• TSMC ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาเทคโนโลยีชิป AI รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับความต้องการการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นในยุค AI และการคำนวณประสิทธิภาพสูง โดยในงาน North American Technology Symposium บริษัทได้แนะนำเทคโนโลยี CoWoS-L (Chip-on-Wafer-on-Substrate) รุ่นใหม่ ซึ่งสามารถรองรับ interposers ขนาดใหญ่ถึง 4,719 mm² และรองรับหน่วยความจำ HBM ได้ถึง 12 stacks

    เทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้มากกว่า 3.5 เท่าเมื่อเทียบกับชิปที่มีอยู่ในปัจจุบัน และยังมีแผนพัฒนา interposers ขนาดใหญ่ขึ้นถึง 7,885 mm² ซึ่งสามารถรองรับระบบ 3D-stacked และหน่วยความจำ HBM4 ได้ถึง 12 stacks

    TSMC ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี System-on-Wafer (SoW-X) ที่สามารถรวมทั้ง wafer เข้าเป็นชิปเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานใน AI processors ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด

    เทคโนโลยี CoWoS-L รุ่นใหม่
    - รองรับ interposers ขนาดใหญ่ถึง 4,719 mm²
    - รองรับหน่วยความจำ HBM ได้ถึง 12 stacks

    การพัฒนา interposers ขนาดใหญ่
    - ขนาดใหญ่ถึง 7,885 mm² รองรับระบบ 3D-stacked และ HBM4

    เทคโนโลยี System-on-Wafer (SoW-X)
    - รวมทั้ง wafer เข้าเป็นชิปเดียวสำหรับ AI processors

    การจัดการพลังงานและความร้อน
    - ใช้วงจรจัดการพลังงานขั้นสูงและระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว

    https://www.techspot.com/news/107695-tsmc-unveils-plans-giant-ai-chips-meet-surging.html
    TSMC ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาเทคโนโลยีชิป AI รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับความต้องการการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นในยุค AI และการคำนวณประสิทธิภาพสูง โดยในงาน North American Technology Symposium บริษัทได้แนะนำเทคโนโลยี CoWoS-L (Chip-on-Wafer-on-Substrate) รุ่นใหม่ ซึ่งสามารถรองรับ interposers ขนาดใหญ่ถึง 4,719 mm² และรองรับหน่วยความจำ HBM ได้ถึง 12 stacks เทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้มากกว่า 3.5 เท่าเมื่อเทียบกับชิปที่มีอยู่ในปัจจุบัน และยังมีแผนพัฒนา interposers ขนาดใหญ่ขึ้นถึง 7,885 mm² ซึ่งสามารถรองรับระบบ 3D-stacked และหน่วยความจำ HBM4 ได้ถึง 12 stacks TSMC ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี System-on-Wafer (SoW-X) ที่สามารถรวมทั้ง wafer เข้าเป็นชิปเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานใน AI processors ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ✅ เทคโนโลยี CoWoS-L รุ่นใหม่ - รองรับ interposers ขนาดใหญ่ถึง 4,719 mm² - รองรับหน่วยความจำ HBM ได้ถึง 12 stacks ✅ การพัฒนา interposers ขนาดใหญ่ - ขนาดใหญ่ถึง 7,885 mm² รองรับระบบ 3D-stacked และ HBM4 ✅ เทคโนโลยี System-on-Wafer (SoW-X) - รวมทั้ง wafer เข้าเป็นชิปเดียวสำหรับ AI processors ✅ การจัดการพลังงานและความร้อน - ใช้วงจรจัดการพลังงานขั้นสูงและระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว https://www.techspot.com/news/107695-tsmc-unveils-plans-giant-ai-chips-meet-surging.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    TSMC unveils plans for giant AI chips to meet surging compute demands
    Today's high-end processors, especially those powering data centers and AI workloads, already rely on multi-chiplet designs to meet soaring demands for performance and memory bandwidth. TSMC's current...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • YKK บริษัทผู้ผลิตซิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดตัวต้นแบบซิปอัตโนมัติที่สามารถรูดขึ้นและลงได้เองด้วยมอเตอร์และรีโมตควบคุมแบบมีสาย โดยซิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น การเชื่อมผ้าหรือวัสดุอื่นๆ ในระดับความสูงที่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    ต้นแบบซิปอัตโนมัตินี้สามารถรูดซิปขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตร ภายในเวลาเพียง 40 วินาที และยังสามารถเชื่อมต่อเต็นท์ที่มีความสูง 2.5 เมตร และกว้าง 4 เมตร ได้ในเวลาเพียง 50 วินาที อย่างไรก็ตาม ซิปนี้ยังคงมีขนาดใหญ่และต้องใช้พลังงานจากตัวควบคุมที่มีสาย ทำให้ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในตลาดผู้บริโภคทั่วไป

    YKK ยังได้พัฒนานวัตกรรมอื่นๆ เช่น ซิปแม่เหล็กที่สามารถเชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย รวมถึงคลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม

    การออกแบบและการใช้งาน
    - ซิปอัตโนมัติสามารถรูดขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตรในเวลา 40 วินาที
    - ใช้รีโมตควบคุมแบบมีสายและมอเตอร์ในการทำงาน

    การใช้งานในอุตสาหกรรม
    - เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก
    - ช่วยลดความเสี่ยงในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง

    นวัตกรรมอื่นๆ ของ YKK
    - ซิปแม่เหล็กที่เชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย
    - คลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง

    เป้าหมายของ YKK
    - มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการในหลากหลายอุตสาหกรรม

    https://www.techspot.com/news/107692-self-propelled-zippers-have-arrived-but-theyre-not.html
    YKK บริษัทผู้ผลิตซิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดตัวต้นแบบซิปอัตโนมัติที่สามารถรูดขึ้นและลงได้เองด้วยมอเตอร์และรีโมตควบคุมแบบมีสาย โดยซิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น การเชื่อมผ้าหรือวัสดุอื่นๆ ในระดับความสูงที่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย ต้นแบบซิปอัตโนมัตินี้สามารถรูดซิปขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตร ภายในเวลาเพียง 40 วินาที และยังสามารถเชื่อมต่อเต็นท์ที่มีความสูง 2.5 เมตร และกว้าง 4 เมตร ได้ในเวลาเพียง 50 วินาที อย่างไรก็ตาม ซิปนี้ยังคงมีขนาดใหญ่และต้องใช้พลังงานจากตัวควบคุมที่มีสาย ทำให้ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในตลาดผู้บริโภคทั่วไป YKK ยังได้พัฒนานวัตกรรมอื่นๆ เช่น ซิปแม่เหล็กที่สามารถเชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย รวมถึงคลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ✅ การออกแบบและการใช้งาน - ซิปอัตโนมัติสามารถรูดขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตรในเวลา 40 วินาที - ใช้รีโมตควบคุมแบบมีสายและมอเตอร์ในการทำงาน ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรม - เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก - ช่วยลดความเสี่ยงในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง ✅ นวัตกรรมอื่นๆ ของ YKK - ซิปแม่เหล็กที่เชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย - คลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง ✅ เป้าหมายของ YKK - มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการในหลากหลายอุตสาหกรรม https://www.techspot.com/news/107692-self-propelled-zippers-have-arrived-but-theyre-not.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    World's largest zipper maker YKK shows off self-fastening zippers powered by motors and remote controls
    Japanese manufacturer YKK recently announced successful testing results for a prototype automatic zipper. The company suggests that it could help people fasten objects in difficult-to-reach areas.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cornell ได้พัฒนาเฟรมเวิร์ก AI ที่ชื่อว่า RHyME (Retrieval for Hybrid Imitation under Mismatched Execution) ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้โดยการดูวิดีโอเพียงครั้งเดียว โดยเฟรมเวิร์กนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการสอนหุ่นยนต์ที่เคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสาธิตทีละขั้นตอน

    RHyME ใช้หน่วยความจำที่เก็บข้อมูลการกระทำที่เคยเห็นมาก่อน เมื่อหุ่นยนต์ดูวิดีโอการสาธิตใหม่ เช่น การวางแก้วในอ่างล้างจาน หุ่นยนต์จะค้นหาข้อมูลที่คล้ายกันในหน่วยความจำ เช่น การหยิบแก้วหรือการวางวัตถุ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบกันเพื่อทำงานใหม่ได้สำเร็จ แม้จะไม่เคยเห็นสถานการณ์นั้นมาก่อน

    การทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่าหุ่นยนต์ที่ใช้ RHyME มีความสำเร็จในการทำงานสูงกว่าหุ่นยนต์ที่ใช้วิธีการเรียนรู้แบบเดิมถึง 50% และใช้ข้อมูลการฝึกเฉพาะหุ่นยนต์เพียง 30 นาที เทียบกับวิธีเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายพันชั่วโมง

    การเรียนรู้ทักษะใหม่
    - หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่โดยการดูวิดีโอเพียงครั้งเดียว
    - ใช้หน่วยความจำที่เก็บข้อมูลการกระทำที่เคยเห็นมาก่อน

    การทดสอบในห้องปฏิบัติการ
    - หุ่นยนต์ที่ใช้ RHyME มีความสำเร็จในการทำงานสูงกว่าวิธีเดิมถึง 50%
    - ใช้ข้อมูลการฝึกเฉพาะหุ่นยนต์เพียง 30 นาที

    การสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ
    - โครงการได้รับการสนับสนุนจาก Google, OpenAI, สำนักงานวิจัยกองทัพเรือสหรัฐฯ และมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

    การนำเสนอผลงาน
    - ทีมวิจัยจะนำเสนอผลงานในงาน IEEE International Conference on Robotics and Automation

    https://www.techspot.com/news/107694-robots-use-cornell-rhyme-ai-learn-new-skills.html
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cornell ได้พัฒนาเฟรมเวิร์ก AI ที่ชื่อว่า RHyME (Retrieval for Hybrid Imitation under Mismatched Execution) ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้โดยการดูวิดีโอเพียงครั้งเดียว โดยเฟรมเวิร์กนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการสอนหุ่นยนต์ที่เคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสาธิตทีละขั้นตอน RHyME ใช้หน่วยความจำที่เก็บข้อมูลการกระทำที่เคยเห็นมาก่อน เมื่อหุ่นยนต์ดูวิดีโอการสาธิตใหม่ เช่น การวางแก้วในอ่างล้างจาน หุ่นยนต์จะค้นหาข้อมูลที่คล้ายกันในหน่วยความจำ เช่น การหยิบแก้วหรือการวางวัตถุ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบกันเพื่อทำงานใหม่ได้สำเร็จ แม้จะไม่เคยเห็นสถานการณ์นั้นมาก่อน การทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่าหุ่นยนต์ที่ใช้ RHyME มีความสำเร็จในการทำงานสูงกว่าหุ่นยนต์ที่ใช้วิธีการเรียนรู้แบบเดิมถึง 50% และใช้ข้อมูลการฝึกเฉพาะหุ่นยนต์เพียง 30 นาที เทียบกับวิธีเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายพันชั่วโมง ✅ การเรียนรู้ทักษะใหม่ - หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่โดยการดูวิดีโอเพียงครั้งเดียว - ใช้หน่วยความจำที่เก็บข้อมูลการกระทำที่เคยเห็นมาก่อน ✅ การทดสอบในห้องปฏิบัติการ - หุ่นยนต์ที่ใช้ RHyME มีความสำเร็จในการทำงานสูงกว่าวิธีเดิมถึง 50% - ใช้ข้อมูลการฝึกเฉพาะหุ่นยนต์เพียง 30 นาที ✅ การสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ - โครงการได้รับการสนับสนุนจาก Google, OpenAI, สำนักงานวิจัยกองทัพเรือสหรัฐฯ และมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ✅ การนำเสนอผลงาน - ทีมวิจัยจะนำเสนอผลงานในงาน IEEE International Conference on Robotics and Automation https://www.techspot.com/news/107694-robots-use-cornell-rhyme-ai-learn-new-skills.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Robots use Cornell's RHyME AI to learn new skills by watching just one video
    Researchers at Cornell University are now charting a new course with RHyME, an artificial intelligence framework that dramatically streamlines robot learning. An acronym for Retrieval for Hybrid...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้เปิดตัว APU รุ่นใหม่ Ryzen 5 7533HS ซึ่งเป็นชิปที่พัฒนาจากสถาปัตยกรรม Rembrandt-R โดยมีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Ryzen 5 7535HS ด้วยการลดความเร็ว Boost Clock ลง 150 MHz เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดแล็ปท็อปราคาประหยัด ชิปนี้มี 6 คอร์ 12 เธรด พร้อมแคช L2 ขนาด 3MB และ L3 ขนาด 16MB รวมถึง iGPU Radeon 660M ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 2

    Ryzen 5 7533HS รองรับหน่วยความจำ DDR5-4800 และ LPDDR5-6400 โดยมี TDP ที่ปรับได้ระหว่าง 35W ถึง 54W ชิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในแล็ปท็อปของ Lenovo เช่น ThinkBook 16 Gen 7 และ IdeaPad Slim 3/5 ซึ่งอาจเป็นการบ่งชี้ถึงความพิเศษที่ Lenovo ได้รับจาก AMD

    แม้ว่า Ryzen 5 7533HS จะไม่ได้เป็นชิปที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาแล็ปท็อปที่มีความสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ

    สถาปัตยกรรมและการออกแบบ
    - ใช้สถาปัตยกรรม Rembrandt-R พร้อม 6 คอร์ 12 เธรด
    - iGPU Radeon 660M ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 2

    การปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้า
    - ลด Boost Clock ลง 150 MHz เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดแล็ปท็อปราคาประหยัด
    - รองรับหน่วยความจำ DDR5-4800 และ LPDDR5-6400

    การใช้งานในแล็ปท็อป
    - ใช้ในแล็ปท็อปของ Lenovo เช่น ThinkBook 16 Gen 7 และ IdeaPad Slim 3/5
    - มี TDP ที่ปรับได้ระหว่าง 35W ถึง 54W

    เป้าหมายของ AMD
    - มุ่งเน้นตลาดแล็ปท็อปราคาประหยัดที่มีความสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-ryzen-5-7533hs-apu-makes-its-debut-with-lenovos-budget-lineup
    AMD ได้เปิดตัว APU รุ่นใหม่ Ryzen 5 7533HS ซึ่งเป็นชิปที่พัฒนาจากสถาปัตยกรรม Rembrandt-R โดยมีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Ryzen 5 7535HS ด้วยการลดความเร็ว Boost Clock ลง 150 MHz เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดแล็ปท็อปราคาประหยัด ชิปนี้มี 6 คอร์ 12 เธรด พร้อมแคช L2 ขนาด 3MB และ L3 ขนาด 16MB รวมถึง iGPU Radeon 660M ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 2 Ryzen 5 7533HS รองรับหน่วยความจำ DDR5-4800 และ LPDDR5-6400 โดยมี TDP ที่ปรับได้ระหว่าง 35W ถึง 54W ชิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในแล็ปท็อปของ Lenovo เช่น ThinkBook 16 Gen 7 และ IdeaPad Slim 3/5 ซึ่งอาจเป็นการบ่งชี้ถึงความพิเศษที่ Lenovo ได้รับจาก AMD แม้ว่า Ryzen 5 7533HS จะไม่ได้เป็นชิปที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาแล็ปท็อปที่มีความสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ ✅ สถาปัตยกรรมและการออกแบบ - ใช้สถาปัตยกรรม Rembrandt-R พร้อม 6 คอร์ 12 เธรด - iGPU Radeon 660M ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 2 ✅ การปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้า - ลด Boost Clock ลง 150 MHz เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดแล็ปท็อปราคาประหยัด - รองรับหน่วยความจำ DDR5-4800 และ LPDDR5-6400 ✅ การใช้งานในแล็ปท็อป - ใช้ในแล็ปท็อปของ Lenovo เช่น ThinkBook 16 Gen 7 และ IdeaPad Slim 3/5 - มี TDP ที่ปรับได้ระหว่าง 35W ถึง 54W ✅ เป้าหมายของ AMD - มุ่งเน้นตลาดแล็ปท็อปราคาประหยัดที่มีความสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-ryzen-5-7533hs-apu-makes-its-debut-with-lenovos-budget-lineup
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk ได้เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า Colossus ซึ่งใช้ GPU Nvidia H100 จำนวน 100,000 ตัว ในการประมวลผล AI อย่างไรก็ตาม ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้เผชิญกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนที่ใช้ในไซต์งาน Memphis รัฐเทนเนสซี

    ในช่วงแรก Colossus ใช้พลังงานเพียง 7 MW ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งาน GPU เพียง 4% ของทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Musk ได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายตัวเพื่อรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ไซต์งานยังคงใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนกว่า 30 ตัว ซึ่งปล่อยสารมลพิษที่เชื่อมโยงกับโรคหอบหืด โรคทางเดินหายใจ และมะเร็งบางชนิด

    Southern Environmental Law Center (SELC) ได้ร่วมมือกับ South Wings ในการถ่ายภาพไซต์งานด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน และพบว่ามีจุดร้อนกว่า 30 จุด ซึ่งบ่งชี้ถึงจำนวนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่

    แม้ว่า Colossus จะได้รับการอนุมัติให้ใช้พลังงาน 150 MW แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าต้องการพลังงานอย่างน้อย 155 MW เพื่อใช้งาน GPU ทั้งหมด และหาก Musk ขยายการใช้งาน GPU เป็น 200,000 ตัว จะต้องการพลังงานถึง 310 MW

    การออกแบบและการใช้งาน
    - ใช้ GPU Nvidia H100 จำนวน 100,000 ตัว
    - ต้องการพลังงานอย่างน้อย 155 MW เพื่อใช้งาน GPU ทั้งหมด

    การแก้ไขปัญหาพลังงาน
    - ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนกว่า 30 ตัวเพื่อรองรับความต้องการพลังงาน
    - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าปล่อยสารมลพิษที่เชื่อมโยงกับโรคหอบหืดและมะเร็ง

    การตรวจสอบจาก SELC
    - พบจุดร้อนกว่า 30 จุดในไซต์งานด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน
    - SELC กำลังยื่นคำร้องต่อ Shelby County Health Department เพื่อปฏิเสธการใช้งานเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

    การขยายการใช้งาน GPU
    - หากขยายการใช้งาน GPU เป็น 200,000 ตัว จะต้องการพลังงานถึง 310 MW

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/elon-musks-nvidia-powered-colossus-supercomputer-faces-pollution-allegations-from-under-reported-power-generators
    Elon Musk ได้เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า Colossus ซึ่งใช้ GPU Nvidia H100 จำนวน 100,000 ตัว ในการประมวลผล AI อย่างไรก็ตาม ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้เผชิญกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนที่ใช้ในไซต์งาน Memphis รัฐเทนเนสซี ในช่วงแรก Colossus ใช้พลังงานเพียง 7 MW ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งาน GPU เพียง 4% ของทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Musk ได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายตัวเพื่อรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ไซต์งานยังคงใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนกว่า 30 ตัว ซึ่งปล่อยสารมลพิษที่เชื่อมโยงกับโรคหอบหืด โรคทางเดินหายใจ และมะเร็งบางชนิด Southern Environmental Law Center (SELC) ได้ร่วมมือกับ South Wings ในการถ่ายภาพไซต์งานด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน และพบว่ามีจุดร้อนกว่า 30 จุด ซึ่งบ่งชี้ถึงจำนวนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ แม้ว่า Colossus จะได้รับการอนุมัติให้ใช้พลังงาน 150 MW แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าต้องการพลังงานอย่างน้อย 155 MW เพื่อใช้งาน GPU ทั้งหมด และหาก Musk ขยายการใช้งาน GPU เป็น 200,000 ตัว จะต้องการพลังงานถึง 310 MW ✅ การออกแบบและการใช้งาน - ใช้ GPU Nvidia H100 จำนวน 100,000 ตัว - ต้องการพลังงานอย่างน้อย 155 MW เพื่อใช้งาน GPU ทั้งหมด ✅ การแก้ไขปัญหาพลังงาน - ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนกว่า 30 ตัวเพื่อรองรับความต้องการพลังงาน - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าปล่อยสารมลพิษที่เชื่อมโยงกับโรคหอบหืดและมะเร็ง ✅ การตรวจสอบจาก SELC - พบจุดร้อนกว่า 30 จุดในไซต์งานด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน - SELC กำลังยื่นคำร้องต่อ Shelby County Health Department เพื่อปฏิเสธการใช้งานเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ✅ การขยายการใช้งาน GPU - หากขยายการใช้งาน GPU เป็น 200,000 ตัว จะต้องการพลังงานถึง 310 MW https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/elon-musks-nvidia-powered-colossus-supercomputer-faces-pollution-allegations-from-under-reported-power-generators
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 515 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า 200S Boost สำหรับชิป Arrow Lake ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบผ่านการปรับปรุงความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างหน่วยความจำและชิป อย่างไรก็ตาม การทดสอบโดย Phoronix พบว่าฟีเจอร์นี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้งานบนระบบ Linux

    ฟีเจอร์ 200S Boost เป็นโปรไฟล์ที่สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ใน BIOS โดยช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างชิปและหน่วยความจำ เช่น DDR5-7200 หรือ DDR5-8000 อย่างไรก็ตาม การทดสอบพบว่าการปรับปรุงประสิทธิภาพส่วนใหญ่เกิดจากการใช้หน่วยความจำที่มีความเร็วสูงขึ้น ไม่ใช่จากการปรับปรุงฟีเจอร์นี้โดยตรง

    Intel ได้พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake ผ่านการอัปเดต BIOS และ Windows Updates รวมถึงการเปิดตัวโปรแกรม IPO ในประเทศจีน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งความเร็วและพลังงานของชิปได้ภายใต้การรับประกัน

    การออกแบบและการใช้งาน
    - ฟีเจอร์ 200S Boost ช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างชิปและหน่วยความจำ
    - สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ใน BIOS

    ผลการทดสอบ
    - การปรับปรุงประสิทธิภาพส่วนใหญ่เกิดจากการใช้หน่วยความจำที่มีความเร็วสูงขึ้น
    - การทดสอบบน Linux พบว่าฟีเจอร์นี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ

    การปรับปรุงจาก Intel
    - Intel ได้อัปเดต BIOS และ Windows Updates เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake
    - เปิดตัวโปรแกรม IPO ในประเทศจีนเพื่อปรับแต่งความเร็วและพลังงานของชิป

    เป้าหมายของ Intel
    - มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake ผ่านการปรับปรุงเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tests-indicate-intels-200s-boost-feature-provides-no-real-gain-for-arrow-lake-cpus-on-linux
    Intel ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า 200S Boost สำหรับชิป Arrow Lake ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบผ่านการปรับปรุงความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างหน่วยความจำและชิป อย่างไรก็ตาม การทดสอบโดย Phoronix พบว่าฟีเจอร์นี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้งานบนระบบ Linux ฟีเจอร์ 200S Boost เป็นโปรไฟล์ที่สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ใน BIOS โดยช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างชิปและหน่วยความจำ เช่น DDR5-7200 หรือ DDR5-8000 อย่างไรก็ตาม การทดสอบพบว่าการปรับปรุงประสิทธิภาพส่วนใหญ่เกิดจากการใช้หน่วยความจำที่มีความเร็วสูงขึ้น ไม่ใช่จากการปรับปรุงฟีเจอร์นี้โดยตรง Intel ได้พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake ผ่านการอัปเดต BIOS และ Windows Updates รวมถึงการเปิดตัวโปรแกรม IPO ในประเทศจีน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งความเร็วและพลังงานของชิปได้ภายใต้การรับประกัน ✅ การออกแบบและการใช้งาน - ฟีเจอร์ 200S Boost ช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างชิปและหน่วยความจำ - สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ใน BIOS ✅ ผลการทดสอบ - การปรับปรุงประสิทธิภาพส่วนใหญ่เกิดจากการใช้หน่วยความจำที่มีความเร็วสูงขึ้น - การทดสอบบน Linux พบว่าฟีเจอร์นี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ✅ การปรับปรุงจาก Intel - Intel ได้อัปเดต BIOS และ Windows Updates เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake - เปิดตัวโปรแกรม IPO ในประเทศจีนเพื่อปรับแต่งความเร็วและพลังงานของชิป ✅ เป้าหมายของ Intel - มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของชิป Arrow Lake ผ่านการปรับปรุงเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tests-indicate-intels-200s-boost-feature-provides-no-real-gain-for-arrow-lake-cpus-on-linux
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • Arm บริษัทออกแบบชิปที่มีชื่อเสียงระดับโลก ฉลองครบรอบ 40 ปีของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก โดยเริ่มต้นจากชิป ARM1 ที่มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัว ในปี 1985 และปัจจุบันชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่อง ทั่วโลก รวมถึง 99% ของสมาร์ทโฟน และยังมีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI

    ชิป ARM1 ถูกพัฒนาขึ้นโดย Sophie Wilson และ Steve Furber ที่ Acorn Computers ในเมือง Cambridge ประเทศอังกฤษ โดยเน้นการออกแบบที่ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (Reduced Instruction Set Computing หรือ RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการประมวลผล ชิปนี้ถูกใช้ในคอมพิวเตอร์ BBC Micro และต่อมา ARM2 ถูกนำไปใช้ใน Acorn Archimedes ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ RISC รุ่นแรก

    ในปี 1990 Arm Ltd. ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Acorn, Apple และ VLSI โดยชิป ARM7TDMI ได้รับความนิยมในโทรศัพท์มือถือ เช่น Nokia 6110 และในปี 2021 Armv9 ได้เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI เช่น Scalable Vector Extension 2 (SVE2) และ Scalable Matrix Extension (SME)

    การพัฒนาเทคโนโลยีชิป
    - ชิป ARM1 มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัวในปี 1985
    - Armv9 เปิดตัวในปี 2021 พร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI

    การใช้งานในอุปกรณ์ต่างๆ
    - ชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่องทั่วโลก
    - 99% ของสมาร์ทโฟนใช้ชิป Arm

    การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพ
    - ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ
    - ฟีเจอร์ใหม่ เช่น SVE2 และ SME ช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI

    การเติบโตในตลาดใหม่
    - Arm มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI workloads

    https://www.techradar.com/pro/300-billion-and-counting-most-popular-chip-designer-in-the-world-turns-40-and-it-all-started-in-a-wooden-barn
    Arm บริษัทออกแบบชิปที่มีชื่อเสียงระดับโลก ฉลองครบรอบ 40 ปีของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก โดยเริ่มต้นจากชิป ARM1 ที่มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัว ในปี 1985 และปัจจุบันชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่อง ทั่วโลก รวมถึง 99% ของสมาร์ทโฟน และยังมีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI ชิป ARM1 ถูกพัฒนาขึ้นโดย Sophie Wilson และ Steve Furber ที่ Acorn Computers ในเมือง Cambridge ประเทศอังกฤษ โดยเน้นการออกแบบที่ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (Reduced Instruction Set Computing หรือ RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการประมวลผล ชิปนี้ถูกใช้ในคอมพิวเตอร์ BBC Micro และต่อมา ARM2 ถูกนำไปใช้ใน Acorn Archimedes ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ RISC รุ่นแรก ในปี 1990 Arm Ltd. ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Acorn, Apple และ VLSI โดยชิป ARM7TDMI ได้รับความนิยมในโทรศัพท์มือถือ เช่น Nokia 6110 และในปี 2021 Armv9 ได้เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI เช่น Scalable Vector Extension 2 (SVE2) และ Scalable Matrix Extension (SME) ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีชิป - ชิป ARM1 มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัวในปี 1985 - Armv9 เปิดตัวในปี 2021 พร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI ✅ การใช้งานในอุปกรณ์ต่างๆ - ชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่องทั่วโลก - 99% ของสมาร์ทโฟนใช้ชิป Arm ✅ การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพ - ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ - ฟีเจอร์ใหม่ เช่น SVE2 และ SME ช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI ✅ การเติบโตในตลาดใหม่ - Arm มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI workloads https://www.techradar.com/pro/300-billion-and-counting-most-popular-chip-designer-in-the-world-turns-40-and-it-all-started-in-a-wooden-barn
    WWW.TECHRADAR.COM
    It started in a wooden shed, now 40 years on Arm powers your entire digital life
    Arm’s minimalist chip design became the blueprint for modern computing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟูดานในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ได้พัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชแบบไม่ลบเลือน (Non-Volatile Memory) ที่เร็วที่สุดในโลก โดยใช้ชื่อว่า PoX (Phase-change Oxide) ซึ่งมีความเร็วในการเขียนข้อมูลถึง 400 พิโควินาที (ps) ซึ่งเร็วกว่าหน่วยความจำแบบ SRAM และ DRAM ที่ใช้ในปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้ใช้ช่องกราฟีนสองมิติร่วมกับกลไกการฉีดพาหะร้อน (Hot-Carrier Injection) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเร่งพาหะและการฉีดข้อมูล

    PoX ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาคอขวดในงานประมวลผล AI ที่ต้องการความเร็วสูงและการใช้พลังงานต่ำ โดยสามารถทำงานได้อย่างเสถียรถึง 5.5 ล้านรอบ และเก็บข้อมูลได้ยาวนานถึง 10 ปี ในการทดสอบจำลอง ทีมวิจัยยังวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าและความร้อนที่เกิดจากเทคโนโลยีหน่วยความจำในปัจจุบัน

    ความเร็วและประสิทธิภาพ
    - ความเร็วในการเขียนข้อมูลถึง 400 พิโควินาที
    - ทำงานได้เสถียรถึง 5.5 ล้านรอบ และเก็บข้อมูลได้ยาวนานถึง 10 ปี

    การออกแบบและเทคโนโลยี
    - ใช้ช่องกราฟีนสองมิติและกลไกการฉีดพาหะร้อน
    - เพิ่มประสิทธิภาพการเร่งพาหะและการฉีดข้อมูล

    เป้าหมายของการพัฒนา
    - แก้ปัญหาคอขวดในงานประมวลผล AI
    - ลดความล่าช้าและความร้อนในหน่วยความจำ

    การนำไปใช้งานในอนาคต
    - วางแผนใช้ในสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์

    https://www.techradar.com/pro/faster-than-sram-new-flash-memory-tech-from-china-is-millions-of-times-faster-than-nand-rivals-from-us-japan-or-korea-but-please-change-its-name
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟูดานในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ได้พัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชแบบไม่ลบเลือน (Non-Volatile Memory) ที่เร็วที่สุดในโลก โดยใช้ชื่อว่า PoX (Phase-change Oxide) ซึ่งมีความเร็วในการเขียนข้อมูลถึง 400 พิโควินาที (ps) ซึ่งเร็วกว่าหน่วยความจำแบบ SRAM และ DRAM ที่ใช้ในปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้ใช้ช่องกราฟีนสองมิติร่วมกับกลไกการฉีดพาหะร้อน (Hot-Carrier Injection) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเร่งพาหะและการฉีดข้อมูล PoX ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาคอขวดในงานประมวลผล AI ที่ต้องการความเร็วสูงและการใช้พลังงานต่ำ โดยสามารถทำงานได้อย่างเสถียรถึง 5.5 ล้านรอบ และเก็บข้อมูลได้ยาวนานถึง 10 ปี ในการทดสอบจำลอง ทีมวิจัยยังวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าและความร้อนที่เกิดจากเทคโนโลยีหน่วยความจำในปัจจุบัน ✅ ความเร็วและประสิทธิภาพ - ความเร็วในการเขียนข้อมูลถึง 400 พิโควินาที - ทำงานได้เสถียรถึง 5.5 ล้านรอบ และเก็บข้อมูลได้ยาวนานถึง 10 ปี ✅ การออกแบบและเทคโนโลยี - ใช้ช่องกราฟีนสองมิติและกลไกการฉีดพาหะร้อน - เพิ่มประสิทธิภาพการเร่งพาหะและการฉีดข้อมูล ✅ เป้าหมายของการพัฒนา - แก้ปัญหาคอขวดในงานประมวลผล AI - ลดความล่าช้าและความร้อนในหน่วยความจำ ✅ การนำไปใช้งานในอนาคต - วางแผนใช้ในสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ https://www.techradar.com/pro/faster-than-sram-new-flash-memory-tech-from-china-is-millions-of-times-faster-than-nand-rivals-from-us-japan-or-korea-but-please-change-its-name
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD กำลังเตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon PRO W9000 ที่ออกแบบมาสำหรับงานระดับมืออาชีพ เช่น การตัดต่อวิดีโอ การเรนเดอร์ 3D และการพัฒนา AI โดยใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในงานจริง แม้จะมีหน่วยความจำเพียง 32GB ซึ่งน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้า Radeon PRO W7900 ที่มี 48GB แต่ AMD เน้นการให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพต่อราคาและความคุ้มค่า

    GPU รุ่นนี้ใช้สถาปัตยกรรม Navi 48 XTW ที่มีขนาด 356mm² และมีการปรับแต่งเพื่อรองรับงานระดับมืออาชีพ เช่น CAD, CGI rendering และการจำลองแบบเรียลไทม์ โดยมีรุ่นย่อย XL, XT และ XTX ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน

    อย่างไรก็ตาม RDNA 4 ยังไม่มีการรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม ROCm ของ AMD ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักพัฒนา AI และ Machine Learning

    การออกแบบและสถาปัตยกรรม
    - ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และ Navi 48 XTW
    - ขนาด die 356mm² พร้อมการปรับแต่งสำหรับงานระดับมืออาชีพ

    เป้าหมายของ AMD
    - เน้นประสิทธิภาพต่อราคาและความคุ้มค่า
    - ออกแบบมาเพื่อมืออาชีพที่ไม่ต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่

    การใช้งานในงานระดับมืออาชีพ
    - รองรับงาน CAD, CGI rendering และการจำลองแบบเรียลไทม์
    - มีรุ่นย่อย XL, XT และ XTX เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน

    การเปิดตัวและการจัดแสดง
    - คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Computex 2025 และงาน “Advancing AI” ของ AMD

    https://www.techradar.com/pro/amd-set-to-launch-new-radeon-pro-w9000-workstation-gpu-to-take-on-nvidias-formidable-rtx-pro-6000-blackwell-workstation-edition
    AMD กำลังเตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon PRO W9000 ที่ออกแบบมาสำหรับงานระดับมืออาชีพ เช่น การตัดต่อวิดีโอ การเรนเดอร์ 3D และการพัฒนา AI โดยใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในงานจริง แม้จะมีหน่วยความจำเพียง 32GB ซึ่งน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้า Radeon PRO W7900 ที่มี 48GB แต่ AMD เน้นการให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพต่อราคาและความคุ้มค่า GPU รุ่นนี้ใช้สถาปัตยกรรม Navi 48 XTW ที่มีขนาด 356mm² และมีการปรับแต่งเพื่อรองรับงานระดับมืออาชีพ เช่น CAD, CGI rendering และการจำลองแบบเรียลไทม์ โดยมีรุ่นย่อย XL, XT และ XTX ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม RDNA 4 ยังไม่มีการรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม ROCm ของ AMD ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักพัฒนา AI และ Machine Learning ✅ การออกแบบและสถาปัตยกรรม - ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และ Navi 48 XTW - ขนาด die 356mm² พร้อมการปรับแต่งสำหรับงานระดับมืออาชีพ ✅ เป้าหมายของ AMD - เน้นประสิทธิภาพต่อราคาและความคุ้มค่า - ออกแบบมาเพื่อมืออาชีพที่ไม่ต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่ ✅ การใช้งานในงานระดับมืออาชีพ - รองรับงาน CAD, CGI rendering และการจำลองแบบเรียลไทม์ - มีรุ่นย่อย XL, XT และ XTX เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ✅ การเปิดตัวและการจัดแสดง - คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Computex 2025 และงาน “Advancing AI” ของ AMD https://www.techradar.com/pro/amd-set-to-launch-new-radeon-pro-w9000-workstation-gpu-to-take-on-nvidias-formidable-rtx-pro-6000-blackwell-workstation-edition
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิกัดสั่ง --> https://s.shopee.co.th/9f7tBfwr6R ขวดน้ำ กระบอกน้ำเด็ก ขวดน้ำเด็กไปโรงเรียน กระติกน้ำเด็ก ขวดน้ำเด็กอนุบาล พกพา 600ml
    พิกัดสั่ง --> https://s.shopee.co.th/9f7tBfwr6R ขวดน้ำ กระบอกน้ำเด็ก ขวดน้ำเด็กไปโรงเรียน กระติกน้ำเด็ก ขวดน้ำเด็กอนุบาล พกพา 600ml
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 37 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=hVHi186CqIE
    https://www.youtube.com/watch?v=hVHi186CqIE
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบดิจิทัล (Digital Divide) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โดยความเหลื่อมล้ำนี้สามารถแบ่งออกได้หลายมิติ ดังนี้:

    ### 1. **ความเหลื่อมล้ำด้านโครงสร้างพื้นฐาน**
    - **พื้นที่เมือง vs. ชนบท**: ในเขตเมืองมักมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดีกว่า ในขณะที่พื้นที่ห่างไกลหรือชนบทอาจขาดแคลนสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือไฟฟ้า
    - **ความเร็วและความเสถียร**: แม้ในพื้นที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ความเร็วและความเสถียรอาจไม่เท่ากัน ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพต่างกัน

    ### 2. **ความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจ**
    - **ค่าใช้จ่าย**: การเข้าถึงอุปกรณ์ดิจิทัล (เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์) และค่าบริการอินเทอร์เน็ตอาจเป็นภาระสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
    - **รายได้และโอกาส**: กลุ่มที่มีรายได้สูงมักมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีและทักษะดิจิทัลได้ดีกว่า ส่งผลให้เกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจมากขึ้น

    ### 3. **ความเหลื่อมล้ำด้านทักษะและการศึกษา**
    - **ทักษะดิจิทัล**: กลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่ขาดโอกาสในการเรียนรู้อาจไม่มีความรู้เพียงพอในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
    - **การศึกษา**: โรงเรียนในเมืองอาจมีทรัพยากรด้านดิจิทัล (เช่น อุปกรณ์การเรียนออนไลน์) ดีกว่าโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล

    ### 4. **ความเหลื่อมล้ำด้านสังคมและประชากรศาสตร์**
    - **วัย**: คนรุ่นใหม่อาจปรับตัวกับเทคโนโลยีได้ดีกว่าผู้สูงอายุ
    - **เพศ**: ในบางสังคม ผู้หญิงอาจมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีน้อยกว่าผู้ชายเนื่องจากอคติทางวัฒนธรรม

    ### 5. **นโยบายและการสนับสนุนจากรัฐ**
    - **การกระจายทรัพยากร**: นโยบายของรัฐอาจไม่ทั่วถึง ทำให้บางพื้นที่หรือกลุ่มคนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    - **การส่งเสริมทักษะดิจิทัล**: โครงการฝึกอบรมอาจไม่เพียงพอหรือไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม

    ### ผลกระทบของความเหลื่อมล้ำดิจิทัล
    - **เศรษฐกิจ**: กลุ่มที่ขาดแคลนโอกาสดิจิทัลอาจถูกกีดกันจากตลาดงานสมัยใหม่
    - **การศึกษา**: นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลอาจเสียเปรียบเนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนออนไลน์
    - **สุขภาพ**: การเข้าถึงบริการสุขภาพดิจิทัล (Telemedicine) อาจจำกัดในบางพื้นที่
    - **สังคม**: ความเหลื่อมล้ำอาจทำให้เกิดช่องว่างทางสังคมระหว่างกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีและกลุ่มที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    ### แนทางแก้ไข
    - **พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน** โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
    - **ลดค่าใช้จ่าย** ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ดิจิทัล
    - **ส่งเสริมการศึกษาและฝึกทักษะดิจิทัล** ให้กับทุกกลุ่มวัย
    - **ออกนโยบายที่ครอบคลุม** เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น โครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านหรือแจกแท็บเล็ตสำหรับนักเรียน

    ความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัลเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะในยุคที่เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต การเข้าถึงดิจิทัลอย่างเท่าเทียมจะช่วยลดความไม่เสมอภาคทางสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
    การเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบดิจิทัล (Digital Divide) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โดยความเหลื่อมล้ำนี้สามารถแบ่งออกได้หลายมิติ ดังนี้: ### 1. **ความเหลื่อมล้ำด้านโครงสร้างพื้นฐาน** - **พื้นที่เมือง vs. ชนบท**: ในเขตเมืองมักมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดีกว่า ในขณะที่พื้นที่ห่างไกลหรือชนบทอาจขาดแคลนสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือไฟฟ้า - **ความเร็วและความเสถียร**: แม้ในพื้นที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ความเร็วและความเสถียรอาจไม่เท่ากัน ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพต่างกัน ### 2. **ความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจ** - **ค่าใช้จ่าย**: การเข้าถึงอุปกรณ์ดิจิทัล (เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์) และค่าบริการอินเทอร์เน็ตอาจเป็นภาระสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย - **รายได้และโอกาส**: กลุ่มที่มีรายได้สูงมักมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีและทักษะดิจิทัลได้ดีกว่า ส่งผลให้เกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจมากขึ้น ### 3. **ความเหลื่อมล้ำด้านทักษะและการศึกษา** - **ทักษะดิจิทัล**: กลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่ขาดโอกาสในการเรียนรู้อาจไม่มีความรู้เพียงพอในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล - **การศึกษา**: โรงเรียนในเมืองอาจมีทรัพยากรด้านดิจิทัล (เช่น อุปกรณ์การเรียนออนไลน์) ดีกว่าโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ### 4. **ความเหลื่อมล้ำด้านสังคมและประชากรศาสตร์** - **วัย**: คนรุ่นใหม่อาจปรับตัวกับเทคโนโลยีได้ดีกว่าผู้สูงอายุ - **เพศ**: ในบางสังคม ผู้หญิงอาจมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีน้อยกว่าผู้ชายเนื่องจากอคติทางวัฒนธรรม ### 5. **นโยบายและการสนับสนุนจากรัฐ** - **การกระจายทรัพยากร**: นโยบายของรัฐอาจไม่ทั่วถึง ทำให้บางพื้นที่หรือกลุ่มคนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง - **การส่งเสริมทักษะดิจิทัล**: โครงการฝึกอบรมอาจไม่เพียงพอหรือไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม ### ผลกระทบของความเหลื่อมล้ำดิจิทัล - **เศรษฐกิจ**: กลุ่มที่ขาดแคลนโอกาสดิจิทัลอาจถูกกีดกันจากตลาดงานสมัยใหม่ - **การศึกษา**: นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลอาจเสียเปรียบเนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ - **สุขภาพ**: การเข้าถึงบริการสุขภาพดิจิทัล (Telemedicine) อาจจำกัดในบางพื้นที่ - **สังคม**: ความเหลื่อมล้ำอาจทำให้เกิดช่องว่างทางสังคมระหว่างกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีและกลุ่มที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ### แนทางแก้ไข - **พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน** โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล - **ลดค่าใช้จ่าย** ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ดิจิทัล - **ส่งเสริมการศึกษาและฝึกทักษะดิจิทัล** ให้กับทุกกลุ่มวัย - **ออกนโยบายที่ครอบคลุม** เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น โครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านหรือแจกแท็บเล็ตสำหรับนักเรียน ความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัลเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะในยุคที่เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต การเข้าถึงดิจิทัลอย่างเท่าเทียมจะช่วยลดความไม่เสมอภาคทางสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 657 มุมมอง 0 รีวิว
  • เก็บดอกไม้สวยๆ มาฝาก
    เก็บดอกไม้สวยๆ มาฝาก😍😍😍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" หรือ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ถูกตำรวจ สภ.เมืองสกลนคร นำตัวส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้อง ในคดีฉ้อโกง น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ (ซ้อลักษณ์) จากกรณีหลอกขายวุฒิการศึกษาปลอม เหตุเกิดตั้งแต่เดือน ก.ค. 2567 แม้ต้นอ้อมีภาพลักษณ์ดี เป็นอินฟลูเอนเซอร์สายช่วยเหลือสังคม แต่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจนถึงพฤติกรรมผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีประเด็นกล่าวหาขายตำแหน่งในสภา และบัตรผ่านเข้าออกทำเนียบรัฐบาล แม้ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสิน แต่สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงบทบาทของอินฟลูเอนเซอร์ที่มีเบื้องหลังไม่โปร่งใส

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000039381

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" หรือ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ถูกตำรวจ สภ.เมืองสกลนคร นำตัวส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้อง ในคดีฉ้อโกง น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ (ซ้อลักษณ์) จากกรณีหลอกขายวุฒิการศึกษาปลอม เหตุเกิดตั้งแต่เดือน ก.ค. 2567 แม้ต้นอ้อมีภาพลักษณ์ดี เป็นอินฟลูเอนเซอร์สายช่วยเหลือสังคม แต่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจนถึงพฤติกรรมผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีประเด็นกล่าวหาขายตำแหน่งในสภา และบัตรผ่านเข้าออกทำเนียบรัฐบาล แม้ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสิน แต่สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงบทบาทของอินฟลูเอนเซอร์ที่มีเบื้องหลังไม่โปร่งใส อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000039381 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 983 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบเห็น เครื่องบิน Antonov-124 ของยูเครน อยู่ที่เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา ขณะกำลังขนส่งส่วนประกอบของอากาศยานบางอย่าง


    รายงานล่าสุด เครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองเชชูฟ ประเทศโปแลนด์ หลังจากแวะพักที่สนามบินนานาชาติพอร์ตสมัธในรัฐนิวแฮมป์เชียร์

    บางแหล่ง "คาดเดา" ว่า อาจเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบิน F-16 หรืออาจจะเป็นโดรน M9 Reaper
    พบเห็น เครื่องบิน Antonov-124 ของยูเครน อยู่ที่เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา ขณะกำลังขนส่งส่วนประกอบของอากาศยานบางอย่าง รายงานล่าสุด เครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองเชชูฟ ประเทศโปแลนด์ หลังจากแวะพักที่สนามบินนานาชาติพอร์ตสมัธในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ บางแหล่ง "คาดเดา" ว่า อาจเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบิน F-16 หรืออาจจะเป็นโดรน M9 Reaper
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • **มหากาพย์ข้ามภพ: สายธารแห่งธรรม*

    ---

    ### **บทที่ 5: เงาสะท้อนจากกาลเวลา**

    ราเชศยืนอยู่หน้าห้องเก็บของเก่า มือสั่นเทาขณะเปิดสมุดโบราณที่เพิ่งค้นพบ
    "บันทึกของสุทัตตะ...?"

    ตัวอักษรจารึกบนใบลานเริ่มเลือนราง แต่ความรู้สึกกลับชัดเจนราวกับมีใครมาเขียนเพิ่มในใจเขา:

    _"วันนี้ นันทาเถียงเรื่องฉันให้ผ้าแม่ชีจนร้านขาดทุน...
    แต่ในสายตาเธอ ฉันเห็นความกลัวว่าเราจะจนเหมือนตอนเด็ก"_

    นันดินีที่แอบมองอยู่สะดุ้ง
    "นั่น...นั่นคือความคิดของฉันตอนเห็นแม่ป่วยเพราะไม่มีเงินรักษาตัว!"

    แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างโบสถ์เก่า
    ร่างเงาของทั้งคู่บนพื้น ปรากฏเป็นภาพ **สุทัตตะกับนันทาในชุดโบราณ**

    ---

    ### **บทที่ 6: ศิษย์ลึกลับแห่งเวฬุวัน**

    **อาจารย์ปกรณ์** นักประวัติศาสตร์พุทธศาสนา ผู้ตามหาตำราสูญหาย
    เปิดเผยความลับให้ทั้งคู่ฟัง:

    "ผ้าผืนนั้นทอโดยพระนางพิมพา (พระมารดาของราหุล)
    มีอักขระธารณีปักไว้ด้วยเส้นผมของพระพุทธเจ้า..."

    แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึงคือ
    **ลายมือในสมุดบันทึกของสุทัตตะ กับของราเชศ...เหมือนกันทุกเส้น!**

    นันดินีจับมือราเชศไว้แน่น
    "นี่ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ...เราถูกชักนำให้มาพบกัน"

    ---

    ### **บทที่ 7: ปริศนาธรรมใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์**

    กลางดึก ทั้งคู่หลับไปใต้ต้นโพธิ์หลังวัด
    และพบกับ **สุทัตตะกับนันทาในยุคปัจจุบัน**

    **นันทา (ในร่างนักธุรกิจหญิง):**
    "ชาติก่อนเราทะเลาะกันเพราะต่างไม่เข้าใจ...
    แต่ชาตินี้ ฉันเรียนรู้ที่จะฟังก่อนพูด"

    **สุทัตตะ (ในร่างอาจารย์มหาวิทยาลัย):**
    "ความเงียบของฉันไม่ใช่การหนีปัญหา...
    แต่คือการรอให้เธอพร้อมจะรับฟัง"

    ปรากฏการณ์ **"การพบกันของ 4 จิตวิญญาณ"**
    ทำให้ต้นโพธิ์โบราณผลิดอกออกช่อ
    ทั้งที่ควรจะเหี่ยวแห้งไปนานแล้ว

    ---

    ### **บทที่ 8: สายน้ำสามสายรวมเป็นหนึ่ง**

    ในพิธีมอบผ้าไหมให้พิพิธภัณฑ์
    **เส้นด้ายทั้งสามเริ่มแยกจากกัน:**

    1. สายทอง (ความทรงจำ) → กลายเป็นแสงส่องทาง
    2. สายแดง (กรรมเก่า) → ละลายเป็นน้ำมนต์
    3. สายขาว (การเริ่มใหม่) → ห่อหุ้มหัวใจทั้งสอง

    ราเชศเขียนจดหมายถึงนันดินี:
    _"ไม่สำคัญว่าเราเคยเป็นใคร...
    สำคัญว่าเราจะใช้บทเรียนนี้สร้างอะไร"_

    นันดินีตอบกลับด้วยการวาดภาพ
    **ร้านขายผ้าเก่า ที่มีเด็กๆ นั่งฟังธรรมใต้ต้นไม้ใหญ่**

    ---

    ### **บทส่งท้าย: ดวงประทีปแห่งสาวัตถี**

    ปีต่อมา บนถนนสายเก่าในสาวัตถี
    มี **ศูนย์การเรียนรู้ "สามสายธาร"**

    - **ห้องสมุดจิตวิทยาพุทธศาสตร์** โดยราเชศ
    - **สตูดิโอศิลปะบำบัด** ของนันดินี
    - **ร้านชาสมุนไพร** ของอาจารย์ปกรณ์

    ทุกเย็นวันพระ ทั้งสามจะนั่งร่วมวงเสวนา
    ใต้ต้นโพธิ์ที่ผลิใบใหม่...
    **มหากาพย์ข้ามภพ: สายธารแห่งธรรม* --- ### **บทที่ 5: เงาสะท้อนจากกาลเวลา** ราเชศยืนอยู่หน้าห้องเก็บของเก่า มือสั่นเทาขณะเปิดสมุดโบราณที่เพิ่งค้นพบ "บันทึกของสุทัตตะ...?" ตัวอักษรจารึกบนใบลานเริ่มเลือนราง แต่ความรู้สึกกลับชัดเจนราวกับมีใครมาเขียนเพิ่มในใจเขา: _"วันนี้ นันทาเถียงเรื่องฉันให้ผ้าแม่ชีจนร้านขาดทุน... แต่ในสายตาเธอ ฉันเห็นความกลัวว่าเราจะจนเหมือนตอนเด็ก"_ นันดินีที่แอบมองอยู่สะดุ้ง "นั่น...นั่นคือความคิดของฉันตอนเห็นแม่ป่วยเพราะไม่มีเงินรักษาตัว!" แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างโบสถ์เก่า ร่างเงาของทั้งคู่บนพื้น ปรากฏเป็นภาพ **สุทัตตะกับนันทาในชุดโบราณ** --- ### **บทที่ 6: ศิษย์ลึกลับแห่งเวฬุวัน** **อาจารย์ปกรณ์** นักประวัติศาสตร์พุทธศาสนา ผู้ตามหาตำราสูญหาย เปิดเผยความลับให้ทั้งคู่ฟัง: "ผ้าผืนนั้นทอโดยพระนางพิมพา (พระมารดาของราหุล) มีอักขระธารณีปักไว้ด้วยเส้นผมของพระพุทธเจ้า..." แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึงคือ **ลายมือในสมุดบันทึกของสุทัตตะ กับของราเชศ...เหมือนกันทุกเส้น!** นันดินีจับมือราเชศไว้แน่น "นี่ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ...เราถูกชักนำให้มาพบกัน" --- ### **บทที่ 7: ปริศนาธรรมใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์** กลางดึก ทั้งคู่หลับไปใต้ต้นโพธิ์หลังวัด และพบกับ **สุทัตตะกับนันทาในยุคปัจจุบัน** **นันทา (ในร่างนักธุรกิจหญิง):** "ชาติก่อนเราทะเลาะกันเพราะต่างไม่เข้าใจ... แต่ชาตินี้ ฉันเรียนรู้ที่จะฟังก่อนพูด" **สุทัตตะ (ในร่างอาจารย์มหาวิทยาลัย):** "ความเงียบของฉันไม่ใช่การหนีปัญหา... แต่คือการรอให้เธอพร้อมจะรับฟัง" ปรากฏการณ์ **"การพบกันของ 4 จิตวิญญาณ"** ทำให้ต้นโพธิ์โบราณผลิดอกออกช่อ ทั้งที่ควรจะเหี่ยวแห้งไปนานแล้ว --- ### **บทที่ 8: สายน้ำสามสายรวมเป็นหนึ่ง** ในพิธีมอบผ้าไหมให้พิพิธภัณฑ์ **เส้นด้ายทั้งสามเริ่มแยกจากกัน:** 1. สายทอง (ความทรงจำ) → กลายเป็นแสงส่องทาง 2. สายแดง (กรรมเก่า) → ละลายเป็นน้ำมนต์ 3. สายขาว (การเริ่มใหม่) → ห่อหุ้มหัวใจทั้งสอง ราเชศเขียนจดหมายถึงนันดินี: _"ไม่สำคัญว่าเราเคยเป็นใคร... สำคัญว่าเราจะใช้บทเรียนนี้สร้างอะไร"_ นันดินีตอบกลับด้วยการวาดภาพ **ร้านขายผ้าเก่า ที่มีเด็กๆ นั่งฟังธรรมใต้ต้นไม้ใหญ่** --- ### **บทส่งท้าย: ดวงประทีปแห่งสาวัตถี** ปีต่อมา บนถนนสายเก่าในสาวัตถี มี **ศูนย์การเรียนรู้ "สามสายธาร"** - **ห้องสมุดจิตวิทยาพุทธศาสตร์** โดยราเชศ - **สตูดิโอศิลปะบำบัด** ของนันดินี - **ร้านชาสมุนไพร** ของอาจารย์ปกรณ์ ทุกเย็นวันพระ ทั้งสามจะนั่งร่วมวงเสวนา ใต้ต้นโพธิ์ที่ผลิใบใหม่...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 633 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจดัง แฉ!!! 'โรม' สวมโรเล็กซ์ครึ่งล้าน ไม่มีในบัญชีทรัพย์สิน กังขาตั้งแต่เรียนจบไม่ทำอะไรนอกจากเป็นแกนนำม็อบพอมาเป็น สส. มีทรัพย์สินกว่า 13 ล้าน
    https://www.thai-tai.tv/news/18366/
    เพจดัง แฉ!!! 'โรม' สวมโรเล็กซ์ครึ่งล้าน ไม่มีในบัญชีทรัพย์สิน กังขาตั้งแต่เรียนจบไม่ทำอะไรนอกจากเป็นแกนนำม็อบพอมาเป็น สส. มีทรัพย์สินกว่า 13 ล้าน https://www.thai-tai.tv/news/18366/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rose fairy doll
    Rose fairy doll
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'บิ๊กป้อม' ยกเครื่องพปชร. เปลี่ยนโลโก้ ยืนแถวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย
    https://www.thai-tai.tv/news/18367/
    'บิ๊กป้อม' ยกเครื่องพปชร. เปลี่ยนโลโก้ ยืนแถวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย https://www.thai-tai.tv/news/18367/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • **เรื่องราวของสามีภรรยาชาวอินเดียในสมัยพุทธกาล**

    ในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล มีคู่สามีภรรยาชาวอินเดียคู่หนึ่งที่ชาวเมืองต่างรู้จักดีในความแตกต่างของพวกเขา **สามีชื่อ "สุทัตตะ"** เป็นพ่อค้าขายผ้าไหมผู้พูดน้อย นิ่งๆ แต่มีจิตใจศรัทธาในพระพุทธเจ้า ส่วน **ภรรยาชื่อ "นันทา"** เป็นหญิงขี้บ่น ปากจัด และไม่เชื่อเรื่องการบวชหรือการทำบุญ เธอคิดว่าชีวิตนี้ต้องสะสมทรัพย์เท่านั้น จึงเถียงสามีประจำเรื่องการไปวัด

    ### **วันแรกที่สุทัตตะพานันทาไปฟังธรรม**
    วันหนึ่ง สุทัตตะชวนนันทาไปฟังพระพุทธเจ้าทเทศน์ที่วัดเชตวัน แต่เธอตอบเสียงหลงว่า:
    "อีกแล้วเหรอ?! พ่อบ้านก็ไม่เห็นห่วงสมบัติ ทุกเย็นไม่คิดแต่จะไปวัด ถ้าพระพุทธเจ้าสอนดีจริง ทำไมเรายังไม่รวยล่ะ?!"

    สุทัตตะยิ้มน้อยๆ แล้วพูดเบาๆ: "พระองค์สอนว่า ความร่ำรวยไม่ใช่จุดจบของชีวิต..."

    นันทาตะโกน: "แล้วอะไรล่ะคือจุดจบ?! การยืนตากแดดฟังคนๆหนึ่งพูดเรื่องไม่จริง?!"

    แต่สุดท้าย เธอก็ถูกเพื่อนบ้านชักชวนให้ไปด้วยเพราะอยากรู้ว่าพระพุทธเจ้าดึงดูดคนได้อย่างไร

    ### **นันทาพบพระพุทธเจ้า**
    เมื่อไปถึง นันทายังบ่นพึมพำว่า "ร้อนจะตาย..." แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเริ่มเทศน์ พระองค์ตรัสด้วยเสียงอันสุขุม:

    "ดูก่อนอุบาสิกา บางคนสะสมทรัพย์แต่ใจจน บางคนมีน้อยแต่ใจเป็นสุข..."

    นันทาซึ่งกำลังนั่งกอดอกอยู่ ก็สะดุ้งเมื่อรู้สึกเหมือนพระองค์ตรัสตรงถึงเธอ! พระพุทธเจ้าตรัสต่อเรื่อง **"ความทุกข์เกิดจากความยึดมั่น"** และเล่านิทานเปรียบเทียบถึงพ่อค้าคนหนึ่งที่โกรธเพราะเรือแตก แต่กลับโชคดีที่ถูกพัดเข้าฝั่ง เพราะไม่ยึดติดกับของที่สูญเสีย

    นันทาค่อยๆ หยุดบ่น เริ่มฟังด้วยความสนใจ แม้จะยังไม่พูดอะไร แต่ใจเธอเริ่มสั่นสะเทือน

    ### **การเปลี่ยนแปลง**
    หลังจากวันนั้น นันทายังเป็นคนปากกล้า แต่เริ่มถามสามีเรื่องธรรมะบ้าง และบางครั้งก็แอบไปวัดคนเดียวโดยไม่บอกสุทัตตะ! เพื่อนบ้านถึงกับตกใจเมื่อเห็นนันทาช่วยตักบาตรพระ แทนที่จะนั่งบ่นเรื่องเสียเงิน

    สุทัตตะยิ้มพอใจ แต่เขาก็ไม่พูดมาก 只是พูดว่า: "วันนี้ภรรยาดูสงบจัง..."

    นันทาหัวเราะแล้วตอบ: "ก็เพราะฉันเริ่มเข้าใจว่า การไม่บ่นทำให้ชีวิตง่ายขึ้นไง!"

    ### **บทเรียนที่ได้**
    เรื่องราวของทั้งสองสอนให้เห็นว่า **ความศรัทธาไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในทันที** และแม้แต่คนขี้บ่นที่สุด ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อได้พบคำสอนที่ใช่ แม้พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงบังคับใครให้เชื่อ แต่พระธรรมย่อมดึงดูดใจผู้ที่พร้อมรับ

    และนั่นคือชีวิตคู่ของสุทัตตะกับนันทา ที่ยังคงเถียงกันบ้าง แต่ครั้งนี้... เธอเริ่มเถียงด้วยหลักธรรมแทน!

    *(จบ)*

    > หมายเหตุ: เรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อแสดงวิถีชีวิตและความเชื่อในสมัยพุทธกาลผ่านมุมมองสามัญชน ไม่ได้อ้างอิงจากพระสูตรโดยตรง แต่สอดคล้องกับแนวคิดทางพุทธศาสนาเรื่องการเปลี่ยนแปลงและการละทิ้งความยึดมั่น
    **เรื่องราวของสามีภรรยาชาวอินเดียในสมัยพุทธกาล** ในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล มีคู่สามีภรรยาชาวอินเดียคู่หนึ่งที่ชาวเมืองต่างรู้จักดีในความแตกต่างของพวกเขา **สามีชื่อ "สุทัตตะ"** เป็นพ่อค้าขายผ้าไหมผู้พูดน้อย นิ่งๆ แต่มีจิตใจศรัทธาในพระพุทธเจ้า ส่วน **ภรรยาชื่อ "นันทา"** เป็นหญิงขี้บ่น ปากจัด และไม่เชื่อเรื่องการบวชหรือการทำบุญ เธอคิดว่าชีวิตนี้ต้องสะสมทรัพย์เท่านั้น จึงเถียงสามีประจำเรื่องการไปวัด ### **วันแรกที่สุทัตตะพานันทาไปฟังธรรม** วันหนึ่ง สุทัตตะชวนนันทาไปฟังพระพุทธเจ้าทเทศน์ที่วัดเชตวัน แต่เธอตอบเสียงหลงว่า: "อีกแล้วเหรอ?! พ่อบ้านก็ไม่เห็นห่วงสมบัติ ทุกเย็นไม่คิดแต่จะไปวัด ถ้าพระพุทธเจ้าสอนดีจริง ทำไมเรายังไม่รวยล่ะ?!" สุทัตตะยิ้มน้อยๆ แล้วพูดเบาๆ: "พระองค์สอนว่า ความร่ำรวยไม่ใช่จุดจบของชีวิต..." นันทาตะโกน: "แล้วอะไรล่ะคือจุดจบ?! การยืนตากแดดฟังคนๆหนึ่งพูดเรื่องไม่จริง?!" แต่สุดท้าย เธอก็ถูกเพื่อนบ้านชักชวนให้ไปด้วยเพราะอยากรู้ว่าพระพุทธเจ้าดึงดูดคนได้อย่างไร ### **นันทาพบพระพุทธเจ้า** เมื่อไปถึง นันทายังบ่นพึมพำว่า "ร้อนจะตาย..." แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเริ่มเทศน์ พระองค์ตรัสด้วยเสียงอันสุขุม: "ดูก่อนอุบาสิกา บางคนสะสมทรัพย์แต่ใจจน บางคนมีน้อยแต่ใจเป็นสุข..." นันทาซึ่งกำลังนั่งกอดอกอยู่ ก็สะดุ้งเมื่อรู้สึกเหมือนพระองค์ตรัสตรงถึงเธอ! พระพุทธเจ้าตรัสต่อเรื่อง **"ความทุกข์เกิดจากความยึดมั่น"** และเล่านิทานเปรียบเทียบถึงพ่อค้าคนหนึ่งที่โกรธเพราะเรือแตก แต่กลับโชคดีที่ถูกพัดเข้าฝั่ง เพราะไม่ยึดติดกับของที่สูญเสีย นันทาค่อยๆ หยุดบ่น เริ่มฟังด้วยความสนใจ แม้จะยังไม่พูดอะไร แต่ใจเธอเริ่มสั่นสะเทือน ### **การเปลี่ยนแปลง** หลังจากวันนั้น นันทายังเป็นคนปากกล้า แต่เริ่มถามสามีเรื่องธรรมะบ้าง และบางครั้งก็แอบไปวัดคนเดียวโดยไม่บอกสุทัตตะ! เพื่อนบ้านถึงกับตกใจเมื่อเห็นนันทาช่วยตักบาตรพระ แทนที่จะนั่งบ่นเรื่องเสียเงิน สุทัตตะยิ้มพอใจ แต่เขาก็ไม่พูดมาก 只是พูดว่า: "วันนี้ภรรยาดูสงบจัง..." นันทาหัวเราะแล้วตอบ: "ก็เพราะฉันเริ่มเข้าใจว่า การไม่บ่นทำให้ชีวิตง่ายขึ้นไง!" ### **บทเรียนที่ได้** เรื่องราวของทั้งสองสอนให้เห็นว่า **ความศรัทธาไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในทันที** และแม้แต่คนขี้บ่นที่สุด ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อได้พบคำสอนที่ใช่ แม้พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงบังคับใครให้เชื่อ แต่พระธรรมย่อมดึงดูดใจผู้ที่พร้อมรับ และนั่นคือชีวิตคู่ของสุทัตตะกับนันทา ที่ยังคงเถียงกันบ้าง แต่ครั้งนี้... เธอเริ่มเถียงด้วยหลักธรรมแทน! *(จบ)* > หมายเหตุ: เรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อแสดงวิถีชีวิตและความเชื่อในสมัยพุทธกาลผ่านมุมมองสามัญชน ไม่ได้อ้างอิงจากพระสูตรโดยตรง แต่สอดคล้องกับแนวคิดทางพุทธศาสนาเรื่องการเปลี่ยนแปลงและการละทิ้งความยึดมั่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 697 มุมมอง 0 รีวิว