• MK ร่วมแจม ศึกสุกี้ตลาดแมส

    ในที่สุด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ M เจ้าของภัตตาคารอาหารเอ็มเค และอีกสารพัดแบรนด์ ตัดสินใจโดดร่วมสมรภูมิสุกี้ตลาดแมส ด้วยการเปิดร้านสุกี้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "โบนัสสุกี้" ประเดิมสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี จ.สระบุรี ในวันที่ 16 ก.ค. ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 05.00 น. พร้อมเปิดตัวอย่างร้อนแรงด้วยโปรโมชันฉลองเปิดสาขา 1 ฟรี 1 เป็นเวลา 5 วัน วันละ 100 สิทธิ์

    นับเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของเอ็มเค หลังคู่แข่งอย่างร้านสุกี้ตี๋น้อย ของ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด ประสบความสำเร็จด้วยจำนวนสาขา 82 สาขา มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 รวม 271 ล้านบาท แซงหน้าเอ็มเคที่มีกำไรสุทธิ 234 ล้านบาท รวมทั้งคู่แข่งในตลาดเดียวกันอย่าง ร้านลัคกี้สุกี้ ของบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ที่มี 19 สาขาอีกด้วย ทำให้เอ็มเคตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า บริษัท คุ้มคุ้ม จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา

    สำหรับจังหวัดสระบุรี นอกจากมีรายได้ต่อหัวสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เป็นแหล่งผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ รวมทั้งมีค่ายอดิศร เป็นที่ตั้งของศูนย์การทหารม้า มณฑลทหารบกที่ 18 รวมทั้งโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ที่ อ.มวกเหล็ก แล้ว ยังเป็นทางผ่านสู่ภาคอีสานด้วยถนนมิตรภาพ และมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา ที่ผ่านมามีสุกี้ตี๋น้อย เปิดสาขาสระบุรีที่ปั๊มบางจาก B5 อเวนิว ใกล้ห้างบิ๊กซีเพลสสระบุรี และลัคกี้สุกี้ สาขาโลตัสสระบุรี

    ก่อนหน้านี้เอ็มเคได้ทดลองจัดโปรโมชัน “MK บุฟเฟต์ คุ้มคุ้มอิ่มไม่อั้น 90 นาที” ราคา 299 บาทต่อคน หากลูกค้ามา 4 คน สามารถสั่งกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้น เฉพาะร้านเอ็มเค เรสโตรองต์ สาขาในห้างค้าปลีก เช่น โลตัส และบิ๊กซี รวม 250 สาขา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี จึงขยายโปรโมชันถึงวันที่ 31 ก.ค. 2568 พร้อมเพิ่มสาขาร่วมรายการอีก 49 สาขา รวม 299 สาขา นอกจากนี้ ยังทดลองขยายเวลาให้บริการถึงเวลา 24.00 น. จำนวน 9 สาขา และเวลา 23.00 น. จำนวน 8 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหารในช่วงกลางคืนหรือหลังเลิกงาน

    การเปิดแบรนด์สุกี้ใหม่ของเอ็มเค นอกจากจะสร้างสีสันการแข่งขันสุกี้ตลาดแมสให้คึกคัก ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ว่างจำนวนมาก แม้จะต้องปรับตัวเรื่องการรักษาความปลอดภัยหลังศูนย์การค้าปิดให้บริการก็ตาม

    #Newskit
    MK ร่วมแจม ศึกสุกี้ตลาดแมส ในที่สุด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ M เจ้าของภัตตาคารอาหารเอ็มเค และอีกสารพัดแบรนด์ ตัดสินใจโดดร่วมสมรภูมิสุกี้ตลาดแมส ด้วยการเปิดร้านสุกี้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "โบนัสสุกี้" ประเดิมสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี จ.สระบุรี ในวันที่ 16 ก.ค. ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 05.00 น. พร้อมเปิดตัวอย่างร้อนแรงด้วยโปรโมชันฉลองเปิดสาขา 1 ฟรี 1 เป็นเวลา 5 วัน วันละ 100 สิทธิ์ นับเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของเอ็มเค หลังคู่แข่งอย่างร้านสุกี้ตี๋น้อย ของ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด ประสบความสำเร็จด้วยจำนวนสาขา 82 สาขา มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 รวม 271 ล้านบาท แซงหน้าเอ็มเคที่มีกำไรสุทธิ 234 ล้านบาท รวมทั้งคู่แข่งในตลาดเดียวกันอย่าง ร้านลัคกี้สุกี้ ของบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ที่มี 19 สาขาอีกด้วย ทำให้เอ็มเคตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า บริษัท คุ้มคุ้ม จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สำหรับจังหวัดสระบุรี นอกจากมีรายได้ต่อหัวสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เป็นแหล่งผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ รวมทั้งมีค่ายอดิศร เป็นที่ตั้งของศูนย์การทหารม้า มณฑลทหารบกที่ 18 รวมทั้งโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ที่ อ.มวกเหล็ก แล้ว ยังเป็นทางผ่านสู่ภาคอีสานด้วยถนนมิตรภาพ และมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา ที่ผ่านมามีสุกี้ตี๋น้อย เปิดสาขาสระบุรีที่ปั๊มบางจาก B5 อเวนิว ใกล้ห้างบิ๊กซีเพลสสระบุรี และลัคกี้สุกี้ สาขาโลตัสสระบุรี ก่อนหน้านี้เอ็มเคได้ทดลองจัดโปรโมชัน “MK บุฟเฟต์ คุ้มคุ้มอิ่มไม่อั้น 90 นาที” ราคา 299 บาทต่อคน หากลูกค้ามา 4 คน สามารถสั่งกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้น เฉพาะร้านเอ็มเค เรสโตรองต์ สาขาในห้างค้าปลีก เช่น โลตัส และบิ๊กซี รวม 250 สาขา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี จึงขยายโปรโมชันถึงวันที่ 31 ก.ค. 2568 พร้อมเพิ่มสาขาร่วมรายการอีก 49 สาขา รวม 299 สาขา นอกจากนี้ ยังทดลองขยายเวลาให้บริการถึงเวลา 24.00 น. จำนวน 9 สาขา และเวลา 23.00 น. จำนวน 8 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหารในช่วงกลางคืนหรือหลังเลิกงาน การเปิดแบรนด์สุกี้ใหม่ของเอ็มเค นอกจากจะสร้างสีสันการแข่งขันสุกี้ตลาดแมสให้คึกคัก ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ว่างจำนวนมาก แม้จะต้องปรับตัวเรื่องการรักษาความปลอดภัยหลังศูนย์การค้าปิดให้บริการก็ตาม #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปลากระพงทุบ เนื้อนุ่ม หอม อร่อย~เคี้ยวง่าย ไม่เหนียว ไม่เค็มจัด ทานเพลินแบบหยุดไม่อยู่! ใครได้ลองก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “มันดีมากกก!” เราคัดชิ้นหนาๆ ทุบแบบพอดีคำ ส่งจริง ส่งไว ไม่ต้องลุ้น ร้านเราเชื่อถือได้ ลูกค้าประจำแน่น บริการไว คุณภาพแน่นทุกแพ็กกดติดตามร้านไว้นะคะของดีแบบนี้มีมาบ่อยๆ เดี๋ยวพลาดโปรแล้วจะเสียดาย~อันนี้คือเนื้อปลา 100% ไม่มีแป้งเด้ออออปลากระพงทุบ ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSrNwrbfa/ปลากระพงทุบ ใน Shopeehttps://th.shp.ee/TJpZ2pJเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1#ปลากระพงทุบ #ของอร่อยห้ามพลาด #กินแล้วติดใจ #ร้านเด็ดTiktok #Shopeeของดี #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง
    🐟✨ ปลากระพงทุบ เนื้อนุ่ม หอม อร่อย~เคี้ยวง่าย ไม่เหนียว ไม่เค็มจัด ทานเพลินแบบหยุดไม่อยู่! 😋ใครได้ลองก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “มันดีมากกก!”📦 เราคัดชิ้นหนาๆ ทุบแบบพอดีคำ ส่งจริง ส่งไว ไม่ต้องลุ้น👍 ร้านเราเชื่อถือได้ ลูกค้าประจำแน่น บริการไว คุณภาพแน่นทุกแพ็ก📍กดติดตามร้านไว้นะคะของดีแบบนี้มีมาบ่อยๆ เดี๋ยวพลาดโปรแล้วจะเสียดาย~👇👇👇อันนี้คือเนื้อปลา 100% ไม่มีแป้งเด้ออออปลากระพงทุบ 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSrNwrbfa/ปลากระพงทุบ 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/TJpZ2pJเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1#ปลากระพงทุบ #ของอร่อยห้ามพลาด #กินแล้วติดใจ #ร้านเด็ดTiktok #Shopeeของดี #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ลืม ransomware ไปก่อน—Quantum Computing คือภัยไซเบอร์ที่องค์กรทั่วโลกกลัวที่สุด

    รายงานล่าสุดจาก Capgemini Research Institute ซึ่งสำรวจองค์กรขนาดใหญ่กว่า 1,000 แห่งใน 13 ประเทศ พบว่า 70% ขององค์กรเหล่านี้มองว่า Quantum Computing คือภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่ร้ายแรงที่สุดในอนาคต มากกว่าการโจมตีแบบ ransomware ที่เคยเป็นอันดับหนึ่ง

    เหตุผลคือ Quantum Computer จะสามารถ “ถอดรหัส” ระบบเข้ารหัสที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ทั้งหมด เช่น RSA, ECC และ AES ซึ่งเป็นหัวใจของการรักษาความปลอดภัยในระบบธนาคาร, การสื่อสาร, โครงสร้างพื้นฐาน และแม้แต่ระบบป้องกันประเทศ

    สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือแนวโน้ม “Harvest Now, Decrypt Later” หรือการที่หน่วยงานบางแห่ง (โดยเฉพาะรัฐ) กำลังเก็บข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ล่วงหน้า เพื่อรอวันที่ Quantum Computer มีพลังมากพอจะถอดรหัสได้—ซึ่งหลายองค์กรเชื่อว่า “Q-Day” หรือวันที่เกิดเหตุการณ์นี้จะมาถึงภายใน 5–10 ปี

    Capgemini แนะนำให้องค์กรเริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบ “Post-Quantum Cryptography” ตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายในอนาคต และสร้างความเชื่อมั่นระยะยาว

    ข้อมูลจากข่าว
    - รายงานจาก Capgemini พบว่า 70% ขององค์กรขนาดใหญ่มองว่า Quantum Computing เป็นภัยไซเบอร์อันดับหนึ่ง
    - Quantum Computer สามารถถอดรหัสระบบเข้ารหัสแบบดั้งเดิมได้ เช่น RSA, ECC, AES
    - แนวโน้ม “Harvest Now, Decrypt Later” คือการเก็บข้อมูลไว้ล่วงหน้าเพื่อรอถอดรหัสในอนาคต
    - 65% ขององค์กรกังวลว่า Q-Day จะเกิดภายใน 5 ปี และ 60% เชื่อว่าจะเกิดภายใน 10 ปี
    - องค์กรเริ่มเปลี่ยนไปใช้ Post-Quantum Cryptography เพื่อป้องกันล่วงหน้า
    - Capgemini แนะนำให้เปลี่ยนเร็วเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจและความเชื่อมั่นระยะยาว

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - หากไม่เปลี่ยนระบบเข้ารหัสให้รองรับ Quantum ภายในเวลาอันใกล้ องค์กรอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลมหาศาล
    - ข้อมูลที่ถูกเก็บไว้วันนี้ อาจถูกถอดรหัสในอนาคตโดยไม่มีทางป้องกัน
    - การเปลี่ยนระบบเข้ารหัสต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก องค์กรควรวางแผนล่วงหน้า
    - การรอให้ Q-Day มาถึงก่อนค่อยเปลี่ยนอาจสายเกินไป และส่งผลต่อความมั่นคงของระบบทั้งหมด
    - องค์กรที่ไม่เตรียมตัวอาจเสียเปรียบด้านการแข่งขันและความไว้วางใจจากลูกค้า

    https://www.techradar.com/pro/security/forget-ransomware-most-firms-think-quantum-computing-is-the-biggest-security-risk-to-come
    ลืม ransomware ไปก่อน—Quantum Computing คือภัยไซเบอร์ที่องค์กรทั่วโลกกลัวที่สุด รายงานล่าสุดจาก Capgemini Research Institute ซึ่งสำรวจองค์กรขนาดใหญ่กว่า 1,000 แห่งใน 13 ประเทศ พบว่า 70% ขององค์กรเหล่านี้มองว่า Quantum Computing คือภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่ร้ายแรงที่สุดในอนาคต มากกว่าการโจมตีแบบ ransomware ที่เคยเป็นอันดับหนึ่ง เหตุผลคือ Quantum Computer จะสามารถ “ถอดรหัส” ระบบเข้ารหัสที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ทั้งหมด เช่น RSA, ECC และ AES ซึ่งเป็นหัวใจของการรักษาความปลอดภัยในระบบธนาคาร, การสื่อสาร, โครงสร้างพื้นฐาน และแม้แต่ระบบป้องกันประเทศ สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือแนวโน้ม “Harvest Now, Decrypt Later” หรือการที่หน่วยงานบางแห่ง (โดยเฉพาะรัฐ) กำลังเก็บข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ล่วงหน้า เพื่อรอวันที่ Quantum Computer มีพลังมากพอจะถอดรหัสได้—ซึ่งหลายองค์กรเชื่อว่า “Q-Day” หรือวันที่เกิดเหตุการณ์นี้จะมาถึงภายใน 5–10 ปี Capgemini แนะนำให้องค์กรเริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบ “Post-Quantum Cryptography” ตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายในอนาคต และสร้างความเชื่อมั่นระยะยาว ✅ ข้อมูลจากข่าว - รายงานจาก Capgemini พบว่า 70% ขององค์กรขนาดใหญ่มองว่า Quantum Computing เป็นภัยไซเบอร์อันดับหนึ่ง - Quantum Computer สามารถถอดรหัสระบบเข้ารหัสแบบดั้งเดิมได้ เช่น RSA, ECC, AES - แนวโน้ม “Harvest Now, Decrypt Later” คือการเก็บข้อมูลไว้ล่วงหน้าเพื่อรอถอดรหัสในอนาคต - 65% ขององค์กรกังวลว่า Q-Day จะเกิดภายใน 5 ปี และ 60% เชื่อว่าจะเกิดภายใน 10 ปี - องค์กรเริ่มเปลี่ยนไปใช้ Post-Quantum Cryptography เพื่อป้องกันล่วงหน้า - Capgemini แนะนำให้เปลี่ยนเร็วเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจและความเชื่อมั่นระยะยาว ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - หากไม่เปลี่ยนระบบเข้ารหัสให้รองรับ Quantum ภายในเวลาอันใกล้ องค์กรอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลมหาศาล - ข้อมูลที่ถูกเก็บไว้วันนี้ อาจถูกถอดรหัสในอนาคตโดยไม่มีทางป้องกัน - การเปลี่ยนระบบเข้ารหัสต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก องค์กรควรวางแผนล่วงหน้า - การรอให้ Q-Day มาถึงก่อนค่อยเปลี่ยนอาจสายเกินไป และส่งผลต่อความมั่นคงของระบบทั้งหมด - องค์กรที่ไม่เตรียมตัวอาจเสียเปรียบด้านการแข่งขันและความไว้วางใจจากลูกค้า https://www.techradar.com/pro/security/forget-ransomware-most-firms-think-quantum-computing-is-the-biggest-security-risk-to-come
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์

    RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense”

    บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision)

    CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก

    RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics

    บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ

    ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก

    ข้อมูลจากข่าว
    - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ
    - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek
    - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision
    - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก
    - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ
    - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics
    - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE
    - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ
    - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย
    - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน
    - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต
    - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์ RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense” บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก ✅ ข้อมูลจากข่าว - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราใช้น้องหมึกสด 5-6 กิโล กว่าจะได้น้องหมึกกะตอยแห้ง 1 กิโลค่ะเราตากให้น้องหมึกแห้งสนิท เพื่อการเก็บรักษาไว้ได้นาน … ตัวน้องหมึกไม่หนัก …ทำให้ลูกค้าได้จำนวนตัวเยอะ คุ้มค่า คุ้มราคาค่ะ⭕️🫶🏻🩷น้องหมึกเรา เป็นออแกนิค ไม่มีสารเคมี ไม่ฉีดยา ฟอร์มาลีน ใดๆเลยค่ะลูกค้ามั่นใจในความสะอาดได้เลย… ความเค็มของน้องหมึก เป็นความเค็มโดยธรรมชาติของอาหารทะเล… ลูกค้าจะสัมผัสลิ้มรสความหนึบๆ ความนัวๆ แซ่บๆ จากเนื้อน้องปลาหมึกล้วนๆเลยค่ะอ่านมาถึงตรงนี้… ลูกค้ากดสั่งไปลองชิมก่อนค่อยเชื่อเรานะคะ..…ทุกถุงบรรจุซีลแน่นไปอย่างดีค่ะ เก็บไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิปกติได้นาน… หยิบน้องหมึกแห้งออกมาทานเมื่อไหร่ก็อร่อยเหาะ#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาหมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 1 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMBnKhbd/หมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 1 ใน Shopee https://th.shp.ee/o2Uw2jXหมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 2 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMjD54vQ/หมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 2 ใน Shopee https://th.shp.ee/pckadhHหมึกกะตอยแห้ง 1 กิโล ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMYV5Nsx/หมึกกะตอยแห้ง 1 กิโล ใน Shopee">https://th.shp.ee/2Xf6uxx ลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบ และคูปองความคุ้มของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง
    เราใช้น้องหมึกสด 5-6 กิโล กว่าจะได้น้องหมึกกะตอยแห้ง 1 กิโลค่ะเราตากให้น้องหมึกแห้งสนิท เพื่อการเก็บรักษาไว้ได้นาน … ตัวน้องหมึกไม่หนัก …ทำให้ลูกค้าได้จำนวนตัวเยอะ คุ้มค่า คุ้มราคาค่ะ🐠🐟🤭😍♨️🌶️⭕️✅🐠🐟🫶🏻💋🩷น้องหมึกเรา เป็นออแกนิค ไม่มีสารเคมี ไม่ฉีดยา ฟอร์มาลีน ใดๆเลยค่ะลูกค้ามั่นใจในความสะอาดได้เลย… ความเค็มของน้องหมึก เป็นความเค็มโดยธรรมชาติของอาหารทะเล… ลูกค้าจะสัมผัสลิ้มรสความหนึบๆ ความนัวๆ แซ่บๆ จากเนื้อน้องปลาหมึกล้วนๆเลยค่ะอ่านมาถึงตรงนี้… ลูกค้ากดสั่งไปลองชิมก่อนค่อยเชื่อเรานะคะ..…ทุกถุงบรรจุซีลแน่นไปอย่างดีค่ะ เก็บไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิปกติได้นาน… หยิบน้องหมึกแห้งออกมาทานเมื่อไหร่ก็อร่อยเหาะ#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาหมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 1 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMBnKhbd/หมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 1 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/o2Uw2jXหมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 2 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMjD54vQ/หมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 2 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/pckadhHหมึกกะตอยแห้ง 1 กิโล 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMYV5Nsx/หมึกกะตอยแห้ง 1 กิโล 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/2Xf6uxx❤️ ลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบ และคูปองความคุ้มของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ปลาทูหอมๆ พร้อมเสิร์ฟถึงบ้าน!เนื้อนุ่ม กลิ่นหอม หวานมัน ไม่เค็มแสบปาก อร่อยจนต้องบอกต่อ ขายดีทุกวัน! ลูกค้าซื้อซ้ำเพียบ เพราะ… สะอาด สดใหม่ทุกล็อต ราคาดี ส่งไวถึงมือ เชื่อถือได้ 100% กดติดตามร้านไว้เลย!มีของดีมาบ่อยๆ ไม่อยากให้พลาด! แบบบรรจุแพ็คสวยงามปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMoV6tpc/ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม ใน Shopeehttps://th.shp.ee/rT65DWeปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMoVDXyt/ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า ใน Shopeehttps://th.shp.ee/rhcGm9Dเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1ช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง #ปลาทูหอม #ของกินอร่อย #ร้านเด็ดTiktok #Shopeeถูกจริง #กินแล้วติดใจ
    🐟✨ ปลาทูหอมๆ พร้อมเสิร์ฟถึงบ้าน!เนื้อนุ่ม กลิ่นหอม หวานมัน ไม่เค็มแสบปาก 😋อร่อยจนต้องบอกต่อ ขายดีทุกวัน!🔥 ลูกค้าซื้อซ้ำเพียบ เพราะ…✅ สะอาด ✅ สดใหม่ทุกล็อต ✅ ราคาดี✅ ส่งไวถึงมือ ✅ เชื่อถือได้ 100%📌 กดติดตามร้านไว้เลย!มีของดีมาบ่อยๆ ไม่อยากให้พลาด!👇👇👇✅ แบบบรรจุแพ็คสวยงามปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMoV6tpc/ปลาทูมัน แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็ม 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/rT65DWeปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMoVDXyt/ปลาทูหอม แพ็ค 5 ตัว มีรสเค็มกว่า 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/rhcGm9Dเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1ช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง #ปลาทูหอม #ของกินอร่อย #ร้านเด็ดTiktok #Shopeeถูกจริง #กินแล้วติดใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Samsung เคยเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก และมีความหวังว่าจะตีตื้นกลับเข้าสู่ตลาดชิป AI ด้วยการส่งมอบ HBM3E ตัวใหม่ให้กับลูกค้า → แต่ Nvidia ยังไม่อนุมัติให้ใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์ AI ได้ → ส่งผลให้ SK Hynix กลายเป็นตัวเลือกหลักแทน และ Micron ก็แซงขึ้นมาคว้าดีลรอบล่าสุด

    สถานการณ์ยิ่งแย่ลง เมื่อ Samsung เจอกำแพงจากสหรัฐฯ → นโยบาย “จำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีน” ทำให้ Samsung ต้องปรับมูลค่าสินค้าคงคลังแบบขาดทุน → และตั้งแต่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป รัฐบาลสหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้ 25% ซึ่งกระทบโดยตรงต่อยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี–ตู้เย็น

    แม้ Samsung จะยังมีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาสถัดไป แต่ท่ามกลางการถูกตีจากทุกทิศแบบนี้ — แค่ “ทำได้เท่าเดิม” ก็ถือว่าแกร่งแล้ว

    Samsung คาดว่ากำไรไตรมาส 2 ปี 2025 จะลดลง 56% → อยู่ที่ 4.6 ล้านล้านวอน (~3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ)
    • ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน  
    • สาเหตุจากยอดขายชิปและผลกระทบจากการเมืองการค้า

    ธุรกิจ semiconductor ของ Samsung ถูกกระทบหนักจาก:  
    • การจำกัดการส่งออกชิป AI ไปจีน  
    • การปรับมูลค่าสินค้าคงคลังลง  
    • การที่ Nvidia ยังไม่อนุมัติชิป HBM3E

    SK Hynix ได้รับความไว้วางใจจาก Nvidia และกำลังจะมีกำไรสูงสุดในรอบไตรมาส  
    • Micron ก็รายงานรายได้ที่สูงกว่าคาดจากการส่งมอบ HBM

    Samsung ขาดทุนจากการดำเนินงานในสาย foundry กว่า 4 ล้านล้านวอนช่วงครึ่งปีแรก  
    • เกิดจาก yield ต่ำและการตามไม่ทัน TSMC ด้านเทคโนโลยี

    Samsung ระบุว่าปัญหาหลักคือ “low utilization rate” และ “impact จาก policy สหรัฐฯ”

    บริษัทเตรียมรายงานผลประกอบการเต็มวันที่ 31 กรกฎาคม 2025

    https://www.techspot.com/news/108595-samsung-profit-plunges-ai-chip-woes-us-tariffs.html
    Samsung เคยเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก และมีความหวังว่าจะตีตื้นกลับเข้าสู่ตลาดชิป AI ด้วยการส่งมอบ HBM3E ตัวใหม่ให้กับลูกค้า → แต่ Nvidia ยังไม่อนุมัติให้ใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์ AI ได้ → ส่งผลให้ SK Hynix กลายเป็นตัวเลือกหลักแทน และ Micron ก็แซงขึ้นมาคว้าดีลรอบล่าสุด สถานการณ์ยิ่งแย่ลง เมื่อ Samsung เจอกำแพงจากสหรัฐฯ → นโยบาย “จำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีน” ทำให้ Samsung ต้องปรับมูลค่าสินค้าคงคลังแบบขาดทุน → และตั้งแต่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป รัฐบาลสหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้ 25% ซึ่งกระทบโดยตรงต่อยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี–ตู้เย็น แม้ Samsung จะยังมีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาสถัดไป แต่ท่ามกลางการถูกตีจากทุกทิศแบบนี้ — แค่ “ทำได้เท่าเดิม” ก็ถือว่าแกร่งแล้ว ✅ Samsung คาดว่ากำไรไตรมาส 2 ปี 2025 จะลดลง 56% → อยู่ที่ 4.6 ล้านล้านวอน (~3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ) • ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน   • สาเหตุจากยอดขายชิปและผลกระทบจากการเมืองการค้า ✅ ธุรกิจ semiconductor ของ Samsung ถูกกระทบหนักจาก:   • การจำกัดการส่งออกชิป AI ไปจีน   • การปรับมูลค่าสินค้าคงคลังลง   • การที่ Nvidia ยังไม่อนุมัติชิป HBM3E ✅ SK Hynix ได้รับความไว้วางใจจาก Nvidia และกำลังจะมีกำไรสูงสุดในรอบไตรมาส   • Micron ก็รายงานรายได้ที่สูงกว่าคาดจากการส่งมอบ HBM ✅ Samsung ขาดทุนจากการดำเนินงานในสาย foundry กว่า 4 ล้านล้านวอนช่วงครึ่งปีแรก   • เกิดจาก yield ต่ำและการตามไม่ทัน TSMC ด้านเทคโนโลยี ✅ Samsung ระบุว่าปัญหาหลักคือ “low utilization rate” และ “impact จาก policy สหรัฐฯ” ✅ บริษัทเตรียมรายงานผลประกอบการเต็มวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 https://www.techspot.com/news/108595-samsung-profit-plunges-ai-chip-woes-us-tariffs.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Samsung's profit plunges as AI chip woes and US tariffs bite
    The South Korean tech giant attributed its disappointing results to a combination of US export restrictions on advanced artificial intelligence chips bound for China and ongoing challenges...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยุคที่ AI กลายเป็นแรงงานใหม่ Microsoft ไม่รอช้า → พวกเขานำ AI เข้าไปแทนงานในศูนย์บริการ เช่น customer support, sales, และการพูดคุยกับลูกค้ารายย่อย → มีรายงานว่าแค่ฝั่ง call center ก็ประหยัดต้นทุนได้ เกิน $500 ล้าน ในปีที่ผ่านมา

    และ AI ไม่ได้แค่ตอบลูกค้า — แต่ยังใช้เขียนโค้ดให้โปรแกรมใหม่ถึง 35% ของทั้งหมด → เร่งเวลาสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่หลายตัว → แถมสร้างรายได้จากลูกค้ารายย่อย “หลายสิบล้านดอลลาร์” แล้ว แม้จะอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น

    ท่ามกลางกระแสนี้ Microsoft กลับ ปลดพนักงานกว่า 6,000 คน ในเดือนพฤษภาคม และประกาศลดอีกเกือบ 4% ของพนักงานทั้งองค์กร สัปดาห์ก่อน → เพื่อจัดงบไปลงกับการสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่า $80,000 ล้าน ซึ่งถือเป็นการลงทุนในอนาคตแบบจัดเต็ม

    Microsoft ประหยัดเงินได้เกิน $500M จากการใช้ AI ในงานบริการลูกค้า เช่น Call Center

    AI ช่วยสร้างโค้ดใหม่ถึง 35% ของผลิตภัณฑ์ใหม่ → เพิ่มความเร็วในการพัฒนาและเปิดตัว

    เริ่มใช้ AI คุยกับลูกค้ารายย่อยโดยตรงแบบไม่ผ่านคน → สร้างรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์แล้ว

    ปลดพนักงานกว่า 6,000 คนในเดือนพฤษภาคม 2025 และประกาศลดเพิ่มเติมอีก 4% สัปดาห์ก่อน

    ตั้งงบลงทุน $80,000M ในปีงบประมาณนี้ → ส่วนใหญ่ใช้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์รองรับ AI

    มุมมองในอุตสาหกรรมคือ: Big Tech มอง AI เป็นเครื่องจักรทำเงินใหม่ → และหาทางลดต้นทุนในส่วนอื่นอย่างรวดเร็ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/microsoft-racks-up-over-500-million-in-ai-savings-while-slashing-jobs-bloomberg-news-reports
    ในยุคที่ AI กลายเป็นแรงงานใหม่ Microsoft ไม่รอช้า → พวกเขานำ AI เข้าไปแทนงานในศูนย์บริการ เช่น customer support, sales, และการพูดคุยกับลูกค้ารายย่อย → มีรายงานว่าแค่ฝั่ง call center ก็ประหยัดต้นทุนได้ เกิน $500 ล้าน ในปีที่ผ่านมา และ AI ไม่ได้แค่ตอบลูกค้า — แต่ยังใช้เขียนโค้ดให้โปรแกรมใหม่ถึง 35% ของทั้งหมด → เร่งเวลาสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่หลายตัว → แถมสร้างรายได้จากลูกค้ารายย่อย “หลายสิบล้านดอลลาร์” แล้ว แม้จะอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น ท่ามกลางกระแสนี้ Microsoft กลับ ปลดพนักงานกว่า 6,000 คน ในเดือนพฤษภาคม และประกาศลดอีกเกือบ 4% ของพนักงานทั้งองค์กร สัปดาห์ก่อน → เพื่อจัดงบไปลงกับการสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่า $80,000 ล้าน ซึ่งถือเป็นการลงทุนในอนาคตแบบจัดเต็ม ✅ Microsoft ประหยัดเงินได้เกิน $500M จากการใช้ AI ในงานบริการลูกค้า เช่น Call Center ✅ AI ช่วยสร้างโค้ดใหม่ถึง 35% ของผลิตภัณฑ์ใหม่ → เพิ่มความเร็วในการพัฒนาและเปิดตัว ✅ เริ่มใช้ AI คุยกับลูกค้ารายย่อยโดยตรงแบบไม่ผ่านคน → สร้างรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์แล้ว ✅ ปลดพนักงานกว่า 6,000 คนในเดือนพฤษภาคม 2025 และประกาศลดเพิ่มเติมอีก 4% สัปดาห์ก่อน ✅ ตั้งงบลงทุน $80,000M ในปีงบประมาณนี้ → ส่วนใหญ่ใช้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์รองรับ AI ✅ มุมมองในอุตสาหกรรมคือ: Big Tech มอง AI เป็นเครื่องจักรทำเงินใหม่ → และหาทางลดต้นทุนในส่วนอื่นอย่างรวดเร็ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/microsoft-racks-up-over-500-million-in-ai-savings-while-slashing-jobs-bloomberg-news-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft racks up over $500 million in AI savings while slashing jobs, Bloomberg News reports
    (Reuters) -Microsoft saved more than $500 million in its call centers alone last year by using artificial intelligence, Bloomberg News reported on Wednesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates

    Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย

    บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก

    Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต  
    • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”  
    • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้

    บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ

    กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”  
    • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3

    Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่

    ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT  
    • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง

    การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ

    หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก

    ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร

    ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก ✅ Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต   • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”   • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้ ✅ บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ ✅ กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”   • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3 ✅ Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่ ‼️ ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT   • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง ‼️ การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ ‼️ หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก ‼️ ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร ‼️ ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Dubai's Emirates signs preliminary deal to add crypto to payments
    DUBAI (Reuters) -Emirates has signed a preliminary deal with Crypto.com that will allow its customers to make payments through the crypto trading platform's payment service, the Gulf carrier's parent company said in a statement on Wednesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • GlobalFoundries เคยเป็นโรงงานผลิตชิปที่เปิดให้ใครก็ได้มาออกแบบชิป แล้วให้ GF ผลิตให้ (เช่น AMD เคยใช้บริการช่วงแรก) → แต่ตอนนี้ GF ไม่อยากเป็นแค่ “โรงงาน” อีกต่อไป → จึงคว้าตัว MIPS มาเสริมทัพ เพื่อให้สามารถ “ออกแบบและขายซีพียูเองได้” โดยเฉพาะบนพื้นฐานสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงมาก

    MIPS เคยโด่งดังจากชิปฝังตัวบนอุปกรณ์เครือข่าย และตอนนี้ก็หันมาใช้ RISC-V เต็มตัว โดยมีซีพียูตระกูล Atlas ที่ครอบคลุมทั้ง
    - งานทั่วไป (general-purpose)
    - งานเรียลไทม์ (real-time)
    - และงาน AI บน edge

    ประโยชน์สำคัญของดีลนี้คือ → MIPS จะได้ใช้งานสายการผลิตของ GF ที่มีความปลอดภัยระดับกลาโหมสหรัฐฯ → ส่วน GF จะสามารถเสนอ “ชิปแบบเบ็ดเสร็จ” ที่รวม IP ซีพียู + AI + การผลิต ไว้ที่เดียวกัน → โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะกับลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์, โรงงานอัจฉริยะ และ edge computing

    GlobalFoundries ประกาศซื้อกิจการ MIPS เพื่อเสริมพอร์ตผลิตภัณฑ์ซีพียู RISC-V และ AI  
    • ไม่เปิดเผยมูลค่าดีล  
    • MIPS จะยังดำเนินงานแยกเป็นธุรกิจอิสระภายใน GF

    เทคโนโลยีจาก MIPS ที่ GF จะได้รับ:  
    • ซีพียู IP แบบ general-purpose  
    • หน่วยเร่ง AI inference  
    • เทคโนโลยีสำหรับระบบเซ็นเซอร์แบบฝังตัว

    RISC-V จาก MIPS รองรับทั้งงานทั่วไป–เรียลไทม์–AI edge  
    • ประหยัดพลังงาน และเหมาะกับระบบฝังตัวที่โหลดหนัก

    GF จะสามารถผลิตชิป RISC-V + AI ได้ครบวงจรในโรงงานของตัวเอง  
    • ช่วยให้ลูกค้าบางกลุ่ม (เช่น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) มั่นใจในความปลอดภัย  
    • ลดระยะเวลานำสินค้าออกสู่ตลาด

    ดีลนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ของ GF → ไม่ใช่แค่โรงงานรับจ้างผลิต แต่เป็น “ผู้พัฒนาโซลูชันแบบครบวงจร” สำหรับอุตสาหกรรม

    คาดว่าการควบรวมจะเสร็จสิ้นช่วงครึ่งหลังของปี 2025 (รอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับ)

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/globalfoundries-to-make-risc-v-cpus-fab-acquires-mips-will-integrate-risc-v-and-ai-ip-into-its-portfolio
    GlobalFoundries เคยเป็นโรงงานผลิตชิปที่เปิดให้ใครก็ได้มาออกแบบชิป แล้วให้ GF ผลิตให้ (เช่น AMD เคยใช้บริการช่วงแรก) → แต่ตอนนี้ GF ไม่อยากเป็นแค่ “โรงงาน” อีกต่อไป → จึงคว้าตัว MIPS มาเสริมทัพ เพื่อให้สามารถ “ออกแบบและขายซีพียูเองได้” โดยเฉพาะบนพื้นฐานสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงมาก MIPS เคยโด่งดังจากชิปฝังตัวบนอุปกรณ์เครือข่าย และตอนนี้ก็หันมาใช้ RISC-V เต็มตัว โดยมีซีพียูตระกูล Atlas ที่ครอบคลุมทั้ง - งานทั่วไป (general-purpose) - งานเรียลไทม์ (real-time) - และงาน AI บน edge ประโยชน์สำคัญของดีลนี้คือ → MIPS จะได้ใช้งานสายการผลิตของ GF ที่มีความปลอดภัยระดับกลาโหมสหรัฐฯ → ส่วน GF จะสามารถเสนอ “ชิปแบบเบ็ดเสร็จ” ที่รวม IP ซีพียู + AI + การผลิต ไว้ที่เดียวกัน → โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะกับลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์, โรงงานอัจฉริยะ และ edge computing ✅ GlobalFoundries ประกาศซื้อกิจการ MIPS เพื่อเสริมพอร์ตผลิตภัณฑ์ซีพียู RISC-V และ AI   • ไม่เปิดเผยมูลค่าดีล   • MIPS จะยังดำเนินงานแยกเป็นธุรกิจอิสระภายใน GF ✅ เทคโนโลยีจาก MIPS ที่ GF จะได้รับ:   • ซีพียู IP แบบ general-purpose   • หน่วยเร่ง AI inference   • เทคโนโลยีสำหรับระบบเซ็นเซอร์แบบฝังตัว ✅ RISC-V จาก MIPS รองรับทั้งงานทั่วไป–เรียลไทม์–AI edge   • ประหยัดพลังงาน และเหมาะกับระบบฝังตัวที่โหลดหนัก ✅ GF จะสามารถผลิตชิป RISC-V + AI ได้ครบวงจรในโรงงานของตัวเอง   • ช่วยให้ลูกค้าบางกลุ่ม (เช่น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) มั่นใจในความปลอดภัย   • ลดระยะเวลานำสินค้าออกสู่ตลาด ✅ ดีลนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ของ GF → ไม่ใช่แค่โรงงานรับจ้างผลิต แต่เป็น “ผู้พัฒนาโซลูชันแบบครบวงจร” สำหรับอุตสาหกรรม ✅ คาดว่าการควบรวมจะเสร็จสิ้นช่วงครึ่งหลังของปี 2025 (รอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับ) https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/globalfoundries-to-make-risc-v-cpus-fab-acquires-mips-will-integrate-risc-v-and-ai-ip-into-its-portfolio
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในโลกการเงินการลงทุน ธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจะได้เปรียบอย่างมาก เพราะดีลในสายนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่รวมไปถึงความเข้าใจในโครงสร้าง IT, Cloud, Cybersecurity ฯลฯ → JPMorgan รู้เรื่องนี้ดี และตอนนี้พวกเขากำลัง “เสริมเกราะ” ด้วยการดึง Mike Amez เข้ามา

    Mike เคยเป็น Managing Director ที่ Guggenheim Securities ฝั่ง Tech Investment Banking → เชี่ยวชาญด้าน IT Services, Cybersecurity และ Hyperscale Cloud → เขาจะประจำอยู่ที่ชิคาโก และเริ่มงานในเดือนกันยายน 2025

    การย้ายเข้ามาของเขาเกิดขึ้นไม่ถึง 6 สัปดาห์ หลัง JPMorgan เพิ่งดึงผู้บริหารจาก Goldman Sachs, Bank of America และ Lazard อีก 4 คนเข้าสู่ทีม West Coast → สะท้อนว่า JPMorgan กำลังจัดทัพชุดใหญ่เพื่อปิดดีลเทคโนโลยีระดับโลก

    และก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะ JPMorgan เพิ่งช่วยปิดดีลใหญ่ ๆ เช่น → Global Payments ซื้อ Worldpay ที่มูลค่า 24.25 พันล้านเหรียญ → Turn/River ซื้อ SolarWinds ในดีล 4.4 พันล้าน → DoorDash ซื้อ Deliveroo 3.9 พันล้าน → และ CoreWeave เข้าตลาดด้วยมูลค่ากว่า 23 พันล้าน

    JPMorgan จ้าง Mike Amez จาก Guggenheim มานั่งตำแหน่ง “Head of Mid-Cap Technology Services”  
    • เริ่มงาน ก.ย. 2025 ที่ชิคาโก  
    • มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่ม mid-size (เทคโนโลยีระดับกลาง–กำลังโต)

    Amez เชี่ยวชาญในสามสายหลัก:  
    • IT Services  • Cybersecurity  
    • Hyperscale Cloud Infrastructure

    เกิดขึ้นหลัง JPMorgan เพิ่งดึง 4 ผู้บริหารจาก Goldman Sachs, BofA และ Lazard เสริมทีมฝั่ง West Coast

    JPMorgan เป็นหนึ่งในธนาคารที่ “ครองตลาด tech investment banking” อยู่แล้ว  
    • ตามข้อมูลจาก Dealogic  
    • รับบทบาทสำคัญในหลายดีลขนาดพันล้านดอลลาร์

    ดีลใหญ่ที่ JPMorgan มีบทบาทช่วงที่ผ่านมา:  
    • Global Payments ซื้อ Worldpay ($24.25B)  
    • Turn/River ซื้อ SolarWinds ($4.4B)  
    • DoorDash ซื้อ Deliveroo ($3.9B)  
    • CoreWeave เข้าตลาด ($23B)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/jpmorgan-expands-tech-team-with-guggenheim-veteran-memo-says
    ในโลกการเงินการลงทุน ธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจะได้เปรียบอย่างมาก เพราะดีลในสายนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่รวมไปถึงความเข้าใจในโครงสร้าง IT, Cloud, Cybersecurity ฯลฯ → JPMorgan รู้เรื่องนี้ดี และตอนนี้พวกเขากำลัง “เสริมเกราะ” ด้วยการดึง Mike Amez เข้ามา Mike เคยเป็น Managing Director ที่ Guggenheim Securities ฝั่ง Tech Investment Banking → เชี่ยวชาญด้าน IT Services, Cybersecurity และ Hyperscale Cloud → เขาจะประจำอยู่ที่ชิคาโก และเริ่มงานในเดือนกันยายน 2025 การย้ายเข้ามาของเขาเกิดขึ้นไม่ถึง 6 สัปดาห์ หลัง JPMorgan เพิ่งดึงผู้บริหารจาก Goldman Sachs, Bank of America และ Lazard อีก 4 คนเข้าสู่ทีม West Coast → สะท้อนว่า JPMorgan กำลังจัดทัพชุดใหญ่เพื่อปิดดีลเทคโนโลยีระดับโลก และก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะ JPMorgan เพิ่งช่วยปิดดีลใหญ่ ๆ เช่น → Global Payments ซื้อ Worldpay ที่มูลค่า 24.25 พันล้านเหรียญ → Turn/River ซื้อ SolarWinds ในดีล 4.4 พันล้าน → DoorDash ซื้อ Deliveroo 3.9 พันล้าน → และ CoreWeave เข้าตลาดด้วยมูลค่ากว่า 23 พันล้าน ✅ JPMorgan จ้าง Mike Amez จาก Guggenheim มานั่งตำแหน่ง “Head of Mid-Cap Technology Services”   • เริ่มงาน ก.ย. 2025 ที่ชิคาโก   • มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่ม mid-size (เทคโนโลยีระดับกลาง–กำลังโต) ✅ Amez เชี่ยวชาญในสามสายหลัก:   • IT Services  • Cybersecurity   • Hyperscale Cloud Infrastructure ✅ เกิดขึ้นหลัง JPMorgan เพิ่งดึง 4 ผู้บริหารจาก Goldman Sachs, BofA และ Lazard เสริมทีมฝั่ง West Coast ✅ JPMorgan เป็นหนึ่งในธนาคารที่ “ครองตลาด tech investment banking” อยู่แล้ว   • ตามข้อมูลจาก Dealogic   • รับบทบาทสำคัญในหลายดีลขนาดพันล้านดอลลาร์ ✅ ดีลใหญ่ที่ JPMorgan มีบทบาทช่วงที่ผ่านมา:   • Global Payments ซื้อ Worldpay ($24.25B)   • Turn/River ซื้อ SolarWinds ($4.4B)   • DoorDash ซื้อ Deliveroo ($3.9B)   • CoreWeave เข้าตลาด ($23B) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/jpmorgan-expands-tech-team-with-guggenheim-veteran-memo-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    JPMorgan expands tech team with Guggenheim veteran, memo says
    NEW YORK (Reuters) -JPMorgan Chase is hiring Guggenheim Securities executive Mike Amez, as the country's biggest bank continues to expand its technology investment banking team and to provide specific expertise to medium-sized companies, according to a staff memo.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีมีหอยเกือบตาย เมื่อคิดจะไปมาเลเซีย

    เมื่อวันก่อน สถานีมีหอย ร้านซีฟูดชื่อดังภายใต้การนำของสองหนุ่ม ดี-วีระศักดิ์ มะสะอาว นายแบบ เอ็มซีงานอีเวนต์ และ ว่าว-ศราวุธ ศิริเพชร นักวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยบูรพา นายแบบ ให้บริการวันแรกเมื่อ 2 เม.ย. 2559 ใช้เมนูหอยเป็นจุดขาย และใช้ความถนัดทางด้านสร้างสีสัน สร้างความบันเทิง ทำให้คนมีความสุข โดยมีจุดเด่นตรงที่มีพ่อค้าเซ็กซี่ คอยเอนเตอร์เทนลูกค้าอย่างสนุกสนาน เป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน กำลังจะปิดตำนานที่ตลาดหัวมุม ย่านเกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ เพราะเดือน ก.ค.2568 จะให้บริการเป็นเดือนสุดท้าย และจะปิดตัวลงในเดือน ส.ค.2568 เนื่องจากตลาดหัวมุมสิ้นสุดสัญญาเช่า จึงต้องย้ายสถานที่ใหม่ หลังเปิดให้บริการมานานกว่า 9 ปี 4 เดือน

    แม้ไวรัลดังกล่าวคนไทยจะให้ความสนใจน้อย แต่กลายเป็นที่ฮือฮาของสื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะตระกูล Foodie สื่อด้านอาหารของมาเลเซีย ในฐานะประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยเป็นอันดับสองรองจากจีน และชาวมาเลเซียบางคนก็เคยสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่มาแล้วเช่นกัน ที่ตื่นเต้นไปอีกก็คือ สองหนุ่มดีกับว่าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "9 ปีในตลาดกลางคืนหัวมุมนั้นเหลือเชื่อมาก ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนทั้งหมดที่ทุกคนมอบให้ เรามีแผนที่ยิ่งใหญ่กว่าในใจ ตอนนี้สถานที่ในกรุงเทพฯ จะถูกเบรกไว้ก่อนจนกว่าจะได้สถานที่ใหม่ นอกจากนี้ ข่าวดีก็คือเราจะมองหาสถานที่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เรากำลังขยายไปยังกัวลาลัมเปอร์สถานที่แรก คุณพร้อมหรือยัง"

    หลังสื่อมาเลเซียเสนอข่าว กลายเป็นที่วิจารณ์ของชาวมาเลเซียทั้งตื่นเต้นและต่อต้าน ในฐานะประเทศที่มีชาวมุสลิมมากถึง 60% ไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และมีกฎหมายลงโทษรุนแรงสำหรับคู่รักเพศเดียวกัน

    สุดท้ายดีและว่าวต้องชี้แจงว่า จากที่พิจารณาจะเปิดร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พวกเราชอบมาเลเซียมาก แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดร้านอาหารแนวเต้นรำ แนวคิดเต้นรำนำความสุขมาสู่ลูกค้าของเราเมื่อพวกเขามาเยือนกรุงเทพฯ ประเทศไทย แต่รับรองว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นที่มาเลเซีย ในประเทศไทย ร้านสถานีมีหอยจะยังคงดำเนินการต่อไป เมื่อได้สถานที่ที่เหมาะสม และในมาเลเซีย แนวคิดของเราคือการนำอาหารไทยแท้ที่มีชื่อเสียงมาเสิร์ฟในมาเลเซีย เนื่องจากดี (วีระศักดิ์) ชอบทำอาหารมาก จึงมีความฝันที่จะเปิดร้านอาหารในต่างประเทศเพื่อแบ่งปันอาหารไทยไปทั่วโลก และจุดหมายแรกคือกัวลาลัมเปอร์ เราเคารพวัฒนธรรมมาเลเซียในปัจจุบัน และจะรักมาเลเซียตลอดไป ดังนั้นโปรดมั่นใจว่า เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเราหรือมาเลเซีย

    #Newskit
    สถานีมีหอยเกือบตาย เมื่อคิดจะไปมาเลเซีย เมื่อวันก่อน สถานีมีหอย ร้านซีฟูดชื่อดังภายใต้การนำของสองหนุ่ม ดี-วีระศักดิ์ มะสะอาว นายแบบ เอ็มซีงานอีเวนต์ และ ว่าว-ศราวุธ ศิริเพชร นักวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยบูรพา นายแบบ ให้บริการวันแรกเมื่อ 2 เม.ย. 2559 ใช้เมนูหอยเป็นจุดขาย และใช้ความถนัดทางด้านสร้างสีสัน สร้างความบันเทิง ทำให้คนมีความสุข โดยมีจุดเด่นตรงที่มีพ่อค้าเซ็กซี่ คอยเอนเตอร์เทนลูกค้าอย่างสนุกสนาน เป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน กำลังจะปิดตำนานที่ตลาดหัวมุม ย่านเกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ เพราะเดือน ก.ค.2568 จะให้บริการเป็นเดือนสุดท้าย และจะปิดตัวลงในเดือน ส.ค.2568 เนื่องจากตลาดหัวมุมสิ้นสุดสัญญาเช่า จึงต้องย้ายสถานที่ใหม่ หลังเปิดให้บริการมานานกว่า 9 ปี 4 เดือน แม้ไวรัลดังกล่าวคนไทยจะให้ความสนใจน้อย แต่กลายเป็นที่ฮือฮาของสื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะตระกูล Foodie สื่อด้านอาหารของมาเลเซีย ในฐานะประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยเป็นอันดับสองรองจากจีน และชาวมาเลเซียบางคนก็เคยสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่มาแล้วเช่นกัน ที่ตื่นเต้นไปอีกก็คือ สองหนุ่มดีกับว่าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "9 ปีในตลาดกลางคืนหัวมุมนั้นเหลือเชื่อมาก ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนทั้งหมดที่ทุกคนมอบให้ เรามีแผนที่ยิ่งใหญ่กว่าในใจ ตอนนี้สถานที่ในกรุงเทพฯ จะถูกเบรกไว้ก่อนจนกว่าจะได้สถานที่ใหม่ นอกจากนี้ ข่าวดีก็คือเราจะมองหาสถานที่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เรากำลังขยายไปยังกัวลาลัมเปอร์สถานที่แรก คุณพร้อมหรือยัง" หลังสื่อมาเลเซียเสนอข่าว กลายเป็นที่วิจารณ์ของชาวมาเลเซียทั้งตื่นเต้นและต่อต้าน ในฐานะประเทศที่มีชาวมุสลิมมากถึง 60% ไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และมีกฎหมายลงโทษรุนแรงสำหรับคู่รักเพศเดียวกัน สุดท้ายดีและว่าวต้องชี้แจงว่า จากที่พิจารณาจะเปิดร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พวกเราชอบมาเลเซียมาก แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดร้านอาหารแนวเต้นรำ แนวคิดเต้นรำนำความสุขมาสู่ลูกค้าของเราเมื่อพวกเขามาเยือนกรุงเทพฯ ประเทศไทย แต่รับรองว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นที่มาเลเซีย ในประเทศไทย ร้านสถานีมีหอยจะยังคงดำเนินการต่อไป เมื่อได้สถานที่ที่เหมาะสม และในมาเลเซีย แนวคิดของเราคือการนำอาหารไทยแท้ที่มีชื่อเสียงมาเสิร์ฟในมาเลเซีย เนื่องจากดี (วีระศักดิ์) ชอบทำอาหารมาก จึงมีความฝันที่จะเปิดร้านอาหารในต่างประเทศเพื่อแบ่งปันอาหารไทยไปทั่วโลก และจุดหมายแรกคือกัวลาลัมเปอร์ เราเคารพวัฒนธรรมมาเลเซียในปัจจุบัน และจะรักมาเลเซียตลอดไป ดังนั้นโปรดมั่นใจว่า เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเราหรือมาเลเซีย #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมึกกะตอยแห้งทอด เอามาทอดใส่หม้อทอดไร้น้ำมัน…ลองทำกันดูนะคะ อร่อยม้วกกกก เราใช้น้องหมึกสด 5-6 กิโล กว่าจะได้น้องหมึกกะตอยแห้ง 1 กิโลค่ะเราตากให้น้องหมึกแห้งสนิท เพื่อการเก็บรักษาไว้ได้นาน … ตัวน้องหมึกไม่หนัก …ทำให้ลูกค้าได้จำนวนตัวเยอะ คุ้มค่า คุ้มราคาค่ะ⭕️🫶🏻🩷น้องหมึกเรา เป็นออแกนิค ไม่มีสารเคมี ไม่ฉีดยา ฟอร์มาลีน ใดๆเลยค่ะลูกค้ามั่นใจในความสะอาดได้เลย… ความเค็มของน้องหมึก เป็นความเค็มโดยธรรมชาติของอาหารทะเล… ลูกค้าจะสัมผัสลิ้มรสความหนึบๆ ความนัวๆ แซ่บๆ จากเนื้อน้องปลาหมึกล้วนๆเลยค่ะอ่านมาถึงตรงนี้… ลูกค้ากดสั่งไปลองชิมก่อนค่อยเชื่อเรานะคะ..…ทุกถุงบรรจุซีลแน่นไปอย่างดีค่ะ เก็บไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิปกติได้นาน… หยิบน้องหมึกแห้งออกมาทานเมื่อไหร่ก็อร่อยเหาะ#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาหมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 1 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMBnKhbd/หมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 1 ใน Shopee https://th.shp.ee/o2Uw2jXหมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 2 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMjD54vQ/หมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 2 ใน Shopee https://th.shp.ee/pckadhHหมึกกะตอยแห้ง 1 กิโล ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMYV5Nsx/หมึกกะตอยแห้ง 1 กิโล ใน Shopee">https://th.shp.ee/2Xf6uxx ลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบ และคูปองความคุ้มของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง
    หมึกกะตอยแห้งทอด เอามาทอดใส่หม้อทอดไร้น้ำมัน…ลองทำกันดูนะคะ อร่อยม้วกกกก เราใช้น้องหมึกสด 5-6 กิโล กว่าจะได้น้องหมึกกะตอยแห้ง 1 กิโลค่ะเราตากให้น้องหมึกแห้งสนิท เพื่อการเก็บรักษาไว้ได้นาน … ตัวน้องหมึกไม่หนัก …ทำให้ลูกค้าได้จำนวนตัวเยอะ คุ้มค่า คุ้มราคาค่ะ🐠🐟🤭😍♨️🌶️⭕️✅🐠🐟🫶🏻💋🩷น้องหมึกเรา เป็นออแกนิค ไม่มีสารเคมี ไม่ฉีดยา ฟอร์มาลีน ใดๆเลยค่ะลูกค้ามั่นใจในความสะอาดได้เลย… ความเค็มของน้องหมึก เป็นความเค็มโดยธรรมชาติของอาหารทะเล… ลูกค้าจะสัมผัสลิ้มรสความหนึบๆ ความนัวๆ แซ่บๆ จากเนื้อน้องปลาหมึกล้วนๆเลยค่ะอ่านมาถึงตรงนี้… ลูกค้ากดสั่งไปลองชิมก่อนค่อยเชื่อเรานะคะ..…ทุกถุงบรรจุซีลแน่นไปอย่างดีค่ะ เก็บไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิปกติได้นาน… หยิบน้องหมึกแห้งออกมาทานเมื่อไหร่ก็อร่อยเหาะ#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาหมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 1 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMBnKhbd/หมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 1 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/o2Uw2jXหมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 2 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMjD54vQ/หมึกกะตอยแห้ง 1 แถม 2 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/pckadhHหมึกกะตอยแห้ง 1 กิโล 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSMYV5Nsx/หมึกกะตอยแห้ง 1 กิโล 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/2Xf6uxx❤️ ลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบ และคูปองความคุ้มของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • [บทความสั้นวันหยุด]
    "HDD เต็ม เสาร์-อาทิตย์ไม่พัก!"
    วันหยุดคือเวลาพักผ่อน...
    แต่ Server ไม่รู้จักคำว่าวันหยุด!
    อยู่ดีๆ ระบบก็แจ้งเตือน “พื้นที่เต็ม!” ทั้ง Linux และ Windows
    บน Linux:
    ลอง df -h ดูก่อนว่าใครกินเยอะ
    บางที /var/log ก็ขยันเขียน Log ไม่หยุด
    เคลียร์พวก .log.1, .gz, หรือใช้ journalctl --vacuum-time=7d ได้
    บน Windows:
    เข้า Disk Cleanup หรือใช้ TreeSize ดูว่าใครตัวใหญ่
    อย่าลืมเช็ก C:\Windows\Temp, หรือพวกไฟล์อัปเดตที่ยังไม่ลบทิ้ง
    คำเตือน: อย่าเผลอลบมั่ว!
    แนะนำให้ Backup ก่อนเสมอ
    วันหยุดนี้ใครดูแลระบบอยู่... ขอให้ log เบา ไฟล์ไม่บวม และไม่โดนลูกค้าโทรปลุกนะครับ
    #HDDเต็มไม่หยุดเสาร์อาทิตย์ #ITสายเคลียร์ดิสก์ #LinuxWindowsก็เจอเหมือนกัน
    🛠️ [บทความสั้นวันหยุด] "HDD เต็ม เสาร์-อาทิตย์ไม่พัก!" วันหยุดคือเวลาพักผ่อน... แต่ Server ไม่รู้จักคำว่าวันหยุด! 😅 อยู่ดีๆ ระบบก็แจ้งเตือน “พื้นที่เต็ม!” ทั้ง Linux และ Windows 📌 บน Linux: ลอง df -h ดูก่อนว่าใครกินเยอะ บางที /var/log ก็ขยันเขียน Log ไม่หยุด เคลียร์พวก .log.1, .gz, หรือใช้ journalctl --vacuum-time=7d ได้ 📌 บน Windows: เข้า Disk Cleanup หรือใช้ TreeSize ดูว่าใครตัวใหญ่ อย่าลืมเช็ก C:\Windows\Temp, หรือพวกไฟล์อัปเดตที่ยังไม่ลบทิ้ง คำเตือน: อย่าเผลอลบมั่ว! แนะนำให้ Backup ก่อนเสมอ ⛑️ วันหยุดนี้ใครดูแลระบบอยู่... ขอให้ log เบา ไฟล์ไม่บวม และไม่โดนลูกค้าโทรปลุกนะครับ 😂 #HDDเต็มไม่หยุดเสาร์อาทิตย์ #ITสายเคลียร์ดิสก์ #LinuxWindowsก็เจอเหมือนกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC เคยประกาศลงทุนกว่า $100,000 ล้านในสหรัฐฯ และล่าสุดตามรายงานของ Wall Street Journal ดูเหมือนว่าพวกเขา “ไม่เพียงแค่ลงทุน” แต่ถึงขั้น “ปรับลำดับความสำคัญทั่วโลก” → โรงงานใหม่ในญี่ปุ่นถูกชะลอแบบไม่มีกำหนด → โครงการในเยอรมนีและที่อื่นก็ถูกเบรก → ทั้งหมดเพื่อเทงบ–ทรัพยากร–ทีมงานลงที่โรงงานในแอริโซนา ที่ตอนนี้ผลิตชิปรุ่นล่าสุด และจ่อขยายไปถึงระดับ 1.4nm ภายในปี 2030

    เหตุผลสำคัญไม่ใช่แค่การตามลูกค้าอย่าง Apple, Nvidia หรือ Microsoft เท่านั้น แต่คือ แรงกดดันจากฝ่ายการเมืองอเมริกัน โดยเฉพาะแผนของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจตั้งภาษีชิปนำเข้าสูงถึง 100% หากผลิตนอกสหรัฐฯ

    TSMC ปรับลำดับความสำคัญระดับโลก → เทน้ำหนักไปที่โรงงานในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา  
    • ชะลอโครงการโรงงานแห่งที่ 2 ในญี่ปุ่นแบบไม่มีกำหนด  
    • ชะลอแผนในเยอรมนีด้วย  
    • โรงงานในแอริโซนาเป็นแห่งเดียวในต่างประเทศที่ผลิตชิปขั้นสูงนอกไต้หวัน

    แหล่งข่าวเผยว่าแรงผลักดันหลักคือความกลัว “ภาษีทรัมป์” ที่อาจตั้งขึ้นมาใหม่หาก Trump กลับมาเป็นประธานาธิบดี  
    • มีรายงานว่าเตรียมใช้มาตรการขึ้นภาษีชิปนำเข้าสูงสุดถึง 100%  
    • ผลักดันยุทธศาสตร์ “Made in USA” ของฝ่ายอนุรักษนิยม

    TSMC Arizona Fab ได้รับความสนใจจากลูกค้าใหญ่ ๆ เช่น Nvidia, Apple, Microsoft  
    • โรงงานจ่อขยายไปถึงระดับ 1.4nm ภายในทศวรรษนี้  
    • สั่งผลิตเต็มทุกไลน์แล้วในปัจจุบัน

    บริษัทร่วมในห่วงโซ่ เช่น Foxconn และ Quanta ก็กำลังย้ายฐานการผลิตมายังอเมริกาเพื่อลดความเสี่ยง

    https://wccftech.com/tsmc-has-reportedly-prioritized-setting-up-plants-in-the-us-over-other-region/
    TSMC เคยประกาศลงทุนกว่า $100,000 ล้านในสหรัฐฯ และล่าสุดตามรายงานของ Wall Street Journal ดูเหมือนว่าพวกเขา “ไม่เพียงแค่ลงทุน” แต่ถึงขั้น “ปรับลำดับความสำคัญทั่วโลก” → โรงงานใหม่ในญี่ปุ่นถูกชะลอแบบไม่มีกำหนด → โครงการในเยอรมนีและที่อื่นก็ถูกเบรก → ทั้งหมดเพื่อเทงบ–ทรัพยากร–ทีมงานลงที่โรงงานในแอริโซนา ที่ตอนนี้ผลิตชิปรุ่นล่าสุด และจ่อขยายไปถึงระดับ 1.4nm ภายในปี 2030 เหตุผลสำคัญไม่ใช่แค่การตามลูกค้าอย่าง Apple, Nvidia หรือ Microsoft เท่านั้น แต่คือ แรงกดดันจากฝ่ายการเมืองอเมริกัน โดยเฉพาะแผนของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจตั้งภาษีชิปนำเข้าสูงถึง 100% หากผลิตนอกสหรัฐฯ ✅ TSMC ปรับลำดับความสำคัญระดับโลก → เทน้ำหนักไปที่โรงงานในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา   • ชะลอโครงการโรงงานแห่งที่ 2 ในญี่ปุ่นแบบไม่มีกำหนด   • ชะลอแผนในเยอรมนีด้วย   • โรงงานในแอริโซนาเป็นแห่งเดียวในต่างประเทศที่ผลิตชิปขั้นสูงนอกไต้หวัน ✅ แหล่งข่าวเผยว่าแรงผลักดันหลักคือความกลัว “ภาษีทรัมป์” ที่อาจตั้งขึ้นมาใหม่หาก Trump กลับมาเป็นประธานาธิบดี   • มีรายงานว่าเตรียมใช้มาตรการขึ้นภาษีชิปนำเข้าสูงสุดถึง 100%   • ผลักดันยุทธศาสตร์ “Made in USA” ของฝ่ายอนุรักษนิยม ✅ TSMC Arizona Fab ได้รับความสนใจจากลูกค้าใหญ่ ๆ เช่น Nvidia, Apple, Microsoft   • โรงงานจ่อขยายไปถึงระดับ 1.4nm ภายในทศวรรษนี้   • สั่งผลิตเต็มทุกไลน์แล้วในปัจจุบัน ✅ บริษัทร่วมในห่วงโซ่ เช่น Foxconn และ Quanta ก็กำลังย้ายฐานการผลิตมายังอเมริกาเพื่อลดความเสี่ยง https://wccftech.com/tsmc-has-reportedly-prioritized-setting-up-plants-in-the-us-over-other-region/
    WCCFTECH.COM
    TSMC Has Reportedly Prioritized Setting Up Plants in the U.S. Over Other Regions Due to Fears of "Trump Tariffs"
    TSMC has decided to prioritize America over all other nations where it is building facilities, as it is pouring massive funds into it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าคุณเป็นร้านค้าหรือ SME ที่อยากขายของออนไลน์ + นำเข้าสินค้าจากโรงงานโลก—ปกติคงต้องเปิดหลายเว็บ จัดการหลายระบบ → ตอนนี้คุณทำผ่านที่เดียวได้แล้ว:

    - ถ้าคุณใช้ Wix → แค่ติดตั้ง “Alibaba Seller App” ก็เข้าถึงสินค้าใน Alibaba B2B Marketplace ได้เลย
    - ถ้าคุณขายของอยู่บน Alibaba.com → สร้างเว็บร้านของตัวเองผ่าน Wix แบบไม่ต้องเขียนโค้ด พร้อมเครื่องมือ AI ช่วยตั้งร้าน–ทำแบรนด์–ยิงโฆษณา

    ถือเป็นดีลที่ทำให้ทั้งสองฝั่งได้ของที่ตัวเองเคยขาดมาก่อน: → ฝั่ง Wix ได้สินค้ามาขาย → ฝั่ง Alibaba ได้ storefront สวย ๆ แบบ no-code + brand power เพิ่ม

    Wix ผู้ใช้สามารถติดตั้ง “Alibaba Seller App” ได้จาก Wix Marketplace  
    • เข้าถึงสินค้าและซัพพลายเออร์จากทั่วโลก  
    • สมัครเป็น “Global Gold Supplier” เพื่อเข้าถึงลูกค้า B2B ทั่วโลก

    ผู้ขายใน Alibaba สามารถสร้างเว็บ B2B/D2C ด้วย Wix ได้ง่าย  
    • ใช้เครื่องมือ AI ของ Wix ช่วยสร้างหน้าเว็บ, สินค้า, ข้อความโฆษณา  
    • ทำการตลาดอัตโนมัติ ช่วยเปิดร้านค้าสากลได้เร็วขึ้น

    ความร่วมมือเน้น 3 เสาหลัก:  
    • Integration ผ่าน seller app → เชื่อมสินค้า/คำสั่งซื้อข้ามแพลตฟอร์ม  
    • “Curated sourcing” → แนะนำสินค้าน่าสนใจจาก Alibaba ให้กับร้านค้าบน Wix  
    • ให้ผู้ขาย Alibaba ใช้ “ชุดเครื่องมือ AI จาก Wix” สร้างร้านค้าทันสมัย

    ทั้งสองฝ่ายระบุชัด: การร่วมมือคือโอกาสทองของ SME และผู้ประกอบการที่ต้องการขยายไปต่างประเทศ  
    • Alibaba: “ลดความซับซ้อนของการทำการค้าระหว่างประเทศ”  
    • Wix: “ช่วยให้ลูกค้าเราสร้างแบรนด์และขายของระดับโลกได้เร็วขึ้น”

    อยู่ในช่วง rollout แบบเฟส–เปิดฟีเจอร์เพิ่มเรื่อย ๆ  
    • เตรียมเพิ่มระบบ “AI product discovery”, ระบบจับคู่สินค้าอัตโนมัติ, การ onboarding แบบ auto

    https://www.techradar.com/pro/website-building/alibaba-and-wix-join-forces-promise-great-things-for-smbs
    ถ้าคุณเป็นร้านค้าหรือ SME ที่อยากขายของออนไลน์ + นำเข้าสินค้าจากโรงงานโลก—ปกติคงต้องเปิดหลายเว็บ จัดการหลายระบบ → ตอนนี้คุณทำผ่านที่เดียวได้แล้ว: - ถ้าคุณใช้ Wix → แค่ติดตั้ง “Alibaba Seller App” ก็เข้าถึงสินค้าใน Alibaba B2B Marketplace ได้เลย - ถ้าคุณขายของอยู่บน Alibaba.com → สร้างเว็บร้านของตัวเองผ่าน Wix แบบไม่ต้องเขียนโค้ด พร้อมเครื่องมือ AI ช่วยตั้งร้าน–ทำแบรนด์–ยิงโฆษณา ถือเป็นดีลที่ทำให้ทั้งสองฝั่งได้ของที่ตัวเองเคยขาดมาก่อน: → ฝั่ง Wix ได้สินค้ามาขาย → ฝั่ง Alibaba ได้ storefront สวย ๆ แบบ no-code + brand power เพิ่ม ✅ Wix ผู้ใช้สามารถติดตั้ง “Alibaba Seller App” ได้จาก Wix Marketplace   • เข้าถึงสินค้าและซัพพลายเออร์จากทั่วโลก   • สมัครเป็น “Global Gold Supplier” เพื่อเข้าถึงลูกค้า B2B ทั่วโลก ✅ ผู้ขายใน Alibaba สามารถสร้างเว็บ B2B/D2C ด้วย Wix ได้ง่าย   • ใช้เครื่องมือ AI ของ Wix ช่วยสร้างหน้าเว็บ, สินค้า, ข้อความโฆษณา   • ทำการตลาดอัตโนมัติ ช่วยเปิดร้านค้าสากลได้เร็วขึ้น ✅ ความร่วมมือเน้น 3 เสาหลัก:   • Integration ผ่าน seller app → เชื่อมสินค้า/คำสั่งซื้อข้ามแพลตฟอร์ม   • “Curated sourcing” → แนะนำสินค้าน่าสนใจจาก Alibaba ให้กับร้านค้าบน Wix   • ให้ผู้ขาย Alibaba ใช้ “ชุดเครื่องมือ AI จาก Wix” สร้างร้านค้าทันสมัย ✅ ทั้งสองฝ่ายระบุชัด: การร่วมมือคือโอกาสทองของ SME และผู้ประกอบการที่ต้องการขยายไปต่างประเทศ   • Alibaba: “ลดความซับซ้อนของการทำการค้าระหว่างประเทศ”   • Wix: “ช่วยให้ลูกค้าเราสร้างแบรนด์และขายของระดับโลกได้เร็วขึ้น” ✅ อยู่ในช่วง rollout แบบเฟส–เปิดฟีเจอร์เพิ่มเรื่อย ๆ   • เตรียมเพิ่มระบบ “AI product discovery”, ระบบจับคู่สินค้าอัตโนมัติ, การ onboarding แบบ auto https://www.techradar.com/pro/website-building/alibaba-and-wix-join-forces-promise-great-things-for-smbs
    WWW.TECHRADAR.COM
    Alibaba and Wix join forces, promise great things for SMBs
    New partnership fuses the wholesale ecosystem with website building
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในโลกของพลังงานและ AI ที่ทุกวินาทีต้องการประสิทธิภาพสูง การใช้ “ซิลิคอน” อาจไม่พออีกต่อไปแล้วครับ → บริษัทอย่าง Infineon จึงหันมาโฟกัสที่ GaN (Gallium Nitride) ซึ่งเด่นเรื่อง

    - เปิด–ปิดสัญญาณไฟเร็วกว่า
    - รองรับแรงดันสูง–ความร้อนสูง
    - มีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า Si หลายเท่า → ใช้งานได้ดีใน AI Data Center, ยานยนต์ EV, อุตสาหกรรมควบคุมมอเตอร์

    ล่าสุด Infineon พัฒนาไลน์ผลิตเวเฟอร์ GaN ขนาด 300 มม. (จากเดิม 200 มม.) ซึ่ง → ทำให้ได้จำนวนชิปต่อแผ่นมากขึ้น 2.3 เท่า → ต้นทุนเฉลี่ยต่อชิปลดลง → พร้อมส่งตัวอย่างให้ลูกค้าทดสอบใน Q4 ปี 2025

    ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าคือ TSMC กลับตัดสินใจ “เลิกเล่นเกม GaN” โดยจะปิดสายผลิตและรื้อโรงงานออกใน 2 ปีข้างหน้า → เป็นโอกาสทองให้ Infineon กลายเป็นเจ้าใหญ่ในตลาดนี้

    Infineon จะเริ่มผลิต GaN บนเวเฟอร์ขนาด 300 มม. เป็นรายแรกของโลก  
    • ส่งผลให้ได้ yield สูงขึ้น 2.3 เท่า เทียบกับแบบ 200 มม.  
    • พร้อมเริ่มส่งตัวอย่างให้ลูกค้าในไตรมาส 4 ปี 2025

    ใช้โครงสร้าง IDM (Integrated Device Manufacturer)  
    • ควบคุมทุกขั้นตอน: ตั้งแต่ fab ไปจนถึงสินค้า  
    • ลดต้นทุน–เร่งเวลาไปตลาด  
    • ทำให้ GaN มีต้นทุนใกล้เคียงกับซิลิคอนแบบเดิม

    ตลาด GaN คาดจะเติบโต 36% ต่อปี และมีมูลค่า $2.5B ภายในปี 2030  
    • ข้อมูลจาก Yole Group  
    • ผลักดันจากความต้องการใน AI, EV, ระบบพลังงานขั้นสูง

    TSMC เตรียมถอนตัวจากตลาด GaN ใน 2 ปีข้างหน้า  
    • ชี้ชัดว่าบริษัทจะโฟกัสที่โปรเซสเซอร์ margin สูง  
    • เปิดพื้นที่ให้ Infineon และผู้เล่นเฉพาะทางยึดตลาด power semiconductor

    แอปพลิเคชันเป้าหมายของ Infineon รวมถึง:  
    • แหล่งจ่ายไฟของระบบ AI  
    • เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า  
    • ระบบควบคุมมอเตอร์อุตสาหกรรม

    https://www.techpowerup.com/338633/infineon-to-start-300-mm-gan-wafer-production-as-tsmc-exits-market
    ในโลกของพลังงานและ AI ที่ทุกวินาทีต้องการประสิทธิภาพสูง การใช้ “ซิลิคอน” อาจไม่พออีกต่อไปแล้วครับ → บริษัทอย่าง Infineon จึงหันมาโฟกัสที่ GaN (Gallium Nitride) ซึ่งเด่นเรื่อง - เปิด–ปิดสัญญาณไฟเร็วกว่า - รองรับแรงดันสูง–ความร้อนสูง - มีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า Si หลายเท่า → ใช้งานได้ดีใน AI Data Center, ยานยนต์ EV, อุตสาหกรรมควบคุมมอเตอร์ ล่าสุด Infineon พัฒนาไลน์ผลิตเวเฟอร์ GaN ขนาด 300 มม. (จากเดิม 200 มม.) ซึ่ง → ทำให้ได้จำนวนชิปต่อแผ่นมากขึ้น 2.3 เท่า → ต้นทุนเฉลี่ยต่อชิปลดลง → พร้อมส่งตัวอย่างให้ลูกค้าทดสอบใน Q4 ปี 2025 ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าคือ TSMC กลับตัดสินใจ “เลิกเล่นเกม GaN” โดยจะปิดสายผลิตและรื้อโรงงานออกใน 2 ปีข้างหน้า → เป็นโอกาสทองให้ Infineon กลายเป็นเจ้าใหญ่ในตลาดนี้ ✅ Infineon จะเริ่มผลิต GaN บนเวเฟอร์ขนาด 300 มม. เป็นรายแรกของโลก   • ส่งผลให้ได้ yield สูงขึ้น 2.3 เท่า เทียบกับแบบ 200 มม.   • พร้อมเริ่มส่งตัวอย่างให้ลูกค้าในไตรมาส 4 ปี 2025 ✅ ใช้โครงสร้าง IDM (Integrated Device Manufacturer)   • ควบคุมทุกขั้นตอน: ตั้งแต่ fab ไปจนถึงสินค้า   • ลดต้นทุน–เร่งเวลาไปตลาด   • ทำให้ GaN มีต้นทุนใกล้เคียงกับซิลิคอนแบบเดิม ✅ ตลาด GaN คาดจะเติบโต 36% ต่อปี และมีมูลค่า $2.5B ภายในปี 2030   • ข้อมูลจาก Yole Group   • ผลักดันจากความต้องการใน AI, EV, ระบบพลังงานขั้นสูง ✅ TSMC เตรียมถอนตัวจากตลาด GaN ใน 2 ปีข้างหน้า   • ชี้ชัดว่าบริษัทจะโฟกัสที่โปรเซสเซอร์ margin สูง   • เปิดพื้นที่ให้ Infineon และผู้เล่นเฉพาะทางยึดตลาด power semiconductor ✅ แอปพลิเคชันเป้าหมายของ Infineon รวมถึง:   • แหล่งจ่ายไฟของระบบ AI   • เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า   • ระบบควบคุมมอเตอร์อุตสาหกรรม https://www.techpowerup.com/338633/infineon-to-start-300-mm-gan-wafer-production-as-tsmc-exits-market
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Infineon to Start 300 mm GaN Wafer Production as TSMC Exits Market
    Infineon has announced that its gallium nitride (GaN) power semiconductor production is on schedule, confirming that its 300 mm wafer fab will deliver customer samples in Q4 2025. The German semiconductor manufacturer becomes the first company to successfully integrate 300 mm GaN wafer technology in...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลเกาหลีใต้สั่งปรับและตำหนิ SK Telecom บริษัทมือถือเบอร์หนึ่งของประเทศ หลังปล่อยให้ข้อมูลผู้ใช้งานกว่า 26.96 ล้านรายการรั่วไหล เพราะถูกมัลแวร์เล่นงาน

    เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 ที่ผ่านมา เมื่อ SK Telecom ออกมายอมรับว่า ข้อมูลลูกค้าหลายสิบล้านชิ้นถูกโจมตี ผ่านมัลแวร์ และล่าสุดรัฐบาลเกาหลีใต้ก็สรุปผลสอบสวนว่า → “บริษัทละเลยหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลอย่างร้ายแรง” → โดยเฉพาะข้อมูลจาก “USIM” ซึ่งก็คือชิประบุตัวตนที่อยู่ในมือถือทุกเครื่อง

    รัฐบาลจึงออกคำสั่งลงโทษหลายข้อ เช่น
    - ปรับเงินสูงสุด 30 ล้านวอน (~22,000 ดอลลาร์)
    - บังคับให้เพิ่มการตรวจสอบความปลอดภัยรายไตรมาส
    - ให้ CEO ดูแล data governance ด้วยตนเอง
    - ต้องเพิ่มทีมงานและงบลงทุนด้าน Cybersecurity

    ทาง SK Telecom ยอมรับความผิด และประกาศมาตรการชดเชย เช่น → แจก ส่วนลดค่าบริการ 50% ตลอดเดือนสิงหาคม ให้ลูกค้า 24 ล้านคน → แจก ซิม USIM ใหม่ฟรีให้กับลูกค้าทั้งหมด 23 ล้านคน (ณ สิ้น มิ.ย. มี 9.39 ล้านคนมาเปลี่ยนแล้ว) → ทุ่มงบ 700 พันล้านวอน (~513 ล้านดอลลาร์) ในช่วง 5 ปีเพื่อปรับปรุงระบบความปลอดภัย → ลดเป้ารายได้ปี 2025 ลงไป 800 พันล้านวอน เพื่อสะท้อนต้นทุนที่ใช้ในการชดเชยและระบบป้องกันใหม่

    ประธานกลุ่ม SK ยังออกมาขอโทษต่อสังคม และรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์เกาหลีก็ย้ำว่า

    “เหตุการณ์นี้คือ wake-up call ด้านความมั่นคงไซเบอร์ของทั้งอุตสาหกรรมโทรคมนาคม”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/south-korea-penalises-039negligent039-sk-telecom-over-major-data-leak
    รัฐบาลเกาหลีใต้สั่งปรับและตำหนิ SK Telecom บริษัทมือถือเบอร์หนึ่งของประเทศ หลังปล่อยให้ข้อมูลผู้ใช้งานกว่า 26.96 ล้านรายการรั่วไหล เพราะถูกมัลแวร์เล่นงาน เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 ที่ผ่านมา เมื่อ SK Telecom ออกมายอมรับว่า ข้อมูลลูกค้าหลายสิบล้านชิ้นถูกโจมตี ผ่านมัลแวร์ และล่าสุดรัฐบาลเกาหลีใต้ก็สรุปผลสอบสวนว่า → “บริษัทละเลยหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลอย่างร้ายแรง” → โดยเฉพาะข้อมูลจาก “USIM” ซึ่งก็คือชิประบุตัวตนที่อยู่ในมือถือทุกเครื่อง 📌 รัฐบาลจึงออกคำสั่งลงโทษหลายข้อ เช่น - ปรับเงินสูงสุด 30 ล้านวอน (~22,000 ดอลลาร์) - บังคับให้เพิ่มการตรวจสอบความปลอดภัยรายไตรมาส - ให้ CEO ดูแล data governance ด้วยตนเอง - ต้องเพิ่มทีมงานและงบลงทุนด้าน Cybersecurity ทาง SK Telecom ยอมรับความผิด และประกาศมาตรการชดเชย เช่น → แจก ส่วนลดค่าบริการ 50% ตลอดเดือนสิงหาคม ให้ลูกค้า 24 ล้านคน → แจก ซิม USIM ใหม่ฟรีให้กับลูกค้าทั้งหมด 23 ล้านคน (ณ สิ้น มิ.ย. มี 9.39 ล้านคนมาเปลี่ยนแล้ว) → ทุ่มงบ 700 พันล้านวอน (~513 ล้านดอลลาร์) ในช่วง 5 ปีเพื่อปรับปรุงระบบความปลอดภัย → ลดเป้ารายได้ปี 2025 ลงไป 800 พันล้านวอน เพื่อสะท้อนต้นทุนที่ใช้ในการชดเชยและระบบป้องกันใหม่ ประธานกลุ่ม SK ยังออกมาขอโทษต่อสังคม และรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์เกาหลีก็ย้ำว่า “เหตุการณ์นี้คือ wake-up call ด้านความมั่นคงไซเบอร์ของทั้งอุตสาหกรรมโทรคมนาคม” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/south-korea-penalises-039negligent039-sk-telecom-over-major-data-leak
    WWW.THESTAR.COM.MY
    South Korea penalises 'negligent' SK Telecom over major data leak
    SEOUL (Reuters) -South Korean authorities ordered on Friday SK Telecom to strengthen data security and imposed a fine after the country's biggest mobile carrier was hit by a cyberattack that caused the leak of 26.96 million pieces of user data.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสาร์–อาทิตย์เราไม่หยุดพักผ่อน แต่ทีมเราเฝ้าระบบให้ลูกค้าแบบไม่มีพัก!
    เพราะเราเข้าใจว่า
    ระบบต้องพร้อมเสมอ
    ปัญหาไม่เลือกวันเกิด
    ลูกค้าไม่ควรรอให้วันจันทร์มาถึง
    ทีมเราพร้อมดูแล ตรวจสอบ และแจ้งเตือนทุกความผิดปกติ
    ตลอด 24/7 แบบเรียลไทม์
    ไม่ว่าคุณจะมีระบบ VPN, RADIUS, Server, หรือ Web App
    เราเฝ้าให้เสมอ เหมือนมี Dev นั่งเฝ้าหน้าจอข้าง ๆ คุณตลอดเวลา
    “หยุดแค่ปฏิทิน แต่ระบบไม่เคยหยุด
    และเราก็ไม่เคยละสายตา”
    #ThinkableIT #ITสายเฝ้า #ดูแลระบบ24x7
    #วันหยุดแต่ระบบไม่หยุด #ทีมซัพพอร์ตไม่เคยหลับ
    #เสาร์อาทิตย์เราก็ทำงาน
    🛠️ เสาร์–อาทิตย์เราไม่หยุดพักผ่อน แต่ทีมเราเฝ้าระบบให้ลูกค้าแบบไม่มีพัก! เพราะเราเข้าใจว่า ✅ ระบบต้องพร้อมเสมอ ✅ ปัญหาไม่เลือกวันเกิด ✅ ลูกค้าไม่ควรรอให้วันจันทร์มาถึง ทีมเราพร้อมดูแล ตรวจสอบ และแจ้งเตือนทุกความผิดปกติ ตลอด 24/7 แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าคุณจะมีระบบ VPN, RADIUS, Server, หรือ Web App เราเฝ้าให้เสมอ เหมือนมี Dev นั่งเฝ้าหน้าจอข้าง ๆ คุณตลอดเวลา 👨‍💻 “หยุดแค่ปฏิทิน แต่ระบบไม่เคยหยุด และเราก็ไม่เคยละสายตา” #ThinkableIT #ITสายเฝ้า #ดูแลระบบ24x7 #วันหยุดแต่ระบบไม่หยุด #ทีมซัพพอร์ตไม่เคยหลับ #เสาร์อาทิตย์เราก็ทำงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนกลับไปปี 2022 Samsung เริ่มลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ที่เมือง Taylor, Texas ด้วยความหวังจะยึดหัวหาดในตลาดอเมริกา

    → เดิมวางแผนใช้สายการผลิตระดับ 4nm และต่อมาอัปเกรดไปเป็น 2nm เพื่อแข่งขันกับ TSMC/Intel → ทุ่มงบจากเดิม $17B เพิ่มเป็น $44B → รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กว่า $6.6B

    แต่ถึงตอนนี้...อุปกรณ์เครื่องจักรยังไม่ได้ติดตั้ง และแหล่งข่าวบอกว่า เหตุผลสำคัญคือ “ยังไม่มีลูกค้า” และ “ความต้องการชิประดับนี้ในสหรัฐฯ ยังน้อย”

    ตรงกันข้ามกับ TSMC ที่โรงงานในแอริโซนาแม้ผลิตชิปราคาแพงกว่าจากต่างประเทศ แต่ มีลูกค้าเต็มล่วงหน้าถึงปี 2027 แล้ว เช่น Apple, AMD, Nvidia, Qualcomm

    สรุปคือ: Samsung อาจสร้างโรงงานทัน แต่ถ้าไม่มีลูกค้ามารอใช้สายการผลิต — ก็ยังเดินหน้าต่อไม่ได้

    Samsung ชะลอการเปิดโรงงานผลิตชิปที่ Taylor, Texas มูลค่า $44,000 ล้าน  
    • แม้โครงสร้างก่อสร้างจะเสร็จแล้ว 92% ณ มีนาคม 2024  
    • เดิมมีกำหนดแล้วเสร็จเมษายน 2024 แต่ถูกเลื่อนไปตุลาคม

    เหตุหลักของความล่าช้า: “ยังไม่มีลูกค้า และ node 4nm ที่วางแผนไว้ไม่ตรงกับตลาดปัจจุบัน”  
    • บริษัทวางแผนอัปเกรดเป็น 2nm แต่ต้องใช้เวลา–เงิน–คน–เทคโนโลยีจำนวนมาก

    เปรียบเทียบกับ TSMC ที่ Fab 21 ในรัฐแอริโซนา
    • ผลิตชิประดับ 4nm  
    • ลูกค้าหลัก: Apple, AMD, Nvidia, Broadcom  
    • ปริมาณการสั่งผลิตถูกจองหมดถึงปี 2027 แม้ราคาสูง

    Samsung มีตลาดโรงหล่อ (foundry market share) เพียง 7.7% เทียบกับ TSMC ที่ถือ 68%

    แม้เทคโนโลยีพร้อม แต่ยังต้องสร้างทีมงาน ทดสอบอุปกรณ์ และรับมือกับต้นทุนติดตั้งที่สูง (เฉพาะ EUV เครื่องพิมพ์ลายวงจร ก็ใช้เวลาติดตั้งนานมาก)

    Samsung ยืนยันว่าจะเดินหน้าเปิดโรงงานให้ทันปี 2026 เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์เงินสนับสนุนจาก CHIPS Act

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-delays-usd44-billion-texas-chip-fab-sources-say-completion-halted-because-there-are-no-customers
    ย้อนกลับไปปี 2022 Samsung เริ่มลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ที่เมือง Taylor, Texas ด้วยความหวังจะยึดหัวหาดในตลาดอเมริกา → เดิมวางแผนใช้สายการผลิตระดับ 4nm และต่อมาอัปเกรดไปเป็น 2nm เพื่อแข่งขันกับ TSMC/Intel → ทุ่มงบจากเดิม $17B เพิ่มเป็น $44B → รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กว่า $6.6B แต่ถึงตอนนี้...อุปกรณ์เครื่องจักรยังไม่ได้ติดตั้ง และแหล่งข่าวบอกว่า เหตุผลสำคัญคือ “ยังไม่มีลูกค้า” และ “ความต้องการชิประดับนี้ในสหรัฐฯ ยังน้อย” ตรงกันข้ามกับ TSMC ที่โรงงานในแอริโซนาแม้ผลิตชิปราคาแพงกว่าจากต่างประเทศ แต่ มีลูกค้าเต็มล่วงหน้าถึงปี 2027 แล้ว เช่น Apple, AMD, Nvidia, Qualcomm สรุปคือ: Samsung อาจสร้างโรงงานทัน แต่ถ้าไม่มีลูกค้ามารอใช้สายการผลิต — ก็ยังเดินหน้าต่อไม่ได้ ✅ Samsung ชะลอการเปิดโรงงานผลิตชิปที่ Taylor, Texas มูลค่า $44,000 ล้าน   • แม้โครงสร้างก่อสร้างจะเสร็จแล้ว 92% ณ มีนาคม 2024   • เดิมมีกำหนดแล้วเสร็จเมษายน 2024 แต่ถูกเลื่อนไปตุลาคม ✅ เหตุหลักของความล่าช้า: “ยังไม่มีลูกค้า และ node 4nm ที่วางแผนไว้ไม่ตรงกับตลาดปัจจุบัน”   • บริษัทวางแผนอัปเกรดเป็น 2nm แต่ต้องใช้เวลา–เงิน–คน–เทคโนโลยีจำนวนมาก ✅ เปรียบเทียบกับ TSMC ที่ Fab 21 ในรัฐแอริโซนา • ผลิตชิประดับ 4nm   • ลูกค้าหลัก: Apple, AMD, Nvidia, Broadcom   • ปริมาณการสั่งผลิตถูกจองหมดถึงปี 2027 แม้ราคาสูง ✅ Samsung มีตลาดโรงหล่อ (foundry market share) เพียง 7.7% เทียบกับ TSMC ที่ถือ 68% ✅ แม้เทคโนโลยีพร้อม แต่ยังต้องสร้างทีมงาน ทดสอบอุปกรณ์ และรับมือกับต้นทุนติดตั้งที่สูง (เฉพาะ EUV เครื่องพิมพ์ลายวงจร ก็ใช้เวลาติดตั้งนานมาก) ✅ Samsung ยืนยันว่าจะเดินหน้าเปิดโรงงานให้ทันปี 2026 เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์เงินสนับสนุนจาก CHIPS Act https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-delays-usd44-billion-texas-chip-fab-sources-say-completion-halted-because-there-are-no-customers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้บริษัทต่าง ๆ จะลงเงินลงทุนมหาศาลเพื่อนำ “AI Assistant” มาช่วยงานในคอลเซนเตอร์ ทั้งในแง่การถอดเสียงพูดเป็นข้อความ สรุปการสนทนา หรือช่วยตรวจจับอารมณ์ของลูกค้า → แต่ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจีนและบริษัทพลังงานที่ใช้ระบบนี้จริง กลับเผยว่า AI สร้าง “ปัญหามากกว่าความช่วยเหลือ” สำหรับพนักงานแนวหน้าอย่างแท้จริง

    ตัวอย่างปัญหาที่เจอ:
    - ถอดเสียงพูดเป็นข้อความแบบผิด ๆ
    - อ่านเบอร์โทรศัพท์จากเสียงผิดพลาด
    - เข้าใจคำพ้องเสียง (homophones) ผิด
    - สรุปบทสนทนาไม่ตรงประเด็น
    - ตรวจจับอารมณ์คนผิด (เช่น แค่พูดเสียงดัง → ถูกตีความว่าโกรธ)

    แม้จะลดงานพิมพ์เอกสารได้นิดหน่อย แต่พนักงานต้องเสียเวลาตรวจ–แก้เนื้อหาเกือบทั้งหมด บางคนถึงขั้นบอกว่า “AI ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิดเลย” และสุดท้ายต้องทำเองแทบทั้งหมดอยู่ดี

    AI Assistant สำหรับคอลเซนเตอร์ ถูกประเมินว่า “ช่วยบางเรื่อง แต่อยู่ไกลจากคำว่าอัจฉริยะ”  
    • ประสิทธิภาพยังไม่ถึงขั้นแทนที่การทำงานของพนักงานได้จริง

    ถอดเสียง (Speech-to-Text) มีความผิดพลาดสูง  
    • ฟังสำเนียงหลากหลายไม่ออก  
    • ถอดหมายเลขผิด ทำให้ต้องกรอกเอง

    เข้าใจคำพ้องเสียงผิด (เช่น knew vs. new)  
    • ทำให้ความหมายในบทสนทนาเพี้ยน

    Emotion Detection มีความคลาดเคลื่อน  
    • แยกแยะอารมณ์ได้แค่ไม่กี่แบบ  
    • เข้าใจผิดว่า “เสียงดัง = โกรธ” ทั้งที่ผู้พูดแค่เสียงใหญ่  
    • พนักงานส่วนใหญ่เลือก “มองข้าม” แท็กอารมณ์จาก AI

    AI ช่วยลดงานพิมพ์นิดหน่อย แต่ผลลัพธ์ยังไม่พร้อมใช้ทันที  
    • ต้องแก้ไขสรุปการสนทนาเยอะ  
    • มักพลาดข้อมูลสำคัญจากลูกค้า

    การศึกษาชี้ว่า AI เพิ่ม “ภาระการเรียนรู้” ให้พนักงานมากกว่าที่คาด  
    • ต้องเรียนรู้วิธีแก้ข้อมูลจาก AI  
    • ทำให้ไม่ได้ประหยัดเวลาจริงเท่าไร

    Gartner คาดการณ์ว่าเกิน 40% ของโปรเจกต์ Agentic AI จะถูกยกเลิกภายในปี 2027  
    • และกว่า 50% ขององค์กรที่ตั้งใจใช้ AI แทนคน จะ “ทบทวนแผน”

    https://www.techspot.com/news/108547-call-center-workers-their-ai-assistants-create-more.html
    แม้บริษัทต่าง ๆ จะลงเงินลงทุนมหาศาลเพื่อนำ “AI Assistant” มาช่วยงานในคอลเซนเตอร์ ทั้งในแง่การถอดเสียงพูดเป็นข้อความ สรุปการสนทนา หรือช่วยตรวจจับอารมณ์ของลูกค้า → แต่ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจีนและบริษัทพลังงานที่ใช้ระบบนี้จริง กลับเผยว่า AI สร้าง “ปัญหามากกว่าความช่วยเหลือ” สำหรับพนักงานแนวหน้าอย่างแท้จริง ตัวอย่างปัญหาที่เจอ: - ถอดเสียงพูดเป็นข้อความแบบผิด ๆ - อ่านเบอร์โทรศัพท์จากเสียงผิดพลาด - เข้าใจคำพ้องเสียง (homophones) ผิด - สรุปบทสนทนาไม่ตรงประเด็น - ตรวจจับอารมณ์คนผิด (เช่น แค่พูดเสียงดัง → ถูกตีความว่าโกรธ) แม้จะลดงานพิมพ์เอกสารได้นิดหน่อย แต่พนักงานต้องเสียเวลาตรวจ–แก้เนื้อหาเกือบทั้งหมด บางคนถึงขั้นบอกว่า “AI ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิดเลย” และสุดท้ายต้องทำเองแทบทั้งหมดอยู่ดี ✅ AI Assistant สำหรับคอลเซนเตอร์ ถูกประเมินว่า “ช่วยบางเรื่อง แต่อยู่ไกลจากคำว่าอัจฉริยะ”   • ประสิทธิภาพยังไม่ถึงขั้นแทนที่การทำงานของพนักงานได้จริง ✅ ถอดเสียง (Speech-to-Text) มีความผิดพลาดสูง   • ฟังสำเนียงหลากหลายไม่ออก   • ถอดหมายเลขผิด ทำให้ต้องกรอกเอง ✅ เข้าใจคำพ้องเสียงผิด (เช่น knew vs. new)   • ทำให้ความหมายในบทสนทนาเพี้ยน ✅ Emotion Detection มีความคลาดเคลื่อน   • แยกแยะอารมณ์ได้แค่ไม่กี่แบบ   • เข้าใจผิดว่า “เสียงดัง = โกรธ” ทั้งที่ผู้พูดแค่เสียงใหญ่   • พนักงานส่วนใหญ่เลือก “มองข้าม” แท็กอารมณ์จาก AI ✅ AI ช่วยลดงานพิมพ์นิดหน่อย แต่ผลลัพธ์ยังไม่พร้อมใช้ทันที   • ต้องแก้ไขสรุปการสนทนาเยอะ   • มักพลาดข้อมูลสำคัญจากลูกค้า ✅ การศึกษาชี้ว่า AI เพิ่ม “ภาระการเรียนรู้” ให้พนักงานมากกว่าที่คาด   • ต้องเรียนรู้วิธีแก้ข้อมูลจาก AI   • ทำให้ไม่ได้ประหยัดเวลาจริงเท่าไร ✅ Gartner คาดการณ์ว่าเกิน 40% ของโปรเจกต์ Agentic AI จะถูกยกเลิกภายในปี 2027   • และกว่า 50% ขององค์กรที่ตั้งใจใช้ AI แทนคน จะ “ทบทวนแผน” https://www.techspot.com/news/108547-call-center-workers-their-ai-assistants-create-more.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Call center workers say their AI assistants create more problems than they solve
    A study carried out by researchers from several Chinese universities and a Chinese power company looked at what impact AI assistants were having on the plant's customer...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพว่าบริษัทของเราวางระบบบางส่วนไว้ที่ AWS เพราะคุ้นมือ บางแอปก็ใช้อยู่บน Azure หรือ Google Cloud เพราะลูกค้าหรือแผนกอื่นต้องการ → ถ้าเราไม่มีระบบมองภาพรวมที่ดีพอ...ความเสี่ยงก็ตามมาแบบเงียบ ๆ เลยครับ เช่น

    - เห็น Logs ฝั่งนึงชัด แต่อีกฝั่งกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไร
    - Security policy ไม่เสมอกัน → สุดท้ายเกิด “ช่องโหว่จุดเดียวทำลายทั้งองค์กร” ได้
    - แอดมินที่เก่ง AWS อาจทำอะไรไม่ถูกใน Azure (เพราะ CLI, API, IAM ต่างกันหมด)
    - มี API ฝังไว้หลายตัวแต่ไม่มีใครจำได้ว่าเคยให้สิทธิ์อะไรไป

    บทความนี้สรุป 5 ปัจจัยหลักที่ CISO (Chief Information Security Officer) ต้องรับมือให้ได้ พร้อมเสนอแนวทางคร่าว ๆ ที่นำไปปรับใช้ได้เลยครับ

    สรุป 5 ความท้าทายหลักในการจัดการ Multicloud Security:
    1️⃣. ขาดมุมมองภาพรวม (Visibility) ที่ครอบคลุมทุกคลาวด์  
    • องค์กรมักเริ่มจากคลาวด์เดียวที่คุ้นเคย → มี Visibility ดี  
    • แต่พอขยายไปหลายผู้ให้บริการ → เริ่มมองไม่เห็นภาพรวม
    • ข้อมูลกระจัดกระจายตาม Tool ของแต่ละคลาวด์  
    • แนะนำ: ใช้ Cloud-Native Application Protection Platform (CNAPP) เพื่อรวมภาพรวมการเฝ้าระวัง

    2️⃣. จะใช้ Security Program แบบรวมศูนย์หรือแยกตามคลาวด์ดี?  
    • แบบรวมศูนย์: สะดวกแต่อาจไม่ได้ใช้ความสามารถเฉพาะของคลาวด์นั้น ๆ  
    • แบบแยกตามคลาวด์: ได้ประสิทธิภาพแต่ต้องจัดการหลายทีม หลายกระบวนการ  
    • แนะนำ: เลือกกลยุทธ์ตาม tradeoff ที่เหมาะกับโครงสร้างคน + ความเสี่ยงขององค์กร

    3️⃣. ขาดทักษะหลากหลายให้ครอบคลุมทุกคลาวด์  
    • ทีมที่เก่ง AWS อาจไม่คุ้น Azure/GCP  
    • Logs, API, IAM ในแต่ละคลาวด์มีโครงสร้างต่างกัน  
    • แนะนำ: ลงทุนอบรมทีมให้เชี่ยวชาญหลากหลาย หรือใช้ทีมเฉพาะทางแยกตามคลาวด์

    4️⃣. การตั้งค่าผิดพลาด (Misconfigurations)  
    • คลาวด์แต่ละรายมี API, ระบบ, ชื่อเรียก และ Policy ไม่เหมือนกัน  
    • บ่อยครั้งเกิดจากการเข้าใจผิด หรือใช้ default setting  
    • เคยมีรายงานว่า 23% ของ Incident บนคลาวด์เกิดจาก “misconfiguration”  
    • แนะนำ: ใช้เครื่องมือ automation ที่ตรวจสอบ config ได้แบบ cross-cloud เช่น CSPM

    5️⃣. การจัดการ “ตัวตน” และสิทธิ์เข้าถึง (Identity & Access Management – IAM)  
    • IAM บนแต่ละคลาวด์ไม่เหมือนกัน → สร้าง Policy รวมยาก  
    • ต้องดูแลทั้ง User, Role, Token, API, Service Account  
    • แนะนำ: สร้างระบบ IAM แบบรวมศูนย์ พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบชัดเจน → เน้น privileged access ก่อน

    https://www.csoonline.com/article/4009247/5-multicloud-security-challenges-and-how-to-address-them.html
    ลองนึกภาพว่าบริษัทของเราวางระบบบางส่วนไว้ที่ AWS เพราะคุ้นมือ บางแอปก็ใช้อยู่บน Azure หรือ Google Cloud เพราะลูกค้าหรือแผนกอื่นต้องการ → ถ้าเราไม่มีระบบมองภาพรวมที่ดีพอ...ความเสี่ยงก็ตามมาแบบเงียบ ๆ เลยครับ เช่น - เห็น Logs ฝั่งนึงชัด แต่อีกฝั่งกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไร - Security policy ไม่เสมอกัน → สุดท้ายเกิด “ช่องโหว่จุดเดียวทำลายทั้งองค์กร” ได้ - แอดมินที่เก่ง AWS อาจทำอะไรไม่ถูกใน Azure (เพราะ CLI, API, IAM ต่างกันหมด) - มี API ฝังไว้หลายตัวแต่ไม่มีใครจำได้ว่าเคยให้สิทธิ์อะไรไป บทความนี้สรุป 5 ปัจจัยหลักที่ CISO (Chief Information Security Officer) ต้องรับมือให้ได้ พร้อมเสนอแนวทางคร่าว ๆ ที่นำไปปรับใช้ได้เลยครับ ✅ สรุป 5 ความท้าทายหลักในการจัดการ Multicloud Security: 1️⃣. ขาดมุมมองภาพรวม (Visibility) ที่ครอบคลุมทุกคลาวด์   • องค์กรมักเริ่มจากคลาวด์เดียวที่คุ้นเคย → มี Visibility ดี   • แต่พอขยายไปหลายผู้ให้บริการ → เริ่มมองไม่เห็นภาพรวม • ข้อมูลกระจัดกระจายตาม Tool ของแต่ละคลาวด์   • แนะนำ: ใช้ Cloud-Native Application Protection Platform (CNAPP) เพื่อรวมภาพรวมการเฝ้าระวัง 2️⃣. จะใช้ Security Program แบบรวมศูนย์หรือแยกตามคลาวด์ดี?   • แบบรวมศูนย์: สะดวกแต่อาจไม่ได้ใช้ความสามารถเฉพาะของคลาวด์นั้น ๆ   • แบบแยกตามคลาวด์: ได้ประสิทธิภาพแต่ต้องจัดการหลายทีม หลายกระบวนการ   • แนะนำ: เลือกกลยุทธ์ตาม tradeoff ที่เหมาะกับโครงสร้างคน + ความเสี่ยงขององค์กร 3️⃣. ขาดทักษะหลากหลายให้ครอบคลุมทุกคลาวด์   • ทีมที่เก่ง AWS อาจไม่คุ้น Azure/GCP   • Logs, API, IAM ในแต่ละคลาวด์มีโครงสร้างต่างกัน   • แนะนำ: ลงทุนอบรมทีมให้เชี่ยวชาญหลากหลาย หรือใช้ทีมเฉพาะทางแยกตามคลาวด์ 4️⃣. การตั้งค่าผิดพลาด (Misconfigurations)   • คลาวด์แต่ละรายมี API, ระบบ, ชื่อเรียก และ Policy ไม่เหมือนกัน   • บ่อยครั้งเกิดจากการเข้าใจผิด หรือใช้ default setting   • เคยมีรายงานว่า 23% ของ Incident บนคลาวด์เกิดจาก “misconfiguration”   • แนะนำ: ใช้เครื่องมือ automation ที่ตรวจสอบ config ได้แบบ cross-cloud เช่น CSPM 5️⃣. การจัดการ “ตัวตน” และสิทธิ์เข้าถึง (Identity & Access Management – IAM)   • IAM บนแต่ละคลาวด์ไม่เหมือนกัน → สร้าง Policy รวมยาก   • ต้องดูแลทั้ง User, Role, Token, API, Service Account   • แนะนำ: สร้างระบบ IAM แบบรวมศูนย์ พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบชัดเจน → เน้น privileged access ก่อน https://www.csoonline.com/article/4009247/5-multicloud-security-challenges-and-how-to-address-them.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    5 multicloud security challenges — and how to address them
    From inadequate visibility to access management complexity, multicloud environments take baseline cloud security issues to another level.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระบบล่มไม่ได้นอน
    Log เยอะไม่อยากอ่าน
    ลูกค้าโทรมา… Dev ยังไม่ทันตอบ
    AI ตอบให้แล้วจ้าา
    องค์กรสมัยนี้มีระบบเยอะ:
    Network, Server, ERP, VPN, Firewall
    ทุกระบบมี Log และ “เสียงเตือน” ของมันเอง
    ปัญหาคือ — ไม่มีใครมานั่งไล่อ่านทันทั้งหมด
    เราใช้ AI มาช่วยจัดการให้:
    – วิเคราะห์ Log แบบ Real-time
    – แจ้งเตือนผ่าน Teams/Line/Telegram
    – สรุปให้เข้าใจง่าย พร้อมส่งถึง Dev หรือผู้ดูแลระบบ
    – เร็ว ๆ นี้: สื่อสารกับลูกค้าอัตโนมัติ (Auto Update)
    เพราะข้อมูลมันเยอะขึ้นทุกวัน…
    องค์กรต้องมี AI ไว้ช่วยเฝ้าแบบ 24/7
    #ThinkableIT #AIforMonitoring
    #ไม่ต้องเฝ้าLogให้เมื่อย #องค์กรต้องรอด
    #แจ้งก่อนพัง #ThinkableCyberReady
    #ZabbixAI #ทีมเรามีหุ่นเป็นเพื่อนงาน
    🎯 ระบบล่มไม่ได้นอน Log เยอะไม่อยากอ่าน ลูกค้าโทรมา… Dev ยังไม่ทันตอบ AI ตอบให้แล้วจ้าา 😎 องค์กรสมัยนี้มีระบบเยอะ: 🌐 Network, Server, ERP, VPN, Firewall ทุกระบบมี Log และ “เสียงเตือน” ของมันเอง ❗ ปัญหาคือ — ไม่มีใครมานั่งไล่อ่านทันทั้งหมด ✅ เราใช้ AI มาช่วยจัดการให้: – วิเคราะห์ Log แบบ Real-time – แจ้งเตือนผ่าน Teams/Line/Telegram – สรุปให้เข้าใจง่าย พร้อมส่งถึง Dev หรือผู้ดูแลระบบ – เร็ว ๆ นี้: สื่อสารกับลูกค้าอัตโนมัติ (Auto Update) เพราะข้อมูลมันเยอะขึ้นทุกวัน… องค์กรต้องมี AI ไว้ช่วยเฝ้าแบบ 24/7 🔧 #ThinkableIT #AIforMonitoring #ไม่ต้องเฝ้าLogให้เมื่อย #องค์กรต้องรอด #แจ้งก่อนพัง #ThinkableCyberReady #ZabbixAI #ทีมเรามีหุ่นเป็นเพื่อนงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • [เคสจริงเมื่อปี 2566]
    ย้อนดูผลงานทีม Thinkable ไปอบรมและส่งมอบระบบ RADIUS ให้ลูกค้าพร้อมใช้งานแบบจัดเต็ม
    ติดตั้งระบบ RADIUS สำหรับควบคุมสิทธิ์การใช้งานเครือข่าย
    พัฒนา Web UI จัดการผู้ใช้งานด้วยทีม Dev ภายใน
    พร้อมอบรมการใช้งานและแนวทางขยายระบบต่อในอนาคต
    ระบบนี้ช่วยให้องค์กร
    – จัดการการเข้าถึงเครือข่ายได้ปลอดภัยขึ้น
    – แยกสิทธิ์การใช้งานตามหน่วยงาน
    – ตรวจสอบย้อนหลังได้ชัดเจนแบบ real-time
    ขอบคุณ ที่ให้โอกาสเราร่วมพัฒนาความมั่นคงเครือข่าย
    แม้ผ่านมา 2 ปี...
    ระบบนี้ยังใช้ได้ดี และกลายเป็นต้นแบบให้หลายองค์กร!
    #ThinkableIT #RADIUS #NetworkSecurity
    #เคสจริง2566 #ทีมDevสายซัพพอร์ต
    📡 [เคสจริงเมื่อปี 2566] ย้อนดูผลงานทีม Thinkable ไปอบรมและส่งมอบระบบ RADIUS ให้ลูกค้าพร้อมใช้งานแบบจัดเต็ม ✅ ติดตั้งระบบ RADIUS สำหรับควบคุมสิทธิ์การใช้งานเครือข่าย ✅ พัฒนา Web UI จัดการผู้ใช้งานด้วยทีม Dev ภายใน ✅ พร้อมอบรมการใช้งานและแนวทางขยายระบบต่อในอนาคต ระบบนี้ช่วยให้องค์กร – จัดการการเข้าถึงเครือข่ายได้ปลอดภัยขึ้น – แยกสิทธิ์การใช้งานตามหน่วยงาน – ตรวจสอบย้อนหลังได้ชัดเจนแบบ real-time 🙌 ขอบคุณ ที่ให้โอกาสเราร่วมพัฒนาความมั่นคงเครือข่าย แม้ผ่านมา 2 ปี... ระบบนี้ยังใช้ได้ดี และกลายเป็นต้นแบบให้หลายองค์กร! #ThinkableIT #RADIUS #NetworkSecurity #เคสจริง2566 #ทีมDevสายซัพพอร์ต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • เว็บล่มเพราะคนแห่เข้าเยอะ! แล้วจะแก้ยังไงดี? เล่าให้ฟังแบบบ้านๆ
    เคยเจอไหม?
    อยู่ดีๆ เว็บที่เปิดใช้งานได้ปกติทุกวัน จู่ๆ ก็เปิดไม่ขึ้น ช้าเป็นเต่า หรือแย่กว่านั้นคือ “ล่ม” ไปเลย...
    ปัญหานี้เจอบ่อยมาก โดยเฉพาะช่วงที่คนเข้าเว็บเยอะพร้อมกัน เช่น
    ลงทะเบียนกิจกรรม
    เปิดขายบัตรคอนเสิร์ต
    ปล่อยโปรโมชันเด็ดๆ
    หรือลงทะเบียนวัคซีน (จำกันได้ใช่ไหม )
    แล้วมันเกิดจากอะไร?
    ส่วนใหญ่คือ "เว็บรองรับปริมาณคนไม่ไหว" ครับ
    เหมือนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ แต่คนมาต่อแถวยาวหลายร้อยคน... ร้านก็ล้มแน่ๆ
    ---
    แล้วจะแก้ยังไงดี? มีหลายวิธีเลยนะ ลองดู
    1. เพิ่มขนาด Server (Scale up/Scale out)
    เปรียบง่ายๆ คือ เพิ่มโต๊ะ เพิ่มคนเสิร์ฟในร้านให้ทันลูกค้า
    ใช้เซิร์ฟเวอร์ที่แรงขึ้น (CPU, RAM เยอะขึ้น)
    หรือกระจายโหลดไปหลายเครื่อง (Load balancing)
    2. ใส่คิว/จำกัดจำนวนคนเข้า (Queue system)
    เหมือนให้คนรับบัตรคิว ไม่ให้ทุกคนพุ่งเข้ามาพร้อมกัน
    คนที่เข้ามาก่อนได้เข้าก่อน
    ลดความเสี่ยงระบบพัง
    3. ใช้ CDN ช่วยโหลดไฟล์หน้าเว็บ (Content Delivery Network)
    เอาไฟล์พวกรูป/สคริปต์ไปไว้ตามศูนย์ข้อมูลทั่วโลก ให้โหลดจากใกล้บ้าน
    ลดภาระเครื่องแม่
    หน้าเว็บโหลดไวขึ้น
    4. แคช (Cache) หน้าเว็บไว้ล่วงหน้า
    ถ้าหน้าเว็บไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ก็ควรทำให้แสดงแบบสำเร็จรูปไปเลย
    ไม่ต้องให้ server ประมวลผลทุกครั้ง
    เสถียรกว่าเยอะ
    5. ทดสอบโหลดล่วงหน้า (Load Test)
    อย่ารอวันจริงแล้วค่อยลุ้น
    ทดสอบก่อนว่าเว็บรับได้กี่คน
    เตรียมแผนเผื่อเอาไว้ก่อนเจอศึกจริง
    ---
    สรุปคือ…
    "เว็บล่ม" ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่แก้ได้ ถ้ารู้ว่าต้องเตรียมอะไรไว้บ้าง
    เพราะไม่มีใครอยากให้ลูกค้าเปิดเว็บเราแล้วเจอแต่ Error หรอก จริงไหม?
    ถ้าใครกำลังเจอปัญหาแบบนี้ ลองมาคุยกันได้นะ
    เราผ่านสมรภูมิเว็บล่มมาหลายงานแล้ว
    ทักแชทมาได้เลย หรือโทรมาก็ได้ครับ
    Line: @518bnitj
    โทร: 080-986-8336
    #เว็บล่ม #คนเข้าเยอะ #แก้เว็บล่ม #Devสายหมาป่า #Thinkableทำจริงดูแลจริง
    💥เว็บล่มเพราะคนแห่เข้าเยอะ! แล้วจะแก้ยังไงดี? เล่าให้ฟังแบบบ้านๆ💥 เคยเจอไหม? อยู่ดีๆ เว็บที่เปิดใช้งานได้ปกติทุกวัน จู่ๆ ก็เปิดไม่ขึ้น ช้าเป็นเต่า หรือแย่กว่านั้นคือ “ล่ม” ไปเลย... 📌 ปัญหานี้เจอบ่อยมาก โดยเฉพาะช่วงที่คนเข้าเว็บเยอะพร้อมกัน เช่น ลงทะเบียนกิจกรรม เปิดขายบัตรคอนเสิร์ต ปล่อยโปรโมชันเด็ดๆ หรือลงทะเบียนวัคซีน (จำกันได้ใช่ไหม 😅) แล้วมันเกิดจากอะไร? ส่วนใหญ่คือ "เว็บรองรับปริมาณคนไม่ไหว" ครับ เหมือนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ แต่คนมาต่อแถวยาวหลายร้อยคน... ร้านก็ล้มแน่ๆ --- 🔧 แล้วจะแก้ยังไงดี? มีหลายวิธีเลยนะ ลองดู 1. เพิ่มขนาด Server (Scale up/Scale out) 👉 เปรียบง่ายๆ คือ เพิ่มโต๊ะ เพิ่มคนเสิร์ฟในร้านให้ทันลูกค้า ใช้เซิร์ฟเวอร์ที่แรงขึ้น (CPU, RAM เยอะขึ้น) หรือกระจายโหลดไปหลายเครื่อง (Load balancing) 2. ใส่คิว/จำกัดจำนวนคนเข้า (Queue system) 👉 เหมือนให้คนรับบัตรคิว ไม่ให้ทุกคนพุ่งเข้ามาพร้อมกัน คนที่เข้ามาก่อนได้เข้าก่อน ลดความเสี่ยงระบบพัง 3. ใช้ CDN ช่วยโหลดไฟล์หน้าเว็บ (Content Delivery Network) 👉 เอาไฟล์พวกรูป/สคริปต์ไปไว้ตามศูนย์ข้อมูลทั่วโลก ให้โหลดจากใกล้บ้าน ลดภาระเครื่องแม่ หน้าเว็บโหลดไวขึ้น 4. แคช (Cache) หน้าเว็บไว้ล่วงหน้า 👉 ถ้าหน้าเว็บไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ก็ควรทำให้แสดงแบบสำเร็จรูปไปเลย ไม่ต้องให้ server ประมวลผลทุกครั้ง เสถียรกว่าเยอะ 5. ทดสอบโหลดล่วงหน้า (Load Test) 👉 อย่ารอวันจริงแล้วค่อยลุ้น ทดสอบก่อนว่าเว็บรับได้กี่คน เตรียมแผนเผื่อเอาไว้ก่อนเจอศึกจริง --- 💬 สรุปคือ… "เว็บล่ม" ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่แก้ได้ ถ้ารู้ว่าต้องเตรียมอะไรไว้บ้าง เพราะไม่มีใครอยากให้ลูกค้าเปิดเว็บเราแล้วเจอแต่ Error หรอก จริงไหม? ถ้าใครกำลังเจอปัญหาแบบนี้ ลองมาคุยกันได้นะ เราผ่านสมรภูมิเว็บล่มมาหลายงานแล้ว 😎 📩 ทักแชทมาได้เลย หรือโทรมาก็ได้ครับ Line: @518bnitj โทร: 080-986-8336 #เว็บล่ม #คนเข้าเยอะ #แก้เว็บล่ม #Devสายหมาป่า #Thinkableทำจริงดูแลจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts