• บิ๊กซียุบ 3 สาขา ไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดิน จับตาอนาคตค้าปลีก
    บิ๊กซียุบ 3 สาขา ไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดิน จับตาอนาคตค้าปลีก
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบบบบ้านจัดห้องพร้อมของใช้แจกกพิกัดของดีของถูก 🛒 https://s.shopee.co.th/7paRrNdTY4
    แบบบบ้านจัดห้องพร้อมของใช้แจกกพิกัดของดีของถูก 🛒 https://s.shopee.co.th/7paRrNdTY4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาๆ ปลดแอคกันครับ
    https://www.facebook.com/share/p/51LMCU6cYkbZ38di/?mibextid=qi2Omg
    มาๆ ปลดแอคกันครับ https://www.facebook.com/share/p/51LMCU6cYkbZ38di/?mibextid=qi2Omg
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

    1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox)

    2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)Choawalit Chotwattanaphong

    เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก

    ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย

    อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520

    ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2]

    จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4]

    ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่?

    อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3]

    เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3]

    แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3]

    คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่

    ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า

    “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน

    ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง

    ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

    และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน)

    และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน

    เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก

    จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6]

    ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า

    ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว

    อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3]

    โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ

    ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3]

    ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3]

    การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3]

    นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว

    แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่

    โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7]

    ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก

    แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7]

    จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย

    อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า

    “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8]

    นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้

    “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย  

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ

    2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน

    และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8]

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า

    “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี

    วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
    2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน

    ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี
    ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน

    “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9]

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์

    จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15]

    นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16]

    หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด

    แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้

    โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ

    อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า

    ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17]

    หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด

    ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    12 กันยายน 2567

    อ้างอิง
    Choawalit Chotwattanaphong Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0.

    [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017
    https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html

    [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558
    https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977

    [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center
    https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/

    [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024
    https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg

    [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903

    [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567
    https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php

    [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567
    https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577

    [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178

    [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615

    [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798

    [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335

    [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723

    [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒

    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • 👋🙏🙂
    👋🙏🙂
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • สังฆทาน >>> ครั้งที่ 471
    วันเสาร์: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๗ (14 September 2024)

    ถวายสังฆทาน เป็นเงิน 311 บาท
    วัดบางระโหง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี

    รายการสิ่งของ
    01. กาแฟ 3in1 Royal (18g.x25) 1 ถุง (48 บาท)
    02. คุกกี้ ดิวเบอรี่ (18g.x8) 1 ถุง (20 บาท)
    03. ยาสีฟัน ซิสเท็มมา 140g. (20 บาท)
    04. แปรงสีฟัน อิมแพ็ค Soft & Slim (6 บาท)
    05. สบู่พฤกษา นกแก้ว 70g. 4 ก้อน (26 บาท)
    06. น้ำยาล้างจาน เซพแพ็ค 400ml. 3 ถุง (24 บาท)
    07. ชุดขัดล้างสะอาด เซ็นซ์ 1 ห่อ (20 บาท)
    08. กระดาษเช็ดหน้า คลีเน็กซ์ 1 กล่อง (30 บาท)
    09. น้ำล้างห้องน้ำ วิกซอล 900ml. (32 บาท)
    10. รองเท้าแตะ สีดำ เบอร์ 42 1 คู่ (85 บาท)
    #ถวายสังฆทานโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๑ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    สังฆทาน >>> ครั้งที่ 471 วันเสาร์: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๗ (14 September 2024) ถวายสังฆทาน เป็นเงิน 311 บาท วัดบางระโหง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี รายการสิ่งของ 01. กาแฟ 3in1 Royal (18g.x25) 1 ถุง (48 บาท) 02. คุกกี้ ดิวเบอรี่ (18g.x8) 1 ถุง (20 บาท) 03. ยาสีฟัน ซิสเท็มมา 140g. (20 บาท) 04. แปรงสีฟัน อิมแพ็ค Soft & Slim (6 บาท) 05. สบู่พฤกษา นกแก้ว 70g. 4 ก้อน (26 บาท) 06. น้ำยาล้างจาน เซพแพ็ค 400ml. 3 ถุง (24 บาท) 07. ชุดขัดล้างสะอาด เซ็นซ์ 1 ห่อ (20 บาท) 08. กระดาษเช็ดหน้า คลีเน็กซ์ 1 กล่อง (30 บาท) 09. น้ำล้างห้องน้ำ วิกซอล 900ml. (32 บาท) 10. รองเท้าแตะ สีดำ เบอร์ 42 1 คู่ (85 บาท) #ถวายสังฆทานโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๑ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์การิตา ซิโมนยาน เล่าถึงคำพูดอันทรงพลังของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ขณะที่สหรัฐฯประกาศมาตรการลงโทษใหม่ต่อบริษัทสื่อของรัสเซีย

    “เราไม่กลัวที่จะมอบความไว้วางใจให้ชาวอเมริกันรับเอาข้อเท็จจริงที่ไม่น่าพอใจ, แนวคิดจากต่างประเทศ, ปรัชญาที่แปลกใหม่, และค่านิยมที่แข่งขันกัน สำหรับประเทศที่กลัวที่จะปล่อยให้ประชาชนของตนตัดสินความจริงและความเท็จในตลาดเปิด ประเทศนั้นก็คือประเทศที่กลัวประชาชนของตนเอง,” บรรณาธิการบริหารของ Rossiya Segodnya กลุ่มสื่อแม่ของสปุตนิกกล่าว โดยอ้างคำพูดของนักการเมืองที่ถูกสังหาร

    “พวกเขาไม่ได้ฆ่าเขาโดยไม่มีเหตุผล เขากำลังคิดในทางที่ผิด” ซิโมนยาน กล่าว, โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวล่าสุดในการเซ็นเซอร์บริษัทสื่อของรัสเซีย
    .
    Margarita Simonyan recalled the powerful words of former US President John F. Kennedy as the US announced new punitive measures against Russian media companies

    “We are not afraid to entrust the American people with unpleasant facts, foreign ideas, alien philosophies, and competitive values. For a nation that is afraid to let its people judge the truth and falsehood in an open market is a nation that is afraid of its people,” said the editor-in-chief of Rossiya Segodnya, Sputnik's parent media group, quoting the slain politician.

    “They haven’t killed him for nothing. He was thinking the wrong way,” said Simonyan, commenting on the latest move towards censorship of Russian media companies.
    .
    3:45 AM · Sep 14, 2024 · 4,802 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834694981019484594
    มาร์การิตา ซิโมนยาน เล่าถึงคำพูดอันทรงพลังของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ขณะที่สหรัฐฯประกาศมาตรการลงโทษใหม่ต่อบริษัทสื่อของรัสเซีย “เราไม่กลัวที่จะมอบความไว้วางใจให้ชาวอเมริกันรับเอาข้อเท็จจริงที่ไม่น่าพอใจ, แนวคิดจากต่างประเทศ, ปรัชญาที่แปลกใหม่, และค่านิยมที่แข่งขันกัน สำหรับประเทศที่กลัวที่จะปล่อยให้ประชาชนของตนตัดสินความจริงและความเท็จในตลาดเปิด ประเทศนั้นก็คือประเทศที่กลัวประชาชนของตนเอง,” บรรณาธิการบริหารของ Rossiya Segodnya กลุ่มสื่อแม่ของสปุตนิกกล่าว โดยอ้างคำพูดของนักการเมืองที่ถูกสังหาร “พวกเขาไม่ได้ฆ่าเขาโดยไม่มีเหตุผล เขากำลังคิดในทางที่ผิด” ซิโมนยาน กล่าว, โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวล่าสุดในการเซ็นเซอร์บริษัทสื่อของรัสเซีย . Margarita Simonyan recalled the powerful words of former US President John F. Kennedy as the US announced new punitive measures against Russian media companies “We are not afraid to entrust the American people with unpleasant facts, foreign ideas, alien philosophies, and competitive values. For a nation that is afraid to let its people judge the truth and falsehood in an open market is a nation that is afraid of its people,” said the editor-in-chief of Rossiya Segodnya, Sputnik's parent media group, quoting the slain politician. “They haven’t killed him for nothing. He was thinking the wrong way,” said Simonyan, commenting on the latest move towards censorship of Russian media companies. . 3:45 AM · Sep 14, 2024 · 4,802 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834694981019484594
    Like
    Wow
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • สังฆทาน >>> ครั้งที่ 471
    วันเสาร์: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๗ (14 September 2024)

    ถวายสังฆทาน เป็นเงิน 311 บาท
    วัดบางระโหง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี

    รายการสิ่งของ
    01. กาแฟ 3in1 Royal (18g.x25) 1 ถุง (48 บาท)
    02. คุกกี้ ดิวเบอรี่ (18g.x8) 1 ถุง (20 บาท)
    03. ยาสีฟัน ซิสเท็มมา 140g. (20 บาท)
    04. แปรงสีฟัน อิมแพ็ค Soft & Slim (6 บาท)
    05. สบู่พฤกษา นกแก้ว 70g. 4 ก้อน (26 บาท)
    06. น้ำยาล้างจาน เซพแพ็ค 400ml. 3 ถุง (24 บาท)
    07. ชุดขัดล้างสะอาด เซ็นซ์ 1 ห่อ (20 บาท)
    08. กระดาษเช็ดหน้า คลีเน็กซ์ 1 กล่อง (30 บาท)
    09. น้ำล้างห้องน้ำ วิกซอล 900ml. (32 บาท)
    10. รองเท้าแตะ สีดำ เบอร์ 42 1 คู่ (85 บาท)
    #ถวายสังฆทานโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๑ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    สังฆทาน >>> ครั้งที่ 471 วันเสาร์: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๗ (14 September 2024) ถวายสังฆทาน เป็นเงิน 311 บาท วัดบางระโหง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี รายการสิ่งของ 01. กาแฟ 3in1 Royal (18g.x25) 1 ถุง (48 บาท) 02. คุกกี้ ดิวเบอรี่ (18g.x8) 1 ถุง (20 บาท) 03. ยาสีฟัน ซิสเท็มมา 140g. (20 บาท) 04. แปรงสีฟัน อิมแพ็ค Soft & Slim (6 บาท) 05. สบู่พฤกษา นกแก้ว 70g. 4 ก้อน (26 บาท) 06. น้ำยาล้างจาน เซพแพ็ค 400ml. 3 ถุง (24 บาท) 07. ชุดขัดล้างสะอาด เซ็นซ์ 1 ห่อ (20 บาท) 08. กระดาษเช็ดหน้า คลีเน็กซ์ 1 กล่อง (30 บาท) 09. น้ำล้างห้องน้ำ วิกซอล 900ml. (32 บาท) 10. รองเท้าแตะ สีดำ เบอร์ 42 1 คู่ (85 บาท) #ถวายสังฆทานโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๑ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 45 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    ในละแวกบ้าน...
    ตึกที่หลังใหญ่สุดแถวนั้น ก็คงจะเป็น "คูย่งล้ง" เป็นตึกที่ผมฝันอยู่ตลอดว่า ถ้าวันหนึ่งได้ขึ้นไปชั้นบนสุด (ตอนนั้น ยังไม่รู้จักคำว่า ดาดฟ้า) แล้วได้มองลงมายังด้านล่าง คงจะแจ่ม น่าดู...

    ตึกนี้ ดูแปลกตา ดูมี"อะไร" มากกว่าตึกแถวในสมัยนั้น
    ผมมีโอกาสได้พูดคุย สอบถาม กับทายาทรุ่นที่3 ของตึกนี้ ได้ความว่า อาคารหลังนี้ ออกแบบโดยสถาปนิก ซึ่งเป็น "อา" ของเจ้าของตึก ซึ่งจบ สถาปัตยกรรมศาสตร์ จากลาดกระบัง .....

    เหมือนที่ผมคิดเลย ว่า อาคารถึงมี ครีบ มีพื้นที่เปิดโล่งกลางตัวบ้าน เพื่อนำแสงธรรมชาติมาให้ความสว่างแก่ภายในอาคาร...

    ถัด"คูย่งล้ง"มาทางเหนือ ตอนนี้ เป็นร้าน บาร์บีกริลล์
    เมื่อก่อนนี้ ส่วนตรงนี้จะเป็นตรอก ลึกเข้าไปข้างใน....

    ในตรอกนี้ มีครอบครับหนึ่ง สามีชื่อแอ้ เมียชื่อ จัน
    ครอบครัวนี้มีอาชีพตัดผ้า เย็บผ้า และเลี้ยงหมู
    เมื่อก่อนนั้น ในตรอกนั้น จะมีโรงหมูด้วย

    ในยามที่เด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกับผม จะไปตกปลาริมตลิ่ง พวกเราก็จะไปขุดเอาไส้เดือนแดงแถวๆโรงหมู เพื่อเอาไปเกี่ยวเบ็ด

    เมื่อเป็นโรงหมู ก็แน่ละครับ กลิ่นตลบอบอวล ไปทั้งย่าน ยิ่งเวลาหน้าฝน อากาศชื้นๆนะครับ ไม่ต้องไปพูดถึงเลย...

    แถวปากตรอกเลี้ยงหมู เคยมีร้านอาหาร ชื่อ"มุ่ยสูน" ไปเปิดอยู่พักนึง
    ร้านนี้ จำหน่ายอาหารจีน อาหารตามสั่ง คงพอจะเทียบได้กับร้านอาหารระดับเหลาได้ เพราะในเวลานั้นร้านอาหารตามสั่งไม่ได้มีดาษดื่นแบบทุกวันนี้

    ร้าน "มุ่ยสูน" นี้ เคยมาเปิด ตรงหัวมุม ที่เป็นร้าน "เตี๋ยวเต็มโต๊ะ" ในปัจจุบัน อยู่พักหนึ่ง

    "มุ่ยสูน" ตรงหัวมุมนี้ เป็นร้านที่ทำให้ผมรู้จัก "เบียร์สิงห์" เป็นครั้งแรกในชีวิต....
    .
    .
    ในปีนั้น ...
    ผมอยู่ชั้น ป3.หรือ ป4.นี่แหละ..

    ปกติแล้วครอบครัวคนจีน มักจะมีประเพณีไหว้บรรพบุรุษ
    ปีนั้น ญาติๆ ทางแม่ ก็มารวมตัวไหว้บรรพบุรุษที่บ้านที่ผมอยู่ เพราะอาม่า เป็นศูนย์กลางของลูกๆ
    พอไหว้เสร็จก็จะเอาอาหารเหล่านั้น มาทานร่วมกัน
    เด็กก็โต๊ะหนึ่ง...
    ผู้ใหญ่ก็โต๊ะหนึ่ง...

    แต่..ผมกลับไม่ได้ไปนั่งทาน
    ผมไปเดินเตร็ดเตร่แถวๆโต๊ะผู้ใหญ่ ญาติๆก็กินไป คุยไป

    คราวนี้ ลุงของผม คือ "ลุงสว่าง" ซึ่งผมเรียกแกว่า "กู๋หว่าง"
    เห็นผมวนเวียนแถวนั้นเลยบอกว่า

    "เฮ้ย ป้อม ลื้อเดินไปซื้อเบียร์ให้อั๊วหน่อย เอาเบียร์สิงห์นะ 2ขวด "
    พร้อมเอาเงินขยุ้มนึง ยัดใส่มือผม
    ผมก็เดินข้ามตรงไปร้าน "มุ่ยสูน" หัวมุมถนน พร้อมซื้อเบียร์สิงห์ตามสั่ง

    ผมยังจำได้...
    ระหว่างหิ้วเบียร์ เดินกลับบ้าน ต้องผ่านร้าน "คูย่งล้ง"
    ด้วยความที่ว่ายังเด็ก ไม่ประสา เดินไปก็เขย่าถุงใส่เบียร์ไป
    จนเถ้าแก่ "คูย่งล้ง" เห็นเข้า เลยร้องเตือนว่า

    "อย่าเขย่านะ เดี๋ยวตอน เปิด มันจะพุ่งออกมา"
    ผมเลยค่อยๆ ประคองเบียร์2ขวด นั้นจนส่งถึงมือ "กู๋หว่าง" พร้อมตังทอน

    แล้วผมก็หันหลัง เพื่อจะไปเล่นกะพี่น้อง เด็กๆ..

    "เดี๋ยวก่อน"
    กู๋หว่างเรียกผม
    "เอาเงินทอนไปกินขนม"....

    โอ้โห!
    ผมนี่ลิงโลดเลยทีเดียว เงิน10กว่า 20บาทสมัย30กว่าปีก่อน นี่ มันเยอะมาก!
    ยิ่งในความรู้สึกของเด็กน้อยที่ได้เงินไปโรงเรียนวันละ2บาท...
    อย่างผม...

    ผมจำได้ว่า...
    ตั้งแต่ปีนั้น เป็นต้นมา ผมวนเวียน รอวิ่งซืี้อเบียร์ ให้ "กู๋หว่าง" ตลอด ....
    จนเข้าไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพ...

    ความทรงจำเกี่ยวกับละแวกบ้านของผม
    ก็ค่อยๆจางลง
    ตามวันเวลาที่ผ่านไป....
    สมัยที่ผมยังเด็ก... ในละแวกบ้าน... ตึกที่หลังใหญ่สุดแถวนั้น ก็คงจะเป็น "คูย่งล้ง" เป็นตึกที่ผมฝันอยู่ตลอดว่า ถ้าวันหนึ่งได้ขึ้นไปชั้นบนสุด (ตอนนั้น ยังไม่รู้จักคำว่า ดาดฟ้า) แล้วได้มองลงมายังด้านล่าง คงจะแจ่ม น่าดู... ตึกนี้ ดูแปลกตา ดูมี"อะไร" มากกว่าตึกแถวในสมัยนั้น ผมมีโอกาสได้พูดคุย สอบถาม กับทายาทรุ่นที่3 ของตึกนี้ ได้ความว่า อาคารหลังนี้ ออกแบบโดยสถาปนิก ซึ่งเป็น "อา" ของเจ้าของตึก ซึ่งจบ สถาปัตยกรรมศาสตร์ จากลาดกระบัง ..... เหมือนที่ผมคิดเลย ว่า อาคารถึงมี ครีบ มีพื้นที่เปิดโล่งกลางตัวบ้าน เพื่อนำแสงธรรมชาติมาให้ความสว่างแก่ภายในอาคาร... ถัด"คูย่งล้ง"มาทางเหนือ ตอนนี้ เป็นร้าน บาร์บีกริลล์ เมื่อก่อนนี้ ส่วนตรงนี้จะเป็นตรอก ลึกเข้าไปข้างใน.... ในตรอกนี้ มีครอบครับหนึ่ง สามีชื่อแอ้ เมียชื่อ จัน ครอบครัวนี้มีอาชีพตัดผ้า เย็บผ้า และเลี้ยงหมู เมื่อก่อนนั้น ในตรอกนั้น จะมีโรงหมูด้วย ในยามที่เด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกับผม จะไปตกปลาริมตลิ่ง พวกเราก็จะไปขุดเอาไส้เดือนแดงแถวๆโรงหมู เพื่อเอาไปเกี่ยวเบ็ด เมื่อเป็นโรงหมู ก็แน่ละครับ กลิ่นตลบอบอวล ไปทั้งย่าน ยิ่งเวลาหน้าฝน อากาศชื้นๆนะครับ ไม่ต้องไปพูดถึงเลย... แถวปากตรอกเลี้ยงหมู เคยมีร้านอาหาร ชื่อ"มุ่ยสูน" ไปเปิดอยู่พักนึง ร้านนี้ จำหน่ายอาหารจีน อาหารตามสั่ง คงพอจะเทียบได้กับร้านอาหารระดับเหลาได้ เพราะในเวลานั้นร้านอาหารตามสั่งไม่ได้มีดาษดื่นแบบทุกวันนี้ ร้าน "มุ่ยสูน" นี้ เคยมาเปิด ตรงหัวมุม ที่เป็นร้าน "เตี๋ยวเต็มโต๊ะ" ในปัจจุบัน อยู่พักหนึ่ง "มุ่ยสูน" ตรงหัวมุมนี้ เป็นร้านที่ทำให้ผมรู้จัก "เบียร์สิงห์" เป็นครั้งแรกในชีวิต.... . . ในปีนั้น ... ผมอยู่ชั้น ป3.หรือ ป4.นี่แหละ.. ปกติแล้วครอบครัวคนจีน มักจะมีประเพณีไหว้บรรพบุรุษ ปีนั้น ญาติๆ ทางแม่ ก็มารวมตัวไหว้บรรพบุรุษที่บ้านที่ผมอยู่ เพราะอาม่า เป็นศูนย์กลางของลูกๆ พอไหว้เสร็จก็จะเอาอาหารเหล่านั้น มาทานร่วมกัน เด็กก็โต๊ะหนึ่ง... ผู้ใหญ่ก็โต๊ะหนึ่ง... แต่..ผมกลับไม่ได้ไปนั่งทาน ผมไปเดินเตร็ดเตร่แถวๆโต๊ะผู้ใหญ่ ญาติๆก็กินไป คุยไป คราวนี้ ลุงของผม คือ "ลุงสว่าง" ซึ่งผมเรียกแกว่า "กู๋หว่าง" เห็นผมวนเวียนแถวนั้นเลยบอกว่า "เฮ้ย ป้อม ลื้อเดินไปซื้อเบียร์ให้อั๊วหน่อย เอาเบียร์สิงห์นะ 2ขวด " พร้อมเอาเงินขยุ้มนึง ยัดใส่มือผม ผมก็เดินข้ามตรงไปร้าน "มุ่ยสูน" หัวมุมถนน พร้อมซื้อเบียร์สิงห์ตามสั่ง ผมยังจำได้... ระหว่างหิ้วเบียร์ เดินกลับบ้าน ต้องผ่านร้าน "คูย่งล้ง" ด้วยความที่ว่ายังเด็ก ไม่ประสา เดินไปก็เขย่าถุงใส่เบียร์ไป จนเถ้าแก่ "คูย่งล้ง" เห็นเข้า เลยร้องเตือนว่า "อย่าเขย่านะ เดี๋ยวตอน เปิด มันจะพุ่งออกมา" ผมเลยค่อยๆ ประคองเบียร์2ขวด นั้นจนส่งถึงมือ "กู๋หว่าง" พร้อมตังทอน แล้วผมก็หันหลัง เพื่อจะไปเล่นกะพี่น้อง เด็กๆ.. "เดี๋ยวก่อน" กู๋หว่างเรียกผม "เอาเงินทอนไปกินขนม".... โอ้โห! ผมนี่ลิงโลดเลยทีเดียว เงิน10กว่า 20บาทสมัย30กว่าปีก่อน นี่ มันเยอะมาก! ยิ่งในความรู้สึกของเด็กน้อยที่ได้เงินไปโรงเรียนวันละ2บาท... อย่างผม... ผมจำได้ว่า... ตั้งแต่ปีนั้น เป็นต้นมา ผมวนเวียน รอวิ่งซืี้อเบียร์ ให้ "กู๋หว่าง" ตลอด .... จนเข้าไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพ... ความทรงจำเกี่ยวกับละแวกบ้านของผม ก็ค่อยๆจางลง ตามวันเวลาที่ผ่านไป....
    Like
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 737 มุมมอง 0 รีวิว
  • สังฆทาน >>> ครั้งที่ 471
    วันเสาร์: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๗ (14 September 2024)

    ถวายสังฆทาน เป็นเงิน 311 บาท
    วัดบางระโหง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี

    รายการสิ่งของ
    01. กาแฟ 3in1 Royal (18g.x25) 1 ถุง (48 บาท)
    02. คุกกี้ ดิวเบอรี่ (18g.x8) 1 ถุง (20 บาท)
    03. ยาสีฟัน ซิสเท็มมา 140g. (20 บาท)
    04. แปรงสีฟัน อิมแพ็ค Soft & Slim (6 บาท)
    05. สบู่พฤกษา นกแก้ว 70g. 4 ก้อน (26 บาท)
    06. น้ำยาล้างจาน เซพแพ็ค 400ml. 3 ถุง (24 บาท)
    07. ชุดขัดล้างสะอาด เซ็นซ์ 1 ห่อ (20 บาท)
    08. กระดาษเช็ดหน้า คลีเน็กซ์ 1 กล่อง (30 บาท)
    09. น้ำล้างห้องน้ำ วิกซอล 900ml. (32 บาท)
    10. รองเท้าแตะ สีดำ เบอร์ 42 1 คู่ (85 บาท)
    #ถวายสังฆทานโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๑ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    สังฆทาน >>> ครั้งที่ 471 วันเสาร์: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๗ (14 September 2024) ถวายสังฆทาน เป็นเงิน 311 บาท วัดบางระโหง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี รายการสิ่งของ 01. กาแฟ 3in1 Royal (18g.x25) 1 ถุง (48 บาท) 02. คุกกี้ ดิวเบอรี่ (18g.x8) 1 ถุง (20 บาท) 03. ยาสีฟัน ซิสเท็มมา 140g. (20 บาท) 04. แปรงสีฟัน อิมแพ็ค Soft & Slim (6 บาท) 05. สบู่พฤกษา นกแก้ว 70g. 4 ก้อน (26 บาท) 06. น้ำยาล้างจาน เซพแพ็ค 400ml. 3 ถุง (24 บาท) 07. ชุดขัดล้างสะอาด เซ็นซ์ 1 ห่อ (20 บาท) 08. กระดาษเช็ดหน้า คลีเน็กซ์ 1 กล่อง (30 บาท) 09. น้ำล้างห้องน้ำ วิกซอล 900ml. (32 บาท) 10. รองเท้าแตะ สีดำ เบอร์ 42 1 คู่ (85 บาท) #ถวายสังฆทานโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๑ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีเหนือขยายความร่วมมือกับรัสเซีย - คิม จองอึน

    ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ให้คำมั่นกับ เซอร์เก ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย ในระหว่างการประชุมที่เปียงยางว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะขยายความร่วมมือกับรัสเซียตามเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมของทั้งสองประเทศ, สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงาน

    เมื่อวันศุกร์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียออกแถลงการณ์ว่า ชอยกูเดินทางเยือนเปียงยางเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน, ซึ่ง คิม จองอึน ให้การต้อนรับ

    “สหายคิม จองอึน ประเมินว่าภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุในการประชุมสุดยอดเกาหลี-รัสเซียที่เปียงยางเมื่อเดือนมิถุนายน, ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังพัฒนาอย่างมีชีวิตชีวาในทุกด้าน รวมทั้งการเมือง, เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เขาให้คำมั่นว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือจะขยายความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือกับสหพันธรัฐรัสเซียต่อไปตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม,” สำนักข่าวดังกล่าวระบุ
    .
    North Korea to expand cooperation with Russia - Kim Jong Un

    North Korean leader Kim Jong Un reassured Russian Security Council Secretary Sergei Shoigu during a meeting in Pyongyang that the North Korean government will expand cooperation with Russia in the spirit of the two countries' comprehensive strategic partnership treaty, the Korean Central News Agency (KCNA) reported.

    The Russian Security Council said in a statement Friday that Shoigu visited Pyongyang on September 13, where he was received by Kim Jong Un.

    “Comrade Kim Jong Un assessed that under the agreements reached at the June Korea-Russia summit in Pyongyang, relations between the two countries are developing vibrantly in all spheres including politics, the economy and culture. He assured that the DPRK government will continue to expand cooperation and assistance with the Russian Federation in the spirit of the comprehensive strategic partnership agreement,” the agency said.
    .
    6:35 AM · Sep 14, 2024 · 3,247 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834737587707170899
    เกาหลีเหนือขยายความร่วมมือกับรัสเซีย - คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ให้คำมั่นกับ เซอร์เก ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย ในระหว่างการประชุมที่เปียงยางว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะขยายความร่วมมือกับรัสเซียตามเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมของทั้งสองประเทศ, สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงาน เมื่อวันศุกร์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียออกแถลงการณ์ว่า ชอยกูเดินทางเยือนเปียงยางเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน, ซึ่ง คิม จองอึน ให้การต้อนรับ “สหายคิม จองอึน ประเมินว่าภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุในการประชุมสุดยอดเกาหลี-รัสเซียที่เปียงยางเมื่อเดือนมิถุนายน, ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังพัฒนาอย่างมีชีวิตชีวาในทุกด้าน รวมทั้งการเมือง, เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เขาให้คำมั่นว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือจะขยายความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือกับสหพันธรัฐรัสเซียต่อไปตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม,” สำนักข่าวดังกล่าวระบุ . North Korea to expand cooperation with Russia - Kim Jong Un North Korean leader Kim Jong Un reassured Russian Security Council Secretary Sergei Shoigu during a meeting in Pyongyang that the North Korean government will expand cooperation with Russia in the spirit of the two countries' comprehensive strategic partnership treaty, the Korean Central News Agency (KCNA) reported. The Russian Security Council said in a statement Friday that Shoigu visited Pyongyang on September 13, where he was received by Kim Jong Un. “Comrade Kim Jong Un assessed that under the agreements reached at the June Korea-Russia summit in Pyongyang, relations between the two countries are developing vibrantly in all spheres including politics, the economy and culture. He assured that the DPRK government will continue to expand cooperation and assistance with the Russian Federation in the spirit of the comprehensive strategic partnership agreement,” the agency said. . 6:35 AM · Sep 14, 2024 · 3,247 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834737587707170899
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2420 มุมมอง 0 รีวิว
  • สังฆทาน >>> ครั้งที่ 471
    วันเสาร์: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๗ (14 September 2024)

    ถวายสังฆทาน เป็นเงิน 311 บาท
    วัดบางระโหง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี

    รายการสิ่งของ
    01. กาแฟ 3in1 Royal (18g.x25) 1 ถุง (48 บาท)
    02. คุกกี้ ดิวเบอรี่ (18g.x8) 1 ถุง (20 บาท)
    03. ยาสีฟัน ซิสเท็มมา 140g. (20 บาท)
    04. แปรงสีฟัน อิมแพ็ค Soft & Slim (6 บาท)
    05. สบู่พฤกษา นกแก้ว 70g. 4 ก้อน (26 บาท)
    06. น้ำยาล้างจาน เซพแพ็ค 400ml. 3 ถุง (24 บาท)
    07. ชุดขัดล้างสะอาด เซ็นซ์ 1 ห่อ (20 บาท)
    08. กระดาษเช็ดหน้า คลีเน็กซ์ 1 กล่อง (30 บาท)
    09. น้ำล้างห้องน้ำ วิกซอล 900ml. (32 บาท)
    10. รองเท้าแตะ สีดำ เบอร์ 42 1 คู่ (85 บาท)
    #ถวายสังฆทานโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๑ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    สังฆทาน >>> ครั้งที่ 471 วันเสาร์: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๗ (14 September 2024) ถวายสังฆทาน เป็นเงิน 311 บาท วัดบางระโหง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี รายการสิ่งของ 01. กาแฟ 3in1 Royal (18g.x25) 1 ถุง (48 บาท) 02. คุกกี้ ดิวเบอรี่ (18g.x8) 1 ถุง (20 บาท) 03. ยาสีฟัน ซิสเท็มมา 140g. (20 บาท) 04. แปรงสีฟัน อิมแพ็ค Soft & Slim (6 บาท) 05. สบู่พฤกษา นกแก้ว 70g. 4 ก้อน (26 บาท) 06. น้ำยาล้างจาน เซพแพ็ค 400ml. 3 ถุง (24 บาท) 07. ชุดขัดล้างสะอาด เซ็นซ์ 1 ห่อ (20 บาท) 08. กระดาษเช็ดหน้า คลีเน็กซ์ 1 กล่อง (30 บาท) 09. น้ำล้างห้องน้ำ วิกซอล 900ml. (32 บาท) 10. รองเท้าแตะ สีดำ เบอร์ 42 1 คู่ (85 บาท) #ถวายสังฆทานโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๑ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว