Codeless Testing Tools กับความหวังใหม่ในการตรวจจับช่องโหว่ความปลอดภัย — แต่ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของ Cybersecurity
ในยุคที่การพัฒนาแอปพลิเคชันต้องเร็วขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น เครื่องมือทดสอบแบบ “ไม่ต้องเขียนโค้ด” หรือ Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิค เช่น นักวิเคราะห์ธุรกิจหรือผู้จัดการโปรเจกต์ สามารถมีส่วนร่วมในการทดสอบซอฟต์แวร์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว
เครื่องมือเหล่านี้ เช่น testRigor ใช้การคลิก ลากวาง หรือคำสั่งภาษาธรรมชาติในการสร้างชุดทดสอบ ซึ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาอย่างมาก และยังเพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบในระดับพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น การตรวจสอบการกรอกข้อมูลผิด หรือการตั้งรหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัย
แต่เมื่อพูดถึง “ความปลอดภัย” ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาในยุคไซเบอร์ ช่องโหว่ที่ซับซ้อน เช่น SQL Injection, XSS, หรือการตั้งค่าความปลอดภัยผิดพลาด ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง เช่น SAST และ DAST ที่สามารถวิเคราะห์โค้ดลึกหรือจำลองการโจมตีจริงได้
แม้ Codeless Tools จะช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานได้ดี เช่น การตรวจสอบ input validation หรือการทดสอบ regression patch แต่ก็ยังไม่สามารถแทนที่เครื่องมือด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะได้อย่างสมบูรณ์
Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมในทีมพัฒนา
ใช้งานง่าย ไม่ต้องเขียนโค้ด
ช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานเทคนิคสามารถร่วมทดสอบได้
เพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบทั่วไป
ลดเวลาและต้นทุนในการสร้าง test case
เพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบพฤติกรรมผู้ใช้
สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานด้านความปลอดภัย
ตรวจสอบ input validation ที่อ่อนแอ
ตรวจสอบการตั้งรหัสผ่านและ UI ที่ไม่ปลอดภัย
ทำ regression test สำหรับ patch ที่เคยติดตั้ง
ช่องโหว่ความปลอดภัยที่พบบ่อยยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ
SQL Injection, XSS, API ที่ไม่ปลอดภัย, การตั้งค่าผิด
ต้องใช้ SAST (วิเคราะห์โค้ด) และ DAST (จำลองการโจมตีจริง)
เครื่องมือ Codeless อาจพัฒนาได้ในอนาคต
มีแนวโน้มจะรวม AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มความสามารถ
อาจช่วยตรวจจับช่องโหว่ลึกได้มากขึ้นในเวอร์ชันถัดไป
https://hackread.com/codeless-testing-tools-detect-security-vulnerabilities/
ในยุคที่การพัฒนาแอปพลิเคชันต้องเร็วขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น เครื่องมือทดสอบแบบ “ไม่ต้องเขียนโค้ด” หรือ Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิค เช่น นักวิเคราะห์ธุรกิจหรือผู้จัดการโปรเจกต์ สามารถมีส่วนร่วมในการทดสอบซอฟต์แวร์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว
เครื่องมือเหล่านี้ เช่น testRigor ใช้การคลิก ลากวาง หรือคำสั่งภาษาธรรมชาติในการสร้างชุดทดสอบ ซึ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาอย่างมาก และยังเพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบในระดับพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น การตรวจสอบการกรอกข้อมูลผิด หรือการตั้งรหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัย
แต่เมื่อพูดถึง “ความปลอดภัย” ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาในยุคไซเบอร์ ช่องโหว่ที่ซับซ้อน เช่น SQL Injection, XSS, หรือการตั้งค่าความปลอดภัยผิดพลาด ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง เช่น SAST และ DAST ที่สามารถวิเคราะห์โค้ดลึกหรือจำลองการโจมตีจริงได้
แม้ Codeless Tools จะช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานได้ดี เช่น การตรวจสอบ input validation หรือการทดสอบ regression patch แต่ก็ยังไม่สามารถแทนที่เครื่องมือด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะได้อย่างสมบูรณ์
Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมในทีมพัฒนา
ใช้งานง่าย ไม่ต้องเขียนโค้ด
ช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานเทคนิคสามารถร่วมทดสอบได้
เพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบทั่วไป
ลดเวลาและต้นทุนในการสร้าง test case
เพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบพฤติกรรมผู้ใช้
สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานด้านความปลอดภัย
ตรวจสอบ input validation ที่อ่อนแอ
ตรวจสอบการตั้งรหัสผ่านและ UI ที่ไม่ปลอดภัย
ทำ regression test สำหรับ patch ที่เคยติดตั้ง
ช่องโหว่ความปลอดภัยที่พบบ่อยยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ
SQL Injection, XSS, API ที่ไม่ปลอดภัย, การตั้งค่าผิด
ต้องใช้ SAST (วิเคราะห์โค้ด) และ DAST (จำลองการโจมตีจริง)
เครื่องมือ Codeless อาจพัฒนาได้ในอนาคต
มีแนวโน้มจะรวม AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มความสามารถ
อาจช่วยตรวจจับช่องโหว่ลึกได้มากขึ้นในเวอร์ชันถัดไป
https://hackread.com/codeless-testing-tools-detect-security-vulnerabilities/
📰 Codeless Testing Tools กับความหวังใหม่ในการตรวจจับช่องโหว่ความปลอดภัย — แต่ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของ Cybersecurity
ในยุคที่การพัฒนาแอปพลิเคชันต้องเร็วขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น เครื่องมือทดสอบแบบ “ไม่ต้องเขียนโค้ด” หรือ Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิค เช่น นักวิเคราะห์ธุรกิจหรือผู้จัดการโปรเจกต์ สามารถมีส่วนร่วมในการทดสอบซอฟต์แวร์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว
เครื่องมือเหล่านี้ เช่น testRigor ใช้การคลิก ลากวาง หรือคำสั่งภาษาธรรมชาติในการสร้างชุดทดสอบ ซึ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาอย่างมาก และยังเพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบในระดับพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น การตรวจสอบการกรอกข้อมูลผิด หรือการตั้งรหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัย
แต่เมื่อพูดถึง “ความปลอดภัย” ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาในยุคไซเบอร์ ช่องโหว่ที่ซับซ้อน เช่น SQL Injection, XSS, หรือการตั้งค่าความปลอดภัยผิดพลาด ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง เช่น SAST และ DAST ที่สามารถวิเคราะห์โค้ดลึกหรือจำลองการโจมตีจริงได้
แม้ Codeless Tools จะช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานได้ดี เช่น การตรวจสอบ input validation หรือการทดสอบ regression patch แต่ก็ยังไม่สามารถแทนที่เครื่องมือด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะได้อย่างสมบูรณ์
✅ Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมในทีมพัฒนา
➡️ ใช้งานง่าย ไม่ต้องเขียนโค้ด
➡️ ช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานเทคนิคสามารถร่วมทดสอบได้
✅ เพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบทั่วไป
➡️ ลดเวลาและต้นทุนในการสร้าง test case
➡️ เพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบพฤติกรรมผู้ใช้
✅ สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานด้านความปลอดภัย
➡️ ตรวจสอบ input validation ที่อ่อนแอ
➡️ ตรวจสอบการตั้งรหัสผ่านและ UI ที่ไม่ปลอดภัย
➡️ ทำ regression test สำหรับ patch ที่เคยติดตั้ง
✅ ช่องโหว่ความปลอดภัยที่พบบ่อยยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ
➡️ SQL Injection, XSS, API ที่ไม่ปลอดภัย, การตั้งค่าผิด
➡️ ต้องใช้ SAST (วิเคราะห์โค้ด) และ DAST (จำลองการโจมตีจริง)
✅ เครื่องมือ Codeless อาจพัฒนาได้ในอนาคต
➡️ มีแนวโน้มจะรวม AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มความสามารถ
➡️ อาจช่วยตรวจจับช่องโหว่ลึกได้มากขึ้นในเวอร์ชันถัดไป
https://hackread.com/codeless-testing-tools-detect-security-vulnerabilities/
0 Comments
0 Shares
23 Views
0 Reviews