อริยสาวกพึงฝึกหัดว่าการดำเนินตามลำดับมโนสเจตนาของการเข้าสู่วิมุตติเมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้วดำเนินไปตามธรรมได้เอง
สัทธรรมลำดับที่ : 656
ชื่อบทธรรม : -ลำดับมโนสเจตนาของการเข้าสู่วิมุตติเมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว.
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=656
เนื้อความทั้งหมด :-
--ลำดับมโนสเจตนาของการเข้าสู่วิมุตติเมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว(สีลสมฺปนฺนสฺส)​
http://etipitaka.com/read/pali/24/336/?keywords=สีลสมฺปนฺนสฺส
--ภิกษุ ท. ! เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “อวิปปฏิสารจงบังเกิดแก่เรา”.
+-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า
เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว อวิปปฏิสารย่อมเกิด (เอง).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อไม่มีวิปปฏิสาร ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “ปราโมทย์จงบังเกิดแก่เรา”.
+-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า
เมื่อไม่มีวิปปฏิสารปราโมทย์ย่อมเกิด (เอง).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อปราโมทย์แล้ว
ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “ปีติจงบังเกิดแก่เรา”.
+-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดาว่า
เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด (เอง).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อมีใจปีติแล้ว
ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “กายของเราจงรำงับ”.
+-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า
เมื่อมีใจปีติแล้ว กายย่อมรำงับ (เอง).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อกายรำงับแล้ว
ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงเสวยสุขเถิด”.
+-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า
เมื่อกายรำงับแล้ว ย่อมได้เสวยสุข (เอง).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อมีสุขก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “จิตของเราจงตั้งมั่นเป็นสมาธิ”.
+-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า
เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น เป็นสมาธิ (เอง).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว
ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงรู้จงเห็นตามที่เป็นจริง”.
+-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า
เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ย่อมเห็นตามที่เป็นจริง (เอง).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง
ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงเบื่อหน่าย”.
+-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า
เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง ย่อมเบื่อหน่าย (เอง).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว
ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงคลายกำหนัด”.
+-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า
เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ย่อมคลายกำหนัด (เอง).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อจิตคลายกำหนัดแล้ว
ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ”.
+-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า
เมื่อคลายกำหนัดแล้ว #ย่อมทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ (เอง).-
http://etipitaka.com/read/pali/24/337/?keywords=วิมุตฺติญาณทสฺสน

#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. 24/289/209.
http://etipitaka.com/read/thai/24/289/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%99
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๓๖/๒๐๙.
http://etipitaka.com/read/pali/24/336/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%99
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=656
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45&id=656
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45
ลำดับสาธยายธรรม : 45 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_45.mp3
อริยสาวกพึงฝึกหัดว่าการดำเนินตามลำดับมโนสเจตนาของการเข้าสู่วิมุตติเมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้วดำเนินไปตามธรรมได้เอง สัทธรรมลำดับที่ : 656 ชื่อบทธรรม : -ลำดับมโนสเจตนาของการเข้าสู่วิมุตติเมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว. https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=656 เนื้อความทั้งหมด :- --ลำดับมโนสเจตนาของการเข้าสู่วิมุตติเมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว(สีลสมฺปนฺนสฺส)​ http://etipitaka.com/read/pali/24/336/?keywords=สีลสมฺปนฺนสฺส --ภิกษุ ท. ! เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “อวิปปฏิสารจงบังเกิดแก่เรา”. +-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว อวิปปฏิสารย่อมเกิด (เอง). --ภิกษุ ท. ! เมื่อไม่มีวิปปฏิสาร ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “ปราโมทย์จงบังเกิดแก่เรา”. +-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อไม่มีวิปปฏิสารปราโมทย์ย่อมเกิด (เอง). --ภิกษุ ท. ! เมื่อปราโมทย์แล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “ปีติจงบังเกิดแก่เรา”. +-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดาว่า เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด (เอง). --ภิกษุ ท. ! เมื่อมีใจปีติแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “กายของเราจงรำงับ”. +-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีใจปีติแล้ว กายย่อมรำงับ (เอง). --ภิกษุ ท. ! เมื่อกายรำงับแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงเสวยสุขเถิด”. +-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อกายรำงับแล้ว ย่อมได้เสวยสุข (เอง). --ภิกษุ ท. ! เมื่อมีสุขก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “จิตของเราจงตั้งมั่นเป็นสมาธิ”. +-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น เป็นสมาธิ (เอง). --ภิกษุ ท. ! เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงรู้จงเห็นตามที่เป็นจริง”. +-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ย่อมเห็นตามที่เป็นจริง (เอง). --ภิกษุ ท. ! เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงเบื่อหน่าย”. +-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง ย่อมเบื่อหน่าย (เอง). --ภิกษุ ท. ! เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงคลายกำหนัด”. +-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ย่อมคลายกำหนัด (เอง). --ภิกษุ ท. ! เมื่อจิตคลายกำหนัดแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ”. +-ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อคลายกำหนัดแล้ว #ย่อมทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ (เอง).- http://etipitaka.com/read/pali/24/337/?keywords=วิมุตฺติญาณทสฺสน #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. 24/289/209. http://etipitaka.com/read/thai/24/289/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๓๖/๒๐๙. http://etipitaka.com/read/pali/24/336/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%99 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=656 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45&id=656 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45 ลำดับสาธยายธรรม : 45 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_45.mp3
WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
- ภิกษุ ท. ! เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “อวิปปฏิสารจงบังเกิดแก่เรา”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว อวิปปฏิสารย่อมเกิด (เอง).
-ภิกษุ ท. ! เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “อวิปปฏิสารจงบังเกิดแก่เรา”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว อวิปปฏิสารย่อมเกิด (เอง). ภิกษุ ท. ! เมื่อไม่มีวิปปฏิสาร ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “ปราโมทย์จงบังเกิดแก่เรา”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อไม่มีวิปปฏิสารปราโมทย์ย่อมเกิด (เอง). ภิกษุ ท. ! เมื่อปราโมทย์แล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “ปีติจงบังเกิดแก่เรา”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดาว่า เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด (เอง). ภิกษุ ท. ! เมื่อมีใจปีติแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “กายของเราจงรำงับ”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีใจปีติแล้ว กายย่อมรำงับ (เอง). ภิกษุ ท. ! เมื่อกายรำงับแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงเสวยสุขเถิด”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อกายรำงับแล้ว ย่อมได้เสวยสุข (เอง). ภิกษุ ท. ! เมื่อมีสุขก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “จิตของเราจงตั้งมั่นเป็นสมาธิ”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น เป็นสมาธิ (เอง). ภิกษุ ท. ! เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงรู้จงเห็นตามที่เป็นจริง”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ย่อมเห็นตามที่เป็นจริง (เอง). ภิกษุ ท. ! เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงเบื่อหน่าย”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง ย่อมเบื่อหน่าย (เอง). ภิกษุ ท. ! เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงคลายกำหนัด”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ย่อมคลายกำหนัด (เอง). ภิกษุ ท. ! เมื่อจิตคลายกำหนัดแล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า “เราจงทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ”. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อคลายกำหนัดแล้ว ย่อมทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ (เอง).
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว