• ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 1
    เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา
    พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ
    ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้
    นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่
    เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า
    เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ
    ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี
    เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม
    งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ
    ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส
    ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2
    สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ
    ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า
    เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน
    เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย …
    เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ
    นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม…
    เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 2
    ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย
    บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น....
    ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม
    นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ
    ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว
    แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา
    ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์
    กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร
    เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ
    เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้
    เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ
    แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน
    ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก
    ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่
    นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น
    และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง
    ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ
    จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที
    ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด
    OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย
    กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 1 เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้ นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2 สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย … เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม… เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 2 ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น.... ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์ กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้ เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่ นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 987 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน
    ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน

    วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว
    เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม
    กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว

    พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง

    วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน
    แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว

    เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา

    สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง

    สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว
    เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ

    ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank

    วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ
    ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา

    โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 882 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน
    ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน

    วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว
    เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม
    กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว

    พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง

    วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน
    แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว

    เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา

    สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง

    สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว
    เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ

    ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank

    วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ
    ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา

    โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 868 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพล่าสุดอาคารรัฐสภาของเนปาล หลังจากถูกกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z เผาทำลายทิ้ง เพื่อประท้วงรัฐบาล
    ภาพล่าสุดอาคารรัฐสภาของเนปาล หลังจากถูกกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z เผาทำลายทิ้ง เพื่อประท้วงรัฐบาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ”
    ตอนที่ 4
    สำหรับเหตุการณ์ขับไล่รัฐบาลโจรร้าย ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2556 ถึงปัจจุบัน ICG มีรายงานออกมา 3 ครั้ง
    – ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ออกมาประท้วงรัฐบาล ใส่ข้อมูลแนวเดียวกับสื่อหัวสี ข้อมูลฟอกย้อมจนขี้เกียจเขียนถึง แค่อ่านก็ออกอาการตึงมือขึ้นมาแล้ว แต่ ICG ยังไม่มีคำวิจารณ์หรือความเห็นเสนอ
    – ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานระบุว่าวิกฤติทางการเมืองเข้มข้นขึ้น เมื่อฝ่ายประท้วงเรื่องไม่รับกม.นิรโทษกรรม เปลี่ยนเป็นเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และขู่ว่าจะล้มการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ และมีแผนจะยึดกรุงเทพฯ และขับไล่ระบอบทักษิณแบบขุดรากถอนโคน
    และตั้งสภาประชาชน 400 คน นายสุเทพอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์แกนนำขู่ว่าจะ shut down กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014
    ฝ่ายกองทัพไม่ปฏิเสธว่าจะไม่มีการปฏิวัติ แต่ ICG ยังคงไม่มีความเห็นเสนอ
    – ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014 ใช้หัวข้อการรายงานว่า Conflict Alert รายงานว่า การประท้วงทำท่าจะก่อให้เกิดความรุนแรง และโอกาสที่จะมีการเจรจาอย่างสันติแทบจะไม่มีเลย และผู้ประท้วงมีแนวโน้ม จะสนับสนุนให้มีการรัฐประหารโดยกองทัพ การประท้วงัไม่ให้มีการเลือกตั้ง ทำให้เห็นชัดถึงทิศทางการเมืองของประเทศไทยว่า จะเป็นแบบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบ หรือเป็นการบริหารโดยสถาบันที่มีอำนาจอย่างเคย ๆ เช่น สถาบันกษัตริย์ และกองทัพ
    รายงานส่วนอื่น ถ้าไม่บอกว่าเป็นรายงานของ ICG ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่า อ่านรายงานของสำนักนายกฯ (เอ้ะ ชักสงสัยใครมันเขียนให้ใครกันแน่ ! ?)
    ที่น่าสนใจเป้าหมายของรายงาน ไม่ได้พุ่งไปที่ฝ่ายประท้วงรัฐบาลอย่างเดียว แต่พ่วงเอากองทัพเข้าไปด้วยว่า ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เหมือนเป็นการออกแบบให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่มี กองทัพได้ทำการรัฐประหารมาแล้ว 18 ครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ. 1932 ทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ และใช้กำลังอาวุธกับกลุ่มที่ออกมาแสดงความนิยมประชาธิปไตย เมื่อ ค.ศ. 1973, 1992 และ 2010 แต่ไม่เคยสักครั้งเดียว ที่จะออกมาแทรกแซงเพื่อช่วยรัฐบาลของทักษิณ!
    ICG ตบท้ายรายงานว่า ไม่มีหนทางใดที่จะนำไปสู่ความสันติ ถ้าเส้นทางนั้นไม่เคารพเสียข้างมากของผู้ลงคะแนน พร้อมกับให้คำแนะนำว่า
    – ประชาธิปัตย์ ควรจะกลับไปร่วมในขบวนการเลือกตั้ง
    – กองทัพ ต้องพยายามดูแลเหตุการณ์ความไม่สงบนี้ ตามวิถีประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้ง ทั้ง 2
    – ประเทศไทย จะต้องถึงจุดที่พิจารณาให้ชัดเจนว่า จะบริหารประเทศอย่างไร ซึ่งจำเป็นต้องมีการหารือในระดับชาติ ไม่ใช่เป็นความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง
    (ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าระหว่างรัฐบาลกับ ICG ใครมันสอนให้ใครพูดข้อความข้างต้นเพราะมันเหมือนกันจัง)
    ICG ยังสำทับอีกว่า ถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงความรุนแรง การหารือกันในระดับชาติถึงทางออกจากข้อขัดแย้ง ก็พอมีให้เห็นอย่างจาง ๆ แต่ว่าสำหรับกรุงเทพ ทางเลือกอื่นไม่ได้มีมากนัก ! (เขียนแบบนี้มันมีความหมายพิลึกนะ)
    ขณะนี้เขียนบทความนี้ ยังไม่รู้ว่า ICG จะทำงานได้ตามราคาคุยของนาย Evans แค่ไหน แต่อย่างน้อย พอมองเห็นว่า การทำงานของ ICG แผนก R&D ของนักล่า ได้ผลระดับหนึ่ง ในเรื่องต่อไปนี้
    – รัฐบาลภายใต้การนำของโจรร้าย และน้องสาวแสนโง่ เดินตามคำแนะนำของแผนก R&D ของนักล่า อย่างเคร่งครัด แต่ผลสำเร็จเกิดแค่ไหน คงต้องดูกันต่อไป
    – การพยายามให้โลกเข้าข้างฝ่ายที่ ICG กำลังสนับสนุนอยู่ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเลวร้าย ไม่เป็นประชาธิปไตย ฯลฯ ขนาดไหน ได้ผลสูงและทำให้โลกตำหนิติเตียน ตั้งข้อสังเกต กับฝ่ายที่ไม่ได้เป็นตัวเล่นของ ICG จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน งงงวย กับบทบาทและเป้าหมายของตนเองกันเป็นแถว ๆ ก็นับว่าได้ผลไม่น้อยทีเดียว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ” ตอนที่ 4 สำหรับเหตุการณ์ขับไล่รัฐบาลโจรร้าย ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2556 ถึงปัจจุบัน ICG มีรายงานออกมา 3 ครั้ง – ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ออกมาประท้วงรัฐบาล ใส่ข้อมูลแนวเดียวกับสื่อหัวสี ข้อมูลฟอกย้อมจนขี้เกียจเขียนถึง แค่อ่านก็ออกอาการตึงมือขึ้นมาแล้ว แต่ ICG ยังไม่มีคำวิจารณ์หรือความเห็นเสนอ – ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานระบุว่าวิกฤติทางการเมืองเข้มข้นขึ้น เมื่อฝ่ายประท้วงเรื่องไม่รับกม.นิรโทษกรรม เปลี่ยนเป็นเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และขู่ว่าจะล้มการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ และมีแผนจะยึดกรุงเทพฯ และขับไล่ระบอบทักษิณแบบขุดรากถอนโคน และตั้งสภาประชาชน 400 คน นายสุเทพอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์แกนนำขู่ว่าจะ shut down กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014 ฝ่ายกองทัพไม่ปฏิเสธว่าจะไม่มีการปฏิวัติ แต่ ICG ยังคงไม่มีความเห็นเสนอ – ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014 ใช้หัวข้อการรายงานว่า Conflict Alert รายงานว่า การประท้วงทำท่าจะก่อให้เกิดความรุนแรง และโอกาสที่จะมีการเจรจาอย่างสันติแทบจะไม่มีเลย และผู้ประท้วงมีแนวโน้ม จะสนับสนุนให้มีการรัฐประหารโดยกองทัพ การประท้วงัไม่ให้มีการเลือกตั้ง ทำให้เห็นชัดถึงทิศทางการเมืองของประเทศไทยว่า จะเป็นแบบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบ หรือเป็นการบริหารโดยสถาบันที่มีอำนาจอย่างเคย ๆ เช่น สถาบันกษัตริย์ และกองทัพ รายงานส่วนอื่น ถ้าไม่บอกว่าเป็นรายงานของ ICG ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่า อ่านรายงานของสำนักนายกฯ (เอ้ะ ชักสงสัยใครมันเขียนให้ใครกันแน่ ! ?) ที่น่าสนใจเป้าหมายของรายงาน ไม่ได้พุ่งไปที่ฝ่ายประท้วงรัฐบาลอย่างเดียว แต่พ่วงเอากองทัพเข้าไปด้วยว่า ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เหมือนเป็นการออกแบบให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่มี กองทัพได้ทำการรัฐประหารมาแล้ว 18 ครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ. 1932 ทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ และใช้กำลังอาวุธกับกลุ่มที่ออกมาแสดงความนิยมประชาธิปไตย เมื่อ ค.ศ. 1973, 1992 และ 2010 แต่ไม่เคยสักครั้งเดียว ที่จะออกมาแทรกแซงเพื่อช่วยรัฐบาลของทักษิณ! ICG ตบท้ายรายงานว่า ไม่มีหนทางใดที่จะนำไปสู่ความสันติ ถ้าเส้นทางนั้นไม่เคารพเสียข้างมากของผู้ลงคะแนน พร้อมกับให้คำแนะนำว่า – ประชาธิปัตย์ ควรจะกลับไปร่วมในขบวนการเลือกตั้ง – กองทัพ ต้องพยายามดูแลเหตุการณ์ความไม่สงบนี้ ตามวิถีประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้ง ทั้ง 2 – ประเทศไทย จะต้องถึงจุดที่พิจารณาให้ชัดเจนว่า จะบริหารประเทศอย่างไร ซึ่งจำเป็นต้องมีการหารือในระดับชาติ ไม่ใช่เป็นความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง (ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าระหว่างรัฐบาลกับ ICG ใครมันสอนให้ใครพูดข้อความข้างต้นเพราะมันเหมือนกันจัง) ICG ยังสำทับอีกว่า ถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงความรุนแรง การหารือกันในระดับชาติถึงทางออกจากข้อขัดแย้ง ก็พอมีให้เห็นอย่างจาง ๆ แต่ว่าสำหรับกรุงเทพ ทางเลือกอื่นไม่ได้มีมากนัก ! (เขียนแบบนี้มันมีความหมายพิลึกนะ) ขณะนี้เขียนบทความนี้ ยังไม่รู้ว่า ICG จะทำงานได้ตามราคาคุยของนาย Evans แค่ไหน แต่อย่างน้อย พอมองเห็นว่า การทำงานของ ICG แผนก R&D ของนักล่า ได้ผลระดับหนึ่ง ในเรื่องต่อไปนี้ – รัฐบาลภายใต้การนำของโจรร้าย และน้องสาวแสนโง่ เดินตามคำแนะนำของแผนก R&D ของนักล่า อย่างเคร่งครัด แต่ผลสำเร็จเกิดแค่ไหน คงต้องดูกันต่อไป – การพยายามให้โลกเข้าข้างฝ่ายที่ ICG กำลังสนับสนุนอยู่ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเลวร้าย ไม่เป็นประชาธิปไตย ฯลฯ ขนาดไหน ได้ผลสูงและทำให้โลกตำหนิติเตียน ตั้งข้อสังเกต กับฝ่ายที่ไม่ได้เป็นตัวเล่นของ ICG จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน งงงวย กับบทบาทและเป้าหมายของตนเองกันเป็นแถว ๆ ก็นับว่าได้ผลไม่น้อยทีเดียว คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 618 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หมอตุลย์" ลั่นทนไม่ไหว! จี้รัฐบาลเร่งแก้ปมชายแดน แนะนำปัญหาสู่เวทีโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/20465/
    .
    #นพตุลย์สิทธิสมวงศ์ #รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย #สถานการณ์ชายแดน #ทหารเหยียบกับระเบิด #ศาลรัฐธรรมนูญ #แพทองธารชินวัตร #ทักษิณชินวัตร #ปปช #การเมืองไทย #ประท้วงรัฐบาล
    "หมอตุลย์" ลั่นทนไม่ไหว! จี้รัฐบาลเร่งแก้ปมชายแดน แนะนำปัญหาสู่เวทีโลก https://www.thai-tai.tv/news/20465/ . #นพตุลย์สิทธิสมวงศ์ #รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย #สถานการณ์ชายแดน #ทหารเหยียบกับระเบิด #ศาลรัฐธรรมนูญ #แพทองธารชินวัตร #ทักษิณชินวัตร #ปปช #การเมืองไทย #ประท้วงรัฐบาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 615 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เขมรถ้าปิด,ไม่ง้อของไทย,แน่จริงปิดเลยมันว่า,ไทยจะขายสินค้าให้เขมรไม่ได้,ทำเงินบนแผ่นดินเขมรไม่ได้มันว่า,พี่น้องไทยเอ้ยว่าไง!!!,ทหารไทยเราเอ้ยว่าไง!!!,ทั้งหมดคือเหลี่ยมมันแน่ๆทำทีกลบคลองกลบคูรบ,เขมรมันตลบตอแหลไม่ซื่อทุกๆกรณี,ปิดด่านทั้งหมดตลอดพรมแดนสัก20ปีระยะสัันดูก่อนคงน่าสนใจ,ตัดน้ำตัดน้ำมันตัดไฟฟ้าต่อเนื่อง,ตัดเน็ตตัดสายเคเบิลเชื่อมถึงเขมรทั้งหมดทำระบบเน็ตประตูเดียวซิงเกลเก็ตเวย์ก็ว่า,ตัดทุกๆipและuserที่เป็นของคนเขมร,ปิดบัญชีธนาคารทั้งหมดที่เป็นของเขมรในประเทศทั้งแบบออฟไลน์เดินมาสาขาและออนไลน์ทั้งหมดแบบไอแบงค์กิ้งอีแบงค์กิ้ง,ปิดบัญชีคริปโตฯโทเคนทั้งหมดที่เป็นของคนเขมรหากมาเปิดบัญชีบนอธิปไตยแอปไทยคืออายัดยึดทั้งหมดก็ว่าตลอดจนเครื่องขุดเหมืองคริปโตฯออนไลน์ออฟไลน์ทั้งหมดหากมีอยู่ในดินแดนไทย,มีอุปกรณ์ตัดคลื่นความถี่คลื่นวิทยุคลื่นมือถือคลื่นเน็ตจะไวไฟทั้งหมดตลอดแนวพรมแดนไทยเรา,ห้ามคลื่นจากฝั่งเขมรปรากฎสัญญาณใดๆในฝั่งไทยและยากแก่การทำชั่วของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเขมรซึ่งนอกจากยกเลิกซิมมือถือของไทยทั้งหมดที่คนสัญชาติเขมรจดมะเบียนเปิดทะเบียนเพื่อขอใช้คลื่นภายในราชอาณาจักรไทย,คลื่นเน็ตคลื่นมือถือของไทยทั้งหมดห้ามคนเขมรใช้และคำสั่งทางทหารตัดตอนตัดการให้บริการผ่านซิมของมือถือค่ายของไทยและจดทะเบียนตั้งเป็นบริษัทในไทยทั้งหมดที่ให้บริการสัญญาณมือถือ,นี้คืออธิปไตยด้านใช้ข้อมูลสื่อสารไทยด้วย หากใจขลาดไม่เด็ดขาดตัดสินใจกระทำเช่นนี้จริง,เขมรจะใช้ซิมคนไทยซิมมือถือของไทยกระทำการทางชั่วสาระพัดทางได้ทั้งติดต่อสื่อสารส่งข่าวเป็นไส้ศึกภายในส่งออกไปประเทศเขมรเป็นอันง่าย ปลอกกล้วยเข้าปากมัน,เมื่อมันคือภัยคุกคามอธิปไตยถึงหน้ามึนขนาดนี้เราต้องไม่ถอนกำลังใดๆ,บอกมันตอนแรกให้ถอนมันหน้ามึนขนาดไหนเผาศาลาตรีมุขอีก,ทหารไทยเราต้องสั่งสอนมันให้สุดซอย,หมดยุคระยำของเขมรแบบเดิมๆแบบนี้แล้วคือกวาดล้างและกำจัดภัยคุกคามใดๆต่ออธิปไตยเราให้หมดรากหมดเหง้าหมดโคน,เหมือนผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลเลวรุ่นน้ำหมากนั้นล่ะ,เราเบื่อหน่ายแบบนั้นๆก็ด้วย,เดี๋ยวก็มาเนรคุณทรยศก่อโกลาหลเราคุกคามเราไม่หยุดหย่อนอีก,เราต้องสุดซอยจริงๆในเวลาจังหวะนี้ ,เขมรคือภัยของอาเชียนภัยของเอเชียภัยของโลกเป็นฮับสาระพัดศูนย์รวมความเลวชั่วจากทั่วโลกไปแล้วโดยเฉพาะจีนเทาและชาติเทาๆอื่นๆที่ย้ายฐานไปเขมรตั้งฐานทำชั่วในประเทศนี้แทนประเทศโคตรพ่อโคตรแมร่งมันที่สร้างภาพว่าเป็นประเทศดีงามก็ว่า,หรือนัยยะพื้นๆเขมรคือแหล่งค้ามนุษย์ของโลกในทางลับนั้นเองที่อีลิทปักเป็นอีกสถานที่หนึ่งบนโลกก็ว่า,แบนเขมรห้ามเข้าประเทศไทยแบบทรัมป์แบน12ชาติพลเมืองอย่างเป็นทางการเลย,คนไทยห้ามเข้าไปประเทศเขมรทุกๆกรณี,คว่ำบาตรเขมรทุกๆกรณีทั้งหมดก็ว่า,เพราะมันหมายคุกคามอธิปไตยดินแดนเราชัดเจน รุกรามอยากได้อ่าวไทยเราชัดเจนด้วยในทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลนั้นบนนัยยะการรุกรานปัจจุบันทั้งหมด,จึงต้องสุดซอยจริงๆ,เรามันยุคน้ำหมากแล้วนะจะมาเลอะเทอะไม่เด็ดขาดไม่ได้,ต้องทำเพื่อคนไทยรุ่นหลังเราให้มีภูมิกันไว้ถึง5,000ปีก็เอาถึงอีกพันสองพันปีก็ดี,ถึงสองสามร้อยปีก็ใช้ได้จนเชื่อว่าคนรุ่นหลังเราเมื่อจังหวะเวลานั้นมาถึงเข้าอาจทำได้สุดยอดสร้างภูมิยิ่งกว่าเรา,หรือกวาดล้างคนเนรคุณทรยศแบบคนเขมรสิ้นซากก็ได้หรืออดีตทหารกษัตริย์หรือกษัตริย์ชัยวรมันที่7กวาดล้างเขมรทรยศเนรคุณท่านสิ้นซากแทนก็ว่าคือเกิดใหม่ มิใช่แค่ทหารเอก5นายพลเกิดใหม่มาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขมรทรยศเนรคุณกลุ่มของชัยวรมันที่8ลูกหลานเขาก็ว่าแบบในอดีตใกล้ๆที่ผ่านมานั้น,
    ..ทหารพระราชาเราจัดการเด็ดขาดให้สุดซอยเลย,รวมถึงรัฐบาลสมคบคิดกับเขมรด้วยเป็นมิตรสหายที่ดีเหลือเกินมุ่งเจรจาอย่างเดียว,มาตรการอื่นใดคิดอ่านเหี้ยไม่เป็นห่าอะไร ขาดคุณสมบัติเป็นรัฐบาลสิ้นเชิง,สมควรลาออกทัังคณะ,ยุบสภาไป,หรือรอยึดอำนาจรัฐประหารก็ได้.

    https://youtube.com/shorts/ManMkF25sak?si=zErw5IgjSZ0Bp-d3
    ..เขมรถ้าปิด,ไม่ง้อของไทย,แน่จริงปิดเลยมันว่า,ไทยจะขายสินค้าให้เขมรไม่ได้,ทำเงินบนแผ่นดินเขมรไม่ได้มันว่า,พี่น้องไทยเอ้ยว่าไง!!!,ทหารไทยเราเอ้ยว่าไง!!!,ทั้งหมดคือเหลี่ยมมันแน่ๆทำทีกลบคลองกลบคูรบ,เขมรมันตลบตอแหลไม่ซื่อทุกๆกรณี,ปิดด่านทั้งหมดตลอดพรมแดนสัก20ปีระยะสัันดูก่อนคงน่าสนใจ,ตัดน้ำตัดน้ำมันตัดไฟฟ้าต่อเนื่อง,ตัดเน็ตตัดสายเคเบิลเชื่อมถึงเขมรทั้งหมดทำระบบเน็ตประตูเดียวซิงเกลเก็ตเวย์ก็ว่า,ตัดทุกๆipและuserที่เป็นของคนเขมร,ปิดบัญชีธนาคารทั้งหมดที่เป็นของเขมรในประเทศทั้งแบบออฟไลน์เดินมาสาขาและออนไลน์ทั้งหมดแบบไอแบงค์กิ้งอีแบงค์กิ้ง,ปิดบัญชีคริปโตฯโทเคนทั้งหมดที่เป็นของคนเขมรหากมาเปิดบัญชีบนอธิปไตยแอปไทยคืออายัดยึดทั้งหมดก็ว่าตลอดจนเครื่องขุดเหมืองคริปโตฯออนไลน์ออฟไลน์ทั้งหมดหากมีอยู่ในดินแดนไทย,มีอุปกรณ์ตัดคลื่นความถี่คลื่นวิทยุคลื่นมือถือคลื่นเน็ตจะไวไฟทั้งหมดตลอดแนวพรมแดนไทยเรา,ห้ามคลื่นจากฝั่งเขมรปรากฎสัญญาณใดๆในฝั่งไทยและยากแก่การทำชั่วของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเขมรซึ่งนอกจากยกเลิกซิมมือถือของไทยทั้งหมดที่คนสัญชาติเขมรจดมะเบียนเปิดทะเบียนเพื่อขอใช้คลื่นภายในราชอาณาจักรไทย,คลื่นเน็ตคลื่นมือถือของไทยทั้งหมดห้ามคนเขมรใช้และคำสั่งทางทหารตัดตอนตัดการให้บริการผ่านซิมของมือถือค่ายของไทยและจดทะเบียนตั้งเป็นบริษัทในไทยทั้งหมดที่ให้บริการสัญญาณมือถือ,นี้คืออธิปไตยด้านใช้ข้อมูลสื่อสารไทยด้วย หากใจขลาดไม่เด็ดขาดตัดสินใจกระทำเช่นนี้จริง,เขมรจะใช้ซิมคนไทยซิมมือถือของไทยกระทำการทางชั่วสาระพัดทางได้ทั้งติดต่อสื่อสารส่งข่าวเป็นไส้ศึกภายในส่งออกไปประเทศเขมรเป็นอันง่าย ปลอกกล้วยเข้าปากมัน,เมื่อมันคือภัยคุกคามอธิปไตยถึงหน้ามึนขนาดนี้เราต้องไม่ถอนกำลังใดๆ,บอกมันตอนแรกให้ถอนมันหน้ามึนขนาดไหนเผาศาลาตรีมุขอีก,ทหารไทยเราต้องสั่งสอนมันให้สุดซอย,หมดยุคระยำของเขมรแบบเดิมๆแบบนี้แล้วคือกวาดล้างและกำจัดภัยคุกคามใดๆต่ออธิปไตยเราให้หมดรากหมดเหง้าหมดโคน,เหมือนผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลเลวรุ่นน้ำหมากนั้นล่ะ,เราเบื่อหน่ายแบบนั้นๆก็ด้วย,เดี๋ยวก็มาเนรคุณทรยศก่อโกลาหลเราคุกคามเราไม่หยุดหย่อนอีก,เราต้องสุดซอยจริงๆในเวลาจังหวะนี้ ,เขมรคือภัยของอาเชียนภัยของเอเชียภัยของโลกเป็นฮับสาระพัดศูนย์รวมความเลวชั่วจากทั่วโลกไปแล้วโดยเฉพาะจีนเทาและชาติเทาๆอื่นๆที่ย้ายฐานไปเขมรตั้งฐานทำชั่วในประเทศนี้แทนประเทศโคตรพ่อโคตรแมร่งมันที่สร้างภาพว่าเป็นประเทศดีงามก็ว่า,หรือนัยยะพื้นๆเขมรคือแหล่งค้ามนุษย์ของโลกในทางลับนั้นเองที่อีลิทปักเป็นอีกสถานที่หนึ่งบนโลกก็ว่า,แบนเขมรห้ามเข้าประเทศไทยแบบทรัมป์แบน12ชาติพลเมืองอย่างเป็นทางการเลย,คนไทยห้ามเข้าไปประเทศเขมรทุกๆกรณี,คว่ำบาตรเขมรทุกๆกรณีทั้งหมดก็ว่า,เพราะมันหมายคุกคามอธิปไตยดินแดนเราชัดเจน รุกรามอยากได้อ่าวไทยเราชัดเจนด้วยในทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลนั้นบนนัยยะการรุกรานปัจจุบันทั้งหมด,จึงต้องสุดซอยจริงๆ,เรามันยุคน้ำหมากแล้วนะจะมาเลอะเทอะไม่เด็ดขาดไม่ได้,ต้องทำเพื่อคนไทยรุ่นหลังเราให้มีภูมิกันไว้ถึง5,000ปีก็เอาถึงอีกพันสองพันปีก็ดี,ถึงสองสามร้อยปีก็ใช้ได้จนเชื่อว่าคนรุ่นหลังเราเมื่อจังหวะเวลานั้นมาถึงเข้าอาจทำได้สุดยอดสร้างภูมิยิ่งกว่าเรา,หรือกวาดล้างคนเนรคุณทรยศแบบคนเขมรสิ้นซากก็ได้หรืออดีตทหารกษัตริย์หรือกษัตริย์ชัยวรมันที่7กวาดล้างเขมรทรยศเนรคุณท่านสิ้นซากแทนก็ว่าคือเกิดใหม่ มิใช่แค่ทหารเอก5นายพลเกิดใหม่มาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขมรทรยศเนรคุณกลุ่มของชัยวรมันที่8ลูกหลานเขาก็ว่าแบบในอดีตใกล้ๆที่ผ่านมานั้น, ..ทหารพระราชาเราจัดการเด็ดขาดให้สุดซอยเลย,รวมถึงรัฐบาลสมคบคิดกับเขมรด้วยเป็นมิตรสหายที่ดีเหลือเกินมุ่งเจรจาอย่างเดียว,มาตรการอื่นใดคิดอ่านเหี้ยไม่เป็นห่าอะไร ขาดคุณสมบัติเป็นรัฐบาลสิ้นเชิง,สมควรลาออกทัังคณะ,ยุบสภาไป,หรือรอยึดอำนาจรัฐประหารก็ได้. https://youtube.com/shorts/ManMkF25sak?si=zErw5IgjSZ0Bp-d3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 645 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเลบานอนยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนจริงขึ้นฟ้า เพื่อพยายามสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงชาวเลบานอนที่ออกมาประท้วงรัฐบาลด้วยการปิดถนนสู่สนามบินกรุงเบรุต จากการที่รัฐบาลปิดกั้นเที่ยวบินจากอิหร่าน

    มีการชูป้ายประท้วงที่มีข้อความระบุว่า "สนามบินจะไม่ใช่ของอิสราเอล" ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลของอิสราเอลที่มีต่ออำนาจอธิปไตยของเลบานอน

    สาเหตุที่ชาวเลบานอนไม่พอใจอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลทำตามแรงกดดันจากอิสราเอล โดยกล่าวหาว่าอิหร่านลักลอบส่งเงินให้สมาชิกฮิซบอลเลาะห์ จากสายการบินอิหร่าน

    มีรายงานว่า แม้แต่นักการเมืองในรัฐสภาเลบานอนที่ต่อต้านฮิซบอลเลาะห์ ก็แสดงความไม่พอใจจากการตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาลเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการให้เลบานอนอยู่ภายใต้อิทธิพลของอิสราเอล
    กองทัพเลบานอนยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนจริงขึ้นฟ้า เพื่อพยายามสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงชาวเลบานอนที่ออกมาประท้วงรัฐบาลด้วยการปิดถนนสู่สนามบินกรุงเบรุต จากการที่รัฐบาลปิดกั้นเที่ยวบินจากอิหร่าน มีการชูป้ายประท้วงที่มีข้อความระบุว่า "สนามบินจะไม่ใช่ของอิสราเอล" ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลของอิสราเอลที่มีต่ออำนาจอธิปไตยของเลบานอน สาเหตุที่ชาวเลบานอนไม่พอใจอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลทำตามแรงกดดันจากอิสราเอล โดยกล่าวหาว่าอิหร่านลักลอบส่งเงินให้สมาชิกฮิซบอลเลาะห์ จากสายการบินอิหร่าน มีรายงานว่า แม้แต่นักการเมืองในรัฐสภาเลบานอนที่ต่อต้านฮิซบอลเลาะห์ ก็แสดงความไม่พอใจจากการตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาลเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการให้เลบานอนอยู่ภายใต้อิทธิพลของอิสราเอล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 493 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเมืองโรมาเนียวุ่นหนัก!

    เคลาส์ โลฮันนิส (Klaus Iohannis) ประธานาธิบดีโรมาเนียประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยจะมีผลในวันพุธนี้ ก่อนจะถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยพรรคฝ่ายค้าน และถูกกดดันจากประชาชนที่ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลอย่างหนักเพื่อให้จัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด

    วาระการดำรงตำแหน่งของ Iohannis สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2024 แต่เขายังคงครองอำนาจต่อ หลังจากศาลสูงโรมาเนียตัดสินให้ผลการเลือกตั้งรอบแรกเป็นโมฆะเนื่องจากสงสัยว่ามี "การแทรกแซงของรัสเซีย" ซึ่งในครั้งนั้น คาลิน จอร์เจสคู (Călin Georgescu) ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง

    จอร์เจสคู ผู้สมัครชิงชัยประธานาธิบดี มีแนวคิดชาตินิยมที่ชื่นชมประธานาธิบดีปูติน และมักจะวิจารณ์อิทธิพลตะวันตกที่ครอบงำโรมาเนีย ได้รับการสนับสนุนอย่างมากมายทางออนไลน์จากประชาชนชาวโรมาเนียรุ่นใหม่ การก้าวขึ้นมาของเขาอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับโรมาเนีย ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับนาโต้อย่างมาก เนื่องจากโรมาเนียคือฐานกำลังหลักของนาโต้ที่คอยส่งอาวุธช่วยยูเครน และกดดันรัสเซียแถบทิศทางตะวันตก

    การเมืองโรมาเนียวุ่นหนัก! เคลาส์ โลฮันนิส (Klaus Iohannis) ประธานาธิบดีโรมาเนียประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยจะมีผลในวันพุธนี้ ก่อนจะถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยพรรคฝ่ายค้าน และถูกกดดันจากประชาชนที่ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลอย่างหนักเพื่อให้จัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด วาระการดำรงตำแหน่งของ Iohannis สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2024 แต่เขายังคงครองอำนาจต่อ หลังจากศาลสูงโรมาเนียตัดสินให้ผลการเลือกตั้งรอบแรกเป็นโมฆะเนื่องจากสงสัยว่ามี "การแทรกแซงของรัสเซีย" ซึ่งในครั้งนั้น คาลิน จอร์เจสคู (Călin Georgescu) ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง จอร์เจสคู ผู้สมัครชิงชัยประธานาธิบดี มีแนวคิดชาตินิยมที่ชื่นชมประธานาธิบดีปูติน และมักจะวิจารณ์อิทธิพลตะวันตกที่ครอบงำโรมาเนีย ได้รับการสนับสนุนอย่างมากมายทางออนไลน์จากประชาชนชาวโรมาเนียรุ่นใหม่ การก้าวขึ้นมาของเขาอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับโรมาเนีย ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับนาโต้อย่างมาก เนื่องจากโรมาเนียคือฐานกำลังหลักของนาโต้ที่คอยส่งอาวุธช่วยยูเครน และกดดันรัสเซียแถบทิศทางตะวันตก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อท้องถิ่นในสโลวาเกียรายงานว่า USAID และ NGOs ถูกจับได้ว่าวางแผนสนับสนุนก่อความไม่สงบและต่อต้านรัฐบาลของฟิโก

    องค์กร NGO ที่ได้รับการสนับสนุนจาก USAID, NED และ Soros ได้ทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์ในสโลวาเกียเพื่อสนับสนุนการประท้วงรัฐบาล ทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล และบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเพื่อให้เกิดรัฐบาลใหม่ที่สนับสนุนตะวันตก ซึ่งนายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต ฟิโก ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้ด้วยตนเอง

    USAID และ NED ถูกจับได้ว่าให้ทุนแก่องค์กร NGO ของสโลวาเกียภายใต้ข้ออ้างของ “การส่งเสริมประชาธิปไตย” ซึ่งเป็นกลวิธีเดียวกับที่ใช้ในยูเครน (2014) เบลารุส (2020) และจอร์เจีย (2023) เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาลที่สนับสนุนตะวันตก

    ฟิโกให้รายละเอียดในการประท้วงล่าสุดว่า:
    - ผู้ประท้วงเกือบหนึ่งในสามเป็นชาวยูเครนและชาวต่างชาติอื่นๆ
    - สื่อของยูเครนรายงานและเผยแพร่เนื้อหาสนับสนุนการประท้วงอย่างเปิดเผย เช่นเดียวกับที่เคยทำในยูเครน
    - การพยายามลอบสังหารเขาในเดือนพฤษภาคม 2024 มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ ซึ่งผู้ต้องหาที่พยายามลอบสังหารฟิโกเมื่อปีที่แล้วเป็นนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนตะวันตกซึ่งมีความสัมพันธ์กับกลุ่มที่ได้รับทุนจากต่างชาติ
    - เหตุการณ์ลอบสังหารเกิดขึ้นหลังจากที่ฟิโกเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อจำกัดอิทธิพลขององค์กรเอกชนในประเทศและขับไล่เจ้าหน้าที่ต่างชาติ
    - ขณะนี้ฟิโกกำลังตรวจสอบแหล่งเงินทุนขององค์กรเอกชน และจำกัดกิจกรรมขององค์กรที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ
    กำลังพยายามออกกฎหมายใหม่ เพื่อเปิดโปงและรื้อถอนการดำเนินงานด้านอิทธิพลที่ได้รับทุนจากสหรัฐ โดยที่กฎหมายจะเป็นลักษณะเช่นเดียวกับจอร์เจีย
    - ล่าสุด ฟิโกกำลังพยายามยุติบทบาทของ USAID และให้ออกจากสโลวาเกีย
    สื่อท้องถิ่นในสโลวาเกียรายงานว่า USAID และ NGOs ถูกจับได้ว่าวางแผนสนับสนุนก่อความไม่สงบและต่อต้านรัฐบาลของฟิโก องค์กร NGO ที่ได้รับการสนับสนุนจาก USAID, NED และ Soros ได้ทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์ในสโลวาเกียเพื่อสนับสนุนการประท้วงรัฐบาล ทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล และบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเพื่อให้เกิดรัฐบาลใหม่ที่สนับสนุนตะวันตก ซึ่งนายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต ฟิโก ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้ด้วยตนเอง USAID และ NED ถูกจับได้ว่าให้ทุนแก่องค์กร NGO ของสโลวาเกียภายใต้ข้ออ้างของ “การส่งเสริมประชาธิปไตย” ซึ่งเป็นกลวิธีเดียวกับที่ใช้ในยูเครน (2014) เบลารุส (2020) และจอร์เจีย (2023) เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาลที่สนับสนุนตะวันตก ฟิโกให้รายละเอียดในการประท้วงล่าสุดว่า: - ผู้ประท้วงเกือบหนึ่งในสามเป็นชาวยูเครนและชาวต่างชาติอื่นๆ - สื่อของยูเครนรายงานและเผยแพร่เนื้อหาสนับสนุนการประท้วงอย่างเปิดเผย เช่นเดียวกับที่เคยทำในยูเครน - การพยายามลอบสังหารเขาในเดือนพฤษภาคม 2024 มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ ซึ่งผู้ต้องหาที่พยายามลอบสังหารฟิโกเมื่อปีที่แล้วเป็นนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนตะวันตกซึ่งมีความสัมพันธ์กับกลุ่มที่ได้รับทุนจากต่างชาติ - เหตุการณ์ลอบสังหารเกิดขึ้นหลังจากที่ฟิโกเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อจำกัดอิทธิพลขององค์กรเอกชนในประเทศและขับไล่เจ้าหน้าที่ต่างชาติ - ขณะนี้ฟิโกกำลังตรวจสอบแหล่งเงินทุนขององค์กรเอกชน และจำกัดกิจกรรมขององค์กรที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ กำลังพยายามออกกฎหมายใหม่ เพื่อเปิดโปงและรื้อถอนการดำเนินงานด้านอิทธิพลที่ได้รับทุนจากสหรัฐ โดยที่กฎหมายจะเป็นลักษณะเช่นเดียวกับจอร์เจีย - ล่าสุด ฟิโกกำลังพยายามยุติบทบาทของ USAID และให้ออกจากสโลวาเกีย
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 893 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ป่าใครหนา

    ทุกวันนี้ ป่าดงพงไพรในประเทศไทยทยอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนยังคงตัดไม้และทำลายป่าอย่างไม่หยุดหย่อน บางคราวภูเขาอันร่มรื่นน่าชื่นชมก็กลายเป็นสวนลิ้นจี่ ไร่ข้าวโพด หรือสวนลำไยในเวลาอันรวดเร็ว หรือว่าพวกเราจะยกย่องเรื่องนี้เป็นซอฟเพาเวอร์หรือนี่

    จากปี 2566 ถึงปี 2567 พบว่า ผืนป่าของไทยลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี มีการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ถึง 317,819.20 ไร่ ซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ 101,818,155.76 ไร่ หรือคิดเป็น 31.47% ของพื้นที่ประเทศ โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้พื้นที่ป่าลดลง คือ การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน จะขอยกตัวอย่างเช่น การตัดไม้เพื่อปลูกแปลงพืชพลทางการเกษตร ตัดไม้เพื่อปลูกบ้านเรือนของตน

    แต่สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดเลยคือการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งจะขอยกตัวอย่างเคสที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาโปลกหล่น โดยมีนายทุนทำถนนคอนกรีตขึ้นไปบนภูเขาและสร้างที่พักรีสอร์ต หรือ ดราม่าการเฉือนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน 2.6 แสนไร่ โดยหากเกิดการให้เพิกถอนพื้นที่มันจะเป็นการเอื้อให้นายทุนทั้งหลายเข้ามาซื้อขายที่ดินเพื่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ และจะกระทบต่อแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ และกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรืออีกเคสหนึ่งที่มีสส.หญิงรุกป่าทำฟาร์มไก่ โดยการกระทำในรูปแบบนี้เข้าข่ายการทำประโยชน์ส่วนตน

    การลดลงของผืนป่าไม่ใช่แค่เรื่องของการตัดไม้เพียงเท่านั้น แต่เป็นการสูญเสียมรดกธรรมชาติที่สะท้อนถึง "นิเวศสำนึก" ของสังคม การที่พื้นที่ป่าถูกเปลี่ยนสภาพเพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้จะตอบโจทย์ด้านรายได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว สิ่งเหล่านี้กลับส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างแน่นอน

    ที่จริงอยากจะประท้วงรัฐบาลให้ออกนโยบายเกี่ยวกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในประเทศอย่างเคร่งครัด หรือ รณรงค์ให้ทุกคนหันมาสนใจธรรมชาติอย่างจริงจัง อยากยกตัวอย่างเคสของอาสืบ นาคะเสถียร ที่เสียสละชีวิตของตัวเอง เรียกผู้คนในสังคมไทยให้หันกลับมารับรู้ปัญหาการคุกคามผืนป่าและสัตว์ป่าที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเวลานั้น

    แต่โปรดเชื่อเถอะใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก ถ้าเราไม่ดูแลรักษาระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ มิเช่นนั้นเราคงจะได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์จากกระป๋องแล้วกระมัง
    .
    #ป่าใครหนา ทุกวันนี้ ป่าดงพงไพรในประเทศไทยทยอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนยังคงตัดไม้และทำลายป่าอย่างไม่หยุดหย่อน บางคราวภูเขาอันร่มรื่นน่าชื่นชมก็กลายเป็นสวนลิ้นจี่ ไร่ข้าวโพด หรือสวนลำไยในเวลาอันรวดเร็ว หรือว่าพวกเราจะยกย่องเรื่องนี้เป็นซอฟเพาเวอร์หรือนี่ จากปี 2566 ถึงปี 2567 พบว่า ผืนป่าของไทยลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี มีการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ถึง 317,819.20 ไร่ ซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ 101,818,155.76 ไร่ หรือคิดเป็น 31.47% ของพื้นที่ประเทศ โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้พื้นที่ป่าลดลง คือ การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน จะขอยกตัวอย่างเช่น การตัดไม้เพื่อปลูกแปลงพืชพลทางการเกษตร ตัดไม้เพื่อปลูกบ้านเรือนของตน แต่สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดเลยคือการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งจะขอยกตัวอย่างเคสที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาโปลกหล่น โดยมีนายทุนทำถนนคอนกรีตขึ้นไปบนภูเขาและสร้างที่พักรีสอร์ต หรือ ดราม่าการเฉือนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน 2.6 แสนไร่ โดยหากเกิดการให้เพิกถอนพื้นที่มันจะเป็นการเอื้อให้นายทุนทั้งหลายเข้ามาซื้อขายที่ดินเพื่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ และจะกระทบต่อแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ และกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรืออีกเคสหนึ่งที่มีสส.หญิงรุกป่าทำฟาร์มไก่ โดยการกระทำในรูปแบบนี้เข้าข่ายการทำประโยชน์ส่วนตน การลดลงของผืนป่าไม่ใช่แค่เรื่องของการตัดไม้เพียงเท่านั้น แต่เป็นการสูญเสียมรดกธรรมชาติที่สะท้อนถึง "นิเวศสำนึก" ของสังคม การที่พื้นที่ป่าถูกเปลี่ยนสภาพเพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้จะตอบโจทย์ด้านรายได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว สิ่งเหล่านี้กลับส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างแน่นอน ที่จริงอยากจะประท้วงรัฐบาลให้ออกนโยบายเกี่ยวกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในประเทศอย่างเคร่งครัด หรือ รณรงค์ให้ทุกคนหันมาสนใจธรรมชาติอย่างจริงจัง อยากยกตัวอย่างเคสของอาสืบ นาคะเสถียร ที่เสียสละชีวิตของตัวเอง เรียกผู้คนในสังคมไทยให้หันกลับมารับรู้ปัญหาการคุกคามผืนป่าและสัตว์ป่าที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเวลานั้น แต่โปรดเชื่อเถอะใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก ถ้าเราไม่ดูแลรักษาระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ มิเช่นนั้นเราคงจะได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์จากกระป๋องแล้วกระมัง .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1324 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ประท้วงในจอร์เจีย จุดไฟเผาและปาระเบิดขวดเข้าใส่ตำรวจ เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ยุติเสนอตัวเข้าร่วมสหภาพยุโรปไปจนถึงปี 2028 และประท้วงผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยต้องการให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
    ผู้ประท้วงในจอร์เจีย จุดไฟเผาและปาระเบิดขวดเข้าใส่ตำรวจ เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ยุติเสนอตัวเข้าร่วมสหภาพยุโรปไปจนถึงปี 2028 และประท้วงผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยต้องการให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 4 0 รีวิว