• ประกันสังคมแจง 65 ปี ไม่ใช่อายุเกษียณ

    7 กันยายน 2567-นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ชี้แจงสื่อมวลชนประเด็นข่าวเรื่องการขยายฐานอายุผู้ประกันตน มาตรา 33 ในการจ่ายเงินชราภาพ ยืดไปเป็น 65 ปี นั้น ข้อเท็จจริงคือการแก้ไข พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ.…. (ฉบับที่ 5) ที่อยู่ระหว่างการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาตามขั้นตอนนั้น มิได้เป็นการแก้ไขอายุการเกิดสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพจากอายุ 55 ปี เป็น 65 ปี แต่อย่างใด เป็นเพียงการแก้ไขอายุแรกเข้าของการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ซึ่งปัจจุบัน กำหนดไว้ว่า ผู้ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะต้องมีอายุระหว่าง 15 – 60 ปี การแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ ได้แก้ไขอายุแรกเข้าการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นอายุระหว่าง 15 – 65 ปี ทั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุไม่เกิน 65 ปี หากได้รับการว่าจ้างงานจะสามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคม เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทุกกรณีได้อย่างครบถ้วน เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุอีกด้วย สำหรับผู้ประกันตนที่เกษียณ หรือสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน เมื่ออายุ 55 ปี ยังคงสามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพได้ตามปกติ

    นายบุญสงค์ กล่าวต่อไปว่า การขยายฐานอายุผู้ประกันตน มาตรา 33 เป็นมาตรการหนึ่งที่สำนักงานประกันสังคมให้ความสำคัญกับสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ รวมถึงสร้างหลักประกันทางสังคมอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค และพร้อมดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ประกันตนทุกช่วงวัย ให้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด

    ที่มา : เพจสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
    https://www.facebook.com/share/p/G7mQrsXgSC3bBfYA/

    #Thaitimes
    ประกันสังคมแจง 65 ปี ไม่ใช่อายุเกษียณ 7 กันยายน 2567-นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ชี้แจงสื่อมวลชนประเด็นข่าวเรื่องการขยายฐานอายุผู้ประกันตน มาตรา 33 ในการจ่ายเงินชราภาพ ยืดไปเป็น 65 ปี นั้น ข้อเท็จจริงคือการแก้ไข พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ.…. (ฉบับที่ 5) ที่อยู่ระหว่างการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาตามขั้นตอนนั้น มิได้เป็นการแก้ไขอายุการเกิดสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพจากอายุ 55 ปี เป็น 65 ปี แต่อย่างใด เป็นเพียงการแก้ไขอายุแรกเข้าของการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ซึ่งปัจจุบัน กำหนดไว้ว่า ผู้ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะต้องมีอายุระหว่าง 15 – 60 ปี การแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ ได้แก้ไขอายุแรกเข้าการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นอายุระหว่าง 15 – 65 ปี ทั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุไม่เกิน 65 ปี หากได้รับการว่าจ้างงานจะสามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคม เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทุกกรณีได้อย่างครบถ้วน เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุอีกด้วย สำหรับผู้ประกันตนที่เกษียณ หรือสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน เมื่ออายุ 55 ปี ยังคงสามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพได้ตามปกติ นายบุญสงค์ กล่าวต่อไปว่า การขยายฐานอายุผู้ประกันตน มาตรา 33 เป็นมาตรการหนึ่งที่สำนักงานประกันสังคมให้ความสำคัญกับสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ รวมถึงสร้างหลักประกันทางสังคมอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค และพร้อมดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ประกันตนทุกช่วงวัย ให้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด ที่มา : เพจสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน https://www.facebook.com/share/p/G7mQrsXgSC3bBfYA/ #Thaitimes
    Like
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 918 มุมมอง 0 รีวิว
  • Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/QTi8q60yf9o?si=hGSgeKRCYiX6d82f
    https://youtu.be/QTi8q60yf9o?si=hGSgeKRCYiX6d82f
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวใจวายอย่างกะทันหันในโรงละครสิงคโปร์
    แพทย์และผู้ช่วยในสิงคโปร์ตบข้อศอกภายในของผู้ป่วยและเขาหายดีหลังจากประมาณ 2 นาที
    วิดีโอนี้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้ความสนใจกับผู้ป่วยหัวใจและวิธีการรับมือกับอาการหัวใจวายที่มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
    หลายคนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์และตายระหว่างทางไปโรงพยาบาล

    โปรดจำไว้ว่า:

    1. โดยการตบข้อศอกด้านในของมือซ้ายตามที่แสดงในวิดีโอ จะช่วยกระตุ้นจุดเสริมความดัน 3 จุดรอบด้านซ้ายที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและปอด

    2. การตบจะช่วยเร่งการไหลเวียนโลหิต ทำให้บุคคลรู้สึกอบอุ่นและหยุดเหงื่อออก

    คุณต้องรู้ว่าหัวใจวายเกิดจากการอุดตันของการไหลเวียนโลหิต โดยการตบและตบข้อศอกด้านในของมือ คุณสามารถเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย หลีกเลี่ยงการรวมตัว และอำนวยความสะดวกในการไหลเวียนโลหิต จากนั้นพาคนไปโรงพยาบาลทันที

    ดีที่จะตบด้านในของข้อศอกซ้ายทุกวัน เนื่องจากสามารถป้องกันโรคหัวใจใด ๆ และลดการเกิดโรคหัวใจวายได้

    ต้องแบ่งปันกับทุกการติดต่อ ความพยายามเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถช่วยชีวิตคนได้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 121 0 รีวิว
  • 🤩🤩🤩
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราอาจลืมคิดไป หลังคาเมทัลชีท เป็นวัสดุที่ราคาถูก มุงง่ายทำงานเร็ว แข็งแรง แต่ต้องแลกกับความร้อนมหาศาลเวลาแดดเผา ฝนตกกระทบก็แสนจะดังรบกวน #พียูโฟมแบบพ่นช่วยให้หลังคาแข็งแรง กันความร้อนได้ดีเยี่ยม ลดการกระพือของหลังคา คุ้มค่ายาวนาน #เน้นย้ำว่าต้องเป็นแบบพ่นติด มันจะไร้รอยต่อ ซีลสนิท ค่ากันความร้อน ความต้านทานดีที่สุดที่ในเมืองไทยขณะนี้
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 92 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย หรือ SET
    ดัชนีปรับตัวขึ้นมากกว่า 75 จุด จาก 1355
    เป็น 1427.64 จุด หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5%
    ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากปัจจัย

    1. การตั้งรัฐบาล และ ครม. ของนายก อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร 1
    ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

    2. โครงการดิจิทัลวอลเลต งบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท
    น่าจะเริ่มทะยอยเข้าบัญชี และเริ่มใช้ในปลายเดือนกันยายน นี้
    (สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ/ผู้สูงอายุ
    ผู้พิการ)

    3. สภาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท

    4. กระทรวงกการคลังจ่อเปิดกองทุน วายุภักษ์ 1 วงเงิน 1.5 แสนล้าน
    เริ่มจอง 16-20 กันยายน และเข้าเทรด 10 ตุลาคม 2567 นี้

    5. ค่าเงินบาท ปรับตัวแข็งค่าขึ้นในรอบ 9 เดือน
    ล่าสุดอยู่ที่ 33.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

    6. แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง จากการคาดการณ์ว่า
    ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
    จากเดิม 5.25- 5.5% เป็น 5.00% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
    สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง จากภาคการผลิต และ การจ้างงาน
    ที่มีแนวโน้มลดลง

    7. เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fundflow) จากตลาดทุนสหรัฐ
    เช่น จากหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล ไปยังตลาดทุนอื่นๆ เช่น
    เข้ามาที่ตลาดหุ้นไทย เป็นต้น

    8. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุน ที่ซื้อ-ขาย หุ้นไทย ได้แก่
    8.1 นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อ 15,000 ล้านบาท
    8.2 นักลงทุนสถาบัน(กองทุน) ซื้อ 5,641 ล้านบาท
    8.3 นักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ขาย -20,000 ล้านบาท
    8.4 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขาย -977 ล้านบาท

    *สิ่งที่น่าจับตามองในสัปดาห์หน้า และระยะยาวคือ
    การเข้าซื้อครั้งนี้ จะมีความยั่งยืน มากน้อยแค่ไหน
    และผู้ลงทุน จะลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในระยะยาวหรือไม่
    เพราะที่ผ่านมา เราจะพบว่า เข้าซื้อซักพักนึง แล้วก็เทขาย
    ทำกำไรออกไป

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    🔥🔥สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย หรือ SET ดัชนีปรับตัวขึ้นมากกว่า 75 จุด จาก 1355 เป็น 1427.64 จุด หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากปัจจัย 🚩1. การตั้งรัฐบาล และ ครม. ของนายก อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร 1 ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย 🚩2. โครงการดิจิทัลวอลเลต งบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท น่าจะเริ่มทะยอยเข้าบัญชี และเริ่มใช้ในปลายเดือนกันยายน นี้ (สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ/ผู้สูงอายุ ผู้พิการ) 🚩3. สภาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท 🚩4. กระทรวงกการคลังจ่อเปิดกองทุน วายุภักษ์ 1 วงเงิน 1.5 แสนล้าน เริ่มจอง 16-20 กันยายน และเข้าเทรด 10 ตุลาคม 2567 นี้ 🚩5. ค่าเงินบาท ปรับตัวแข็งค่าขึ้นในรอบ 9 เดือน ล่าสุดอยู่ที่ 33.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 🚩6. แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง จากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง จากเดิม 5.25- 5.5% เป็น 5.00% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง จากภาคการผลิต และ การจ้างงาน ที่มีแนวโน้มลดลง 🚩7. เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fundflow) จากตลาดทุนสหรัฐ เช่น จากหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล ไปยังตลาดทุนอื่นๆ เช่น เข้ามาที่ตลาดหุ้นไทย เป็นต้น 🚩8. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุน ที่ซื้อ-ขาย หุ้นไทย ได้แก่ 8.1 นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อ 15,000 ล้านบาท 8.2 นักลงทุนสถาบัน(กองทุน) ซื้อ 5,641 ล้านบาท 8.3 นักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ขาย -20,000 ล้านบาท 8.4 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขาย -977 ล้านบาท 🔥🔥 *สิ่งที่น่าจับตามองในสัปดาห์หน้า และระยะยาวคือ การเข้าซื้อครั้งนี้ จะมีความยั่งยืน มากน้อยแค่ไหน และผู้ลงทุน จะลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในระยะยาวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา เราจะพบว่า เข้าซื้อซักพักนึง แล้วก็เทขาย ทำกำไรออกไป #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1587 มุมมอง 349 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✈краб~ ✌パウチャン🖐
    뿌장~#Пуу~🛩
    ✈краб~💚 ✌パウチャン🖐 🎸뿌장~🤟#Пуу~🎼🎵🎶🛩
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • Infinity One Condo
    คอนโดหรูพร้อมอยู่ ชั้น 32 (มี34ชั้น)ติด Central ชลบุรี

    ในห้องมี :
    - แอร์
    - TV
    - เตียงนอน
    - ตู้เย็น
    - เครื่องซักผ้า
    - ไมโครเวฟ
    - เครื่องทำน้ำอุ่น
    - โซฟา
    - โต๊ะรับประทานอาหาร
    - ชุดผ้าม่าน
    สิ่งอำนวยความสะดวก:
    - ฟิสเนต
    - สระว่ายน้ำ
    - ห้องสมุด
    - ห้องนันทนาการสำหรับเด็ก
    สนใจโทร 0817596848
    Infinity One Condo คอนโดหรูพร้อมอยู่ ชั้น 32 (มี34ชั้น)ติด Central ชลบุรี ในห้องมี : - แอร์ - TV - เตียงนอน - ตู้เย็น - เครื่องซักผ้า - ไมโครเวฟ - เครื่องทำน้ำอุ่น - โซฟา - โต๊ะรับประทานอาหาร - ชุดผ้าม่าน สิ่งอำนวยความสะดวก: - ฟิสเนต - สระว่ายน้ำ - ห้องสมุด - ห้องนันทนาการสำหรับเด็ก สนใจโทร 0817596848
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 732 มุมมอง 0 รีวิว

  • People have to learn some things....people will always be stupid and you have to deal with it...take care of yourself first

    Everyone have his unique way of understanding, that is fact that we carry god's energy inside...

    Make your life nice and prepare to big changes - don't matter about others much....help people close to you - you must understand that many people doesnt want help. We are over 7 billion now...most of that are stupid and don't think with soul and heart, they just use brain and follow the rules - you can''t help them so make focus on yourself first. Connect to samethinking people and enjoy the ride

    All information of everything are on the internet - problem is that people dont want changes, they like to live in world as it is

    And one more important thing - same energy attracts each other.....good attracts good, bad attracts bad...

    You can get from life only what you create in your mind...

    Without body exercise it is impossible to get rid of all toxines

    There are good and bad people everywhere...

    So... living here on earth is not so easy, everyone needs to make themself "nice environment" and you need to understand that. You are first that need to care about, not others. You need to love yourself and make your life very cozy - if you will have nice life with enough money to get cozy, then you will have a lot of power to help others, right? Being wealthy is not a sin, it is blessing....but only for those who understand life and not take advantage of money to use it for bad things...

    It was the same everywhere allover the world...I told truth about vaccines to some if my friends and they said that I am "brainwashed" so I stopped. Same everywhere...

    It is hard to explain to people things like that. People should go step by step from begining, these are not things for beginners...

    People doesnt know that we are trapped here in this world and they are using us as giant energy accumulator for their needs...people just go to work, watch tv and eat pork, having sex just for fun and pay taxes to goverment.....they dont see what is happening

    Asthma, bronhitis, nasal polyps, sinusitis ect are problems wirh fungal parasites and needs special treatmens which including fasting and consuming some other herbs, exposing to sun, exercising, non stress lyfestyle ect. Moon have big impact to it so it needs include lunar cycles too...
    🙏 People have to learn some things....people will always be stupid and you have to deal with it...take care of yourself first Everyone have his unique way of understanding, that is fact that we carry god's energy inside... Make your life nice and prepare to big changes - don't matter about others much....help people close to you - you must understand that many people doesnt want help. We are over 7 billion now...most of that are stupid and don't think with soul and heart, they just use brain and follow the rules - you can''t help them so make focus on yourself first. Connect to samethinking people and enjoy the ride All information of everything are on the internet - problem is that people dont want changes, they like to live in world as it is And one more important thing - same energy attracts each other.....good attracts good, bad attracts bad... You can get from life only what you create in your mind... Without body exercise it is impossible to get rid of all toxines There are good and bad people everywhere... So... living here on earth is not so easy, everyone needs to make themself "nice environment" and you need to understand that. You are first that need to care about, not others. You need to love yourself and make your life very cozy - if you will have nice life with enough money to get cozy, then you will have a lot of power to help others, right? Being wealthy is not a sin, it is blessing....but only for those who understand life and not take advantage of money to use it for bad things... It was the same everywhere allover the world...I told truth about vaccines to some if my friends and they said that I am "brainwashed" so I stopped. Same everywhere... It is hard to explain to people things like that. People should go step by step from begining, these are not things for beginners... People doesnt know that we are trapped here in this world and they are using us as giant energy accumulator for their needs...people just go to work, watch tv and eat pork, having sex just for fun and pay taxes to goverment.....they dont see what is happening Asthma, bronhitis, nasal polyps, sinusitis ect are problems wirh fungal parasites and needs special treatmens which including fasting and consuming some other herbs, exposing to sun, exercising, non stress lyfestyle ect. Moon have big impact to it so it needs include lunar cycles too...
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 676 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามไฮบริด คือ อะไร ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก

    สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง”
    ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง

    แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร”
    เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน
    สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่
    1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง
    2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ
    3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน

    แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ
    สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”
    ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย
    และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา

    อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน”

    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ
    (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต )

    (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749

    (ตอนที่ 2)
    https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034

    (ตอนที่ 3)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    📣สงครามไฮบริด💥 คือ อะไร ⁉️ ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก🔥💣 💣สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง” 🔺 🔥ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง 💥แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร” เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่ 1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง 💵 2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ 📰 3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน🖥️ แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ 💉😷 สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”🦠 ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน” ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ) (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749 (ตอนที่ 2) https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034 (ตอนที่ 3) https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1361 มุมมอง 265 0 รีวิว
  • Two very different machines, making very different juice results...

    Blender mixes too much air in the juice, juicer machine is much better, this machine give the option, keep the pulp and fibre, add this to salad or cooking, and if there is no fructose in the juice, a green vegetable drink can be healthy.

    And how much juice to drink?

    Not all people can drink large volume green vegetable juice, some people with digestive system issues such as SIBO or IBS...

    they have to start slowly with small amount of juice, and if no problem the next day,

    okay then drink 1 cup of juice once a day, and if this not making problems, 2 cups liquid from juicer machine, not blender

    More than 2 cups a day, not very logical because people can only absorb so much...
    Two very different machines, making very different juice results... Blender mixes too much air in the juice, juicer machine is much better, this machine give the option, keep the pulp and fibre, add this to salad or cooking, and if there is no fructose in the juice, a green vegetable drink can be healthy. And how much juice to drink? Not all people can drink large volume green vegetable juice, some people with digestive system issues such as SIBO or IBS... they have to start slowly with small amount of juice, and if no problem the next day, okay then drink 1 cup of juice once a day, and if this not making problems, 2 cups liquid from juicer machine, not blender More than 2 cups a day, not very logical because people can only absorb so much...
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว