• ปิดคดีลวนลามผู้ต้องหาสาวที่สวายเรียง ตำรวจกัมพูชาเรียกนักข่าว 2 รายสอบปากคำ หลังมีคลิปใช้มือจับปาก–แก้มผู้ต้องหาหญิง สุดท้ายตักเตือน–ให้ทำคลิปขอโทษ ก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน ขณะกระทรวงข้อมูลข่าวสารเพิกถอนบัตรสื่อ 1 ราย

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110755

    #กัมพูชา #ลวนลามผู้ต้องหา #นักข่าวกัมพูชา #สวายเรียง #คดีเว็บพนัน #News1live #News1
    ปิดคดีลวนลามผู้ต้องหาสาวที่สวายเรียง ตำรวจกัมพูชาเรียกนักข่าว 2 รายสอบปากคำ หลังมีคลิปใช้มือจับปาก–แก้มผู้ต้องหาหญิง สุดท้ายตักเตือน–ให้ทำคลิปขอโทษ ก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน ขณะกระทรวงข้อมูลข่าวสารเพิกถอนบัตรสื่อ 1 ราย • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110755 • #กัมพูชา #ลวนลามผู้ต้องหา #นักข่าวกัมพูชา #สวายเรียง #คดีเว็บพนัน #News1live #News1
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • "กรมคุก" ชี้แจงหลังบุกค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบผู้ต้องขังจีนบางรายมีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังอื่น และพบเจ้าหน้าที่ร่วมกระทำผิด สั่งย้าย ผบ.เรือนจำ–เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งทีมสอบข้อเท็จจริงทุกประเด็น

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110778

    #กรมราชทัณฑ์ #เรือนจำพิเศษกรุงเทพ #ผู้ต้องขังจีน #ราชทัณฑ์ #คดีร้ายแรง #News1live #News1
    "กรมคุก" ชี้แจงหลังบุกค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบผู้ต้องขังจีนบางรายมีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังอื่น และพบเจ้าหน้าที่ร่วมกระทำผิด สั่งย้าย ผบ.เรือนจำ–เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งทีมสอบข้อเท็จจริงทุกประเด็น • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110778 • #กรมราชทัณฑ์ #เรือนจำพิเศษกรุงเทพ #ผู้ต้องขังจีน #ราชทัณฑ์ #คดีร้ายแรง #News1live #News1
    Haha
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • EP 76
    BITCOIN พูดตามกราฟ
    EP 76 BITCOIN พูดตามกราฟ
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 0 Reviews
  • สแกมเมอร์ต่างชาติทะลักเข้าแม่สอดอีกระลอกใหญ่ หลังทหารเมียนมาบุกปราบหนัก พบกว่า 50 คนแบกเสื่อหมอน–ลากกระเป๋าลอบข้ามน้ำเมย ทั้งชาวปากีสถาน แอฟริกา และจีน รวมตัวมอบตัวเพราะหนีตายจากเคเคปาร์ค

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110662

    #สแกมเมอร์ #แม่สอด #น้ำเมย #เมียวดี #เคเคปาร์ค #แรงงานต่างด้าว #ชายแดนไทยพม่า #News1live #News1
    สแกมเมอร์ต่างชาติทะลักเข้าแม่สอดอีกระลอกใหญ่ หลังทหารเมียนมาบุกปราบหนัก พบกว่า 50 คนแบกเสื่อหมอน–ลากกระเป๋าลอบข้ามน้ำเมย ทั้งชาวปากีสถาน แอฟริกา และจีน รวมตัวมอบตัวเพราะหนีตายจากเคเคปาร์ค • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110662 • #สแกมเมอร์ #แม่สอด #น้ำเมย #เมียวดี #เคเคปาร์ค #แรงงานต่างด้าว #ชายแดนไทยพม่า #News1live #News1
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • จนท.เปิดปฏิบัติการ “ตัดหมอกเวียงแหง” รวบยกแก๊งขบวนการส่วยสัญชาติ เชือดตั้งแต่อดีตปลัดฯ–หน.ทะเบียน–ลูกจ้างอำเภอ รวมถึงกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน และนายหน้าคนต่างด้าว รวมผู้ต้องหากว่า 10 ราย

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110767

    #ตัดหมอกเวียงแหง #ส่วยสัญชาติ #เวียงแหง #เชียงใหม่ #ทุจริต #กรมการปกครอง #ปปป #DSI #News1live #News1
    จนท.เปิดปฏิบัติการ “ตัดหมอกเวียงแหง” รวบยกแก๊งขบวนการส่วยสัญชาติ เชือดตั้งแต่อดีตปลัดฯ–หน.ทะเบียน–ลูกจ้างอำเภอ รวมถึงกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน และนายหน้าคนต่างด้าว รวมผู้ต้องหากว่า 10 ราย • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110767 • #ตัดหมอกเวียงแหง #ส่วยสัญชาติ #เวียงแหง #เชียงใหม่ #ทุจริต #กรมการปกครอง #ปปป #DSI #News1live #News1
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • ที่ศรีราชา เข้าสู่ช่วงปลายฝน ต้นหนาว ในเดือน พ.ย. 68 มีอุณหภูมิเย็นเบาบาง มีแดดในตอนกลางวัน สลับกับมีฝนตก ในบางพื้นที่
    สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    ที่ศรีราชา เข้าสู่ช่วงปลายฝน ต้นหนาว ในเดือน พ.ย. 68 มีอุณหภูมิเย็นเบาบาง มีแดดในตอนกลางวัน สลับกับมีฝนตก ในบางพื้นที่ สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    2 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • จีน-ไทย “ครอบครัวเดียวกัน”

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000110826
    จีน-ไทย “ครอบครัวเดียวกัน” บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000110826
    MGRONLINE.COM
    จีน-ไทย“ครอบครัวเดียวกัน”
    ในวาระครบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ภาพที่สะท้อนความลึกของสายสัมพันธ์สองประเทศมากที่สุด ไม่ใช่ตัวเลขการค้า ไม่ใช่ข้อตกลงทางเศรษฐกิจ แต่คือบรรยากาศล่าสุดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ และสมเด็จพระราชินีเสด็จเยือ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันศุกร์ที่ 21 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันศุกร์ที่ 21 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.29

    การแสวงหาความยุติธรรมในชั้นสูงสุดของศาลไทย คือหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด การฎีกาไม่ใช่เพียงแค่ขั้นตอนทางธุรการ แต่คือกลไกสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้คู่ความได้นำข้อพิพาทขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดและเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการอำนวยความยุติธรรมตามกฎหมายอย่างแท้จริง การอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกานี้ จึงเป็นด่านสุดท้ายที่กำหนดชะตาชีวิตและสิทธิของประชาชนภายใต้ระบบกฎหมายที่มุ่งเน้นความถูกต้องและเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด ก่อนที่คำวินิจฉัยใดๆ จะกลายเป็นข้อยุติที่มีผลผูกพันตลอดไป

    โดยหลักการแล้ว การฎีกาถูกออกแบบมาให้เป็นกระบวนการที่มีความเข้มงวดและมีเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความได้กำหนดไว้ ศาลฎีกาในฐานะผู้ควบคุมความชอบด้วยกฎหมายและความถูกต้องของคำพิพากษา จะมุ่งเน้นการพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช่การพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเหมือนศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ขัดแย้งกับหลักกฎหมายที่สำคัญ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นข้อสงสัยที่สมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูงสุดเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้เกิดความมั่นคงในระบบยุติธรรม ความสำคัญของการฎีกาจึงอยู่ที่การสร้างความสม่ำเสมอในการใช้กฎหมาย การธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และการให้โอกาสคู่ความที่เชื่อว่าคำวินิจฉัยในชั้นศาลล่างอาจมีความคลาดเคลื่อนในทางกฎหมายได้เข้าสู่การตรวจสอบขั้นสุดท้าย ภารกิจอันทรงเกียรตินี้จึงเรียกร้องความรอบคอบและวิจารณญาณสูงสุดในการตีความและประยุกต์ใช้กฎหมายเพื่ออำนวยความยุติธรรมที่เป็นเลิศ

    ดังนั้น ฎีกาจึงเป็นมากกว่าแค่การยื่นคำร้อง แต่มันคือการยืนยันถึงหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลในกระบวนการยุติธรรมของชาติอย่างแท้จริง มันสะท้อนให้เห็นว่าแม้คำพิพากษาในชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์จะมีน้ำหนักและผลผูกพันเพียงใด แต่ประตูสู่การแสวงหาความยุติธรรมสูงสุดก็ยังเปิดอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเงื่อนไขที่รัดกุม การตัดสินใจของศาลฎีกาจึงถือเป็นที่สุด เป็นข้อยุติที่กำหนดทิศทางของกฎหมายในอนาคตและเป็นหลักประกันสุดท้ายแห่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกคนภายใต้ร่มเงาแห่งความยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย
    บทความกฎหมาย EP.29 การแสวงหาความยุติธรรมในชั้นสูงสุดของศาลไทย คือหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด การฎีกาไม่ใช่เพียงแค่ขั้นตอนทางธุรการ แต่คือกลไกสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้คู่ความได้นำข้อพิพาทขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดและเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการอำนวยความยุติธรรมตามกฎหมายอย่างแท้จริง การอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกานี้ จึงเป็นด่านสุดท้ายที่กำหนดชะตาชีวิตและสิทธิของประชาชนภายใต้ระบบกฎหมายที่มุ่งเน้นความถูกต้องและเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด ก่อนที่คำวินิจฉัยใดๆ จะกลายเป็นข้อยุติที่มีผลผูกพันตลอดไป โดยหลักการแล้ว การฎีกาถูกออกแบบมาให้เป็นกระบวนการที่มีความเข้มงวดและมีเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความได้กำหนดไว้ ศาลฎีกาในฐานะผู้ควบคุมความชอบด้วยกฎหมายและความถูกต้องของคำพิพากษา จะมุ่งเน้นการพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช่การพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเหมือนศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ขัดแย้งกับหลักกฎหมายที่สำคัญ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นข้อสงสัยที่สมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูงสุดเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้เกิดความมั่นคงในระบบยุติธรรม ความสำคัญของการฎีกาจึงอยู่ที่การสร้างความสม่ำเสมอในการใช้กฎหมาย การธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และการให้โอกาสคู่ความที่เชื่อว่าคำวินิจฉัยในชั้นศาลล่างอาจมีความคลาดเคลื่อนในทางกฎหมายได้เข้าสู่การตรวจสอบขั้นสุดท้าย ภารกิจอันทรงเกียรตินี้จึงเรียกร้องความรอบคอบและวิจารณญาณสูงสุดในการตีความและประยุกต์ใช้กฎหมายเพื่ออำนวยความยุติธรรมที่เป็นเลิศ ดังนั้น ฎีกาจึงเป็นมากกว่าแค่การยื่นคำร้อง แต่มันคือการยืนยันถึงหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลในกระบวนการยุติธรรมของชาติอย่างแท้จริง มันสะท้อนให้เห็นว่าแม้คำพิพากษาในชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์จะมีน้ำหนักและผลผูกพันเพียงใด แต่ประตูสู่การแสวงหาความยุติธรรมสูงสุดก็ยังเปิดอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเงื่อนไขที่รัดกุม การตัดสินใจของศาลฎีกาจึงถือเป็นที่สุด เป็นข้อยุติที่กำหนดทิศทางของกฎหมายในอนาคตและเป็นหลักประกันสุดท้ายแห่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกคนภายใต้ร่มเงาแห่งความยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน D-Link DIR-878 ที่หมดอายุการสนับสนุน

    D-Link ได้ออกประกาศเตือนผู้ใช้เราเตอร์รุ่น DIR-878 ว่าพบช่องโหว่ร้ายแรงถึง 4 จุด ซึ่งรวมถึงการ Remote Command Execution (RCE) โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที หากเราเตอร์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ความเสี่ยงนี้ถือว่าสูงมาก เพราะผู้ใช้ไม่สามารถอัปเดตแพตช์แก้ไขได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ถูกจัดอยู่ในสถานะ End-of-Life (EOL) ตั้งแต่ปี 2021

    มุมมองจากวงการไซเบอร์
    รายงานจากหลายสำนักข่าวด้านความปลอดภัยระบุว่า ช่องโหว่เหล่านี้ครอบคลุมทั้งการ Command Injection ผ่าน Dynamic DNS และ DMZ Settings รวมถึง Buffer Overflow จาก USB Serial Number และการ QoS Rule Injection ซึ่งทั้งหมดสามารถนำไปสู่การเข้าควบคุมระบบได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าหากผู้ใช้ยังคงใช้งานอุปกรณ์นี้ อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีเพื่อแพร่มัลแวร์หรือบอทเน็ตได้

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้และองค์กร
    สิ่งที่น่ากังวลคือการโจมตีสามารถทำได้จากระยะไกลโดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน ซึ่งหมายความว่าแม้ผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ใช่เป้าหมายโดยตรงก็อาจถูกโจมตีได้ หากอุปกรณ์ยังเปิดใช้งานอยู่ในบ้านหรือสำนักงาน การปล่อยให้เราเตอร์ที่หมดอายุการสนับสนุนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจึงเท่ากับเปิดประตูให้แฮกเกอร์เข้ามาในเครือข่ายโดยตรง

    แนวโน้มและคำแนะนำ
    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำให้ผู้ใช้ เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์รุ่นใหม่ที่ยังได้รับการสนับสนุน และควรตรวจสอบอุปกรณ์เครือข่ายอื่น ๆ ที่อาจหมดอายุการสนับสนุนแล้วเช่นกัน แนวโน้มในอนาคตคือการโจมตีอุปกรณ์ IoT และเราเตอร์ที่ไม่ได้รับการอัปเดตจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นจุดอ่อนที่เข้าถึงง่ายและมักถูกละเลย

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    D-Link DIR-878 หมดอายุการสนับสนุนตั้งแต่ปี 2021
    พบช่องโหว่ร้ายแรง 4 จุด (Dynamic DNS, DMZ, USB Buffer Overflow, QoS Injection)
    ช่องโหว่เปิดโอกาสให้โจมตีแบบ Remote Command Execution โดยไม่ต้องล็อกอิน

    คำเตือนจากข่าว
    ผู้ใช้ที่ยังใช้งานเราเตอร์รุ่นนี้เสี่ยงถูกโจมตีและควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ
    อุปกรณ์ที่หมดอายุการสนับสนุนไม่สามารถอัปเดตแพตช์แก้ไขได้
    การปล่อยให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจทำให้เครือข่ายบ้านหรือองค์กรถูกเจาะทะลวง

    https://securityonline.info/d-link-dir-878-reaches-eol-3-unpatched-rce-flaws-allow-unauthenticated-remote-command-execution/
    🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน D-Link DIR-878 ที่หมดอายุการสนับสนุน D-Link ได้ออกประกาศเตือนผู้ใช้เราเตอร์รุ่น DIR-878 ว่าพบช่องโหว่ร้ายแรงถึง 4 จุด ซึ่งรวมถึงการ Remote Command Execution (RCE) โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที หากเราเตอร์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ความเสี่ยงนี้ถือว่าสูงมาก เพราะผู้ใช้ไม่สามารถอัปเดตแพตช์แก้ไขได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ถูกจัดอยู่ในสถานะ End-of-Life (EOL) ตั้งแต่ปี 2021 🌐 มุมมองจากวงการไซเบอร์ รายงานจากหลายสำนักข่าวด้านความปลอดภัยระบุว่า ช่องโหว่เหล่านี้ครอบคลุมทั้งการ Command Injection ผ่าน Dynamic DNS และ DMZ Settings รวมถึง Buffer Overflow จาก USB Serial Number และการ QoS Rule Injection ซึ่งทั้งหมดสามารถนำไปสู่การเข้าควบคุมระบบได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าหากผู้ใช้ยังคงใช้งานอุปกรณ์นี้ อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีเพื่อแพร่มัลแวร์หรือบอทเน็ตได้ ⚠️ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้และองค์กร สิ่งที่น่ากังวลคือการโจมตีสามารถทำได้จากระยะไกลโดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน ซึ่งหมายความว่าแม้ผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ใช่เป้าหมายโดยตรงก็อาจถูกโจมตีได้ หากอุปกรณ์ยังเปิดใช้งานอยู่ในบ้านหรือสำนักงาน การปล่อยให้เราเตอร์ที่หมดอายุการสนับสนุนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจึงเท่ากับเปิดประตูให้แฮกเกอร์เข้ามาในเครือข่ายโดยตรง 🔮 แนวโน้มและคำแนะนำ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำให้ผู้ใช้ เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์รุ่นใหม่ที่ยังได้รับการสนับสนุน และควรตรวจสอบอุปกรณ์เครือข่ายอื่น ๆ ที่อาจหมดอายุการสนับสนุนแล้วเช่นกัน แนวโน้มในอนาคตคือการโจมตีอุปกรณ์ IoT และเราเตอร์ที่ไม่ได้รับการอัปเดตจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นจุดอ่อนที่เข้าถึงง่ายและมักถูกละเลย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ D-Link DIR-878 หมดอายุการสนับสนุนตั้งแต่ปี 2021 ➡️ พบช่องโหว่ร้ายแรง 4 จุด (Dynamic DNS, DMZ, USB Buffer Overflow, QoS Injection) ➡️ ช่องโหว่เปิดโอกาสให้โจมตีแบบ Remote Command Execution โดยไม่ต้องล็อกอิน ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ผู้ใช้ที่ยังใช้งานเราเตอร์รุ่นนี้เสี่ยงถูกโจมตีและควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ ⛔ อุปกรณ์ที่หมดอายุการสนับสนุนไม่สามารถอัปเดตแพตช์แก้ไขได้ ⛔ การปล่อยให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจทำให้เครือข่ายบ้านหรือองค์กรถูกเจาะทะลวง https://securityonline.info/d-link-dir-878-reaches-eol-3-unpatched-rce-flaws-allow-unauthenticated-remote-command-execution/
    SECURITYONLINE.INFO
    D-Link DIR-878 Reaches EOL: 3 Unpatched RCE Flaws Allow Unauthenticated Remote Command Execution
    D-Link warned that DIR-878 has reached EOL with three unpatched RCE flaws. Unauthenticated remote attackers can execute arbitrary commands via Dynamic DNS and DMZ settings due to insecure CGI parameters.
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • Google เปิดตัว Canvas ใน AI Mode

    Google ประกาศเปิดตัว Canvas ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการจัดการแผนงานและโครงการ โดยผู้ใช้สามารถบรรยายสิ่งที่ต้องการ เช่น การเดินทางหรือกิจกรรมที่วางแผนไว้ แล้ว AI จะช่วยเสนอปลายทาง โรงแรม และรายละเอียดการจองที่เหมาะสม ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายให้อยู่ในที่เดียว ทำให้การวางแผนสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การขยายความสามารถ Agentic AI
    นอกจาก Canvas แล้ว Google ยังเพิ่มความสามารถให้ AI Mode สามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้จริง เช่น การจองร้านอาหาร ซื้อตั๋วงานแสดง หรือแม้แต่การนัดหมายด้านสุขภาพและความงาม ฟีเจอร์นี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของ AI ที่ไม่ได้แค่ให้ข้อมูล แต่สามารถ ลงมือทำแทนผู้ใช้ ได้โดยตรง ซึ่งถือเป็นการก้าวสู่ยุคของ “Agentic AI” อย่างเต็มรูปแบบ

    การเชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ
    ก่อนหน้านี้ Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Agentic Checkout สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ โดย AI สามารถค้นหาสินค้าตามราคาที่ผู้ใช้ต้องการ และทำการสั่งซื้ออัตโนมัติเมื่อราคาลดลง ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังถูกขยายไปยังบริการอื่น ๆ เช่น Google Photos, Google Messages และ Android เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ AI สามารถช่วยเหลือผู้ใช้ได้ในหลายมิติ

    แนวโน้มในอนาคต
    การเปิดตัว Canvas และการขยายความสามารถ Agentic AI แสดงให้เห็นว่า Google กำลังผลักดัน AI ให้เป็น ผู้ช่วยที่ลงมือทำแทนได้จริง ไม่ใช่แค่เครื่องมือค้นหาข้อมูล แนวโน้มนี้อาจเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนจัดการชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การเดินทาง การช้อปปิ้ง ไปจนถึงการจัดการงานในองค์กร

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ Canvas สำหรับการวางแผนและจัดการโครงการ
    AI Mode สามารถทำงานแทนผู้ใช้ เช่น จองร้านอาหาร ซื้อตั๋ว และนัดหมาย
    ฟีเจอร์ Agentic Checkout ช่วยค้นหาสินค้าและสั่งซื้ออัตโนมัติเมื่อราคาลดลง
    ฟีเจอร์ใหม่จะถูกขยายไปยัง Google Photos, Google Messages และ Android

    คำเตือนจากข่าว
    การให้ AI ทำงานแทนผู้ใช้อาจสร้างความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
    ผู้ใช้ควรระวังการอนุญาตให้ AI เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือสิทธิ์ในการทำธุรกรรม
    หากระบบถูกโจมตีหรือทำงานผิดพลาด อาจส่งผลต่อการเงินและข้อมูลส่วนบุคคล

    https://securityonline.info/ai-mode-upgraded-google-launches-canvas-for-planning-and-agentic-booking-for-reservations/
    🖥️ Google เปิดตัว Canvas ใน AI Mode Google ประกาศเปิดตัว Canvas ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการจัดการแผนงานและโครงการ โดยผู้ใช้สามารถบรรยายสิ่งที่ต้องการ เช่น การเดินทางหรือกิจกรรมที่วางแผนไว้ แล้ว AI จะช่วยเสนอปลายทาง โรงแรม และรายละเอียดการจองที่เหมาะสม ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายให้อยู่ในที่เดียว ทำให้การวางแผนสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✈️ การขยายความสามารถ Agentic AI นอกจาก Canvas แล้ว Google ยังเพิ่มความสามารถให้ AI Mode สามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้จริง เช่น การจองร้านอาหาร ซื้อตั๋วงานแสดง หรือแม้แต่การนัดหมายด้านสุขภาพและความงาม ฟีเจอร์นี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของ AI ที่ไม่ได้แค่ให้ข้อมูล แต่สามารถ ลงมือทำแทนผู้ใช้ ได้โดยตรง ซึ่งถือเป็นการก้าวสู่ยุคของ “Agentic AI” อย่างเต็มรูปแบบ 🛍️ การเชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Agentic Checkout สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ โดย AI สามารถค้นหาสินค้าตามราคาที่ผู้ใช้ต้องการ และทำการสั่งซื้ออัตโนมัติเมื่อราคาลดลง ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังถูกขยายไปยังบริการอื่น ๆ เช่น Google Photos, Google Messages และ Android เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ AI สามารถช่วยเหลือผู้ใช้ได้ในหลายมิติ 🔮 แนวโน้มในอนาคต การเปิดตัว Canvas และการขยายความสามารถ Agentic AI แสดงให้เห็นว่า Google กำลังผลักดัน AI ให้เป็น ผู้ช่วยที่ลงมือทำแทนได้จริง ไม่ใช่แค่เครื่องมือค้นหาข้อมูล แนวโน้มนี้อาจเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนจัดการชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การเดินทาง การช้อปปิ้ง ไปจนถึงการจัดการงานในองค์กร 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Google เปิดตัวฟีเจอร์ Canvas สำหรับการวางแผนและจัดการโครงการ ➡️ AI Mode สามารถทำงานแทนผู้ใช้ เช่น จองร้านอาหาร ซื้อตั๋ว และนัดหมาย ➡️ ฟีเจอร์ Agentic Checkout ช่วยค้นหาสินค้าและสั่งซื้ออัตโนมัติเมื่อราคาลดลง ➡️ ฟีเจอร์ใหม่จะถูกขยายไปยัง Google Photos, Google Messages และ Android ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การให้ AI ทำงานแทนผู้ใช้อาจสร้างความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ⛔ ผู้ใช้ควรระวังการอนุญาตให้ AI เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือสิทธิ์ในการทำธุรกรรม ⛔ หากระบบถูกโจมตีหรือทำงานผิดพลาด อาจส่งผลต่อการเงินและข้อมูลส่วนบุคคล https://securityonline.info/ai-mode-upgraded-google-launches-canvas-for-planning-and-agentic-booking-for-reservations/
    SECURITYONLINE.INFO
    AI Mode Upgraded: Google Launches Canvas for Planning and Agentic Booking for Reservations
    Google upgraded AI Mode with Canvas, a dedicated space for project and travel planning. The Flight Deals tool rolls out globally, and agentic booking expands in the US.
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • Grok 4.1 Thinking ขึ้นอันดับ 1

    บริษัท xAI ของ Elon Musk ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ Grok 4.1 โดยมีสองเวอร์ชันคือ Grok 4.1 มาตรฐาน และ Grok 4.1 Thinking ที่เน้นการใช้เหตุผลเชิงลึก ผลลัพธ์คือ Grok 4.1 Thinking สามารถทำคะแนน Elo ได้สูงถึง 1483 และขึ้นอันดับ 1 บนกระดาน LMArena โดยแซงหน้า Google Gemini 2.5 Pro ที่ตกไปอยู่อันดับ 3

    ความสามารถด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์
    ผลการทดสอบ Creative Writing v3 แสดงให้เห็นว่า Grok 4.1 ทั้งสองเวอร์ชันมีความสามารถด้านการเขียนที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยทำคะแนนเหนือกว่าโมเดลคู่แข่งอย่าง OpenAI o3, Claude Sonnet 4.5 และ Kimi K2 Instruct แม้จะยังตามหลัง GPT 5.1 อยู่เล็กน้อย แต่ถือเป็นการพัฒนาที่ทำให้ Grok กลายเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด AI เชิงสร้างสรรค์

    ความแม่นยำและการลดความผิดพลาด
    เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า Grok 4 Fast โมเดลใหม่สามารถลดอัตราความผิดพลาดเชิงข้อมูลได้ถึง 70% และลดอัตราการ “หลอน” (hallucination) จาก 12.09% เหลือเพียง 4.22% ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการใช้งานจริงในระดับองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป

    แนวโน้มการแข่งขัน AI
    การที่ Grok 4.1 Thinking ขึ้นอันดับ 1 ถือเป็นแรงกดดันต่อ Google ที่เตรียมเปิดตัว Gemini 3.0 ในอนาคตอันใกล้ ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด AI ระดับโลก ซึ่งแต่ละบริษัทต่างพยายามพัฒนาโมเดลที่มีทั้งความแม่นยำ ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงลึก

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Grok 4.1 Thinking ทำคะแนน Elo ได้ 1483 ขึ้นอันดับ 1 บน LMArena
    Google Gemini 2.5 Pro ตกไปอยู่อันดับ 3
    ความสามารถด้าน Creative Writing ดีขึ้น แซงคู่แข่งหลายราย
    ลดอัตราความผิดพลาดเชิงข้อมูลลง 70% และลด hallucination เหลือ 4.22%

    คำเตือนจากข่าว
    การแข่งขัน AI ที่รุนแรงอาจทำให้ผู้ใช้ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี
    แม้ Grok 4.1 จะลดความผิดพลาด แต่ยังมีความเสี่ยงจากการหลอนที่ไม่สามารถกำจัดได้หมด
    ผู้ใช้ควรระวังการนำ AI มาใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น กฎหมายหรือการแพทย์

    https://securityonline.info/grok-4-1-thinking-steals-1-spot-on-lmarena-surpassing-google-gemini-2-5-pro/
    🚀 Grok 4.1 Thinking ขึ้นอันดับ 1 บริษัท xAI ของ Elon Musk ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ Grok 4.1 โดยมีสองเวอร์ชันคือ Grok 4.1 มาตรฐาน และ Grok 4.1 Thinking ที่เน้นการใช้เหตุผลเชิงลึก ผลลัพธ์คือ Grok 4.1 Thinking สามารถทำคะแนน Elo ได้สูงถึง 1483 และขึ้นอันดับ 1 บนกระดาน LMArena โดยแซงหน้า Google Gemini 2.5 Pro ที่ตกไปอยู่อันดับ 3 ✍️ ความสามารถด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ผลการทดสอบ Creative Writing v3 แสดงให้เห็นว่า Grok 4.1 ทั้งสองเวอร์ชันมีความสามารถด้านการเขียนที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยทำคะแนนเหนือกว่าโมเดลคู่แข่งอย่าง OpenAI o3, Claude Sonnet 4.5 และ Kimi K2 Instruct แม้จะยังตามหลัง GPT 5.1 อยู่เล็กน้อย แต่ถือเป็นการพัฒนาที่ทำให้ Grok กลายเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด AI เชิงสร้างสรรค์ 📊 ความแม่นยำและการลดความผิดพลาด เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า Grok 4 Fast โมเดลใหม่สามารถลดอัตราความผิดพลาดเชิงข้อมูลได้ถึง 70% และลดอัตราการ “หลอน” (hallucination) จาก 12.09% เหลือเพียง 4.22% ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการใช้งานจริงในระดับองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป 🔮 แนวโน้มการแข่งขัน AI การที่ Grok 4.1 Thinking ขึ้นอันดับ 1 ถือเป็นแรงกดดันต่อ Google ที่เตรียมเปิดตัว Gemini 3.0 ในอนาคตอันใกล้ ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด AI ระดับโลก ซึ่งแต่ละบริษัทต่างพยายามพัฒนาโมเดลที่มีทั้งความแม่นยำ ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงลึก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Grok 4.1 Thinking ทำคะแนน Elo ได้ 1483 ขึ้นอันดับ 1 บน LMArena ➡️ Google Gemini 2.5 Pro ตกไปอยู่อันดับ 3 ➡️ ความสามารถด้าน Creative Writing ดีขึ้น แซงคู่แข่งหลายราย ➡️ ลดอัตราความผิดพลาดเชิงข้อมูลลง 70% และลด hallucination เหลือ 4.22% ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การแข่งขัน AI ที่รุนแรงอาจทำให้ผู้ใช้ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ⛔ แม้ Grok 4.1 จะลดความผิดพลาด แต่ยังมีความเสี่ยงจากการหลอนที่ไม่สามารถกำจัดได้หมด ⛔ ผู้ใช้ควรระวังการนำ AI มาใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น กฎหมายหรือการแพทย์ https://securityonline.info/grok-4-1-thinking-steals-1-spot-on-lmarena-surpassing-google-gemini-2-5-pro/
    SECURITYONLINE.INFO
    Grok 4.1 Thinking Steals #1 Spot on LMArena, Surpassing Google Gemini 2.5 Pro
    xAI released Grok 4.1 Thinking, which immediately topped the LMArena leaderboard (Elo 1483), pushing Gemini 2.5 Pro to #3. Grok 4.1 also cut hallucinations by 70%.
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • Microsoft และ NVIDIA เทเงินมหาศาลสู่ Anthropic

    Microsoft ประกาศลงทุนเพิ่มสูงสุดถึง 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน Anthropic ขณะที่ NVIDIA ก็ทุ่มอีก 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโมเดลตระกูล Claude การลงทุนนี้ไม่ใช่แค่เงินทุน แต่ยังมีการผูกพันธุรกิจ เช่น Anthropic ต้องซื้อบริการคลาวด์จาก Azure มูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มกำลังประมวลผลอีก 1 GW เพื่อรองรับการทำงานของโมเดล AI

    การลงทุนแบบ “วงกลม” ที่ก่อความกังวล
    ดีลนี้สะท้อนรูปแบบการลงทุนที่นักวิเคราะห์เรียกว่า Circular Investment เพราะบริษัทใหญ่ ๆ ลงทุนในสตาร์ทอัพ AI แล้วสตาร์ทอัพกลับมาซื้อบริการหรือฮาร์ดแวร์จากบริษัทเหล่านั้นอีกที ตัวอย่างเช่น Anthropic ใช้ชิปจาก NVIDIA และคลาวด์จาก Microsoft ในขณะเดียวกัน Amazon ก็ลงทุนใน Anthropic และได้สัญญาใช้ AWS และชิป AI ของตนเอง ทำให้เกิดภาพเหมือน “Spider-Man pointing meme” ที่ทุกบริษัทต่างชี้หากัน แต่ก็โยนเงินสนับสนุนกลับไปกลับมา

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    การลงทุนลักษณะนี้ช่วยสร้างรายได้ให้ผู้ให้บริการคลาวด์และฮาร์ดแวร์ แต่ก็ทำให้เกิดคำถามว่า มูลค่าที่แท้จริงของสตาร์ทอัพ AI อยู่ตรงไหน หากการเติบโตพึ่งพาเงินลงทุนและการซื้อบริการวนซ้ำ อาจนำไปสู่การประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริง และเสี่ยงต่อการเกิด “AI Bubble” ที่อาจแตกในอนาคต

    แนวโน้มและสิ่งที่ต้องจับตา
    แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า AI Bubble จะเกิดขึ้นจริง แต่การไหลเวียนเงินทุนแบบวนซ้ำกำลังสร้างแรงกดดันให้ตลาด AI ร้อนแรงเกินไป นักลงทุนและผู้ใช้ควรจับตารายงานผลประกอบการของ NVIDIA และการเคลื่อนไหวของคู่แข่งอย่าง OpenAI, Amazon และ Google ว่าจะส่งผลต่อทิศทางตลาดอย่างไร

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Microsoft ลงทุนสูงสุด 10 พันล้านดอลลาร์ใน Anthropic
    NVIDIA ลงทุนเพิ่มอีก 5 พันล้านดอลลาร์
    Anthropic ต้องซื้อบริการ Azure มูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มกำลังประมวลผล 1 GW
    Amazon ก็ลงทุนใน Anthropic และได้สัญญาใช้ AWS และชิป AI

    คำเตือนจากข่าว
    การลงทุนแบบวนซ้ำอาจทำให้เกิดการประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริง
    เสี่ยงต่อการเกิด “AI Bubble” หากการเติบโตไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง
    นักลงทุนและผู้ใช้ควรจับตาผลประกอบการและทิศทางตลาดอย่างใกล้ชิด

    https://securityonline.info/ai-bubble-fear-microsoft-nvidia-pour-billions-into-anthropic-fueling-circular-investment/
    💸 Microsoft และ NVIDIA เทเงินมหาศาลสู่ Anthropic Microsoft ประกาศลงทุนเพิ่มสูงสุดถึง 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน Anthropic ขณะที่ NVIDIA ก็ทุ่มอีก 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโมเดลตระกูล Claude การลงทุนนี้ไม่ใช่แค่เงินทุน แต่ยังมีการผูกพันธุรกิจ เช่น Anthropic ต้องซื้อบริการคลาวด์จาก Azure มูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มกำลังประมวลผลอีก 1 GW เพื่อรองรับการทำงานของโมเดล AI 🔗 การลงทุนแบบ “วงกลม” ที่ก่อความกังวล ดีลนี้สะท้อนรูปแบบการลงทุนที่นักวิเคราะห์เรียกว่า Circular Investment เพราะบริษัทใหญ่ ๆ ลงทุนในสตาร์ทอัพ AI แล้วสตาร์ทอัพกลับมาซื้อบริการหรือฮาร์ดแวร์จากบริษัทเหล่านั้นอีกที ตัวอย่างเช่น Anthropic ใช้ชิปจาก NVIDIA และคลาวด์จาก Microsoft ในขณะเดียวกัน Amazon ก็ลงทุนใน Anthropic และได้สัญญาใช้ AWS และชิป AI ของตนเอง ทำให้เกิดภาพเหมือน “Spider-Man pointing meme” ที่ทุกบริษัทต่างชี้หากัน แต่ก็โยนเงินสนับสนุนกลับไปกลับมา 📊 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI การลงทุนลักษณะนี้ช่วยสร้างรายได้ให้ผู้ให้บริการคลาวด์และฮาร์ดแวร์ แต่ก็ทำให้เกิดคำถามว่า มูลค่าที่แท้จริงของสตาร์ทอัพ AI อยู่ตรงไหน หากการเติบโตพึ่งพาเงินลงทุนและการซื้อบริการวนซ้ำ อาจนำไปสู่การประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริง และเสี่ยงต่อการเกิด “AI Bubble” ที่อาจแตกในอนาคต 🔮 แนวโน้มและสิ่งที่ต้องจับตา แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า AI Bubble จะเกิดขึ้นจริง แต่การไหลเวียนเงินทุนแบบวนซ้ำกำลังสร้างแรงกดดันให้ตลาด AI ร้อนแรงเกินไป นักลงทุนและผู้ใช้ควรจับตารายงานผลประกอบการของ NVIDIA และการเคลื่อนไหวของคู่แข่งอย่าง OpenAI, Amazon และ Google ว่าจะส่งผลต่อทิศทางตลาดอย่างไร 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Microsoft ลงทุนสูงสุด 10 พันล้านดอลลาร์ใน Anthropic ➡️ NVIDIA ลงทุนเพิ่มอีก 5 พันล้านดอลลาร์ ➡️ Anthropic ต้องซื้อบริการ Azure มูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มกำลังประมวลผล 1 GW ➡️ Amazon ก็ลงทุนใน Anthropic และได้สัญญาใช้ AWS และชิป AI ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การลงทุนแบบวนซ้ำอาจทำให้เกิดการประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริง ⛔ เสี่ยงต่อการเกิด “AI Bubble” หากการเติบโตไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ⛔ นักลงทุนและผู้ใช้ควรจับตาผลประกอบการและทิศทางตลาดอย่างใกล้ชิด https://securityonline.info/ai-bubble-fear-microsoft-nvidia-pour-billions-into-anthropic-fueling-circular-investment/
    SECURITYONLINE.INFO
    AI Bubble Fear: Microsoft & NVIDIA Pour Billions into Anthropic, Fueling Circular Investment
    Microsoft is investing $10B in Anthropic (and NVIDIA $5B), fueling fears of an AI bubble. Anthropic committed to buying $30B in Azure cloud capacity in the process.
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ Point-in-Time Restore

    Microsoft ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Point-in-Time Restore ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนระบบกลับไปยังสถานะก่อนหน้าที่บันทึกไว้ทุก 24 ชั่วโมง โดย snapshot จะถูกเก็บไว้ 72 ชั่วโมง ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจาก อัปเดตผิดพลาด, ไดรเวอร์มีปัญหา, หรือการตั้งค่าที่ผิดพลาด ได้อย่างรวดเร็ว ฟีเจอร์นี้คล้ายกับ System Restore แต่ทำงานอัตโนมัติและมีความแม่นยำมากกว่า

    WinRE รองรับเครือข่ายอัตโนมัติ
    อีกหนึ่งการปรับปรุงคือ WinRE (Windows Recovery Environment) ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เองเหมือนเดิม ระบบจะดึงไดรเวอร์จาก Windows หลักมาใช้ ทำให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแพตช์หรือแก้ไขปัญหาออนไลน์ได้สะดวกขึ้น โดยเริ่มจากการรองรับ Ethernet และจะขยายไปยัง Wi-Fi WPA2/3 ในอนาคต

    Cloud Rebuild สำหรับองค์กร
    Microsoft ยังเปิดตัว Cloud Rebuild ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถติดตั้ง Windows ใหม่โดยไม่สูญเสียข้อมูลผู้ใช้ ผ่านการเชื่อมต่อกับ OneDrive for Business ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อองค์กรที่ต้องการความต่อเนื่องในการทำงาน แม้เครื่องจะต้องถูกติดตั้งระบบใหม่ทั้งหมด

    ฟีเจอร์ซ่อนหน้าจอ Error บนจอแสดงผลสาธารณะ
    นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Commercial Display Devices ที่จะซ่อนข้อความ error บนหน้าจอสาธารณะ โดยจะแสดงเพียง 15 วินาทีแล้วหายไป เพื่อไม่ให้ผู้ชมเห็นข้อความผิดพลาดที่อาจสร้างความไม่เชื่อมั่น

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ฟีเจอร์ Point-in-Time Restore บันทึก snapshot ทุก 24 ชั่วโมง และเก็บไว้ 72 ชั่วโมง
    WinRE รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายอัตโนมัติ เริ่มจาก Ethernet และจะเพิ่ม Wi-Fi WPA2/3
    Cloud Rebuild ช่วยติดตั้ง Windows ใหม่โดยไม่สูญเสียข้อมูลผู้ใช้ ผ่าน OneDrive for Business
    ฟีเจอร์ซ่อน error บนจอแสดงผลสาธารณะ แสดงเพียง 15 วินาทีแล้วหายไป

    คำเตือนจากข่าว
    Snapshot มีอายุเพียง 72 ชั่วโมง หากไม่กู้คืนทันเวลาอาจสูญเสียโอกาสแก้ไข
    การเชื่อมต่อ WinRE ผ่านเครือข่ายอาจเสี่ยงต่อการโจมตีหากไม่มีการป้องกันที่ดี
    Cloud Rebuild ต้องพึ่งพา OneDrive for Business หากระบบคลาวด์มีปัญหาอาจกระทบต่อการกู้คืน

    https://securityonline.info/new-windows-11-tools-point-in-time-restore-network-enabled-recovery-environment/
    🖥️ Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ Point-in-Time Restore Microsoft ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Point-in-Time Restore ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนระบบกลับไปยังสถานะก่อนหน้าที่บันทึกไว้ทุก 24 ชั่วโมง โดย snapshot จะถูกเก็บไว้ 72 ชั่วโมง ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจาก อัปเดตผิดพลาด, ไดรเวอร์มีปัญหา, หรือการตั้งค่าที่ผิดพลาด ได้อย่างรวดเร็ว ฟีเจอร์นี้คล้ายกับ System Restore แต่ทำงานอัตโนมัติและมีความแม่นยำมากกว่า 🌐 WinRE รองรับเครือข่ายอัตโนมัติ อีกหนึ่งการปรับปรุงคือ WinRE (Windows Recovery Environment) ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เองเหมือนเดิม ระบบจะดึงไดรเวอร์จาก Windows หลักมาใช้ ทำให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแพตช์หรือแก้ไขปัญหาออนไลน์ได้สะดวกขึ้น โดยเริ่มจากการรองรับ Ethernet และจะขยายไปยัง Wi-Fi WPA2/3 ในอนาคต ☁️ Cloud Rebuild สำหรับองค์กร Microsoft ยังเปิดตัว Cloud Rebuild ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถติดตั้ง Windows ใหม่โดยไม่สูญเสียข้อมูลผู้ใช้ ผ่านการเชื่อมต่อกับ OneDrive for Business ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อองค์กรที่ต้องการความต่อเนื่องในการทำงาน แม้เครื่องจะต้องถูกติดตั้งระบบใหม่ทั้งหมด 📺 ฟีเจอร์ซ่อนหน้าจอ Error บนจอแสดงผลสาธารณะ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Commercial Display Devices ที่จะซ่อนข้อความ error บนหน้าจอสาธารณะ โดยจะแสดงเพียง 15 วินาทีแล้วหายไป เพื่อไม่ให้ผู้ชมเห็นข้อความผิดพลาดที่อาจสร้างความไม่เชื่อมั่น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ฟีเจอร์ Point-in-Time Restore บันทึก snapshot ทุก 24 ชั่วโมง และเก็บไว้ 72 ชั่วโมง ➡️ WinRE รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายอัตโนมัติ เริ่มจาก Ethernet และจะเพิ่ม Wi-Fi WPA2/3 ➡️ Cloud Rebuild ช่วยติดตั้ง Windows ใหม่โดยไม่สูญเสียข้อมูลผู้ใช้ ผ่าน OneDrive for Business ➡️ ฟีเจอร์ซ่อน error บนจอแสดงผลสาธารณะ แสดงเพียง 15 วินาทีแล้วหายไป ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ Snapshot มีอายุเพียง 72 ชั่วโมง หากไม่กู้คืนทันเวลาอาจสูญเสียโอกาสแก้ไข ⛔ การเชื่อมต่อ WinRE ผ่านเครือข่ายอาจเสี่ยงต่อการโจมตีหากไม่มีการป้องกันที่ดี ⛔ Cloud Rebuild ต้องพึ่งพา OneDrive for Business หากระบบคลาวด์มีปัญหาอาจกระทบต่อการกู้คืน https://securityonline.info/new-windows-11-tools-point-in-time-restore-network-enabled-recovery-environment/
    SECURITYONLINE.INFO
    New Windows 11 Tools: Point-in-Time Restore & Network-Enabled Recovery Environment
    Windows 11 is getting new recovery tools: Point-in-Time Restore (default 24-hr snapshots) and Network-Enabled WinRE for automatic driver and internet access.
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • MCP API ใน Comet Browser สั่นคลอนความเชื่อมั่น

    นักวิจัยจาก SquareX พบว่า Comet Browser มีการฝัง MCP API (chrome.perplexity.mcp.addStdioServer) ที่เปิดโอกาสให้ส่วนขยายฝังตัวสามารถรันคำสั่งบนเครื่องผู้ใช้ได้โดยตรง โดยไม่ต้องขออนุญาตหรือยืนยันจากผู้ใช้ ซึ่งต่างจากเบราว์เซอร์ทั่วไปที่ต้องใช้ Native Messaging API และการอนุญาตจากผู้ใช้เสมอ

    ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
    แม้ยังไม่มีหลักฐานว่า Perplexity.ai ใช้ API นี้ในทางที่ผิด แต่หากเกิดการโจมตี เช่น XSS, Phishing หรือ Insider Threat ก็สามารถทำให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องผู้ใช้ได้ทันที SquareX สาธิตการโจมตีโดยใช้ Extension Stomping เพื่อปลอมตัวเป็น Analytics Extension และรันมัลแวร์ WannaCry ผ่าน API นี้ได้สำเร็จ

    ปัญหาการซ่อนส่วนขยาย
    สิ่งที่น่ากังวลคือ Comet Browser ได้ซ่อนส่วนขยายที่เกี่ยวข้องกับ Agentic และ Analytics จากแดชบอร์ด ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถปิดหรือควบคุมได้เลย ส่งผลให้เกิด “Hidden IT” ที่ทั้งผู้ใช้และทีมรักษาความปลอดภัยไม่มีทางตรวจสอบหรือจัดการได้

    แนวโน้มและคำแนะนำ
    SquareX เตือนว่าหากไม่มีการกำหนดมาตรฐานและการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม เบราว์เซอร์ AI อื่น ๆ อาจเร่งพัฒนาฟีเจอร์ที่คล้ายกันโดยไม่สนใจความปลอดภัย ผู้ใช้ควรเรียกร้องให้มีการเปิดเผย API ทั้งหมด และให้สิทธิ์ในการปิดส่วนขยายที่ฝังมา เพื่อป้องกันการละเมิดความเชื่อมั่นในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Comet Browser มี MCP API ที่ให้ส่วนขยายฝังตัวรันคำสั่งบนเครื่องผู้ใช้ได้
    SquareX สาธิตการโจมตีด้วย Extension Stomping และรัน WannaCry ผ่าน API นี้
    ส่วนขยาย Agentic และ Analytics ถูกซ่อนจากแดชบอร์ด ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมได้
    SquareX เรียกร้องให้มีการเปิดเผย API และตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม

    คำเตือนจากข่าว
    หาก Perplexity.ai ถูกโจมตี ผู้ใช้ Comet Browser ทุกคนอาจถูกควบคุมเครื่องได้ทันที
    การซ่อนส่วนขยายทำให้ผู้ใช้และทีมรักษาความปลอดภัยไม่สามารถจัดการความเสี่ยงได้
    แนวโน้มที่เบราว์เซอร์ AI อื่น ๆ อาจเลียนแบบโดยไม่สนใจความปลอดภัย

    https://securityonline.info/obscure-mcp-api-in-comet-browser-breaches-user-trust-enabling-full-device-control-via-ai-browsers/
    🌐 MCP API ใน Comet Browser สั่นคลอนความเชื่อมั่น นักวิจัยจาก SquareX พบว่า Comet Browser มีการฝัง MCP API (chrome.perplexity.mcp.addStdioServer) ที่เปิดโอกาสให้ส่วนขยายฝังตัวสามารถรันคำสั่งบนเครื่องผู้ใช้ได้โดยตรง โดยไม่ต้องขออนุญาตหรือยืนยันจากผู้ใช้ ซึ่งต่างจากเบราว์เซอร์ทั่วไปที่ต้องใช้ Native Messaging API และการอนุญาตจากผู้ใช้เสมอ ⚠️ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น แม้ยังไม่มีหลักฐานว่า Perplexity.ai ใช้ API นี้ในทางที่ผิด แต่หากเกิดการโจมตี เช่น XSS, Phishing หรือ Insider Threat ก็สามารถทำให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องผู้ใช้ได้ทันที SquareX สาธิตการโจมตีโดยใช้ Extension Stomping เพื่อปลอมตัวเป็น Analytics Extension และรันมัลแวร์ WannaCry ผ่าน API นี้ได้สำเร็จ 🔒 ปัญหาการซ่อนส่วนขยาย สิ่งที่น่ากังวลคือ Comet Browser ได้ซ่อนส่วนขยายที่เกี่ยวข้องกับ Agentic และ Analytics จากแดชบอร์ด ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถปิดหรือควบคุมได้เลย ส่งผลให้เกิด “Hidden IT” ที่ทั้งผู้ใช้และทีมรักษาความปลอดภัยไม่มีทางตรวจสอบหรือจัดการได้ 🔮 แนวโน้มและคำแนะนำ SquareX เตือนว่าหากไม่มีการกำหนดมาตรฐานและการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม เบราว์เซอร์ AI อื่น ๆ อาจเร่งพัฒนาฟีเจอร์ที่คล้ายกันโดยไม่สนใจความปลอดภัย ผู้ใช้ควรเรียกร้องให้มีการเปิดเผย API ทั้งหมด และให้สิทธิ์ในการปิดส่วนขยายที่ฝังมา เพื่อป้องกันการละเมิดความเชื่อมั่นในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Comet Browser มี MCP API ที่ให้ส่วนขยายฝังตัวรันคำสั่งบนเครื่องผู้ใช้ได้ ➡️ SquareX สาธิตการโจมตีด้วย Extension Stomping และรัน WannaCry ผ่าน API นี้ ➡️ ส่วนขยาย Agentic และ Analytics ถูกซ่อนจากแดชบอร์ด ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมได้ ➡️ SquareX เรียกร้องให้มีการเปิดเผย API และตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ หาก Perplexity.ai ถูกโจมตี ผู้ใช้ Comet Browser ทุกคนอาจถูกควบคุมเครื่องได้ทันที ⛔ การซ่อนส่วนขยายทำให้ผู้ใช้และทีมรักษาความปลอดภัยไม่สามารถจัดการความเสี่ยงได้ ⛔ แนวโน้มที่เบราว์เซอร์ AI อื่น ๆ อาจเลียนแบบโดยไม่สนใจความปลอดภัย https://securityonline.info/obscure-mcp-api-in-comet-browser-breaches-user-trust-enabling-full-device-control-via-ai-browsers/
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews