• 0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • เปิดประวัติ 'สุชาติ' ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคดีแก้ 112
    .
    ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 เลือก นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี เป็นประธานป.ป.ช. ซึ่งจะทำหน้าที่ไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2570 หลังจากนายสุชาติได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น กรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สำหรับประวัติ นายสุชาติ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีนิติศาสตรบัณทิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง/เนติบัณทิตไทย เนติบัณทิตย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นิติศาสตร์ มหาบัณทิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นอกจากนี้ เคยทำหน้าที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว รองอธิบดีผู้พิพากษาแรงงานกลาง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี
    .
    ขณะที่ ความคืบหน้าคดีสำคัญที่อยู่ในมือป.ป.ช.นั้น นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพิจารณา เรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรงกับ 44 ส.ส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ยังคงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยตามขั้นตอนนั้น เมื่อคณะกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากไต่สวนแล้วพบว่า การกระทำนั้นไม่มีความผิด ก็จะสรุปสำนวนว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา
    .
    นายสาโรจน์ กล่าวอีกว่า การแจ้งข้อกล่าวหาจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้รับรายงานมานั้น ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนเสนอคณะกรรมการไต่สวน ก็เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการไต่สวนว่า หลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งแล้วหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ภายในปีนี้ จะได้เห็นการชี้มูลความผิด 44 ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ นายสาโรจน์ ตอบว่า ตามความเห็นส่วนตัว หากไต่สวนครบถ้วน และมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถพิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่การพิจารณานั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปถึงขั้นตอนชี้มูล เพราะตามขั้นตอน จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้ชี้แจง ซึ่งหากมีการชี้แจงแล้วก็จะมีการสรุปสำนวน และพิจารณาว่าคำชี้แจงฟังขึ้นหรือไม่ และข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่ ทั้งนี้ ตามกรอบระยะเวลาภาพใหญ่ คาดว่าอาจจะชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่มีข้อเท็จจริงที่ตัองไปดำเนินการเพิ่มเติมมาก
    ..............
    Sondhi X
    เปิดประวัติ 'สุชาติ' ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคดีแก้ 112 . ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 เลือก นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี เป็นประธานป.ป.ช. ซึ่งจะทำหน้าที่ไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2570 หลังจากนายสุชาติได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น กรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สำหรับประวัติ นายสุชาติ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีนิติศาสตรบัณทิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง/เนติบัณทิตไทย เนติบัณทิตย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นิติศาสตร์ มหาบัณทิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นอกจากนี้ เคยทำหน้าที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว รองอธิบดีผู้พิพากษาแรงงานกลาง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี . ขณะที่ ความคืบหน้าคดีสำคัญที่อยู่ในมือป.ป.ช.นั้น นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพิจารณา เรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรงกับ 44 ส.ส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ยังคงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยตามขั้นตอนนั้น เมื่อคณะกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากไต่สวนแล้วพบว่า การกระทำนั้นไม่มีความผิด ก็จะสรุปสำนวนว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา . นายสาโรจน์ กล่าวอีกว่า การแจ้งข้อกล่าวหาจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้รับรายงานมานั้น ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนเสนอคณะกรรมการไต่สวน ก็เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการไต่สวนว่า หลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งแล้วหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน . เมื่อผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ภายในปีนี้ จะได้เห็นการชี้มูลความผิด 44 ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ นายสาโรจน์ ตอบว่า ตามความเห็นส่วนตัว หากไต่สวนครบถ้วน และมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถพิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่การพิจารณานั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปถึงขั้นตอนชี้มูล เพราะตามขั้นตอน จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้ชี้แจง ซึ่งหากมีการชี้แจงแล้วก็จะมีการสรุปสำนวน และพิจารณาว่าคำชี้แจงฟังขึ้นหรือไม่ และข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่ ทั้งนี้ ตามกรอบระยะเวลาภาพใหญ่ คาดว่าอาจจะชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่มีข้อเท็จจริงที่ตัองไปดำเนินการเพิ่มเติมมาก .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 248 Views 0 Reviews
  • ByteDance ได้เปิดตัวระบบ AI ใหม่ชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถสร้างวิดีโอลวงตา (deepfake) ได้เหมือนจริงเกือบแยกไม่ออก โดยระบบนี้สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนจริงได้จากเพียงภาพถ่ายเดียวและคลิปเสียง ระบบยังสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น อัตราส่วนภาพและการจัดองค์ประกอบของร่างกายได้ ระบบ AI นี้ยังสามารถแก้ไขวิดีโอที่มีอยู่ เช่น การแก้ไขการเคลื่อนไหวของร่างกายและท่าทางได้อย่างแม่นยำ

    ระบบ OmniHuman-1 นี้ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลวิดีโอจำนวน 18,700 ชั่วโมง โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "omni-conditions" ที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งพร้อมกัน เช่น ข้อความ เสียง และท่าทางของร่างกาย

    อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การฉ้อโกง และการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ในช่วงปี 2024 มีหลายกรณีที่วิดีโอลวงตาถูกใช้เพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น กรณีของผู้หลอกลวงที่แสร้งเป็น Brad Pitt เพื่อหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่งและได้เงินไปถึง $850,000

    มีผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของ AI จำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับวิดีโอลวงตา และบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้งานวิดีโอลวงตาเพื่อกระทำการไม่เหมาะสม แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ

    ByteDance ยังไม่ได้เผยแพร่ระบบ OmniHuman-1 ให้กับสาธารณะ แต่สามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับโมเดลนี้ได้ที่
    https://arxiv.org/abs/2502.01061v1

    https://www.techspot.com/news/106648-bytedance-unveils-deepfake-model-may-most-realistic.html
    ByteDance ได้เปิดตัวระบบ AI ใหม่ชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถสร้างวิดีโอลวงตา (deepfake) ได้เหมือนจริงเกือบแยกไม่ออก โดยระบบนี้สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนจริงได้จากเพียงภาพถ่ายเดียวและคลิปเสียง ระบบยังสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น อัตราส่วนภาพและการจัดองค์ประกอบของร่างกายได้ ระบบ AI นี้ยังสามารถแก้ไขวิดีโอที่มีอยู่ เช่น การแก้ไขการเคลื่อนไหวของร่างกายและท่าทางได้อย่างแม่นยำ ระบบ OmniHuman-1 นี้ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลวิดีโอจำนวน 18,700 ชั่วโมง โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "omni-conditions" ที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งพร้อมกัน เช่น ข้อความ เสียง และท่าทางของร่างกาย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การฉ้อโกง และการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ในช่วงปี 2024 มีหลายกรณีที่วิดีโอลวงตาถูกใช้เพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น กรณีของผู้หลอกลวงที่แสร้งเป็น Brad Pitt เพื่อหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่งและได้เงินไปถึง $850,000 มีผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของ AI จำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับวิดีโอลวงตา และบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้งานวิดีโอลวงตาเพื่อกระทำการไม่เหมาะสม แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ ByteDance ยังไม่ได้เผยแพร่ระบบ OmniHuman-1 ให้กับสาธารณะ แต่สามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับโมเดลนี้ได้ที่ https://arxiv.org/abs/2502.01061v1 https://www.techspot.com/news/106648-bytedance-unveils-deepfake-model-may-most-realistic.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ByteDance's OmniHuman-1 may be the most realistic deepfake algorithm yet
    We may be well past the uncanny valley point right now. OmniHuman-1's fake videos look startlingly lifelike, and the model's deepfake outputs are perhaps the most realistic...
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • Google ซึ่งเคยมีหลักการนำ AI ไปใช้งานในแบบที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ นโยบายใหม่นี้ถูกสังเกตครั้งแรกโดย Bloomberg ซึ่งได้พบว่า Google ได้ลบข้อความสำคัญในหลักการ AI ของตนที่เคยระบุไว้ว่าจะไม่พัฒนาเทคโนโลยีที่ "อาจก่อให้เกิดความเสียหาย" รวมถึงอาวุธด้วย

    ในคำตอบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ Google ได้ชี้ไปที่บล็อกโพสต์ที่เผยแพร่โดย James Manyika รองประธานอาวุโสของ Google และ Demis Hassabis ผู้บริหาร Google DeepMind ซึ่งกล่าวว่าประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนา AI โดยมีค่านิยมหลัก เช่น เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และการเคารพสิทธิมนุษยชน

    การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักวิชาการด้าน AI โดย Margaret Mitchell อดีตหัวหน้าทีม AI ของ Google และปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Hugging Face ได้กล่าวว่า "การลบข้อความเรื่องความเสียหายออกไปนั้นหมายความว่า Google อาจกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถฆ่าคนได้โดยตรง"

    แม้ว่า Google จะยืนยันว่า AI ของตนจะไม่ถูกใช้ในการทำลายมนุษย์ แต่การที่บริษัทเริ่มทำงานร่วมกับหน่วยงานทหารมากขึ้น เช่น การให้บริการคลาวด์กับกองทัพสหรัฐและอิสราเอล ก็ทำให้เกิดความกังวลภายในบริษัทเอง

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Google คาดหวังว่าจะได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากแหล่งรัฐบาลมากขึ้น ทำให้การพัฒนา AI ของ Google ก้าวหน้าเร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งที่มีส่วนร่วมในโครงการ AI ทหารอยู่แล้วได้มากขึ้น

    สรุปแล้ว Google ได้เปลี่ยนนโยบาย AI ที่เคยยึดหลักไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลและวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้การพัฒนา AI ก้าวหน้าเร็วขึ้น

    https://www.techspot.com/news/106646-google-abandons-do-no-harm-ai-stance-opens.html
    Google ซึ่งเคยมีหลักการนำ AI ไปใช้งานในแบบที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ นโยบายใหม่นี้ถูกสังเกตครั้งแรกโดย Bloomberg ซึ่งได้พบว่า Google ได้ลบข้อความสำคัญในหลักการ AI ของตนที่เคยระบุไว้ว่าจะไม่พัฒนาเทคโนโลยีที่ "อาจก่อให้เกิดความเสียหาย" รวมถึงอาวุธด้วย ในคำตอบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ Google ได้ชี้ไปที่บล็อกโพสต์ที่เผยแพร่โดย James Manyika รองประธานอาวุโสของ Google และ Demis Hassabis ผู้บริหาร Google DeepMind ซึ่งกล่าวว่าประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนา AI โดยมีค่านิยมหลัก เช่น เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และการเคารพสิทธิมนุษยชน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักวิชาการด้าน AI โดย Margaret Mitchell อดีตหัวหน้าทีม AI ของ Google และปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Hugging Face ได้กล่าวว่า "การลบข้อความเรื่องความเสียหายออกไปนั้นหมายความว่า Google อาจกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถฆ่าคนได้โดยตรง" แม้ว่า Google จะยืนยันว่า AI ของตนจะไม่ถูกใช้ในการทำลายมนุษย์ แต่การที่บริษัทเริ่มทำงานร่วมกับหน่วยงานทหารมากขึ้น เช่น การให้บริการคลาวด์กับกองทัพสหรัฐและอิสราเอล ก็ทำให้เกิดความกังวลภายในบริษัทเอง สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Google คาดหวังว่าจะได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากแหล่งรัฐบาลมากขึ้น ทำให้การพัฒนา AI ของ Google ก้าวหน้าเร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งที่มีส่วนร่วมในโครงการ AI ทหารอยู่แล้วได้มากขึ้น สรุปแล้ว Google ได้เปลี่ยนนโยบาย AI ที่เคยยึดหลักไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลและวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้การพัฒนา AI ก้าวหน้าเร็วขึ้น https://www.techspot.com/news/106646-google-abandons-do-no-harm-ai-stance-opens.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google abandons 'do no harm' AI stance, opens door to military weapons
    This change, first noticed by Bloomberg, marks a shift from the company's earlier stance on responsible AI development.
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • ห้องสมุดสาธารณะกำลังเผชิญกับปัญหาหนังสือที่สร้างจาก AI ซึ่งเต็มไปด้วยเนื้อหาคุณภาพต่ำและทำให้การตรวจสอบยากขึ้น ข่าวนี้เปิดเผยว่าหลายบริษัทที่ให้บริการหนังสือดิจิทัลแก่ห้องสมุด ไม่สามารถควบคุมปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    บริษัท OverDrive และ Hoopla ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการให้ยืมอีบุ๊ค กำลังประสบปัญหาในการกรองเนื้อหาคุณภาพต่ำที่สร้างจาก AI โดย OverDrive อนุญาตให้ห้องสมุดคัดเลือกหนังสือที่จะเสนอ ส่วน Hoopla ให้เข้าถึงแคตาล็อกทั้งหมดได้โดยไม่มีการกรอง ทำให้มีเนื้อหาปลอม (vendor slurry) มากมายเข้ามาในระบบ

    ตัวอย่างหนึ่งของปัญหานี้คือบริษัท IRB Media ที่มีหนังสือหลายร้อยเล่มบน Hoopla ซึ่งเป็นสรุปที่สร้างจาก AI ของหนังสือที่มีอยู่แล้ว การให้ยืมเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพนี้ทำให้ห้องสมุดต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ กลับมา

    สองปีที่แล้ว กลุ่ม Library Futures และ Library Freedom Project ได้เรียกร้องให้ Hoopla และ OverDrive แก้ไขปัญหาหนังสือคุณภาพต่ำ โดยเฉพาะหนังสือที่ปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิวหรือแสดงความเกลียดชังต่อชนกลุ่มน้อย Hoopla ได้ลบหนังสือที่มีปัญหาออก แต่ระบบอัตโนมัติและการตรวจสอบด้วยมนุษย์ยังไม่เพียงพอในการป้องกันปัญหานี้

    Luca Bartlomiejczyk บรรณารักษ์จากห้องสมุด Edith Wheeler Memorial ใน Monroe, Connecticut กล่าวว่าความรับผิดชอบในการควบคุมเนื้อหาจาก AI เป็นสิ่งสำคัญ และเนื้อหาดังกล่าวควรมีป้ายกำกับชัดเจนในแคตาล็อก เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่าพวกเขากำลังดาวน์โหลดอะไรมาอ่าน

    สรุปแล้ว หนังสือที่สร้างจาก AI กำลังเกลื่อนห้องสมุดสาธารณะ และยังไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหานี้ที่ง่ายหรือแน่ชัด การควบคุมและการตรวจสอบเนื้อหายังคงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปอย่างเร่งด่วน

    https://www.techspot.com/news/106656-ai-generated-books-have-overrun-public-libraries-no.html
    ห้องสมุดสาธารณะกำลังเผชิญกับปัญหาหนังสือที่สร้างจาก AI ซึ่งเต็มไปด้วยเนื้อหาคุณภาพต่ำและทำให้การตรวจสอบยากขึ้น ข่าวนี้เปิดเผยว่าหลายบริษัทที่ให้บริการหนังสือดิจิทัลแก่ห้องสมุด ไม่สามารถควบคุมปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท OverDrive และ Hoopla ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการให้ยืมอีบุ๊ค กำลังประสบปัญหาในการกรองเนื้อหาคุณภาพต่ำที่สร้างจาก AI โดย OverDrive อนุญาตให้ห้องสมุดคัดเลือกหนังสือที่จะเสนอ ส่วน Hoopla ให้เข้าถึงแคตาล็อกทั้งหมดได้โดยไม่มีการกรอง ทำให้มีเนื้อหาปลอม (vendor slurry) มากมายเข้ามาในระบบ ตัวอย่างหนึ่งของปัญหานี้คือบริษัท IRB Media ที่มีหนังสือหลายร้อยเล่มบน Hoopla ซึ่งเป็นสรุปที่สร้างจาก AI ของหนังสือที่มีอยู่แล้ว การให้ยืมเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพนี้ทำให้ห้องสมุดต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ กลับมา สองปีที่แล้ว กลุ่ม Library Futures และ Library Freedom Project ได้เรียกร้องให้ Hoopla และ OverDrive แก้ไขปัญหาหนังสือคุณภาพต่ำ โดยเฉพาะหนังสือที่ปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิวหรือแสดงความเกลียดชังต่อชนกลุ่มน้อย Hoopla ได้ลบหนังสือที่มีปัญหาออก แต่ระบบอัตโนมัติและการตรวจสอบด้วยมนุษย์ยังไม่เพียงพอในการป้องกันปัญหานี้ Luca Bartlomiejczyk บรรณารักษ์จากห้องสมุด Edith Wheeler Memorial ใน Monroe, Connecticut กล่าวว่าความรับผิดชอบในการควบคุมเนื้อหาจาก AI เป็นสิ่งสำคัญ และเนื้อหาดังกล่าวควรมีป้ายกำกับชัดเจนในแคตาล็อก เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่าพวกเขากำลังดาวน์โหลดอะไรมาอ่าน สรุปแล้ว หนังสือที่สร้างจาก AI กำลังเกลื่อนห้องสมุดสาธารณะ และยังไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหานี้ที่ง่ายหรือแน่ชัด การควบคุมและการตรวจสอบเนื้อหายังคงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปอย่างเร่งด่วน https://www.techspot.com/news/106656-ai-generated-books-have-overrun-public-libraries-no.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI-generated books have overrun public libraries, with no easy solution in sight
    The internet is becoming a wasteland, devoid of human interaction, as bots consume global bandwidth with malicious and worthless traffic. According to those in the ebook lending...
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • ในงานแถลงข่าวประจำไตรมาสที่สี่ของบริษัท AMD ซีอีโอ Lisa Su ได้ประกาศว่า Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะวางจำหน่ายในต้นเดือนมีนาคม การ์ดกราฟิกทั้งสองตัวนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นเกม 4K คุณภาพสูงได้ในราคาที่เอื้อมถึงสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ การ์ดเหล่านี้จะใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ภาพแบบ ray tracing และมีการเร่งการประมวลผลด้วย AI ผ่าน FSR 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ

    จากการสาธิตที่งาน CES เทคโนโลยี FSR 4 ของ AMD แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของภาพที่ได้ดีกว่า FSR 3.1 และมีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยี DLSS ของ Nvidia การตั้งชื่อการ์ดกราฟิก RX 9070 และ 9070 XT จึงเป็นการท้าทายการ์ดกลางตลาดของ Nvidia อย่าง RTX 5070 Ti, 5070, และ 5060

    จากข้อมูลของ AMD การ์ดรุ่น 9070 XT ใช้ GPU Navi 48 ซึ่งมี 4,096 คอร์, ความเร็วบูสท์ที่ 2.97GHz, และหน่วยความจำ GDDR6 16 GB ด้วยบัส 256 บิต และแบนด์วิดธ์ 640 GB/s สำหรับรุ่น 9070 จะมีหน่วยความจำ 16 GB ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า RTX 5070 ที่มีหน่วยความจำ GDDR7 เพียง 12 GB

    การ์ดกราฟิก Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะมีราคาที่แข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5070 ($549) และ RTX 5070 Ti ($749) โดยคาดว่า RTX 5070 Ti จะเปิดตัวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และ RTX 5070, 5060 Ti, และ 5060 จะตามมาในเดือนมีนาคม เช่นเดียวกับการ์ด RDNA 4 ของ AMD

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การ์ดกราฟิกรุ่น RX 9060 และ 9050 จะถูกเปิดตัวในปลายปีนี้เช่นกัน AMD เลือกที่จะเน้นตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลางเนื่องจากมีปริมาณการขายสูงสุดในตลาด โดยผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam ชี้ให้เห็นว่า GPU ของ Nvidia xx60 เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด

    https://www.techspot.com/news/106661-amd-promises-mainstream-4k-gaming-radeon-rx-9070.html
    ในงานแถลงข่าวประจำไตรมาสที่สี่ของบริษัท AMD ซีอีโอ Lisa Su ได้ประกาศว่า Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะวางจำหน่ายในต้นเดือนมีนาคม การ์ดกราฟิกทั้งสองตัวนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นเกม 4K คุณภาพสูงได้ในราคาที่เอื้อมถึงสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ การ์ดเหล่านี้จะใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ภาพแบบ ray tracing และมีการเร่งการประมวลผลด้วย AI ผ่าน FSR 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ จากการสาธิตที่งาน CES เทคโนโลยี FSR 4 ของ AMD แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของภาพที่ได้ดีกว่า FSR 3.1 และมีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยี DLSS ของ Nvidia การตั้งชื่อการ์ดกราฟิก RX 9070 และ 9070 XT จึงเป็นการท้าทายการ์ดกลางตลาดของ Nvidia อย่าง RTX 5070 Ti, 5070, และ 5060 จากข้อมูลของ AMD การ์ดรุ่น 9070 XT ใช้ GPU Navi 48 ซึ่งมี 4,096 คอร์, ความเร็วบูสท์ที่ 2.97GHz, และหน่วยความจำ GDDR6 16 GB ด้วยบัส 256 บิต และแบนด์วิดธ์ 640 GB/s สำหรับรุ่น 9070 จะมีหน่วยความจำ 16 GB ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า RTX 5070 ที่มีหน่วยความจำ GDDR7 เพียง 12 GB การ์ดกราฟิก Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะมีราคาที่แข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5070 ($549) และ RTX 5070 Ti ($749) โดยคาดว่า RTX 5070 Ti จะเปิดตัวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และ RTX 5070, 5060 Ti, และ 5060 จะตามมาในเดือนมีนาคม เช่นเดียวกับการ์ด RDNA 4 ของ AMD สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การ์ดกราฟิกรุ่น RX 9060 และ 9050 จะถูกเปิดตัวในปลายปีนี้เช่นกัน AMD เลือกที่จะเน้นตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลางเนื่องจากมีปริมาณการขายสูงสุดในตลาด โดยผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam ชี้ให้เห็นว่า GPU ของ Nvidia xx60 เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด https://www.techspot.com/news/106661-amd-promises-mainstream-4k-gaming-radeon-rx-9070.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD promises mainstream 4K gaming on Radeon RX 9070 series in early March
    AMD CEO Lisa Su has confirmed that the company's new Radeon RX 9070 and 9070 XT GPUs will launch in early March. She indicated that the two...
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอซาก้าในประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนาวัสดุใหม่ที่เรียกว่า vanadium dioxide (VO₂) ซึ่งมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนสถานะระหว่างการเป็นตัวนำไฟฟ้าและฉนวน โดยการควบคุมอุณหภูมิ เมื่อ VO₂ ถูกทำให้ร้อนขึ้น พื้นที่เล็ก ๆ ที่เหมือนโลหะจะก่อตัวขึ้นและขยายขนาดภายในสารประกอบนี้ เมื่อนักวิจัยควบคุมความร้อน พื้นที่เหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นขั้วไฟฟ้าที่สามารถปรับแต่งได้

    ทีมนักวิจัยได้ทดสอบคุณสมบัตินี้โดยการสร้าง เครื่องตรวจจับแสงเทราเฮิรตซ์ (terahertz photodetector) ที่มีส่วนประกอบของ VO₂ โดยใช้วิธีการผลิตที่มีความละเอียดสูงเพื่อสร้างชั้น VO₂ คุณภาพสูงบนซับสเตรตซิลิคอน การควบคุมขนาดของพื้นที่โลหะในชั้น VO₂ ผ่านการปรับอุณหภูมิ ทำให้สามารถควบคุมการตอบสนองของซับสเตรตซิลิคอนต่อแสงเทราเฮิรตซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    อีกคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ ความสามารถในการขยายสัญญาณไฟฟ้าผ่าน "ปรากฏการณ์หิมะถล่ม" (avalanche effect) ซึ่งเมื่อ VO₂ รวมสนามไฟฟ้าให้เข้มข้นในช่องว่างระหว่างพื้นที่โลหะ จะกระตุ้นการเคลื่อนไหวของอิเล็กตรอนแบบลูกโซ่ ทำให้สัญญาณไฟฟ้าอ่อนถูกขยายอย่างมาก ทำให้เครื่องตรวจจับแสงมีความไวสูง

    นักวิจัยเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ที่มีพื้นฐานจาก VO₂ กับเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่มีอยู่ได้ง่าย โดยทฤษฎี อุปกรณ์สามารถใช้การควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำในการกระตุ้นการเปลี่ยนสถานะของ VO₂ เพื่อปรับแต่งสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อแพลตฟอร์มที่ต้องการส่วนประกอบวงจรที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น การคำนวณที่สามารถปรับตัวได้หรือระบบภาพขั้นสูง

    นอกจากนี้ ความสามารถในการปรับแต่งคุณสมบัติไฟฟ้าของวัสดุนี้ยังทำให้มันเป็นที่น่าสนใจสำหรับระบบการสื่อสารแบบไร้สายในอนาคต ซึ่งรวมถึงเครือข่าย 6G ที่มีความถี่ในช่วงเทราเฮิรตซ์

    ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายของ VO₂ นักวิจัยกำลังสร้างพื้นฐานให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ๆ ที่สามารถปรับตัวเองได้โดยอัตโนมัติ เช่น เซนเซอร์ที่ดีขึ้น การสื่อสารความเร็วสูง และการคำนวณขั้นสูงในยุคถัดไป

    https://www.techspot.com/news/106662-scientists-devise-living-electrodes-could-improve-traditional-silicon.html
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอซาก้าในประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนาวัสดุใหม่ที่เรียกว่า vanadium dioxide (VO₂) ซึ่งมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนสถานะระหว่างการเป็นตัวนำไฟฟ้าและฉนวน โดยการควบคุมอุณหภูมิ เมื่อ VO₂ ถูกทำให้ร้อนขึ้น พื้นที่เล็ก ๆ ที่เหมือนโลหะจะก่อตัวขึ้นและขยายขนาดภายในสารประกอบนี้ เมื่อนักวิจัยควบคุมความร้อน พื้นที่เหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นขั้วไฟฟ้าที่สามารถปรับแต่งได้ ทีมนักวิจัยได้ทดสอบคุณสมบัตินี้โดยการสร้าง เครื่องตรวจจับแสงเทราเฮิรตซ์ (terahertz photodetector) ที่มีส่วนประกอบของ VO₂ โดยใช้วิธีการผลิตที่มีความละเอียดสูงเพื่อสร้างชั้น VO₂ คุณภาพสูงบนซับสเตรตซิลิคอน การควบคุมขนาดของพื้นที่โลหะในชั้น VO₂ ผ่านการปรับอุณหภูมิ ทำให้สามารถควบคุมการตอบสนองของซับสเตรตซิลิคอนต่อแสงเทราเฮิรตซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ ความสามารถในการขยายสัญญาณไฟฟ้าผ่าน "ปรากฏการณ์หิมะถล่ม" (avalanche effect) ซึ่งเมื่อ VO₂ รวมสนามไฟฟ้าให้เข้มข้นในช่องว่างระหว่างพื้นที่โลหะ จะกระตุ้นการเคลื่อนไหวของอิเล็กตรอนแบบลูกโซ่ ทำให้สัญญาณไฟฟ้าอ่อนถูกขยายอย่างมาก ทำให้เครื่องตรวจจับแสงมีความไวสูง นักวิจัยเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ที่มีพื้นฐานจาก VO₂ กับเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่มีอยู่ได้ง่าย โดยทฤษฎี อุปกรณ์สามารถใช้การควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำในการกระตุ้นการเปลี่ยนสถานะของ VO₂ เพื่อปรับแต่งสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อแพลตฟอร์มที่ต้องการส่วนประกอบวงจรที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น การคำนวณที่สามารถปรับตัวได้หรือระบบภาพขั้นสูง นอกจากนี้ ความสามารถในการปรับแต่งคุณสมบัติไฟฟ้าของวัสดุนี้ยังทำให้มันเป็นที่น่าสนใจสำหรับระบบการสื่อสารแบบไร้สายในอนาคต ซึ่งรวมถึงเครือข่าย 6G ที่มีความถี่ในช่วงเทราเฮิรตซ์ ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายของ VO₂ นักวิจัยกำลังสร้างพื้นฐานให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ๆ ที่สามารถปรับตัวเองได้โดยอัตโนมัติ เช่น เซนเซอร์ที่ดีขึ้น การสื่อสารความเร็วสูง และการคำนวณขั้นสูงในยุคถัดไป https://www.techspot.com/news/106662-scientists-devise-living-electrodes-could-improve-traditional-silicon.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists devise 'living' electrodes that could vastly improve traditional silicon electronics
    Researchers at Osaka University in Suita, Japan, have devised a novel way to improve the performance of electronic devices. The study, published in ACS Applied Electronic Materials,...
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • กองทัพอากาศสหรัฐได้ทำการต่อเครื่องบิน F-35 สองลำที่เกิดอุบัติเหตุเข้าด้วยกันเพื่อสร้าง "Franken-bird" ซึ่งเป็นเครื่องบินที่สามารถใช้งานได้จริงในท้องฟ้าด้วยค่าใช้จ่ายเพียง 6 ล้านดอลลาร์ เรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่กองทัพอากาศสามารถประกอบเครื่องบิน F-35 ที่ใช้งานได้จากซากเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุ

    นักบินของกองบินขับไล่ที่ 388 ที่ฐานทัพอากาศ Hill ในรัฐ Utah ได้ร่วมมือกับ F-35 Joint Program Office, Ogden Air Logistics Complex, และ Lockheed Martin เพื่อสร้างเครื่องบินนี้ โดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เฉพาะเจาะจงในการประกอบส่วนต่าง ๆ ของเครื่องบินที่แยกออกจากกัน เมื่อเครื่องบินนี้ได้รับการประกอบเสร็จ นักบินและช่างเครื่องได้ทำการตรวจสอบและทดสอบการบินเพื่อนำเครื่องบินกลับมาใช้งานอีกครั้ง

    เครื่องบินนี้ถูกตั้งชื่อว่า "Franken-bird" และจะถูกใช้งานในกองบินขับไล่ที่ 4 ของกองบินขับไล่ที่ 388 หลังจากที่เครื่องบินนี้ผ่านการทดสอบทั้งบนพื้นและในอากาศแล้ว นักบินได้ส่งเครื่องบินนี้ไปยังโรงงานของ Lockheed ใน Fort Worth, Texas เพื่อรับการรับรองสุดท้าย

    โครงการนี้ไม่เพียงแค่ช่วยประหยัดงบประมาณได้มากเพียง 6 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับการซื้อเครื่องบิน F-35A Lightning II ใหม่ที่มีราคามากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นฟูเครื่องบินขั้นสูงจากซากที่เหลืออยู่ เรื่องนี้ถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจและประหยัดงบประมาณของกองทัพอากาศ

    https://www.techspot.com/news/106655-us-air-force-fuses-two-wrecked-f-35s.html
    กองทัพอากาศสหรัฐได้ทำการต่อเครื่องบิน F-35 สองลำที่เกิดอุบัติเหตุเข้าด้วยกันเพื่อสร้าง "Franken-bird" ซึ่งเป็นเครื่องบินที่สามารถใช้งานได้จริงในท้องฟ้าด้วยค่าใช้จ่ายเพียง 6 ล้านดอลลาร์ เรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่กองทัพอากาศสามารถประกอบเครื่องบิน F-35 ที่ใช้งานได้จากซากเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุ นักบินของกองบินขับไล่ที่ 388 ที่ฐานทัพอากาศ Hill ในรัฐ Utah ได้ร่วมมือกับ F-35 Joint Program Office, Ogden Air Logistics Complex, และ Lockheed Martin เพื่อสร้างเครื่องบินนี้ โดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เฉพาะเจาะจงในการประกอบส่วนต่าง ๆ ของเครื่องบินที่แยกออกจากกัน เมื่อเครื่องบินนี้ได้รับการประกอบเสร็จ นักบินและช่างเครื่องได้ทำการตรวจสอบและทดสอบการบินเพื่อนำเครื่องบินกลับมาใช้งานอีกครั้ง เครื่องบินนี้ถูกตั้งชื่อว่า "Franken-bird" และจะถูกใช้งานในกองบินขับไล่ที่ 4 ของกองบินขับไล่ที่ 388 หลังจากที่เครื่องบินนี้ผ่านการทดสอบทั้งบนพื้นและในอากาศแล้ว นักบินได้ส่งเครื่องบินนี้ไปยังโรงงานของ Lockheed ใน Fort Worth, Texas เพื่อรับการรับรองสุดท้าย โครงการนี้ไม่เพียงแค่ช่วยประหยัดงบประมาณได้มากเพียง 6 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับการซื้อเครื่องบิน F-35A Lightning II ใหม่ที่มีราคามากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นฟูเครื่องบินขั้นสูงจากซากที่เหลืออยู่ เรื่องนี้ถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจและประหยัดงบประมาณของกองทัพอากาศ https://www.techspot.com/news/106655-us-air-force-fuses-two-wrecked-f-35s.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US Air Force fuses two wrecked F-35s together to build a sky-worthy "Franken-bird" for just $6M
    Combining major structures from separate F-35s to build a fully operational plane is an Air Force first. Both these damaged jets would've otherwise ended up as expensive...
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • จากเพจ : เกร็ดประวัติศาสตร์ v 2

    ขุนรัตนา นายกองทะลวงฟันของพระองค์เจ้าขุนเณร
    ขุนรัตนาวุธ เป็นผู้นำการรบในสงคราม 9 ทัพ สมรภูมิรบทุ่งลาดหญ้าที่ไม่มีชื่อปรากฏในพงศาวดารหรือบันทึกลายลักษณ์อักษร แต่ปรากฏในตำนานเรื่องเล่าสืบทอดกันมาเท่านั้น ตามตำนานเล่าขานกันว่าขุนรัตนาวุธเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้นำกองทัพทะลวงฟันเข้าร่วมรบเป็นกองทัพเสริมกับกองทัพหลวงของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ร่วมกับทัพมอญอาสาที่นำโดยพระยาเจ่ง กษัตริย์มอญ ทว่าต่อมาขุนรัตนาวุธถูกอุบายของพม่าหลอกให้ไม่ออกไปรบช่วยเหลือกับกองทัพอาสามอญ ทำให้กองทัพอาสามอญต้องแตกพ่ายไป ด้วยความแค้น ขุนรัตนาวุธได้วางแผนแบ่งกองกำลังทะลวงฟัน และการรบแบบกองโจร ตัดการลำเลียงเสบียงของไพร่พลพม่าและชะลอการมาถึงของทัพอื่น ๆ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ช่วยให้กำลังพลพม่ามีจำนวนลดลงอันส่งผลต่อชัยชนะของสยามในสงครามเก้าทัพ ในสมรภูมิทุ่งลาดหญ้า ขุนรัตนวุธต่อสู้อย่างเต็มกำลังจนกระทั่งถูกฟันมือขวาขาดกระเด็นไปพร้อมดาบ (บางตำนานเล่าว่าเป็น "แขนขวา") ล้มลงกลางสมรภูมิ หลังขุนรัตนาวุธฟื้นขึ้นมาในค่ายหลวง ท่านได้ใช้นิ้วชี้ของมือซ้ายมาป้ายเลือดจากแขนขวา แล้วเขียนลงบนผืนผ้าใบ (บ้างว่าเป็น "ผ้าปูที่นอน" หรือ "กระโจม") ในค่ายว่า
    “จงรักษาลาดหญ้าไว้ด้วยชีวิต”
    ปัจจุบัน ขุนรัตนาวุธ เป็นที่เคารพสักการะของทหารและชาวจังหวัดกาญจนบุรี ท่านมีอนุสรณ์สถานเป็นรูปหล่อประดิษฐานอยู่ด้านหน้ากองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ใกล้กับค่ายฝึกเขาชนไก่

    อ้างอิง เกร็ดพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ลำจุล ฮวบเจริญ
    เรียบเรียงโดย เพจเกร็ดประวัติศาสตร์ v2
    จากเพจ : เกร็ดประวัติศาสตร์ v 2 ขุนรัตนา นายกองทะลวงฟันของพระองค์เจ้าขุนเณร ขุนรัตนาวุธ เป็นผู้นำการรบในสงคราม 9 ทัพ สมรภูมิรบทุ่งลาดหญ้าที่ไม่มีชื่อปรากฏในพงศาวดารหรือบันทึกลายลักษณ์อักษร แต่ปรากฏในตำนานเรื่องเล่าสืบทอดกันมาเท่านั้น ตามตำนานเล่าขานกันว่าขุนรัตนาวุธเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้นำกองทัพทะลวงฟันเข้าร่วมรบเป็นกองทัพเสริมกับกองทัพหลวงของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ร่วมกับทัพมอญอาสาที่นำโดยพระยาเจ่ง กษัตริย์มอญ ทว่าต่อมาขุนรัตนาวุธถูกอุบายของพม่าหลอกให้ไม่ออกไปรบช่วยเหลือกับกองทัพอาสามอญ ทำให้กองทัพอาสามอญต้องแตกพ่ายไป ด้วยความแค้น ขุนรัตนาวุธได้วางแผนแบ่งกองกำลังทะลวงฟัน และการรบแบบกองโจร ตัดการลำเลียงเสบียงของไพร่พลพม่าและชะลอการมาถึงของทัพอื่น ๆ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ช่วยให้กำลังพลพม่ามีจำนวนลดลงอันส่งผลต่อชัยชนะของสยามในสงครามเก้าทัพ ในสมรภูมิทุ่งลาดหญ้า ขุนรัตนวุธต่อสู้อย่างเต็มกำลังจนกระทั่งถูกฟันมือขวาขาดกระเด็นไปพร้อมดาบ (บางตำนานเล่าว่าเป็น "แขนขวา") ล้มลงกลางสมรภูมิ หลังขุนรัตนาวุธฟื้นขึ้นมาในค่ายหลวง ท่านได้ใช้นิ้วชี้ของมือซ้ายมาป้ายเลือดจากแขนขวา แล้วเขียนลงบนผืนผ้าใบ (บ้างว่าเป็น "ผ้าปูที่นอน" หรือ "กระโจม") ในค่ายว่า “จงรักษาลาดหญ้าไว้ด้วยชีวิต” ปัจจุบัน ขุนรัตนาวุธ เป็นที่เคารพสักการะของทหารและชาวจังหวัดกาญจนบุรี ท่านมีอนุสรณ์สถานเป็นรูปหล่อประดิษฐานอยู่ด้านหน้ากองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ใกล้กับค่ายฝึกเขาชนไก่ อ้างอิง เกร็ดพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ลำจุล ฮวบเจริญ เรียบเรียงโดย เพจเกร็ดประวัติศาสตร์ v2
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • น้อมกราบอนุโมทามิภะวันตุเมสาธุๆๆๆๆๆๆกับทุกบุญกิริยาของทุกรูปทุกนามทุกจิตในวันนี้ค่ะ

    กฤษณ์จรัส วัทฒโก
    เอเฮร่า ลูกแก้วไอยคุปต์63 โทร.089-2466495
    Line : 0920929299 พลัมเฮร่า 6363
    TikTok : พลัมเฮร่า
    #บันทึกบุญ
    #เรือนเทพพฤกษารื่นรมย์

    *6363 รหัสลัภ
    น้อมกราบอนุโมทามิภะวันตุเมสาธุๆๆๆๆๆๆกับทุกบุญกิริยาของทุกรูปทุกนามทุกจิตในวันนี้ค่ะ กฤษณ์จรัส วัทฒโก เอเฮร่า ลูกแก้วไอยคุปต์63 โทร.089-2466495 Line : 0920929299 พลัมเฮร่า 6363 TikTok : พลัมเฮร่า #บันทึกบุญ #เรือนเทพพฤกษารื่นรมย์ *6363 รหัสลัภ
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • เข้าถึงธรรมไม่ยาก
    เข้าถึงธรรมไม่ยาก
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • ทองคำ

    สภาทองคำโลก: ดีมานด์พุ่งทำสถิติ จากแรงซื้อตุนจากธนาคารกลางทั่วโลก ปีนี้จะเดินหน้าปรับตัวสูงขึ้น มีการซื้อทองเกิน 1 พันตัน/ปี 3 ปีต่อเนื่อง ตุรกิ (75 ตัน) อินเดีย
    ทองอังกฤษ เทรดที่ราคาต่ำกว่าตลาด ~$5/ออนซ์ เนื่องจากมีการเทขาย กังวลเรื่องภาษี ต้องการย้ายการถือครองคำไปสหรัฐเนื่องจากมีราคาสูงกว่า การส่งมอบทองคำแท่งที่ล่าช้าของ BoE ราคาค่าเช่าพื้นที่ gold vault สูงขึ้น BoE ระบุ กำลังติดตามปัญหาและแก้ปัญหาเรื่องการขนส่งที่เป็นคอขวด

    ราคาทองคำ มีโอกาสไปต่อ ดีมานด์ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังมี และเป็นดีมานด์ที่มาจากหลายทาง เช่น ธนาคารกลาง นักลงทุน ความต้องการกระจายความเสี่ยงของการถือสินทรัพย์ ให้เป้าหมายราคาที่ $3020/ออนซ์



    ทองคำ สภาทองคำโลก: ดีมานด์พุ่งทำสถิติ จากแรงซื้อตุนจากธนาคารกลางทั่วโลก ปีนี้จะเดินหน้าปรับตัวสูงขึ้น มีการซื้อทองเกิน 1 พันตัน/ปี 3 ปีต่อเนื่อง ตุรกิ (75 ตัน) อินเดีย ทองอังกฤษ เทรดที่ราคาต่ำกว่าตลาด ~$5/ออนซ์ เนื่องจากมีการเทขาย กังวลเรื่องภาษี ต้องการย้ายการถือครองคำไปสหรัฐเนื่องจากมีราคาสูงกว่า การส่งมอบทองคำแท่งที่ล่าช้าของ BoE ราคาค่าเช่าพื้นที่ gold vault สูงขึ้น BoE ระบุ กำลังติดตามปัญหาและแก้ปัญหาเรื่องการขนส่งที่เป็นคอขวด ราคาทองคำ มีโอกาสไปต่อ ดีมานด์ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังมี และเป็นดีมานด์ที่มาจากหลายทาง เช่น ธนาคารกลาง นักลงทุน ความต้องการกระจายความเสี่ยงของการถือสินทรัพย์ ให้เป้าหมายราคาที่ $3020/ออนซ์
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • อยู่บนโลกนี้จิตเผลอไม่ได้ มันจะไปทางบาป สติๆ
    อยู่บนโลกนี้จิตเผลอไม่ได้ มันจะไปทางบาป สติๆ
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • เนทันยาฮู เป็นชาติเดียวที่สนับสนุนแผนการของทรัมป์ในการย้ายชาวปาเลสไตน์ออกไปให้พ้นจากกาซา:

    "มันมีอะไรผิดกับเรื่องนี้เหรอ? พวกเขาสามารถออกไปได้ พวกเขาสามารถย้ายถิ่นฐานออกไปก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ได้…..นี่เป็นแนวคิดที่ดีอย่างมากที่ผมได้ยิน มันเป็นแนวคิดที่น่าทึ่งและผมคิดว่าควรรีบดำเนินการอย่างจริงจัง"
    เนทันยาฮู เป็นชาติเดียวที่สนับสนุนแผนการของทรัมป์ในการย้ายชาวปาเลสไตน์ออกไปให้พ้นจากกาซา: "มันมีอะไรผิดกับเรื่องนี้เหรอ? พวกเขาสามารถออกไปได้ พวกเขาสามารถย้ายถิ่นฐานออกไปก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ได้…..นี่เป็นแนวคิดที่ดีอย่างมากที่ผมได้ยิน มันเป็นแนวคิดที่น่าทึ่งและผมคิดว่าควรรีบดำเนินการอย่างจริงจัง"
    0 Comments 0 Shares 92 Views 9 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • อะไรๆ ก็ไม่เป็นฝันตามดอก ให้เดินตามแนวพระพุทธเจ้า จะร่มเย็นเป็นสุข
    อะไรๆ ก็ไม่เป็นฝันตามดอก ให้เดินตามแนวพระพุทธเจ้า จะร่มเย็นเป็นสุข
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • 🚢 เทียบท่าที่ Valletta Cruise Port สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งมอลตา! 🇲🇹

    🌟 Valletta Cruise Port จุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือน! เมืองหลวงแห่งมอลตา เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่

    ✅ มหาวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral) :
    โบสถ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมในมอลตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ออกแบบในสไตล์บาโรก และภายในตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของศิลปะบาโรกในยุโรป

    ✅ สวนอัปเปอร์ บาร์รัคคา (Upper Barrakka Gardens) :
    สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในเมืองวัลเลตตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนของอัศวินแห่งเซนต์จอห์น

    ✅ พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grandmaster’s Palace) :
    พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์สร้างขึ้นในปี 1571 เพื่อเป็นที่พำนักของ Grand Master แห่งอัศวินเซนต์จอห์น ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานประธานาธิบดีและรัฐสภามอลตา

    ✅ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (National Museum of Archaeology) :
    พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา รวมถึงเครื่องมือหิน รูปปั้นขนาดเล็ก และแท่นบูชาจากวัดโบราณ ซึ่งสะท้อนถึงอดีตและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะนี้

    📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    ☎️: 0 2116 9696

    #VallettaCruisePort #Malta #StJohnCoCathedral #UpperBarrakkaGardens #GrandmastersPalace #NationalMuseumofArchaeology #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🚢 เทียบท่าที่ Valletta Cruise Port สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งมอลตา! 🇲🇹 🌟 Valletta Cruise Port จุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือน! เมืองหลวงแห่งมอลตา เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ✅ มหาวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral) : โบสถ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมในมอลตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ออกแบบในสไตล์บาโรก และภายในตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของศิลปะบาโรกในยุโรป ✅ สวนอัปเปอร์ บาร์รัคคา (Upper Barrakka Gardens) : สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในเมืองวัลเลตตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนของอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ✅ พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grandmaster’s Palace) : พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์สร้างขึ้นในปี 1571 เพื่อเป็นที่พำนักของ Grand Master แห่งอัศวินเซนต์จอห์น ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานประธานาธิบดีและรัฐสภามอลตา ✅ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (National Museum of Archaeology) : พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา รวมถึงเครื่องมือหิน รูปปั้นขนาดเล็ก และแท่นบูชาจากวัดโบราณ ซึ่งสะท้อนถึงอดีตและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะนี้ 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #VallettaCruisePort #Malta #StJohnCoCathedral #UpperBarrakkaGardens #GrandmastersPalace #NationalMuseumofArchaeology #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews