• 2/
    เมื่อวานนี้ ในระหว่างการชุมนุมหาเสียงของ Grzegorz Braun ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ ในเมืองเบียลา พอดลาสกา (Biala Podlaska) เขาสังเกตเห็นว่านอกจากธงชาติโปแลนด์แล้ว ยังมีธงชาติยูเครนแขวนอยู่ที่อาคารศาลากลางเมืองอีกด้วย

    ผู้ช่วยของ Braun ปีนขึ้นไปถอดธงชาติยูเครนออก และส่งต่อให้กับ Braun ท่ามกลางเสียงเชียร์และความสะใจของชาวโปแลนด์ดังสนั่น และตะโกนว่า “ที่นี่คือโปแลนด์!”

    แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามหยุดการกระทำนั้นแต่ก็ไร้ผล

    "ผู้ช่วยของผม เขาทำตามคำสั่งที่ชัดเจนของผม ดังนั้น ผมเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมดเอง" บราวน์กล่าว

    Grzegorz Braun เป็นนักการเมืองที่มีความเป็นชาตินิยมสูงมาก ต่อต้านการช่วยเหลือด้านการทหารของรัฐบาลโปแลนด์ที่มีต่อยูเครน รวมทั้งต่อต้านอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีเหนือรัฐบาลโปแลนด์ในขณะนี้

    จากการข้อมูล ธงชาติยูเครนถูกติดตั้งไว้ตั้งแต่ปี 2022 เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย
    2/ เมื่อวานนี้ ในระหว่างการชุมนุมหาเสียงของ Grzegorz Braun ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ ในเมืองเบียลา พอดลาสกา (Biala Podlaska) เขาสังเกตเห็นว่านอกจากธงชาติโปแลนด์แล้ว ยังมีธงชาติยูเครนแขวนอยู่ที่อาคารศาลากลางเมืองอีกด้วย ผู้ช่วยของ Braun ปีนขึ้นไปถอดธงชาติยูเครนออก และส่งต่อให้กับ Braun ท่ามกลางเสียงเชียร์และความสะใจของชาวโปแลนด์ดังสนั่น และตะโกนว่า “ที่นี่คือโปแลนด์!” แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามหยุดการกระทำนั้นแต่ก็ไร้ผล "ผู้ช่วยของผม เขาทำตามคำสั่งที่ชัดเจนของผม ดังนั้น ผมเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมดเอง" บราวน์กล่าว Grzegorz Braun เป็นนักการเมืองที่มีความเป็นชาตินิยมสูงมาก ต่อต้านการช่วยเหลือด้านการทหารของรัฐบาลโปแลนด์ที่มีต่อยูเครน รวมทั้งต่อต้านอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีเหนือรัฐบาลโปแลนด์ในขณะนี้ จากการข้อมูล ธงชาติยูเครนถูกติดตั้งไว้ตั้งแต่ปี 2022 เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย
    0 Comments 0 Shares 477 Views 17 0 Reviews
  • ทองคำ ณ สถานการณ์ปัจจุบัน...
    .
    ใดๆเลย ทองคำ คือเรื่องของ มหาอำนาจ ถ้าเขามองว่าแพงไป เขาก็หยุดกระแสบางอย่างที่จะทำให้ราคามันขึ้นต่อได้....
    .
    แต่ถ้า ใครเชื่อว่าพวกนี้เป็นเรื่องแรงซื้อแรงขายล้วนๆ ตลาดใหญ่ และ เสรี ไม่มีใครทำอะไรได้...
    .
    ก็เชื่อไปครับ...
    .
    ทองคำ ณ สถานการณ์ปัจจุบัน... . ใดๆเลย ทองคำ คือเรื่องของ มหาอำนาจ ถ้าเขามองว่าแพงไป เขาก็หยุดกระแสบางอย่างที่จะทำให้ราคามันขึ้นต่อได้.... . แต่ถ้า ใครเชื่อว่าพวกนี้เป็นเรื่องแรงซื้อแรงขายล้วนๆ ตลาดใหญ่ และ เสรี ไม่มีใครทำอะไรได้... . ก็เชื่อไปครับ... . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • หวังจริงๆ ว่าลุงสนธิ จะพูดถึง พอล แชมเบอร์...
    หวังจริงๆ ว่าลุงสนธิ จะพูดถึง พอล แชมเบอร์...
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • Google ได้เปิดตัว AI Mode ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่บน Google Search ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนและติดตามบทสนทนาได้อย่างต่อเนื่อง โดย AI Mode ใช้ Gemini 2.0 ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ปรับแต่งมาเพื่อช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น

    AI Mode แตกต่างจาก AI Overview ที่เคยมีมาก่อน เนื่องจากสามารถตอบคำถามที่ละเอียดขึ้น และให้ผู้ใช้ติดตามบทสนทนาได้ในพื้นที่เฉพาะ คล้ายกับ Perplexity และ ChatGPT ที่มีการรวมฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลจากเว็บ

    Google ยังมีแผนเพิ่ม Visual Places และ Product Cards ใน AI Mode ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลสินค้า เช่น ราคาสด, รีวิว, เวลาทำการของร้านค้า และรายละเอียดการจัดส่ง ได้โดยตรงจากผลการค้นหา

    นอกจากนี้ Google ได้เพิ่มฟีเจอร์ ประวัติการค้นหา ให้กับ AI Mode ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปดูการค้นหาก่อนหน้าและติดตามบทสนทนาได้ง่ายขึ้น

    การเปิดตัว AI Mode
    - ใช้ Gemini 2.0 เพื่อช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - สามารถตอบคำถามที่ละเอียดขึ้นและติดตามบทสนทนาได้

    ความแตกต่างจาก AI Overview
    - AI Mode ให้ผู้ใช้ติดตามบทสนทนาได้ในพื้นที่เฉพาะ
    - คล้ายกับ Perplexity และ ChatGPT ที่มีฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลจากเว็บ

    การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่
    - Visual Places และ Product Cards ช่วยให้ดูข้อมูลสินค้าได้ง่ายขึ้น
    - สามารถดูราคาสด, รีวิว, เวลาทำการ และรายละเอียดการจัดส่ง

    ฟีเจอร์ประวัติการค้นหา
    - ผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปดูการค้นหาก่อนหน้าและติดตามบทสนทนาได้

    https://www.neowin.net/news/googles-answer-to-chatgpt-search-is-finally-out-of-waitlist/
    Google ได้เปิดตัว AI Mode ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่บน Google Search ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนและติดตามบทสนทนาได้อย่างต่อเนื่อง โดย AI Mode ใช้ Gemini 2.0 ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ปรับแต่งมาเพื่อช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น AI Mode แตกต่างจาก AI Overview ที่เคยมีมาก่อน เนื่องจากสามารถตอบคำถามที่ละเอียดขึ้น และให้ผู้ใช้ติดตามบทสนทนาได้ในพื้นที่เฉพาะ คล้ายกับ Perplexity และ ChatGPT ที่มีการรวมฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลจากเว็บ Google ยังมีแผนเพิ่ม Visual Places และ Product Cards ใน AI Mode ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลสินค้า เช่น ราคาสด, รีวิว, เวลาทำการของร้านค้า และรายละเอียดการจัดส่ง ได้โดยตรงจากผลการค้นหา นอกจากนี้ Google ได้เพิ่มฟีเจอร์ ประวัติการค้นหา ให้กับ AI Mode ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปดูการค้นหาก่อนหน้าและติดตามบทสนทนาได้ง่ายขึ้น ✅ การเปิดตัว AI Mode - ใช้ Gemini 2.0 เพื่อช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น - สามารถตอบคำถามที่ละเอียดขึ้นและติดตามบทสนทนาได้ ✅ ความแตกต่างจาก AI Overview - AI Mode ให้ผู้ใช้ติดตามบทสนทนาได้ในพื้นที่เฉพาะ - คล้ายกับ Perplexity และ ChatGPT ที่มีฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลจากเว็บ ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ - Visual Places และ Product Cards ช่วยให้ดูข้อมูลสินค้าได้ง่ายขึ้น - สามารถดูราคาสด, รีวิว, เวลาทำการ และรายละเอียดการจัดส่ง ✅ ฟีเจอร์ประวัติการค้นหา - ผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปดูการค้นหาก่อนหน้าและติดตามบทสนทนาได้ https://www.neowin.net/news/googles-answer-to-chatgpt-search-is-finally-out-of-waitlist/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google's answer to ChatGPT search is finally out of waitlist
    Google's AI Mode, a dedicated space to ask detailed and nuanced questions on the internet, is now out of waitlist and available to try.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการเข้ารหัสข้อมูลใน Windows 11 24H2 โดยเปิดใช้งาน BitLocker เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับทุกเวอร์ชัน รวมถึง Windows 11 Home ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้บังคับใช้ ส่งผลให้ผู้ใช้บางรายพบปัญหาสูญเสียข้อมูลเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึง Recovery Key ที่ถูกเก็บไว้ในบัญชี Microsoft

    ผู้ใช้หลายคนใน Reddit ได้แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยบางรายพบว่า BitLocker ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เมื่อเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า และหากผู้ใช้สูญเสียการเข้าถึงบัญชี Microsoft ก็อาจสูญเสียข้อมูลทั้งหมดไปโดยไม่มีทางกู้คืน

    นอกจากนี้ BitLocker ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบ โดยมีรายงานว่าการเข้ารหัสข้อมูลทำให้ความเร็วของไดรฟ์ลดลง และอาจส่งผลต่อการทำงานของแอปพลิเคชันบางตัว

    Microsoft ได้เผยแพร่ คู่มือการสำรองและกู้คืน Recovery Key เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถป้องกันปัญหานี้ได้ และยังมีวิธีปิด BitLocker ผ่าน Registry Editor สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเข้ารหัสข้อมูล

    การเปิดใช้งาน BitLocker เป็นค่าเริ่มต้น
    - BitLocker ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติในทุกเวอร์ชันของ Windows 11 24H2
    - Windows 11 Home ก็ถูกบังคับใช้ BitLocker เช่นเดียวกับเวอร์ชันอื่นๆ

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    - หากสูญเสียการเข้าถึงบัญชี Microsoft อาจสูญเสียข้อมูลทั้งหมด
    - ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนเปิดใช้งาน BitLocker

    ผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ
    - การเข้ารหัสข้อมูลอาจทำให้ความเร็วของไดรฟ์ลดลง
    - อาจส่งผลต่อการทำงานของแอปพลิเคชันบางตัว

    แนวทางแก้ไขจาก Microsoft
    - เผยแพร่คู่มือการสำรองและกู้คืน Recovery Key
    - มีวิธีปิด BitLocker ผ่าน Registry Editor

    https://www.neowin.net/news/windows-11-users-reportedly-losing-data-due-to-microsofts-forced-bitlocker-encryption/
    Microsoft ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการเข้ารหัสข้อมูลใน Windows 11 24H2 โดยเปิดใช้งาน BitLocker เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับทุกเวอร์ชัน รวมถึง Windows 11 Home ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้บังคับใช้ ส่งผลให้ผู้ใช้บางรายพบปัญหาสูญเสียข้อมูลเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึง Recovery Key ที่ถูกเก็บไว้ในบัญชี Microsoft ผู้ใช้หลายคนใน Reddit ได้แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยบางรายพบว่า BitLocker ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เมื่อเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า และหากผู้ใช้สูญเสียการเข้าถึงบัญชี Microsoft ก็อาจสูญเสียข้อมูลทั้งหมดไปโดยไม่มีทางกู้คืน นอกจากนี้ BitLocker ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบ โดยมีรายงานว่าการเข้ารหัสข้อมูลทำให้ความเร็วของไดรฟ์ลดลง และอาจส่งผลต่อการทำงานของแอปพลิเคชันบางตัว Microsoft ได้เผยแพร่ คู่มือการสำรองและกู้คืน Recovery Key เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถป้องกันปัญหานี้ได้ และยังมีวิธีปิด BitLocker ผ่าน Registry Editor สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเข้ารหัสข้อมูล ✅ การเปิดใช้งาน BitLocker เป็นค่าเริ่มต้น - BitLocker ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติในทุกเวอร์ชันของ Windows 11 24H2 - Windows 11 Home ก็ถูกบังคับใช้ BitLocker เช่นเดียวกับเวอร์ชันอื่นๆ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ - หากสูญเสียการเข้าถึงบัญชี Microsoft อาจสูญเสียข้อมูลทั้งหมด - ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนเปิดใช้งาน BitLocker ✅ ผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ - การเข้ารหัสข้อมูลอาจทำให้ความเร็วของไดรฟ์ลดลง - อาจส่งผลต่อการทำงานของแอปพลิเคชันบางตัว ✅ แนวทางแก้ไขจาก Microsoft - เผยแพร่คู่มือการสำรองและกู้คืน Recovery Key - มีวิธีปิด BitLocker ผ่าน Registry Editor https://www.neowin.net/news/windows-11-users-reportedly-losing-data-due-to-microsofts-forced-bitlocker-encryption/
    WWW.NEOWIN.NET
    Windows 11 users reportedly losing data due to Microsoft's forced BitLocker encryption
    Microsoft made a big change regarding BitLocker encryption on Windows 11 24H2 and apparently it is leading to users losing data.
    0 Comments 0 Shares 342 Views 0 Reviews
  • Google ได้ปรับปรุง Google Voice ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การโทรสะดวกขึ้น โดยเพิ่ม การโทรแบบสามสาย (Three-way calling) และ ปรับปรุงอินเทอร์เฟซการโทร ให้ใช้งานง่ายขึ้น

    ฟีเจอร์ Three-way calling ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวมสายสองสายเข้าด้วยกันเพื่อสนทนาแบบกลุ่ม ซึ่งมีประโยชน์ในหลายสถานการณ์ เช่น การสนทนาแบบหลายภาษา, การประชุมทางกฎหมาย, หรือ การโอนสายที่ราบรื่นขึ้น ผู้ใช้สามารถเพิ่มบุคคลที่สามได้โดยกดปุ่ม "Add" แล้วเลือก "Merge" เพื่อรวมสาย

    นอกจากนี้ Google Voice ยังได้รับ การออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ ให้มีความสอดคล้องกับ Google Meet โดยวางปุ่มควบคุมสายโทรในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายขึ้น เช่น ปุ่มกดหมายเลข, ปุ่มปิดเสียง, และ ปุ่มโอนสาย

    อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Three-way calling จะเปิดให้ใช้งานเฉพาะ ลูกค้า Google Workspace ที่มีแพ็กเกจ Voice Starter, Voice Standard หรือ Voice Premier รวมถึงผู้ใช้ที่มี SIP Link Standard และ SIP Link Premier ส่วนอินเทอร์เฟซใหม่จะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Google Voice ทุกคน

    การโทรแบบสามสาย (Three-way calling)
    - สามารถรวมสายสองสายเข้าด้วยกันเพื่อสนทนาแบบกลุ่ม
    - มีประโยชน์สำหรับการสนทนาแบบหลายภาษา, การประชุมทางกฎหมาย และการโอนสาย

    การออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่
    - ปรับปรุงให้มีความสอดคล้องกับ Google Meet
    - วางปุ่มควบคุมสายโทรในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายขึ้น

    การเปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่
    - Three-way calling เปิดให้ใช้งานเฉพาะลูกค้า Google Workspace ที่มีแพ็กเกจ Voice Starter, Voice Standard หรือ Voice Premier
    - อินเทอร์เฟซใหม่เปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Google Voice ทุกคน

    กำหนดการเปิดตัว
    - เริ่มเปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2025
    - อาจใช้เวลามากกว่า 15 วัน กว่าที่ผู้ใช้ทุกคนจะได้รับการอัปเดต

    https://www.neowin.net/news/google-voice-gets-a-call-interface-makeover-and-three-way-support/
    Google ได้ปรับปรุง Google Voice ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การโทรสะดวกขึ้น โดยเพิ่ม การโทรแบบสามสาย (Three-way calling) และ ปรับปรุงอินเทอร์เฟซการโทร ให้ใช้งานง่ายขึ้น ฟีเจอร์ Three-way calling ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวมสายสองสายเข้าด้วยกันเพื่อสนทนาแบบกลุ่ม ซึ่งมีประโยชน์ในหลายสถานการณ์ เช่น การสนทนาแบบหลายภาษา, การประชุมทางกฎหมาย, หรือ การโอนสายที่ราบรื่นขึ้น ผู้ใช้สามารถเพิ่มบุคคลที่สามได้โดยกดปุ่ม "Add" แล้วเลือก "Merge" เพื่อรวมสาย นอกจากนี้ Google Voice ยังได้รับ การออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ ให้มีความสอดคล้องกับ Google Meet โดยวางปุ่มควบคุมสายโทรในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายขึ้น เช่น ปุ่มกดหมายเลข, ปุ่มปิดเสียง, และ ปุ่มโอนสาย อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Three-way calling จะเปิดให้ใช้งานเฉพาะ ลูกค้า Google Workspace ที่มีแพ็กเกจ Voice Starter, Voice Standard หรือ Voice Premier รวมถึงผู้ใช้ที่มี SIP Link Standard และ SIP Link Premier ส่วนอินเทอร์เฟซใหม่จะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Google Voice ทุกคน ✅ การโทรแบบสามสาย (Three-way calling) - สามารถรวมสายสองสายเข้าด้วยกันเพื่อสนทนาแบบกลุ่ม - มีประโยชน์สำหรับการสนทนาแบบหลายภาษา, การประชุมทางกฎหมาย และการโอนสาย ✅ การออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ - ปรับปรุงให้มีความสอดคล้องกับ Google Meet - วางปุ่มควบคุมสายโทรในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายขึ้น ✅ การเปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่ - Three-way calling เปิดให้ใช้งานเฉพาะลูกค้า Google Workspace ที่มีแพ็กเกจ Voice Starter, Voice Standard หรือ Voice Premier - อินเทอร์เฟซใหม่เปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Google Voice ทุกคน ✅ กำหนดการเปิดตัว - เริ่มเปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2025 - อาจใช้เวลามากกว่า 15 วัน กว่าที่ผู้ใช้ทุกคนจะได้รับการอัปเดต https://www.neowin.net/news/google-voice-gets-a-call-interface-makeover-and-three-way-support/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Voice gets a call interface makeover and three-way support
    Google has shipped an update for its Voice service that brings three-way merging of calls and an updated appearance for the call screen.
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • Epic Games ได้ประกาศแนวทางใหม่สำหรับนักพัฒนาในการหลีกเลี่ยง Apple Tax อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาแอปสามารถชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินภายนอกได้

    Epic เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาที่ใช้ Epic Games Store จะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตราเดิมคือ 88%-12%

    การต่อสู้ระหว่าง Epic และ Apple เริ่มขึ้นในปี 2021 เมื่อศาลตัดสินว่า Apple ไม่สามารถจำกัดนักพัฒนาแอปจากการใช้ปุ่มหรือลิงก์ภายนอกเพื่อชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินอื่นได้ อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามคำสั่งศาล ทำให้ Epic ต้องกลับไปฟ้องร้องอีกครั้ง

    เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez-Rogers ตัดสินว่า Apple "จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล" และสร้างอุปสรรคใหม่เพื่อกีดกันการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า Alex Roman รองประธานฝ่ายการเงินของ Apple ให้การเท็จ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม 27% สำหรับการซื้อสินค้าผ่านระบบภายนอก

    Epic ยังประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ และนักพัฒนาจะสามารถเปิด "เว็บช็อป" บน Epic Games Store เพื่อให้ผู้เล่นซื้อสินค้าโดยตรงจากเว็บไซต์ แทนที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงให้ Apple หรือ Google

    การเปลี่ยนแปลงใน Epic Games Store
    - นักพัฒนาจะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์
    - หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตรา 88%-12%

    คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ
    - Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก
    - Apple ถูกตัดสินว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล

    การกลับมาของ Fortnite บน iOS
    - Epic ประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ
    - นักพัฒนาสามารถเปิดเว็บช็อปบน Epic Games Store เพื่อขายสินค้าโดยตรง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมและแอปพลิเคชัน
    - นักพัฒนาจะมีทางเลือกมากขึ้นในการจัดการรายได้
    - อาจส่งผลให้ Apple ต้องปรับนโยบายค่าธรรมเนียมในอนาคต

    https://www.neowin.net/news/epic-games-announces-new-way-for-developers-to-bypass-apple-tax-completely/
    Epic Games ได้ประกาศแนวทางใหม่สำหรับนักพัฒนาในการหลีกเลี่ยง Apple Tax อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาแอปสามารถชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินภายนอกได้ Epic เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาที่ใช้ Epic Games Store จะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตราเดิมคือ 88%-12% การต่อสู้ระหว่าง Epic และ Apple เริ่มขึ้นในปี 2021 เมื่อศาลตัดสินว่า Apple ไม่สามารถจำกัดนักพัฒนาแอปจากการใช้ปุ่มหรือลิงก์ภายนอกเพื่อชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินอื่นได้ อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามคำสั่งศาล ทำให้ Epic ต้องกลับไปฟ้องร้องอีกครั้ง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez-Rogers ตัดสินว่า Apple "จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล" และสร้างอุปสรรคใหม่เพื่อกีดกันการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า Alex Roman รองประธานฝ่ายการเงินของ Apple ให้การเท็จ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม 27% สำหรับการซื้อสินค้าผ่านระบบภายนอก Epic ยังประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ และนักพัฒนาจะสามารถเปิด "เว็บช็อป" บน Epic Games Store เพื่อให้ผู้เล่นซื้อสินค้าโดยตรงจากเว็บไซต์ แทนที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงให้ Apple หรือ Google ✅ การเปลี่ยนแปลงใน Epic Games Store - นักพัฒนาจะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ - หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตรา 88%-12% ✅ คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ - Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก - Apple ถูกตัดสินว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ✅ การกลับมาของ Fortnite บน iOS - Epic ประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ - นักพัฒนาสามารถเปิดเว็บช็อปบน Epic Games Store เพื่อขายสินค้าโดยตรง ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมและแอปพลิเคชัน - นักพัฒนาจะมีทางเลือกมากขึ้นในการจัดการรายได้ - อาจส่งผลให้ Apple ต้องปรับนโยบายค่าธรรมเนียมในอนาคต https://www.neowin.net/news/epic-games-announces-new-way-for-developers-to-bypass-apple-tax-completely/
    WWW.NEOWIN.NET
    Epic Games announces new way for developers to bypass Apple Tax completely
    Epic Games has announced an alternative way for iOS app developers to process external payments with a zero percent revenue split, as the court rules Apple must allow external payments.
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • Apple รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองของปี 2025 โดยมีรายได้รวม 95.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว และกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 29.58 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ Apple ยังประกาศโครงการ ซื้อหุ้นคืนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มเงินปันผลเป็น 0.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น

    Apple เปิดเผยว่าจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทุกหมวดหมู่ อย่างไรก็ตาม รายได้จาก iPhone เพิ่มขึ้นเพียง 2% ขณะที่ Mac เติบโต 7% และ iPad เพิ่มขึ้น 15% ส่วนรายได้จาก Wearables, Home และ Accessories ลดลง 5%

    ธุรกิจ Apple Services ทำสถิติรายได้สูงสุดที่ 26.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% จากปีที่แล้ว แต่อนาคตของธุรกิจนี้อาจเผชิญความไม่แน่นอน เนื่องจากคำสั่งศาลล่าสุดที่กำหนดให้ Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก ซึ่งอาจส่งผลให้ Apple สูญเสียค่าคอมมิชชั่น 30%

    Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวถึงผลประกอบการว่า "เรารู้สึกภูมิใจที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนลง 60% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา" และเตือนว่าภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเพิ่มต้นทุนของ Apple ถึง 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสหน้า

    รายได้และกำไรของ Apple
    - รายได้รวม 95.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว
    - กำไรจากการดำเนินงาน 29.58 พันล้านดอลลาร์

    การเติบโตของผลิตภัณฑ์ต่างๆ
    - iPhone เพิ่มขึ้น 2%
    - Mac เติบโต 7%
    - iPad เพิ่มขึ้น 15%
    - Wearables, Home และ Accessories ลดลง 5%

    ธุรกิจ Apple Services
    - รายได้ 26.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12%
    - อาจได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลเกี่ยวกับระบบชำระเงินภายนอก

    โครงการซื้อหุ้นคืนและเงินปันผล
    - Apple ประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์
    - เพิ่มเงินปันผลเป็น 0.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น

    https://www.neowin.net/news/apple-services-revenue-reach-historic-high-future-in-jeopardy-after-court-order/
    Apple รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองของปี 2025 โดยมีรายได้รวม 95.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว และกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 29.58 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ Apple ยังประกาศโครงการ ซื้อหุ้นคืนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มเงินปันผลเป็น 0.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น Apple เปิดเผยว่าจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทุกหมวดหมู่ อย่างไรก็ตาม รายได้จาก iPhone เพิ่มขึ้นเพียง 2% ขณะที่ Mac เติบโต 7% และ iPad เพิ่มขึ้น 15% ส่วนรายได้จาก Wearables, Home และ Accessories ลดลง 5% ธุรกิจ Apple Services ทำสถิติรายได้สูงสุดที่ 26.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% จากปีที่แล้ว แต่อนาคตของธุรกิจนี้อาจเผชิญความไม่แน่นอน เนื่องจากคำสั่งศาลล่าสุดที่กำหนดให้ Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก ซึ่งอาจส่งผลให้ Apple สูญเสียค่าคอมมิชชั่น 30% Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวถึงผลประกอบการว่า "เรารู้สึกภูมิใจที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนลง 60% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา" และเตือนว่าภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเพิ่มต้นทุนของ Apple ถึง 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสหน้า ✅ รายได้และกำไรของ Apple - รายได้รวม 95.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว - กำไรจากการดำเนินงาน 29.58 พันล้านดอลลาร์ ✅ การเติบโตของผลิตภัณฑ์ต่างๆ - iPhone เพิ่มขึ้น 2% - Mac เติบโต 7% - iPad เพิ่มขึ้น 15% - Wearables, Home และ Accessories ลดลง 5% ✅ ธุรกิจ Apple Services - รายได้ 26.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% - อาจได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลเกี่ยวกับระบบชำระเงินภายนอก ✅ โครงการซื้อหุ้นคืนและเงินปันผล - Apple ประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ - เพิ่มเงินปันผลเป็น 0.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น https://www.neowin.net/news/apple-services-revenue-reach-historic-high-future-in-jeopardy-after-court-order/
    WWW.NEOWIN.NET
    Apple Services revenue reach historic high, future in jeopardy after court order
    While the installed base hit a record high, potential challenges loom from a recent court ruling and estimated $900 million in costs due to tariffs.
    0 Comments 0 Shares 328 Views 0 Reviews
  • Reddit คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยอาศัยการเติบโตของ โฆษณาดิจิทัล แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับงบประมาณด้านการตลาด

    หุ้นของ Reddit พุ่งขึ้น 20% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด ก่อนลดลงมาอยู่ที่ 7% หลังจาก Steve Huffman ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า Google Search อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ใช้รายวัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google ทำให้ Reddit มีความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชม

    Reddit ได้ลงทุนใน เทคโนโลยีโฆษณา เพื่อดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook และ Instagram เผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณโฆษณา โดย Reddit ใช้ Conversation Placement Ads ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา

    Jen Wong ซีโอโอของ Reddit เปิดเผยว่า จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรกของปี 2025 และบริษัทคาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ 395.5 ล้านดอลลาร์

    แม้ว่า Reddit จะเติบโตในด้านโฆษณา แต่หุ้นของบริษัทลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025 อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 61% ในไตรมาสแรกเป็น 392.4 ล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 13 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

    การเติบโตของรายได้และโฆษณา
    - คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์
    - จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรก

    ผลกระทบจาก Google Search
    - การเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google อาจส่งผลต่อจำนวนผู้ใช้รายวันของ Reddit
    - Reddit เคยเผชิญกับความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชมจากการเปลี่ยนแปลงของ Google

    กลยุทธ์ด้านโฆษณาของ Reddit
    - ใช้ Conversation Placement Ads เพื่อให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา
    - ดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่นเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณ

    สถานะของหุ้น Reddit
    - หุ้นลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025
    - รายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 61% เป็น 392.4 ล้านดอลลาร์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/reddit-forecasts-revenue-above-estimates-as-digital-ad-spend-grows-shares-surge
    Reddit คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยอาศัยการเติบโตของ โฆษณาดิจิทัล แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับงบประมาณด้านการตลาด หุ้นของ Reddit พุ่งขึ้น 20% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด ก่อนลดลงมาอยู่ที่ 7% หลังจาก Steve Huffman ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า Google Search อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ใช้รายวัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google ทำให้ Reddit มีความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชม Reddit ได้ลงทุนใน เทคโนโลยีโฆษณา เพื่อดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook และ Instagram เผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณโฆษณา โดย Reddit ใช้ Conversation Placement Ads ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา Jen Wong ซีโอโอของ Reddit เปิดเผยว่า จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรกของปี 2025 และบริษัทคาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ 395.5 ล้านดอลลาร์ แม้ว่า Reddit จะเติบโตในด้านโฆษณา แต่หุ้นของบริษัทลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025 อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 61% ในไตรมาสแรกเป็น 392.4 ล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 13 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ✅ การเติบโตของรายได้และโฆษณา - คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์ - จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรก ✅ ผลกระทบจาก Google Search - การเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google อาจส่งผลต่อจำนวนผู้ใช้รายวันของ Reddit - Reddit เคยเผชิญกับความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชมจากการเปลี่ยนแปลงของ Google ✅ กลยุทธ์ด้านโฆษณาของ Reddit - ใช้ Conversation Placement Ads เพื่อให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา - ดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่นเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณ ✅ สถานะของหุ้น Reddit - หุ้นลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025 - รายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 61% เป็น 392.4 ล้านดอลลาร์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/reddit-forecasts-revenue-above-estimates-as-digital-ad-spend-grows-shares-surge
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Reddit's strong revenue forecast signals advertising strength
    (Reuters) -Reddit forecast second-quarter revenue above Wall Street estimates on Thursday, betting on growing digital advertising spend on the social media platform despite uncertainty over marketing budgets.
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • การค้นหาข้อมูลทางการแพทย์บนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อ AI มีบทบาทมากขึ้นในการให้คำตอบ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการค้นหาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น และอาจนำไปสู่การวินิจฉัยที่ผิดพลาด

    แพทย์แนะนำให้ผู้ใช้เลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น Mayo Clinic หรือ Centers for Disease Control and Prevention (CDC) แทนที่จะคลิกที่ลิงก์แรกที่ปรากฏในผลการค้นหา เนื่องจากบางเว็บไซต์อาจได้รับการโปรโมตผ่านโฆษณาและไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง

    นอกจากนี้ การใช้ AI เพื่อค้นหาข้อมูลทางการแพทย์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจาก AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง หรือเกิด "hallucinations" ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ AI สร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

    แพทย์ยังแนะนำให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลตามอาการแทนที่จะพยายามวินิจฉัยโรคด้วยตนเอง เช่น ควรถามว่า "อะไรเป็นสาเหตุของก้อนเนื้อใต้ผิวหนัง?" แทนที่จะถามว่า "ก้อนเนื้อใต้ผิวหนังเป็นมะเร็งหรือไม่?" เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น

    เลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
    - ใช้เว็บไซต์ของ Mayo Clinic หรือ CDC
    - หลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่ได้รับการโปรโมตผ่านโฆษณา

    ข้อควรระวังในการใช้ AI
    - AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง
    - ระวัง hallucinations ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ AI สร้างข้อมูลผิดพลาด

    วิธีการค้นหาข้อมูลที่ถูกต้อง
    - ค้นหาข้อมูลตามอาการแทนที่จะพยายามวินิจฉัยโรคเอง
    - ใช้คำถามที่เปิดกว้าง เช่น "อะไรเป็นสาเหตุของอาการนี้?"

    สถานการณ์ที่ควรไปพบแพทย์ทันที
    - อาการเจ็บหน้าอก
    - เวียนศีรษะรุนแรง
    - สัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/whats-that-rash-put-some-thought-into-asking-google-for-medical-help
    การค้นหาข้อมูลทางการแพทย์บนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อ AI มีบทบาทมากขึ้นในการให้คำตอบ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการค้นหาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น และอาจนำไปสู่การวินิจฉัยที่ผิดพลาด แพทย์แนะนำให้ผู้ใช้เลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น Mayo Clinic หรือ Centers for Disease Control and Prevention (CDC) แทนที่จะคลิกที่ลิงก์แรกที่ปรากฏในผลการค้นหา เนื่องจากบางเว็บไซต์อาจได้รับการโปรโมตผ่านโฆษณาและไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง นอกจากนี้ การใช้ AI เพื่อค้นหาข้อมูลทางการแพทย์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจาก AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง หรือเกิด "hallucinations" ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ AI สร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แพทย์ยังแนะนำให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลตามอาการแทนที่จะพยายามวินิจฉัยโรคด้วยตนเอง เช่น ควรถามว่า "อะไรเป็นสาเหตุของก้อนเนื้อใต้ผิวหนัง?" แทนที่จะถามว่า "ก้อนเนื้อใต้ผิวหนังเป็นมะเร็งหรือไม่?" เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น ✅ เลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ - ใช้เว็บไซต์ของ Mayo Clinic หรือ CDC - หลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่ได้รับการโปรโมตผ่านโฆษณา ✅ ข้อควรระวังในการใช้ AI - AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง - ระวัง hallucinations ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ AI สร้างข้อมูลผิดพลาด ✅ วิธีการค้นหาข้อมูลที่ถูกต้อง - ค้นหาข้อมูลตามอาการแทนที่จะพยายามวินิจฉัยโรคเอง - ใช้คำถามที่เปิดกว้าง เช่น "อะไรเป็นสาเหตุของอาการนี้?" ✅ สถานการณ์ที่ควรไปพบแพทย์ทันที - อาการเจ็บหน้าอก - เวียนศีรษะรุนแรง - สัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/whats-that-rash-put-some-thought-into-asking-google-for-medical-help
    WWW.THESTAR.COM.MY
    What's that rash? Put some thought into asking Google for medical help
    Dr Google is often on call for worried patients, but it may not give the best advice.
    0 Comments 0 Shares 417 Views 0 Reviews
  • Live SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep291 (live)
    นักโทษเทวดาชั้น 14 ยังไม่จบ ศาลฎีกาฯสั่งไต่สวนเอง งานนี้ “ทักษิณ” จะรอดหรือไม่?
    #Live #Liveสด #thaitimes #sondhitalk #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายที่เป็นตัวแทนในคดีฟ้องร้องของผู้ถือหุ้น โดยเลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher ซึ่งเคยเป็นตัวแทนของบริษัทในการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่ Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาลของ Donald Trump ในคดีที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งบริหารที่จำกัดการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทกฎหมายบางแห่ง และพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าของพวกเขา

    Microsoft ไม่ได้ให้เหตุผลในการเปลี่ยนสำนักงานกฎหมาย แต่ระบุว่า Simpson Thacher ยังคงเป็นตัวแทนของบริษัทในเรื่องอื่นๆ ขณะที่ Jenner & Block เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน และมีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

    คดีในศาล Delaware Chancery Court เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาว่า Activision Blizzard อนุมัติร่างข้อตกลงการควบรวมกิจการโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย Microsoft ได้ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธคำร้องขอค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์ จากทนายความของผู้ถือหุ้น Activision

    Microsoft เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายในคดีผู้ถือหุ้น
    - เลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher
    - คดีเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์

    ความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล Trump
    - Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาล Trump ในคดีเกี่ยวกับคำสั่งบริหาร
    - คำสั่งดังกล่าวจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าบริษัทกฎหมาย

    รายละเอียดของคดีในศาล Delaware
    - Activision Blizzard ถูกกล่าวหาว่าอนุมัติร่างข้อตกลงโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย
    - Microsoft ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์

    บทบาทของ Jenner & Block
    - เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน
    - มีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/microsoft-swaps-law-firms-in-shareholder-case-hiring-trump-adversary
    Microsoft ได้เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายที่เป็นตัวแทนในคดีฟ้องร้องของผู้ถือหุ้น โดยเลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher ซึ่งเคยเป็นตัวแทนของบริษัทในการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่ Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาลของ Donald Trump ในคดีที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งบริหารที่จำกัดการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทกฎหมายบางแห่ง และพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าของพวกเขา Microsoft ไม่ได้ให้เหตุผลในการเปลี่ยนสำนักงานกฎหมาย แต่ระบุว่า Simpson Thacher ยังคงเป็นตัวแทนของบริษัทในเรื่องอื่นๆ ขณะที่ Jenner & Block เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน และมีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล คดีในศาล Delaware Chancery Court เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาว่า Activision Blizzard อนุมัติร่างข้อตกลงการควบรวมกิจการโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย Microsoft ได้ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธคำร้องขอค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์ จากทนายความของผู้ถือหุ้น Activision ✅ Microsoft เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายในคดีผู้ถือหุ้น - เลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher - คดีเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์ ✅ ความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล Trump - Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาล Trump ในคดีเกี่ยวกับคำสั่งบริหาร - คำสั่งดังกล่าวจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าบริษัทกฎหมาย ✅ รายละเอียดของคดีในศาล Delaware - Activision Blizzard ถูกกล่าวหาว่าอนุมัติร่างข้อตกลงโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย - Microsoft ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์ ✅ บทบาทของ Jenner & Block - เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน - มีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/microsoft-swaps-law-firms-in-shareholder-case-hiring-trump-adversary
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft swaps law firms in shareholder case, hiring Trump adversary
    (Reuters) -Microsoft is switching the law firm representing it in a shareholder case, replacing one that settled with the Trump administration to avoid a punishing executive order with one that is fighting the White House.
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • ศาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับ Meta Platforms ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้ เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ โดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อฝึกโมเดล AI ของตน โดย ผู้พิพากษา Vince Chhabria ตั้งคำถามว่า Meta สามารถใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ได้หรือไม่

    คดีนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ หนังสือของ Junot Diaz และ Sarah Silverman เพื่อฝึกโมเดล Llama ของ Meta โดย Meta อ้างว่าเป็น "การใช้งานที่เป็นธรรม" (Fair Use) ซึ่งเป็นหลักการทางกฎหมายที่อนุญาตให้ใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในบางกรณี

    อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษา Chhabria ตั้งข้อสังเกตว่า การใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถผลิตเนื้อหาจำนวนมากที่แข่งขันกับต้นฉบับ อาจทำลายตลาดของผู้สร้างเนื้อหา และตั้งคำถามว่า Meta ควรต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์หรือไม่

    คดีนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาทที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับ การใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึก AI ซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น OpenAI และ Anthropic โดยบริษัทเหล่านี้อ้างว่า AI ของพวกเขาใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์เพื่อสร้างเนื้อหาใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่ใช่การคัดลอกโดยตรง

    ข้อกล่าวหาต่อ Meta
    - Meta ถูกกล่าวหาว่าใช้หนังสือของ Junot Diaz และ Sarah Silverman เพื่อฝึกโมเดล AI
    - บริษัทอ้างว่าเป็น "การใช้งานที่เป็นธรรม" (Fair Use)

    ข้อกังวลของศาล
    - ผู้พิพากษา Chhabria ตั้งคำถามว่า Meta ควรต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์หรือไม่
    - การใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์อาจทำลายตลาดของผู้สร้างเนื้อหา

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - คดีนี้อาจส่งผลต่อบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น OpenAI และ Anthropic
    - หากศาลตัดสินว่า Meta ละเมิดลิขสิทธิ์ อาจส่งผลต่อแนวทางการฝึก AI ในอนาคต

    แนวทางของ Meta
    - Meta อ้างว่า AI ของตนใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์เพื่อสร้างเนื้อหาใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง
    - บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ใช้แนวทางเดียวกันในการฝึกโมเดล AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/judge-in-meta-case-warns-ai-could-039obliterate039-market-for-original-works
    ศาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับ Meta Platforms ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้ เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ โดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อฝึกโมเดล AI ของตน โดย ผู้พิพากษา Vince Chhabria ตั้งคำถามว่า Meta สามารถใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ได้หรือไม่ คดีนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ หนังสือของ Junot Diaz และ Sarah Silverman เพื่อฝึกโมเดล Llama ของ Meta โดย Meta อ้างว่าเป็น "การใช้งานที่เป็นธรรม" (Fair Use) ซึ่งเป็นหลักการทางกฎหมายที่อนุญาตให้ใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในบางกรณี อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษา Chhabria ตั้งข้อสังเกตว่า การใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถผลิตเนื้อหาจำนวนมากที่แข่งขันกับต้นฉบับ อาจทำลายตลาดของผู้สร้างเนื้อหา และตั้งคำถามว่า Meta ควรต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์หรือไม่ คดีนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาทที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับ การใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึก AI ซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น OpenAI และ Anthropic โดยบริษัทเหล่านี้อ้างว่า AI ของพวกเขาใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์เพื่อสร้างเนื้อหาใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่ใช่การคัดลอกโดยตรง ✅ ข้อกล่าวหาต่อ Meta - Meta ถูกกล่าวหาว่าใช้หนังสือของ Junot Diaz และ Sarah Silverman เพื่อฝึกโมเดล AI - บริษัทอ้างว่าเป็น "การใช้งานที่เป็นธรรม" (Fair Use) ✅ ข้อกังวลของศาล - ผู้พิพากษา Chhabria ตั้งคำถามว่า Meta ควรต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์หรือไม่ - การใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์อาจทำลายตลาดของผู้สร้างเนื้อหา ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - คดีนี้อาจส่งผลต่อบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น OpenAI และ Anthropic - หากศาลตัดสินว่า Meta ละเมิดลิขสิทธิ์ อาจส่งผลต่อแนวทางการฝึก AI ในอนาคต ✅ แนวทางของ Meta - Meta อ้างว่า AI ของตนใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์เพื่อสร้างเนื้อหาใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง - บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ใช้แนวทางเดียวกันในการฝึกโมเดล AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/judge-in-meta-case-warns-ai-could-039obliterate039-market-for-original-works
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Judge in Meta case warns AI could 'obliterate' market for original works
    (Reuters) - A skeptical federal judge in San Francisco on Thursday questioned Meta Platforms' argument that it can legally use copyrighted works without permission to train its artificial intelligence models.
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/live/iJs3IM8D9os?si=u4dXLiBIsrwNj1AT
    https://www.youtube.com/live/iJs3IM8D9os?si=u4dXLiBIsrwNj1AT
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • Microsoft กำลังใช้ AI ในการเขียนโค้ดมากขึ้น โดย Satya Nadella ซีอีโอของบริษัทเปิดเผยว่า 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI และบางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด

    Nadella ได้เข้าร่วมงาน LlamaCon ร่วมกับ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI และการมีส่วนร่วมในระบบโอเพ่นซอร์ส โดยเขาระบุว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากและมีรูปแบบที่คาดเดาได้

    แม้ว่า AI จะช่วยให้การพัฒนาโค้ดมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ เนื่องจาก AI สามารถลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง อย่างไรก็ตาม Nadella ย้ำว่า AI ยังต้องการการตรวจสอบจากนักพัฒนาที่มีประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่สร้างขึ้นสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง

    Microsoft พบว่า AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++ เนื่องจาก Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่า, รองรับ dynamic typing และมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า ขณะที่ C++ เป็นภาษาที่เกี่ยวข้องกับโค้ดระดับต่ำ ซึ่งยากต่อการทำให้เป็นอัตโนมัติ

    AI เขียนโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft
    - 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI
    - บางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด

    การพัฒนา AI ในระบบโอเพ่นซอร์ส
    - Nadella และ Zuckerberg พูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI ในงาน LlamaCon
    - AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะงานที่มีรูปแบบที่คาดเดาได้

    ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่
    - AI อาจลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง
    - นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบโค้ด

    ความแตกต่างระหว่าง Python และ C++ ในการใช้ AI
    - AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++
    - Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่าและมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsofts-ceo-reveals-that-ai-writes-up-to-30-percent-of-its-code-some-projects-may-have-all-of-its-code-written-by-ai
    Microsoft กำลังใช้ AI ในการเขียนโค้ดมากขึ้น โดย Satya Nadella ซีอีโอของบริษัทเปิดเผยว่า 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI และบางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด Nadella ได้เข้าร่วมงาน LlamaCon ร่วมกับ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI และการมีส่วนร่วมในระบบโอเพ่นซอร์ส โดยเขาระบุว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากและมีรูปแบบที่คาดเดาได้ แม้ว่า AI จะช่วยให้การพัฒนาโค้ดมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ เนื่องจาก AI สามารถลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง อย่างไรก็ตาม Nadella ย้ำว่า AI ยังต้องการการตรวจสอบจากนักพัฒนาที่มีประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่สร้างขึ้นสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง Microsoft พบว่า AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++ เนื่องจาก Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่า, รองรับ dynamic typing และมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า ขณะที่ C++ เป็นภาษาที่เกี่ยวข้องกับโค้ดระดับต่ำ ซึ่งยากต่อการทำให้เป็นอัตโนมัติ ✅ AI เขียนโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft - 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI - บางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด ✅ การพัฒนา AI ในระบบโอเพ่นซอร์ส - Nadella และ Zuckerberg พูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI ในงาน LlamaCon - AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะงานที่มีรูปแบบที่คาดเดาได้ ✅ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ - AI อาจลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง - นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบโค้ด ✅ ความแตกต่างระหว่าง Python และ C++ ในการใช้ AI - AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++ - Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่าและมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsofts-ceo-reveals-that-ai-writes-up-to-30-percent-of-its-code-some-projects-may-have-all-of-its-code-written-by-ai
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังพัฒนา ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบตรง สำหรับ ซีพียูที่ใช้พลังงานสูงถึง 1,000 วัตต์ โดยใช้ แพ็กเกจระดับไมโครแชนแนล ที่ช่วยให้การไหลของของเหลวมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ระบบนี้ไม่ใช่การระบายความร้อนโดยตรงบน die ของซีพียู แต่ใช้ บล็อกระบายความร้อนขนาดกะทัดรัด ที่มี ช่องทางขนาดเล็กที่ทำจากทองแดง เพื่อควบคุมการไหลของของเหลวไปยังจุดที่มีความร้อนสูงสุด ซึ่งช่วยให้สามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้น

    Intel ระบุว่าระบบนี้สามารถ กระจายความร้อนได้สูงถึง 1,000 วัตต์ ซึ่งเหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานสูง เช่น AI, HPC (High Performance Computing) และเวิร์กสเตชัน

    นอกจากนี้ Intel ยังใช้ TIM (Thermal Interface Material) แบบโลหะเหลวหรือแบบบัดกรี ซึ่งให้การสัมผัสที่ดีกว่า TIM แบบโพลิเมอร์ และช่วยให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนดีขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนแบบเดิม

    การพัฒนาเทคโนโลยีระบายความร้อน
    - ใช้แพ็กเกจระดับไมโครแชนแนลเพื่อควบคุมการไหลของของเหลว
    - สามารถกระจายความร้อนได้สูงถึง 1,000 วัตต์

    การออกแบบระบบระบายความร้อน
    - ไม่ใช่การระบายความร้อนโดยตรงบน die ของซีพียู
    - ใช้บล็อกระบายความร้อนที่มีช่องทางขนาดเล็กทำจากทองแดง

    การใช้ TIM แบบโลหะเหลวหรือแบบบัดกรี
    - ให้การสัมผัสที่ดีกว่า TIM แบบโพลิเมอร์
    - เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน 15-20%

    การนำไปใช้ในงานที่ต้องใช้พลังงานสูง
    - เหมาะสำหรับ AI, HPC และเวิร์กสเตชัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cooling/intel-experimenting-with-direct-liquid-cooling-for-up-to-1000w-cpus-package-level-approach-maximizes-performance-reduces-size-and-complexity
    Intel กำลังพัฒนา ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบตรง สำหรับ ซีพียูที่ใช้พลังงานสูงถึง 1,000 วัตต์ โดยใช้ แพ็กเกจระดับไมโครแชนแนล ที่ช่วยให้การไหลของของเหลวมีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบนี้ไม่ใช่การระบายความร้อนโดยตรงบน die ของซีพียู แต่ใช้ บล็อกระบายความร้อนขนาดกะทัดรัด ที่มี ช่องทางขนาดเล็กที่ทำจากทองแดง เพื่อควบคุมการไหลของของเหลวไปยังจุดที่มีความร้อนสูงสุด ซึ่งช่วยให้สามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้น Intel ระบุว่าระบบนี้สามารถ กระจายความร้อนได้สูงถึง 1,000 วัตต์ ซึ่งเหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานสูง เช่น AI, HPC (High Performance Computing) และเวิร์กสเตชัน นอกจากนี้ Intel ยังใช้ TIM (Thermal Interface Material) แบบโลหะเหลวหรือแบบบัดกรี ซึ่งให้การสัมผัสที่ดีกว่า TIM แบบโพลิเมอร์ และช่วยให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนดีขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนแบบเดิม ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีระบายความร้อน - ใช้แพ็กเกจระดับไมโครแชนแนลเพื่อควบคุมการไหลของของเหลว - สามารถกระจายความร้อนได้สูงถึง 1,000 วัตต์ ✅ การออกแบบระบบระบายความร้อน - ไม่ใช่การระบายความร้อนโดยตรงบน die ของซีพียู - ใช้บล็อกระบายความร้อนที่มีช่องทางขนาดเล็กทำจากทองแดง ✅ การใช้ TIM แบบโลหะเหลวหรือแบบบัดกรี - ให้การสัมผัสที่ดีกว่า TIM แบบโพลิเมอร์ - เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน 15-20% ✅ การนำไปใช้ในงานที่ต้องใช้พลังงานสูง - เหมาะสำหรับ AI, HPC และเวิร์กสเตชัน https://www.tomshardware.com/pc-components/cooling/intel-experimenting-with-direct-liquid-cooling-for-up-to-1000w-cpus-package-level-approach-maximizes-performance-reduces-size-and-complexity
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • AMD กำลังเตรียมเปิดตัว Ryzen 9000G และ EPYC 4005 ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นใหม่สำหรับแพลตฟอร์ม AM5 โดยใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    ซีพียู Ryzen 9000G ใช้โค้ดเนม Gorgon Point ซึ่งเป็นการรีแบรนด์จาก Strix Point โดยมี 12 คอร์แบบไฮบริด (4x Zen 5 + 8x Zen 5c) และกราฟิก RDNA 3.5 พร้อม 16 Compute Units (Radeon 890M) คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

    ส่วน EPYC 4005 ใช้โค้ดเนม Grado ซึ่งเป็นรุ่นต่อจาก EPYC 4004 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้สถาปัตยกรรม Granite Ridge (Ryzen 9000) และคาดว่าจะเปิดตัวพร้อมกับ Ryzen 9000WX (Shimada Peak) สำหรับเวิร์กสเตชันในงาน Computex

    นอกจากนี้ AMD ยังมีแผนเปิดตัว Krackan2 ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงของ Krackan Point และ GorgonPoint2 ซึ่งเป็นรุ่นลดสเปกของ GorgonPoint1 รวมถึง Soundwave ซึ่งเป็นชิป ARM-based ที่ใช้กราฟิก Radeon สำหรับอุปกรณ์พลังงานต่ำ

    Ryzen 9000G (Gorgon Point)
    - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5
    - มี 12 คอร์แบบไฮบริด (4x Zen 5 + 8x Zen 5c)
    - กราฟิก RDNA 3.5 พร้อม 16 Compute Units (Radeon 890M)
    - คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

    EPYC 4005 (Grado)
    - รุ่นต่อจาก EPYC 4004
    - ใช้สถาปัตยกรรม Granite Ridge (Ryzen 9000)
    - คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Computex

    Krackan2 และ GorgonPoint2
    - Krackan2 เป็นรุ่นปรับปรุงของ Krackan Point
    - GorgonPoint2 เป็นรุ่นลดสเปกของ GorgonPoint1

    Soundwave – ชิป ARM-based
    - ใช้กราฟิก Radeon
    - ออกแบบสำหรับอุปกรณ์พลังงานต่ำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-is-reportedly-readying-ryzen-9000g-gorgon-point-and-epyc-4005-grado-cpus-for-am5
    AMD กำลังเตรียมเปิดตัว Ryzen 9000G และ EPYC 4005 ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นใหม่สำหรับแพลตฟอร์ม AM5 โดยใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซีพียู Ryzen 9000G ใช้โค้ดเนม Gorgon Point ซึ่งเป็นการรีแบรนด์จาก Strix Point โดยมี 12 คอร์แบบไฮบริด (4x Zen 5 + 8x Zen 5c) และกราฟิก RDNA 3.5 พร้อม 16 Compute Units (Radeon 890M) คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่วน EPYC 4005 ใช้โค้ดเนม Grado ซึ่งเป็นรุ่นต่อจาก EPYC 4004 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้สถาปัตยกรรม Granite Ridge (Ryzen 9000) และคาดว่าจะเปิดตัวพร้อมกับ Ryzen 9000WX (Shimada Peak) สำหรับเวิร์กสเตชันในงาน Computex นอกจากนี้ AMD ยังมีแผนเปิดตัว Krackan2 ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงของ Krackan Point และ GorgonPoint2 ซึ่งเป็นรุ่นลดสเปกของ GorgonPoint1 รวมถึง Soundwave ซึ่งเป็นชิป ARM-based ที่ใช้กราฟิก Radeon สำหรับอุปกรณ์พลังงานต่ำ ✅ Ryzen 9000G (Gorgon Point) - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 - มี 12 คอร์แบบไฮบริด (4x Zen 5 + 8x Zen 5c) - กราฟิก RDNA 3.5 พร้อม 16 Compute Units (Radeon 890M) - คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ✅ EPYC 4005 (Grado) - รุ่นต่อจาก EPYC 4004 - ใช้สถาปัตยกรรม Granite Ridge (Ryzen 9000) - คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Computex ✅ Krackan2 และ GorgonPoint2 - Krackan2 เป็นรุ่นปรับปรุงของ Krackan Point - GorgonPoint2 เป็นรุ่นลดสเปกของ GorgonPoint1 ✅ Soundwave – ชิป ARM-based - ใช้กราฟิก Radeon - ออกแบบสำหรับอุปกรณ์พลังงานต่ำ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-is-reportedly-readying-ryzen-9000g-gorgon-point-and-epyc-4005-grado-cpus-for-am5
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • TSMC ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Fab 21 phase 3 ที่ตั้งอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา โรงงานนี้จะสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N2, N2P (2nm-class) และ A16 (1.6nm-class) เมื่อเสร็จสมบูรณ์ระหว่างปี 2028-2030

    การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน มูลค่า 165 พันล้านดอลลาร์ ที่ TSMC ประกาศในเดือนมีนาคม โดย Fab 21 จะมีทั้งหมด 6 โมดูล ซึ่งโมดูลที่ 3 และ 4 จะใช้เทคโนโลยี 2nm-class ส่วนโมดูลที่ 5 และ 6 จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า เช่น A14 (1.4nm-class)

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไต้หวันได้ออกกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ TSMC ต้องได้รับอนุญาตก่อนที่จะลงทุนในโครงการต่างประเทศ และไม่สามารถส่งออกเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าที่สุดไปยังโรงงานในต่างประเทศได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของ TSMC

    นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเงื่อนไขในการให้เงินสนับสนุนภายใต้ CHIPS and Science Act โดยอาจกำหนดให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการรับเงินสนับสนุนต้องเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ

    การก่อสร้าง Fab 21 phase 3
    - ตั้งอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา
    - จะสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N2, N2P และ A16

    แผนการลงทุนของ TSMC
    - มูลค่า 165 พันล้านดอลลาร์
    - Fab 21 จะมีทั้งหมด 6 โมดูล

    ข้อจำกัดจากรัฐบาลไต้หวัน
    - TSMC ต้องได้รับอนุญาตก่อนลงทุนในต่างประเทศ
    - ไม่สามารถส่งออกเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าที่สุดไปยังโรงงานในต่างประเทศ

    การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ
    - อาจกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการรับเงินสนับสนุนต้องเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-starts-construction-its-1-6nm-and-2nm-capable-u-s-fab-fab-21-phase-3
    TSMC ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Fab 21 phase 3 ที่ตั้งอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา โรงงานนี้จะสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N2, N2P (2nm-class) และ A16 (1.6nm-class) เมื่อเสร็จสมบูรณ์ระหว่างปี 2028-2030 การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน มูลค่า 165 พันล้านดอลลาร์ ที่ TSMC ประกาศในเดือนมีนาคม โดย Fab 21 จะมีทั้งหมด 6 โมดูล ซึ่งโมดูลที่ 3 และ 4 จะใช้เทคโนโลยี 2nm-class ส่วนโมดูลที่ 5 และ 6 จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า เช่น A14 (1.4nm-class) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไต้หวันได้ออกกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ TSMC ต้องได้รับอนุญาตก่อนที่จะลงทุนในโครงการต่างประเทศ และไม่สามารถส่งออกเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าที่สุดไปยังโรงงานในต่างประเทศได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของ TSMC นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเงื่อนไขในการให้เงินสนับสนุนภายใต้ CHIPS and Science Act โดยอาจกำหนดให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการรับเงินสนับสนุนต้องเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ ✅ การก่อสร้าง Fab 21 phase 3 - ตั้งอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา - จะสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N2, N2P และ A16 ✅ แผนการลงทุนของ TSMC - มูลค่า 165 พันล้านดอลลาร์ - Fab 21 จะมีทั้งหมด 6 โมดูล ✅ ข้อจำกัดจากรัฐบาลไต้หวัน - TSMC ต้องได้รับอนุญาตก่อนลงทุนในต่างประเทศ - ไม่สามารถส่งออกเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าที่สุดไปยังโรงงานในต่างประเทศ ✅ การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ - อาจกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการรับเงินสนับสนุนต้องเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-starts-construction-its-1-6nm-and-2nm-capable-u-s-fab-fab-21-phase-3
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • ความล้มเหลวของประชาธิปไตย และทางออกจากผู้นำด้อยปัญญา

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000041022
    ความล้มเหลวของประชาธิปไตย และทางออกจากผู้นำด้อยปัญญา บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000041022
    MGRONLINE.COM
    ความล้มเหลวของประชาธิปไตย และทางออกจากผู้นำด้อยปัญญา
    คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ปุจฉาว่า ประชาธิปไตยไทยมันล้มเหลวหมดแล้ว
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 344 Views 0 Reviews
  • นักพัฒนา Ibrahim Diallo ได้คิดค้นวิธีป้องกันบล็อกของเขาจากบอทที่เป็นอันตราย โดยใช้ Zip Bombs ซึ่งเป็นไฟล์บีบอัดขนาดเล็กที่สามารถขยายตัวเป็นไฟล์ขนาดมหาศาลเมื่อถูกเปิดออก

    Diallo พบว่าบอทบางตัวพยายามโจมตีเซิร์ฟเวอร์ของเขาด้วยการฉีดโค้ดที่เป็นอันตรายหรือสแกนหาช่องโหว่ ดังนั้นเขาจึงสร้าง Zip Bombs ที่มีขนาด 1MB แต่สามารถขยายเป็น 1GB และ 10MB ที่สามารถขยายเป็น 10GB เพื่อทำให้บอทเหล่านั้นล่ม

    เมื่อเซิร์ฟเวอร์ของเขาตรวจพบบอทที่เป็นอันตราย ระบบจะส่ง 200 OK Response พร้อมกับไฟล์ Zip Bomb ซึ่งบอทจะเปิดไฟล์เพื่อพยายามดึงข้อมูล แต่เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป บอทจะใช้ทรัพยากรหน่วยความจำจนหมดและล่มไป

    Diallo เตือนว่าการใช้ Zip Bombs ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะหากเปิดไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเองล่มได้เช่นกัน นอกจากนี้ บอทบางตัวสามารถตรวจจับและหลีกเลี่ยง Zip Bombs ได้

    Zip Bombs คืออะไร?
    - ไฟล์บีบอัดขนาดเล็กที่สามารถขยายตัวเป็นไฟล์ขนาดมหาศาลเมื่อถูกเปิดออก
    - ใช้เพื่อทำให้บอทที่เป็นอันตรายล่มโดยใช้ทรัพยากรหน่วยความจำจนหมด

    วิธีการทำงานของระบบป้องกันบอท
    - เซิร์ฟเวอร์ตรวจพบบอทที่เป็นอันตรายและส่งไฟล์ Zip Bomb
    - บอทเปิดไฟล์เพื่อพยายามดึงข้อมูล แต่ไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้ระบบของบอทล่ม

    ตัวอย่าง Zip Bombs ที่ใช้
    - 1MB ที่สามารถขยายเป็น 1GB
    - 10MB ที่สามารถขยายเป็น 10GB

    ข้อจำกัดของ Zip Bombs
    - บอทบางตัวสามารถตรวจจับและหลีกเลี่ยง Zip Bombs ได้
    - หากเปิดไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเองล่มได้

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/software-dev-fortifies-his-blog-with-zip-bombs-attacking-bots-meet-their-end-with-explosive-data-package
    นักพัฒนา Ibrahim Diallo ได้คิดค้นวิธีป้องกันบล็อกของเขาจากบอทที่เป็นอันตราย โดยใช้ Zip Bombs ซึ่งเป็นไฟล์บีบอัดขนาดเล็กที่สามารถขยายตัวเป็นไฟล์ขนาดมหาศาลเมื่อถูกเปิดออก Diallo พบว่าบอทบางตัวพยายามโจมตีเซิร์ฟเวอร์ของเขาด้วยการฉีดโค้ดที่เป็นอันตรายหรือสแกนหาช่องโหว่ ดังนั้นเขาจึงสร้าง Zip Bombs ที่มีขนาด 1MB แต่สามารถขยายเป็น 1GB และ 10MB ที่สามารถขยายเป็น 10GB เพื่อทำให้บอทเหล่านั้นล่ม เมื่อเซิร์ฟเวอร์ของเขาตรวจพบบอทที่เป็นอันตราย ระบบจะส่ง 200 OK Response พร้อมกับไฟล์ Zip Bomb ซึ่งบอทจะเปิดไฟล์เพื่อพยายามดึงข้อมูล แต่เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป บอทจะใช้ทรัพยากรหน่วยความจำจนหมดและล่มไป Diallo เตือนว่าการใช้ Zip Bombs ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะหากเปิดไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเองล่มได้เช่นกัน นอกจากนี้ บอทบางตัวสามารถตรวจจับและหลีกเลี่ยง Zip Bombs ได้ ✅ Zip Bombs คืออะไร? - ไฟล์บีบอัดขนาดเล็กที่สามารถขยายตัวเป็นไฟล์ขนาดมหาศาลเมื่อถูกเปิดออก - ใช้เพื่อทำให้บอทที่เป็นอันตรายล่มโดยใช้ทรัพยากรหน่วยความจำจนหมด ✅ วิธีการทำงานของระบบป้องกันบอท - เซิร์ฟเวอร์ตรวจพบบอทที่เป็นอันตรายและส่งไฟล์ Zip Bomb - บอทเปิดไฟล์เพื่อพยายามดึงข้อมูล แต่ไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้ระบบของบอทล่ม ✅ ตัวอย่าง Zip Bombs ที่ใช้ - 1MB ที่สามารถขยายเป็น 1GB - 10MB ที่สามารถขยายเป็น 10GB ✅ ข้อจำกัดของ Zip Bombs - บอทบางตัวสามารถตรวจจับและหลีกเลี่ยง Zip Bombs ได้ - หากเปิดไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเองล่มได้ https://www.tomshardware.com/desktops/servers/software-dev-fortifies-his-blog-with-zip-bombs-attacking-bots-meet-their-end-with-explosive-data-package
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • Nvidia ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดย Jensen Huang ซีอีโอของบริษัทระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบัน ขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก และอาจทำให้บริษัทอเมริกันเสียเปรียบในการแข่งขันกับจีน

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ Donald Trump กำลังพิจารณา เพิ่มความเข้มงวด ในข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดยอาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime ซึ่งจะทำให้การส่งออกขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแทนที่จะเป็นข้อกำหนดทั่วไป

    ภายใต้กฎปัจจุบัน ประเทศพันธมิตร (Tier 1) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด ขณะที่ ประเทศในกลุ่ม Tier 2 เช่น อินเดียและบราซิล ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี และต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ส่วน ประเทศที่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร (Tier 3) เช่น จีนและรัสเซีย ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด

    Huang เตือนว่าหากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง โดย Huawei ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ และอาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในอนาคต

    ข้อเรียกร้องของ Nvidia
    - Jensen Huang เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI
    - ระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบันขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก

    แนวทางของรัฐบาลสหรัฐฯ
    - รัฐบาล Trump กำลังพิจารณาเพิ่มความเข้มงวดในข้อจำกัด
    - อาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime

    ข้อจำกัดการส่งออกภายใต้กฎปัจจุบัน
    - Tier 1 (ประเทศพันธมิตร) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด
    - Tier 2 (อินเดีย, บราซิล) ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี
    - Tier 3 (จีน, รัสเซีย) ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด

    ผลกระทบต่อการแข่งขันกับจีน
    - Huawei กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia
    - หากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-asks-us-government-to-ease-ai-gpu-export-rules-but-trump-administration-plans-tighter-controls
    Nvidia ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดย Jensen Huang ซีอีโอของบริษัทระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบัน ขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก และอาจทำให้บริษัทอเมริกันเสียเปรียบในการแข่งขันกับจีน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ Donald Trump กำลังพิจารณา เพิ่มความเข้มงวด ในข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดยอาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime ซึ่งจะทำให้การส่งออกขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแทนที่จะเป็นข้อกำหนดทั่วไป ภายใต้กฎปัจจุบัน ประเทศพันธมิตร (Tier 1) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด ขณะที่ ประเทศในกลุ่ม Tier 2 เช่น อินเดียและบราซิล ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี และต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ส่วน ประเทศที่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร (Tier 3) เช่น จีนและรัสเซีย ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด Huang เตือนว่าหากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง โดย Huawei ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ และอาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในอนาคต ✅ ข้อเรียกร้องของ Nvidia - Jensen Huang เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI - ระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบันขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก ✅ แนวทางของรัฐบาลสหรัฐฯ - รัฐบาล Trump กำลังพิจารณาเพิ่มความเข้มงวดในข้อจำกัด - อาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime ✅ ข้อจำกัดการส่งออกภายใต้กฎปัจจุบัน - Tier 1 (ประเทศพันธมิตร) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด - Tier 2 (อินเดีย, บราซิล) ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี - Tier 3 (จีน, รัสเซีย) ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันกับจีน - Huawei กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia - หากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-asks-us-government-to-ease-ai-gpu-export-rules-but-trump-administration-plans-tighter-controls
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • TSMC กำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Kevin Zhang รองประธานอาวุโสของบริษัทเปิดเผยว่า TSMC จะนำเสนอเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น AI, HPC และอุปกรณ์ผู้บริโภค

    ในอดีต อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ขับเคลื่อนโดย โปรเซสเซอร์สำหรับพีซี แต่เมื่อสมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาท เทคโนโลยีการผลิตก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับ SoC สำหรับมือถือ และปัจจุบัน AI และ HPC กำลังกลายเป็นกลุ่มที่ต้องการเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุด

    TSMC วางแผนที่จะนำเสนอ N3P, N2, N2P และ A14 สำหรับอุปกรณ์มือถือและพีซี ซึ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์โดยไม่ต้องใช้ backside power delivery ขณะที่ A16 และ A14P จะถูกออกแบบมาสำหรับ AI และ HPC โดยใช้ Super Power Rail Backside Power Delivery Network (BSPDN)

    นอกจากนี้ TSMC กำลังขยายเทคโนโลยี multi-chiplet packaging เพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูล โดยมีการพัฒนา silicon photonics และ embedded power components เพื่อสร้างระบบที่มีแบนด์วิดธ์สูงและประหยัดพลังงาน

    การปรับตัวของ TSMC ต่อความต้องการของตลาด
    - นำเสนอเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันสำหรับ AI, HPC และอุปกรณ์ผู้บริโภค
    - ขยายเทคโนโลยี multi-chiplet packaging เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล

    เทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์มือถือและพีซี
    - ใช้ N3P, N2, N2P และ A14 ซึ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์
    - ไม่ต้องใช้ backside power delivery

    เทคโนโลยีสำหรับ AI และ HPC
    - ใช้ A16 และ A14P พร้อม Super Power Rail Backside Power Delivery Network (BSPDN)
    - รองรับการใช้พลังงานสูงในศูนย์ข้อมูล

    การพัฒนา multi-chiplet packaging
    - รวม silicon photonics และ embedded power components
    - สร้างระบบที่มีแบนด์วิดธ์สูงและประหยัดพลังงาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-svp-kevin-zhang-opens-up-on-process-technology-development-and-evolving-demands-interview
    TSMC กำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Kevin Zhang รองประธานอาวุโสของบริษัทเปิดเผยว่า TSMC จะนำเสนอเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น AI, HPC และอุปกรณ์ผู้บริโภค ในอดีต อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ขับเคลื่อนโดย โปรเซสเซอร์สำหรับพีซี แต่เมื่อสมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาท เทคโนโลยีการผลิตก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับ SoC สำหรับมือถือ และปัจจุบัน AI และ HPC กำลังกลายเป็นกลุ่มที่ต้องการเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุด TSMC วางแผนที่จะนำเสนอ N3P, N2, N2P และ A14 สำหรับอุปกรณ์มือถือและพีซี ซึ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์โดยไม่ต้องใช้ backside power delivery ขณะที่ A16 และ A14P จะถูกออกแบบมาสำหรับ AI และ HPC โดยใช้ Super Power Rail Backside Power Delivery Network (BSPDN) นอกจากนี้ TSMC กำลังขยายเทคโนโลยี multi-chiplet packaging เพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูล โดยมีการพัฒนา silicon photonics และ embedded power components เพื่อสร้างระบบที่มีแบนด์วิดธ์สูงและประหยัดพลังงาน ✅ การปรับตัวของ TSMC ต่อความต้องการของตลาด - นำเสนอเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันสำหรับ AI, HPC และอุปกรณ์ผู้บริโภค - ขยายเทคโนโลยี multi-chiplet packaging เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล ✅ เทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์มือถือและพีซี - ใช้ N3P, N2, N2P และ A14 ซึ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์ - ไม่ต้องใช้ backside power delivery ✅ เทคโนโลยีสำหรับ AI และ HPC - ใช้ A16 และ A14P พร้อม Super Power Rail Backside Power Delivery Network (BSPDN) - รองรับการใช้พลังงานสูงในศูนย์ข้อมูล ✅ การพัฒนา multi-chiplet packaging - รวม silicon photonics และ embedded power components - สร้างระบบที่มีแบนด์วิดธ์สูงและประหยัดพลังงาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-svp-kevin-zhang-opens-up-on-process-technology-development-and-evolving-demands-interview
    0 Comments 0 Shares 387 Views 0 Reviews
  • Buffalo Japan ฉลองครบรอบ 50 ปี ด้วยการเปิดตัว ฮาร์ดดิสก์แบบโปร่งใสรุ่นพิเศษ ที่มีชื่อว่า Buffalo HD-SKL 'Skeleton Hard Disk' ซึ่งมาพร้อมกับ แผงใสที่เผยให้เห็นกลไกภายใน เช่น จานหมุนและหัวอ่าน/เขียนข้อมูล

    แม้ว่าฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้จะเน้นไปที่ ดีไซน์และความสวยงาม มากกว่าประสิทธิภาพ แต่ Buffalo ยืนยันว่าใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น อะลูมิเนียมที่ผ่านการเจียระไนและอโนไดซ์ เพื่อให้มีความทนทานและดูหรูหรา

    นอกจากนี้ Buffalo ยังพัฒนา SeekWizard ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับ Windows ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนอ่านข้อมูล ผ่านโหมดต่างๆ เช่น Random Seek, Sequential Seek, Metronome และ Wave

    อย่างไรก็ตาม ฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้ไม่ได้มาพร้อมกับ ไฟ RGB ซึ่งแตกต่างจากแนวโน้มของอุปกรณ์ไอทีในปัจจุบันที่นิยมโชว์กลไกภายในด้วยแสงไฟ

    Buffalo HD-SKL มีความจุ 4TB และใช้ USB 3.2 (Gen 1) Micro-B สำหรับการเชื่อมต่อกับ Mac หรือ PC โดยมาพร้อมกับ สาย USB ยาว 1 เมตรและอะแดปเตอร์ไฟ

    สินค้ารุ่นนี้จะวางจำหน่ายใน ญี่ปุ่น ผ่านระบบ ลอตเตอรี่ ซึ่งผู้ที่สนใจต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ซื้อ เนื่องจากมีเพียง 50 เครื่องเท่านั้น และจะเริ่มจัดส่งในเดือน มิถุนายน 2025

    ดีไซน์โปร่งใสที่เผยให้เห็นกลไกภายใน
    - สามารถมองเห็นจานหมุนและหัวอ่าน/เขียนข้อมูล
    - ใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น อะลูมิเนียมที่ผ่านการเจียระไนและอโนไดซ์

    ฟีเจอร์ SeekWizard สำหรับ Windows
    - ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนอ่านข้อมูลผ่านโหมดต่างๆ
    - โหมดที่มีให้เลือก ได้แก่ Random Seek, Sequential Seek, Metronome และ Wave

    การเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริม
    - ความจุ 4TB
    - ใช้ USB 3.2 (Gen 1) Micro-B
    - มาพร้อมสาย USB ยาว 1 เมตร และอะแดปเตอร์ไฟ

    การวางจำหน่าย
    - มีเพียง 50 เครื่อง และต้องลงทะเบียนผ่านระบบลอตเตอรี่
    - เริ่มจัดส่งในเดือน มิถุนายน 2025

    https://www.tomshardware.com/pc-components/external-hdds/buffalo-celebrates-50yr-anniversary-with-a-limited-edition-skeleton-transparent-hard-disk
    Buffalo Japan ฉลองครบรอบ 50 ปี ด้วยการเปิดตัว ฮาร์ดดิสก์แบบโปร่งใสรุ่นพิเศษ ที่มีชื่อว่า Buffalo HD-SKL 'Skeleton Hard Disk' ซึ่งมาพร้อมกับ แผงใสที่เผยให้เห็นกลไกภายใน เช่น จานหมุนและหัวอ่าน/เขียนข้อมูล แม้ว่าฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้จะเน้นไปที่ ดีไซน์และความสวยงาม มากกว่าประสิทธิภาพ แต่ Buffalo ยืนยันว่าใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น อะลูมิเนียมที่ผ่านการเจียระไนและอโนไดซ์ เพื่อให้มีความทนทานและดูหรูหรา นอกจากนี้ Buffalo ยังพัฒนา SeekWizard ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับ Windows ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนอ่านข้อมูล ผ่านโหมดต่างๆ เช่น Random Seek, Sequential Seek, Metronome และ Wave อย่างไรก็ตาม ฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้ไม่ได้มาพร้อมกับ ไฟ RGB ซึ่งแตกต่างจากแนวโน้มของอุปกรณ์ไอทีในปัจจุบันที่นิยมโชว์กลไกภายในด้วยแสงไฟ Buffalo HD-SKL มีความจุ 4TB และใช้ USB 3.2 (Gen 1) Micro-B สำหรับการเชื่อมต่อกับ Mac หรือ PC โดยมาพร้อมกับ สาย USB ยาว 1 เมตรและอะแดปเตอร์ไฟ สินค้ารุ่นนี้จะวางจำหน่ายใน ญี่ปุ่น ผ่านระบบ ลอตเตอรี่ ซึ่งผู้ที่สนใจต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ซื้อ เนื่องจากมีเพียง 50 เครื่องเท่านั้น และจะเริ่มจัดส่งในเดือน มิถุนายน 2025 ✅ ดีไซน์โปร่งใสที่เผยให้เห็นกลไกภายใน - สามารถมองเห็นจานหมุนและหัวอ่าน/เขียนข้อมูล - ใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น อะลูมิเนียมที่ผ่านการเจียระไนและอโนไดซ์ ✅ ฟีเจอร์ SeekWizard สำหรับ Windows - ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนอ่านข้อมูลผ่านโหมดต่างๆ - โหมดที่มีให้เลือก ได้แก่ Random Seek, Sequential Seek, Metronome และ Wave ✅ การเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริม - ความจุ 4TB - ใช้ USB 3.2 (Gen 1) Micro-B - มาพร้อมสาย USB ยาว 1 เมตร และอะแดปเตอร์ไฟ ✅ การวางจำหน่าย - มีเพียง 50 เครื่อง และต้องลงทะเบียนผ่านระบบลอตเตอรี่ - เริ่มจัดส่งในเดือน มิถุนายน 2025 https://www.tomshardware.com/pc-components/external-hdds/buffalo-celebrates-50yr-anniversary-with-a-limited-edition-skeleton-transparent-hard-disk
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Buffalo celebrates 50yr anniversary with a limited edition 'skeleton' transparent hard disk
    A bundled SeekWizard app moves the visible HDD actuator arm in interesting ways.
    0 Comments 0 Shares 460 Views 0 Reviews