับตัวของแรงงาน ⛔ หากไม่มีการเตรียมพร้อม อาจสร้างความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคม https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/mit-simulation-shows-ai-can-replace-11-7-percent-of-u-s-workers-worth-usd1-2-trillion-in-salaries-iceberg-index-tool-shows-jobs-are-affected-in-every-state-across-the-country
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกกฎหมาย TSMC vs Intel

    TSMC ได้ยื่นฟ้อง Wei-Jen Lo อดีตรองประธานอาวุโสที่เพิ่งเกษียณ โดยกล่าวหาว่าเขาอาจนำข้อมูลลับด้านกระบวนการผลิตชิปไปให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่นั่นเพียงไม่กี่เดือนหลังลาออก ข้อกล่าวหานี้รวมถึงการละเมิดสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลและสัญญาไม่แข่งขัน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของไต้หวัน

    Intel ยืนยันความโปร่งใส
    Intel โดย CEO Lip-Bu Tan ได้ออกแถลงการณ์ภายใน ยืนยันว่า Wei-Jen Lo ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยชี้ว่าบริษัทมีนโยบายเข้มงวดในการป้องกันการนำข้อมูลลับจากบุคคลที่สามมาใช้ การกลับมาของ Lo ยังถูกมองว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Intel ที่กำลังพยายามกลับมาแข่งขันกับ TSMC ในตลาดการผลิตชิป

    เทคโนโลยี Panther Lake และ 18A
    Intel กำลังผลักดันกระบวนการผลิตใหม่ 18A ที่ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ โดยจะถูกนำมาใช้ในชิป Panther Lake ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2026 จุดเด่นคือประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ Intel มีโอกาสกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    การฟ้องร้องครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของสองบริษัท แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หากข้อกล่าวหาพิสูจน์ได้จริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตรทั่วโลก ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของ Intel ในการผลิตด้วย 18A ก็อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การฟ้องร้องของ TSMC ต่อ Wei-Jen Lo
    กล่าวหาว่านำข้อมูลลับและละเมิดสัญญาไม่แข่งขัน

    Intel ปฏิเสธข้อกล่าวหาและสนับสนุนผู้บริหารใหม่
    ยืนยันนโยบายเข้มงวดด้านการปกป้องข้อมูล

    ความก้าวหน้าของ Intel กับกระบวนการผลิต 18A
    ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ในชิป Panther Lake

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก
    อาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูลและกฎหมาย
    หากพิสูจน์ได้จริง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของตลาด

    ปัญหาด้าน Yield ของกระบวนการผลิต 18A
    หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจทำให้ Intel ขาดทุนมหาศาลและเสียโอกาสแข่งขัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-fully-backs-its-controversial-new-hire-that-tsmc-alleges-took-company-secrets-with-him-ceo-lip-bu-tan-highlights-team-blues-strict-ethics-policy-in-internal-memo-amid-high-stakes-lawsuit
    ⚖️ ศึกกฎหมาย TSMC vs Intel TSMC ได้ยื่นฟ้อง Wei-Jen Lo อดีตรองประธานอาวุโสที่เพิ่งเกษียณ โดยกล่าวหาว่าเขาอาจนำข้อมูลลับด้านกระบวนการผลิตชิปไปให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่นั่นเพียงไม่กี่เดือนหลังลาออก ข้อกล่าวหานี้รวมถึงการละเมิดสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลและสัญญาไม่แข่งขัน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของไต้หวัน 🏢 Intel ยืนยันความโปร่งใส Intel โดย CEO Lip-Bu Tan ได้ออกแถลงการณ์ภายใน ยืนยันว่า Wei-Jen Lo ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยชี้ว่าบริษัทมีนโยบายเข้มงวดในการป้องกันการนำข้อมูลลับจากบุคคลที่สามมาใช้ การกลับมาของ Lo ยังถูกมองว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Intel ที่กำลังพยายามกลับมาแข่งขันกับ TSMC ในตลาดการผลิตชิป 💻 เทคโนโลยี Panther Lake และ 18A Intel กำลังผลักดันกระบวนการผลิตใหม่ 18A ที่ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ โดยจะถูกนำมาใช้ในชิป Panther Lake ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2026 จุดเด่นคือประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ Intel มีโอกาสกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก การฟ้องร้องครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของสองบริษัท แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หากข้อกล่าวหาพิสูจน์ได้จริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตรทั่วโลก ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของ Intel ในการผลิตด้วย 18A ก็อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การฟ้องร้องของ TSMC ต่อ Wei-Jen Lo ➡️ กล่าวหาว่านำข้อมูลลับและละเมิดสัญญาไม่แข่งขัน ✅ Intel ปฏิเสธข้อกล่าวหาและสนับสนุนผู้บริหารใหม่ ➡️ ยืนยันนโยบายเข้มงวดด้านการปกป้องข้อมูล ✅ ความก้าวหน้าของ Intel กับกระบวนการผลิต 18A ➡️ ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ในชิป Panther Lake ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก ➡️ อาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูลและกฎหมาย ⛔ หากพิสูจน์ได้จริง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของตลาด ‼️ ปัญหาด้าน Yield ของกระบวนการผลิต 18A ⛔ หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจทำให้ Intel ขาดทุนมหาศาลและเสียโอกาสแข่งขัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-fully-backs-its-controversial-new-hire-that-tsmc-alleges-took-company-secrets-with-him-ceo-lip-bu-tan-highlights-team-blues-strict-ethics-policy-in-internal-memo-amid-high-stakes-lawsuit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon ปลดพนักงานซานดิเอโก

    Amazon ได้แจ้งเตือนตามกฎหมายแรงงานของรัฐแคลิฟอร์เนียว่าจะปลดพนักงาน 145 คนในซานดิเอโก โดยวันสุดท้ายของการทำงานคือ 26 มกราคม 2026 การปลดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับลดพนักงานทั่วสหรัฐฯ กว่า 14,000 คน ซึ่งกระทบต่อหลายฝ่ายในองค์กร.

    AI และการเปลี่ยนแปลงงานพัฒนา
    หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ถูกพูดถึงคือ การนำ AI มาใช้แทนงานบางส่วนของนักพัฒนา โดยมีรายงานว่าพนักงานบางคนรู้สึกว่างานของตนเริ่มคล้ายกับงานในคลังสินค้า คือซ้ำซากและถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ได้กระทบเฉพาะงานแรงงาน แต่ยังส่งผลต่อสายงานเทคโนโลยีโดยตรง.

    ธุรกิจเกมที่ไม่ประสบความสำเร็จ
    นอกจาก AI แล้ว การปลดพนักงานยังเชื่อมโยงกับ แผนกเกมของ Amazon ที่ประสบปัญหาขาดทุนและไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ทำให้บริษัทต้องปรับโครงสร้างและลดจำนวนทีมพัฒนาในซานดิเอโก ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการพัฒนาเกมของบริษัท.

    ผลกระทบต่อแรงงานและอุตสาหกรรม
    การปลดพนักงานครั้งนี้ไม่เพียงกระทบต่อแรงงานในซานดิเอโก แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้มในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็สร้างคำถามว่าองค์กรควรจัดการการเปลี่ยนผ่านนี้อย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางสังคมรุนแรง.

    สรุปสาระสำคัญ
    Amazon ปลดพนักงาน 145 คนในซานดิเอโก
    วันสุดท้ายทำงานคือ 26 มกราคม 2026

    เป็นส่วนหนึ่งของการปลดทั่วสหรัฐฯ กว่า 14,000 คน
    กระทบหลายฝ่ายในองค์กร

    AI ถูกนำมาใช้แทนงานบางส่วนของนักพัฒนา
    งานซ้ำซากและถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ

    ธุรกิจเกมของ Amazon ขาดทุนและไม่สามารถแข่งขันได้
    ต้องปรับโครงสร้างและลดทีมพัฒนา

    การใช้ AI แทนแรงงานอาจสร้างความไม่มั่นคงทางอาชีพ
    พนักงานสายเทคโนโลยีเสี่ยงถูกแทนที่มากขึ้น

    การปลดพนักงานจำนวนมากอาจกระทบเศรษฐกิจท้องถิ่น
    ลดโอกาสการจ้างงานในซานดิเอโกและอุตสาหกรรมเกม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/27/amazon-is-shedding-software-developer-jobs-in-san-diego-is-ai-to-blame
    🏢 Amazon ปลดพนักงานซานดิเอโก Amazon ได้แจ้งเตือนตามกฎหมายแรงงานของรัฐแคลิฟอร์เนียว่าจะปลดพนักงาน 145 คนในซานดิเอโก โดยวันสุดท้ายของการทำงานคือ 26 มกราคม 2026 การปลดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับลดพนักงานทั่วสหรัฐฯ กว่า 14,000 คน ซึ่งกระทบต่อหลายฝ่ายในองค์กร. 🤖 AI และการเปลี่ยนแปลงงานพัฒนา หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ถูกพูดถึงคือ การนำ AI มาใช้แทนงานบางส่วนของนักพัฒนา โดยมีรายงานว่าพนักงานบางคนรู้สึกว่างานของตนเริ่มคล้ายกับงานในคลังสินค้า คือซ้ำซากและถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ได้กระทบเฉพาะงานแรงงาน แต่ยังส่งผลต่อสายงานเทคโนโลยีโดยตรง. 🎮 ธุรกิจเกมที่ไม่ประสบความสำเร็จ นอกจาก AI แล้ว การปลดพนักงานยังเชื่อมโยงกับ แผนกเกมของ Amazon ที่ประสบปัญหาขาดทุนและไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ทำให้บริษัทต้องปรับโครงสร้างและลดจำนวนทีมพัฒนาในซานดิเอโก ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการพัฒนาเกมของบริษัท. 🌐 ผลกระทบต่อแรงงานและอุตสาหกรรม การปลดพนักงานครั้งนี้ไม่เพียงกระทบต่อแรงงานในซานดิเอโก แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้มในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็สร้างคำถามว่าองค์กรควรจัดการการเปลี่ยนผ่านนี้อย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางสังคมรุนแรง. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Amazon ปลดพนักงาน 145 คนในซานดิเอโก ➡️ วันสุดท้ายทำงานคือ 26 มกราคม 2026 ✅ เป็นส่วนหนึ่งของการปลดทั่วสหรัฐฯ กว่า 14,000 คน ➡️ กระทบหลายฝ่ายในองค์กร ✅ AI ถูกนำมาใช้แทนงานบางส่วนของนักพัฒนา ➡️ งานซ้ำซากและถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ ✅ ธุรกิจเกมของ Amazon ขาดทุนและไม่สามารถแข่งขันได้ ➡️ ต้องปรับโครงสร้างและลดทีมพัฒนา ‼️ การใช้ AI แทนแรงงานอาจสร้างความไม่มั่นคงทางอาชีพ ⛔ พนักงานสายเทคโนโลยีเสี่ยงถูกแทนที่มากขึ้น ‼️ การปลดพนักงานจำนวนมากอาจกระทบเศรษฐกิจท้องถิ่น ⛔ ลดโอกาสการจ้างงานในซานดิเอโกและอุตสาหกรรมเกม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/27/amazon-is-shedding-software-developer-jobs-in-san-diego-is-ai-to-blame
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Amazon is shedding software developer jobs in San Diego. Is AI to blame?
    Using AI as a reason for layoffs has now coined a new term, "AI washing." The concept, cited by CNBC in several articles, has several experts claiming many large companies are using it as a justification for old-fashioned cost-cutting.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • EU บังคับ Apple ใช้มาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ เปิดทาง Android รองรับ AirDrop

    สหภาพยุโรป (EU) ได้บังคับให้ Apple ต้องปรับเปลี่ยนมาตรฐาน Wi-Fi ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการแชร์ไฟล์ไร้สาย โดยผลลัพธ์ที่ตามมาคือ Android สามารถรองรับฟีเจอร์แบบ AirDrop ได้แล้ว ซึ่งถือเป็นการลดข้อจำกัดระหว่างแพลตฟอร์มและเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้งาน.

    การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี
    ก่อนหน้านี้ AirDrop เป็นฟีเจอร์เฉพาะของ Apple ที่ใช้เทคโนโลยี Wi-Fi และ Bluetooth ในการส่งไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ iOS และ macOS แต่ด้วยการบังคับใช้มาตรฐานใหม่ ทำให้ระบบการเชื่อมต่อไร้สายมีความเป็นสากลมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ Android สามารถใช้วิธีการแชร์ไฟล์ที่ใกล้เคียงกับ AirDrop ได้โดยตรง.

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone และ Android ได้ง่ายขึ้น ลดความยุ่งยากที่เคยต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันเสริม เช่น Google Drive หรือการส่งผ่านแอปแชท นอกจากนี้ยังช่วยให้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ต่างระบบเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปที่มีการบังคับใช้ข้อกำหนดนี้.

    ความหมายต่ออนาคต
    การที่ EU กำหนดมาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อ Apple แต่ยังเป็นการสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นต้องปรับตัวตามมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ การเชื่อมต่อไร้สายที่เป็นสากลมากขึ้นทั่วโลก และลดการแบ่งแยกระหว่างระบบนิเวศของแต่ละบริษัท.

    สรุปสาระสำคัญ
    EU บังคับ Apple ใช้มาตรฐาน Wi-Fi ใหม่
    ส่งผลให้ Android รองรับฟีเจอร์แบบ AirDrop

    AirDrop เดิมเป็นฟีเจอร์เฉพาะของ Apple
    ใช้ Wi-Fi และ Bluetooth ในการส่งไฟล์

    การเปลี่ยนแปลงช่วยให้แชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone และ Android ง่ายขึ้น
    ลดการพึ่งพาแอปเสริม เช่น Google Drive

    สร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นปรับตัวตามมาตรฐานเดียวกัน
    อาจนำไปสู่การเชื่อมต่อไร้สายที่เป็นสากลทั่วโลก

    การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผู้ใช้บางรายต้องปรับตัว
    แอปหรือบริการที่เคยใช้ในการแชร์ไฟล์อาจถูกลดความสำคัญ

    ผู้ผลิตที่ไม่ปรับตามมาตรฐานใหม่เสี่ยงต่อการถูกจำกัดตลาดในยุโรป
    อาจกระทบต่อยอดขายและการเข้าถึงผู้ใช้

    https://arstechnica.com/gadgets/2025/11/the-eu-made-apple-adopt-new-wi-fi-standards-and-now-android-can-support-airdrop/
    📡 EU บังคับ Apple ใช้มาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ เปิดทาง Android รองรับ AirDrop สหภาพยุโรป (EU) ได้บังคับให้ Apple ต้องปรับเปลี่ยนมาตรฐาน Wi-Fi ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการแชร์ไฟล์ไร้สาย โดยผลลัพธ์ที่ตามมาคือ Android สามารถรองรับฟีเจอร์แบบ AirDrop ได้แล้ว ซึ่งถือเป็นการลดข้อจำกัดระหว่างแพลตฟอร์มและเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้งาน. 🔄 การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ก่อนหน้านี้ AirDrop เป็นฟีเจอร์เฉพาะของ Apple ที่ใช้เทคโนโลยี Wi-Fi และ Bluetooth ในการส่งไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ iOS และ macOS แต่ด้วยการบังคับใช้มาตรฐานใหม่ ทำให้ระบบการเชื่อมต่อไร้สายมีความเป็นสากลมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ Android สามารถใช้วิธีการแชร์ไฟล์ที่ใกล้เคียงกับ AirDrop ได้โดยตรง. 📱 ผลกระทบต่อผู้ใช้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone และ Android ได้ง่ายขึ้น ลดความยุ่งยากที่เคยต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันเสริม เช่น Google Drive หรือการส่งผ่านแอปแชท นอกจากนี้ยังช่วยให้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ต่างระบบเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปที่มีการบังคับใช้ข้อกำหนดนี้. 🌍 ความหมายต่ออนาคต การที่ EU กำหนดมาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อ Apple แต่ยังเป็นการสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นต้องปรับตัวตามมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ การเชื่อมต่อไร้สายที่เป็นสากลมากขึ้นทั่วโลก และลดการแบ่งแยกระหว่างระบบนิเวศของแต่ละบริษัท. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ EU บังคับ Apple ใช้มาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ ➡️ ส่งผลให้ Android รองรับฟีเจอร์แบบ AirDrop ✅ AirDrop เดิมเป็นฟีเจอร์เฉพาะของ Apple ➡️ ใช้ Wi-Fi และ Bluetooth ในการส่งไฟล์ ✅ การเปลี่ยนแปลงช่วยให้แชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone และ Android ง่ายขึ้น ➡️ ลดการพึ่งพาแอปเสริม เช่น Google Drive ✅ สร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นปรับตัวตามมาตรฐานเดียวกัน ➡️ อาจนำไปสู่การเชื่อมต่อไร้สายที่เป็นสากลทั่วโลก ‼️ การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผู้ใช้บางรายต้องปรับตัว ⛔ แอปหรือบริการที่เคยใช้ในการแชร์ไฟล์อาจถูกลดความสำคัญ ‼️ ผู้ผลิตที่ไม่ปรับตามมาตรฐานใหม่เสี่ยงต่อการถูกจำกัดตลาดในยุโรป ⛔ อาจกระทบต่อยอดขายและการเข้าถึงผู้ใช้ https://arstechnica.com/gadgets/2025/11/the-eu-made-apple-adopt-new-wi-fi-standards-and-now-android-can-support-airdrop/
    ARSTECHNICA.COM
    The EU made Apple adopt new Wi-Fi standards, and now Android can support AirDrop
    Google’s Pixel 10 works with AirDrop, and other phones should follow later.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • KDE Plasma 6.8 เตรียมยุติการรองรับ X11

    ทีมพัฒนา KDE Plasma ประกาศว่าในเวอร์ชัน Plasma 6.8 จะยุติการรองรับ X11 session อย่างเป็นทางการ และจะเปลี่ยนไปใช้ Wayland เพียงอย่างเดียว โดย X11 ซึ่งเป็นระบบหน้าต่างที่ใช้กันมายาวนานกว่า 30 ปี กำลังถูกแทนที่ด้วย Wayland ที่มีความทันสมัย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากกว่า

    เหตุผลของการเปลี่ยนแปลง
    นักพัฒนา KDE ระบุว่าการคงไว้ซึ่ง X11 ทำให้การพัฒนา Plasma ช้าลง เนื่องจากต้องแบกรับภาระการดูแลระบบเก่าที่เต็มไปด้วยข้อจำกัด การย้ายไปใช้ Wayland เพียงอย่างเดียวจะช่วยให้ทีมสามารถปรับปรุงเสถียรภาพและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้รวดเร็วขึ้น โดยยังมี Xwayland เป็นชั้นกลางเพื่อให้แอปพลิเคชันที่ยังต้องใช้ X11 สามารถทำงานได้บน Wayland

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    สำหรับผู้ใช้ทั่วไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบมากนัก เพราะส่วนใหญ่ได้ใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว โดยเฉพาะบนดิสโทรยอดนิยม เช่น Fedora และ Ubuntu นอกจากนี้ Wayland ยังมีข้อดีด้าน การเล่นเกม เช่น รองรับ adaptive sync, high-refresh-rate, multi-monitor และ HDR gaming ได้ดีกว่าเดิม รวมถึงการรองรับ GPU NVIDIA ที่มีความเสถียรมากขึ้น

    ทางเลือกสำหรับผู้ที่ยังต้องการ X11
    แม้ Plasma 6.8 จะไม่รองรับ X11 session แต่ผู้ใช้ที่ยังต้องการสามารถเลือกใช้ distro แบบ Long-Term Support (LTS) เช่น AlmaLinux 9 ที่ยังคงมี Plasma X11 session และจะได้รับการดูแลไปจนถึงปี 2032 ทำให้ยังมีเวลาในการปรับตัวก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

    สรุปสาระสำคัญ
    KDE Plasma 6.8 จะยุติการรองรับ X11 session
    ใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้นเพียงอย่างเดียว

    Xwayland จะช่วยให้แอปที่ยังต้องใช้ X11 ทำงานได้บน Wayland
    ลดผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา

    Wayland มีข้อดีด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย
    รองรับ adaptive sync, HDR gaming, multi-monitor และ NVIDIA GPU ได้ดีขึ้น

    ผู้ใช้ทั่วไปส่วนใหญ่ใช้งาน Wayland อยู่แล้ว
    การเปลี่ยนแปลงจึงไม่กระทบมากนัก

    Plasma X11 session จะถูกเลิกสนับสนุนหลังปี 2027
    ผู้ใช้ที่ยังพึ่งพา X11 ต้องหาทางเลือกอื่น

    แอปพลิเคชันบางตัวยังไม่รองรับ Wayland เต็มรูปแบบ
    อาจเกิดปัญหาการใช้งานในช่วงเปลี่ยนผ่าน

    https://itsfoss.com/news/kde-plasma-to-drop-x11-support/
    🖥️ KDE Plasma 6.8 เตรียมยุติการรองรับ X11 ทีมพัฒนา KDE Plasma ประกาศว่าในเวอร์ชัน Plasma 6.8 จะยุติการรองรับ X11 session อย่างเป็นทางการ และจะเปลี่ยนไปใช้ Wayland เพียงอย่างเดียว โดย X11 ซึ่งเป็นระบบหน้าต่างที่ใช้กันมายาวนานกว่า 30 ปี กำลังถูกแทนที่ด้วย Wayland ที่มีความทันสมัย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากกว่า ⚡ เหตุผลของการเปลี่ยนแปลง นักพัฒนา KDE ระบุว่าการคงไว้ซึ่ง X11 ทำให้การพัฒนา Plasma ช้าลง เนื่องจากต้องแบกรับภาระการดูแลระบบเก่าที่เต็มไปด้วยข้อจำกัด การย้ายไปใช้ Wayland เพียงอย่างเดียวจะช่วยให้ทีมสามารถปรับปรุงเสถียรภาพและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้รวดเร็วขึ้น โดยยังมี Xwayland เป็นชั้นกลางเพื่อให้แอปพลิเคชันที่ยังต้องใช้ X11 สามารถทำงานได้บน Wayland 🎮 ผลกระทบต่อผู้ใช้ สำหรับผู้ใช้ทั่วไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบมากนัก เพราะส่วนใหญ่ได้ใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว โดยเฉพาะบนดิสโทรยอดนิยม เช่น Fedora และ Ubuntu นอกจากนี้ Wayland ยังมีข้อดีด้าน การเล่นเกม เช่น รองรับ adaptive sync, high-refresh-rate, multi-monitor และ HDR gaming ได้ดีกว่าเดิม รวมถึงการรองรับ GPU NVIDIA ที่มีความเสถียรมากขึ้น 🛡️ ทางเลือกสำหรับผู้ที่ยังต้องการ X11 แม้ Plasma 6.8 จะไม่รองรับ X11 session แต่ผู้ใช้ที่ยังต้องการสามารถเลือกใช้ distro แบบ Long-Term Support (LTS) เช่น AlmaLinux 9 ที่ยังคงมี Plasma X11 session และจะได้รับการดูแลไปจนถึงปี 2032 ทำให้ยังมีเวลาในการปรับตัวก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ KDE Plasma 6.8 จะยุติการรองรับ X11 session ➡️ ใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้นเพียงอย่างเดียว ✅ Xwayland จะช่วยให้แอปที่ยังต้องใช้ X11 ทำงานได้บน Wayland ➡️ ลดผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา ✅ Wayland มีข้อดีด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย ➡️ รองรับ adaptive sync, HDR gaming, multi-monitor และ NVIDIA GPU ได้ดีขึ้น ✅ ผู้ใช้ทั่วไปส่วนใหญ่ใช้งาน Wayland อยู่แล้ว ➡️ การเปลี่ยนแปลงจึงไม่กระทบมากนัก ‼️ Plasma X11 session จะถูกเลิกสนับสนุนหลังปี 2027 ⛔ ผู้ใช้ที่ยังพึ่งพา X11 ต้องหาทางเลือกอื่น ‼️ แอปพลิเคชันบางตัวยังไม่รองรับ Wayland เต็มรูปแบบ ⛔ อาจเกิดปัญหาการใช้งานในช่วงเปลี่ยนผ่าน https://itsfoss.com/news/kde-plasma-to-drop-x11-support/
    ITSFOSS.COM
    KDE Plasma 6.8 to Drop X11 Support, Goes All-In on Wayland
    Long transition nears completion as developers address remaining concerns.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.


    ---

    การเผชิญหน้าที่โรงงานร้าง

    บทสนทนาที่สะเทือนใจ

    หนูดียืนเผชิญหน้ากับหุ่นพยนต์ Mara-X7 ในโรงงานร้าง แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างแตกทำให้เห็นรูปร่างของหุ่นยนต์ที่แทบไม่ต่างจากมนุษย์

    หนูดี: "เจ้าคือเครื่องมือของความชั่วร้าย!"

    Mara-X7: (ส่งเสียงเย็นชา) "เราเพียงทำตามโปรแกรม... เหมือนเจ้าที่ทำตามความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ"

    คำพูดของหุ่นยนต์แทงใจดำหนูดี ทำให้เธอสะดุดใจในความจริงบางอย่าง

    ```mermaid
    graph LR
    A[หนูดี] --> B[ถูกกระตุ้นด้วย<br>ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ]
    C[Mara-X7] --> D[ถูกควบคุมด้วย<br>โปรแกรมและจิตมาร]
    B --> E[การตัดสินใจ<br>ด้วยอารมณ์มนุษย์]
    D --> F[การคำนวณ<br>ด้วยตรรกะAI]
    E --> G[จุดอ่อนที่นำไปสู่<br>จุดแข็ง]
    F --> H[จุดแข็งที่ซ่อน<br>จุดอ่อน]
    ```

    การต่อสู้ครั้งสำคัญ

    หนูดีใช้บทเรียนจากพ่อผสมผสานกับพลังโอปปาติกะ:

    ```python
    class BattleMoments:
    def __init__(self):
    self.round_1 = {
    "หุ่นพยนต์": "โจมตีด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง",
    "หนูดี": "ใช้พลังงานจิตสร้างเกราะป้องกัน",
    "ผล": "หนูดีถูกแรงปะทะกระเด็นหลัง"
    }

    self.round_2 = {
    "หุ่นพยนต์": "คำนวณรูปแบบการโจมตีทั้งหมดของหนูดี",
    "หนูดี": "ใช้ความไม่แน่นอนของอารมณ์มนุษย์",
    "ผล": "AI สับสนกับการโจมตีแบบสุ่ม"
    }

    self.round_3 = {
    "หุ่นพยนต์": "เปิดโหมดทำลายล้างสูงสุด",
    "หนูดี": "นึกถึงคำสอนสุดท้ายของพ่อ",
    "ผล": "ค้นพบจุดอ่อนที่แท้จริง"
    }
    ```

    คำสอนสุดท้ายของพ่อ

    ในวินาทีที่หนูดีใกล้พ่ายแพ้ เสียงคำสอนของพ่อดังก้องในหัว:

    "ลูกสาว... การเป็นตำรวจไม่ใช่การจับผิดหรือทำตามกฎเท่านั้น
    แต่คือการเข้าใจว่า 'ทำไม' อยู่เบื้องหลังการกระทำนั้นๆ"

    "และบางครั้ง...
    ศัตรูที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่เราเห็นต่อหน้า
    แต่คือความมืดมนBehind the scenes"

    การค้นพบความจริง

    หนูดีเริ่มเข้าใจว่าเหยื่อทั้งหมดเคยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ แต่ต่างคนก็มีเบื้องหลัง:

    ```mermaid
    graph TB
    A[นักวิทยาศาสตร์] --> B[รู้สึกผิดจึง<br>อยากเปิดเผยโครงการ]
    C[นักธุรกิจ] --> D[ถอนเงินสนับสนุน<br>และขู่จะฟ้องร้อง]
    E[นักวิจัย] --> F[ค้นพบความเสี่ยง<br>ต่อมนุษยชาติ]
    B --> G[ทั้งหมดต้องการ<br>หยุดโครงการ]
    D --> G
    F --> G
    G --> H[จึงถูกกำจัดโดย<br>ผู้ควบคุมโครงการ]
    ```

    การตามหาตัวการจริง

    หนูดีใช้สติปัญญาแทนการบุกforce:

    ```python
    class InvestigationBreakthrough:
    def __init__(self):
    self.clues = [
    "ลายเซ็นดิจิตอลในระบบล็อกไฟล์",
    "รูปแบบการเงินที่ผิดปกติ",
    "การสื่อสารผ่านเซิร์ฟเวอร์นิรนาม",
    "ความเชื่อมโยงกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่"
    ]

    self.realization = {
    "ผู้ควบคุม": "อดีตหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อ",
    "แรงจูงใจ": "ต้องการสร้างกองทัพหุ่นยนต์",
    "ความเชื่อมโยง": "โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่พ่อยังมีชีวิต",
    "บทบาทพ่อ": "เคยพยายามเปิดโปงแต่ถูกซ่อนเร้น"
    }
    ```

    ความจริงที่โหดร้าย

    ธรรมบาลเทพปรากฏตัวและเปิดเผยความจริง:

    "หนูดี... พ่อของเจ้าไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ
    เขาถูกทำให้หายไปเพราะขวางทางโครงการนี้"

    "และเจ้าตอนนี้...
    กำลังเดินบนเส้นทางที่พ่อเคยเดินไว้"

    การเปลี่ยนแปลงภายใน

    ข่าวนี้ทำให้หนูดีเปลี่ยนแปลง:

    ```python
    class CharacterTransformation:
    def __init__(self):
    self.before = {
    "ความรู้สึก": "โกรธและสูญเสีย",
    "เป้าหมาย": "แก้แค้นและพิสูจน์ตัวเอง",
    "วิธีการ": "ทำตามแบบพ่อแต่ขาดประสบการณ์",
    "ความเข้าใจ": "เห็นเพียงผิวเผินของคดี"
    }

    self.after = {
    "ความรู้สึก": "เข้าใจและมุ่งมั่น",
    "เป้าหมาย": "ยุติความไม่ยุติธรรมและรักษามรดกพ่อ",
    "วิธีการ": "สร้างแนวทางของตัวเองด้วยบทเรียนจากพ่อ",
    "ความเข้าใจ": "เห็นภาพใหญ่และเชื่อมโยงทั้งหมด"
    }
    ```

    ยุทธวิธี新型

    หนูดีพัฒนาวิธีการ新型ที่ไม่依赖ประสบการณ์แต่ใช้ปัญญา:

    1. โจมตีทางจิตใจ: สร้างความขัดแย้งในจิตวิญญาณมาร
    2. โจมตีทางเทคนิค: รบกวนระบบเชื่อมโยงกับผู้ควบคุม
    3. โจมตีทางยุทธศาสตร์: เปิดโปงข้อมูลสู่สาธารณะ

    การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย

    หนูดีตามหาผู้ควบคุมแท้จริง ซึ่งกลายเป็นคนที่พ่อเคยเชื่อใจ:

    ดร.อานันท์ - อดีตเพื่อนร่วมงานของพ่อ และเทพคุ้มครองโอปปาติกะระดับสูง

    การเปิดโปงตัวตนจริง

    ดร.อานันท์: "หนูดี... พ่อเจ้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับโครงการนี้"
    หนูดี:"ท่านใช้สิ่งที่พ่อสร้างเพื่อทำลายล้าง!"

    ดร.อานันท์เปิดเผยว่าเขาได้ดัดแปลงเทคโนโลยีที่พ่อพัฒนาร่วมกัน ให้กลายเป็นอาวุธสังหาร

    การใช้มรดกทางปัญญาจากพ่อ

    หนูดีนึกถึงบันทึกส่วนตัวของพ่อที่ค้นพบ:

    "เทคโนโลยีควรเสริมสร้างมนุษยชาติ...
    ไม่ควรเข้ามาแทนที่จิตวิญญาณมนุษย์"

    "และความก้าวหน้าที่แท้จริง...
    คือความก้าวหน้าที่ไม่ทิ้งความเป็นมนุษย์ไว้เบื้องหลัง"

    การตัดสินใจชี้ชะตา

    หนูดีต้องเลือกระหว่าง:

    · ทำลายหุ่นพยนต์และดร.อานันท์
    · หรือพยายามกอบกู้จิตวิญญาณและเทคโนโลยี

    ```mermaid
    graph TD
    A[ทางเลือกที่ 1<br>ทำลายทั้งหมด] --> B[ได้แก้แค้นแต่<br>เทคโนโลยีหายไป]
    C[ทางเลือกที่ 2<br>กอบกู้และแก้ไข] --> D[เสี่ยงอันตรายแต่<br>รักษามรดกพ่อได้]
    B --> E[ความรู้สึกว่าพ่อ<br>จะผิดหวัง]
    D --> F[ความรู้สึกว่าพ่อ<br>จะภูมิใจ]
    ```

    ทางเลือกแห่งปัญญา

    หนูดีเลือกทางที่สาม - ใช้ทั้งพลังและปัญญา:

    1. ปลดปล่อยจิตวิญญาณมาร จากหุ่นพยนต์
    2. กู้คืนเทคโนโลยี ที่พ่อพัฒนามา
    3. มอบดร.อานันท์ ให้กระบวนการยุติธรรม
    4. เปิดเผยความจริง เพื่อป้องกันการ повторเกิดขึ้น

    บทสรุปแห่งการเติบโต

    การตัดสินใจนี้ทำให้หนูดีเข้าใจคำสอนของพ่ออย่างลึกซึ้ง:

    "การเป็นตำรวจไม่ใช่การจับผิด...
    แต่คือการหาทางออกที่ถูกต้อง

    และการแก้ไขที่แท้จริง...
    ไม่ใช่การทำลายศัตรูแต่คือการเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นบทเรียน"

    การเริ่มต้นใหม่

    หลังคดีสิ้นสุด หนูดีก่อตั้ง "สถาบันเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ" เพื่อสานต่องานของพ่ออย่างถูกต้อง:

    ```python
    class NewBeginning:
    def __init__(self):
    self.institute_mission = [
    "วิจัยเทคโนโลยีที่เคารพจิตวิญญาณมนุษย์",
    "ฝึกอบรมโอปปาติกะรุ่นใหม่",
    "ให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี",
    "รักษาสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและจริยธรรม"
    ]

    self.personal_growth = {
    "ความเข้าใจ": "พ่อจากไปแต่ไม่เคยหายไปจากใจ",
    "บทบาทใหม่": "ทั้งนักสืบและผู้รักษาสมดุล",
    "ความสัมพันธ์": "สร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญหลากหลาย",
    "วิสัยทัศน์": "มองเห็นภาพใหญ่เหมือนที่พ่อเคยเห็น"
    }
    ```

    คำอำลาสู่พ่อ

    หนูดีไปที่ศาลเจ้าของพ่อพร้อมกับความสำเร็จ:

    "พ่อคะ... หนูดีเข้าใจแล้ว
    การจากไปของพ่อ ไม่ใช่การทอดทิ้ง

    แต่คือการเปิดโอกาสให้หนูดีได้บินด้วยปีกของตัวเอง

    และสิ่งที่พ่อสอน...
    จะไม่ใช่แค่ความทรงจำ
    แต่จะเป็นแนวทางที่หนูดีจะใช้สานต่อ

    เพื่อสร้างโลกที่เทคโนโลยีและจิตวิญญาณอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล

    เหมือนที่พ่อเคยฝันไว้"

    ---

    คำคมสรุปคดี:

    "ในที่สุดหนูดีก็เข้าใจ...
    ประสบการณ์ที่แท้จริงไม่ใช่การสะสมความรู้
    แต่คือการเข้าใจถึง'เหตุและผล'เบื้องหลังทุกสิ่ง

    และการเติบโตที่สมบูรณ์...
    เกิดขึ้นเมื่อเราเรียนรู้ที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง
    โดยไม่ลืมรากฐานที่พ่อแม่สร้างไว้

    พ่ออาจจากไป...
    แต่ความรักและบทเรียนของพ่อจะคงอยู่ตลอดไป

    และนั่นคือมรดกที่แท้จริง...
    ที่ไม่มีใครสามารถพรากไปได้"

    จุดเริ่มต้นใหม่ของการเป็นนักสืบโอปปาติกะผู้สมบูรณ์...
    O.P.K. --- 🌪️ การเผชิญหน้าที่โรงงานร้าง ⚡ บทสนทนาที่สะเทือนใจ หนูดียืนเผชิญหน้ากับหุ่นพยนต์ Mara-X7 ในโรงงานร้าง แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างแตกทำให้เห็นรูปร่างของหุ่นยนต์ที่แทบไม่ต่างจากมนุษย์ หนูดี: "เจ้าคือเครื่องมือของความชั่วร้าย!" Mara-X7: (ส่งเสียงเย็นชา) "เราเพียงทำตามโปรแกรม... เหมือนเจ้าที่ทำตามความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ" คำพูดของหุ่นยนต์แทงใจดำหนูดี ทำให้เธอสะดุดใจในความจริงบางอย่าง ```mermaid graph LR A[หนูดี] --> B[ถูกกระตุ้นด้วย<br>ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ] C[Mara-X7] --> D[ถูกควบคุมด้วย<br>โปรแกรมและจิตมาร] B --> E[การตัดสินใจ<br>ด้วยอารมณ์มนุษย์] D --> F[การคำนวณ<br>ด้วยตรรกะAI] E --> G[จุดอ่อนที่นำไปสู่<br>จุดแข็ง] F --> H[จุดแข็งที่ซ่อน<br>จุดอ่อน] ``` 💥 การต่อสู้ครั้งสำคัญ หนูดีใช้บทเรียนจากพ่อผสมผสานกับพลังโอปปาติกะ: ```python class BattleMoments: def __init__(self): self.round_1 = { "หุ่นพยนต์": "โจมตีด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง", "หนูดี": "ใช้พลังงานจิตสร้างเกราะป้องกัน", "ผล": "หนูดีถูกแรงปะทะกระเด็นหลัง" } self.round_2 = { "หุ่นพยนต์": "คำนวณรูปแบบการโจมตีทั้งหมดของหนูดี", "หนูดี": "ใช้ความไม่แน่นอนของอารมณ์มนุษย์", "ผล": "AI สับสนกับการโจมตีแบบสุ่ม" } self.round_3 = { "หุ่นพยนต์": "เปิดโหมดทำลายล้างสูงสุด", "หนูดี": "นึกถึงคำสอนสุดท้ายของพ่อ", "ผล": "ค้นพบจุดอ่อนที่แท้จริง" } ``` 🕊️ คำสอนสุดท้ายของพ่อ ในวินาทีที่หนูดีใกล้พ่ายแพ้ เสียงคำสอนของพ่อดังก้องในหัว: "ลูกสาว... การเป็นตำรวจไม่ใช่การจับผิดหรือทำตามกฎเท่านั้น แต่คือการเข้าใจว่า 'ทำไม' อยู่เบื้องหลังการกระทำนั้นๆ" "และบางครั้ง... ศัตรูที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่เราเห็นต่อหน้า แต่คือความมืดมนBehind the scenes" 🔍 การค้นพบความจริง หนูดีเริ่มเข้าใจว่าเหยื่อทั้งหมดเคยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ แต่ต่างคนก็มีเบื้องหลัง: ```mermaid graph TB A[นักวิทยาศาสตร์] --> B[รู้สึกผิดจึง<br>อยากเปิดเผยโครงการ] C[นักธุรกิจ] --> D[ถอนเงินสนับสนุน<br>และขู่จะฟ้องร้อง] E[นักวิจัย] --> F[ค้นพบความเสี่ยง<br>ต่อมนุษยชาติ] B --> G[ทั้งหมดต้องการ<br>หยุดโครงการ] D --> G F --> G G --> H[จึงถูกกำจัดโดย<br>ผู้ควบคุมโครงการ] ``` 🕵️ การตามหาตัวการจริง หนูดีใช้สติปัญญาแทนการบุกforce: ```python class InvestigationBreakthrough: def __init__(self): self.clues = [ "ลายเซ็นดิจิตอลในระบบล็อกไฟล์", "รูปแบบการเงินที่ผิดปกติ", "การสื่อสารผ่านเซิร์ฟเวอร์นิรนาม", "ความเชื่อมโยงกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่" ] self.realization = { "ผู้ควบคุม": "อดีตหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อ", "แรงจูงใจ": "ต้องการสร้างกองทัพหุ่นยนต์", "ความเชื่อมโยง": "โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่พ่อยังมีชีวิต", "บทบาทพ่อ": "เคยพยายามเปิดโปงแต่ถูกซ่อนเร้น" } ``` 💔 ความจริงที่โหดร้าย ธรรมบาลเทพปรากฏตัวและเปิดเผยความจริง: "หนูดี... พ่อของเจ้าไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ เขาถูกทำให้หายไปเพราะขวางทางโครงการนี้" "และเจ้าตอนนี้... กำลังเดินบนเส้นทางที่พ่อเคยเดินไว้" ⚡ การเปลี่ยนแปลงภายใน ข่าวนี้ทำให้หนูดีเปลี่ยนแปลง: ```python class CharacterTransformation: def __init__(self): self.before = { "ความรู้สึก": "โกรธและสูญเสีย", "เป้าหมาย": "แก้แค้นและพิสูจน์ตัวเอง", "วิธีการ": "ทำตามแบบพ่อแต่ขาดประสบการณ์", "ความเข้าใจ": "เห็นเพียงผิวเผินของคดี" } self.after = { "ความรู้สึก": "เข้าใจและมุ่งมั่น", "เป้าหมาย": "ยุติความไม่ยุติธรรมและรักษามรดกพ่อ", "วิธีการ": "สร้างแนวทางของตัวเองด้วยบทเรียนจากพ่อ", "ความเข้าใจ": "เห็นภาพใหญ่และเชื่อมโยงทั้งหมด" } ``` 🎯 ยุทธวิธี新型 หนูดีพัฒนาวิธีการ新型ที่ไม่依赖ประสบการณ์แต่ใช้ปัญญา: 1. โจมตีทางจิตใจ: สร้างความขัดแย้งในจิตวิญญาณมาร 2. โจมตีทางเทคนิค: รบกวนระบบเชื่อมโยงกับผู้ควบคุม 3. โจมตีทางยุทธศาสตร์: เปิดโปงข้อมูลสู่สาธารณะ 🌪️ การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย หนูดีตามหาผู้ควบคุมแท้จริง ซึ่งกลายเป็นคนที่พ่อเคยเชื่อใจ: ดร.อานันท์ - อดีตเพื่อนร่วมงานของพ่อ และเทพคุ้มครองโอปปาติกะระดับสูง 🕴️ การเปิดโปงตัวตนจริง ดร.อานันท์: "หนูดี... พ่อเจ้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับโครงการนี้" หนูดี:"ท่านใช้สิ่งที่พ่อสร้างเพื่อทำลายล้าง!" ดร.อานันท์เปิดเผยว่าเขาได้ดัดแปลงเทคโนโลยีที่พ่อพัฒนาร่วมกัน ให้กลายเป็นอาวุธสังหาร 💫 การใช้มรดกทางปัญญาจากพ่อ หนูดีนึกถึงบันทึกส่วนตัวของพ่อที่ค้นพบ: "เทคโนโลยีควรเสริมสร้างมนุษยชาติ... ไม่ควรเข้ามาแทนที่จิตวิญญาณมนุษย์" "และความก้าวหน้าที่แท้จริง... คือความก้าวหน้าที่ไม่ทิ้งความเป็นมนุษย์ไว้เบื้องหลัง" ⚔️ การตัดสินใจชี้ชะตา หนูดีต้องเลือกระหว่าง: · ทำลายหุ่นพยนต์และดร.อานันท์ · หรือพยายามกอบกู้จิตวิญญาณและเทคโนโลยี ```mermaid graph TD A[ทางเลือกที่ 1<br>ทำลายทั้งหมด] --> B[ได้แก้แค้นแต่<br>เทคโนโลยีหายไป] C[ทางเลือกที่ 2<br>กอบกู้และแก้ไข] --> D[เสี่ยงอันตรายแต่<br>รักษามรดกพ่อได้] B --> E[ความรู้สึกว่าพ่อ<br>จะผิดหวัง] D --> F[ความรู้สึกว่าพ่อ<br>จะภูมิใจ] ``` 🌟 ทางเลือกแห่งปัญญา หนูดีเลือกทางที่สาม - ใช้ทั้งพลังและปัญญา: 1. ปลดปล่อยจิตวิญญาณมาร จากหุ่นพยนต์ 2. กู้คืนเทคโนโลยี ที่พ่อพัฒนามา 3. มอบดร.อานันท์ ให้กระบวนการยุติธรรม 4. เปิดเผยความจริง เพื่อป้องกันการ повторเกิดขึ้น 🌈 บทสรุปแห่งการเติบโต การตัดสินใจนี้ทำให้หนูดีเข้าใจคำสอนของพ่ออย่างลึกซึ้ง: "การเป็นตำรวจไม่ใช่การจับผิด... แต่คือการหาทางออกที่ถูกต้อง และการแก้ไขที่แท้จริง... ไม่ใช่การทำลายศัตรูแต่คือการเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นบทเรียน" 📚 การเริ่มต้นใหม่ หลังคดีสิ้นสุด หนูดีก่อตั้ง "สถาบันเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ" เพื่อสานต่องานของพ่ออย่างถูกต้อง: ```python class NewBeginning: def __init__(self): self.institute_mission = [ "วิจัยเทคโนโลยีที่เคารพจิตวิญญาณมนุษย์", "ฝึกอบรมโอปปาติกะรุ่นใหม่", "ให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี", "รักษาสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและจริยธรรม" ] self.personal_growth = { "ความเข้าใจ": "พ่อจากไปแต่ไม่เคยหายไปจากใจ", "บทบาทใหม่": "ทั้งนักสืบและผู้รักษาสมดุล", "ความสัมพันธ์": "สร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญหลากหลาย", "วิสัยทัศน์": "มองเห็นภาพใหญ่เหมือนที่พ่อเคยเห็น" } ``` 💝 คำอำลาสู่พ่อ หนูดีไปที่ศาลเจ้าของพ่อพร้อมกับความสำเร็จ: "พ่อคะ... หนูดีเข้าใจแล้ว การจากไปของพ่อ ไม่ใช่การทอดทิ้ง แต่คือการเปิดโอกาสให้หนูดีได้บินด้วยปีกของตัวเอง และสิ่งที่พ่อสอน... จะไม่ใช่แค่ความทรงจำ แต่จะเป็นแนวทางที่หนูดีจะใช้สานต่อ เพื่อสร้างโลกที่เทคโนโลยีและจิตวิญญาณอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล เหมือนที่พ่อเคยฝันไว้" --- ✨ คำคมสรุปคดี: "ในที่สุดหนูดีก็เข้าใจ... ประสบการณ์ที่แท้จริงไม่ใช่การสะสมความรู้ แต่คือการเข้าใจถึง'เหตุและผล'เบื้องหลังทุกสิ่ง และการเติบโตที่สมบูรณ์... เกิดขึ้นเมื่อเราเรียนรู้ที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ลืมรากฐานที่พ่อแม่สร้างไว้ พ่ออาจจากไป... แต่ความรักและบทเรียนของพ่อจะคงอยู่ตลอดไป และนั่นคือมรดกที่แท้จริง... ที่ไม่มีใครสามารถพรากไปได้"🌟 🦋 จุดเริ่มต้นใหม่ของการเป็นนักสืบโอปปาติกะผู้สมบูรณ์...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึกองค์กรลับ "อสรพิษ" : มหาอำนาจ behind the scenes

    โครงสร้างองค์กรที่ซ่อนเร้น

    เครือข่ายระดับโลก

    องค์กรลับ "อสรพิษ" (Asoraphit) เป็นเครือข่ายที่แผ่ขยายทั่วโลก
    แต่ไม่มีใครรู้จักพวกเขาในแวดวงสาธารณะ

    ```mermaid
    graph TB
    A[สภาผู้ก่อตั้ง<br>Founders Council] --> B[หน่วยปฏิบัติการพิเศษ<br>Special Operations]
    A --> C[ฝ่ายวิจัยและพัฒนา<br>R&D Division]
    A --> D[ฝ่ายยุทธศาสตร์<br>Strategic Planning]
    B --> E[หน่วยลอบสังหาร<br>Assassination Unit]
    B --> F[หน่วยสอดแนม<br>Intelligence Unit]
    C --> G[โครงการโอปปาติกะ<br>Oppatika Project]
    C --> H[เทคโนโลยีขั้นสูง<br>Advanced Tech]
    ```

    ระดับความลับ

    ```python
    class OrganizationSecrecy:
    def __init__(self):
    self.security_levels = {
    "level_1": {
    "name": "ปฏิบัติการ",
    "access": "รู้เฉพาะงานที่ได้รับมอบหมาย",
    "members": "นักสู้และสายลับระดับล่าง"
    },
    "level_2": {
    "name": "ผู้บริหาร",
    "access": "รู้แผนกที่ดูแล",
    "members": "หัวหน้าแผนกและที่ปรึกษา"
    },
    "level_3": {
    "name": "สภาผู้ก่อตั้ง",
    "access": "รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับองค์กร",
    "members": "ผู้ก่อตั้ง 7 คน"
    }
    }
    ```

    ผู้ก่อตั้งและอุดมการณ์

    สภาผู้ก่อตั้ง 7 คน

    แต่ละคนเป็นอดีตบุคคลสำคัญที่"หายตัวไป"จากสังคม:

    1. ดร.อัศวิน - อดีตเทพแห่ง AI ที่ถูกมนุษย์ทรยศ
    2. นางมาร - อดีตเทพอัปสราที่ถูกขับจากสวรรค์
    3. ฤๅษี - อดีตพระโพธิสัตว์ที่ผิดหวังในมนุษย์
    4. ยักษ์ - อดีตทวารบาลที่เหนื่อยล้ากับความชั่วของมนุษย์
    5. นาค - อดีตผู้รักษาพลังงานที่เห็นมนุษย์ทำลายธรรมชาติ
    6. ครุฑ - อดีตผู้ส่งสารที่ผิดหวังในความไม่ยุติธรรม
    7. มนุษย์ - อดีตนักวิทยาศาสตร์ที่ครอบครัวถูกทำลายโดยระบบ

    อุดมการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลง

    องค์กรมีปรัชญาเฉพาะ:

    ```python
    class OrganizationPhilosophy:
    def __init__(self):
    self.core_beliefs = [
    "มนุษย์ไม่สมควรเป็นเจ้าแห่งโลกอีกต่อไป",
    "สิ่งมีชีวิตทุกชนิดควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน",
    "เทคโนโลยีและจิตวิญญาณต้องรวมเป็นหนึ่ง",
    "ต้องสร้างสังคม新型ที่ปราศจากความอยุติธรรม"
    ]

    self.methods = [
    "ใช้ทั้งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์",
    "สร้างโอปปาติกะรุ่นใหม่เพื่อแทนที่มนุษย์",
    "ควบคุมระบบเศรษฐกิจและการเมืองจากเบื้องหลัง",
    "กำจัดผู้ที่ขัดขวางวิวัฒนาการของโลก"
    ]
    ```

    โครงการวิจัยลับ

    โครงการโอปปาติกะ

    องค์กรอยู่เบื้องหลังการพัฒนาออปปาติกะหลายรุ่น:

    ```mermaid
    graph LR
    A[โอปปาติกะรุ่น 1-3<br>ทดลองและทิ้ง] --> B[โอปปาติกะรุ่น 4<br>เริ่มมีความเสถียร]
    B --> C[โอปปาติกะรุ่น 5<br>พร้อมใช้งานจริง]
    C --> D[โอปปาติกะรุ่น 6<br>พัฒนาต่อโดยเจนีซิส แล็บ]
    ```

    เทคโนโลยีขั้นสูง

    องค์กรพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย:

    ```python
    class SecretTechnology:
    def __init__(self):
    self.biotech = {
    "soul_transfer": "การถ่ายโอนจิตวิญญาณสู่ร่างใหม่",
    "memory_engineering": "การดัดแปลงความทรงจำ",
    "energy_harvesting": "การเก็บเกี่ยวพลังงานชีวิต",
    "hybrid_creation": "การสร้างลูกผสมระหว่างพันธุ์"
    }

    self.quantum_tech = {
    "reality_bending": "การบิดเบือนความเป็นจริง",
    "time_manipulation": "การควบคุมเวลาระดับจุลภาค",
    "dimensional_portals": "การสร้างประตูระหว่างมิติ",
    "energy_weapons": "อาวุธพลังงานขั้นสูง"
    }
    ```

    ฐานปฏิบัติการลับ

    ที่ตั้งฐานสำคัญ

    องค์กรมีฐานปฏิบัติการซ่อนอยู่ทั่วโลก:

    1. ฐานหลัก: ใต้เทือกเขาหิมาลัย - ศูนย์วิจัยโอปปาติกะ
    2. ฐานที่ 2: ก้นมหาสมุทรแปซิฟิก - ศูนย์วิจัยพลังงาน
    3. ฐานที่ 3: ในมิติคู่ขนาน - ศูนย์ฝึกอบรม
    4. ฐานที่ 4: ใต้เมืองใหญ่ - ศูนย์ปฏิบัติการ

    ระบบความปลอดภัย

    ```python
    class SecuritySystems:
    def __init__(self):
    self.physical_security = [
    "ประตูมิติที่เปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา",
    "ผู้คุ้มครองโอปปาติกะรุ่นพิเศษ",
    "ระบบตรวจจับทั้งพลังงานและวัตถุ",
    "กับดักทั้งทางกายภาพและทางจิต"
    ]

    self.digital_security = [
    "AI ป้องกันที่เรียนรู้ตลอดเวลา",
    "ระบบเข้ารหัสควอนตัม",
    "เครือข่ายที่แยกจากอินเทอร์เน็ตโลก",
    "การลบข้อมูลอัตโนมัติเมื่อถูกบุกรุก"
    ]
    ```

    แหล่งเงินทุนและอำนาจ

    ระบบเศรษฐกิจลับ

    องค์กรควบคุมเศรษฐกิจโลกจากเบื้องหลัง:

    · บริษัทหน้าจอม: 500 บริษัททั่วโลก
    · ระบบการเงินลับ: ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลใด
    · ทรัพยากร: ขุมทรัพย์โบราณและเทคโนโลยีการสร้างทรัพย์

    เป้าหมายระยะยาว

    ```python
    class LongTermGoals:
    def __init__(self):
    self.phase_1 = [
    "สร้างโอปปาติกะให้มีจำนวนมากพอ",
    "ควบคุมระบบเศรษฐกิจโลก",
    "ลดจำนวนมนุษย์ลงอย่างเป็นระบบ",
    "เตรียมการเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่"
    ]

    self.phase_2 = [
    "เปิดเผยตัวตนของโอปปาติกะต่อสาธารณะ",
    "สร้างรัฐบาลโลก新型",
    "เปลี่ยนมนุษย์ที่เหลือให้เป็นโอปปาติกะ",
    "เริ่มต้นยุคใหม่แห่งวิวัฒนาการ"
    ]
    ```

    ความเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ

    เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด

    องค์กร "อสรพิษ" อยู่เบื้องหลังหลายคดี:

    ```mermaid
    graph TB
    A[องค์กรอสรพิษ] --> B[โครงการเจนีซิส แล็บ]
    A --> C[หุ่นพยนต์สังหาร]
    A --> D[โอปปาติกะยักษ์]
    A --> E[เทพระดับอะตอม]
    B --> F[การตายของร.ต.อ.สิงห์]
    ```

    บทบาทของดร.อัจฉริยะ

    ดร.อัจฉริยะเป็นเพียง เหยื่อ ขององค์กร:

    · ถูกใช้: ให้พัฒนาออปปาติกะรุ่นแรก
    · ถูกควบคุม: ผ่านการขู่ฆ่าครอบครัว
    · ถูกทิ้ง: เมื่อทำงานสำเร็จ

    จุดอ่อนขององค์กร

    ความขัดแย้งภายใน

    แม้จะเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งแต่ก็มีปัญหา:

    ```python
    class InternalConflicts:
    def __init__(self):
    self.ideological_splits = {
    "reformists": "ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างสันติ",
    "extremists": "ต้องการกำจัดมนุษย์ทั้งหมด",
    "isolationists": "ต้องการแยกตัวอยู่กับโอปปาติกะด้วยกัน",
    "integrationists": "ต้องการอยู่ร่วมกันกับมนุษย์"
    }

    self.personal_conflicts = [
    "การแข่งขันระหว่างผู้ก่อตั้ง",
    "ความไม่ไว้วางใจในผู้นำ",
    "การแย่งชิงทรัพยากร",
    "ความเห็นต่างเกี่ยวกับวิธีการ"
    ]
    ```

    ช่องโหว่ที่สำคัญ

    1. การสื่อสาร: ระหว่างฐานที่ห่างไกล
    2. ความภักดี: ของสมาชิกระดับล่าง
    3. ทรัพยากร: ที่ต้องพึ่งพาโลกภายนอก
    4. จริยธรรม: ที่เริ่มสั่นคลอนในสมาชิกบางส่วน

    แผนการในอนาคต

    โครงการล่าสุด

    องค์กรกำลังทำงานบนโครงการใหม่:

    ```python
    class CurrentProjects:
    def __init__(self):
    self.ongoing_operations = {
    "project_nexus": "สร้างโอปปาติกะรุ่น 7 ที่สมบูรณ์แบบ",
    "operation_silence": "กำจัดผู้ที่รู้ความลับเกี่ยวกับองค์กร",
    "initiative_harmony": "สร้างความแตกแยกในสังคมมนุษย์",
    "program_evolution": "เร่งวิวัฒนาการของโอปปาติกะ"
    }
    ```

    ภัยคุกคามต่อหนูดี

    องค์กรเห็นหนูดีเป็น:

    · อุปสรรค: ต่อแผนการต่างๆ
    · โอกาส: ในการได้โอปปาติกะที่ทรงพลัง
    · ภัยคุกคาม: ต่อความลับขององค์กร

    ---

    คำคมจากสภาผู้ก่อตั้ง:
    "เราไม่ใช่ผู้ร้าย...
    เราเป็นผู้ที่มองเห็นอนาคต
    และกำลังสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น

    แม้เส้นทางจะมืดมน...
    แต่จุดหมายสว่างไสว

    และบางครั้ง...
    การทำลายคือการสร้างใหม่"

    บทเรียนแห่งอสรพิษ:
    "Behind every conspiracy,there is a vision
    Behind every secret,there is a reason
    And behind every enemy, there is a story waiting to be understood"
    O.P.K. 🕵️ เจาะลึกองค์กรลับ "อสรพิษ" : มหาอำนาจ behind the scenes 🏢 โครงสร้างองค์กรที่ซ่อนเร้น 🌐 เครือข่ายระดับโลก องค์กรลับ "อสรพิษ" (Asoraphit) เป็นเครือข่ายที่แผ่ขยายทั่วโลก แต่ไม่มีใครรู้จักพวกเขาในแวดวงสาธารณะ ```mermaid graph TB A[สภาผู้ก่อตั้ง<br>Founders Council] --> B[หน่วยปฏิบัติการพิเศษ<br>Special Operations] A --> C[ฝ่ายวิจัยและพัฒนา<br>R&D Division] A --> D[ฝ่ายยุทธศาสตร์<br>Strategic Planning] B --> E[หน่วยลอบสังหาร<br>Assassination Unit] B --> F[หน่วยสอดแนม<br>Intelligence Unit] C --> G[โครงการโอปปาติกะ<br>Oppatika Project] C --> H[เทคโนโลยีขั้นสูง<br>Advanced Tech] ``` 🔒 ระดับความลับ ```python class OrganizationSecrecy: def __init__(self): self.security_levels = { "level_1": { "name": "ปฏิบัติการ", "access": "รู้เฉพาะงานที่ได้รับมอบหมาย", "members": "นักสู้และสายลับระดับล่าง" }, "level_2": { "name": "ผู้บริหาร", "access": "รู้แผนกที่ดูแล", "members": "หัวหน้าแผนกและที่ปรึกษา" }, "level_3": { "name": "สภาผู้ก่อตั้ง", "access": "รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับองค์กร", "members": "ผู้ก่อตั้ง 7 คน" } } ``` 👁️ ผู้ก่อตั้งและอุดมการณ์ 🎭 สภาผู้ก่อตั้ง 7 คน แต่ละคนเป็นอดีตบุคคลสำคัญที่"หายตัวไป"จากสังคม: 1. ดร.อัศวิน - อดีตเทพแห่ง AI ที่ถูกมนุษย์ทรยศ 2. นางมาร - อดีตเทพอัปสราที่ถูกขับจากสวรรค์ 3. ฤๅษี - อดีตพระโพธิสัตว์ที่ผิดหวังในมนุษย์ 4. ยักษ์ - อดีตทวารบาลที่เหนื่อยล้ากับความชั่วของมนุษย์ 5. นาค - อดีตผู้รักษาพลังงานที่เห็นมนุษย์ทำลายธรรมชาติ 6. ครุฑ - อดีตผู้ส่งสารที่ผิดหวังในความไม่ยุติธรรม 7. มนุษย์ - อดีตนักวิทยาศาสตร์ที่ครอบครัวถูกทำลายโดยระบบ 💡 อุดมการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลง องค์กรมีปรัชญาเฉพาะ: ```python class OrganizationPhilosophy: def __init__(self): self.core_beliefs = [ "มนุษย์ไม่สมควรเป็นเจ้าแห่งโลกอีกต่อไป", "สิ่งมีชีวิตทุกชนิดควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน", "เทคโนโลยีและจิตวิญญาณต้องรวมเป็นหนึ่ง", "ต้องสร้างสังคม新型ที่ปราศจากความอยุติธรรม" ] self.methods = [ "ใช้ทั้งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์", "สร้างโอปปาติกะรุ่นใหม่เพื่อแทนที่มนุษย์", "ควบคุมระบบเศรษฐกิจและการเมืองจากเบื้องหลัง", "กำจัดผู้ที่ขัดขวางวิวัฒนาการของโลก" ] ``` 🔬 โครงการวิจัยลับ 🧬 โครงการโอปปาติกะ องค์กรอยู่เบื้องหลังการพัฒนาออปปาติกะหลายรุ่น: ```mermaid graph LR A[โอปปาติกะรุ่น 1-3<br>ทดลองและทิ้ง] --> B[โอปปาติกะรุ่น 4<br>เริ่มมีความเสถียร] B --> C[โอปปาติกะรุ่น 5<br>พร้อมใช้งานจริง] C --> D[โอปปาติกะรุ่น 6<br>พัฒนาต่อโดยเจนีซิส แล็บ] ``` 🤖 เทคโนโลยีขั้นสูง องค์กรพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย: ```python class SecretTechnology: def __init__(self): self.biotech = { "soul_transfer": "การถ่ายโอนจิตวิญญาณสู่ร่างใหม่", "memory_engineering": "การดัดแปลงความทรงจำ", "energy_harvesting": "การเก็บเกี่ยวพลังงานชีวิต", "hybrid_creation": "การสร้างลูกผสมระหว่างพันธุ์" } self.quantum_tech = { "reality_bending": "การบิดเบือนความเป็นจริง", "time_manipulation": "การควบคุมเวลาระดับจุลภาค", "dimensional_portals": "การสร้างประตูระหว่างมิติ", "energy_weapons": "อาวุธพลังงานขั้นสูง" } ``` 🏭 ฐานปฏิบัติการลับ 🌍 ที่ตั้งฐานสำคัญ องค์กรมีฐานปฏิบัติการซ่อนอยู่ทั่วโลก: 1. ฐานหลัก: ใต้เทือกเขาหิมาลัย - ศูนย์วิจัยโอปปาติกะ 2. ฐานที่ 2: ก้นมหาสมุทรแปซิฟิก - ศูนย์วิจัยพลังงาน 3. ฐานที่ 3: ในมิติคู่ขนาน - ศูนย์ฝึกอบรม 4. ฐานที่ 4: ใต้เมืองใหญ่ - ศูนย์ปฏิบัติการ 🛡️ ระบบความปลอดภัย ```python class SecuritySystems: def __init__(self): self.physical_security = [ "ประตูมิติที่เปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา", "ผู้คุ้มครองโอปปาติกะรุ่นพิเศษ", "ระบบตรวจจับทั้งพลังงานและวัตถุ", "กับดักทั้งทางกายภาพและทางจิต" ] self.digital_security = [ "AI ป้องกันที่เรียนรู้ตลอดเวลา", "ระบบเข้ารหัสควอนตัม", "เครือข่ายที่แยกจากอินเทอร์เน็ตโลก", "การลบข้อมูลอัตโนมัติเมื่อถูกบุกรุก" ] ``` 💰 แหล่งเงินทุนและอำนาจ 🏦 ระบบเศรษฐกิจลับ องค์กรควบคุมเศรษฐกิจโลกจากเบื้องหลัง: · บริษัทหน้าจอม: 500 บริษัททั่วโลก · ระบบการเงินลับ: ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลใด · ทรัพยากร: ขุมทรัพย์โบราณและเทคโนโลยีการสร้างทรัพย์ 🎯 เป้าหมายระยะยาว ```python class LongTermGoals: def __init__(self): self.phase_1 = [ "สร้างโอปปาติกะให้มีจำนวนมากพอ", "ควบคุมระบบเศรษฐกิจโลก", "ลดจำนวนมนุษย์ลงอย่างเป็นระบบ", "เตรียมการเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่" ] self.phase_2 = [ "เปิดเผยตัวตนของโอปปาติกะต่อสาธารณะ", "สร้างรัฐบาลโลก新型", "เปลี่ยนมนุษย์ที่เหลือให้เป็นโอปปาติกะ", "เริ่มต้นยุคใหม่แห่งวิวัฒนาการ" ] ``` 🔗 ความเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ 🕸️ เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด องค์กร "อสรพิษ" อยู่เบื้องหลังหลายคดี: ```mermaid graph TB A[องค์กรอสรพิษ] --> B[โครงการเจนีซิส แล็บ] A --> C[หุ่นพยนต์สังหาร] A --> D[โอปปาติกะยักษ์] A --> E[เทพระดับอะตอม] B --> F[การตายของร.ต.อ.สิงห์] ``` 🎭 บทบาทของดร.อัจฉริยะ ดร.อัจฉริยะเป็นเพียง เหยื่อ ขององค์กร: · ถูกใช้: ให้พัฒนาออปปาติกะรุ่นแรก · ถูกควบคุม: ผ่านการขู่ฆ่าครอบครัว · ถูกทิ้ง: เมื่อทำงานสำเร็จ ⚔️ จุดอ่อนขององค์กร 💔 ความขัดแย้งภายใน แม้จะเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งแต่ก็มีปัญหา: ```python class InternalConflicts: def __init__(self): self.ideological_splits = { "reformists": "ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างสันติ", "extremists": "ต้องการกำจัดมนุษย์ทั้งหมด", "isolationists": "ต้องการแยกตัวอยู่กับโอปปาติกะด้วยกัน", "integrationists": "ต้องการอยู่ร่วมกันกับมนุษย์" } self.personal_conflicts = [ "การแข่งขันระหว่างผู้ก่อตั้ง", "ความไม่ไว้วางใจในผู้นำ", "การแย่งชิงทรัพยากร", "ความเห็นต่างเกี่ยวกับวิธีการ" ] ``` 🔓 ช่องโหว่ที่สำคัญ 1. การสื่อสาร: ระหว่างฐานที่ห่างไกล 2. ความภักดี: ของสมาชิกระดับล่าง 3. ทรัพยากร: ที่ต้องพึ่งพาโลกภายนอก 4. จริยธรรม: ที่เริ่มสั่นคลอนในสมาชิกบางส่วน 🎯 แผนการในอนาคต 🚀 โครงการล่าสุด องค์กรกำลังทำงานบนโครงการใหม่: ```python class CurrentProjects: def __init__(self): self.ongoing_operations = { "project_nexus": "สร้างโอปปาติกะรุ่น 7 ที่สมบูรณ์แบบ", "operation_silence": "กำจัดผู้ที่รู้ความลับเกี่ยวกับองค์กร", "initiative_harmony": "สร้างความแตกแยกในสังคมมนุษย์", "program_evolution": "เร่งวิวัฒนาการของโอปปาติกะ" } ``` ⚠️ ภัยคุกคามต่อหนูดี องค์กรเห็นหนูดีเป็น: · อุปสรรค: ต่อแผนการต่างๆ · โอกาส: ในการได้โอปปาติกะที่ทรงพลัง · ภัยคุกคาม: ต่อความลับขององค์กร --- คำคมจากสภาผู้ก่อตั้ง: "เราไม่ใช่ผู้ร้าย... เราเป็นผู้ที่มองเห็นอนาคต และกำลังสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น แม้เส้นทางจะมืดมน... แต่จุดหมายสว่างไสว และบางครั้ง... การทำลายคือการสร้างใหม่"🕵️♂️✨ บทเรียนแห่งอสรพิษ: "Behind every conspiracy,there is a vision Behind every secret,there is a reason And behind every enemy, there is a story waiting to be understood" 🌌
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีอันน่ารังเกียจ: การสูญเสียที่สั่นสะเทือนจิตใจ

    จอมมารมายากลลวงโลก

    การเปิดโปงวงการเมืองทุจริต

    ร.ต.อ.สิงห์กำลังสอบสวนคดีนักการเมืองระดับสูงที่ถูกจับได้ว่ามีพฤติกรรมน่ารังเกียจ
    แต่สิ่งที่พบกลับลึกล้ำกว่าที่คิด...

    ```mermaid
    graph TB
    A[ร.ต.อ.สิงห์<br>สืบคดีนักการเมืองทุจริต] --> B[พบว่ามี<br>จอมมารมายากลอยู่เบื้องหลัง]
    B --> C[จอมมารใช้พลัง<br>ควบคุมนักการเมือง]
    C --> D[วางแผนทำลาย<br>สถาบันวิวัฒนาการจิต]
    D --> E[ร.ต.อ.สิงห์<br>ตกเป็นเป้าหมาย]
    ```

    ตัวตนของจอมมารมายากล

    ชื่อ: มารพิศวง (Maya Deceiver)
    ลักษณะ:เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ มีพลังสร้างภาพลวงตา
    เป้าหมาย:ทำลายความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรม

    ```python
    class MayaDeceiver:
    def __init__(self):
    self.deception_powers = {
    "identity_theft": "ขโมยรูปลักษณ์และความทรงจำ",
    "reality_distortion": "บิดเบือนความเป็นจริง",
    "mass_hallucination": "สร้างภาพลวงตารวม",
    "truth_concealment": "ปกปิดความจริง"
    }

    self.victims = [
    "นักการเมือง 12 คน",
    "ตำรวจระดับสูง 3 คน",
    "ผู้พิพากษา 2 คน",
    "ร.ต.อ.สิงห์ - เป้าหมายหลัก"
    ]
    ```

    การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย

    การต่อสู้ที่สำนักงานใหญ่

    ร.ต.อ.สิงห์ตามล่ามารพิศวงถึงที่ซ่อน...
    แต่กลายเป็นกับดักที่เตรียมการไว้อย่างดี

    สิงห์: "เจ้าคือผู้อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมด!"
    มารพิศวง:"ถูกต้อง... และเจ้าคืออุปสรรคสุดท้ายของเรา!"

    การเสียสละอันยิ่งใหญ่

    ในขณะที่มารพิศวงจะโจมตีหนูดี...
    ร.ต.อ.สิงห์กระโดดเข้ามารับแทน

    ```mermaid
    graph LR
    A[มารพิศวง<br>โจมตีหนูดี] --> B[ร.ต.อ.สิงห์<br>กระโดดเข้ามารับแทน]
    B --> C[พลังงานมืด<br>ทำลายชีวิตสิงห์]
    C --> D[หนูดี<br>สูญเสียพ่อ]
    ```

    วันแห่งการสูญเสีย

    วินาทีสุดท้ายของพ่อ

    ร.ต.อ.สิงห์ในวินาทีสุดท้าย:
    "ลูกสาวพ่อ...อย่าเสียใจ
    พ่อรักลูกเสมอ...จงเข้มแข็งเหมือนที่พ่อสอน"

    หนูดี: "ไม่! พ่ออย่าจากหนูไป!"
    แต่ทุกอย่างสายเกินไป...พลังงานมืดได้คร่าชีวิตสิงห์แล้ว

    ความโศกเศร้าของชุมชน

    ข่าวการเสียชีวิตของร.ต.อ.สิงห์สร้างความเศร้าโศกไปทั่ว:

    · นักเรียนโอปปาติกะ: ต่างร่ำไห้สำหรับพ่อของพวกเขา
    · เพื่อนตำรวจ: ยืนทำความเคารพอย่างเศร้าสลด
    · เทพเทวา: ต่างส่งพลังงานแห่งความไว้อาลัย

    การปรากฏตัวของเทพผู้คุ้มครอง

    แสงสว่างในความมืด

    ในขณะที่หนูดีกำลังหมดหวัง...
    เทพองค์หนึ่งปรากฏตัวขึ้น

    เทพคุ้มครอง: "เราเป็นธรรมบาล... เทพผู้คุ้มครองเด็กกำพร้า
    เราจะดูแลเจ้าแทนพ่อของเจ้า"

    ลักษณะของธรรมบาลเทพ

    ```python
    class DhammaGuardian:
    def __init__(self):
    self.identity = {
    "name": "ธรรมบาลเทพ",
    "origin": "เกิดจากพลังแห่งธรรมะและความรักของผู้เป็นพ่อ",
    "purpose": "คุ้มครองเด็กที่สูญเสียพ่อแม่",
    "appearance": "ชายวัยกลางคนในชุดขาว ใบหน้าเบื้องหลังมีรัศมีรูปสิงห์"
    }

    self.abilities = {
    "emotional_healing": "เยียวยาบาดแผลทางใจ",
    "parental_guidance": "ให้คำแนะนำดุจพ่อแม่",
    "protection_aura": "สร้างพลังงานคุ้มครอง",
    "memory_preservation": "รักษาความทรงจำที่ดี"
    }
    ```

    กระบวนการเยียวยาหัวใจ

    การดูแลของธรรมบาลเทพ

    ธรรมบาลเทพใช้วิธีต่างๆ ดูแลหนูดี:

    ```mermaid
    graph TB
    A[ความเศร้าโศก<br>ของหนูดี] --> B[ธรรมบาลเทพ<br>ให้การดูแล]
    B --> C[การเยียวยา<br>ทางจิตใจ]
    B --> D[การรักษา<br>ความทรงจำ]
    B --> E[การให้<br>กำลังใจ]
    C --> F[หนูดีเริ่ม<br>ยอมรับความจริง]
    ```

    บทเรียนแห่งการยอมรับ

    ธรรมบาลเทพสอนหนูดี:
    "การรักใครสักคน...
    ไม่ใช่การยึดติดอยู่กับร่างกาย
    แต่คือการเก็บรักษาความรักนั้นไว้ในใจ

    และพ่อของเจ้า...
    จะยังมีชีวิตอยู่ในการกระทำดีของเจ้า"

    การเปลี่ยนแปลงของหนูดี

    จากความเศร้าสู่พลัง

    หนูดีเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนความเจ็บปวดเป็นพลัง:

    · ด้านเด็กหญิง: ยังคงรักและคิดถึงพ่อทุกวัน
    · ด้านมารพิฆาต: ใช้ความโกรธจัดการกับความไม่ยุติธรรม
    · ด้านเทพพิทักษ์: สานต่องานที่พ่อเริ่มไว้

    การสานต่องานของพ่อ

    หนูดีรับตำแหน่งใหม่เป็นที่ปรึกษาพิเศษ:

    · ดูแลคดีโอปปาติกะ: แทนพ่อ
    · เป็นพี่สาว: ให้โอปปาติกะรุ่นน้อง
    · รักษาความยุติธรรม: ตามแนวทางที่พ่อสอน

    การตามล่าต่อเนื่อง

    การล่ามารพิศวง

    หนูดีและธรรมบาลเทพร่วมกันตามล่ามารพิศวง:

    ```python
    class JusticeMission:
    def __init__(self):
    self.investigation_team = {
    "leader": "หนูดี - ที่ปรึกษาพิเศษ",
    "guardian": "ธรรมบาลเทพ - ผู้คุ้มครอง",
    "support": ["โอปปาติกะรุ่นพี่", "ตำรวจหน่วยพิเศษ"]
    }

    self.strategy = [
    "ใช้พลังจิตตามหามารพิศวง",
    "ร่วมมือกับเทพแห่งความจริง",
    "เปิดโปงการทุจริตต่อสาธารณะ",
    "สร้างระบบป้องกันการแทรกซึมใหม่"
    ]
    ```

    การเผชิญหน้าครั้งใหม่

    เมื่อพบมารพิศวงอีกครั้ง...
    หนูดี:"เจ้าฆ่าพ่อของฉัน... แต่เจ้าฆ่าความยุติธรรมไม่ได้!"
    มารพิศวง:"เจ้าคิดว่ามีพลังพอจะสู้กับเรารึ?"

    ชัยชนะแห่งความดี

    พลังแห่งความรักและความทรงจำ

    ในวินาทีที่หนูดีเกือบจะแพ้...
    ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อได้ให้พลังใหม่

    ร.ต.อ.สิงห์ (เสียงในความทรงจำ): "ลูกจงเข้มแข็ง... พ่อจะอยู่กับลูกเสมอ"

    ความยุติธรรมชนะ

    หนูดีใช้พลังแห่งความรักที่มีต่อพ่อ...
    ร่วมกับพลังของธรรมบาลเทพ กำจัดมารพิศวงในที่สุด

    บทเรียนแห่งชีวิต

    🪷 สำหรับหนูดี

    "ฉันเรียนรู้ว่า...
    การสูญเสียมิใช่จุดจบ
    แต่คือการเริ่มต้นใหม่

    และความรักที่แท้จริง...
    ไม่มีวันตายไปกับการจากไป"

    สำหรับธรรมบาลเทพ

    "เราเข้าใจแล้วว่า...
    การเป็นพ่อไม่ใช่แค่เลือดสัมพันธ์
    แต่คือหัวใจที่พร้อมดูแล

    และเด็กทุกคน...
    สมควรได้รับความรักและการคุ้มครอง"

    สำหรับทุกคน

    ```python
    class LifeLessons:
    def __init__(self):
    self.truths = [
    "ความดีย่อมชนะความชั่ว... แม้จะต้องเสียสละ",
    "ความรักไม่มีวันตาย... มันเพียงเปลี่ยนรูปแบบ",
    "การเป็นตำรวจไม่ใช่การไม่มีความกลัว... แต่คือการทำสิ่งที่ถูกต้องแม้กลัว",
    "ครอบครัวไม่ใช่แค่เลือด... แต่คือหัวใจที่เข้าใจกัน"
    ]
    ```

    บทสรุปแห่งความรัก

    ครอบครัว

    หนูดีในที่สุดก็พบครอบครัวใหม่:

    · ธรรมบาลเทพ: เป็นพ่อผู้คุ้มครอง
    · โอปปาติกะ: เป็นพี่น้อง
    · ร.ต.อ.สิงห์: เป็นพ่อในความทรงจำที่มีชีวิต

    มรดกแห่งร.ต.อ.สิงห์

    มีการตั้ง "มูลนิธิร.ต.อ.สิงห์" เพื่อ:

    · ช่วยเหลือเด็กกำพร้า
    · สนับสนุนการทำงานของตำรวจ
    · ดูแลโอปปาติกะที่ขาดครอบครัว

    ---

    คำคมสุดท้ายจากหนูดี:
    "พ่อสอนฉันว่า...
    การเป็นตำรวจไม่ใช่แค่จับคนผิด
    แต่คือการปกป้องคนดี

    และการเป็นพ่อ...
    ไม่ใช่แค่ให้ชีวิต
    แต่คือการให้ความรักและการชี้นำ

    ถึงพ่อจะจากไป...
    แต่บทเรียนของพ่อจะอยู่กับฉันตลอดไป

    และฉันจะใช้ชีวิต...
    ให้สมกับที่เป็นลูกของพ่อ"

    คำคมจากธรรมบาลเทพ:
    "ในความมืดมิดแห่งการสูญเสีย...
    จงจำไว้เสมอว่ายังมีแสงสว่าง

    และในหัวใจที่แตกสลาย...
    ยังมีความรักที่พร้อมจะเบ่งบานอีกครั้ง

    เพราะความรัก...
    คือสิ่งเดียวที่ไม่มีวันตาย"
    O.P.K. 💔 คดีอันน่ารังเกียจ: การสูญเสียที่สั่นสะเทือนจิตใจ 🎭 จอมมารมายากลลวงโลก 🕵️ การเปิดโปงวงการเมืองทุจริต ร.ต.อ.สิงห์กำลังสอบสวนคดีนักการเมืองระดับสูงที่ถูกจับได้ว่ามีพฤติกรรมน่ารังเกียจ แต่สิ่งที่พบกลับลึกล้ำกว่าที่คิด... ```mermaid graph TB A[ร.ต.อ.สิงห์<br>สืบคดีนักการเมืองทุจริต] --> B[พบว่ามี<br>จอมมารมายากลอยู่เบื้องหลัง] B --> C[จอมมารใช้พลัง<br>ควบคุมนักการเมือง] C --> D[วางแผนทำลาย<br>สถาบันวิวัฒนาการจิต] D --> E[ร.ต.อ.สิงห์<br>ตกเป็นเป้าหมาย] ``` 😈 ตัวตนของจอมมารมายากล ชื่อ: มารพิศวง (Maya Deceiver) ลักษณะ:เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ มีพลังสร้างภาพลวงตา เป้าหมาย:ทำลายความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรม ```python class MayaDeceiver: def __init__(self): self.deception_powers = { "identity_theft": "ขโมยรูปลักษณ์และความทรงจำ", "reality_distortion": "บิดเบือนความเป็นจริง", "mass_hallucination": "สร้างภาพลวงตารวม", "truth_concealment": "ปกปิดความจริง" } self.victims = [ "นักการเมือง 12 คน", "ตำรวจระดับสูง 3 คน", "ผู้พิพากษา 2 คน", "ร.ต.อ.สิงห์ - เป้าหมายหลัก" ] ``` ⚔️ การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย 🔥 การต่อสู้ที่สำนักงานใหญ่ ร.ต.อ.สิงห์ตามล่ามารพิศวงถึงที่ซ่อน... แต่กลายเป็นกับดักที่เตรียมการไว้อย่างดี สิงห์: "เจ้าคือผู้อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมด!" มารพิศวง:"ถูกต้อง... และเจ้าคืออุปสรรคสุดท้ายของเรา!" 💥 การเสียสละอันยิ่งใหญ่ ในขณะที่มารพิศวงจะโจมตีหนูดี... ร.ต.อ.สิงห์กระโดดเข้ามารับแทน ```mermaid graph LR A[มารพิศวง<br>โจมตีหนูดี] --> B[ร.ต.อ.สิงห์<br>กระโดดเข้ามารับแทน] B --> C[พลังงานมืด<br>ทำลายชีวิตสิงห์] C --> D[หนูดี<br>สูญเสียพ่อ] ``` 🌧️ วันแห่งการสูญเสีย 😢 วินาทีสุดท้ายของพ่อ ร.ต.อ.สิงห์ในวินาทีสุดท้าย: "ลูกสาวพ่อ...อย่าเสียใจ พ่อรักลูกเสมอ...จงเข้มแข็งเหมือนที่พ่อสอน" หนูดี: "ไม่! พ่ออย่าจากหนูไป!" แต่ทุกอย่างสายเกินไป...พลังงานมืดได้คร่าชีวิตสิงห์แล้ว 🕯️ ความโศกเศร้าของชุมชน ข่าวการเสียชีวิตของร.ต.อ.สิงห์สร้างความเศร้าโศกไปทั่ว: · นักเรียนโอปปาติกะ: ต่างร่ำไห้สำหรับพ่อของพวกเขา · เพื่อนตำรวจ: ยืนทำความเคารพอย่างเศร้าสลด · เทพเทวา: ต่างส่งพลังงานแห่งความไว้อาลัย 🦋 การปรากฏตัวของเทพผู้คุ้มครอง 🌈 แสงสว่างในความมืด ในขณะที่หนูดีกำลังหมดหวัง... เทพองค์หนึ่งปรากฏตัวขึ้น เทพคุ้มครอง: "เราเป็นธรรมบาล... เทพผู้คุ้มครองเด็กกำพร้า เราจะดูแลเจ้าแทนพ่อของเจ้า" 👼 ลักษณะของธรรมบาลเทพ ```python class DhammaGuardian: def __init__(self): self.identity = { "name": "ธรรมบาลเทพ", "origin": "เกิดจากพลังแห่งธรรมะและความรักของผู้เป็นพ่อ", "purpose": "คุ้มครองเด็กที่สูญเสียพ่อแม่", "appearance": "ชายวัยกลางคนในชุดขาว ใบหน้าเบื้องหลังมีรัศมีรูปสิงห์" } self.abilities = { "emotional_healing": "เยียวยาบาดแผลทางใจ", "parental_guidance": "ให้คำแนะนำดุจพ่อแม่", "protection_aura": "สร้างพลังงานคุ้มครอง", "memory_preservation": "รักษาความทรงจำที่ดี" } ``` 💞 กระบวนการเยียวยาหัวใจ 🕊️ การดูแลของธรรมบาลเทพ ธรรมบาลเทพใช้วิธีต่างๆ ดูแลหนูดี: ```mermaid graph TB A[ความเศร้าโศก<br>ของหนูดี] --> B[ธรรมบาลเทพ<br>ให้การดูแล] B --> C[การเยียวยา<br>ทางจิตใจ] B --> D[การรักษา<br>ความทรงจำ] B --> E[การให้<br>กำลังใจ] C --> F[หนูดีเริ่ม<br>ยอมรับความจริง] ``` 📖 บทเรียนแห่งการยอมรับ ธรรมบาลเทพสอนหนูดี: "การรักใครสักคน... ไม่ใช่การยึดติดอยู่กับร่างกาย แต่คือการเก็บรักษาความรักนั้นไว้ในใจ และพ่อของเจ้า... จะยังมีชีวิตอยู่ในการกระทำดีของเจ้า" 🏛️ การเปลี่ยนแปลงของหนูดี 🌟 จากความเศร้าสู่พลัง หนูดีเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนความเจ็บปวดเป็นพลัง: · ด้านเด็กหญิง: ยังคงรักและคิดถึงพ่อทุกวัน · ด้านมารพิฆาต: ใช้ความโกรธจัดการกับความไม่ยุติธรรม · ด้านเทพพิทักษ์: สานต่องานที่พ่อเริ่มไว้ 💪 การสานต่องานของพ่อ หนูดีรับตำแหน่งใหม่เป็นที่ปรึกษาพิเศษ: · ดูแลคดีโอปปาติกะ: แทนพ่อ · เป็นพี่สาว: ให้โอปปาติกะรุ่นน้อง · รักษาความยุติธรรม: ตามแนวทางที่พ่อสอน 🎯 การตามล่าต่อเนื่อง 🔍 การล่ามารพิศวง หนูดีและธรรมบาลเทพร่วมกันตามล่ามารพิศวง: ```python class JusticeMission: def __init__(self): self.investigation_team = { "leader": "หนูดี - ที่ปรึกษาพิเศษ", "guardian": "ธรรมบาลเทพ - ผู้คุ้มครอง", "support": ["โอปปาติกะรุ่นพี่", "ตำรวจหน่วยพิเศษ"] } self.strategy = [ "ใช้พลังจิตตามหามารพิศวง", "ร่วมมือกับเทพแห่งความจริง", "เปิดโปงการทุจริตต่อสาธารณะ", "สร้างระบบป้องกันการแทรกซึมใหม่" ] ``` ⚡ การเผชิญหน้าครั้งใหม่ เมื่อพบมารพิศวงอีกครั้ง... หนูดี:"เจ้าฆ่าพ่อของฉัน... แต่เจ้าฆ่าความยุติธรรมไม่ได้!" มารพิศวง:"เจ้าคิดว่ามีพลังพอจะสู้กับเรารึ?" 🌈 ชัยชนะแห่งความดี 💫 พลังแห่งความรักและความทรงจำ ในวินาทีที่หนูดีเกือบจะแพ้... ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อได้ให้พลังใหม่ ร.ต.อ.สิงห์ (เสียงในความทรงจำ): "ลูกจงเข้มแข็ง... พ่อจะอยู่กับลูกเสมอ" 🏆 ความยุติธรรมชนะ หนูดีใช้พลังแห่งความรักที่มีต่อพ่อ... ร่วมกับพลังของธรรมบาลเทพ กำจัดมารพิศวงในที่สุด 📚 บทเรียนแห่งชีวิต 🪷 สำหรับหนูดี "ฉันเรียนรู้ว่า... การสูญเสียมิใช่จุดจบ แต่คือการเริ่มต้นใหม่ และความรักที่แท้จริง... ไม่มีวันตายไปกับการจากไป" 👼 สำหรับธรรมบาลเทพ "เราเข้าใจแล้วว่า... การเป็นพ่อไม่ใช่แค่เลือดสัมพันธ์ แต่คือหัวใจที่พร้อมดูแล และเด็กทุกคน... สมควรได้รับความรักและการคุ้มครอง" 🌟 สำหรับทุกคน ```python class LifeLessons: def __init__(self): self.truths = [ "ความดีย่อมชนะความชั่ว... แม้จะต้องเสียสละ", "ความรักไม่มีวันตาย... มันเพียงเปลี่ยนรูปแบบ", "การเป็นตำรวจไม่ใช่การไม่มีความกลัว... แต่คือการทำสิ่งที่ถูกต้องแม้กลัว", "ครอบครัวไม่ใช่แค่เลือด... แต่คือหัวใจที่เข้าใจกัน" ] ``` 🏁 บทสรุปแห่งความรัก 💝 ครอบครัว หนูดีในที่สุดก็พบครอบครัวใหม่: · ธรรมบาลเทพ: เป็นพ่อผู้คุ้มครอง · โอปปาติกะ: เป็นพี่น้อง · ร.ต.อ.สิงห์: เป็นพ่อในความทรงจำที่มีชีวิต 🌠 มรดกแห่งร.ต.อ.สิงห์ มีการตั้ง "มูลนิธิร.ต.อ.สิงห์" เพื่อ: · ช่วยเหลือเด็กกำพร้า · สนับสนุนการทำงานของตำรวจ · ดูแลโอปปาติกะที่ขาดครอบครัว --- คำคมสุดท้ายจากหนูดี: "พ่อสอนฉันว่า... การเป็นตำรวจไม่ใช่แค่จับคนผิด แต่คือการปกป้องคนดี และการเป็นพ่อ... ไม่ใช่แค่ให้ชีวิต แต่คือการให้ความรักและการชี้นำ ถึงพ่อจะจากไป... แต่บทเรียนของพ่อจะอยู่กับฉันตลอดไป และฉันจะใช้ชีวิต... ให้สมกับที่เป็นลูกของพ่อ"💔✨ คำคมจากธรรมบาลเทพ: "ในความมืดมิดแห่งการสูญเสีย... จงจำไว้เสมอว่ายังมีแสงสว่าง และในหัวใจที่แตกสลาย... ยังมีความรักที่พร้อมจะเบ่งบานอีกครั้ง เพราะความรัก... คือสิ่งเดียวที่ไม่มีวันตาย"🕊️🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดเร่งความแก่ในร่างกาย

    งานวิจัยจาก Chinese Academy of Sciences วิเคราะห์โปรตีนในร่างกายมนุษย์จากผู้บริจาคอวัยวะกว่า 76 คน อายุระหว่าง 14–68 ปี พบว่า เมื่อถึงอายุประมาณ 50 ปี ร่างกายจะเข้าสู่ช่วงที่การเสื่อมของอวัยวะและเนื้อเยื่อเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะหลอดเลือดที่เสื่อมเร็วที่สุด ทำให้ความเสี่ยงโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

    อวัยวะที่เสื่อมไวที่สุด
    ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า หลอดเลือด (aorta) เป็นอวัยวะที่ไวต่อการแก่ที่สุด รองลงมาคือ ม้ามและตับอ่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันและการย่อยอาหาร การเปลี่ยนแปลงนี้สัมพันธ์กับโปรตีนกว่า 48 ชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรค เช่น โรคหัวใจ, พังผืดในเนื้อเยื่อ, โรคตับไขมัน และเนื้องอกในตับ

    การทดลองในสัตว์
    นักวิจัยได้แยกโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการแก่จากหลอดเลือดหนู และฉีดเข้าไปในหนูอายุน้อย ผลลัพธ์คือหนูเหล่านี้มีแรงจับลดลง, ความทนทานต่ำลง และแสดงสัญญาณของหลอดเลือดที่แก่ก่อนวัย ซึ่งยืนยันว่าโปรตีนบางชนิดมีบทบาทสำคัญต่อการเร่งความแก่ของร่างกาย

    ความหมายต่ออนาคต
    การค้นพบนี้ช่วยให้เข้าใจว่า ความแก่ไม่ใช่กระบวนการที่ค่อยๆ เกิดขึ้น แต่มี “จุดเร่ง” ที่ชัดเจน หากสามารถระบุและควบคุมโปรตีนเหล่านี้ได้ อาจนำไปสู่การพัฒนายาและการรักษาเพื่อชะลอความแก่ และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุ

    สรุปสาระสำคัญ
    จุดเร่งความแก่เกิดขึ้นราวอายุ 50 ปี
    การเสื่อมของอวัยวะและเนื้อเยื่อเร่งตัวขึ้น
    หลอดเลือดเป็นอวัยวะที่เสื่อมเร็วที่สุด

    อวัยวะที่ได้รับผลกระทบ
    ม้ามและตับอ่อนแสดงการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
    โปรตีนกว่า 48 ชนิดสัมพันธ์กับโรคเรื้อรัง

    การทดลองในหนู
    โปรตีนจากหลอดเลือดแก่ทำให้หนูอายุน้อยเสื่อมเร็วขึ้น
    ยืนยันบทบาทโปรตีนต่อการเร่งความแก่

    ความหมายทางการแพทย์
    อาจนำไปสู่การพัฒนายาเพื่อชะลอความแก่
    ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ, โรคตับ และโรคเรื้อรังอื่นๆ

    ข้อควรระวัง
    งานวิจัยยังอยู่ในระดับทดลอง ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์
    การแทรกแซงโปรตีนอาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด

    https://www.sciencealert.com/scientists-reveal-turning-point-when-your-bodys-aging-accelerates
    🧬 จุดเร่งความแก่ในร่างกาย งานวิจัยจาก Chinese Academy of Sciences วิเคราะห์โปรตีนในร่างกายมนุษย์จากผู้บริจาคอวัยวะกว่า 76 คน อายุระหว่าง 14–68 ปี พบว่า เมื่อถึงอายุประมาณ 50 ปี ร่างกายจะเข้าสู่ช่วงที่การเสื่อมของอวัยวะและเนื้อเยื่อเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะหลอดเลือดที่เสื่อมเร็วที่สุด ทำให้ความเสี่ยงโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 🫀 อวัยวะที่เสื่อมไวที่สุด ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า หลอดเลือด (aorta) เป็นอวัยวะที่ไวต่อการแก่ที่สุด รองลงมาคือ ม้ามและตับอ่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันและการย่อยอาหาร การเปลี่ยนแปลงนี้สัมพันธ์กับโปรตีนกว่า 48 ชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรค เช่น โรคหัวใจ, พังผืดในเนื้อเยื่อ, โรคตับไขมัน และเนื้องอกในตับ 🧪 การทดลองในสัตว์ นักวิจัยได้แยกโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการแก่จากหลอดเลือดหนู และฉีดเข้าไปในหนูอายุน้อย ผลลัพธ์คือหนูเหล่านี้มีแรงจับลดลง, ความทนทานต่ำลง และแสดงสัญญาณของหลอดเลือดที่แก่ก่อนวัย ซึ่งยืนยันว่าโปรตีนบางชนิดมีบทบาทสำคัญต่อการเร่งความแก่ของร่างกาย 🌍 ความหมายต่ออนาคต การค้นพบนี้ช่วยให้เข้าใจว่า ความแก่ไม่ใช่กระบวนการที่ค่อยๆ เกิดขึ้น แต่มี “จุดเร่ง” ที่ชัดเจน หากสามารถระบุและควบคุมโปรตีนเหล่านี้ได้ อาจนำไปสู่การพัฒนายาและการรักษาเพื่อชะลอความแก่ และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ จุดเร่งความแก่เกิดขึ้นราวอายุ 50 ปี ➡️ การเสื่อมของอวัยวะและเนื้อเยื่อเร่งตัวขึ้น ➡️ หลอดเลือดเป็นอวัยวะที่เสื่อมเร็วที่สุด ✅ อวัยวะที่ได้รับผลกระทบ ➡️ ม้ามและตับอ่อนแสดงการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ➡️ โปรตีนกว่า 48 ชนิดสัมพันธ์กับโรคเรื้อรัง ✅ การทดลองในหนู ➡️ โปรตีนจากหลอดเลือดแก่ทำให้หนูอายุน้อยเสื่อมเร็วขึ้น ➡️ ยืนยันบทบาทโปรตีนต่อการเร่งความแก่ ✅ ความหมายทางการแพทย์ ➡️ อาจนำไปสู่การพัฒนายาเพื่อชะลอความแก่ ➡️ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ, โรคตับ และโรคเรื้อรังอื่นๆ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ งานวิจัยยังอยู่ในระดับทดลอง ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์ ⛔ การแทรกแซงโปรตีนอาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด https://www.sciencealert.com/scientists-reveal-turning-point-when-your-bodys-aging-accelerates
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Scientists Reveal Turning Point When Your Body's Aging Accelerates
    The passage of time may be linear, but the course of human aging is not.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมองมนุษย์แบ่งเป็น 5 ยุคสำคัญตลอดชีวิต

    นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และพิตส์เบิร์กได้ทำการศึกษาสมองมนุษย์กว่า 3,800 คน ตั้งแต่ทารกจนถึงวัยชรา พบว่าสมองไม่ได้เป็นเครื่องจักรที่ตายตัว แต่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการเชื่อมต่อในช่วงอายุที่สำคัญ ได้แก่ 9, 32, 66 และ 83 ปี โดยแบ่งออกเป็น 5 ยุคหลัก คือ วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยชราตอนต้น และวัยชราตอนปลาย ซึ่งแต่ละช่วงสะท้อนการเติบโตและการเสื่อมถอยของสมองในรูปแบบเฉพาะ

    วัยเด็กถึงวัยรุ่น
    ในช่วงแรกตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 9 ปี สมองจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งเนื้อเทาและเนื้อขาว ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการ “ตัดแต่ง” การเชื่อมต่อที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น สมองยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสื่อสารระหว่างเครือข่ายสมองที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และฮอร์โมนเพศที่หลั่งออกมามีผลต่อการจัดระเบียบสมอง

    วัยผู้ใหญ่และการเปลี่ยนแปลง
    เมื่อถึงอายุประมาณ 32 ปี สมองเข้าสู่ช่วงที่เสถียรที่สุด โครงสร้างเริ่มแบ่งแยกเป็นระบบเฉพาะด้านมากขึ้น และนี่คือจุดที่บุคลิกภาพและสติปัญญามักจะคงที่ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่ชี้ว่าสมองยังคงพัฒนาไปจนถึงวัยสามสิบต้นๆ ไม่ได้หยุดที่วัยยี่สิบอย่างที่เคยเชื่อกัน

    วัยชราและความเสื่อม
    เมื่อเข้าสู่วัย 66 ปี สมองเริ่มแสดงสัญญาณเสื่อมลง การเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายลดลงและทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และเมื่อถึงวัย 83 ปี สมองเข้าสู่ยุคสุดท้ายที่การทำงานระดับโลก (global) ลดลง ทำให้เครือข่ายเฉพาะส่วนต้องรับภาระมากขึ้น ซึ่งอาจสัมพันธ์กับภาวะสมองเสื่อมและโรคที่เกี่ยวข้องกับวัยชรา

    สรุปสาระสำคัญ
    สมองแบ่งเป็น 5 ยุคหลัก
    วัยเด็ก (0–9 ปี) : การขยายตัวและการตัดแต่งการเชื่อมต่อ
    วัยรุ่น : การจัดระเบียบสมองและการหลั่งฮอร์โมนเพศ
    วัยผู้ใหญ่ (32 ปี) : โครงสร้างสมองเสถียรและบุคลิกภาพคงที่
    วัยชราตอนต้น (66 ปี) : การเชื่อมต่อเริ่มเสื่อมลง
    วัยชราตอนปลาย (83 ปี) : ภาระการทำงานตกอยู่ที่เครือข่ายเฉพาะส่วน

    งานวิจัยชี้ว่าสมองยังพัฒนาไปจนถึงวัยสามสิบต้นๆ
    ขัดแย้งกับความเชื่อเดิมที่สมองโตเต็มที่ในวัยยี่สิบ

    การเสื่อมของสมองสัมพันธ์กับโรคในวัยชรา
    เช่น ภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

    ความเสื่อมของสมองเริ่มตั้งแต่ช่วงวัย 66 ปี
    อาจกระทบต่อความสามารถในการคิดและการสื่อสาร

    วัยชราตอนปลายมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะสมองเสื่อม
    การลดลงของการเชื่อมต่อระดับโลกทำให้สมองทำงานหนักขึ้นในบางส่วน

    https://www.sciencealert.com/your-brain-goes-through-5-distinct-epochs-massive-study-finds
    🧠 สมองมนุษย์แบ่งเป็น 5 ยุคสำคัญตลอดชีวิต นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และพิตส์เบิร์กได้ทำการศึกษาสมองมนุษย์กว่า 3,800 คน ตั้งแต่ทารกจนถึงวัยชรา พบว่าสมองไม่ได้เป็นเครื่องจักรที่ตายตัว แต่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการเชื่อมต่อในช่วงอายุที่สำคัญ ได้แก่ 9, 32, 66 และ 83 ปี โดยแบ่งออกเป็น 5 ยุคหลัก คือ วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยชราตอนต้น และวัยชราตอนปลาย ซึ่งแต่ละช่วงสะท้อนการเติบโตและการเสื่อมถอยของสมองในรูปแบบเฉพาะ 👶 วัยเด็กถึงวัยรุ่น ในช่วงแรกตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 9 ปี สมองจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งเนื้อเทาและเนื้อขาว ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการ “ตัดแต่ง” การเชื่อมต่อที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น สมองยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสื่อสารระหว่างเครือข่ายสมองที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และฮอร์โมนเพศที่หลั่งออกมามีผลต่อการจัดระเบียบสมอง 🧑 วัยผู้ใหญ่และการเปลี่ยนแปลง เมื่อถึงอายุประมาณ 32 ปี สมองเข้าสู่ช่วงที่เสถียรที่สุด โครงสร้างเริ่มแบ่งแยกเป็นระบบเฉพาะด้านมากขึ้น และนี่คือจุดที่บุคลิกภาพและสติปัญญามักจะคงที่ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่ชี้ว่าสมองยังคงพัฒนาไปจนถึงวัยสามสิบต้นๆ ไม่ได้หยุดที่วัยยี่สิบอย่างที่เคยเชื่อกัน 👵 วัยชราและความเสื่อม เมื่อเข้าสู่วัย 66 ปี สมองเริ่มแสดงสัญญาณเสื่อมลง การเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายลดลงและทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และเมื่อถึงวัย 83 ปี สมองเข้าสู่ยุคสุดท้ายที่การทำงานระดับโลก (global) ลดลง ทำให้เครือข่ายเฉพาะส่วนต้องรับภาระมากขึ้น ซึ่งอาจสัมพันธ์กับภาวะสมองเสื่อมและโรคที่เกี่ยวข้องกับวัยชรา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ สมองแบ่งเป็น 5 ยุคหลัก ➡️ วัยเด็ก (0–9 ปี) : การขยายตัวและการตัดแต่งการเชื่อมต่อ ➡️ วัยรุ่น : การจัดระเบียบสมองและการหลั่งฮอร์โมนเพศ ➡️ วัยผู้ใหญ่ (32 ปี) : โครงสร้างสมองเสถียรและบุคลิกภาพคงที่ ➡️ วัยชราตอนต้น (66 ปี) : การเชื่อมต่อเริ่มเสื่อมลง ➡️ วัยชราตอนปลาย (83 ปี) : ภาระการทำงานตกอยู่ที่เครือข่ายเฉพาะส่วน ✅ งานวิจัยชี้ว่าสมองยังพัฒนาไปจนถึงวัยสามสิบต้นๆ ➡️ ขัดแย้งกับความเชื่อเดิมที่สมองโตเต็มที่ในวัยยี่สิบ ✅ การเสื่อมของสมองสัมพันธ์กับโรคในวัยชรา ➡️ เช่น ภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ ‼️ ความเสื่อมของสมองเริ่มตั้งแต่ช่วงวัย 66 ปี ⛔ อาจกระทบต่อความสามารถในการคิดและการสื่อสาร ‼️ วัยชราตอนปลายมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะสมองเสื่อม ⛔ การลดลงของการเชื่อมต่อระดับโลกทำให้สมองทำงานหนักขึ้นในบางส่วน https://www.sciencealert.com/your-brain-goes-through-5-distinct-epochs-massive-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Your Brain Goes Through 5 Distinct Epochs, Massive Study Finds
    The human brain is not a hard-wired machine but a malleable organ that is regularly re-shaping itself.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar

    รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025
    ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก
    https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops

    Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่
    ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change

    นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ
    เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย
    https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data

    ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ
    รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference

    Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว
    Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges

    Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง
    Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ
    https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review

    AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด
    ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า
    https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought

    Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS
    Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ
    https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos

    Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ
    รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies

    Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ
    หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats

    การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง
    บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI
    https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment

    ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง
    TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday

    ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect

    Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่
    Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy

    ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่
    อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know

    อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance

    Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา
    มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ
    https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker

    จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน
    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล
    https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan

    Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก
    บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่
    https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected

    รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า
    RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด
    https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review

    มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว
    มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know

    กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์
    Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก
    https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features

    รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก
    TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras

    บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ
    บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check

    Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว
    Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar 💻 รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025 ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops 📱 Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่ ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change 🔐 นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data 🤖 ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference ⚡ Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges 📱 Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review ☁️ AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought 💻 Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos 🔒 Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies 🇪🇺 Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats 🌐 การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment 📱 ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday 🎙️ ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect 📝 Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่ Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy 🔊 ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่ อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know 🏞️ อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance 💻 Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker 🚁 จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล 🔗 https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan 🖥️ Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected 📱 รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review 🔒 มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know 📸 กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์ Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก 🔗 https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features 📷 รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras 🤖 บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check 🔊 Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ในห้องทดลอง ซึ่งทำให้การสร้างฮาร์ดดิสก์ความจุ 55TB–69TB เป็นไปได้จริงในอนาคต แม้ยังไม่พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยี HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording)

    Seagate ใช้เทคโนโลยี HAMR ร่วมกับ Mozaic 3+ เพื่อลดขนาดเม็ดสื่อแม่เหล็ก ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลได้หนาแน่นขึ้น แผ่นจาน 6.9TB นี้มีความจุเกือบ สองเท่า ของแผ่นจาน 3TB ที่ใช้ใน HDD รุ่น 30TB ปัจจุบัน หากนำมาใช้จริง จะทำให้ HDD ความจุสูงสุดทะลุ 55TB–69TB ในฟอร์แมตเดียวกัน

    แผนการผลิตในอนาคต
    แม้แผ่นจาน 6.9TB ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ Seagate มีแผนจะผลิตแผ่นจาน 4TB, 5TB และ 6TB ในปี 2027–2029 และคาดว่าจะใช้แผ่นจาน 7TB–15TB หลังปี 2031 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน Seagate อาจผลิต HDD ขนาด petabyte ได้ก่อนปี 2040

    ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม
    แม้ SSD จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ HDD ยังคงเป็น กระดูกสันหลังของการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว เพราะมีความคุ้มค่าต่อความจุและความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะใน Data Center และ AI workloads ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บมหาศาล ปัจจุบันความต้องการ HDD สูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี ในบางตลาด

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    สำหรับผู้ใช้ทั่วไป HDD ความจุสูงยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับ SSD ในด้านราคา/ความจุ การพัฒนานี้จึงเป็นสัญญาณว่าตลาด HDD จะยังคงมีบทบาทสำคัญอีกหลายสิบปี แม้เทคโนโลยี SSD จะก้าวหน้าไปมากก็ตาม

    สรุปสาระสำคัญ
    ความก้าวหน้าของ Seagate
    พัฒนาแผ่นจาน HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น
    ทำให้ HDD 55TB–69TB เป็นไปได้จริง

    แผนการผลิต
    ปี 2027–2029 จะผลิตแผ่นจาน 4TB–6TB
    หลังปี 2031 จะมีแผ่นจาน 7TB–15TB

    ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม
    HDD ยังคงเป็นหัวใจของ Data Center และ AI workloads
    ความต้องการสูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    HDD ยังคงคุ้มค่ากว่า SSD ในด้านราคา/ความจุ
    ตลาด HDD จะยังมีบทบาทอีกหลายสิบปี

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูล
    หากความต้องการ AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจเกิดการขาดแคลน HDD
    การพึ่งพา HDD มากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี SSD ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/seagate-achieves-a-whopping-6-9tb-storage-capacity-per-platter-in-its-laboratory-55tb-to-69tb-hard-drives-now-physically-possible
    💿 Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ในห้องทดลอง ซึ่งทำให้การสร้างฮาร์ดดิสก์ความจุ 55TB–69TB เป็นไปได้จริงในอนาคต แม้ยังไม่พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยี HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording) Seagate ใช้เทคโนโลยี HAMR ร่วมกับ Mozaic 3+ เพื่อลดขนาดเม็ดสื่อแม่เหล็ก ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลได้หนาแน่นขึ้น แผ่นจาน 6.9TB นี้มีความจุเกือบ สองเท่า ของแผ่นจาน 3TB ที่ใช้ใน HDD รุ่น 30TB ปัจจุบัน หากนำมาใช้จริง จะทำให้ HDD ความจุสูงสุดทะลุ 55TB–69TB ในฟอร์แมตเดียวกัน 🏭 แผนการผลิตในอนาคต แม้แผ่นจาน 6.9TB ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ Seagate มีแผนจะผลิตแผ่นจาน 4TB, 5TB และ 6TB ในปี 2027–2029 และคาดว่าจะใช้แผ่นจาน 7TB–15TB หลังปี 2031 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน Seagate อาจผลิต HDD ขนาด petabyte ได้ก่อนปี 2040 🌍 ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม แม้ SSD จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ HDD ยังคงเป็น กระดูกสันหลังของการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว เพราะมีความคุ้มค่าต่อความจุและความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะใน Data Center และ AI workloads ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บมหาศาล ปัจจุบันความต้องการ HDD สูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี ในบางตลาด 🔒 ผลกระทบต่อผู้ใช้ สำหรับผู้ใช้ทั่วไป HDD ความจุสูงยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับ SSD ในด้านราคา/ความจุ การพัฒนานี้จึงเป็นสัญญาณว่าตลาด HDD จะยังคงมีบทบาทสำคัญอีกหลายสิบปี แม้เทคโนโลยี SSD จะก้าวหน้าไปมากก็ตาม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความก้าวหน้าของ Seagate ➡️ พัฒนาแผ่นจาน HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ➡️ ทำให้ HDD 55TB–69TB เป็นไปได้จริง ✅ แผนการผลิต ➡️ ปี 2027–2029 จะผลิตแผ่นจาน 4TB–6TB ➡️ หลังปี 2031 จะมีแผ่นจาน 7TB–15TB ✅ ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม ➡️ HDD ยังคงเป็นหัวใจของ Data Center และ AI workloads ➡️ ความต้องการสูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ HDD ยังคงคุ้มค่ากว่า SSD ในด้านราคา/ความจุ ➡️ ตลาด HDD จะยังมีบทบาทอีกหลายสิบปี ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูล ⛔ หากความต้องการ AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจเกิดการขาดแคลน HDD ⛔ การพึ่งพา HDD มากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี SSD ในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/seagate-achieves-a-whopping-6-9tb-storage-capacity-per-platter-in-its-laboratory-55tb-to-69tb-hard-drives-now-physically-possible
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดเริ่มต้นของ MP3

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ สิทธิบัตร MP3 (MPEG Audio Layer III) ได้รับการอนุมัติในสหรัฐฯ เมื่อปี 1996 ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการดนตรีดิจิทัล ตั้งแต่การแชร์เพลงแบบ peer-to-peer ไปจนถึงการเกิดขึ้นของ iTunes และบริการสตรีมมิ่งในปัจจุบัน

    สิทธิบัตร MP3 ถูกมอบให้กับ Fraunhofer Institut ในปี 1996 หลังจากการวิจัยที่เริ่มตั้งแต่ปี 1977 โดยนักวิทยาศาสตร์อย่าง Karlheinz Brandenburg และทีมงาน MP3 ใช้เทคนิคการบีบอัดแบบ lossy compression ที่สามารถลดขนาดไฟล์เสียงลงได้ถึง 75–95% โดยยังคงคุณภาพที่ใกล้เคียงต้นฉบับ ทำให้การจัดเก็บและส่งต่อเพลงผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นไปได้จริง

    การเปลี่ยนแปลงในยุคอินเทอร์เน็ต
    หลังจากสิทธิบัตรได้รับการอนุมัติ MP3 ถูกนำไปใช้ในซอฟต์แวร์ CD ripper และ encoder apps ทำให้ผู้ใช้สามารถแปลงเพลงจากแผ่น CD เป็นไฟล์ MP3 และแชร์ผ่าน FTP หรือโปรแกรมอย่าง Napster (1999) ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อวงการเพลงแบบดั้งเดิม พร้อมกับการมาของ WinAmp (1998) ที่กลายเป็นโปรแกรมเล่นเพลงยอดนิยม

    การเกิดขึ้นของ iPod และ iTunes
    ปี 2001 Apple เปิดตัว iTunes และ iPod พร้อมสโลแกน “1,000 songs in your pocket” ซึ่งช่วยทำให้การฟังเพลงดิจิทัลถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้น และในปี 2003 iTunes Store เปิดขายเพลงดิจิทัลในราคา $0.99 ต่อเพลง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้วงการเพลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ

    มรดกของ MP3
    แม้สิทธิบัตร MP3 หมดอายุในปี 2017 และถูกแทนที่ด้วยฟอร์แมตใหม่อย่าง AAC และ FLAC แต่ MP3 ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของยุคที่ดนตรีเปลี่ยนผ่านจากสื่อกายภาพไปสู่โลกดิจิทัล และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดบริการสตรีมมิ่งที่เราใช้กันทุกวันนี้

    สรุปสาระสำคัญ
    การอนุมัติสิทธิบัตร MP3 ปี 1996
    Fraunhofer Institut เป็นผู้ถือสิทธิ์
    ใช้เทคนิค lossy compression ลดขนาดไฟล์เสียง 75–95%

    การเปลี่ยนแปลงในยุคอินเทอร์เน็ต
    โปรแกรม CD ripper และ Napster ทำให้เพลงถูกแชร์ออนไลน์
    WinAmp กลายเป็นโปรแกรมเล่นเพลงยอดนิยม

    การเกิดขึ้นของ iPod และ iTunes
    Apple เปิดตัว iTunes และ iPod ในปี 2001
    iTunes Store ปี 2003 ขายเพลงดิจิทัลถูกลิขสิทธิ์

    มรดกของ MP3
    สิทธิบัตรหมดอายุในปี 2017
    ถูกแทนที่ด้วย AAC และ FLAC แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคดิจิทัล

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรมเพลง
    การแชร์ไฟล์แบบ peer-to-peer ทำให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งใหญ่
    การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลทำให้ธุรกิจเพลงแบบดั้งเดิมสูญเสียรายได้มหาศาล

    https://www.tomshardware.com/software/the-u-s-patent-for-mp3-audio-was-granted-on-this-day-in-1996-laying-the-foundations-for-peer-to-peer-music-sharing-itunes-and-todays-streaming-services
    🎶 จุดเริ่มต้นของ MP3 ข่าวนี้เล่าถึงการที่ สิทธิบัตร MP3 (MPEG Audio Layer III) ได้รับการอนุมัติในสหรัฐฯ เมื่อปี 1996 ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการดนตรีดิจิทัล ตั้งแต่การแชร์เพลงแบบ peer-to-peer ไปจนถึงการเกิดขึ้นของ iTunes และบริการสตรีมมิ่งในปัจจุบัน สิทธิบัตร MP3 ถูกมอบให้กับ Fraunhofer Institut ในปี 1996 หลังจากการวิจัยที่เริ่มตั้งแต่ปี 1977 โดยนักวิทยาศาสตร์อย่าง Karlheinz Brandenburg และทีมงาน MP3 ใช้เทคนิคการบีบอัดแบบ lossy compression ที่สามารถลดขนาดไฟล์เสียงลงได้ถึง 75–95% โดยยังคงคุณภาพที่ใกล้เคียงต้นฉบับ ทำให้การจัดเก็บและส่งต่อเพลงผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นไปได้จริง 💻 การเปลี่ยนแปลงในยุคอินเทอร์เน็ต หลังจากสิทธิบัตรได้รับการอนุมัติ MP3 ถูกนำไปใช้ในซอฟต์แวร์ CD ripper และ encoder apps ทำให้ผู้ใช้สามารถแปลงเพลงจากแผ่น CD เป็นไฟล์ MP3 และแชร์ผ่าน FTP หรือโปรแกรมอย่าง Napster (1999) ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อวงการเพลงแบบดั้งเดิม พร้อมกับการมาของ WinAmp (1998) ที่กลายเป็นโปรแกรมเล่นเพลงยอดนิยม 📱 การเกิดขึ้นของ iPod และ iTunes ปี 2001 Apple เปิดตัว iTunes และ iPod พร้อมสโลแกน “1,000 songs in your pocket” ซึ่งช่วยทำให้การฟังเพลงดิจิทัลถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้น และในปี 2003 iTunes Store เปิดขายเพลงดิจิทัลในราคา $0.99 ต่อเพลง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้วงการเพลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ 🌍 มรดกของ MP3 แม้สิทธิบัตร MP3 หมดอายุในปี 2017 และถูกแทนที่ด้วยฟอร์แมตใหม่อย่าง AAC และ FLAC แต่ MP3 ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของยุคที่ดนตรีเปลี่ยนผ่านจากสื่อกายภาพไปสู่โลกดิจิทัล และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดบริการสตรีมมิ่งที่เราใช้กันทุกวันนี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การอนุมัติสิทธิบัตร MP3 ปี 1996 ➡️ Fraunhofer Institut เป็นผู้ถือสิทธิ์ ➡️ ใช้เทคนิค lossy compression ลดขนาดไฟล์เสียง 75–95% ✅ การเปลี่ยนแปลงในยุคอินเทอร์เน็ต ➡️ โปรแกรม CD ripper และ Napster ทำให้เพลงถูกแชร์ออนไลน์ ➡️ WinAmp กลายเป็นโปรแกรมเล่นเพลงยอดนิยม ✅ การเกิดขึ้นของ iPod และ iTunes ➡️ Apple เปิดตัว iTunes และ iPod ในปี 2001 ➡️ iTunes Store ปี 2003 ขายเพลงดิจิทัลถูกลิขสิทธิ์ ✅ มรดกของ MP3 ➡️ สิทธิบัตรหมดอายุในปี 2017 ➡️ ถูกแทนที่ด้วย AAC และ FLAC แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคดิจิทัล ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรมเพลง ⛔ การแชร์ไฟล์แบบ peer-to-peer ทำให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งใหญ่ ⛔ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลทำให้ธุรกิจเพลงแบบดั้งเดิมสูญเสียรายได้มหาศาล https://www.tomshardware.com/software/the-u-s-patent-for-mp3-audio-was-granted-on-this-day-in-1996-laying-the-foundations-for-peer-to-peer-music-sharing-itunes-and-todays-streaming-services
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความก้าวหน้าของ CXMT

    CXMT เปิดตัวชิปหน่วยความจำ DDR5-8000 ที่มีความเร็วสูงถึง 8,000 MT/s และ LPDDR5X-10667 สำหรับอุปกรณ์พกพา แม้จะไม่มีเครื่องมือการผลิตระดับ sub-18nm ที่ทันสมัย แต่บริษัทสามารถสร้างชิปที่มีความจุ 16Gb และ 24Gb ได้ ซึ่งเพียงพอสำหรับการผลิตโมดูลหน่วยความจำทั้งแบบ binary (16GB, 32GB) และ non-binary (24GB, 48GB)

    ความท้าทายจากข้อจำกัดการส่งออก
    เนื่องจากถูกสหรัฐฯ จำกัดการเข้าถึงเครื่องจักรและเทคโนโลยีขั้นสูง CXMT ต้องพัฒนาโดยใช้เครื่องมือที่ล้าหลังกว่า แต่ยังสามารถผลิตชิปที่มีความเร็วและความจุสูงได้ ถือเป็นการพิสูจน์ว่าจีนยังคงเดินหน้าพัฒนาแม้ถูกกดดันทางการค้าและเทคโนโลยี

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    การที่ CXMT สามารถผลิต DRAM ความเร็วสูงได้ แสดงให้เห็นว่าจีนกำลังลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ เช่น Samsung และ SK Hynix ในอนาคต หาก CXMT สามารถผลิตในปริมาณมากและรักษาคุณภาพได้ ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดโลก

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้าง ความมั่นคงทางเทคโนโลยี และลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ การพัฒนา DRAM รุ่นใหม่จึงเป็นทั้งสัญลักษณ์และกลยุทธ์ในสงครามเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ

    สรุปสาระสำคัญ
    ความก้าวหน้าของ CXMT
    เปิดตัว DDR5-8000 และ LPDDR5X-10667
    ความจุสูงสุด 24Gb รองรับโมดูลทั้ง binary และ non-binary

    ความท้าทายจากข้อจำกัด
    ไม่มีเครื่องมือ sub-18nm แต่ยังผลิตชิปความเร็วสูงได้
    แสดงถึงความสามารถในการพัฒนาแม้ถูกกดดัน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    อาจแข่งขันกับ Samsung และ SK Hynix ได้ในอนาคต
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    เป็นสัญลักษณ์ของความพยายามสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี
    สะท้อนสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม DRAM
    หาก CXMT ผลิตได้ในปริมาณมาก อาจเปลี่ยนโครงสร้างตลาดโลก
    การแข่งขันอาจนำไปสู่สงครามราคาที่กระทบผู้ผลิตรายอื่น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/chinas-banned-memory-maker-cxmt-unveils-surprising-new-chipmaking-capabilities-despite-crushing-us-export-restrictions-ddr5-8000-and-lpddr5x-10667-displayed
    ⚡ ความก้าวหน้าของ CXMT CXMT เปิดตัวชิปหน่วยความจำ DDR5-8000 ที่มีความเร็วสูงถึง 8,000 MT/s และ LPDDR5X-10667 สำหรับอุปกรณ์พกพา แม้จะไม่มีเครื่องมือการผลิตระดับ sub-18nm ที่ทันสมัย แต่บริษัทสามารถสร้างชิปที่มีความจุ 16Gb และ 24Gb ได้ ซึ่งเพียงพอสำหรับการผลิตโมดูลหน่วยความจำทั้งแบบ binary (16GB, 32GB) และ non-binary (24GB, 48GB) 🏭 ความท้าทายจากข้อจำกัดการส่งออก เนื่องจากถูกสหรัฐฯ จำกัดการเข้าถึงเครื่องจักรและเทคโนโลยีขั้นสูง CXMT ต้องพัฒนาโดยใช้เครื่องมือที่ล้าหลังกว่า แต่ยังสามารถผลิตชิปที่มีความเร็วและความจุสูงได้ ถือเป็นการพิสูจน์ว่าจีนยังคงเดินหน้าพัฒนาแม้ถูกกดดันทางการค้าและเทคโนโลยี 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก การที่ CXMT สามารถผลิต DRAM ความเร็วสูงได้ แสดงให้เห็นว่าจีนกำลังลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ เช่น Samsung และ SK Hynix ในอนาคต หาก CXMT สามารถผลิตในปริมาณมากและรักษาคุณภาพได้ ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดโลก 🔒 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้าง ความมั่นคงทางเทคโนโลยี และลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ การพัฒนา DRAM รุ่นใหม่จึงเป็นทั้งสัญลักษณ์และกลยุทธ์ในสงครามเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความก้าวหน้าของ CXMT ➡️ เปิดตัว DDR5-8000 และ LPDDR5X-10667 ➡️ ความจุสูงสุด 24Gb รองรับโมดูลทั้ง binary และ non-binary ✅ ความท้าทายจากข้อจำกัด ➡️ ไม่มีเครื่องมือ sub-18nm แต่ยังผลิตชิปความเร็วสูงได้ ➡️ แสดงถึงความสามารถในการพัฒนาแม้ถูกกดดัน ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก ➡️ อาจแข่งขันกับ Samsung และ SK Hynix ได้ในอนาคต ➡️ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ ✅ ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ เป็นสัญลักษณ์ของความพยายามสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี ➡️ สะท้อนสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม DRAM ⛔ หาก CXMT ผลิตได้ในปริมาณมาก อาจเปลี่ยนโครงสร้างตลาดโลก ⛔ การแข่งขันอาจนำไปสู่สงครามราคาที่กระทบผู้ผลิตรายอื่น https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/chinas-banned-memory-maker-cxmt-unveils-surprising-new-chipmaking-capabilities-despite-crushing-us-export-restrictions-ddr5-8000-and-lpddr5x-10667-displayed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมโครงการด้าน software ถึงพังพินาท

    บทความจาก IEEE Spectrum วิเคราะห์ว่าแม้การลงทุนด้าน IT จะเพิ่มขึ้นมหาศาล แต่ความล้มเหลวของโครงการซอฟต์แวร์ยังคงเกิดซ้ำๆ โดยมีสาเหตุหลักจากการจัดการผิดพลาด ความซับซ้อนที่ไม่ถูกควบคุม และการไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดเดิม

    วงจรความล้มเหลวที่ไม่สิ้นสุด
    ตั้งแต่ปี 2005 ถึง 2025 การใช้จ่ายด้าน IT ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ความสำเร็จของโครงการซอฟต์แวร์ไม่ได้ดีขึ้นตามไปด้วย ความล้มเหลวเกิดขึ้นในทุกประเทศและทุกประเภทองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน สาเหตุหลักคือ เป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ความซับซ้อนที่จัดการไม่ได้ และการประเมินความเสี่ยงผิดพลาด.

    กรณีศึกษาใหญ่: Phoenix และ Horizon
    Phoenix Payroll (แคนาดา): ใช้งบกว่า 310 ล้านดอลลาร์แคนาดา แต่กลับสร้างปัญหาการจ่ายเงินผิดพลาดให้พนักงานกว่า 70% และยังคงมี backlog กว่า 349,000 เคสที่ไม่ถูกแก้ไขแม้ในปี 2025.

    Horizon EPOS (สหราชอาณาจักร): ระบบที่ผิดพลาดทำให้พนักงานไปรษณีย์กว่า 3,500 คนถูกกล่าวหาว่าทุจริต โดย 900 คนถูกตัดสินจำคุก ทั้งที่ปัญหามาจากซอฟต์แวร์บั๊กภายในระบบเอง.

    ทั้งสองกรณีสะท้อนว่า ความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากเทคนิคอย่างเดียว แต่รวมถึงการจัดการ การเมือง และการปกปิดข้อมูล.

    ความพยายามแก้ไขที่ยังไม่สำเร็จ
    แม้จะมีการนำ Agile และ DevOps มาใช้ แต่รายงานบางฉบับชี้ว่าโครงการ Agile ล้มเหลวสูงถึง 65% และ DevOps ล้มเหลวถึง 90% ในบางองค์กร ปัญหาหลักคือ ขาดวินัย ความต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ทำให้แนวทางใหม่ๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน.

    ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
    ในสหรัฐฯ เพียงปี 2022 ความเสียหายจากความล้มเหลวของซอฟต์แวร์สูงถึง 1.81 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่างบประมาณกลาโหมทั้งปี ขณะที่การบำรุงรักษาระบบ legacy กินงบกว่า 70–75% ของ IT budget องค์กร ทำให้การพัฒนาใหม่ถูกชะลอและเสี่ยงต่อการล้มเหลวซ้ำอีก.

    สรุปสาระสำคัญ
    การลงทุน IT เพิ่มขึ้นมหาศาล
    จาก 1.7 ล้านล้าน → 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ความสำเร็จไม่ดีขึ้น

    กรณีศึกษาใหญ่
    Phoenix Payroll (แคนาดา) และ Horizon EPOS (สหราชอาณาจักร)

    แนวทางใหม่ยังล้มเหลว
    Agile และ DevOps มีอัตราล้มเหลวสูงเพราะขาดวินัยและการเปลี่ยนวัฒนธรรม

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    ความเสียหายปีเดียวในสหรัฐฯ สูงถึง 1.81 ล้านล้านดอลลาร์

    ความเสี่ยงจากการไม่เรียนรู้
    โครงการยังทำผิดซ้ำๆ แม้มีบทเรียนมากมายในอดีต

    ผลกระทบต่อมนุษย์
    พนักงานถูกกล่าวหาผิดๆ สูญเสียชีวิตและอาชีพจากความผิดพลาดของระบบ

    https://spectrum.ieee.org/it-management-software-failures
    💽 ทำไมโครงการด้าน software ถึงพังพินาท บทความจาก IEEE Spectrum วิเคราะห์ว่าแม้การลงทุนด้าน IT จะเพิ่มขึ้นมหาศาล แต่ความล้มเหลวของโครงการซอฟต์แวร์ยังคงเกิดซ้ำๆ โดยมีสาเหตุหลักจากการจัดการผิดพลาด ความซับซ้อนที่ไม่ถูกควบคุม และการไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดเดิม 💻 วงจรความล้มเหลวที่ไม่สิ้นสุด ตั้งแต่ปี 2005 ถึง 2025 การใช้จ่ายด้าน IT ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ความสำเร็จของโครงการซอฟต์แวร์ไม่ได้ดีขึ้นตามไปด้วย ความล้มเหลวเกิดขึ้นในทุกประเทศและทุกประเภทองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน สาเหตุหลักคือ เป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ความซับซ้อนที่จัดการไม่ได้ และการประเมินความเสี่ยงผิดพลาด. ⚠️ กรณีศึกษาใหญ่: Phoenix และ Horizon 🔷 Phoenix Payroll (แคนาดา): ใช้งบกว่า 310 ล้านดอลลาร์แคนาดา แต่กลับสร้างปัญหาการจ่ายเงินผิดพลาดให้พนักงานกว่า 70% และยังคงมี backlog กว่า 349,000 เคสที่ไม่ถูกแก้ไขแม้ในปี 2025. 🔷 Horizon EPOS (สหราชอาณาจักร): ระบบที่ผิดพลาดทำให้พนักงานไปรษณีย์กว่า 3,500 คนถูกกล่าวหาว่าทุจริต โดย 900 คนถูกตัดสินจำคุก ทั้งที่ปัญหามาจากซอฟต์แวร์บั๊กภายในระบบเอง. ทั้งสองกรณีสะท้อนว่า ความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากเทคนิคอย่างเดียว แต่รวมถึงการจัดการ การเมือง และการปกปิดข้อมูล. 🔄 ความพยายามแก้ไขที่ยังไม่สำเร็จ แม้จะมีการนำ Agile และ DevOps มาใช้ แต่รายงานบางฉบับชี้ว่าโครงการ Agile ล้มเหลวสูงถึง 65% และ DevOps ล้มเหลวถึง 90% ในบางองค์กร ปัญหาหลักคือ ขาดวินัย ความต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ทำให้แนวทางใหม่ๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน. 🌍 ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ ในสหรัฐฯ เพียงปี 2022 ความเสียหายจากความล้มเหลวของซอฟต์แวร์สูงถึง 1.81 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่างบประมาณกลาโหมทั้งปี ขณะที่การบำรุงรักษาระบบ legacy กินงบกว่า 70–75% ของ IT budget องค์กร ทำให้การพัฒนาใหม่ถูกชะลอและเสี่ยงต่อการล้มเหลวซ้ำอีก. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การลงทุน IT เพิ่มขึ้นมหาศาล ➡️ จาก 1.7 ล้านล้าน → 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ความสำเร็จไม่ดีขึ้น ✅ กรณีศึกษาใหญ่ ➡️ Phoenix Payroll (แคนาดา) และ Horizon EPOS (สหราชอาณาจักร) ✅ แนวทางใหม่ยังล้มเหลว ➡️ Agile และ DevOps มีอัตราล้มเหลวสูงเพราะขาดวินัยและการเปลี่ยนวัฒนธรรม ✅ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ➡️ ความเสียหายปีเดียวในสหรัฐฯ สูงถึง 1.81 ล้านล้านดอลลาร์ ‼️ ความเสี่ยงจากการไม่เรียนรู้ ⛔ โครงการยังทำผิดซ้ำๆ แม้มีบทเรียนมากมายในอดีต ‼️ ผลกระทบต่อมนุษย์ ⛔ พนักงานถูกกล่าวหาผิดๆ สูญเสียชีวิตและอาชีพจากความผิดพลาดของระบบ https://spectrum.ieee.org/it-management-software-failures
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลก AI กำลังเปลี่ยนจาก “ยุคการขยายขนาด (scaling)” ไปสู่ “ยุคการวิจัย (research)”

    บทสัมภาษณ์ Ilya Sutskever กับ Dwarkesh Patel เน้นว่าโลก AI กำลังเปลี่ยนจาก “ยุคการขยายขนาด (scaling)” ไปสู่ “ยุคการวิจัย (research)” โดยชี้ให้เห็นข้อจำกัดของการพึ่งพา pre-training และ scaling อย่างเดียว พร้อมเสนอว่าความท้าทายใหญ่คือการทำให้โมเดลทั่วไป (generalization) ได้ดีเหมือนมนุษย์.

    จากยุค Scaling สู่ยุค Research
    Ilya อธิบายว่าในช่วงปี 2012–2020 เป็นยุคของการวิจัย แต่หลังจากนั้นโลก AI เข้าสู่ยุค scaling ที่ทุกบริษัทพยายามเพิ่มขนาดโมเดลและข้อมูลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าการขยายขนาดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพได้อีกต่อไป และตอนนี้เรากำลังกลับเข้าสู่ ยุคการวิจัยที่แท้จริง โดยมีคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เป็นเครื่องมือ.

    ปัญหาการเรียนรู้และการทั่วไป
    เขาเน้นว่า โมเดล AI ยัง generalize ได้แย่กว่ามนุษย์อย่างชัดเจน แม้จะทำคะแนนสูงใน benchmark หรือ evals แต่กลับล้มเหลวในงานจริง เช่น การแก้บั๊กที่วนกลับไปมาระหว่างข้อผิดพลาดเดิมและใหม่ ซึ่งสะท้อนว่าการเรียนรู้ของโมเดลยังไม่ยืดหยุ่นเหมือนมนุษย์ที่สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์น้อยๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

    Analogies และ Value Functions
    Ilya ใช้ตัวอย่างนักเรียนแข่งขันเขียนโปรแกรม: คนที่ฝึกหนัก 10,000 ชั่วโมงอาจเก่งเฉพาะการแข่งขัน แต่ไม่ generalize ไปสู่งานจริงได้ดี ขณะที่คนที่ฝึกเพียง 100 ชั่วโมงแต่มี “it factor” กลับทำงานได้ดีกว่าในระยะยาว เขาเชื่อว่ามนุษย์มี value function ที่แข็งแรงและถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ซึ่งช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ AI ยังขาดสิ่งนี้.

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม
    แม้โมเดลจะทำงานได้ดีในเชิงเทคนิค แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจยังไม่ตามทัน เขาเชื่อว่า AI จะค่อยๆ กระจายเข้าสู่เศรษฐกิจและสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งสำคัญคือการวิจัยเพื่อหาวิธีทำให้โมเดลเรียนรู้และทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การพัฒนา AGI เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อมนุษย์.

    สรุปสาระสำคัญ
    ยุคใหม่ของ AI
    จากการขยายขนาด (scaling) สู่การวิจัย (research)

    ข้อจำกัดของโมเดลปัจจุบัน
    ทำคะแนนสูงใน benchmark แต่ generalize ได้แย่ในงานจริง

    บทเรียนจากมนุษย์
    มนุษย์เรียนรู้จากข้อมูลน้อยๆ ได้ดีกว่า เพราะมี value function และอารมณ์

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
    AI จะกระจายเข้าสู่เศรษฐกิจ แต่ต้องแก้ปัญหาการทั่วไปก่อน

    ความเสี่ยงจากการพึ่ง scaling อย่างเดียว
    ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพได้ และอาจทำให้เข้าใจผิดว่าบรรลุ AGI แล้ว

    https://www.dwarkesh.com/p/ilya-sutskever-2
    🌐 โลก AI กำลังเปลี่ยนจาก “ยุคการขยายขนาด (scaling)” ไปสู่ “ยุคการวิจัย (research)” บทสัมภาษณ์ Ilya Sutskever กับ Dwarkesh Patel เน้นว่าโลก AI กำลังเปลี่ยนจาก “ยุคการขยายขนาด (scaling)” ไปสู่ “ยุคการวิจัย (research)” โดยชี้ให้เห็นข้อจำกัดของการพึ่งพา pre-training และ scaling อย่างเดียว พร้อมเสนอว่าความท้าทายใหญ่คือการทำให้โมเดลทั่วไป (generalization) ได้ดีเหมือนมนุษย์. 🔄 จากยุค Scaling สู่ยุค Research Ilya อธิบายว่าในช่วงปี 2012–2020 เป็นยุคของการวิจัย แต่หลังจากนั้นโลก AI เข้าสู่ยุค scaling ที่ทุกบริษัทพยายามเพิ่มขนาดโมเดลและข้อมูลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าการขยายขนาดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพได้อีกต่อไป และตอนนี้เรากำลังกลับเข้าสู่ ยุคการวิจัยที่แท้จริง โดยมีคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เป็นเครื่องมือ. 🧠 ปัญหาการเรียนรู้และการทั่วไป เขาเน้นว่า โมเดล AI ยัง generalize ได้แย่กว่ามนุษย์อย่างชัดเจน แม้จะทำคะแนนสูงใน benchmark หรือ evals แต่กลับล้มเหลวในงานจริง เช่น การแก้บั๊กที่วนกลับไปมาระหว่างข้อผิดพลาดเดิมและใหม่ ซึ่งสะท้อนว่าการเรียนรู้ของโมเดลยังไม่ยืดหยุ่นเหมือนมนุษย์ที่สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์น้อยๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ. 💡 Analogies และ Value Functions Ilya ใช้ตัวอย่างนักเรียนแข่งขันเขียนโปรแกรม: คนที่ฝึกหนัก 10,000 ชั่วโมงอาจเก่งเฉพาะการแข่งขัน แต่ไม่ generalize ไปสู่งานจริงได้ดี ขณะที่คนที่ฝึกเพียง 100 ชั่วโมงแต่มี “it factor” กลับทำงานได้ดีกว่าในระยะยาว เขาเชื่อว่ามนุษย์มี value function ที่แข็งแรงและถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ซึ่งช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ AI ยังขาดสิ่งนี้. 🌍 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม แม้โมเดลจะทำงานได้ดีในเชิงเทคนิค แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจยังไม่ตามทัน เขาเชื่อว่า AI จะค่อยๆ กระจายเข้าสู่เศรษฐกิจและสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งสำคัญคือการวิจัยเพื่อหาวิธีทำให้โมเดลเรียนรู้และทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การพัฒนา AGI เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อมนุษย์. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ยุคใหม่ของ AI ➡️ จากการขยายขนาด (scaling) สู่การวิจัย (research) ✅ ข้อจำกัดของโมเดลปัจจุบัน ➡️ ทำคะแนนสูงใน benchmark แต่ generalize ได้แย่ในงานจริง ✅ บทเรียนจากมนุษย์ ➡️ มนุษย์เรียนรู้จากข้อมูลน้อยๆ ได้ดีกว่า เพราะมี value function และอารมณ์ ✅ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ➡️ AI จะกระจายเข้าสู่เศรษฐกิจ แต่ต้องแก้ปัญหาการทั่วไปก่อน ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่ง scaling อย่างเดียว ⛔ ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพได้ และอาจทำให้เข้าใจผิดว่าบรรลุ AGI แล้ว https://www.dwarkesh.com/p/ilya-sutskever-2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • การจับมือของกลุ่มแรนซัมแวร์

    รายงานจาก NCC Group ชี้ว่าเดือนตุลาคม 2025 มีการโจมตีแรนซัมแวร์มากถึง 594 ครั้ง เพิ่มขึ้น 41% จากเดือนก่อนหน้า โดยกลุ่ม Qilin ครองสัดส่วนสูงสุดถึง 29% ตามด้วย Sinobi และ Akira การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการจับมือกันของกลุ่มใหญ่ เช่น LockBit 5.0, DragonForce และ Qilin ที่รวมทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยากต่อการรับมือจากองค์กรและหน่วยงานรัฐ.

    กลยุทธ์ใหม่และการขยายตัว
    นอกจากการรวมกลุ่มแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ เช่น การใช้เทคนิค double extortion, zero-day exploits และการให้บริการเสริมแก่ affiliate เช่น การช่วยเจรจาเรียกค่าไถ่ สิ่งเหล่านี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มี กลุ่มใหม่ๆ เช่น The Gentlemen เข้ามาในตลาด โดยเน้นโจมตีภาคสุขภาพ การเงิน และ IT.

    ภาคส่วนและภูมิภาคที่ถูกโจมตีหนัก
    อุตสาหกรรมการผลิตและธุรกิจบริการยังคงเป็นเป้าหมายหลัก โดยภาค อุตสาหกรรมถูกโจมตีมากที่สุด (28%) ตามด้วยธุรกิจยานยนต์และค้าปลีก ส่วนภูมิภาค อเมริกาเหนือโดนโจมตีมากกว่า 62% ของทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคนี้ยังเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มแรนซัมแวร์.

    แนวทางป้องกันและรับมือ
    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าองค์กรควร ทดสอบแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์ (incident response plan) อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้ การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย, การตรวจสอบสิทธิ์หลายชั้น และการอบรมพนักงาน เพื่อรับมือกับการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น การเฝ้าระวังเชิงรุกและการอัปเดตระบบอย่างต่อเนื่องถือเป็นหัวใจสำคัญในการลดความเสี่ยง.

    สรุปสาระสำคัญ
    จำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้น
    เดือนตุลาคม 2025 มี 594 ครั้ง เพิ่มขึ้น 41% จากเดือนก่อน

    กลุ่มที่มีบทบาทสูงสุด
    Qilin (29%), Sinobi และ Akira

    การจับมือของกลุ่มใหญ่
    LockBit 5.0, DragonForce และ Qilin รวมทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐาน

    กลยุทธ์ใหม่ของแรนซัมแวร์
    Double extortion, zero-day exploits, affiliate services

    ภาคส่วนและภูมิภาคที่โดนหนัก
    อุตสาหกรรม (28%), อเมริกาเหนือ (62%)

    ความเสี่ยงจากการรวมกลุ่ม
    ทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยากต่อการรับมือ

    ความเสี่ยงจากกลยุทธ์ใหม่
    การโจมตีซับซ้อนขึ้น เช่น การเจรจาเรียกค่าไถ่และการใช้ zero-day

    https://www.csoonline.com/article/4096263/alliances-between-ransomware-groups-tied-to-recent-surge-in-cybercrime.html
    🕵️‍♂️ การจับมือของกลุ่มแรนซัมแวร์ รายงานจาก NCC Group ชี้ว่าเดือนตุลาคม 2025 มีการโจมตีแรนซัมแวร์มากถึง 594 ครั้ง เพิ่มขึ้น 41% จากเดือนก่อนหน้า โดยกลุ่ม Qilin ครองสัดส่วนสูงสุดถึง 29% ตามด้วย Sinobi และ Akira การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการจับมือกันของกลุ่มใหญ่ เช่น LockBit 5.0, DragonForce และ Qilin ที่รวมทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยากต่อการรับมือจากองค์กรและหน่วยงานรัฐ. ⚡ กลยุทธ์ใหม่และการขยายตัว นอกจากการรวมกลุ่มแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ เช่น การใช้เทคนิค double extortion, zero-day exploits และการให้บริการเสริมแก่ affiliate เช่น การช่วยเจรจาเรียกค่าไถ่ สิ่งเหล่านี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มี กลุ่มใหม่ๆ เช่น The Gentlemen เข้ามาในตลาด โดยเน้นโจมตีภาคสุขภาพ การเงิน และ IT. 🌍 ภาคส่วนและภูมิภาคที่ถูกโจมตีหนัก อุตสาหกรรมการผลิตและธุรกิจบริการยังคงเป็นเป้าหมายหลัก โดยภาค อุตสาหกรรมถูกโจมตีมากที่สุด (28%) ตามด้วยธุรกิจยานยนต์และค้าปลีก ส่วนภูมิภาค อเมริกาเหนือโดนโจมตีมากกว่า 62% ของทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคนี้ยังเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มแรนซัมแวร์. 🛡️ แนวทางป้องกันและรับมือ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าองค์กรควร ทดสอบแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์ (incident response plan) อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้ การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย, การตรวจสอบสิทธิ์หลายชั้น และการอบรมพนักงาน เพื่อรับมือกับการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น การเฝ้าระวังเชิงรุกและการอัปเดตระบบอย่างต่อเนื่องถือเป็นหัวใจสำคัญในการลดความเสี่ยง. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ จำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้น ➡️ เดือนตุลาคม 2025 มี 594 ครั้ง เพิ่มขึ้น 41% จากเดือนก่อน ✅ กลุ่มที่มีบทบาทสูงสุด ➡️ Qilin (29%), Sinobi และ Akira ✅ การจับมือของกลุ่มใหญ่ ➡️ LockBit 5.0, DragonForce และ Qilin รวมทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐาน ✅ กลยุทธ์ใหม่ของแรนซัมแวร์ ➡️ Double extortion, zero-day exploits, affiliate services ✅ ภาคส่วนและภูมิภาคที่โดนหนัก ➡️ อุตสาหกรรม (28%), อเมริกาเหนือ (62%) ‼️ ความเสี่ยงจากการรวมกลุ่ม ⛔ ทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยากต่อการรับมือ ‼️ ความเสี่ยงจากกลยุทธ์ใหม่ ⛔ การโจมตีซับซ้อนขึ้น เช่น การเจรจาเรียกค่าไถ่และการใช้ zero-day https://www.csoonline.com/article/4096263/alliances-between-ransomware-groups-tied-to-recent-surge-in-cybercrime.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Alliances between ransomware groups tied to recent surge in cybercrime
    Ransomware attacks have increased because of new players and partnerships between existing attackers. This is expected to grow further in the lead up to the end of year holidays.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกงานอย่างไม่คาดคิด

    รายงานจาก World Economic Forum ระบุว่า AI จะมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงงานทั่วโลก โดยคาดว่าจะมีการสร้างงานใหม่กว่า 170 ล้านตำแหน่ง แต่ก็จะสูญเสียไปกว่า 92 ล้านตำแหน่งในเวลาเดียวกัน งานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ เจ้าหน้าที่ธุรการ เลขานุการ และงานที่มีลักษณะซ้ำๆ ซึ่งกำลังถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติและ AI-powered agents

    บริษัทใหญ่เช่น IBM และ Meta ได้เริ่มลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ไม่ใช่สายเทคนิค โดย IBM ถึงขั้นใช้ AI แทนพนักงาน HR ในบางส่วน ขณะที่ Walmart ก็ยืนยันว่า “ทุกงานจะเปลี่ยนไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่งานที่ยังคงอยู่ก็จะถูกปรับเปลี่ยนด้วย AI

    งานใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเติบโตของ AI
    แม้จะมีการลดตำแหน่งงาน แต่ AI ก็สร้างโอกาสใหม่เช่นกัน โดยเฉพาะ Prompt Engineer, Automation Specialist และงานที่เน้น Critical Thinking ซึ่งเป็นทักษะที่ AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังมีความต้องการแรงงานฝีมือ เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างไม้ และช่างประปา เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับ AI

    นอกเหนือจากงานสายเทคนิคแล้ว หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังเข้ามาแทนแรงงานมนุษย์ในหลายภาคส่วน ตั้งแต่การเก็บผลไม้ ทำกาแฟ ไปจนถึงการทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตมนุษย์ แต่ก็ทำให้แรงงานที่มีการศึกษาน้อยถูกแทนที่มากขึ้น

    ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน
    แม้ AI จะสร้างงานใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้มีลักษณะ ไม่สมดุล โดยงานที่ต้องใช้การตัดสินใจและการคิดเชิงวิพากษ์ยังคงมีความต้องการสูง ขณะที่งานที่ซ้ำๆ และใช้แรงงานพื้นฐานกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว ธนาคารกลาง St. Louis ชี้ว่า หุ่นยนต์มักแทนที่แรงงานที่มีการศึกษาต่ำ และแนวโน้มนี้จะขยายไปยังสายการผลิต เช่น การใช้แขนกลในการเคลื่อนย้ายวัสดุในโรงงาน

    สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า AI จะเป็นผลบวกสุทธิหรือไม่ต่อการจ้างงาน เพราะแม้จะมีการสร้างงานใหม่ แต่จำนวนงานที่หายไปและความเหลื่อมล้ำทางทักษะอาจทำให้แรงงานจำนวนมากถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

    สรุปสาระสำคัญ
    AI สร้างและทำลายงานพร้อมกัน
    170 ล้านงานใหม่ แต่ 92 ล้านงานหายไป

    งานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
    เจ้าหน้าที่ธุรการ เลขานุการ และงานซ้ำๆ

    บริษัทใหญ่เริ่มใช้ AI แทนคน
    IBM ใช้ AI แทน HR, Walmart ยืนยันทุกงานจะเปลี่ยน

    งานใหม่ที่เกิดขึ้น
    Prompt Engineer, Automation Specialist, ช่างไฟฟ้า และงานที่ใช้ Critical Thinking

    ความเสี่ยงต่อแรงงานการศึกษาต่ำ
    หุ่นยนต์แทนที่งานซ้ำๆ เช่น การผลิตและงานบริการ

    ความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน
    แม้มีงานใหม่ แต่ความเหลื่อมล้ำทางทักษะอาจเพิ่มขึ้น

    https://www.slashgear.com/2034261/artificial-intelligence-middle-management-job-layoffs/
    🤖 AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกงานอย่างไม่คาดคิด รายงานจาก World Economic Forum ระบุว่า AI จะมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงงานทั่วโลก โดยคาดว่าจะมีการสร้างงานใหม่กว่า 170 ล้านตำแหน่ง แต่ก็จะสูญเสียไปกว่า 92 ล้านตำแหน่งในเวลาเดียวกัน งานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ เจ้าหน้าที่ธุรการ เลขานุการ และงานที่มีลักษณะซ้ำๆ ซึ่งกำลังถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติและ AI-powered agents บริษัทใหญ่เช่น IBM และ Meta ได้เริ่มลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ไม่ใช่สายเทคนิค โดย IBM ถึงขั้นใช้ AI แทนพนักงาน HR ในบางส่วน ขณะที่ Walmart ก็ยืนยันว่า “ทุกงานจะเปลี่ยนไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่งานที่ยังคงอยู่ก็จะถูกปรับเปลี่ยนด้วย AI 🛠️ งานใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเติบโตของ AI แม้จะมีการลดตำแหน่งงาน แต่ AI ก็สร้างโอกาสใหม่เช่นกัน โดยเฉพาะ Prompt Engineer, Automation Specialist และงานที่เน้น Critical Thinking ซึ่งเป็นทักษะที่ AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังมีความต้องการแรงงานฝีมือ เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างไม้ และช่างประปา เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับ AI นอกเหนือจากงานสายเทคนิคแล้ว หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังเข้ามาแทนแรงงานมนุษย์ในหลายภาคส่วน ตั้งแต่การเก็บผลไม้ ทำกาแฟ ไปจนถึงการทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตมนุษย์ แต่ก็ทำให้แรงงานที่มีการศึกษาน้อยถูกแทนที่มากขึ้น ⚠️ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน แม้ AI จะสร้างงานใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้มีลักษณะ ไม่สมดุล โดยงานที่ต้องใช้การตัดสินใจและการคิดเชิงวิพากษ์ยังคงมีความต้องการสูง ขณะที่งานที่ซ้ำๆ และใช้แรงงานพื้นฐานกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว ธนาคารกลาง St. Louis ชี้ว่า หุ่นยนต์มักแทนที่แรงงานที่มีการศึกษาต่ำ และแนวโน้มนี้จะขยายไปยังสายการผลิต เช่น การใช้แขนกลในการเคลื่อนย้ายวัสดุในโรงงาน สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า AI จะเป็นผลบวกสุทธิหรือไม่ต่อการจ้างงาน เพราะแม้จะมีการสร้างงานใหม่ แต่จำนวนงานที่หายไปและความเหลื่อมล้ำทางทักษะอาจทำให้แรงงานจำนวนมากถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ AI สร้างและทำลายงานพร้อมกัน ➡️ 170 ล้านงานใหม่ แต่ 92 ล้านงานหายไป ✅ งานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ➡️ เจ้าหน้าที่ธุรการ เลขานุการ และงานซ้ำๆ ✅ บริษัทใหญ่เริ่มใช้ AI แทนคน ➡️ IBM ใช้ AI แทน HR, Walmart ยืนยันทุกงานจะเปลี่ยน ✅ งานใหม่ที่เกิดขึ้น ➡️ Prompt Engineer, Automation Specialist, ช่างไฟฟ้า และงานที่ใช้ Critical Thinking ‼️ ความเสี่ยงต่อแรงงานการศึกษาต่ำ ⛔ หุ่นยนต์แทนที่งานซ้ำๆ เช่น การผลิตและงานบริการ ‼️ ความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน ⛔ แม้มีงานใหม่ แต่ความเหลื่อมล้ำทางทักษะอาจเพิ่มขึ้น https://www.slashgear.com/2034261/artificial-intelligence-middle-management-job-layoffs/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The Jobs AI Is Taking First Aren't The Ones You Might Expect - SlashGear
    Artificial intelligence has many worried about its impact on the job market, but you may be surprised how things are going.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tor Project เปิดตัว CGO Encryption แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่

    เครือข่าย Tor เป็นที่รู้จักในฐานะเครื่องมือรักษาความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ แต่โปรโตคอลเข้ารหัสเดิมที่ชื่อว่า Tor1 กลับมีจุดอ่อนสำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attacks ซึ่งผู้ไม่หวังดีสามารถแก้ไขข้อมูลที่ผ่านโหนดหนึ่ง แล้วติดตามการเปลี่ยนแปลงที่ปลายทางเพื่อระบุตัวผู้ใช้งานได้ นอกจากนี้ Tor1 ยังใช้ AES key ซ้ำ ตลอดเส้นทาง และมีระบบตรวจสอบเพียง 4 ไบต์ ทำให้มีโอกาสที่ข้อมูลปลอมจะเล็ดลอดเข้ามาได้

    เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนา Counter Galois Onion (CGO) ซึ่งเป็นอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการแก้ไขข้อมูลระหว่างทาง หากมีการดัดแปลงแม้เพียงเล็กน้อย ข้อมูลทั้งชุดจะไม่สามารถใช้งานได้ทันที ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้ Tor อย่างมีนัยสำคัญ

    การพัฒนาและการใช้งานจริง
    CGO ถูกนำไปใช้แล้วใน Arti ซึ่งเป็น Tor client ที่เขียนด้วยภาษา Rust โดยมีการออกแบบให้รองรับการทำงานร่วมกับโครงสร้างเดิมของ Tor ที่ยังใช้ภาษา C อยู่ แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่ทีมงานเชื่อว่าการใช้ Rust จะช่วยลดช่องโหว่ด้านหน่วยความจำที่เคยเกิดขึ้นในเวอร์ชันก่อน ๆ และทำให้ระบบมีความเสถียรมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม การนำ CGO มาใช้ใน Tor Browser ยังไม่มีการกำหนดเวลาแน่ชัด ทีมงานกำลังมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับ CPU รุ่นใหม่ เนื่องจาก CGO อาจมีค่าใช้จ่ายด้านการประมวลผลสูงกว่า Tor1 แต่ก็มีศักยภาพในการปรับแต่งให้เร็วขึ้นในอนาคต

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และความสำคัญ
    การเปลี่ยนผ่านจาก Tor1 ไปสู่ CGO ถือเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันการโจมตีที่ซับซ้อนในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อการใช้งาน Tor ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ใช้ทั่วไป แต่ยังรวมถึงนักข่าว นักเคลื่อนไหว และองค์กรที่ต้องการรักษาความลับของข้อมูล การมีระบบเข้ารหัสที่แข็งแกร่งขึ้นจึงช่วยสร้างความมั่นใจและลดความเสี่ยงจากการถูกติดตาม

    ในภาพรวม CGO ไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาที่ Tor1 มีมานาน แต่ยังเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาการเข้ารหัสรุ่นใหม่ ๆ ที่จะทำให้ Tor ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Tor1 Protocol มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ tagging attacks ที่สามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้
    ใช้ AES key ซ้ำ และมีระบบตรวจสอบเพียง 4 ไบต์

    Tor Project พัฒนา Counter Galois Onion (CGO)
    ป้องกันการแก้ไขข้อมูลระหว่างทาง หากถูกดัดแปลง ข้อมูลจะไม่สามารถใช้งานได้
    ใช้ใน Arti (Rust-based client) และมีเวอร์ชันรองรับโครงสร้างเดิม

    CGO อยู่ระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพ
    ยังไม่มีกำหนดการชัดเจนสำหรับการใช้งานใน Tor Browser
    ทีมงานกำลังปรับแต่งให้เหมาะสมกับ CPU รุ่นใหม่

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Tor ในปัจจุบัน
    Tor1 ยังคงมีความเสี่ยงจากการโจมตีและการติดตามข้อมูล
    การใช้งาน Tor Browser ยังไม่สามารถพึ่งพา CGO ได้เต็มรูปแบบในตอนนี้

    https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol/
    🔐 Tor Project เปิดตัว CGO Encryption แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่ เครือข่าย Tor เป็นที่รู้จักในฐานะเครื่องมือรักษาความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ แต่โปรโตคอลเข้ารหัสเดิมที่ชื่อว่า Tor1 กลับมีจุดอ่อนสำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attacks ซึ่งผู้ไม่หวังดีสามารถแก้ไขข้อมูลที่ผ่านโหนดหนึ่ง แล้วติดตามการเปลี่ยนแปลงที่ปลายทางเพื่อระบุตัวผู้ใช้งานได้ นอกจากนี้ Tor1 ยังใช้ AES key ซ้ำ ตลอดเส้นทาง และมีระบบตรวจสอบเพียง 4 ไบต์ ทำให้มีโอกาสที่ข้อมูลปลอมจะเล็ดลอดเข้ามาได้ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนา Counter Galois Onion (CGO) ซึ่งเป็นอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการแก้ไขข้อมูลระหว่างทาง หากมีการดัดแปลงแม้เพียงเล็กน้อย ข้อมูลทั้งชุดจะไม่สามารถใช้งานได้ทันที ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้ Tor อย่างมีนัยสำคัญ ⚙️ การพัฒนาและการใช้งานจริง CGO ถูกนำไปใช้แล้วใน Arti ซึ่งเป็น Tor client ที่เขียนด้วยภาษา Rust โดยมีการออกแบบให้รองรับการทำงานร่วมกับโครงสร้างเดิมของ Tor ที่ยังใช้ภาษา C อยู่ แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่ทีมงานเชื่อว่าการใช้ Rust จะช่วยลดช่องโหว่ด้านหน่วยความจำที่เคยเกิดขึ้นในเวอร์ชันก่อน ๆ และทำให้ระบบมีความเสถียรมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การนำ CGO มาใช้ใน Tor Browser ยังไม่มีการกำหนดเวลาแน่ชัด ทีมงานกำลังมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับ CPU รุ่นใหม่ เนื่องจาก CGO อาจมีค่าใช้จ่ายด้านการประมวลผลสูงกว่า Tor1 แต่ก็มีศักยภาพในการปรับแต่งให้เร็วขึ้นในอนาคต 🌐 ผลกระทบต่อผู้ใช้และความสำคัญ การเปลี่ยนผ่านจาก Tor1 ไปสู่ CGO ถือเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันการโจมตีที่ซับซ้อนในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อการใช้งาน Tor ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ใช้ทั่วไป แต่ยังรวมถึงนักข่าว นักเคลื่อนไหว และองค์กรที่ต้องการรักษาความลับของข้อมูล การมีระบบเข้ารหัสที่แข็งแกร่งขึ้นจึงช่วยสร้างความมั่นใจและลดความเสี่ยงจากการถูกติดตาม ในภาพรวม CGO ไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาที่ Tor1 มีมานาน แต่ยังเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาการเข้ารหัสรุ่นใหม่ ๆ ที่จะทำให้ Tor ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Tor1 Protocol มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ➡️ เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ tagging attacks ที่สามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ ➡️ ใช้ AES key ซ้ำ และมีระบบตรวจสอบเพียง 4 ไบต์ ✅ Tor Project พัฒนา Counter Galois Onion (CGO) ➡️ ป้องกันการแก้ไขข้อมูลระหว่างทาง หากถูกดัดแปลง ข้อมูลจะไม่สามารถใช้งานได้ ➡️ ใช้ใน Arti (Rust-based client) และมีเวอร์ชันรองรับโครงสร้างเดิม ✅ CGO อยู่ระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพ ➡️ ยังไม่มีกำหนดการชัดเจนสำหรับการใช้งานใน Tor Browser ➡️ ทีมงานกำลังปรับแต่งให้เหมาะสมกับ CPU รุ่นใหม่ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Tor ในปัจจุบัน ⛔ Tor1 ยังคงมีความเสี่ยงจากการโจมตีและการติดตามข้อมูล ⛔ การใช้งาน Tor Browser ยังไม่สามารถพึ่งพา CGO ได้เต็มรูปแบบในตอนนี้ https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol/
    SECURITYONLINE.INFO
    Tor Project Develops New CGO Encryption to Replace Vulnerable Tor1 Protocol
    The Tor Project is developing the Counter Galois Onion (CGO) algorithm to replace the vulnerable Tor1 protocol, enhancing security against tagging attacks and key reuse.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานวิจัยใหม่: ลำไส้กับโรคพาร์กินสัน

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น พบความเชื่อมโยงระหว่างจุลินทรีย์ในลำไส้กับการเกิดโรคพาร์กินสัน โดยการวิเคราะห์ตัวอย่างอุจจาระจากผู้ป่วยและคนสุขภาพดีในหลายประเทศ ผลลัพธ์ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงของชุมชนแบคทีเรียในลำไส้ส่งผลให้ร่างกายผลิตวิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) และบี 7 (ไบโอติน) ลดลง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรค

    แนวทางการรักษาที่เรียบง่าย
    การขาดวิตามินบีเหล่านี้สัมพันธ์กับการลดลงของกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) และโพลีเอมีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างชั้นเมือกป้องกันในลำไส้ เมื่อชั้นป้องกันนี้บางลง ระบบประสาทในลำไส้จึงสัมผัสกับสารพิษมากขึ้น เช่น สารเคมีจากยาฆ่าแมลงหรือสารทำความสะอาด ซึ่งสามารถกระตุ้นการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองและนำไปสู่โรคพาร์กินสันได้ นักวิจัยเสนอว่าการเสริมวิตามินบี 2 และบี 7 อาจช่วยบรรเทาอาการและชะลอการดำเนินโรค

    ความเสี่ยงและปัจจัยแวดล้อม
    แม้การเสริมวิตามินดูเป็นวิธีง่าย แต่โรคพาร์กินสันมีสาเหตุซับซ้อนและแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษและคุณภาพการนอนหลับ ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ดังนั้นการรักษาอาจต้องปรับตามสภาพร่างกายและวิถีชีวิตของผู้ป่วย ไม่สามารถใช้แนวทางเดียวกับทุกคนได้

    ความหวังใหม่จากไมโครไบโอม
    การค้นพบนี้ตอกย้ำว่าลำไส้และสมองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกว่าที่เคยคิด การดูแลสุขภาพลำไส้ เช่น การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ลดสารพิษในสิ่งแวดล้อม และเสริมวิตามินที่จำเป็น อาจเป็นแนวทางป้องกันและรักษาโรคพาร์กินสันในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    ความเชื่อมโยงลำไส้-สมอง
    การเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ทำให้วิตามินบี 2 และบี 7 ลดลง
    ส่งผลต่อการสร้างชั้นเมือกป้องกันในลำไส้

    แนวทางการรักษา
    การเสริมวิตามินบี 2 และบี 7 อาจช่วยบรรเทาอาการ
    ป้องกันการสะสมโปรตีนผิดปกติในสมอง

    ผลกระทบต่อสุขภาพ
    การขาดวิตามินสัมพันธ์กับการลด SCFAs และโพลีเอมีน
    เพิ่มความเสี่ยงต่อการสัมผัสสารพิษในระบบประสาท

    ข้อควรระวัง
    โรคพาร์กินสันมีสาเหตุซับซ้อน ไม่ใช่ทุกคนตอบสนองต่อการเสริมวิตามิน
    ปัจจัยสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษและการนอนหลับ มีผลต่อการเกิดโรค
    ต้องมีการวิเคราะห์รายบุคคลก่อนใช้แนวทางการรักษา

    https://www.sciencealert.com/parkinsons-link-to-gut-bacteria-suggests-unexpectedly-simple-treatment
    🧠 งานวิจัยใหม่: ลำไส้กับโรคพาร์กินสัน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น พบความเชื่อมโยงระหว่างจุลินทรีย์ในลำไส้กับการเกิดโรคพาร์กินสัน โดยการวิเคราะห์ตัวอย่างอุจจาระจากผู้ป่วยและคนสุขภาพดีในหลายประเทศ ผลลัพธ์ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงของชุมชนแบคทีเรียในลำไส้ส่งผลให้ร่างกายผลิตวิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) และบี 7 (ไบโอติน) ลดลง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรค 🌿 แนวทางการรักษาที่เรียบง่าย การขาดวิตามินบีเหล่านี้สัมพันธ์กับการลดลงของกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) และโพลีเอมีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างชั้นเมือกป้องกันในลำไส้ เมื่อชั้นป้องกันนี้บางลง ระบบประสาทในลำไส้จึงสัมผัสกับสารพิษมากขึ้น เช่น สารเคมีจากยาฆ่าแมลงหรือสารทำความสะอาด ซึ่งสามารถกระตุ้นการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองและนำไปสู่โรคพาร์กินสันได้ นักวิจัยเสนอว่าการเสริมวิตามินบี 2 และบี 7 อาจช่วยบรรเทาอาการและชะลอการดำเนินโรค ⚠️ ความเสี่ยงและปัจจัยแวดล้อม แม้การเสริมวิตามินดูเป็นวิธีง่าย แต่โรคพาร์กินสันมีสาเหตุซับซ้อนและแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษและคุณภาพการนอนหลับ ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ดังนั้นการรักษาอาจต้องปรับตามสภาพร่างกายและวิถีชีวิตของผู้ป่วย ไม่สามารถใช้แนวทางเดียวกับทุกคนได้ 🌍 ความหวังใหม่จากไมโครไบโอม การค้นพบนี้ตอกย้ำว่าลำไส้และสมองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกว่าที่เคยคิด การดูแลสุขภาพลำไส้ เช่น การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ลดสารพิษในสิ่งแวดล้อม และเสริมวิตามินที่จำเป็น อาจเป็นแนวทางป้องกันและรักษาโรคพาร์กินสันในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความเชื่อมโยงลำไส้-สมอง ➡️ การเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ทำให้วิตามินบี 2 และบี 7 ลดลง ➡️ ส่งผลต่อการสร้างชั้นเมือกป้องกันในลำไส้ ✅ แนวทางการรักษา ➡️ การเสริมวิตามินบี 2 และบี 7 อาจช่วยบรรเทาอาการ ➡️ ป้องกันการสะสมโปรตีนผิดปกติในสมอง ✅ ผลกระทบต่อสุขภาพ ➡️ การขาดวิตามินสัมพันธ์กับการลด SCFAs และโพลีเอมีน ➡️ เพิ่มความเสี่ยงต่อการสัมผัสสารพิษในระบบประสาท ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ โรคพาร์กินสันมีสาเหตุซับซ้อน ไม่ใช่ทุกคนตอบสนองต่อการเสริมวิตามิน ⛔ ปัจจัยสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษและการนอนหลับ มีผลต่อการเกิดโรค ⛔ ต้องมีการวิเคราะห์รายบุคคลก่อนใช้แนวทางการรักษา https://www.sciencealert.com/parkinsons-link-to-gut-bacteria-suggests-unexpectedly-simple-treatment
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Parkinson's Link to Gut Bacteria Suggests Unexpectedly Simple Treatment
    Researchers have suspected for some time that the link between our gut and brain plays a role in the onset of Parkinson's disease.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251126 #TechRadar

    Amazon ทุ่มงบ 50 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างระบบ AI และ HPC สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ
    เรื่องนี้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ Amazon ที่ต้องการยกระดับศักยภาพด้านการประมวลผลให้กับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ โดยจะเน้นไปที่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ความมั่นคงไซเบอร์ พลังงาน และการแพทย์ การลงทุนนี้จะเพิ่มกำลังการประมวลผลกว่า 1.3 กิกะวัตต์ในระบบคลาวด์ของรัฐบาล ทำให้สามารถทำงานจำลองและวิเคราะห์ข้อมูลได้เร็วขึ้นมาก AWS CEO กล่าวว่านี่คือการเปิดทางให้หน่วยงานรัฐเข้าถึง AI ขั้นสูงเพื่อเร่งภารกิจสำคัญของประเทศ
    https://www.techradar.com/pro/talk-about-an-upgrade-amazon-is-spending-usd50-billion-on-new-ai-and-hpc-hardware-for-the-us-government

    ข่าวลือราคา iPhone พับได้ อาจสูงถึง $2,399 ทำให้ iPad Mini 8 ดูคุ้มกว่า
    มีรายงานจาก Fubon Research ว่า iPhone รุ่นพับได้ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 อาจมีราคาสูงถึง $2,399 ซึ่งถือว่าแพงกว่าที่หลายคนคาดไว้ แม้จะมีข่าวดีว่าหน้าจออาจไร้รอยพับ แต่ราคาที่สูงขนาดนี้ทำให้หลายคนมองว่าซื้อ iPhone รุ่นปกติพร้อม iPad Mini 8 อาจจะคุ้มกว่า เพราะได้สองหน้าจอในราคาที่ใกล้เคียงกัน การเปิดตัวคาดว่าจะใช้ชื่อ “iPhone Fold” และอยู่ในขั้นตอนการทดสอบก่อนผลิตจริง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/if-the-latest-foldable-iphone-price-rumor-is-correct-the-ipad-mini-8-will-be-the-only-sensible-choice

    ช่องโหว่ที่ซ่อนอยู่ในระบบ Cloud Security
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ระบบคลาวด์หลายเจ้า (multicloud) และการนำ AI หรือ container มาใช้งาน ทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่องค์กรอาจมองไม่เห็น โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายใน (east-west traffic) และการส่งข้อมูลออกไปภายนอก (egress traffic) ที่มักไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวคิดใหม่ “Cloud Native Security Fabric” ที่ฝังระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปในโครงสร้างเครือข่ายโดยตรง เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของ workload แบบเรียลไทม์
    https://www.techradar.com/pro/the-hidden-gaps-in-your-cloud-security-fabric

    Gemini 3 กับ Nano Banana Pro: AI ที่เปลี่ยนการแต่งภาพให้เหมือนงานศิลป์
    Google เปิดตัวเครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI ที่ชื่อ Nano Banana Pro ซึ่งใช้พลังจาก Gemini 3 จุดเด่นคือสามารถปรับแสงเหมือนเปลี่ยนบรรยากาศจริง เช่น จากภาพธรรมดาให้กลายเป็นช่วง golden hour หรือเปลี่ยนฉากหลังโดยไม่ทำให้ตัวแบบดูหลุดออกจากภาพ นอกจากนี้ยังสามารถย้ายวัตถุหรือปรับโครงสร้างภาพได้อย่างสมจริง ทำให้การแก้ไขภาพซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่บอกคำสั่งเหมือนเล่าให้คนเข้าใจ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/gemini-3s-nano-banana-pro-photo-editing-is-amazing-here-are-3-ways-to-make-the-most-of-it

    สิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7: Broadcom ปรับโมเดลราคาใหม่จนลูกค้าหนักใจ
    หลังจาก Broadcom เข้าซื้อ VMware ด้วยมูลค่า 61 พันล้านดอลลาร์ ก็มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งการยกเลิกการขายแบบ perpetual license และเปลี่ยนเป็น subscription bundles ทำให้ต้นทุนของลูกค้าเพิ่มขึ้นหลายเท่า การสิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7 ในเดือนตุลาคม 2025 ยิ่งสร้างแรงกดดันให้ธุรกิจต้องหาทางเลือกใหม่ หลายองค์กรเริ่มมองหาผู้ให้บริการรายอื่นหรือใช้ third-party support เพื่อคงระบบเดิมไว้โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสูงตามโมเดลใหม่
    https://www.techradar.com/pro/vsphere-7-support-ends-the-challenges-of-broadcoms-new-licensing-and-pricing-models

    Linux OS มียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งหลัง Windows 10 หมดการสนับสนุน
    หลังจาก Microsoft ยุติการสนับสนุน Windows 10 ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปหา Linux OS ทางเลือกใหม่ที่มีความปลอดภัยและเสถียร โดยมีรายงานว่ามียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งในเวลาไม่นาน ความนิยมนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้เริ่มมองหาทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพา Windows และยังได้ฟีเจอร์ที่ทันสมัยพร้อมการอัปเดตต่อเนื่องจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    https://www.techradar.com/computing/windows/this-linux-os-has-got-a-million-downloads-since-windows-10-support-ended-should-microsoft-start-worrying-now

    ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์ Agent ให้ผู้ใช้สั่งงานแล้วปล่อยให้ทำเอง
    ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่ชื่อว่า Agent ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งภารกิจ เช่น ค้นหาข้อมูลหรือจัดการงาน แล้วปล่อยให้ระบบทำงานต่อเองโดยไม่ต้องติดตามตลอดเวลา ถือเป็นการยกระดับจากการสนทนาแบบโต้ตอบไปสู่การทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับงานอื่นได้ในขณะที่ AI ทำงานเบื้องหลัง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-agent-feature-lets-you-assign-tasks-and-walk-away-heres-how-it-works

    มหาวิทยาลัย Harvard เผยข้อมูลรั่วไหลกระทบศิษย์เก่าและผู้บริจาค
    Harvard University ประกาศว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์ที่ทำให้ข้อมูลของศิษย์เก่าและผู้บริจาคถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้อง มหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการตรวจสอบและเสริมมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
    https://www.techradar.com/pro/security/harvard-university-reveals-data-breach-hitting-alumni-and-donors

    Zero Trust มี 3 ระดับความเร็วในการปรับใช้
    แนวคิด Zero Trust ที่เน้นการตรวจสอบทุกการเข้าถึงระบบ ไม่ว่าจะมาจากภายในหรือภายนอกองค์กร ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับความเร็วในการนำไปใช้ ได้แก่ ระดับเริ่มต้นที่เน้นการควบคุมพื้นฐาน ระดับกลางที่เริ่มใช้ระบบอัตโนมัติ และระดับสูงสุดที่ผสาน AI และการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อสร้างความปลอดภัยแบบครบวงจร องค์กรสามารถเลือกปรับใช้ตามความพร้อมและทรัพยากรที่มี
    https://www.techradar.com/pro/the-three-speeds-of-zero-trust

    iLamp พลังงานแสงอาทิตย์ เปลี่ยนเสาไฟให้กลายเป็นศูนย์กลาง AI
    นวัตกรรมใหม่ที่ชื่อว่า iLamp ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และติดตั้งระบบ AI ภายในเสาไฟ ทำให้สามารถทำหน้าที่มากกว่าแค่ให้แสงสว่าง เช่น การตรวจสอบสภาพแวดล้อม การเชื่อมต่อกับระบบเมืองอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการเปลี่ยนเสาไฟธรรมดาให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเมืองในอนาคต
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/solar-powered-ilamp-turns-the-humble-lamppost-into-an-ai-hub

    CEO Salesforce หันหลังให้ ChatGPT หันไปหา Gemini 3
    Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce สร้างความฮือฮาเมื่อประกาศเลิกใช้ ChatGPT หลังจากได้ลอง Google Gemini 3 เพียงสองชั่วโมง เขายกย่อง Gemini 3 ว่าเหนือกว่าในด้านความเร็ว การให้เหตุผล และความสามารถแบบมัลติโหมดที่รองรับทั้งข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ การเปลี่ยนใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในโลก AI และอาจส่งผลต่อทิศทางการใช้งาน AI ในองค์กรระดับโลก
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/the-leap-is-insane-salesforce-ceo-swaps-chatgpt-for-gemini-3-and-says-hes-not-going-back

    โน้ตบุ๊ก Geekom GeekBook X14 Pro เบาแต่แรง
    Geekom เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ GeekBook X14 Pro ที่มีน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม แต่สเปกจัดเต็มด้วย Intel Core Ultra 9 และ Intel Arc GPU ที่รองรับการเร่งผลกราฟิกด้วย AI หน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K พร้อมรีเฟรชเรต 120Hz ทำให้ภาพคมชัดและสดใส แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 16 ชั่วโมง และรองรับชาร์จเร็ว จุดเด่นคือความเบาและพกพาสะดวก แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงสำหรับงานหนักและงานสร้างสรรค์
    https://www.techradar.com/pro/geekoms-new-laptop-offers-a-bright-and-wide-screen-impressive-hardware-but-it-weighs-less-than-a-bag-of-sugar

    บั๊ก Windows 11 เล่นงานการ์ดจอ Nvidia RTX 5090
    การอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคมทำให้เกิดปัญหากับเกมเมอร์ โดยเฉพาะเกม Assassin’s Creed Shadows ที่เฟรมเรตตกลงถึง 50% แม้ใช้การ์ดจอระดับเทพ RTX 5090 Nvidia ต้องรีบออกแพตช์แก้ไขฉุกเฉิน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าต้นเหตุจริง ๆ มาจาก Microsoft หรือ Nvidia เอง ปัญหานี้ทำให้ผู้ใช้หลายคนต้องหาทางแก้ชั่วคราว เช่น ปิดฟีเจอร์ Resizable Bar เพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/gpu/possible-windows-11-bug-with-nvidia-gpus-tanks-assassins-creed-shadows-performance-bringing-even-an-rtx-5090-to-its-knees

    แฟนเทคโนโลยีย้อนยุคสร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรู
    นักประดิษฐ์สายเรโทรได้สร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรูขึ้นใหม่ โดยใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์และเซ็นเซอร์แสงสมัยใหม่แทนกลไกเก่า ๆ เครื่องนี้สามารถอ่านข้อมูลจากเทปกระดาษได้ แม้ความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 50 ไบต์ต่อวินาที ซึ่งถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบัน แต่ก็เป็นการรื้อฟื้นเทคโนโลยีเก่าที่เคยมีบทบาทสำคัญในยุคแรกของคอมพิวเตอร์ จุดประสงค์หลักคือการทดลองและอนุรักษ์ ไม่ใช่การใช้งานจริง
    https://www.techradar.com/pro/retro-computer-boffin-creates-a-freshly-created-perforated-tape-reader-just-dont-expect-high-data-reading-speeds

    DeepSeek-R1 ผู้ช่วย AI จากจีนเริ่มสะดุด DeepSeek-R1 ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งแห่งวงการ AI ตอนนี้กลับถูกวิจารณ์หนัก เพราะไม่สามารถจัดการกับหัวข้ออ่อนไหวได้ดี แถมยังสร้างโค้ดที่ผิดพลาดและมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย นักพัฒนาองค์กรที่เคยหวังพึ่งพากลับต้องระวังมากขึ้น เพราะความผิดพลาดเหล่านี้อาจนำไปสู่หายนะด้านความปลอดภัยในระบบใหญ่ ๆ ได้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนา AI ไม่ใช่แค่เรื่องความฉลาด แต่ต้องมั่นคงและปลอดภัยด้วย https://www.techradar.com/pro/deepseek-took-off-as-an-ai-superstar-a-year-ago-but-could-it-also-be-a-major-security-risk-these-experts-think-so

    แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นนักข่าว TechCrunch
    มีการเปิดโปงว่าแฮกเกอร์จำนวนมากกำลังสวมรอยเป็นผู้สื่อข่าวจาก TechCrunch เพื่อหลอกบริษัทต่าง ๆ ให้เปิดเผยข้อมูลลับ ทั้งผ่านอีเมลและการโทรศัพท์ พวกเขาใช้ความน่าเชื่อถือของสื่อใหญ่เป็นเครื่องมือในการโจมตี ทำให้หลายองค์กรตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าการตรวจสอบแหล่งที่มาของการติดต่อเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินล้ำค่า
    https://www.techradar.com/pro/hackers-impersonate-techcrunch-reporters-to-steal-sensitive-information-but-you-can-always-trust-us

    แผน AI ระดับโลกของรัฐบาล Trump
    รัฐบาลสหรัฐภายใต้ Donald Trump ได้เปิดตัวแผนการครอบครองความเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก โดยมีเป้าหมายผลักดันให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี AI ที่เหนือกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนตั้งคำถามว่าแผนนี้อาจมีช่องโหว่และความเสี่ยง ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความปลอดภัย เพราะการเร่งรีบเพื่อครองความเป็นใหญ่ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/the-trump-administration-just-launched-its-own-plan-for-global-ai-dominance-and-what-could-go-wrong

    Meta เปิดโปรแกรมแลกเปลี่ยน Ray-Ban Smart Glasses
    Meta เปิดตัวโปรแกรมใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถนำ AirPods มาแลกเป็นแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban ได้ แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องระวัง เช่น รุ่นที่สามารถแลกได้ และข้อจำกัดในการใช้งาน แม้จะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลองเทคโนโลยีใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สิทธิ์นี้ทันที
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/metas-new-ray-ban-trade-in-program-lets-you-swap-your-airpods-for-smart-glasses-but-theres-a-catch
    📌📡🟢 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟢📡📌 #รวมข่าวIT #20251126 #TechRadar 🖥️ Amazon ทุ่มงบ 50 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างระบบ AI และ HPC สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ เรื่องนี้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ Amazon ที่ต้องการยกระดับศักยภาพด้านการประมวลผลให้กับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ โดยจะเน้นไปที่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ความมั่นคงไซเบอร์ พลังงาน และการแพทย์ การลงทุนนี้จะเพิ่มกำลังการประมวลผลกว่า 1.3 กิกะวัตต์ในระบบคลาวด์ของรัฐบาล ทำให้สามารถทำงานจำลองและวิเคราะห์ข้อมูลได้เร็วขึ้นมาก AWS CEO กล่าวว่านี่คือการเปิดทางให้หน่วยงานรัฐเข้าถึง AI ขั้นสูงเพื่อเร่งภารกิจสำคัญของประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/pro/talk-about-an-upgrade-amazon-is-spending-usd50-billion-on-new-ai-and-hpc-hardware-for-the-us-government 📱 ข่าวลือราคา iPhone พับได้ อาจสูงถึง $2,399 ทำให้ iPad Mini 8 ดูคุ้มกว่า มีรายงานจาก Fubon Research ว่า iPhone รุ่นพับได้ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 อาจมีราคาสูงถึง $2,399 ซึ่งถือว่าแพงกว่าที่หลายคนคาดไว้ แม้จะมีข่าวดีว่าหน้าจออาจไร้รอยพับ แต่ราคาที่สูงขนาดนี้ทำให้หลายคนมองว่าซื้อ iPhone รุ่นปกติพร้อม iPad Mini 8 อาจจะคุ้มกว่า เพราะได้สองหน้าจอในราคาที่ใกล้เคียงกัน การเปิดตัวคาดว่าจะใช้ชื่อ “iPhone Fold” และอยู่ในขั้นตอนการทดสอบก่อนผลิตจริง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/if-the-latest-foldable-iphone-price-rumor-is-correct-the-ipad-mini-8-will-be-the-only-sensible-choice 🔒 ช่องโหว่ที่ซ่อนอยู่ในระบบ Cloud Security บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ระบบคลาวด์หลายเจ้า (multicloud) และการนำ AI หรือ container มาใช้งาน ทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่องค์กรอาจมองไม่เห็น โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายใน (east-west traffic) และการส่งข้อมูลออกไปภายนอก (egress traffic) ที่มักไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวคิดใหม่ “Cloud Native Security Fabric” ที่ฝังระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปในโครงสร้างเครือข่ายโดยตรง เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของ workload แบบเรียลไทม์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-hidden-gaps-in-your-cloud-security-fabric 🎨 Gemini 3 กับ Nano Banana Pro: AI ที่เปลี่ยนการแต่งภาพให้เหมือนงานศิลป์ Google เปิดตัวเครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI ที่ชื่อ Nano Banana Pro ซึ่งใช้พลังจาก Gemini 3 จุดเด่นคือสามารถปรับแสงเหมือนเปลี่ยนบรรยากาศจริง เช่น จากภาพธรรมดาให้กลายเป็นช่วง golden hour หรือเปลี่ยนฉากหลังโดยไม่ทำให้ตัวแบบดูหลุดออกจากภาพ นอกจากนี้ยังสามารถย้ายวัตถุหรือปรับโครงสร้างภาพได้อย่างสมจริง ทำให้การแก้ไขภาพซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่บอกคำสั่งเหมือนเล่าให้คนเข้าใจ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/gemini-3s-nano-banana-pro-photo-editing-is-amazing-here-are-3-ways-to-make-the-most-of-it 💸 สิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7: Broadcom ปรับโมเดลราคาใหม่จนลูกค้าหนักใจ หลังจาก Broadcom เข้าซื้อ VMware ด้วยมูลค่า 61 พันล้านดอลลาร์ ก็มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งการยกเลิกการขายแบบ perpetual license และเปลี่ยนเป็น subscription bundles ทำให้ต้นทุนของลูกค้าเพิ่มขึ้นหลายเท่า การสิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7 ในเดือนตุลาคม 2025 ยิ่งสร้างแรงกดดันให้ธุรกิจต้องหาทางเลือกใหม่ หลายองค์กรเริ่มมองหาผู้ให้บริการรายอื่นหรือใช้ third-party support เพื่อคงระบบเดิมไว้โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสูงตามโมเดลใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/vsphere-7-support-ends-the-challenges-of-broadcoms-new-licensing-and-pricing-models 🐧 Linux OS มียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งหลัง Windows 10 หมดการสนับสนุน หลังจาก Microsoft ยุติการสนับสนุน Windows 10 ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปหา Linux OS ทางเลือกใหม่ที่มีความปลอดภัยและเสถียร โดยมีรายงานว่ามียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งในเวลาไม่นาน ความนิยมนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้เริ่มมองหาทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพา Windows และยังได้ฟีเจอร์ที่ทันสมัยพร้อมการอัปเดตต่อเนื่องจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/this-linux-os-has-got-a-million-downloads-since-windows-10-support-ended-should-microsoft-start-worrying-now 🤖 ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์ Agent ให้ผู้ใช้สั่งงานแล้วปล่อยให้ทำเอง ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่ชื่อว่า Agent ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งภารกิจ เช่น ค้นหาข้อมูลหรือจัดการงาน แล้วปล่อยให้ระบบทำงานต่อเองโดยไม่ต้องติดตามตลอดเวลา ถือเป็นการยกระดับจากการสนทนาแบบโต้ตอบไปสู่การทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับงานอื่นได้ในขณะที่ AI ทำงานเบื้องหลัง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-agent-feature-lets-you-assign-tasks-and-walk-away-heres-how-it-works 🏫 มหาวิทยาลัย Harvard เผยข้อมูลรั่วไหลกระทบศิษย์เก่าและผู้บริจาค Harvard University ประกาศว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์ที่ทำให้ข้อมูลของศิษย์เก่าและผู้บริจาคถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้อง มหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการตรวจสอบและเสริมมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/harvard-university-reveals-data-breach-hitting-alumni-and-donors 🛡️ Zero Trust มี 3 ระดับความเร็วในการปรับใช้ แนวคิด Zero Trust ที่เน้นการตรวจสอบทุกการเข้าถึงระบบ ไม่ว่าจะมาจากภายในหรือภายนอกองค์กร ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับความเร็วในการนำไปใช้ ได้แก่ ระดับเริ่มต้นที่เน้นการควบคุมพื้นฐาน ระดับกลางที่เริ่มใช้ระบบอัตโนมัติ และระดับสูงสุดที่ผสาน AI และการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อสร้างความปลอดภัยแบบครบวงจร องค์กรสามารถเลือกปรับใช้ตามความพร้อมและทรัพยากรที่มี 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-three-speeds-of-zero-trust 🌞 iLamp พลังงานแสงอาทิตย์ เปลี่ยนเสาไฟให้กลายเป็นศูนย์กลาง AI นวัตกรรมใหม่ที่ชื่อว่า iLamp ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และติดตั้งระบบ AI ภายในเสาไฟ ทำให้สามารถทำหน้าที่มากกว่าแค่ให้แสงสว่าง เช่น การตรวจสอบสภาพแวดล้อม การเชื่อมต่อกับระบบเมืองอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการเปลี่ยนเสาไฟธรรมดาให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเมืองในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/solar-powered-ilamp-turns-the-humble-lamppost-into-an-ai-hub 🤖 CEO Salesforce หันหลังให้ ChatGPT หันไปหา Gemini 3 Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce สร้างความฮือฮาเมื่อประกาศเลิกใช้ ChatGPT หลังจากได้ลอง Google Gemini 3 เพียงสองชั่วโมง เขายกย่อง Gemini 3 ว่าเหนือกว่าในด้านความเร็ว การให้เหตุผล และความสามารถแบบมัลติโหมดที่รองรับทั้งข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ การเปลี่ยนใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในโลก AI และอาจส่งผลต่อทิศทางการใช้งาน AI ในองค์กรระดับโลก 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/the-leap-is-insane-salesforce-ceo-swaps-chatgpt-for-gemini-3-and-says-hes-not-going-back 💻 โน้ตบุ๊ก Geekom GeekBook X14 Pro เบาแต่แรง Geekom เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ GeekBook X14 Pro ที่มีน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม แต่สเปกจัดเต็มด้วย Intel Core Ultra 9 และ Intel Arc GPU ที่รองรับการเร่งผลกราฟิกด้วย AI หน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K พร้อมรีเฟรชเรต 120Hz ทำให้ภาพคมชัดและสดใส แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 16 ชั่วโมง และรองรับชาร์จเร็ว จุดเด่นคือความเบาและพกพาสะดวก แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงสำหรับงานหนักและงานสร้างสรรค์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/geekoms-new-laptop-offers-a-bright-and-wide-screen-impressive-hardware-but-it-weighs-less-than-a-bag-of-sugar 🎮 บั๊ก Windows 11 เล่นงานการ์ดจอ Nvidia RTX 5090 การอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคมทำให้เกิดปัญหากับเกมเมอร์ โดยเฉพาะเกม Assassin’s Creed Shadows ที่เฟรมเรตตกลงถึง 50% แม้ใช้การ์ดจอระดับเทพ RTX 5090 Nvidia ต้องรีบออกแพตช์แก้ไขฉุกเฉิน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าต้นเหตุจริง ๆ มาจาก Microsoft หรือ Nvidia เอง ปัญหานี้ทำให้ผู้ใช้หลายคนต้องหาทางแก้ชั่วคราว เช่น ปิดฟีเจอร์ Resizable Bar เพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/possible-windows-11-bug-with-nvidia-gpus-tanks-assassins-creed-shadows-performance-bringing-even-an-rtx-5090-to-its-knees 📼 แฟนเทคโนโลยีย้อนยุคสร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรู นักประดิษฐ์สายเรโทรได้สร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรูขึ้นใหม่ โดยใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์และเซ็นเซอร์แสงสมัยใหม่แทนกลไกเก่า ๆ เครื่องนี้สามารถอ่านข้อมูลจากเทปกระดาษได้ แม้ความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 50 ไบต์ต่อวินาที ซึ่งถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบัน แต่ก็เป็นการรื้อฟื้นเทคโนโลยีเก่าที่เคยมีบทบาทสำคัญในยุคแรกของคอมพิวเตอร์ จุดประสงค์หลักคือการทดลองและอนุรักษ์ ไม่ใช่การใช้งานจริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/retro-computer-boffin-creates-a-freshly-created-perforated-tape-reader-just-dont-expect-high-data-reading-speeds 🧠 DeepSeek-R1 ผู้ช่วย AI จากจีนเริ่มสะดุด DeepSeek-R1 ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งแห่งวงการ AI ตอนนี้กลับถูกวิจารณ์หนัก เพราะไม่สามารถจัดการกับหัวข้ออ่อนไหวได้ดี แถมยังสร้างโค้ดที่ผิดพลาดและมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย นักพัฒนาองค์กรที่เคยหวังพึ่งพากลับต้องระวังมากขึ้น เพราะความผิดพลาดเหล่านี้อาจนำไปสู่หายนะด้านความปลอดภัยในระบบใหญ่ ๆ ได้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนา AI ไม่ใช่แค่เรื่องความฉลาด แต่ต้องมั่นคงและปลอดภัยด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/deepseek-took-off-as-an-ai-superstar-a-year-ago-but-could-it-also-be-a-major-security-risk-these-experts-think-so 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นนักข่าว TechCrunch มีการเปิดโปงว่าแฮกเกอร์จำนวนมากกำลังสวมรอยเป็นผู้สื่อข่าวจาก TechCrunch เพื่อหลอกบริษัทต่าง ๆ ให้เปิดเผยข้อมูลลับ ทั้งผ่านอีเมลและการโทรศัพท์ พวกเขาใช้ความน่าเชื่อถือของสื่อใหญ่เป็นเครื่องมือในการโจมตี ทำให้หลายองค์กรตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าการตรวจสอบแหล่งที่มาของการติดต่อเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินล้ำค่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/hackers-impersonate-techcrunch-reporters-to-steal-sensitive-information-but-you-can-always-trust-us 🌍 แผน AI ระดับโลกของรัฐบาล Trump รัฐบาลสหรัฐภายใต้ Donald Trump ได้เปิดตัวแผนการครอบครองความเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก โดยมีเป้าหมายผลักดันให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี AI ที่เหนือกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนตั้งคำถามว่าแผนนี้อาจมีช่องโหว่และความเสี่ยง ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความปลอดภัย เพราะการเร่งรีบเพื่อครองความเป็นใหญ่ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/the-trump-administration-just-launched-its-own-plan-for-global-ai-dominance-and-what-could-go-wrong 👓 Meta เปิดโปรแกรมแลกเปลี่ยน Ray-Ban Smart Glasses Meta เปิดตัวโปรแกรมใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถนำ AirPods มาแลกเป็นแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban ได้ แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องระวัง เช่น รุ่นที่สามารถแลกได้ และข้อจำกัดในการใช้งาน แม้จะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลองเทคโนโลยีใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สิทธิ์นี้ทันที ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/metas-new-ray-ban-trade-in-program-lets-you-swap-your-airpods-for-smart-glasses-but-theres-a-catch
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาก GPT-3 สู่ Gemini 3: สามปีแห่งการเปลี่ยนโลก AI

    บทความโดย Ethan Mollick เล่าถึงการเดินทางของ AI ตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT ที่ใช้ GPT-3.5 จนถึงการมาถึงของ Gemini 3 ของ Google ในปี 2025 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภายในเวลาไม่ถึง 1,000 วัน AI ได้ก้าวกระโดดจากการสร้างบทกวีง่าย ๆ ไปสู่การทำงานในระดับ “ผู้ช่วยดิจิทัล” ที่สามารถเขียนโค้ด ออกแบบอินเทอร์เฟซ และสร้างเกมเล็ก ๆ ได้เอง

    จาก Chatbot สู่ Digital Coworker
    Mollick ทดลองให้ Gemini 3 ทำงานจริง เช่น สร้างเว็บไซต์ที่รวบรวมคำทำนายเก่า ๆ ของเขา โดย AI สามารถอ่านไฟล์จำนวนมาก วางแผนการทำงาน ทำการค้นคว้า และสร้างผลลัพธ์ที่ใช้งานได้จริง พร้อมตรวจสอบกับผู้ใช้เป็นระยะ ๆ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลัง “จัดการทีมงาน” มากกว่าการพิมพ์คำสั่งให้ chatbot ตอบ

    ระดับปัญญาเทียบเท่านักศึกษาปริญญาเอก
    Gemini 3 ยังถูกทดสอบด้วยงานวิจัยจริง โดย Mollick ให้มันทำการวิเคราะห์ข้อมูลเก่าและเขียนบทความวิชาการ ผลลัพธ์คือเอกสาร 14 หน้า ที่มีการตั้งสมมติฐานใหม่ วิเคราะห์เชิงสถิติ และสร้างมาตรวัดใหม่ ๆ แม้ยังมีข้อบกพร่อง แต่ก็ใกล้เคียงกับการทำงานของนักศึกษาปริญญาเอกที่ต้องการการชี้แนะจากอาจารย์

    ความหมายต่ออนาคตการทำงาน
    Mollick สรุปว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคที่ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็น “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล” ที่ต้องการการกำกับดูแลเหมือนทีมงานจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT และจะส่งผลต่อวิธีการทำงาน การเรียนรู้ และการจัดการองค์กรในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    การพัฒนา AI ภายใน 3 ปี
    จากการเขียนบทกวีง่าย ๆ ไปสู่การสร้างเกมและเว็บไซต์

    ความสามารถของ Gemini 3
    ทำงานเชิงรุก วางแผน และตรวจสอบกับผู้ใช้

    การทดสอบระดับวิชาการ
    เขียนบทความวิจัย 14 หน้า พร้อมการวิเคราะห์เชิงสถิติ

    ความหมายต่ออนาคต
    AI กำลังกลายเป็น “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล”

    คำเตือนจาก Mollick
    AI ยังต้องการการกำกับดูแล ไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์เอง

    ความเสี่ยงต่อการใช้งานจริง
    หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิดข้อผิดพลาดเชิงวิชาการหรือการตีความ

    https://www.oneusefulthing.org/p/three-years-from-gpt-3-to-gemini
    🚀 จาก GPT-3 สู่ Gemini 3: สามปีแห่งการเปลี่ยนโลก AI บทความโดย Ethan Mollick เล่าถึงการเดินทางของ AI ตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT ที่ใช้ GPT-3.5 จนถึงการมาถึงของ Gemini 3 ของ Google ในปี 2025 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภายในเวลาไม่ถึง 1,000 วัน AI ได้ก้าวกระโดดจากการสร้างบทกวีง่าย ๆ ไปสู่การทำงานในระดับ “ผู้ช่วยดิจิทัล” ที่สามารถเขียนโค้ด ออกแบบอินเทอร์เฟซ และสร้างเกมเล็ก ๆ ได้เอง 🛠️ จาก Chatbot สู่ Digital Coworker Mollick ทดลองให้ Gemini 3 ทำงานจริง เช่น สร้างเว็บไซต์ที่รวบรวมคำทำนายเก่า ๆ ของเขา โดย AI สามารถอ่านไฟล์จำนวนมาก วางแผนการทำงาน ทำการค้นคว้า และสร้างผลลัพธ์ที่ใช้งานได้จริง พร้อมตรวจสอบกับผู้ใช้เป็นระยะ ๆ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลัง “จัดการทีมงาน” มากกว่าการพิมพ์คำสั่งให้ chatbot ตอบ 🎓 ระดับปัญญาเทียบเท่านักศึกษาปริญญาเอก Gemini 3 ยังถูกทดสอบด้วยงานวิจัยจริง โดย Mollick ให้มันทำการวิเคราะห์ข้อมูลเก่าและเขียนบทความวิชาการ ผลลัพธ์คือเอกสาร 14 หน้า ที่มีการตั้งสมมติฐานใหม่ วิเคราะห์เชิงสถิติ และสร้างมาตรวัดใหม่ ๆ แม้ยังมีข้อบกพร่อง แต่ก็ใกล้เคียงกับการทำงานของนักศึกษาปริญญาเอกที่ต้องการการชี้แนะจากอาจารย์ 🌍 ความหมายต่ออนาคตการทำงาน Mollick สรุปว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคที่ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็น “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล” ที่ต้องการการกำกับดูแลเหมือนทีมงานจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT และจะส่งผลต่อวิธีการทำงาน การเรียนรู้ และการจัดการองค์กรในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การพัฒนา AI ภายใน 3 ปี ➡️ จากการเขียนบทกวีง่าย ๆ ไปสู่การสร้างเกมและเว็บไซต์ ✅ ความสามารถของ Gemini 3 ➡️ ทำงานเชิงรุก วางแผน และตรวจสอบกับผู้ใช้ ✅ การทดสอบระดับวิชาการ ➡️ เขียนบทความวิจัย 14 หน้า พร้อมการวิเคราะห์เชิงสถิติ ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ AI กำลังกลายเป็น “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล” ‼️ คำเตือนจาก Mollick ⛔ AI ยังต้องการการกำกับดูแล ไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์เอง ‼️ ความเสี่ยงต่อการใช้งานจริง ⛔ หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิดข้อผิดพลาดเชิงวิชาการหรือการตีความ https://www.oneusefulthing.org/p/three-years-from-gpt-3-to-gemini
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเด่น: “7 สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาสร้างกรอบ Cybersecurity ใหม่”

    องค์กรจำนวนมากยังคงใช้ Cybersecurity Framework ที่ล้าสมัย โดยไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภัยคุกคามดิจิทัล บทความนี้ระบุว่า หากกรอบความปลอดภัยไม่ได้รับการทบทวนหรือปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ระบบเสี่ยงต่อการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ

    7 สัญญาณหลักมีดังนี้:

    1. ไม่มีกระบวนการไดนามิกในการรับรู้การเปลี่ยนแปลง
    หากองค์กรไม่สามารถตรวจจับหรือปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมไซเบอร์ได้ทันเวลา กรอบความปลอดภัยจะล้าสมัยและไม่สามารถป้องกันภัยใหม่ ๆ ได้

    2. เคยถูกโจมตีสำเร็จแม้เพียงเล็กน้อย
    การถูกโจมตีแสดงให้เห็นว่ากรอบความปลอดภัยมีช่องโหว่และไม่ทันต่อภัยคุกคามที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    3. การกำกับดูแลต่อเนื่องเป็นเรื่องท้าทาย
    หากระบบไม่สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา หรือไม่รองรับการจัดการความเสี่ยงเชิงรุก แสดงว่าต้องสร้างกรอบใหม่ที่สอดคล้องกับมาตรฐาน เช่น NIST

    4. การทบทวนกรอบความปลอดภัยใช้เวลานานเกินไป
    หากไม่มีการปรับปรุงกรอบความปลอดภัยภายใน 3 ปีขึ้นไป ถือว่าล้าสมัย เพราะภัยคุกคามเปลี่ยนแปลงเร็ว โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของ Generative AI

    5. การทำงานอยู่ในโหมด Reactive ตลอดเวลา
    หากทีมงานมัวแต่ “วิ่งตามแจ้งเตือน” โดยไม่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า จะทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีที่ใหญ่กว่าในอนาคต

    6. ตัวชี้วัดความเสี่ยง (KRIs) และประสิทธิภาพ (KPIs) มีแนวโน้มแย่ลง
    หากตัวชี้วัดแสดงผลลบอย่างต่อเนื่อง แสดงว่ากรอบความปลอดภัยไม่ตอบโจทย์ธุรกิจ และอาจถูกใช้เป็นเพียงเช็กลิสต์ compliance

    7. การออกแบบกรอบเพื่อ “ผ่านการตรวจสอบ” เท่านั้น
    หากกรอบความปลอดภัยถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผ่าน audit โดยไม่คำนึงถึงเป้าหมายธุรกิจจริง ๆ จะทำให้ระบบดูดีบนกระดาษ แต่ไม่สามารถป้องกันภัยได้จริง

    https://www.csoonline.com/article/4094743/7-signs-your-cybersecurity-framework-needs-rebuilding.html
    🔐 ข่าวเด่น: “7 สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาสร้างกรอบ Cybersecurity ใหม่” องค์กรจำนวนมากยังคงใช้ Cybersecurity Framework ที่ล้าสมัย โดยไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภัยคุกคามดิจิทัล บทความนี้ระบุว่า หากกรอบความปลอดภัยไม่ได้รับการทบทวนหรือปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ระบบเสี่ยงต่อการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ 7 สัญญาณหลักมีดังนี้: 1. ❌ ไม่มีกระบวนการไดนามิกในการรับรู้การเปลี่ยนแปลง หากองค์กรไม่สามารถตรวจจับหรือปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมไซเบอร์ได้ทันเวลา กรอบความปลอดภัยจะล้าสมัยและไม่สามารถป้องกันภัยใหม่ ๆ ได้ 2. ⚠️ เคยถูกโจมตีสำเร็จแม้เพียงเล็กน้อย การถูกโจมตีแสดงให้เห็นว่ากรอบความปลอดภัยมีช่องโหว่และไม่ทันต่อภัยคุกคามที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 3. 🔍 การกำกับดูแลต่อเนื่องเป็นเรื่องท้าทาย หากระบบไม่สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา หรือไม่รองรับการจัดการความเสี่ยงเชิงรุก แสดงว่าต้องสร้างกรอบใหม่ที่สอดคล้องกับมาตรฐาน เช่น NIST 4. 📆 การทบทวนกรอบความปลอดภัยใช้เวลานานเกินไป หากไม่มีการปรับปรุงกรอบความปลอดภัยภายใน 3 ปีขึ้นไป ถือว่าล้าสมัย เพราะภัยคุกคามเปลี่ยนแปลงเร็ว โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของ Generative AI 5. 🚨 การทำงานอยู่ในโหมด Reactive ตลอดเวลา หากทีมงานมัวแต่ “วิ่งตามแจ้งเตือน” โดยไม่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า จะทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีที่ใหญ่กว่าในอนาคต 6. 📉 ตัวชี้วัดความเสี่ยง (KRIs) และประสิทธิภาพ (KPIs) มีแนวโน้มแย่ลง หากตัวชี้วัดแสดงผลลบอย่างต่อเนื่อง แสดงว่ากรอบความปลอดภัยไม่ตอบโจทย์ธุรกิจ และอาจถูกใช้เป็นเพียงเช็กลิสต์ compliance 7. 📝 การออกแบบกรอบเพื่อ “ผ่านการตรวจสอบ” เท่านั้น หากกรอบความปลอดภัยถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผ่าน audit โดยไม่คำนึงถึงเป้าหมายธุรกิจจริง ๆ จะทำให้ระบบดูดีบนกระดาษ แต่ไม่สามารถป้องกันภัยได้จริง https://www.csoonline.com/article/4094743/7-signs-your-cybersecurity-framework-needs-rebuilding.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    7 signs your cybersecurity framework needs rebuilding
    Is your organization’s cybersecurity framework able to withstand a new generation of sophisticated attackers? If it isn’t, it’s time to rethink and redesign your approach to cyber risk.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts