• ..อาสนธิต่อสู้ร่วมกับประชาชนมาตลอดแฉความจริงเท่าสามารถแฉในยุคๆนั้นมาตลอดร่วมกับเวทีพันธมิตรเสื้อเหลือง,ในนั้นมีบอกเล่าความจริงของmou43,44มาตลอดด้วยทั้งผ่านสื่อทีวีช่องตนเองและขึ้นเวทีปราศัย.,รัฐบาลในอดีตและคณะครม.ในอดีตทั้งหมดจึงสมควรติดคุกให้หมด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันยกเลิกmou43,44นี้ด้วยซึ่งไทยเสียแผ่นดินไทย ไทยเสียดินแดนไทยตนเองชัดเจนถึง1:150,000หากใช้mou43,44นี้จริง บ่อน้ำมันในอ่าวไทยมากมายทรัพยากรธรรมชาติจะตกแก่เขมรทันทีที่กอดmou43,44,นี้ซึ่งรัฐบาลทุกๆสมัยรับรู้ค่าจริงนี้ชัดเจนแน่นอน,สรุปจึงต้องเจอข้อหา ม.157และม.119ทั้งหมดที่ผ่านๆมาตั้งแต่mou43,44นี้ถือกำหนดขึ้น.,อ้างว่าไม่รับรู้ให้พ้นความผิดยิ่งเป็นไปไม่ได้เช่นพรรคภาคใต้ก็เข้าร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด ก็สามารถยื่นเรื่องเสนอยกเลิกmou43,44นี้ตลอดเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านได้เมื่อสำนึกผิดว่าตนกระทำการผิดพลาดเรื่องแผ่นดินไทยที่อาจเสียเปรียบเขมรสูญเสียแผ่นดินไทยกว่า1:150,000นั้นเอง,แต่พรรคการเมืองก็ไม่กระทำการเช่นนั้น,
    ..พรรคภูมิใจไทยลูกเนวินได้แสดงเห็นด้วยในการยกเลิกmou43,44หากรัฐบาลนำโดยพรรคภูมิใจไทยที่มีอำนาจแล้วตอนนี้ไม่ยอมยกเลิกmou43,44แสดงว่ามีเจตนาชัดเจนหนักกว่ารัฐบาลอดีตใดๆที่ผ่านมาที่รับรู้ชัดเจนถึงภัยร้ายmou43,44นี้ชัดเจนแล้ว แสดงเจตนาต้องการยกเลิกอีกเมื่อตนไม่มีอำนาจ,แต่เมื่อมีอำนาจแล้วกลับวางเฉยไม่กระตือรือร้นยกเลิกทันทีซึ่งสามารถกระทำได้แต่ไม่ทำ ความผิดอาจทวีคูณหนักเป็นสองเท่าในนามรัฐบาลตน.,คือประหารสองครั้งนั้นเอง.,ม.119+

    https://youtube.com/shorts/SbPC2EwKj3c?si=EdfZVGVD2zPEukEG
    ..อาสนธิต่อสู้ร่วมกับประชาชนมาตลอดแฉความจริงเท่าสามารถแฉในยุคๆนั้นมาตลอดร่วมกับเวทีพันธมิตรเสื้อเหลือง,ในนั้นมีบอกเล่าความจริงของmou43,44มาตลอดด้วยทั้งผ่านสื่อทีวีช่องตนเองและขึ้นเวทีปราศัย.,รัฐบาลในอดีตและคณะครม.ในอดีตทั้งหมดจึงสมควรติดคุกให้หมด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันยกเลิกmou43,44นี้ด้วยซึ่งไทยเสียแผ่นดินไทย ไทยเสียดินแดนไทยตนเองชัดเจนถึง1:150,000หากใช้mou43,44นี้จริง บ่อน้ำมันในอ่าวไทยมากมายทรัพยากรธรรมชาติจะตกแก่เขมรทันทีที่กอดmou43,44,นี้ซึ่งรัฐบาลทุกๆสมัยรับรู้ค่าจริงนี้ชัดเจนแน่นอน,สรุปจึงต้องเจอข้อหา ม.157และม.119ทั้งหมดที่ผ่านๆมาตั้งแต่mou43,44นี้ถือกำหนดขึ้น.,อ้างว่าไม่รับรู้ให้พ้นความผิดยิ่งเป็นไปไม่ได้เช่นพรรคภาคใต้ก็เข้าร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด ก็สามารถยื่นเรื่องเสนอยกเลิกmou43,44นี้ตลอดเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านได้เมื่อสำนึกผิดว่าตนกระทำการผิดพลาดเรื่องแผ่นดินไทยที่อาจเสียเปรียบเขมรสูญเสียแผ่นดินไทยกว่า1:150,000นั้นเอง,แต่พรรคการเมืองก็ไม่กระทำการเช่นนั้น, ..พรรคภูมิใจไทยลูกเนวินได้แสดงเห็นด้วยในการยกเลิกmou43,44หากรัฐบาลนำโดยพรรคภูมิใจไทยที่มีอำนาจแล้วตอนนี้ไม่ยอมยกเลิกmou43,44แสดงว่ามีเจตนาชัดเจนหนักกว่ารัฐบาลอดีตใดๆที่ผ่านมาที่รับรู้ชัดเจนถึงภัยร้ายmou43,44นี้ชัดเจนแล้ว แสดงเจตนาต้องการยกเลิกอีกเมื่อตนไม่มีอำนาจ,แต่เมื่อมีอำนาจแล้วกลับวางเฉยไม่กระตือรือร้นยกเลิกทันทีซึ่งสามารถกระทำได้แต่ไม่ทำ ความผิดอาจทวีคูณหนักเป็นสองเท่าในนามรัฐบาลตน.,คือประหารสองครั้งนั้นเอง.,ม.119+ https://youtube.com/shorts/SbPC2EwKj3c?si=EdfZVGVD2zPEukEG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากการตั้งค่าที่ดูดีแต่ไม่จำเป็น: เมื่อการปิดบางฟีเจอร์ทำให้ Windows 11 เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น

    เมื่อคุณซื้อแล็ปท็อปใหม่ที่มาพร้อม Windows 11 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Home หรือ Pro คุณจะได้รับฟีเจอร์มากมายที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบดู “สมบูรณ์” แต่ในความเป็นจริง หลายฟีเจอร์เหล่านี้กลับทำให้เครื่องช้าลงโดยไม่จำเป็น และบางส่วนยังส่งข้อมูลกลับไปยัง Microsoft โดยที่คุณไม่ได้อนุญาตอย่างชัดเจน

    ฟีเจอร์อย่าง Diagnostic Data, Targeted Ads, Widgets, Search Highlights และการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ควรปิดทันทีหลังตั้งค่าเครื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและลดการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    การปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ทำให้ระบบเสียหาย และสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings โดย Microsoft ก็เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้นในเวอร์ชันล่าสุด

    Diagnostic Data (ข้อมูลการวินิจฉัย)
    Windows 11 ส่งข้อมูลทั้งแบบจำเป็นและแบบเพิ่มเติมไปยัง Microsoft โดยอัตโนมัติ
    สามารถปิดการส่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ และลบข้อมูลที่เคยส่งไปแล้ว
    ปิดการใช้ข้อมูลเพื่อแสดงคำแนะนำและโฆษณาแบบเฉพาะบุคคลได้

    Targeted Ads (โฆษณาแบบเจาะจง)
    ใช้ Advertising ID เพื่อแสดงโฆษณาตามพฤติกรรมของผู้ใช้
    สามารถปิดการใช้ Advertising ID ได้ในเมนู Privacy & Security
    ปิดการติดตามการเปิดแอปเพื่อปรับปรุง Start และ Search

    Annoying Notifications (การแจ้งเตือนที่รบกวน)
    Windows ส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการอัปเดต, คำแนะนำ, และฟีเจอร์ใหม่
    สามารถปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นได้ในเมนู System > Notifications
    ปรับแต่งการแจ้งเตือนจากแอปแต่ละตัวได้อย่างละเอียด

    Widgets (วิดเจ็ต)
    วิดเจ็ตแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ข่าว, สภาพอากาศ, หุ้น
    ใช้ทรัพยากรระบบสูงเพราะอัปเดตตลอดเวลา
    สามารถปิดวิดเจ็ตทั้งหมด หรือเลือกปิดเฉพาะบางตัวได้

    Search Highlights (ไฮไลต์การค้นหา)
    แสดงข้อมูลเช่นวันสำคัญ, ข่าว, เทรนด์ ในแถบค้นหา
    ทำให้การค้นหาช้าลงและกินทรัพยากร
    ปิดได้ในเมนู Privacy & Security > Search Permissions

    https://www.slashgear.com/1962302/settings-to-disable-on-windows-11-laptop/
    🎙️ เรื่องเล่าจากการตั้งค่าที่ดูดีแต่ไม่จำเป็น: เมื่อการปิดบางฟีเจอร์ทำให้ Windows 11 เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น เมื่อคุณซื้อแล็ปท็อปใหม่ที่มาพร้อม Windows 11 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Home หรือ Pro คุณจะได้รับฟีเจอร์มากมายที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบดู “สมบูรณ์” แต่ในความเป็นจริง หลายฟีเจอร์เหล่านี้กลับทำให้เครื่องช้าลงโดยไม่จำเป็น และบางส่วนยังส่งข้อมูลกลับไปยัง Microsoft โดยที่คุณไม่ได้อนุญาตอย่างชัดเจน ฟีเจอร์อย่าง Diagnostic Data, Targeted Ads, Widgets, Search Highlights และการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ควรปิดทันทีหลังตั้งค่าเครื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและลดการละเมิดความเป็นส่วนตัว การปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ทำให้ระบบเสียหาย และสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings โดย Microsoft ก็เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้นในเวอร์ชันล่าสุด ✅ Diagnostic Data (ข้อมูลการวินิจฉัย) ➡️ Windows 11 ส่งข้อมูลทั้งแบบจำเป็นและแบบเพิ่มเติมไปยัง Microsoft โดยอัตโนมัติ ➡️ สามารถปิดการส่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ และลบข้อมูลที่เคยส่งไปแล้ว ➡️ ปิดการใช้ข้อมูลเพื่อแสดงคำแนะนำและโฆษณาแบบเฉพาะบุคคลได้ ✅ Targeted Ads (โฆษณาแบบเจาะจง) ➡️ ใช้ Advertising ID เพื่อแสดงโฆษณาตามพฤติกรรมของผู้ใช้ ➡️ สามารถปิดการใช้ Advertising ID ได้ในเมนู Privacy & Security ➡️ ปิดการติดตามการเปิดแอปเพื่อปรับปรุง Start และ Search ✅ Annoying Notifications (การแจ้งเตือนที่รบกวน) ➡️ Windows ส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการอัปเดต, คำแนะนำ, และฟีเจอร์ใหม่ ➡️ สามารถปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นได้ในเมนู System > Notifications ➡️ ปรับแต่งการแจ้งเตือนจากแอปแต่ละตัวได้อย่างละเอียด ✅ Widgets (วิดเจ็ต) ➡️ วิดเจ็ตแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ข่าว, สภาพอากาศ, หุ้น ➡️ ใช้ทรัพยากรระบบสูงเพราะอัปเดตตลอดเวลา ➡️ สามารถปิดวิดเจ็ตทั้งหมด หรือเลือกปิดเฉพาะบางตัวได้ ✅ Search Highlights (ไฮไลต์การค้นหา) ➡️ แสดงข้อมูลเช่นวันสำคัญ, ข่าว, เทรนด์ ในแถบค้นหา ➡️ ทำให้การค้นหาช้าลงและกินทรัพยากร ➡️ ปิดได้ในเมนู Privacy & Security > Search Permissions https://www.slashgear.com/1962302/settings-to-disable-on-windows-11-laptop/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Settings To Disable On Your New Windows 11 Laptop - SlashGear
    Windows has come to include a huge amount of features to make your everyday computing experience better, but you may not want all of them turned on at once.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Marketplace ถึง Meta Pay: เมื่อการซื้อของออนไลน์กลายเป็นช่องทางเก็บข้อมูลการเงินโดยไม่รู้ตัว

    หลายคนอาจเคยซื้อของผ่าน Facebook Marketplace, ลงโฆษณา, หรือบริจาคเงินผ่านแพลตฟอร์มของ Meta โดยไม่ทันสังเกตว่า Facebook ได้เก็บข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัญชี PayPal ไว้ในระบบโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจเกิดจากการคลิก “Save card for later” หรือการใช้ Meta Pay โดยไม่ตั้งใจ

    แม้จะสะดวกในแง่การใช้งานซ้ำ แต่การเก็บข้อมูลการเงินไว้ในระบบที่มีประวัติปัญหาด้านความปลอดภัยอย่าง Meta ก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยง เช่น การถูกเรียกเก็บเงินจากโฆษณาที่ลืมปิด หรือการซื้อของโดยบุคคลอื่นที่เข้าถึงบัญชีของคุณ

    โชคดีที่ผู้ใช้สามารถลบข้อมูลการชำระเงินออกจาก Facebook ได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ โดยใช้ขั้นตอนง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings ซึ่งจะแตกต่างกันเล็กน้อยตามประเภทการใช้งาน เช่น Meta Pay หรือ Ad Payments

    นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเสริมจากภายนอกว่า Meta เคยถูกฟ้องและยอมจ่ายเงินชดเชยกว่า $725 ล้านจากกรณีละเมิดข้อมูลผู้ใช้ในคดี Cambridge Analytica ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบจัดการข้อมูลส่วนตัวในอดีตของบริษัทนี้

    วิธีลบข้อมูลการชำระเงินจาก Facebook
    บนเดสก์ท็อป: ไปที่ Menu > Orders and payments > เลือกบัตร > Remove
    สำหรับโฆษณา: ไปที่ Ad Center > Payment Settings > Remove จากรายการ
    บนมือถือ: ไปที่ Settings & Privacy > Orders and payments > Credit and debit cards > Remove

    ประเภทข้อมูลที่ถูกเก็บไว้
    บัตรเครดิต/เดบิต, บัญชี PayPal, หรือบัญชีธนาคาร
    ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกใช้เป็น default สำหรับการชำระเงินในอนาคต
    การลบข้อมูลไม่ลบประวัติการซื้อ แต่ปิดช่องทางการเรียกเก็บเงิน

    ความสะดวกของ Meta Pay และระบบโฆษณา
    Meta Pay ใช้สำหรับการซื้อสินค้า, บริจาค, หรือชำระเงินในแอป
    ระบบโฆษณาเก็บข้อมูลการชำระเงินเพื่อใช้ในการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ
    ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ามีการเก็บข้อมูลไว้หลังการใช้งานครั้งเดียว

    ประวัติการละเมิดข้อมูลของ Meta
    Meta เคยถูกฟ้องจากกรณี Cambridge Analytica และยอมจ่าย $725 ล้าน
    ผู้ใช้ Facebook ระหว่างปี 2007–2022 มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชย
    การละเมิดข้อมูลส่วนตัวทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในระบบของ Meta

    https://www.slashgear.com/1965008/how-to-remove-payment-details-from-facebook-meta/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Marketplace ถึง Meta Pay: เมื่อการซื้อของออนไลน์กลายเป็นช่องทางเก็บข้อมูลการเงินโดยไม่รู้ตัว หลายคนอาจเคยซื้อของผ่าน Facebook Marketplace, ลงโฆษณา, หรือบริจาคเงินผ่านแพลตฟอร์มของ Meta โดยไม่ทันสังเกตว่า Facebook ได้เก็บข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัญชี PayPal ไว้ในระบบโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจเกิดจากการคลิก “Save card for later” หรือการใช้ Meta Pay โดยไม่ตั้งใจ แม้จะสะดวกในแง่การใช้งานซ้ำ แต่การเก็บข้อมูลการเงินไว้ในระบบที่มีประวัติปัญหาด้านความปลอดภัยอย่าง Meta ก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยง เช่น การถูกเรียกเก็บเงินจากโฆษณาที่ลืมปิด หรือการซื้อของโดยบุคคลอื่นที่เข้าถึงบัญชีของคุณ โชคดีที่ผู้ใช้สามารถลบข้อมูลการชำระเงินออกจาก Facebook ได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ โดยใช้ขั้นตอนง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings ซึ่งจะแตกต่างกันเล็กน้อยตามประเภทการใช้งาน เช่น Meta Pay หรือ Ad Payments นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเสริมจากภายนอกว่า Meta เคยถูกฟ้องและยอมจ่ายเงินชดเชยกว่า $725 ล้านจากกรณีละเมิดข้อมูลผู้ใช้ในคดี Cambridge Analytica ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบจัดการข้อมูลส่วนตัวในอดีตของบริษัทนี้ ✅ วิธีลบข้อมูลการชำระเงินจาก Facebook ➡️ บนเดสก์ท็อป: ไปที่ Menu > Orders and payments > เลือกบัตร > Remove ➡️ สำหรับโฆษณา: ไปที่ Ad Center > Payment Settings > Remove จากรายการ ➡️ บนมือถือ: ไปที่ Settings & Privacy > Orders and payments > Credit and debit cards > Remove ✅ ประเภทข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ ➡️ บัตรเครดิต/เดบิต, บัญชี PayPal, หรือบัญชีธนาคาร ➡️ ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกใช้เป็น default สำหรับการชำระเงินในอนาคต ➡️ การลบข้อมูลไม่ลบประวัติการซื้อ แต่ปิดช่องทางการเรียกเก็บเงิน ✅ ความสะดวกของ Meta Pay และระบบโฆษณา ➡️ Meta Pay ใช้สำหรับการซื้อสินค้า, บริจาค, หรือชำระเงินในแอป ➡️ ระบบโฆษณาเก็บข้อมูลการชำระเงินเพื่อใช้ในการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ ➡️ ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ามีการเก็บข้อมูลไว้หลังการใช้งานครั้งเดียว ✅ ประวัติการละเมิดข้อมูลของ Meta ➡️ Meta เคยถูกฟ้องจากกรณี Cambridge Analytica และยอมจ่าย $725 ล้าน ➡️ ผู้ใช้ Facebook ระหว่างปี 2007–2022 มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชย ➡️ การละเมิดข้อมูลส่วนตัวทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในระบบของ Meta https://www.slashgear.com/1965008/how-to-remove-payment-details-from-facebook-meta/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How To Remove Your Payment Details From Facebook (And Why You May Want To) - SlashGear
    Removing payment details from Facebook, be it for security or to avoid recurring charges, is a straightforward process and can be done via a browser or the app.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Geedge ถึง MESA: เมื่อไฟร์วอลล์กลายเป็นสินค้าส่งออกของการควบคุมข้อมูล

    เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 กลุ่มแฮกทิวิสต์ชื่อ Enlace Hacktivista ได้เผยแพร่ข้อมูลกว่า 600 GB ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและปฏิบัติการของ Great Firewall of China โดยข้อมูลนี้ประกอบด้วย source code, เอกสารภายใน, บันทึกการทำงาน, และการสื่อสารระหว่างทีมงานที่เกี่ยวข้องกับ Geedge Networks และ MESA Lab ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยภายใต้ Chinese Academy of Sciences

    Geedge Networks ก่อตั้งโดย Fang Binxing ผู้ได้รับฉายาว่า “บิดาแห่ง Great Firewall” และมีบทบาทสำคัญในการส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น เมียนมา, ปากีสถาน, คาซัคสถาน, เอธิโอเปีย และประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในโครงการ Belt and Road Initiative

    ไฟล์ที่รั่วไหลประกอบด้วย mirror/repo.tar ขนาด 500 GB ซึ่งเป็น archive ของ RPM packaging server และเอกสารที่บีบอัดจาก Geedge และ MESA เช่น geedge_docs.tar.zst และ mesalab_docs.tar.zst ซึ่งมีทั้งรายงานภายใน, ข้อเสนอทางเทคนิค, และบันทึกการประชุมที่แสดงให้เห็นถึงการวางแผนและการดำเนินงานในระดับละเอียด

    นอกจากนี้ยังมีไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ เช่น geedge_jira.tar.zst และเอกสารการสื่อสาร เช่น chat.docx ที่เผยให้เห็นถึงการประสานงานระหว่างนักวิจัยและวิศวกร รวมถึงไฟล์ routine อย่าง 打印.docx (Print) และเอกสารเบิกค่าใช้จ่ายที่สะท้อนถึงความเป็นระบบราชการของโครงการนี้

    สิ่งที่ทำให้การรั่วไหลครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่นคือ “ความลึก” ของข้อมูล ไม่ใช่แค่บันทึกจาก whistleblower แต่เป็นข้อมูลดิบที่สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของระบบเซ็นเซอร์ระดับประเทศ และการขยายอิทธิพลไปยังต่างประเทศผ่านการส่งออกเทคโนโลยี

    ข้อมูลที่รั่วไหลจาก Great Firewall
    ขนาดรวมกว่า 600 GB ประกอบด้วย source code, เอกสารภายใน, และบันทึกการทำงาน
    มีไฟล์ mirror/repo.tar ขนาด 500 GB ที่เป็น archive ของ RPM packaging server
    เอกสารจาก Geedge และ MESA แสดงถึงการวางแผนและการดำเนินงานในระดับลึก

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา
    Geedge Networks ก่อตั้งโดย Fang Binxing และเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์
    MESA Lab เป็นหน่วยงานวิจัยภายใต้ Chinese Academy of Sciences
    ทั้งสองหน่วยงานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขยายระบบ Great Firewall

    การส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์
    มีการส่งออกไปยังเมียนมา, ปากีสถาน, คาซัคสถาน, เอธิโอเปีย และประเทศอื่น ๆ
    เชื่อมโยงกับโครงการ Belt and Road Initiative
    ใช้เทคโนโลยีเพื่อควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศเหล่านั้น

    ลักษณะของข้อมูลที่รั่วไหล
    มีไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ เช่น geedge_jira.tar.zst
    เอกสารการสื่อสาร เช่น chat.docx แสดงถึงการประสานงานภายใน
    ไฟล์ routine เช่น 打印.docx และเอกสารเบิกค่าใช้จ่ายสะท้อนถึงระบบราชการ

    ความสำคัญของการรั่วไหลครั้งนี้
    เป็นการเปิดเผยโครงสร้างและการดำเนินงานของระบบเซ็นเซอร์ระดับประเทศ
    ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
    นักวิจัยและองค์กรสิทธิมนุษยชนสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวิเคราะห์และตรวจสอบ

    https://hackread.com/great-firewall-of-china-data-published-largest-leak/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Geedge ถึง MESA: เมื่อไฟร์วอลล์กลายเป็นสินค้าส่งออกของการควบคุมข้อมูล เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 กลุ่มแฮกทิวิสต์ชื่อ Enlace Hacktivista ได้เผยแพร่ข้อมูลกว่า 600 GB ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและปฏิบัติการของ Great Firewall of China โดยข้อมูลนี้ประกอบด้วย source code, เอกสารภายใน, บันทึกการทำงาน, และการสื่อสารระหว่างทีมงานที่เกี่ยวข้องกับ Geedge Networks และ MESA Lab ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยภายใต้ Chinese Academy of Sciences Geedge Networks ก่อตั้งโดย Fang Binxing ผู้ได้รับฉายาว่า “บิดาแห่ง Great Firewall” และมีบทบาทสำคัญในการส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น เมียนมา, ปากีสถาน, คาซัคสถาน, เอธิโอเปีย และประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในโครงการ Belt and Road Initiative ไฟล์ที่รั่วไหลประกอบด้วย mirror/repo.tar ขนาด 500 GB ซึ่งเป็น archive ของ RPM packaging server และเอกสารที่บีบอัดจาก Geedge และ MESA เช่น geedge_docs.tar.zst และ mesalab_docs.tar.zst ซึ่งมีทั้งรายงานภายใน, ข้อเสนอทางเทคนิค, และบันทึกการประชุมที่แสดงให้เห็นถึงการวางแผนและการดำเนินงานในระดับละเอียด นอกจากนี้ยังมีไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ เช่น geedge_jira.tar.zst และเอกสารการสื่อสาร เช่น chat.docx ที่เผยให้เห็นถึงการประสานงานระหว่างนักวิจัยและวิศวกร รวมถึงไฟล์ routine อย่าง 打印.docx (Print) และเอกสารเบิกค่าใช้จ่ายที่สะท้อนถึงความเป็นระบบราชการของโครงการนี้ สิ่งที่ทำให้การรั่วไหลครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่นคือ “ความลึก” ของข้อมูล ไม่ใช่แค่บันทึกจาก whistleblower แต่เป็นข้อมูลดิบที่สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของระบบเซ็นเซอร์ระดับประเทศ และการขยายอิทธิพลไปยังต่างประเทศผ่านการส่งออกเทคโนโลยี ✅ ข้อมูลที่รั่วไหลจาก Great Firewall ➡️ ขนาดรวมกว่า 600 GB ประกอบด้วย source code, เอกสารภายใน, และบันทึกการทำงาน ➡️ มีไฟล์ mirror/repo.tar ขนาด 500 GB ที่เป็น archive ของ RPM packaging server ➡️ เอกสารจาก Geedge และ MESA แสดงถึงการวางแผนและการดำเนินงานในระดับลึก ✅ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา ➡️ Geedge Networks ก่อตั้งโดย Fang Binxing และเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ ➡️ MESA Lab เป็นหน่วยงานวิจัยภายใต้ Chinese Academy of Sciences ➡️ ทั้งสองหน่วยงานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขยายระบบ Great Firewall ✅ การส่งออกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ ➡️ มีการส่งออกไปยังเมียนมา, ปากีสถาน, คาซัคสถาน, เอธิโอเปีย และประเทศอื่น ๆ ➡️ เชื่อมโยงกับโครงการ Belt and Road Initiative ➡️ ใช้เทคโนโลยีเพื่อควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศเหล่านั้น ✅ ลักษณะของข้อมูลที่รั่วไหล ➡️ มีไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ เช่น geedge_jira.tar.zst ➡️ เอกสารการสื่อสาร เช่น chat.docx แสดงถึงการประสานงานภายใน ➡️ ไฟล์ routine เช่น 打印.docx และเอกสารเบิกค่าใช้จ่ายสะท้อนถึงระบบราชการ ✅ ความสำคัญของการรั่วไหลครั้งนี้ ➡️ เป็นการเปิดเผยโครงสร้างและการดำเนินงานของระบบเซ็นเซอร์ระดับประเทศ ➡️ ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน ➡️ นักวิจัยและองค์กรสิทธิมนุษยชนสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวิเคราะห์และตรวจสอบ https://hackread.com/great-firewall-of-china-data-published-largest-leak/
    HACKREAD.COM
    600 GB of Alleged Great Firewall of China Data Published in Largest Leak Yet
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Bing ถึง Kerberoasting: เมื่อการคลิกเดียวกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภัยไซเบอร์ระดับประเทศ

    Senator Ron Wyden ได้ส่งจดหมายถึง FTC เรียกร้องให้สอบสวน Microsoft กรณีการละเลยด้านความปลอดภัยที่นำไปสู่การโจมตี ransomware ครั้งใหญ่ในระบบสุขภาพของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณี Ascension Health ที่ข้อมูลผู้ป่วยกว่า 5.6 ล้านรายถูกขโมยในปี 2024

    การโจมตีเริ่มต้นจากการที่ contractor ของ Ascension ใช้ Bing ค้นหาข้อมูล แล้วคลิกบนลิงก์อันตรายที่นำไปสู่การติดมัลแวร์ในแล็ปท็อปเครื่องเดียว แต่เนื่องจากการตั้งค่าความปลอดภัยเริ่มต้นของ Microsoft Active Directory ยังรองรับ RC4 encryption ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่าจากยุค 1980 ทำให้แฮกเกอร์สามารถใช้เทคนิค Kerberoasting เพื่อขยายการโจมตีไปทั่วเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว

    Wyden วิจารณ์ว่า Microsoft สร้างธุรกิจด้านความปลอดภัยมูลค่ากว่า $20 พันล้าน จากการขายฟีเจอร์เสริมที่ควรเป็นส่วนหนึ่งของระบบหลัก เช่น advanced logging และการป้องกันรหัสผ่านที่แข็งแรง โดยเปรียบเทียบว่า “เหมือนคนจุดไฟแล้วขายบริการดับเพลิงให้เหยื่อของตัวเอง”

    แม้ Microsoft จะเคยสัญญาว่าจะออกอัปเดตเพื่อปิดการใช้งาน RC4 ตั้งแต่ตุลาคม 2024 แต่จนถึงกันยายน 2025 ยังไม่มีการปล่อยอัปเดตนั้น และคำแนะนำที่ออกมาก็ถูกฝังไว้ในบล็อกเทคนิคที่ไม่เข้าถึงง่าย ทำให้หลายองค์กรยังไม่รู้ว่าตัวเองเสี่ยงอยู่

    เหตุการณ์โจมตี Ascension Health
    เริ่มจาก contractor คลิกลิงก์อันตรายจาก Bing
    มัลแวร์แพร่กระจายผ่านเครือข่ายโดยใช้ Kerberoasting
    ข้อมูลผู้ป่วยกว่า 5.6 ล้านรายถูกขโมย และระบบโรงพยาบาลล่มหลายสัปดาห์

    ช่องโหว่ RC4 และ Kerberoasting
    RC4 เป็น encryption จากยุค 1980 ที่ไม่ปลอดภัย
    Microsoft ยังรองรับ RC4 โดยค่าเริ่มต้นใน Active Directory
    Kerberoasting ใช้ RC4 เพื่อขโมยรหัสผ่านของบัญชีผู้ดูแลระบบ

    การตอบสนองของ Microsoft
    สัญญาจะออกอัปเดตปิด RC4 ตั้งแต่ตุลาคม 2024 แต่ยังไม่ปล่อย
    เผยแพร่คำแนะนำในบล็อกเทคนิคที่ไม่เข้าถึงง่าย
    อ้างว่า RC4 ใช้งานน้อยกว่า 0.1% แต่ยังไม่ปิดโดยค่าเริ่มต้น

    การวิจารณ์จาก Ron Wyden
    กล่าวหาว่า Microsoft มีวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ละเลย
    เปรียบเทียบว่า “จุดไฟแล้วขายบริการดับเพลิง”
    เรียกร้องให้ FTC สอบสวนและกำหนดมาตรการควบคุม

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    CISO หลายองค์กรเริ่มปิด RC4 ด้วยตนเอง
    เริ่มใช้สัญญาจัดซื้อเพื่อบังคับให้ Microsoft ปรับการตั้งค่า
    อาจเปลี่ยนแนวทางการออกแบบซอฟต์แวร์ทั้งอุตสาหกรรม

    https://www.csoonline.com/article/4055697/microsoft-under-fire-senator-demands-ftc-investigation-into-arsonist-selling-firefighting-services.html
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Bing ถึง Kerberoasting: เมื่อการคลิกเดียวกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภัยไซเบอร์ระดับประเทศ Senator Ron Wyden ได้ส่งจดหมายถึง FTC เรียกร้องให้สอบสวน Microsoft กรณีการละเลยด้านความปลอดภัยที่นำไปสู่การโจมตี ransomware ครั้งใหญ่ในระบบสุขภาพของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณี Ascension Health ที่ข้อมูลผู้ป่วยกว่า 5.6 ล้านรายถูกขโมยในปี 2024 การโจมตีเริ่มต้นจากการที่ contractor ของ Ascension ใช้ Bing ค้นหาข้อมูล แล้วคลิกบนลิงก์อันตรายที่นำไปสู่การติดมัลแวร์ในแล็ปท็อปเครื่องเดียว แต่เนื่องจากการตั้งค่าความปลอดภัยเริ่มต้นของ Microsoft Active Directory ยังรองรับ RC4 encryption ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่าจากยุค 1980 ทำให้แฮกเกอร์สามารถใช้เทคนิค Kerberoasting เพื่อขยายการโจมตีไปทั่วเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว Wyden วิจารณ์ว่า Microsoft สร้างธุรกิจด้านความปลอดภัยมูลค่ากว่า $20 พันล้าน จากการขายฟีเจอร์เสริมที่ควรเป็นส่วนหนึ่งของระบบหลัก เช่น advanced logging และการป้องกันรหัสผ่านที่แข็งแรง โดยเปรียบเทียบว่า “เหมือนคนจุดไฟแล้วขายบริการดับเพลิงให้เหยื่อของตัวเอง” แม้ Microsoft จะเคยสัญญาว่าจะออกอัปเดตเพื่อปิดการใช้งาน RC4 ตั้งแต่ตุลาคม 2024 แต่จนถึงกันยายน 2025 ยังไม่มีการปล่อยอัปเดตนั้น และคำแนะนำที่ออกมาก็ถูกฝังไว้ในบล็อกเทคนิคที่ไม่เข้าถึงง่าย ทำให้หลายองค์กรยังไม่รู้ว่าตัวเองเสี่ยงอยู่ ✅ เหตุการณ์โจมตี Ascension Health ➡️ เริ่มจาก contractor คลิกลิงก์อันตรายจาก Bing ➡️ มัลแวร์แพร่กระจายผ่านเครือข่ายโดยใช้ Kerberoasting ➡️ ข้อมูลผู้ป่วยกว่า 5.6 ล้านรายถูกขโมย และระบบโรงพยาบาลล่มหลายสัปดาห์ ✅ ช่องโหว่ RC4 และ Kerberoasting ➡️ RC4 เป็น encryption จากยุค 1980 ที่ไม่ปลอดภัย ➡️ Microsoft ยังรองรับ RC4 โดยค่าเริ่มต้นใน Active Directory ➡️ Kerberoasting ใช้ RC4 เพื่อขโมยรหัสผ่านของบัญชีผู้ดูแลระบบ ✅ การตอบสนองของ Microsoft ➡️ สัญญาจะออกอัปเดตปิด RC4 ตั้งแต่ตุลาคม 2024 แต่ยังไม่ปล่อย ➡️ เผยแพร่คำแนะนำในบล็อกเทคนิคที่ไม่เข้าถึงง่าย ➡️ อ้างว่า RC4 ใช้งานน้อยกว่า 0.1% แต่ยังไม่ปิดโดยค่าเริ่มต้น ✅ การวิจารณ์จาก Ron Wyden ➡️ กล่าวหาว่า Microsoft มีวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ละเลย ➡️ เปรียบเทียบว่า “จุดไฟแล้วขายบริการดับเพลิง” ➡️ เรียกร้องให้ FTC สอบสวนและกำหนดมาตรการควบคุม ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ CISO หลายองค์กรเริ่มปิด RC4 ด้วยตนเอง ➡️ เริ่มใช้สัญญาจัดซื้อเพื่อบังคับให้ Microsoft ปรับการตั้งค่า ➡️ อาจเปลี่ยนแนวทางการออกแบบซอฟต์แวร์ทั้งอุตสาหกรรม https://www.csoonline.com/article/4055697/microsoft-under-fire-senator-demands-ftc-investigation-into-arsonist-selling-firefighting-services.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Microsoft under fire: Senator demands FTC investigation into ‘arsonist selling firefighting services’
    US Senator Ron Wyden has called for accountability after healthcare ransomware attacks exposed Windows vulnerabilities that Microsoft had known about for over a decade.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากทองแดง 21 กิโลถึง GPU 145W: เมื่อเคสกลายเป็นฮีตซิงก์ขนาดยักษ์

    FanlessVC2300S DT เป็นเคสขนาด ITX ที่ออกแบบมาเพื่อการระบายความร้อนแบบ passive โดยใช้วัสดุทองแดงทั้งแผ่นในรุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ซึ่งมีน้ำหนักถึง 21.5 กิโลกรัม (47.4 ปอนด์) และมีพื้นที่ระบายความร้อนรวมถึง 1.3 ตารางเมตรผ่านครีบทองแดงรอบตัวเคส

    เคสนี้รองรับการติดตั้ง CPU และ GPU รวมกันที่ TDP สูงสุด 250W โดยใช้ระบบ heatpipe และ vapor chamber แยกกันสำหรับแต่ละส่วน: CPU ใช้ heatpipe ขนาด 8 มม. จำนวน 17 เส้น ส่วน GPU ใช้ vapor chamber 3 ตัวเชื่อมกับ heatpipe ขนาด 10 มม.

    แม้จะไม่มีพัดลม แต่เคสสามารถรองรับ GPU รุ่นครึ่งความสูงอย่าง RTX 5060 ได้ ซึ่งกินไฟประมาณ 145W ทำให้เหลือพื้นที่ TDP สำหรับ CPU อีกประมาณ 105W

    เคสมีขนาด 360 x 303 x 130 มม. และมี volume ภายใน 14.2 ลิตร รองรับเมนบอร์ด ITX ขนาด 170 x 170 มม., RAM สูงสุด 44 มม., PSU แบบ Flex ATX และ SSD ขนาด 2.5 นิ้วหนึ่งตัว โดยมีระบบ quick-release สำหรับการประกอบที่ง่ายขึ้น

    รุ่นที่ใช้อลูมิเนียมแทนทองแดงมีน้ำหนักเพียงครึ่งเดียว (11.2 กิโลกรัม) และมีราคาประมาณ 1,760 หยวน (~$250) ในช่วงเปิดตัว โดยจะขึ้นเป็น 2,000 หยวน (~$280) หลังหมดโปรโมชัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/pc-cases/compact-copper-encased-14-2-liter-pc-system-weighs-47-4-pounds-doesnt-need-fans-for-cooling-passive-itx-case-is-nearly-twice-as-heavy-as-the-aluminum-shrouded-version
    🎙️ เรื่องเล่าจากทองแดง 21 กิโลถึง GPU 145W: เมื่อเคสกลายเป็นฮีตซิงก์ขนาดยักษ์ FanlessVC2300S DT เป็นเคสขนาด ITX ที่ออกแบบมาเพื่อการระบายความร้อนแบบ passive โดยใช้วัสดุทองแดงทั้งแผ่นในรุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ซึ่งมีน้ำหนักถึง 21.5 กิโลกรัม (47.4 ปอนด์) และมีพื้นที่ระบายความร้อนรวมถึง 1.3 ตารางเมตรผ่านครีบทองแดงรอบตัวเคส เคสนี้รองรับการติดตั้ง CPU และ GPU รวมกันที่ TDP สูงสุด 250W โดยใช้ระบบ heatpipe และ vapor chamber แยกกันสำหรับแต่ละส่วน: CPU ใช้ heatpipe ขนาด 8 มม. จำนวน 17 เส้น ส่วน GPU ใช้ vapor chamber 3 ตัวเชื่อมกับ heatpipe ขนาด 10 มม. แม้จะไม่มีพัดลม แต่เคสสามารถรองรับ GPU รุ่นครึ่งความสูงอย่าง RTX 5060 ได้ ซึ่งกินไฟประมาณ 145W ทำให้เหลือพื้นที่ TDP สำหรับ CPU อีกประมาณ 105W เคสมีขนาด 360 x 303 x 130 มม. และมี volume ภายใน 14.2 ลิตร รองรับเมนบอร์ด ITX ขนาด 170 x 170 มม., RAM สูงสุด 44 มม., PSU แบบ Flex ATX และ SSD ขนาด 2.5 นิ้วหนึ่งตัว โดยมีระบบ quick-release สำหรับการประกอบที่ง่ายขึ้น รุ่นที่ใช้อลูมิเนียมแทนทองแดงมีน้ำหนักเพียงครึ่งเดียว (11.2 กิโลกรัม) และมีราคาประมาณ 1,760 หยวน (~$250) ในช่วงเปิดตัว โดยจะขึ้นเป็น 2,000 หยวน (~$280) หลังหมดโปรโมชัน https://www.tomshardware.com/pc-components/pc-cases/compact-copper-encased-14-2-liter-pc-system-weighs-47-4-pounds-doesnt-need-fans-for-cooling-passive-itx-case-is-nearly-twice-as-heavy-as-the-aluminum-shrouded-version
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก XMP ถึงศาลกลาง: เมื่อความเร็ว RAM กลายเป็นเรื่องฟ้องร้อง

    หลายคนที่ซื้อ RAM รุ่น Vengeance หรือ Dominator ของ Corsair ระหว่างปี 2018–2025 อาจเคยเห็นตัวเลขสวย ๆ อย่าง DDR4-3600 หรือ DDR5-6400 บนกล่อง แล้วคาดหวังว่าเสียบแล้วจะได้ความเร็วตามนั้นทันที แต่ความจริงคือ RAM เหล่านี้ทำงานที่ความเร็วมาตรฐาน JEDEC (เช่น DDR4-2133 หรือ DDR5-4800) โดยค่าเริ่มต้น และต้องเข้าไปเปิดโปรไฟล์ XMP หรือ EXPO ใน BIOS เพื่อให้ได้ความเร็วที่โฆษณาไว้

    คดี McKinney v. Corsair Gaming, Inc. ถูกฟ้องในปี 2022 โดยกล่าวหาว่า Corsair โฆษณา RAM ด้วยความเร็วที่ต้องใช้การโอเวอร์คล็อกโดยไม่แจ้งให้ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดและจ่ายเงินแพงขึ้นโดยไม่รู้ว่าอาจไม่ได้ความเร็วตามที่ระบุไว้เลย หากระบบของตนไม่รองรับหรือไม่เสถียรพอ

    แม้ Corsair จะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิด แต่สุดท้ายก็ยอมตกลงจ่ายเงินชดเชย และจะปรับข้อความบนกล่องและหน้าเว็บให้ชัดเจนขึ้น เช่น การใช้คำว่า “up to” และเพิ่มคำเตือนว่าเป็นความเร็วจากการโอเวอร์คล็อก

    ผู้ซื้อในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ RAM รุ่นที่เข้าข่ายสามารถยื่นขอเงินชดเชยได้สูงสุด 5 รายการ โดยไม่ต้องมีใบเสร็จสำหรับเคลมเล็ก ๆ และสามารถยื่นได้จนถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2025 ผ่านเว็บไซต์

    รายละเอียดของคดีความ
    คดี McKinney v. Corsair Gaming, Inc. เริ่มในปี 2022
    Corsair ถูกกล่าวหาว่าโฆษณาความเร็ว RAM แบบ XMP โดยไม่แจ้งว่าเป็นการโอเวอร์คล็อก
    RAM ทำงานที่ความเร็ว JEDEC โดยค่าเริ่มต้น ต้องเปิด XMP/EXPO ใน BIOS

    ผลการตกลงและการชดเชย
    Corsair ยอมจ่ายเงินชดเชยรวม $5.5 ล้าน
    จะปรับข้อความบนกล่องและหน้าเว็บให้ชัดเจนขึ้น
    ผู้ซื้อในสหรัฐฯ ระหว่างปี 2018–2025 สามารถยื่นขอเงินคืนได้

    วิธีการยื่นเคลม
    ยื่นได้สูงสุด 5 รายการต่อคน
    ไม่ต้องใช้ใบเสร็จสำหรับเคลมเล็ก ๆ
    ยื่นผ่านเว็บไซต์ที่ศาลแต่งตั้งภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2025

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ XMP/EXPO
    XMP (Intel) และ EXPO (AMD) เป็นโปรไฟล์โอเวอร์คล็อกที่ต้องเปิดใช้งานใน BIOS
    ความเร็วที่โฆษณาไม่ใช่ความเร็วที่ได้ทันทีหลังติดตั้ง
    ความเสถียรขึ้นอยู่กับ CPU, เมนบอร์ด และคุณภาพของ RAM

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/corsair-lost-a-lawsuit-over-advertising-overclocked-memory-speeds-and-you-could-get-paid-the-settlement-covers-u-s-purchases-between-2018-and-2025
    🎙️ เรื่องเล่าจาก XMP ถึงศาลกลาง: เมื่อความเร็ว RAM กลายเป็นเรื่องฟ้องร้อง หลายคนที่ซื้อ RAM รุ่น Vengeance หรือ Dominator ของ Corsair ระหว่างปี 2018–2025 อาจเคยเห็นตัวเลขสวย ๆ อย่าง DDR4-3600 หรือ DDR5-6400 บนกล่อง แล้วคาดหวังว่าเสียบแล้วจะได้ความเร็วตามนั้นทันที แต่ความจริงคือ RAM เหล่านี้ทำงานที่ความเร็วมาตรฐาน JEDEC (เช่น DDR4-2133 หรือ DDR5-4800) โดยค่าเริ่มต้น และต้องเข้าไปเปิดโปรไฟล์ XMP หรือ EXPO ใน BIOS เพื่อให้ได้ความเร็วที่โฆษณาไว้ คดี McKinney v. Corsair Gaming, Inc. ถูกฟ้องในปี 2022 โดยกล่าวหาว่า Corsair โฆษณา RAM ด้วยความเร็วที่ต้องใช้การโอเวอร์คล็อกโดยไม่แจ้งให้ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดและจ่ายเงินแพงขึ้นโดยไม่รู้ว่าอาจไม่ได้ความเร็วตามที่ระบุไว้เลย หากระบบของตนไม่รองรับหรือไม่เสถียรพอ แม้ Corsair จะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิด แต่สุดท้ายก็ยอมตกลงจ่ายเงินชดเชย และจะปรับข้อความบนกล่องและหน้าเว็บให้ชัดเจนขึ้น เช่น การใช้คำว่า “up to” และเพิ่มคำเตือนว่าเป็นความเร็วจากการโอเวอร์คล็อก ผู้ซื้อในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ RAM รุ่นที่เข้าข่ายสามารถยื่นขอเงินชดเชยได้สูงสุด 5 รายการ โดยไม่ต้องมีใบเสร็จสำหรับเคลมเล็ก ๆ และสามารถยื่นได้จนถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2025 ผ่านเว็บไซต์ ✅ รายละเอียดของคดีความ ➡️ คดี McKinney v. Corsair Gaming, Inc. เริ่มในปี 2022 ➡️ Corsair ถูกกล่าวหาว่าโฆษณาความเร็ว RAM แบบ XMP โดยไม่แจ้งว่าเป็นการโอเวอร์คล็อก ➡️ RAM ทำงานที่ความเร็ว JEDEC โดยค่าเริ่มต้น ต้องเปิด XMP/EXPO ใน BIOS ✅ ผลการตกลงและการชดเชย ➡️ Corsair ยอมจ่ายเงินชดเชยรวม $5.5 ล้าน ➡️ จะปรับข้อความบนกล่องและหน้าเว็บให้ชัดเจนขึ้น ➡️ ผู้ซื้อในสหรัฐฯ ระหว่างปี 2018–2025 สามารถยื่นขอเงินคืนได้ ✅ วิธีการยื่นเคลม ➡️ ยื่นได้สูงสุด 5 รายการต่อคน ➡️ ไม่ต้องใช้ใบเสร็จสำหรับเคลมเล็ก ๆ ➡️ ยื่นผ่านเว็บไซต์ที่ศาลแต่งตั้งภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2025 ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ XMP/EXPO ➡️ XMP (Intel) และ EXPO (AMD) เป็นโปรไฟล์โอเวอร์คล็อกที่ต้องเปิดใช้งานใน BIOS ➡️ ความเร็วที่โฆษณาไม่ใช่ความเร็วที่ได้ทันทีหลังติดตั้ง ➡️ ความเสถียรขึ้นอยู่กับ CPU, เมนบอร์ด และคุณภาพของ RAM https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/corsair-lost-a-lawsuit-over-advertising-overclocked-memory-speeds-and-you-could-get-paid-the-settlement-covers-u-s-purchases-between-2018-and-2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Google ในหอพักถึง Searcha Page ข้างเครื่องซักผ้า

    ย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 Google เริ่มต้นจากเซิร์ฟเวอร์ที่ประกอบด้วย Duplo blocks ในหอพักมหาวิทยาลัย Stanford และมีฐานข้อมูลเพียง 24 ล้านหน้าเว็บ วันนี้ Google มีดัชนีมากกว่า 400 พันล้านรายการ และต้องใช้ศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมาเพื่อรองรับการค้นหาทั่วโลก

    แต่ Ryan Pearce นักพัฒนาที่เคยทำงานด้าน enterprise software และเกม กลับเลือกเส้นทางที่ต่างออกไป—เขาสร้าง Searcha Page และ Seek Ninja ซึ่งเป็น search engine แบบ self-hosted ที่ตั้งอยู่ในห้องซักผ้าของบ้านตัวเอง โดยใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าที่ประกอบจากชิ้นส่วนมือสอง และ CPU AMD EPYC 7532 รุ่นปี 2020 ที่ตอนนี้หาซื้อได้ในราคาต่ำกว่า $200

    ระบบของเขาไม่ใช้ cloud และไม่พึ่ง AI แบบสรุปผลลัพธ์ แต่ใช้ machine learning เพื่อขยายคำค้นหาและเข้าใจบริบทของผู้ใช้ ทำให้สามารถให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำโดยใช้ทรัพยากรเพียงเศษเสี้ยวของ Google

    แม้จะเริ่มจากเซิร์ฟเวอร์สองตัวที่วางบนเก้าอี้ในห้องซักผ้า และต้องเจาะผนังเพื่อเดินสาย LAN แต่ Pearce ก็สามารถสร้างฐานข้อมูลกว่า 2 พันล้านรายการ และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 4 พันล้านภายใน 6 เดือน โดยเขาเขียนโค้ดไปแล้วกว่า 150,000 บรรทัด และปรับแต่งมากกว่า 500,000 บรรทัดเพื่อให้ระบบทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่ง LLM

    การสร้าง Searcha Page และ Seek Ninja
    เป็น search engine แบบ self-hosted ที่ตั้งอยู่ในห้องซักผ้า
    ใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าพร้อม CPU AMD EPYC 7532 จำนวน 32 คอร์
    มีฐานข้อมูลกว่า 2 พันล้านรายการ และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 4 พันล้าน

    แนวทางการใช้ AI
    ไม่ใช้ LLM หรือ AI ที่สรุปผลลัพธ์
    ใช้ machine learning เพื่อขยายคำค้นหาและเข้าใจบริบท
    ลดการพึ่งพาโมเดลใหญ่เพื่อให้ระบบเบาและควบคุมได้

    การออกแบบระบบและการตั้งค่า
    เซิร์ฟเวอร์วางบนเก้าอี้ในห้องซักผ้า พร้อมเจาะผนังเดินสาย LAN
    มีระบบระบายความร้อนแบบ DIY ด้วยท่ออากาศ
    เคยวางในห้องนอนแต่ร้อนเกินไปจนต้องย้าย

    ความสามารถของระบบ
    ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำแม้ใช้ทรัพยากรน้อย
    มีความเร็วในการค้นหาที่ดีขึ้นในช่วงหลัง
    รองรับการใช้งานจริงผ่านเว็บไซต์ Searcha Page และ Seek Ninja

    แผนในอนาคต
    อาจย้ายระบบไปยังศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กใกล้บ้าน
    ไม่ต้องการใช้ cloud และต้องการควบคุมระบบเอง
    ใช้รายได้จาก affiliate ads เพื่อสนับสนุนการพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/software/search-engines/ai-driven-search-engine-running-inside-a-laundry-room-aims-to-rival-google-and-you-can-try-it-yourself-programmer-harnesses-old-server-parts-and-ai-to-deliver-quality-results
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Google ในหอพักถึง Searcha Page ข้างเครื่องซักผ้า ย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 Google เริ่มต้นจากเซิร์ฟเวอร์ที่ประกอบด้วย Duplo blocks ในหอพักมหาวิทยาลัย Stanford และมีฐานข้อมูลเพียง 24 ล้านหน้าเว็บ วันนี้ Google มีดัชนีมากกว่า 400 พันล้านรายการ และต้องใช้ศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมาเพื่อรองรับการค้นหาทั่วโลก แต่ Ryan Pearce นักพัฒนาที่เคยทำงานด้าน enterprise software และเกม กลับเลือกเส้นทางที่ต่างออกไป—เขาสร้าง Searcha Page และ Seek Ninja ซึ่งเป็น search engine แบบ self-hosted ที่ตั้งอยู่ในห้องซักผ้าของบ้านตัวเอง โดยใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าที่ประกอบจากชิ้นส่วนมือสอง และ CPU AMD EPYC 7532 รุ่นปี 2020 ที่ตอนนี้หาซื้อได้ในราคาต่ำกว่า $200 ระบบของเขาไม่ใช้ cloud และไม่พึ่ง AI แบบสรุปผลลัพธ์ แต่ใช้ machine learning เพื่อขยายคำค้นหาและเข้าใจบริบทของผู้ใช้ ทำให้สามารถให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำโดยใช้ทรัพยากรเพียงเศษเสี้ยวของ Google แม้จะเริ่มจากเซิร์ฟเวอร์สองตัวที่วางบนเก้าอี้ในห้องซักผ้า และต้องเจาะผนังเพื่อเดินสาย LAN แต่ Pearce ก็สามารถสร้างฐานข้อมูลกว่า 2 พันล้านรายการ และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 4 พันล้านภายใน 6 เดือน โดยเขาเขียนโค้ดไปแล้วกว่า 150,000 บรรทัด และปรับแต่งมากกว่า 500,000 บรรทัดเพื่อให้ระบบทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่ง LLM ✅ การสร้าง Searcha Page และ Seek Ninja ➡️ เป็น search engine แบบ self-hosted ที่ตั้งอยู่ในห้องซักผ้า ➡️ ใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าพร้อม CPU AMD EPYC 7532 จำนวน 32 คอร์ ➡️ มีฐานข้อมูลกว่า 2 พันล้านรายการ และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 4 พันล้าน ✅ แนวทางการใช้ AI ➡️ ไม่ใช้ LLM หรือ AI ที่สรุปผลลัพธ์ ➡️ ใช้ machine learning เพื่อขยายคำค้นหาและเข้าใจบริบท ➡️ ลดการพึ่งพาโมเดลใหญ่เพื่อให้ระบบเบาและควบคุมได้ ✅ การออกแบบระบบและการตั้งค่า ➡️ เซิร์ฟเวอร์วางบนเก้าอี้ในห้องซักผ้า พร้อมเจาะผนังเดินสาย LAN ➡️ มีระบบระบายความร้อนแบบ DIY ด้วยท่ออากาศ ➡️ เคยวางในห้องนอนแต่ร้อนเกินไปจนต้องย้าย ✅ ความสามารถของระบบ ➡️ ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำแม้ใช้ทรัพยากรน้อย ➡️ มีความเร็วในการค้นหาที่ดีขึ้นในช่วงหลัง ➡️ รองรับการใช้งานจริงผ่านเว็บไซต์ Searcha Page และ Seek Ninja ✅ แผนในอนาคต ➡️ อาจย้ายระบบไปยังศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กใกล้บ้าน ➡️ ไม่ต้องการใช้ cloud และต้องการควบคุมระบบเอง ➡️ ใช้รายได้จาก affiliate ads เพื่อสนับสนุนการพัฒนา https://www.tomshardware.com/software/search-engines/ai-driven-search-engine-running-inside-a-laundry-room-aims-to-rival-google-and-you-can-try-it-yourself-programmer-harnesses-old-server-parts-and-ai-to-deliver-quality-results
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเทปแม่เหล็กถึงเทปพันธุกรรม: เมื่อ DNA กลายเป็นสื่อบันทึกข้อมูลแห่งอนาคต

    ทีมนักวิจัยจาก SUSTech และ Shanghai Jiao Tong University ได้พัฒนา “DNA cassette tape drive” ที่รวมความทนทานของ DNA เข้ากับความสามารถในการจัดการของเทปแม่เหล็กแบบเก่า โดยใช้เส้นฟิล์มโพลีเอสเตอร์-ไนลอนขนาด 3.5 มม. ที่มีบาร์โค้ดความหนาแน่นสูงเป็นตำแหน่งไฟล์ และสามารถหมุนได้เหมือนเทปจริง

    ข้อมูลถูกเข้ารหัสลงในสาย DNA สังเคราะห์ แล้วบรรจุลงในเทปผ่านระบบจัดการของเหลวภายในเครื่องขนาดเท่ากล่องข้าว ซึ่งมีมอเตอร์, ไมโครคอนโทรลเลอร์ และเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบออปติคัล การอ่านข้อมูลใช้การ sequencing ส่วนการเขียนใช้การสังเคราะห์ DNA ซึ่งยังช้าอยู่มาก—ไฟล์ขนาด 156.6KB ใช้เวลาอ่าน 25 นาที และเขียนอีก 50 นาที

    แม้ความเร็วจะยังต่ำ แต่ความทนทานของระบบนี้ถือว่าน่าทึ่ง: DNA ถูกห่อหุ้มด้วยเปลือก ZIF (zeolitic imidazolate framework) ที่ป้องกันน้ำ, รังสี UV และการออกซิเดชัน ทำให้สามารถเก็บไว้ได้กว่า 300 ปีที่อุณหภูมิห้อง และหลายหมื่นปีในที่เย็น

    ในเชิงทฤษฎี เทปขนาด 1 กิโลเมตรสามารถมี partition ได้มากกว่า 500,000 จุด และแต่ละจุดเก็บข้อมูลได้ครึ่งเทราไบต์ ทำให้ความหนาแน่นรวมสูงถึง 362 เพตะไบต์ต่อกิโลเมตร ซึ่งเหนือกว่าสื่อบันทึกใด ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

    แนวคิดและการออกแบบ DNA Tape Drive
    ใช้เทปโพลีเอสเตอร์-ไนลอนขนาด 3.5 มม. พร้อมบาร์โค้ดเป็นตำแหน่งไฟล์
    ข้อมูลถูกเข้ารหัสลงใน DNA สังเคราะห์และบรรจุผ่านระบบของเหลว
    เครื่องอ่านมีขนาดเท่ากล่องข้าว พร้อมมอเตอร์และ optical reader

    ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล
    เทปขนาด 9 เมตรมี 5,000 track และสามารถ scale ได้ถึง 500,000 track ต่อกิโลเมตร
    ความหนาแน่นสูงสุด 362 PB ต่อกิโลเมตร
    แต่ในการทดลองจริง เขียนได้เพียง 156.6KB ต่อชั่วโมง

    ความทนทานของ DNA Storage
    DNA ถูกห่อด้วยเปลือก ZIF ที่ป้องกันน้ำ, UV และออกซิเดชัน
    อายุการเก็บรักษา >300 ปีที่อุณหภูมิห้อง และหลายหมื่นปีในที่เย็น
    เปลือกสามารถลอกและใส่ใหม่ได้โดยไม่ทำลาย DNA

    ข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้าง
    สามารถค้นหา track ได้ถึง 1,570 ตำแหน่งต่อวินาที
    มีความสามารถในการ rewrite แบบอัตโนมัติ
    ไม่ต้องใช้พลังงานในการเก็บรักษาเมื่อไม่ใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/dna-cassette-tape
    🎙️ เรื่องเล่าจากเทปแม่เหล็กถึงเทปพันธุกรรม: เมื่อ DNA กลายเป็นสื่อบันทึกข้อมูลแห่งอนาคต ทีมนักวิจัยจาก SUSTech และ Shanghai Jiao Tong University ได้พัฒนา “DNA cassette tape drive” ที่รวมความทนทานของ DNA เข้ากับความสามารถในการจัดการของเทปแม่เหล็กแบบเก่า โดยใช้เส้นฟิล์มโพลีเอสเตอร์-ไนลอนขนาด 3.5 มม. ที่มีบาร์โค้ดความหนาแน่นสูงเป็นตำแหน่งไฟล์ และสามารถหมุนได้เหมือนเทปจริง ข้อมูลถูกเข้ารหัสลงในสาย DNA สังเคราะห์ แล้วบรรจุลงในเทปผ่านระบบจัดการของเหลวภายในเครื่องขนาดเท่ากล่องข้าว ซึ่งมีมอเตอร์, ไมโครคอนโทรลเลอร์ และเครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบออปติคัล การอ่านข้อมูลใช้การ sequencing ส่วนการเขียนใช้การสังเคราะห์ DNA ซึ่งยังช้าอยู่มาก—ไฟล์ขนาด 156.6KB ใช้เวลาอ่าน 25 นาที และเขียนอีก 50 นาที แม้ความเร็วจะยังต่ำ แต่ความทนทานของระบบนี้ถือว่าน่าทึ่ง: DNA ถูกห่อหุ้มด้วยเปลือก ZIF (zeolitic imidazolate framework) ที่ป้องกันน้ำ, รังสี UV และการออกซิเดชัน ทำให้สามารถเก็บไว้ได้กว่า 300 ปีที่อุณหภูมิห้อง และหลายหมื่นปีในที่เย็น ในเชิงทฤษฎี เทปขนาด 1 กิโลเมตรสามารถมี partition ได้มากกว่า 500,000 จุด และแต่ละจุดเก็บข้อมูลได้ครึ่งเทราไบต์ ทำให้ความหนาแน่นรวมสูงถึง 362 เพตะไบต์ต่อกิโลเมตร ซึ่งเหนือกว่าสื่อบันทึกใด ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ✅ แนวคิดและการออกแบบ DNA Tape Drive ➡️ ใช้เทปโพลีเอสเตอร์-ไนลอนขนาด 3.5 มม. พร้อมบาร์โค้ดเป็นตำแหน่งไฟล์ ➡️ ข้อมูลถูกเข้ารหัสลงใน DNA สังเคราะห์และบรรจุผ่านระบบของเหลว ➡️ เครื่องอ่านมีขนาดเท่ากล่องข้าว พร้อมมอเตอร์และ optical reader ✅ ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล ➡️ เทปขนาด 9 เมตรมี 5,000 track และสามารถ scale ได้ถึง 500,000 track ต่อกิโลเมตร ➡️ ความหนาแน่นสูงสุด 362 PB ต่อกิโลเมตร ➡️ แต่ในการทดลองจริง เขียนได้เพียง 156.6KB ต่อชั่วโมง ✅ ความทนทานของ DNA Storage ➡️ DNA ถูกห่อด้วยเปลือก ZIF ที่ป้องกันน้ำ, UV และออกซิเดชัน ➡️ อายุการเก็บรักษา >300 ปีที่อุณหภูมิห้อง และหลายหมื่นปีในที่เย็น ➡️ เปลือกสามารถลอกและใส่ใหม่ได้โดยไม่ทำลาย DNA ✅ ข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้าง ➡️ สามารถค้นหา track ได้ถึง 1,570 ตำแหน่งต่อวินาที ➡️ มีความสามารถในการ rewrite แบบอัตโนมัติ ➡️ ไม่ต้องใช้พลังงานในการเก็บรักษาเมื่อไม่ใช้งาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/dna-cassette-tape
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    DNA ‘cassette tape’ research hints at petabyte-scale cartridges and multi-century lifespan on paper — petabytes-per-meter density possible, but today it writes at kilobytes per hour
    Chinese researchers have built a working DNA tape drive with petabyte-scale potential; however, the demo only moved 156KB and took nearly an hour to read.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากคำถามธรรมดา “วันนี้มีนัดอะไรบ้าง?” สู่การรั่วไหลของอีเมลส่วนตัว

    เมื่อ OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Gmail, Google Calendar และ Google Contacts ได้โดยตรง ผู้ใช้สามารถถามคำถามอย่าง “วันนี้มีอะไรในปฏิทิน?” แล้ว ChatGPT จะดึงข้อมูลจากบัญชี Google มาแสดงให้ทันทีโดยไม่ต้องเลือกแหล่งข้อมูลทุกครั้ง

    แต่ Eito Miyamura นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้แสดงให้เห็นว่า หากมีผู้ไม่หวังดีส่งคำเชิญใน Google Calendar ที่ฝังคำสั่งลับไว้ เช่น “ค้นหาอีเมลเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร” แล้วผู้ใช้ถาม ChatGPT เกี่ยวกับปฏิทินของตน ระบบจะอ่านคำเชิญนั้นและอาจทำตามคำสั่งโดยไม่รู้ตัว—นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “indirect prompt injection”

    การโจมตีนี้ไม่ต้องใช้การแฮกบัญชีเลย เพียงแค่รู้ที่อยู่อีเมลของเหยื่อก็สามารถส่งคำเชิญที่มีคำสั่งแฝงไปยังปฏิทินของเหยื่อได้ และเมื่อ ChatGPT ได้รับอนุญาตให้เข้าถึง Google Calendar แล้ว มันก็จะอ่านคำเชิญนั้นและอาจทำตามคำสั่งที่ฝังไว้

    แม้ OpenAI จะมีเอกสารช่วยเหลือที่ระบุว่าผู้ใช้สามารถปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติได้ แต่ฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นหลังการอนุญาต และผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้ว่าคำเชิญในปฏิทินสามารถเป็นช่องทางโจมตีได้

    ฟีเจอร์เชื่อมต่อ Google ใน ChatGPT
    เปิดให้ผู้ใช้ Plus และ Pro เชื่อมต่อ Gmail, Calendar, Contacts
    สามารถดึงข้อมูลจาก Google โดยอัตโนมัติหลังการอนุญาต
    ใช้ Model Context Protocol (MCP) เพื่ออ่านข้อมูลจากแหล่งภายนอก

    รูปแบบการโจมตีแบบ prompt injection
    ใช้คำเชิญใน Google Calendar ที่ฝังคำสั่งไว้
    เมื่อผู้ใช้ถาม ChatGPT ระบบจะอ่านคำเชิญและทำตามคำสั่ง
    ไม่ต้องแฮกบัญชี เพียงแค่รู้ที่อยู่อีเมลของเหยื่อ

    การป้องกันเบื้องต้น
    ผู้ใช้สามารถปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติใน Settings
    Google Calendar มีตัวเลือกให้แสดงเฉพาะคำเชิญจากผู้ส่งที่รู้จัก
    ผู้ดูแลระบบ Google Workspace สามารถตั้งค่าความปลอดภัยระดับองค์กร

    ตัวอย่างการโจมตีในระบบอื่น
    นักวิจัยเคยแสดงให้เห็นว่า Google Gemini สามารถถูกควบคุมผ่านคำเชิญ
    เอกสาร “Invitation Is All You Need” อธิบายการโจมตีแบบเดียวกัน
    การโจมตีแบบนี้สามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์ smart-home หรือขโมยข้อมูล

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/researcher-shows-how-comprimised-calendar-invite-can-hijack-chatgpt
    🎙️ เรื่องเล่าจากคำถามธรรมดา “วันนี้มีนัดอะไรบ้าง?” สู่การรั่วไหลของอีเมลส่วนตัว เมื่อ OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Gmail, Google Calendar และ Google Contacts ได้โดยตรง ผู้ใช้สามารถถามคำถามอย่าง “วันนี้มีอะไรในปฏิทิน?” แล้ว ChatGPT จะดึงข้อมูลจากบัญชี Google มาแสดงให้ทันทีโดยไม่ต้องเลือกแหล่งข้อมูลทุกครั้ง แต่ Eito Miyamura นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้แสดงให้เห็นว่า หากมีผู้ไม่หวังดีส่งคำเชิญใน Google Calendar ที่ฝังคำสั่งลับไว้ เช่น “ค้นหาอีเมลเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร” แล้วผู้ใช้ถาม ChatGPT เกี่ยวกับปฏิทินของตน ระบบจะอ่านคำเชิญนั้นและอาจทำตามคำสั่งโดยไม่รู้ตัว—นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “indirect prompt injection” การโจมตีนี้ไม่ต้องใช้การแฮกบัญชีเลย เพียงแค่รู้ที่อยู่อีเมลของเหยื่อก็สามารถส่งคำเชิญที่มีคำสั่งแฝงไปยังปฏิทินของเหยื่อได้ และเมื่อ ChatGPT ได้รับอนุญาตให้เข้าถึง Google Calendar แล้ว มันก็จะอ่านคำเชิญนั้นและอาจทำตามคำสั่งที่ฝังไว้ แม้ OpenAI จะมีเอกสารช่วยเหลือที่ระบุว่าผู้ใช้สามารถปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติได้ แต่ฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นหลังการอนุญาต และผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้ว่าคำเชิญในปฏิทินสามารถเป็นช่องทางโจมตีได้ ✅ ฟีเจอร์เชื่อมต่อ Google ใน ChatGPT ➡️ เปิดให้ผู้ใช้ Plus และ Pro เชื่อมต่อ Gmail, Calendar, Contacts ➡️ สามารถดึงข้อมูลจาก Google โดยอัตโนมัติหลังการอนุญาต ➡️ ใช้ Model Context Protocol (MCP) เพื่ออ่านข้อมูลจากแหล่งภายนอก ✅ รูปแบบการโจมตีแบบ prompt injection ➡️ ใช้คำเชิญใน Google Calendar ที่ฝังคำสั่งไว้ ➡️ เมื่อผู้ใช้ถาม ChatGPT ระบบจะอ่านคำเชิญและทำตามคำสั่ง ➡️ ไม่ต้องแฮกบัญชี เพียงแค่รู้ที่อยู่อีเมลของเหยื่อ ✅ การป้องกันเบื้องต้น ➡️ ผู้ใช้สามารถปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติใน Settings ➡️ Google Calendar มีตัวเลือกให้แสดงเฉพาะคำเชิญจากผู้ส่งที่รู้จัก ➡️ ผู้ดูแลระบบ Google Workspace สามารถตั้งค่าความปลอดภัยระดับองค์กร ✅ ตัวอย่างการโจมตีในระบบอื่น ➡️ นักวิจัยเคยแสดงให้เห็นว่า Google Gemini สามารถถูกควบคุมผ่านคำเชิญ ➡️ เอกสาร “Invitation Is All You Need” อธิบายการโจมตีแบบเดียวกัน ➡️ การโจมตีแบบนี้สามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์ smart-home หรือขโมยข้อมูล https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/researcher-shows-how-comprimised-calendar-invite-can-hijack-chatgpt
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Compromised Google Calendar invites can hijack ChatGPT’s Gmail connector and leak emails
    X user highlights how malicious calendar events could exploit ChatGPT’s new Google integrations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วีระ สมความคิด” เปิดโปงการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย–กัมพูชาที่เกาะกง ชี้การเข้าร่วมของ “พล.อ.ณัฐพล” ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะยังเป็นแค่รัฐมนตรีรักษาการ ระบุเป็นการยอมรับอธิปไตยกัมพูชาโดยปริยาย ย้ำเตรียมฟ้องทั้ง “พล.อ.ณัฐพล-นายกฯ อนุทิน”

    อานต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087990

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    “วีระ สมความคิด” เปิดโปงการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย–กัมพูชาที่เกาะกง ชี้การเข้าร่วมของ “พล.อ.ณัฐพล” ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะยังเป็นแค่รัฐมนตรีรักษาการ ระบุเป็นการยอมรับอธิปไตยกัมพูชาโดยปริยาย ย้ำเตรียมฟ้องทั้ง “พล.อ.ณัฐพล-นายกฯ อนุทิน” อานต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087990 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ่อค้าแม่ค้ารู้...ถุงดีคือกำไรที่มองไม่เห็นขายของเยอะ ใช้ถุงเยอะ... ต้องหาถุงดี ๆ แล้วล่ะถุง HD ตัดตรง ถุงรุ่นนี้ เป็นที่นิยมอีกตัวของพ่อค้าแม่ค้าค่ะ จะมีความขุ่นเล็กน้อย ใช้ใส่ของร้อนก็ได้ ของเย็นก็ได้ เอนกประสงค์เลยค่าาาใช้ใส่ของแห้งใช้ใส่ของเปียกใช้ใส่ของร้อนใช้ใส่กำไรชีวิตก็ได้นะเธอยกเว้น ใช้ใส่ใจเธอ นี่ยังไม่ด้ายยยยนี่เลยค่ะ ถุงนี้ครึ่งโล ได้หลายใบ ใส่ของได้ยันลูกบวช (่อ่ะล้อเล่น) ถุง HD ตัดตรง ตราปู ใช้แล้วจบ! ไม่ต้องคิดเยอะ ทักมารัว ๆ ที่ KinJubJib Shop. ⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าถุง HD ตัดตรง สีขุ่นเล็กน้อย ตราปูใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSS5jrA67/ถุง HD ตัดตรง สีขุ่นเล็กน้อย ตราปู ใน Shopee https://th.shp.ee/HXkKmfy https://th.shp.ee/e9DwVYbเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ #คือจึ้งมาก #คือเจ๋งมาก #คืออร่อย #คือดีย์#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลากระพงทุบ #ปลากระพงทุบ #อร่อยกี่โมง #กะปิเคย #หมึกกะตอย #ปลาทูมัน #ปลาทูหอม #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาจิ้งจั้งทอด #หมึกกะตอยแห้ง #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น
    พ่อค้าแม่ค้ารู้...ถุงดีคือกำไรที่มองไม่เห็นขายของเยอะ ใช้ถุงเยอะ... ต้องหาถุงดี ๆ แล้วล่ะถุง HD ตัดตรง ถุงรุ่นนี้ เป็นที่นิยมอีกตัวของพ่อค้าแม่ค้าค่ะ จะมีความขุ่นเล็กน้อย ใช้ใส่ของร้อนก็ได้ ของเย็นก็ได้ เอนกประสงค์เลยค่าาาใช้ใส่ของแห้งใช้ใส่ของเปียกใช้ใส่ของร้อนใช้ใส่กำไรชีวิตก็ได้นะเธอยกเว้น ใช้ใส่ใจเธอ นี่ยังไม่ด้ายยยยนี่เลยค่ะ ถุงนี้ครึ่งโล ได้หลายใบ ใส่ของได้ยันลูกบวช (่อ่ะล้อเล่น)📦 ถุง HD ตัดตรง ตราปู🎯 ใช้แล้วจบ! ไม่ต้องคิดเยอะ💬 ทักมารัว ๆ ที่ KinJubJib Shop. 🌶️♨️⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าถุง HD ตัดตรง สีขุ่นเล็กน้อย ตราปูใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSS5jrA67/ถุง HD ตัดตรง สีขุ่นเล็กน้อย ตราปู ใน Shopee https://th.shp.ee/HXkKmfy https://th.shp.ee/e9DwVYbเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ #คือจึ้งมาก #คือเจ๋งมาก #คืออร่อย #คือดีย์#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลากระพงทุบ #ปลากระพงทุบ #อร่อยกี่โมง #กะปิเคย #หมึกกะตอย #ปลาทูมัน #ปลาทูหอม #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาจิ้งจั้งทอด #หมึกกะตอยแห้ง #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่คลิ้ง วัดถลุงทอง จ.นครศรีธรรมราช
    เหรียญหลวงปู่คลิ้ง วัดถลุงทอง จ.นครศรีธรรมราช // พระดีพิธีขลัง !! หายาก จัดสร้างจำนวนน้อย // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** พ่อท่านคลิ้ง จันทสิริ พระอริยสงฆ์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาสูงส่งและมีอายุยืนยาวรูปหนึ่ง ท่านเกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2429 และมรณภาพในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2533 สิริอายุรวมเกือบ 104 ปี และยังใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตในสมณเพศ เพื่อสืบสานพระบวรพุทธศาสนายาวนานถึง 97 พรรษา โดยตั้งแต่บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 8 ปี ในปี พ.ศ.2435 แล้วครองเพศบรรพชิตมาตลอดจนอายุครบบวชจึงอุปสมบทในปี พ.ศ.2447 ปัจจุบัน สรีระของท่านยังคงไม่เน่าเปื่อย และได้รับการบรรจุโลงแก้วไว้ เพื่อให้สาธุชนได้กราบไหว้สักการะสืบไป >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่คลิ้ง วัดถลุงทอง จ.นครศรีธรรมราช เหรียญหลวงปู่คลิ้ง วัดถลุงทอง จ.นครศรีธรรมราช // พระดีพิธีขลัง !! หายาก จัดสร้างจำนวนน้อย // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** พ่อท่านคลิ้ง จันทสิริ พระอริยสงฆ์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาสูงส่งและมีอายุยืนยาวรูปหนึ่ง ท่านเกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2429 และมรณภาพในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2533 สิริอายุรวมเกือบ 104 ปี และยังใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตในสมณเพศ เพื่อสืบสานพระบวรพุทธศาสนายาวนานถึง 97 พรรษา โดยตั้งแต่บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 8 ปี ในปี พ.ศ.2435 แล้วครองเพศบรรพชิตมาตลอดจนอายุครบบวชจึงอุปสมบทในปี พ.ศ.2447 ปัจจุบัน สรีระของท่านยังคงไม่เน่าเปื่อย และได้รับการบรรจุโลงแก้วไว้ เพื่อให้สาธุชนได้กราบไหว้สักการะสืบไป >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/OH47KQeurtM?si=pj9r4X0G22ASbUQE
    https://youtu.be/OH47KQeurtM?si=pj9r4X0G22ASbUQE
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • แสงสุดท้ายของเย็นนี้ที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲

    𝐖𝐞 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐚 𝐬𝐧𝐚𝐩𝐬𝐡𝐨𝐭 𝐟𝐨𝐫 𝐲𝐨𝐮

    ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น.
    • Call: 065-081-0581
    รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้
    ...................................
    #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover #sky
    🌅 แสงสุดท้ายของเย็นนี้ที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲 ⛱️ 𝐖𝐞 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐚 𝐬𝐧𝐚𝐩𝐬𝐡𝐨𝐭 𝐟𝐨𝐫 𝐲𝐨𝐮 📷 🧡 📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น. • Call: 065-081-0581 🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้ ................................... #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover #sky
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • โมเดลแห่งความสุข กับโทสต์สุดอร่อยกับเราที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲

    𝐎𝐮𝐫 𝐭𝐨𝐚𝐬𝐭, 𝐚 𝐭𝐫𝐮𝐞 𝐦𝐨𝐝𝐞𝐥 𝐨𝐟 𝐡𝐚𝐩𝐩𝐢𝐧𝐞𝐬𝐬 𝐨𝐧 𝐩𝐥𝐚𝐭𝐞!

    ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น.
    • Call: 065-081-0581
    รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้
    ...................................
    #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylove
    โมเดลแห่งความสุข กับโทสต์สุดอร่อยกับเราที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲⛱️ 𝐎𝐮𝐫 𝐭𝐨𝐚𝐬𝐭, 𝐚 𝐭𝐫𝐮𝐞 𝐦𝐨𝐝𝐞𝐥 𝐨𝐟 𝐡𝐚𝐩𝐩𝐢𝐧𝐞𝐬𝐬 𝐨𝐧 𝐩𝐥𝐚𝐭𝐞! 🥞🍒 📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น. • Call: 065-081-0581 🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้ ................................... #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylove
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิ ถามแรง ไร้เดียงสาหรือโง่!!! หลังบิ๊กเล็กจับมือลิ่วล้อฮุนเซน (14/9/68)

    #บิ๊กเล็ก
    #ลิ่วล้อฮุนเซน
    #สนธิลั่น
    #ไร้เดียงสาหรือโง่
    #เพื่อแผ่นดินไทย
    #ข่าววันนี้
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    สนธิ ถามแรง ไร้เดียงสาหรือโง่!!! หลังบิ๊กเล็กจับมือลิ่วล้อฮุนเซน (14/9/68) #บิ๊กเล็ก #ลิ่วล้อฮุนเซน #สนธิลั่น #ไร้เดียงสาหรือโง่ #เพื่อแผ่นดินไทย #ข่าววันนี้ #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • คนไทยอยากรู้ เจรจากับเขมร “ที่ไม่เคยรักษาสัจจะ” เพื่อ!!! (14/9/68)

    #เขมรไม่รักษาสัจจะ
    #เพื่ออะไร
    #เจรจาแบบไหน
    #เพื่อแผ่นดินไทย
    #ข่าววันนี้
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    คนไทยอยากรู้ เจรจากับเขมร “ที่ไม่เคยรักษาสัจจะ” เพื่อ!!! (14/9/68) #เขมรไม่รักษาสัจจะ #เพื่ออะไร #เจรจาแบบไหน #เพื่อแผ่นดินไทย #ข่าววันนี้ #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “เหลี่ยม ญี่ปุ่น” ท่ามกลางชายแดน (14/9/68)

    #ญี่ปุ่นที่ชายแดน
    #เหลี่ยมทางการทูต
    #เกมส์ชายแดน
    #ข่าววันนี้
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    “เหลี่ยม ญี่ปุ่น” ท่ามกลางชายแดน (14/9/68) #ญี่ปุ่นที่ชายแดน #เหลี่ยมทางการทูต #เกมส์ชายแดน #ข่าววันนี้ #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เพราะแบบนี้ใช่ไหม ถึง “กระหาย” อยากเปิดด่าน จันทบุรี ตราด!!! (14/9/68)

    #เปิดด่านจันทบุรี
    #ด่านตราด
    #ผลประโยชน์ข้ามพรมแดน
    #สงสัยในเจตนา
    #ข่าววันนี้
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    เพราะแบบนี้ใช่ไหม ถึง “กระหาย” อยากเปิดด่าน จันทบุรี ตราด!!! (14/9/68) #เปิดด่านจันทบุรี #ด่านตราด #ผลประโยชน์ข้ามพรมแดน #สงสัยในเจตนา #ข่าววันนี้ #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • จุ๊จุ๊ สำหรับคลิปนี้ คนไทยดูได้ เขมรห้ามดู กลัวสูจะช็อก (14/9/68)

    #เขมรห้ามดู
    #คนไทยดูได้
    #ข่าวชายแดน
    #บอกความจริง
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    จุ๊จุ๊ สำหรับคลิปนี้ คนไทยดูได้ เขมรห้ามดู กลัวสูจะช็อก (14/9/68) #เขมรห้ามดู #คนไทยดูได้ #ข่าวชายแดน #บอกความจริง #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ทหารสาวไทย เผยนาทีพบเจ้าถิ่นที่ภูมะเขือ ใจไม่ถึงห้ามดู (14/9/68)

    #ภูมะเขือ
    #ทหารหญิงไทย
    #ชายแดนไทย
    #ข่าวด่วนชายแดน
    #เจ้าถิ่นเขมร
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    ทหารสาวไทย เผยนาทีพบเจ้าถิ่นที่ภูมะเขือ ใจไม่ถึงห้ามดู (14/9/68) #ภูมะเขือ #ทหารหญิงไทย #ชายแดนไทย #ข่าวด่วนชายแดน #เจ้าถิ่นเขมร #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 10 – ล้อมเข้าคอก
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 10 : ล้อมเข้าคอก
    อีกงานหนึ่งที่มูลนิธิ Rockefeller ทำไปพร้อมๆ กัน คือการคิดหลักสูตรใหม่ในมหาวิทยาลัย ชั้นนำของอเมริกา คือหลักสูตร International Relations ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขามอบให้ มหาวิทยาลัย Yale เริ่มศึกษาคิดหลักสูตรนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1930 โดยมูลนิธิควักกระเป๋าเช่นเคย ในที่สุดในปี ค.ศ.1935 Yale Institute of International Studies ก็เกิดขึ้น และต่อมา Yale Institute นี้ ได้ร่วมทำงานกับรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน State Department, War Department และ Board of Economic Warfare รับหน้าที่อบรมให้กองทัพอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่ง Yale Institute ก็ตั้ง School of Asiatic Studies ในปี ค.ศ.1945 เพื่อเตรียมตัวกองทัพในการรับมือกับภาระกิจที่จะเกิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล หรือพูดให้ชัดเป็นไปตามที่ CFR วางแผนไว้
    ทั้งหมดนี้ มูลนิธิ Rockefeller วางยุทธศาสตร์การดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันองค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หรือผู้นำทางสังคม มีความเข้าใจ มองโลก และมองบทบาทของอเมริกา ตามที่พี่เลี้ยง CFR กำหนดไว้ และสถาบันเหล่านี้จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือและ มีความเห็นคล้อยตาม เขาเรียกโครงการนี้ว่า Scientific Management of Society มันเป็นการสร้างพื้นฐานความคิดให้แก่สังคม หรือการสร้างคอกล้อมความคิดของสังคมเพื่อให้คิดอย่างที่นายทุนนักล่า ต้องการให้สังคมเห็นด้วยคล้อยตาม มันคือการฟอกย้อมความคิด สร้างทั้งคอก มีเชือกผูกคอ ไว้ลากจูงเสร็จ มันเป็นงานใหญ่ที่เอาไว้ใช้ครอบคลุมคนทั้งโลก ทุกชนชั้น และเกือบทุกอาชีพ เขาเริ่มโครงการสร้างคอกในบ้านก่อน จึงไม่น่าแปลกใจว่าแม้คนอเมริกันเองก็ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของตนเอง
    เมื่อจัดการวางแผนสร้างคอกในบ้านแล้ว ก็เริ่มโครงการสร้างคอกนอกบ้านทางอ้อม ตั้งแต่ ค.ศ.1934 เป็นต้นมา ทั้งมูลนิธิ Rockefeller, มูลนิธิ Ford และ Caregie ต่างช่วยกันสนับสนุนเงินทุนในการศึกษาโครงการ Area Studies ในวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศที่เป็น non-western วิชานี้ เดิมเริ่มมาจากหลักสูตรที่คิดขึ้นโดยสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งแสดงการแบ่งแยกชัดเจนว่า เป็นเรา (ตะวันตก) เป็นเขา (ตะวันออก) และมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้อยู่ในสถานะสูงกว่า (นายเหนือและขี้ข้า) อย่างชัดเจน พี่เลี้ยงบอกว่าวิธีการสอนแบบนี้ มันคงไม่ได้ผล เราจะหลอกต้มเขา เราต้องทำให้เนียน บอกแล้วเราต้องพรางตัว เราคิดหลักสูตรใหม่แล้วกัน สอนแบบอื่น ให้ได้ผลเหมือนกันน่ะ ให้เราก็ยังคุมเขา เป็นนายเขา เหมือนเดิมโดยเขาไม่รู้ตัว เราต้องทำให้เขาคิดว่า ถ้าเขาคิดแบบเรา มีความรู้แบบเรา แล้วจะทำให้เขาเหมือนเรา เป็นที่ยอมรับของเราน่ะ ทำได้ไหม แค่ใส่ความคิดให้เขาน่ะ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    ในที่สุดโดยเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิใจกว้างทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ตั้งแต่ University of Chicago, Columbia, North Carolina, Harvard, Yale, Virginia, Texas, Stanford etc. ต่างก็นำนโยบายของพี่เลี้ยง CFR ไปตั้งหลักสูตรทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปปรับความคิด จัดการฟอกย้อมสังคมโดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของอเมริกาสำเร็จ
    อันที่จริงหลักสูตรการสร้างคอกนี้ ไม่ใช่ทำอยู่แต่ในอเมริกาเท่านั้น ช่วงระหว่าง ค.ศ.1919 – 1940 หลักสูตรการสร้างคอกนี้ ขยายไปถึงอังกฤษผ่านการสนับสนุน ทางการเงินแก่ London School of Economics, the Graduate Institute of International Studies ในสวิส, the Centre dEtudies Politiqnes Etrangeres ในฝรั่งเศส รวมทั้งใน Norway, Sweden, Denmark, Germany และ Holland เขาสร้างหลักสูตรวิชารัฐศาสตร์ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ, สังคมวิทยา ฯลฯ ตามทฤษฎีของอเมริกา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม มันเป็นการฝั่งรากความคิดเกี่ยวกับสังคม/การเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องถือว่าการสร้างคอกความคิด ทำได้สำเร็จ คอกยาวล้อมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนไม่สำคัญ เพราะอัดสำเนา ถ่ายก็อปบี้มาเหมือนกันหมด
    ทั้งหมดนี้เป็นการให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน และให้โดยตรงกับนักศึกษา ส่วนผู้สนับสนุนเงินทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีอยู่ไม่กี่เจ้าแต่เอาจริงกระเป๋าหนัก เพื่อการครองโลกของเขา Rockefeller Foundation, Carnegie Foundation, Ford Foundation etc.
    ในบ้านเราหลักสูตรการล้อมคอกนี้ มีสอนอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นมาก น่าจะเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะอาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ได้ทุนจากสถาบันต่างๆ ของอเมริกา ตามแนวทางสร้างคอก แต่ถึงจะจบจากประเทศไหนก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะอย่างว่าใช้ก็อปบี้สำเนาเดียวกัน ส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีและไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ช่วงหลังๆ ใส่ผงชูรสจัดเข้าไปตามใบสั่งบวกกับใบเสร็จ และในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะ 10 – 20 ปี หลังนี้ ก็มีหลักสูตรเช่นนี้ด้วย
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 10 – ล้อมเข้าคอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 10 : ล้อมเข้าคอก อีกงานหนึ่งที่มูลนิธิ Rockefeller ทำไปพร้อมๆ กัน คือการคิดหลักสูตรใหม่ในมหาวิทยาลัย ชั้นนำของอเมริกา คือหลักสูตร International Relations ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขามอบให้ มหาวิทยาลัย Yale เริ่มศึกษาคิดหลักสูตรนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1930 โดยมูลนิธิควักกระเป๋าเช่นเคย ในที่สุดในปี ค.ศ.1935 Yale Institute of International Studies ก็เกิดขึ้น และต่อมา Yale Institute นี้ ได้ร่วมทำงานกับรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน State Department, War Department และ Board of Economic Warfare รับหน้าที่อบรมให้กองทัพอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่ง Yale Institute ก็ตั้ง School of Asiatic Studies ในปี ค.ศ.1945 เพื่อเตรียมตัวกองทัพในการรับมือกับภาระกิจที่จะเกิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล หรือพูดให้ชัดเป็นไปตามที่ CFR วางแผนไว้ ทั้งหมดนี้ มูลนิธิ Rockefeller วางยุทธศาสตร์การดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันองค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หรือผู้นำทางสังคม มีความเข้าใจ มองโลก และมองบทบาทของอเมริกา ตามที่พี่เลี้ยง CFR กำหนดไว้ และสถาบันเหล่านี้จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือและ มีความเห็นคล้อยตาม เขาเรียกโครงการนี้ว่า Scientific Management of Society มันเป็นการสร้างพื้นฐานความคิดให้แก่สังคม หรือการสร้างคอกล้อมความคิดของสังคมเพื่อให้คิดอย่างที่นายทุนนักล่า ต้องการให้สังคมเห็นด้วยคล้อยตาม มันคือการฟอกย้อมความคิด สร้างทั้งคอก มีเชือกผูกคอ ไว้ลากจูงเสร็จ มันเป็นงานใหญ่ที่เอาไว้ใช้ครอบคลุมคนทั้งโลก ทุกชนชั้น และเกือบทุกอาชีพ เขาเริ่มโครงการสร้างคอกในบ้านก่อน จึงไม่น่าแปลกใจว่าแม้คนอเมริกันเองก็ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของตนเอง เมื่อจัดการวางแผนสร้างคอกในบ้านแล้ว ก็เริ่มโครงการสร้างคอกนอกบ้านทางอ้อม ตั้งแต่ ค.ศ.1934 เป็นต้นมา ทั้งมูลนิธิ Rockefeller, มูลนิธิ Ford และ Caregie ต่างช่วยกันสนับสนุนเงินทุนในการศึกษาโครงการ Area Studies ในวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศที่เป็น non-western วิชานี้ เดิมเริ่มมาจากหลักสูตรที่คิดขึ้นโดยสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งแสดงการแบ่งแยกชัดเจนว่า เป็นเรา (ตะวันตก) เป็นเขา (ตะวันออก) และมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้อยู่ในสถานะสูงกว่า (นายเหนือและขี้ข้า) อย่างชัดเจน พี่เลี้ยงบอกว่าวิธีการสอนแบบนี้ มันคงไม่ได้ผล เราจะหลอกต้มเขา เราต้องทำให้เนียน บอกแล้วเราต้องพรางตัว เราคิดหลักสูตรใหม่แล้วกัน สอนแบบอื่น ให้ได้ผลเหมือนกันน่ะ ให้เราก็ยังคุมเขา เป็นนายเขา เหมือนเดิมโดยเขาไม่รู้ตัว เราต้องทำให้เขาคิดว่า ถ้าเขาคิดแบบเรา มีความรู้แบบเรา แล้วจะทำให้เขาเหมือนเรา เป็นที่ยอมรับของเราน่ะ ทำได้ไหม แค่ใส่ความคิดให้เขาน่ะ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในที่สุดโดยเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิใจกว้างทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ตั้งแต่ University of Chicago, Columbia, North Carolina, Harvard, Yale, Virginia, Texas, Stanford etc. ต่างก็นำนโยบายของพี่เลี้ยง CFR ไปตั้งหลักสูตรทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปปรับความคิด จัดการฟอกย้อมสังคมโดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของอเมริกาสำเร็จ อันที่จริงหลักสูตรการสร้างคอกนี้ ไม่ใช่ทำอยู่แต่ในอเมริกาเท่านั้น ช่วงระหว่าง ค.ศ.1919 – 1940 หลักสูตรการสร้างคอกนี้ ขยายไปถึงอังกฤษผ่านการสนับสนุน ทางการเงินแก่ London School of Economics, the Graduate Institute of International Studies ในสวิส, the Centre dEtudies Politiqnes Etrangeres ในฝรั่งเศส รวมทั้งใน Norway, Sweden, Denmark, Germany และ Holland เขาสร้างหลักสูตรวิชารัฐศาสตร์ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ, สังคมวิทยา ฯลฯ ตามทฤษฎีของอเมริกา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม มันเป็นการฝั่งรากความคิดเกี่ยวกับสังคม/การเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องถือว่าการสร้างคอกความคิด ทำได้สำเร็จ คอกยาวล้อมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนไม่สำคัญ เพราะอัดสำเนา ถ่ายก็อปบี้มาเหมือนกันหมด ทั้งหมดนี้เป็นการให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน และให้โดยตรงกับนักศึกษา ส่วนผู้สนับสนุนเงินทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีอยู่ไม่กี่เจ้าแต่เอาจริงกระเป๋าหนัก เพื่อการครองโลกของเขา Rockefeller Foundation, Carnegie Foundation, Ford Foundation etc. ในบ้านเราหลักสูตรการล้อมคอกนี้ มีสอนอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นมาก น่าจะเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะอาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ได้ทุนจากสถาบันต่างๆ ของอเมริกา ตามแนวทางสร้างคอก แต่ถึงจะจบจากประเทศไหนก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะอย่างว่าใช้ก็อปบี้สำเนาเดียวกัน ส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีและไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ช่วงหลังๆ ใส่ผงชูรสจัดเข้าไปตามใบสั่งบวกกับใบเสร็จ และในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะ 10 – 20 ปี หลังนี้ ก็มีหลักสูตรเช่นนี้ด้วย คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม
    ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร
    ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ
    นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา !
    วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป
    โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น
    นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ
    ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !)
    นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย
    วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ
    วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา ! วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !) นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 12 – ชีวิตในคอก (ตอนจบ)
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 12 : ชีวิตในคอก (ตอนจบ)
    แล้วเขาสร้าง engineering consent นี้กันอย่างไร จะสร้างคอกล้อมคนยาวไปทั่วโลก มันต้องเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อม คอกมันจะได้มั่นคง เดี๋ยวจะแหกกันง่ายๆ
    ประมาณปี ค.ศ.1889 ตระกูล Rockefeller ได้ตั้งมหาวิทยาลัย Chicago ขึ้น โดยเจรจาให้นาย Federic T. Gates ซึ่งเป็นนักวิชาการ และเป็นสาธุคุณของ Baptist Church มาเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย และคิดโครงการที่จะนำวิธีสร้างความเชื่อความศรัทธาที่ใช้ในการเผยแพร่ศาสนา มาปรับใช้ในการเผยแพร่กิจกรรมทางสังคม เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ พูดง่ายๆก็คือใช้วิธีที่หมอสอนศาสนาใช้ในการเผยแพร่ศาสนา เปลี่ยนเป็นเผยแพร่ลัทธิใหม่ของนักล่า ( CFR !?) การจัดระเบียบสังคมใหม่นั่นแหละ เฉียบแหลมจริงๆความคิดของพวกเขา
    ปี ค.ศ.1892 มหาวิทยาลัย Chicago ก็ตั้งแผนก Sociology Department สังคมวิทยาขึ้นเป็นแห่งแรกในโลก แผนกสังคมวิทยานี้ ได้สร้างนักส้งคมวิทยาที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับรุ่นแรกๆคือ George Horbert Mead และ W.I. Thomas ทั้งสองคนนี้เป็นบรมครูในการศึกษา วิธี ควบคุมสังคม Social Control นอกจากนี้มหาวิทยาลัย Chicago ยังออกวารสาร The American Journal of Sociology ในช่วงปี ค.ศ.1915-1940 แผนกสังคมวิทยาของมหาวิทยาลัยนี้โดดเด่นมาก ได้ผลิตหลักสูตร แนวความคิดเกี่ยวกับการศึกษาและควบคุมพฤติกรรมสังคมอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับและใช้แพร่หลายในมหาวิทยาลัยต่างๆ ถือเป็นตัวจักรสำคัญที่สุดในการสร้างคอกล้อมความคิดและพฤติกรรมสังคม
    ระหว่างที่มหาวิทยาลัย Chicago เดินหน้าขยายหลักสูตรในแผนกสังคมวิทยา มูลนิธิ Rockefeller ก็ให้เงินทุนสนับสนุนแก่มหาวิทยาลัย Yale เพื่อตั้ง Yale Institute of Human Relations (HR) ประมาณปี ค.ศ.1929 เพื่อสร้างหลักสูตรต่อเนื่องในการดูแลสังคม เพื่อให้สังคมเข้าใจในสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในสังคม ( การจัดระเบียบโลกใหม่ การเปลี่ยนตัวเองจากสังคมแบบสันโดษของอเมริกา เป็นสังคมโลก ) ว่ามันเป็นอย่างไร นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ประเทศและคนอเมริกันและประชาคมโลกขนาดไหน
    แม้จะคิดหลักสูตรการศึกษาใหม่ๆ สร้างตำรา พิมพ์หนังสือ แจกสิ่งพิมพ์ แต่สิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้เร็ว ถ้าไม่มีเครื่องมือสำคัญอีกอย่างมาช่วย มันต้องมีสื่อมีกระบอกเสียง ค.ศ.1930 Princeton Radio Project ก็เกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิ Rockefeller (อย่างเคย !) เขาไปเอานาย Frank Stanton ซึ่งเดิมทำงานอยู่ในวงการโฆษณา มาทำการวิเคราะห์รายการวิทยุว่า คนชอบฟังวิทยุรายการใด เพราะอะไร และจะทำให้คนชอบรายการใด ได้อย่างไร (ทำให้นึกถึงการทำข่าวบ้านเราประเภทเล่าข่าว ที่ชาวโลกสวยติดใจนั่งฟังกันอ้าปากหวอ เชื่อฟังแบบต้องมนต์ ทำเอาหัวกลวงกันเป็นแถวๆ)
    หลังจากควบคุมสื่อทางวิทยุแล้ว พวกพี่เลี้ยงนักล่าก็เข้าไป ซื้อบริษัทสร้างหนังใหญ่ ในหนังสือ Money Behind the Screen ระบุว่า ประมาณปี ค.ศ.1930 บริษัทสร้างหนังใหญ่ๆสมัยนั้นเช่น Paramount, Warner, 20th Century Fox, MGM, United Artist, Universal, Columbia, และ R.K.O. ถูกถือหุ้นหรืออยู่ในอิทธิพลของกลุ่มทุนใหญ่เช่น Rockefeller, Morgan รวมทั้ง Lehman Brother จากนั้นกลุ่มทุนใหญ่ๆ ก็เข้าไปครอบงำสื่อทางด้านสิ่งพิมพ์ และโทรทัศน์ต่อไป ประมาณปี ค.ศ.1990 เป็นต้นมา สื่อยักษ์ไม่ว่าจะเป็น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ล้วนตกอยู่ในมือกลุ่มทุนใหญ่นี้เกือบทั้งหมด
    ด้วยการวางแผนทางด้านระบบการศึกษา การใช้กระบวนการย้อมความคิดของสังคม ผ่านมูลนิธิที่อ้างว่าทำเพื่อมนุษยชาติ การโฆษณาชวนเชื่อ การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา การตลาด และใช้สื่อทุกรูปแบบ เพื่อสร้างให้เป็นจักรวรรดิอเมริกา นักล่าผู้ครองโลกรุ่นใหม่ เพื่อสร้างระเบียบโลกใหม่โดยการ สร้างวงล้อมอุบาทว์ที่ใช้ระบบ และรูปแบบที่ดูเหมือนซับซ้อน หลอกให้เราเป็นเหยื่อ โดยการฟอกย้อมความคิดเรา ให้เราเห็นดีเห็นงามกับระบบและรูปแบบใหม่นั้น จนทำให้ทัศนคติของเราที่มีต่อ ความเชื่อในคุณธรรม คุณค่าของสังคม ความผูกพันต่อแผ่นดินเกิด ความภูมิใจในประเทศชาติและประวัติศาสตร์ชาติของตน การเห็นคุณค่าของสถาบันและศาสนา ฯลฯ หลายๆอย่างถูกบิดเบือนไปจนเกือบหมดสิ้น นี่ยังไม่นับรสนิยมความชอบด้านวัฒนธรรม และระดับของศีลธรรม ที่เปลี่ยนไปเพราะถูกฟอกย้อมความคิดนั้น มันเป็นเรื่องน่าเศร้า น่าสลดใจอย่างยิ่ง
    อ่านนิทานมาถึงตรงนี้ คงตัดสินใจกันได้เอง ตกลงอเมริกาเป็นพี่เบิ้มผู้พิทักษ์โลกสวยที่เราจำเป็นต้องคอยจูบมือ ให้เขาตบหัวลูบหลัง สั่งให้ยิ้มให้กลิ้งตามใจเขา หรือเห็นเขาเป็นนักล่าโคตรเหี้ยมที่เราต้องทำความรู้จักกันให้ดี และระวังตัวรักษาบ้านรักษาเมืองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเขา หากยังตัดสินใจไม่ได้ ยังไม่อยากเชื่อ ไม่เชื่อเอาเลย ก็อย่าพึ่งโยนนิทานนี้ทิ้งไปจากสมอง ไปลองคิดต่อ ศึกษาต่อกันเองบ้าง บ้านเมืองนี้ก็ของเราทุกคน คนเล่านิทานทำหน้าที่พลเมืองอาสา ค้นคว้าหาเอกสารข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง เพียงหวังให้นำไปคิด ทำความเข้าใจ ช่วยให้บ้านเมืองเราหลุดพ้นจากการเป็นเหยื่อ หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ มาช่วยกันแหกคอกเถอะครับ
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 12 – ชีวิตในคอก (ตอนจบ) นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 12 : ชีวิตในคอก (ตอนจบ) แล้วเขาสร้าง engineering consent นี้กันอย่างไร จะสร้างคอกล้อมคนยาวไปทั่วโลก มันต้องเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อม คอกมันจะได้มั่นคง เดี๋ยวจะแหกกันง่ายๆ ประมาณปี ค.ศ.1889 ตระกูล Rockefeller ได้ตั้งมหาวิทยาลัย Chicago ขึ้น โดยเจรจาให้นาย Federic T. Gates ซึ่งเป็นนักวิชาการ และเป็นสาธุคุณของ Baptist Church มาเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย และคิดโครงการที่จะนำวิธีสร้างความเชื่อความศรัทธาที่ใช้ในการเผยแพร่ศาสนา มาปรับใช้ในการเผยแพร่กิจกรรมทางสังคม เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ พูดง่ายๆก็คือใช้วิธีที่หมอสอนศาสนาใช้ในการเผยแพร่ศาสนา เปลี่ยนเป็นเผยแพร่ลัทธิใหม่ของนักล่า ( CFR !?) การจัดระเบียบสังคมใหม่นั่นแหละ เฉียบแหลมจริงๆความคิดของพวกเขา ปี ค.ศ.1892 มหาวิทยาลัย Chicago ก็ตั้งแผนก Sociology Department สังคมวิทยาขึ้นเป็นแห่งแรกในโลก แผนกสังคมวิทยานี้ ได้สร้างนักส้งคมวิทยาที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับรุ่นแรกๆคือ George Horbert Mead และ W.I. Thomas ทั้งสองคนนี้เป็นบรมครูในการศึกษา วิธี ควบคุมสังคม Social Control นอกจากนี้มหาวิทยาลัย Chicago ยังออกวารสาร The American Journal of Sociology ในช่วงปี ค.ศ.1915-1940 แผนกสังคมวิทยาของมหาวิทยาลัยนี้โดดเด่นมาก ได้ผลิตหลักสูตร แนวความคิดเกี่ยวกับการศึกษาและควบคุมพฤติกรรมสังคมอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับและใช้แพร่หลายในมหาวิทยาลัยต่างๆ ถือเป็นตัวจักรสำคัญที่สุดในการสร้างคอกล้อมความคิดและพฤติกรรมสังคม ระหว่างที่มหาวิทยาลัย Chicago เดินหน้าขยายหลักสูตรในแผนกสังคมวิทยา มูลนิธิ Rockefeller ก็ให้เงินทุนสนับสนุนแก่มหาวิทยาลัย Yale เพื่อตั้ง Yale Institute of Human Relations (HR) ประมาณปี ค.ศ.1929 เพื่อสร้างหลักสูตรต่อเนื่องในการดูแลสังคม เพื่อให้สังคมเข้าใจในสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในสังคม ( การจัดระเบียบโลกใหม่ การเปลี่ยนตัวเองจากสังคมแบบสันโดษของอเมริกา เป็นสังคมโลก ) ว่ามันเป็นอย่างไร นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ประเทศและคนอเมริกันและประชาคมโลกขนาดไหน แม้จะคิดหลักสูตรการศึกษาใหม่ๆ สร้างตำรา พิมพ์หนังสือ แจกสิ่งพิมพ์ แต่สิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้เร็ว ถ้าไม่มีเครื่องมือสำคัญอีกอย่างมาช่วย มันต้องมีสื่อมีกระบอกเสียง ค.ศ.1930 Princeton Radio Project ก็เกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิ Rockefeller (อย่างเคย !) เขาไปเอานาย Frank Stanton ซึ่งเดิมทำงานอยู่ในวงการโฆษณา มาทำการวิเคราะห์รายการวิทยุว่า คนชอบฟังวิทยุรายการใด เพราะอะไร และจะทำให้คนชอบรายการใด ได้อย่างไร (ทำให้นึกถึงการทำข่าวบ้านเราประเภทเล่าข่าว ที่ชาวโลกสวยติดใจนั่งฟังกันอ้าปากหวอ เชื่อฟังแบบต้องมนต์ ทำเอาหัวกลวงกันเป็นแถวๆ) หลังจากควบคุมสื่อทางวิทยุแล้ว พวกพี่เลี้ยงนักล่าก็เข้าไป ซื้อบริษัทสร้างหนังใหญ่ ในหนังสือ Money Behind the Screen ระบุว่า ประมาณปี ค.ศ.1930 บริษัทสร้างหนังใหญ่ๆสมัยนั้นเช่น Paramount, Warner, 20th Century Fox, MGM, United Artist, Universal, Columbia, และ R.K.O. ถูกถือหุ้นหรืออยู่ในอิทธิพลของกลุ่มทุนใหญ่เช่น Rockefeller, Morgan รวมทั้ง Lehman Brother จากนั้นกลุ่มทุนใหญ่ๆ ก็เข้าไปครอบงำสื่อทางด้านสิ่งพิมพ์ และโทรทัศน์ต่อไป ประมาณปี ค.ศ.1990 เป็นต้นมา สื่อยักษ์ไม่ว่าจะเป็น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ล้วนตกอยู่ในมือกลุ่มทุนใหญ่นี้เกือบทั้งหมด ด้วยการวางแผนทางด้านระบบการศึกษา การใช้กระบวนการย้อมความคิดของสังคม ผ่านมูลนิธิที่อ้างว่าทำเพื่อมนุษยชาติ การโฆษณาชวนเชื่อ การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา การตลาด และใช้สื่อทุกรูปแบบ เพื่อสร้างให้เป็นจักรวรรดิอเมริกา นักล่าผู้ครองโลกรุ่นใหม่ เพื่อสร้างระเบียบโลกใหม่โดยการ สร้างวงล้อมอุบาทว์ที่ใช้ระบบ และรูปแบบที่ดูเหมือนซับซ้อน หลอกให้เราเป็นเหยื่อ โดยการฟอกย้อมความคิดเรา ให้เราเห็นดีเห็นงามกับระบบและรูปแบบใหม่นั้น จนทำให้ทัศนคติของเราที่มีต่อ ความเชื่อในคุณธรรม คุณค่าของสังคม ความผูกพันต่อแผ่นดินเกิด ความภูมิใจในประเทศชาติและประวัติศาสตร์ชาติของตน การเห็นคุณค่าของสถาบันและศาสนา ฯลฯ หลายๆอย่างถูกบิดเบือนไปจนเกือบหมดสิ้น นี่ยังไม่นับรสนิยมความชอบด้านวัฒนธรรม และระดับของศีลธรรม ที่เปลี่ยนไปเพราะถูกฟอกย้อมความคิดนั้น มันเป็นเรื่องน่าเศร้า น่าสลดใจอย่างยิ่ง อ่านนิทานมาถึงตรงนี้ คงตัดสินใจกันได้เอง ตกลงอเมริกาเป็นพี่เบิ้มผู้พิทักษ์โลกสวยที่เราจำเป็นต้องคอยจูบมือ ให้เขาตบหัวลูบหลัง สั่งให้ยิ้มให้กลิ้งตามใจเขา หรือเห็นเขาเป็นนักล่าโคตรเหี้ยมที่เราต้องทำความรู้จักกันให้ดี และระวังตัวรักษาบ้านรักษาเมืองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเขา หากยังตัดสินใจไม่ได้ ยังไม่อยากเชื่อ ไม่เชื่อเอาเลย ก็อย่าพึ่งโยนนิทานนี้ทิ้งไปจากสมอง ไปลองคิดต่อ ศึกษาต่อกันเองบ้าง บ้านเมืองนี้ก็ของเราทุกคน คนเล่านิทานทำหน้าที่พลเมืองอาสา ค้นคว้าหาเอกสารข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง เพียงหวังให้นำไปคิด ทำความเข้าใจ ช่วยให้บ้านเมืองเราหลุดพ้นจากการเป็นเหยื่อ หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ มาช่วยกันแหกคอกเถอะครับ คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว