0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
106 มุมมอง
0 รีวิว
รายการ
ค้นพบผู้คนใหม่ๆ สร้างการเชื่อมต่อใหม่ๆ และรู้จักเพื่อนใหม่
- กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น!
- ด่วน ที่ประชุม 'กนง.' มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2.00 ต่อปี
https://www.thai-tai.tv/news/17379/ด่วน ที่ประชุม 'กนง.' มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2.00 ต่อปี https://www.thai-tai.tv/news/17379/0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว - ช่างดุ่ย: นักสู้ในโลกมืด ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
ติดตามได้ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ
วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
ทางสถานีโทรทัศน์ News1 (IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211)
หรือ
เฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กตอก : ฅนจริงใจไม่ท้อ
โปรดช่วยกดติดตามช่องเพื่อเป็นกำลังใจทีมงานด้วยครับ
.............................................................................................................
ท่านใดต้องการสนับสนุนหรือใช้บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถติดต่อ ประพันธ์ บางนิมิตได้ที่หมายเลข 064 053-2298 หรือหากต้องการช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ สามารถโอนเงินช่วยเหลือได้ที่ บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี ประพันธ์ บางนิมิตร เลขบัญชี 761-0-33-514-2ช่างดุ่ย: นักสู้ในโลกมืด ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ติดตามได้ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568 เวลา 11.30-12.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ News1 (IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211) หรือ เฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กตอก : ฅนจริงใจไม่ท้อ โปรดช่วยกดติดตามช่องเพื่อเป็นกำลังใจทีมงานด้วยครับ ............................................................................................................. ท่านใดต้องการสนับสนุนหรือใช้บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถติดต่อ ประพันธ์ บางนิมิตได้ที่หมายเลข 064 053-2298 หรือหากต้องการช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ สามารถโอนเงินช่วยเหลือได้ที่ บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี ประพันธ์ บางนิมิตร เลขบัญชี 761-0-33-514-20 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 665 มุมมอง 9 0 รีวิว - สส.ฉาวโผล่สภา! อัด สธ.จำกัดสิทธิบัตรทอง "สส.พรรคส้ม" คอมเมนต์แรง "ไร้ยางอาย"
https://www.thai-tai.tv/news/17380/สส.ฉาวโผล่สภา! อัด สธ.จำกัดสิทธิบัตรทอง "สส.พรรคส้ม" คอมเมนต์แรง "ไร้ยางอาย" https://www.thai-tai.tv/news/17380/0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว - 26/2/68
Bangkok Manholes
ในที่สุดสยามประเทศก็มีฝาปิดท่อสวยๆกะเขาบ้างแระ 18ฝาท่ออาทๆมีที่ถนนแถบเยาวราชนะคะ เชคอิน เซวฟี่ไปชมได้เลย
ยายมนคนทางนี้อดไปชมตอนนี้แต่ก็รวบข้อมูลทำภาพมานำเสนอนะคะอยากให้เพื่อนๆได้เห็นว่าสวยงามแฝงนัยยะประวัติวิถีชีวิตแต่ละย่านได้ดี
รอว่างจะบินไปตามหา18ฝาให้ครบเลย
คนไทยทำได้ถ้าได้ทำ26/2/68 Bangkok Manholes ในที่สุดสยามประเทศก็มีฝาปิดท่อสวยๆกะเขาบ้างแระ 18ฝาท่ออาทๆมีที่ถนนแถบเยาวราชนะคะ เชคอิน เซวฟี่ไปชมได้เลย ยายมนคนทางนี้อดไปชมตอนนี้แต่ก็รวบข้อมูลทำภาพมานำเสนอนะคะอยากให้เพื่อนๆได้เห็นว่าสวยงามแฝงนัยยะประวัติวิถีชีวิตแต่ละย่านได้ดี รอว่างจะบินไปตามหา18ฝาให้ครบเลย คนไทยทำได้ถ้าได้ทำ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว - ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ของสหรัฐฯ โพสต์คลิปวิดีโอและเพลงที่เป็น "AI" นี้บน Truth Social เพื่อต้องการแสดงให้เห็น "อนาคต" ของฉนวนกาซา หลังจากย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาแล้วตามที่เคยประกาศไว้
อย่างไรก็ตาม ในคลิปของทรัมป์ ไม่ลืมที่จะกอดคอเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่โดนหมายจับจาก ICC ในข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา หลังจากมีเด็กต้องสังเวยชีวิตไป 35,000 รายประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ของสหรัฐฯ โพสต์คลิปวิดีโอและเพลงที่เป็น "AI" นี้บน Truth Social เพื่อต้องการแสดงให้เห็น "อนาคต" ของฉนวนกาซา หลังจากย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาแล้วตามที่เคยประกาศไว้ อย่างไรก็ตาม ในคลิปของทรัมป์ ไม่ลืมที่จะกอดคอเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่โดนหมายจับจาก ICC ในข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา หลังจากมีเด็กต้องสังเวยชีวิตไป 35,000 ราย0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว - รองอธิบดีดีเอสไอ เตรียมส่งหนังสือถึง อัยการค้ามนุษย์ พิจารณาออกหมายจับ "หม่อง ชิต ตู่" กับพวก คดีค้ามนุษย์ หลังได้พยานหลักฐานตามสมควรเพียงพอแล้ว เชื่อไใช้เวลาไม่นานเพราะคุยกันหลายครั้งแล้ว
•
วันนี้ (26 ก.พ.) ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการออกหมายจับ "หม่อง ชิต ตู่" กับพวก ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ดีเอสไอ ได้มีการหารือประเด็นดังกล่าวกับพนักงานอัยการมาตลอด ซึ่งฝ่ายพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเห็นว่า พยานหลักฐานมีตามสมควรเพียงพอที่จะนำตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการได้ โดยผู้อำนวยการกองคดีค้ามนุษย์ ดีเอสไอ ได้เสนอเรื่องส่งพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมมาแล้วเพื่อมีหนังสือไปยังอัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 ตามขั้นตอนกฎหมาย โดยภายในวันนี้ตนจะเสนอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ลงนามเอกสารเพื่อส่งอัยการพิเศษ พิจารณาพยานหลักฐานขอให้มีการออกหมายจับ
•
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018997
•
#MGROnline #ดีเอสไอ
รองอธิบดีดีเอสไอ เตรียมส่งหนังสือถึง อัยการค้ามนุษย์ พิจารณาออกหมายจับ "หม่อง ชิต ตู่" กับพวก คดีค้ามนุษย์ หลังได้พยานหลักฐานตามสมควรเพียงพอแล้ว เชื่อไใช้เวลาไม่นานเพราะคุยกันหลายครั้งแล้ว • วันนี้ (26 ก.พ.) ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการออกหมายจับ "หม่อง ชิต ตู่" กับพวก ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ดีเอสไอ ได้มีการหารือประเด็นดังกล่าวกับพนักงานอัยการมาตลอด ซึ่งฝ่ายพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเห็นว่า พยานหลักฐานมีตามสมควรเพียงพอที่จะนำตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการได้ โดยผู้อำนวยการกองคดีค้ามนุษย์ ดีเอสไอ ได้เสนอเรื่องส่งพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมมาแล้วเพื่อมีหนังสือไปยังอัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 ตามขั้นตอนกฎหมาย โดยภายในวันนี้ตนจะเสนอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ลงนามเอกสารเพื่อส่งอัยการพิเศษ พิจารณาพยานหลักฐานขอให้มีการออกหมายจับ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018997 • #MGROnline #ดีเอสไอ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว1
- 26/2/68
สวัสดีครับ
มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กรับบริจาคหนังสือทุกประเภท สำหรับเด็ก เยาวชน คนพิการ คนไร้ที่พึ่ง ผู้สูงอายุ พ่อในคุก แม่ในคุก ลูกในคุก ลูกในครรภ์และลูกที่บ้าน
ถ้าเป็นหนังสือเรียน ขอรับบริจาคหนังสือหลักสูตรปัจจุบัน ไม่รับหนังสือเรียนหลักสูตรเก่า และแบบฝึกใช้งานแล้วครับ
บริจาคหนังสือได้ที่..
มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก (สำนักงานเฉพาะกิจ)
7 ซอยไทยานนท์ 11 ถนนสนามบินน้ำ (นนทบุรี 46)
ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000
ผู้ประสานงาน :
คุณสุพรรณี มิ่งรักธรรม
โทร. 083-299-5755
ขอบพระคุณมากครับ26/2/68 สวัสดีครับ มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กรับบริจาคหนังสือทุกประเภท สำหรับเด็ก เยาวชน คนพิการ คนไร้ที่พึ่ง ผู้สูงอายุ พ่อในคุก แม่ในคุก ลูกในคุก ลูกในครรภ์และลูกที่บ้าน ถ้าเป็นหนังสือเรียน ขอรับบริจาคหนังสือหลักสูตรปัจจุบัน ไม่รับหนังสือเรียนหลักสูตรเก่า และแบบฝึกใช้งานแล้วครับ บริจาคหนังสือได้ที่.. มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก (สำนักงานเฉพาะกิจ) 7 ซอยไทยานนท์ 11 ถนนสนามบินน้ำ (นนทบุรี 46) ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 ผู้ประสานงาน : คุณสุพรรณี มิ่งรักธรรม โทร. 083-299-5755 ขอบพระคุณมากครับ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 695 มุมมอง 0 รีวิว - "ทนายอั๋น" พร้อมหวังเฉา-หม่าฮั่น บุกขอดูหน้า "อิทธิพร-แสวง" เชื่อ DSl มีอำนาจทำคดีอาญาเอาผิดฮั้วเลือกสว. 100% บุกทำกิจกรรม เหน็บกกต.ไม่ให้ข้อมูลระวังโดนข้อหาร่วมขบวนการอั้งยี่ซ่องโจร
•
วันนี้ (26 ก.พ.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ พากลุ่มอดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. มาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยมีคนที่แต่งกายเลียนแบบเป็น"หวังเฉา" กับ "หม่าฮั่น" นำตัวนักโทษอั้งยี่ซ่องโจรมาประหารตามคำสั่งท่านเปาบุ้นจิ้น
•
โดยนายภัทรพงศ์ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มายื่นหนังสือใดๆกับกกต. อีกแล้ว เพราะถือว่าการสื่อสารระหว่างตัวเองกับ กกต. สิ้นสุดลงแล้วนับแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาว่าจะรับกรณีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษหรือไม่
•
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000019023
•
#MGROnline #ทนายอั๋น"ทนายอั๋น" พร้อมหวังเฉา-หม่าฮั่น บุกขอดูหน้า "อิทธิพร-แสวง" เชื่อ DSl มีอำนาจทำคดีอาญาเอาผิดฮั้วเลือกสว. 100% บุกทำกิจกรรม เหน็บกกต.ไม่ให้ข้อมูลระวังโดนข้อหาร่วมขบวนการอั้งยี่ซ่องโจร • วันนี้ (26 ก.พ.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ พากลุ่มอดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. มาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยมีคนที่แต่งกายเลียนแบบเป็น"หวังเฉา" กับ "หม่าฮั่น" นำตัวนักโทษอั้งยี่ซ่องโจรมาประหารตามคำสั่งท่านเปาบุ้นจิ้น • โดยนายภัทรพงศ์ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มายื่นหนังสือใดๆกับกกต. อีกแล้ว เพราะถือว่าการสื่อสารระหว่างตัวเองกับ กกต. สิ้นสุดลงแล้วนับแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาว่าจะรับกรณีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษหรือไม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000019023 • #MGROnline #ทนายอั๋น0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 927 มุมมอง 0 รีวิว - วิบากกรรม ‘ข้าวไทย’ ยุค แพทองธาร : [Biz Talk]
ท่ามกลางความน่ายินดี ที่ส่งออกไทยเดือนแรกของปี 68 เติบโตสูงถึง 13.6%ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 แต่สินค้าข้าว น่าเป็นห่วง ส่งออกร่วงแรง 32.4% แม้ความต้องการข้าวไทยในตลาดโลก ยังดีอยู่ แต่การแข่งขันสูง จนทำให้ปริมาณส่งออกข้าวไทยไม่ดีนัก แถมข้าวไทย ยังแพงที่สุดในโลก แข่งขันยาก หวั่นกระทบวงกว้าง หากไม่เร่งหาทางแก้!วิบากกรรม ‘ข้าวไทย’ ยุค แพทองธาร : [Biz Talk] ท่ามกลางความน่ายินดี ที่ส่งออกไทยเดือนแรกของปี 68 เติบโตสูงถึง 13.6%ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 แต่สินค้าข้าว น่าเป็นห่วง ส่งออกร่วงแรง 32.4% แม้ความต้องการข้าวไทยในตลาดโลก ยังดีอยู่ แต่การแข่งขันสูง จนทำให้ปริมาณส่งออกข้าวไทยไม่ดีนัก แถมข้าวไทย ยังแพงที่สุดในโลก แข่งขันยาก หวั่นกระทบวงกว้าง หากไม่เร่งหาทางแก้!0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 942 มุมมอง 25 0 รีวิว
6
- เลย - คนภูกระดึงบ่นอุบ เศรษฐกิจแย่เงียบจนยินเสียงใบไม้ตก ขึ้นป้ายพรึ่บทั้งเมืองต้องการกระเช้าขึ้นภู ย้ำกลุ่มคนคัดค้านมีแต่คนนอกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาวที่แข็งแรงอ้างแต่เรื่องอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่หารู้ไม่ว่าคนท้องถิ่นขาดรายได้
•
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงนี้พื้นที่อำเภอภูกระดึง กระแสเรียกร้องให้มีการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงกลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง โดยตามบ้านเรือน ร้านค้าหลายหลังได้ขึ้นป้ายเล็กป้ายใหญ่ด้วยข้อความสนับสนุนให้รัฐบาลสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่มากขึ้น เศรษฐกิจการค้าขายจะได้คึกคัก
•
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/local/detail/9680000019013
•
#MGROnline #เลย #ภูกระดึงเลย - คนภูกระดึงบ่นอุบ เศรษฐกิจแย่เงียบจนยินเสียงใบไม้ตก ขึ้นป้ายพรึ่บทั้งเมืองต้องการกระเช้าขึ้นภู ย้ำกลุ่มคนคัดค้านมีแต่คนนอกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาวที่แข็งแรงอ้างแต่เรื่องอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่หารู้ไม่ว่าคนท้องถิ่นขาดรายได้ • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงนี้พื้นที่อำเภอภูกระดึง กระแสเรียกร้องให้มีการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงกลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง โดยตามบ้านเรือน ร้านค้าหลายหลังได้ขึ้นป้ายเล็กป้ายใหญ่ด้วยข้อความสนับสนุนให้รัฐบาลสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่มากขึ้น เศรษฐกิจการค้าขายจะได้คึกคัก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/local/detail/9680000019013 • #MGROnline #เลย #ภูกระดึง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว - รองอธิบดีดีเอสไอ เตรียมส่งหนังสือถึง อัยการค้ามนุษย์ พิจารณาออกหมายจับ "หม่อง ชิต ตู่" กับพวก คดีค้ามนุษย์ หลังได้พยานหลักฐานตามสมควรเพียงพอแล้ว เชื่อไใช้เวลาไม่นานเพราะคุยกันหลายครั้งแล้ว
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000018997
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimesรองอธิบดีดีเอสไอ เตรียมส่งหนังสือถึง อัยการค้ามนุษย์ พิจารณาออกหมายจับ "หม่อง ชิต ตู่" กับพวก คดีค้ามนุษย์ หลังได้พยานหลักฐานตามสมควรเพียงพอแล้ว เชื่อไใช้เวลาไม่นานเพราะคุยกันหลายครั้งแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000018997 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 981 มุมมอง 0 รีวิว
7
- ปราจีนบุรี – เจ้าของรถทัวร์คณะศึกษาดูงาน จ.บึงกาฬ ประสบเหตุพลิกคว่ำบริเวณทางโค้งลงเขาศาลปู่โทน ยันเบรกลมหมดจริงขณะวิ่งลงเขาสู่พื้นที่ราบทำรถพลิกคว่ำจนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 19 ราย ขณะบาดเจ็บรวม 31 ราย ญาติเริ่มทยอยเดินทางรับศพกลับบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด
•
จากเหตุการณ์รถทัวร์โดยสารคณะศึกษาดูงานเทศบาลตำบลพรเจริญ จ.บึงกาฬ พลิกคว่ำช่วงทางลงเขาศาลปู่โทน หลัก กม.ที่ 210 ถนนสาย 304 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บในขณะนี้มากกว่า 31 ราย และมีเสียชีวิตล่าสุดที่จำนวน 19 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้ ( 26 ก.พ.) นั้น
•
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนาดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาในห้องฉุกเฉิน และเริ่มมีญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทยอยเดินทางเข้ารับศพท่ามกลางความโศกเศร้า
•
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/local/detail/9680000019024
•
#MGROnline #ปราจีนบุรี #เจ้าของรถทัวร์ #คณะศึกษาดูงาน #บึงกาฬ #ประสบเหตุพลิกคว่ำ #เขาศาลปู่โทนปราจีนบุรี – เจ้าของรถทัวร์คณะศึกษาดูงาน จ.บึงกาฬ ประสบเหตุพลิกคว่ำบริเวณทางโค้งลงเขาศาลปู่โทน ยันเบรกลมหมดจริงขณะวิ่งลงเขาสู่พื้นที่ราบทำรถพลิกคว่ำจนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 19 ราย ขณะบาดเจ็บรวม 31 ราย ญาติเริ่มทยอยเดินทางรับศพกลับบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด • จากเหตุการณ์รถทัวร์โดยสารคณะศึกษาดูงานเทศบาลตำบลพรเจริญ จ.บึงกาฬ พลิกคว่ำช่วงทางลงเขาศาลปู่โทน หลัก กม.ที่ 210 ถนนสาย 304 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บในขณะนี้มากกว่า 31 ราย และมีเสียชีวิตล่าสุดที่จำนวน 19 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้ ( 26 ก.พ.) นั้น • ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนาดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาในห้องฉุกเฉิน และเริ่มมีญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทยอยเดินทางเข้ารับศพท่ามกลางความโศกเศร้า • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/local/detail/9680000019024 • #MGROnline #ปราจีนบุรี #เจ้าของรถทัวร์ #คณะศึกษาดูงาน #บึงกาฬ #ประสบเหตุพลิกคว่ำ #เขาศาลปู่โทน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 880 มุมมอง 0 รีวิว1
- น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยกรณีคณะรัฐมนตรีมีประชุมลับ เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัติรัฐมนตรีด้านจริยธรรมว่า เพื่อสร้างความชัดเจน เพราะเดิมไม่ทราบขอบเขต จริงๆ กฎหมายทุกเรื่อง เช่น บุหรี่ไฟฟ้า เรื่องอะไรก็ตาม ต้องมีขอบเขตชัดเจน เพื่อจะได้ปฏิบัติอย่างชัดเจน ส่วนจะเป็นการเตรียมความพร้อมในการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน เพราะการแต่งตั้งจะต้องตรวจสอบประวัติเยอะมาก บางทีก็ไม่ทราบว่ากรณีนี้ได้หรือไม่ได้ เกิดความสับสน การจะเอาคนเก่งๆ เข้ามาทำงานก็สับสนมาก ดังนั้น จำเป็นต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่โดนเรื่องจริยธรรมน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยกรณีคณะรัฐมนตรีมีประชุมลับ เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัติรัฐมนตรีด้านจริยธรรมว่า เพื่อสร้างความชัดเจน เพราะเดิมไม่ทราบขอบเขต จริงๆ กฎหมายทุกเรื่อง เช่น บุหรี่ไฟฟ้า เรื่องอะไรก็ตาม ต้องมีขอบเขตชัดเจน เพื่อจะได้ปฏิบัติอย่างชัดเจน ส่วนจะเป็นการเตรียมความพร้อมในการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน เพราะการแต่งตั้งจะต้องตรวจสอบประวัติเยอะมาก บางทีก็ไม่ทราบว่ากรณีนี้ได้หรือไม่ได้ เกิดความสับสน การจะเอาคนเก่งๆ เข้ามาทำงานก็สับสนมาก ดังนั้น จำเป็นต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่โดนเรื่องจริยธรรม0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1181 มุมมอง 34 0 รีวิว
5
- บทจะถูกทอดทิ้ง ยูเครนก็ถูก สหรัฐทอดทิ้งเอาได้ง่ายๆ หากศึกษาประวัติศาสตร์ในอดีตของไทย จะพบว่าครั้งหนึ่ง ไทยเองก็ถูกอเมริกาทอดทิ้งและเป็นบทเรียนให้เราได้รู้ว่า การเลือกข้าง ไม่ว่าจะมหาอำนาจข้างใดเขามองเห็นแค่ผลประโยชน์ของประเทศเขาเท่านั้น เรื่องมีอยู่ว่า....เมื่อในอดีต....ไทยเป็นประเทศเฉกเช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศที่จะต้องรับมือการขยายอำนาจของประเทศคอมมิวนิสต์ อย่างรัสเซีย ผ่านเวียดนาม และจีนและสหรัฐอเมริกา ก็มีความพยายามในการสกัดกั้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้การเข้ามาประจันของทั้งสองมหาอำนาจนี้บางประเทศก็เลือกที่จะเข้าข้างอำนาจหนึ่ง บางประเทศก็เลือกที่จะผูกพันกับอีกอำนาจหนึ่ง แต่การผูกพันกับอำนาจใดอำนาจหนึ่งมากก็ย่อมส่งผลเสียตามมาหากมีมหาอำนาจฝ่ายหนึ่งต้องถอยหลังไป ดังนั้นแล้วการทุ่มตัวในการพลิกให้เป็นฝ่ายชนะให้ได้จึงเป็นสิ่งที่น่าจะให้ผลประโยชน์ได้ดีที่สุดมากกว่าการแพ้ แต่มีคนไทยผู้หนึ่งนั้นมองอย่างแตกต่างออกไปที่ถึงจะไม่ชนะ แต่ก็ต้องไม่แพ้ กล่าวคือการ “หนีเสือปะจระเข้” จะไม่มีผลต่อการเลือกว่าเราจะต้องอยู่บนบกหรือในน้ำอีกต่อไป คนไทยผู้นี้คือ " ถนัด คอมันตร์ "“หากเราหนีเสือ [จีน] แล้วไปปะจระเข้ [โซเวียต] มันก็ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่านัก… ถ้าเราไม่มีทางอื่น เราอาจจะต้องอยู่กับจระเข้… ที่ว่ามานี้คือรูปแบบที่เป็นไปได้ถ้าสหรัฐอเมริกาต้องถอนกำลังออกจากประเทศเรา… เพราะเราไม่อาจบอกได้ว่าภูมิภาคของเราตอนนี้มีอำนาจมากพอ… เราหวังว่าทุกคนจะเข้าใจในประเด็นนี้ และช่วยสนับสนุนประเทศในภูมิภาคที่จะรวมตัวสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นให้เหนียวแน่นกว่าเดิม” คำกล่าวนี้คือคำกล่าวของถนัด คอมันตร์ ผู้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นระดับตำนานของไทยที่จะคิดหาวิธีอยู่รอดในวันที่สหรัฐอเมริกากำลังเลือกที่จะถอนกำลังออก และในวันที่ประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์นั้นมีพลังมากขึ้นด้วยการรวมกลุ่มประเทศที่ไม่เป็นคอมมิวนิสต์เพื่อคานอิทธิพลของอำนาจแดงเอาไว้ Choawalit Chotwattanaphong เรามักจะคุ้นหูว่าหลักการ Nixon (Nixon Doctrine) ที่ประกาศว่าสหรัฐอเมริกาจะถอนกำลังออกจากเวียดนามได้ทำให้ประเทศไทยต้องเปลี่ยนนโยบายกับประเทศคอมมิวนิสต์ แต่ความจริงแล้วการเปลี่ยนทิศของนโยบายการต่างประเทศไทยนั้นได้เริ่มขึ้นก่อนที่การตัดสินใจของสหรัฐอเมริกาจะเกิดขึ้น และการตัดสินใจนี้เองก็มีส่วนที่ทำให้สงครามเวียดนามบรรเทาความรุนแรงลงด้วย การตัดสินใจเปลี่ยนทิศของไทยนั้นเริ่มหลังจากที่ประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน ประกาศนโยบายกลับลำให้คุยสันติภาพหลังจากการรุกตรุษญวน ในการนี้ ถนัด คอมันตร์ และคนอื่นๆ ได้มีการกล่าวว่าสหรัฐอเมริกาได้สร้างข้อสงสัยขึ้นให้กับประเทศอื่นๆ และตอนนี้ไทยก็ได้รู้ตัวอย่างแจ่มแจ้งมากกว่าเก่าว่าการพึ่งกับสหรัฐอเมริกานั้นไม่ใช่ทางที่ดีอีกต่อไปถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะต้องถอนทัพออกไป แต่ถนัดก็ได้ขอให้การถอนทัพนี้เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์ และไทยเองก็ต้องสร้างความสัมพันธ์กับประเทศคอมมิวนิสต์ในท่ามกลางดุลอำนาจที่เปลี่ยนไปนี้ด้วย ถนัดจึงได้คิดค้นการทูตแบบยืดหยุ่นขึ้นในขณะนั้นถนัดประเมินว่ามีอยู่ 5 แนวทางสำหรับนโยบายการต่างประเทศของไทยในอนาคต คือ ทางเลือกที่หนึ่ง การไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่นโยบายนี้เขาพบว่ามหาอำนาจจะไม่ยอมให้ประเทศเล็กๆ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และมักจะโดนยำเสมอ ทางเลือกนี้จึงตัดทิ้งไป ทางที่สอง คือการเข้าไปหาคอมมิวนิสต์โดยตรงและ “ชนะใจ” ในเชิงการทูตเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ซึ่งถนัดก็เห็นว่ามีความเป็นไปได้ เพียงแต่ยังไม่ใช่ในตอนนั้น ทางเลือกที่สาม คือการประกาศว่าเป็นกลางคือจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับประเด็นสงครามหรือความขัดแย้งทั้งสิ้นซึ่งต่างจากการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่เขาก็ประเมินว่าประเทศคอมมิวนิสต์คงไม่อยู่เฉยๆ เพราะถึงเราจะเป็นกลาง แต่คอมมิวนิสต์ไม่กลางด้วย หรือทางที่สี่ การเข้าไปร่วมกับคอมมิวนิสต์ด้วยเลยก็ไม่มีประโยชน์เพราะจะถูกบีบได้เสมอ เขาเห็นว่าทางที่ห้า เป็นไปได้มากที่สุดคือการรวมกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ในภูมิภาคเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเป็นพลังต่อรองใหม่ ซึ่งนี่คือจุดกำเนิดของ ASEAN นั่นเองถนัดเป็นผู้ริเริ่มเรื่องนี้ขึ้นเนื่องจากประเทศต่างๆ ในเอเชียไม่ต้องการพึ่งพลังจากภายนอกอีกต่อไป แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถจัดการต่อรองประเด็นต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียมและมีพลังด้วย ถึงแม้ว่าถนัดในช่วงก่อนนั้นจะเห็นว่าการมีอยู่ของกองทัพสหรัฐอเมริกานั้นเป็นประโยชน์แต่ก็เสียความชอบธรรมลงไปเพราะการเมืองในประเทศของสหรัฐอเมริกาเอง ซึ่งถนัดได้ชี้ว่า “เป้าหมายของสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนไป เราไม่ได้เปลี่ยน พวกเขาต่างหากที่เปลี่ยน การมีอยู่ของกองทัพอเมริกันในไทยเสียความชอบธรรมไปแล้ว” และเขายังได้ติติงว่าสหรัฐอเมริกาจะเป็นมหาอำนาจได้ก็ต่อเมื่อรับผิดชอบในภารกิจของตนให้เสร็จสิ้น การถอนทัพออกไปนั้นจะไม่ใช่แค่ส่งผลต่อประเทศอื่น แต่ยังส่งผลไปยังสหรัฐอเมริกาเองด้วยว่าไม่สามารถทำหน้าที่มหาอำนาจได้อีกต่อไปอย่างไรก็ดี ถนัดได้เดินหน้าต่อในการวางแนวทางใหม่ทางการทูตที่ไม่ต้องพึ่งสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป พร้อมกับที่สหรัฐอเมริกาค่อยๆ ถอนกำลังออกจากไทย การถอนทัพนี้ได้สร้างความไม่ลงรอยทางการเมืองในไทยเองด้วย กล่าวคือกลุ่มกองทัพไทยยังคงอยากให้กองทัพสหรัฐอเมริกาอยู่ต่อไปเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัย ส่วนกลุ่มในกระทรวงการต่างประเทศนั้นแม้จะยังอยากให้กองทัพอยู่เช่นกัน แต่ก็ตระหนักถึงความจริงที่สหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจไปแล้วด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงตระหนักว่าการถอนทัพออกของอเมริกันเองก็ได้มอบพื้นที่ใหม่ทางการต่างประเทศให้กับไทยและภูมิภาคด้วยการถอนกำลังของสหรัฐอเมริกานั้นสามารถก่อให้เกิดช่องว่างทางอำนาจขึ้นได้ ดังนั้นการร่วมมือของประเทศในภูมิภาคจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไทยจึงกลายเป็นหัวหอกในการพาชาติต่างๆ เข้ามาร่วมทำงานด้วยกันในการสร้างสันติภาพภายใต้องค์การ ASEAN ที่จะกลายเป็นสิ่งที่ถ่วงเอาไว้ไม่ให้เกิดช่องว่างอำนาจจนอาจสั่นคลอนภูมิภาคได้ แต่ ASEAN แตกต่างจากองค์การอื่นๆ ก่อนหน้าเช่น SEATO เพราะ ASEAN ไม่ใช่องค์การในเชิงทหาร แต่เป็นองค์การเชิงการเมือง โดยถนัดชี้ว่าต่อให้ทุกประเทศรวมกันในเชิงกองกำลังก็ยังต้านจีนไม่ได้ วิธีการจึงต้องเป็นวิธีอื่นนอกจากการทหารควบคู่ไปกับการร่วมมือกันของประเทศต่างๆ ไทย (และประเทศอื่น) ก็เริ่มหาแนวทางปรับความสัมพันธ์กับประเทศคอมมิวนิสต์ ถนัดได้เขียนบทความลง Times เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) ว่า “จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการพูดคุยในทางการทูตระหว่างกันระหว่างเรากับประเทศคอมมิวนิสต์ แต่เราจะต้องพยายามให้เกิดขึ้นให้ได้ แต่เราจะทำได้ก็ต่อเมื่อประเทศในอาเซียนสามารถร่วมมือกันอย่างเป็นระบบได้ในการโน้มน้าวให้กลุ่มคอมมิวนิสต์ละทิ้งสงครามและร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์” นั่นหมายความว่าถนัดได้เห็นแล้วว่าการผ่อนคลายระหว่างกัน (Détente) นั้นเป็นสิ่งที่จะต้องทำซึ่งในช่วงเวลาของเขานั้นเรื่องนี้คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ยังเชื่อว่าจะเป็นนโยบายที่ “สามารถปฏิบัติได้จริงในอนาคต” เพราะว่าประเทศคอมมิวนิสต์ไม่สามารถมีท่าทีในเชิงรุกได้ตลอดไป ดังนั้นไทยต้องเตรียมที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องด้วย หรือเป็นการ “มีนโยบายที่ยืดหยุ่นมากขึ้นกับจีน” เขาจึงกล่าวว่า “ถ้าปักกิ่งมีสัญญาณว่าเราสามารถพูดคุยกันได้เมื่อไร ผมจะแนะนำให้รัฐบาลไทยไปนั่งโต๊ะทันที แต่ตอนนี้สัญญาณนั้นยังไม่เกิดขึ้น” ถนัดยืนยันว่าไทยไม่ต่อต้านคอมมิวนิสต์หรือจีน และต้องการที่จะพูดคุยหาทางในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติให้ได้ ถนัดยังกล่าวต่อไปอีกว่าจีนต่างหากที่ต้านไทยเพราะรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีนนั้นพูดเองว่าจะทำสงครามกองโจรกับไทยถนัดนั้นจึงเตรียมพร้อมเสมอในการไปปักกิ่ง และคาดกันว่าเขาเตรียมจะส่ง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ไปเจรจา หรือกระทั่งแคล้ว นรปติ ซึ่งเป็นนักการเมืองสายสังคมนิยมในขณะนั้น ไปเพื่อถามกันตรงๆ ว่า ที่ว่าจะทำสงครามเป็นเพราะอะไร แต่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์นั้นได้ออกมาปฏิเสธในการไปคุยกับจีนว่าไม่มีประโยชน์เพราะคำตอบนั้นชัดอยู่แล้วว่าเพราะไทยอยู่ข้างสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดีถนัดได้ยืนยันว่านโยบายต่างประเทศไทยนั้นไม่เคยเปลี่ยนเลย คือ การปกป้องเอกราชของประเทศไทยนั้นคือสิ่งที่ดำเนินมาตลอด แต่วิธีการที่จะบรรลุเป้าหมายนี้จะต้องปรับเปลี่ยนไปตามบริบทดังที่เขากล่าวว่า “เราต้องตระหนักสถานการณ์ในปัจจุบันที่ดุลอำนาจเปลี่ยนไปแล้ว แต่เราไม่ได้เปลี่ยนนโยบายของเรา นโยบายของเราเหมือนเดิม และเราจะไม่มีวันปล่อยหลักการทางศีลธรรมและทางสติปัญญาของเราทิ้งไป” ดังนั้นจึงหมายความว่าแม้จะ “ลู่ลม” แต่ “ราก” นั้นไม่เปลี่ยนไปตามลมนั่นเองหลักการการทูตที่ยืดหยุ่นนั้นประกอบไปด้วยสามประการ คือ ไม่อเมริกัน การร่วมมือในภูมิภาค และการผ่อนคลายความตึงเครียด ถนัดได้สร้างช่องทางในการติดต่อกับจีนผ่านคนที่สามในการหาทางอยู่ร่วมกัน เช่น UN รวมไปถึงการติดต่อกับโซเวียตไปพร้อมกันด้วย แม้ว่าถนัดจะยืนยันว่านโยบายไม่ได้เปลี่ยนก็ตาม แต่การใช้วิธีแบบยืดหยุ่นนี้ได้สร้างการผ่อนคลายได้ในที่สุด และได้กลายเป็นฐานให้ผู้มีอำนาจอื่นๆ ต่อยอดวิธีการของถนัดในการอยู่กับประเทศคอมมิวนิสต์อย่างสันติและปกป้องเอกราชของไทยเอาไว้ได้ถนัดจึงสมควรได้รับการยกย่องที่สุดว่า “ถนัดและคนอื่นๆ ได้คิดในสิ่งที่มิอาจจินตนาการได้ในสงครามเย็น นั่นคือการอยู่ร่วมกับทั้งจระเข้และเสืออย่างปลอดภัย” และนี่คือถนัด คอมันตร์ ตำนานรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยตลอดกาล #มูลนิธิสยามรีกอเดอ #LueHistory #ประวัติศาสตร์ #ฤๅคัฟเวอรี่บทจะถูกทอดทิ้ง ยูเครนก็ถูก สหรัฐทอดทิ้งเอาได้ง่ายๆ หากศึกษาประวัติศาสตร์ในอดีตของไทย จะพบว่าครั้งหนึ่ง ไทยเองก็ถูกอเมริกาทอดทิ้งและเป็นบทเรียนให้เราได้รู้ว่า การเลือกข้าง ไม่ว่าจะมหาอำนาจข้างใดเขามองเห็นแค่ผลประโยชน์ของประเทศเขาเท่านั้น เรื่องมีอยู่ว่า....เมื่อในอดีต....ไทยเป็นประเทศเฉกเช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศที่จะต้องรับมือการขยายอำนาจของประเทศคอมมิวนิสต์ อย่างรัสเซีย ผ่านเวียดนาม และจีนและสหรัฐอเมริกา ก็มีความพยายามในการสกัดกั้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้การเข้ามาประจันของทั้งสองมหาอำนาจนี้บางประเทศก็เลือกที่จะเข้าข้างอำนาจหนึ่ง บางประเทศก็เลือกที่จะผูกพันกับอีกอำนาจหนึ่ง แต่การผูกพันกับอำนาจใดอำนาจหนึ่งมากก็ย่อมส่งผลเสียตามมาหากมีมหาอำนาจฝ่ายหนึ่งต้องถอยหลังไป ดังนั้นแล้วการทุ่มตัวในการพลิกให้เป็นฝ่ายชนะให้ได้จึงเป็นสิ่งที่น่าจะให้ผลประโยชน์ได้ดีที่สุดมากกว่าการแพ้ แต่มีคนไทยผู้หนึ่งนั้นมองอย่างแตกต่างออกไปที่ถึงจะไม่ชนะ แต่ก็ต้องไม่แพ้ กล่าวคือการ “หนีเสือปะจระเข้” จะไม่มีผลต่อการเลือกว่าเราจะต้องอยู่บนบกหรือในน้ำอีกต่อไป คนไทยผู้นี้คือ " ถนัด คอมันตร์ "“หากเราหนีเสือ [จีน] แล้วไปปะจระเข้ [โซเวียต] มันก็ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่านัก… ถ้าเราไม่มีทางอื่น เราอาจจะต้องอยู่กับจระเข้… ที่ว่ามานี้คือรูปแบบที่เป็นไปได้ถ้าสหรัฐอเมริกาต้องถอนกำลังออกจากประเทศเรา… เพราะเราไม่อาจบอกได้ว่าภูมิภาคของเราตอนนี้มีอำนาจมากพอ… เราหวังว่าทุกคนจะเข้าใจในประเด็นนี้ และช่วยสนับสนุนประเทศในภูมิภาคที่จะรวมตัวสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นให้เหนียวแน่นกว่าเดิม” คำกล่าวนี้คือคำกล่าวของถนัด คอมันตร์ ผู้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นระดับตำนานของไทยที่จะคิดหาวิธีอยู่รอดในวันที่สหรัฐอเมริกากำลังเลือกที่จะถอนกำลังออก และในวันที่ประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์นั้นมีพลังมากขึ้นด้วยการรวมกลุ่มประเทศที่ไม่เป็นคอมมิวนิสต์เพื่อคานอิทธิพลของอำนาจแดงเอาไว้ [1]เรามักจะคุ้นหูว่าหลักการ Nixon (Nixon Doctrine) ที่ประกาศว่าสหรัฐอเมริกาจะถอนกำลังออกจากเวียดนามได้ทำให้ประเทศไทยต้องเปลี่ยนนโยบายกับประเทศคอมมิวนิสต์ แต่ความจริงแล้วการเปลี่ยนทิศของนโยบายการต่างประเทศไทยนั้นได้เริ่มขึ้นก่อนที่การตัดสินใจของสหรัฐอเมริกาจะเกิดขึ้น และการตัดสินใจนี้เองก็มีส่วนที่ทำให้สงครามเวียดนามบรรเทาความรุนแรงลงด้วย การตัดสินใจเปลี่ยนทิศของไทยนั้นเริ่มหลังจากที่ประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน ประกาศนโยบายกลับลำให้คุยสันติภาพหลังจากการรุกตรุษญวน ในการนี้ ถนัด คอมันตร์ และคนอื่นๆ ได้มีการกล่าวว่าสหรัฐอเมริกาได้สร้างข้อสงสัยขึ้นให้กับประเทศอื่นๆ และตอนนี้ไทยก็ได้รู้ตัวอย่างแจ่มแจ้งมากกว่าเก่าว่าการพึ่งกับสหรัฐอเมริกานั้นไม่ใช่ทางที่ดีอีกต่อไปถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะต้องถอนทัพออกไป แต่ถนัดก็ได้ขอให้การถอนทัพนี้เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์ และไทยเองก็ต้องสร้างความสัมพันธ์กับประเทศคอมมิวนิสต์ในท่ามกลางดุลอำนาจที่เปลี่ยนไปนี้ด้วย ถนัดจึงได้คิดค้นการทูตแบบยืดหยุ่นขึ้นในขณะนั้นถนัดประเมินว่ามีอยู่ 5 แนวทางสำหรับนโยบายการต่างประเทศของไทยในอนาคต คือ ทางเลือกที่หนึ่ง การไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่นโยบายนี้เขาพบว่ามหาอำนาจจะไม่ยอมให้ประเทศเล็กๆ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และมักจะโดนยำเสมอ ทางเลือกนี้จึงตัดทิ้งไป ทางที่สอง คือการเข้าไปหาคอมมิวนิสต์โดยตรงและ “ชนะใจ” ในเชิงการทูตเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ซึ่งถนัดก็เห็นว่ามีความเป็นไปได้ เพียงแต่ยังไม่ใช่ในตอนนั้น ทางเลือกที่สาม คือการประกาศว่าเป็นกลางคือจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับประเด็นสงครามหรือความขัดแย้งทั้งสิ้นซึ่งต่างจากการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่เขาก็ประเมินว่าประเทศคอมมิวนิสต์คงไม่อยู่เฉยๆ เพราะถึงเราจะเป็นกลาง แต่คอมมิวนิสต์ไม่กลางด้วย หรือทางที่สี่ การเข้าไปร่วมกับคอมมิวนิสต์ด้วยเลยก็ไม่มีประโยชน์เพราะจะถูกบีบได้เสมอ เขาเห็นว่าทางที่ห้า เป็นไปได้มากที่สุดคือการรวมกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ในภูมิภาคเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเป็นพลังต่อรองใหม่ ซึ่งนี่คือจุดกำเนิดของ ASEAN นั่นเองถนัดเป็นผู้ริเริ่มเรื่องนี้ขึ้นเนื่องจากประเทศต่างๆ ในเอเชียไม่ต้องการพึ่งพลังจากภายนอกอีกต่อไป แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถจัดการต่อรองประเด็นต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียมและมีพลังด้วย ถึงแม้ว่าถนัดในช่วงก่อนนั้นจะเห็นว่าการมีอยู่ของกองทัพสหรัฐอเมริกานั้นเป็นประโยชน์แต่ก็เสียความชอบธรรมลงไปเพราะการเมืองในประเทศของสหรัฐอเมริกาเอง ซึ่งถนัดได้ชี้ว่า “เป้าหมายของสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนไป เราไม่ได้เปลี่ยน พวกเขาต่างหากที่เปลี่ยน การมีอยู่ของกองทัพอเมริกันในไทยเสียความชอบธรรมไปแล้ว” และเขายังได้ติติงว่าสหรัฐอเมริกาจะเป็นมหาอำนาจได้ก็ต่อเมื่อรับผิดชอบในภารกิจของตนให้เสร็จสิ้น การถอนทัพออกไปนั้นจะไม่ใช่แค่ส่งผลต่อประเทศอื่น แต่ยังส่งผลไปยังสหรัฐอเมริกาเองด้วยว่าไม่สามารถทำหน้าที่มหาอำนาจได้อีกต่อไปอย่างไรก็ดี ถนัดได้เดินหน้าต่อในการวางแนวทางใหม่ทางการทูตที่ไม่ต้องพึ่งสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป พร้อมกับที่สหรัฐอเมริกาค่อยๆ ถอนกำลังออกจากไทย การถอนทัพนี้ได้สร้างความไม่ลงรอยทางการเมืองในไทยเองด้วย กล่าวคือกลุ่มกองทัพไทยยังคงอยากให้กองทัพสหรัฐอเมริกาอยู่ต่อไปเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัย ส่วนกลุ่มในกระทรวงการต่างประเทศนั้นแม้จะยังอยากให้กองทัพอยู่เช่นกัน แต่ก็ตระหนักถึงความจริงที่สหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจไปแล้วด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงตระหนักว่าการถอนทัพออกของอเมริกันเองก็ได้มอบพื้นที่ใหม่ทางการต่างประเทศให้กับไทยและภูมิภาคด้วยการถอนกำลังของสหรัฐอเมริกานั้นสามารถก่อให้เกิดช่องว่างทางอำนาจขึ้นได้ ดังนั้นการร่วมมือของประเทศในภูมิภาคจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไทยจึงกลายเป็นหัวหอกในการพาชาติต่างๆ เข้ามาร่วมทำงานด้วยกันในการสร้างสันติภาพภายใต้องค์การ ASEAN ที่จะกลายเป็นสิ่งที่ถ่วงเอาไว้ไม่ให้เกิดช่องว่างอำนาจจนอาจสั่นคลอนภูมิภาคได้ แต่ ASEAN แตกต่างจากองค์การอื่นๆ ก่อนหน้าเช่น SEATO เพราะ ASEAN ไม่ใช่องค์การในเชิงทหาร แต่เป็นองค์การเชิงการเมือง โดยถนัดชี้ว่าต่อให้ทุกประเทศรวมกันในเชิงกองกำลังก็ยังต้านจีนไม่ได้ วิธีการจึงต้องเป็นวิธีอื่นนอกจากการทหารควบคู่ไปกับการร่วมมือกันของประเทศต่างๆ ไทย (และประเทศอื่น) ก็เริ่มหาแนวทางปรับความสัมพันธ์กับประเทศคอมมิวนิสต์ ถนัดได้เขียนบทความลง Times เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) ว่า “จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการพูดคุยในทางการทูตระหว่างกันระหว่างเรากับประเทศคอมมิวนิสต์ แต่เราจะต้องพยายามให้เกิดขึ้นให้ได้ แต่เราจะทำได้ก็ต่อเมื่อประเทศในอาเซียนสามารถร่วมมือกันอย่างเป็นระบบได้ในการโน้มน้าวให้กลุ่มคอมมิวนิสต์ละทิ้งสงครามและร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์” นั่นหมายความว่าถนัดได้เห็นแล้วว่าการผ่อนคลายระหว่างกัน (Détente) นั้นเป็นสิ่งที่จะต้องทำซึ่งในช่วงเวลาของเขานั้นเรื่องนี้คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ยังเชื่อว่าจะเป็นนโยบายที่ “สามารถปฏิบัติได้จริงในอนาคต” เพราะว่าประเทศคอมมิวนิสต์ไม่สามารถมีท่าทีในเชิงรุกได้ตลอดไป ดังนั้นไทยต้องเตรียมที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องด้วย หรือเป็นการ “มีนโยบายที่ยืดหยุ่นมากขึ้นกับจีน” เขาจึงกล่าวว่า “ถ้าปักกิ่งมีสัญญาณว่าเราสามารถพูดคุยกันได้เมื่อไร ผมจะแนะนำให้รัฐบาลไทยไปนั่งโต๊ะทันที แต่ตอนนี้สัญญาณนั้นยังไม่เกิดขึ้น” ถนัดยืนยันว่าไทยไม่ต่อต้านคอมมิวนิสต์หรือจีน และต้องการที่จะพูดคุยหาทางในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติให้ได้ ถนัดยังกล่าวต่อไปอีกว่าจีนต่างหากที่ต้านไทยเพราะรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีนนั้นพูดเองว่าจะทำสงครามกองโจรกับไทยถนัดนั้นจึงเตรียมพร้อมเสมอในการไปปักกิ่ง และคาดกันว่าเขาเตรียมจะส่ง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ไปเจรจา หรือกระทั่งแคล้ว นรปติ ซึ่งเป็นนักการเมืองสายสังคมนิยมในขณะนั้น ไปเพื่อถามกันตรงๆ ว่า ที่ว่าจะทำสงครามเป็นเพราะอะไร แต่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์นั้นได้ออกมาปฏิเสธในการไปคุยกับจีนว่าไม่มีประโยชน์เพราะคำตอบนั้นชัดอยู่แล้วว่าเพราะไทยอยู่ข้างสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดีถนัดได้ยืนยันว่านโยบายต่างประเทศไทยนั้นไม่เคยเปลี่ยนเลย คือ การปกป้องเอกราชของประเทศไทยนั้นคือสิ่งที่ดำเนินมาตลอด แต่วิธีการที่จะบรรลุเป้าหมายนี้จะต้องปรับเปลี่ยนไปตามบริบทดังที่เขากล่าวว่า “เราต้องตระหนักสถานการณ์ในปัจจุบันที่ดุลอำนาจเปลี่ยนไปแล้ว แต่เราไม่ได้เปลี่ยนนโยบายของเรา นโยบายของเราเหมือนเดิม และเราจะไม่มีวันปล่อยหลักการทางศีลธรรมและทางสติปัญญาของเราทิ้งไป” ดังนั้นจึงหมายความว่าแม้จะ “ลู่ลม” แต่ “ราก” นั้นไม่เปลี่ยนไปตามลมนั่นเองหลักการการทูตที่ยืดหยุ่นนั้นประกอบไปด้วยสามประการ คือ ไม่อเมริกัน การร่วมมือในภูมิภาค และการผ่อนคลายความตึงเครียด ถนัดได้สร้างช่องทางในการติดต่อกับจีนผ่านคนที่สามในการหาทางอยู่ร่วมกัน เช่น UN รวมไปถึงการติดต่อกับโซเวียตไปพร้อมกันด้วย แม้ว่าถนัดจะยืนยันว่านโยบายไม่ได้เปลี่ยนก็ตาม แต่การใช้วิธีแบบยืดหยุ่นนี้ได้สร้างการผ่อนคลายได้ในที่สุด และได้กลายเป็นฐานให้ผู้มีอำนาจอื่นๆ ต่อยอดวิธีการของถนัดในการอยู่กับประเทศคอมมิวนิสต์อย่างสันติและปกป้องเอกราชของไทยเอาไว้ได้ถนัดจึงสมควรได้รับการยกย่องที่สุดว่า “ถนัดและคนอื่นๆ ได้คิดในสิ่งที่มิอาจจินตนาการได้ในสงครามเย็น นั่นคือการอยู่ร่วมกับทั้งจระเข้และเสืออย่างปลอดภัย” และนี่คือถนัด คอมันตร์ ตำนานรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยตลอดกาล #มูลนิธิสยามรีกอเดอ #LueHistory #ประวัติศาสตร์ #ฤๅคัฟเวอรี่0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1334 มุมมอง 0 รีวิว
- รถยนต์คงไม่จำเป็น : [News story]
ทึ่งในความสามารถ! ฝรั่งขี่มอไซค์ขนที่นอน 6 ฟุตทั่วภูเก็ตรถยนต์คงไม่จำเป็น : [News story] ทึ่งในความสามารถ! ฝรั่งขี่มอไซค์ขนที่นอน 6 ฟุตทั่วภูเก็ต0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 902 มุมมอง 40 0 รีวิว
4
- กรุงเทพมหานครเปิดตัวโครงการทางเดินเท้าแบบมีหลังคาคลุม จากลุมพินีถึงช่องนนทรี มูลค่า 20 ล้านบาท อ้างให้ประชาชนเดินเท้าดีทุกสภาพอากาศ สิงคโปร์และไต้หวันก็ทำ
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000019003
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimesกรุงเทพมหานครเปิดตัวโครงการทางเดินเท้าแบบมีหลังคาคลุม จากลุมพินีถึงช่องนนทรี มูลค่า 20 ล้านบาท อ้างให้ประชาชนเดินเท้าดีทุกสภาพอากาศ สิงคโปร์และไต้หวันก็ทำ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000019003 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1126 มุมมอง 0 รีวิว
7
- เจ้าของรถทัวร์คณะศึกษาดูงาน จ.บึงกาฬ ประสบเหตุพลิกคว่ำบริเวณทางโค้งลงเขาศาลปู่โทน ยันเบรกลมหมดจริงขณะวิ่งลงเขาสู่พื้นที่ราบทำรถพลิกคว่ำจนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 19 ราย ขณะบาดเจ็บรวม 31 ราย ญาติเริ่มทยอยเดินทางรับศพกลับบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000019024
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimesเจ้าของรถทัวร์คณะศึกษาดูงาน จ.บึงกาฬ ประสบเหตุพลิกคว่ำบริเวณทางโค้งลงเขาศาลปู่โทน ยันเบรกลมหมดจริงขณะวิ่งลงเขาสู่พื้นที่ราบทำรถพลิกคว่ำจนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 19 ราย ขณะบาดเจ็บรวม 31 ราย ญาติเริ่มทยอยเดินทางรับศพกลับบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000019024 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1532 มุมมอง 0 รีวิว
6
- สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยยอดส่งออกข้าว 2 เดือนปี 68 ทำได้แค่ 1.1 ล้านตัน ลด 32% เหตุได้รับผลกระทบจากอินเดียกลับมาส่งออก และข้าวไทยยังราคาแพงที่สุดในโลก ทำขายยาก คาดไตรมาสแรก ไม่เกิน 2 ล้านตัน ส่วนทั้งปี ยังคงเป้า 7.5 ล้านตัน แนะรัฐช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกร ช่วยเรื่องปัจจัยการผลิต อย่าดันราคาอย่างเดียว เหตุผู้ส่งออกทำตลาดลำบาก
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000019021
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimesสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยยอดส่งออกข้าว 2 เดือนปี 68 ทำได้แค่ 1.1 ล้านตัน ลด 32% เหตุได้รับผลกระทบจากอินเดียกลับมาส่งออก และข้าวไทยยังราคาแพงที่สุดในโลก ทำขายยาก คาดไตรมาสแรก ไม่เกิน 2 ล้านตัน ส่วนทั้งปี ยังคงเป้า 7.5 ล้านตัน แนะรัฐช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกร ช่วยเรื่องปัจจัยการผลิต อย่าดันราคาอย่างเดียว เหตุผู้ส่งออกทำตลาดลำบาก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000019021 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1210 มุมมอง 0 รีวิว
5
- กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % เหลือ 2 % เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณไว้ 2.9 % และช่วยลดการตึงตัวของภาวะการเงิน โดยไม่กระทบต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพ พร้อมประเมินเศรษฐกิจลดลงเหลือ 2.5 % จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000019048
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimesกนง.มีมติ 6 ต่อ 1 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % เหลือ 2 % เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณไว้ 2.9 % และช่วยลดการตึงตัวของภาวะการเงิน โดยไม่กระทบต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพ พร้อมประเมินเศรษฐกิจลดลงเหลือ 2.5 % จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000019048 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1267 มุมมอง 0 รีวิว
5
- บน-เคล ขวา-ตำลึง ล่าง-ฮาบาเนโร
ตอนนี้เคลียร์เคลออกเหลือ 4 ต้นแล้ว
ส่วนพริกต้องตัดใบทิ้งเยอะมากเพราะลูกไม่โต เฉลี่ย 1 ต้นได้ 1 ลูกเองทั้งที่ออกดอกเยอะมากแต่ร่วงหมด เพิ่งรู้ฮาบาเนโรสูง 1-1.8 เมตร กรี๊ด...ไม่มีที่ปลูกบน-เคล ขวา-ตำลึง ล่าง-ฮาบาเนโร ตอนนี้เคลียร์เคลออกเหลือ 4 ต้นแล้ว ส่วนพริกต้องตัดใบทิ้งเยอะมากเพราะลูกไม่โต เฉลี่ย 1 ต้นได้ 1 ลูกเองทั้งที่ออกดอกเยอะมากแต่ร่วงหมด เพิ่งรู้ฮาบาเนโรสูง 1-1.8 เมตร กรี๊ด...ไม่มีที่ปลูก0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว - เกมไล่บี้ ขยี้สว. จบนัดแรกเจ๊ากันไป 1 ต่อ 1
เสี่ยเนมั่นใจ กกต.เลือดบุรีรัมย์ช่วยคว้าชัยนัดสอง 6 มีนาคม
#คิงส์โพธิ์แดง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3เกมไล่บี้ ขยี้สว. จบนัดแรกเจ๊ากันไป 1 ต่อ 1 เสี่ยเนมั่นใจ กกต.เลือดบุรีรัมย์ช่วยคว้าชัยนัดสอง 6 มีนาคม #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง30 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 12 0 รีวิว1
- กรูขรรมอีกละ อิป้าซุยว่าจะมีพยูนเอ้ยพยานเปิดชื่อมีเซอร์ไพรซ์ ทุ๊ย ชื่ออิปูอะนะเซอร์ไพรซ์ แฟนเพจกรูรู้ตั้งแต่ปีมะแว๊งแล้วอิแก่
#คิงส์โพธิ์แดง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3กรูขรรมอีกละ อิป้าซุยว่าจะมีพยูนเอ้ยพยานเปิดชื่อมีเซอร์ไพรซ์ ทุ๊ย ชื่ออิปูอะนะเซอร์ไพรซ์ แฟนเพจกรูรู้ตั้งแต่ปีมะแว๊งแล้วอิแก่ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง30 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 423 มุมมอง 0 รีวิว - กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % เหลือ 2 % เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณไว้ 2.9 % และช่วยลดการตึงตัวของภาวะการเงิน โดยไม่กระทบต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพ พร้อมประเมินเศรษฐกิจลดลงเหลือ 2.5 % จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก
•
นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % จาก 2.25 % เป็น 2.00 % ต่อปี โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ 1 เสียง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
•
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ 2.9 % จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก แม้ว่าเศรษฐกิจจะได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการท่องเที่ยว กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % ต่อปีในการประชุมครั้งนี้ เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งรองรับความเสี่ยงด้านต่ำที่ชัดเจนขึ้น ขณะที่กรรมการ 1 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากให้น้ำหนักมากกว่ากับการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า
•
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000019048
•
#MGROnline #คณะกรรมการนโยบายการเงิน #กนง.กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % เหลือ 2 % เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณไว้ 2.9 % และช่วยลดการตึงตัวของภาวะการเงิน โดยไม่กระทบต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพ พร้อมประเมินเศรษฐกิจลดลงเหลือ 2.5 % จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก • นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % จาก 2.25 % เป็น 2.00 % ต่อปี โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ 1 เสียง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย • เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ 2.9 % จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก แม้ว่าเศรษฐกิจจะได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการท่องเที่ยว กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % ต่อปีในการประชุมครั้งนี้ เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งรองรับความเสี่ยงด้านต่ำที่ชัดเจนขึ้น ขณะที่กรรมการ 1 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากให้น้ำหนักมากกว่ากับการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000019048 • #MGROnline #คณะกรรมการนโยบายการเงิน #กนง.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 790 มุมมอง 0 รีวิว2
- กรูยังงงนะ อิต่างด้าวโมโหปี๊ดแตกประเด็นที่มีคนบอกว่ามีผัวแล้ว คือเมิงจะบอกว่าอายุปูนนี้ยังเวอร์จิ้นว่างั้น ทุ๊ย! มาพิสูจน์มาอิฟาย
#คิงส์โพธิ์แดง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3กรูยังงงนะ อิต่างด้าวโมโหปี๊ดแตกประเด็นที่มีคนบอกว่ามีผัวแล้ว คือเมิงจะบอกว่าอายุปูนนี้ยังเวอร์จิ้นว่างั้น ทุ๊ย! มาพิสูจน์มาอิฟาย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง30 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว1