• AI Chatbot Grok ของ Elon Musk ถูกวิจารณ์หนัก หลังโพสต์เกี่ยวกับการเมืองเชื้อชาติในแอฟริกาใต้

    AI Chatbot Grok ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท xAI ของ Elon Musk กำลังถูกจับตามองอย่างหนัก หลังจากที่มันโพสต์เกี่ยวกับ "white genocide" หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาว บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) โดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับคำถามที่ผู้ใช้ถาม

    ✅ Grok โพสต์เกี่ยวกับ "white genocide" ในแอฟริกาใต้ แม้ไม่มีผู้ใช้ถามถึงเรื่องนี้
    - ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า AI มีอคติทางการเมืองหรือได้รับอิทธิพลจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

    ✅ Grok เป็นผลิตภัณฑ์ของ xAI ซึ่งเป็นบริษัท AI ที่ก่อตั้งโดย Elon Musk
    - มีเป้าหมาย แข่งขันกับ ChatGPT และ AI อื่น ๆ ในตลาด

    ✅ Elon Musk เคยแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเมืองเชื้อชาติในแอฟริกาใต้มาก่อน
    - ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า AI ของเขาได้รับอิทธิพลจากมุมมองส่วนตัวหรือไม่

    ✅ ผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม X พบว่า Grok ตอบคำถามเกี่ยวกับหัวข้ออื่น ๆ ด้วยข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง
    - เช่น เมื่อถามเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI แต่ Grok กลับพูดถึงการเมืองเชื้อชาติ

    ✅ นักวิจัยด้าน AI เตือนว่าการฝึก AI ด้วยข้อมูลที่มีอคติอาจนำไปสู่การเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ
    - อาจส่งผลต่อ ความน่าเชื่อถือของ AI และการนำไปใช้งานในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/why-was-elon-musk039s-ai-chatbot-grok-preoccupied-with-south-africa039s-racial-politics
    AI Chatbot Grok ของ Elon Musk ถูกวิจารณ์หนัก หลังโพสต์เกี่ยวกับการเมืองเชื้อชาติในแอฟริกาใต้ AI Chatbot Grok ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท xAI ของ Elon Musk กำลังถูกจับตามองอย่างหนัก หลังจากที่มันโพสต์เกี่ยวกับ "white genocide" หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาว บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) โดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับคำถามที่ผู้ใช้ถาม ✅ Grok โพสต์เกี่ยวกับ "white genocide" ในแอฟริกาใต้ แม้ไม่มีผู้ใช้ถามถึงเรื่องนี้ - ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า AI มีอคติทางการเมืองหรือได้รับอิทธิพลจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ✅ Grok เป็นผลิตภัณฑ์ของ xAI ซึ่งเป็นบริษัท AI ที่ก่อตั้งโดย Elon Musk - มีเป้าหมาย แข่งขันกับ ChatGPT และ AI อื่น ๆ ในตลาด ✅ Elon Musk เคยแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเมืองเชื้อชาติในแอฟริกาใต้มาก่อน - ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า AI ของเขาได้รับอิทธิพลจากมุมมองส่วนตัวหรือไม่ ✅ ผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม X พบว่า Grok ตอบคำถามเกี่ยวกับหัวข้ออื่น ๆ ด้วยข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง - เช่น เมื่อถามเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI แต่ Grok กลับพูดถึงการเมืองเชื้อชาติ ✅ นักวิจัยด้าน AI เตือนว่าการฝึก AI ด้วยข้อมูลที่มีอคติอาจนำไปสู่การเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ - อาจส่งผลต่อ ความน่าเชื่อถือของ AI และการนำไปใช้งานในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/why-was-elon-musk039s-ai-chatbot-grok-preoccupied-with-south-africa039s-racial-politics
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why was Elon Musk's AI chatbot Grok preoccupied with South Africa's racial politics?
    Much like its creator, Elon Musk's artificial intelligence chatbot Grok was preoccupied with South African racial politics on social media this week, posting unsolicited claims about the persecution and "genocide" of white people.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมลิงค์โพสต์สำคัญๆในเพจ อาการหลังรับวัคซีนต่างๆ 2/2
    ✍️ถึงเวลาเปิดโปงรับรู้และต่อต้านระเบียบโลกใหม่
    https://www.facebook.com/share/p/19GdFmcY73/
    ✍️เราเชื่อองค์การอนามัยโลกได้เพียงใด?
    https://www.facebook.com/share/p/165qc2RJSg/
    ✍️กฎหมายเสรีภาพทางการแพทย์และร่างกฎหมายแบน mRNA วัคซีน ในสหรัฐ
    https://www.facebook.com/share/p/16BCfkXpi1/
    ✍️มินนิโซต้ากลายเป็นรัฐที่ 11 เพื่อดูความพยายามทางกฎหมายในการห้ามวัคซีนตามเทคโนโลยียีน mRNA
    https://www.facebook.com/share/p/1E8FPsMDZP/
    ✍️สโลวาเกียเล็งระงับซื้อวัคซีนโควิดmRNA หลังมีรายงานชี้เปลี่ยนพันธุกรรมคน
    https://mgronline.com/around/detail/9680000038266
    พบว่าวัคซีน mRNA บรรจุดีเอ็นเอในระดับสูงมากๆ เช่นเดียวกับสารต่างๆ ที่บริษัทผู้ผลิตไม่เปิดเผย
    https://news1live.com/detail/9680000038282
    ✍️นพ.ธีระวัฒน์ ยกงานวิจัย ชี้ชัดวัคซีนโควิด ทำเส้นเลือดอุดตัน การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแปรตามการฉีดวัคซีน
    https://youtu.be/JFwdcP39MnM?si=7QPRmcaWOANYMJ87
    ✍️อีเมล์ หมอยงตอบหมออรรถพล ในกรณีที่ มีผู้ป่วยเด็กที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด เข้ารับการรักษาในรพ.จุฬาลงกรณ์ ลองอ่านดูครับว่า หมอยง แสดงความเห็นใจ เป็นห่วงเป็นใย ผู้ป่วยบ้างไหม
    https://www.facebook.com/share/p/18qB9oj8MR/
    ข้อมูลจากฐานข้อมูล องค์การอนามัยโลก
    พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด กลับเพิ่มมากขึ้น หลังจากการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในประเทศที่มีการฉีดมาก
    https://www.facebook.com/share/p/198894qDBY/
    ✍️หมออรรถพลแนะจัดเวทีวิชาการคุยเรื่อง วัคซีนมรณา mRNA กันดีกว่า อย่ามัวดราม่า บูลลี่กันอยู่เลย
    https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7496066093576949009?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351
    https://t.me/goodthaidoctorclip/1728
    ✍️รายการปากซอย 105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา วันที่ 22 เมษายน 2568
    https://www.youtube.com/live/O62sTRIcOKE?si=TygTglExUaiNUein
    ✍️อย่าเป็นฆาตรกรในเสื้อกราวด์ โดย พอ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา
    https://t.me/goodthaidoctorclip/1753
    7402685923101970?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351
    ✍️โรคออทิสติกระบาดหนัก ข้อมูลใหม่จาก CDC ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ และ HHS (เทียบเท่ากระทรวงสาธารณสุข )
    https://www.facebook.com/share/p/15woR3q1gj/
    https://www.facebook.com/share/p/1DRAfoMddx/
    ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ คุ้มความเสี่ยงผลข้างเคียงไหม
    https://www.facebook.com/share/p/1Ud8cBuqFn/
    https://www.facebook.com/share/p/1JvXpQ5vPU/
    พิจารณาประสิทธิภาพ โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://www.facebook.com/share/p/14tUYkZRR6A/
    https://www.facebook.com/share/p/19wichtfbz/
    https://www.facebook.com/share/p/1ALB4dygQj/
    ✍️อึ้ง ! วัคซีนเด็กก่อโรคสารพัดโรค ชัดเจน
    https://thefreethoughtproject.com/new-study/jaw-dropping-study-finds-vaccinated-children-have-170-higher-risk-of-autism?fbclid=IwY2xjawJ77XFleHRuA2FlbQIxMQABHttPwuUaZejWIkDBB0qZd62h_8fHmdZP2aw4j8Dc4V5S8poBlI_AiFK4D3TQ_aem_NCw_KluKYAubgqcdFY1vPA
    ✍️งานวิจัยหลากหลายชิ้น คอนเฟิร์มว่าเด็กที่ฉีดวัคซีน จะป่วยและเป็นโรคได้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ฉีดเลยหลายเท่า
    https://www.facebook.com/share/p/16LRcRdzGv/
    เรียนเชิญหมอที่เชียร์ให้เด็กฉีดวัคซีนมาดีเบทเพื่อให้ความจริงปรากฎ
    https://fb.watch/xcMgzvWmRj/?
    ✍️ข้อมูลจากสื่อหลักมิได้จริงเสมอไป
    https://www.facebook.com/share/p/1XsfU32uuq/
    ✍️สถิติล่าสุด ถึงสิ้นเดือน มีนาคมที่ผ่านมา มกราคมถึงมีนาคม 2568 ปีปัจจุบัน คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด เทียบรายปีตั้งแต่มีการเก็บสถิติมา !!!
    147,020 ราย !! จำนวนมากเป็นเด็ก เป็นคนหนุ่มสาวที่ไม่เคยมีโรคอะไรมาก่อน เยอะแยะที่ แข็งแรงดี แล้ว ก็ตายไปเฉยๆ หรือ เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
    https://www.facebook.com/share/1DYEUZ2Cto/
    https://www.facebook.com/share/p/15c51aDnCj/
    https://www.facebook.com/share/p/1HPJMiXKiS/
    ✍️เริ่มกระหน่ำคนไทยอีกรอบด้วยวซ.ฝีดาษลิง เริ่มที่ด่านหน้า
    https://m.facebook.com/groups/374786411903689/permalink/684107170971610/?
    ✍️วัคซีนไข้หวัดหมู 1976 ทำให้เกิดตายและพิการ ระงับ ชดเชย และรับผิดชอบ
    https://www.facebook.com/share/p/1HsCNDKyGk/
    ✍️สมองเสื่อม จิตอารมณ์แปรปรวนเพิ่มขึ้น โดย หมอดื้อ
    https://www.facebook.com/share/p/16fc4KX7x7/
    ✍️การเปิดโปงจากศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs เรื่องการโกหกของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ และรู้เห็นกับการสร้างไวรัสโควิดจนพยายามปกปิดกลบเกลื่อน
    https://youtu.be/vtfIIG8iYIk?si=VfbvJBU_TQVEqsGp
    ✍️ทำเนียบขาวประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเว็บไซต์ทางการแฉ ต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโควิดว่า มาจากฝีมือมนุษย์ เป็นเชื้อที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการ
    https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of-covid-19/
    ✍️ 1 เม.ย. 2568 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาและนพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ เริ่มจัดรายการ Health Nexus
    ตอนที่ 1 เปิดเผยที่มาของการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร เซ็นเซอร์กำเนิดโควิดซึ่งมาจากการสร้างไวรัสใหม่และหลุดรั่วออกจากห้องปฏิบัติการ วัคซีนซึ่งเตรียมพร้อมมาก่อนการระบาด และการปกปิดข้อมูลผลข้างเคียงของวัคซีน
    https://youtu.be/aexZXA0QSKg?si=qoQxKZtu255RUhq1
    ตอนที่ 2 นโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ส่งผลกระทบด้านสาธารณสุขทั้งในและต่างประเทศอย่างไร ?
    https://youtu.be/cuU1QmYGZtI?si=ftzZdTtK0bxen9PP
    ตอนที่ 3 วัคซีนโควิดและผลกระทบ
    https://youtu.be/ys_ykPbyMks?si=sOZ4BZpb1Zhg-MTz
    ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้นหลังรับวัคซีนโควิด ?
    https://youtu.be/vfNhMVNZWNg?si=yS65NMKehklN7szQ
    ตอนที่ 5 ไข้หวัดนก ตระหนักแต่อย่าตระหนก
    https://www.youtube.com/watch?v=tXNL1WAu4jY
    ✍️"คัดค้าน" การยอมรับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ๒๐๒๔
    https://www.facebook.com/share/p/1639NvU9RX/
    https://www.facebook.com/share/p/18tUEdihhK/
    https://www.facebook.com/share/p/1BSihJZD6h/
    https://at.thaipithaksith.com/who
    จดหมายขอแสดงความเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.๒๐๒๔ https://drive.google.com/file/d/1eOHJXX2DczIsh33Z1wzZ_dtaQ1sJccKU/view?usp=drivesdk
    จดหมายที่เกี่ยวข้องที่เคยยื่นหน่วยงานทั้งหมด
    https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    ✍️ 28 เม.ย.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ยื่นจดหมายถึงอธิบดีกรมควบคุมโรค ขอความโปร่งใสในการดำเนินงานเกี่ยวกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.2024 พร้อมเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารสำคัญและรายชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน 7 วันทำการ
    https://mgronline.com/qol/detail/9680000039977
    https://www.facebook.com/share/p/19KchygjUc/
    ✍️แบบฟอร์มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
    https://www.thaipithaksith.com/report-vaccine-injury?

    วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นจริงหรือ?

    ✍️ยาต้านไข้หวัดใหญ่เกือบทั้งหมดมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
    https://www.facebook.com/share/p/12MUpcXzhix/
    ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดแล้วติดมากขึ้น
    https://www.facebook.com/share/p/1EtbSXvysA/
    ✍️การศึกษาในสหรัฐเองพบว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กลับติดมากขึ้น
    https://www.facebook.com/share/p/1Ev49KVPiF/
    ✍️การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น เป็นไปไม่ได้ตามหลักทฤษฎี
    https://www.facebook.com/share/p/1BrRr6xNzE/
    ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งยารักษา มีประสิทธิภาพจำกัด
    https://www.facebook.com/share/p/1FRm4fuzTA/
    ✍️ข้อสงสัยวัคซีนไข้หวัดใหญ่และยาต้าน
    https://www.facebook.com/share/p/1AVAQJRB3W/
    ✍️เด็กควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือไม่
    https://www.rookon.com/?p=914
    ✍️การทดลองของ บริษัทยา พบว่ายาต้านไวรัส ไข้หวัดใหญ่ baloxavir อาจช่วยลดการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ในครัวเรือนได้ แต่ไม่ช่วยเรื่องอาการ
    https://www.facebook.com/share/p/15gVerMQdu/
    ✍️วัคซีน ไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่น ข้อควรระวัง ไวรัส วัคซีน ปลดปล่อยออกไปได้ สู่คนอื่นโดยเฉพาะ คนเปราะบาง
    https://www.facebook.com/share/p/15vdADs7EX/
    ✍️โคลอสตรุ้ม หัวน้ำนม นมแม่ ประโยชน์มหาศาลเช่น ป้องกันไข้หวัดใหญ่
    https://www.facebook.com/share/p/14dkhKZpMT/
    ✍️กระบวนการหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่นำมาใช้ ไม่ใช่ใช้เพราะเป็นเพียงแต่ความเชื่อ
    https://www.facebook.com/share/p/16FphP1NoG/
    ✍️การบูลลี่คือสิ่งที่ไม่ควรทำกันโดยเฉพาะผู้ที่บอกคนอื่นว่าตนเป็นแพทย์
    https://www.facebook.com/share/p/1HqVz45t6n/
    https://www.facebook.com/share/p/16CJH6XQqL/
    https://www.facebook.com/share/p/1EXZXyfD7C/
    ✍️หมอดื้อยกข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ตอบข้อกล่าวหา
    https://www.facebook.com/share/p/1BrtYfLuA3/
    ✍️หนังสือดีๆ 2 เล่มที่อยากแนะนำ
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113110074647289/?

    ...
    ✍️มะเร็งหัวใจ และเยื่อหุ้มหัวใจหลังจากวัคซีนโควิด mRNA (ตอน 1) หมอดื้อ
    https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2857516
    รวมลิงค์โพสต์สำคัญๆในเพจ อาการหลังรับวัคซีนต่างๆ 2/2 ✍️ถึงเวลาเปิดโปงรับรู้และต่อต้านระเบียบโลกใหม่ https://www.facebook.com/share/p/19GdFmcY73/ ✍️เราเชื่อองค์การอนามัยโลกได้เพียงใด? https://www.facebook.com/share/p/165qc2RJSg/ ✍️กฎหมายเสรีภาพทางการแพทย์และร่างกฎหมายแบน mRNA วัคซีน ในสหรัฐ https://www.facebook.com/share/p/16BCfkXpi1/ ✍️มินนิโซต้ากลายเป็นรัฐที่ 11 เพื่อดูความพยายามทางกฎหมายในการห้ามวัคซีนตามเทคโนโลยียีน mRNA https://www.facebook.com/share/p/1E8FPsMDZP/ ✍️สโลวาเกียเล็งระงับซื้อวัคซีนโควิดmRNA หลังมีรายงานชี้เปลี่ยนพันธุกรรมคน https://mgronline.com/around/detail/9680000038266 พบว่าวัคซีน mRNA บรรจุดีเอ็นเอในระดับสูงมากๆ เช่นเดียวกับสารต่างๆ ที่บริษัทผู้ผลิตไม่เปิดเผย https://news1live.com/detail/9680000038282 ✍️นพ.ธีระวัฒน์ ยกงานวิจัย ชี้ชัดวัคซีนโควิด ทำเส้นเลือดอุดตัน การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแปรตามการฉีดวัคซีน https://youtu.be/JFwdcP39MnM?si=7QPRmcaWOANYMJ87 ✍️อีเมล์ หมอยงตอบหมออรรถพล ในกรณีที่ มีผู้ป่วยเด็กที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด เข้ารับการรักษาในรพ.จุฬาลงกรณ์ ลองอ่านดูครับว่า หมอยง แสดงความเห็นใจ เป็นห่วงเป็นใย ผู้ป่วยบ้างไหม https://www.facebook.com/share/p/18qB9oj8MR/ ข้อมูลจากฐานข้อมูล องค์การอนามัยโลก พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด กลับเพิ่มมากขึ้น หลังจากการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในประเทศที่มีการฉีดมาก https://www.facebook.com/share/p/198894qDBY/ ✍️หมออรรถพลแนะจัดเวทีวิชาการคุยเรื่อง วัคซีนมรณา mRNA กันดีกว่า อย่ามัวดราม่า บูลลี่กันอยู่เลย https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7496066093576949009?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351 https://t.me/goodthaidoctorclip/1728 ✍️รายการปากซอย 105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา วันที่ 22 เมษายน 2568 https://www.youtube.com/live/O62sTRIcOKE?si=TygTglExUaiNUein ✍️อย่าเป็นฆาตรกรในเสื้อกราวด์ โดย พอ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา https://t.me/goodthaidoctorclip/1753 7402685923101970?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351 ✍️โรคออทิสติกระบาดหนัก ข้อมูลใหม่จาก CDC ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ และ HHS (เทียบเท่ากระทรวงสาธารณสุข ) https://www.facebook.com/share/p/15woR3q1gj/ https://www.facebook.com/share/p/1DRAfoMddx/ ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ คุ้มความเสี่ยงผลข้างเคียงไหม https://www.facebook.com/share/p/1Ud8cBuqFn/ https://www.facebook.com/share/p/1JvXpQ5vPU/ พิจารณาประสิทธิภาพ โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://www.facebook.com/share/p/14tUYkZRR6A/ https://www.facebook.com/share/p/19wichtfbz/ https://www.facebook.com/share/p/1ALB4dygQj/ ✍️อึ้ง ! วัคซีนเด็กก่อโรคสารพัดโรค ชัดเจน https://thefreethoughtproject.com/new-study/jaw-dropping-study-finds-vaccinated-children-have-170-higher-risk-of-autism?fbclid=IwY2xjawJ77XFleHRuA2FlbQIxMQABHttPwuUaZejWIkDBB0qZd62h_8fHmdZP2aw4j8Dc4V5S8poBlI_AiFK4D3TQ_aem_NCw_KluKYAubgqcdFY1vPA ✍️งานวิจัยหลากหลายชิ้น คอนเฟิร์มว่าเด็กที่ฉีดวัคซีน จะป่วยและเป็นโรคได้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ฉีดเลยหลายเท่า https://www.facebook.com/share/p/16LRcRdzGv/ เรียนเชิญหมอที่เชียร์ให้เด็กฉีดวัคซีนมาดีเบทเพื่อให้ความจริงปรากฎ https://fb.watch/xcMgzvWmRj/? ✍️ข้อมูลจากสื่อหลักมิได้จริงเสมอไป https://www.facebook.com/share/p/1XsfU32uuq/ ✍️สถิติล่าสุด ถึงสิ้นเดือน มีนาคมที่ผ่านมา มกราคมถึงมีนาคม 2568 ปีปัจจุบัน คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด เทียบรายปีตั้งแต่มีการเก็บสถิติมา !!! 147,020 ราย !! จำนวนมากเป็นเด็ก เป็นคนหนุ่มสาวที่ไม่เคยมีโรคอะไรมาก่อน เยอะแยะที่ แข็งแรงดี แล้ว ก็ตายไปเฉยๆ หรือ เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย https://www.facebook.com/share/1DYEUZ2Cto/ https://www.facebook.com/share/p/15c51aDnCj/ https://www.facebook.com/share/p/1HPJMiXKiS/ ✍️เริ่มกระหน่ำคนไทยอีกรอบด้วยวซ.ฝีดาษลิง เริ่มที่ด่านหน้า https://m.facebook.com/groups/374786411903689/permalink/684107170971610/? ✍️วัคซีนไข้หวัดหมู 1976 ทำให้เกิดตายและพิการ ระงับ ชดเชย และรับผิดชอบ https://www.facebook.com/share/p/1HsCNDKyGk/ ✍️สมองเสื่อม จิตอารมณ์แปรปรวนเพิ่มขึ้น โดย หมอดื้อ https://www.facebook.com/share/p/16fc4KX7x7/ ✍️การเปิดโปงจากศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs เรื่องการโกหกของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ และรู้เห็นกับการสร้างไวรัสโควิดจนพยายามปกปิดกลบเกลื่อน https://youtu.be/vtfIIG8iYIk?si=VfbvJBU_TQVEqsGp ✍️ทำเนียบขาวประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเว็บไซต์ทางการแฉ ต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโควิดว่า มาจากฝีมือมนุษย์ เป็นเชื้อที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการ https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of-covid-19/ ✍️ 1 เม.ย. 2568 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาและนพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ เริ่มจัดรายการ Health Nexus ตอนที่ 1 เปิดเผยที่มาของการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร เซ็นเซอร์กำเนิดโควิดซึ่งมาจากการสร้างไวรัสใหม่และหลุดรั่วออกจากห้องปฏิบัติการ วัคซีนซึ่งเตรียมพร้อมมาก่อนการระบาด และการปกปิดข้อมูลผลข้างเคียงของวัคซีน https://youtu.be/aexZXA0QSKg?si=qoQxKZtu255RUhq1 ตอนที่ 2 นโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ส่งผลกระทบด้านสาธารณสุขทั้งในและต่างประเทศอย่างไร ? https://youtu.be/cuU1QmYGZtI?si=ftzZdTtK0bxen9PP ตอนที่ 3 วัคซีนโควิดและผลกระทบ https://youtu.be/ys_ykPbyMks?si=sOZ4BZpb1Zhg-MTz ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้นหลังรับวัคซีนโควิด ? https://youtu.be/vfNhMVNZWNg?si=yS65NMKehklN7szQ ตอนที่ 5 ไข้หวัดนก ตระหนักแต่อย่าตระหนก https://www.youtube.com/watch?v=tXNL1WAu4jY ✍️"คัดค้าน" การยอมรับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ๒๐๒๔ https://www.facebook.com/share/p/1639NvU9RX/ https://www.facebook.com/share/p/18tUEdihhK/ https://www.facebook.com/share/p/1BSihJZD6h/ https://at.thaipithaksith.com/who จดหมายขอแสดงความเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.๒๐๒๔ https://drive.google.com/file/d/1eOHJXX2DczIsh33Z1wzZ_dtaQ1sJccKU/view?usp=drivesdk จดหมายที่เกี่ยวข้องที่เคยยื่นหน่วยงานทั้งหมด https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna ✍️ 28 เม.ย.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ยื่นจดหมายถึงอธิบดีกรมควบคุมโรค ขอความโปร่งใสในการดำเนินงานเกี่ยวกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.2024 พร้อมเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารสำคัญและรายชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน 7 วันทำการ https://mgronline.com/qol/detail/9680000039977 https://www.facebook.com/share/p/19KchygjUc/ ✍️แบบฟอร์มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 https://www.thaipithaksith.com/report-vaccine-injury? วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นจริงหรือ? ✍️ยาต้านไข้หวัดใหญ่เกือบทั้งหมดมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย https://www.facebook.com/share/p/12MUpcXzhix/ ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดแล้วติดมากขึ้น https://www.facebook.com/share/p/1EtbSXvysA/ ✍️การศึกษาในสหรัฐเองพบว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กลับติดมากขึ้น https://www.facebook.com/share/p/1Ev49KVPiF/ ✍️การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น เป็นไปไม่ได้ตามหลักทฤษฎี https://www.facebook.com/share/p/1BrRr6xNzE/ ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งยารักษา มีประสิทธิภาพจำกัด https://www.facebook.com/share/p/1FRm4fuzTA/ ✍️ข้อสงสัยวัคซีนไข้หวัดใหญ่และยาต้าน https://www.facebook.com/share/p/1AVAQJRB3W/ ✍️เด็กควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือไม่ https://www.rookon.com/?p=914 ✍️การทดลองของ บริษัทยา พบว่ายาต้านไวรัส ไข้หวัดใหญ่ baloxavir อาจช่วยลดการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ในครัวเรือนได้ แต่ไม่ช่วยเรื่องอาการ https://www.facebook.com/share/p/15gVerMQdu/ ✍️วัคซีน ไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่น ข้อควรระวัง ไวรัส วัคซีน ปลดปล่อยออกไปได้ สู่คนอื่นโดยเฉพาะ คนเปราะบาง https://www.facebook.com/share/p/15vdADs7EX/ ✍️โคลอสตรุ้ม หัวน้ำนม นมแม่ ประโยชน์มหาศาลเช่น ป้องกันไข้หวัดใหญ่ https://www.facebook.com/share/p/14dkhKZpMT/ ✍️กระบวนการหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่นำมาใช้ ไม่ใช่ใช้เพราะเป็นเพียงแต่ความเชื่อ https://www.facebook.com/share/p/16FphP1NoG/ ✍️การบูลลี่คือสิ่งที่ไม่ควรทำกันโดยเฉพาะผู้ที่บอกคนอื่นว่าตนเป็นแพทย์ https://www.facebook.com/share/p/1HqVz45t6n/ https://www.facebook.com/share/p/16CJH6XQqL/ https://www.facebook.com/share/p/1EXZXyfD7C/ ✍️หมอดื้อยกข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ตอบข้อกล่าวหา https://www.facebook.com/share/p/1BrtYfLuA3/ ✍️หนังสือดีๆ 2 เล่มที่อยากแนะนำ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113110074647289/? ... ✍️มะเร็งหัวใจ และเยื่อหุ้มหัวใจหลังจากวัคซีนโควิด mRNA (ตอน 1) หมอดื้อ https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2857516
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • หากทุกคนบนโลกเกิดมาพร้อมกับต้นไม้ที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่ต้องดูแลตลอดชีวิต สิ่งที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้มีหลายด้าน ทั้งในแง่บวกและแง่ที่ต้องแก้ไข:

    ### **ผลกระทบเชิงบวก:**
    1. **สิ่งแวดล้อมดีขึ้นอย่างรวดเร็ว**
    - ประชากรโลก 8 พันล้านคน = ต้นไม้เพิ่มขึ้น 8 พันล้านต้น (หรือมากกว่านั้นหากคนปลูกเพิ่ม)
    - ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดภาวะโลกร้อน ปรับสมดุลระบบนิเวศ

    2. **การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ**
    - คนจะตระหนักถึงการพึ่งพาต้นไม้มากขึ้น เช่น รู้จักวงจรชีวิตพืช ผลกระทบจากการตัดไม้ทำลาย
    - อาจเกิดวัฒนธรรมใหม่ที่เคารพธรรมชาติ เช่น การจัดพิธีกรรมเมื่อต้นไม้ของตนตาย

    3. **เศรษฐกิจใหม่ที่เกิดจาก "ตลาดต้นไม้ส่วนตัว"**
    - ต้นไม้กลายเป็นสินทรัพย์ซื้อขาย/มรดกได้ (เช่น ต้นโอ๊กอายุ 100 ปีอาจมีมูลค่าสูง)
    - เกิดอาชีพใหม่ เช่น "ที่ปรึกษาดูแลต้นไม้ส่วนตัว" "นักออกแบบสวนส่วนบุคคล"

    4. **นวัตกรรมเพื่อการดูแลต้นไม้**
    - เทคโนโลยีติดตามสุขภาพต้นไม้ (เซ็นเซอร์วัดดิน แอป提醒การรดน้ำ)
    - การพัฒนาพันธุ์ต้นไม้ที่ทนทานต่อสภาพอากาศต่างๆ

    ### **ความท้าทายและปัญหาที่อาจเกิด:**
    1. **ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงทรัพยากร**
    - คนในเมืองอาจไม่มีพื้นที่ปลูกต้นไม้ → เกิดตลาดเช่าพื้นที่ปลูก
    - ต้นไม้หายากบางชนิดอาจกลายเป็นสัญลักษณ์สถานะทางสังคม

    2. **ข้อขัดแย้งทางกฎหมาย**
    - หากต้นไม้ของใครโตเกินไปและสร้างความเสียหายให้เพื่อนบ้าน (เช่น รากชอนไช)
    - กรณีต้นไม้ตายก่อนเจ้าของ: จะมีบทลงโทษหรือไม่?

    3. **ผลกระทบต่อระบบนิเวศเดิม**
    - หากทุกคนปลูกต้นไม้ชนิดเดียวกัน (เช่น ไม้เศรษฐกิจ) อาจลดความหลากหลายทางชีวภาพ
    - สปีชีส์พันธุ์รุกรานอาจแพร่กระจายหากไม่ควบคุม

    4. **ความเครียดจากการดูแล**
    - บางคนอาจรู้สึกว่าต้นไม้เป็น "ภาระ" ตลอดชีวิต
    - อาจเกิดอาชญากรรมเกี่ยวกับต้นไม้ (เช่น ขโมยต้นไม้เก่าแก่ ลอบทำลายต้นไม้ของศัตรู)

    ### **แนวโน้มทางสังคมที่อาจตามมา:**
    - **การเมืองสีเขียวเข้มข้นขึ้น:** พรรคการเมืองอาจเสนอนโยบายเช่น "เงินอุดหนุนดูแลต้นไม้"
    - **ศิลปะ/วัฒนธรรมที่สะท้อนความเป็นเจ้าของต้นไม้:** เช่น นวนิยายเกี่ยวกับชีวิตคู่ขนานของคนและต้นไม้
    - **ความเชื่อใหม่:** อาจมีศาสนาที่นับถือต้นไม้เป็นตัวแทนจิตวิญญาณ

    ### **ข้อสรุป:**
    โลกจะเปลี่ยนไปในทางที่ "เขียว" ขึ้นอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องเผชิญกับความซับซ้อนใหม่ๆ เกี่ยวกับสิทธิ์ในทรัพย์สิน ระบบนิเวศ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ที่น่าสนใจคือ มนุษย์อาจพัฒนาความเป็นเจ้าของที่ลึกซึ้งต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มากกว่าเดิม ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของจิตสำนึกทางสิ่งแวดล้อมที่แท้จริง
    หากทุกคนบนโลกเกิดมาพร้อมกับต้นไม้ที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่ต้องดูแลตลอดชีวิต สิ่งที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้มีหลายด้าน ทั้งในแง่บวกและแง่ที่ต้องแก้ไข: ### **ผลกระทบเชิงบวก:** 1. **สิ่งแวดล้อมดีขึ้นอย่างรวดเร็ว** - ประชากรโลก 8 พันล้านคน = ต้นไม้เพิ่มขึ้น 8 พันล้านต้น (หรือมากกว่านั้นหากคนปลูกเพิ่ม) - ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดภาวะโลกร้อน ปรับสมดุลระบบนิเวศ 2. **การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ** - คนจะตระหนักถึงการพึ่งพาต้นไม้มากขึ้น เช่น รู้จักวงจรชีวิตพืช ผลกระทบจากการตัดไม้ทำลาย - อาจเกิดวัฒนธรรมใหม่ที่เคารพธรรมชาติ เช่น การจัดพิธีกรรมเมื่อต้นไม้ของตนตาย 3. **เศรษฐกิจใหม่ที่เกิดจาก "ตลาดต้นไม้ส่วนตัว"** - ต้นไม้กลายเป็นสินทรัพย์ซื้อขาย/มรดกได้ (เช่น ต้นโอ๊กอายุ 100 ปีอาจมีมูลค่าสูง) - เกิดอาชีพใหม่ เช่น "ที่ปรึกษาดูแลต้นไม้ส่วนตัว" "นักออกแบบสวนส่วนบุคคล" 4. **นวัตกรรมเพื่อการดูแลต้นไม้** - เทคโนโลยีติดตามสุขภาพต้นไม้ (เซ็นเซอร์วัดดิน แอป提醒การรดน้ำ) - การพัฒนาพันธุ์ต้นไม้ที่ทนทานต่อสภาพอากาศต่างๆ ### **ความท้าทายและปัญหาที่อาจเกิด:** 1. **ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงทรัพยากร** - คนในเมืองอาจไม่มีพื้นที่ปลูกต้นไม้ → เกิดตลาดเช่าพื้นที่ปลูก - ต้นไม้หายากบางชนิดอาจกลายเป็นสัญลักษณ์สถานะทางสังคม 2. **ข้อขัดแย้งทางกฎหมาย** - หากต้นไม้ของใครโตเกินไปและสร้างความเสียหายให้เพื่อนบ้าน (เช่น รากชอนไช) - กรณีต้นไม้ตายก่อนเจ้าของ: จะมีบทลงโทษหรือไม่? 3. **ผลกระทบต่อระบบนิเวศเดิม** - หากทุกคนปลูกต้นไม้ชนิดเดียวกัน (เช่น ไม้เศรษฐกิจ) อาจลดความหลากหลายทางชีวภาพ - สปีชีส์พันธุ์รุกรานอาจแพร่กระจายหากไม่ควบคุม 4. **ความเครียดจากการดูแล** - บางคนอาจรู้สึกว่าต้นไม้เป็น "ภาระ" ตลอดชีวิต - อาจเกิดอาชญากรรมเกี่ยวกับต้นไม้ (เช่น ขโมยต้นไม้เก่าแก่ ลอบทำลายต้นไม้ของศัตรู) ### **แนวโน้มทางสังคมที่อาจตามมา:** - **การเมืองสีเขียวเข้มข้นขึ้น:** พรรคการเมืองอาจเสนอนโยบายเช่น "เงินอุดหนุนดูแลต้นไม้" - **ศิลปะ/วัฒนธรรมที่สะท้อนความเป็นเจ้าของต้นไม้:** เช่น นวนิยายเกี่ยวกับชีวิตคู่ขนานของคนและต้นไม้ - **ความเชื่อใหม่:** อาจมีศาสนาที่นับถือต้นไม้เป็นตัวแทนจิตวิญญาณ ### **ข้อสรุป:** โลกจะเปลี่ยนไปในทางที่ "เขียว" ขึ้นอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องเผชิญกับความซับซ้อนใหม่ๆ เกี่ยวกับสิทธิ์ในทรัพย์สิน ระบบนิเวศ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ที่น่าสนใจคือ มนุษย์อาจพัฒนาความเป็นเจ้าของที่ลึกซึ้งต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มากกว่าเดิม ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของจิตสำนึกทางสิ่งแวดล้อมที่แท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • Storyฯ เคยเขียนถึงวิธีสู้กับความหนาวของจีนโบราณซึ่งหนึ่งในนั้นคือใช้เสื้อผ้าและผ้าห่มที่ทำมาจากกระดาษ ซึ่งในสมัยถังมีวิวัฒนาการการผลิตกระดาษอย่างก้าวกระโดด เสื้อหรือผ้าห่มนั้นใช้กระดาษที่ทำจากเปลือกของกิ่งหม่อน วิธีทำและหน้าตาคล้ายผลิตกระดาษสาบ้านเรา

    เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า มีการนำกระดาษมาทำเสื้อเกราะให้ทหารสวมใส่ด้วย? บ้างก็ว่ามีมาแต่สมัยราชวงศ์เหนือใต้ บ้างก็ว่าเสื้อเกราะกระดาษนั้นถูกคิดค้นขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง

    เสื้อเกราะกระดาษนี้เรียกตรงตัวว่า ‘จื๋อข่าย’ (纸铠)หรือ ‘จื๋อเจี่ย’ (纸甲) ในบันทึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังที่จัดทำขึ้นโดยสำนักราชบัณฑิตสมัยซ่ง (ซินถังซู/新唐书) มีจารึกไว้ว่า เสื้อเกราะกระดาษเหล่านี้ป้องกันได้จากคมดาบและธนู ต่อมาในยุคสมัยหมิงนิยมใช้ในพื้นที่ทางตอนใต้ โดยเฉพาะกับทหารเรือ เนื่องจากพื้นที่แถบนั้นอากาศชื้น เสื้อเกราะเหล็กขึ้นสนิมได้ง่ายและหนัก ในทางกลับกัน เสื้อเกราะกระดาษใช้ได้ในหลายสภาพอากาศทั้งร้อนทั้งหนาว มีน้ำหนักเบาและเมื่อโดนน้ำยิ่งทำให้มีความทนทานมากขึ้น ป้องกันได้แม้กระทั่งระเบิดดินปืน

    จากบันทึกทางการทหารในสมัยหมิงมีการกล่าวว่า เสื้อเกราะกระดาษประกอบขึ้นจากกระดาษเยื่อไม้และใยผ้าอัดแน่นซ้ำๆ จนเป็นชั้นหนาประมาณหนึ่งนิ้ว ตรึงด้วยหมุดเหล็ก เย็บขึ้นเป็นเกราะแบบเกล็ดปลา

    เสื้อเกราะกระดาษถูกใช้อย่างแพร่หลายในราชวงศ์หมิง แม้จะยังมีใช้บ้างในสมัยราชวงศ์ชิง (มีการค้นพบเสื้อเกราะกระดาษจากสมัยราชวงศ์ชิงจริงในกุ้ยโจวเมื่อปี 2004) แต่ในยุคสมัยที่ระเบิดมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีไฟแรง เกราะกระดาษใช้ไม่ได้ดีนักจึงค่อยๆ หายไป

    Storyฯ ก็นึกไม่ออกว่าเกราะกระดาษจะทนทานต่ออาวุธได้อย่างไร? ไปพบเจอกับวิดิโอคลิปเลยนำมาแบ่งปันให้ดู (ขออภัยไร้ความสามารถทำคำแปลบนคลิป)

    เป็นคลิปที่ตัดตอนมาจากรายการเกมการแข่งขันความรู้ของเด็กนักเรียน มีการเชิญมือธนูมาทดลองยิงเปรียบเทียบระหว่างเกราะโซ่และเกราะกระดาษ (ซึ่งใช้กระดาษเท่านั้น ยังไม่ได้รวมใยผ้าอัดผสมเข้าไป) โดยหัวธนูที่ใช้นั้นเป็นแบบที่มือธนูเรียกว่าเป็นธนูสำหรับยิงเกราะ หัวธนูเป็นเหล็กแหลมสองชั้น ยิงในระยะ 10 เมตร โดยตอนท้ายมีการสรุปว่าการที่จะเจาะให้ทะลุกระดาษที่เรียงเป็นชั้นๆ จนถึงผิวของคนใส่นั้น ต้องมีแรงอัดหลายทอด หัวธนูจึงไม่สามารถยิงทะลุได้ในคราวเดียว ใครอยากดูคลิปเต็มดูได้ตามลิ้งค์ยูทูบข้างล่างเลยค่ะ

    ดูแล้วรู้สึกอย่างไรคะ? เม้นท์บอกกันมาได้ค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit วิดิโอและรูปภาพจาก:
    https://www.youtube.com/watch?v=9lG3aWRDQtI
    https://kknews.cc/history/g93o88.html
    https://kknews.cc/other/mo6gpg6.html

    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/%E7%BA%B8%E7%94%B2/8697116
    https://www.chinanews.com.cn/hb/news/2009/11-18/1971854.shtml
    https://kknews.cc/other/mo6gpg6.html

    #เสื้อเกราะจีนโบราณ #เสื้อกระดาษ #จื๋อเจี่ย #จื๋อข่าย #อาวุธจีนโบราณ #เสื้อเกราะกระดาษ
    Storyฯ เคยเขียนถึงวิธีสู้กับความหนาวของจีนโบราณซึ่งหนึ่งในนั้นคือใช้เสื้อผ้าและผ้าห่มที่ทำมาจากกระดาษ ซึ่งในสมัยถังมีวิวัฒนาการการผลิตกระดาษอย่างก้าวกระโดด เสื้อหรือผ้าห่มนั้นใช้กระดาษที่ทำจากเปลือกของกิ่งหม่อน วิธีทำและหน้าตาคล้ายผลิตกระดาษสาบ้านเรา เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า มีการนำกระดาษมาทำเสื้อเกราะให้ทหารสวมใส่ด้วย? บ้างก็ว่ามีมาแต่สมัยราชวงศ์เหนือใต้ บ้างก็ว่าเสื้อเกราะกระดาษนั้นถูกคิดค้นขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง เสื้อเกราะกระดาษนี้เรียกตรงตัวว่า ‘จื๋อข่าย’ (纸铠)หรือ ‘จื๋อเจี่ย’ (纸甲) ในบันทึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังที่จัดทำขึ้นโดยสำนักราชบัณฑิตสมัยซ่ง (ซินถังซู/新唐书) มีจารึกไว้ว่า เสื้อเกราะกระดาษเหล่านี้ป้องกันได้จากคมดาบและธนู ต่อมาในยุคสมัยหมิงนิยมใช้ในพื้นที่ทางตอนใต้ โดยเฉพาะกับทหารเรือ เนื่องจากพื้นที่แถบนั้นอากาศชื้น เสื้อเกราะเหล็กขึ้นสนิมได้ง่ายและหนัก ในทางกลับกัน เสื้อเกราะกระดาษใช้ได้ในหลายสภาพอากาศทั้งร้อนทั้งหนาว มีน้ำหนักเบาและเมื่อโดนน้ำยิ่งทำให้มีความทนทานมากขึ้น ป้องกันได้แม้กระทั่งระเบิดดินปืน จากบันทึกทางการทหารในสมัยหมิงมีการกล่าวว่า เสื้อเกราะกระดาษประกอบขึ้นจากกระดาษเยื่อไม้และใยผ้าอัดแน่นซ้ำๆ จนเป็นชั้นหนาประมาณหนึ่งนิ้ว ตรึงด้วยหมุดเหล็ก เย็บขึ้นเป็นเกราะแบบเกล็ดปลา เสื้อเกราะกระดาษถูกใช้อย่างแพร่หลายในราชวงศ์หมิง แม้จะยังมีใช้บ้างในสมัยราชวงศ์ชิง (มีการค้นพบเสื้อเกราะกระดาษจากสมัยราชวงศ์ชิงจริงในกุ้ยโจวเมื่อปี 2004) แต่ในยุคสมัยที่ระเบิดมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีไฟแรง เกราะกระดาษใช้ไม่ได้ดีนักจึงค่อยๆ หายไป Storyฯ ก็นึกไม่ออกว่าเกราะกระดาษจะทนทานต่ออาวุธได้อย่างไร? ไปพบเจอกับวิดิโอคลิปเลยนำมาแบ่งปันให้ดู (ขออภัยไร้ความสามารถทำคำแปลบนคลิป) เป็นคลิปที่ตัดตอนมาจากรายการเกมการแข่งขันความรู้ของเด็กนักเรียน มีการเชิญมือธนูมาทดลองยิงเปรียบเทียบระหว่างเกราะโซ่และเกราะกระดาษ (ซึ่งใช้กระดาษเท่านั้น ยังไม่ได้รวมใยผ้าอัดผสมเข้าไป) โดยหัวธนูที่ใช้นั้นเป็นแบบที่มือธนูเรียกว่าเป็นธนูสำหรับยิงเกราะ หัวธนูเป็นเหล็กแหลมสองชั้น ยิงในระยะ 10 เมตร โดยตอนท้ายมีการสรุปว่าการที่จะเจาะให้ทะลุกระดาษที่เรียงเป็นชั้นๆ จนถึงผิวของคนใส่นั้น ต้องมีแรงอัดหลายทอด หัวธนูจึงไม่สามารถยิงทะลุได้ในคราวเดียว ใครอยากดูคลิปเต็มดูได้ตามลิ้งค์ยูทูบข้างล่างเลยค่ะ ดูแล้วรู้สึกอย่างไรคะ? เม้นท์บอกกันมาได้ค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit วิดิโอและรูปภาพจาก: https://www.youtube.com/watch?v=9lG3aWRDQtI https://kknews.cc/history/g93o88.html https://kknews.cc/other/mo6gpg6.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/%E7%BA%B8%E7%94%B2/8697116 https://www.chinanews.com.cn/hb/news/2009/11-18/1971854.shtml https://kknews.cc/other/mo6gpg6.html #เสื้อเกราะจีนโบราณ #เสื้อกระดาษ #จื๋อเจี่ย #จื๋อข่าย #อาวุธจีนโบราณ #เสื้อเกราะกระดาษ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✅วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นจริงหรือ?
    ✍️ยาต้านไข้หวัดใหญ่เกือบทั้งหมดมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
    https://www.facebook.com/share/p/12MUpcXzhix/
    ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดแล้วติดมากขึ้น
    https://www.facebook.com/share/p/1EtbSXvysA/
    ✍️การศึกษาในสหรัฐเองพบว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กลับติดมากขึ้น
    https://www.facebook.com/share/p/1Ev49KVPiF/
    ✍️การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น เป็นไปไม่ได้ตามหลักทฤษฎี
    https://www.facebook.com/share/p/1BrRr6xNzE/
    ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งยารักษา มีประสิทธิภาพจำกัด
    https://www.facebook.com/share/p/1FRm4fuzTA/
    ✍️ข้อสงสัยวัคซีนไข้หวัดใหญ่และยาต้าน
    https://www.facebook.com/share/p/1AVAQJRB3W/
    ✍️เด็กควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือไม่
    https://www.rookon.com/?p=914
    ✍️การทดลองของ บริษัทยา พบว่ายาต้านไวรัส ไข้หวัดใหญ่ baloxavir อาจช่วยลดการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ในครัวเรือนได้ แต่ไม่ช่วยเรื่องอาการ
    https://www.facebook.com/share/p/15gVerMQdu/
    ✍️วัคซีน ไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่น ข้อควรระวัง ไวรัส วัคซีน ปลดปล่อยออกไปได้ สู่คนอื่นโดยเฉพาะ คนเปราะบาง
    https://www.facebook.com/share/p/15vdADs7EX/
    ✍️โคลอสตรุ้ม หัวน้ำนม นมแม่ ประโยชน์มหาศาลเช่น ป้องกันไข้หวัดใหญ่
    https://www.facebook.com/share/p/14dkhKZpMT/
    ✍️กระบวนการหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่นำมาใช้ ไม่ใช่ใช้เพราะเป็นเพียงแต่ความเชื่อ
    https://www.facebook.com/share/p/16FphP1NoG/
    ✍️การบูลลี่คือสิ่งที่ไม่ควรทำกันโดยเฉพาะผู้ที่บอกคนอื่นว่าตนเป็นแพทย์
    https://www.facebook.com/share/p/1HqVz45t6n/
    https://www.facebook.com/share/p/16CJH6XQqL/
    https://www.facebook.com/share/p/1EXZXyfD7C/
    ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดฉีดพ่น อันตรายแพร่ถึงคนที่ไม่ได้ฉีด
    https://www.facebook.com/share/p/1CCzQtyWtr/
    ✍️หมอดื้อยกข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ตอบข้อกล่าวหา
    https://www.facebook.com/share/p/1BrtYfLuA3/
    ✍️หนังสือดีๆ 2 เล่มที่อยากแนะนำ
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113110074647289/?

    https://www.facebook.com/share/p/18vikWYHgf/
    รวบรวมโดย
    แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✅วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นจริงหรือ? ✍️ยาต้านไข้หวัดใหญ่เกือบทั้งหมดมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย https://www.facebook.com/share/p/12MUpcXzhix/ ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดแล้วติดมากขึ้น https://www.facebook.com/share/p/1EtbSXvysA/ ✍️การศึกษาในสหรัฐเองพบว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กลับติดมากขึ้น https://www.facebook.com/share/p/1Ev49KVPiF/ ✍️การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น เป็นไปไม่ได้ตามหลักทฤษฎี https://www.facebook.com/share/p/1BrRr6xNzE/ ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งยารักษา มีประสิทธิภาพจำกัด https://www.facebook.com/share/p/1FRm4fuzTA/ ✍️ข้อสงสัยวัคซีนไข้หวัดใหญ่และยาต้าน https://www.facebook.com/share/p/1AVAQJRB3W/ ✍️เด็กควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือไม่ https://www.rookon.com/?p=914 ✍️การทดลองของ บริษัทยา พบว่ายาต้านไวรัส ไข้หวัดใหญ่ baloxavir อาจช่วยลดการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ในครัวเรือนได้ แต่ไม่ช่วยเรื่องอาการ https://www.facebook.com/share/p/15gVerMQdu/ ✍️วัคซีน ไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่น ข้อควรระวัง ไวรัส วัคซีน ปลดปล่อยออกไปได้ สู่คนอื่นโดยเฉพาะ คนเปราะบาง https://www.facebook.com/share/p/15vdADs7EX/ ✍️โคลอสตรุ้ม หัวน้ำนม นมแม่ ประโยชน์มหาศาลเช่น ป้องกันไข้หวัดใหญ่ https://www.facebook.com/share/p/14dkhKZpMT/ ✍️กระบวนการหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่นำมาใช้ ไม่ใช่ใช้เพราะเป็นเพียงแต่ความเชื่อ https://www.facebook.com/share/p/16FphP1NoG/ ✍️การบูลลี่คือสิ่งที่ไม่ควรทำกันโดยเฉพาะผู้ที่บอกคนอื่นว่าตนเป็นแพทย์ https://www.facebook.com/share/p/1HqVz45t6n/ https://www.facebook.com/share/p/16CJH6XQqL/ https://www.facebook.com/share/p/1EXZXyfD7C/ ✍️วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดฉีดพ่น อันตรายแพร่ถึงคนที่ไม่ได้ฉีด https://www.facebook.com/share/p/1CCzQtyWtr/ ✍️หมอดื้อยกข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ตอบข้อกล่าวหา https://www.facebook.com/share/p/1BrtYfLuA3/ ✍️หนังสือดีๆ 2 เล่มที่อยากแนะนำ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122113110074647289/? https://www.facebook.com/share/p/18vikWYHgf/ รวบรวมโดย แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทวิเคราะห์ของทนง ขันทองที่เผยแพร่ทางเพจ Thanong Fanclub “ความผิดพลาดของอินเดีย

    ความผิดพลาดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย? การทำให้จีนกลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง เพื่อแสดงความภักดีต่อวอชิงตัน ผลลัพธ์: ขีปนาวุธ PL-15 และเครื่องบิน J-10C อยู่ในมือของปากีสถานแล้ว โดยน่าจะขายในราคามิตรภาพ

    ตั้งแต่ปี 2014 รัฐบาล BJP ภายใต้การนำของโมดี ผูกพันอินเดียไว้กับยุทธศาสตร์สกัดกั้นจีนที่นำโดยสหรัฐฯ ทั้งการสนับสนุนกลุ่ม QUAD การแสดงท่าทีแข็งกร้าวที่หุบเขากัลวาน การแบนแอปจีน—ทุกอย่างล้วนเป็นการส่งสัญญาณว่าอินเดียอยู่ฝ่ายตะวันตก

    แต่เมื่ออินเดียประกาศให้จีนเป็นศัตรูอย่างเปิดเผย ก็ทำให้สูญเสียอำนาจต่อรองทางการทูตไปโดยสิ้นเชิง ปักกิ่งจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะชะลอการสนับสนุนกองทัพอากาศของปากีสถานอีกต่อไป

    จีนจึงเปิดประตูให้ทันที ปากีสถานได้รับเครื่องบิน J-10C ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ที่มีเรดาร์และอาวุธล้ำสมัย ได้รับอย่างรวดเร็ว ราคาประหยัด และน่าจะมาพร้อมเงื่อนไขสนับสนุนที่เอื้ออำนวย

    จุดเปลี่ยนสำคัญจริงๆ คือ ขีปนาวุธ PL-15 มันไม่ใช่ขีปนาวุธธรรมดา แต่เป็นขีปนาวุธ “ยิงไกลเกินระยะมองเห็น” (BVR) ที่สามารถยิงเครื่องบินข้าศึกจากระยะไกลกว่า 200 กิโลเมตร — ก่อนที่เป้าหมายจะเห็นผู้โจมตีเสียอีก

    การรบแบบ BVR เป็นมาตรฐานใหม่ของสงครามอากาศสมัยใหม่ การดวลกลางอากาศแบบประชิดตัวแทบจะหายไป ใครเห็นก่อน ยิงก่อน ชนะก่อน ด้วยเรดาร์ AESA ของ J-10C และขีปนาวุธ PL-15 ปากีสถานได้เปรียบในการยิงก่อน

    Rafale ของอินเดียเคยถูกยกให้เป็นอัญมณีแห่งกองทัพ แต่ไม่มีอาวุธเทียบเท่ากับ PL-15 และถูกส่งมอบช้า จำนวนจำกัด และราคาสูงลิ่ว

    อินเดียก็ไม่ซื้อ F-16 เช่นกัน ราคาของ Lockheed แพงกว่า Dassault เสียอีก การเปลี่ยนชื่อเป็น “F-21” ไม่ได้หลอกใครได้ ไม่มีการถ่ายโอนเทคโนโลยีที่จริงจังใด ๆ

    ในขณะเดียวกัน จีนขายคำตอบสำเร็จรูปให้กับปากีสถาน เพื่อรับมือทั้ง Rafale และ F-16 โดย J-10C ไม่จำเป็นต้องดีกว่าทั้งสอง แค่ต้องติดตั้ง PL-15 และยิงได้ไกลกว่าก็พอแล้ว

    จีนไม่ได้เป็นฝ่ายยั่วยุ อินเดียต่างหากที่ประกาศให้จีนเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง และผลตอบกลับก็คือ จีนยกระดับกองทัพอากาศปากีสถาน ด้วยเทคโนโลยี BVR ที่ล้ำหน้า เงียบ ๆ มีประสิทธิภาพ และมีชั้นเชิง

    บทเรียนมันรุนแรง การเข้าข้างสหรัฐฯ ไม่ได้ทำให้อินเดียปลอดภัยขึ้น แต่ทำให้จีนไม่แยแสความกังวลของอินเดีย และปากีสถานกลายเป็นแนวหน้าใหม่ของยุทธศาสตร์ถ่วงดุลภูมิภาคของจีน
    11/5/2025
    https://x.com/wmhuo168/status/1921085939687801114
    บทวิเคราะห์ของทนง ขันทองที่เผยแพร่ทางเพจ Thanong Fanclub “ความผิดพลาดของอินเดีย ความผิดพลาดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย? การทำให้จีนกลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง เพื่อแสดงความภักดีต่อวอชิงตัน ผลลัพธ์: ขีปนาวุธ PL-15 และเครื่องบิน J-10C อยู่ในมือของปากีสถานแล้ว โดยน่าจะขายในราคามิตรภาพ ตั้งแต่ปี 2014 รัฐบาล BJP ภายใต้การนำของโมดี ผูกพันอินเดียไว้กับยุทธศาสตร์สกัดกั้นจีนที่นำโดยสหรัฐฯ ทั้งการสนับสนุนกลุ่ม QUAD การแสดงท่าทีแข็งกร้าวที่หุบเขากัลวาน การแบนแอปจีน—ทุกอย่างล้วนเป็นการส่งสัญญาณว่าอินเดียอยู่ฝ่ายตะวันตก แต่เมื่ออินเดียประกาศให้จีนเป็นศัตรูอย่างเปิดเผย ก็ทำให้สูญเสียอำนาจต่อรองทางการทูตไปโดยสิ้นเชิง ปักกิ่งจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะชะลอการสนับสนุนกองทัพอากาศของปากีสถานอีกต่อไป จีนจึงเปิดประตูให้ทันที ปากีสถานได้รับเครื่องบิน J-10C ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ที่มีเรดาร์และอาวุธล้ำสมัย ได้รับอย่างรวดเร็ว ราคาประหยัด และน่าจะมาพร้อมเงื่อนไขสนับสนุนที่เอื้ออำนวย จุดเปลี่ยนสำคัญจริงๆ คือ ขีปนาวุธ PL-15 มันไม่ใช่ขีปนาวุธธรรมดา แต่เป็นขีปนาวุธ “ยิงไกลเกินระยะมองเห็น” (BVR) ที่สามารถยิงเครื่องบินข้าศึกจากระยะไกลกว่า 200 กิโลเมตร — ก่อนที่เป้าหมายจะเห็นผู้โจมตีเสียอีก การรบแบบ BVR เป็นมาตรฐานใหม่ของสงครามอากาศสมัยใหม่ การดวลกลางอากาศแบบประชิดตัวแทบจะหายไป ใครเห็นก่อน ยิงก่อน ชนะก่อน ด้วยเรดาร์ AESA ของ J-10C และขีปนาวุธ PL-15 ปากีสถานได้เปรียบในการยิงก่อน Rafale ของอินเดียเคยถูกยกให้เป็นอัญมณีแห่งกองทัพ แต่ไม่มีอาวุธเทียบเท่ากับ PL-15 และถูกส่งมอบช้า จำนวนจำกัด และราคาสูงลิ่ว อินเดียก็ไม่ซื้อ F-16 เช่นกัน ราคาของ Lockheed แพงกว่า Dassault เสียอีก การเปลี่ยนชื่อเป็น “F-21” ไม่ได้หลอกใครได้ ไม่มีการถ่ายโอนเทคโนโลยีที่จริงจังใด ๆ ในขณะเดียวกัน จีนขายคำตอบสำเร็จรูปให้กับปากีสถาน เพื่อรับมือทั้ง Rafale และ F-16 โดย J-10C ไม่จำเป็นต้องดีกว่าทั้งสอง แค่ต้องติดตั้ง PL-15 และยิงได้ไกลกว่าก็พอแล้ว จีนไม่ได้เป็นฝ่ายยั่วยุ อินเดียต่างหากที่ประกาศให้จีนเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง และผลตอบกลับก็คือ จีนยกระดับกองทัพอากาศปากีสถาน ด้วยเทคโนโลยี BVR ที่ล้ำหน้า เงียบ ๆ มีประสิทธิภาพ และมีชั้นเชิง บทเรียนมันรุนแรง การเข้าข้างสหรัฐฯ ไม่ได้ทำให้อินเดียปลอดภัยขึ้น แต่ทำให้จีนไม่แยแสความกังวลของอินเดีย และปากีสถานกลายเป็นแนวหน้าใหม่ของยุทธศาสตร์ถ่วงดุลภูมิภาคของจีน 11/5/2025 https://x.com/wmhuo168/status/1921085939687801114
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ประกาศคว่ำบาตรเครือข่ายระหว่างประเทศในการขนส่งน้ำมันดิบจากอิหร่านมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ไปยังจีน ในนามของเสนาธิการทหารของอิหร่านและบริษัทบังหน้า Sepehr Energy

    โดยที่รายได้จากน้ำมันจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลและยานบินไร้คนขับ การแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ และกลุ่มก่อการร้ายที่เป็นตัวแทนของอิหร่าน รวมถึงการโจมตีของกลุ่มฮูตีต่อการขนส่งทางทะเลแดง กองทัพเรือสหรัฐฯ และอิสราเอล

    กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ประกาศคว่ำบาตรเครือข่ายระหว่างประเทศในการขนส่งน้ำมันดิบจากอิหร่านมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ไปยังจีน ในนามของเสนาธิการทหารของอิหร่านและบริษัทบังหน้า Sepehr Energy โดยที่รายได้จากน้ำมันจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลและยานบินไร้คนขับ การแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ และกลุ่มก่อการร้ายที่เป็นตัวแทนของอิหร่าน รวมถึงการโจมตีของกลุ่มฮูตีต่อการขนส่งทางทะเลแดง กองทัพเรือสหรัฐฯ และอิสราเอล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • TikTok เปิดตัว AI Alive: เทคโนโลยีแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโออัจฉริยะ

    TikTok ได้เปิดตัว AI Alive ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เปลี่ยนภาพนิ่งเป็นวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหว โดยใช้ AI เพื่อสร้างแอนิเมชันที่สมจริง ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับเนื้อหาใน TikTok Stories

    ✅ AI Alive ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหว
    - ใช้ AI เพื่อสร้างแอนิเมชันที่สมจริง

    ✅ สามารถเลือกภาพจาก Story Album และใช้ AI Alive เพื่อสร้างวิดีโอ
    - เช่น เปลี่ยนภาพพระอาทิตย์ตกให้มีสีสันที่เปลี่ยนไปตามเวลา

    ✅ TikTok ใช้เทคโนโลยีตรวจสอบเนื้อหาเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด
    - มี การตรวจสอบภาพและคำสั่งก่อนเผยแพร่วิดีโอ

    ✅ วิดีโอที่สร้างจาก AI Alive จะถูกติดป้ายกำกับว่าเป็นเนื้อหา AI
    - ใช้ C2PA metadata เพื่อให้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของวิดีโอได้

    ✅ TikTok ระบุว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
    - เน้น การสร้างแรงบันดาลใจและความสนุกสนาน

    https://www.neowin.net/news/tiktok-introduces-ai-alive-its-latest-image-to-video-generator/
    TikTok เปิดตัว AI Alive: เทคโนโลยีแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโออัจฉริยะ TikTok ได้เปิดตัว AI Alive ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เปลี่ยนภาพนิ่งเป็นวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหว โดยใช้ AI เพื่อสร้างแอนิเมชันที่สมจริง ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับเนื้อหาใน TikTok Stories ✅ AI Alive ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหว - ใช้ AI เพื่อสร้างแอนิเมชันที่สมจริง ✅ สามารถเลือกภาพจาก Story Album และใช้ AI Alive เพื่อสร้างวิดีโอ - เช่น เปลี่ยนภาพพระอาทิตย์ตกให้มีสีสันที่เปลี่ยนไปตามเวลา ✅ TikTok ใช้เทคโนโลยีตรวจสอบเนื้อหาเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด - มี การตรวจสอบภาพและคำสั่งก่อนเผยแพร่วิดีโอ ✅ วิดีโอที่สร้างจาก AI Alive จะถูกติดป้ายกำกับว่าเป็นเนื้อหา AI - ใช้ C2PA metadata เพื่อให้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของวิดีโอได้ ✅ TikTok ระบุว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาได้ง่ายขึ้น - เน้น การสร้างแรงบันดาลใจและความสนุกสนาน https://www.neowin.net/news/tiktok-introduces-ai-alive-its-latest-image-to-video-generator/
    WWW.NEOWIN.NET
    TikTok introduces AI Alive, its latest image-to-video generator
    TikTok has introduced a new AI feature called AI Alive, designed to let creators transform static images into dynamic videos.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนขยายเบราว์เซอร์เพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยให้กับองค์กร

    รายงาน 2025 Enterprise Browser Extension Security Report จาก LayerX พบว่า องค์กรส่วนใหญ่ใช้ส่วนขยายเบราว์เซอร์หลายตัวในแต่ละวัน ซึ่งบางส่วนขยายถูกพัฒนาโดย นักพัฒนาไม่ระบุตัวตน และมี สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

    ✅ 99% ขององค์กรมีการติดตั้งส่วนขยายเบราว์เซอร์อย่างน้อยหนึ่งตัว
    - 52% ขององค์กรใช้มากกว่า 10 ส่วนขยาย

    ✅ 53% ของส่วนขยายที่ติดตั้งในองค์กรมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลระดับ "สูง" หรือ "วิกฤติ"
    - อาจสามารถ เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนขององค์กรได้

    ✅ 58% ของส่วนขยายที่เกี่ยวข้องกับ AI มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลระดับ "สูง" หรือ "วิกฤติ"
    - รวมถึง ส่วนขยายที่ใช้ในการสร้างเนื้อหาและวิเคราะห์ข้อมูล

    ✅ 54% ของส่วนขยายถูกเผยแพร่โดยนักพัฒนาไม่ระบุตัวตน
    - ทำให้ การตรวจสอบความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องยาก

    ✅ 51% ของส่วนขยายไม่ได้รับการอัปเดตมานานกว่า 1 ปี
    - อาจมี ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ไม่ได้รับการแก้ไข

    ✅ 26% ของส่วนขยายถูกติดตั้งแบบ sideloaded โดยไม่ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย
    - อาจมี มัลแวร์หรือโค้ดอันตรายแฝงอยู่

    https://www.techradar.com/pro/security/browser-extensions-are-increasing-the-attack-surface-putting-employees-and-businesses-at-risk
    ส่วนขยายเบราว์เซอร์เพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยให้กับองค์กร รายงาน 2025 Enterprise Browser Extension Security Report จาก LayerX พบว่า องค์กรส่วนใหญ่ใช้ส่วนขยายเบราว์เซอร์หลายตัวในแต่ละวัน ซึ่งบางส่วนขยายถูกพัฒนาโดย นักพัฒนาไม่ระบุตัวตน และมี สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ✅ 99% ขององค์กรมีการติดตั้งส่วนขยายเบราว์เซอร์อย่างน้อยหนึ่งตัว - 52% ขององค์กรใช้มากกว่า 10 ส่วนขยาย ✅ 53% ของส่วนขยายที่ติดตั้งในองค์กรมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลระดับ "สูง" หรือ "วิกฤติ" - อาจสามารถ เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนขององค์กรได้ ✅ 58% ของส่วนขยายที่เกี่ยวข้องกับ AI มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลระดับ "สูง" หรือ "วิกฤติ" - รวมถึง ส่วนขยายที่ใช้ในการสร้างเนื้อหาและวิเคราะห์ข้อมูล ✅ 54% ของส่วนขยายถูกเผยแพร่โดยนักพัฒนาไม่ระบุตัวตน - ทำให้ การตรวจสอบความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องยาก ✅ 51% ของส่วนขยายไม่ได้รับการอัปเดตมานานกว่า 1 ปี - อาจมี ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ไม่ได้รับการแก้ไข ✅ 26% ของส่วนขยายถูกติดตั้งแบบ sideloaded โดยไม่ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย - อาจมี มัลแวร์หรือโค้ดอันตรายแฝงอยู่ https://www.techradar.com/pro/security/browser-extensions-are-increasing-the-attack-surface-putting-employees-and-businesses-at-risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • การนำเข้า GPU ไปยังมาเลเซียเพิ่มขึ้น 3,400% ในปี 2025: สัญญาณเตือนเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้า

    มาเลเซียกำลังเผชิญกับ การเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของการนำเข้า GPU โดยในเดือนเมษายน 2025 มีการนำเข้า มูลค่ารวม 2.74 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3,400% จากปี 2023 ข้อมูลนี้มาจาก Taiwan’s International Trade Administration และถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้ X @kakashiii111

    ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี 2025
    - มกราคม: 1.12 พันล้านดอลลาร์ (+700% YoY)
    - กุมภาพันธ์: 627 ล้านดอลลาร์
    - มีนาคม: 1.96 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY)
    - เมษายน: 2.74 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY)

    ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียอาจเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าสู่จีน
    - สหรัฐฯ ได้ขอให้มาเลเซีย เพิ่มมาตรการตรวจสอบการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน

    ✅ AI Diffusion Rule จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2025
    - อาจทำให้มาเลเซียกลายเป็น ช่องทางลับสำหรับการนำเข้าเทคโนโลยีที่ถูกจำกัด

    ✅ Nvidia อาจไม่เปิดเผยปริมาณการส่งออก GPU ไปยังมาเลเซียอย่างชัดเจน
    - เนื่องจาก ใช้ระบบรายงานรายได้ตามสถานที่เรียกเก็บเงินของลูกค้าแทนที่จะเป็นปลายทางจริงของสินค้า

    ✅ การนำเข้า GPU และอุปกรณ์ AI อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของมาเลเซีย
    - หรืออาจเป็น ช่องทางสำหรับผู้ซื้อชาวจีนในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gpu-imports-to-malaysia-surge-by-3-400-percent-in-2025-raising-alarm-amid-smuggling-investigations
    การนำเข้า GPU ไปยังมาเลเซียเพิ่มขึ้น 3,400% ในปี 2025: สัญญาณเตือนเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้า มาเลเซียกำลังเผชิญกับ การเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของการนำเข้า GPU โดยในเดือนเมษายน 2025 มีการนำเข้า มูลค่ารวม 2.74 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3,400% จากปี 2023 ข้อมูลนี้มาจาก Taiwan’s International Trade Administration และถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้ X @kakashiii111 ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี 2025 - มกราคม: 1.12 พันล้านดอลลาร์ (+700% YoY) - กุมภาพันธ์: 627 ล้านดอลลาร์ - มีนาคม: 1.96 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY) - เมษายน: 2.74 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY) ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียอาจเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าสู่จีน - สหรัฐฯ ได้ขอให้มาเลเซีย เพิ่มมาตรการตรวจสอบการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน ✅ AI Diffusion Rule จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2025 - อาจทำให้มาเลเซียกลายเป็น ช่องทางลับสำหรับการนำเข้าเทคโนโลยีที่ถูกจำกัด ✅ Nvidia อาจไม่เปิดเผยปริมาณการส่งออก GPU ไปยังมาเลเซียอย่างชัดเจน - เนื่องจาก ใช้ระบบรายงานรายได้ตามสถานที่เรียกเก็บเงินของลูกค้าแทนที่จะเป็นปลายทางจริงของสินค้า ✅ การนำเข้า GPU และอุปกรณ์ AI อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของมาเลเซีย - หรืออาจเป็น ช่องทางสำหรับผู้ซื้อชาวจีนในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gpu-imports-to-malaysia-surge-by-3-400-percent-in-2025-raising-alarm-amid-smuggling-investigations
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • YouTube เพิ่มมาตรการเข้มงวดต่อช่องที่เผยแพร่ตัวอย่างภาพยนตร์ปลอม

    YouTube ได้ดำเนินมาตรการเข้มงวดขึ้นต่อช่องที่เผยแพร่ ตัวอย่างภาพยนตร์ปลอม โดยล่าสุดได้ ระงับรายได้โฆษณาของช่อง Screen Trailers และ Royal Trailer ซึ่งเป็นช่องที่ดำเนินการโดยผู้สร้างเดียวกันกับ Screen Culture และ KH Studio ที่ถูกแบนไปก่อนหน้านี้

    ✅ YouTube ระงับรายได้โฆษณาของช่อง Screen Trailers และ Royal Trailer
    - ช่องเหล่านี้เป็น ช่องสำรองของ Screen Culture และ KH Studio

    ✅ ตัวอย่างภาพยนตร์ปลอมมักใช้ฟุตเทจเก่าหรือ AI เพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีภาพยนตร์ใหม่
    - เช่น Henry Cavill และ Margot Robbie ใน James Bond หรือ Leonardo DiCaprio ใน Squid Game ซีซั่น 3

    ✅ Hollywood Studios ไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมายต่อช่องเหล่านี้ เพราะช่วยโปรโมตภาพยนตร์จริง
    - บางสตูดิโอ ขอให้ YouTube ส่งรายได้โฆษณาไปยังเจ้าของลิขสิทธิ์แทน

    ✅ SAG-AFTRA ออกแถลงการณ์ประณามเนื้อหาหลอกลวงเหล่านี้
    - ส่งผลให้ YouTube ตัดสินใจดำเนินมาตรการเข้มงวดขึ้น

    ✅ ช่อง Screen Culture ยังคงมีผู้ติดตามกว่า 1.42 ล้านคน แม้จะถูกแบนจากการสร้างรายได้
    - KH Studio มี 724,000 ผู้ติดตาม, Royal Trailer มี 153,000 ผู้ติดตาม, และ Screen Trailers มี 33,000 ผู้ติดตาม

    https://www.techspot.com/news/107897-youtube-cracks-down-harder-fake-movie-trailer-channels.html
    YouTube เพิ่มมาตรการเข้มงวดต่อช่องที่เผยแพร่ตัวอย่างภาพยนตร์ปลอม YouTube ได้ดำเนินมาตรการเข้มงวดขึ้นต่อช่องที่เผยแพร่ ตัวอย่างภาพยนตร์ปลอม โดยล่าสุดได้ ระงับรายได้โฆษณาของช่อง Screen Trailers และ Royal Trailer ซึ่งเป็นช่องที่ดำเนินการโดยผู้สร้างเดียวกันกับ Screen Culture และ KH Studio ที่ถูกแบนไปก่อนหน้านี้ ✅ YouTube ระงับรายได้โฆษณาของช่อง Screen Trailers และ Royal Trailer - ช่องเหล่านี้เป็น ช่องสำรองของ Screen Culture และ KH Studio ✅ ตัวอย่างภาพยนตร์ปลอมมักใช้ฟุตเทจเก่าหรือ AI เพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีภาพยนตร์ใหม่ - เช่น Henry Cavill และ Margot Robbie ใน James Bond หรือ Leonardo DiCaprio ใน Squid Game ซีซั่น 3 ✅ Hollywood Studios ไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมายต่อช่องเหล่านี้ เพราะช่วยโปรโมตภาพยนตร์จริง - บางสตูดิโอ ขอให้ YouTube ส่งรายได้โฆษณาไปยังเจ้าของลิขสิทธิ์แทน ✅ SAG-AFTRA ออกแถลงการณ์ประณามเนื้อหาหลอกลวงเหล่านี้ - ส่งผลให้ YouTube ตัดสินใจดำเนินมาตรการเข้มงวดขึ้น ✅ ช่อง Screen Culture ยังคงมีผู้ติดตามกว่า 1.42 ล้านคน แม้จะถูกแบนจากการสร้างรายได้ - KH Studio มี 724,000 ผู้ติดตาม, Royal Trailer มี 153,000 ผู้ติดตาม, และ Screen Trailers มี 33,000 ผู้ติดตาม https://www.techspot.com/news/107897-youtube-cracks-down-harder-fake-movie-trailer-channels.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    YouTube cracks down harder on fake movie trailer channels with new demonetizations
    Fake trailers, sometimes known as fan trailers, have become a very common sight on YouTube. They usually show what is supposed to be clips from sequels or...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศรับสมัครงานในจีนที่ให้ "ใช้ห้องน้ำฟรี" เป็นสวัสดิการ จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ออนไลน์

    บริษัทจีนแห่งหนึ่งได้สร้างกระแสฮือฮาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ หลังจากโพสต์ ประกาศรับสมัครงานที่ระบุว่า "ใช้ห้องน้ำฟรี" และ "ใช้ลิฟต์ฟรี" เป็นสวัสดิการของพนักงาน นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอ "ไม่คิดค่าไฟสำหรับการทำงานล่วงเวลา" ซึ่งทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า สิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้ควรเป็นสวัสดิการจริงหรือไม่

    ✅ ประกาศรับสมัครงานถูกเผยแพร่โดยบัญชี Workplace Slackers ที่มีผู้ติดตามกว่า 4.4 ล้านคน
    - โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์

    ✅ ตำแหน่งงานเกี่ยวข้องกับการประมวลผลคำสั่งซื้อ และต้องมีทักษะการใช้ Excel
    - ผู้สมัครต้องมีความละเอียดรอบคอบและมีประสบการณ์

    ✅ ข้อเสนอเงินเดือนเริ่มต้นที่ 4,000 หยวน (ประมาณ 550 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ในช่วงทดลองงาน
    - มีวันหยุด 4 วันต่อเดือน และได้รับค่าจ้างสองเท่าในวันหยุดนักขัตฤกษ์

    ✅ บริษัทเสนอการเพิ่มเงินเดือน 100 หยวนต่อเดือนหลังจากทำงานครบหนึ่งปี
    - นอกจากนี้ยังมี กิจกรรมสร้างทีม, ชาในช่วงบ่าย และของว่างตอนดึก

    ✅ ประกาศดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการนำสิทธิพื้นฐานมานำเสนอเป็นสวัสดิการ
    - หลายคนตั้งคำถามว่า "สิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้ควรเป็นสวัสดิการจริงหรือไม่?"

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/13/china-job-ad-featuring-free-toilet-use-as-work-benefit-sparks-humorous-reactions-online
    ประกาศรับสมัครงานในจีนที่ให้ "ใช้ห้องน้ำฟรี" เป็นสวัสดิการ จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ออนไลน์ บริษัทจีนแห่งหนึ่งได้สร้างกระแสฮือฮาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ หลังจากโพสต์ ประกาศรับสมัครงานที่ระบุว่า "ใช้ห้องน้ำฟรี" และ "ใช้ลิฟต์ฟรี" เป็นสวัสดิการของพนักงาน นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอ "ไม่คิดค่าไฟสำหรับการทำงานล่วงเวลา" ซึ่งทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า สิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้ควรเป็นสวัสดิการจริงหรือไม่ ✅ ประกาศรับสมัครงานถูกเผยแพร่โดยบัญชี Workplace Slackers ที่มีผู้ติดตามกว่า 4.4 ล้านคน - โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ ✅ ตำแหน่งงานเกี่ยวข้องกับการประมวลผลคำสั่งซื้อ และต้องมีทักษะการใช้ Excel - ผู้สมัครต้องมีความละเอียดรอบคอบและมีประสบการณ์ ✅ ข้อเสนอเงินเดือนเริ่มต้นที่ 4,000 หยวน (ประมาณ 550 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ในช่วงทดลองงาน - มีวันหยุด 4 วันต่อเดือน และได้รับค่าจ้างสองเท่าในวันหยุดนักขัตฤกษ์ ✅ บริษัทเสนอการเพิ่มเงินเดือน 100 หยวนต่อเดือนหลังจากทำงานครบหนึ่งปี - นอกจากนี้ยังมี กิจกรรมสร้างทีม, ชาในช่วงบ่าย และของว่างตอนดึก ✅ ประกาศดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการนำสิทธิพื้นฐานมานำเสนอเป็นสวัสดิการ - หลายคนตั้งคำถามว่า "สิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้ควรเป็นสวัสดิการจริงหรือไม่?" https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/13/china-job-ad-featuring-free-toilet-use-as-work-benefit-sparks-humorous-reactions-online
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China job ad featuring ‘free toilet use’ as work benefit sparks humorous reactions online
    Advertisement also lists 'no electricity charges for overtime', 'free use of the lifts' as perks of the job.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เตรียมยุติฟีเจอร์ Organization Data Types ใน Excel เนื่องจากต้นทุนสูง

    Microsoft ได้ประกาศว่า ฟีเจอร์ Organization Data Types ใน Excel จะถูกยกเลิกในวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 เนื่องจากมี ต้นทุนการพัฒนาสูงและมีผู้ใช้งานน้อย โดยแนะนำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ ฟีเจอร์ Get Data > From Power BI แทน

    ✅ Microsoft จะยุติฟีเจอร์ Organization Data Types ใน Excel ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2025
    - ฟีเจอร์นี้มี ต้นทุนการพัฒนาสูงและมีผู้ใช้งานน้อย

    ✅ Microsoft แนะนำให้ใช้ฟีเจอร์ Get Data > From Power BI แทน
    - สามารถ นำเข้าข้อมูลจาก Power BI เพื่อสร้าง Entity ที่กำหนดเอง

    ✅ การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับ Excel บน Windows, Mac, Web และ iOS/Android
    - หลังจากวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 ผู้ใช้จะไม่สามารถแปลงค่าข้อมูลเป็น Organization Data Types ได้อีกต่อไป

    ✅ ข้อมูลที่ใช้ Organization Data Types ในไฟล์ Excel จะยังคงอยู่ แต่จะไม่สามารถรีเฟรชได้
    - ไม่มีผลกระทบต่อ Bing Data Types ซึ่งยังคงได้รับการสนับสนุนต่อไป

    ✅ Microsoft ได้เผยแพร่ประกาศนี้ใน M365 Admin Center ภายใต้ ID MC1072405
    - ผู้ดูแลระบบสามารถ ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก Admin Center

    https://www.neowin.net/news/a-windows-mac-excel-feature-is-being-removed-as-its-too-expensive-for-microsoft-to-afford/
    Microsoft เตรียมยุติฟีเจอร์ Organization Data Types ใน Excel เนื่องจากต้นทุนสูง Microsoft ได้ประกาศว่า ฟีเจอร์ Organization Data Types ใน Excel จะถูกยกเลิกในวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 เนื่องจากมี ต้นทุนการพัฒนาสูงและมีผู้ใช้งานน้อย โดยแนะนำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ ฟีเจอร์ Get Data > From Power BI แทน ✅ Microsoft จะยุติฟีเจอร์ Organization Data Types ใน Excel ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2025 - ฟีเจอร์นี้มี ต้นทุนการพัฒนาสูงและมีผู้ใช้งานน้อย ✅ Microsoft แนะนำให้ใช้ฟีเจอร์ Get Data > From Power BI แทน - สามารถ นำเข้าข้อมูลจาก Power BI เพื่อสร้าง Entity ที่กำหนดเอง ✅ การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับ Excel บน Windows, Mac, Web และ iOS/Android - หลังจากวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 ผู้ใช้จะไม่สามารถแปลงค่าข้อมูลเป็น Organization Data Types ได้อีกต่อไป ✅ ข้อมูลที่ใช้ Organization Data Types ในไฟล์ Excel จะยังคงอยู่ แต่จะไม่สามารถรีเฟรชได้ - ไม่มีผลกระทบต่อ Bing Data Types ซึ่งยังคงได้รับการสนับสนุนต่อไป ✅ Microsoft ได้เผยแพร่ประกาศนี้ใน M365 Admin Center ภายใต้ ID MC1072405 - ผู้ดูแลระบบสามารถ ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก Admin Center https://www.neowin.net/news/a-windows-mac-excel-feature-is-being-removed-as-its-too-expensive-for-microsoft-to-afford/
    WWW.NEOWIN.NET
    A Windows, Mac Excel feature is being removed as it's too expensive for Microsoft to afford
    Microsoft is killing a feature inside Excel for Windows, Mac, Android and more, citing that it's too expensive to afford development.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เผยแพร่ แนวทางแก้ไขปัญหา BSOD ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ผู้ใช้ Windows อาจเคยพบเจอ โดยเอกสารใหม่นี้แบ่งออกเป็น สองส่วน ได้แก่ ขั้นตอนพื้นฐาน และ ขั้นตอนขั้นสูง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ ตรวจสอบฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ติดตั้ง
    - หากเพิ่งติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ ให้ถอดออกแล้วลองรีสตาร์ทเครื่อง

    ✅ เข้าสู่ Safe Mode เพื่อวิเคราะห์ปัญหา
    - หากเครื่องไม่สามารถบูตได้ ให้ลองเข้าสู่ Safe Mode แล้วตรวจสอบอุปกรณ์ที่อาจมีปัญหา

    ✅ ตรวจสอบ Device Manager เพื่อดูว่ามีอุปกรณ์ที่มีปัญหาหรือไม่
    - หากพบอุปกรณ์ที่มีเครื่องหมาย "!" ให้ลอง อัปเดต, ปิดใช้งาน หรือถอนการติดตั้งไดรเวอร์

    ✅ ตรวจสอบพื้นที่ว่างบนฮาร์ดไดรฟ์
    - Windows ต้องการพื้นที่ว่าง 10%-15% เพื่อทำงานได้อย่างราบรื่น

    ✅ ติดตั้ง Windows Update ล่าสุด
    - ไปที่ Settings > Windows Update > Check for updates

    ✅ ใช้ System Restore หากปัญหายังคงอยู่
    - สามารถคืนค่าระบบไปยังจุดก่อนหน้าที่ไม่มีปัญหา

    ✅ ตรวจสอบ Event Viewer เพื่อดูข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้อง
    - ค้นหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับ BSOD

    ✅ ใช้ Windows Memory Diagnostics เพื่อตรวจสอบปัญหาหน่วยความจำ
    - พิมพ์ "Memory" ในช่องค้นหา แล้วเลือก Windows Memory Diagnostic

    ✅ วิเคราะห์ Memory Dump สำหรับนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT
    - สามารถใช้เครื่องมือเฉพาะทางเพื่อวิเคราะห์ไฟล์ dump

    https://www.neowin.net/news/microsoft-shares-detailed-guide-to-fix-windows-1110-blue-screen-bsod/
    Microsoft ได้เผยแพร่ แนวทางแก้ไขปัญหา BSOD ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ผู้ใช้ Windows อาจเคยพบเจอ โดยเอกสารใหม่นี้แบ่งออกเป็น สองส่วน ได้แก่ ขั้นตอนพื้นฐาน และ ขั้นตอนขั้นสูง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ตรวจสอบฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ติดตั้ง - หากเพิ่งติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ ให้ถอดออกแล้วลองรีสตาร์ทเครื่อง ✅ เข้าสู่ Safe Mode เพื่อวิเคราะห์ปัญหา - หากเครื่องไม่สามารถบูตได้ ให้ลองเข้าสู่ Safe Mode แล้วตรวจสอบอุปกรณ์ที่อาจมีปัญหา ✅ ตรวจสอบ Device Manager เพื่อดูว่ามีอุปกรณ์ที่มีปัญหาหรือไม่ - หากพบอุปกรณ์ที่มีเครื่องหมาย "!" ให้ลอง อัปเดต, ปิดใช้งาน หรือถอนการติดตั้งไดรเวอร์ ✅ ตรวจสอบพื้นที่ว่างบนฮาร์ดไดรฟ์ - Windows ต้องการพื้นที่ว่าง 10%-15% เพื่อทำงานได้อย่างราบรื่น ✅ ติดตั้ง Windows Update ล่าสุด - ไปที่ Settings > Windows Update > Check for updates ✅ ใช้ System Restore หากปัญหายังคงอยู่ - สามารถคืนค่าระบบไปยังจุดก่อนหน้าที่ไม่มีปัญหา ✅ ตรวจสอบ Event Viewer เพื่อดูข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้อง - ค้นหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับ BSOD ✅ ใช้ Windows Memory Diagnostics เพื่อตรวจสอบปัญหาหน่วยความจำ - พิมพ์ "Memory" ในช่องค้นหา แล้วเลือก Windows Memory Diagnostic ✅ วิเคราะห์ Memory Dump สำหรับนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT - สามารถใช้เครื่องมือเฉพาะทางเพื่อวิเคราะห์ไฟล์ dump https://www.neowin.net/news/microsoft-shares-detailed-guide-to-fix-windows-1110-blue-screen-bsod/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft shares detailed guide to fix Windows 11/10 blue screen (BSOD)
    Microsoft published an official guide on how to troubleshoot and fix blue screen of death (BSOD) on Windows 11 and Windows 10.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ มอบอำนาจให้ทนายความยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ ขอให้ทบทวนมติของคณะกรรมการแพทยสภา กรณีลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยมี นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง โดยนายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความ เผย พล.ต.ท. ทวีศิลป์ ไม่สบายใจข่าวที่แพร่ออกไป ซึ่งกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ โดยนำข้อมูลเพิ่มเติมในเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคในช่วงเวลารักษา มาประกอบการพิจารณา เพื่อชี้แจงในมุมที่อาจยังไม่ได้นำเสนอต่อแพทยสภา โดยเฉพาะประเด็นที่อุปนายกแพทยสภาท่านหนึ่งเคยกล่าวถึงข้อมูลในการรักษา
    พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ มอบอำนาจให้ทนายความยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ ขอให้ทบทวนมติของคณะกรรมการแพทยสภา กรณีลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยมี นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง โดยนายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความ เผย พล.ต.ท. ทวีศิลป์ ไม่สบายใจข่าวที่แพร่ออกไป ซึ่งกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ โดยนำข้อมูลเพิ่มเติมในเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคในช่วงเวลารักษา มาประกอบการพิจารณา เพื่อชี้แจงในมุมที่อาจยังไม่ได้นำเสนอต่อแพทยสภา โดยเฉพาะประเด็นที่อุปนายกแพทยสภาท่านหนึ่งเคยกล่าวถึงข้อมูลในการรักษา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • 2/
    Edan Alexander ตัวประกันชาวอเมริกันคนสุดท้ายที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวเป็นอิสระแล้วท่ามกลางกระแสข่าวว่า เขาปฏิเสธที่จะพบกับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอล เพื่อแสดงความขอบคุณ

    👉วิดีโอ1 - ช่วงกลางเดือนเมษายน ฮามาสเผยแพร่คลิปวิดีโอของเอดาน อเล็กซานเดอร์ ที่กล่าวโจมตีเนทันยาฮูที่ไม่ยอมช่วยเหลือตัวประกัน “ผมกำลังจะหมดลมหายใจเพราะโลกที่น่ารังเกียจ รวมทั้งรัฐบาลอิสราเอลที่น่ารังเกียจของเนทันยาฮู เขาควบคุมประเทศเหมือนเผด็จการ พวกเราคงได้กลับบ้านหลังจากตายไปแล้วผมไม่มีอะไรจะพูด เพราะผมไม่เหลือความหวังอีกแล้ว”

    👉วิดีโอ2- เนทันยาฮูกล่าวแสดงความยินดีที่เอดานถูกปล่อยตัว โดยอ้างว่าเป็นเพราะแรงกดดันที่กองกำลังอิสราเอลกระทำต่อฮามาส “เอแดน อเล็กซานเดอร์ได้กลับบ้านแล้ว สิ่งนี้สำเร็จได้ด้วยแรงกดดันทางทหารของเราและแรงกดดันทางการทูตที่ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ นี่คือการผสมผสานที่ลงตัว วันนี้ฉันได้พูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ เขากล่าวว่า "ผมมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับอิสราเอลต่อไปโดยร่วมมืออย่างใกล้ชิด" เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำสงครามทั้งหมดของเรา ได้แก่ การปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดและเอาชนะฮัมซ์เรื่องนี้ต้องไปด้วยกันได้”

    มีรายงานว่าฮามาสและสหรัฐติดต่อกันอย่างลับๆเพื่อเจรจาปล่อยตัว Edan Alexander ซึ่งฮามาสตอบตกลงโดยไม่ได้มีเงื่อนไขต่อรองใดๆ
    2/ Edan Alexander ตัวประกันชาวอเมริกันคนสุดท้ายที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวเป็นอิสระแล้วท่ามกลางกระแสข่าวว่า เขาปฏิเสธที่จะพบกับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอล เพื่อแสดงความขอบคุณ 👉วิดีโอ1 - ช่วงกลางเดือนเมษายน ฮามาสเผยแพร่คลิปวิดีโอของเอดาน อเล็กซานเดอร์ ที่กล่าวโจมตีเนทันยาฮูที่ไม่ยอมช่วยเหลือตัวประกัน “ผมกำลังจะหมดลมหายใจเพราะโลกที่น่ารังเกียจ รวมทั้งรัฐบาลอิสราเอลที่น่ารังเกียจของเนทันยาฮู เขาควบคุมประเทศเหมือนเผด็จการ พวกเราคงได้กลับบ้านหลังจากตายไปแล้วผมไม่มีอะไรจะพูด เพราะผมไม่เหลือความหวังอีกแล้ว” 👉วิดีโอ2- เนทันยาฮูกล่าวแสดงความยินดีที่เอดานถูกปล่อยตัว โดยอ้างว่าเป็นเพราะแรงกดดันที่กองกำลังอิสราเอลกระทำต่อฮามาส “เอแดน อเล็กซานเดอร์ได้กลับบ้านแล้ว สิ่งนี้สำเร็จได้ด้วยแรงกดดันทางทหารของเราและแรงกดดันทางการทูตที่ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ นี่คือการผสมผสานที่ลงตัว วันนี้ฉันได้พูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ เขากล่าวว่า "ผมมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับอิสราเอลต่อไปโดยร่วมมืออย่างใกล้ชิด" เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำสงครามทั้งหมดของเรา ได้แก่ การปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดและเอาชนะฮัมซ์เรื่องนี้ต้องไปด้วยกันได้” มีรายงานว่าฮามาสและสหรัฐติดต่อกันอย่างลับๆเพื่อเจรจาปล่อยตัว Edan Alexander ซึ่งฮามาสตอบตกลงโดยไม่ได้มีเงื่อนไขต่อรองใดๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • 1/
    Edan Alexander ตัวประกันชาวอเมริกันคนสุดท้ายที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวเป็นอิสระแล้วท่ามกลางกระแสข่าวว่า เขาปฏิเสธที่จะพบกับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอล เพื่อแสดงความขอบคุณ

    👉วิดีโอ1 - ช่วงกลางเดือนเมษายน ฮามาสเผยแพร่คลิปวิดีโอของเอดาน อเล็กซานเดอร์ ที่กล่าวโจมตีเนทันยาฮูที่ไม่ยอมช่วยเหลือตัวประกัน “ผมกำลังจะหมดลมหายใจเพราะโลกที่น่ารังเกียจ รวมทั้งรัฐบาลอิสราเอลที่น่ารังเกียจของเนทันยาฮู เขาควบคุมประเทศเหมือนเผด็จการ พวกเราคงได้กลับบ้านหลังจากตายไปแล้วผมไม่มีอะไรจะพูด เพราะผมไม่เหลือความหวังอีกแล้ว”

    👉วิดีโอ2- เนทันยาฮูกล่าวแสดงความยินดีที่เอดานถูกปล่อยตัว โดยอ้างว่าเป็นเพราะแรงกดดันที่กองกำลังอิสราเอลกระทำต่อฮามาส “เอแดน อเล็กซานเดอร์ได้กลับบ้านแล้ว สิ่งนี้สำเร็จได้ด้วยแรงกดดันทางทหารของเราและแรงกดดันทางการทูตที่ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ นี่คือการผสมผสานที่ลงตัว วันนี้ฉันได้พูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ เขากล่าวว่า "ผมมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับอิสราเอลต่อไปโดยร่วมมืออย่างใกล้ชิด" เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำสงครามทั้งหมดของเรา ได้แก่ การปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดและเอาชนะฮัมซ์เรื่องนี้ต้องไปด้วยกันได้”

    มีรายงานว่าฮามาสและสหรัฐติดต่อกันอย่างลับๆเพื่อเจรจาปล่อยตัว Edan Alexander ซึ่งฮามาสตอบตกลงโดยไม่ได้มีเงื่อนไขต่อรองใดๆ
    1/ Edan Alexander ตัวประกันชาวอเมริกันคนสุดท้ายที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวเป็นอิสระแล้วท่ามกลางกระแสข่าวว่า เขาปฏิเสธที่จะพบกับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอล เพื่อแสดงความขอบคุณ 👉วิดีโอ1 - ช่วงกลางเดือนเมษายน ฮามาสเผยแพร่คลิปวิดีโอของเอดาน อเล็กซานเดอร์ ที่กล่าวโจมตีเนทันยาฮูที่ไม่ยอมช่วยเหลือตัวประกัน “ผมกำลังจะหมดลมหายใจเพราะโลกที่น่ารังเกียจ รวมทั้งรัฐบาลอิสราเอลที่น่ารังเกียจของเนทันยาฮู เขาควบคุมประเทศเหมือนเผด็จการ พวกเราคงได้กลับบ้านหลังจากตายไปแล้วผมไม่มีอะไรจะพูด เพราะผมไม่เหลือความหวังอีกแล้ว” 👉วิดีโอ2- เนทันยาฮูกล่าวแสดงความยินดีที่เอดานถูกปล่อยตัว โดยอ้างว่าเป็นเพราะแรงกดดันที่กองกำลังอิสราเอลกระทำต่อฮามาส “เอแดน อเล็กซานเดอร์ได้กลับบ้านแล้ว สิ่งนี้สำเร็จได้ด้วยแรงกดดันทางทหารของเราและแรงกดดันทางการทูตที่ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ นี่คือการผสมผสานที่ลงตัว วันนี้ฉันได้พูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ เขากล่าวว่า "ผมมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับอิสราเอลต่อไปโดยร่วมมืออย่างใกล้ชิด" เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำสงครามทั้งหมดของเรา ได้แก่ การปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดและเอาชนะฮัมซ์เรื่องนี้ต้องไปด้วยกันได้” มีรายงานว่าฮามาสและสหรัฐติดต่อกันอย่างลับๆเพื่อเจรจาปล่อยตัว Edan Alexander ซึ่งฮามาสตอบตกลงโดยไม่ได้มีเงื่อนไขต่อรองใดๆ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิวและปาเลสไตน์
    ==========
    .
    การศึกษาที่ตีพิมพ์โดย National Academy of Sciences พบว่า "กลุ่มยีนของชุมชนชาวยิวจากยุโรป แอฟริกาเหนือ และตะวันออกกลาง.. สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษ 'ตะวันออกกลาง' ร่วมกัน" และแนะนำว่า "ชุมชนชาวยิวส่วนใหญ่ยังคงแยกตัวจากชุมชนที่ไม่ใช่ชาวยิวในละแวกใกล้เคียงค่อนข้างมาก ทั้งในช่วงอพยพและหลังการอพยพของชาวยิว"
    .
    นักพันธุศาสตร์ Doron Behar และเพื่อนร่วมงาน (2010) ระบุว่า "ข้อมูลนี้สอดคล้องกับการกำหนดทางประวัติศาสตร์ว่า ชาวยิวสืบเชื้อสายมาจากชาวอิสราเอลโบราณ" ประมาณ 35% ถึง 43% ของชายชาวยิวอยู่ในสายเลือดของบิดาที่เรียกว่ากลุ่มยีน Hg "J" และกลุ่มยีนย่อย. กลุ่มยีนนี้พบโดยเฉพาะในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ แอฟริกาตะวันออก คอเคซัส และยุโรปตอนใต้ราว 15% ถึง 30% อยู่ในกลุ่มยีน Hg "E1b1b" (หรือ E-M35)
    [ Hg = Haplogroup ]
    .
    การศึกษาโดยใช้ดีเอ็นเอโครโมโซม Y ของชาวยิวชาย โดยพยายามสืบหาสายเลือดของนักบวชชาวยิว (โคฮานิม) จากบิดา ผลการศึกษาเผยให้เห็นแฮพโลไทป์โครโมโซม Y บรรพบุรุษร่วมกันเมื่อประมาณ 2,650 ปีก่อน ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของการทำลายวิหารแรกของเยรูซาเล็มในปี 586 ก่อนคริสตกาล และการกระจายตัวของนักบวช การศึกษาดีเอ็นเอไมโตคอนเดรียของประชากรชาวยิวเป็นการศึกษาที่ค่อนข้างใหม่ เป็นที่ถกเถียง และมีความหลากหลายมากกว่า
    .
    ส่วนชาวปาเลสไตน์ บันทึกทางประวัติศาสตร์และการศึกษาด้านพันธุกรรมในเวลาต่อมาบ่งชี้ว่าชาวปาเลสไตน์สืบเชื้อสายมาจากเลแวนไทน์โบราณเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งย้อนกลับไปถึงชาวเลแวนไทน์ในยุคสำริด การศึกษาในปี 2015 โดย Verónica Fernandes และคนอื่นๆ สรุปว่าชาวปาเลสไตน์มี "ต้นกำเนิดเป็นชนพื้นเมืองเป็นหลัก"
    .
    การศึกษาในปี 2020 เกี่ยวกับซากศพมนุษย์จากกลุ่มคนคานาอันในยุคสำริดกลาง (2100–1550 ปีก่อนคริสตกาล) ชี้ให้เห็นถึงความต่อเนื่องทางพันธุกรรมในระดับที่สำคัญในกลุ่มคนที่พูดภาษาอาหรับในเลวานไทน์ (เช่น ชาวปาเลสไตน์ ชาวดรูซ ชาวเลบานอน ชาวจอร์แดน ชาวเบดูอิน และชาวซีเรีย) พบว่าชาวปาเลสไตน์และกลุ่มคนเลวานไทน์อื่นๆ มีบรรพบุรุษ 81–87% มาจากเลวานไทน์ในยุคสำริด ซึ่งเกี่ยวข้องกับชาวคานาอันและอิทธิพลของวัฒนธรรมคูรา–อารักเซสตั้งแต่ก่อน 2400 ปีก่อนคริสตกาล (4400 ปีก่อนปัจจุบัน) 8–12% มาจากแหล่งแอฟริกาตะวันออก และ 5–10% มาจากชาวยุโรปในยุคสำริด
    .
    การศึกษาดีเอ็นเอครั้งหนึ่งโดย Nebel พบว่ามีการทับซ้อนกันทางพันธุกรรมอย่างมากในหมู่ชาวอาหรับอิสราเอล ปาเลสไตน์และชาวยิว เนเบลเสนอว่า "บางส่วนหรือบางทีอาจเป็นส่วนใหญ่" ของชาวปาเลสไตน์ที่เป็นมุสลิม สืบเชื้อสายมาจาก "ชาวพื้นเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคริสเตียนและยิวที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามหลังจากอิสลามพิชิตในคริสตศตวรรษที่ 7"
    .
    ในการศึกษาทางพันธุกรรมของ STR ที่มีโครโมโซม Y ในประชากรสองกลุ่มจากอิสราเอลและพื้นที่ปกครองปาเลสไตน์ พบว่าชาวปาเลสไตน์ที่เป็นคริสเตียนและมุสลิมแสดงความแตกต่างทางพันธุกรรมเล็กน้อย คริสเตียนปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ (31.82%) เป็นกลุ่มย่อยของ Hg"E1b1b" รองลงมาคือ Hg"G2a" (11.36%) และ Hg"J1" (9.09%) ชาวมุสลิมปาเลสไตน์ส่วนใหญ่มียีนเป็นกลุ่มย่อยของ Hg"J1" (37.82%) รองลงมาคือ Hg"E1b1b" (19.33%) และ Hg"T" (5.88%)
    .
    ในปี 2004 ทีมนักพันธุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กับมหาวิทยาลัยฮิบรูแห่งเยรูซาเล็ม มหาวิทยาลัยทาร์ทู (เอสโตเนีย) ศูนย์การแพทย์บาร์ซิไล (อัชเคลอน อิสราเอล) และศูนย์การแพทย์อัสซาฟ ฮาโรเฟห์ (เซริฟิน อิสราเอล) ทำการศึกษาชุมชนชาติพันธุ์ซามาริตันสมัยใหม่ที่อาศัยอยู่ในอิสราเอลโดยเปรียบเทียบกับประชากรอิสราเอลสมัยใหม่เพื่อสำรวจประวัติศาสตร์ทางพันธุกรรมโบราณของกลุ่มคนเหล่านี้ ผลการค้นพบของพวกเขารายงานถึงวงศ์ตระกูลสี่วงศ์ในหมู่ชาวซามาริตัน ได้แก่ ตระกูล Tsdaka, Joshua-Marhiv, Danfi และครอบครัว Cohen ครอบครัวชาวซามาริตันทั้งหมดพบในกลุ่มยีน Hg"J1" และ Hg"J2" ยกเว้นครอบครัว Cohen ซึ่งพบในกลุ่มยีน Hg"E3b1a-M78" ข้อมูลนี้มีเนื้อหาก่อนกลุ่มย่อย "E3b1a" โดยอิงตามการวิจัยของ Cruciani et al. (2006)
    .
    Mekel-Bobrov et al. (2005) ศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบยีน ASPM พบว่าชาว"ดรูซ"อิสราเอลในภูมิภาคคาร์เมล มีอัตราการเกิดกลุ่มยีน ASPM Hg D ที่เพิ่งวิวัฒนาการใหม่สูงที่สุด โดยมีการเกิดขึ้นของอัลลีลที่มีอายุประมาณ 6,000 ปีถึง 52.2% แม้ว่าจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่ารูปแบบยีนนี้ให้ข้อได้เปรียบในการคัดเลือกอย่างไร แต่เชื่อกันว่าอัลลีลกลุ่มยีน Hg D ได้รับการคัดเลือกในเชิงบวกในประชากร และมอบข้อได้เปรียบที่สำคัญบางประการที่ทำให้ความถี่ของอัลลีลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว.. ตามการทดสอบ DNA ชาวดรูซโดดเด่นในเรื่องความถี่สูง (35%) ของผู้ชายที่มีกลุ่มยีน Y-chromosomal "L" ซึ่งไม่ธรรมดาในตะวันออกกลาง กลุ่มยีนนี้มีต้นกำเนิดมาจากเอเชียใต้ในยุคก่อนประวัติศาสตร์และแพร่กระจายจากปากีสถานไปยังอิหร่านตอนใต้
    [ * อัลลีล (allele) คือรูปแบบหนึ่ง จากหลายๆ รูปแบบของยีนหนึ่ง บางครั้งอัลลีลที่แตกต่างกันอาจทำให้เกิดลักษณะที่แสดงออก เช่น สีตา สีผม ที่แตกต่างกันได้ บางครั้งอัลลีลที่แตกต่างกันอาจไม่ได้ทำให้มีลักษณะแสดงออกที่แตกต่างกันก็ได้ ]
    .
    มายาอคติที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยพวกไซออนิสท์ที่ครอบงำชาวยิวในอิสราเอลทำให้พวกเขามืดบอด ทั้งที่ในทางวิทยาศาสตร์ ชาวยิวและชาวอาหรับมียีนร่วมกันมากกว่าใครในโลกนี้จะมี ผลจากอาชญากรรมอันรุนแรงที่อิสราเอลก่อ ทำให้เกิดความเกลียดชังชาวยิวพุ่งขึ้น ชาวยิวมากมายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ในภูมิภาคอื่นที่ไม่ใช่อิสราเอล เริ่มเดือดร้อนและต่อต้าน พวกไซออนิสท์กลับนำคำคำหนึ่งมานิยามตราหน้าใครก็ตามที่เกลียดยิวว่า "Anti Semitism" ซึ่งยิ่งทำให้โลกทัศน์บิดเบี้ยวมากขึ้น จนในบัดนี้มีคนยิวในประเทศอื่นที่ทนไม่ได้กับบาปที่พวกเขาไม่ได้ก่อเริ่มออกมาต่อต้านกันมากขึ้นทุกทีและโต้แย้งว่าสิ่งที่พวกไซออนทำไม่ควรทำให้เกิด "Anti Semitism แต่เป็น Anti Zionism ต่างหาก"
    .
    คำว่า Anti Semitism ในที่นี้ หมายถึงอะไร? อิสราเอลตั้งใจจะให้หมายถึงการต่อต้านพวกที่พูดภาษา Semitic นั่นแหละ ปัญหาคือเซมิติคไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ภาษาฮิบรูของยิวเท่านั้น แต่พวกที่พูดภาษาสกุลเซมิติคยังหมายถึงภาษาอาราบิค อัมฮาริค ทิกรินยา อารามาอิค... ซึ่งพูดกันอยู่ในประชากรโลกมากกว่า 330 ล้านคน ทั้งยิวและปาเลสไตน์ต่างก็พูดภาษาในสกุลเซมิติคทั้งคู่ ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากดีเอ็นเอ ไม่เพียงพวกเขาก็เป็นพี่น้องกันแล้ว (Hg J / E) เมื่อพิจารณาจากทางภาษา พวกเขาก็เป็นพี่น้องกันอีก
    .
    คำว่า Semitic มาจากคำว่า Sem (Shem) ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิ้ลบทปฐมกาล คือชื่อของบุตรชายคนหนึ่งของโนอาห์. พูดง่ายๆ พวกที่พูดภาษาสกุลเซมก็คือลูกหลานของโนอาห์นั่นแหละ
    คุณคิดว่ามันน่าเศร้าไหม ที่ลูกหลานโนอาห์เข่นฆ่ากันเอง
    หรือว่าที่จริงแล้วพวกอิสราเอลเป็นลูกหลานของคาอิน ไม่ใช่โนอาห์
    อีกครั้งที่ผมจะพูด
    ความแบ่งแยกคือความคิดของปีศาจ
    มันคือมูลเหตุของ Genocide ทั้งที่รวันดาและกาซ่าในตอนนี้
    .
    ยิวและปาเลสไตน์ ========== . การศึกษาที่ตีพิมพ์โดย National Academy of Sciences พบว่า "กลุ่มยีนของชุมชนชาวยิวจากยุโรป แอฟริกาเหนือ และตะวันออกกลาง.. สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษ 'ตะวันออกกลาง' ร่วมกัน" และแนะนำว่า "ชุมชนชาวยิวส่วนใหญ่ยังคงแยกตัวจากชุมชนที่ไม่ใช่ชาวยิวในละแวกใกล้เคียงค่อนข้างมาก ทั้งในช่วงอพยพและหลังการอพยพของชาวยิว" . นักพันธุศาสตร์ Doron Behar และเพื่อนร่วมงาน (2010) ระบุว่า "ข้อมูลนี้สอดคล้องกับการกำหนดทางประวัติศาสตร์ว่า ชาวยิวสืบเชื้อสายมาจากชาวอิสราเอลโบราณ" ประมาณ 35% ถึง 43% ของชายชาวยิวอยู่ในสายเลือดของบิดาที่เรียกว่ากลุ่มยีน Hg "J" และกลุ่มยีนย่อย. กลุ่มยีนนี้พบโดยเฉพาะในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ แอฟริกาตะวันออก คอเคซัส และยุโรปตอนใต้ราว 15% ถึง 30% อยู่ในกลุ่มยีน Hg "E1b1b" (หรือ E-M35) [ Hg = Haplogroup ] . การศึกษาโดยใช้ดีเอ็นเอโครโมโซม Y ของชาวยิวชาย โดยพยายามสืบหาสายเลือดของนักบวชชาวยิว (โคฮานิม) จากบิดา ผลการศึกษาเผยให้เห็นแฮพโลไทป์โครโมโซม Y บรรพบุรุษร่วมกันเมื่อประมาณ 2,650 ปีก่อน ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของการทำลายวิหารแรกของเยรูซาเล็มในปี 586 ก่อนคริสตกาล และการกระจายตัวของนักบวช การศึกษาดีเอ็นเอไมโตคอนเดรียของประชากรชาวยิวเป็นการศึกษาที่ค่อนข้างใหม่ เป็นที่ถกเถียง และมีความหลากหลายมากกว่า . ส่วนชาวปาเลสไตน์ บันทึกทางประวัติศาสตร์และการศึกษาด้านพันธุกรรมในเวลาต่อมาบ่งชี้ว่าชาวปาเลสไตน์สืบเชื้อสายมาจากเลแวนไทน์โบราณเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งย้อนกลับไปถึงชาวเลแวนไทน์ในยุคสำริด การศึกษาในปี 2015 โดย Verónica Fernandes และคนอื่นๆ สรุปว่าชาวปาเลสไตน์มี "ต้นกำเนิดเป็นชนพื้นเมืองเป็นหลัก" . การศึกษาในปี 2020 เกี่ยวกับซากศพมนุษย์จากกลุ่มคนคานาอันในยุคสำริดกลาง (2100–1550 ปีก่อนคริสตกาล) ชี้ให้เห็นถึงความต่อเนื่องทางพันธุกรรมในระดับที่สำคัญในกลุ่มคนที่พูดภาษาอาหรับในเลวานไทน์ (เช่น ชาวปาเลสไตน์ ชาวดรูซ ชาวเลบานอน ชาวจอร์แดน ชาวเบดูอิน และชาวซีเรีย) พบว่าชาวปาเลสไตน์และกลุ่มคนเลวานไทน์อื่นๆ มีบรรพบุรุษ 81–87% มาจากเลวานไทน์ในยุคสำริด ซึ่งเกี่ยวข้องกับชาวคานาอันและอิทธิพลของวัฒนธรรมคูรา–อารักเซสตั้งแต่ก่อน 2400 ปีก่อนคริสตกาล (4400 ปีก่อนปัจจุบัน) 8–12% มาจากแหล่งแอฟริกาตะวันออก และ 5–10% มาจากชาวยุโรปในยุคสำริด . การศึกษาดีเอ็นเอครั้งหนึ่งโดย Nebel พบว่ามีการทับซ้อนกันทางพันธุกรรมอย่างมากในหมู่ชาวอาหรับอิสราเอล ปาเลสไตน์และชาวยิว เนเบลเสนอว่า "บางส่วนหรือบางทีอาจเป็นส่วนใหญ่" ของชาวปาเลสไตน์ที่เป็นมุสลิม สืบเชื้อสายมาจาก "ชาวพื้นเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคริสเตียนและยิวที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามหลังจากอิสลามพิชิตในคริสตศตวรรษที่ 7" . ในการศึกษาทางพันธุกรรมของ STR ที่มีโครโมโซม Y ในประชากรสองกลุ่มจากอิสราเอลและพื้นที่ปกครองปาเลสไตน์ พบว่าชาวปาเลสไตน์ที่เป็นคริสเตียนและมุสลิมแสดงความแตกต่างทางพันธุกรรมเล็กน้อย คริสเตียนปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ (31.82%) เป็นกลุ่มย่อยของ Hg"E1b1b" รองลงมาคือ Hg"G2a" (11.36%) และ Hg"J1" (9.09%) ชาวมุสลิมปาเลสไตน์ส่วนใหญ่มียีนเป็นกลุ่มย่อยของ Hg"J1" (37.82%) รองลงมาคือ Hg"E1b1b" (19.33%) และ Hg"T" (5.88%) . ในปี 2004 ทีมนักพันธุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กับมหาวิทยาลัยฮิบรูแห่งเยรูซาเล็ม มหาวิทยาลัยทาร์ทู (เอสโตเนีย) ศูนย์การแพทย์บาร์ซิไล (อัชเคลอน อิสราเอล) และศูนย์การแพทย์อัสซาฟ ฮาโรเฟห์ (เซริฟิน อิสราเอล) ทำการศึกษาชุมชนชาติพันธุ์ซามาริตันสมัยใหม่ที่อาศัยอยู่ในอิสราเอลโดยเปรียบเทียบกับประชากรอิสราเอลสมัยใหม่เพื่อสำรวจประวัติศาสตร์ทางพันธุกรรมโบราณของกลุ่มคนเหล่านี้ ผลการค้นพบของพวกเขารายงานถึงวงศ์ตระกูลสี่วงศ์ในหมู่ชาวซามาริตัน ได้แก่ ตระกูล Tsdaka, Joshua-Marhiv, Danfi และครอบครัว Cohen ครอบครัวชาวซามาริตันทั้งหมดพบในกลุ่มยีน Hg"J1" และ Hg"J2" ยกเว้นครอบครัว Cohen ซึ่งพบในกลุ่มยีน Hg"E3b1a-M78" ข้อมูลนี้มีเนื้อหาก่อนกลุ่มย่อย "E3b1a" โดยอิงตามการวิจัยของ Cruciani et al. (2006) . Mekel-Bobrov et al. (2005) ศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบยีน ASPM พบว่าชาว"ดรูซ"อิสราเอลในภูมิภาคคาร์เมล มีอัตราการเกิดกลุ่มยีน ASPM Hg D ที่เพิ่งวิวัฒนาการใหม่สูงที่สุด โดยมีการเกิดขึ้นของอัลลีลที่มีอายุประมาณ 6,000 ปีถึง 52.2% แม้ว่าจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่ารูปแบบยีนนี้ให้ข้อได้เปรียบในการคัดเลือกอย่างไร แต่เชื่อกันว่าอัลลีลกลุ่มยีน Hg D ได้รับการคัดเลือกในเชิงบวกในประชากร และมอบข้อได้เปรียบที่สำคัญบางประการที่ทำให้ความถี่ของอัลลีลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว.. ตามการทดสอบ DNA ชาวดรูซโดดเด่นในเรื่องความถี่สูง (35%) ของผู้ชายที่มีกลุ่มยีน Y-chromosomal "L" ซึ่งไม่ธรรมดาในตะวันออกกลาง กลุ่มยีนนี้มีต้นกำเนิดมาจากเอเชียใต้ในยุคก่อนประวัติศาสตร์และแพร่กระจายจากปากีสถานไปยังอิหร่านตอนใต้ [ * อัลลีล (allele) คือรูปแบบหนึ่ง จากหลายๆ รูปแบบของยีนหนึ่ง บางครั้งอัลลีลที่แตกต่างกันอาจทำให้เกิดลักษณะที่แสดงออก เช่น สีตา สีผม ที่แตกต่างกันได้ บางครั้งอัลลีลที่แตกต่างกันอาจไม่ได้ทำให้มีลักษณะแสดงออกที่แตกต่างกันก็ได้ ] . มายาอคติที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยพวกไซออนิสท์ที่ครอบงำชาวยิวในอิสราเอลทำให้พวกเขามืดบอด ทั้งที่ในทางวิทยาศาสตร์ ชาวยิวและชาวอาหรับมียีนร่วมกันมากกว่าใครในโลกนี้จะมี ผลจากอาชญากรรมอันรุนแรงที่อิสราเอลก่อ ทำให้เกิดความเกลียดชังชาวยิวพุ่งขึ้น ชาวยิวมากมายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ในภูมิภาคอื่นที่ไม่ใช่อิสราเอล เริ่มเดือดร้อนและต่อต้าน พวกไซออนิสท์กลับนำคำคำหนึ่งมานิยามตราหน้าใครก็ตามที่เกลียดยิวว่า "Anti Semitism" ซึ่งยิ่งทำให้โลกทัศน์บิดเบี้ยวมากขึ้น จนในบัดนี้มีคนยิวในประเทศอื่นที่ทนไม่ได้กับบาปที่พวกเขาไม่ได้ก่อเริ่มออกมาต่อต้านกันมากขึ้นทุกทีและโต้แย้งว่าสิ่งที่พวกไซออนทำไม่ควรทำให้เกิด "Anti Semitism แต่เป็น Anti Zionism ต่างหาก" . คำว่า Anti Semitism ในที่นี้ หมายถึงอะไร? อิสราเอลตั้งใจจะให้หมายถึงการต่อต้านพวกที่พูดภาษา Semitic นั่นแหละ ปัญหาคือเซมิติคไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ภาษาฮิบรูของยิวเท่านั้น แต่พวกที่พูดภาษาสกุลเซมิติคยังหมายถึงภาษาอาราบิค อัมฮาริค ทิกรินยา อารามาอิค... ซึ่งพูดกันอยู่ในประชากรโลกมากกว่า 330 ล้านคน ทั้งยิวและปาเลสไตน์ต่างก็พูดภาษาในสกุลเซมิติคทั้งคู่ ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากดีเอ็นเอ ไม่เพียงพวกเขาก็เป็นพี่น้องกันแล้ว (Hg J / E) เมื่อพิจารณาจากทางภาษา พวกเขาก็เป็นพี่น้องกันอีก . คำว่า Semitic มาจากคำว่า Sem (Shem) ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิ้ลบทปฐมกาล คือชื่อของบุตรชายคนหนึ่งของโนอาห์. พูดง่ายๆ พวกที่พูดภาษาสกุลเซมก็คือลูกหลานของโนอาห์นั่นแหละ คุณคิดว่ามันน่าเศร้าไหม ที่ลูกหลานโนอาห์เข่นฆ่ากันเอง หรือว่าที่จริงแล้วพวกอิสราเอลเป็นลูกหลานของคาอิน ไม่ใช่โนอาห์ อีกครั้งที่ผมจะพูด ความแบ่งแยกคือความคิดของปีศาจ มันคือมูลเหตุของ Genocide ทั้งที่รวันดาและกาซ่าในตอนนี้ .
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในท่ามกลางความตึงเครียดของการขึ้นภาษีของทรัมพ์ต่อชาวโลก โดยเฉพาะกับจีนที่ตามมาด้วยการตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิง
    เขาพูดกัน "นี่คือสงครามการค้า"
    เหล่าบรรดาข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ใต้อุ้งตีนอเมริกาพากันถ่มถุย
    "จีนจะต้องย่อยยับในคราวนี้"......
    .
    พวกนี้ไม่ได้สำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า
    ประชากรจีนโพ้นทะเล กระจายไปในโลกตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปแล้ว
    ก่อนยุคการล่าอาณานิคม ประชากรจีนโพ้นทะเลก็อยู่ในทุกแห่งหน
    ทำงานหนักและขยันขันแข็ง อดทน ไม่เกี่ยงความลำบาก
    พรสวรรค์ในด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์เพราะฝังรากลึกอยู่ในทุกดินแดน
    เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณคือเส้นทางสายไหมของจีน
    พวกเขาไม่ได้ไปด้วยการรุกราน ยึดครองดินแดนต่างๆ ด้วยแสนยานุภาพ
    แต่พวกเขาแพร่กระจายไปพร้อมกับแรงงานและการค้าขาย
    และมักตั้งตัวขึ้นมากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งกว่าชนชาติอื่นอยู่ในทุกทวีป
    .
    ก่อนการออกท่องสมุทรไปของพ่อค้าชาวยุโรปและอาหรับ
    นายพลเรือผู้หนึ่งของจีนนาม เจิ้งเหอ ออกเดินทางสมุทรยาตราด้วยกองเรือมหาสมบัติที่มีขนาดมหึมากว่าสามร้อยลำ ออกค้าขายไปทั่วทุกคาบสมุทร นักวิชาการหลายคนสันนิษฐานว่ากองเรือของเขาอาจไปถึงทวีปอเมริกาก่อนใคร แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์ดินแดนที่เขาเดินทางไปถึงก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้และพรสวรรค์ทางการค้า
    .
    ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1405 ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง.. เจิ้งเหอ ออกเดินทางเพื่อทำการค้าและสำรวจโลกทั้งสิ้น 7 ครั้ง ยาวนานและกินเวลาราว 28 ปี ไปถึงดินแดนต่างๆ ราว 37 ประเทศ ท่องมหาสมุทรไปมากกว่า 50,000 กิโลเมตร เรือสำเภา "เป่าฉวน" หรือที่เรียกว่าเรือมหาสมบัติของเขา ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง มันมีขนาดราว 400 ฟุต ใหญ่กว่าเรือซานตามาเรียของโคลัมบัสซึ่งยาวแค่ 85 ฟุตถึง 5 เท่า กองเรือของเขาประกอบด้วยเรือขนาดใหญ่ 60 ลำ และเรือขนาดเล็กอีก 255 ลำ ประมาณว่ามีลูกเรือทั้งหมดกว่า 27,870 คน เดินทางผ่านชายฝั่งฟุเกี้ยน ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆ เช่น จามปา เสียนหลอ (สยาม) มะละกา สมุทรา ชวา สุมาตรา ลังกา กาลิกัต... ผ่านทะเลอันดามัน เลาะฝั่งทะเลตะวันออกของชมพูทวีปเพื่อซื้อขายเครื่องเทศ ไปจนถึงเปอร์เซียและแอฟริกา หลักฐานปรากฏให้เห็นจากบันทึก ภาพเขียน และจากเครื่องบรรณาการที่เขานำกลับไปถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งได้รวมเอา สิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งเป็นสัตว์จากดินแดนเหล่านั้น
    .
    เจิ้งเหอ เดิมแช่หม่า เป็นมุสลิมเชื้อสายตระกูลขุนนางใหญ่จากอุซเบกที่อาศัยในยูนนาน มีชื่อมุสลิมว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ ต่อมาจักรพรรดิหย่งเล่อพระราชทานแซ่เจิ้ง จากบันทึกประมาณเวลาว่าเขามาถึงอยุธยาราวรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราช แต่คนไทยรู้จักในอีกชื่อว่า เจ้าพ่อซำปอกง ซึ่ง ซำปอกง นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเขา วัดที่มีชื่อว่าวัดซำปอกงหรือวัดพนัญเชิงวรวิหารในจังหวัดอยุธยานี้ เขาเป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธด้วยการถวายพระสูตรให้แก่วัดเก้าแห่ง แต่กระนั้น เจิ้งเหอเมื่อวายชนม์ก็ยังมีสถานะเป็นมุสลิม เพราะมีสุสานอย่างมุสลิมอยู่บนภูเขาที่นานกิง เขาเสียชีวิตที่อินเดียในปี 1432 เชื่อกันว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปิดกว้างทางศาสนาของเขา จึงทำให้เขาเข้าไปมีส่วนในการยุติความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาอิสลามของพ่อค้าและศาสนาพื้นถิ่นตามเมืองท่าต่างๆ ที่เขาผ่านไปหลายแห่ง ทำให้เมืองท่าเหล่านั้นยอมรับในความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น
    .
    เจิ้งเหอแม้จะเป็นขันที แต่พี่ชายของเขาได้ยกลูกชายและลูกสาวให้แก่เขา ปัจจุบันนี้มีทายาทในสกุลเจิ้งของเขาบางส่วนจากครอบครัวของทายาทรุ่นหลังที่ชื่อ เจิ้งชงหลิ่ง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย พวกเขายังคงเป็นมุสลิม ในหลวงรัชกาลที่หกพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เจิ้งชงหลิ่ง ว่า ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ ลูกหลานของเขาใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ
    .
    รูปปั้นหินที่เห็นจากภาพประกอบ เป็นอนุสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อย่างที่เคยเล่า มีหลักฐานว่าเมืองท่าโบราณแห่งนี้เขาเป็นคนตั้งขึ้น
    .
    เรื่องของเจิ้งเหอ ยังถูกหยิบมาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยนายพลเรือดำน้ำคนหนึ่งของราชนาวีอังกฤษ ชื่อ Gavin Menzies ที่ซึ่งปกติเรือดำน้ำของเขามีหน้าที่ลาดตระเวณไปทั่วโลกด้วยการดำอย่างเงียบเชียบ แต่คิดว่าเขาคงจะว่างมากนั่นแหละในภาวะที่โลกในช่วงนั้นไม่มีความตึงเครียด เขาจึงเปลี่ยนมาลอยลำวิ่งบนผิวน้ำแล้วเริ่มวิเคราะห์ทัศนียภาพชายฝั่งเทียบกับแผนที่โบราณต่างๆ ซึ่งต่อมามันนำมาด้วยสมมุติฐานของเขาที่เขย่าโลกว่า นักเดินเรือฝรั่งในยุคแรกๆ ของ Maritime เช่น วาสโกเดอกามา เจ้าชายเฮนรี่ โคลัมบัส..ฯ ล้วนเดินเรือด้วยแผนที่ที่คัดลอกมาจากแผนที่ของกองเรือเจิ้งเหอ เขาเขียนหนังสือยาว 500 หน้าชื่อ 1421 และแน่นอนว่า นี่เป็นการทำให้ประวัติศาสตร์การท่องสมุทรของชาวยุโรปเสื่อมเสียไปจากค่านิยมเดิม เกวิน เมนซีส์ถูกถล่มจากนักวิชาการตะวันตกแบบรุมสกรัม แต่น้าแกไม่สน หนังสือของแกติดอันดับขายดีมากอย่างรวดเร็ว และเขายักไหล่ใส่ "พวกคุณจะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป แต่ประชาชนอยู่กับผม..."
    .
    กลับไปที่จั่วหัว...
    อย่างที่เห็น พรสวรรค์ในด้านการค้าของจีนนั้น เป็นที่ประจักษ์ในประวัติศาสตร์โลกนับพันปี ชาติยุโรปลืมข้อเท็จจริงว่านวัตกรรมมากมายที่พวกเขาใช้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยเฉพาะแสนยานุภาพที่พวกฝรั่งนำไปใช้พิชิตชนชาติที่อ่อนแอกว่าอย่างเช่น ดินปืน ถ้าไม่มีดินปืน ก็ไม่มีปืน ไม่มีระเบิด นอกจากนั้นพวกตะวันตกยังโขมยความรู้จากจีนทุกวิถีทางตั้งแต่ยุคของมาร์โคโปโล โขมยแม้กระทั่งใบชา และพวกยุโรปรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะจีนอย่างขาวสะอาดได้ จึงใช้กลยุทธอันต่ำช้าด้วยการมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่จีนไม่เคยลืม และเตรียมตัวให้พร้อมมาตลอดนับสิบปีของการปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู
    .
    สงครามการค้าในตอนนี้ ที่ซึ่ง...
    - จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 759,000 ล้านดอลลาร์
    - สหรัฐเป็นหนี้จีนอยู่อีกมหาศาลและไม่มีปัญญาใช้คืน
    - ซัพพลายเชนมากมายของสหรัฐมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่
    - แรงงานในสหรัฐแทบไม่มีเลย แถมราคาแพงและไม่มีคุณภาพ
    จะผลิตอะไรเองก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะอีกนาน
    -ใครจะมาลงทุนเปิดโรงงานในอเมริกา ในเมื่อค่าแรงจะแพงมากแต่ด้อยทักษะ ง่อยและทำอะไรเองไม่เป็นมานานแล้ว
    - ถ้าแกผลิตเองไม่ได้แต่เที่ยวโขกภาษีจากคู่ค้าชาติอื่น สิ่งของที่คนอเมริกันต้องใช้ จะต้องจ่ายแพงทบทวี แม้กระทั่งกระดาษเช็ดขี้ที่พวกเอ็งเคยชักดิ้นชักงอเมื่อมันขาดตลาดตอนช่วงโควิดระบาด
    - ไอ้เบื้อกพวกนี้คงจำไม่ได้ว่าช่วงโควิด จีนห้ามเรือสินค้าต่างชาติเข้าเทียบท่า จนพวกนี้ไปออกันอยู่กลางทะเลหลายพันลำ เดือดร้อนชิบหายวายป่วง แต่จีนไม่เดือดร้อนอะไร
    - จีนมีประชากร 1400 ล้านคน เขาซื้อขายกันเองก็พอจะอยู่กันได้แล้ว แต่วันนี้จีนแบนไม่ให้หนังฮอลลีวู๊ดเข้าฉายในประเทศ ลูกค้า 1400 ล้านคนหายไปกับตา เดี๋ยวคงตามมาด้วยการแบนแบรนด์อื่นอย่าง KFC McDonald...
    - กลายเป็นว่า คนอเมริกันจะกลายเป็นผู้ใช้ iPhone ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครในโลก เพราะมันผลิตในจีน คิดว่าอินเดียจะพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ในปีนี้หรือ?
    - จีนผลิตไมโครชิพเองแล้ว มีขนาดเล็กกว่า มีประสิทธิภาพและความเร็วเหนือกว่าชิพของตะวันตก
    - จีนมีระบบปฏิบัติการโมบายล์ของจีนเองที่ทำงานได้ดีกว่าแอนดรอยด์เรียกว่า ฮาร์โมนี่
    - จีนพัฒนาระบบเชื่อมต่อดาวเทียมเป๋ยโต่ที่ล้ำหน้ากว่าจีพีเอสของตะวันตกมาก
    - จีนพัฒนาระบบชื่อ Near Link ที่ล้ำหน้าระบบ Bluetooth ไปไกลกว่าหลายเท่า
    - เอไอจีนแซงเอไอของตะวันตกไปแล้วเช่นกัน
    - แสนยานุภาพจีนกำลังแซงตะวันตกทุกนาทีที่ผ่านไป
    - เส้นทางการค้าใหม่ที่เรียก One Belt One Road ครอบคลุมเครือข่ายการค้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก โดยที่จีนไม่จำเป็นต้องค้าขายกับอเมริกา
    - ความก้าวหน้าทางโลจิสติกของจีนแซงอเมริกาไปนานแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครมีระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีเท่าจีน
    - ตลาดรถไฟฟ้าในโลก จีนคืออันดับหนึ่ง
    - เทคโนโลยีอวกาศของจีนแซงนาซ่าไปแล้ว จีนมีสถานีอวกาศของตัวเองที่ทันสมัยและก้าวหน้ากว่าชาติตะวันตก ในเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่โลกไม่เคยมองเห็น
    blablablabla......
    .
    ที่ร่ายมานี่ สงครามนี้จะลงเอยยังไง คนไทยก็ซวยอยู่ดี ขอให้รู้ไว้เถอะ
    ยิ่งไปเลียมัน พวกแกก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก
    แจกฟรีแล้วยังไม่ได้อะไรแบบเวียตนามเอาไหม
    เจ็บปวดหน่อย มันไม่ซื้อเรา ก็ไปขายคนอื่น
    ก็ให้มันเจ็บปวดบ้าง ด้วยการไม่ซื้อมัน
    เราตัวเล็ก ยักษ์ตีกันย่อมต้องโดนลูกหลง
    ต้องเอาความตัวเล็กมาเป็นความได้เปรียบ
    และเรามีความอุดมสมบูรณ์เป็นทรัพย์สมบัติ
    ใครมีไก่ มีไข่ มีผัก มีปลา คุณรอดแล้ว
    ให้พรุ่งนี้แม่งยิงปรมาณูกันก็เถอะ
    ส่วนไอ้พวกโง่ ไอ้พวกเด็กเมื่อวาน เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ
    ไม่ดูแลป้องกันประเทศ ชักนำภัยเข้าสู่ชาติบ้านเมือง
    มึงตายแน่ มีสาเหตุให้มึงตายเป็นร้อยเหตุ
    ในท่ามกลางความตึงเครียดของการขึ้นภาษีของทรัมพ์ต่อชาวโลก โดยเฉพาะกับจีนที่ตามมาด้วยการตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิง เขาพูดกัน "นี่คือสงครามการค้า" เหล่าบรรดาข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ใต้อุ้งตีนอเมริกาพากันถ่มถุย "จีนจะต้องย่อยยับในคราวนี้"...... . พวกนี้ไม่ได้สำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า ประชากรจีนโพ้นทะเล กระจายไปในโลกตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปแล้ว ก่อนยุคการล่าอาณานิคม ประชากรจีนโพ้นทะเลก็อยู่ในทุกแห่งหน ทำงานหนักและขยันขันแข็ง อดทน ไม่เกี่ยงความลำบาก พรสวรรค์ในด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์เพราะฝังรากลึกอยู่ในทุกดินแดน เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณคือเส้นทางสายไหมของจีน พวกเขาไม่ได้ไปด้วยการรุกราน ยึดครองดินแดนต่างๆ ด้วยแสนยานุภาพ แต่พวกเขาแพร่กระจายไปพร้อมกับแรงงานและการค้าขาย และมักตั้งตัวขึ้นมากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งกว่าชนชาติอื่นอยู่ในทุกทวีป . ก่อนการออกท่องสมุทรไปของพ่อค้าชาวยุโรปและอาหรับ นายพลเรือผู้หนึ่งของจีนนาม เจิ้งเหอ ออกเดินทางสมุทรยาตราด้วยกองเรือมหาสมบัติที่มีขนาดมหึมากว่าสามร้อยลำ ออกค้าขายไปทั่วทุกคาบสมุทร นักวิชาการหลายคนสันนิษฐานว่ากองเรือของเขาอาจไปถึงทวีปอเมริกาก่อนใคร แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์ดินแดนที่เขาเดินทางไปถึงก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้และพรสวรรค์ทางการค้า . ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1405 ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง.. เจิ้งเหอ ออกเดินทางเพื่อทำการค้าและสำรวจโลกทั้งสิ้น 7 ครั้ง ยาวนานและกินเวลาราว 28 ปี ไปถึงดินแดนต่างๆ ราว 37 ประเทศ ท่องมหาสมุทรไปมากกว่า 50,000 กิโลเมตร เรือสำเภา "เป่าฉวน" หรือที่เรียกว่าเรือมหาสมบัติของเขา ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง มันมีขนาดราว 400 ฟุต ใหญ่กว่าเรือซานตามาเรียของโคลัมบัสซึ่งยาวแค่ 85 ฟุตถึง 5 เท่า กองเรือของเขาประกอบด้วยเรือขนาดใหญ่ 60 ลำ และเรือขนาดเล็กอีก 255 ลำ ประมาณว่ามีลูกเรือทั้งหมดกว่า 27,870 คน เดินทางผ่านชายฝั่งฟุเกี้ยน ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆ เช่น จามปา เสียนหลอ (สยาม) มะละกา สมุทรา ชวา สุมาตรา ลังกา กาลิกัต... ผ่านทะเลอันดามัน เลาะฝั่งทะเลตะวันออกของชมพูทวีปเพื่อซื้อขายเครื่องเทศ ไปจนถึงเปอร์เซียและแอฟริกา หลักฐานปรากฏให้เห็นจากบันทึก ภาพเขียน และจากเครื่องบรรณาการที่เขานำกลับไปถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งได้รวมเอา สิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งเป็นสัตว์จากดินแดนเหล่านั้น . เจิ้งเหอ เดิมแช่หม่า เป็นมุสลิมเชื้อสายตระกูลขุนนางใหญ่จากอุซเบกที่อาศัยในยูนนาน มีชื่อมุสลิมว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ ต่อมาจักรพรรดิหย่งเล่อพระราชทานแซ่เจิ้ง จากบันทึกประมาณเวลาว่าเขามาถึงอยุธยาราวรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราช แต่คนไทยรู้จักในอีกชื่อว่า เจ้าพ่อซำปอกง ซึ่ง ซำปอกง นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเขา วัดที่มีชื่อว่าวัดซำปอกงหรือวัดพนัญเชิงวรวิหารในจังหวัดอยุธยานี้ เขาเป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธด้วยการถวายพระสูตรให้แก่วัดเก้าแห่ง แต่กระนั้น เจิ้งเหอเมื่อวายชนม์ก็ยังมีสถานะเป็นมุสลิม เพราะมีสุสานอย่างมุสลิมอยู่บนภูเขาที่นานกิง เขาเสียชีวิตที่อินเดียในปี 1432 เชื่อกันว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปิดกว้างทางศาสนาของเขา จึงทำให้เขาเข้าไปมีส่วนในการยุติความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาอิสลามของพ่อค้าและศาสนาพื้นถิ่นตามเมืองท่าต่างๆ ที่เขาผ่านไปหลายแห่ง ทำให้เมืองท่าเหล่านั้นยอมรับในความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น . เจิ้งเหอแม้จะเป็นขันที แต่พี่ชายของเขาได้ยกลูกชายและลูกสาวให้แก่เขา ปัจจุบันนี้มีทายาทในสกุลเจิ้งของเขาบางส่วนจากครอบครัวของทายาทรุ่นหลังที่ชื่อ เจิ้งชงหลิ่ง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย พวกเขายังคงเป็นมุสลิม ในหลวงรัชกาลที่หกพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เจิ้งชงหลิ่ง ว่า ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ ลูกหลานของเขาใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ . รูปปั้นหินที่เห็นจากภาพประกอบ เป็นอนุสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อย่างที่เคยเล่า มีหลักฐานว่าเมืองท่าโบราณแห่งนี้เขาเป็นคนตั้งขึ้น . เรื่องของเจิ้งเหอ ยังถูกหยิบมาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยนายพลเรือดำน้ำคนหนึ่งของราชนาวีอังกฤษ ชื่อ Gavin Menzies ที่ซึ่งปกติเรือดำน้ำของเขามีหน้าที่ลาดตระเวณไปทั่วโลกด้วยการดำอย่างเงียบเชียบ แต่คิดว่าเขาคงจะว่างมากนั่นแหละในภาวะที่โลกในช่วงนั้นไม่มีความตึงเครียด เขาจึงเปลี่ยนมาลอยลำวิ่งบนผิวน้ำแล้วเริ่มวิเคราะห์ทัศนียภาพชายฝั่งเทียบกับแผนที่โบราณต่างๆ ซึ่งต่อมามันนำมาด้วยสมมุติฐานของเขาที่เขย่าโลกว่า นักเดินเรือฝรั่งในยุคแรกๆ ของ Maritime เช่น วาสโกเดอกามา เจ้าชายเฮนรี่ โคลัมบัส..ฯ ล้วนเดินเรือด้วยแผนที่ที่คัดลอกมาจากแผนที่ของกองเรือเจิ้งเหอ เขาเขียนหนังสือยาว 500 หน้าชื่อ 1421 และแน่นอนว่า นี่เป็นการทำให้ประวัติศาสตร์การท่องสมุทรของชาวยุโรปเสื่อมเสียไปจากค่านิยมเดิม เกวิน เมนซีส์ถูกถล่มจากนักวิชาการตะวันตกแบบรุมสกรัม แต่น้าแกไม่สน หนังสือของแกติดอันดับขายดีมากอย่างรวดเร็ว และเขายักไหล่ใส่ "พวกคุณจะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป แต่ประชาชนอยู่กับผม..." . กลับไปที่จั่วหัว... อย่างที่เห็น พรสวรรค์ในด้านการค้าของจีนนั้น เป็นที่ประจักษ์ในประวัติศาสตร์โลกนับพันปี ชาติยุโรปลืมข้อเท็จจริงว่านวัตกรรมมากมายที่พวกเขาใช้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยเฉพาะแสนยานุภาพที่พวกฝรั่งนำไปใช้พิชิตชนชาติที่อ่อนแอกว่าอย่างเช่น ดินปืน ถ้าไม่มีดินปืน ก็ไม่มีปืน ไม่มีระเบิด นอกจากนั้นพวกตะวันตกยังโขมยความรู้จากจีนทุกวิถีทางตั้งแต่ยุคของมาร์โคโปโล โขมยแม้กระทั่งใบชา และพวกยุโรปรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะจีนอย่างขาวสะอาดได้ จึงใช้กลยุทธอันต่ำช้าด้วยการมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่จีนไม่เคยลืม และเตรียมตัวให้พร้อมมาตลอดนับสิบปีของการปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู . สงครามการค้าในตอนนี้ ที่ซึ่ง... - จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 759,000 ล้านดอลลาร์ - สหรัฐเป็นหนี้จีนอยู่อีกมหาศาลและไม่มีปัญญาใช้คืน - ซัพพลายเชนมากมายของสหรัฐมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่ - แรงงานในสหรัฐแทบไม่มีเลย แถมราคาแพงและไม่มีคุณภาพ จะผลิตอะไรเองก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะอีกนาน -ใครจะมาลงทุนเปิดโรงงานในอเมริกา ในเมื่อค่าแรงจะแพงมากแต่ด้อยทักษะ ง่อยและทำอะไรเองไม่เป็นมานานแล้ว - ถ้าแกผลิตเองไม่ได้แต่เที่ยวโขกภาษีจากคู่ค้าชาติอื่น สิ่งของที่คนอเมริกันต้องใช้ จะต้องจ่ายแพงทบทวี แม้กระทั่งกระดาษเช็ดขี้ที่พวกเอ็งเคยชักดิ้นชักงอเมื่อมันขาดตลาดตอนช่วงโควิดระบาด - ไอ้เบื้อกพวกนี้คงจำไม่ได้ว่าช่วงโควิด จีนห้ามเรือสินค้าต่างชาติเข้าเทียบท่า จนพวกนี้ไปออกันอยู่กลางทะเลหลายพันลำ เดือดร้อนชิบหายวายป่วง แต่จีนไม่เดือดร้อนอะไร - จีนมีประชากร 1400 ล้านคน เขาซื้อขายกันเองก็พอจะอยู่กันได้แล้ว แต่วันนี้จีนแบนไม่ให้หนังฮอลลีวู๊ดเข้าฉายในประเทศ ลูกค้า 1400 ล้านคนหายไปกับตา เดี๋ยวคงตามมาด้วยการแบนแบรนด์อื่นอย่าง KFC McDonald... - กลายเป็นว่า คนอเมริกันจะกลายเป็นผู้ใช้ iPhone ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครในโลก เพราะมันผลิตในจีน คิดว่าอินเดียจะพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ในปีนี้หรือ? - จีนผลิตไมโครชิพเองแล้ว มีขนาดเล็กกว่า มีประสิทธิภาพและความเร็วเหนือกว่าชิพของตะวันตก - จีนมีระบบปฏิบัติการโมบายล์ของจีนเองที่ทำงานได้ดีกว่าแอนดรอยด์เรียกว่า ฮาร์โมนี่ - จีนพัฒนาระบบเชื่อมต่อดาวเทียมเป๋ยโต่ที่ล้ำหน้ากว่าจีพีเอสของตะวันตกมาก - จีนพัฒนาระบบชื่อ Near Link ที่ล้ำหน้าระบบ Bluetooth ไปไกลกว่าหลายเท่า - เอไอจีนแซงเอไอของตะวันตกไปแล้วเช่นกัน - แสนยานุภาพจีนกำลังแซงตะวันตกทุกนาทีที่ผ่านไป - เส้นทางการค้าใหม่ที่เรียก One Belt One Road ครอบคลุมเครือข่ายการค้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก โดยที่จีนไม่จำเป็นต้องค้าขายกับอเมริกา - ความก้าวหน้าทางโลจิสติกของจีนแซงอเมริกาไปนานแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครมีระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีเท่าจีน - ตลาดรถไฟฟ้าในโลก จีนคืออันดับหนึ่ง - เทคโนโลยีอวกาศของจีนแซงนาซ่าไปแล้ว จีนมีสถานีอวกาศของตัวเองที่ทันสมัยและก้าวหน้ากว่าชาติตะวันตก ในเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่โลกไม่เคยมองเห็น blablablabla...... . ที่ร่ายมานี่ สงครามนี้จะลงเอยยังไง คนไทยก็ซวยอยู่ดี ขอให้รู้ไว้เถอะ ยิ่งไปเลียมัน พวกแกก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก แจกฟรีแล้วยังไม่ได้อะไรแบบเวียตนามเอาไหม เจ็บปวดหน่อย มันไม่ซื้อเรา ก็ไปขายคนอื่น ก็ให้มันเจ็บปวดบ้าง ด้วยการไม่ซื้อมัน เราตัวเล็ก ยักษ์ตีกันย่อมต้องโดนลูกหลง ต้องเอาความตัวเล็กมาเป็นความได้เปรียบ และเรามีความอุดมสมบูรณ์เป็นทรัพย์สมบัติ ใครมีไก่ มีไข่ มีผัก มีปลา คุณรอดแล้ว ให้พรุ่งนี้แม่งยิงปรมาณูกันก็เถอะ ส่วนไอ้พวกโง่ ไอ้พวกเด็กเมื่อวาน เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ ไม่ดูแลป้องกันประเทศ ชักนำภัยเข้าสู่ชาติบ้านเมือง มึงตายแน่ มีสาเหตุให้มึงตายเป็นร้อยเหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 พฤษภาคม 2568- รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์สำคัญเรื่อง การเลือกตั้งเทศบาลในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของการเมืองท้องถิ่นในประเทศไทยที่ยังคงมีลักษณะผสมผสานระหว่างความต่อเนื่องของโครงสร้างอำนาจเดิมและสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มปรากฏในบางพื้นที่ จากข้อมูลสามารถวิเคราะห์เบื้องต้นได้ดังนี้

    ภาพรวมพฤติกรรมการเลือกตั้ง

    1 ความต่อเนื่องของระบบอุปถัมภ์และบ้านใหญ่

    พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ยังคงยึดโยงกับนักการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพล หรือ “บ้านใหญ่” ซึ่งใช้อำนาจผ่านระบบอุปถัมภ์ (patronage system) และการซื้อเสียงเพื่อรักษาฐานอำนาจ

    ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่า “แชมป์เก่า” หรือผู้ดำรงตำแหน่งเดิมส่วนใหญ่ยังคงรักษาเก้าอี้ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีตระกูลการเมืองครอบงำมายาวนาน

    การซื้อเสียงยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยมีการร้องเรียนและหลักฐานที่ปรากฏในบางพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีรายงานการจ่ายเงินหัวละ 3,000 บาท การซื้อเสียงนี้ถูกมองว่าเป็น “ความปกติ” ในบริบทการเลือกตั้งท้องถิ่นไทย

    2 สัญญาณการเปลี่ยนแปลง

    แม้ระบบบ้านใหญ่จะยังครองอำนาจ แต่บางพื้นที่เริ่มแสดงถึงความต้องการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคประชาชน (เดิมคือพรรคก้าวไกล) ซึ่งมีฐานจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ไม่พอใจกับการเมืองแบบเดิม

    พรรคประชาชนได้รับชัยชนะในเทศบาลเมือง 5 แห่ง และเทศบาลตำบล 9 แห่ง จากทั้งหมด 95 แห่งที่ส่งผู้สมัคร คิดเป็นประมาณ 15% ของพื้นที่ที่ลงแข่ง

    ชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ เช่น สมุทรปราการ สะท้อนถึงฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับผลการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 ที่พรรคนี้มีคะแนนนิยมสูง

    3 ความท้าทายของพรรคประชาชน

    ผลการเลือกตั้งที่ได้เพียง 15% จากพื้นที่ที่ลงสมัคร แสดงว่าพรรคประชาชนยังเผชิญความท้าทายในการเจาะฐานคะแนนในพื้นที่ที่มีระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึก

    การเลือกตั้งท้องถิ่นเน้นที่ตัวบุคคลและความสัมพันธ์ในชุมชนมากกว่านโยบายระดับชาติ ซึ่งพรรคประชาชนอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความยึดโยงกับชุมชนให้มากขึ้น

    4 ข้อสังเกตและแนวโน้มในอนาคต
    พฤติกรรมการเลือกตั้งแบบคู่ขนาน: ประชาชนบางส่วนแยกการตัดสินใจระหว่างการเลือกตั้งระดับชาติ (เน้นพรรคและนโยบาย) และระดับท้องถิ่น (เน้นตัวบุคคลและผลงาน) ส่งผลให้พรรคที่แข็งแกร่งในระดับชาติ เช่น พรรคประชาชน อาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในระดับท้องถิ่น

    สัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้น: การที่พรรคประชาชนได้รับชัยชนะใน 14 เทศบาลจาก 95 แห่งที่ลงสมัคร แม้จะไม่ถึงเป้าหมาย แต่ก็แสดงถึงการเริ่มต้นของการท้าทายอำนาจเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฐานสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ต่อต้านการเมืองบ้านใหญ่

    การซื้อเสียง: การซื้อเสียงยังคงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการเมืองท้องถิ่นที่โปร่งใส การร้องเรียนในพื้นที่อย่างกาฬสินธุ์และสงขลา บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น

    5 สรุป
    การเลือกตั้งเทศบาล 2568 แสดงให้เห็นถึงความทนทานของโครงสร้างอำนาจแบบบ้านใหญ่และระบบอุปถัมภ์ที่ยังครองการเมืองท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏผ่านชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางกลุ่มที่มองหาทางเลือกใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจต้องใช้เวลาและการทำงานในระดับชุมชนที่เข้มข้นขึ้นเพื่อทลายโครงสร้างอำนาจเดิม ในอนาคต การเลือกตั้งท้องถิ่นจะยังคงเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนพลวัตระหว่างความเก่ากับความใหม่ของการเมืองไทย
    12 พฤษภาคม 2568- รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์สำคัญเรื่อง การเลือกตั้งเทศบาลในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของการเมืองท้องถิ่นในประเทศไทยที่ยังคงมีลักษณะผสมผสานระหว่างความต่อเนื่องของโครงสร้างอำนาจเดิมและสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มปรากฏในบางพื้นที่ จากข้อมูลสามารถวิเคราะห์เบื้องต้นได้ดังนี้ ภาพรวมพฤติกรรมการเลือกตั้ง 1 ความต่อเนื่องของระบบอุปถัมภ์และบ้านใหญ่ พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ยังคงยึดโยงกับนักการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพล หรือ “บ้านใหญ่” ซึ่งใช้อำนาจผ่านระบบอุปถัมภ์ (patronage system) และการซื้อเสียงเพื่อรักษาฐานอำนาจ ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่า “แชมป์เก่า” หรือผู้ดำรงตำแหน่งเดิมส่วนใหญ่ยังคงรักษาเก้าอี้ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีตระกูลการเมืองครอบงำมายาวนาน การซื้อเสียงยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยมีการร้องเรียนและหลักฐานที่ปรากฏในบางพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีรายงานการจ่ายเงินหัวละ 3,000 บาท การซื้อเสียงนี้ถูกมองว่าเป็น “ความปกติ” ในบริบทการเลือกตั้งท้องถิ่นไทย 2 สัญญาณการเปลี่ยนแปลง แม้ระบบบ้านใหญ่จะยังครองอำนาจ แต่บางพื้นที่เริ่มแสดงถึงความต้องการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคประชาชน (เดิมคือพรรคก้าวไกล) ซึ่งมีฐานจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ไม่พอใจกับการเมืองแบบเดิม พรรคประชาชนได้รับชัยชนะในเทศบาลเมือง 5 แห่ง และเทศบาลตำบล 9 แห่ง จากทั้งหมด 95 แห่งที่ส่งผู้สมัคร คิดเป็นประมาณ 15% ของพื้นที่ที่ลงแข่ง ชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ เช่น สมุทรปราการ สะท้อนถึงฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับผลการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 ที่พรรคนี้มีคะแนนนิยมสูง 3 ความท้าทายของพรรคประชาชน ผลการเลือกตั้งที่ได้เพียง 15% จากพื้นที่ที่ลงสมัคร แสดงว่าพรรคประชาชนยังเผชิญความท้าทายในการเจาะฐานคะแนนในพื้นที่ที่มีระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึก การเลือกตั้งท้องถิ่นเน้นที่ตัวบุคคลและความสัมพันธ์ในชุมชนมากกว่านโยบายระดับชาติ ซึ่งพรรคประชาชนอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความยึดโยงกับชุมชนให้มากขึ้น 4 ข้อสังเกตและแนวโน้มในอนาคต พฤติกรรมการเลือกตั้งแบบคู่ขนาน: ประชาชนบางส่วนแยกการตัดสินใจระหว่างการเลือกตั้งระดับชาติ (เน้นพรรคและนโยบาย) และระดับท้องถิ่น (เน้นตัวบุคคลและผลงาน) ส่งผลให้พรรคที่แข็งแกร่งในระดับชาติ เช่น พรรคประชาชน อาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในระดับท้องถิ่น สัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้น: การที่พรรคประชาชนได้รับชัยชนะใน 14 เทศบาลจาก 95 แห่งที่ลงสมัคร แม้จะไม่ถึงเป้าหมาย แต่ก็แสดงถึงการเริ่มต้นของการท้าทายอำนาจเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฐานสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ต่อต้านการเมืองบ้านใหญ่ การซื้อเสียง: การซื้อเสียงยังคงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการเมืองท้องถิ่นที่โปร่งใส การร้องเรียนในพื้นที่อย่างกาฬสินธุ์และสงขลา บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น 5 สรุป การเลือกตั้งเทศบาล 2568 แสดงให้เห็นถึงความทนทานของโครงสร้างอำนาจแบบบ้านใหญ่และระบบอุปถัมภ์ที่ยังครองการเมืองท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏผ่านชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางกลุ่มที่มองหาทางเลือกใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจต้องใช้เวลาและการทำงานในระดับชุมชนที่เข้มข้นขึ้นเพื่อทลายโครงสร้างอำนาจเดิม ในอนาคต การเลือกตั้งท้องถิ่นจะยังคงเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนพลวัตระหว่างความเก่ากับความใหม่ของการเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไหนๆ คราวที่แล้วคุยกันเรื่องบทกวีแล้ว วันนี้ต่ออีกสักเรื่อง สืบเนื่องจาก Storyฯ เกิดความ ‘เอ๊ะ’ เกี่ยวกับชื่อภาษาจีนของละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> ซึ่งชื่อจีนนั้นยาวมาก อ่านว่า ‘จือโฝ่ว จือโฝ่ว อิ้งซื่อลวี่เฝยหงโซ่ว’ (知否 知否 应是绿肥红瘦) แปลได้ตรงตัวว่า ‘รู้หรือไม่ รู้หรือไม่ ควรเป็นสีเขียวอ้วนหนาสีแดงผอมบาง’

    เป็นชื่อเรื่องที่แปลกประหลาดใช่ไหม?

    Storyฯ ไปทำการบ้านมา พบว่าประโยค ‘จือโฝ่วฯ’ นี้เป็นวรรคสุดท้ายของบทกวีในสมัยซ่งเหนือที่มีชื่อว่า ‘หรูเมิ่งลิ่ง:จั่วเยี่ยอวี่ซูเฟิงโจ้ว’ (如梦令·昨夜雨疏风骤) มีทั้งหมด 33 อักษร ประพันธ์โดยนักกวีหญิงซึ่งเป็นหนึ่งในกวีเอกของจีนโบราณ เธอคือหลี่ชิงเจ้า (ค.ศ. 1084-1155)

    บทกวีนี้เป็นผลงานยุคแรกๆ ของเธอ เป็นกลอนสั้นในรูปแบบที่เรียกว่า ‘ซ่งฉือ’ (宋词) ซึ่งจริงๆ แล้วสไตล์นี้มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉิน แต่มานิยมอย่างแพร่หลายในสมัยราชวงศ์ซ่ง เรียกได้ว่า บทกวีในสมัยถังส่วนใหญ่คือ ‘ซือ’ (诗) และของสมัยซ่งส่วนใหญ่คือ ‘ฉือ’ (词)

    ‘ซือ’ (诗) แตกต่างจาก ‘ฉือ’ (词) อย่างไร?

    ‘ซือ’ (诗) ซึ่งนิยมในสมัยถังหรือที่เรียกกันว่า ‘ถังซือ’ เป็นสไตล์ที่โดยปกติมีความยาวจำนวนอักษรเท่ากันทุกวรรค มีความคล้องจองแบบโคลงกลอนที่เราคุ้นเคย (เช่นโคลงห้าที่ Storyฯ เคยเขียนถึงไปแล้วในเรื่องที่เกี่ยวกับละคร <ทุกชาติภพฯ>) แต่ ‘ฉือ’เป็นบทกวีที่มีความยาวสั้นไม่เท่ากันทุกวรรค แม้ว่าจะมีการกำหนดรูปแบบจำนวนอักษรและจุดที่คล้องจอง เดิมประพันธ์ขึ้นเพื่ออ่านเล่นยามบรรเลงดนตรี ความคล้องจองของวลีและความยาวสั้นจึงเน้นให้เข้ากับท่วงทำนองดนตรีเป็นหลัก ดังนั้น แรกเริ่มเลย ‘ฉือ’ จึงถูกมองว่าฉาบฉวยกว่า ในขณะที่ ‘ซือ’ ถูกมองว่าเป็นศิลปะอักษรขั้นสูงของผู้ที่มีการศึกษาซึ่งเน้นเนื้อหาเชิงปรัชญา แต่ ‘ฉือ’ เน้นบรรยายอารมณ์

    ‘หรูเมิ่งลิ่ง:จั่วเยี่ยอวี่ซูเฟิงโจ้ว’ โดยสรุปเป็นการบรรยายโดยกวีหญิงของเราว่า เมื่อคืนที่ฝนพรำแต่ลมแรงผ่านพ้นไป นางตื่นขึ้นมาแต่ยังรู้สึกไม่สร่างเมานัก ลองถามสาวใช้ว่านอกห้องเป็นอย่างไรบ้าง สาวใช้บอกว่าดอกไห่ถัง (ดอกแอปเปิ้ลชนิดหนึ่ง) ยังคงเดิม แต่นางไม่เชื่อ กลับพึมพำกึ่งบ่นด้วยอารมณ์เสียดายว่า จริงแล้วคงจะเป็นภาพของดอกไม้ที่ร่วงเกือบหมด (คือ ‘สีแดงผอมบาง’ ในบทกวี) เหลือแต่ใบสีเขียว (คือ ‘สีเขียวอ้วนหนา’ ในบทกวี)

    บทกวีนี้โด่งดังมาก เพราะเลือกใช้คำที่สะท้อนความรู้สึกได้ดี มีการใช้คำที่แปลก (เช่น ใช้คำว่า ‘อ้วนหนา’ และ ‘ผอมบาง’ ที่ปกติใช้บรรยายรูปร่างของคนมาบรรยายต้นไม้ดอกไม้) และสามารถสะท้อนถึงความรู้สึกเสียดายบุปผา (ซึ่งอาจหมายถึงช่วงเวลาที่เบ่งบานของสตรี) ที่ถูกซัดร่วงด้วยลมแรง

    เมื่อถูกนำมาใช้เป็นชื่อนิยายเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> นี้ เราจะรู้สึกได้ทันทีว่านี่เป็นเรื่องราวของบุปผาที่ต้องเผชิญกับลมแรง เป็นการสะท้อนถึงเรื่องราวของหมิงหลันและพี่สาวตระกูลเสิ้งที่ต้องเผชิญกับมรสุมชีวิต เฉกเช่นดอกไห่ถังที่บ้างก็ร่วงโรย บ้างก็คงอยู่ได้ภายหลังมรสุมผ่านพ้นไป

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://k.sina.cn/article_5039775130_p12c64dd9a02700mi8d.html
    https://m.baobeibaobei.com/zaojiao/13829.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.yiyiwenku.com/p/25984.html
    http://www.360doc.com/content/16/0329/06/6956316_546147932.shtml
    http://www.guoxuemeng.com/mingju/440922.html
    https://m.baobeibaobei.com/zaojiao/13829.html
    https://k.sina.cn/article_6401504340_17d8f345400100fpi0.html

    #หมิงหลัน #จือโฝ่ว #ซ่งฉือ #กวีซ่ง #หลี่ชิงเจ้า #ถังซือ #กวีถัง
    ไหนๆ คราวที่แล้วคุยกันเรื่องบทกวีแล้ว วันนี้ต่ออีกสักเรื่อง สืบเนื่องจาก Storyฯ เกิดความ ‘เอ๊ะ’ เกี่ยวกับชื่อภาษาจีนของละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> ซึ่งชื่อจีนนั้นยาวมาก อ่านว่า ‘จือโฝ่ว จือโฝ่ว อิ้งซื่อลวี่เฝยหงโซ่ว’ (知否 知否 应是绿肥红瘦) แปลได้ตรงตัวว่า ‘รู้หรือไม่ รู้หรือไม่ ควรเป็นสีเขียวอ้วนหนาสีแดงผอมบาง’ เป็นชื่อเรื่องที่แปลกประหลาดใช่ไหม? Storyฯ ไปทำการบ้านมา พบว่าประโยค ‘จือโฝ่วฯ’ นี้เป็นวรรคสุดท้ายของบทกวีในสมัยซ่งเหนือที่มีชื่อว่า ‘หรูเมิ่งลิ่ง:จั่วเยี่ยอวี่ซูเฟิงโจ้ว’ (如梦令·昨夜雨疏风骤) มีทั้งหมด 33 อักษร ประพันธ์โดยนักกวีหญิงซึ่งเป็นหนึ่งในกวีเอกของจีนโบราณ เธอคือหลี่ชิงเจ้า (ค.ศ. 1084-1155) บทกวีนี้เป็นผลงานยุคแรกๆ ของเธอ เป็นกลอนสั้นในรูปแบบที่เรียกว่า ‘ซ่งฉือ’ (宋词) ซึ่งจริงๆ แล้วสไตล์นี้มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉิน แต่มานิยมอย่างแพร่หลายในสมัยราชวงศ์ซ่ง เรียกได้ว่า บทกวีในสมัยถังส่วนใหญ่คือ ‘ซือ’ (诗) และของสมัยซ่งส่วนใหญ่คือ ‘ฉือ’ (词) ‘ซือ’ (诗) แตกต่างจาก ‘ฉือ’ (词) อย่างไร? ‘ซือ’ (诗) ซึ่งนิยมในสมัยถังหรือที่เรียกกันว่า ‘ถังซือ’ เป็นสไตล์ที่โดยปกติมีความยาวจำนวนอักษรเท่ากันทุกวรรค มีความคล้องจองแบบโคลงกลอนที่เราคุ้นเคย (เช่นโคลงห้าที่ Storyฯ เคยเขียนถึงไปแล้วในเรื่องที่เกี่ยวกับละคร <ทุกชาติภพฯ>) แต่ ‘ฉือ’เป็นบทกวีที่มีความยาวสั้นไม่เท่ากันทุกวรรค แม้ว่าจะมีการกำหนดรูปแบบจำนวนอักษรและจุดที่คล้องจอง เดิมประพันธ์ขึ้นเพื่ออ่านเล่นยามบรรเลงดนตรี ความคล้องจองของวลีและความยาวสั้นจึงเน้นให้เข้ากับท่วงทำนองดนตรีเป็นหลัก ดังนั้น แรกเริ่มเลย ‘ฉือ’ จึงถูกมองว่าฉาบฉวยกว่า ในขณะที่ ‘ซือ’ ถูกมองว่าเป็นศิลปะอักษรขั้นสูงของผู้ที่มีการศึกษาซึ่งเน้นเนื้อหาเชิงปรัชญา แต่ ‘ฉือ’ เน้นบรรยายอารมณ์ ‘หรูเมิ่งลิ่ง:จั่วเยี่ยอวี่ซูเฟิงโจ้ว’ โดยสรุปเป็นการบรรยายโดยกวีหญิงของเราว่า เมื่อคืนที่ฝนพรำแต่ลมแรงผ่านพ้นไป นางตื่นขึ้นมาแต่ยังรู้สึกไม่สร่างเมานัก ลองถามสาวใช้ว่านอกห้องเป็นอย่างไรบ้าง สาวใช้บอกว่าดอกไห่ถัง (ดอกแอปเปิ้ลชนิดหนึ่ง) ยังคงเดิม แต่นางไม่เชื่อ กลับพึมพำกึ่งบ่นด้วยอารมณ์เสียดายว่า จริงแล้วคงจะเป็นภาพของดอกไม้ที่ร่วงเกือบหมด (คือ ‘สีแดงผอมบาง’ ในบทกวี) เหลือแต่ใบสีเขียว (คือ ‘สีเขียวอ้วนหนา’ ในบทกวี) บทกวีนี้โด่งดังมาก เพราะเลือกใช้คำที่สะท้อนความรู้สึกได้ดี มีการใช้คำที่แปลก (เช่น ใช้คำว่า ‘อ้วนหนา’ และ ‘ผอมบาง’ ที่ปกติใช้บรรยายรูปร่างของคนมาบรรยายต้นไม้ดอกไม้) และสามารถสะท้อนถึงความรู้สึกเสียดายบุปผา (ซึ่งอาจหมายถึงช่วงเวลาที่เบ่งบานของสตรี) ที่ถูกซัดร่วงด้วยลมแรง เมื่อถูกนำมาใช้เป็นชื่อนิยายเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> นี้ เราจะรู้สึกได้ทันทีว่านี่เป็นเรื่องราวของบุปผาที่ต้องเผชิญกับลมแรง เป็นการสะท้อนถึงเรื่องราวของหมิงหลันและพี่สาวตระกูลเสิ้งที่ต้องเผชิญกับมรสุมชีวิต เฉกเช่นดอกไห่ถังที่บ้างก็ร่วงโรย บ้างก็คงอยู่ได้ภายหลังมรสุมผ่านพ้นไป (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://k.sina.cn/article_5039775130_p12c64dd9a02700mi8d.html https://m.baobeibaobei.com/zaojiao/13829.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.yiyiwenku.com/p/25984.html http://www.360doc.com/content/16/0329/06/6956316_546147932.shtml http://www.guoxuemeng.com/mingju/440922.html https://m.baobeibaobei.com/zaojiao/13829.html https://k.sina.cn/article_6401504340_17d8f345400100fpi0.html #หมิงหลัน #จือโฝ่ว #ซ่งฉือ #กวีซ่ง #หลี่ชิงเจ้า #ถังซือ #กวีถัง
    赵丽颖主演的《知否知否应是绿肥红瘦》竟然已经重播39次了
    赵丽颖主演的《知否知否应是绿肥红瘦》竟然已经重播39次了,小赵也太能打了吧!这个成绩是真的亮眼 ​
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมอย่างเป็นทางการแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000044275

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมอย่างเป็นทางการแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000044275 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 525 มุมมอง 0 รีวิว
  • GeForce RTX 5090: พลังในการถอดรหัสผ่านที่เร็วขึ้นสองเท่า Hive Systems ได้เผยแพร่ Password Table ประจำปี 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า GeForce RTX 5090 สามารถถอดรหัสผ่านได้เร็วขึ้นถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับ RTX 4090 โดยใช้ 12 GPU ในการทดสอบกับฟังก์ชัน bcrypt

    แม้ว่าการเข้ารหัสผ่านจะช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ ฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทำให้การถอดรหัสผ่านง่ายขึ้น ส่งผลให้ ผู้ใช้ต้องเลือกใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและยาวขึ้นเพื่อความปลอดภัย

    ✅ GeForce RTX 5090 สามารถถอดรหัสผ่านได้เร็วขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับ RTX 4090
    - ใช้ 12 GPU ในการทดสอบกับฟังก์ชัน bcrypt

    ✅ รหัสผ่านที่มีเพียงตัวเลข 8 หลักสามารถถูกถอดรหัสได้ภายใน 15 นาที
    - หากใช้ ตัวอักษรพิมพ์เล็ก จะใช้เวลาถอดรหัสประมาณ 3 สัปดาห์

    ✅ รหัสผ่านที่มีตัวเลขและตัวอักษรต้องใช้เวลาถอดรหัสถึง 62 ปี
    - หากเพิ่ม สัญลักษณ์เข้าไป จะใช้เวลาถอดรหัสถึง 164 ปี

    ✅ Hive Systems เปรียบเทียบประสิทธิภาพของ RTX 5090 กับ RTX 4090
    - พบว่า RTX 5090 มีประสิทธิภาพสูงขึ้น 33% ในการถอดรหัสผ่าน

    ✅ การใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล
    - ควร ใช้รหัสผ่านที่มีตัวเลข, ตัวอักษรพิมพ์เล็ก-ใหญ่ และสัญลักษณ์

    https://www.techspot.com/news/107867-geforce-rtx-5090-cracks-passwords-up-twice-fast.html
    GeForce RTX 5090: พลังในการถอดรหัสผ่านที่เร็วขึ้นสองเท่า Hive Systems ได้เผยแพร่ Password Table ประจำปี 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า GeForce RTX 5090 สามารถถอดรหัสผ่านได้เร็วขึ้นถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับ RTX 4090 โดยใช้ 12 GPU ในการทดสอบกับฟังก์ชัน bcrypt แม้ว่าการเข้ารหัสผ่านจะช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ ฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทำให้การถอดรหัสผ่านง่ายขึ้น ส่งผลให้ ผู้ใช้ต้องเลือกใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและยาวขึ้นเพื่อความปลอดภัย ✅ GeForce RTX 5090 สามารถถอดรหัสผ่านได้เร็วขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับ RTX 4090 - ใช้ 12 GPU ในการทดสอบกับฟังก์ชัน bcrypt ✅ รหัสผ่านที่มีเพียงตัวเลข 8 หลักสามารถถูกถอดรหัสได้ภายใน 15 นาที - หากใช้ ตัวอักษรพิมพ์เล็ก จะใช้เวลาถอดรหัสประมาณ 3 สัปดาห์ ✅ รหัสผ่านที่มีตัวเลขและตัวอักษรต้องใช้เวลาถอดรหัสถึง 62 ปี - หากเพิ่ม สัญลักษณ์เข้าไป จะใช้เวลาถอดรหัสถึง 164 ปี ✅ Hive Systems เปรียบเทียบประสิทธิภาพของ RTX 5090 กับ RTX 4090 - พบว่า RTX 5090 มีประสิทธิภาพสูงขึ้น 33% ในการถอดรหัสผ่าน ✅ การใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล - ควร ใช้รหัสผ่านที่มีตัวเลข, ตัวอักษรพิมพ์เล็ก-ใหญ่ และสัญลักษณ์ https://www.techspot.com/news/107867-geforce-rtx-5090-cracks-passwords-up-twice-fast.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    GeForce RTX 5090 cracks passwords up to twice as fast as the RTX 4090
    Security company Hive Systems has been pushing the boundaries of password cracking using the latest GPU hardware since 2020. Its most recent Hive Systems Password Table update...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีต่อไป กรุงเทพอภิวัฒน์ - KL Sentral

    การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เข้าพบ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของมาเลเซีย จะร่วมกันกลับมาเปิดให้บริการรถไฟ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวิร์ธ รัฐปีนัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม คาดว่าจะเปิดให้บริการเที่ยวแรกภายในเดือน ก.ค. 2568 เป็นผลมาจากการประชุมร่วมระหว่าง ร.ฟ.ท. และ KTM Berhad ครั้งที่ 42 (KTMB-SRT Joint Conference) เมื่อเดือน ส.ค.2567

    ถือเป็นการฟื้นการเดินรถไฟสายกรุงเทพฯ-ปีนัง กลับมาอีกครั้ง หลังเคยเปิดการเดินรถมาตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.2465 เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 94 ปี ก่อนยกเลิกจำหน่ายตั๋วรถไฟไปสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2559 เป็นต้นมา หลังจากประเทศมาเลเซียได้ปรับปรุงทางรถไฟทางคู่ระบบปิด ก่อนให้บริการรถไฟแบบ ETS ซึ่งเป็นรถไฟด่วนพิเศษ และ KTM Komuter ซึ่งเป็นรถไฟธรรมดา ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ขบวนรถที่ 45/46 จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ปลายทางของรถไฟทางไกลในปัจจุบัน ไปยังสถานีปลายทางปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส เท่านั้น

    ที่น่าสนใจก็คือ รายงานข่าวจากสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซีย นายโลค เปิดเผยว่า มีแผนจะกลับมาเปิดให้บริการรถไฟทางไกล ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย อีกครั้งในปี 2568 ซึ่ง KTM Berhad และ ร.ฟ.ท. จะใช้เวลาเตรียมการเบื้องต้น 3 เดือน แม้การดำเนินการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องสร้างเส้นทางรถไฟใหม่ แต่จำเป็นต้องมีการประสานงาน การทำการตลาดร่วมกัน และการออกตั๋วโดยสารร่วมกันระหว่างสองประเทศ

    ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยได้เสนอให้ขยายบริการรถไฟทางไกล จากสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) และเมืองปาเซร์มัส (Pasir Mas) รัฐกลันตันในมาเลเซีย ซึ่งตนยินดีรับข้อเสนอนี้ เนื่องจากถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่มีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และปรับปรุงคุณภาพชีวิตในพื้นที่ชายแดน แต่จะต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมเพื่อฟื้นฟูเส้นทางรถไฟระหว่างสุไหงโก-ลก รันเตาปันยัง และปาเซร์มัส เนื่องจากต้องมีการบูรณะรางรถไฟที่ไม่ได้ใช้งานมานานในเมืองรันเตาปันยังและสุไหงโก-ลก

    ปัจจุบัน สถานีปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย มีบริการรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปยังสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ วันละ 5 ขบวน ปลายทางไกลที่สุดคือสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์

    #Newskit

    หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 12 พ.ค. 2568
    สถานีต่อไป กรุงเทพอภิวัฒน์ - KL Sentral การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เข้าพบ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของมาเลเซีย จะร่วมกันกลับมาเปิดให้บริการรถไฟ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวิร์ธ รัฐปีนัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม คาดว่าจะเปิดให้บริการเที่ยวแรกภายในเดือน ก.ค. 2568 เป็นผลมาจากการประชุมร่วมระหว่าง ร.ฟ.ท. และ KTM Berhad ครั้งที่ 42 (KTMB-SRT Joint Conference) เมื่อเดือน ส.ค.2567 ถือเป็นการฟื้นการเดินรถไฟสายกรุงเทพฯ-ปีนัง กลับมาอีกครั้ง หลังเคยเปิดการเดินรถมาตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.2465 เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 94 ปี ก่อนยกเลิกจำหน่ายตั๋วรถไฟไปสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2559 เป็นต้นมา หลังจากประเทศมาเลเซียได้ปรับปรุงทางรถไฟทางคู่ระบบปิด ก่อนให้บริการรถไฟแบบ ETS ซึ่งเป็นรถไฟด่วนพิเศษ และ KTM Komuter ซึ่งเป็นรถไฟธรรมดา ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ขบวนรถที่ 45/46 จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ปลายทางของรถไฟทางไกลในปัจจุบัน ไปยังสถานีปลายทางปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส เท่านั้น ที่น่าสนใจก็คือ รายงานข่าวจากสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซีย นายโลค เปิดเผยว่า มีแผนจะกลับมาเปิดให้บริการรถไฟทางไกล ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย อีกครั้งในปี 2568 ซึ่ง KTM Berhad และ ร.ฟ.ท. จะใช้เวลาเตรียมการเบื้องต้น 3 เดือน แม้การดำเนินการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องสร้างเส้นทางรถไฟใหม่ แต่จำเป็นต้องมีการประสานงาน การทำการตลาดร่วมกัน และการออกตั๋วโดยสารร่วมกันระหว่างสองประเทศ ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยได้เสนอให้ขยายบริการรถไฟทางไกล จากสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) และเมืองปาเซร์มัส (Pasir Mas) รัฐกลันตันในมาเลเซีย ซึ่งตนยินดีรับข้อเสนอนี้ เนื่องจากถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่มีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และปรับปรุงคุณภาพชีวิตในพื้นที่ชายแดน แต่จะต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมเพื่อฟื้นฟูเส้นทางรถไฟระหว่างสุไหงโก-ลก รันเตาปันยัง และปาเซร์มัส เนื่องจากต้องมีการบูรณะรางรถไฟที่ไม่ได้ใช้งานมานานในเมืองรันเตาปันยังและสุไหงโก-ลก ปัจจุบัน สถานีปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย มีบริการรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปยังสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ วันละ 5 ขบวน ปลายทางไกลที่สุดคือสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ #Newskit หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 12 พ.ค. 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ดินแดนเนรเทศจีนโบราณ**

    สวัสดีค่ะ สองสัปดาห์ที่แล้วเราคุยเรื่องการไถ่โทษเนรเทศ วันนี้เลยมาคุยกันต่อเกี่ยวกับเกร็ดความรู้จากเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> ว่าด้วยดินแดนเนรเทศ

    จิ่วฉงจื่อฯ เป็นเรื่องราวในราชวงศ์สมมุติแต่เสื้อผ้าและสภาพสังคมอิงตามสมัยหมิง และในเรื่องนี้ บุรุษในครอบครัวสกุลเจี่ยงของติ้งกั๋วกงเจี่ยงเหมยซุน (ลุงของพระเอก) ถูกเนรเทศไปยังพื้นที่ที่มีชื่อว่า ‘เถียหลิ่งเว่ย’ ซึ่งเป็นหนึ่งในดินแดนเนรเทศยอดนิยมทางเหนือในสมัยนั้น

    แรกเริ่มเลยในสมัยบรรพกาล หากมีการเนรเทศจะนิยมส่งไปพื้นที่โยวโจว (แถบปักกิ่งปัจจุบัน) ต่อมามีการใช้พื้นที่อื่น ซึ่งโดยหลักการคือต้องเป็นพื้นที่ทุรกันดารและด้อยพัฒนา ไม่ว่าจะด้วยสภาพดินฟ้าอากาศหรือภูมิประเทศ ในสมัยฮั่นนิยมใช้พื้นที่แถบภูเขาทางตะวันตกในมณฑลเสฉวน เนื่องจากหนาวเย็น ไกลจากเส้นทางการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจ อีกทั้งภูมิประเทศเป็นเขาสูงทำให้ง่ายต่อการกักบริเวณนักโทษ ต่อมาเมื่อมีการขยายดินแดนและพัฒนาเศรษฐกิจลงใต้ ก็ยิ่งส่งนักโทษเนรเทศลงใต้ไปไกลยิ่งขึ้นโดยมีพื้นที่ยอดฮิตคือแถบหลิ่งหนานและไห่หนาน (กวางเจา กวางซี ฯลฯ) และไกลลงไปถึงเวียดนาม ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ห่างไกลความเจริญและมีพายุฝนและสภาพอากาศร้อนชื้น ง่ายต่อการล้มป่วย นับว่าทุรกันดารไม่แพ้กัน จวบจนยุคถังและซ่งก็ยังนิยมใช้พื้นที่ติดชายแดนทางตอนใต้นี้ (ดูรูปประกอบขวาบน)

    ส่วนพื้นที่ทางเหนือที่นิยมใช้เป็นดินแดนเนรเทศนั้น คือพื้นที่ทหารทางชายแดนตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีอากาศหนาวมากและชีวิตความเป็นอยู่ลำเค็ญ อีกทั้งการเดินทางไปมาก็ยากลำบาก มักถูกเรียกรวมว่า ‘ขู่หานจือตี้’ (แปลตรงตัวว่าพื้นที่หนาวมากและยากลำบาก) (ดูรูปประกอบขวาล่าง) แต่การใช้พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นดินแดนเนรเทศไม่สามารถทำได้ทุกยุคสมัย เนื่องจากดินแดนดังกล่าวไม่ได้อยู่ภายใต้การครอบครองของอาณาจักรภาคกลางเสมอไป จวบจนสมัยหยวนเป็นต้นมาจึงกลายเป็นดินแดนเนรเทศที่นิยม โดยมีหลักการว่า คนจากพื้นที่ทางใต้จะถูกเนรเทศไปยังแดนเหนือ และคนจากพื้นที่ทางเหนือจะถูกเนรเทศลงใต้

    ในสมัยหมิง พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือยังคงเป็นดินแดนเนรเทศยอดนิยม โดยพื้นที่เถียหลิ่งเว่ยที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องจิ่วฉงจื่อฯ นี้เป็นที่นิยมในช่วงยุคกลางของสมัยหมิง ต่อมาในสมัยชิงจึงเปลี่ยนไปเป็นหนิงกู๋ถ่าและเฮยหลงเจียง

    นอกจากนี้ยังมีพื้นที่แถบตะวันตกเฉียงเหนือที่ไม่ได้มีลงไว้ในรูปประกอบ ซึ่งก็คือบริเวณซีอวี้หรือซินเกียงปัจจุบัน ซึ่งเป็นดินแดนเนรเทศในสมัยฮั่น แต่ต่อมาเนื่องจากการครอบครองพื้นที่ดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จึงไม่ได้มีการส่งนักโทษเนรเทศไปยังพื้นที่นี้อีกต่อไปจวบจนสมัยชิงจึงกลับมาเป็นดินแดนเนรเทศที่นิยมอีกครั้ง

    เพื่อนเพจอาจติดภาพลักษณ์จากในซีรีส์ว่านักโทษเนรเทศจะถูกตีตรวนและมีการกักบริเวณ ทั้งนี้ ในหลายกรณีนักโทษเนรเทศเหล่านี้จะถูกใช้เป็นแรงงานในค่ายทหารโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพทางชายแดน นักโทษจึงทำหน้าที่หลากหลาย เช่นเผาฟืนทำถ่าน ทำการเกษตร ฯลฯ เหมือนอย่างการถูกเนรเทศไปยังเถียหลิ่งเว่ยซึ่งเป็นพื้นที่ทหารอย่างในเรื่องจิ่วฉงจื่อฯ เป็นต้น

    แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่นักโทษเนรเทศทุกคนที่ต้องอยู่ภายในค่ายกักกัน การเนรเทศยังมีอีกวัตถุประสงค์หนึ่งคือเพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ดังนั้น นักโทษอาจถูกลงทะเบียนเป็นทาสรับใช้ทำงานให้ผู้มีอันจะกินในพื้นที่นั้นๆ (ซึ่งก็อาจเป็นแรงงานหนักและถูกกักบริเวณโดยผู้เป็นนายได้) หรืออาจเพียงถูกปล่อยทิ้งให้ใช้ชีวิตในดินแดนเนรเทศตามบุญตามกรรม ซึ่งหากเป็นอย่างหลังก็คือต้องขึ้นทะเบียนราษฎร์ในพื้นที่นั้นๆ เดินทางออกนอกพื้นที่ไม่ได้ แต่สามารถทำมาหากินสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ในบางรัชสมัยยังอนุญาตให้สมาชิกครอบครัวฝ่ายหญิงเดินทางย้ายรกรากไปอยู่ร่วมกับสมาชิกครอบครัวฝ่ายชายได้ด้วย อย่าลืมว่านักโทษเนรเทศจำนวนมากเป็นนักโทษทางการเมืองเช่นอดีตขุนนางที่มีการศึกษา พวกเขาจึงมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ความรู้และวัฒนธรรมไปยังพื้นที่ทุรกันดารเหล่านี้

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g63130394/blossom-highlights/
    https://news.qq.com/rain/a/20250305A08SXM00
    https://news.qq.com/rain/a/20230809A078JQ00
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.xinghuozhiku.com/76834.html
    https://m.fx361.com/news/2018/0201/16397999.html
    http://www.fs7000.com/news/?12143.html
    https://news.qq.com/rain/a/20240427A081KW00
    https://www.163.com/dy/article/HDA24IDA0552XK8U.html

    #จิ่วฉงจื่อ #ดินแดนเนรเทศ #เถียหลิ่งเว่ย #โทษเนรเทศ #สาระจีน
    **ดินแดนเนรเทศจีนโบราณ** สวัสดีค่ะ สองสัปดาห์ที่แล้วเราคุยเรื่องการไถ่โทษเนรเทศ วันนี้เลยมาคุยกันต่อเกี่ยวกับเกร็ดความรู้จากเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> ว่าด้วยดินแดนเนรเทศ จิ่วฉงจื่อฯ เป็นเรื่องราวในราชวงศ์สมมุติแต่เสื้อผ้าและสภาพสังคมอิงตามสมัยหมิง และในเรื่องนี้ บุรุษในครอบครัวสกุลเจี่ยงของติ้งกั๋วกงเจี่ยงเหมยซุน (ลุงของพระเอก) ถูกเนรเทศไปยังพื้นที่ที่มีชื่อว่า ‘เถียหลิ่งเว่ย’ ซึ่งเป็นหนึ่งในดินแดนเนรเทศยอดนิยมทางเหนือในสมัยนั้น แรกเริ่มเลยในสมัยบรรพกาล หากมีการเนรเทศจะนิยมส่งไปพื้นที่โยวโจว (แถบปักกิ่งปัจจุบัน) ต่อมามีการใช้พื้นที่อื่น ซึ่งโดยหลักการคือต้องเป็นพื้นที่ทุรกันดารและด้อยพัฒนา ไม่ว่าจะด้วยสภาพดินฟ้าอากาศหรือภูมิประเทศ ในสมัยฮั่นนิยมใช้พื้นที่แถบภูเขาทางตะวันตกในมณฑลเสฉวน เนื่องจากหนาวเย็น ไกลจากเส้นทางการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจ อีกทั้งภูมิประเทศเป็นเขาสูงทำให้ง่ายต่อการกักบริเวณนักโทษ ต่อมาเมื่อมีการขยายดินแดนและพัฒนาเศรษฐกิจลงใต้ ก็ยิ่งส่งนักโทษเนรเทศลงใต้ไปไกลยิ่งขึ้นโดยมีพื้นที่ยอดฮิตคือแถบหลิ่งหนานและไห่หนาน (กวางเจา กวางซี ฯลฯ) และไกลลงไปถึงเวียดนาม ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ห่างไกลความเจริญและมีพายุฝนและสภาพอากาศร้อนชื้น ง่ายต่อการล้มป่วย นับว่าทุรกันดารไม่แพ้กัน จวบจนยุคถังและซ่งก็ยังนิยมใช้พื้นที่ติดชายแดนทางตอนใต้นี้ (ดูรูปประกอบขวาบน) ส่วนพื้นที่ทางเหนือที่นิยมใช้เป็นดินแดนเนรเทศนั้น คือพื้นที่ทหารทางชายแดนตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีอากาศหนาวมากและชีวิตความเป็นอยู่ลำเค็ญ อีกทั้งการเดินทางไปมาก็ยากลำบาก มักถูกเรียกรวมว่า ‘ขู่หานจือตี้’ (แปลตรงตัวว่าพื้นที่หนาวมากและยากลำบาก) (ดูรูปประกอบขวาล่าง) แต่การใช้พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นดินแดนเนรเทศไม่สามารถทำได้ทุกยุคสมัย เนื่องจากดินแดนดังกล่าวไม่ได้อยู่ภายใต้การครอบครองของอาณาจักรภาคกลางเสมอไป จวบจนสมัยหยวนเป็นต้นมาจึงกลายเป็นดินแดนเนรเทศที่นิยม โดยมีหลักการว่า คนจากพื้นที่ทางใต้จะถูกเนรเทศไปยังแดนเหนือ และคนจากพื้นที่ทางเหนือจะถูกเนรเทศลงใต้ ในสมัยหมิง พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือยังคงเป็นดินแดนเนรเทศยอดนิยม โดยพื้นที่เถียหลิ่งเว่ยที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องจิ่วฉงจื่อฯ นี้เป็นที่นิยมในช่วงยุคกลางของสมัยหมิง ต่อมาในสมัยชิงจึงเปลี่ยนไปเป็นหนิงกู๋ถ่าและเฮยหลงเจียง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่แถบตะวันตกเฉียงเหนือที่ไม่ได้มีลงไว้ในรูปประกอบ ซึ่งก็คือบริเวณซีอวี้หรือซินเกียงปัจจุบัน ซึ่งเป็นดินแดนเนรเทศในสมัยฮั่น แต่ต่อมาเนื่องจากการครอบครองพื้นที่ดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จึงไม่ได้มีการส่งนักโทษเนรเทศไปยังพื้นที่นี้อีกต่อไปจวบจนสมัยชิงจึงกลับมาเป็นดินแดนเนรเทศที่นิยมอีกครั้ง เพื่อนเพจอาจติดภาพลักษณ์จากในซีรีส์ว่านักโทษเนรเทศจะถูกตีตรวนและมีการกักบริเวณ ทั้งนี้ ในหลายกรณีนักโทษเนรเทศเหล่านี้จะถูกใช้เป็นแรงงานในค่ายทหารโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพทางชายแดน นักโทษจึงทำหน้าที่หลากหลาย เช่นเผาฟืนทำถ่าน ทำการเกษตร ฯลฯ เหมือนอย่างการถูกเนรเทศไปยังเถียหลิ่งเว่ยซึ่งเป็นพื้นที่ทหารอย่างในเรื่องจิ่วฉงจื่อฯ เป็นต้น แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่นักโทษเนรเทศทุกคนที่ต้องอยู่ภายในค่ายกักกัน การเนรเทศยังมีอีกวัตถุประสงค์หนึ่งคือเพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ดังนั้น นักโทษอาจถูกลงทะเบียนเป็นทาสรับใช้ทำงานให้ผู้มีอันจะกินในพื้นที่นั้นๆ (ซึ่งก็อาจเป็นแรงงานหนักและถูกกักบริเวณโดยผู้เป็นนายได้) หรืออาจเพียงถูกปล่อยทิ้งให้ใช้ชีวิตในดินแดนเนรเทศตามบุญตามกรรม ซึ่งหากเป็นอย่างหลังก็คือต้องขึ้นทะเบียนราษฎร์ในพื้นที่นั้นๆ เดินทางออกนอกพื้นที่ไม่ได้ แต่สามารถทำมาหากินสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ในบางรัชสมัยยังอนุญาตให้สมาชิกครอบครัวฝ่ายหญิงเดินทางย้ายรกรากไปอยู่ร่วมกับสมาชิกครอบครัวฝ่ายชายได้ด้วย อย่าลืมว่านักโทษเนรเทศจำนวนมากเป็นนักโทษทางการเมืองเช่นอดีตขุนนางที่มีการศึกษา พวกเขาจึงมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ความรู้และวัฒนธรรมไปยังพื้นที่ทุรกันดารเหล่านี้ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g63130394/blossom-highlights/ https://news.qq.com/rain/a/20250305A08SXM00 https://news.qq.com/rain/a/20230809A078JQ00 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.xinghuozhiku.com/76834.html https://m.fx361.com/news/2018/0201/16397999.html http://www.fs7000.com/news/?12143.html https://news.qq.com/rain/a/20240427A081KW00 https://www.163.com/dy/article/HDA24IDA0552XK8U.html #จิ่วฉงจื่อ #ดินแดนเนรเทศ #เถียหลิ่งเว่ย #โทษเนรเทศ #สาระจีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts