• Intel กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกชิป Gaudi AI ไปยังจีน โดยต้องได้รับ ใบอนุญาตส่งออก ตามนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในตลาดจีน

    ✅ Intel ต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกเพื่อขายชิป Gaudi AI ไปยังจีน
    - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ ชิปที่มีแบนด์วิดท์ DRAM 1,400 GB/s หรือสูงกว่า
    - Intel เคยมีลูกค้ารายใหญ่ในจีน เช่น ByteDance ซึ่งซื้อชิปของบริษัทเป็นทางเลือกแทน Nvidia

    ✅ ข้อจำกัดนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AI ของ Intel ในจีน
    - แม้ Intel จะมีธุรกิจในจีนที่เล็กกว่า Nvidia แต่ก็ยังต้องเผชิญกับ กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน
    - Nvidia และ AMD ก็ถูกจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเช่นกัน

    ✅ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง
    - จีนอาจหันไปใช้ ชิป Ascend ของ Huawei แทนชิปจากบริษัทสหรัฐฯ
    - ข้อจำกัดนี้อาจกระตุ้นให้จีน เร่งพัฒนาโซลูชัน AI ในประเทศ

    ✅ Intel อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตลาดในจีน
    - บริษัทอาจต้อง นำเสนอชิปที่มีสเปคต่ำลง เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก
    - หรืออาจต้อง หาทางเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอผ่อนปรนข้อจำกัด

    https://wccftech.com/intel-sees-no-leverage-from-the-trump-administration-now-requires-license-to-sell-gaudi-chips-to-china/
    Intel กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกชิป Gaudi AI ไปยังจีน โดยต้องได้รับ ใบอนุญาตส่งออก ตามนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในตลาดจีน ✅ Intel ต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกเพื่อขายชิป Gaudi AI ไปยังจีน - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ ชิปที่มีแบนด์วิดท์ DRAM 1,400 GB/s หรือสูงกว่า - Intel เคยมีลูกค้ารายใหญ่ในจีน เช่น ByteDance ซึ่งซื้อชิปของบริษัทเป็นทางเลือกแทน Nvidia ✅ ข้อจำกัดนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AI ของ Intel ในจีน - แม้ Intel จะมีธุรกิจในจีนที่เล็กกว่า Nvidia แต่ก็ยังต้องเผชิญกับ กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน - Nvidia และ AMD ก็ถูกจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเช่นกัน ✅ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง - จีนอาจหันไปใช้ ชิป Ascend ของ Huawei แทนชิปจากบริษัทสหรัฐฯ - ข้อจำกัดนี้อาจกระตุ้นให้จีน เร่งพัฒนาโซลูชัน AI ในประเทศ ✅ Intel อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตลาดในจีน - บริษัทอาจต้อง นำเสนอชิปที่มีสเปคต่ำลง เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก - หรืออาจต้อง หาทางเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอผ่อนปรนข้อจำกัด https://wccftech.com/intel-sees-no-leverage-from-the-trump-administration-now-requires-license-to-sell-gaudi-chips-to-china/
    WCCFTECH.COM
    Intel Sees No Leverage From the Trump Administration, Now Requires Export License to Sell Gaudi Chips to China
    US chipmaker Intel hasn't seen any exemption at all, as it is reported that the firm would require a license to sell its chips in China.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังปรับโครงสร้างองค์กรภายใต้การนำของ Lip-Bu Tan CEO คนใหม่ โดยมีการลดชั้นการบริหารและแต่งตั้ง Sachin Katti เป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI เพื่อเร่งพัฒนาแนวทางแข่งขันกับ Nvidia

    ✅ Intel ลดชั้นการบริหารเพื่อให้การตัดสินใจรวดเร็วขึ้น
    - กลุ่มชิป Data Center & AI และ Personal Computer จะรายงานตรงต่อ CEO
    - ก่อนหน้านี้กลุ่มเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Michelle Johnston Holthaus ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Intel Products

    ✅ Sachin Katti ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI
    - Katti จะเป็นผู้นำ กลยุทธ์ AI และแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI
    - เขาจะดูแล Intel Labs และความสัมพันธ์กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนา

    ✅ Intel มุ่งเน้นการเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม
    - Tan ระบุว่า โครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อนและระบบราชการกำลังขัดขวางนวัตกรรม
    - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ ผู้บริหารทำงานใกล้ชิดกับทีมวิศวกรรมมากขึ้น

    ✅ Intel ต้องแข่งขันกับ Nvidia ในตลาด AI
    - Nvidia ครองตลาดชิป AI และ Intel ต้องเร่งพัฒนา กลยุทธ์ใหม่เพื่อแข่งขัน
    - Intel เคยพยายามพัฒนา Falcon Shores แต่โครงการถูกยกเลิกในเดือนมกราคม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/exclusive-intel-ceo-lip-bu-tan-streamlines-leadership-team-names-new-technology-chief-memo-says
    Intel กำลังปรับโครงสร้างองค์กรภายใต้การนำของ Lip-Bu Tan CEO คนใหม่ โดยมีการลดชั้นการบริหารและแต่งตั้ง Sachin Katti เป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI เพื่อเร่งพัฒนาแนวทางแข่งขันกับ Nvidia ✅ Intel ลดชั้นการบริหารเพื่อให้การตัดสินใจรวดเร็วขึ้น - กลุ่มชิป Data Center & AI และ Personal Computer จะรายงานตรงต่อ CEO - ก่อนหน้านี้กลุ่มเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Michelle Johnston Holthaus ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Intel Products ✅ Sachin Katti ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI - Katti จะเป็นผู้นำ กลยุทธ์ AI และแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI - เขาจะดูแล Intel Labs และความสัมพันธ์กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนา ✅ Intel มุ่งเน้นการเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม - Tan ระบุว่า โครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อนและระบบราชการกำลังขัดขวางนวัตกรรม - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ ผู้บริหารทำงานใกล้ชิดกับทีมวิศวกรรมมากขึ้น ✅ Intel ต้องแข่งขันกับ Nvidia ในตลาด AI - Nvidia ครองตลาดชิป AI และ Intel ต้องเร่งพัฒนา กลยุทธ์ใหม่เพื่อแข่งขัน - Intel เคยพยายามพัฒนา Falcon Shores แต่โครงการถูกยกเลิกในเดือนมกราคม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/exclusive-intel-ceo-lip-bu-tan-streamlines-leadership-team-names-new-technology-chief-memo-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel CEO Lip-Bu Tan flattens leadership structure, names new AI chief, memo says
    SAN FRANCISCO (Reuters) - Intel's new CEO, Lip-Bu Tan, is flattening the semiconductor giant's leadership team, with important chip groups reporting directly to him, according to a memo from Tan seen by Reuters.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kraken ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังปรับโครงสร้างองค์กรโดย ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อน และรวมทีมที่มีบทบาทคล้ายกัน ขณะที่ยังคงเปิดรับสมัครในตำแหน่งสำคัญ

    ✅ Kraken ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อนเพื่อปรับโครงสร้างองค์กร
    - บริษัทกำลัง ปรับทีมงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาว
    - การปรับลดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Kraken ลดพนักงานลง 15% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 400 คน

    ✅ Kraken กำลังขยายธุรกิจไปยังตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
    - บริษัทประกาศซื้อ NinjaTrader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายฟิวเจอร์สสำหรับนักลงทุนรายย่อย
    - การเข้าซื้อกิจการนี้มีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และช่วยให้ Kraken สามารถขยายไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

    ✅ Kraken ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีของ SEC
    - คดีที่ SEC กล่าวหา Kraken ว่า ดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ถูกยกเลิกในเดือนมีนาคม
    - Kraken ระบุว่าการยกเลิกคดีนี้เป็น จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต

    ✅ Kraken เปิดตัวบริการซื้อขายหุ้นแบบไม่มีค่าคอมมิชชัน
    - บริษัทเริ่มให้บริการ ซื้อขายหุ้นและ ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ กว่า 11,000 รายการ
    - นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการ ขยายผลิตภัณฑ์และเพิ่มฐานผู้ใช้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/kraken-lays-off-hundreds-ahead-of-ipo-coindesk-reports
    Kraken ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังปรับโครงสร้างองค์กรโดย ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อน และรวมทีมที่มีบทบาทคล้ายกัน ขณะที่ยังคงเปิดรับสมัครในตำแหน่งสำคัญ ✅ Kraken ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อนเพื่อปรับโครงสร้างองค์กร - บริษัทกำลัง ปรับทีมงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาว - การปรับลดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Kraken ลดพนักงานลง 15% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 400 คน ✅ Kraken กำลังขยายธุรกิจไปยังตลาดการเงินแบบดั้งเดิม - บริษัทประกาศซื้อ NinjaTrader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายฟิวเจอร์สสำหรับนักลงทุนรายย่อย - การเข้าซื้อกิจการนี้มีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และช่วยให้ Kraken สามารถขยายไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ✅ Kraken ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีของ SEC - คดีที่ SEC กล่าวหา Kraken ว่า ดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ถูกยกเลิกในเดือนมีนาคม - Kraken ระบุว่าการยกเลิกคดีนี้เป็น จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต ✅ Kraken เปิดตัวบริการซื้อขายหุ้นแบบไม่มีค่าคอมมิชชัน - บริษัทเริ่มให้บริการ ซื้อขายหุ้นและ ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ กว่า 11,000 รายการ - นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการ ขยายผลิตภัณฑ์และเพิ่มฐานผู้ใช้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/kraken-lays-off-hundreds-ahead-of-ipo-coindesk-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Cryptocurrency exchange Kraken cuts redundant roles amid traditional finance push
    (Reuters) - Kraken, one of the world's largest cryptocurrency exchanges, is reorganizing its workforce by reducing some positions and consolidating teams where redundancies exist, while continuing to hire in key areas, a company spokesperson said on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • 16-04-68/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.50 ชื่อตอนว่า "NO CHOICE OR WANNA DIE?" กลยุทธ์การศึกหลายชั้น WWIII ที่ DEEP STATE ต้องการ มันต้องทำลายความมั่นคง ความอุ่นใจ ความสุขใจ ก่อน งาน เงิน ความปลอดภัย หากถูกทำลายสิ้น ความวิตกกังวลจะตามมา ความกลัวจะก่อเกิด ส่งผลถึงโกลาหลทั้งแผ่นดิน ง่ายต่อการปั่นให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ นี่คือสูตรหาแดร๊กที่ใช้กันมานับ 1000 ปี สิ่งนี้แหละ ที่อีทรัมปป์เผาอเมริกาและโลกอยู่ ขั้วใหม่มองออกนานแล้ว ทุกการเคลื่อนไหวเข้าทางตรีนขั้วใหม่หมด เพราะเค้าวางหมากให้มรึงเดิน ไม่ใช่มรึงมีทางเลือกอื่น? ขั้วใหม่ใช้ BRICS นำ แก้ทุกปัญหาที่เหี้ยก่อไว้ ส่วนเหี้ยใช้คว่ำบาตร กำแพงภาษี ทุบค่าเงิน ปั่นตลาดหุ้น ปล่อยไวรัส ใช้กองกำลังข่มขู่ไปทั่ว สิ่งที่จะเกิด เดาไม่ยาก ชาติน้อยใหญ่ ย่อมเข้าหาผู้ที่แข็งแกร่งปกป้องได้ นั่นคือโลกกำลังจะรวมตัวต่อกันติดไงล่ะ? โดยมีศัตรูของโลกที่ชื่อว่า "ยิวเหี้ยไซออนนิสต์ ผ่านตัวแทนอย่าง อเมริกา อังกฤษ นาโต้" แยกน้ำ แยกปลาเสร็จ ก็จะได้ถึงวัน D-DAY ซะที

    คำถามคือ? เกมส์จะไปจบที่จุดไหน? ขั้วใหม่บีบ และสร้างขุมกำลังเพิ่มไปเรื่อยๆ ทั้งด้านการค้า เศรษฐกิจ โลจิสติค ขณะที่ขั้วเก่าจมปลักอยู่กับแต่สงคราม ปากท้องไม่อิ่ม หลับไม่ลง เยรูซาเล็ม ลอนดอน ปารีส นิวยอร์ค โดนพิษสงคราม เศรษฐกิจ ล่อจนพังยับ ผู้คนลงถนนแน่ การผลัดเปลี่ยนถึงจะเกิด กว่า 100 ปี ที่บรรดาพรรคอนุรักษ์นิยมในสังกัด DEEP STATE ทั่วยุโรป กดหัว กดขี่ พรรคขวาจัดมาช้านาน ถึงคราวเปลี่ยน จึงได้เห็นว่าทำไม วันนี้ พรรคขวาจัดทั่วยุโรป มาแรงแซงทางโค้ง เพราะเค้าเบื่อจะเป็นขี้ข้ายิวเหี้ยกันหมดแล้ว อะไรก็ยิว ประชาชนแค่หาเงินมาจ่ายภาษีอุ้มยิวไปวันวัน แล้วมรึงจะมีผู้นำประเทศไปทำไม หากจะเป็นขี้ข้าไปตลอดชาติ ยิ่งติดบ่วงสงคราม เป้าหมายแท้จริงของขั้วใหม่ ไม่ใช่ก่อสงครามในสมรภูมิ แต่เล่นตรง โจมตีปากท้องประชาชนก่อน ทั่วโลกจะปฎิเสธรัฐบาลหุ่นเชิดยิวกันหมดแล้ว นี่คือจุดอ่อนของปชต.ตอแหล ที่รับใช้นายใหญ่ตัวเดียว BRICS มาเพื่อตอบโจทย์

    WWIII จะไม่เกิดขึ้น หากเหี้ยไม่จนตรอกขั้นสูงสุด ไม่มีอะไรจะเสีย ต้องล่อมินินุ๊กคุ๊กกี้ เท่านั้น และนั่นคือจุดจบของขั้วอำนาจเก่า ที่ขั้วใหม่รอคอยอยู่ ตั้งต้นศักราชใหม่ โลกที่ปราศจากนายใหญ่เพียงตัวเดียว ระบบการเงินทั้งยุโรป อเมริกา จะพังพินาศ ด้วยบล็อคเชนใหม่ ระบบชำระเงินแบบใหม่ รูปแบบเงินตราใหม่ โลกการเงินดิจิตอลเข้ามาเต็มตัว แต่ก็ยังต้องใช้ทองคำค้ำประกันอยู่ดี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยดอลล่าร์ อีกไม่นาน BRICS จะมีสมาชิกมากกว่า 50 ประเทศ ประชากรรวมกันมากกว่าครึ่งโลก และนั่นจะก่อเกิดสกุลเงินใหม่ ที่ทั้งโลกต้องใช้ นั่นคือ BRICS DIGITAL CURRENCY การชำระเงินจะง่ายดาย ไม่ว่าจะจ่ายด้วยอะไรมันจะแปรเป็นสกุลเงินหลักโลกทันที แต่ไม่รับดอลล่าร์ ปอนด์ ยูโร บีบให้ขั้วเก่าที่หมดสภาพ ต้องยอมรับกติกาใหม่โลกนั่นเอง แม้แต่ในอาเซียน ในอนาคต มรึงอาจจะได้เห็น ASEAN DIGITAL CURRENCY โดยมี ไทยบาท(THB) เป็นสกุลเงินหลัก เพราะเสถียรที่สุด และนิยมใช้กันแพร่หลายในหมู่ชาติอาเซียนด้วยกัน มันง่ายแค่เปลี่ยนวิธีคำนวณใหม่ กติกาที่ทั้งอาเซียนต่างยอมรับ และมั่นใจ ที่มาของโลกหลายขั้วไงล่ะ?

    อาเซียนต่อไป ไม่ใช่แค่อาเซียนอีกต่อไปแล้ว แต่จะขึ้นมาเป็นกลุ่มอำนาจเงิน การค้า เศรษฐกิจ ที่ทรงพลังที่สุด เพราะอาหารโลกอยู่ที่นี่ และยังเป็นฮับพลังงานในอนาคต กระจายสินค้าอาเซียนสู่โลกแบบเต็มอัตราศึก มาแบบเต็มคาราเบล กันไปเลย ดังนั้น ไทยคือความหวังของอาเซียน ในการจะยืนหยัดสู้กับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้ เพราะจีน รัสเซีย ได้ทุ่มสุดตัว เพื่อให้ไทย เป็นศูนย์กลางอาเซียนอย่างแท้จริง เหตุผลคือ จากนี้ไป ระบบกษัตริย์จะกลับมาใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในอาเซียน แต่ทั้งโลก และระบบกษัตริย์ไทยที่มีมาอย่างยาวนาน และมั่นคง เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ตั้งแต่ในรัชสมัยพ่อร.5 มาจนถึงพ่อร.9 ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ของมหากษัตริย์ในดินแดนสุวรรณภูมินี้ แล้วไทยจะเป็นโมเดลกษัตริย์ให้ทั้งโลกได้นำไปเป็นแบบอย่าง พ่อปกครองลูก จะกลายเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุดในโลกยุคใหม่

    หากมองภาพใหญ่เข้าไว้ มองป่าทั้งป่า มรึงจะเห็นยุทธศาสตร์ของขั้วใหม่ ที่เลือกจับเฉพาะแหล่งทรัพยากรโลกทั้งนั้น ทั้งเอเซีย แอฟริกา ลาติน แม้แต่ในอาร์คติค ไม่แปลกที่รัสเซีย-จีน จับมือปรับโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่อาร์คติค จนกลายเป็นแหล่งธรรมชาติที่สมบูรณ์และใหญ่ที่สุดในเวลานี้ จากน้ำแข็งจะกลายเป็นพื้นดินในไม่ช้า หลังละลายไปเยอะ แหล่งวิจัย ทั้งธรณีวิทยา โลกใต้น้ำ แหล่งแร่หายาก แม้แต่อากาศชั้นบริสุทธิ์ ทุกอย่างเล่นแร่แปรวิญญานเป็นอุตสาหกรรมใหม่โลกได้ไม่ยากเย็นเลย เพราะจีน รัสเซีย จับมือกัน ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แม้เหี้ยและชาตินาโต้ จะเข้าไปพื้นที่บางส่วนในอาร์คติค แต่ไม่สามารถทำได้ไกลและดีไปกว่ารัสเซีย เพราะนั่นเค้าคือเจ้าพ่อดินแดนน้ำแข็งแต่ยุคโบราณ อุปกรณ์ เครื่องไม้ เครื่องมือ แม้แต่อาวุธ ทุกชนิด ก็มีไว้เพื่อโลกน้ำแข็งโดยเฉพาะ ใครมันจะพัฒนาได้ไกลเท่ารัสเซียไม่มี มรึงมารบกันแถวนี้ คือ "ตายโหงอย่างเดียว" มาดงหมีขาว ไม่มีใครรอดดอกน่ะ?

    สงครามมีหรือไม่ ยาวนานแค่ไหน ไม่ใช่สาระ คำถามอยู่ที่ ใครจะเสี่ยงเอาแผ่นดินไปแลกมา? เพราะนาทีนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ทั้งรัสเซีย จีน อิหร่าน โสมแดง มีแสนยานุภาพที่เหี้ยไอ้อีทุกตัวต้องกลัวจนเยี่ยวแตก เพราะเทคโนโลยีมันห่างชั้นกันมากเกินไป จนป่านนี้ แค่ไม่มีรัสเซีย โครงการอวกาศยุโรป และสหรัฐ ยังต้องคอยส่งนักบินพ่วงไปกับกระส่วยอวกาศรัสเซียครั้งล่าสุด อายหมาแค่ไหน? แล้วจีนมีสถานีอวกาศของตัวเอง นอกจากรัสเซีย เค้าไปไกลกันถึงไหนแล้ว มอปักกิ่ง มอมอสโคว์ คือแหล่งผลิตอัจฉริยะโลกยุคใหม่ ไม่ใช่อ็อกซ์ฟอร์ด เครมบริดจ์ เยล ฮาร์วาร์ด อีกต่อไปแล้ว ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งเรียน ยิ่งกลายเป็นควาย โดนฝังชิปอะเป่า? ขั้วใหม่ไม่ได้กลัวสงคราม แถมพร้อมรบเต็มอัตราศึกนานแล้ว มีพร้อม เตรียมการมาพร้อม แต่ขั้วเก่า ไม่มีเหี้ยอะไรเลย ไม่ต้องถามต่อ ว่าใครกดหัวใครอยู่เวลานี้? การจะดึงโลกทั้งใบให้ย้ายขั้วมาได้ มรึงต้องให้ขี้ข้าแลเห็นก่อนว่า นายเก่ามรึงหมดน้ำยา กระจอก และสิ้นสภาพไปแล้ว มันถึงจะย้ายข้ามขั้วมากัน ที่มาว่าทำไม ไม่ฆ่าให้ตายในดาบเดียว เซียนกระบี่ จะไม่ฆ่าดาบเดียวกับศัตรูที่ยังไม่ถึงขั้น พูดง่ายๆ กระจอกเกิน เล่นตามน้ำไปเรื่อยๆ ก็ชนะอยู่แล้ว โดยไม่ต้องสูญเสียกำลังแต่อย่างใด

    ปล.จีนจะออก ก็ต่อเมื่อ ถึงเวลาผนวกไต้หวันแล้ว ดอกเดียว ครั้งเดียวจบ เจ็บครั้งเดียว รวมชาติเสร็จ ต่อไปก็กลืนศัตรูของชาติ สงครามฝิ่นฆ่าชาวจีนไปเป็นล้าน เวลาเอาคืน ง่ายนิดเดียว ยึดแผ่นดินพวกมรึงด้วยการค้า เอาลูกหลานมรึงมาเป็นทาสรับใช้ จากนี้ไป จะไม่มีใครกล้ามารุกรานจีนได้อีกตลอดกาล เพราะตะวันตกได้ตายห่าสิ้นชื่อไปนานแล้วนั่นเอง ส่วนอีกขั้วที่มองข้ามไม่ได้ โลกอาหรับ จะมีอิทธิพลขึ้นมาแทนยุโรป ด้วยอำนาจเงิน และพลังงาน ด้านอาเซียนจะกลายเป็นมหาอำนาจอู่ข้าว อู่น้ำโลก จะรบยังไง ปากท้องต้องมี น้ำบริสุทธิ์ต้องมาก เอเซียมีทุกอย่าง และอาเซียนคือหัวใจแท้ของเอเซีย แหล่งรวมวัฒนธรรมจากสรวงสวรรค์ไงล่ะ ในรัชสมัยพ่อร.5 แผ่นดินพ่อกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก จากนี้ไป อีกไม่ถึง 2 รัชกาล ไทยเราจะได้แผ่นดินคืนทั้งหมดแต่เก่าก่อน ผนวกรวมของใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่ม นอกดินแดนอธิปไตยไทย คิดนอกกรอบซะบ้าง ใครล่ะ ว่าเราจะมีแผ่นดินแค่ในอาเซียน SOFT POWER THAI มันขจรกระจายไปทั่วโลก มรึงอาจได้เห็น THAI TOWN ทั่วทุกมุมโลกในไม่ข้านี้ เฉกเช่นเดียวกับ CHINA TOWN ทั่วโลก นั่นแหละ อย่าคิดว่าจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้จริง บทแสงสีทองผ่องอำไพ สาดส่องไปที่ไหน วัฒนธรรมไทยไปถึงได้ทั่วในใต้หล้าและทั่วสากลโลก ก็บอกแล้วว่า "ไทยโมเดล" ยังจะมีอะไรให้ฝรั่งช็อคอีกเยอะ สิ้นสุดภารกิจโลกของศรีธนญชัย ทุกอย่างสมบูรณ์แบบสิ้นแล้ว!

    หมี CNN(หมากตาที่อันตรายที่สุดคือ "อาเซียน" แปซิฟิคแค่เบี่ยงเบนประเด็น เป้าหมายเหี้ยยิวไซออนนิสต์คืออาเซียน เพราะมันคือหัวใจ แก่นแท้ ของพลังเอเซีย จับมือกันให้ดีดี ใครจะแตกแถวปล่อยไป ถีบออก อย่าเสียดาย ยังมีอีกหลายชาติอยากจะเข้าร่วม ฟังสัญญานให้ดีดี อีทรัมปป์มันหลุดปากมาแล้ว แบบตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตามที มันพูดว่า จิงโจ้ กีวี โสมขาว อียุ่นปี่ คืออาเซียนจ๊ะ แกล้งโง่ หรือชี้เป้ากันแน่)
    16 เมษายน 68
    11.57 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    16-04-68/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.50 ชื่อตอนว่า "NO CHOICE OR WANNA DIE?" กลยุทธ์การศึกหลายชั้น WWIII ที่ DEEP STATE ต้องการ มันต้องทำลายความมั่นคง ความอุ่นใจ ความสุขใจ ก่อน งาน เงิน ความปลอดภัย หากถูกทำลายสิ้น ความวิตกกังวลจะตามมา ความกลัวจะก่อเกิด ส่งผลถึงโกลาหลทั้งแผ่นดิน ง่ายต่อการปั่นให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ นี่คือสูตรหาแดร๊กที่ใช้กันมานับ 1000 ปี สิ่งนี้แหละ ที่อีทรัมปป์เผาอเมริกาและโลกอยู่ ขั้วใหม่มองออกนานแล้ว ทุกการเคลื่อนไหวเข้าทางตรีนขั้วใหม่หมด เพราะเค้าวางหมากให้มรึงเดิน ไม่ใช่มรึงมีทางเลือกอื่น? ขั้วใหม่ใช้ BRICS นำ แก้ทุกปัญหาที่เหี้ยก่อไว้ ส่วนเหี้ยใช้คว่ำบาตร กำแพงภาษี ทุบค่าเงิน ปั่นตลาดหุ้น ปล่อยไวรัส ใช้กองกำลังข่มขู่ไปทั่ว สิ่งที่จะเกิด เดาไม่ยาก ชาติน้อยใหญ่ ย่อมเข้าหาผู้ที่แข็งแกร่งปกป้องได้ นั่นคือโลกกำลังจะรวมตัวต่อกันติดไงล่ะ? โดยมีศัตรูของโลกที่ชื่อว่า "ยิวเหี้ยไซออนนิสต์ ผ่านตัวแทนอย่าง อเมริกา อังกฤษ นาโต้" แยกน้ำ แยกปลาเสร็จ ก็จะได้ถึงวัน D-DAY ซะที คำถามคือ? เกมส์จะไปจบที่จุดไหน? ขั้วใหม่บีบ และสร้างขุมกำลังเพิ่มไปเรื่อยๆ ทั้งด้านการค้า เศรษฐกิจ โลจิสติค ขณะที่ขั้วเก่าจมปลักอยู่กับแต่สงคราม ปากท้องไม่อิ่ม หลับไม่ลง เยรูซาเล็ม ลอนดอน ปารีส นิวยอร์ค โดนพิษสงคราม เศรษฐกิจ ล่อจนพังยับ ผู้คนลงถนนแน่ การผลัดเปลี่ยนถึงจะเกิด กว่า 100 ปี ที่บรรดาพรรคอนุรักษ์นิยมในสังกัด DEEP STATE ทั่วยุโรป กดหัว กดขี่ พรรคขวาจัดมาช้านาน ถึงคราวเปลี่ยน จึงได้เห็นว่าทำไม วันนี้ พรรคขวาจัดทั่วยุโรป มาแรงแซงทางโค้ง เพราะเค้าเบื่อจะเป็นขี้ข้ายิวเหี้ยกันหมดแล้ว อะไรก็ยิว ประชาชนแค่หาเงินมาจ่ายภาษีอุ้มยิวไปวันวัน แล้วมรึงจะมีผู้นำประเทศไปทำไม หากจะเป็นขี้ข้าไปตลอดชาติ ยิ่งติดบ่วงสงคราม เป้าหมายแท้จริงของขั้วใหม่ ไม่ใช่ก่อสงครามในสมรภูมิ แต่เล่นตรง โจมตีปากท้องประชาชนก่อน ทั่วโลกจะปฎิเสธรัฐบาลหุ่นเชิดยิวกันหมดแล้ว นี่คือจุดอ่อนของปชต.ตอแหล ที่รับใช้นายใหญ่ตัวเดียว BRICS มาเพื่อตอบโจทย์ WWIII จะไม่เกิดขึ้น หากเหี้ยไม่จนตรอกขั้นสูงสุด ไม่มีอะไรจะเสีย ต้องล่อมินินุ๊กคุ๊กกี้ เท่านั้น และนั่นคือจุดจบของขั้วอำนาจเก่า ที่ขั้วใหม่รอคอยอยู่ ตั้งต้นศักราชใหม่ โลกที่ปราศจากนายใหญ่เพียงตัวเดียว ระบบการเงินทั้งยุโรป อเมริกา จะพังพินาศ ด้วยบล็อคเชนใหม่ ระบบชำระเงินแบบใหม่ รูปแบบเงินตราใหม่ โลกการเงินดิจิตอลเข้ามาเต็มตัว แต่ก็ยังต้องใช้ทองคำค้ำประกันอยู่ดี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยดอลล่าร์ อีกไม่นาน BRICS จะมีสมาชิกมากกว่า 50 ประเทศ ประชากรรวมกันมากกว่าครึ่งโลก และนั่นจะก่อเกิดสกุลเงินใหม่ ที่ทั้งโลกต้องใช้ นั่นคือ BRICS DIGITAL CURRENCY การชำระเงินจะง่ายดาย ไม่ว่าจะจ่ายด้วยอะไรมันจะแปรเป็นสกุลเงินหลักโลกทันที แต่ไม่รับดอลล่าร์ ปอนด์ ยูโร บีบให้ขั้วเก่าที่หมดสภาพ ต้องยอมรับกติกาใหม่โลกนั่นเอง แม้แต่ในอาเซียน ในอนาคต มรึงอาจจะได้เห็น ASEAN DIGITAL CURRENCY โดยมี ไทยบาท(THB) เป็นสกุลเงินหลัก เพราะเสถียรที่สุด และนิยมใช้กันแพร่หลายในหมู่ชาติอาเซียนด้วยกัน มันง่ายแค่เปลี่ยนวิธีคำนวณใหม่ กติกาที่ทั้งอาเซียนต่างยอมรับ และมั่นใจ ที่มาของโลกหลายขั้วไงล่ะ? อาเซียนต่อไป ไม่ใช่แค่อาเซียนอีกต่อไปแล้ว แต่จะขึ้นมาเป็นกลุ่มอำนาจเงิน การค้า เศรษฐกิจ ที่ทรงพลังที่สุด เพราะอาหารโลกอยู่ที่นี่ และยังเป็นฮับพลังงานในอนาคต กระจายสินค้าอาเซียนสู่โลกแบบเต็มอัตราศึก มาแบบเต็มคาราเบล กันไปเลย ดังนั้น ไทยคือความหวังของอาเซียน ในการจะยืนหยัดสู้กับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้ เพราะจีน รัสเซีย ได้ทุ่มสุดตัว เพื่อให้ไทย เป็นศูนย์กลางอาเซียนอย่างแท้จริง เหตุผลคือ จากนี้ไป ระบบกษัตริย์จะกลับมาใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในอาเซียน แต่ทั้งโลก และระบบกษัตริย์ไทยที่มีมาอย่างยาวนาน และมั่นคง เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ตั้งแต่ในรัชสมัยพ่อร.5 มาจนถึงพ่อร.9 ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ของมหากษัตริย์ในดินแดนสุวรรณภูมินี้ แล้วไทยจะเป็นโมเดลกษัตริย์ให้ทั้งโลกได้นำไปเป็นแบบอย่าง พ่อปกครองลูก จะกลายเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุดในโลกยุคใหม่ หากมองภาพใหญ่เข้าไว้ มองป่าทั้งป่า มรึงจะเห็นยุทธศาสตร์ของขั้วใหม่ ที่เลือกจับเฉพาะแหล่งทรัพยากรโลกทั้งนั้น ทั้งเอเซีย แอฟริกา ลาติน แม้แต่ในอาร์คติค ไม่แปลกที่รัสเซีย-จีน จับมือปรับโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่อาร์คติค จนกลายเป็นแหล่งธรรมชาติที่สมบูรณ์และใหญ่ที่สุดในเวลานี้ จากน้ำแข็งจะกลายเป็นพื้นดินในไม่ช้า หลังละลายไปเยอะ แหล่งวิจัย ทั้งธรณีวิทยา โลกใต้น้ำ แหล่งแร่หายาก แม้แต่อากาศชั้นบริสุทธิ์ ทุกอย่างเล่นแร่แปรวิญญานเป็นอุตสาหกรรมใหม่โลกได้ไม่ยากเย็นเลย เพราะจีน รัสเซีย จับมือกัน ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แม้เหี้ยและชาตินาโต้ จะเข้าไปพื้นที่บางส่วนในอาร์คติค แต่ไม่สามารถทำได้ไกลและดีไปกว่ารัสเซีย เพราะนั่นเค้าคือเจ้าพ่อดินแดนน้ำแข็งแต่ยุคโบราณ อุปกรณ์ เครื่องไม้ เครื่องมือ แม้แต่อาวุธ ทุกชนิด ก็มีไว้เพื่อโลกน้ำแข็งโดยเฉพาะ ใครมันจะพัฒนาได้ไกลเท่ารัสเซียไม่มี มรึงมารบกันแถวนี้ คือ "ตายโหงอย่างเดียว" มาดงหมีขาว ไม่มีใครรอดดอกน่ะ? สงครามมีหรือไม่ ยาวนานแค่ไหน ไม่ใช่สาระ คำถามอยู่ที่ ใครจะเสี่ยงเอาแผ่นดินไปแลกมา? เพราะนาทีนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ทั้งรัสเซีย จีน อิหร่าน โสมแดง มีแสนยานุภาพที่เหี้ยไอ้อีทุกตัวต้องกลัวจนเยี่ยวแตก เพราะเทคโนโลยีมันห่างชั้นกันมากเกินไป จนป่านนี้ แค่ไม่มีรัสเซีย โครงการอวกาศยุโรป และสหรัฐ ยังต้องคอยส่งนักบินพ่วงไปกับกระส่วยอวกาศรัสเซียครั้งล่าสุด อายหมาแค่ไหน? แล้วจีนมีสถานีอวกาศของตัวเอง นอกจากรัสเซีย เค้าไปไกลกันถึงไหนแล้ว มอปักกิ่ง มอมอสโคว์ คือแหล่งผลิตอัจฉริยะโลกยุคใหม่ ไม่ใช่อ็อกซ์ฟอร์ด เครมบริดจ์ เยล ฮาร์วาร์ด อีกต่อไปแล้ว ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งเรียน ยิ่งกลายเป็นควาย โดนฝังชิปอะเป่า? ขั้วใหม่ไม่ได้กลัวสงคราม แถมพร้อมรบเต็มอัตราศึกนานแล้ว มีพร้อม เตรียมการมาพร้อม แต่ขั้วเก่า ไม่มีเหี้ยอะไรเลย ไม่ต้องถามต่อ ว่าใครกดหัวใครอยู่เวลานี้? การจะดึงโลกทั้งใบให้ย้ายขั้วมาได้ มรึงต้องให้ขี้ข้าแลเห็นก่อนว่า นายเก่ามรึงหมดน้ำยา กระจอก และสิ้นสภาพไปแล้ว มันถึงจะย้ายข้ามขั้วมากัน ที่มาว่าทำไม ไม่ฆ่าให้ตายในดาบเดียว เซียนกระบี่ จะไม่ฆ่าดาบเดียวกับศัตรูที่ยังไม่ถึงขั้น พูดง่ายๆ กระจอกเกิน เล่นตามน้ำไปเรื่อยๆ ก็ชนะอยู่แล้ว โดยไม่ต้องสูญเสียกำลังแต่อย่างใด ปล.จีนจะออก ก็ต่อเมื่อ ถึงเวลาผนวกไต้หวันแล้ว ดอกเดียว ครั้งเดียวจบ เจ็บครั้งเดียว รวมชาติเสร็จ ต่อไปก็กลืนศัตรูของชาติ สงครามฝิ่นฆ่าชาวจีนไปเป็นล้าน เวลาเอาคืน ง่ายนิดเดียว ยึดแผ่นดินพวกมรึงด้วยการค้า เอาลูกหลานมรึงมาเป็นทาสรับใช้ จากนี้ไป จะไม่มีใครกล้ามารุกรานจีนได้อีกตลอดกาล เพราะตะวันตกได้ตายห่าสิ้นชื่อไปนานแล้วนั่นเอง ส่วนอีกขั้วที่มองข้ามไม่ได้ โลกอาหรับ จะมีอิทธิพลขึ้นมาแทนยุโรป ด้วยอำนาจเงิน และพลังงาน ด้านอาเซียนจะกลายเป็นมหาอำนาจอู่ข้าว อู่น้ำโลก จะรบยังไง ปากท้องต้องมี น้ำบริสุทธิ์ต้องมาก เอเซียมีทุกอย่าง และอาเซียนคือหัวใจแท้ของเอเซีย แหล่งรวมวัฒนธรรมจากสรวงสวรรค์ไงล่ะ ในรัชสมัยพ่อร.5 แผ่นดินพ่อกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก จากนี้ไป อีกไม่ถึง 2 รัชกาล ไทยเราจะได้แผ่นดินคืนทั้งหมดแต่เก่าก่อน ผนวกรวมของใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่ม นอกดินแดนอธิปไตยไทย คิดนอกกรอบซะบ้าง ใครล่ะ ว่าเราจะมีแผ่นดินแค่ในอาเซียน SOFT POWER THAI มันขจรกระจายไปทั่วโลก มรึงอาจได้เห็น THAI TOWN ทั่วทุกมุมโลกในไม่ข้านี้ เฉกเช่นเดียวกับ CHINA TOWN ทั่วโลก นั่นแหละ อย่าคิดว่าจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้จริง บทแสงสีทองผ่องอำไพ สาดส่องไปที่ไหน วัฒนธรรมไทยไปถึงได้ทั่วในใต้หล้าและทั่วสากลโลก ก็บอกแล้วว่า "ไทยโมเดล" ยังจะมีอะไรให้ฝรั่งช็อคอีกเยอะ สิ้นสุดภารกิจโลกของศรีธนญชัย ทุกอย่างสมบูรณ์แบบสิ้นแล้ว! หมี CNN(หมากตาที่อันตรายที่สุดคือ "อาเซียน" แปซิฟิคแค่เบี่ยงเบนประเด็น เป้าหมายเหี้ยยิวไซออนนิสต์คืออาเซียน เพราะมันคือหัวใจ แก่นแท้ ของพลังเอเซีย จับมือกันให้ดีดี ใครจะแตกแถวปล่อยไป ถีบออก อย่าเสียดาย ยังมีอีกหลายชาติอยากจะเข้าร่วม ฟังสัญญานให้ดีดี อีทรัมปป์มันหลุดปากมาแล้ว แบบตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตามที มันพูดว่า จิงโจ้ กีวี โสมขาว อียุ่นปี่ คืออาเซียนจ๊ะ แกล้งโง่ หรือชี้เป้ากันแน่) 16 เมษายน 68 11.57 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia คาดว่าจะมี ค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ H20 รวมถึง สินค้าคงคลัง, ข้อผูกพันในการซื้อ และเงินสำรองที่เกี่ยวข้อง

    ✅ Nvidia คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์
    - ค่าใช้จ่ายนี้เกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ H20 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านสินค้าคงคลังและข้อผูกพันในการซื้อ
    - Nvidia ประกาศเรื่องนี้เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2025

    ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงานของ Nvidia
    - ค่าใช้จ่ายดังกล่าวอาจส่งผลต่อ ผลประกอบการไตรมาสแรก ของบริษัท
    - Nvidia ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน AI และชิปประมวลผล แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง

    ✅ แนวโน้มของตลาดชิปประมวลผล
    - Nvidia กำลังเผชิญกับ ข้อจำกัดด้านการขายชิปให้กับจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ของบริษัท
    - บริษัทต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับ กฎระเบียบใหม่ของสหรัฐฯ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/nvidia-expects-up-to-55-billion-charge-in-first-quarter
    Nvidia คาดว่าจะมี ค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ H20 รวมถึง สินค้าคงคลัง, ข้อผูกพันในการซื้อ และเงินสำรองที่เกี่ยวข้อง ✅ Nvidia คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ - ค่าใช้จ่ายนี้เกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ H20 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านสินค้าคงคลังและข้อผูกพันในการซื้อ - Nvidia ประกาศเรื่องนี้เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2025 ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงานของ Nvidia - ค่าใช้จ่ายดังกล่าวอาจส่งผลต่อ ผลประกอบการไตรมาสแรก ของบริษัท - Nvidia ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน AI และชิปประมวลผล แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง ✅ แนวโน้มของตลาดชิปประมวลผล - Nvidia กำลังเผชิญกับ ข้อจำกัดด้านการขายชิปให้กับจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ของบริษัท - บริษัทต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับ กฎระเบียบใหม่ของสหรัฐฯ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/nvidia-expects-up-to-55-billion-charge-in-first-quarter
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nvidia expects up to $5.5 billion charge in first quarter
    (Reuters) - Nvidia said on Tuesday its first-quarter results are expected to include up to approximately $5.5 billion of charges associated with H20 products for inventory, purchase commitments, and related reserves.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mark Zuckerberg เคยพิจารณา แยก Instagram ออกเป็นบริษัทอิสระ ในปี 2018 เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับ การตรวจสอบด้านการต่อต้านการผูกขาด ตามเอกสารที่ถูกเปิดเผยในศาลสหรัฐฯ

    ✅ Zuckerberg เคยพิจารณาแยก Instagram ออกจาก Meta
    - ในปี 2018 เขาเขียนบันทึกภายในว่าอาจต้อง แยก Instagram ออกเป็นบริษัทอิสระ
    - เหตุผลหลักคือ ความเสี่ยงจากการตรวจสอบด้านการต่อต้านการผูกขาด

    ✅ Meta ตัดสินใจรวมแอปแทนการแยกออก
    - แม้จะมีการพิจารณา แต่ Meta เลือกที่จะ รวม Instagram และ WhatsApp เข้ากับ Facebook
    - Zuckerberg เชื่อว่าการรวมกันจะช่วยให้บริษัทเติบโตได้ดีขึ้น

    ✅ การตรวจสอบด้านการต่อต้านการผูกขาดในสหรัฐฯ
    - คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) กำลังดำเนินคดีเพื่อ ยกเลิกการเข้าซื้อกิจการ Instagram และ WhatsApp
    - FTC อ้างว่า Meta ใช้กลยุทธ์ "ซื้อหรือทำลายคู่แข่ง" เพื่อรักษาการผูกขาด

    ✅ Zuckerberg ยอมรับว่า Instagram ดีกว่า Facebook ในบางด้าน
    - เขากล่าวว่า Instagram มี กล้องที่ดีกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ Meta ตัดสินใจซื้อกิจการ
    - Meta เคยพยายามสร้างแอปกล้องของตัวเอง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

    ℹ️ ผลกระทบต่ออนาคตของ Meta
    - หาก FTC ชนะคดี Meta อาจต้อง แยก Instagram และ WhatsApp ออกจากบริษัท

    ℹ️ ความท้าทายในการแข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่น
    - Meta ต้องเผชิญกับการแข่งขันจาก TikTok, YouTube และ Apple Messages

    ℹ️ แนวโน้มของการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
    - รัฐบาลสหรัฐฯ อาจเพิ่มมาตรการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการผูกขาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/at-us-antitrust-trial-meta039s-zuckerberg-admits-he-bought-instagram-because-it-was-039better039
    Mark Zuckerberg เคยพิจารณา แยก Instagram ออกเป็นบริษัทอิสระ ในปี 2018 เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับ การตรวจสอบด้านการต่อต้านการผูกขาด ตามเอกสารที่ถูกเปิดเผยในศาลสหรัฐฯ ✅ Zuckerberg เคยพิจารณาแยก Instagram ออกจาก Meta - ในปี 2018 เขาเขียนบันทึกภายในว่าอาจต้อง แยก Instagram ออกเป็นบริษัทอิสระ - เหตุผลหลักคือ ความเสี่ยงจากการตรวจสอบด้านการต่อต้านการผูกขาด ✅ Meta ตัดสินใจรวมแอปแทนการแยกออก - แม้จะมีการพิจารณา แต่ Meta เลือกที่จะ รวม Instagram และ WhatsApp เข้ากับ Facebook - Zuckerberg เชื่อว่าการรวมกันจะช่วยให้บริษัทเติบโตได้ดีขึ้น ✅ การตรวจสอบด้านการต่อต้านการผูกขาดในสหรัฐฯ - คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) กำลังดำเนินคดีเพื่อ ยกเลิกการเข้าซื้อกิจการ Instagram และ WhatsApp - FTC อ้างว่า Meta ใช้กลยุทธ์ "ซื้อหรือทำลายคู่แข่ง" เพื่อรักษาการผูกขาด ✅ Zuckerberg ยอมรับว่า Instagram ดีกว่า Facebook ในบางด้าน - เขากล่าวว่า Instagram มี กล้องที่ดีกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ Meta ตัดสินใจซื้อกิจการ - Meta เคยพยายามสร้างแอปกล้องของตัวเอง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ℹ️ ผลกระทบต่ออนาคตของ Meta - หาก FTC ชนะคดี Meta อาจต้อง แยก Instagram และ WhatsApp ออกจากบริษัท ℹ️ ความท้าทายในการแข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่น - Meta ต้องเผชิญกับการแข่งขันจาก TikTok, YouTube และ Apple Messages ℹ️ แนวโน้มของการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ - รัฐบาลสหรัฐฯ อาจเพิ่มมาตรการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการผูกขาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/at-us-antitrust-trial-meta039s-zuckerberg-admits-he-bought-instagram-because-it-was-039better039
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta's Zuckerberg eyed Instagram spinoff amid antitrust scrutiny, document shows
    WASHINGTON (Reuters) -Meta CEO Mark Zuckerberg considered spinning off popular photo-sharing app Instagram in 2018 over concerns about the growing risk of antitrust scrutiny, according to a document shown at a trial in Washington on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Cloud ประสบปัญหา ไฟฟ้าขัดข้อง ส่งผลให้เกิด ระบบล่มนานกว่า 6 ชั่วโมง ในศูนย์ข้อมูล us-east5-c ที่ตั้งอยู่ใน Columbus, Ohio โดยสาเหตุหลักมาจาก ความล้มเหลวของระบบสำรองไฟ (UPS) ซึ่งควรจะช่วยรักษาการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ในกรณีที่ไฟฟ้าหลักดับ

    ✅ ไฟฟ้าขัดข้องทำให้ระบบล่มในศูนย์ข้อมูลของ Google Cloud
    - เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2025 และกินเวลานาน 6 ชั่วโมง 10 นาที
    - ศูนย์ข้อมูลที่ได้รับผลกระทบใช้ AMD EPYC และ Intel Xeon processors

    ✅ สาเหตุของปัญหา
    - ระบบสำรองไฟ UPS ควรจะช่วยรักษาการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ แต่เกิด ความล้มเหลวของแบตเตอรี่
    - ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ในโซน us-east5-c ดับลง และเกิด packet loss ในเครือข่าย

    ✅ ผลกระทบต่อบริการของ Google Cloud
    - ลูกค้าหลายรายพบว่า VM instances ในโซนนี้ไม่สามารถใช้งานได้
    - มี ดิสก์บางส่วน ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในช่วงที่เกิดเหตุ

    ✅ การแก้ไขปัญหา
    - วิศวกรของ Google เปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิก ไปยังโซนอื่นเพื่อลดผลกระทบ
    - ระบบถูกกู้คืนโดยใช้ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และกลับมาออนไลน์เมื่อเวลา 14:49 น. ตามเวลาสหรัฐฯ แปซิฟิก

    ✅ มาตรการป้องกันในอนาคต
    - Google จะ ปรับปรุงระบบสำรองไฟ เพื่อให้สามารถกู้คืนได้เร็วขึ้น
    - มีการตรวจสอบ ระบบ failover เพื่อปิดช่องโหว่ที่ทำให้เกิดปัญหา
    - Google จะทำงานร่วมกับ ผู้ผลิต UPS เพื่อแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อธุรกิจที่ใช้ Google Cloud
    - บริษัทที่พึ่งพา Google Cloud อาจต้องพิจารณา กลยุทธ์สำรองข้อมูล เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ลักษณะนี้

    ℹ️ ความเสี่ยงของระบบสำรองไฟ
    - แม้ UPS จะถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไฟฟ้าดับ แต่ ความล้มเหลวของแบตเตอรี่ อาจทำให้ระบบล่มได้
    - ควรมี ระบบสำรองเพิ่มเติม เช่น การใช้ multi-zone redundancy

    ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์
    - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องลงทุนใน ระบบสำรองไฟที่มีความเสถียรสูงขึ้น
    - อาจมีการพัฒนา AI-based monitoring เพื่อช่วยตรวจจับปัญหาก่อนเกิดเหตุ

    https://www.neowin.net/news/googles-uninterruptible-power-supply-ironically-interrupted-cloud-with-a-six-hour-outage/
    Google Cloud ประสบปัญหา ไฟฟ้าขัดข้อง ส่งผลให้เกิด ระบบล่มนานกว่า 6 ชั่วโมง ในศูนย์ข้อมูล us-east5-c ที่ตั้งอยู่ใน Columbus, Ohio โดยสาเหตุหลักมาจาก ความล้มเหลวของระบบสำรองไฟ (UPS) ซึ่งควรจะช่วยรักษาการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ในกรณีที่ไฟฟ้าหลักดับ ✅ ไฟฟ้าขัดข้องทำให้ระบบล่มในศูนย์ข้อมูลของ Google Cloud - เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2025 และกินเวลานาน 6 ชั่วโมง 10 นาที - ศูนย์ข้อมูลที่ได้รับผลกระทบใช้ AMD EPYC และ Intel Xeon processors ✅ สาเหตุของปัญหา - ระบบสำรองไฟ UPS ควรจะช่วยรักษาการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ แต่เกิด ความล้มเหลวของแบตเตอรี่ - ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ในโซน us-east5-c ดับลง และเกิด packet loss ในเครือข่าย ✅ ผลกระทบต่อบริการของ Google Cloud - ลูกค้าหลายรายพบว่า VM instances ในโซนนี้ไม่สามารถใช้งานได้ - มี ดิสก์บางส่วน ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในช่วงที่เกิดเหตุ ✅ การแก้ไขปัญหา - วิศวกรของ Google เปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิก ไปยังโซนอื่นเพื่อลดผลกระทบ - ระบบถูกกู้คืนโดยใช้ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และกลับมาออนไลน์เมื่อเวลา 14:49 น. ตามเวลาสหรัฐฯ แปซิฟิก ✅ มาตรการป้องกันในอนาคต - Google จะ ปรับปรุงระบบสำรองไฟ เพื่อให้สามารถกู้คืนได้เร็วขึ้น - มีการตรวจสอบ ระบบ failover เพื่อปิดช่องโหว่ที่ทำให้เกิดปัญหา - Google จะทำงานร่วมกับ ผู้ผลิต UPS เพื่อแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่ ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อธุรกิจที่ใช้ Google Cloud - บริษัทที่พึ่งพา Google Cloud อาจต้องพิจารณา กลยุทธ์สำรองข้อมูล เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ ℹ️ ความเสี่ยงของระบบสำรองไฟ - แม้ UPS จะถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไฟฟ้าดับ แต่ ความล้มเหลวของแบตเตอรี่ อาจทำให้ระบบล่มได้ - ควรมี ระบบสำรองเพิ่มเติม เช่น การใช้ multi-zone redundancy ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องลงทุนใน ระบบสำรองไฟที่มีความเสถียรสูงขึ้น - อาจมีการพัฒนา AI-based monitoring เพื่อช่วยตรวจจับปัญหาก่อนเกิดเหตุ https://www.neowin.net/news/googles-uninterruptible-power-supply-ironically-interrupted-cloud-with-a-six-hour-outage/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google's 'uninterruptible' power supply ironically interrupted Cloud with a six hour outage
    Google Cloud was hit with a six-hour-long outage at the end of the last month when its uninterruptible power supply system failed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังพัฒนา Griffin Cove ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม CPU รุ่นใหม่ที่ต่อยอดจาก Cougar Cove และจะถูกนำมาใช้ใน Razer Lake โดยมีแนวโน้มว่า Intel จะเปลี่ยนกลยุทธ์การออกแบบ CPU ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

    ✅ Intel ยืนยันว่ากำลังพัฒนา Griffin Cove
    - Griffin Cove เป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาต่อจาก Cougar Cove ซึ่งจะถูกใช้ใน Panther Lake
    - Intel กำลังทำงานล่วงหน้าไปถึง สามรุ่น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

    ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ Intel ในการออกแบบ CPU
    - Intel เปลี่ยนไปใช้แนวทาง "Process Node Agnostic" ซึ่งช่วยให้สามารถเลือกกระบวนการผลิตที่เหมาะสมที่สุด
    - บริษัทสามารถใช้ ทั้ง IFS และ TSMC ในการผลิต CPU เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น

    ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU
    - Intel กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก AMD โดยเฉพาะหลังจากเปิดตัว Zen 6
    - การเปลี่ยนกลยุทธ์อาจช่วยให้ Intel สามารถกลับมาแข่งขันได้ดีขึ้น

    ✅ แนวโน้มของ Razer Lake และอนาคตของ Intel
    - มีข่าวลือว่า Razer Lake อาจใช้ เฉพาะ P-Core ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
    - Intel กำลังพัฒนา CPU บน หลายกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อการผลิต CPU
    - การใช้หลายกระบวนการผลิตอาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการจัดการซัพพลายเชน
    - ต้องติดตามว่า Intel จะสามารถรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่

    ℹ️ ความท้าทายในการแข่งขันกับ AMD
    - AMD กำลังพัฒนา Zen 6 บนกระบวนการ TSMC N2 ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพสูงกว่า
    - Intel ต้องพิสูจน์ว่า Griffin Cove สามารถแข่งขันได้ในตลาด HPC และเซิร์ฟเวอร์

    ℹ️ แนวโน้มของตลาด CPU ในปี 2025-2026
    - การแข่งขันระหว่าง Intel และ AMD อาจส่งผลต่อราคาของ CPU ระดับไฮเอนด์
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ของ Intel หาก Griffin Cove ไม่สามารถทำให้บริษัทกลับมาเป็นผู้นำตลาดได้

    https://wccftech.com/intel-engineer-reveals-development-on-griffin-cove-is-already-underway/
    Intel กำลังพัฒนา Griffin Cove ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม CPU รุ่นใหม่ที่ต่อยอดจาก Cougar Cove และจะถูกนำมาใช้ใน Razer Lake โดยมีแนวโน้มว่า Intel จะเปลี่ยนกลยุทธ์การออกแบบ CPU ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ✅ Intel ยืนยันว่ากำลังพัฒนา Griffin Cove - Griffin Cove เป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาต่อจาก Cougar Cove ซึ่งจะถูกใช้ใน Panther Lake - Intel กำลังทำงานล่วงหน้าไปถึง สามรุ่น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ Intel ในการออกแบบ CPU - Intel เปลี่ยนไปใช้แนวทาง "Process Node Agnostic" ซึ่งช่วยให้สามารถเลือกกระบวนการผลิตที่เหมาะสมที่สุด - บริษัทสามารถใช้ ทั้ง IFS และ TSMC ในการผลิต CPU เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU - Intel กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก AMD โดยเฉพาะหลังจากเปิดตัว Zen 6 - การเปลี่ยนกลยุทธ์อาจช่วยให้ Intel สามารถกลับมาแข่งขันได้ดีขึ้น ✅ แนวโน้มของ Razer Lake และอนาคตของ Intel - มีข่าวลือว่า Razer Lake อาจใช้ เฉพาะ P-Core ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ - Intel กำลังพัฒนา CPU บน หลายกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อการผลิต CPU - การใช้หลายกระบวนการผลิตอาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการจัดการซัพพลายเชน - ต้องติดตามว่า Intel จะสามารถรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่ ℹ️ ความท้าทายในการแข่งขันกับ AMD - AMD กำลังพัฒนา Zen 6 บนกระบวนการ TSMC N2 ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพสูงกว่า - Intel ต้องพิสูจน์ว่า Griffin Cove สามารถแข่งขันได้ในตลาด HPC และเซิร์ฟเวอร์ ℹ️ แนวโน้มของตลาด CPU ในปี 2025-2026 - การแข่งขันระหว่าง Intel และ AMD อาจส่งผลต่อราคาของ CPU ระดับไฮเอนด์ - อาจมีการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ของ Intel หาก Griffin Cove ไม่สามารถทำให้บริษัทกลับมาเป็นผู้นำตลาดได้ https://wccftech.com/intel-engineer-reveals-development-on-griffin-cove-is-already-underway/
    WCCFTECH.COM
    Intel Engineer Reveals "Griffin Cove" Development Is Already Underway; Says Relying On Intel's Nodes Alone "Got Them Into Trouble" In The Past
    Intel's renowned engineer has revealed that Team Blue is already working on the "great-grandchild" of Lion Cove, the Griffin Cove.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้ขายหุ้น 51% ของธุรกิจ FPGA Altera ให้กับ Silver Lake ในมูลค่า 4.46 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างธุรกิจและเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน

    ✅ Intel ขายหุ้นส่วนใหญ่ของ Altera ให้ Silver Lake
    - การขายหุ้นครั้งนี้ทำให้ Altera กลายเป็น บริษัท FPGA อิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    - Intel ยังคงถือหุ้น 49% และจะได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของ Altera

    ✅ เป้าหมายของ Altera หลังแยกตัว
    - มุ่งเน้นการพัฒนา FPGA สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์, การบิน, การสื่อสาร และ AI
    - ขยายตลาดไปยัง แพลตฟอร์มคลาวด์, ระบบ Edge และเครือข่ายไร้สายยุคใหม่

    ✅ ผลกระทบต่อ Intel
    - ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และมุ่งเน้นธุรกิจหลัก เช่น CPU, GPU และการผลิตชิป
    - ปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

    ✅ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของ Altera
    - Raghib Hussain จะเข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Altera ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2025
    - เขาเคยเป็นประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Marvell และมีประสบการณ์ในบริษัทชั้นนำ เช่น Cisco และ Cadence

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม FPGA
    - Altera อาจต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจาก Xilinx (AMD) และ Lattice Semiconductor
    - ต้องติดตามว่า Altera จะสามารถขยายตลาดได้เร็วแค่ไหนหลังแยกตัว

    ℹ️ แนวโน้มของ Intel หลังขายหุ้น Altera
    - Intel อาจใช้เงินจากดีลนี้เพื่อ ลงทุนในธุรกิจชิปและโรงงานผลิต
    - ต้องจับตาว่า Intel จะปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อแข่งขันกับ TSMC และ Samsung

    ℹ️ ความท้าทายด้านการบริหารจัดการ
    - Silver Lake ต้องวางแผนให้ Altera เติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับ Intel
    - ต้องดูว่า Altera จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาด FPGA ได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-sells-51-percent-of-altera-fpga-business-to-silver-lake-for-usd4-46-billion
    Intel ได้ขายหุ้น 51% ของธุรกิจ FPGA Altera ให้กับ Silver Lake ในมูลค่า 4.46 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างธุรกิจและเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน ✅ Intel ขายหุ้นส่วนใหญ่ของ Altera ให้ Silver Lake - การขายหุ้นครั้งนี้ทำให้ Altera กลายเป็น บริษัท FPGA อิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก - Intel ยังคงถือหุ้น 49% และจะได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของ Altera ✅ เป้าหมายของ Altera หลังแยกตัว - มุ่งเน้นการพัฒนา FPGA สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์, การบิน, การสื่อสาร และ AI - ขยายตลาดไปยัง แพลตฟอร์มคลาวด์, ระบบ Edge และเครือข่ายไร้สายยุคใหม่ ✅ ผลกระทบต่อ Intel - ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และมุ่งเน้นธุรกิจหลัก เช่น CPU, GPU และการผลิตชิป - ปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ✅ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของ Altera - Raghib Hussain จะเข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Altera ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2025 - เขาเคยเป็นประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Marvell และมีประสบการณ์ในบริษัทชั้นนำ เช่น Cisco และ Cadence ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม FPGA - Altera อาจต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจาก Xilinx (AMD) และ Lattice Semiconductor - ต้องติดตามว่า Altera จะสามารถขยายตลาดได้เร็วแค่ไหนหลังแยกตัว ℹ️ แนวโน้มของ Intel หลังขายหุ้น Altera - Intel อาจใช้เงินจากดีลนี้เพื่อ ลงทุนในธุรกิจชิปและโรงงานผลิต - ต้องจับตาว่า Intel จะปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อแข่งขันกับ TSMC และ Samsung ℹ️ ความท้าทายด้านการบริหารจัดการ - Silver Lake ต้องวางแผนให้ Altera เติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับ Intel - ต้องดูว่า Altera จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาด FPGA ได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-sells-51-percent-of-altera-fpga-business-to-silver-lake-for-usd4-46-billion
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึง ภัยคุกคามจากแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือ ที่แฝงตัวเข้ามาในบริษัทต่างๆ ทั่วโลกผ่านการสมัครงานในตำแหน่ง IT โดยใช้ ข้อมูลปลอมและเทคโนโลยี Deepfake เพื่อหลอกลวงนายจ้าง

    ✅ กลยุทธ์ของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ
    - ใช้ข้อมูลปลอม เช่น ชื่อและเอกสารของพลเมืองสหรัฐฯ
    - ใช้ Deepfake เพื่อปลอมแปลงใบหน้าระหว่างสัมภาษณ์งาน

    ✅ ภัยคุกคามต่อบริษัทต่างๆ
    - แฮกเกอร์ไม่ได้โจมตีระบบโดยตรง แต่ใช้สิทธิ์การเข้าถึงของพนักงาน
    - กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนถึงภัยคุกคามนี้ตั้งแต่ปี 2022

    ✅ ตัวอย่างเหตุการณ์จริง
    - Christina Chapman ช่วยให้แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และสมัครงานในบริษัทกว่า 300 แห่ง
    - Oleksandr Didenko ขายบัญชีปลอมให้แฮกเกอร์เพื่อใช้สมัครงาน

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยขององค์กร
    - แฮกเกอร์สามารถใช้สิทธิ์ของพนักงานเพื่อเปิดทางให้กับการโจมตีไซเบอร์
    - บริษัทที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลพนักงานอย่างละเอียดอาจตกเป็นเป้าหมาย

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับการป้องกัน
    - ตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครงานอย่างละเอียด รวมถึงการสัมภาษณ์แบบวิดีโอ
    - ใช้ระบบตรวจสอบตัวตนที่เข้มงวด เช่น การตรวจสอบเอกสารและที่อยู่

    https://www.csoonline.com/article/3497138/how-not-to-hire-a-north-korean-it-spy.html
    ข่าวนี้เล่าถึง ภัยคุกคามจากแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือ ที่แฝงตัวเข้ามาในบริษัทต่างๆ ทั่วโลกผ่านการสมัครงานในตำแหน่ง IT โดยใช้ ข้อมูลปลอมและเทคโนโลยี Deepfake เพื่อหลอกลวงนายจ้าง ✅ กลยุทธ์ของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ - ใช้ข้อมูลปลอม เช่น ชื่อและเอกสารของพลเมืองสหรัฐฯ - ใช้ Deepfake เพื่อปลอมแปลงใบหน้าระหว่างสัมภาษณ์งาน ✅ ภัยคุกคามต่อบริษัทต่างๆ - แฮกเกอร์ไม่ได้โจมตีระบบโดยตรง แต่ใช้สิทธิ์การเข้าถึงของพนักงาน - กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนถึงภัยคุกคามนี้ตั้งแต่ปี 2022 ✅ ตัวอย่างเหตุการณ์จริง - Christina Chapman ช่วยให้แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และสมัครงานในบริษัทกว่า 300 แห่ง - Oleksandr Didenko ขายบัญชีปลอมให้แฮกเกอร์เพื่อใช้สมัครงาน ℹ️ ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยขององค์กร - แฮกเกอร์สามารถใช้สิทธิ์ของพนักงานเพื่อเปิดทางให้กับการโจมตีไซเบอร์ - บริษัทที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลพนักงานอย่างละเอียดอาจตกเป็นเป้าหมาย ℹ️ คำแนะนำสำหรับการป้องกัน - ตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครงานอย่างละเอียด รวมถึงการสัมภาษณ์แบบวิดีโอ - ใช้ระบบตรวจสอบตัวตนที่เข้มงวด เช่น การตรวจสอบเอกสารและที่อยู่ https://www.csoonline.com/article/3497138/how-not-to-hire-a-north-korean-it-spy.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How not to hire a North Korean IT spy
    CISOs are urged to carry out tighter vetting of new hires to ward off potential ‘moles’ — who are increasingly finding their way onto company payrolls and into their IT systems.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple กำลังปรับกลยุทธ์ในการพัฒนา AI โดยเปลี่ยนจากการใช้ข้อมูลสังเคราะห์เพียงอย่างเดียว มาเป็นการตรวจสอบข้อมูลจริงจากอีเมลที่อยู่บนอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยตรง โดยไม่ส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Apple วิธีนี้ช่วยให้ AI สามารถปรับปรุงความแม่นยำในการสรุปข้อความและแนะนำการเขียนได้ดีขึ้น

    Apple อธิบายว่า ข้อมูลสังเคราะห์ ที่ใช้ในการฝึก AI นั้นมีข้อจำกัด เพราะแม้จะช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว แต่ก็อาจไม่สะท้อนรูปแบบการสื่อสารของผู้ใช้จริง ส่งผลให้ AI ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เช่น Siri ที่ยังมีข้อผิดพลาดในการตอบคำถาม และระบบแจ้งเตือนที่ไม่แม่นยำ

    เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Apple จะเริ่มใช้ระบบใหม่ใน iOS 18.5, iPadOS 18.5 และ macOS 15.5 ที่ช่วยให้ AI สามารถตรวจสอบอีเมลของผู้ใช้โดยไม่ต้องเก็บข้อมูลไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การสรุปข้อความ, การแนะนำการเขียน, Image Playground, และ Memories Creation

    นอกจากนี้ Apple ยังใช้ Differential Privacy เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของผู้ใช้โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การปรับปรุงการสร้าง Genmoji โดยดูจากคำขอที่คล้ายกันของผู้ใช้หลายคน

    ✅ แนวทางใหม่ของ Apple ในการฝึก AI
    - ใช้ข้อมูลจากอีเมลของผู้ใช้โดยตรง โดยไม่ส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์
    - ช่วยปรับปรุงความแม่นยำในการสรุปข้อความและแนะนำการเขียน

    ✅ ข้อจำกัดของข้อมูลสังเคราะห์
    - แม้จะช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว แต่ไม่สะท้อนรูปแบบการสื่อสารของผู้ใช้จริง
    - ส่งผลให้ Siri และระบบแจ้งเตือนทำงานได้ไม่สมบูรณ์

    ✅ การอัปเดตใน iOS 18.5, iPadOS 18.5 และ macOS 15.5
    - ระบบใหม่ช่วยให้ AI ตรวจสอบอีเมลของผู้ใช้โดยไม่ต้องเก็บข้อมูลไว้ที่เซิร์ฟเวอร์
    - ปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การสรุปข้อความ, Image Playground, และ Memories Creation

    ✅ การใช้ Differential Privacy
    - วิเคราะห์แนวโน้มของผู้ใช้โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    - ปรับปรุงการสร้าง Genmoji โดยดูจากคำขอที่คล้ายกันของผู้ใช้หลายคน

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    - แม้ Apple จะเน้นความเป็นส่วนตัว แต่การใช้ข้อมูลจากอีเมลอาจทำให้เกิดข้อกังวล
    - ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ผ่าน Device Analytics และ Product Improvement Settings

    ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด AI
    - Apple พยายามไล่ตาม OpenAI, Microsoft และ Google ในการพัฒนา AI
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยให้ Apple Intelligence แข่งขันได้ดีขึ้น

    https://www.neowin.net/news/apple-wants-to-train-ai-on-your-emails-in-a-way-that-protects-your-privacy/
    Apple กำลังปรับกลยุทธ์ในการพัฒนา AI โดยเปลี่ยนจากการใช้ข้อมูลสังเคราะห์เพียงอย่างเดียว มาเป็นการตรวจสอบข้อมูลจริงจากอีเมลที่อยู่บนอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยตรง โดยไม่ส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Apple วิธีนี้ช่วยให้ AI สามารถปรับปรุงความแม่นยำในการสรุปข้อความและแนะนำการเขียนได้ดีขึ้น Apple อธิบายว่า ข้อมูลสังเคราะห์ ที่ใช้ในการฝึก AI นั้นมีข้อจำกัด เพราะแม้จะช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว แต่ก็อาจไม่สะท้อนรูปแบบการสื่อสารของผู้ใช้จริง ส่งผลให้ AI ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เช่น Siri ที่ยังมีข้อผิดพลาดในการตอบคำถาม และระบบแจ้งเตือนที่ไม่แม่นยำ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Apple จะเริ่มใช้ระบบใหม่ใน iOS 18.5, iPadOS 18.5 และ macOS 15.5 ที่ช่วยให้ AI สามารถตรวจสอบอีเมลของผู้ใช้โดยไม่ต้องเก็บข้อมูลไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การสรุปข้อความ, การแนะนำการเขียน, Image Playground, และ Memories Creation นอกจากนี้ Apple ยังใช้ Differential Privacy เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของผู้ใช้โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การปรับปรุงการสร้าง Genmoji โดยดูจากคำขอที่คล้ายกันของผู้ใช้หลายคน ✅ แนวทางใหม่ของ Apple ในการฝึก AI - ใช้ข้อมูลจากอีเมลของผู้ใช้โดยตรง โดยไม่ส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ - ช่วยปรับปรุงความแม่นยำในการสรุปข้อความและแนะนำการเขียน ✅ ข้อจำกัดของข้อมูลสังเคราะห์ - แม้จะช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว แต่ไม่สะท้อนรูปแบบการสื่อสารของผู้ใช้จริง - ส่งผลให้ Siri และระบบแจ้งเตือนทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ✅ การอัปเดตใน iOS 18.5, iPadOS 18.5 และ macOS 15.5 - ระบบใหม่ช่วยให้ AI ตรวจสอบอีเมลของผู้ใช้โดยไม่ต้องเก็บข้อมูลไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ - ปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การสรุปข้อความ, Image Playground, และ Memories Creation ✅ การใช้ Differential Privacy - วิเคราะห์แนวโน้มของผู้ใช้โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล - ปรับปรุงการสร้าง Genmoji โดยดูจากคำขอที่คล้ายกันของผู้ใช้หลายคน ℹ️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว - แม้ Apple จะเน้นความเป็นส่วนตัว แต่การใช้ข้อมูลจากอีเมลอาจทำให้เกิดข้อกังวล - ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ผ่าน Device Analytics และ Product Improvement Settings ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด AI - Apple พยายามไล่ตาม OpenAI, Microsoft และ Google ในการพัฒนา AI - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยให้ Apple Intelligence แข่งขันได้ดีขึ้น https://www.neowin.net/news/apple-wants-to-train-ai-on-your-emails-in-a-way-that-protects-your-privacy/
    WWW.NEOWIN.NET
    Apple wants to train AI on your emails in a way that protects your privacy
    Apple has lagged behind in AI, but now it's using user data to improve its models while "protecting privacy."
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • พีระพันธุ์→ พลังงานกับคาสิโน→ “การเล่นเกมซ้อนเกม”
    #อัษฎางค์ยมนาค

    “เรื่องการเมืองมันซับซ้อนเกินกว่าจะตัดสินเพียงสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน” และกรณีของ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็สะท้อนความซับซ้อนเชิงกลยุทธ์ของการเมืองไทยในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน

    วิเคราะห์ในเชิงการเมือง-ยุทธศาสตร์

    1. ความซับซ้อนของ "พีระพันธุ์": นักการเมืองสายเทคนิค-กฎหมายในโลกของเกมอำนาจ

    คุณพีระพันธุ์ เป็นนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ "สายระบบราชการ" มากกว่านักพูด นักปลุกใจ หรือป๊อปปูลาร์ในโซเชียล เขาไม่ใช่นักการเมืองที่เน้นลงพื้นที่ แต่ถูกวางตัวให้ “แบกรับภารกิจเชิงนโยบาย” ที่ซับซ้อน เช่น พลังงาน กฎหมาย คาสิโน หรือแม้แต่โครงสร้างรัฐ

    จุดแข็ง: เข้าใจระบบ, ต่อรองกับเทคนิคของรัฐได้ดี
    จุดอ่อน: ขาดฐานมวลชนที่เหนียวแน่นทางอารมณ์ → ทำให้ถูกกดดันง่ายจาก "อินฟลูฯ" และโซเชียลมีเดีย

    2. ข้อกล่าวหา “สนับสนุนคาสิโน” และ “ถอด DNA ลุงตู่” คือสงครามทางสัญลักษณ์

    สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องคาสิโนหรือการตอบคำถามนักข่าว แต่คือ “สงครามตีตราทางการเมือง” ที่มีเป้าหมายหลักคือทำลายความชอบธรรม

    กลุ่มที่ว่า “หยุดเรียกเขาว่าเป็น DNA ลุงตู่” พยายามบอกว่าเขาทรยศต่อฐานอนุรักษ์นิยม

    กลุ่มที่โยงเขากับ “คาสิโน” ก็พยายามสร้างภาพว่าเขาสนับสนุนสิ่งผิดศีลธรรม

    ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ มีน้ำหนักทางจิตวิทยามวลชนสูงมากในหมู่ฐานเสียงฝ่ายอนุรักษ์นิยม

    3. ประเด็นที่ซ่อนอยู่: ศึกใหญ่คือ "พลังงาน" ไม่ใช่คาสิโน

    คุณพีระพันธุ์ถูกตั้งเป้าโจมตีไม่ใช่เพราะคาสิโนเพียงอย่างเดียว แต่เพราะ เขาเริ่มลงมือในนโยบายพลังงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ขนาดใหญ่มากของหลายกลุ่มทุน

    “พลังงานคืออาณาจักรของอำนาจที่ซ่อนอยู่”

    และการที่คุณพีระพันธุ์กำลังรื้อโครงสร้างบางอย่าง → ย่อมทำให้เขาถูกโจมตีแบบ "ตีวงล้อม"

    วิเคราะห์ในเชิงจิตวิทยาการเมือง

    1. การถอดความนัยของคำว่า “DNA ลุงตู่”

    การใช้คำว่า “DNA ลุงตู่” สื่อถึงการสืบทอดจิตวิญญาณหรือแนวทางทางการเมือง แต่เมื่อกลุ่มอินฟลูฯ ออกมาพูดว่าเขา “ไม่ใช่” → ก็เท่ากับตัดเขาออกจากเครือข่ายทางอำนาจเดิมทันที เป็นการ “ถอนรากอุดมการณ์” ซึ่งส่งผลแรงในระดับฐานเสียง

    2. อินฟลูเอนเซอร์กับการควบคุมทิศทางของฝูงชน

    กรณีของ"อินฟลูฯ" โจมตีผ่านโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นว่า “อิทธิพลของเสียงในโซเชียล” วันนี้มีอำนาจไม่แพ้การอภิปรายในสภา เพราะ เขาสามารถตีกรอบให้คนมองพีระพันธุ์ในทิศทางใดก็ได้ โดยไม่ต้องรอข้อเท็จจริง

    สรุป:
    เกมหลัก→ โยงคุณพีระพันธุ์เข้ากับคาสิโน เพื่อทำลายภาพลักษณ์อนุรักษ์นิยม
    เกมลับ→ เขากำลังแตะโครงสร้างพลังงาน ซึ่งคือผลประโยชน์มหาศาล
    เทคนิคที่ใช้→ ตีวงล้อมผ่านสื่อ → ดึงฐานเสียงอนุรักษ์นิยมออกห่าง
    ความเสี่ยง→ หากขาดการสื่อสารที่ชัดเจน อาจกลายเป็น “คนกลางที่โดนล้อมจากทุกด้าน”

    ข้อเสนอแนะของผม:
    → อย่าตัดสินนักการเมืองจากคลิปเดียวหรือข้อความเดียว → การเมืองเป็นกลยุทธ์ และคำบางคำมีหน้าที่เบี่ยงเบนเกม ไม่ใช่แสดงเจตนาจริง

    → กลุ่มผู้สนับสนุนคุณพีระพันธุ์ควรสื่อสารเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องพลังงานและเป้าหมายทางนโยบายที่แท้จริง

    → ฐานเสียงฝ่ายขวา/อนุรักษ์นิยมควรใช้หลักคิดมากกว่าความรู้สึก ในการประเมินผู้นำ เพราะอารมณ์สามารถถูกสร้างได้ แต่ผลประโยชน์ของชาติคือของจริง

    ฝากคำถามไว้ให้ขบคิด:
    → คุณคิดว่า “การเล่นเกมซ้อนเกม” แบบนี้ สุดท้ายจะทำให้คุณพีระพันธุ์กลายเป็นเบี้ยที่ถูกเขี่ย หรือเป็นหมากลับที่น่ากลัวสำหรับทุกฝ่ายครับ?
    พีระพันธุ์→ พลังงานกับคาสิโน→ “การเล่นเกมซ้อนเกม” #อัษฎางค์ยมนาค “เรื่องการเมืองมันซับซ้อนเกินกว่าจะตัดสินเพียงสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน” และกรณีของ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็สะท้อนความซับซ้อนเชิงกลยุทธ์ของการเมืองไทยในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน วิเคราะห์ในเชิงการเมือง-ยุทธศาสตร์ 1. ความซับซ้อนของ "พีระพันธุ์": นักการเมืองสายเทคนิค-กฎหมายในโลกของเกมอำนาจ คุณพีระพันธุ์ เป็นนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ "สายระบบราชการ" มากกว่านักพูด นักปลุกใจ หรือป๊อปปูลาร์ในโซเชียล เขาไม่ใช่นักการเมืองที่เน้นลงพื้นที่ แต่ถูกวางตัวให้ “แบกรับภารกิจเชิงนโยบาย” ที่ซับซ้อน เช่น พลังงาน กฎหมาย คาสิโน หรือแม้แต่โครงสร้างรัฐ จุดแข็ง: เข้าใจระบบ, ต่อรองกับเทคนิคของรัฐได้ดี จุดอ่อน: ขาดฐานมวลชนที่เหนียวแน่นทางอารมณ์ → ทำให้ถูกกดดันง่ายจาก "อินฟลูฯ" และโซเชียลมีเดีย 2. ข้อกล่าวหา “สนับสนุนคาสิโน” และ “ถอด DNA ลุงตู่” คือสงครามทางสัญลักษณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องคาสิโนหรือการตอบคำถามนักข่าว แต่คือ “สงครามตีตราทางการเมือง” ที่มีเป้าหมายหลักคือทำลายความชอบธรรม กลุ่มที่ว่า “หยุดเรียกเขาว่าเป็น DNA ลุงตู่” พยายามบอกว่าเขาทรยศต่อฐานอนุรักษ์นิยม กลุ่มที่โยงเขากับ “คาสิโน” ก็พยายามสร้างภาพว่าเขาสนับสนุนสิ่งผิดศีลธรรม ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ มีน้ำหนักทางจิตวิทยามวลชนสูงมากในหมู่ฐานเสียงฝ่ายอนุรักษ์นิยม 3. ประเด็นที่ซ่อนอยู่: ศึกใหญ่คือ "พลังงาน" ไม่ใช่คาสิโน คุณพีระพันธุ์ถูกตั้งเป้าโจมตีไม่ใช่เพราะคาสิโนเพียงอย่างเดียว แต่เพราะ เขาเริ่มลงมือในนโยบายพลังงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ขนาดใหญ่มากของหลายกลุ่มทุน “พลังงานคืออาณาจักรของอำนาจที่ซ่อนอยู่” และการที่คุณพีระพันธุ์กำลังรื้อโครงสร้างบางอย่าง → ย่อมทำให้เขาถูกโจมตีแบบ "ตีวงล้อม" วิเคราะห์ในเชิงจิตวิทยาการเมือง 1. การถอดความนัยของคำว่า “DNA ลุงตู่” การใช้คำว่า “DNA ลุงตู่” สื่อถึงการสืบทอดจิตวิญญาณหรือแนวทางทางการเมือง แต่เมื่อกลุ่มอินฟลูฯ ออกมาพูดว่าเขา “ไม่ใช่” → ก็เท่ากับตัดเขาออกจากเครือข่ายทางอำนาจเดิมทันที เป็นการ “ถอนรากอุดมการณ์” ซึ่งส่งผลแรงในระดับฐานเสียง 2. อินฟลูเอนเซอร์กับการควบคุมทิศทางของฝูงชน กรณีของ"อินฟลูฯ" โจมตีผ่านโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นว่า “อิทธิพลของเสียงในโซเชียล” วันนี้มีอำนาจไม่แพ้การอภิปรายในสภา เพราะ เขาสามารถตีกรอบให้คนมองพีระพันธุ์ในทิศทางใดก็ได้ โดยไม่ต้องรอข้อเท็จจริง สรุป: เกมหลัก→ โยงคุณพีระพันธุ์เข้ากับคาสิโน เพื่อทำลายภาพลักษณ์อนุรักษ์นิยม เกมลับ→ เขากำลังแตะโครงสร้างพลังงาน ซึ่งคือผลประโยชน์มหาศาล เทคนิคที่ใช้→ ตีวงล้อมผ่านสื่อ → ดึงฐานเสียงอนุรักษ์นิยมออกห่าง ความเสี่ยง→ หากขาดการสื่อสารที่ชัดเจน อาจกลายเป็น “คนกลางที่โดนล้อมจากทุกด้าน” ข้อเสนอแนะของผม: → อย่าตัดสินนักการเมืองจากคลิปเดียวหรือข้อความเดียว → การเมืองเป็นกลยุทธ์ และคำบางคำมีหน้าที่เบี่ยงเบนเกม ไม่ใช่แสดงเจตนาจริง → กลุ่มผู้สนับสนุนคุณพีระพันธุ์ควรสื่อสารเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องพลังงานและเป้าหมายทางนโยบายที่แท้จริง → ฐานเสียงฝ่ายขวา/อนุรักษ์นิยมควรใช้หลักคิดมากกว่าความรู้สึก ในการประเมินผู้นำ เพราะอารมณ์สามารถถูกสร้างได้ แต่ผลประโยชน์ของชาติคือของจริง ฝากคำถามไว้ให้ขบคิด: → คุณคิดว่า “การเล่นเกมซ้อนเกม” แบบนี้ สุดท้ายจะทำให้คุณพีระพันธุ์กลายเป็นเบี้ยที่ถูกเขี่ย หรือเป็นหมากลับที่น่ากลัวสำหรับทุกฝ่ายครับ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายของ Meta ในการพัฒนาโครงการ Metaverse ซึ่งใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้

    Meta ซึ่งนำโดย Mark Zuckerberg ได้เปลี่ยนชื่อจาก Facebook เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนา Metaverse แต่โครงการนี้กลับกลายเป็นปัญหาทางการเงินที่ใหญ่หลวง โดยมีการสูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024 สาเหตุหลักมาจากการขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการบริหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR

    นอกจากนี้ รายได้ประจำปีของ Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ Metaverse ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอและการไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้

    ✅ การลงทุนในโครงการ Metaverse
    - Meta ใช้เงินลงทุนกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
    - สูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024

    ✅ ปัญหาด้านการบริหารและกลยุทธ์
    - การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR
    - ขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์

    ✅ ผลกระทบต่อรายได้ของ Reality Labs
    - รายได้ประจำปีลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021
    - ยอดขายอ่อนแอและไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความยั่งยืนของโครงการ
    - การสูญเสียเงินจำนวนมากอาจทำให้โครงการ Metaverse ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
    - ความล้มเหลวในการเข้าถึงตลาดหลักอาจลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับปรุง
    - Meta ควรพัฒนากลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนและตอบสนองความต้องการของตลาด
    - การแต่งตั้งผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR เป็นสิ่งสำคัญ

    https://www.techspot.com/news/107530-four-years-meta-has-burned-through-45-billion.html
    ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายของ Meta ในการพัฒนาโครงการ Metaverse ซึ่งใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ Meta ซึ่งนำโดย Mark Zuckerberg ได้เปลี่ยนชื่อจาก Facebook เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนา Metaverse แต่โครงการนี้กลับกลายเป็นปัญหาทางการเงินที่ใหญ่หลวง โดยมีการสูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024 สาเหตุหลักมาจากการขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการบริหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR นอกจากนี้ รายได้ประจำปีของ Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ Metaverse ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอและการไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้ ✅ การลงทุนในโครงการ Metaverse - Meta ใช้เงินลงทุนกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา - สูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024 ✅ ปัญหาด้านการบริหารและกลยุทธ์ - การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR - ขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ✅ ผลกระทบต่อรายได้ของ Reality Labs - รายได้ประจำปีลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 - ยอดขายอ่อนแอและไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้ ℹ️ ความเสี่ยงต่อความยั่งยืนของโครงการ - การสูญเสียเงินจำนวนมากอาจทำให้โครงการ Metaverse ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ - ความล้มเหลวในการเข้าถึงตลาดหลักอาจลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับปรุง - Meta ควรพัฒนากลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนและตอบสนองความต้องการของตลาด - การแต่งตั้งผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR เป็นสิ่งสำคัญ https://www.techspot.com/news/107530-four-years-meta-has-burned-through-45-billion.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Four years in, Meta has burned through $45 billion chasing its metaverse dream
    Insiders say the metaverse project has become a financial sinkhole, consuming $45 billion by early 2025. That's nearly equal to the combined market caps of social media...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยควรใช้กลยุทธ์ใดในการส่งออกโลก ?
    ไทยควรใช้กลยุทธ์ใดในการส่งออกโลก ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • เปิดตัวอย่างเป็นทางการหนังสือ Fail Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด

    “เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ด้วยการเรียนรู้จากความล้มเหลว
    เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ”

    ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation & SD Manager Online กรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ท่านที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ทวีภูมิ วิบรรณ์ ผู้ก่อตั้ง ProActive Forum (ท่านที่ 1 จากซ้าย) พ.ต.ท. ดร.คมกริช ศิลาทอง นักวิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ท่านที่ 1 จากขวา) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน กรรมการเดชฤทธิ์ กรุ๊ป, 10X Consulting และผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมสานฝันปันใจให้น้อง (ท่านที่ 2 จากขวา) คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์วิช (ท่านที่ 3 จากขวา) คุณศิริรัตน์ ไชยาริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ท่านที่ 4 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวผลงานหนังสือล่าสุดของ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์พรหมบุตร (ท่านที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษา โค้ช วิทยากร และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การพัฒนาการจัดการองค์กร จากแบรนด์ 10X Consulting (www.10-xconsulting.com) ซึ่งมีผลงานการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับบุคคล ทีม และองค์กรชั้นนำกว่า 500 องค์กร ใน 21 อุตสาหกรรม ครอบคลุมกลุ่มบริษัท บริษัทมหาชน บริษัทจำกัดในอุตสาหกรรมผลิต พลังงาน การสื่อสาร - โทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การบริการ/มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา/ รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรกที่ส่งรายได้สูงสุด/หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง และส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น/สถาบันอิสระ/องค์กรไม่แสวงหากำไร/โครงการพระราชดำริ และเป็นที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และโค้ชส่วนตัวแก่ผู้บริหาร และผู้นำมากกว่า 10,000 คน

    ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็กระหายความสำเร็จ และมุ่งหวังความเจริญเติบโต การเรียนรู้จากการล้ม และการฝึกกระบวนการในการสร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องจำเป็นและทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอช้าไม่ได้

    ปัจจุบันนี้ องค์กร หน่วยงาน ทีมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวบุคคล ล้วนเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การยึดติดกับวิธีการเดิมๆ หรือกลัวความล้มเหลว อาจทำให้ตัวคุณ ทีม หน่วยงาน และองค์กรตกขบวนได้

    หนังสือ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้นำทีม ผู้จัดการหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กร ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้ก่อตั้งองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคล ที่รัก และชื่นชอบการพัฒนาตนเอง นับหมื่นคนที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทดลองสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาสร้างการเติบโตนับ 10 เท่า (10X) และการปรับปรุง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้นำทีม ผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการพัฒนา ทีมงาน หน่วยงาน และองค์กร ควบคู่กับการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้อ่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคในการ "ล้มให้เร็ว" และ "สำเร็จให้สุด" ภายในเล่ม ผู้อ่านจะได้พบกับ

    1. เครื่องมือและเทคนิค ที่จะช่วยให้คุณ "ล้ม" อุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวความล้มเหลว การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อต่อการเปลี่ยนแปลง
    2. กลยุทธ์ในการ "เร่ง" สู่ความสำเร็จในแบบ 10X ด้วยการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทีม หน่วยงาน และองค์กร

    ด้วยเนื้อหาที่เข้มขันแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆ ที่จะช่วย "ปลดล็อก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณและองค์กร ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความท้าทายใดในชีวิต และธุรกิจการงาน

    หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการถอดแบบความสำเร็จแบบ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ราคา 299 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน นี้เป็นต้นไป หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.wishbookmaker.com สั่งซื้อจำนวนมากติดต่อที่ 02 – 418 - 2885

    ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore

    #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด
    #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ
    #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    เปิดตัวอย่างเป็นทางการหนังสือ Fail Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด “เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ด้วยการเรียนรู้จากความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ” ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation & SD Manager Online กรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ท่านที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ทวีภูมิ วิบรรณ์ ผู้ก่อตั้ง ProActive Forum (ท่านที่ 1 จากซ้าย) พ.ต.ท. ดร.คมกริช ศิลาทอง นักวิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ท่านที่ 1 จากขวา) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน กรรมการเดชฤทธิ์ กรุ๊ป, 10X Consulting และผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมสานฝันปันใจให้น้อง (ท่านที่ 2 จากขวา) คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์วิช (ท่านที่ 3 จากขวา) คุณศิริรัตน์ ไชยาริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ท่านที่ 4 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวผลงานหนังสือล่าสุดของ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์พรหมบุตร (ท่านที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษา โค้ช วิทยากร และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การพัฒนาการจัดการองค์กร จากแบรนด์ 10X Consulting (www.10-xconsulting.com) ซึ่งมีผลงานการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับบุคคล ทีม และองค์กรชั้นนำกว่า 500 องค์กร ใน 21 อุตสาหกรรม ครอบคลุมกลุ่มบริษัท บริษัทมหาชน บริษัทจำกัดในอุตสาหกรรมผลิต พลังงาน การสื่อสาร - โทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การบริการ/มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา/ รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรกที่ส่งรายได้สูงสุด/หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง และส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น/สถาบันอิสระ/องค์กรไม่แสวงหากำไร/โครงการพระราชดำริ และเป็นที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และโค้ชส่วนตัวแก่ผู้บริหาร และผู้นำมากกว่า 10,000 คน ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็กระหายความสำเร็จ และมุ่งหวังความเจริญเติบโต การเรียนรู้จากการล้ม และการฝึกกระบวนการในการสร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องจำเป็นและทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอช้าไม่ได้ ปัจจุบันนี้ องค์กร หน่วยงาน ทีมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวบุคคล ล้วนเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การยึดติดกับวิธีการเดิมๆ หรือกลัวความล้มเหลว อาจทำให้ตัวคุณ ทีม หน่วยงาน และองค์กรตกขบวนได้ หนังสือ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้นำทีม ผู้จัดการหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กร ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้ก่อตั้งองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคล ที่รัก และชื่นชอบการพัฒนาตนเอง นับหมื่นคนที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทดลองสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาสร้างการเติบโตนับ 10 เท่า (10X) และการปรับปรุง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้นำทีม ผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการพัฒนา ทีมงาน หน่วยงาน และองค์กร ควบคู่กับการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้อ่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคในการ "ล้มให้เร็ว" และ "สำเร็จให้สุด" ภายในเล่ม ผู้อ่านจะได้พบกับ 1. เครื่องมือและเทคนิค ที่จะช่วยให้คุณ "ล้ม" อุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวความล้มเหลว การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อต่อการเปลี่ยนแปลง 2. กลยุทธ์ในการ "เร่ง" สู่ความสำเร็จในแบบ 10X ด้วยการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทีม หน่วยงาน และองค์กร ด้วยเนื้อหาที่เข้มขันแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆ ที่จะช่วย "ปลดล็อก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณและองค์กร ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความท้าทายใดในชีวิต และธุรกิจการงาน หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการถอดแบบความสำเร็จแบบ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ราคา 299 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน นี้เป็นต้นไป หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.wishbookmaker.com สั่งซื้อจำนวนมากติดต่อที่ 02 – 418 - 2885 ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลยุทธ์การส่งเสริมผู้ส่งออกของจีน
    กลยุทธ์การส่งเสริมผู้ส่งออกของจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • Google ลดราคาชุดเครื่องมือ Google Workspace สำหรับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ถึง 71% เพื่อแข่งขันกับ Microsoft ในตลาดซอฟต์แวร์สำหรับรัฐบาล

    Google ได้ประกาศข้อตกลงใหม่ที่มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าในหน่วยงานรัฐบาล โดยเสนอราคาที่ลดลงอย่างมากสำหรับ Google Workspace Enterprise Plus และ Assured Controls Plus Editions ข้อตกลงนี้จะมีผลจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2025 และคาดว่าจะช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐบาลได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 3 ปี

    Google ยังเน้นย้ำถึงความปลอดภัยของระบบ โดย Google Workspace ได้รับการรับรอง FedRAMP High ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่สำคัญสำหรับระบบ IT ของรัฐบาล นอกจากนี้ Gemini ซึ่งเป็น AI Assistant ของ Google ก็ได้รับการรับรองนี้เช่นกัน

    การลดราคาครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังผลักดันการรวมศูนย์การจัดซื้อ IT เพื่อประหยัดงบประมาณและลดความซ้ำซ้อน

    ✅ การลดราคาครั้งใหญ่ของ Google Workspace
    - Google ลดราคาชุดเครื่องมือ Google Workspace สำหรับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ถึง 71%
    - ข้อตกลงนี้มีผลจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2025

    ✅ การรับรองความปลอดภัย
    - Google Workspace และ Gemini ได้รับการรับรอง FedRAMP High
    - การรับรองนี้ช่วยให้มั่นใจว่าระบบมีความปลอดภัยสูง

    ✅ เป้าหมายของการลดราคา
    - Google ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าในหน่วยงานรัฐบาล
    - คาดว่าจะช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐบาลได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์ใน 3 ปี

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน
    - การลดราคาครั้งนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้ Microsoft ต้องปรับกลยุทธ์
    - การแข่งขันที่รุนแรงอาจส่งผลต่อการพัฒนานวัตกรรมในระยะยาว

    ℹ️ ผลกระทบต่อการรวมศูนย์การจัดซื้อ IT
    - การรวมศูนย์การจัดซื้อ IT อาจลดความยืดหยุ่นของหน่วยงานรัฐบาลบางแห่ง
    - อาจเกิดความเสี่ยงหากระบบที่รวมศูนย์มีปัญหาด้านความปลอดภัย

    https://www.techspot.com/news/107516-google-undercuts-microsoft-71-workspace-discount-us-government.html
    Google ลดราคาชุดเครื่องมือ Google Workspace สำหรับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ถึง 71% เพื่อแข่งขันกับ Microsoft ในตลาดซอฟต์แวร์สำหรับรัฐบาล Google ได้ประกาศข้อตกลงใหม่ที่มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าในหน่วยงานรัฐบาล โดยเสนอราคาที่ลดลงอย่างมากสำหรับ Google Workspace Enterprise Plus และ Assured Controls Plus Editions ข้อตกลงนี้จะมีผลจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2025 และคาดว่าจะช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐบาลได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 3 ปี Google ยังเน้นย้ำถึงความปลอดภัยของระบบ โดย Google Workspace ได้รับการรับรอง FedRAMP High ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่สำคัญสำหรับระบบ IT ของรัฐบาล นอกจากนี้ Gemini ซึ่งเป็น AI Assistant ของ Google ก็ได้รับการรับรองนี้เช่นกัน การลดราคาครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังผลักดันการรวมศูนย์การจัดซื้อ IT เพื่อประหยัดงบประมาณและลดความซ้ำซ้อน ✅ การลดราคาครั้งใหญ่ของ Google Workspace - Google ลดราคาชุดเครื่องมือ Google Workspace สำหรับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ถึง 71% - ข้อตกลงนี้มีผลจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2025 ✅ การรับรองความปลอดภัย - Google Workspace และ Gemini ได้รับการรับรอง FedRAMP High - การรับรองนี้ช่วยให้มั่นใจว่าระบบมีความปลอดภัยสูง ✅ เป้าหมายของการลดราคา - Google ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าในหน่วยงานรัฐบาล - คาดว่าจะช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐบาลได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์ใน 3 ปี ℹ️ ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน - การลดราคาครั้งนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้ Microsoft ต้องปรับกลยุทธ์ - การแข่งขันที่รุนแรงอาจส่งผลต่อการพัฒนานวัตกรรมในระยะยาว ℹ️ ผลกระทบต่อการรวมศูนย์การจัดซื้อ IT - การรวมศูนย์การจัดซื้อ IT อาจลดความยืดหยุ่นของหน่วยงานรัฐบาลบางแห่ง - อาจเกิดความเสี่ยงหากระบบที่รวมศูนย์มีปัญหาด้านความปลอดภัย https://www.techspot.com/news/107516-google-undercuts-microsoft-71-workspace-discount-us-government.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google Workspace undercuts Microsoft offer with 71% discount for US government agencies
    Tony Orlando, GM of specialty sales for Google Public Sector, positioned Workspace as a secure, AI-powered alternative to Microsoft's offerings.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fortinet ได้ประกาศการเพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ใน Security Fabric Platform เพื่อช่วยองค์กรรับมือกับภัยคุกคามที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเครือข่ายและความปลอดภัย

    ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ FortiAI:
    - FortiAI ถูกฝังใน Security Fabric Platform เพื่อช่วยลดภาระงานของนักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยและเครือข่าย
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยปรับปรุงความเร็วและความแม่นยำในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม

    ✅ ความสามารถใหม่ของ FortiAI:
    - การจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยโดยใช้ข้อมูลความเสี่ยงและรูปแบบในอดีต
    - การค้นหาภัยคุกคามแบบปรับตัวโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์
    - การวิเคราะห์ต้นเหตุของการโจมตีเพื่อระบุแหล่งที่มา วิธีการ และผลกระทบ

    ✅ การป้องกันเชิงรุก:
    - FortiAI ใช้การวิเคราะห์รูปแบบการโจมตีและกลยุทธ์ของผู้โจมตีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน
    - รองรับการปรับปรุงการตั้งค่าเครือข่ายและนโยบายความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ

    ✅ การตรวจสอบแอปพลิเคชัน AI:
    - FortiAI-Protect สามารถตรวจจับการใช้งานแอปพลิเคชัน AI มากกว่า 6,500 URLs รวมถึงแอปพลิเคชัน GenAI
    - ช่วยให้ทีมความปลอดภัยตรวจสอบการใช้งาน AI และเส้นทางข้อมูลได้อย่างละเอียด

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ ความซับซ้อนในการใช้งาน:
    - องค์กรอาจต้องการการฝึกอบรมเพิ่มเติมเพื่อใช้งานฟีเจอร์ AI ใหม่อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    ⚠️ การจัดการข้อมูล AI:
    - การตรวจสอบและควบคุมการใช้งานแอปพลิเคชัน AI อาจต้องการการวางแผนที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูล

    https://www.networkworld.com/article/3958421/fortinet-embeds-ai-capabilities-across-security-fabric-platform.html
    Fortinet ได้ประกาศการเพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ใน Security Fabric Platform เพื่อช่วยองค์กรรับมือกับภัยคุกคามที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเครือข่ายและความปลอดภัย ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ FortiAI: - FortiAI ถูกฝังใน Security Fabric Platform เพื่อช่วยลดภาระงานของนักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยและเครือข่าย - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยปรับปรุงความเร็วและความแม่นยำในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม ✅ ความสามารถใหม่ของ FortiAI: - การจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยโดยใช้ข้อมูลความเสี่ยงและรูปแบบในอดีต - การค้นหาภัยคุกคามแบบปรับตัวโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ - การวิเคราะห์ต้นเหตุของการโจมตีเพื่อระบุแหล่งที่มา วิธีการ และผลกระทบ ✅ การป้องกันเชิงรุก: - FortiAI ใช้การวิเคราะห์รูปแบบการโจมตีและกลยุทธ์ของผู้โจมตีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน - รองรับการปรับปรุงการตั้งค่าเครือข่ายและนโยบายความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ✅ การตรวจสอบแอปพลิเคชัน AI: - FortiAI-Protect สามารถตรวจจับการใช้งานแอปพลิเคชัน AI มากกว่า 6,500 URLs รวมถึงแอปพลิเคชัน GenAI - ช่วยให้ทีมความปลอดภัยตรวจสอบการใช้งาน AI และเส้นทางข้อมูลได้อย่างละเอียด == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ ความซับซ้อนในการใช้งาน: - องค์กรอาจต้องการการฝึกอบรมเพิ่มเติมเพื่อใช้งานฟีเจอร์ AI ใหม่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ⚠️ การจัดการข้อมูล AI: - การตรวจสอบและควบคุมการใช้งานแอปพลิเคชัน AI อาจต้องการการวางแผนที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูล https://www.networkworld.com/article/3958421/fortinet-embeds-ai-capabilities-across-security-fabric-platform.html
    WWW.NETWORKWORLD.COM
    Fortinet embeds AI capabilities across Security Fabric platform
    Fortinet added FortiAI support to its core Security Fabric platform to strengthen protection from threats and simplify network and security operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่ชื่อว่า Codefinger ได้สร้างความตื่นตระหนกในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ โดยเป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่การจัดการคีย์ในระบบคลาวด์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการใหม่ของแรนซัมแวร์

    ✅ ลักษณะการโจมตี:
    - Codefinger โจมตีโดยการขโมยคีย์สำหรับจัดการข้อมูลใน Amazon S3 และใช้คีย์เหล่านั้นเข้ารหัสข้อมูลใน S3 buckets
    - การโจมตีนี้ไม่ได้ใช้มัลแวร์ แต่ใช้ช่องโหว่จากการจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย

    ✅ ความเสี่ยงจากการสำรองข้อมูล:
    - การสำรองข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ หากข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสพร้อมกับข้อมูลต้นฉบับ

    ✅ ความรับผิดชอบร่วมในระบบคลาวด์:
    - การโจมตีนี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในโมเดลความรับผิดชอบร่วม (Shared Responsibility Model) ซึ่งผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบในการจัดการคีย์เอง

    ✅ การจัดการคีย์ที่ปลอดภัย:
    - การจัดเก็บคีย์ในที่ปลอดภัย เช่น Secrets Management Tools และการเปลี่ยนคีย์เป็นระยะ (Secrets Cycling) สามารถลดความเสี่ยงได้

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ การจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย:
    - องค์กรควรตรวจสอบและจัดการคีย์อย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

    ⚠️ การพึ่งพาการสำรองข้อมูล:
    - การสำรองข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ องค์กรควรใช้กลยุทธ์การป้องกันที่หลากหลาย เช่น การตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลให้ปลอดภัย

    ⚠️ การลงทุนในความปลอดภัยไซเบอร์:
    - องค์กรควรเพิ่มการลงทุนในระบบความปลอดภัยไซเบอร์และหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยปิดช่องโหว่

    https://www.csoonline.com/article/3958179/why-codefinger-represents-a-new-stage-in-the-evolution-of-ransomware.html
    การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่ชื่อว่า Codefinger ได้สร้างความตื่นตระหนกในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ โดยเป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่การจัดการคีย์ในระบบคลาวด์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการใหม่ของแรนซัมแวร์ ✅ ลักษณะการโจมตี: - Codefinger โจมตีโดยการขโมยคีย์สำหรับจัดการข้อมูลใน Amazon S3 และใช้คีย์เหล่านั้นเข้ารหัสข้อมูลใน S3 buckets - การโจมตีนี้ไม่ได้ใช้มัลแวร์ แต่ใช้ช่องโหว่จากการจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย ✅ ความเสี่ยงจากการสำรองข้อมูล: - การสำรองข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ หากข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสพร้อมกับข้อมูลต้นฉบับ ✅ ความรับผิดชอบร่วมในระบบคลาวด์: - การโจมตีนี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในโมเดลความรับผิดชอบร่วม (Shared Responsibility Model) ซึ่งผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบในการจัดการคีย์เอง ✅ การจัดการคีย์ที่ปลอดภัย: - การจัดเก็บคีย์ในที่ปลอดภัย เช่น Secrets Management Tools และการเปลี่ยนคีย์เป็นระยะ (Secrets Cycling) สามารถลดความเสี่ยงได้ == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ การจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย: - องค์กรควรตรวจสอบและจัดการคีย์อย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ⚠️ การพึ่งพาการสำรองข้อมูล: - การสำรองข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ องค์กรควรใช้กลยุทธ์การป้องกันที่หลากหลาย เช่น การตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลให้ปลอดภัย ⚠️ การลงทุนในความปลอดภัยไซเบอร์: - องค์กรควรเพิ่มการลงทุนในระบบความปลอดภัยไซเบอร์และหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยปิดช่องโหว่ https://www.csoonline.com/article/3958179/why-codefinger-represents-a-new-stage-in-the-evolution-of-ransomware.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Why Codefinger represents a new stage in the evolution of ransomware
    Forget typical ransomware! Codefinger hijacked cloud keys directly, exposing backup flaws and shared responsibility risks. Time to rethink defense.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวโครงการใหม่ที่ชื่อว่า AI on Screen ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ Range Media เพื่อสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์สั้นที่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจในด้านอารมณ์และจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับ AI

    == ข้อมูลสำคัญในข่าว ==
    ✅ การสนับสนุนภาพยนตร์สั้น:
    - Google จะร่วมมือกับ Range Media ในการสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์สั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI
    - โครงการนี้จะดำเนินการเป็นเวลา 18 เดือน โดยมีการคัดเลือกผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีวิสัยทัศน์

    ✅ การพัฒนาเนื้อหา:
    - Range Studios จะให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาและการผลิตแก่ผู้สร้างภาพยนตร์
    - Google ได้เริ่มทำงานกับผู้สร้างภาพยนตร์สองคน โดยภาพยนตร์เรื่องแรกชื่อ Sweetwater และเรื่องที่สองชื่อ Lucid

    ✅ การเปิดรับไอเดียใหม่:
    - Google เปิดรับไอเดียจากผู้สร้างภาพยนตร์ในหลากหลายแนว เช่น ไซไฟ, ดราม่า และระทึกขวัญ
    - มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนภาพยนตร์สั้นบางเรื่องให้กลายเป็นภาพยนตร์เต็มรูปแบบ

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ ความท้าทายด้านการสร้างเนื้อหา:
    - การสร้างภาพยนตร์ที่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI อาจต้องการความละเอียดอ่อนในด้านอารมณ์และจริยธรรม
    - ผู้สร้างภาพยนตร์ควรระมัดระวังในการนำเสนอเนื้อหาที่อาจสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ AI

    ⚠️ การเข้าถึงผู้ชม:
    - โครงการนี้อาจต้องการกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง เพื่อสร้างผลกระทบที่ยั่งยืน

    https://www.neowin.net/news/google-wants-to-fund-humans-making-movies-about-humans-and-ai/
    Google ได้เปิดตัวโครงการใหม่ที่ชื่อว่า AI on Screen ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ Range Media เพื่อสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์สั้นที่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจในด้านอารมณ์และจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับ AI == ข้อมูลสำคัญในข่าว == ✅ การสนับสนุนภาพยนตร์สั้น: - Google จะร่วมมือกับ Range Media ในการสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์สั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI - โครงการนี้จะดำเนินการเป็นเวลา 18 เดือน โดยมีการคัดเลือกผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีวิสัยทัศน์ ✅ การพัฒนาเนื้อหา: - Range Studios จะให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาและการผลิตแก่ผู้สร้างภาพยนตร์ - Google ได้เริ่มทำงานกับผู้สร้างภาพยนตร์สองคน โดยภาพยนตร์เรื่องแรกชื่อ Sweetwater และเรื่องที่สองชื่อ Lucid ✅ การเปิดรับไอเดียใหม่: - Google เปิดรับไอเดียจากผู้สร้างภาพยนตร์ในหลากหลายแนว เช่น ไซไฟ, ดราม่า และระทึกขวัญ - มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนภาพยนตร์สั้นบางเรื่องให้กลายเป็นภาพยนตร์เต็มรูปแบบ == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ ความท้าทายด้านการสร้างเนื้อหา: - การสร้างภาพยนตร์ที่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI อาจต้องการความละเอียดอ่อนในด้านอารมณ์และจริยธรรม - ผู้สร้างภาพยนตร์ควรระมัดระวังในการนำเสนอเนื้อหาที่อาจสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ AI ⚠️ การเข้าถึงผู้ชม: - โครงการนี้อาจต้องการกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง เพื่อสร้างผลกระทบที่ยั่งยืน https://www.neowin.net/news/google-wants-to-fund-humans-making-movies-about-humans-and-ai/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google wants to fund humans making movies about humans and AI
    Google announced a new program called AI on Screen, which will sponsor short films about humanity and AI.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความเชี่ยวชาญของคุณคืออะไร?

    ผมและทีม 10X Consulting และ Life Alignmentor 2 แบรนด์ ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป มักจะได้รับคำถามทำนองนี้เมื่อเรานำเสนอว่าเราคือที่ปรึกษากลยุทธ์พัฒนาการจัดการองค์กร หรือ Management Development & Strategy Consultant

    ในทุกๆที่ซึ่ง 10X Consulting และ Life Alignmentor ได้รับความไว้วางใจเกือบ 100% ของผู้รับบริการจากเรามักบอกต่อ และเมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่เราโดดเด่น พอประมวลเป็นภาพรวมๆได้ว่า ...

    เรามีสิ่งที่ผู้รับบริการชื่นชอบคือการนำพา และพา(จับมือ)ทำ กระทั่งสะเด็ดน้ำ - คนเกิดความเข้าใจร่วม ซึ่งผมมักพูดเป็นประจำว่าจากประสบการณ์กว่า 30 ปี ด้านนี้ คน ทีม และองค์กรจะพัฒนาเมื่อเกิดการประชุมพร้อมของ 3 อย่าง นี้ ... "คิดได้ ทำเป็น เห็นผล"

    และที่สำคัญควรอย่างยิ่งที่จะเชื่อมโยงเข้าถึง "โลกด้านใน"

    เพราะ ...

    -เป็นการมุ่งเป้าเพื่อความยั่งยืนในการเปลี่ยนแปลง
    -มิติภายในเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม
    -การเรียนรู้มิติภายในทำให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น
    และนำไปสู่การรับมือที่สอดคล้องกัน
    -เป็นการมุ่งเป้าเพื่อให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงและมีมุมมองที่กว้างไกลกว่าที่เป็นอยู่
    -มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการค้นหาการอยู่ร่วมกันด้วยสัมพันธภาพที่ดี
    -ทำให้ค้นพบศักยภาพในตนเอง และช่วยขยายศักยภาพและความสามารถ
    -ช่วยกระตุ้นการตื่นรู้ภายในตัว

    ซึ่งส่งผลให้ ...
    -เกิดพลังงานที่ขับเคลื่อนให้เราข้ามพ้นจุดที่ติดขัดภายในตนเอง
    -เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง
    -มีการส่งต่อพลังงานดีๆต่อไป
    -เกิดคุณภาพใหม่ ในการใช้ชีวิต
    -ความสัมพันธ์ต่อตนเอง และต่อผู้อื่นดีขึ้น

    การพัฒนาคน พัฒนาทีม พัฒนาองค์กร มีหลากหลายรูปแบบ จะใช้อะไร และใช้แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับจริต ของคน ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ ผู้ก่อตั้ง ฯลฯ

    หากมองลุแก่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็น่าจะต้องการให้วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้

    มิติการพัฒนาจากโลกด้านในเป้นเรื่องใกล้ตัวเหมือนเส้นผมบังภูเขา ในหนังสือผลงานล่าสุดที่เพิ่งออก FAIL FAST, SUCCEED MORE "ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด" จึงเขียนคำอุทิศ แด่ผู้ที่สร้างโลกด้านใน

    ผู้สนใจมาติดตามอ่านต่อได้วันพรุ่งนี้ ส่งท้ายก่อนวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์กันครับ

    WWW.10-XCONSULTING.COM

    ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore
    #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด
    #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ
    #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    ความเชี่ยวชาญของคุณคืออะไร? ผมและทีม 10X Consulting และ Life Alignmentor 2 แบรนด์ ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป มักจะได้รับคำถามทำนองนี้เมื่อเรานำเสนอว่าเราคือที่ปรึกษากลยุทธ์พัฒนาการจัดการองค์กร หรือ Management Development & Strategy Consultant ในทุกๆที่ซึ่ง 10X Consulting และ Life Alignmentor ได้รับความไว้วางใจเกือบ 100% ของผู้รับบริการจากเรามักบอกต่อ และเมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่เราโดดเด่น พอประมวลเป็นภาพรวมๆได้ว่า ... เรามีสิ่งที่ผู้รับบริการชื่นชอบคือการนำพา และพา(จับมือ)ทำ กระทั่งสะเด็ดน้ำ - คนเกิดความเข้าใจร่วม ซึ่งผมมักพูดเป็นประจำว่าจากประสบการณ์กว่า 30 ปี ด้านนี้ คน ทีม และองค์กรจะพัฒนาเมื่อเกิดการประชุมพร้อมของ 3 อย่าง นี้ ... "คิดได้ ทำเป็น เห็นผล" และที่สำคัญควรอย่างยิ่งที่จะเชื่อมโยงเข้าถึง "โลกด้านใน" เพราะ ... -เป็นการมุ่งเป้าเพื่อความยั่งยืนในการเปลี่ยนแปลง -มิติภายในเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม -การเรียนรู้มิติภายในทำให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น และนำไปสู่การรับมือที่สอดคล้องกัน -เป็นการมุ่งเป้าเพื่อให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงและมีมุมมองที่กว้างไกลกว่าที่เป็นอยู่ -มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการค้นหาการอยู่ร่วมกันด้วยสัมพันธภาพที่ดี -ทำให้ค้นพบศักยภาพในตนเอง และช่วยขยายศักยภาพและความสามารถ -ช่วยกระตุ้นการตื่นรู้ภายในตัว ซึ่งส่งผลให้ ... -เกิดพลังงานที่ขับเคลื่อนให้เราข้ามพ้นจุดที่ติดขัดภายในตนเอง -เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง -มีการส่งต่อพลังงานดีๆต่อไป -เกิดคุณภาพใหม่ ในการใช้ชีวิต -ความสัมพันธ์ต่อตนเอง และต่อผู้อื่นดีขึ้น การพัฒนาคน พัฒนาทีม พัฒนาองค์กร มีหลากหลายรูปแบบ จะใช้อะไร และใช้แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับจริต ของคน ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ ผู้ก่อตั้ง ฯลฯ หากมองลุแก่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็น่าจะต้องการให้วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ มิติการพัฒนาจากโลกด้านในเป้นเรื่องใกล้ตัวเหมือนเส้นผมบังภูเขา ในหนังสือผลงานล่าสุดที่เพิ่งออก FAIL FAST, SUCCEED MORE "ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด" จึงเขียนคำอุทิศ แด่ผู้ที่สร้างโลกด้านใน ผู้สนใจมาติดตามอ่านต่อได้วันพรุ่งนี้ ส่งท้ายก่อนวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์กันครับ WWW.10-XCONSULTING.COM ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ ถูกถ่ายภาพวิดีโอขณะกำลังพูดจากันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนมหาเศรษฐีของเขาที่ทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้จากกลยุทธ์ด้านภาษีศุลกากรและการจัดการตลาดหุ้นของทรัมป์

    ในคลิปวิดีโอ ทรัมป์ชี้มาที่ชายสองคนแล้วพูดว่า “เขาทำเงินได้ 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในวันนี้ ส่วนคนนี้ทำเงินได้ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ”


    👉ในขณะที่ผู้ใกล้ชิดที่เป็นวงในของทรัมป์ได้กำไรมหาศาล แต่คนทั่วไปล่ะ!?!
    👉หากว่านี่คือการจัดการตลาดเพียงเพื่อช่วยให้ฐานเสียงของเขาได้รับกำไร การกระทำเช่นนี้ถูกกฎหมายหรือไม่!?!
    👉การชลอการขึ้นภาษีออกไป 90 วัน มีข่าวออกมาก่อนหน้านั้น แต่ทำเนียบขาวปฏิเสธ

    ทรัมป์ ถูกถ่ายภาพวิดีโอขณะกำลังพูดจากันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนมหาเศรษฐีของเขาที่ทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้จากกลยุทธ์ด้านภาษีศุลกากรและการจัดการตลาดหุ้นของทรัมป์ ในคลิปวิดีโอ ทรัมป์ชี้มาที่ชายสองคนแล้วพูดว่า “เขาทำเงินได้ 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในวันนี้ ส่วนคนนี้ทำเงินได้ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ” 👉ในขณะที่ผู้ใกล้ชิดที่เป็นวงในของทรัมป์ได้กำไรมหาศาล แต่คนทั่วไปล่ะ!?! 👉หากว่านี่คือการจัดการตลาดเพียงเพื่อช่วยให้ฐานเสียงของเขาได้รับกำไร การกระทำเช่นนี้ถูกกฎหมายหรือไม่!?! 👉การชลอการขึ้นภาษีออกไป 90 วัน มีข่าวออกมาก่อนหน้านั้น แต่ทำเนียบขาวปฏิเสธ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำสมาร์ทซิตี้ (Smart City Leader) หมายถึง บุคคลหรือทีมที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ

    ### คุณลักษณะสำคัญของผู้นำสมาร์ทซิตี้:
    1. **วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์**
    - กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ลดการปล่อยคาร์บอน เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด หรือพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ
    - สร้างแผนงานที่สอดคล้องกับบริบทของเมือง เช่น การแก้ปัญหาจราจร หรือการจัดการขยะ

    2. **การใช้เทคโนโลยีและข้อมูล**
    - นำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things), Big Data, AI, และระบบคลาวด์มาใช้ในการเก็บ-วิเคราะห์ข้อมูลเมือง
    - ตัวอย่าง: ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ระบบจราจรอัจฉริยะ

    3. **การมีส่วนร่วมของประชาชน**
    - สร้างแพลตฟอร์มให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (เช่น แอปพลิเคชันรายงานปัญหาสาธารณะ)
    - ส่งเสริมการรับรู้ข้อมูลแบบเปิด (Open Data)

    4. **ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน**
    - ร่วมมือกับภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และชุมชน ในการพัฒนาโซลูชัน เช่น การสร้างเครือข่าย Wi-Fi ฟรี หรือโครงการพลังงานทดแทน

    5. **ความยั่งยืน**
    - มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองด้วยหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน หรือการออกแบบพื้นที่สีเขียว

    ### ตัวอย่างเมืองอัจฉริยะระดับโลก:
    - **สิงคโปร์**: ใช้เทคโนโลยีจัดการจราจรและระบบสุขภาพดิจิทัล
    - **บาร์เซโลนา**: นำ IoT มาใช้ในการจัดการน้ำและพลังงาน
    - **โตเกียว**: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับสังคมสูงวัยด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ

    ### ความท้าทายของผู้นำสมาร์ทซิตี้:
    - **ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล**: การจัดการข้อมูลประชาชนต้องมีความปลอดภัย
    - **ความเหลื่อมล้ำดิจิทัล**: ต้องให้ทุกกลุ่มเข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่าเทียม
    - **การลงทุน**: ต้องสมดุลระหว่างค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ระยะยาว

    ผู้นำสมาร์ทซิตี้จึงไม่เพียงต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยี แต่ต้องมีทักษะการสื่อสาร การบริหารโครงการขนาดใหญ่ และความเข้าใจในความต้องการของประชาชนอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างเมืองที่ "อัจฉริยะ" อย่างแท้จริง
    ผู้นำสมาร์ทซิตี้ (Smart City Leader) หมายถึง บุคคลหรือทีมที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ### คุณลักษณะสำคัญของผู้นำสมาร์ทซิตี้: 1. **วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์** - กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ลดการปล่อยคาร์บอน เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด หรือพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ - สร้างแผนงานที่สอดคล้องกับบริบทของเมือง เช่น การแก้ปัญหาจราจร หรือการจัดการขยะ 2. **การใช้เทคโนโลยีและข้อมูล** - นำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things), Big Data, AI, และระบบคลาวด์มาใช้ในการเก็บ-วิเคราะห์ข้อมูลเมือง - ตัวอย่าง: ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ระบบจราจรอัจฉริยะ 3. **การมีส่วนร่วมของประชาชน** - สร้างแพลตฟอร์มให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (เช่น แอปพลิเคชันรายงานปัญหาสาธารณะ) - ส่งเสริมการรับรู้ข้อมูลแบบเปิด (Open Data) 4. **ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน** - ร่วมมือกับภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และชุมชน ในการพัฒนาโซลูชัน เช่น การสร้างเครือข่าย Wi-Fi ฟรี หรือโครงการพลังงานทดแทน 5. **ความยั่งยืน** - มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองด้วยหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน หรือการออกแบบพื้นที่สีเขียว ### ตัวอย่างเมืองอัจฉริยะระดับโลก: - **สิงคโปร์**: ใช้เทคโนโลยีจัดการจราจรและระบบสุขภาพดิจิทัล - **บาร์เซโลนา**: นำ IoT มาใช้ในการจัดการน้ำและพลังงาน - **โตเกียว**: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับสังคมสูงวัยด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ### ความท้าทายของผู้นำสมาร์ทซิตี้: - **ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล**: การจัดการข้อมูลประชาชนต้องมีความปลอดภัย - **ความเหลื่อมล้ำดิจิทัล**: ต้องให้ทุกกลุ่มเข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่าเทียม - **การลงทุน**: ต้องสมดุลระหว่างค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ระยะยาว ผู้นำสมาร์ทซิตี้จึงไม่เพียงต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยี แต่ต้องมีทักษะการสื่อสาร การบริหารโครงการขนาดใหญ่ และความเข้าใจในความต้องการของประชาชนอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างเมืองที่ "อัจฉริยะ" อย่างแท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ กล่าวว่าทรัมป์ไม่ได้หวังแค่จะขึ้นภาษีเท่านั้น แต่เขากำลังวางกับดักไว้ นี่คือกลยุทธ์ของประธานาธิบดีและจีนก็เดินเข้าไปหาทันที

    ตลาดกำลังฟื้นตัวหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 125% ในขณะที่ให้เวลา 90 วันกับประเทศอื่นๆ

    ผลลัพธ์ที่ได้คือ จีนต้องยืนอยู่เพียงลำพัง “ผมกับทรัมป์เราใช้เวลาหารืออย่างยาวในวันอาทิตย์ และนี่คือกลยุทธ์ของเขามาตลอด”


    “หากคุณไม่ตอบโต้ คุณจะได้รับสิ่งตอบแทน ดังนั้นทุกประเทศในโลกต้องการเข้าร่วมการเจรจา เรายินดีที่จะรับฟังคุณ เราจะลดภาษีศุลกากรพื้นฐานของเราต่อพวกเขาลงเหลือ 10% และเนื่องจากจีนยืนกรานที่จะยกระดับสงครามการค้า ภาษีศุลกากรของพวกเขาจึงจะเพิ่มขึ้นเป็น 125%”
    สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ กล่าวว่าทรัมป์ไม่ได้หวังแค่จะขึ้นภาษีเท่านั้น แต่เขากำลังวางกับดักไว้ นี่คือกลยุทธ์ของประธานาธิบดีและจีนก็เดินเข้าไปหาทันที ตลาดกำลังฟื้นตัวหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 125% ในขณะที่ให้เวลา 90 วันกับประเทศอื่นๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือ จีนต้องยืนอยู่เพียงลำพัง “ผมกับทรัมป์เราใช้เวลาหารืออย่างยาวในวันอาทิตย์ และนี่คือกลยุทธ์ของเขามาตลอด” “หากคุณไม่ตอบโต้ คุณจะได้รับสิ่งตอบแทน ดังนั้นทุกประเทศในโลกต้องการเข้าร่วมการเจรจา เรายินดีที่จะรับฟังคุณ เราจะลดภาษีศุลกากรพื้นฐานของเราต่อพวกเขาลงเหลือ 10% และเนื่องจากจีนยืนกรานที่จะยกระดับสงครามการค้า ภาษีศุลกากรของพวกเขาจึงจะเพิ่มขึ้นเป็น 125%”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • Micron Technology ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำชั้นนำ ประกาศเพิ่มราคาสินค้าบางประเภท เช่น SSD และ โมดูลหน่วยความจำ เพื่อตอบสนองต่อภาษีการค้าใหม่ที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ

    🌐 เหตุผลที่ต้องปรับราคา:

    📋 ผลกระทบจากภาษี: แม้ชิปเซมิคอนดักเตอร์จะได้รับการยกเว้นจากภาษี แต่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น SSD และหน่วยความจำ ไม่ได้รับการยกเว้น

    💡 การส่งต่อค่าใช้จ่าย: Micron แจ้งลูกค้าว่าภาษีที่เพิ่มขึ้นจะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายนี้ได้เอง

    ⚠️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม:

    🌏 การปรับตัวของผู้ผลิตในเอเชีย: ผู้ผลิต NAND ในเอเชีย เช่น จีนและไต้หวัน ใช้กลยุทธ์เดียวกัน โดยแจ้งลูกค้าในสหรัฐฯ ให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายภาษีเอง

    🖥️ การขึ้นราคาสินค้าอื่น ๆ: ผู้ผลิตเทคโนโลยี เช่น Acer ก็ประกาศเพิ่มราคาสินค้าสำหรับตลาดสหรัฐฯ ถึง 10%

    https://www.techspot.com/news/107484-micron-raises-prices-memory-products-response-trump-tariffs.html
    Micron Technology ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำชั้นนำ ประกาศเพิ่มราคาสินค้าบางประเภท เช่น SSD และ โมดูลหน่วยความจำ เพื่อตอบสนองต่อภาษีการค้าใหม่ที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ 🌐 เหตุผลที่ต้องปรับราคา: 📋 ผลกระทบจากภาษี: แม้ชิปเซมิคอนดักเตอร์จะได้รับการยกเว้นจากภาษี แต่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น SSD และหน่วยความจำ ไม่ได้รับการยกเว้น 💡 การส่งต่อค่าใช้จ่าย: Micron แจ้งลูกค้าว่าภาษีที่เพิ่มขึ้นจะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายนี้ได้เอง ⚠️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม: 🌏 การปรับตัวของผู้ผลิตในเอเชีย: ผู้ผลิต NAND ในเอเชีย เช่น จีนและไต้หวัน ใช้กลยุทธ์เดียวกัน โดยแจ้งลูกค้าในสหรัฐฯ ให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายภาษีเอง 🖥️ การขึ้นราคาสินค้าอื่น ๆ: ผู้ผลิตเทคโนโลยี เช่น Acer ก็ประกาศเพิ่มราคาสินค้าสำหรับตลาดสหรัฐฯ ถึง 10% https://www.techspot.com/news/107484-micron-raises-prices-memory-products-response-trump-tariffs.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Micron raises prices on SSDs, memory products in response to tariffs
    In a letter to its US clients, Micron explained that the surcharge is necessary under the new trade conditions. Executives had already warned customers during a March...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts