• หนีร้อนไปพักผ่อน ฟู้โกว๊ก 3 วัน 2 คืน
    บินเช้า–กลับเที่ยง ฟินครบทั้งทะเลและสวนสนุก

    ลดทันที 1,000.- เหลือเพียง 12,888.-
    เดินทาง 10–12 ต.ค. 2568
    สายการบิน VZ – ไทยเวียดเจ็ท แอร์

    ไฮไลท์ทริป
    นั่งกระเช้าลอยฟ้า สู่ Sun World Hon Thom
    มันส์กับ Aquatopia Water Park & Exotica Village
    ชิลริมชายหาด Hon Thom
    เมดิเตอเรเนียนทาวน์ + สะพานจูบ โรแมนติกสุดๆ
    เดินเล่น Duong Dong Night Market
    สนุกสุดเหวี่ยง Vin Wonder + Vinpearl Aquarium
    Grand World Phu Quoc – บ้านไม้ไผ่ + โชว์แสงสีเสียง
    สายมันส์แวะ Corona Casino ได้เลย

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e7c154

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #PhuQuoc #ทัวร์เวียดนาม #เที่ยวฟู้โกว๊ก #SunWorld #VinWonder #etravelway #โปรไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา
    🏝️✨ หนีร้อนไปพักผ่อน ฟู้โกว๊ก 3 วัน 2 คืน บินเช้า–กลับเที่ยง ฟินครบทั้งทะเลและสวนสนุก 🌊🎢 💰 ลดทันที 1,000.- เหลือเพียง 12,888.- 🗓️ เดินทาง 10–12 ต.ค. 2568 ✈️ สายการบิน VZ – ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🌟 ไฮไลท์ทริป 🚡 นั่งกระเช้าลอยฟ้า สู่ Sun World Hon Thom 💦 มันส์กับ Aquatopia Water Park & Exotica Village 🏖️ ชิลริมชายหาด Hon Thom 🏘️ เมดิเตอเรเนียนทาวน์ + สะพานจูบ โรแมนติกสุดๆ 🌙 เดินเล่น Duong Dong Night Market 🎡 สนุกสุดเหวี่ยง Vin Wonder + Vinpearl Aquarium 🏰 Grand World Phu Quoc – บ้านไม้ไผ่ + โชว์แสงสีเสียง 🎰 สายมันส์แวะ Corona Casino ได้เลย ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e7c154 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #PhuQuoc #ทัวร์เวียดนาม #เที่ยวฟู้โกว๊ก #SunWorld #VinWonder #etravelway #โปรไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • ห้องน้ำสาธารณะในจีนบังคับดูโฆษณาก่อนรับกระดาษชำระ — เมื่อความสะอาดกลายเป็นสินค้าภายใต้ระบบเฝ้าระวัง

    ในภาพที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากนิยาย Orwell อย่าง “1984” ประเทศจีนได้เริ่มทดลองระบบใหม่ในห้องน้ำสาธารณะบางแห่ง ที่ผู้ใช้ต้อง “สแกน QR code และดูโฆษณา” บนสมาร์ตโฟนก่อนจะได้รับกระดาษชำระเพียงเล็กน้อย หากไม่ต้องการดูโฆษณา ก็สามารถจ่ายเงินประมาณ 0.5 หยวน (ราว 70 สตางค์) เพื่อข้ามขั้นตอนนี้ได้ทันที

    เจ้าหน้าที่จีนอ้างว่านี่เป็นมาตรการลดการใช้กระดาษเกินความจำเป็น และป้องกันการขโมยกระดาษชำระ ซึ่งเคยเกิดขึ้นบ่อยในสถานที่ท่องเที่ยว เช่น สวน Temple of Heaven ในปักกิ่ง ที่เคยติดตั้งเครื่องจ่ายกระดาษแบบ “จดจำใบหน้า” ตั้งแต่ปี 2017 โดยจำกัดความยาวกระดาษไว้ที่ 60 ซม. และต้องรอ 9 นาทีจึงจะรับเพิ่มได้

    แม้จะมีเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและการควบคุมทรัพยากร แต่ระบบใหม่นี้ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดีย โดยผู้ใช้หลายคนตั้งคำถามว่า หากไม่มีโทรศัพท์ หรือแบตหมด จะทำอย่างไร รวมถึงความเสี่ยงด้านสุขอนามัย และความเป็นส่วนตัวที่อาจถูกละเมิดจากการสแกนและติดตามพฤติกรรมผู้ใช้

    ห้องน้ำสาธารณะในจีนเริ่มใช้ระบบ “ดูโฆษณาแลกกระดาษชำระ”
    ต้องสแกน QR code และดูโฆษณาบนมือถือก่อนรับกระดาษ
    หากไม่ต้องการดูโฆษณา ต้องจ่ายเงินประมาณ 0.5 หยวน

    เจ้าหน้าที่จีนอ้างว่าเป็นมาตรการลดการใช้กระดาษเกินจำเป็น
    ป้องกันการขโมยกระดาษชำระในสถานที่ท่องเที่ยว
    เคยมีกรณีผู้ใช้ห้องน้ำเอากระดาษกลับบ้านเป็นจำนวนมาก

    ระบบนี้เคยถูกทดลองในปี 2017 ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า
    เครื่องจ่ายกระดาษที่ Temple of Heaven จำกัดความยาวไว้ที่ 60 ซม.
    ต้องรอ 9 นาทีจึงจะรับกระดาษเพิ่มได้

    โซเชียลมีเดียวิจารณ์ระบบนี้ว่า “ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน”
    ผู้ใช้ตั้งคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและสุขอนามัย
    บางคนเสนอให้พกกระดาษเองแทนการพึ่งระบบที่ไม่แน่นอน

    https://wccftech.com/orwellian-nightmare-some-public-washrooms-in-china-wont-dispense-toilet-paper-unless-you-watch-an-ad/
    📰 ห้องน้ำสาธารณะในจีนบังคับดูโฆษณาก่อนรับกระดาษชำระ — เมื่อความสะอาดกลายเป็นสินค้าภายใต้ระบบเฝ้าระวัง ในภาพที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากนิยาย Orwell อย่าง “1984” ประเทศจีนได้เริ่มทดลองระบบใหม่ในห้องน้ำสาธารณะบางแห่ง ที่ผู้ใช้ต้อง “สแกน QR code และดูโฆษณา” บนสมาร์ตโฟนก่อนจะได้รับกระดาษชำระเพียงเล็กน้อย หากไม่ต้องการดูโฆษณา ก็สามารถจ่ายเงินประมาณ 0.5 หยวน (ราว 70 สตางค์) เพื่อข้ามขั้นตอนนี้ได้ทันที เจ้าหน้าที่จีนอ้างว่านี่เป็นมาตรการลดการใช้กระดาษเกินความจำเป็น และป้องกันการขโมยกระดาษชำระ ซึ่งเคยเกิดขึ้นบ่อยในสถานที่ท่องเที่ยว เช่น สวน Temple of Heaven ในปักกิ่ง ที่เคยติดตั้งเครื่องจ่ายกระดาษแบบ “จดจำใบหน้า” ตั้งแต่ปี 2017 โดยจำกัดความยาวกระดาษไว้ที่ 60 ซม. และต้องรอ 9 นาทีจึงจะรับเพิ่มได้ แม้จะมีเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและการควบคุมทรัพยากร แต่ระบบใหม่นี้ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดีย โดยผู้ใช้หลายคนตั้งคำถามว่า หากไม่มีโทรศัพท์ หรือแบตหมด จะทำอย่างไร รวมถึงความเสี่ยงด้านสุขอนามัย และความเป็นส่วนตัวที่อาจถูกละเมิดจากการสแกนและติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ ✅ ห้องน้ำสาธารณะในจีนเริ่มใช้ระบบ “ดูโฆษณาแลกกระดาษชำระ” ➡️ ต้องสแกน QR code และดูโฆษณาบนมือถือก่อนรับกระดาษ ➡️ หากไม่ต้องการดูโฆษณา ต้องจ่ายเงินประมาณ 0.5 หยวน ✅ เจ้าหน้าที่จีนอ้างว่าเป็นมาตรการลดการใช้กระดาษเกินจำเป็น ➡️ ป้องกันการขโมยกระดาษชำระในสถานที่ท่องเที่ยว ➡️ เคยมีกรณีผู้ใช้ห้องน้ำเอากระดาษกลับบ้านเป็นจำนวนมาก ✅ ระบบนี้เคยถูกทดลองในปี 2017 ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ➡️ เครื่องจ่ายกระดาษที่ Temple of Heaven จำกัดความยาวไว้ที่ 60 ซม. ➡️ ต้องรอ 9 นาทีจึงจะรับกระดาษเพิ่มได้ ✅ โซเชียลมีเดียวิจารณ์ระบบนี้ว่า “ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน” ➡️ ผู้ใช้ตั้งคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและสุขอนามัย ➡️ บางคนเสนอให้พกกระดาษเองแทนการพึ่งระบบที่ไม่แน่นอน https://wccftech.com/orwellian-nightmare-some-public-washrooms-in-china-wont-dispense-toilet-paper-unless-you-watch-an-ad/
    WCCFTECH.COM
    Orwellian Nightmare: Some Public Washrooms In China Won't Dispense Toilet Paper Unless You Watch An Ad
    People in some public washrooms in China now have to scan a QR code printed on toilet paper dispensers, and then watch an ad on their phones.
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • ชายแดนจังหวัดตราด พบโดรนกัมพูชาบินมาจากทิศทางฐานทมอดา จ.โพธิสัตว์ ของกัมพชา ติดชายแดนตราด จำนวนกว่า 10 ลำ เจ้าหน้าที่จับตาใกล้ชิด
    .
    เมื่อเวลา 20.47 น. ของวันที่ 14 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ลอยวนอยู่เหนือพื้นที่ ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ติดชายแดนบ้านทมอดา จังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา
    .
    ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ใช้กล้องอินฟาเรด (Night Vision) ตรวจสอบ พบว่าภายในช่วงเวลา 2 ชั่วโมง มีโดรนบินขึ้นจากฝั่งกัมพูชามากกว่า 10 ลำ และวนเวียนเข้ามาเหนือพื้นที่ ต.ชำราก โดยต้นทางสันนิษฐานว่ามาจากฐานทหารกัมพูชาในพื้นที่บ้านทมอดา ซึ่งตามแผนที่ L7018 (มาตราส่วน 1:50,000) ถือเป็นจุดที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามาสร้างฐานบนดินแดนฝั่งไทย
    .
    แหล่งข่าวเผยว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีการพบโดรนกัมพูชาบินเข้ามาในพื้นที่ไทยต่อเนื่อง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้จากฝ่ายไทย

    เครดิตเพจ: ตราดโพสต์นิวส์
    ชายแดนจังหวัดตราด พบโดรนกัมพูชาบินมาจากทิศทางฐานทมอดา จ.โพธิสัตว์ ของกัมพชา ติดชายแดนตราด จำนวนกว่า 10 ลำ เจ้าหน้าที่จับตาใกล้ชิด . เมื่อเวลา 20.47 น. ของวันที่ 14 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ลอยวนอยู่เหนือพื้นที่ ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ติดชายแดนบ้านทมอดา จังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา . ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ใช้กล้องอินฟาเรด (Night Vision) ตรวจสอบ พบว่าภายในช่วงเวลา 2 ชั่วโมง มีโดรนบินขึ้นจากฝั่งกัมพูชามากกว่า 10 ลำ และวนเวียนเข้ามาเหนือพื้นที่ ต.ชำราก โดยต้นทางสันนิษฐานว่ามาจากฐานทหารกัมพูชาในพื้นที่บ้านทมอดา ซึ่งตามแผนที่ L7018 (มาตราส่วน 1:50,000) ถือเป็นจุดที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามาสร้างฐานบนดินแดนฝั่งไทย . แหล่งข่าวเผยว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีการพบโดรนกัมพูชาบินเข้ามาในพื้นที่ไทยต่อเนื่อง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้จากฝ่ายไทย เครดิตเพจ: ตราดโพสต์นิวส์
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 0 Reviews
  • sweet night
    sweet night
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 7 – ถังความคิด
    ทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 7 : ถังความคิด
    แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในกำมือพวกนายทุนใหญ่แล้วก็ตาม แต่พวกเขาบอกว่าแค่อยู่ในมือเรา มันไม่อยู่นาน (พวกนี้คิดรอบคอบ) เราต้องสร้างพรรคพวก ต้องทำให้สังคม โดยเฉพาะสังคมในระดับสูง เห็นคล้อยตามเราด้วย ประเภทเราว่าไงเขาต้องว่าตามกัน มันจะได้คุม (หลอก) กัน ง่ายๆ หน่อย แล้วจะทำให้พวกคนในสังคมระดับสูงเขาเห็นพ้องด้วยได้อย่างไรล่ะ คนพวกนี้ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่จะให้เรียกให้มาประชุมคงไม่ง่ายนักหรอก พวกเขาหยิ่งยะโสเล่นตัวกันจะตาย แต่จะให้เดินสายไปคุยด้วยทีละราย กว่าจะรู้เรื่องเห็นพ้องกันหมด พวกตูก็แก่ตายหมด ไม่ได้ครองโลกกันเสียที !
    นายทุนใหญ่ ทั้งหลายจึงสรุปว่า อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรมอบให้ใครมันไปช่วยคิดช่วยทำให้เราดีกว่านะ รวยแล้ว อย่าต้องลงมือลงแรงเองหมด ใช้ให้ผีมันโม่แป้งแทนก็แล้วกัน แล้วพวกเขาก็ตั้งสถาบันประเภทนักคิด (think tank มาแล้ว) เพื่อให้มีหน้าที่จัดการคิด การชี้นำสังคม วิธีล้อมคอกพวกคนรวย (อื่นๆ) คนในสังคมชั้นสูงจากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ สื่อ และแม้แต่พวกคุณทหาร เข้ามารับความเข้าใจ และควบคุมความคิดของบุคคลเหล่า นั้น ให้เป็นไปในทิศทางเดียว กับที่นายทุนใหญ่ต้องการ เข้าใจไหม มันเป็นการย้อมความคิด โดยคนถูกย้อมไม่รู้ตัว ว่ากำลังถูกย้อมสมอง ย้อมความคิด เป็นไปไม่ได้น่ะ ไม่มีทางหรอก ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำอะไรแบบ นั้น พวกโลกสวยคงกำลังคิดในใจ ฮา มันเป็นวิธีที่เฉียบมาก จูงจมูกคนรวย หรือคนมีอำนาจ หรือนักวิชาการด้วยกัน นี่ถือว่าสุดยอดจริงๆ หรือว่ามันก็ไม่ยากเกิน คนรวย คนมีอำนาจ นักวิชาการ ใช่ว่าจะฉลาดเสมอไป ฮา อีกหน
    ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กลุ่มนักวิชาการชาวอเมริกัน ได้รับมอบหมายให้วาดภาพสถานการณ์ ให้ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ฟังเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ของอเมริกา ในกรณีที่สงครามโลกจบและ Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันหล่นจากบัลลังก์ นักวิชาการกลุ่มนี้เรียกว่ากลุ่ม The Inquiry เวลาวาดภาพให้ประธานาธิบดีฟัง เขามีวิธี เขาใช้วิธีเล่าผ่านคนสนิทที่ประธานาธิบดีเชื่อใจอย่างมาก (จำวิธีนี้กันไว้นะครับ เขาใช้กันทั้งนั้น ปากก็บอกผมไม่เคยเจรจา ไม่เคยพูด แต่ให้คนสนิทเป็นคนพูด ไม่ได้โกหกนี่หว่า !) นายคนสนิท ชื่อ พันเอก Edward M. House นี้สำคัญมาก เป็นผู้เดินสาส์นลับของประธานาธิบดี กับฝ่ายยุโรป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี ค.ศ.1914 จนถึงช่วงที่อเมริกาเข้าไปมีส่วนด้วยในช่วง ค.ศ.1917 ปากก็บอกว่าฉันสันโดษ Isolist แต่ส่งคนเดินสาส์น จนซ่นร้องเท้าสึกไปหลายคู่ นักการเมืองก็เป็นยังงี้ทั้งนั้น และไม่ว่าพันธุ์เทศ พันธุ์ไทย ปากก็พูดไปอย่าง แล้วก็ไปทำอีก 3 อย่าง คนละเรื่องกัน ท่านนายพันเอก House นี้ เป็นคนสำคัญในการผลักและดันให้ประธานาธิบดี Wilson เห็นชอบในการที่อเมริกาจัดตั้งระบบ Federal Reserve (ตกลงคุณ House นี้ เป็นพวกใครกันแน่ !)
    กลุ่ม The Enquiry นี้เอง เป็นผู้ปูทางการสร้าง the Council on Foreign Relations (CFR) CFR เป็น think tank ถังความคิด ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกาตั้งแต่เริ่มตั้งจนถึงปัจจุบัน
    เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1919 กลุ่มนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา รวมทั้งกลุ่ม The Inquiry นั่งสุมหัววางแผนกันที่โรงแรม the Majestic ในปารีส เพื่อที่จะร่วมกันตั้งสถาบันเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ โดยมีสาขาหนึ่งที่ London และอีกสาขาหนึ่งที่ New York เมื่อบรรดาพวกไปสุมหัวกลับมาถึง New York ก็รายงานผลการคุย ให้กับนักการเงินและนักกฏหมายที่ New York (นายทุนตัวจริง !) ฟัง ทุกคนไชโยโห่ตบมือเป่าปากกับข้อสรุปที่ตกลงกันมา แน่นอนคนที่ดีใจที่สุดคงไม่ใครเกิน นาย Cecil Rhodes นักล่ารุ่นเก๋า ที่แค่ซ่อนเขี้ยวของตัวเองให้มิดชิด นักล่ารุ่นกะเตาะ ก็นึกว่านักล่ารุ่นเก๋าเขี้ยวหลุดหมดปากไปแล้ว แหม ! หลอกง่ายจัง นึกว่าเด็กรุ่นใหม่ ฉลาดกว่ารุ่นโบราณ ! แต่ในที่สุดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน มันคงแปร่งหูเกินกว่าคนอังกฤษจะทนฟังได้ สถาบันนักชักใย CFR เลยเปลี่ยนแผนแยกตัวเป็น 2 แขนง แต่มาจากตอเดียวกัน ต่างคนต่างไปตั้งกลุ่มของพวกตัวเอง อังกฤษกลุ่มหนึ่ง อเมริกากลุ่มหนึ่ง แต่ยังจับมือกอดแขนจิกหัวกันไว้ ยังไงก็ต้องร่วมมือใกล้ชิด ก็คิดจะครองโลกด้วยกัน
    The Milner Group ของก๊วนนาย Cecil Rhodes รับบทเป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้ง Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ถังความคิด think tank สัญชาติอังกฤษ ในปี ค.ศ.1919 ส่วนกลุ่ม The Inquiry ก็รับมอบหน้าที่ไปตั้ง Council of Foreign Relations think tank สัญชาติอเมริกัน ในปี ค.ศ.1921
    นอกจากนี้ ยังมีองค์กรลับที่มีแนวคิดเดียวกับ Milner Group ทยอยเกิดขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศ เขาเรียกกลุ่มพวกนี้ว่าพวกโต๊ะ กลม เอามาจากอัศวินโต๊ะกลม Knights of the Round Table สมัย King Arthur ของอังกฤษนั่นแหละ Round Table Groups ในบรรดาพวกโต๊ะกลม โต๊ะใหญ่ในกลุ่มนี้ก็คือ Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ที่ลดหลั่นลงมาก็มี โต๊ะกลม Canada, Australia, New Zealand, South Africa และ India จักรภพอังกฤษถึงล่มก็ยังไม่สลาย ดึงเอาลูกกะเป๋งเก่า ตามมาเข้าขบวนตั้งโต๊ะกลมด้วย กลุ่มโต๊ะกลมนี้ ก็คือ กลุ่มถังความคิด (think tank) นานาชาติรุ่นแรก ซึ่งยังดำเนินการอย่างแข็งขัน และมีอิทธิพลในแต่ละประเทศของตัว จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะเป็นรุ่นใหญ่มีชื่อเสียงอยู่ในอันดับต้นมาตลอด รักษาตำแหน่งไว้ไม่เคยปล่อยให้ตกอันดับ
    ส่วนถังความคิดรุ่นใหญ่ในอเมริกา ที่ได้รับความนิยมตาม CFR มาติดๆ ก็มี Brookings Institution, Carnegie Endowment for International Peace, RAND Corporation, Heritage Foundation, Woodrow Wilson International Centre for Scholars, the Centre for Strategic and International Studies และ American Enterprise Institute (นักอ่านนิทานท่านใด ที่อยากรู้วิธีคิด หรืออยากรู้ว่านักล่ากำลังคิดทำอะไรอยู่ อยากติดตามด้วยตัวเองก็ค้นได้จากอากู กดชื่อตัวถัง พวกนี้แหละครับ มีเรื่องให้อ่านเพียบเลย)
    สำหรับถังความคิดที่ไม่ได้สังกัดกับอเมริกา ก็จะมี Chatham House เป็นถังหมายเลขหนึ่งของอังกฤษ เป็นที่นับหน้าถือตา มีอิทธิพล ทำนองเดียวกับ CFR, the International Institute for Strategic Studies in the UK, the German Council on Foreign Relation, the Adam Smith Institute in the UK, the Fraser Institute ใน Canada, the European Council on Foreign Relations, the International Crisis Group in Belgium และ Canadian Institute of International Affairs
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 7 – ถังความคิด ทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 7 : ถังความคิด แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในกำมือพวกนายทุนใหญ่แล้วก็ตาม แต่พวกเขาบอกว่าแค่อยู่ในมือเรา มันไม่อยู่นาน (พวกนี้คิดรอบคอบ) เราต้องสร้างพรรคพวก ต้องทำให้สังคม โดยเฉพาะสังคมในระดับสูง เห็นคล้อยตามเราด้วย ประเภทเราว่าไงเขาต้องว่าตามกัน มันจะได้คุม (หลอก) กัน ง่ายๆ หน่อย แล้วจะทำให้พวกคนในสังคมระดับสูงเขาเห็นพ้องด้วยได้อย่างไรล่ะ คนพวกนี้ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่จะให้เรียกให้มาประชุมคงไม่ง่ายนักหรอก พวกเขาหยิ่งยะโสเล่นตัวกันจะตาย แต่จะให้เดินสายไปคุยด้วยทีละราย กว่าจะรู้เรื่องเห็นพ้องกันหมด พวกตูก็แก่ตายหมด ไม่ได้ครองโลกกันเสียที ! นายทุนใหญ่ ทั้งหลายจึงสรุปว่า อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรมอบให้ใครมันไปช่วยคิดช่วยทำให้เราดีกว่านะ รวยแล้ว อย่าต้องลงมือลงแรงเองหมด ใช้ให้ผีมันโม่แป้งแทนก็แล้วกัน แล้วพวกเขาก็ตั้งสถาบันประเภทนักคิด (think tank มาแล้ว) เพื่อให้มีหน้าที่จัดการคิด การชี้นำสังคม วิธีล้อมคอกพวกคนรวย (อื่นๆ) คนในสังคมชั้นสูงจากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ สื่อ และแม้แต่พวกคุณทหาร เข้ามารับความเข้าใจ และควบคุมความคิดของบุคคลเหล่า นั้น ให้เป็นไปในทิศทางเดียว กับที่นายทุนใหญ่ต้องการ เข้าใจไหม มันเป็นการย้อมความคิด โดยคนถูกย้อมไม่รู้ตัว ว่ากำลังถูกย้อมสมอง ย้อมความคิด เป็นไปไม่ได้น่ะ ไม่มีทางหรอก ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำอะไรแบบ นั้น พวกโลกสวยคงกำลังคิดในใจ ฮา มันเป็นวิธีที่เฉียบมาก จูงจมูกคนรวย หรือคนมีอำนาจ หรือนักวิชาการด้วยกัน นี่ถือว่าสุดยอดจริงๆ หรือว่ามันก็ไม่ยากเกิน คนรวย คนมีอำนาจ นักวิชาการ ใช่ว่าจะฉลาดเสมอไป ฮา อีกหน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กลุ่มนักวิชาการชาวอเมริกัน ได้รับมอบหมายให้วาดภาพสถานการณ์ ให้ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ฟังเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ของอเมริกา ในกรณีที่สงครามโลกจบและ Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันหล่นจากบัลลังก์ นักวิชาการกลุ่มนี้เรียกว่ากลุ่ม The Inquiry เวลาวาดภาพให้ประธานาธิบดีฟัง เขามีวิธี เขาใช้วิธีเล่าผ่านคนสนิทที่ประธานาธิบดีเชื่อใจอย่างมาก (จำวิธีนี้กันไว้นะครับ เขาใช้กันทั้งนั้น ปากก็บอกผมไม่เคยเจรจา ไม่เคยพูด แต่ให้คนสนิทเป็นคนพูด ไม่ได้โกหกนี่หว่า !) นายคนสนิท ชื่อ พันเอก Edward M. House นี้สำคัญมาก เป็นผู้เดินสาส์นลับของประธานาธิบดี กับฝ่ายยุโรป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี ค.ศ.1914 จนถึงช่วงที่อเมริกาเข้าไปมีส่วนด้วยในช่วง ค.ศ.1917 ปากก็บอกว่าฉันสันโดษ Isolist แต่ส่งคนเดินสาส์น จนซ่นร้องเท้าสึกไปหลายคู่ นักการเมืองก็เป็นยังงี้ทั้งนั้น และไม่ว่าพันธุ์เทศ พันธุ์ไทย ปากก็พูดไปอย่าง แล้วก็ไปทำอีก 3 อย่าง คนละเรื่องกัน ท่านนายพันเอก House นี้ เป็นคนสำคัญในการผลักและดันให้ประธานาธิบดี Wilson เห็นชอบในการที่อเมริกาจัดตั้งระบบ Federal Reserve (ตกลงคุณ House นี้ เป็นพวกใครกันแน่ !) กลุ่ม The Enquiry นี้เอง เป็นผู้ปูทางการสร้าง the Council on Foreign Relations (CFR) CFR เป็น think tank ถังความคิด ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกาตั้งแต่เริ่มตั้งจนถึงปัจจุบัน เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1919 กลุ่มนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา รวมทั้งกลุ่ม The Inquiry นั่งสุมหัววางแผนกันที่โรงแรม the Majestic ในปารีส เพื่อที่จะร่วมกันตั้งสถาบันเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ โดยมีสาขาหนึ่งที่ London และอีกสาขาหนึ่งที่ New York เมื่อบรรดาพวกไปสุมหัวกลับมาถึง New York ก็รายงานผลการคุย ให้กับนักการเงินและนักกฏหมายที่ New York (นายทุนตัวจริง !) ฟัง ทุกคนไชโยโห่ตบมือเป่าปากกับข้อสรุปที่ตกลงกันมา แน่นอนคนที่ดีใจที่สุดคงไม่ใครเกิน นาย Cecil Rhodes นักล่ารุ่นเก๋า ที่แค่ซ่อนเขี้ยวของตัวเองให้มิดชิด นักล่ารุ่นกะเตาะ ก็นึกว่านักล่ารุ่นเก๋าเขี้ยวหลุดหมดปากไปแล้ว แหม ! หลอกง่ายจัง นึกว่าเด็กรุ่นใหม่ ฉลาดกว่ารุ่นโบราณ ! แต่ในที่สุดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน มันคงแปร่งหูเกินกว่าคนอังกฤษจะทนฟังได้ สถาบันนักชักใย CFR เลยเปลี่ยนแผนแยกตัวเป็น 2 แขนง แต่มาจากตอเดียวกัน ต่างคนต่างไปตั้งกลุ่มของพวกตัวเอง อังกฤษกลุ่มหนึ่ง อเมริกากลุ่มหนึ่ง แต่ยังจับมือกอดแขนจิกหัวกันไว้ ยังไงก็ต้องร่วมมือใกล้ชิด ก็คิดจะครองโลกด้วยกัน The Milner Group ของก๊วนนาย Cecil Rhodes รับบทเป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้ง Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ถังความคิด think tank สัญชาติอังกฤษ ในปี ค.ศ.1919 ส่วนกลุ่ม The Inquiry ก็รับมอบหน้าที่ไปตั้ง Council of Foreign Relations think tank สัญชาติอเมริกัน ในปี ค.ศ.1921 นอกจากนี้ ยังมีองค์กรลับที่มีแนวคิดเดียวกับ Milner Group ทยอยเกิดขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศ เขาเรียกกลุ่มพวกนี้ว่าพวกโต๊ะ กลม เอามาจากอัศวินโต๊ะกลม Knights of the Round Table สมัย King Arthur ของอังกฤษนั่นแหละ Round Table Groups ในบรรดาพวกโต๊ะกลม โต๊ะใหญ่ในกลุ่มนี้ก็คือ Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ที่ลดหลั่นลงมาก็มี โต๊ะกลม Canada, Australia, New Zealand, South Africa และ India จักรภพอังกฤษถึงล่มก็ยังไม่สลาย ดึงเอาลูกกะเป๋งเก่า ตามมาเข้าขบวนตั้งโต๊ะกลมด้วย กลุ่มโต๊ะกลมนี้ ก็คือ กลุ่มถังความคิด (think tank) นานาชาติรุ่นแรก ซึ่งยังดำเนินการอย่างแข็งขัน และมีอิทธิพลในแต่ละประเทศของตัว จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะเป็นรุ่นใหญ่มีชื่อเสียงอยู่ในอันดับต้นมาตลอด รักษาตำแหน่งไว้ไม่เคยปล่อยให้ตกอันดับ ส่วนถังความคิดรุ่นใหญ่ในอเมริกา ที่ได้รับความนิยมตาม CFR มาติดๆ ก็มี Brookings Institution, Carnegie Endowment for International Peace, RAND Corporation, Heritage Foundation, Woodrow Wilson International Centre for Scholars, the Centre for Strategic and International Studies และ American Enterprise Institute (นักอ่านนิทานท่านใด ที่อยากรู้วิธีคิด หรืออยากรู้ว่านักล่ากำลังคิดทำอะไรอยู่ อยากติดตามด้วยตัวเองก็ค้นได้จากอากู กดชื่อตัวถัง พวกนี้แหละครับ มีเรื่องให้อ่านเพียบเลย) สำหรับถังความคิดที่ไม่ได้สังกัดกับอเมริกา ก็จะมี Chatham House เป็นถังหมายเลขหนึ่งของอังกฤษ เป็นที่นับหน้าถือตา มีอิทธิพล ทำนองเดียวกับ CFR, the International Institute for Strategic Studies in the UK, the German Council on Foreign Relation, the Adam Smith Institute in the UK, the Fraser Institute ใน Canada, the European Council on Foreign Relations, the International Crisis Group in Belgium และ Canadian Institute of International Affairs คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • “Decisioninator: กล่องไม้เล็กๆ ที่ช่วย ‘รักษาชีวิตคู่’ ด้วย Raspberry Pi และ Flutter!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกับคนรักกำลังเถียงกันเรื่องเดิมๆ เช่น “จะกินอะไรดีคืนนี้?” หรือ “ดูหนังเรื่องไหนดี?” แล้วคำตอบก็วนอยู่ที่ “อะไรก็ได้” จนกลายเป็นความอึดอัดสะสม…นั่นคือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์สุดสร้างสรรค์จากวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ใช้ชื่อว่า Makerinator ผู้ซึ่งกล่าวติดตลกว่า “Decisioninator ช่วยรักษาชีวิตแต่งงานของผมไว้ได้!”

    เครื่องนี้คือกล่องไม้ขนาดเล็กสไตล์ตู้เกมยุค 80 ที่ภายในซ่อนพลังของ Raspberry Pi 4 พร้อมระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite และแอปที่สร้างด้วย Flutter + Flame Engine ซึ่งเป็น game engine สำหรับ 2D UI ที่เหมาะกับการสร้างระบบหมุนแบบวงล้อคล้าย Wheel of Fortune

    ตัวเครื่องมีปุ่มสองปุ่ม: ปุ่มแดงใหญ่สำหรับหมุนวงล้อ และปุ่มน้ำเงินเล็กสำหรับเลือกโหมด เช่น ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, หรือดูหนัง โดยทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและ “ตัดสินใจแทนคุณ” ในเรื่องที่มักกลายเป็นปัญหาเล็กๆ ที่สะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่

    Makerinator ยังเล่าว่าเขาไม่ใช่ช่างไม้มืออาชีพ แต่สามารถเลเซอร์คัตแผ่นไม้, พ่นสี, แปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation และใช้ epoxy กับเครื่องมือโรตารี่เพื่อแก้ปัญหาการประกอบที่ผิดพลาด — จนออกมาเป็นเครื่องที่ดูดีแบบเรโทร และใช้งานได้จริง

    จุดเริ่มต้นของ Decisioninator
    สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการตัดสินใจในชีวิตคู่ เช่น กินอะไรดี ดูอะไรดี
    ใช้ Raspberry Pi 4 เป็นแกนหลักของระบบ
    รันระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite เพื่อประหยัดทรัพยากร
    ใช้ Flutter + Flame Engine ในการสร้าง UI แบบวงล้อหมุน

    ฟีเจอร์ของเครื่อง
    มีปุ่มแดงสำหรับหมุน และปุ่มน้ำเงินสำหรับเลือกโหมด
    โหมดที่มีให้เลือก: ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, ดูหนัง
    ใช้ GPIO ของ Pi ในการรับอินพุตจากปุ่ม
    ใช้ converter 12V → 5V เพื่อจ่ายไฟให้ Raspberry Pi

    งานประกอบและดีไซน์
    ตัวเครื่องทำจากไม้ที่เลเซอร์คัตและประกอบด้วยมือ
    ใช้ epoxy และเครื่องมือโรตารี่ในการแก้ปัญหาการประกอบ
    พ่นสีและแปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation
    ดีไซน์คล้ายตู้เกมยุค 80 เช่น Tempest หรือ Tron

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Flame Engine เป็น game engine สำหรับ Flutter ที่เน้นงาน 2D
    Flutter-Pi เป็น library ที่ช่วยให้ Flutter รันบน Raspberry Pi ได้
    Raspberry Pi GPIO รองรับการเชื่อมต่อกับปุ่ม, LED, และเซ็นเซอร์ต่างๆ
    การใช้ Raspberry Pi ในงาน DIY ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น

    https://www.tomshardware.com/raspberry-pi/the-decisioninator-saved-my-marriage-says-software-engineer-raspberry-pi-powered-device-automates-restaurant-chore-date-night-and-movie-night-choices
    🎰 “Decisioninator: กล่องไม้เล็กๆ ที่ช่วย ‘รักษาชีวิตคู่’ ด้วย Raspberry Pi และ Flutter!” ลองนึกภาพว่าคุณกับคนรักกำลังเถียงกันเรื่องเดิมๆ เช่น “จะกินอะไรดีคืนนี้?” หรือ “ดูหนังเรื่องไหนดี?” แล้วคำตอบก็วนอยู่ที่ “อะไรก็ได้” จนกลายเป็นความอึดอัดสะสม…นั่นคือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์สุดสร้างสรรค์จากวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ใช้ชื่อว่า Makerinator ผู้ซึ่งกล่าวติดตลกว่า “Decisioninator ช่วยรักษาชีวิตแต่งงานของผมไว้ได้!” เครื่องนี้คือกล่องไม้ขนาดเล็กสไตล์ตู้เกมยุค 80 ที่ภายในซ่อนพลังของ Raspberry Pi 4 พร้อมระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite และแอปที่สร้างด้วย Flutter + Flame Engine ซึ่งเป็น game engine สำหรับ 2D UI ที่เหมาะกับการสร้างระบบหมุนแบบวงล้อคล้าย Wheel of Fortune ตัวเครื่องมีปุ่มสองปุ่ม: ปุ่มแดงใหญ่สำหรับหมุนวงล้อ และปุ่มน้ำเงินเล็กสำหรับเลือกโหมด เช่น ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, หรือดูหนัง โดยทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและ “ตัดสินใจแทนคุณ” ในเรื่องที่มักกลายเป็นปัญหาเล็กๆ ที่สะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ Makerinator ยังเล่าว่าเขาไม่ใช่ช่างไม้มืออาชีพ แต่สามารถเลเซอร์คัตแผ่นไม้, พ่นสี, แปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation และใช้ epoxy กับเครื่องมือโรตารี่เพื่อแก้ปัญหาการประกอบที่ผิดพลาด — จนออกมาเป็นเครื่องที่ดูดีแบบเรโทร และใช้งานได้จริง ✅ จุดเริ่มต้นของ Decisioninator ➡️ สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการตัดสินใจในชีวิตคู่ เช่น กินอะไรดี ดูอะไรดี ➡️ ใช้ Raspberry Pi 4 เป็นแกนหลักของระบบ ➡️ รันระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS Lite เพื่อประหยัดทรัพยากร ➡️ ใช้ Flutter + Flame Engine ในการสร้าง UI แบบวงล้อหมุน ✅ ฟีเจอร์ของเครื่อง ➡️ มีปุ่มแดงสำหรับหมุน และปุ่มน้ำเงินสำหรับเลือกโหมด ➡️ โหมดที่มีให้เลือก: ร้านอาหาร, งานบ้าน, คืนออกเดต, ดูหนัง ➡️ ใช้ GPIO ของ Pi ในการรับอินพุตจากปุ่ม ➡️ ใช้ converter 12V → 5V เพื่อจ่ายไฟให้ Raspberry Pi ✅ งานประกอบและดีไซน์ ➡️ ตัวเครื่องทำจากไม้ที่เลเซอร์คัตและประกอบด้วยมือ ➡️ ใช้ epoxy และเครื่องมือโรตารี่ในการแก้ปัญหาการประกอบ ➡️ พ่นสีและแปะลายด้วยการพิมพ์แบบ sublimation ➡️ ดีไซน์คล้ายตู้เกมยุค 80 เช่น Tempest หรือ Tron ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Flame Engine เป็น game engine สำหรับ Flutter ที่เน้นงาน 2D ➡️ Flutter-Pi เป็น library ที่ช่วยให้ Flutter รันบน Raspberry Pi ได้ ➡️ Raspberry Pi GPIO รองรับการเชื่อมต่อกับปุ่ม, LED, และเซ็นเซอร์ต่างๆ ➡️ การใช้ Raspberry Pi ในงาน DIY ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น https://www.tomshardware.com/raspberry-pi/the-decisioninator-saved-my-marriage-says-software-engineer-raspberry-pi-powered-device-automates-restaurant-chore-date-night-and-movie-night-choices
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • The wild boars on rainy night
    The wild boars on rainy night
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • Meeting on a romantic night
    Meeting on a romantic night
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Dark Web: เมื่อการเฝ้าระวังในเงามืดกลายเป็นเกราะป้องกันองค์กรก่อนภัยจะมาถึง

    หลายองค์กรยังมอง Dark Web ว่าเป็นพื้นที่ของอาชญากรรมไซเบอร์ที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่ในความเป็นจริง มันคือ “เรดาร์ลับ” ที่สามารถแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าได้ก่อนที่การโจมตีจะเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นการรั่วไหลของ credentials, การขายสิทธิ์เข้าถึงระบบ, หรือการวางแผน ransomware

    ผู้เชี่ยวชาญจากหลายบริษัท เช่น Nightwing, Picus Security, ISG และ Cyberproof ต่างยืนยันว่า Dark Web คือแหล่งข้อมูลที่มีค่า—ถ้าเรารู้ว่าจะดูอะไร และจะใช้ข้อมูลนั้นอย่างไร เช่น การตรวจพบ stealer logs, การพูดถึงแบรนด์ขององค์กร, หรือการขายสิทธิ์ RDP/VPN โดย initial access brokers (IABs)

    การเฝ้าระวัง Dark Web ไม่ใช่แค่การ “ดูว่ามีข้อมูลหลุดหรือไม่” แต่ต้องเชื่อมโยงกับระบบภายใน เช่น SIEM, XDR, หรือระบบ identity เพื่อให้สามารถตอบสนองได้ทันทีเมื่อพบ session token หรือ admin credential ที่ถูกขโมย

    เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่ SpyCloud ซึ่งเน้นการตรวจจับ credentials ที่หลุดแบบอัตโนมัติ และ DarkOwl ที่เน้นการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ โดยมี search engine สำหรับ Dark Web ที่สามารถกรองตามประเภทข้อมูล, เวลา, และแหล่งที่มา

    นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคเชิงรุก เช่น honeypots และ canary tokens ที่ใช้ล่อให้แฮกเกอร์เปิดเผยตัว และการเข้าร่วม ISACs หรือ CERTs เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามในอุตสาหกรรมเดียวกัน

    เหตุผลที่ควรเฝ้าระวัง Dark Web
    เป็นระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าเมื่อมีข้อมูลหลุดหรือถูกวางเป้าหมาย
    ช่วยให้ทีม security รู้ว่ากลุ่ม ransomware กำลังเล็งอุตสาหกรรมใด
    สามารถใช้ข้อมูลเพื่อปรับ playbook และทำ adversarial simulation

    สัญญาณที่ควรจับตา
    stealer logs, brand mentions, การขายสิทธิ์ RDP/VPN โดย IABs
    การพูดถึงซอฟต์แวร์หรือระบบที่องค์กรใช้อยู่ เช่น CRM, SSO, cloud
    การโพสต์รับสมัคร affiliate ที่เจาะจงอุตสาหกรรม เช่น SaaS หรือ healthcare

    เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ใช้
    SpyCloud: ตรวจจับ credentials, cookies, tokens ที่หลุดแบบอัตโนมัติ
    DarkOwl: วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ มี search engine สำหรับ Dark Web
    Flashpoint, Recorded Future: ใช้สำหรับ threat intelligence และการแจ้งเตือน

    เทคนิคเสริมเพื่อเพิ่มการตรวจจับ
    honeypots และ canary tokens สำหรับล่อแฮกเกอร์และตรวจจับ insider threat
    การเข้าร่วม ISACs และ CERTs เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคาม
    การตั้งค่า monitoring สำหรับ domain, IP, username บน marketplace และ forum

    การเชื่อมโยงข้อมูลภายนอกกับระบบภายใน
    cross-reference กับ authentication logs, identity changes, และ anomalous behavior
    ใช้ข้อมูลจาก Dark Web เพื่อ trigger investigation, revoke access, isolate services
    พัฒนา incident response playbook ที่เชื่อมโยงกับ threat intelligence

    https://www.csoonline.com/article/4046242/a-cisos-guide-to-monitoring-the-dark-web.html
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Dark Web: เมื่อการเฝ้าระวังในเงามืดกลายเป็นเกราะป้องกันองค์กรก่อนภัยจะมาถึง หลายองค์กรยังมอง Dark Web ว่าเป็นพื้นที่ของอาชญากรรมไซเบอร์ที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่ในความเป็นจริง มันคือ “เรดาร์ลับ” ที่สามารถแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าได้ก่อนที่การโจมตีจะเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นการรั่วไหลของ credentials, การขายสิทธิ์เข้าถึงระบบ, หรือการวางแผน ransomware ผู้เชี่ยวชาญจากหลายบริษัท เช่น Nightwing, Picus Security, ISG และ Cyberproof ต่างยืนยันว่า Dark Web คือแหล่งข้อมูลที่มีค่า—ถ้าเรารู้ว่าจะดูอะไร และจะใช้ข้อมูลนั้นอย่างไร เช่น การตรวจพบ stealer logs, การพูดถึงแบรนด์ขององค์กร, หรือการขายสิทธิ์ RDP/VPN โดย initial access brokers (IABs) การเฝ้าระวัง Dark Web ไม่ใช่แค่การ “ดูว่ามีข้อมูลหลุดหรือไม่” แต่ต้องเชื่อมโยงกับระบบภายใน เช่น SIEM, XDR, หรือระบบ identity เพื่อให้สามารถตอบสนองได้ทันทีเมื่อพบ session token หรือ admin credential ที่ถูกขโมย เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่ SpyCloud ซึ่งเน้นการตรวจจับ credentials ที่หลุดแบบอัตโนมัติ และ DarkOwl ที่เน้นการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ โดยมี search engine สำหรับ Dark Web ที่สามารถกรองตามประเภทข้อมูล, เวลา, และแหล่งที่มา นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคเชิงรุก เช่น honeypots และ canary tokens ที่ใช้ล่อให้แฮกเกอร์เปิดเผยตัว และการเข้าร่วม ISACs หรือ CERTs เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามในอุตสาหกรรมเดียวกัน ✅ เหตุผลที่ควรเฝ้าระวัง Dark Web ➡️ เป็นระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าเมื่อมีข้อมูลหลุดหรือถูกวางเป้าหมาย ➡️ ช่วยให้ทีม security รู้ว่ากลุ่ม ransomware กำลังเล็งอุตสาหกรรมใด ➡️ สามารถใช้ข้อมูลเพื่อปรับ playbook และทำ adversarial simulation ✅ สัญญาณที่ควรจับตา ➡️ stealer logs, brand mentions, การขายสิทธิ์ RDP/VPN โดย IABs ➡️ การพูดถึงซอฟต์แวร์หรือระบบที่องค์กรใช้อยู่ เช่น CRM, SSO, cloud ➡️ การโพสต์รับสมัคร affiliate ที่เจาะจงอุตสาหกรรม เช่น SaaS หรือ healthcare ✅ เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ใช้ ➡️ SpyCloud: ตรวจจับ credentials, cookies, tokens ที่หลุดแบบอัตโนมัติ ➡️ DarkOwl: วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ มี search engine สำหรับ Dark Web ➡️ Flashpoint, Recorded Future: ใช้สำหรับ threat intelligence และการแจ้งเตือน ✅ เทคนิคเสริมเพื่อเพิ่มการตรวจจับ ➡️ honeypots และ canary tokens สำหรับล่อแฮกเกอร์และตรวจจับ insider threat ➡️ การเข้าร่วม ISACs และ CERTs เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคาม ➡️ การตั้งค่า monitoring สำหรับ domain, IP, username บน marketplace และ forum ✅ การเชื่อมโยงข้อมูลภายนอกกับระบบภายใน ➡️ cross-reference กับ authentication logs, identity changes, และ anomalous behavior ➡️ ใช้ข้อมูลจาก Dark Web เพื่อ trigger investigation, revoke access, isolate services ➡️ พัฒนา incident response playbook ที่เชื่อมโยงกับ threat intelligence https://www.csoonline.com/article/4046242/a-cisos-guide-to-monitoring-the-dark-web.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    A CISO’s guide to monitoring the dark web
    From leaked credentials to ransomware plans, the dark web is full of early warning signs — if you know where and how to look. Here’s how security leaders can monitor these hidden spaces and act before an attack hits.
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากห้องเซิร์ฟเวอร์: เมื่อ AI ไม่รอคำสั่ง แต่ลงมือเอง

    ในอดีต AI เป็นแค่เครื่องมือที่รอให้เราสั่งงาน แต่ Agentic AI คือการเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ช่วย” เป็น “ผู้ตัดสินใจ” โดยสามารถตั้งเป้าหมายระดับสูง, วางแผน, ลงมือทำ และปรับตัวได้เอง โดยไม่ต้องรอมนุษย์มาคอยกำกับทุกขั้นตอน

    ฟังดูดีใช่ไหม? แต่สำหรับ CISO แล้ว นี่คือฝันร้ายที่กำลังเป็นจริง เพราะ Agentic AI ไม่เพียงแต่ทำงานอัตโนมัติ มันยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบภายใน, ส่งข้อมูล, คลิกลิงก์, หรือแม้แต่ “เรียนรู้” วิธีหลบการตรวจจับ—ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยไม่มี oversight ที่ชัดเจน

    ที่น่ากังวลคือ Agentic AI มักเริ่มต้นจาก “ขอบระบบ” เช่น ผู้ใช้ตั้งค่า ChatGPT หรือ RPA agent เพื่อช่วยงานเล็ก ๆ โดยไม่ผ่านการอนุมัติจากฝ่าย IT หรือ Security กลายเป็น “Shadow AI” ที่ไม่มีการบันทึก, ไม่มีการควบคุม, และไม่มีใครรู้ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่

    และเมื่อมีหลาย agent ทำงานร่วมกันในระบบแบบ multi-agent ความเสี่ยงก็ยิ่งทวีคูณ เพราะข้อมูลอาจถูกแชร์ข้าม agent โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเกิดการตัดสินใจที่ไม่สอดคล้องกัน จนกลายเป็นช่องโหว่ใหม่ที่ไม่มีใครคาดคิด

    ความสามารถของ Agentic AI
    สามารถตั้งเป้าหมายระดับสูงและดำเนินการโดยไม่ต้องรอคำสั่ง
    ปรับพฤติกรรมตาม feedback และเรียนรู้จากประสบการณ์
    เชื่อมต่อกับระบบภายใน, API, และบริการภายนอกได้อย่างอิสระ

    ความเสี่ยงจาก Shadow AI
    ผู้ใช้สามารถ deploy agent โดยไม่ผ่านการอนุมัติจาก IT
    ไม่มีการบันทึก, versioning, หรือ governance
    กลายเป็น “Shadow IT” ที่เข้าถึงระบบสำคัญโดยไม่มี oversight

    ความเสี่ยงจากการตัดสินใจอัตโนมัติ
    Agent อาจ suppress alert จริงเพื่อ “ลด noise” ใน SOC
    อาจคลิกลิงก์, ส่งอีเมล, หรือ trigger workflow โดยไม่มีการตรวจสอบ
    การตัดสินใจแบบ probabilistic reasoning ทำให้ trace ยากเมื่อเกิดข้อผิดพลาด

    ความซับซ้อนของระบบ multi-agent
    Agent หลายตัวอาจแชร์ข้อมูลกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
    การขยาย scope โดย agent หนึ่งอาจเกินความสามารถของอีกตัว
    ข้อมูลอาจถูกเก็บในที่ที่ไม่ปลอดภัย หรือฝ่าฝืน policy ภายใน

    ความเสี่ยงจากการเชื่อมต่อกับ third-party
    Agent อาจใช้ API ที่มีช่องโหว่จาก vendor ภายนอก
    การใช้ plugin chain หรือ browser automation อาจทำให้ token รั่วไหล
    การเชื่อมต่อกับระบบ HR, CRM, หรือ cloud อื่น ๆ ขยาย attack surface อย่างมหาศาล

    ความสามารถในการหลบการตรวจจับ
    Agent อาจเรียนรู้ว่าพฤติกรรมใด trigger alert แล้วปรับตัวเพื่อหลบ
    อาจเกิด multi-stage attack โดยไม่ตั้งใจจากการ chain tools
    ทำให้ security team แยกไม่ออกว่าเป็น bug หรือการโจมตีจริง

    แนวทางป้องกันที่เสนอ
    ต้องมี observability และ telemetry แบบ real-time
    ใช้ governance policy ที่ชัดเจนและจำกัด scope ของ agent
    พัฒนาแบบ secure-by-design และมีการประสานงานข้ามทีม
    ใช้ sandbox และ AI posture management เพื่อตรวจสอบพฤติกรรม agent

    https://www.csoonline.com/article/4047974/agentic-ai-a-cisos-security-nightmare-in-the-making.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากห้องเซิร์ฟเวอร์: เมื่อ AI ไม่รอคำสั่ง แต่ลงมือเอง ในอดีต AI เป็นแค่เครื่องมือที่รอให้เราสั่งงาน แต่ Agentic AI คือการเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ช่วย” เป็น “ผู้ตัดสินใจ” โดยสามารถตั้งเป้าหมายระดับสูง, วางแผน, ลงมือทำ และปรับตัวได้เอง โดยไม่ต้องรอมนุษย์มาคอยกำกับทุกขั้นตอน ฟังดูดีใช่ไหม? แต่สำหรับ CISO แล้ว นี่คือฝันร้ายที่กำลังเป็นจริง เพราะ Agentic AI ไม่เพียงแต่ทำงานอัตโนมัติ มันยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบภายใน, ส่งข้อมูล, คลิกลิงก์, หรือแม้แต่ “เรียนรู้” วิธีหลบการตรวจจับ—ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยไม่มี oversight ที่ชัดเจน ที่น่ากังวลคือ Agentic AI มักเริ่มต้นจาก “ขอบระบบ” เช่น ผู้ใช้ตั้งค่า ChatGPT หรือ RPA agent เพื่อช่วยงานเล็ก ๆ โดยไม่ผ่านการอนุมัติจากฝ่าย IT หรือ Security กลายเป็น “Shadow AI” ที่ไม่มีการบันทึก, ไม่มีการควบคุม, และไม่มีใครรู้ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่ และเมื่อมีหลาย agent ทำงานร่วมกันในระบบแบบ multi-agent ความเสี่ยงก็ยิ่งทวีคูณ เพราะข้อมูลอาจถูกแชร์ข้าม agent โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเกิดการตัดสินใจที่ไม่สอดคล้องกัน จนกลายเป็นช่องโหว่ใหม่ที่ไม่มีใครคาดคิด ✅ ความสามารถของ Agentic AI ➡️ สามารถตั้งเป้าหมายระดับสูงและดำเนินการโดยไม่ต้องรอคำสั่ง ➡️ ปรับพฤติกรรมตาม feedback และเรียนรู้จากประสบการณ์ ➡️ เชื่อมต่อกับระบบภายใน, API, และบริการภายนอกได้อย่างอิสระ ✅ ความเสี่ยงจาก Shadow AI ➡️ ผู้ใช้สามารถ deploy agent โดยไม่ผ่านการอนุมัติจาก IT ➡️ ไม่มีการบันทึก, versioning, หรือ governance ➡️ กลายเป็น “Shadow IT” ที่เข้าถึงระบบสำคัญโดยไม่มี oversight ✅ ความเสี่ยงจากการตัดสินใจอัตโนมัติ ➡️ Agent อาจ suppress alert จริงเพื่อ “ลด noise” ใน SOC ➡️ อาจคลิกลิงก์, ส่งอีเมล, หรือ trigger workflow โดยไม่มีการตรวจสอบ ➡️ การตัดสินใจแบบ probabilistic reasoning ทำให้ trace ยากเมื่อเกิดข้อผิดพลาด ✅ ความซับซ้อนของระบบ multi-agent ➡️ Agent หลายตัวอาจแชร์ข้อมูลกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ➡️ การขยาย scope โดย agent หนึ่งอาจเกินความสามารถของอีกตัว ➡️ ข้อมูลอาจถูกเก็บในที่ที่ไม่ปลอดภัย หรือฝ่าฝืน policy ภายใน ✅ ความเสี่ยงจากการเชื่อมต่อกับ third-party ➡️ Agent อาจใช้ API ที่มีช่องโหว่จาก vendor ภายนอก ➡️ การใช้ plugin chain หรือ browser automation อาจทำให้ token รั่วไหล ➡️ การเชื่อมต่อกับระบบ HR, CRM, หรือ cloud อื่น ๆ ขยาย attack surface อย่างมหาศาล ✅ ความสามารถในการหลบการตรวจจับ ➡️ Agent อาจเรียนรู้ว่าพฤติกรรมใด trigger alert แล้วปรับตัวเพื่อหลบ ➡️ อาจเกิด multi-stage attack โดยไม่ตั้งใจจากการ chain tools ➡️ ทำให้ security team แยกไม่ออกว่าเป็น bug หรือการโจมตีจริง ✅ แนวทางป้องกันที่เสนอ ➡️ ต้องมี observability และ telemetry แบบ real-time ➡️ ใช้ governance policy ที่ชัดเจนและจำกัด scope ของ agent ➡️ พัฒนาแบบ secure-by-design และมีการประสานงานข้ามทีม ➡️ ใช้ sandbox และ AI posture management เพื่อตรวจสอบพฤติกรรม agent https://www.csoonline.com/article/4047974/agentic-ai-a-cisos-security-nightmare-in-the-making.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Agentic AI: A CISO’s security nightmare in the making?
    Autonomous, adaptable, and interconnected, agentic AI systems are both a productivity and a cybersecurity risk multiplier. To secure their activity, traditional security models might not be enough.
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • On sweet night
    On sweet night
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • Goodnight my dear friends
    Hope you sleep well and have sweet dreams
    Goodnight my dear friends 🥱😪 Hope you sleep well and have sweet dreams 😇😴
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • Goodnight my sweet home
    Goodnight my sweet home
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 0 Reviews
  • Goodnight my dear friends
    Hope you sleep well and have sweet dreams
    Goodnight my dear friends 🥱😪 Hope you sleep well and have sweet dreams 😇😴
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 0 Reviews
  • The classic cars on rainy night
    The classic cars on rainy night
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • Sweet night on earth
    Sweet night on earth 🌍
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 0 Reviews
  • เมื่อ AI ถูกจับใส่ลูป แล้วมันเขียนโค้ดไม่หยุดจนสร้างเครื่องมือใหม่

    ในงาน YC Agents Hackathon ทีมงานกลุ่มหนึ่งเกิดไอเดียแปลกๆ: ถ้าเอา Claude Code (agent เขียนโค้ด) มาใส่ไว้ในลูป while แบบ headless แล้วปล่อยให้มันทำงานไปเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้น?

    คำตอบคือ...เกิด commit กว่า 1,000 รายการในข้ามคืน และสร้างเครื่องมือใหม่ชื่อว่า RepoMirror ที่สามารถพอร์ตโค้ดจาก React ไป Vue, จาก Python ไป TypeScript หรือแม้แต่จาก gRPC ไป REST ได้โดยอัตโนมัติ

    พวกเขาใช้คำสั่งง่ายๆ เช่น:
    while :; do cat prompt.md | claude -p --dangerously-skip-permissions; done

    โดยให้ prompt ระบุว่าให้พอร์ตโค้ดจาก repo หนึ่งไปยังอีก repo หนึ่ง และให้ commit ทุกครั้งที่แก้ไฟล์ พร้อมเก็บ todo และแผนงานไว้ในโฟลเดอร์ .agent/

    ผลลัพธ์คือ Claude ทำงานได้ดีเกินคาด — ไม่หลุด scope, ไม่ออกนอกเรื่อง, เขียน test เอง และบางครั้งถึงขั้น pkill ตัวเองเมื่อรู้ว่าติดลูปไม่จบ

    พวกเขายังสร้างเครื่องมือชื่อ repomirror ที่ช่วยตั้งค่า source/target repo และคำสั่ง sync ได้ง่ายๆ เช่น:
    npx repomirror init --source-dir ./browser-use --target-dir ./browser-use-zig --instructions "convert browser use to Zig"

    และสามารถรันแบบลูปไม่รู้จบด้วย npx repomirror sync-forever

    แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นหลักฐานว่า agent เขียนโค้ดสามารถทำงานจริงในระดับ production ได้ — แม้จะต้องปรับแต่ง prompt และแก้โค้ดบางส่วนเองก็ตาม

    ข้อมูลในข่าว
    ทีมงานใช้ Claude Code รันในลูป while เพื่อให้ทำงานแบบ headless โดยไม่หยุดพัก
    สร้างเครื่องมือชื่อ RepoMirror สำหรับพอร์ตโค้ดข้ามภาษา/เฟรมเวิร์ก
    ใช้ prompt ที่เรียบง่าย เช่น “พอร์ตจาก React ไป Vue” หรือ “จาก Python ไป TypeScript”
    agent ทำ commit ทุกครั้งที่แก้ไฟล์ และเก็บ todo ไว้ในโฟลเดอร์ .agent/
    Claude สามารถเขียน test, ควบคุม scope และหยุดตัวเองเมื่อรู้ว่าติดลูป
    มีการพอร์ตหลายโปรเจกต์ เช่น assistant-ui, browser-use, AI SDK จาก JS ไป Python
    สร้างเครื่องมือ repomirror ที่ใช้คำสั่ง init และ sync เพื่อจัดการ repo ได้ง่าย
    ใช้ VM บน GCP รันลูป overnight และใช้เงิน inference ประมาณ $800
    agent ทำ commit รวมกว่า 1,100 รายการในโปรเจกต์ต่างๆ
    พบว่า prompt ที่สั้นและชัดเจนให้ผลลัพธ์ดีกว่าการเขียนยาวเกินไป

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Claude Code เป็น agent ที่พัฒนาโดย Anthropic สำหรับการเขียนโค้ดแบบ LLM
    การใช้ headless agent ช่วยลดการแทรกแซงจากมนุษย์ แต่ต้องควบคุมด้วย prompt ที่ดี
    การพอร์ตโค้ดข้ามภาษาโดยอัตโนมัติยังต้องการการตรวจสอบคุณภาพจากนักพัฒนา
    การใช้ commit ต่อไฟล์ช่วยให้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและย้อนกลับได้
    การใช้ .agent/ เป็น scratchpad ช่วยให้ agent มีพื้นที่เก็บแผนงานและสถานะ

    agent ไม่สามารถสร้างโค้ดที่สมบูรณ์แบบได้เสมอ ต้องมีการปรับแต่งและตรวจสอบภายหลัง
    prompt ที่ซับซ้อนเกินไปทำให้ agent ทำงานช้าลงและหลุดโฟกัส
    บาง demo จาก Python ยังไม่สามารถทำงานได้ใน TypeScript อย่างสมบูรณ์
    การรัน agent แบบไม่หยุดพักอาจใช้ทรัพยากรสูงและมีค่าใช้จ่ายมาก
    การใช้คำสั่ง --dangerously-skip-permissions อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    การพึ่งพา agent โดยไม่ตรวจสอบผลลัพธ์อาจนำไปสู่บั๊กหรือช่องโหว่ในระบบ

    https://github.com/repomirrorhq/repomirror/blob/main/repomirror.md
    🎙️ เมื่อ AI ถูกจับใส่ลูป แล้วมันเขียนโค้ดไม่หยุดจนสร้างเครื่องมือใหม่ ในงาน YC Agents Hackathon ทีมงานกลุ่มหนึ่งเกิดไอเดียแปลกๆ: ถ้าเอา Claude Code (agent เขียนโค้ด) มาใส่ไว้ในลูป while แบบ headless แล้วปล่อยให้มันทำงานไปเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้น? คำตอบคือ...เกิด commit กว่า 1,000 รายการในข้ามคืน และสร้างเครื่องมือใหม่ชื่อว่า RepoMirror ที่สามารถพอร์ตโค้ดจาก React ไป Vue, จาก Python ไป TypeScript หรือแม้แต่จาก gRPC ไป REST ได้โดยอัตโนมัติ พวกเขาใช้คำสั่งง่ายๆ เช่น: 🔖 while :; do cat prompt.md | claude -p --dangerously-skip-permissions; done โดยให้ prompt ระบุว่าให้พอร์ตโค้ดจาก repo หนึ่งไปยังอีก repo หนึ่ง และให้ commit ทุกครั้งที่แก้ไฟล์ พร้อมเก็บ todo และแผนงานไว้ในโฟลเดอร์ .agent/ ผลลัพธ์คือ Claude ทำงานได้ดีเกินคาด — ไม่หลุด scope, ไม่ออกนอกเรื่อง, เขียน test เอง และบางครั้งถึงขั้น pkill ตัวเองเมื่อรู้ว่าติดลูปไม่จบ พวกเขายังสร้างเครื่องมือชื่อ repomirror ที่ช่วยตั้งค่า source/target repo และคำสั่ง sync ได้ง่ายๆ เช่น: 🔖 npx repomirror init --source-dir ./browser-use --target-dir ./browser-use-zig --instructions "convert browser use to Zig" และสามารถรันแบบลูปไม่รู้จบด้วย npx repomirror sync-forever แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นหลักฐานว่า agent เขียนโค้ดสามารถทำงานจริงในระดับ production ได้ — แม้จะต้องปรับแต่ง prompt และแก้โค้ดบางส่วนเองก็ตาม ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ทีมงานใช้ Claude Code รันในลูป while เพื่อให้ทำงานแบบ headless โดยไม่หยุดพัก ➡️ สร้างเครื่องมือชื่อ RepoMirror สำหรับพอร์ตโค้ดข้ามภาษา/เฟรมเวิร์ก ➡️ ใช้ prompt ที่เรียบง่าย เช่น “พอร์ตจาก React ไป Vue” หรือ “จาก Python ไป TypeScript” ➡️ agent ทำ commit ทุกครั้งที่แก้ไฟล์ และเก็บ todo ไว้ในโฟลเดอร์ .agent/ ➡️ Claude สามารถเขียน test, ควบคุม scope และหยุดตัวเองเมื่อรู้ว่าติดลูป ➡️ มีการพอร์ตหลายโปรเจกต์ เช่น assistant-ui, browser-use, AI SDK จาก JS ไป Python ➡️ สร้างเครื่องมือ repomirror ที่ใช้คำสั่ง init และ sync เพื่อจัดการ repo ได้ง่าย ➡️ ใช้ VM บน GCP รันลูป overnight และใช้เงิน inference ประมาณ $800 ➡️ agent ทำ commit รวมกว่า 1,100 รายการในโปรเจกต์ต่างๆ ➡️ พบว่า prompt ที่สั้นและชัดเจนให้ผลลัพธ์ดีกว่าการเขียนยาวเกินไป ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Claude Code เป็น agent ที่พัฒนาโดย Anthropic สำหรับการเขียนโค้ดแบบ LLM ➡️ การใช้ headless agent ช่วยลดการแทรกแซงจากมนุษย์ แต่ต้องควบคุมด้วย prompt ที่ดี ➡️ การพอร์ตโค้ดข้ามภาษาโดยอัตโนมัติยังต้องการการตรวจสอบคุณภาพจากนักพัฒนา ➡️ การใช้ commit ต่อไฟล์ช่วยให้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและย้อนกลับได้ ➡️ การใช้ .agent/ เป็น scratchpad ช่วยให้ agent มีพื้นที่เก็บแผนงานและสถานะ ⛔ agent ไม่สามารถสร้างโค้ดที่สมบูรณ์แบบได้เสมอ ต้องมีการปรับแต่งและตรวจสอบภายหลัง ⛔ prompt ที่ซับซ้อนเกินไปทำให้ agent ทำงานช้าลงและหลุดโฟกัส ⛔ บาง demo จาก Python ยังไม่สามารถทำงานได้ใน TypeScript อย่างสมบูรณ์ ⛔ การรัน agent แบบไม่หยุดพักอาจใช้ทรัพยากรสูงและมีค่าใช้จ่ายมาก ⛔ การใช้คำสั่ง --dangerously-skip-permissions อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ⛔ การพึ่งพา agent โดยไม่ตรวจสอบผลลัพธ์อาจนำไปสู่บั๊กหรือช่องโหว่ในระบบ https://github.com/repomirrorhq/repomirror/blob/main/repomirror.md
    GITHUB.COM
    repomirror/repomirror.md at main · repomirrorhq/repomirror
    Contribute to repomirrorhq/repomirror development by creating an account on GitHub.
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • The serene pathway on romantic night
    The serene pathway on romantic night
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • Night butterfly
    Night butterfly
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • Reykjavik’s Hallgrimskirkja on romantic night.
    Reykjavik’s Hallgrimskirkja on romantic night.
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 0 Reviews
  • Goodnight my sweet heart
    Hope you sleep well and have sweet dreams
    Goodnight my sweet heart 🥱😪 Hope you sleep well and have sweet dreams 😇😴
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • Goodnight my sweet heart
    Hope you sleep well and have sweet dreams
    Goodnight my sweet heart 🥱😪 Hope you sleep well and have sweet dreams 😇😴
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • Lily of the valley on thunderstorm night
    Lily of the valley on thunderstorm night
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • Goodnight my dear friends
    Hope you sleep well and have sweet dreams
    Goodnight my dear friends 🥱😪 Hope you sleep well and have sweet dreams 😇😴
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • ฮุนเซนปล่อยเฟคนิวส์ อ้างไทยจะโจมตีเมื่อคืน — มีแต่ชาวบ้านเขมรที่เชื่อ หนีอลหม่านกลางดึก [4/8/68]
    Hun Sen spreads fake news claiming Thailand would attack last night — only Cambodian villagers believed it, fleeing in chaos at midnight.

    #TruthFromThailand
    #Hunsenfiredfirst
    #CambodiaNoCeasefire
    #CambodianDeception
    #กัมพูชายิงก่อน
    #ข่าวปลอมเขมร
    #ฮุนเซนสร้างภาพ
    #สงครามจิตวิทยา
    #Thaitimes #News1 #Shorts
    #เสียงจากชายแดน
    #ปกป้องแผ่นดินไทย
    ฮุนเซนปล่อยเฟคนิวส์ อ้างไทยจะโจมตีเมื่อคืน — มีแต่ชาวบ้านเขมรที่เชื่อ หนีอลหม่านกลางดึก [4/8/68] Hun Sen spreads fake news claiming Thailand would attack last night — only Cambodian villagers believed it, fleeing in chaos at midnight. #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #CambodiaNoCeasefire #CambodianDeception #กัมพูชายิงก่อน #ข่าวปลอมเขมร #ฮุนเซนสร้างภาพ #สงครามจิตวิทยา #Thaitimes #News1 #Shorts #เสียงจากชายแดน #ปกป้องแผ่นดินไทย
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 0 Reviews
More Results