เพราะไม่รู้อริยสัจทั้งสี่ สัตว์โลกธาตุนี้จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ
สัทธรรมลำดับที่ : 4
ชื่อบทธรรม :- เพราะไม่รู้อริยสัจ จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=63
เนื้อความทั้งหมด :- เพราะไม่รู้อริยสัจ จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ
--ภิกษุ ท. ! เพราะไม่รู้ถึง ไม่แทงตลอดซึ่งอริยสัจสี่อย่าง,
เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงได้ท่องเที่ยวไปแล้วในสังสารวัฏ
ตลอดกาลยืดยาวนานถึงเพียงนี้.
--ภิกษุ ท. ! อริยสัจสี่อย่าง เหล่าไหนเล่า ?
--ภิกษุ ท. ! เพราะไม่รู้ถึง ไม่แทงตลอดซึ่ง
อริยสัจคือ ทุกข์,
อริยสัจคือ เหตุให้เกิดทุกข์,
อริยสัจคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์ และ
อริยสัจคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ;
เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงได้ท่องเที่ยวไปแล้วในสังสารวัฏ
ตลอดกาล ยืดยาวนานถึงเพียงนี้.
--ภิกษุ ท. ! เมื่ออริยสัจ คือ
ทุกข์,
เหตุให้เกิดทุกข์,
ความดับไม่เหลือของทุกข์ และ
ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์,
เป็นความจริงที่เราและพวกเธอทั้งหลาย รู้ถึง และแทงตลอดแล้ว ;
ตัณหาในภพ ก็ถูกถอนขึ้นขาดตัณหาที่จะนำไปสู่ภพ ก็สิ้นไปหมด
บัดนี้ความต้องเกิดขึ้นอีก มิได้มี ;
ดังนี้.-

#ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/428/1698.
http://etipitaka.com/read/thai/19/428/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%99%E0%B9%98
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๑/๑๖๙๘.
http://etipitaka.com/read/pali/19/541/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%99%E0%B9%98
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=63
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=1&id=4
ลำดับสาธยายธรรม : 1 ฟังเสียง...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_01.mp3
เพราะไม่รู้อริยสัจทั้งสี่ สัตว์โลกธาตุนี้จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ สัทธรรมลำดับที่ : 4 ชื่อบทธรรม :- เพราะไม่รู้อริยสัจ จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=63 เนื้อความทั้งหมด :- เพราะไม่รู้อริยสัจ จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ --ภิกษุ ท. ! เพราะไม่รู้ถึง ไม่แทงตลอดซึ่งอริยสัจสี่อย่าง, เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงได้ท่องเที่ยวไปแล้วในสังสารวัฏ ตลอดกาลยืดยาวนานถึงเพียงนี้. --ภิกษุ ท. ! อริยสัจสี่อย่าง เหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! เพราะไม่รู้ถึง ไม่แทงตลอดซึ่ง อริยสัจคือ ทุกข์, อริยสัจคือ เหตุให้เกิดทุกข์, อริยสัจคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์ และ อริยสัจคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ; เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงได้ท่องเที่ยวไปแล้วในสังสารวัฏ ตลอดกาล ยืดยาวนานถึงเพียงนี้. --ภิกษุ ท. ! เมื่ออริยสัจ คือ ทุกข์, เหตุให้เกิดทุกข์, ความดับไม่เหลือของทุกข์ และ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์, เป็นความจริงที่เราและพวกเธอทั้งหลาย รู้ถึง และแทงตลอดแล้ว ; ตัณหาในภพ ก็ถูกถอนขึ้นขาดตัณหาที่จะนำไปสู่ภพ ก็สิ้นไปหมด บัดนี้ความต้องเกิดขึ้นอีก มิได้มี ; ดังนี้.- #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/428/1698. http://etipitaka.com/read/thai/19/428/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%99%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๑/๑๖๙๘. http://etipitaka.com/read/pali/19/541/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%99%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=63 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=1&id=4 ลำดับสาธยายธรรม : 1 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_01.mp3
WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
- การรู้จักอันตคาหิกทิฏฐิไม่เกี่ยวกับ
-การรู้จักอันตคาหิกทิฏฐิไม่เกี่ยวกับ การรู้อริยสัจและการประพฤติพรหมจรรย์ มาลุงก๎ยบุตร ! อะไรเล่า เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ ? มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “โลกเที่ยง” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “โลกไม่เที่ยง” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “โลกมีที่สิ้นสุด” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “โลกไม่มีที่สิ้นสุด” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีก” ดังนี้เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมไม่มีอีก” ดังนี้เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็มี ไม่มีอีกก็มี” ดังนี้ เป็นสิ่งเราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็หามิได้ ไม่มีอีกก็หามิได้” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! เพราะเหตุไร นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ ? เพราะเหตุว่า นั่นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความระงับ ความรู้ยิ่งความรู้พร้อม และนิพพาน, เหตุนั้น นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! อะไรเล่า เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์ ? มาลุงก๎ยบุตร ! สัจจะว่า “นี้ ความทุกข์” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! สัจจะว่า “นี้ เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! สัจจะว่า “นี้ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! สัจจะว่า “นี้ ทางเดินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! เพราะเหตุไร นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราพยากรณ์ ? เพราะเหตุว่า นั่น ประกอบด้วยประโยชน์ นั่น เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ นั่นเป็นไปพร้อมเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับไม่เหลือ ความระงับความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน, เหตุนั้น นั่นเราจึงพยากรณ์. มาลุงกย๎บุตร ! เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้ เธอจงถือเอาสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ โดยความเป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ และสิ่งที่เราพยากรณ์โดยความเป็นสิ่งที่เราพยากรณ์ ดังนี้เถิด. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า “โลกเที่ยง” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้ ; เมื่อทิฏฐิว่า “โลกไม่เที่ยง” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้อีกนั่นเอง. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า โลกเที่ยง หรือว่า โลกไม่เที่ยง ก็ตาม มีอยู่ ; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมีมรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเป็น สิ่งที่เราบัญญัติการกำจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า “โลกมีที่สิ้นสุด” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้ ; เมื่อทิฏฐิว่า “โลกไม่มีที่สิ้นสุด” ดังนี้มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้อีกนั่นเอง. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า โลกมีที่สิ้นสุด หรือว่า โลกไม่มีที่สิ้นสุด ก็ตาม มีอยู่ ; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลายก็ยังมี, อันเป็นสิ่งที่เราบัญญัติการกำจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า “ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้ ; เมื่อทิฏฐิว่า “ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้อีกนั่นเอง. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า ชีวะก็อันนั้นสรีระก็อันนั้น หรือว่าชีวะก็ อันอื่น สรีระก็อันอื่น ก็ตาม มีอยู่, ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเป็นสิ่งที่เราบัญญัติการ กำจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีก” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้ ; เมื่อทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมไม่มีอีก” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้อีกนั่นเอง. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีก หรือว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมไม่มีอีก ก็ตามมีอยู่ ; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเป็นสิ่งที่เราบัญญัติการกำจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีก ก็มีไม่มีอีกก็มี” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้ ;nเมื่อทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็หามิได้ไม่มีอีกก็หามิได้” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้อยู่นั่นเอง. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีกก็มีไม่มีอีกก็มี หรือว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีกก็หามิได้ไม่มีอีกก็หามิได้ ก็ตาม มีอยู่ ; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเป็นสิ่งที่เราบัญญัติการกำจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้.
0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews