• เสริมเฮง...สร้างรวย...
    ด้วยการไหว้ขอพรต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ "ไฉ่สิ่งเอี๊ย"

    ในหมู่ชนเชื้อสายจีนตั้งแต่ชาวบ้านทั่วไปจนถึงระดับชั้นผู้นำต่างล้วนมีความเชื่อที่ยาวนานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานับพันปียังคงซึ่งรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีประกอบพิธีอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เข้าสู่เคหสถานบ้านเรือนหรือร้านค้าในเทศกาลตรุษจีน เพื่อความโชคดีมากมีด้วยทรัพย์สินเงินทองหรือเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในการประกอบธุรกิจการค้าให้บังเกิดขึ้นในปีนั้นๆ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความเป็นสากลที่คงถาวรเป็นอย่างยิ่ง

    ตามปฏิทินจันทรคติจีนวันขึ้นปีใหม่หรือวันตรุษจีนจะตรงกับวัน 正月初一日(เจียหงวยชิวอิกยิ๊ก) ของทุกๆปี ซึ่งในปีพ.ศ.2568 จะตรงกับวันพุธที่ 29 มกราคมนี้ โดยมีกิ่งฟ้า/ราศีบนเป็นวัน 戊(โบ้ว) ธาตุดิน ส่วนก้านดิน/ราศีล่างเป็นวันจอ 戌 (สุก) จากหลักวิชาการคำนวนหาทิศทางการเสด็จขององค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ตามแบบฉบับโหราศาสตร์จีนแล้ว พระองค์ฯจะเสด็จมายังบ้านของผู้ที่เคารพบูชาจึงควรน้อมต้อนรับด้วยการตั้งโต๊ะบูชาหันหน้าทางทิศเหนือ เวลา 00.01-00.59 น.เป็นฤกษ์เบิกฟ้าและเป็นยามแรกเริ่มศักราชใหม่ที่ดีที่สุด

    โดยมีเครื่องสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ดังนี้

    1. ธูปหอม 3 ดอก
    2. แจกัน 1 คู่
    3. ดอกไม้สด 2 กำ
    4. เทียนแดง 1 คู่
    5. น้ำชา 茶(แต๊) 5 ถ้วย
    6. ข้าวสวย 5 ชาม
    7. ผลไม้ 5 อย่าง
    8. ขนมบัวลอยแดง 紅丸(อั่งอี๊) 5 ถ้วย
    9. ขนมจันอับ 什錦(จับกิ้ม) 1 จาน
    10. ผักเจ 齋荼(เจไฉ่) 5 อย่าง
    11. ขนมถ้วยฟู 發粿(ฮวกก้วย) 1 ก้อน
    12. 添頭銭(เทียงเถ่าจี้) 1 ชุด
    13. 金銀斗(กิมหงิ่งเต้า) 1 คู่
    14. 銀紙銭(หงิ่งเตี๋ย) 13 ชุด
    15. 大銭(ตั่วกิม) 13 ก้อน
    16. เทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ) 1 ชุด
    17. เทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) 1 ชุด
    18. กระเป๋าใส่เงิน

    หมายเหตุ หากไม่มีภาพหรือรูปองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ก็ให้กล่าวคำอธิษฐานถึงพระองค์เทพท่านก็เป็นอันใช้ได้

    การประกอบพิธีสักการะบูชาองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ควรจัดเตรียมโต๊ะพร้อมเครื่องสักการะบูชาหันหน้าไปสู่ทางทิศเหนือ (กรณีที่ไม่สามารถจัดเตรียมเครื่องบวงสรวงสักการะบูชาแต่มีศรัทธาอันแรงกล้าเพียงแค่จุดธูปเทียนบูชาก็ได้) เพื่อต้อนรับองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ที่จะเสด็จมาทางทิศข้างต้นนี้ โดยเทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ)ให้เขียนคำเชิญ“迎接財神” (เหง็งจิกไฉ่ซิ้ง) เพื่อมารับเครื่องสักการะบูชา ส่วนเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) ให้เขียน ที่อยู่ ชื่อสกุล และวัน เดือน ปีเกิดของสมาชิกในบ้านทุกคน พร้อมทั้งคำขอต่างๆที่ต้องการให้องค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ประทานพรมาให้

    โดยกล่าวคำอธิษฐานอัญเชิญด้วยการเปล่งวาจาออกมาว่า

    “บัดนี้เป็นเวลาฤกษ์ยามอันเป็นมงคล ข้าพเจ้า........................................................... ด้วยความเคารพและศรัทธาต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ“財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าขอกราบอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จมารับเครื่องบวงสรวงสักการะบูชาอันประกอบด้วย (กล่าวถึงเครื่องสักการะบูชาทั้งหมด อีกทั้งรายละเอียดที่เขียนไว้ในเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) พร้อมทั้งดลบันดาลประทานพรผ่านสื่อข้าวสาร (ข้าวสารที่ตั้งรอไว้ในวันส่งองค์เทพเจ้าสู่สรวงสรรค์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 เดือนมกราคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา) ให้ข้าพเจ้าและสมาชิกทุกคนๆในครอบครัวจงพบกับโชคลาภทรัพย์สินเงินทอง พร้อมกับประสบผลสำเร็จดังที่มุ่งหวังตั้งใจไว้ทุกๆประการเทอญ” (หากประสงค์นอกเหนือจากคำกล่าวอธิษฐานข้างต้นแล้วก็สามารถกล่าวคำขอเพิ่มเติมต่อไปได้อีก)
    จากนั้นนำเงินในกระเป๋าที่โต๊ะบูชามานับ (โดยสมมติว่า ธนบัตร 1 ใบจะเป็นจำนวนหมื่น หรือแสน หรือล้านก็ได้เพื่อให้นับไม่รู้จบรู้สิ้น) ต่อจากนั้นนำเครื่องบวงสรวงที่เป็นกระดาษทั้งหมด รวมทั้งเทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ)และเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) ที่ได้จัดเตรียมไว้ลาต่อหน้าองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เพื่อนำไปบูชาไฟถวายแด่พระองค์ท่านฯ และหลังจากบูชาไฟเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้กล่าวคำอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จเข้าบ้าน พร้อมทั้งนำกระถางธูปเข้าผ่านประตูบ้านเพื่อให้องค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จประทับ ณ ที่บ้านของท่าน อีกทั้งนำข้าวสารที่ผ่านการประกอบพิธีกรรมนำมาผสมกับข้าวสารที่เก็บไว้เพื่อหุงรับประทานในเช้าวันนั้นจะได้เกิดความสิริมงคลต่อสมาชิกทุกคนในครอบครัว เป็นอันสำเร็จเสร็จสิ้นพิธีการบวงสรวงครบถ้วนกระบวนความ
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    เสริมเฮง...สร้างรวย... ด้วยการไหว้ขอพรต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ "ไฉ่สิ่งเอี๊ย" ในหมู่ชนเชื้อสายจีนตั้งแต่ชาวบ้านทั่วไปจนถึงระดับชั้นผู้นำต่างล้วนมีความเชื่อที่ยาวนานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานับพันปียังคงซึ่งรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีประกอบพิธีอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เข้าสู่เคหสถานบ้านเรือนหรือร้านค้าในเทศกาลตรุษจีน เพื่อความโชคดีมากมีด้วยทรัพย์สินเงินทองหรือเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในการประกอบธุรกิจการค้าให้บังเกิดขึ้นในปีนั้นๆ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความเป็นสากลที่คงถาวรเป็นอย่างยิ่ง ตามปฏิทินจันทรคติจีนวันขึ้นปีใหม่หรือวันตรุษจีนจะตรงกับวัน 正月初一日(เจียหงวยชิวอิกยิ๊ก) ของทุกๆปี ซึ่งในปีพ.ศ.2568 จะตรงกับวันพุธที่ 29 มกราคมนี้ โดยมีกิ่งฟ้า/ราศีบนเป็นวัน 戊(โบ้ว) ธาตุดิน ส่วนก้านดิน/ราศีล่างเป็นวันจอ 戌 (สุก) จากหลักวิชาการคำนวนหาทิศทางการเสด็จขององค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ตามแบบฉบับโหราศาสตร์จีนแล้ว พระองค์ฯจะเสด็จมายังบ้านของผู้ที่เคารพบูชาจึงควรน้อมต้อนรับด้วยการตั้งโต๊ะบูชาหันหน้าทางทิศเหนือ เวลา 00.01-00.59 น.เป็นฤกษ์เบิกฟ้าและเป็นยามแรกเริ่มศักราชใหม่ที่ดีที่สุด โดยมีเครื่องสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ดังนี้ 1. ธูปหอม 3 ดอก 2. แจกัน 1 คู่ 3. ดอกไม้สด 2 กำ 4. เทียนแดง 1 คู่ 5. น้ำชา 茶(แต๊) 5 ถ้วย 6. ข้าวสวย 5 ชาม 7. ผลไม้ 5 อย่าง 8. ขนมบัวลอยแดง 紅丸(อั่งอี๊) 5 ถ้วย 9. ขนมจันอับ 什錦(จับกิ้ม) 1 จาน 10. ผักเจ 齋荼(เจไฉ่) 5 อย่าง 11. ขนมถ้วยฟู 發粿(ฮวกก้วย) 1 ก้อน 12. 添頭銭(เทียงเถ่าจี้) 1 ชุด 13. 金銀斗(กิมหงิ่งเต้า) 1 คู่ 14. 銀紙銭(หงิ่งเตี๋ย) 13 ชุด 15. 大銭(ตั่วกิม) 13 ก้อน 16. เทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ) 1 ชุด 17. เทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) 1 ชุด 18. กระเป๋าใส่เงิน หมายเหตุ หากไม่มีภาพหรือรูปองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ก็ให้กล่าวคำอธิษฐานถึงพระองค์เทพท่านก็เป็นอันใช้ได้ การประกอบพิธีสักการะบูชาองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ควรจัดเตรียมโต๊ะพร้อมเครื่องสักการะบูชาหันหน้าไปสู่ทางทิศเหนือ (กรณีที่ไม่สามารถจัดเตรียมเครื่องบวงสรวงสักการะบูชาแต่มีศรัทธาอันแรงกล้าเพียงแค่จุดธูปเทียนบูชาก็ได้) เพื่อต้อนรับองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ที่จะเสด็จมาทางทิศข้างต้นนี้ โดยเทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ)ให้เขียนคำเชิญ“迎接財神” (เหง็งจิกไฉ่ซิ้ง) เพื่อมารับเครื่องสักการะบูชา ส่วนเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) ให้เขียน ที่อยู่ ชื่อสกุล และวัน เดือน ปีเกิดของสมาชิกในบ้านทุกคน พร้อมทั้งคำขอต่างๆที่ต้องการให้องค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ประทานพรมาให้ โดยกล่าวคำอธิษฐานอัญเชิญด้วยการเปล่งวาจาออกมาว่า “บัดนี้เป็นเวลาฤกษ์ยามอันเป็นมงคล ข้าพเจ้า........................................................... ด้วยความเคารพและศรัทธาต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ“財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าขอกราบอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จมารับเครื่องบวงสรวงสักการะบูชาอันประกอบด้วย (กล่าวถึงเครื่องสักการะบูชาทั้งหมด อีกทั้งรายละเอียดที่เขียนไว้ในเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) พร้อมทั้งดลบันดาลประทานพรผ่านสื่อข้าวสาร (ข้าวสารที่ตั้งรอไว้ในวันส่งองค์เทพเจ้าสู่สรวงสรรค์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 เดือนมกราคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา) ให้ข้าพเจ้าและสมาชิกทุกคนๆในครอบครัวจงพบกับโชคลาภทรัพย์สินเงินทอง พร้อมกับประสบผลสำเร็จดังที่มุ่งหวังตั้งใจไว้ทุกๆประการเทอญ” (หากประสงค์นอกเหนือจากคำกล่าวอธิษฐานข้างต้นแล้วก็สามารถกล่าวคำขอเพิ่มเติมต่อไปได้อีก) จากนั้นนำเงินในกระเป๋าที่โต๊ะบูชามานับ (โดยสมมติว่า ธนบัตร 1 ใบจะเป็นจำนวนหมื่น หรือแสน หรือล้านก็ได้เพื่อให้นับไม่รู้จบรู้สิ้น) ต่อจากนั้นนำเครื่องบวงสรวงที่เป็นกระดาษทั้งหมด รวมทั้งเทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ)และเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) ที่ได้จัดเตรียมไว้ลาต่อหน้าองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เพื่อนำไปบูชาไฟถวายแด่พระองค์ท่านฯ และหลังจากบูชาไฟเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้กล่าวคำอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จเข้าบ้าน พร้อมทั้งนำกระถางธูปเข้าผ่านประตูบ้านเพื่อให้องค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จประทับ ณ ที่บ้านของท่าน อีกทั้งนำข้าวสารที่ผ่านการประกอบพิธีกรรมนำมาผสมกับข้าวสารที่เก็บไว้เพื่อหุงรับประทานในเช้าวันนั้นจะได้เกิดความสิริมงคลต่อสมาชิกทุกคนในครอบครัว เป็นอันสำเร็จเสร็จสิ้นพิธีการบวงสรวงครบถ้วนกระบวนความ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถอดสลัก...ปรับชีวิต...
    ปลด...พลังลบ ปล่อย..พลังบวก

    หลังจากผ่านการประกอบพิธีการส่งเทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) แล้ว อีกหนึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของชนชาวเชื้อสายจีนที่ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนคือ การประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ที่เป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะขาดการสืบสานถ่ายทอดบอกกล่าวกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ของคนรุ่นก่อนๆได้ถูกปล่อยปละละเลยให้จืดจางหายไป ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณให้ดำรงคงอยู่ไว้ต่อไป จึงใคร่ขอขยายไขความและรายละเอียดขั้นตอนของการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ดังนี้

    คำว่า "破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) หมายถึง การละทิ้งพฤติกรรมหรือสิ่งของเก่าหรือเครื่องใช้ประจำที่มีความผูกพันหรือประพฤติเป็นประจำออกไป แล้วนำพฤติกรรมหรือสิ่งของใหม่มาปรับใช้ทดแทน เปรียบเสมือนเป็นการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อสลัดเคราะห์ร้ายภัยเวรอย่างหนึ่งที่กำลังประสบพบอยู่ทิ้งออกไป โดยแบ่งเป็น 4 ลำดับขั้นตอนดังนี้

    1. การชำระองค์เทพเจ้า ประกอบด้วย

    - ถังน้ำใบใหม่ 1 ใบ
    - น้ำพุทธมนต์ หรือน้ำสะอาด
    - ผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่ 1 ผืน
    - ดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด

    โดยนำถังน้ำใบใหม่ใส่น้ำพุทธมนต์หรือน้ำสะอาดหรือใส่ทั้ง 2 อย่าง (ใส่น้ำสะอาดก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำพุทธมนต์) ตามด้วยดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด จากนั้นนำผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่มาชำระองค์เทพเจ้าให้ทั่วจนสะอาด

    2. การทำความสะอาดบ้าน

    หลังจากเสร็จสิ้นจากการชำระองค์เทพเจ้าแล้ว ลำดับต่อไปคือการทำความสะอาดบ้านโดยรอบไม่ว่าจะเก็บกวาดหยากไย่ใยแมงมุม ซักล้างผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปัดกวาดมุ้งลวด เป็นต้น เช็ดถูทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน แม้แต่การตัดต้นไม้ ตัดหญ้า เก็บทิ้งขยะ เพื่อให้บ้านดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย

    3. การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่

    ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดีออกไป เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ละเลิกเล่นพนัน ฯลฯ อีกทั้งปรับเปลี่ยนของใช้ประจำที่ผูกพันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ โดยใช้วิธีการเผาทำลาย(ไม่ควรบริจาคให้แก่ใครเพราะจะเป็นการเพิ่มเคราะห์ของเราไปเป็นเคราะห์ของบุคคลอื่น) หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เก่าหรือเสีย ก็อาจจะปรับเปลี่ยนติดตั้งประตูใหม่เพื่อใช้ทดแทนได้เช่นกัน

    4. การอบบ้าน ประกอบด้วย

    - ธูปหอม 1 ห่อ
    - กระถางหรือภาชนะใส่ธูป 5 ใบ
    แบ่งตำแหน่งพื้นที่ตัวอาคารบ้านออกเป็น 5 ตำแหน่ง ดังนี้
    - ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งศูนย์กลางบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหน้าตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งมุมขวาด้านหน้าตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหลังตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งมุมขวาด้านหลังตัวบ้าน

    เมื่อได้ตำแหน่งทั้ง 5 แล้วให้นำธูปหอมแบ่งออกเป็น 5 กำ จุดให้ติดไฟจนเกิดควันแล้วปักที่กระถางหรือภาชนะใส่ธูปที่ตั้งตาม 5 ตำแหน่งจนครบ อบบ้านด้วยการปิดทั้งประตูและหน้าต่างโดยรอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม หรือ 2 ชั่วโมง โดยสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงในบ้านควรออกนอกตัวบ้านที่กำลังอบอยู่(เฝ้าระวังฟืนไฟก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้)

    หลังจากครบระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วให้เปิดประตูตัวบ้านเพื่อเดินเข้าบ้าน พร้อมเปล่งเสียงคำพูดที่มงคล ตังอย่างเช่น ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินศฤงคาร ทรัพย์สินรายล้อม เงินทองเพชรพลอยหยกเต็มบ้าน ค้าขายได้กำไร เหลือกินเหลือใช้ ทุกๆอย่างราบรื่นสำเร็จสมปราถนา โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ พูนสุข อายุยืนยาวตลอดไป เป็นต้น จากนั้นเปิดหน้าต่างทุกบานที่ปิดออก เพื่อให้กระแส"氣"(ขี่) ที่ดีมีมงคลไหลหมุนเวียนตลอดทั่วตัวบ้าน

    ทั้ง 4 ขั้นตอนสามารถดำเนินการได้ในช่วงระหว่างหลังวันส่งองค์เทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) จนถึงก่อนวันตรุษจีน โดยใช้วัน"除日"(ตื้อยิ๊ก) หรือ"破日"(ผั่วยิ๊ก) หรือ "天赦日"(เทียนเซี๊ยยิ๊ก) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งใน ปีพ.ศ.2568 นี้ มีฤกษ์งามยามเหมาะกับการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) คือ วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2568) นี้ ตั้งแต่เวลา 07:00 เป็นต้นไป

    หวังเป็นอย่างยิ่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ดีมีประโยชน์ดั่งเช่น การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่อย่าง"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) จะได้รับการอนุรักษ์สืบสาน บอกกล่าว และถ่ายทอดกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งให้ดำรงคงอยู่ถาวรสืบไป
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ถอดสลัก...ปรับชีวิต... ปลด...พลังลบ ปล่อย..พลังบวก หลังจากผ่านการประกอบพิธีการส่งเทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) แล้ว อีกหนึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของชนชาวเชื้อสายจีนที่ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนคือ การประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ที่เป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะขาดการสืบสานถ่ายทอดบอกกล่าวกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ของคนรุ่นก่อนๆได้ถูกปล่อยปละละเลยให้จืดจางหายไป ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณให้ดำรงคงอยู่ไว้ต่อไป จึงใคร่ขอขยายไขความและรายละเอียดขั้นตอนของการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ดังนี้ คำว่า "破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) หมายถึง การละทิ้งพฤติกรรมหรือสิ่งของเก่าหรือเครื่องใช้ประจำที่มีความผูกพันหรือประพฤติเป็นประจำออกไป แล้วนำพฤติกรรมหรือสิ่งของใหม่มาปรับใช้ทดแทน เปรียบเสมือนเป็นการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อสลัดเคราะห์ร้ายภัยเวรอย่างหนึ่งที่กำลังประสบพบอยู่ทิ้งออกไป โดยแบ่งเป็น 4 ลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. การชำระองค์เทพเจ้า ประกอบด้วย - ถังน้ำใบใหม่ 1 ใบ - น้ำพุทธมนต์ หรือน้ำสะอาด - ผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่ 1 ผืน - ดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด โดยนำถังน้ำใบใหม่ใส่น้ำพุทธมนต์หรือน้ำสะอาดหรือใส่ทั้ง 2 อย่าง (ใส่น้ำสะอาดก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำพุทธมนต์) ตามด้วยดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด จากนั้นนำผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่มาชำระองค์เทพเจ้าให้ทั่วจนสะอาด 2. การทำความสะอาดบ้าน หลังจากเสร็จสิ้นจากการชำระองค์เทพเจ้าแล้ว ลำดับต่อไปคือการทำความสะอาดบ้านโดยรอบไม่ว่าจะเก็บกวาดหยากไย่ใยแมงมุม ซักล้างผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปัดกวาดมุ้งลวด เป็นต้น เช็ดถูทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน แม้แต่การตัดต้นไม้ ตัดหญ้า เก็บทิ้งขยะ เพื่อให้บ้านดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย 3. การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดีออกไป เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ละเลิกเล่นพนัน ฯลฯ อีกทั้งปรับเปลี่ยนของใช้ประจำที่ผูกพันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ โดยใช้วิธีการเผาทำลาย(ไม่ควรบริจาคให้แก่ใครเพราะจะเป็นการเพิ่มเคราะห์ของเราไปเป็นเคราะห์ของบุคคลอื่น) หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เก่าหรือเสีย ก็อาจจะปรับเปลี่ยนติดตั้งประตูใหม่เพื่อใช้ทดแทนได้เช่นกัน 4. การอบบ้าน ประกอบด้วย - ธูปหอม 1 ห่อ - กระถางหรือภาชนะใส่ธูป 5 ใบ แบ่งตำแหน่งพื้นที่ตัวอาคารบ้านออกเป็น 5 ตำแหน่ง ดังนี้ - ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งศูนย์กลางบ้าน - ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหน้าตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งมุมขวาด้านหน้าตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหลังตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งมุมขวาด้านหลังตัวบ้าน เมื่อได้ตำแหน่งทั้ง 5 แล้วให้นำธูปหอมแบ่งออกเป็น 5 กำ จุดให้ติดไฟจนเกิดควันแล้วปักที่กระถางหรือภาชนะใส่ธูปที่ตั้งตาม 5 ตำแหน่งจนครบ อบบ้านด้วยการปิดทั้งประตูและหน้าต่างโดยรอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม หรือ 2 ชั่วโมง โดยสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงในบ้านควรออกนอกตัวบ้านที่กำลังอบอยู่(เฝ้าระวังฟืนไฟก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้) หลังจากครบระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วให้เปิดประตูตัวบ้านเพื่อเดินเข้าบ้าน พร้อมเปล่งเสียงคำพูดที่มงคล ตังอย่างเช่น ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินศฤงคาร ทรัพย์สินรายล้อม เงินทองเพชรพลอยหยกเต็มบ้าน ค้าขายได้กำไร เหลือกินเหลือใช้ ทุกๆอย่างราบรื่นสำเร็จสมปราถนา โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ พูนสุข อายุยืนยาวตลอดไป เป็นต้น จากนั้นเปิดหน้าต่างทุกบานที่ปิดออก เพื่อให้กระแส"氣"(ขี่) ที่ดีมีมงคลไหลหมุนเวียนตลอดทั่วตัวบ้าน ทั้ง 4 ขั้นตอนสามารถดำเนินการได้ในช่วงระหว่างหลังวันส่งองค์เทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) จนถึงก่อนวันตรุษจีน โดยใช้วัน"除日"(ตื้อยิ๊ก) หรือ"破日"(ผั่วยิ๊ก) หรือ "天赦日"(เทียนเซี๊ยยิ๊ก) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งใน ปีพ.ศ.2568 นี้ มีฤกษ์งามยามเหมาะกับการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) คือ วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2568) นี้ ตั้งแต่เวลา 07:00 เป็นต้นไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ดีมีประโยชน์ดั่งเช่น การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่อย่าง"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) จะได้รับการอนุรักษ์สืบสาน บอกกล่าว และถ่ายทอดกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งให้ดำรงคงอยู่ถาวรสืบไป ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคล็ด...ไม่ลับ
    การส่งเทพเจ้าสู่สรวงสวรรค์ในเทศกาล"ตรุษจีน"

    ตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชนเชื้อสายจีนมีพิธีกรรมบูชาเซ่นสรวงไหว้ส่งองค์ทวยเทพที่ประทานอำนวยพรบารมีแก่สรรพสัตว์บนโลกใบนี้ตลอดปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นองค์มหาเทพ"大老爺"(ตั่วเหล่าเอี๊ย) องค์"本頭公"(ปุงเถ่ากง) องค์เจ้าพ่อกวนอู"關公"(กวนกง) องค์เจ้าแม่ทับทิม"天后聖母"(เทียงโหวเซี้ยบ้อ) องค์เจ้าพ่อเห่งเจีย"大聖佛祖"(ไต่เซี้ยฮุกโจ๊ว) องค์เทพสามตา"華光大帝"(หั่วกวงไต่ตี่) องค์ท้าวจตุโลกบาล"四大天王"(ซี๊ไต่เทียงอ๊วง)ฯลฯ หรือแม้แต่องค์เทพเจ้าเตา"定福灶君"(เตี่ยฮกเจากุง) ก่อนการลากลับขึ้นสู่สรวงสวรรค์เพื่อเฝ้าองค์พ่อฟ้าผู้เป็นใหญ่"玉皇大天尊高上帝"(เง็กอ๊วงไต่เทียงจุงเกาเซี่ยงตี่) ทางประตูสวรรค์ด้านใต้"南天門"(หน่ำเทียนมึ้ง) ยกเว้นเหลือแต่องค์เจ้าที่"地主爺"(ตี่จู่เอี๊ย)เท่านั้นที่มิได้กลับขึ้นไปพร้อมๆกับหมู่ทวยเทพเจ้าองค์อื่นๆ เหตุเพราะองค์ท่านจะต้องคอยปกปักรักษาเคหะสถานบ้านเรือนเพื่อป้องกันวิญญาณร้ายหรือสัมภเวสีอื่นๆในช่วงที่หมู่ทวยเทพเจ้ามิได้อยู่บนโลกใบนี้

    แต่กาลก่อนตามมงคลจีนโบราณในอดีต การไหว้ส่งองค์เทพเจ้าขึ้นสู่สรวงสวรรค์เป็นเพียงแต่การไหว้ส่งองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง) เท่านั้น โดยปัจจุบันทุกวันนี้กลับมิมีผู้ใดทราบถึงนัยสำคัญความเป็นมาดังแต่ก่อนที่เคยนิยมปฏิบัติกลับไหว้ส่งองค์เทพเจ้าอื่นๆแทน แต่ไม่ว่าจะไหว้ส่งองค์เทพเจ้าหรือไหว้ส่งองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง) ก็ถือได้ว่าเป็นการส่งองค์เทพเจ้าทุกๆพระองค์ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้เช่นกัน

    ทุกๆปีวันที่ 24 เดือน 12 "十二月廿四日"(จับหยี่หงวยยี่สี่ยิ๊ก)ตามปฏิทินจันทรคติจีน เป็นฤกษ์ยามงามวันมงคลที่เหมาะแก่การไหว้ส่งองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง)หรือองค์เทพเจ้าต่างๆ ซึ่งในปีนี้จะตรงกับเช้าวันพฤหัสบดีที่ 23 เดือนมกราคม พ.ศ.2568 โดยมีเครื่องสักการะบูชาไหว้ส่งองค์เทพเจ้าขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ดังต่อไปนี้

    1. กระถางธูป บรรจุผงธูป พร้อมแพรแดง 紅綢(อั่งติ๊ว) และหางนกยูงใหม่ 金花(กิมฮวย)
    2. ธูป 3 ดอก
    3. แจกันใส่ดอกไม้สด หรือพวงมาลัย
    4. น้ำชา 茶(แต๊) 5 ถ้วย
    5. กระทงใส่คอซี
    - กระทงกระดาษ 1 ใบ
    - กระดาษเงินกระดาษทอง大銭(ตั่วกิม) พับเป็นคอซีรูปทองร้อยเป็นวงกลม
    6. ส้ม 5 ผล
    7. ข้าวสาร 1 จาน (ตั้งไว้จนถึงวันไหว้รับองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ 財神爺 (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ที่ยามแรกของพุธที่ 29 มกราคม 2568)
    8. แป้งข้าวเหนียวทอด 膠羅錢(กะลอจี๊)
    9. กระดาษเขียนชื่อเทพเจ้าเตา"定福灶君"(เตี่ยฮกเจากุง) วางข้างเตา
    10. ม้ากระดาษ 紙馬(จั๋วแบ้)

    หมายเหตุ ข้อ 9 และข้อ 10 สำหรับการไหว้ส่งองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง)

    หลังจากการไหว้กราบสักการะบูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้นำเครื่องเซ่นบวงสรวงที่เป็นกระดาษทั้งหมดรวมทั้งม้ากระดาษ 紙馬(จั๋วแบ้) และชื่อเทพเจ้าเตา"定福灶君"(เตี่ยฮกเจากุง) (กรณีที่ไหว้ส่งองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง) ที่ได้จัดเตรียมไว้ลาต่อ “องค์เทพเจ้าหรือองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง)เพื่อนำไปบูชาไฟถวายแด่พระองค์ท่านฯ หลังจากนั้นจัดเก็บเครื่องเซ่นบรวงสรวงที่เหลือ ส่วนที่รับประทานได้ก็ให้นำมาบริโภคเพื่อความสิริมงคลของทุกๆในบ้าน (เหลือแต่เพียงจานข้าวสารที่ต้องตั้งไว้จวบจนถึงวันไหว้รับองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ 財神爺 (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ที่ยามแรกของพุธที่ 29 มกราคม 2568 จึงจะสำเร็จเสร็จสิ้นพิธีการบวงสรวงครบถ้วนตามกระบวนความในปีนี้
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    เคล็ด...ไม่ลับ การส่งเทพเจ้าสู่สรวงสวรรค์ในเทศกาล"ตรุษจีน" ตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชนเชื้อสายจีนมีพิธีกรรมบูชาเซ่นสรวงไหว้ส่งองค์ทวยเทพที่ประทานอำนวยพรบารมีแก่สรรพสัตว์บนโลกใบนี้ตลอดปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นองค์มหาเทพ"大老爺"(ตั่วเหล่าเอี๊ย) องค์"本頭公"(ปุงเถ่ากง) องค์เจ้าพ่อกวนอู"關公"(กวนกง) องค์เจ้าแม่ทับทิม"天后聖母"(เทียงโหวเซี้ยบ้อ) องค์เจ้าพ่อเห่งเจีย"大聖佛祖"(ไต่เซี้ยฮุกโจ๊ว) องค์เทพสามตา"華光大帝"(หั่วกวงไต่ตี่) องค์ท้าวจตุโลกบาล"四大天王"(ซี๊ไต่เทียงอ๊วง)ฯลฯ หรือแม้แต่องค์เทพเจ้าเตา"定福灶君"(เตี่ยฮกเจากุง) ก่อนการลากลับขึ้นสู่สรวงสวรรค์เพื่อเฝ้าองค์พ่อฟ้าผู้เป็นใหญ่"玉皇大天尊高上帝"(เง็กอ๊วงไต่เทียงจุงเกาเซี่ยงตี่) ทางประตูสวรรค์ด้านใต้"南天門"(หน่ำเทียนมึ้ง) ยกเว้นเหลือแต่องค์เจ้าที่"地主爺"(ตี่จู่เอี๊ย)เท่านั้นที่มิได้กลับขึ้นไปพร้อมๆกับหมู่ทวยเทพเจ้าองค์อื่นๆ เหตุเพราะองค์ท่านจะต้องคอยปกปักรักษาเคหะสถานบ้านเรือนเพื่อป้องกันวิญญาณร้ายหรือสัมภเวสีอื่นๆในช่วงที่หมู่ทวยเทพเจ้ามิได้อยู่บนโลกใบนี้ แต่กาลก่อนตามมงคลจีนโบราณในอดีต การไหว้ส่งองค์เทพเจ้าขึ้นสู่สรวงสวรรค์เป็นเพียงแต่การไหว้ส่งองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง) เท่านั้น โดยปัจจุบันทุกวันนี้กลับมิมีผู้ใดทราบถึงนัยสำคัญความเป็นมาดังแต่ก่อนที่เคยนิยมปฏิบัติกลับไหว้ส่งองค์เทพเจ้าอื่นๆแทน แต่ไม่ว่าจะไหว้ส่งองค์เทพเจ้าหรือไหว้ส่งองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง) ก็ถือได้ว่าเป็นการส่งองค์เทพเจ้าทุกๆพระองค์ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้เช่นกัน ทุกๆปีวันที่ 24 เดือน 12 "十二月廿四日"(จับหยี่หงวยยี่สี่ยิ๊ก)ตามปฏิทินจันทรคติจีน เป็นฤกษ์ยามงามวันมงคลที่เหมาะแก่การไหว้ส่งองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง)หรือองค์เทพเจ้าต่างๆ ซึ่งในปีนี้จะตรงกับเช้าวันพฤหัสบดีที่ 23 เดือนมกราคม พ.ศ.2568 โดยมีเครื่องสักการะบูชาไหว้ส่งองค์เทพเจ้าขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ดังต่อไปนี้ 1. กระถางธูป บรรจุผงธูป พร้อมแพรแดง 紅綢(อั่งติ๊ว) และหางนกยูงใหม่ 金花(กิมฮวย) 2. ธูป 3 ดอก 3. แจกันใส่ดอกไม้สด หรือพวงมาลัย 4. น้ำชา 茶(แต๊) 5 ถ้วย 5. กระทงใส่คอซี - กระทงกระดาษ 1 ใบ - กระดาษเงินกระดาษทอง大銭(ตั่วกิม) พับเป็นคอซีรูปทองร้อยเป็นวงกลม 6. ส้ม 5 ผล 7. ข้าวสาร 1 จาน (ตั้งไว้จนถึงวันไหว้รับองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ 財神爺 (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ที่ยามแรกของพุธที่ 29 มกราคม 2568) 8. แป้งข้าวเหนียวทอด 膠羅錢(กะลอจี๊) 9. กระดาษเขียนชื่อเทพเจ้าเตา"定福灶君"(เตี่ยฮกเจากุง) วางข้างเตา 10. ม้ากระดาษ 紙馬(จั๋วแบ้) หมายเหตุ ข้อ 9 และข้อ 10 สำหรับการไหว้ส่งองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง) หลังจากการไหว้กราบสักการะบูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้นำเครื่องเซ่นบวงสรวงที่เป็นกระดาษทั้งหมดรวมทั้งม้ากระดาษ 紙馬(จั๋วแบ้) และชื่อเทพเจ้าเตา"定福灶君"(เตี่ยฮกเจากุง) (กรณีที่ไหว้ส่งองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง) ที่ได้จัดเตรียมไว้ลาต่อ “องค์เทพเจ้าหรือองค์เทพเจ้าเตา灶君(เจากุง)เพื่อนำไปบูชาไฟถวายแด่พระองค์ท่านฯ หลังจากนั้นจัดเก็บเครื่องเซ่นบรวงสรวงที่เหลือ ส่วนที่รับประทานได้ก็ให้นำมาบริโภคเพื่อความสิริมงคลของทุกๆในบ้าน (เหลือแต่เพียงจานข้าวสารที่ต้องตั้งไว้จวบจนถึงวันไหว้รับองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ 財神爺 (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ที่ยามแรกของพุธที่ 29 มกราคม 2568 จึงจะสำเร็จเสร็จสิ้นพิธีการบวงสรวงครบถ้วนตามกระบวนความในปีนี้ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หนึ่งในร้อย

    ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก

    ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น

    แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง

    .

    ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก

    .

    หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่

    .

    แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน

    .

    จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่

    ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย"

    .

    หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย

    .

    ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น

    .

    ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง

    .

    คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ

    .

    ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา

    .

    ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง

    นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ

    .

    ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้

    จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด

    น่าเสียดาย...

    ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต

    #thaitimes
    #ดอกไม้สด
    #ละคร
    #mycherieamour
    #วิเคราะห์ตัวละคร
    #วิจารณ์ละคร
    #หนึ่งในร้อย ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง . ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก . หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่ . แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน . จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่ ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย" . หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย . ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น . ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง . คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ . ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา . ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ . ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้ จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด น่าเสียดาย... ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต #thaitimes #ดอกไม้สด #ละคร #mycherieamour #วิเคราะห์ตัวละคร #วิจารณ์ละคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 943 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออก

    เดือนนี้ เพราะความพยายามขยันขันแข็งทำให้ได้พบกับความสำเร็จได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผลให้ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ งานการเมือง งานประชาสัมพันธ์ งานคิดสร้างสรรค์จะมีชื่อเสียง งานการศึกษา งานวิชาการ งานเขียน จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งหน้าที่ การสอบแข่งขันเลือกตั้งจะชนะ หรือที่ถูกดองไว้มานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน หรือทิ้งใบสมัครงานไว้จะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์ กิจการค้าขายดีมีลูกค้ามากมาย โชคดีทั้งการงานและความรักโดยเฉพาะเพศหญิงจะมีเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี สามารถกระตุ้นความรักและการศึกษาได้ด้วยการตั้งแจกันดอกไม้สด
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออก เดือนนี้ เพราะความพยายามขยันขันแข็งทำให้ได้พบกับความสำเร็จได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผลให้ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ งานการเมือง งานประชาสัมพันธ์ งานคิดสร้างสรรค์จะมีชื่อเสียง งานการศึกษา งานวิชาการ งานเขียน จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งหน้าที่ การสอบแข่งขันเลือกตั้งจะชนะ หรือที่ถูกดองไว้มานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน หรือทิ้งใบสมัครงานไว้จะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์ กิจการค้าขายดีมีลูกค้ามากมาย โชคดีทั้งการงานและความรักโดยเฉพาะเพศหญิงจะมีเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี สามารถกระตุ้นความรักและการศึกษาได้ด้วยการตั้งแจกันดอกไม้สด ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ปกครอง-เพื่อนครู พร้อมชาวลานสัก ร่วมจัดดอกไม้สดประดับห้องเรียน “ครูจอย” รำลึกถึงคุณงามความดี หลังจากไประหว่างทำหน้าที่ “ครู” อย่างแท้จริง ขณะที่นักเรียนวัดเขาพระยาฯ พากันเข้าแถวแสดงความอาลัยตลอดวัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094206

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผู้ปกครอง-เพื่อนครู พร้อมชาวลานสัก ร่วมจัดดอกไม้สดประดับห้องเรียน “ครูจอย” รำลึกถึงคุณงามความดี หลังจากไประหว่างทำหน้าที่ “ครู” อย่างแท้จริง ขณะที่นักเรียนวัดเขาพระยาฯ พากันเข้าแถวแสดงความอาลัยตลอดวัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094206 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    33
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3377 มุมมอง 0 รีวิว
  • ละครหนึ่งในร้อยกำลังออกอากาศ ไม่แน่ใจจะสร้างออกมาได้ดีงามเท่าบทประพันธ์ของดอกไม้สดหรือไม่ สำหรับใครที่ชื่นชอบในผลงานนิยายต้นฉบับ แนะนำให้ลองไปฟังเสียงอ่านนิยายเรื่องนี้กันได้ที่ช่อง
    Thanthita Channel ครับ

    #หนึ่งในร้อย
    #อนงค์
    #คุณพระอรรถคดี
    #ดอกไม้สด
    #เสียงอ่านหนังสือ
    #thaitimes

    https://youtu.be/wIHmYw_D2Hs?si=XoPdwxtZh3env1iE
    ละครหนึ่งในร้อยกำลังออกอากาศ ไม่แน่ใจจะสร้างออกมาได้ดีงามเท่าบทประพันธ์ของดอกไม้สดหรือไม่ สำหรับใครที่ชื่นชอบในผลงานนิยายต้นฉบับ แนะนำให้ลองไปฟังเสียงอ่านนิยายเรื่องนี้กันได้ที่ช่อง Thanthita Channel ครับ #หนึ่งในร้อย #อนงค์ #คุณพระอรรถคดี #ดอกไม้สด #เสียงอ่านหนังสือ #thaitimes https://youtu.be/wIHmYw_D2Hs?si=XoPdwxtZh3env1iE
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1064 มุมมอง 0 รีวิว