• 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP1 สมดุลของวัตถุ ม.4 เทอม2 การหาค่าแรงลัพธ์ https://youtu.be/b5K5ZfsowEc?si=pei6WowZA2S5JqzW
    EP1 สมดุลของวัตถุ ม.4 เทอม2 การหาค่าแรงลัพธ์ https://youtu.be/b5K5ZfsowEc?si=pei6WowZA2S5JqzW
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊กNBT Connext ภาพประวัติศาสตร์ในหลวง - พระราชินีล่องเรือชมความงดงามสองฝั่งคลองเปรมประชากร จากการออกแบบและความคิด สานต่อพระราชปณิธาน รัชกาลที่ ๕ นำความงดงามจากอดีตกลับมา พร้อมพัฒนาปรับให้ทันยุคสมัยกับการจัดระเบียบยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเปรมประชากร
    ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊กNBT Connext ภาพประวัติศาสตร์ในหลวง - พระราชินีล่องเรือชมความงดงามสองฝั่งคลองเปรมประชากร จากการออกแบบและความคิด สานต่อพระราชปณิธาน รัชกาลที่ ๕ นำความงดงามจากอดีตกลับมา พร้อมพัฒนาปรับให้ทันยุคสมัยกับการจัดระเบียบยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเปรมประชากร
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=EFPhGPUsx-E
    เกมทายชื่อผลไม้สำหรับเด็กชุดที่ 3 โดยจะมีผลไม้ 10 รูปให้ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
    #เกมภาษาอังกฤษ #อังกฤษสำหรับเด็ก #เกมทายชื่อผลไม้
    https://www.youtube.com/watch?v=EFPhGPUsx-E เกมทายชื่อผลไม้สำหรับเด็กชุดที่ 3 โดยจะมีผลไม้ 10 รูปให้ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษ #เกมภาษาอังกฤษ #อังกฤษสำหรับเด็ก #เกมทายชื่อผลไม้
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเดินทางเป็นช่วงที่ฉันชอบที่สุดในชีวิตของฉัน ✨️
    การเดินทางเป็นช่วงที่ฉันชอบที่สุดในชีวิตของฉัน 💚✨️
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถิงจ้าง - การโบยพระราชทานสวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดู <หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร ภาค 2> คงจำได้ถึงเรื่องราวตอนที่ผู้ตรวจการล่ายหมิงเฉิงร้องเรียนฮ่องเต้ว่าประพฤติตนไม่ถูกต้อง (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้) ฮ่องเต้เลย ‘ตกรางวัล’ ให้เป็นการลงทัณฑ์ด้วยการโบยพร้อมกับคำพูดที่ว่า ยอมเสื่อมเสียชื่อเสียงของตนเองเพื่อให้ผู้ตรวจการล่ายมีชื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ การลงทัณฑ์ด้วยการโบยตีเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยจากหลายซีรีส์และนิยายจีน การลงทัณฑ์นี้ทั่วไปเรียกว่า ‘จ้างสิง’ (杖刑) เป็นวิธีการลงทัณฑ์ที่ถูกบัญญัติเข้าไปในกฎหมาย เพียงแต่รูปแบบและรายละเอียดอาจแตกต่างกันไปตามยุคสมัย แต่ที่วันนี้จะคุยถึงคือการโบยที่เรียกว่า ‘ถิงจ้าง’ (廷杖) ซึ่งเป็นกรณีที่เราเห็นในเรื่อง <หาญชะตาฯ 2> ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น ‘จ้าง’ แปลว่าตีด้วยไม้ ส่วน ‘ถิง’ หมายถึงส่วนของพระราชวังที่ฮ่องเต้ใช้ทรงงานและประชุมกับขุนนางหรือหมายถึงราชสำนัก ดังนั้น ‘ถิงจ้าง’ จึงเป็นศัพท์เฉพาะที่ใช้หมายถึงการโบยขุนนางระดับสูงหน้าพระที่นั่งและเป็นคำสั่งของฮ่องเต้เท่านั้น การลงทัณฑ์ด้วยการโบยตามคำสั่งของฮ่องเต้มีมาตั้งแต่สมัยฮั่น แต่จากสมัยฮั่นจนถึงสมัยหยวนเกิดกรณีอย่างนี้น้อยมาก มันไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัวและไม่ใช่บทลงโทษตามกฎหมาย หากแต่เป็นอำนาจของฮ่องเต้ที่จะเลือกใช้ได้ตามความต้องการและสั่งลงทัณฑ์ได้เลยโดยไม่ผ่านขั้นตอนพิจารณาความผิดตามกฎหมาย ต่อมาในสมัยหมิงมีการถิงจ้างหน้าพระที่นั่งบ่อยมากโดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของราชวงศ์และมีการกำหนดกฎเกณฑ์อย่างชัดเจน จริงๆ แล้วแรกเริ่มเลย การถิงจ้างในสมัยหมิงไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อลงโทษสถานหนัก หากแต่เป็นการสร้างความอัปยศอดสูให้แก่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เพราะว่าหลักปฏิบัติแต่ไหนแต่ไรมาคือไม่ลงทัณฑ์ขุนนาง หากจะลงทัณฑ์จะปลดออกจากตำแหน่งก่อน ดังนั้น การที่ขุนนางถูกถกชุดชั้นนอกออกแล้วโบยก้นอีกทั้งทำต่อหน้าขุนนางด้วยกันนั้นจึงเป็นเรื่องอัปยศมาก ซึ่งเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในรัชสมัยขององค์หมิงไท่จู่ (จูหยวนจาง) เป็นช่วงตอนที่เพิ่งครองราชย์ได้สักแปดปี (ค.ศ. 1376) เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องของขุนนางจากกระทรวงราชทัณฑ์นามว่าหรูไท่ซู่ เขาถวายฎีกาฉบับหนึ่งยาวถึงหมื่นกว่าอักษรร้องเรียนการขาดแคลนข้าราชการที่มีคุณภาพ ซึ่งยาวจนองค์หมิงไท่จู่ต้องให้คนอ่านให้ฟัง ฟังๆ ไปก็รู้สึกว่าน้ำเยอะเนื้อน้อย ถ้อยคำที่ใช้ก็ยิ่งฟังไม่เข้าหู อุตส่าห์เรียกให้หรู่ไท่ซู่มานั่งคุยให้ฟัง แต่ก็ทนไม่ได้กับการพูดวกไปวนมา ว่ากันว่า ยังมีถ้อยคำที่ฟังดูเหมือนยกให้บัณฑิตสูงส่งกว่าซึ่งไม่เข้าหูฮ่องเต้ที่มีพื้นเพเป็นลูกชาวนา สุดท้ายฮ่องเต้โกรธจัดเลยสั่งให้โบยก้นต่อหน้าข้าราชสำนักในท้องพระโรง ในบันทึกไม่ได้เขียนไว้ว่าโบยไปกี่ครั้ง ต่อมาภายหลังองค์หมิงไท่จู่ไตร่ตรองทบทวนเห็นว่าบางข้อเสนอของฎีกานั้นน่าสนใจจึงเอาไปใช้ จึงกลายเป็นว่าความผิดที่ทำให้หรูไท่ซู่ถูกถิงจ้างไม่ใช่เป็นเพราะสาระ แต่เป็นเพราะเขียนยาวเกินไปทำให้สิ้นเปลืองเวลาของฮ่องเต้ เนื้อหาที่เขียนได้ภายในห้าร้อยอักษรกลับเขียนยาวถึงหมื่นอักษร และเพราะเหตุการณ์นี้องค์หมิงไท่จู่จึงให้มีการกำหนดรูปแบบของการเขียนฎีกาขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้อีก การโบยเพื่อสร้างความอัปยศเป็นการแสดงอำนาจของฮ่องเต้เมื่อถูกหมิ่นหรือขัดใจโดยขุนนาง แต่กลับกลายเป็นวัฒนธรรมที่ขุนนางมองว่าการถูกถิงจ้างนี้เป็นการแสดงความกล้าหาญและเป็นสิ่งที่ควรทำ ต่อมาการถิงจ้างจึงเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นจนถึงขั้นตายได้ แน่นอนว่าการสั่งโบยได้เลยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการไต่สวนพิพากษาตามกฎหมายก็กลายเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จที่ฮ่องเต้ใช้ควบคุมขุนนางไม่ให้กระด้างกระเดื่อง จะตีเมื่อไหร่ ตีกี่ครั้ง ตีหนักตีเบา ล้วนแล้วแต่ฮ่องเต้จะกำหนดเอง ถิงจ้างกลายเป็นภาพที่เห็นบ่อยในราชสำนักเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางราชวงศ์หมิง สถานที่ลงทัณฑ์เปลี่ยนจากในท้องพระโรงมาเป็นริมทางเดินเข้าวังด้านประตูอู่เหมิน ซึ่งก็คือประตูด้านหน้าของวัง และถิงจ้างทวีความรุนแรงมากขึ้นในรัชสมัยของฮ่องเต้หมิงอู่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สิบเอ็ด) เมื่อมีการเปลี่ยนกฎไม่ให้วางเบาะรองและผู้ถูกโบยห้ามใส่กางเกง ตลอดการครองราชย์สิบหกปีขององค์หมิงอู่จงนั้น มีคนถูกถิงจ้างทั้งสิ้นกว่าหนึ่งร้อยคน ตายสิบเอ็ดคน และนี่เป็นรัชสมัยที่เริ่มใช้ถิงจ้างกับคนจากสำนักผู้ตรวจการ ในรายละเอียดมีเรื่องการใช้อำนาจเกินควรของกลุ่มขันที แต่ Storyฯ ขอไม่เล่าเพราะเรื่องยาวและออกนอกประเด็นเหตุการณ์ถิงจ้างที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์จีนเกิดขึ้นในรัชสมัยของฮ่องเต้หมิงซื่อจง (ฮ่องเต้องค์ที่ สิบสอง) เมื่อปีค.ศ. 1525 เพราะเป็นการโบยพร้อมกันถึงหนึ่งร้อยสามสิบสี่คน มีคนตายในระหว่างโบยสิบเจ็ดคน (หมายเหตุ เรื่องจำนวนคนแตกต่างกันในหลายบทความ แต่ตัวเลขนี้ Storyฯ ใช้ตามเอกสารของพิพิธภัณฑ์วังต้องห้าม)เรื่องมีอยู่ว่าฮ่องเต้หมิงซื่อจงไม่ใช่ลูกของฮ่องเต้องค์ก่อนคือฮ่องเต้หมิงอู่จง หากแต่มีศักดิ์เป็นหลานลุง ตามธรรมเนียมเมื่อหมิงซื่อจงขึ้นครองราชย์แล้วก็ต้องรับฮ่องเต้หมิงอู่จงเป็นพ่อ ส่วนพ่อแม่ตัวเองก็ต้องกลายเป็นน้าและน้าสะใภ้ นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติ แต่องค์หมิงซื่อจงไม่ยอม ยืนยันจะคงไว้ว่าฮ่องเต้หมิงอู่จงเป็นลุง ขุนนางสองร้อยสามสิบคนคุกเข่าอ้อนวอนอยู่หน้าประตูพระที่นั่งเพื่อหวังจะบีบให้ฮ่องเต้เปลี่ยนใจ สุดท้ายขุนนางขั้นที่ห้าขึ้นไปโดนปลด ที่เหลือโดนโบยหมู่และเนรเทศ ในการถิงจ้างสมัยหมิงนั้น ผู้ที่มีหน้าที่โบยคือขันทีหรือองครักษ์เสื้อแพร ว่ากันว่าจริงจังถึงขนาดฝึกซ้อมโบยโดยใช้หุ่นฟางยัดไส้แผ่นกระเบื้องแล้วห่อด้วยกระดาษ ต้องฝึกจนสามารถตีให้กระเบื้องข้างในแตกละเอียดได้โดยที่กระดาษหุ้มข้างนอกไม่ขาด! ที่ต้องฝึกเพราะคำสั่งโบยมีสองแบบคือ ‘ตีอย่างใส่ใจ’ (用心打) และ ‘ตีอย่างจริงจัง’ (着实打) ซึ่งแบบแรกคือไม่ให้เจ็บมากและแบบหลังคือจัดเต็ม และเนื่องจากมันต้องใช้แรงมาก จะมีการเปลี่ยนคนโบยทุกๆ ห้าครั้งจากที่ Storyฯ อ่านเจอมา ไม้ที่ใช้โบยนั้นทำจากไม้เนื้อแข็งอย่างไม้เกาลัด หน้าตาของมันมีสองแบบ แบบแรกคือไม้พลองที่มีปลายแบนหน้าตาเหมือนไม้พาย แบบที่สองฟังดูโหดร้ายคือเป็นไม้พลองที่มีปลายหุ้มด้วยแผ่นเหล็กบากเป็นรอยตะปุ่มตะป่ำ เป็นที่มาว่าทำไมคนจึงถูกโบยจนเนื้อก้นเละเหวอะหวะได้ ว่ากันว่าถูกโบยสิบพลองก็ทำต้องพักติดเตียงเป็นแรมเดือนแล้ว(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://reading.udn.com/read/story/7046/7952824https://www.163.com/dy/article/J2USN6TV0517QCSB.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:https://www.dpm.org.cn/Uploads/pdf/1942/T00017_00.pdf https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1800722 https://www.hunantoday.cn/news/xhn/202310/18872283.html https://www.sohu.com/a/771696490_121165427 https://www.sohu.com/a/773532850_121921623 https://www.163.com/dy/article/G86EPNJQ0528NB1M.html #หาญท้าชะตาฟ้า #ถิงจ้าง #โบยตี #ลงทัณฑ์พระราชทาน #จูหยวนจาง
    ถิงจ้าง - การโบยพระราชทานสวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดู <หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร ภาค 2> คงจำได้ถึงเรื่องราวตอนที่ผู้ตรวจการล่ายหมิงเฉิงร้องเรียนฮ่องเต้ว่าประพฤติตนไม่ถูกต้อง (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้) ฮ่องเต้เลย ‘ตกรางวัล’ ให้เป็นการลงทัณฑ์ด้วยการโบยพร้อมกับคำพูดที่ว่า ยอมเสื่อมเสียชื่อเสียงของตนเองเพื่อให้ผู้ตรวจการล่ายมีชื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ การลงทัณฑ์ด้วยการโบยตีเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยจากหลายซีรีส์และนิยายจีน การลงทัณฑ์นี้ทั่วไปเรียกว่า ‘จ้างสิง’ (杖刑) เป็นวิธีการลงทัณฑ์ที่ถูกบัญญัติเข้าไปในกฎหมาย เพียงแต่รูปแบบและรายละเอียดอาจแตกต่างกันไปตามยุคสมัย แต่ที่วันนี้จะคุยถึงคือการโบยที่เรียกว่า ‘ถิงจ้าง’ (廷杖) ซึ่งเป็นกรณีที่เราเห็นในเรื่อง <หาญชะตาฯ 2> ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น ‘จ้าง’ แปลว่าตีด้วยไม้ ส่วน ‘ถิง’ หมายถึงส่วนของพระราชวังที่ฮ่องเต้ใช้ทรงงานและประชุมกับขุนนางหรือหมายถึงราชสำนัก ดังนั้น ‘ถิงจ้าง’ จึงเป็นศัพท์เฉพาะที่ใช้หมายถึงการโบยขุนนางระดับสูงหน้าพระที่นั่งและเป็นคำสั่งของฮ่องเต้เท่านั้น การลงทัณฑ์ด้วยการโบยตามคำสั่งของฮ่องเต้มีมาตั้งแต่สมัยฮั่น แต่จากสมัยฮั่นจนถึงสมัยหยวนเกิดกรณีอย่างนี้น้อยมาก มันไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัวและไม่ใช่บทลงโทษตามกฎหมาย หากแต่เป็นอำนาจของฮ่องเต้ที่จะเลือกใช้ได้ตามความต้องการและสั่งลงทัณฑ์ได้เลยโดยไม่ผ่านขั้นตอนพิจารณาความผิดตามกฎหมาย ต่อมาในสมัยหมิงมีการถิงจ้างหน้าพระที่นั่งบ่อยมากโดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของราชวงศ์และมีการกำหนดกฎเกณฑ์อย่างชัดเจน จริงๆ แล้วแรกเริ่มเลย การถิงจ้างในสมัยหมิงไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อลงโทษสถานหนัก หากแต่เป็นการสร้างความอัปยศอดสูให้แก่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เพราะว่าหลักปฏิบัติแต่ไหนแต่ไรมาคือไม่ลงทัณฑ์ขุนนาง หากจะลงทัณฑ์จะปลดออกจากตำแหน่งก่อน ดังนั้น การที่ขุนนางถูกถกชุดชั้นนอกออกแล้วโบยก้นอีกทั้งทำต่อหน้าขุนนางด้วยกันนั้นจึงเป็นเรื่องอัปยศมาก ซึ่งเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในรัชสมัยขององค์หมิงไท่จู่ (จูหยวนจาง) เป็นช่วงตอนที่เพิ่งครองราชย์ได้สักแปดปี (ค.ศ. 1376) เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องของขุนนางจากกระทรวงราชทัณฑ์นามว่าหรูไท่ซู่ เขาถวายฎีกาฉบับหนึ่งยาวถึงหมื่นกว่าอักษรร้องเรียนการขาดแคลนข้าราชการที่มีคุณภาพ ซึ่งยาวจนองค์หมิงไท่จู่ต้องให้คนอ่านให้ฟัง ฟังๆ ไปก็รู้สึกว่าน้ำเยอะเนื้อน้อย ถ้อยคำที่ใช้ก็ยิ่งฟังไม่เข้าหู อุตส่าห์เรียกให้หรู่ไท่ซู่มานั่งคุยให้ฟัง แต่ก็ทนไม่ได้กับการพูดวกไปวนมา ว่ากันว่า ยังมีถ้อยคำที่ฟังดูเหมือนยกให้บัณฑิตสูงส่งกว่าซึ่งไม่เข้าหูฮ่องเต้ที่มีพื้นเพเป็นลูกชาวนา สุดท้ายฮ่องเต้โกรธจัดเลยสั่งให้โบยก้นต่อหน้าข้าราชสำนักในท้องพระโรง ในบันทึกไม่ได้เขียนไว้ว่าโบยไปกี่ครั้ง ต่อมาภายหลังองค์หมิงไท่จู่ไตร่ตรองทบทวนเห็นว่าบางข้อเสนอของฎีกานั้นน่าสนใจจึงเอาไปใช้ จึงกลายเป็นว่าความผิดที่ทำให้หรูไท่ซู่ถูกถิงจ้างไม่ใช่เป็นเพราะสาระ แต่เป็นเพราะเขียนยาวเกินไปทำให้สิ้นเปลืองเวลาของฮ่องเต้ เนื้อหาที่เขียนได้ภายในห้าร้อยอักษรกลับเขียนยาวถึงหมื่นอักษร และเพราะเหตุการณ์นี้องค์หมิงไท่จู่จึงให้มีการกำหนดรูปแบบของการเขียนฎีกาขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้อีก การโบยเพื่อสร้างความอัปยศเป็นการแสดงอำนาจของฮ่องเต้เมื่อถูกหมิ่นหรือขัดใจโดยขุนนาง แต่กลับกลายเป็นวัฒนธรรมที่ขุนนางมองว่าการถูกถิงจ้างนี้เป็นการแสดงความกล้าหาญและเป็นสิ่งที่ควรทำ ต่อมาการถิงจ้างจึงเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นจนถึงขั้นตายได้ แน่นอนว่าการสั่งโบยได้เลยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการไต่สวนพิพากษาตามกฎหมายก็กลายเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จที่ฮ่องเต้ใช้ควบคุมขุนนางไม่ให้กระด้างกระเดื่อง จะตีเมื่อไหร่ ตีกี่ครั้ง ตีหนักตีเบา ล้วนแล้วแต่ฮ่องเต้จะกำหนดเอง ถิงจ้างกลายเป็นภาพที่เห็นบ่อยในราชสำนักเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางราชวงศ์หมิง สถานที่ลงทัณฑ์เปลี่ยนจากในท้องพระโรงมาเป็นริมทางเดินเข้าวังด้านประตูอู่เหมิน ซึ่งก็คือประตูด้านหน้าของวัง และถิงจ้างทวีความรุนแรงมากขึ้นในรัชสมัยของฮ่องเต้หมิงอู่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สิบเอ็ด) เมื่อมีการเปลี่ยนกฎไม่ให้วางเบาะรองและผู้ถูกโบยห้ามใส่กางเกง ตลอดการครองราชย์สิบหกปีขององค์หมิงอู่จงนั้น มีคนถูกถิงจ้างทั้งสิ้นกว่าหนึ่งร้อยคน ตายสิบเอ็ดคน และนี่เป็นรัชสมัยที่เริ่มใช้ถิงจ้างกับคนจากสำนักผู้ตรวจการ ในรายละเอียดมีเรื่องการใช้อำนาจเกินควรของกลุ่มขันที แต่ Storyฯ ขอไม่เล่าเพราะเรื่องยาวและออกนอกประเด็นเหตุการณ์ถิงจ้างที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์จีนเกิดขึ้นในรัชสมัยของฮ่องเต้หมิงซื่อจง (ฮ่องเต้องค์ที่ สิบสอง) เมื่อปีค.ศ. 1525 เพราะเป็นการโบยพร้อมกันถึงหนึ่งร้อยสามสิบสี่คน มีคนตายในระหว่างโบยสิบเจ็ดคน (หมายเหตุ เรื่องจำนวนคนแตกต่างกันในหลายบทความ แต่ตัวเลขนี้ Storyฯ ใช้ตามเอกสารของพิพิธภัณฑ์วังต้องห้าม)เรื่องมีอยู่ว่าฮ่องเต้หมิงซื่อจงไม่ใช่ลูกของฮ่องเต้องค์ก่อนคือฮ่องเต้หมิงอู่จง หากแต่มีศักดิ์เป็นหลานลุง ตามธรรมเนียมเมื่อหมิงซื่อจงขึ้นครองราชย์แล้วก็ต้องรับฮ่องเต้หมิงอู่จงเป็นพ่อ ส่วนพ่อแม่ตัวเองก็ต้องกลายเป็นน้าและน้าสะใภ้ นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติ แต่องค์หมิงซื่อจงไม่ยอม ยืนยันจะคงไว้ว่าฮ่องเต้หมิงอู่จงเป็นลุง ขุนนางสองร้อยสามสิบคนคุกเข่าอ้อนวอนอยู่หน้าประตูพระที่นั่งเพื่อหวังจะบีบให้ฮ่องเต้เปลี่ยนใจ สุดท้ายขุนนางขั้นที่ห้าขึ้นไปโดนปลด ที่เหลือโดนโบยหมู่และเนรเทศ ในการถิงจ้างสมัยหมิงนั้น ผู้ที่มีหน้าที่โบยคือขันทีหรือองครักษ์เสื้อแพร ว่ากันว่าจริงจังถึงขนาดฝึกซ้อมโบยโดยใช้หุ่นฟางยัดไส้แผ่นกระเบื้องแล้วห่อด้วยกระดาษ ต้องฝึกจนสามารถตีให้กระเบื้องข้างในแตกละเอียดได้โดยที่กระดาษหุ้มข้างนอกไม่ขาด! ที่ต้องฝึกเพราะคำสั่งโบยมีสองแบบคือ ‘ตีอย่างใส่ใจ’ (用心打) และ ‘ตีอย่างจริงจัง’ (着实打) ซึ่งแบบแรกคือไม่ให้เจ็บมากและแบบหลังคือจัดเต็ม และเนื่องจากมันต้องใช้แรงมาก จะมีการเปลี่ยนคนโบยทุกๆ ห้าครั้งจากที่ Storyฯ อ่านเจอมา ไม้ที่ใช้โบยนั้นทำจากไม้เนื้อแข็งอย่างไม้เกาลัด หน้าตาของมันมีสองแบบ แบบแรกคือไม้พลองที่มีปลายแบนหน้าตาเหมือนไม้พาย แบบที่สองฟังดูโหดร้ายคือเป็นไม้พลองที่มีปลายหุ้มด้วยแผ่นเหล็กบากเป็นรอยตะปุ่มตะป่ำ เป็นที่มาว่าทำไมคนจึงถูกโบยจนเนื้อก้นเละเหวอะหวะได้ ว่ากันว่าถูกโบยสิบพลองก็ทำต้องพักติดเตียงเป็นแรมเดือนแล้ว(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://reading.udn.com/read/story/7046/7952824https://www.163.com/dy/article/J2USN6TV0517QCSB.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:https://www.dpm.org.cn/Uploads/pdf/1942/T00017_00.pdf https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1800722 https://www.hunantoday.cn/news/xhn/202310/18872283.html https://www.sohu.com/a/771696490_121165427 https://www.sohu.com/a/773532850_121921623 https://www.163.com/dy/article/G86EPNJQ0528NB1M.html #หาญท้าชะตาฟ้า #ถิงจ้าง #โบยตี #ลงทัณฑ์พระราชทาน #จูหยวนจาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1345 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/live/jD8A7aGgse0?si=OVZEqCxTGFe7FCKSฟังการวิเคราะห์ของ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ดำเนินรายการโดย เก๋ อุษณีย์ เอกอุษณีย์ ในรายการ นิวส์ อาว ทางสถานีโทรทัศน์ News 1 อังคารที่ 10 ธันวาคม 2567 เวลา 18.45 น.- 20.00 น.ตอบคุณนพดล ปัทมะและพวก กรณี MOU 2544 และเปิดโหมโรงด้วยหลักฐานใหม่คดีแตงโม
    https://www.youtube.com/live/jD8A7aGgse0?si=OVZEqCxTGFe7FCKSฟังการวิเคราะห์ของ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ดำเนินรายการโดย เก๋ อุษณีย์ เอกอุษณีย์ ในรายการ นิวส์ อาว ทางสถานีโทรทัศน์ News 1 อังคารที่ 10 ธันวาคม 2567 เวลา 18.45 น.- 20.00 น.ตอบคุณนพดล ปัทมะและพวก กรณี MOU 2544 และเปิดโหมโรงด้วยหลักฐานใหม่คดีแตงโม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/DijOX9i0axk?si=xwxIoHoqvkB2-T86
    https://youtu.be/DijOX9i0axk?si=xwxIoHoqvkB2-T86
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/_Odf8-paqXg?si=L08obUdzImaiegBn
    https://youtu.be/_Odf8-paqXg?si=L08obUdzImaiegBn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีครับ
    สวัสดีครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนวนจีนจาก <หาญท้าฯ 2>สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยเกี่ยวกับความ ‘เอ๊ะ’ ของ Storyฯ เกี่ยวกับสำนวนจีนจากซีรีส์เรื่อง <หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร ภาค 2> เพื่อนเพจที่ได้ดูแล้วอาจจำได้ว่าฮ่องเต้จัดงานชมบุปผาบนเขาและต่อมามีคนลอบปลงพระชนม์จนทำให้ฟ่านเสียนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในช่วงตอนเตรียมงานนั้น แม่ทัพเย่มาขอให้ฟ่านเสียนช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัยของฮ่องเต้ โดยให้เหตุผลว่า ถ้ามีอะไรผิดพลาดเขาจะต้องรับความผิดและลูกน้องจะซวยหนักกว่า ในเวอร์ชั่นซับไทยตอนที่แม่ทัพเย่ให้เหตุผลนี้ เขาอ้ำอึ้งใช้ประโยคว่า “หญ้า... อะไรแหลกๆ… ลมพัดแรงมักพัดถึงพวกตำแหน่งล่าง” ซึ่งฟ่านเสียนเลยต่อให้จบว่า “ช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ... ประโยคนี้ไม่ได้ใช้อย่างนี้” เพื่อนเพจที่ดูซับหรือพากย์ไทยอาจไม่สะดุดตาสะดุดหู แต่จริงๆ แล้วในเวอร์ชั่นภาษาจีนใช้อีกประโยคหนึ่ง ซึ่งสะดุดหู Storyฯ ไม่น้อยประโยคที่กล่าวถึงนี้ ในภาษาจีนก็คือ ‘เฟิงฉี่ชิงผิงจือม่อ’ (风起青萍之末) Storyฯ ขอแปลว่า ‘ลมเกิดเหนือยอดแหน’ ซึ่งเป็นสำนวนจีน เป็นวรรคต้นของประโยคที่ว่า ‘ลมเกิดเหนือยอดแหน สิ้นสุดกลางทุ่งหญ้า’ (风起于青萍之末,止于草莽之间) ฟังดูไพเราะ แต่มันแปลว่าอะไร?ก่อนอื่นขอเกริ่นถึงที่มาว่า สำนวนนี้ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์โบราณสมัยจ้านกั๋วชื่อว่า ‘เฟิงฟู่’ (风赋 / บทประพันธ์แห่งสายลม)ของกวีนามว่าซ่งอวี้ (宋玉 ประมาณปี 290 – 222 ก่อนคริสตกาล) จากแคว้นฉู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดบทประพันธ์ชนิด ‘ฟู่’ ของจีนที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด โดย ‘ฟู่’ เป็นวรรณกรรมร้อยแก้วที่มีภาษาสวยงามผสมผสานคำคล้องจองลงไปเป็นช่วงๆเฟิงฟู่ ใช้สายลมเป็นตัวดำเนินเรื่อง กล่าวถึงอ๋องฉู่เซียงไปชมวิวบนหอสูง (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) รู้สึกชื่นมื่นกับลมเย็นสบายและคิดว่านี่เป็นความเย็นสบายที่ชาวบ้านสามารถร่วมสัมผัสได้เหมือนกัน ไม่แบ่งแยกชนชั้นหรือความร่ำรวยแต่ซ่งอวี้ที่ติดตามไปด้วยกลับบอกว่า ลมที่อ๋องฉู่เซียงสัมผัส ย่อมไม่เหมือนกับลมที่ชาวประชาสัมผัส นั่นเป็นเพราะว่า แม้ลมเป็นอากาศที่ไหลเวียนไปได้หลายพื้นที่ แต่เพราะภูมิประเทศและสิ่งปลูกสร้างที่แตกต่าง แรงลมที่สัมผัสได้ในแต่ละพื้นที่ย่อมแตกต่างกันซ่งอวี้บอกว่า ลมที่อ๋องฉู่เซียงสัมผัส สร้างตัวจากคลื่นอากาศแผ่วเบาเหนือจอกแหน ค่อยๆ ขยายไปยังหุบเขา ก่อเกิดเป็นลมแรงพัดผ่านภูเขา โถมกระหน่ำเข้าใส่หินผาและป่าไม้ จนผ่านพ้นถึงทุ่งหญ้าแล้วจึงสงบลงกลายเป็นสายลมที่สร้างความเย็นใจ และสำนวน ‘ลมเกิดเหนือยอดแหน สิ้นสุดกลางทุ่งหญ้า’ นี้จึงเป็นการนำข้อความท่อนนี้มากลั่นย่อลงเป็นสำนวนสั้นๆ ซ่งอวี้ยังบอกต่ออีกว่า ลมที่ชาวบ้านทั่วไปสัมผัสนั้นเกิดจากตรอกเล็กซอกซอย เมื่อก่อตัวแรงขึ้นก็พัดพาเอาฝุ่นทรายและของสกปรกคลุ้งกระจายเข้าสู่บ้านเรือน ลมนั้นเมื่อชาวบ้านได้สัมผัสย่อมไม่ทำให้รู้สึกสบายตัวและอาจทำให้ล้มป่วยลงได้บทประพันธ์เฟิงฟู่นี้ไพเราะสวยงามด้วยคำบรรยายถึงลักษณะของสายลมภายใต้สภาวะต่างๆ และแฝงไว้ซึ่งข้อคิดเตือนสติ เฟิงฟู่ใช้สายลมเป็นตัวเปรียบเทียบระหว่างความเกรียงไกรของกษัตริย์และความแร้นแค้นของชาวบ้านธรรมดา สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างทางสังคมและความไม่เท่าเทียมกัน เพื่อเป็นการเตือนใจต่ออ๋องฉู่เซียงว่าอย่าได้นิ่งนอนใจกับความสบายที่ได้รับเพราะในขณะเดียวกันยังมีชาวบ้านที่ลำบากอยู่ต่อมาสำนวน ‘ลมเกิดเหนือยอดแหน’ ถูกใช้เป็นการอุปมาอุปไมยว่า คลื่นอากาศแผ่วเบาเหนือจอกแหนสามารถก่อตัวขึ้นเป็นคลื่นลมแรงที่กวาดไปทั่วพื้นที่อันกว้างใหญ่ ก่อเกิดผลกระทบได้มากมาย และแน่นอนว่าสำนวนนี้ไม่ได้แปลว่า ถ้าผู้มีอำนาจล้มแล้วคนที่อยู่เบื้องล่างจะซวยได้อย่างที่แม่ทัพเย่ในซีรีส์ต้องการหมายถึง และ Storyฯ คิดว่าความหมายก็เปรียบไม่ได้กับ ‘ช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ’ เพราะจริงๆ แล้วความหมายของสำนวนนี้พูดสั้นๆ ก็คือ Butterfly Effect --- สิ่งเล็กๆ ที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์หรือการเปลี่ยนแปลงตามมาได้มากมาย(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://m.mp.oeeee.com/a/BAAFRD000020240519954909.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:https://baike.baidu.com/item/风起于青萍之末/5876137 https://www.sohu.com/a/395149302_120482984 https://baike.baidu.com/item/风赋/2482215 https://zhsc.org/work/work-58b83fd9570c350062072623.htm #หาญท้าชะตาฟ้า #บทประพันธ์จีน #ButterflyEffect #เฟิงฟู่
    สำนวนจีนจาก <หาญท้าฯ 2>สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยเกี่ยวกับความ ‘เอ๊ะ’ ของ Storyฯ เกี่ยวกับสำนวนจีนจากซีรีส์เรื่อง <หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร ภาค 2> เพื่อนเพจที่ได้ดูแล้วอาจจำได้ว่าฮ่องเต้จัดงานชมบุปผาบนเขาและต่อมามีคนลอบปลงพระชนม์จนทำให้ฟ่านเสียนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในช่วงตอนเตรียมงานนั้น แม่ทัพเย่มาขอให้ฟ่านเสียนช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัยของฮ่องเต้ โดยให้เหตุผลว่า ถ้ามีอะไรผิดพลาดเขาจะต้องรับความผิดและลูกน้องจะซวยหนักกว่า ในเวอร์ชั่นซับไทยตอนที่แม่ทัพเย่ให้เหตุผลนี้ เขาอ้ำอึ้งใช้ประโยคว่า “หญ้า... อะไรแหลกๆ… ลมพัดแรงมักพัดถึงพวกตำแหน่งล่าง” ซึ่งฟ่านเสียนเลยต่อให้จบว่า “ช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ... ประโยคนี้ไม่ได้ใช้อย่างนี้” เพื่อนเพจที่ดูซับหรือพากย์ไทยอาจไม่สะดุดตาสะดุดหู แต่จริงๆ แล้วในเวอร์ชั่นภาษาจีนใช้อีกประโยคหนึ่ง ซึ่งสะดุดหู Storyฯ ไม่น้อยประโยคที่กล่าวถึงนี้ ในภาษาจีนก็คือ ‘เฟิงฉี่ชิงผิงจือม่อ’ (风起青萍之末) Storyฯ ขอแปลว่า ‘ลมเกิดเหนือยอดแหน’ ซึ่งเป็นสำนวนจีน เป็นวรรคต้นของประโยคที่ว่า ‘ลมเกิดเหนือยอดแหน สิ้นสุดกลางทุ่งหญ้า’ (风起于青萍之末,止于草莽之间) ฟังดูไพเราะ แต่มันแปลว่าอะไร?ก่อนอื่นขอเกริ่นถึงที่มาว่า สำนวนนี้ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์โบราณสมัยจ้านกั๋วชื่อว่า ‘เฟิงฟู่’ (风赋 / บทประพันธ์แห่งสายลม)ของกวีนามว่าซ่งอวี้ (宋玉 ประมาณปี 290 – 222 ก่อนคริสตกาล) จากแคว้นฉู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดบทประพันธ์ชนิด ‘ฟู่’ ของจีนที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด โดย ‘ฟู่’ เป็นวรรณกรรมร้อยแก้วที่มีภาษาสวยงามผสมผสานคำคล้องจองลงไปเป็นช่วงๆเฟิงฟู่ ใช้สายลมเป็นตัวดำเนินเรื่อง กล่าวถึงอ๋องฉู่เซียงไปชมวิวบนหอสูง (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) รู้สึกชื่นมื่นกับลมเย็นสบายและคิดว่านี่เป็นความเย็นสบายที่ชาวบ้านสามารถร่วมสัมผัสได้เหมือนกัน ไม่แบ่งแยกชนชั้นหรือความร่ำรวยแต่ซ่งอวี้ที่ติดตามไปด้วยกลับบอกว่า ลมที่อ๋องฉู่เซียงสัมผัส ย่อมไม่เหมือนกับลมที่ชาวประชาสัมผัส นั่นเป็นเพราะว่า แม้ลมเป็นอากาศที่ไหลเวียนไปได้หลายพื้นที่ แต่เพราะภูมิประเทศและสิ่งปลูกสร้างที่แตกต่าง แรงลมที่สัมผัสได้ในแต่ละพื้นที่ย่อมแตกต่างกันซ่งอวี้บอกว่า ลมที่อ๋องฉู่เซียงสัมผัส สร้างตัวจากคลื่นอากาศแผ่วเบาเหนือจอกแหน ค่อยๆ ขยายไปยังหุบเขา ก่อเกิดเป็นลมแรงพัดผ่านภูเขา โถมกระหน่ำเข้าใส่หินผาและป่าไม้ จนผ่านพ้นถึงทุ่งหญ้าแล้วจึงสงบลงกลายเป็นสายลมที่สร้างความเย็นใจ และสำนวน ‘ลมเกิดเหนือยอดแหน สิ้นสุดกลางทุ่งหญ้า’ นี้จึงเป็นการนำข้อความท่อนนี้มากลั่นย่อลงเป็นสำนวนสั้นๆ ซ่งอวี้ยังบอกต่ออีกว่า ลมที่ชาวบ้านทั่วไปสัมผัสนั้นเกิดจากตรอกเล็กซอกซอย เมื่อก่อตัวแรงขึ้นก็พัดพาเอาฝุ่นทรายและของสกปรกคลุ้งกระจายเข้าสู่บ้านเรือน ลมนั้นเมื่อชาวบ้านได้สัมผัสย่อมไม่ทำให้รู้สึกสบายตัวและอาจทำให้ล้มป่วยลงได้บทประพันธ์เฟิงฟู่นี้ไพเราะสวยงามด้วยคำบรรยายถึงลักษณะของสายลมภายใต้สภาวะต่างๆ และแฝงไว้ซึ่งข้อคิดเตือนสติ เฟิงฟู่ใช้สายลมเป็นตัวเปรียบเทียบระหว่างความเกรียงไกรของกษัตริย์และความแร้นแค้นของชาวบ้านธรรมดา สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างทางสังคมและความไม่เท่าเทียมกัน เพื่อเป็นการเตือนใจต่ออ๋องฉู่เซียงว่าอย่าได้นิ่งนอนใจกับความสบายที่ได้รับเพราะในขณะเดียวกันยังมีชาวบ้านที่ลำบากอยู่ต่อมาสำนวน ‘ลมเกิดเหนือยอดแหน’ ถูกใช้เป็นการอุปมาอุปไมยว่า คลื่นอากาศแผ่วเบาเหนือจอกแหนสามารถก่อตัวขึ้นเป็นคลื่นลมแรงที่กวาดไปทั่วพื้นที่อันกว้างใหญ่ ก่อเกิดผลกระทบได้มากมาย และแน่นอนว่าสำนวนนี้ไม่ได้แปลว่า ถ้าผู้มีอำนาจล้มแล้วคนที่อยู่เบื้องล่างจะซวยได้อย่างที่แม่ทัพเย่ในซีรีส์ต้องการหมายถึง และ Storyฯ คิดว่าความหมายก็เปรียบไม่ได้กับ ‘ช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ’ เพราะจริงๆ แล้วความหมายของสำนวนนี้พูดสั้นๆ ก็คือ Butterfly Effect --- สิ่งเล็กๆ ที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์หรือการเปลี่ยนแปลงตามมาได้มากมาย(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://m.mp.oeeee.com/a/BAAFRD000020240519954909.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:https://baike.baidu.com/item/风起于青萍之末/5876137 https://www.sohu.com/a/395149302_120482984 https://baike.baidu.com/item/风赋/2482215 https://zhsc.org/work/work-58b83fd9570c350062072623.htm #หาญท้าชะตาฟ้า #บทประพันธ์จีน #ButterflyEffect #เฟิงฟู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 995 มุมมอง 0 รีวิว
  • Haha
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนรู้จักซีเรียในยุคของอดีตประธานาธิบดีอัสซาดเพียงแค่เป็นประเทศเผด็จการ มีผู้นำโหดร้าย ใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าพลเมืองของตัวเอง

    นอกจากข้อมูลเหล่านี้ที่สหรัฐและตะวันตกพยายามป้อนข้อมูลให้เรารับรู้ เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับซีเรีย

    อ่านต่อในคอมเมนต์
    หลายคนรู้จักซีเรียในยุคของอดีตประธานาธิบดีอัสซาดเพียงแค่เป็นประเทศเผด็จการ มีผู้นำโหดร้าย ใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าพลเมืองของตัวเอง นอกจากข้อมูลเหล่านี้ที่สหรัฐและตะวันตกพยายามป้อนข้อมูลให้เรารับรู้ เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับซีเรีย อ่านต่อในคอมเมนต์
    Like
    3
    17 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9559 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'นวดบิดคอมรณะ'น้ำผึ้งหยดเดียวสะเทือนทั้งวงการ : ถอนหมุดข่าว 10/12/67
    'นวดบิดคอมรณะ'น้ำผึ้งหยดเดียวสะเทือนทั้งวงการ : ถอนหมุดข่าว 10/12/67
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • ศรีสะเกษ- พ่อวอนขอความเป็นธรรม ลูกชายวัย 31 ปี เสาหลักของครอบครัวหักดิบเลิกเหล้าจนเกิดอาการช็อก ญาติส่งตัวเข้ารักษาที่ รพ.กันทรลักษ์ ถูกจนท.โรงพยาบาลรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ผลชันสูตร รพ.ตำรวจ ระบุชัดผู้ตายสมองได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกของแข็ง ขณะทางรพ.เกิดเหตุ อ้างอยู่ระหว่างสืบหาข้อเท็จจริง

    วันนี้ ( 10 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 นายสะอาด บุญลา อายุ 31 ปี ชาวตำบลขนุน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ ทำให้ทางญาติเกิดความเคลือบแคลงใจ นำไปสู่การนำร่างของนายสะอาด ผู้ตาย ไปชันสูตร ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ โดยผลชันสูตรสาเหตุของการตาย สันนิษฐานว่า สมองได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกของแข็ง ทำให้ทางครอบครัวของผู้ตาย มั่นใจว่า นายสะอาด ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต นั้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000118670

    #MGROnline #โรงพยาบาลกันทรลักษ์ #จังหวัดศรีสะเกษ
    ศรีสะเกษ- พ่อวอนขอความเป็นธรรม ลูกชายวัย 31 ปี เสาหลักของครอบครัวหักดิบเลิกเหล้าจนเกิดอาการช็อก ญาติส่งตัวเข้ารักษาที่ รพ.กันทรลักษ์ ถูกจนท.โรงพยาบาลรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ผลชันสูตร รพ.ตำรวจ ระบุชัดผู้ตายสมองได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกของแข็ง ขณะทางรพ.เกิดเหตุ อ้างอยู่ระหว่างสืบหาข้อเท็จจริง • วันนี้ ( 10 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 นายสะอาด บุญลา อายุ 31 ปี ชาวตำบลขนุน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ ทำให้ทางญาติเกิดความเคลือบแคลงใจ นำไปสู่การนำร่างของนายสะอาด ผู้ตาย ไปชันสูตร ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ โดยผลชันสูตรสาเหตุของการตาย สันนิษฐานว่า สมองได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกของแข็ง ทำให้ทางครอบครัวของผู้ตาย มั่นใจว่า นายสะอาด ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต นั้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000118670 • #MGROnline #โรงพยาบาลกันทรลักษ์ #จังหวัดศรีสะเกษ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 544 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ชาล็อต” น้ำตาไหล เล่าเหตุการณ์โดนมิจฉาชีพหลอกโอน 4 ล้าน และบังคับวิดีโอคอล ยอมรับกลัวมากและยังช็อกอยู่ แต่ต้องมูฟออน “ณวัฒน์” ไม่ซ้ำเติม เชื่อตกเป็นเหยื่อเพราะอาการแพนิก ตรวจสอบแล้วที่วิดีโอคอลคือ AI มองฟาดเคราะห์ก่อนวันเกิด บอกขำๆ โชคดีเงิน 50 ล้านยังอยู่ ด้านตำรวจไซเบอร์เข้ารับข้อมูลแล้ว เตรียมโอนคดีมาไว้ในความรับผิดชอบ คาด 1 สัปดาห์มีความคืบหน้า และมีโอกาสได้เงินคืน

    หลังเพจ Miss Grand Thailand ได้โพสต์แจ้งข่าว ว่านางงามในสังกัดอย่าง “ชาล็อต ออสติน” ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านบาท พร้อมบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา และได้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดวันนี้ (10 ธ.ค. 67) ชาล็อต ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” บอสใหญ่ของเวทีมิสแกรนด์ ที่บริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่แนล จำกัด (มหาชน) โดยชาล็อตแถลงพร้อมกับอาการน้ำตาคลอตลอดการสัมภาษณ์ ในบางช่วงก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000118622

    #MGROnline #ชาล็อต #ชาล็อตออสติน #CharlotteAustin
    “ชาล็อต” น้ำตาไหล เล่าเหตุการณ์โดนมิจฉาชีพหลอกโอน 4 ล้าน และบังคับวิดีโอคอล ยอมรับกลัวมากและยังช็อกอยู่ แต่ต้องมูฟออน “ณวัฒน์” ไม่ซ้ำเติม เชื่อตกเป็นเหยื่อเพราะอาการแพนิก ตรวจสอบแล้วที่วิดีโอคอลคือ AI มองฟาดเคราะห์ก่อนวันเกิด บอกขำๆ โชคดีเงิน 50 ล้านยังอยู่ ด้านตำรวจไซเบอร์เข้ารับข้อมูลแล้ว เตรียมโอนคดีมาไว้ในความรับผิดชอบ คาด 1 สัปดาห์มีความคืบหน้า และมีโอกาสได้เงินคืน • หลังเพจ Miss Grand Thailand ได้โพสต์แจ้งข่าว ว่านางงามในสังกัดอย่าง “ชาล็อต ออสติน” ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านบาท พร้อมบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา และได้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดวันนี้ (10 ธ.ค. 67) ชาล็อต ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” บอสใหญ่ของเวทีมิสแกรนด์ ที่บริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่แนล จำกัด (มหาชน) โดยชาล็อตแถลงพร้อมกับอาการน้ำตาคลอตลอดการสัมภาษณ์ ในบางช่วงก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000118622 • #MGROnline #ชาล็อต #ชาล็อตออสติน #CharlotteAustin
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 833 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ่อวอนขอความเป็นธรรม ลูกชายวัย 31 ปี เสาหลักของครอบครัวหักดิบเลิกเหล้าจนเกิดอาการช็อก ญาติส่งตัวเข้ารักษาที่ รพ.กันทรลักษ์ ถูก จนท.โรงพยาบาลรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ผลชันสูตร รพ.ตำรวจ ระบุชัดผู้ตายสมองได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกของแข็ง ขณะทาง รพ.เกิดเหตุ อ้างอยู่ระหว่างสืบหาข้อเท็จจริง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118670

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    พ่อวอนขอความเป็นธรรม ลูกชายวัย 31 ปี เสาหลักของครอบครัวหักดิบเลิกเหล้าจนเกิดอาการช็อก ญาติส่งตัวเข้ารักษาที่ รพ.กันทรลักษ์ ถูก จนท.โรงพยาบาลรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ผลชันสูตร รพ.ตำรวจ ระบุชัดผู้ตายสมองได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกของแข็ง ขณะทาง รพ.เกิดเหตุ อ้างอยู่ระหว่างสืบหาข้อเท็จจริง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118670 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1130 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกิดเหตุหนุ่มคลั่งใช้อาวุธปืนบุกยิงภายในบ้านพัก 2 หลังกลางเมืองปราจีนบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย 1 ในนั้นเป็นตัวผู้ก่อเหตุ และยังมีผู้ได้บาดเจ็บอีก 4 ราย เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118682

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เกิดเหตุหนุ่มคลั่งใช้อาวุธปืนบุกยิงภายในบ้านพัก 2 หลังกลางเมืองปราจีนบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย 1 ในนั้นเป็นตัวผู้ก่อเหตุ และยังมีผู้ได้บาดเจ็บอีก 4 ราย เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118682 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1005 มุมมอง 0 รีวิว
  • สาวรายหนึ่งโพสต์ในทำนองเชิญชวนให้ผู้ที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไม่ต้องจ่ายคืน ลั่น ถ้าทุกคนรวมใจกันบิดมันไม่ต้องจ่าย ไม่นานองค์กรก็ล่มไปเอง

    วันนี้ (10 ธ.ค.) มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ในเชิงเชิญชวนให้ผู้ที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไม่ต้องจ่ายคืน โดยระบุว่า “กยศ. บิดได้เลยนะคะ ไม่ต้องกลัว ของเรายอดทั้งหมด 5 แสนกว่า ยอดจริงๆ 3 แสน ที่เหลือคือค่าปรับ

    1.การย้ายทรัพย์สินทำได้ค่ะ แต่ต้องทำก่อนโดนฟ้องค่ะ ไม่งั้นเราจะโดนคดีอาญา ทรัพย์เรามีแค่บ้าน 1 หลัง รถเป็นชื่อขอของ สามีค่ะไม่ได้จดทะเบียน เราย้ายบ้านไปฝากไว้กับป้า ลงเป็นชื่อขายปกติ พอลูกเราครบ 21 ปี ป้าก็โอนคืนกลับมาเป็นชื่อลูกสาว

    2.ทุกวันนี้เปิดร้านคลีนิคมือถือที่แม่ฮ่องสอน การจดทะเบียนพาณิชย์ บัญชีรับเงิน บัญชีเงินฝาก เป็นชื่อลูกสาวหมดค่ะ แต่เราชอบเน้นเก็บทองคำมากกว่า กับลงทุนอสังหาฯ เล็ก ๆ น้อยๆ ห้องแถวเล็กๆ

    3.กยศ.ตามยึดไม่ได้ค่ะ เป็นชื่อลูกสาวหมด มันเลยไปตามกับคนค้ำ โชคดีที่คนค้ำตายไปแล้ว ไม่เหลือ มรดกอะไรให้ลูกหลาน ลูกหลานก็เลยไม่ต้องรับผิดชอบต่อ กล้าปรับโหดๆ ก็กล้าบิดค่ะ

    ถ้าทุกคนรวมใจกันบิดมันไม่ต้องจ่าย ไม่นานมันก็ล่มไปเอง องค์กรแบบนี้”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000118633

    #MGROnline #กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา #กยศ.
    สาวรายหนึ่งโพสต์ในทำนองเชิญชวนให้ผู้ที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไม่ต้องจ่ายคืน ลั่น ถ้าทุกคนรวมใจกันบิดมันไม่ต้องจ่าย ไม่นานองค์กรก็ล่มไปเอง • วันนี้ (10 ธ.ค.) มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ในเชิงเชิญชวนให้ผู้ที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไม่ต้องจ่ายคืน โดยระบุว่า “กยศ. บิดได้เลยนะคะ ไม่ต้องกลัว ของเรายอดทั้งหมด 5 แสนกว่า ยอดจริงๆ 3 แสน ที่เหลือคือค่าปรับ • 1.การย้ายทรัพย์สินทำได้ค่ะ แต่ต้องทำก่อนโดนฟ้องค่ะ ไม่งั้นเราจะโดนคดีอาญา ทรัพย์เรามีแค่บ้าน 1 หลัง รถเป็นชื่อขอของ สามีค่ะไม่ได้จดทะเบียน เราย้ายบ้านไปฝากไว้กับป้า ลงเป็นชื่อขายปกติ พอลูกเราครบ 21 ปี ป้าก็โอนคืนกลับมาเป็นชื่อลูกสาว • 2.ทุกวันนี้เปิดร้านคลีนิคมือถือที่แม่ฮ่องสอน การจดทะเบียนพาณิชย์ บัญชีรับเงิน บัญชีเงินฝาก เป็นชื่อลูกสาวหมดค่ะ แต่เราชอบเน้นเก็บทองคำมากกว่า กับลงทุนอสังหาฯ เล็ก ๆ น้อยๆ ห้องแถวเล็กๆ • 3.กยศ.ตามยึดไม่ได้ค่ะ เป็นชื่อลูกสาวหมด มันเลยไปตามกับคนค้ำ โชคดีที่คนค้ำตายไปแล้ว ไม่เหลือ มรดกอะไรให้ลูกหลาน ลูกหลานก็เลยไม่ต้องรับผิดชอบต่อ กล้าปรับโหดๆ ก็กล้าบิดค่ะ • ถ้าทุกคนรวมใจกันบิดมันไม่ต้องจ่าย ไม่นานมันก็ล่มไปเอง องค์กรแบบนี้” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000118633 • #MGROnline #กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา #กยศ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว