อัปเดตล่าสุด
  • 📌เนทันยาฮูในปี 2023: “จะไม่มีกลุ่มฮามาสในกาซ่าเหลืออยู่”
    📌เนทันยาฮูในปี 2025: เรากำลังรอการตอบสนองของกลุ่มฮามาสต่อข้อเสนอหยุดยิง...🤣🤣

    ❌ขบวนการมูกอวิมะฮ์ไม่ถูกกำจัด และยังคงแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นในกาซ่าหรือในเลบานอน - เป้าหมายสงครามของอิสราเอลล้มเหลว

    ❌อิสราเอลนำเชลยออกจากกาซ่าไม่ได้ จนกระทั่งอิสราเอลยอมจำนนต่อการนั่งโต๊ะเจรจาแลกเปลี่ยนเชลย - เป้าหมายสงครามของอิสราเอลล้มเหลว

    ❌อิสราเอลไม่สามารถยึดครองและควบคุมกาซ่าได้และต้องถอนทัพออกไป - เป้าหมายสงครามของอิสราเอลล้มเหลว

    ❌ผู้ตั้งถิ่นฐานไซออนิสต์ยังคงไม่สามารถกลับไปยังตอนเหนือของอิสราเอลได้ - เป้าหมายสงครามของอิสราเอลล้มเหลว

    🌎ปาเลสไตน์อยู่ในใจและความคิดของผู้คนทั่วโลก ในขณะที่ผู้นำของอิสราเอลและทหารIDFถูกตราหน้าเป็นอาชญากรสงครามที่ถูกหมายจับไปทั่วโลก

    🇵🇸ปาเลสไตน์ชนะสงครามครั้งนี้

    การต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวปาเลสไตน์ยังคงดำเนินต่อไป และระบอบไซออนิสต์จะต้องถูกกำจัดในที่สุด!!
    📌เนทันยาฮูในปี 2023: “จะไม่มีกลุ่มฮามาสในกาซ่าเหลืออยู่” 📌เนทันยาฮูในปี 2025: เรากำลังรอการตอบสนองของกลุ่มฮามาสต่อข้อเสนอหยุดยิง...🤣🤣 ❌ขบวนการมูกอวิมะฮ์ไม่ถูกกำจัด และยังคงแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นในกาซ่าหรือในเลบานอน - เป้าหมายสงครามของอิสราเอลล้มเหลว ❌อิสราเอลนำเชลยออกจากกาซ่าไม่ได้ จนกระทั่งอิสราเอลยอมจำนนต่อการนั่งโต๊ะเจรจาแลกเปลี่ยนเชลย - เป้าหมายสงครามของอิสราเอลล้มเหลว ❌อิสราเอลไม่สามารถยึดครองและควบคุมกาซ่าได้และต้องถอนทัพออกไป - เป้าหมายสงครามของอิสราเอลล้มเหลว ❌ผู้ตั้งถิ่นฐานไซออนิสต์ยังคงไม่สามารถกลับไปยังตอนเหนือของอิสราเอลได้ - เป้าหมายสงครามของอิสราเอลล้มเหลว 🌎ปาเลสไตน์อยู่ในใจและความคิดของผู้คนทั่วโลก ในขณะที่ผู้นำของอิสราเอลและทหารIDFถูกตราหน้าเป็นอาชญากรสงครามที่ถูกหมายจับไปทั่วโลก 🇵🇸ปาเลสไตน์ชนะสงครามครั้งนี้ การต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวปาเลสไตน์ยังคงดำเนินต่อไป และระบอบไซออนิสต์จะต้องถูกกำจัดในที่สุด!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • " ที่มาของคำว่าทรัมป์บ้า!!!!! "

    Foreign Policy : ทรัมป์เคยพ่ายแพ้ต่ออิหร่านมาแล้ว
    กลยุทธ์ "ทฤษฎีคนบ้า" (Madman Theory) ของทรัมป์ในเวทีการเผชิญหน้ากับอิหร่าน กลับกลายเป็นหมากที่ไม่ได้ผล เพราะอิหร่านมองทะลุถึงเจตนาและวิธีการของทรัมป์อย่างชัดเจน
    นิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความชิ้นสำคัญ โดยระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีคนบ้า" ในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยความอันตราย แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการนี้สามารถบีบให้อิหร่านเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หรือกลับทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น?
    ทรัมป์เป็นที่รู้จักจากแนวทางที่ผิดแผกไปจากผู้นำทั่วไปในด้านการทูต หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขานำมาใช้อย่างต่อเนื่องคือ "ทฤษฎีคนบ้า" ซึ่งมีรากฐานมาจากยุคสงครามเย็นในสมัยริชาร์ด นิกสัน แนวคิดนี้เชื่อว่า ผู้นำสามารถบีบให้คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อได้โดยการแสดงออกถึงความไม่แน่นอนและการข่มขู่ที่ดูรุนแรง แต่สำหรับเวทีการปะทะกับอิหร่าน คำถามคือ ทฤษฎีนี้ช่วยทรัมป์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับเป็นชนวนที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งดิ่งลึกสู่ความรุนแรง?

    ทรัมป์และกลยุทธ์การเจรจาที่อิหร่านไม่สะทกสะท้าน
    โดนัลด์ ทรัมป์เคยพูดถึงแนวทางการเจรจาของเขาอย่างภาคภูมิใจ โดยในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 เขากล่าวว่า "ผมเป็นนักเจรจาที่มักจะวางตัวเลือกที่หลากหลายไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาก้าวต่อไปของผมได้" หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของแนวทางนี้คือการข่มขู่ "ทำลายล้างอย่างสมบูรณ์" เกาหลีเหนือ ในสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ แต่เมื่อใช้วิธีเดียวกันนี้กับอิหร่าน ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทรัมป์หวังไว้

    นโยบาย “กดดันสูงสุด” และความล้มเหลวในการบีบอิหร่าน
    ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) และเริ่มดำเนินนโยบาย "กดดันสูงสุด" (Maximum Pressure) ด้วยความหวังว่าอิหร่านจะยอมรับข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์เชื่อมั่นว่า "อิหร่านจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ และในที่สุดจะกลับมาที่โต๊ะเจรจา"

    การตอบโต้ของอิหร่าน: ท้าทายทุกแรงกดดัน
    แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อิหร่านไม่ได้เพียงแค่ปฏิเสธการเจรจา แต่ยังขยายโครงการนิวเคลียร์และเพิ่มปฏิบัติการของกลุ่มตัวแทนในภูมิภาคเพื่อแสดงถึงความไม่ยอมจำนน มูฮัมหมัด ญาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในขณะนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ทรัมป์คิดว่าแรงกดดันจะทำให้เราอ่อนข้อ แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าชาวอิหร่านยืนหยัดในหน้าความกดดันเสมอ" ความพยายามของทรัมป์ในการบีบอิหร่านด้วยนโยบายกดดันสูงสุดจึงกลายเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ผล อิหร่านตอบโต้ด้วยการยืนหยัดและแสดงศักยภาพของตนเองให้เห็นอย่างชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ

    ปมร้อน: การสังหารสุไลมานีและความล้มเหลวของ "ทฤษฎีคนบ้า"
    หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการออกคำสั่งให้สังหาร นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ในเดือนมกราคม 2020 การโจมตีนี้เกิดขึ้นใกล้สนามบินกรุงแบกแดด และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อิหร่านตอบโต้การสังหารสุไลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก พร้อมประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) อีกต่อไป
    เมื่อ "ทฤษฎีคนบ้า" ไม่ได้ผล
    โรซานา แมคมานัส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต อธิบายว่า "ทฤษฎีคนบ้า" จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เชื่อว่าผู้นำมีความไม่แน่นอนจริงในบางเรื่อง แต่หากผู้นำนั้นดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป ความเชื่อถือในคำขู่จะลดลง และกลยุทธ์จะล้มเหลว ในกรณีของทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า พฤติกรรมของเขาเริ่มคาดเดาได้มากเกินไป เช่น การตัดสินใจไม่ตอบโต้ทางทหารหลังจากอิหร่านยิงโดรนอเมริกันตกในเดือนมิถุนายน 2019 การกระทำดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทรัมป์ไม่ต้องการทำสงคราม การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้อิหร่านไม่ยอมรับคำขู่ของเขาอย่างจริงจัง นโยบาย "กดดันสูงสุด" ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งหวังให้อิหร่านอ่อนข้อและยอมทำตามข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าเดิม กลับกลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง อิหร่านไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ยังใช้โอกาสนี้ขยายโครงการนิวเคลียร์และเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น
    เรซานา แมคมานัส นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ออกโรงเตือนว่า "ผู้นำควรระวังไม่ให้ชื่อเสียงในความบ้าบิ่นกลายเป็นจุดอ่อนของตนเอง" เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเข้าใจเกมและการกระทำที่ดูเหมือนเหนือความคาดหมาย กลยุทธ์ดังกล่าวอาจกลับกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ

    ดังนั้น หากทรัมป์ตัดสินใจหวนกลับมาใช้ "ทฤษฎีคนบ้า" อีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เขาต้องพิจารณาคือคู่แข่ง โดยเฉพาะอิหร่าน ต่างคุ้นเคยกับเกมนี้ดีและพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทรัมป์ไม่สามารถพึ่งพาความคาดเดาไม่ได้แบบเดิมอีกต่อไป เพราะการเล่นเกมซ้ำที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจดี อาจกลายเป็นหายนะในทางการทูต

    (เรียบเรียงโดยสมาคมนักเรียนไทยในอีร่าน)
    " ที่มาของคำว่าทรัมป์บ้า!!!!! " Foreign Policy : ทรัมป์เคยพ่ายแพ้ต่ออิหร่านมาแล้ว กลยุทธ์ "ทฤษฎีคนบ้า" (Madman Theory) ของทรัมป์ในเวทีการเผชิญหน้ากับอิหร่าน กลับกลายเป็นหมากที่ไม่ได้ผล เพราะอิหร่านมองทะลุถึงเจตนาและวิธีการของทรัมป์อย่างชัดเจน นิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความชิ้นสำคัญ โดยระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีคนบ้า" ในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยความอันตราย แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการนี้สามารถบีบให้อิหร่านเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หรือกลับทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น? ทรัมป์เป็นที่รู้จักจากแนวทางที่ผิดแผกไปจากผู้นำทั่วไปในด้านการทูต หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขานำมาใช้อย่างต่อเนื่องคือ "ทฤษฎีคนบ้า" ซึ่งมีรากฐานมาจากยุคสงครามเย็นในสมัยริชาร์ด นิกสัน แนวคิดนี้เชื่อว่า ผู้นำสามารถบีบให้คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อได้โดยการแสดงออกถึงความไม่แน่นอนและการข่มขู่ที่ดูรุนแรง แต่สำหรับเวทีการปะทะกับอิหร่าน คำถามคือ ทฤษฎีนี้ช่วยทรัมป์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับเป็นชนวนที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งดิ่งลึกสู่ความรุนแรง? ทรัมป์และกลยุทธ์การเจรจาที่อิหร่านไม่สะทกสะท้าน โดนัลด์ ทรัมป์เคยพูดถึงแนวทางการเจรจาของเขาอย่างภาคภูมิใจ โดยในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 เขากล่าวว่า "ผมเป็นนักเจรจาที่มักจะวางตัวเลือกที่หลากหลายไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาก้าวต่อไปของผมได้" หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของแนวทางนี้คือการข่มขู่ "ทำลายล้างอย่างสมบูรณ์" เกาหลีเหนือ ในสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ แต่เมื่อใช้วิธีเดียวกันนี้กับอิหร่าน ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทรัมป์หวังไว้ นโยบาย “กดดันสูงสุด” และความล้มเหลวในการบีบอิหร่าน ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) และเริ่มดำเนินนโยบาย "กดดันสูงสุด" (Maximum Pressure) ด้วยความหวังว่าอิหร่านจะยอมรับข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์เชื่อมั่นว่า "อิหร่านจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ และในที่สุดจะกลับมาที่โต๊ะเจรจา" การตอบโต้ของอิหร่าน: ท้าทายทุกแรงกดดัน แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อิหร่านไม่ได้เพียงแค่ปฏิเสธการเจรจา แต่ยังขยายโครงการนิวเคลียร์และเพิ่มปฏิบัติการของกลุ่มตัวแทนในภูมิภาคเพื่อแสดงถึงความไม่ยอมจำนน มูฮัมหมัด ญาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในขณะนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ทรัมป์คิดว่าแรงกดดันจะทำให้เราอ่อนข้อ แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าชาวอิหร่านยืนหยัดในหน้าความกดดันเสมอ" ความพยายามของทรัมป์ในการบีบอิหร่านด้วยนโยบายกดดันสูงสุดจึงกลายเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ผล อิหร่านตอบโต้ด้วยการยืนหยัดและแสดงศักยภาพของตนเองให้เห็นอย่างชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ ปมร้อน: การสังหารสุไลมานีและความล้มเหลวของ "ทฤษฎีคนบ้า" หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการออกคำสั่งให้สังหาร นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ในเดือนมกราคม 2020 การโจมตีนี้เกิดขึ้นใกล้สนามบินกรุงแบกแดด และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อิหร่านตอบโต้การสังหารสุไลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก พร้อมประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) อีกต่อไป เมื่อ "ทฤษฎีคนบ้า" ไม่ได้ผล โรซานา แมคมานัส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต อธิบายว่า "ทฤษฎีคนบ้า" จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เชื่อว่าผู้นำมีความไม่แน่นอนจริงในบางเรื่อง แต่หากผู้นำนั้นดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป ความเชื่อถือในคำขู่จะลดลง และกลยุทธ์จะล้มเหลว ในกรณีของทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า พฤติกรรมของเขาเริ่มคาดเดาได้มากเกินไป เช่น การตัดสินใจไม่ตอบโต้ทางทหารหลังจากอิหร่านยิงโดรนอเมริกันตกในเดือนมิถุนายน 2019 การกระทำดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทรัมป์ไม่ต้องการทำสงคราม การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้อิหร่านไม่ยอมรับคำขู่ของเขาอย่างจริงจัง นโยบาย "กดดันสูงสุด" ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งหวังให้อิหร่านอ่อนข้อและยอมทำตามข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าเดิม กลับกลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง อิหร่านไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ยังใช้โอกาสนี้ขยายโครงการนิวเคลียร์และเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น เรซานา แมคมานัส นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ออกโรงเตือนว่า "ผู้นำควรระวังไม่ให้ชื่อเสียงในความบ้าบิ่นกลายเป็นจุดอ่อนของตนเอง" เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเข้าใจเกมและการกระทำที่ดูเหมือนเหนือความคาดหมาย กลยุทธ์ดังกล่าวอาจกลับกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้น หากทรัมป์ตัดสินใจหวนกลับมาใช้ "ทฤษฎีคนบ้า" อีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เขาต้องพิจารณาคือคู่แข่ง โดยเฉพาะอิหร่าน ต่างคุ้นเคยกับเกมนี้ดีและพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทรัมป์ไม่สามารถพึ่งพาความคาดเดาไม่ได้แบบเดิมอีกต่อไป เพราะการเล่นเกมซ้ำที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจดี อาจกลายเป็นหายนะในทางการทูต (เรียบเรียงโดยสมาคมนักเรียนไทยในอีร่าน)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨ข้อมูลที่อันตรายและน่าเป็นห่วงสำหรับมุสลิม แต่เพื่อความสัตย์จริงและประวัติศาสตร์ ผมต้องเผยแพร่มันเกี่ยวกับสัญชาติที่แท้จริงของอัล-โจลานี เพราะเขาเป็น #ยิว และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนิติศาสตร์อิสลามใน #เทลอาวีฟ! ● ฉากทัศน์เวอร์ชันใหม่ของไซออนิสต์ สำหรับ โจลานี Mohammad al-Jolani ซึ่งปัจจุบันในฐานะผู้นำของกลุ่มผู้ก่อการร้าย HTS ( Tahrir al-Sham ) ในซีเรียได้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสื่อในเครือข่ายระหว่างประเทศ ซึ่งตลอดกิจกรรมของเขาในกลุ่มก่อการร้าย เขาสามารถปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของระบอบไซออนิสต์ในตะวันออกกลางตามความต้องการของประเทศตะวันตกอย่างดีเยี่ยมปัจจุบันเขาปรากฏอยู่ในสื่อไซออนิสต์ด้วยหน้าตาที่มีเสน่ห์ เป็นที่นิยม ร่วมสนทนา และมีอารยธรรม เป็นคนที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้ายในเดือนพฤษภาคม 2013 และสี่ปีต่อมาตั้งค่าหัว 10 ล้านดอลลาร์สำหรับบุคคลที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจับกุมของเขาเขามีชื่อเล่นว่า Al-Jolani มาจากชื่อของที่ราบสูงโกลัน ซึ่งระบอบไซออนิสต์ยึดครองและผนวกเข้ากับอาณาเขตของตนในสงครามปี 1967เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2014 โจลานีอ้างว่าเขาจะต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร อย่างไรก็ตาม เขาถอนตัวออกจากจุดยืนดังกล่าวและประกาศในการให้สัมภาษณ์ว่า ตาห์รีร์ อัล-ชาม #ไม่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกา และได้เรียกร้องรัฐบาลอเมริกา เพื่อลบกลุ่มนี้ออกจากบัญชีรายการผู้ก่อการร้าย● โจลานี และมรดกของอเมริกาสำหรับภูมิภาคนี้ในปี 2033 โจลานีเข้าร่วมกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักภายใต้การนำของอาบู มัซอับ อัล-ซาร์กาวี เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในตำแหน่งอัลกออิดะห์ในอิรัก และกลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานที่ใกล้ชิดของ Abu Musab al-Zarqawi ซึ่งเป็นผู้นำขององค์กรนี้ในขณะนั้นการปรากฏตัวของโจลานีในองค์กรอัลกออิดะห์ในฐานะมรดกของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่เชื่อมโยงโจลานีกับนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์แม้ว่าอเมริกาจะเผชิญหน้ากับอัลกออิดะห์อย่างชัดเจน แต่ความสัมพันธ์เบื้องหลังผู้นำหลักของอัลกออิดะห์กับหน่วยข่าวกรองอเมริกันยังคงมีการติดต่ออยู่ตลอดเวลา และเพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างนี้ ควรกล่าวได้ว่าการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและรุนแรงของอัลกออิดะห์ มีมากกว่าการโจมตีชาติตะวันตก เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติตะวันตก และได้เตรียมพื้นที่สำหรับการรณรงค์ของอเมริกาและพันธมิตรในตะวันออกกลางโดยอ้างว่าต่อสู้กับการก่อการร้าย● การบริการที่ดีเยี่ยมของ โจลานี ให้กับอเมริกาในขบวนการ ISISหลังจากการก่อตั้งอัลกออิดะห์ การสร้าง ISIS ก็ถูกจัดให้อยู่ในวาระนโยบายของอเมริกา ซึ่งเป็นหัวข้อที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า เราสร้าง ISIS ด้วยตัวเราเองอย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ISIS เป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดสำหรับการบริการและการรับใช้ที่ดีของ โจลานีต่อนโยบายของอเมริกา เขาจึงเปิดสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้ชื่อ Jabhat al-Nusra และรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ กลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็นสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้การนำของ Abu Bakr al-Baghdadi และ al-Baghdadi ได้ช่วยเหลือ โจลานี ด้วยการจัดหานักรบ อาวุธ และเงิน ในเดือนมกราคม 2012 อัล-โจลานีได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแนวร่วมอัล-นุสรา● ญับฮะตุล อัล-นุสเราะห์ จะเป็นที่รู้จักในนาม ญับฮะตุล ตาห์รีร์ อัลชามในปี 2016 โจลานีประกาศว่าต่อจากนี้ไป Jabhat al-Nusra จะเป็นที่รู้จักในชื่อ Jabhat Tahrir al-Shamการเปลี่ยนชื่อองค์กรที่โจลานีเป็นหัวหน้ายังคงเป็นการสานต่อนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์ และเป็นปฐมบทจนกระทั่งในที่สุด กลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้โจมตีซีเรียด้วยอุปกรณ์ชนิดใหม่ เช่น โดรนพิฆาต เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศ การหยุดยิงระหว่างระบอบไซออนิสต์กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ทำให้เกิดความกระจ่างเกี่ยวกับความร่วมมือขององค์กรก่อการร้ายเหล่านี้กับระบอบไซออนิสต์● โจลานี เปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่โซฮาอิล คาริมี ผู้สร้างสารคดีแนวต่อต้านกล่าวในการสนทนากับ “ดานา” ว่า “โจลานีได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นบุตรชายแห่งกาลเวลาตั้งแต่เริ่มกิจกรรมก่อการร้ายในทุกแง่มุม และเขาได้เปลี่ยนสีและใบหน้าของเขาเพื่อให้สนองตามข้อเรียกร้องของอเมริกา-ไซออนิสต์" เขากล่าวต่อไปว่า ผู้ก่อการร้ายเช่น บิน ลาเดน มีความคิดบางอย่าง และเขาได้เริ่มต้นชีวิตนักรบญิฮาดตั้งแต่เริ่มต้นและดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่ผิด ๆ จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุด แต่คนอย่างโจลานีเปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ๆตลอดเวลาคาริมี กล่าวเสริมโดยชี้ให้เห็นว่า โจลานี มีความสอดคล้องกับความคิดของขบวนการภราดรภาพ ด้วยความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากซัดดัมและการสนับสนุนของประเทศต่างๆ ที่ต่อต้านขบวนการต่อสู้ กลุ่มภราดรภาพจึงเริ่มก่อกบฏในซีเรีย และต่อมา โจลานีก็เข้าร่วมความคิดเหล่านี้และเติบโตไปพร้อมกับมุมมองของลัทธิซาลาฟีตักฟีรีย์ เขากล่าวเสริมว่า : เมื่อบุคคล เช่น Abu Musab al-Zarqawi เริ่มกิจกรรมการก่อการร้ายของเขา โจลานีก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลังจากที่เขาไม่เห็นด้วยกับอัลกออิดะห์ และขัดแย้งกับ Abu Bakr al-Baghdadi จึงหันมาสร้างกลุ่ม Jabhat al-Nusra ขึ้นมา ซึ่งมันคือกลุ่ม Tahrir al-Sham ในเวลาต่อเวลา คาริมี ชี้ให้เห็นว่า โจลานีไม่เคยเป็นบุคคลที่เป็นอิสระในชีวิตการต่อสู้ของเขา และนำนโยบายตะวันตกในภูมิภาคนี้มาปฏิบัติเสมอมาในฐานะเสาหลักไซออนิสต์-อเมริกา คาริมีกล่าวเสริมว่า: วันหนึ่งเขาใช้ชีวิตตามคำสั่งและสถานการณ์ของเจ้านายของเขา และวันหนึ่งเขาก็มีชีวิตอยู่ด้วยมือที่ถือดอกกุหลาบแต่ตอนนี้เราต้องรอดูชะตากรรมที่นโยบายไซออนิสต์-อเมริกา ว่าจะกำหนดให้กับโมฮัมหมัด อัล-โจลานี อย่างไรแต่อาจจะเป็นชะตากรรมที่วันหนึ่งอเมริกากำหนดไว้สำหรับบิน ลาเดน, อาบู บักร์ อัล-แบกดาดี, อัล-ซาร์กาวี, ซัดดัม ฮุสเซน, มูฮัมหมัด มอร์ซี, กัดดาฟี และหุ่นเชิดอื่นๆ อีกมากมายในภูมิภาคนี้#โจลานีเป็นตัวแทนไซออนิสต์ในภูมิภาค ซึ่งพี่น้องจะเห็นบทบาทของเขาในฐานะหุ่นเชิดของไซออนิสต์ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
    🚨ข้อมูลที่อันตรายและน่าเป็นห่วงสำหรับมุสลิม แต่เพื่อความสัตย์จริงและประวัติศาสตร์ ผมต้องเผยแพร่มันเกี่ยวกับสัญชาติที่แท้จริงของอัล-โจลานี เพราะเขาเป็น #ยิว และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนิติศาสตร์อิสลามใน #เทลอาวีฟ! ● ฉากทัศน์เวอร์ชันใหม่ของไซออนิสต์ สำหรับ โจลานี Mohammad al-Jolani ซึ่งปัจจุบันในฐานะผู้นำของกลุ่มผู้ก่อการร้าย HTS ( Tahrir al-Sham ) ในซีเรียได้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสื่อในเครือข่ายระหว่างประเทศ ซึ่งตลอดกิจกรรมของเขาในกลุ่มก่อการร้าย เขาสามารถปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของระบอบไซออนิสต์ในตะวันออกกลางตามความต้องการของประเทศตะวันตกอย่างดีเยี่ยมปัจจุบันเขาปรากฏอยู่ในสื่อไซออนิสต์ด้วยหน้าตาที่มีเสน่ห์ เป็นที่นิยม ร่วมสนทนา และมีอารยธรรม เป็นคนที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้ายในเดือนพฤษภาคม 2013 และสี่ปีต่อมาตั้งค่าหัว 10 ล้านดอลลาร์สำหรับบุคคลที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจับกุมของเขาเขามีชื่อเล่นว่า Al-Jolani มาจากชื่อของที่ราบสูงโกลัน ซึ่งระบอบไซออนิสต์ยึดครองและผนวกเข้ากับอาณาเขตของตนในสงครามปี 1967เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2014 โจลานีอ้างว่าเขาจะต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร อย่างไรก็ตาม เขาถอนตัวออกจากจุดยืนดังกล่าวและประกาศในการให้สัมภาษณ์ว่า ตาห์รีร์ อัล-ชาม #ไม่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกา และได้เรียกร้องรัฐบาลอเมริกา เพื่อลบกลุ่มนี้ออกจากบัญชีรายการผู้ก่อการร้าย● โจลานี และมรดกของอเมริกาสำหรับภูมิภาคนี้ในปี 2033 โจลานีเข้าร่วมกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักภายใต้การนำของอาบู มัซอับ อัล-ซาร์กาวี เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในตำแหน่งอัลกออิดะห์ในอิรัก และกลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานที่ใกล้ชิดของ Abu Musab al-Zarqawi ซึ่งเป็นผู้นำขององค์กรนี้ในขณะนั้นการปรากฏตัวของโจลานีในองค์กรอัลกออิดะห์ในฐานะมรดกของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่เชื่อมโยงโจลานีกับนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์แม้ว่าอเมริกาจะเผชิญหน้ากับอัลกออิดะห์อย่างชัดเจน แต่ความสัมพันธ์เบื้องหลังผู้นำหลักของอัลกออิดะห์กับหน่วยข่าวกรองอเมริกันยังคงมีการติดต่ออยู่ตลอดเวลา และเพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างนี้ ควรกล่าวได้ว่าการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและรุนแรงของอัลกออิดะห์ มีมากกว่าการโจมตีชาติตะวันตก เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติตะวันตก และได้เตรียมพื้นที่สำหรับการรณรงค์ของอเมริกาและพันธมิตรในตะวันออกกลางโดยอ้างว่าต่อสู้กับการก่อการร้าย● การบริการที่ดีเยี่ยมของ โจลานี ให้กับอเมริกาในขบวนการ ISISหลังจากการก่อตั้งอัลกออิดะห์ การสร้าง ISIS ก็ถูกจัดให้อยู่ในวาระนโยบายของอเมริกา ซึ่งเป็นหัวข้อที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า เราสร้าง ISIS ด้วยตัวเราเองอย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ISIS เป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดสำหรับการบริการและการรับใช้ที่ดีของ โจลานีต่อนโยบายของอเมริกา เขาจึงเปิดสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้ชื่อ Jabhat al-Nusra และรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ กลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็นสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้การนำของ Abu Bakr al-Baghdadi และ al-Baghdadi ได้ช่วยเหลือ โจลานี ด้วยการจัดหานักรบ อาวุธ และเงิน ในเดือนมกราคม 2012 อัล-โจลานีได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแนวร่วมอัล-นุสรา● ญับฮะตุล อัล-นุสเราะห์ จะเป็นที่รู้จักในนาม ญับฮะตุล ตาห์รีร์ อัลชามในปี 2016 โจลานีประกาศว่าต่อจากนี้ไป Jabhat al-Nusra จะเป็นที่รู้จักในชื่อ Jabhat Tahrir al-Shamการเปลี่ยนชื่อองค์กรที่โจลานีเป็นหัวหน้ายังคงเป็นการสานต่อนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์ และเป็นปฐมบทจนกระทั่งในที่สุด กลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้โจมตีซีเรียด้วยอุปกรณ์ชนิดใหม่ เช่น โดรนพิฆาต เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศ การหยุดยิงระหว่างระบอบไซออนิสต์กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ทำให้เกิดความกระจ่างเกี่ยวกับความร่วมมือขององค์กรก่อการร้ายเหล่านี้กับระบอบไซออนิสต์● โจลานี เปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่โซฮาอิล คาริมี ผู้สร้างสารคดีแนวต่อต้านกล่าวในการสนทนากับ “ดานา” ว่า “โจลานีได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นบุตรชายแห่งกาลเวลาตั้งแต่เริ่มกิจกรรมก่อการร้ายในทุกแง่มุม และเขาได้เปลี่ยนสีและใบหน้าของเขาเพื่อให้สนองตามข้อเรียกร้องของอเมริกา-ไซออนิสต์" เขากล่าวต่อไปว่า ผู้ก่อการร้ายเช่น บิน ลาเดน มีความคิดบางอย่าง และเขาได้เริ่มต้นชีวิตนักรบญิฮาดตั้งแต่เริ่มต้นและดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่ผิด ๆ จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุด แต่คนอย่างโจลานีเปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ๆตลอดเวลาคาริมี กล่าวเสริมโดยชี้ให้เห็นว่า โจลานี มีความสอดคล้องกับความคิดของขบวนการภราดรภาพ ด้วยความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากซัดดัมและการสนับสนุนของประเทศต่างๆ ที่ต่อต้านขบวนการต่อสู้ กลุ่มภราดรภาพจึงเริ่มก่อกบฏในซีเรีย และต่อมา โจลานีก็เข้าร่วมความคิดเหล่านี้และเติบโตไปพร้อมกับมุมมองของลัทธิซาลาฟีตักฟีรีย์ เขากล่าวเสริมว่า : เมื่อบุคคล เช่น Abu Musab al-Zarqawi เริ่มกิจกรรมการก่อการร้ายของเขา โจลานีก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลังจากที่เขาไม่เห็นด้วยกับอัลกออิดะห์ และขัดแย้งกับ Abu Bakr al-Baghdadi จึงหันมาสร้างกลุ่ม Jabhat al-Nusra ขึ้นมา ซึ่งมันคือกลุ่ม Tahrir al-Sham ในเวลาต่อเวลา คาริมี ชี้ให้เห็นว่า โจลานีไม่เคยเป็นบุคคลที่เป็นอิสระในชีวิตการต่อสู้ของเขา และนำนโยบายตะวันตกในภูมิภาคนี้มาปฏิบัติเสมอมาในฐานะเสาหลักไซออนิสต์-อเมริกา คาริมีกล่าวเสริมว่า: วันหนึ่งเขาใช้ชีวิตตามคำสั่งและสถานการณ์ของเจ้านายของเขา และวันหนึ่งเขาก็มีชีวิตอยู่ด้วยมือที่ถือดอกกุหลาบแต่ตอนนี้เราต้องรอดูชะตากรรมที่นโยบายไซออนิสต์-อเมริกา ว่าจะกำหนดให้กับโมฮัมหมัด อัล-โจลานี อย่างไรแต่อาจจะเป็นชะตากรรมที่วันหนึ่งอเมริกากำหนดไว้สำหรับบิน ลาเดน, อาบู บักร์ อัล-แบกดาดี, อัล-ซาร์กาวี, ซัดดัม ฮุสเซน, มูฮัมหมัด มอร์ซี, กัดดาฟี และหุ่นเชิดอื่นๆ อีกมากมายในภูมิภาคนี้#โจลานีเป็นตัวแทนไซออนิสต์ในภูมิภาค ซึ่งพี่น้องจะเห็นบทบาทของเขาในฐานะหุ่นเชิดของไซออนิสต์ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 0 รีวิว
  • " มันคือวิถีของยิวไซออนิสต์ "เจ้าหน้าที่อาวุโส ต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในฉนวนกาซ่า 2 ราย เสียชีวิตอย่างปริศนา● เมื่อวานนี้ มีข่าวการเสียชีวิตอย่างน่าสงสัย ของดร. ไจล์ส ดอร์ส เป็นที่รู้จักในนามวีรบุรุษแห่งความยุติธรรมชาวปาเลสไตน์ซึ่งเป็นหนึ่งเดียว ของทนายความคดีอาญาที่ดีที่สุดในกรุงเฮกที่ต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของระบอบไซออนิสต์ในฉนวนกาซ่า ●ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวการเสียชีวิตอย่างน่าสงสัย ของ สก็อตต์ เบนเน็ตต์ เจ้าหน้าที่ต่อต้านสงครามของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของระบอบไซออนิสต์อย่างแข็งขันสก็อตต์ เบนเน็ตต์ อดีตเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษของกองทัพสหรัฐฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามจิตวิทยา เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2024 ขณะอายุ 46 ปี ในเมืองวอลนัตครีก รัฐแคลิฟอร์เนียในการให้สัมภาษณ์กับสปุตนิกเมื่อเดือนกันยายน เบนเน็ตต์เตือนว่ารัฐบาลลับของสหรัฐฯ จะทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้โดนัลด์ ทรัมป์เจรจาเร็วเกินไปเพื่อแก้ไขวิกฤติยูเครน หากเขาชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนในเวลานั้น เขากล่าวว่า "การจัดตั้งตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐบาลลับด้านความมั่นคงแห่งชาติ ทหาร และอุตสาหกรรมของอเมริกา กำลังพยายามผูกมัดความขัดแย้ง (ยูเครน) กับรัสเซียไว้ที่คอของโดนัลด์ ทรัมป์" เขาย้ำว่า ไม่สงสัยเลยว่ารัสเซียจะชนะในที่สุดเบนเน็ตต์บอกกับสปุตนิกว่า "การคำนวณทางการทหารแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่จะตกเป็นของรัสเซียอย่างแน่นอน"เบนเน็ตต์ยังประท้วงสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซ่า โดยเรียกว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ เขาบอกกับสปุตนิกเมื่อเดือนเมษายนว่า “คณะรัฐมนตรีของอิสราเอลพยายามลบชาวปาเลสไตน์และค
    " มันคือวิถีของยิวไซออนิสต์ "เจ้าหน้าที่อาวุโส ต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในฉนวนกาซ่า 2 ราย เสียชีวิตอย่างปริศนา● เมื่อวานนี้ มีข่าวการเสียชีวิตอย่างน่าสงสัย ของดร. ไจล์ส ดอร์ส เป็นที่รู้จักในนามวีรบุรุษแห่งความยุติธรรมชาวปาเลสไตน์ซึ่งเป็นหนึ่งเดียว ของทนายความคดีอาญาที่ดีที่สุดในกรุงเฮกที่ต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของระบอบไซออนิสต์ในฉนวนกาซ่า ●ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวการเสียชีวิตอย่างน่าสงสัย ของ สก็อตต์ เบนเน็ตต์ เจ้าหน้าที่ต่อต้านสงครามของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของระบอบไซออนิสต์อย่างแข็งขันสก็อตต์ เบนเน็ตต์ อดีตเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษของกองทัพสหรัฐฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามจิตวิทยา เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2024 ขณะอายุ 46 ปี ในเมืองวอลนัตครีก รัฐแคลิฟอร์เนียในการให้สัมภาษณ์กับสปุตนิกเมื่อเดือนกันยายน เบนเน็ตต์เตือนว่ารัฐบาลลับของสหรัฐฯ จะทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้โดนัลด์ ทรัมป์เจรจาเร็วเกินไปเพื่อแก้ไขวิกฤติยูเครน หากเขาชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนในเวลานั้น เขากล่าวว่า "การจัดตั้งตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐบาลลับด้านความมั่นคงแห่งชาติ ทหาร และอุตสาหกรรมของอเมริกา กำลังพยายามผูกมัดความขัดแย้ง (ยูเครน) กับรัสเซียไว้ที่คอของโดนัลด์ ทรัมป์" เขาย้ำว่า ไม่สงสัยเลยว่ารัสเซียจะชนะในที่สุดเบนเน็ตต์บอกกับสปุตนิกว่า "การคำนวณทางการทหารแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่จะตกเป็นของรัสเซียอย่างแน่นอน"เบนเน็ตต์ยังประท้วงสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซ่า โดยเรียกว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ เขาบอกกับสปุตนิกเมื่อเดือนเมษายนว่า “คณะรัฐมนตรีของอิสราเอลพยายามลบชาวปาเลสไตน์และค
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอฟริกาใต้ยื่นหลักฐานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลต่อศาลกรุงเฮก

    วันนี้ แอฟริกาใต้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮก คำร้องดังกล่าวสรุปข้อโต้แย้งของแอฟริกาใต้ที่กล่าวว่าอิสราเอลกำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่า

    แอฟริกาใต้ให้เหตุผลว่าอิสราเอลไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญาหลายข้อของอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และได้ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศอีกด้วย

    แม้ว่าแอฟริกาใต้ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่ออิสราเอลในกรุงเฮกหลายครั้ง แต่พริทอเรียก็จำเป็นต้องนำเสนอข้อโต้แย้งที่ครอบคลุมในการออกคำพิพากษาถึงที่สุดในกรณีดังกล่าวต่อหน่วยงานตุลาการสูงสุดของสหประชาชาติ
    แอฟริกาใต้ยื่นหลักฐานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลต่อศาลกรุงเฮก วันนี้ แอฟริกาใต้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮก คำร้องดังกล่าวสรุปข้อโต้แย้งของแอฟริกาใต้ที่กล่าวว่าอิสราเอลกำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่า แอฟริกาใต้ให้เหตุผลว่าอิสราเอลไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญาหลายข้อของอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และได้ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศอีกด้วย แม้ว่าแอฟริกาใต้ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่ออิสราเอลในกรุงเฮกหลายครั้ง แต่พริทอเรียก็จำเป็นต้องนำเสนอข้อโต้แย้งที่ครอบคลุมในการออกคำพิพากษาถึงที่สุดในกรณีดังกล่าวต่อหน่วยงานตุลาการสูงสุดของสหประชาชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • " มันเป็นคำตอบที่แสนปวดร้าวและยังชี้ให้ว่าในสหรัฐอเมริกาใครใหญ่ที่สุด ? "

    อดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ของสหรัฐฯ เดินทางไปปาเลสไตน์และต้องตกใจเมื่อเห็นสถานการณ์ดังกล่าว

    นักข่าวถามเขาว่า: คุณเห็นอะไร? เขาพูดว่า: การกดขี่ ความทรมานและการละเมิดสิทธิมนุษยชนกำลังเกิดขึ้น

    นักข่าวถามว่า แล้วทำไมคุณไม่ทำอะไรเลย?

    ⭕️ คาร์เตอร์ตอบว่า : ในฐานะคริสเตียนในการเมืองของอเมริกา เรามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมายควบคู่ไปกับกฎหมายอื่นๆอีกมากมาย กฎหมายดังกล่าวกล่าวว่า สิ่งใดก็ตามที่ระบอบไซออนิสต์ทำเวลาใดก็ตามจะต้องได้รับการสนับสนุน!

    ขณะเดียวกันก็ควรใช้สื่อเพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนยอมรับ ภารกิจของการล็อบบี้ AIPAC ซึ่งเน้นไปที่หลักการสำคัญนี้โดยเฉพาะ ไม่ใช่การส่งเสริมสันติภาพ เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการสนับสนุนนโยบายของอิสราเอล ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรก็ตาม
    " มันเป็นคำตอบที่แสนปวดร้าวและยังชี้ให้ว่าในสหรัฐอเมริกาใครใหญ่ที่สุด ? " อดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ของสหรัฐฯ เดินทางไปปาเลสไตน์และต้องตกใจเมื่อเห็นสถานการณ์ดังกล่าว นักข่าวถามเขาว่า: คุณเห็นอะไร? เขาพูดว่า: การกดขี่ ความทรมานและการละเมิดสิทธิมนุษยชนกำลังเกิดขึ้น นักข่าวถามว่า แล้วทำไมคุณไม่ทำอะไรเลย? ⭕️ คาร์เตอร์ตอบว่า : ในฐานะคริสเตียนในการเมืองของอเมริกา เรามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมายควบคู่ไปกับกฎหมายอื่นๆอีกมากมาย กฎหมายดังกล่าวกล่าวว่า สิ่งใดก็ตามที่ระบอบไซออนิสต์ทำเวลาใดก็ตามจะต้องได้รับการสนับสนุน! ขณะเดียวกันก็ควรใช้สื่อเพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนยอมรับ ภารกิจของการล็อบบี้ AIPAC ซึ่งเน้นไปที่หลักการสำคัญนี้โดยเฉพาะ ไม่ใช่การส่งเสริมสันติภาพ เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการสนับสนุนนโยบายของอิสราเอล ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรก็ตาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • " ความลับของปฏิบัติการ พายุ อัลอักซอ "

    คำถาม :

    ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์ 7ตุลาคม 2023 ?
    เราอาจคิดว่าในครั้งนี้(7/10)ฮามาสเป็นคนเริ่มก่อสงครามเพราะเป็นผู้เริ่มก่อน แต่จริงๆแล้วฮามาสเป็นผู้เริ่มชิงลงมือก่อน !!
    ทำไม?

    คำตอบ :

    ข้อมูลข่าวกรองที่ขบวนการต่อสู้ได้รับมาและน่าเชื่อเกือบ100%ระบุว่า รัฐเถื่อนอิสราเอลเตรียมแผนดำเนินการผลักดันชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่บริเวณฉนวนกาซ่าให้ออกจากพื้นที่โดยเตรียมค่ายผู้ลี้ภัยไว้ให้ในอียิปต์หรือฆ่าคนที่ไม่ยอมอพยพออกให้มากที่สุด(เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน)เรียกแผนผลักดันครั้งนี้ว่า "แผนผลักดันลงทะเล"
    เหตุผลที่แท้จริงคือมีการค้นพบแหล่งพลังงานครั้งมโหราฬในทะเลเมดิเตอร์เนี่ยนทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตรงบริเวณทะเลที่เป็นเขตของฉนวนกาซ่าและหากปล่อยให้กาซ่าเป็นเขตการปกครองของชาวปาเลสไตน์รัฐเถื่อนจะสูญเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล รัฐเถื่อนอิสราเอลรู้เรื่องนี้อยู่สักพักหนึ่งแล้วและเตรียมปฎิบัติการผลักดันดังกล่าว แต่หน่วยข่าวกรองของพันธมิตรแจ้งข่าวการค้นพบแหล่งพลังงานและการเตรียมแผนผลักดันของไซออนิสต์ให้ขบวนการต่อสู้เพื่อปาเลสไตน์ทราบและชิงตัดหน้าทำลายแผนการผลักดัน จึงเป็นที่มาของวันที่7ตุลาคมดังกล่าว

    นี่ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการกวาดล้างประชาชนชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าและเตรียมความพร้อมแผ่นดินกาซ่าเพื่อสร้างคลองเบนกูเรียนเพื่อมาทดแทนคลองสุเอซ เพราะมันมีผลประโยชน์มหาศาลที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือของโลก
    " ความลับของปฏิบัติการ พายุ อัลอักซอ " คำถาม : ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์ 7ตุลาคม 2023 ? เราอาจคิดว่าในครั้งนี้(7/10)ฮามาสเป็นคนเริ่มก่อสงครามเพราะเป็นผู้เริ่มก่อน แต่จริงๆแล้วฮามาสเป็นผู้เริ่มชิงลงมือก่อน !! ทำไม? คำตอบ : ข้อมูลข่าวกรองที่ขบวนการต่อสู้ได้รับมาและน่าเชื่อเกือบ100%ระบุว่า รัฐเถื่อนอิสราเอลเตรียมแผนดำเนินการผลักดันชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่บริเวณฉนวนกาซ่าให้ออกจากพื้นที่โดยเตรียมค่ายผู้ลี้ภัยไว้ให้ในอียิปต์หรือฆ่าคนที่ไม่ยอมอพยพออกให้มากที่สุด(เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน)เรียกแผนผลักดันครั้งนี้ว่า "แผนผลักดันลงทะเล" เหตุผลที่แท้จริงคือมีการค้นพบแหล่งพลังงานครั้งมโหราฬในทะเลเมดิเตอร์เนี่ยนทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตรงบริเวณทะเลที่เป็นเขตของฉนวนกาซ่าและหากปล่อยให้กาซ่าเป็นเขตการปกครองของชาวปาเลสไตน์รัฐเถื่อนจะสูญเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล รัฐเถื่อนอิสราเอลรู้เรื่องนี้อยู่สักพักหนึ่งแล้วและเตรียมปฎิบัติการผลักดันดังกล่าว แต่หน่วยข่าวกรองของพันธมิตรแจ้งข่าวการค้นพบแหล่งพลังงานและการเตรียมแผนผลักดันของไซออนิสต์ให้ขบวนการต่อสู้เพื่อปาเลสไตน์ทราบและชิงตัดหน้าทำลายแผนการผลักดัน จึงเป็นที่มาของวันที่7ตุลาคมดังกล่าว นี่ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการกวาดล้างประชาชนชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าและเตรียมความพร้อมแผ่นดินกาซ่าเพื่อสร้างคลองเบนกูเรียนเพื่อมาทดแทนคลองสุเอซ เพราะมันมีผลประโยชน์มหาศาลที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือของโลก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇷 การปฏิวัติเพื่อมนุษยชาติ 🇮🇷

    การปฏิวัติที่เป็นแบบอย่างให้กับแกนต่อต้านการกดขี่ทั่วโลก

    ผลของการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อการเมืองระดับโลก......

    เหตุใดการปฏิวัติอิสลามจึงมีความสำคัญ ?

    และส่งผลกระทบต่อการเมืองระดับโลกอย่างไร ?

    เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นส่วนใหญ่ส่งผลกระทบเพียงชั่วครู่ชั่วคราวต่อโลก เนื่องมาจากมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นพร้อมกันมากเกินไป บางอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น อุทกภัย แผ่นดินไหว และความอดอยาก ในขณะที่บางอย่างเกิดจากฝีมือมนุษย์

    สงครามเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ความตาย การทำลายล้าง การอพยพผู้คน และความอดอยาก อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในสังคม

    การปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่ยังไม่ค่อยมีการวิเคราะห์ผลกระทบอย่างเหมาะสม สาเหตุมาจากการต่อต้านและการโฆษณาชวนเชื่อเชิงลบที่เกิดขึ้นในหมู่จักรวรรดินิยมและไซออนิสต์

    การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน แตกต่างจากขบวนการเสรีภาพในช่วงก่อนๆ ที่เพียงแค่โอนอำนาจจากนักล่าอาณานิคมยุโรปไปยังหุ่นเชิดของพวกเขาในสังคมท้องถิ่น การปฏิวัติอิสลามทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในสังคม

    ระเบียบโลกในยุคปัจจุบันถูกกำหนดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามอันเลวร้ายนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบล้านคน โดยที่สหภาพโซเวียตมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่สุด

    สงครามดังกล่าวได้ทำลายล้างยุโรปไปเป็นจำนวนมาก มหาอำนาจอาณานิคมอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และแม้แต่เบลเยียมซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ต่างก็หมดอำนาจไป มหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงดำรงอยู่คือสหรัฐอเมริกา

    มหาอำนาจยุโรปจำเป็นต้องสละการครอบครองอาณานิคมในเอเชียและแอฟริกา เนื่องจากไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป

    การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆก็คือ พวกเขาถูกเปลี่ยนมือจากการควบคุมของนักล่าอาณานิคมชาวยุโรปไปอยู่ในมือของลุงแซม ซึ่งกลายเป็นผู้โหดร้ายยิ่งกว่าในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรของพวกเขา

    ฐานทัพทหารสหรัฐฯ จำนวนมากรอบอ่าวเปอร์เซียและภูมิภาคเอเชียตะวันตกเป็นหลักฐานที่เพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติที่โลภมากของอเมริกา

    สหภาพโซเวียตได้ดำเนินตามแนวทางที่แตกต่างจากแนวทางของตะวันตกโดยรวมที่นำโดยสหรัฐอเมริกา แต่แนวคิดคอมมิวนิสต์ก็เป็นผลผลิตของความคิดทางการเมืองของตะวันตกเช่นกัน ดังนั้น จึงเกิดขั้วตรงข้ามสองขั้วจากรากฐานเดียวกัน ซึ่งประเทศต่างๆ ต่างมาบรรจบกัน

    สิ่งที่แปลกใหม่เกี่ยวกับการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านก็คือการหลุดพ้นจากการควบคุมของกลุ่มประเทศที่มีอำนาจในโลกตะวันตก นอกจากนี้ก็ยังไม่เข้าร่วมโดยทันทีกับกลุ่มที่นำโดยสหภาพโซเวียตเหมือนที่เกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ

    อิหร่านหวนคืนสู่รากเหง้าของตนเองนั่นคืออิสลาม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเป็นปฏิปักษ์กันอย่างมากระหว่างมหาอำนาจทั้งในโลกตะวันตกและโลกตะวันออก

    ไม่นานหลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน อิมามโคมัยนี (รฎ) ได้ออกคำประกาศสองประการที่สั่นสะเทือนโลก

    ประการแรก มุสลิมต้องสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยอัลกุดส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มัสยิดอัลอักซอและเป็นกิบลัตแรกของมุสลิม ซึ่งประการแรกนี้ถูกมองว่าเป็นการท้าทายโดยตรงต่อกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานที่เป็นอาณานิคมไซออนิสต์

    ประการที่สอง การส่งออกการปฏิวัติอิสลามไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งก็ถูกมองว่าเป็นการท้าทายต่อระบอบการปกครองบนชายฝั่งตะวันตกของอ่าวเปอร์เซีย

    แนวคิดในการส่งออกการปฏิวัติถูกเข้าใจผิดโดยระบอบการปกครองเหล่านี้ พวกเขาคิดว่ากองกำลังปฏิวัติของอิหร่านจะไหลบ่าข้ามพรมแดนและเข้ายึดครองอาณาจักรที่สั่นคลอนของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    ในหลายสิบปีที่ผ่านมา การส่งออกการปฏิวัติหมายถึงการส่งออกแนวคิดและได้รับการนำไปใช้โดยผู้คนในสังคมนั้นๆ

    รัฐบาลอาหรับซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจจักรวรรดินิยม ได้เปิดฉากสงครามอันเลวร้ายต่อสาธารณรัฐอิสลามโดยระบอบ ซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก เป้าหมายของมันคือการทำลายสาธารณรัฐอิสลาม !!!

    หลังจากนั้นไม่นาน สภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ก็ถูกจัดตั้งขึ้นตามคำสั่งของชาติตะวันตก และด้วยจุดมุ่งหมายเฉพาะเจาะจงเพื่อทำลายสาธารณรัฐอิสลามผ่านสงครามเศรษฐกิจ

    แปดปีที่สาธารณรัฐอิสลาม ผู้นำการปฏิวัติและประชาชนของสาธารณรัฐอิสลามสามารถต้านทานการโจมตีจากนานาชาติได้เพียงลำพัง พวกเขาได้ปกป้องดินแดนทุกตารางนิ้วและป้องกันการปฏิวัติด้วยการเสียสละอย่างมากมาย การป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้ปลูกฝังความกลัวให้กับศัตรูจนไม่กล้าที่จะรุกรานสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านด้วยกองกำลังภาคพื้นดินอีกเลย

    ประเด็นการส่งออกของการปฏิวัติอิสลาม การเคลื่อนไหวแรกๆเกิดขึ้นในสถานที่ที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือเลบานอน ซึ่งขบวนการฮิซบุลลอฮ์ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ยึดครองไซออนิสต์และสร้างความอัปยศให้กับไซออนิสต์อิสราเอลจนถึงทุกวันนี้

    แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านถูกส่งออกไปยังปาเลสไตน์ ซึ่งการต่อต้านในฉนวนกาซาก็เป็นผลโดยตรงจากการแพร่กระจายแนวคิดปฏิวัติจากอิหร่าน แม้แต่นักวิจารณ์ชาวอิสราเอลหลายคนก็ยอมรับว่าอิสราเอลพ่ายแพ้ทางทหารต่อฮามาสและญิฮาดอิสลาม อิสราเอลได้สังหารพลเรือนชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นคนอย่างโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนที่สุด

    พื้นที่ที่แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านแพร่หลายออกไป ได้แก่ อิรักและเยเมน ในซีเรีย กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน (IRGC)มีบทบาทสำคัญในการป้องกันไม่ให้รัฐบาลในกรุงดามัสกัสล่มสลาย ซึ่งเผชิญกับแผนการสมคบคิดที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มไซออนิสต์ของสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบียมานานกว่าสิบปี

    แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านได้แพร่กระจายไปถึงอเมริกาใต้ ไปถึงบริเวณหลังบ้านของสหรัฐฯ

    นับเป็นเวลากว่าศตวรรษแล้วที่สหรัฐฯ ได้รักษาอเมริกาใต้ไว้เป็นเขตอิทธิพลเฉพาะของตนในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากร

    ทุกวันนี้ หลายๆประเทศ เช่น เวเนซุเอลา นิการากัว และโบลิเวีย ได้หลุดพ้นจากอำนาจการครอบงำของสหรัฐฯ และกำลังกำหนดเส้นทางอิสระ ซึ่งสิ่งนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากความร่วมมืออย่างแข็งขันของอิหร่าน

    การล่มสลายของระเบียบโลกขั้วเดียวที่นำโดยสหรัฐฯ เป็นผลโดยตรงจากการแพร่กระจายแนวคิดปฏิวัติของอิหร่าน

    "สิ่งนี้บ่งชี้ว่า เมื่อมีผู้นำที่ จริงใจ ซื่อสัตย์ มีความมุ่งมั่นที่ยึดหลักความยุติธรรมและความเป็นธรรมของศาสนาเป็นตัวตั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องน่าแปลก ที่คนจำนวนน้อยจะสามารถเอาชนะอำนาจแห่งการกดขี่ที่แม้จะติดอาวุธหนักเพียงใดได้"
    🇮🇷 การปฏิวัติเพื่อมนุษยชาติ 🇮🇷 การปฏิวัติที่เป็นแบบอย่างให้กับแกนต่อต้านการกดขี่ทั่วโลก ผลของการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อการเมืองระดับโลก...... เหตุใดการปฏิวัติอิสลามจึงมีความสำคัญ ? และส่งผลกระทบต่อการเมืองระดับโลกอย่างไร ? เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นส่วนใหญ่ส่งผลกระทบเพียงชั่วครู่ชั่วคราวต่อโลก เนื่องมาจากมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นพร้อมกันมากเกินไป บางอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น อุทกภัย แผ่นดินไหว และความอดอยาก ในขณะที่บางอย่างเกิดจากฝีมือมนุษย์ สงครามเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ความตาย การทำลายล้าง การอพยพผู้คน และความอดอยาก อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในสังคม การปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่ยังไม่ค่อยมีการวิเคราะห์ผลกระทบอย่างเหมาะสม สาเหตุมาจากการต่อต้านและการโฆษณาชวนเชื่อเชิงลบที่เกิดขึ้นในหมู่จักรวรรดินิยมและไซออนิสต์ การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน แตกต่างจากขบวนการเสรีภาพในช่วงก่อนๆ ที่เพียงแค่โอนอำนาจจากนักล่าอาณานิคมยุโรปไปยังหุ่นเชิดของพวกเขาในสังคมท้องถิ่น การปฏิวัติอิสลามทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในสังคม ระเบียบโลกในยุคปัจจุบันถูกกำหนดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามอันเลวร้ายนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบล้านคน โดยที่สหภาพโซเวียตมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่สุด สงครามดังกล่าวได้ทำลายล้างยุโรปไปเป็นจำนวนมาก มหาอำนาจอาณานิคมอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และแม้แต่เบลเยียมซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ต่างก็หมดอำนาจไป มหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงดำรงอยู่คือสหรัฐอเมริกา มหาอำนาจยุโรปจำเป็นต้องสละการครอบครองอาณานิคมในเอเชียและแอฟริกา เนื่องจากไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆก็คือ พวกเขาถูกเปลี่ยนมือจากการควบคุมของนักล่าอาณานิคมชาวยุโรปไปอยู่ในมือของลุงแซม ซึ่งกลายเป็นผู้โหดร้ายยิ่งกว่าในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรของพวกเขา ฐานทัพทหารสหรัฐฯ จำนวนมากรอบอ่าวเปอร์เซียและภูมิภาคเอเชียตะวันตกเป็นหลักฐานที่เพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติที่โลภมากของอเมริกา สหภาพโซเวียตได้ดำเนินตามแนวทางที่แตกต่างจากแนวทางของตะวันตกโดยรวมที่นำโดยสหรัฐอเมริกา แต่แนวคิดคอมมิวนิสต์ก็เป็นผลผลิตของความคิดทางการเมืองของตะวันตกเช่นกัน ดังนั้น จึงเกิดขั้วตรงข้ามสองขั้วจากรากฐานเดียวกัน ซึ่งประเทศต่างๆ ต่างมาบรรจบกัน สิ่งที่แปลกใหม่เกี่ยวกับการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านก็คือการหลุดพ้นจากการควบคุมของกลุ่มประเทศที่มีอำนาจในโลกตะวันตก นอกจากนี้ก็ยังไม่เข้าร่วมโดยทันทีกับกลุ่มที่นำโดยสหภาพโซเวียตเหมือนที่เกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ อิหร่านหวนคืนสู่รากเหง้าของตนเองนั่นคืออิสลาม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเป็นปฏิปักษ์กันอย่างมากระหว่างมหาอำนาจทั้งในโลกตะวันตกและโลกตะวันออก ไม่นานหลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน อิมามโคมัยนี (รฎ) ได้ออกคำประกาศสองประการที่สั่นสะเทือนโลก ประการแรก มุสลิมต้องสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยอัลกุดส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มัสยิดอัลอักซอและเป็นกิบลัตแรกของมุสลิม ซึ่งประการแรกนี้ถูกมองว่าเป็นการท้าทายโดยตรงต่อกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานที่เป็นอาณานิคมไซออนิสต์ ประการที่สอง การส่งออกการปฏิวัติอิสลามไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งก็ถูกมองว่าเป็นการท้าทายต่อระบอบการปกครองบนชายฝั่งตะวันตกของอ่าวเปอร์เซีย แนวคิดในการส่งออกการปฏิวัติถูกเข้าใจผิดโดยระบอบการปกครองเหล่านี้ พวกเขาคิดว่ากองกำลังปฏิวัติของอิหร่านจะไหลบ่าข้ามพรมแดนและเข้ายึดครองอาณาจักรที่สั่นคลอนของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในหลายสิบปีที่ผ่านมา การส่งออกการปฏิวัติหมายถึงการส่งออกแนวคิดและได้รับการนำไปใช้โดยผู้คนในสังคมนั้นๆ รัฐบาลอาหรับซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจจักรวรรดินิยม ได้เปิดฉากสงครามอันเลวร้ายต่อสาธารณรัฐอิสลามโดยระบอบ ซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก เป้าหมายของมันคือการทำลายสาธารณรัฐอิสลาม !!! หลังจากนั้นไม่นาน สภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ก็ถูกจัดตั้งขึ้นตามคำสั่งของชาติตะวันตก และด้วยจุดมุ่งหมายเฉพาะเจาะจงเพื่อทำลายสาธารณรัฐอิสลามผ่านสงครามเศรษฐกิจ แปดปีที่สาธารณรัฐอิสลาม ผู้นำการปฏิวัติและประชาชนของสาธารณรัฐอิสลามสามารถต้านทานการโจมตีจากนานาชาติได้เพียงลำพัง พวกเขาได้ปกป้องดินแดนทุกตารางนิ้วและป้องกันการปฏิวัติด้วยการเสียสละอย่างมากมาย การป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้ปลูกฝังความกลัวให้กับศัตรูจนไม่กล้าที่จะรุกรานสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านด้วยกองกำลังภาคพื้นดินอีกเลย ประเด็นการส่งออกของการปฏิวัติอิสลาม การเคลื่อนไหวแรกๆเกิดขึ้นในสถานที่ที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือเลบานอน ซึ่งขบวนการฮิซบุลลอฮ์ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ยึดครองไซออนิสต์และสร้างความอัปยศให้กับไซออนิสต์อิสราเอลจนถึงทุกวันนี้ แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านถูกส่งออกไปยังปาเลสไตน์ ซึ่งการต่อต้านในฉนวนกาซาก็เป็นผลโดยตรงจากการแพร่กระจายแนวคิดปฏิวัติจากอิหร่าน แม้แต่นักวิจารณ์ชาวอิสราเอลหลายคนก็ยอมรับว่าอิสราเอลพ่ายแพ้ทางทหารต่อฮามาสและญิฮาดอิสลาม อิสราเอลได้สังหารพลเรือนชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นคนอย่างโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนที่สุด พื้นที่ที่แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านแพร่หลายออกไป ได้แก่ อิรักและเยเมน ในซีเรีย กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน (IRGC)มีบทบาทสำคัญในการป้องกันไม่ให้รัฐบาลในกรุงดามัสกัสล่มสลาย ซึ่งเผชิญกับแผนการสมคบคิดที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มไซออนิสต์ของสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบียมานานกว่าสิบปี แนวคิดปฏิวัติของอิหร่านได้แพร่กระจายไปถึงอเมริกาใต้ ไปถึงบริเวณหลังบ้านของสหรัฐฯ นับเป็นเวลากว่าศตวรรษแล้วที่สหรัฐฯ ได้รักษาอเมริกาใต้ไว้เป็นเขตอิทธิพลเฉพาะของตนในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากร ทุกวันนี้ หลายๆประเทศ เช่น เวเนซุเอลา นิการากัว และโบลิเวีย ได้หลุดพ้นจากอำนาจการครอบงำของสหรัฐฯ และกำลังกำหนดเส้นทางอิสระ ซึ่งสิ่งนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากความร่วมมืออย่างแข็งขันของอิหร่าน การล่มสลายของระเบียบโลกขั้วเดียวที่นำโดยสหรัฐฯ เป็นผลโดยตรงจากการแพร่กระจายแนวคิดปฏิวัติของอิหร่าน "สิ่งนี้บ่งชี้ว่า เมื่อมีผู้นำที่ จริงใจ ซื่อสัตย์ มีความมุ่งมั่นที่ยึดหลักความยุติธรรมและความเป็นธรรมของศาสนาเป็นตัวตั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องน่าแปลก ที่คนจำนวนน้อยจะสามารถเอาชนะอำนาจแห่งการกดขี่ที่แม้จะติดอาวุธหนักเพียงใดได้"
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💢 ฮิซบุลเลาะห์อิรัก ประกาศกร้าว : หากน่านฟ้าของอิรักถูกใช้โจมตีอิหร่าน เราจะกำหนดเป้าหมายฐานทัพอเมริกาทั้งหมด!

    ในแถลงการณ์ อบูอาลี อัสการี เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของกลุ่ม “กะตาอิบ ฮิซบุลเลาะห์” ของอิรัก กล่าวว่า "การตอบโต้ของเราต่อการโจมตีอิรักหรือการใช้ดินแดนและน่านฟ้าของอิรักในการโจมตีอิหร่าน จะไม่จำกัดอยู่เพียงการกำหนดเป้าหมายไปที่อิสราเอลเท่านั้น"

    เขากล่าวว่า หากการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้น ฐานทัพสหรัฐฯ และผลประโยชน์ทั้งหมดในอิรักและภูมิภาคนี้จะถูกโจมตีทั้งหมด

    เจ้าหน้าที่ความมั่นคงฮิซบุลเลาะห์ของอิรัก กล่าวเสริมว่า "ฮิซบุลเลาะห์จะไม่มีวันเริ่มสงครามพลังงาน แต่ถ้าสงครามนี้เริ่มต้นขึ้น โลกจะสูญเสียน้ำมัน 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเราสามารถดำเนินการสิ่งนี้ได้"

    นี่คือสิ่งที่เรารับผิดชอบ แต่สำหรับพี่น้องของเราในเยเมนจะดำเนินการอะไรบ้างที่ “บับ อัล-มันดับ” และพี่น้องของเราในอิหร่านจะทำอะไรบ้างใน “ช่องแคบฮอร์มุซ” มีพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดี !!
    💢 ฮิซบุลเลาะห์อิรัก ประกาศกร้าว : หากน่านฟ้าของอิรักถูกใช้โจมตีอิหร่าน เราจะกำหนดเป้าหมายฐานทัพอเมริกาทั้งหมด! ในแถลงการณ์ อบูอาลี อัสการี เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของกลุ่ม “กะตาอิบ ฮิซบุลเลาะห์” ของอิรัก กล่าวว่า "การตอบโต้ของเราต่อการโจมตีอิรักหรือการใช้ดินแดนและน่านฟ้าของอิรักในการโจมตีอิหร่าน จะไม่จำกัดอยู่เพียงการกำหนดเป้าหมายไปที่อิสราเอลเท่านั้น" เขากล่าวว่า หากการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้น ฐานทัพสหรัฐฯ และผลประโยชน์ทั้งหมดในอิรักและภูมิภาคนี้จะถูกโจมตีทั้งหมด เจ้าหน้าที่ความมั่นคงฮิซบุลเลาะห์ของอิรัก กล่าวเสริมว่า "ฮิซบุลเลาะห์จะไม่มีวันเริ่มสงครามพลังงาน แต่ถ้าสงครามนี้เริ่มต้นขึ้น โลกจะสูญเสียน้ำมัน 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเราสามารถดำเนินการสิ่งนี้ได้" นี่คือสิ่งที่เรารับผิดชอบ แต่สำหรับพี่น้องของเราในเยเมนจะดำเนินการอะไรบ้างที่ “บับ อัล-มันดับ” และพี่น้องของเราในอิหร่านจะทำอะไรบ้างใน “ช่องแคบฮอร์มุซ” มีพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดี !!
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด้วยความปรารถนาดีต่อแรงงานไทย พวกมันเลยเอาพวกยิวออกมาจากพื้นเสี่ยงภัยแล้วเอาแรงไทยเข้าไปอยู่ใน killing zone แทน แน่ใจนะว่าเอาแรงงานไปทำการเกษตร
    ด้วยความปรารถนาดีต่อแรงงานไทย พวกมันเลยเอาพวกยิวออกมาจากพื้นเสี่ยงภัยแล้วเอาแรงไทยเข้าไปอยู่ใน killing zone แทน แน่ใจนะว่าเอาแรงงานไปทำการเกษตร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • " ในขณะที่เนทันยาฮูด ออกมาประกาศแบบปากกล้าขาสั่นว่าจะโจมตีเอาคืนอีหร่านอย่างแน่นอนแต่กระแสอพยบหนีออกจากอิสราเอลกลับเพิ่มขึ้นทถวัน "

    เทลอาวีฟ กังวลเกี่ยวกับการอพยพย้ายถิ่นแบบย้อนกลับที่เพิ่มมากขึ้น

    ผลการวิจัยที่ดำเนินการในพื้นที่ที่ถูกยึดครองบ่งชี้ว่า การอพยพแบบย้อนกลับทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาคนี้

    สื่อภาษาฮีบรูรายงานว่าผลการสำรวจที่จัดทำโดยสถาบันวิจัยไซออนิสต์แห่งแควนตาร์ ระบุว่าหนึ่งในสี่ของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่ถูกยึดครอง ตั้งใจที่จะออกจากพื้นที่นี้ในปีที่ผ่านมา

    ในเรื่องนี้ “เครือข่ายไซออนิสต์คาน” รายงานว่าจำนวนการอพยพแบบย้อนกลับในดินแดนที่ถูกยึดครองเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการพายุอัลอักซอ และจำนวนผู้ที่ออกจากดินแดนที่ถูกยึดครองนั้นเกินจำนวนผู้ที่อพยพมายังภูมิภาคนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

    หนังสือพิมพ์ฮีบรู Ha'aretz ยอมรับเมื่อวานนี้ว่า ชาวยิวไซออนิสต์ 2,190 คนได้หลบหนีออกจากดินแดนที่ถูกยึดครองในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ในรายงานต่อเนื่องนี้ มีการระบุว่าชาวยิวไซออนิสต์ดังกล่าวไม่ตั้งใจที่จะกลับไปยังดินแดนที่ถูกยึดครองอีกแล้ว และจะตั้งถิ่นฐานในประเทศเนเธอร์แลนด์

    นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพายุอัลอักซอเพื่อต่อต้านระบอบไซออนิสต์ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา จำนวนการอพยพย้อนกลับจากดินแดนที่ถูกยึดครองได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และแม้แต่บริษัทไซออนิสต์ก็ยังย้ายสำนักงานของตนไปนอกภูมิภาคนี้

    ความเสื่อมโทรมของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการขาดความมั่นคงในดินแดนที่ถูกยึดครองเป็นหนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดสำหรับการอพยพของชาวไซออนิสต์ออกไปจากภูมิภาคนี้
    " ในขณะที่เนทันยาฮูด ออกมาประกาศแบบปากกล้าขาสั่นว่าจะโจมตีเอาคืนอีหร่านอย่างแน่นอนแต่กระแสอพยบหนีออกจากอิสราเอลกลับเพิ่มขึ้นทถวัน " เทลอาวีฟ กังวลเกี่ยวกับการอพยพย้ายถิ่นแบบย้อนกลับที่เพิ่มมากขึ้น ผลการวิจัยที่ดำเนินการในพื้นที่ที่ถูกยึดครองบ่งชี้ว่า การอพยพแบบย้อนกลับทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาคนี้ สื่อภาษาฮีบรูรายงานว่าผลการสำรวจที่จัดทำโดยสถาบันวิจัยไซออนิสต์แห่งแควนตาร์ ระบุว่าหนึ่งในสี่ของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่ถูกยึดครอง ตั้งใจที่จะออกจากพื้นที่นี้ในปีที่ผ่านมา ในเรื่องนี้ “เครือข่ายไซออนิสต์คาน” รายงานว่าจำนวนการอพยพแบบย้อนกลับในดินแดนที่ถูกยึดครองเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการพายุอัลอักซอ และจำนวนผู้ที่ออกจากดินแดนที่ถูกยึดครองนั้นเกินจำนวนผู้ที่อพยพมายังภูมิภาคนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ฮีบรู Ha'aretz ยอมรับเมื่อวานนี้ว่า ชาวยิวไซออนิสต์ 2,190 คนได้หลบหนีออกจากดินแดนที่ถูกยึดครองในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ในรายงานต่อเนื่องนี้ มีการระบุว่าชาวยิวไซออนิสต์ดังกล่าวไม่ตั้งใจที่จะกลับไปยังดินแดนที่ถูกยึดครองอีกแล้ว และจะตั้งถิ่นฐานในประเทศเนเธอร์แลนด์ นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพายุอัลอักซอเพื่อต่อต้านระบอบไซออนิสต์ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา จำนวนการอพยพย้อนกลับจากดินแดนที่ถูกยึดครองได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และแม้แต่บริษัทไซออนิสต์ก็ยังย้ายสำนักงานของตนไปนอกภูมิภาคนี้ ความเสื่อมโทรมของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการขาดความมั่นคงในดินแดนที่ถูกยึดครองเป็นหนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดสำหรับการอพยพของชาวไซออนิสต์ออกไปจากภูมิภาคนี้
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • " จากพวกเดียวกัน สั้นๆง่ายๆเข้าใจนะเอล "

    ปอมเปโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯพูดว่า : อิหร่านมีขีปนาวุธ(Ballistic missile)จำนวนครึ่งล้านลูก ซึ่งหมายความว่าสามารถปฏิบัติการเหมือนครั้งล่าสุดซ้ำๆและทำลายอิสราเอลได้ 2,500 ครั้ง
    " จากพวกเดียวกัน สั้นๆง่ายๆเข้าใจนะเอล " ปอมเปโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯพูดว่า : อิหร่านมีขีปนาวุธ(Ballistic missile)จำนวนครึ่งล้านลูก ซึ่งหมายความว่าสามารถปฏิบัติการเหมือนครั้งล่าสุดซ้ำๆและทำลายอิสราเอลได้ 2,500 ครั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม