"แทนคุณ" จี้ สคบ.ใช้ไอคอนเป็นไอดอล แก้ปัญหาระบบ 20/11/67 #แทนคุณ #ดิไอคอน #สคบ. #การฉ้อโกง
ค้นหา
ค้นพบผู้คนใหม่ๆ สร้างการเชื่อมต่อใหม่ๆ และรู้จักเพื่อนใหม่
- กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น!
- "อี้ แทนคุณ" แฉหมอเจ้าของ รพ.ชื่อดัง หลอกคนมีอันจะกินลงทุนทิพย์ อ้างทำ Wellness Center ครบวงจร อึ้งความเสียหายพุ่ง 8-9 พันล้าน เตือนถ้าเชื่อใน "บุญ" เอาเงินมาคืนผู้เสียหายเถอะ ชี้ เงินที่เอาไปเป็นเงินบาปทั้งนั้น ไม่ใช้ชาตินี้ก็ต้องใช้ชาติหน้า แย้มข้อมูลเยอะมาก ขอเวลานิด เหตุอาจกระเทือนความเชื่อมั่นครั้งใหญ่
•
วันนี้(20 พ.ย.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนกว่า 30 ราย กรณีนายแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง หลอกให้ลงทุนมูลค่าความเสียหายกว่าพันล้าน โดยมีพฤติการณ์หลอกลงทุนทำ Wellness โดยระดมทุนจากประเทศหนึ่งจากตะวันออกกลางมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งใช้เงินประมาณ 20,000 ล้านบาท มีการระบุว่าจะยกระดับ Wellness ของไทย และอ้างว่าต้องมีเงินค้ำสัญญาก่อน ซึ่งผู้เสียหายเป็นหมอ เป็นผู้มีอันจะกิน เฉลี่ยแล้ว 50 ล้านบาทขึ้นไปในแต่ละราย ตนคิดว่ากรณีนี้ใหญ่มาก เท่าที่ทราบมีการระดมทุนไปถึง 8,000-9,000 ล้านบาทแล้ว
•
"ท่านมีโมเดล มีแผนชัดเจนว่าท่านจะทำอย่างไร ทำตึกอย่างไร ทำครบวงจรอย่างไร แต่ว่าอันนี้ก็ไม่อยากจะไปกล่าวหาท่าน หากท่านไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจ ลักษณะแบบนี้ ร่องรอยไม่ชอบมาพากลแบบนี้ ก็เชื่อได้ว่าท่านอาจจะตั้งใจที่จะปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลด้วยหรือไม่ตั้งแต่แรก ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบดู แต่ว่าอย่างไรก็ดีที่มีข่าวว่าท่านออกไปต่างประเทศแล้ว ผมก็ติดตามอยู่จากผู้เสียหายจำนวนมาก ก็เป็นไปได้ เพราะติดต่ออะไรไม่ได้แล้ว" นายแทนคุณ กล่าว
•
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
https://mgronline.com/politics/detail/9670000111525
•
#MGROnline #อี้แทนคุณ #WellnessCenter"อี้ แทนคุณ" แฉหมอเจ้าของ รพ.ชื่อดัง หลอกคนมีอันจะกินลงทุนทิพย์ อ้างทำ Wellness Center ครบวงจร อึ้งความเสียหายพุ่ง 8-9 พันล้าน เตือนถ้าเชื่อใน "บุญ" เอาเงินมาคืนผู้เสียหายเถอะ ชี้ เงินที่เอาไปเป็นเงินบาปทั้งนั้น ไม่ใช้ชาตินี้ก็ต้องใช้ชาติหน้า แย้มข้อมูลเยอะมาก ขอเวลานิด เหตุอาจกระเทือนความเชื่อมั่นครั้งใหญ่ • วันนี้(20 พ.ย.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนกว่า 30 ราย กรณีนายแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง หลอกให้ลงทุนมูลค่าความเสียหายกว่าพันล้าน โดยมีพฤติการณ์หลอกลงทุนทำ Wellness โดยระดมทุนจากประเทศหนึ่งจากตะวันออกกลางมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งใช้เงินประมาณ 20,000 ล้านบาท มีการระบุว่าจะยกระดับ Wellness ของไทย และอ้างว่าต้องมีเงินค้ำสัญญาก่อน ซึ่งผู้เสียหายเป็นหมอ เป็นผู้มีอันจะกิน เฉลี่ยแล้ว 50 ล้านบาทขึ้นไปในแต่ละราย ตนคิดว่ากรณีนี้ใหญ่มาก เท่าที่ทราบมีการระดมทุนไปถึง 8,000-9,000 ล้านบาทแล้ว • "ท่านมีโมเดล มีแผนชัดเจนว่าท่านจะทำอย่างไร ทำตึกอย่างไร ทำครบวงจรอย่างไร แต่ว่าอันนี้ก็ไม่อยากจะไปกล่าวหาท่าน หากท่านไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจ ลักษณะแบบนี้ ร่องรอยไม่ชอบมาพากลแบบนี้ ก็เชื่อได้ว่าท่านอาจจะตั้งใจที่จะปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลด้วยหรือไม่ตั้งแต่แรก ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบดู แต่ว่าอย่างไรก็ดีที่มีข่าวว่าท่านออกไปต่างประเทศแล้ว ผมก็ติดตามอยู่จากผู้เสียหายจำนวนมาก ก็เป็นไปได้ เพราะติดต่ออะไรไม่ได้แล้ว" นายแทนคุณ กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000111525 • #MGROnline #อี้แทนคุณ #WellnessCenter - รอง ผบช.ก.เผยพยานหลักฐานคดี นักร้อง ก.ตบทรัพย์ครบแล้ว เหลือเพียงรอผลสอบ "บอสพอล" อุบตอบจะได้อยู่ลอยกระทงคืนนี้หรือไม่ ด้าน "อี้ แทนคุณ" แฉแหลกนักตบทรัพย์ชายก่อเหตุมาแล้วหลายคดี
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110049
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimesรอง ผบช.ก.เผยพยานหลักฐานคดี นักร้อง ก.ตบทรัพย์ครบแล้ว เหลือเพียงรอผลสอบ "บอสพอล" อุบตอบจะได้อยู่ลอยกระทงคืนนี้หรือไม่ ด้าน "อี้ แทนคุณ" แฉแหลกนักตบทรัพย์ชายก่อเหตุมาแล้วหลายคดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110049 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes - อี้เปิดฟิล์มชวนลงทุนธุรกิจ-พลังงาน อีก4รายจองกฐิน (15/11/67) #news1 #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #หลอกลงทุนธุรกิจพลังงานอี้เปิดฟิล์มชวนลงทุนธุรกิจ-พลังงาน อีก4รายจองกฐิน (15/11/67) #news1 #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #หลอกลงทุนธุรกิจพลังงาน
- อี้ไม่กังวลคลิปเสียงตนกับฟิล์ม (15/11/67) #news1 #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์
- "อี้" เปิด 60 ล้าน "ฟิล์ม" ตัวการร่วมหลอกลงทุน 14/11/67 #อี้ แทนคุณ #ฟิล์ม รัฐภูมิ #หลอกลงทุน #ดิ ไอคอน"อี้" เปิด 60 ล้าน "ฟิล์ม" ตัวการร่วมหลอกลงทุน 14/11/67 #อี้ แทนคุณ #ฟิล์ม รัฐภูมิ #หลอกลงทุน #ดิ ไอคอน
- เปิดเอกสารสัญญา-หลักฐานถึงพี่เมียทนายตั้ม
.
วันนี้ผมเปิดเผยเอกสารชิ้นหนึ่งที่หลายๆ คนเฝ้ารอ และยังไม่มีใครเปิดเผยมาก่อน เอกสารชิ้นนี้คือสัญญาและหลักฐานสำคัญในการจ้างที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ระหว่างคุณจตุพร อุบลเลิศ กับบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม อ้างอิงอยู่ในใบบันทึกคำให้การผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความของคุณจตุพร อุบลเลิศ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567
.
สิ่งที่น่าสนใจของสัญญาฉบับนี้ สัญญาฉบับนี้มีระยะเวลา 1 ปีตั้งแต่เมษายน 2565 มีการจ่ายเงินค่าจ้างเดือนละ 3 แสนบาท และจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ทำจดหมายยกเลิกสัญญาจ้างอย่างเป็นทางการ เนื่องจากสำนักทนายความของทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรสมกับค่าจ้างที่ได้รับไปและยังขนครอบครัวไปต่างประเทศแทบทุกเดือน ไปพักโรงแรมหรูๆ แล้วให้เขารับผิดชอบค่าใช้จ่าย
.
แต่ประเด็นที่น่าสนใจมากคือ หลักฐานการเงินระบุชัดเจนว่าฝั่งพี่อ้อยไม่เคยโอนเงินเข้าบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม แต่ษิทราระบุว่าให้โอนเข้าบัญชีของบุคคลที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ โดยตลอด มีเพจ CSILA ที่ไม่กี่วันมานี้ ออกมาตั้งคำถามว่า "อยากให้ตำรวจและนักข่าวตรวจสอบพี่สาวเมียทนายตั้ม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งมีอาชีพคือคนใช้กับเลี้ยงลูกตั้ม แต่เงินในบัญชีเยอะมาก ถ้าตรวจสอบเส้นเงินได้ก็เกมส์"
.
เมื่อเราไปเปิดดูงบการเงินบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทร แจ้งงบการเงิน 5 ปีย้อนหลัง มีรายได้รวมประมาณ 37 ล้านบาท มีรายได้ดีอยู่ปีเดียว คือปี 2565 ซึ่งมีรายได้รวม 21.9 ล้านบาท ก่อนหน้านั้นรายได้อยู่ในระดับประมาณ 2 ล้านบาทและขาดทุนมากกว่า
.
หลายคนถามว่า คุณษิทราเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านราคาหลายสิบล้าน มีรถหรูอีกหลายคัน นาฬิกาหรู เสื้อแบรนด์เนมอีกเพียบ ส่วนที่ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณใช้เงินของพี่อ้อยนั่นเอง
.
ผมเอารูปรถให้ดูนะครับ Porsche Cayenne ที่ทนายตั้มขับมาที่กองปราบ วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 รถหรูราคาแพงที่นายษิทราใช้อยู่นั้น ซื้อด้วยเงินสด แต่ไม่มีชื่อนายษิทราเป็นเจ้าของเลยแม้แต่คันเดียว อนุมานได้ไหมครับคุณษิทรา ว่าคุณกำลังซ่อนเร้นเรื่องเงินก้อนนี้อยู่ โดยที่ให้คนอื่นมาเป็นเจ้าของรถแทนคุณ มันเป็นวิธีการง่ายๆ ของคนที่ชอบฟอกเงินในอดีต
.
ด้วยเหตุนี้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจึงชี้ให้เห็นว่า การกระทำของทนายตั้มในการรับค่าจ้างที่ปรึกษาพี่อ้อย แต่กลับโอนเงินเข้าคนอื่น ในทางภาษี ในทางกฎหมาย มันเข้าข่ายเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน
.
เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญอย่างร้ายกาจ เรื่องราวที่คุณชูวิทย์เล่าเมื่อปีที่แล้ว มันช่างคล้ายๆ กับทนายแบรนด์เนมคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใคร จะใช่ทนายตั้ม ษิทรา สำนักกฎหมายษิทรา ลอว์เฟิร์ม กับพี่สาวภรรยาที่ขึ้นต้นด้วย ป. ที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ กรุณาช่วยสืบค้นข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ผมหน่อย
.
และผมอยากให้กรมสรรพากร ซึ่งผมจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการว่าคุณปิณฑิราได้รับเงินมาจากแหล่งที่มาที่ไม่ทราบ เป็นประจำเดือน มีหลักฐานเงินโอนเข้าบัญชีให้ เดือนละ 3 แสนบาท ปีหนึ่งเป็นเงิน 3 ล้าน 6 แสนบาท ผมใคร่จะถามด้วยความเคารพว่า ผู้รับเงินรายได้นี้ ได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เสียเลยเป็นเวลา 12 เดือน ควรจะต้องถูกเสียภาษีย้อนหลังประมาณเท่าไร และจะต้องถูกเบี้ยปรับอีกเท่าไร ถ้าตอบผมได้ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง อันนี้เข้าข่ายในการฟอกเงินหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลกฎหมายอยู่จะต้องเป็นคนตัดสินใจครับ
เปิดเอกสารสัญญา-หลักฐานถึงพี่เมียทนายตั้ม . วันนี้ผมเปิดเผยเอกสารชิ้นหนึ่งที่หลายๆ คนเฝ้ารอ และยังไม่มีใครเปิดเผยมาก่อน เอกสารชิ้นนี้คือสัญญาและหลักฐานสำคัญในการจ้างที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ระหว่างคุณจตุพร อุบลเลิศ กับบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม อ้างอิงอยู่ในใบบันทึกคำให้การผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความของคุณจตุพร อุบลเลิศ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 . สิ่งที่น่าสนใจของสัญญาฉบับนี้ สัญญาฉบับนี้มีระยะเวลา 1 ปีตั้งแต่เมษายน 2565 มีการจ่ายเงินค่าจ้างเดือนละ 3 แสนบาท และจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ทำจดหมายยกเลิกสัญญาจ้างอย่างเป็นทางการ เนื่องจากสำนักทนายความของทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรสมกับค่าจ้างที่ได้รับไปและยังขนครอบครัวไปต่างประเทศแทบทุกเดือน ไปพักโรงแรมหรูๆ แล้วให้เขารับผิดชอบค่าใช้จ่าย . แต่ประเด็นที่น่าสนใจมากคือ หลักฐานการเงินระบุชัดเจนว่าฝั่งพี่อ้อยไม่เคยโอนเงินเข้าบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม แต่ษิทราระบุว่าให้โอนเข้าบัญชีของบุคคลที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ โดยตลอด มีเพจ CSILA ที่ไม่กี่วันมานี้ ออกมาตั้งคำถามว่า "อยากให้ตำรวจและนักข่าวตรวจสอบพี่สาวเมียทนายตั้ม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งมีอาชีพคือคนใช้กับเลี้ยงลูกตั้ม แต่เงินในบัญชีเยอะมาก ถ้าตรวจสอบเส้นเงินได้ก็เกมส์" . เมื่อเราไปเปิดดูงบการเงินบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทร แจ้งงบการเงิน 5 ปีย้อนหลัง มีรายได้รวมประมาณ 37 ล้านบาท มีรายได้ดีอยู่ปีเดียว คือปี 2565 ซึ่งมีรายได้รวม 21.9 ล้านบาท ก่อนหน้านั้นรายได้อยู่ในระดับประมาณ 2 ล้านบาทและขาดทุนมากกว่า . หลายคนถามว่า คุณษิทราเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านราคาหลายสิบล้าน มีรถหรูอีกหลายคัน นาฬิกาหรู เสื้อแบรนด์เนมอีกเพียบ ส่วนที่ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณใช้เงินของพี่อ้อยนั่นเอง . ผมเอารูปรถให้ดูนะครับ Porsche Cayenne ที่ทนายตั้มขับมาที่กองปราบ วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 รถหรูราคาแพงที่นายษิทราใช้อยู่นั้น ซื้อด้วยเงินสด แต่ไม่มีชื่อนายษิทราเป็นเจ้าของเลยแม้แต่คันเดียว อนุมานได้ไหมครับคุณษิทรา ว่าคุณกำลังซ่อนเร้นเรื่องเงินก้อนนี้อยู่ โดยที่ให้คนอื่นมาเป็นเจ้าของรถแทนคุณ มันเป็นวิธีการง่ายๆ ของคนที่ชอบฟอกเงินในอดีต . ด้วยเหตุนี้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจึงชี้ให้เห็นว่า การกระทำของทนายตั้มในการรับค่าจ้างที่ปรึกษาพี่อ้อย แต่กลับโอนเงินเข้าคนอื่น ในทางภาษี ในทางกฎหมาย มันเข้าข่ายเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน . เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญอย่างร้ายกาจ เรื่องราวที่คุณชูวิทย์เล่าเมื่อปีที่แล้ว มันช่างคล้ายๆ กับทนายแบรนด์เนมคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใคร จะใช่ทนายตั้ม ษิทรา สำนักกฎหมายษิทรา ลอว์เฟิร์ม กับพี่สาวภรรยาที่ขึ้นต้นด้วย ป. ที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ กรุณาช่วยสืบค้นข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ผมหน่อย . และผมอยากให้กรมสรรพากร ซึ่งผมจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการว่าคุณปิณฑิราได้รับเงินมาจากแหล่งที่มาที่ไม่ทราบ เป็นประจำเดือน มีหลักฐานเงินโอนเข้าบัญชีให้ เดือนละ 3 แสนบาท ปีหนึ่งเป็นเงิน 3 ล้าน 6 แสนบาท ผมใคร่จะถามด้วยความเคารพว่า ผู้รับเงินรายได้นี้ ได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เสียเลยเป็นเวลา 12 เดือน ควรจะต้องถูกเสียภาษีย้อนหลังประมาณเท่าไร และจะต้องถูกเบี้ยปรับอีกเท่าไร ถ้าตอบผมได้ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง อันนี้เข้าข่ายในการฟอกเงินหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลกฎหมายอยู่จะต้องเป็นคนตัดสินใจครับ - “อี้ แทนคุณ” ลากไส้เทวดา ส. เปิดคลิปแฉ เคยหลอกจะช่วยผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่ บ.อากริว แต่ทำคดีเงียบนาน 6 ปี เชื่อมีนอกมีใน ด้านผู้เสียหายโอดนึกว่าช่วยเหลือประชาชน ที่ไหนได้ตลบหลังตบทรัพย์ ปากชอบบอก “ห่วงชาติบ้านเมือง อยากให้ประเทศพ้นภัยแชร์ลูกโซ่”
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000102419
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes“อี้ แทนคุณ” ลากไส้เทวดา ส. เปิดคลิปแฉ เคยหลอกจะช่วยผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่ บ.อากริว แต่ทำคดีเงียบนาน 6 ปี เชื่อมีนอกมีใน ด้านผู้เสียหายโอดนึกว่าช่วยเหลือประชาชน ที่ไหนได้ตลบหลังตบทรัพย์ ปากชอบบอก “ห่วงชาติบ้านเมือง อยากให้ประเทศพ้นภัยแชร์ลูกโซ่” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000102419 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes - กลเกมคดี’ดิ ไอคอน’จะรอดเพราะเงินมันเยอะ
.
หลังจากที่ "บอสพอล" กับเหล่า "บอส" ทั้งหลายที่ถูกจับกุมตัวและทยอยยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงกลเกมคดีของ "ดิ ไอคอน"
.
ข้อที่หนึ่ง เบื้องหลังของนายพอล วรัตน์พล นอกจากมีนักการเมือง ข้าราชการ แบ็กอยู่แล้ว ยังมีผู้พิพากษาท่านหนึ่งคอยให้คำปรึกษาทางกฎหมาย วางเกมในการดำเนินคดีอีกด้วย
.
ข้อที่สอง-คาดว่าเกมคดีต่อจากนี้ไปอาจจะเป็นการเล่นละครตบตาด้วยการอำพรางคดี คือบริษัท "บอสพอล" ตัดตอนจากแม่ข่ายผู้กระทำการในการชักชวนคนเข้ามาสู่ขบวนการแชร์ลูกโซ่ โดยที่อ้างว่าบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของแม่ข่ายและแม่ทีมอย่างเดียว ขณะที่แม่ข่ายก็จะพยายามผันตัวจากผู้สมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำกับเหล่า "บอส" แปลงร่างเป็นผู้เสียหายเป็นโจทก์ ถ้าแผนนี้เดินหน้าต่อไปโดยไม่มีการฟ้อง ทั้งขบวน "บอส" ทั้งหมดก็จะรอด เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ แต่แม่ข่ายที่เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ก็จะรอดเช่นกัน เพราะได้แปลงร่างกลายเป็นผู้เสียหายไปแล้ว
.
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่น่าจับตาและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่ "ดิ ไอคอน" อีกประเด็นหนึ่ง คือการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) กำลังจะเข้ามารับคดีเป็นคดีพิเศษต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แค่ข่าวนี้ออกมา ประชาชนออกมาโวยวาย เขาไม่ไว้ใจพวกคุณเลย คดีนี้เงินมันเยอะเหลือเกิน คุณแค่เอาจำเลยไปเขย่าเฉยๆ ก็ได้เศษสตางค์หล่นมาเยอะแล้ว เป็นจำนวนเป็นล้านๆ ผมบอกให้เลยว่าจำเลยทั้ง 18 คน และจำเลยที่จะตามมา ให้เตรียมวิ่งกับดีเอสไอได้แล้ว รับประกันว่าไม่ผิดหวัง เพราะดีเอสไอมีชื่อมากในเรื่องการรับเงินรับทอง
.
ผมก็ไม่แปลกที่ประชาชนจะไม่เชื่อมั่น เพราะคดีเดิมๆ ที่ดีเอสไอรับไป เรื่องหุ้น STARK เรื่อง EARTH เรื่องหมูเถื่อน แม้กระทั่งสต๊อกลม GGC บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)ในเครือ ปตท. ที่ดีเอสไอดึงมาทำเอง ทั้งที่ตำรวจทำใกล้เสร็จ เตรียมส่งฟ้องต่ออัยการ สุดท้ายแล้วก็ยังแช่อยู่ที่ดีเอสไอ
.
คุณอายบ้างหรือเปล่า ผมนี่อายแทนคุณจริงๆ เลย ตั้งแต่นายคุณเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วคุณก็มาเป็นรักษาการอธิบดี จนกระทั่งมาเป็นอธิบดี ดีเอสไอไม่มีผลงานอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
.
คดีเดิมๆ ยังไม่มีผลงาน ถ้ารับคดี "ดิ ไอคอน" ไปแล้วยังเงียบหายอีก ประชาชนจะไม่เหลือศรัทธา แค่เมื่อเขาได้ยินชื่อคุณทวี สอดส่อง คุณยุทธนา แพรดำ ประชาชนเขาก็ยี้เลยก่อนฟังข้อมูล คุณช่วยทบทวนตัวเองหน่อยได้ไหม
ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ
#Thaitimesกลเกมคดี’ดิ ไอคอน’จะรอดเพราะเงินมันเยอะ . หลังจากที่ "บอสพอล" กับเหล่า "บอส" ทั้งหลายที่ถูกจับกุมตัวและทยอยยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงกลเกมคดีของ "ดิ ไอคอน" . ข้อที่หนึ่ง เบื้องหลังของนายพอล วรัตน์พล นอกจากมีนักการเมือง ข้าราชการ แบ็กอยู่แล้ว ยังมีผู้พิพากษาท่านหนึ่งคอยให้คำปรึกษาทางกฎหมาย วางเกมในการดำเนินคดีอีกด้วย . ข้อที่สอง-คาดว่าเกมคดีต่อจากนี้ไปอาจจะเป็นการเล่นละครตบตาด้วยการอำพรางคดี คือบริษัท "บอสพอล" ตัดตอนจากแม่ข่ายผู้กระทำการในการชักชวนคนเข้ามาสู่ขบวนการแชร์ลูกโซ่ โดยที่อ้างว่าบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของแม่ข่ายและแม่ทีมอย่างเดียว ขณะที่แม่ข่ายก็จะพยายามผันตัวจากผู้สมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำกับเหล่า "บอส" แปลงร่างเป็นผู้เสียหายเป็นโจทก์ ถ้าแผนนี้เดินหน้าต่อไปโดยไม่มีการฟ้อง ทั้งขบวน "บอส" ทั้งหมดก็จะรอด เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ แต่แม่ข่ายที่เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ก็จะรอดเช่นกัน เพราะได้แปลงร่างกลายเป็นผู้เสียหายไปแล้ว . นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่น่าจับตาและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่ "ดิ ไอคอน" อีกประเด็นหนึ่ง คือการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) กำลังจะเข้ามารับคดีเป็นคดีพิเศษต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แค่ข่าวนี้ออกมา ประชาชนออกมาโวยวาย เขาไม่ไว้ใจพวกคุณเลย คดีนี้เงินมันเยอะเหลือเกิน คุณแค่เอาจำเลยไปเขย่าเฉยๆ ก็ได้เศษสตางค์หล่นมาเยอะแล้ว เป็นจำนวนเป็นล้านๆ ผมบอกให้เลยว่าจำเลยทั้ง 18 คน และจำเลยที่จะตามมา ให้เตรียมวิ่งกับดีเอสไอได้แล้ว รับประกันว่าไม่ผิดหวัง เพราะดีเอสไอมีชื่อมากในเรื่องการรับเงินรับทอง . ผมก็ไม่แปลกที่ประชาชนจะไม่เชื่อมั่น เพราะคดีเดิมๆ ที่ดีเอสไอรับไป เรื่องหุ้น STARK เรื่อง EARTH เรื่องหมูเถื่อน แม้กระทั่งสต๊อกลม GGC บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)ในเครือ ปตท. ที่ดีเอสไอดึงมาทำเอง ทั้งที่ตำรวจทำใกล้เสร็จ เตรียมส่งฟ้องต่ออัยการ สุดท้ายแล้วก็ยังแช่อยู่ที่ดีเอสไอ . คุณอายบ้างหรือเปล่า ผมนี่อายแทนคุณจริงๆ เลย ตั้งแต่นายคุณเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วคุณก็มาเป็นรักษาการอธิบดี จนกระทั่งมาเป็นอธิบดี ดีเอสไอไม่มีผลงานอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว . คดีเดิมๆ ยังไม่มีผลงาน ถ้ารับคดี "ดิ ไอคอน" ไปแล้วยังเงียบหายอีก ประชาชนจะไม่เหลือศรัทธา แค่เมื่อเขาได้ยินชื่อคุณทวี สอดส่อง คุณยุทธนา แพรดำ ประชาชนเขาก็ยี้เลยก่อนฟังข้อมูล คุณช่วยทบทวนตัวเองหน่อยได้ไหม ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes - กลเกมคดี ’ดิ ไอคอน’ จะรอดเพราะเงินมันเยอะ
.
หลังจากที่ "บอสพอล" กับเหล่า "บอส" ทั้งหลายที่ถูกจับกุมตัวและทยอยยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงกลเกมคดีของ "ดิ ไอคอน"
.
ข้อที่หนึ่ง เบื้องหลังของนายพอล วรัตน์พล นอกจากมีนักการเมือง ข้าราชการ แบ็กอยู่แล้ว ยังมีผู้พิพากษาท่านหนึ่งคอยให้คำปรึกษาทางกฎหมาย วางเกมในการดำเนินคดีอีกด้วย
.
ข้อที่สอง-คาดว่าเกมคดีต่อจากนี้ไปอาจจะเป็นการเล่นละครตบตาด้วยการอำพรางคดี คือบริษัท "บอสพอล" ตัดตอนจากแม่ข่ายผู้กระทำการในการชักชวนคนเข้ามาสู่ขบวนการแชร์ลูกโซ่ โดยที่อ้างว่าบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของแม่ข่ายและแม่ทีมอย่างเดียว ขณะที่แม่ข่ายก็จะพยายามผันตัวจากผู้สมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำกับเหล่า "บอส" แปลงร่างเป็นผู้เสียหายเป็นโจทก์ ถ้าแผนนี้เดินหน้าต่อไปโดยไม่มีการฟ้อง ทั้งขบวน "บอส" ทั้งหมดก็จะรอด เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ แต่แม่ข่ายที่เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ก็จะรอดเช่นกัน เพราะได้แปลงร่างกลายเป็นผู้เสียหายไปแล้ว
.
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่น่าจับตาและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่ "ดิ ไอคอน" อีกประเด็นหนึ่ง คือการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) กำลังจะเข้ามารับคดีเป็นคดีพิเศษต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แค่ข่าวนี้ออกมา ประชาชนออกมาโวยวาย เขาไม่ไว้ใจพวกคุณเลย คดีนี้เงินมันเยอะเหลือเกิน คุณแค่เอาจำเลยไปเขย่าเฉยๆ ก็ได้เศษสตางค์หล่นมาเยอะแล้ว เป็นจำนวนเป็นล้านๆ ผมบอกให้เลยว่าจำเลยทั้ง 18 คน และจำเลยที่จะตามมา ให้เตรียมวิ่งกับดีเอสไอได้แล้ว รับประกันว่าไม่ผิดหวัง เพราะดีเอสไอมีชื่อมากในเรื่องการรับเงินรับทอง
.
ผมก็ไม่แปลกที่ประชาชนจะไม่เชื่อมั่น เพราะคดีเดิมๆ ที่ดีเอสไอรับไป เรื่องหุ้น STARK เรื่อง EARTH เรื่องหมูเถื่อน แม้กระทั่งสต๊อกลม GGC บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)ในเครือ ปตท. ที่ดีเอสไอดึงมาทำเอง ทั้งที่ตำรวจทำใกล้เสร็จ เตรียมส่งฟ้องต่ออัยการ สุดท้ายแล้วก็ยังแช่อยู่ที่ดีเอสไอ
.
คุณอายบ้างหรือเปล่า ผมนี่อายแทนคุณจริงๆ เลย ตั้งแต่นายคุณเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วคุณก็มาเป็นรักษาการอธิบดี จนกระทั่งมาเป็นอธิบดี ดีเอสไอไม่มีผลงานอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
.
คดีเดิมๆ ยังไม่มีผลงาน ถ้ารับคดี "ดิ ไอคอน" ไปแล้วยังเงียบหายอีก ประชาชนจะไม่เหลือศรัทธา แค่เมื่อเขาได้ยินชื่อคุณทวี สอดส่อง คุณยุทธนา แพรดำ ประชาชนเขาก็ยี้เลยก่อนฟังข้อมูล คุณช่วยทบทวนตัวเองหน่อยได้ไหมกลเกมคดี ’ดิ ไอคอน’ จะรอดเพราะเงินมันเยอะ . หลังจากที่ "บอสพอล" กับเหล่า "บอส" ทั้งหลายที่ถูกจับกุมตัวและทยอยยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงกลเกมคดีของ "ดิ ไอคอน" . ข้อที่หนึ่ง เบื้องหลังของนายพอล วรัตน์พล นอกจากมีนักการเมือง ข้าราชการ แบ็กอยู่แล้ว ยังมีผู้พิพากษาท่านหนึ่งคอยให้คำปรึกษาทางกฎหมาย วางเกมในการดำเนินคดีอีกด้วย . ข้อที่สอง-คาดว่าเกมคดีต่อจากนี้ไปอาจจะเป็นการเล่นละครตบตาด้วยการอำพรางคดี คือบริษัท "บอสพอล" ตัดตอนจากแม่ข่ายผู้กระทำการในการชักชวนคนเข้ามาสู่ขบวนการแชร์ลูกโซ่ โดยที่อ้างว่าบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของแม่ข่ายและแม่ทีมอย่างเดียว ขณะที่แม่ข่ายก็จะพยายามผันตัวจากผู้สมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำกับเหล่า "บอส" แปลงร่างเป็นผู้เสียหายเป็นโจทก์ ถ้าแผนนี้เดินหน้าต่อไปโดยไม่มีการฟ้อง ทั้งขบวน "บอส" ทั้งหมดก็จะรอด เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ แต่แม่ข่ายที่เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ก็จะรอดเช่นกัน เพราะได้แปลงร่างกลายเป็นผู้เสียหายไปแล้ว . นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่น่าจับตาและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่ "ดิ ไอคอน" อีกประเด็นหนึ่ง คือการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) กำลังจะเข้ามารับคดีเป็นคดีพิเศษต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แค่ข่าวนี้ออกมา ประชาชนออกมาโวยวาย เขาไม่ไว้ใจพวกคุณเลย คดีนี้เงินมันเยอะเหลือเกิน คุณแค่เอาจำเลยไปเขย่าเฉยๆ ก็ได้เศษสตางค์หล่นมาเยอะแล้ว เป็นจำนวนเป็นล้านๆ ผมบอกให้เลยว่าจำเลยทั้ง 18 คน และจำเลยที่จะตามมา ให้เตรียมวิ่งกับดีเอสไอได้แล้ว รับประกันว่าไม่ผิดหวัง เพราะดีเอสไอมีชื่อมากในเรื่องการรับเงินรับทอง . ผมก็ไม่แปลกที่ประชาชนจะไม่เชื่อมั่น เพราะคดีเดิมๆ ที่ดีเอสไอรับไป เรื่องหุ้น STARK เรื่อง EARTH เรื่องหมูเถื่อน แม้กระทั่งสต๊อกลม GGC บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)ในเครือ ปตท. ที่ดีเอสไอดึงมาทำเอง ทั้งที่ตำรวจทำใกล้เสร็จ เตรียมส่งฟ้องต่ออัยการ สุดท้ายแล้วก็ยังแช่อยู่ที่ดีเอสไอ . คุณอายบ้างหรือเปล่า ผมนี่อายแทนคุณจริงๆ เลย ตั้งแต่นายคุณเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วคุณก็มาเป็นรักษาการอธิบดี จนกระทั่งมาเป็นอธิบดี ดีเอสไอไม่มีผลงานอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว . คดีเดิมๆ ยังไม่มีผลงาน ถ้ารับคดี "ดิ ไอคอน" ไปแล้วยังเงียบหายอีก ประชาชนจะไม่เหลือศรัทธา แค่เมื่อเขาได้ยินชื่อคุณทวี สอดส่อง คุณยุทธนา แพรดำ ประชาชนเขาก็ยี้เลยก่อนฟังข้อมูล คุณช่วยทบทวนตัวเองหน่อยได้ไหม - “ทนายตั้ม” ฟันธง “บอสกันต์-บอสมิน-บอสแซม” ไม่รอดคดี โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง “อี้ แทนคุณ” ชี้เหล่าดาราทราบดีถึงแผนงานบริษัท อย่าบอกว่าไม่รู้เรื่องเพราะเป็นไปไม่ได้ ยิ่งออกมาปฎิเสธ ยิ่งทำเข้าตัวหลอกลวง ฉ้อโกงประชาชน
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097553
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes“ทนายตั้ม” ฟันธง “บอสกันต์-บอสมิน-บอสแซม” ไม่รอดคดี โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง “อี้ แทนคุณ” ชี้เหล่าดาราทราบดีถึงแผนงานบริษัท อย่าบอกว่าไม่รู้เรื่องเพราะเป็นไปไม่ได้ ยิ่งออกมาปฎิเสธ ยิ่งทำเข้าตัวหลอกลวง ฉ้อโกงประชาชน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097553 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes - #แทนคุณแผ่นดิน
🤠คำนำ🤠
“ฉันสาบานว่าจะอุทิศด้วยเลือดในกายทั้งหมดของฉันเพื่อรับใช้มาตุภูมิ(我以我血荐轩辕)” นี่เป็นบทประพันธท่อนหนึ่งในถ้อยคำที่เขียนแล้วทำให้หัวใจคุกรุ่นซึ่งเขียนโดยหลู่ซวิ่น(鲁迅)ด้วยความรู้สึกรักชาติ เป็นเวลาหลายพันปีที่ความรักต่อมาตุภูมิเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวจีนจำนวนนับไม่ถ้วนต่อสู้เพื่อมาตุภูมิ และเราได้รู้จักผู้รักชาตินับไม่ถ้วนมาตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตาม ในยุคสมัยที่ต่างกัน การแสดงความรักชาติก็แตกต่างกันไป ในยุคแห่งสงคราม ความรักชาติอาจหมายถึงการเข้าสู่สนามรบ และไม่เสียใจที่ต้องสละชีวิตเพื่อทำลายศัตรูเพื่อมาตุภูมิ ในยุคที่ประเทศสงบสุขประชาชนปลอดภัย ความรักชาติยังหมายถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จและไม่สร้างปัญหาให้กับมาตุภูมิ
หลังจากการสถาปนาจีนใหม่ ก็ไม่ต้องทนกับความวุ่นวายของสงครามอีกต่อไป และสถานการณ์ความรักชาติก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน สำหรับผู้ประกอบการจำนวนมาก ความรักชาติของพวกเขาสะท้อนให้เห็นจากการใช้ทรัพย์สมบัติของตนเพื่อตอบแทนมาตุภูมิ เคยมีผู้ประกอบการรายหนึ่ง เขาซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินจากต่างประเทศและบริจาคให้กับมาตุภูมิ จากนั้น สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ประกาศให้บริษัทล้มละลาย เกิดอะไรขึ้นกับเขา
🤠1. ตัดสินใจซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินส่งไปมาตุภูมิบ้านเกิด🤠
สวี เจิงผิง(徐增平)เคยเป็นทหาร ในปีค.ศ. 1997 เขาเป็นประธานของ Hong Kong Chuanglu Group(香港创律集团)ข่าวที่เขาเห็นโดยบังเอิญทำให้หัวใจของเขาเต้นไหว ปรากฏว่ามีรายงานของสื่อว่ายูเครนต้องการขายเรือบรรทุกเครื่องบินที่ยังสร้างไม่เสร็จ และความรักชาติของเขาก็จุดประกายขึ้นมาทันที เขาตั้งใจจะซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินลำนั้นและมอบให้กับบ้านเกิดมาตุภูมิของเขา
เนื่องจากเรือบรรทุกเครื่องบินเกี่ยวข้องกับการพัฒนาภารกิจด้านการป้องกันประเทศของประเทศ เรือบรรทุกเครื่องบินยูเครนไม่สามารถซื้อในนามของประเทศได้ เพราะจะทำให้ประเทศอื่นมีโอกาสเข้ามาแทรกแซงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สวี เจิงผิง(徐增平)จึงตัดสินใจซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยเงินของเขาเอง อย่างไรก็ตาม เรือบรรทุกเครื่องบินถือเป็นอาวุธที่ใช้ในการป้องกันประเทศ รัฐบาลยูเครนจะไม่เห็นด้วยกับการซื้อของเขาโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเปิดบริษัทบันเทิงภายใต้ชื่อของเขาเอง ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Chuanglu Tourism and Entertainment Company(创律旅游娱乐公司) และอ้างว่าเขาซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยความตั้งใจที่จะเปลี่ยนให้เป็นสถานบันเทิง
ในปีค.ศ. 1998 สวี เจิงผิง(徐增平)ซึ่งไม่เข้าใจในเรื่องภาษาได้เดินทางมายังยูเครนอย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เขาเห็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ชื่อ "Varyag" สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาเขาคือสถานการณ์เมื่อร้อยปีก่อน เมื่อกิจการทหารเรือของจีนตกต่ำจนขีดต่ำสุด และถูกรังแกโดยประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ เขามีความตั้งใจมากขึ้นที่จะมีส่วนร่วมวางพื้นฐานเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินในการพัฒนากองทัพเรือของมาตุภูมิ ที่โต๊ะไวน์ สวี เจิงผิง(徐增平)ไม่สามารถสื่อสารกับบุคคลที่รับผิดชอบฝ่ายยูเครนได้ดี เขาดื่มเหล้าหนัก 6 ปอนด์เพื่อแสดงความมุ่งมั่น ในท้ายที่สุด เขาก็เจรจาเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินได้สำเร็จ
🤠2. อุปสรรคของการเดินทางกลับมาตุภูมิบ้านเกิดของเรือบรรทุกเครื่องบิน🤠
ในเวลานั้น ยูเครนตกลงที่จะขายเรือบรรทุกเครื่องบินลำดังกล่าวให้กับ สวี เจิงผิง(徐增平)ในราคา 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ไม่รวมแบบร่างการออกแบบ สวี เจิงผิง(徐增平)รู้ดีว่าแบบการออกแบบเรือบรรทุกเครื่องบินมีความสำคัญมากกว่าตัวเรือบรรทุกเครื่องบิน การได้แบบดังกล่าวเท่านั้น จึงจะสามารถผลิตเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงเจรจาอีกครั้ง และหลังจากการเจรจาบางอย่าง สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ซื้อแบบของการออกแบบเรือในราคาสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดิมทีคิดว่าเรือบรรทุกเครื่องบินสามารถกลับบ้านได้ในเวลานี้ แต่เนื่องจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นร่วมมือกัน เรือบรรทุกเครื่องบินจึงเกือบจะไม่สามารถกลับได้
สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นร่วมกันกดดันยูเครนให้หยุดขายเรือบรรทุกเครื่องบิน เมื่อหมดทางออกยูเครนจึงละทิ้งข้อตกลงทางวาจากับ สวี เจิงผิง(徐增平) และขายเรือบรรทุกเครื่องบินดังกล่าวในรูปแบบของการประมูลแทน เมื่อเห็นว่าเรือบรรทุกเครื่องบินที่เขากำลังจะได้มา แต่คนอื่นก็กำลังจะแย่งชิงเอาไป สวี เจิงผิง(徐增平)ระงับความขุ่นเคืองภายในของเขาและยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเข้าร่วมการประมูล และได้ประมูลซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินในราคาสูงถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
หลังจากเหตุการณ์นี้ สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้น เพื่อที่จะนำเรือบรรทุกเครื่องบินกลับมาตุภูมิโดยเร็วที่สุด เขาได้จัดการเรื่องเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ของเรือบรรทุกเครื่องบินทันทีและปกป้องแบบของการออกแบบอย่างระมัดระวัง เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบินแล่นมุ่งหน้าสู่มาตุภูมิเขารู้สึกตื่นเต้นซาบซึ้งมากจนน้ำตาไหล แต่เมื่อแบบร่างการออกแบบถูกส่งกลับไปยังประเทศจีน ช่างเทคนิคพบว่าแบบร่างนั้นไม่สมบูรณ์และข้อมูลสำคัญจำนวนมากยังขาดหายไป สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเดินทางไปยูเครนอีกครั้งเพื่อขอแบบร่างการออกแบบที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ระหว่างทางกลับบ้านมาตุภูมิ ยังถูกรัฐบาลตุรกีเข้าแทรกแซง ทำให้เรือบรรทุกเครื่องบินลำดังกล่าวลอยอยู่ในทะเลเป็นเวลาหนึ่งปี
🤠3. เรือบรรทุกเครื่องบินมาถึงบ้านมาตุภูมิ และบริษัทล้มละลาย🤠
ต่อมาการเจรจาระหว่างประเทศจีนกับตุรกีใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี ในช่วงเวลานี้ บริษัทเรือลากจูงจำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมท่าเทียบเรือของเรือบรรทุกเครื่องบินก็ต้องจ่ายด้วย ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมหลายแสนดอลลาร์ บริษัทของ สวี เจิงผิง(徐增平)ไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อีกต่อไป ในปี ค.ศ. 2002 เรือบรรทุกเครื่องบินได้แล่นเข้าสู่น่านน้ำของมาตุภูมิและเข้าสู่อ้อมกอดของมาตุภูมิในที่สุด ตั้งแต่การซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินไปจนถึงการส่งกลับจีน ใช้เวลาทั้งหมด 5 ปี และ สวี เจิงผิง(徐增平)ใช้เงินมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบินเดินทางถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย สวี เจิงผิง(徐增平)ได้ประกาศว่าบริษัทบันเทิงของเขาล้มละลายอย่างเป็นทางการ เดิมทีนี่เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อซื้อเรือบรรทุกเครื่องบิน คำโกหกนี้ปรากฏชัดออกมาในตัวเองทันทีที่เรือบรรทุกเครื่องบินมาถึงบ้านมาตุภูมิ สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเปลี่ยนมือและบริจาคเรือบรรทุกเครื่องบินให้กับประเทศ แม้ว่าบริษัทบันเทิงในมาเก๊าจะล้มละลาย แต่ สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ไม่ได้ตกอยู่ในสภาพความยากจน เขายังมีบริษัทอื่นในฮ่องกงและเขายังคงเป็นนักธุรกิจผู้รักชาติ
“ตี๋น้อยต้องการรับใช้ชาติ ไม่ใช่เพื่อเป็นเจ้าขุนมูลนาย” ผู้รักชาติที่แท้จริงถือว่าความรักชาติเป็นความรับผิดชอบของเขาเอง และไม่สนใจความสำเร็จหรือความล้มเหลวส่วนบุคคล สวี เจิงผิง(徐增平)ก็คือคนเช่นนี้ เขาแสดงมิตรภาพอันลึกซึ้งต่อมาตุภูมิในรูปแบบของเขาเอง และสมควรได้รับความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อเขา
🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯
🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰#แทนคุณแผ่นดิน 🤠คำนำ🤠 “ฉันสาบานว่าจะอุทิศด้วยเลือดในกายทั้งหมดของฉันเพื่อรับใช้มาตุภูมิ(我以我血荐轩辕)” นี่เป็นบทประพันธท่อนหนึ่งในถ้อยคำที่เขียนแล้วทำให้หัวใจคุกรุ่นซึ่งเขียนโดยหลู่ซวิ่น(鲁迅)ด้วยความรู้สึกรักชาติ เป็นเวลาหลายพันปีที่ความรักต่อมาตุภูมิเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวจีนจำนวนนับไม่ถ้วนต่อสู้เพื่อมาตุภูมิ และเราได้รู้จักผู้รักชาตินับไม่ถ้วนมาตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตาม ในยุคสมัยที่ต่างกัน การแสดงความรักชาติก็แตกต่างกันไป ในยุคแห่งสงคราม ความรักชาติอาจหมายถึงการเข้าสู่สนามรบ และไม่เสียใจที่ต้องสละชีวิตเพื่อทำลายศัตรูเพื่อมาตุภูมิ ในยุคที่ประเทศสงบสุขประชาชนปลอดภัย ความรักชาติยังหมายถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จและไม่สร้างปัญหาให้กับมาตุภูมิ หลังจากการสถาปนาจีนใหม่ ก็ไม่ต้องทนกับความวุ่นวายของสงครามอีกต่อไป และสถานการณ์ความรักชาติก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน สำหรับผู้ประกอบการจำนวนมาก ความรักชาติของพวกเขาสะท้อนให้เห็นจากการใช้ทรัพย์สมบัติของตนเพื่อตอบแทนมาตุภูมิ เคยมีผู้ประกอบการรายหนึ่ง เขาซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินจากต่างประเทศและบริจาคให้กับมาตุภูมิ จากนั้น สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ประกาศให้บริษัทล้มละลาย เกิดอะไรขึ้นกับเขา 🤠1. ตัดสินใจซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินส่งไปมาตุภูมิบ้านเกิด🤠 สวี เจิงผิง(徐增平)เคยเป็นทหาร ในปีค.ศ. 1997 เขาเป็นประธานของ Hong Kong Chuanglu Group(香港创律集团)ข่าวที่เขาเห็นโดยบังเอิญทำให้หัวใจของเขาเต้นไหว ปรากฏว่ามีรายงานของสื่อว่ายูเครนต้องการขายเรือบรรทุกเครื่องบินที่ยังสร้างไม่เสร็จ และความรักชาติของเขาก็จุดประกายขึ้นมาทันที เขาตั้งใจจะซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินลำนั้นและมอบให้กับบ้านเกิดมาตุภูมิของเขา เนื่องจากเรือบรรทุกเครื่องบินเกี่ยวข้องกับการพัฒนาภารกิจด้านการป้องกันประเทศของประเทศ เรือบรรทุกเครื่องบินยูเครนไม่สามารถซื้อในนามของประเทศได้ เพราะจะทำให้ประเทศอื่นมีโอกาสเข้ามาแทรกแซงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สวี เจิงผิง(徐增平)จึงตัดสินใจซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยเงินของเขาเอง อย่างไรก็ตาม เรือบรรทุกเครื่องบินถือเป็นอาวุธที่ใช้ในการป้องกันประเทศ รัฐบาลยูเครนจะไม่เห็นด้วยกับการซื้อของเขาโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเปิดบริษัทบันเทิงภายใต้ชื่อของเขาเอง ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Chuanglu Tourism and Entertainment Company(创律旅游娱乐公司) และอ้างว่าเขาซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยความตั้งใจที่จะเปลี่ยนให้เป็นสถานบันเทิง ในปีค.ศ. 1998 สวี เจิงผิง(徐增平)ซึ่งไม่เข้าใจในเรื่องภาษาได้เดินทางมายังยูเครนอย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เขาเห็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ชื่อ "Varyag" สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาเขาคือสถานการณ์เมื่อร้อยปีก่อน เมื่อกิจการทหารเรือของจีนตกต่ำจนขีดต่ำสุด และถูกรังแกโดยประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ เขามีความตั้งใจมากขึ้นที่จะมีส่วนร่วมวางพื้นฐานเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินในการพัฒนากองทัพเรือของมาตุภูมิ ที่โต๊ะไวน์ สวี เจิงผิง(徐增平)ไม่สามารถสื่อสารกับบุคคลที่รับผิดชอบฝ่ายยูเครนได้ดี เขาดื่มเหล้าหนัก 6 ปอนด์เพื่อแสดงความมุ่งมั่น ในท้ายที่สุด เขาก็เจรจาเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินได้สำเร็จ 🤠2. อุปสรรคของการเดินทางกลับมาตุภูมิบ้านเกิดของเรือบรรทุกเครื่องบิน🤠 ในเวลานั้น ยูเครนตกลงที่จะขายเรือบรรทุกเครื่องบินลำดังกล่าวให้กับ สวี เจิงผิง(徐增平)ในราคา 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ไม่รวมแบบร่างการออกแบบ สวี เจิงผิง(徐增平)รู้ดีว่าแบบการออกแบบเรือบรรทุกเครื่องบินมีความสำคัญมากกว่าตัวเรือบรรทุกเครื่องบิน การได้แบบดังกล่าวเท่านั้น จึงจะสามารถผลิตเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงเจรจาอีกครั้ง และหลังจากการเจรจาบางอย่าง สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ซื้อแบบของการออกแบบเรือในราคาสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดิมทีคิดว่าเรือบรรทุกเครื่องบินสามารถกลับบ้านได้ในเวลานี้ แต่เนื่องจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นร่วมมือกัน เรือบรรทุกเครื่องบินจึงเกือบจะไม่สามารถกลับได้ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นร่วมกันกดดันยูเครนให้หยุดขายเรือบรรทุกเครื่องบิน เมื่อหมดทางออกยูเครนจึงละทิ้งข้อตกลงทางวาจากับ สวี เจิงผิง(徐增平) และขายเรือบรรทุกเครื่องบินดังกล่าวในรูปแบบของการประมูลแทน เมื่อเห็นว่าเรือบรรทุกเครื่องบินที่เขากำลังจะได้มา แต่คนอื่นก็กำลังจะแย่งชิงเอาไป สวี เจิงผิง(徐增平)ระงับความขุ่นเคืองภายในของเขาและยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเข้าร่วมการประมูล และได้ประมูลซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินในราคาสูงถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากเหตุการณ์นี้ สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้น เพื่อที่จะนำเรือบรรทุกเครื่องบินกลับมาตุภูมิโดยเร็วที่สุด เขาได้จัดการเรื่องเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ของเรือบรรทุกเครื่องบินทันทีและปกป้องแบบของการออกแบบอย่างระมัดระวัง เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบินแล่นมุ่งหน้าสู่มาตุภูมิเขารู้สึกตื่นเต้นซาบซึ้งมากจนน้ำตาไหล แต่เมื่อแบบร่างการออกแบบถูกส่งกลับไปยังประเทศจีน ช่างเทคนิคพบว่าแบบร่างนั้นไม่สมบูรณ์และข้อมูลสำคัญจำนวนมากยังขาดหายไป สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเดินทางไปยูเครนอีกครั้งเพื่อขอแบบร่างการออกแบบที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ระหว่างทางกลับบ้านมาตุภูมิ ยังถูกรัฐบาลตุรกีเข้าแทรกแซง ทำให้เรือบรรทุกเครื่องบินลำดังกล่าวลอยอยู่ในทะเลเป็นเวลาหนึ่งปี 🤠3. เรือบรรทุกเครื่องบินมาถึงบ้านมาตุภูมิ และบริษัทล้มละลาย🤠 ต่อมาการเจรจาระหว่างประเทศจีนกับตุรกีใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี ในช่วงเวลานี้ บริษัทเรือลากจูงจำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมท่าเทียบเรือของเรือบรรทุกเครื่องบินก็ต้องจ่ายด้วย ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมหลายแสนดอลลาร์ บริษัทของ สวี เจิงผิง(徐增平)ไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อีกต่อไป ในปี ค.ศ. 2002 เรือบรรทุกเครื่องบินได้แล่นเข้าสู่น่านน้ำของมาตุภูมิและเข้าสู่อ้อมกอดของมาตุภูมิในที่สุด ตั้งแต่การซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินไปจนถึงการส่งกลับจีน ใช้เวลาทั้งหมด 5 ปี และ สวี เจิงผิง(徐增平)ใช้เงินมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบินเดินทางถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย สวี เจิงผิง(徐增平)ได้ประกาศว่าบริษัทบันเทิงของเขาล้มละลายอย่างเป็นทางการ เดิมทีนี่เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อซื้อเรือบรรทุกเครื่องบิน คำโกหกนี้ปรากฏชัดออกมาในตัวเองทันทีที่เรือบรรทุกเครื่องบินมาถึงบ้านมาตุภูมิ สวี เจิงผิง(徐增平)จึงเปลี่ยนมือและบริจาคเรือบรรทุกเครื่องบินให้กับประเทศ แม้ว่าบริษัทบันเทิงในมาเก๊าจะล้มละลาย แต่ สวี เจิงผิง(徐增平)ก็ไม่ได้ตกอยู่ในสภาพความยากจน เขายังมีบริษัทอื่นในฮ่องกงและเขายังคงเป็นนักธุรกิจผู้รักชาติ “ตี๋น้อยต้องการรับใช้ชาติ ไม่ใช่เพื่อเป็นเจ้าขุนมูลนาย” ผู้รักชาติที่แท้จริงถือว่าความรักชาติเป็นความรับผิดชอบของเขาเอง และไม่สนใจความสำเร็จหรือความล้มเหลวส่วนบุคคล สวี เจิงผิง(徐增平)ก็คือคนเช่นนี้ เขาแสดงมิตรภาพอันลึกซึ้งต่อมาตุภูมิในรูปแบบของเขาเอง และสมควรได้รับความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อเขา 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 0 รีวิว - ”สมเด็จพระพันปีหลวง“ โปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี ๒๕๖๗ 🙏🏻🩵
“คือใยรักถักร้อยด้วยชีวิต สร้างอีกหนึ่งชีวิตจนเติบใหญ่ ทอเส้นสายคุณธรรมสู่หัวใจ ลูกทดแทนคุณแม่ให้สู่แผ่นดิน”
๑๒ สิงหาคม วันคล้ายวันพระราชสมภพ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ 🙏🏻🩵🇹🇭
เครดิตภาพ : วาดภาพเหมือน ดิจิตอลเพ้นท์ติ้ง
#วันแม่แห่งชาติ
#12สิงหา
#ThaiTimes”สมเด็จพระพันปีหลวง“ โปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี ๒๕๖๗ 🙏🏻🩵 “คือใยรักถักร้อยด้วยชีวิต สร้างอีกหนึ่งชีวิตจนเติบใหญ่ ทอเส้นสายคุณธรรมสู่หัวใจ ลูกทดแทนคุณแม่ให้สู่แผ่นดิน” ๑๒ สิงหาคม วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขอพระองค์ทรงพระเจริญ 🙏🏻🩵🇹🇭 เครดิตภาพ : วาดภาพเหมือน ดิจิตอลเพ้นท์ติ้ง #วันแม่แห่งชาติ #12สิงหา #ThaiTimes - แหะ แหะ ยังไม่แก่ขนาดนี้นะ รูปนี้ทำไว้ ทำหนังสือเสียงเป็นตัวแทนคุณยายทับทอง ของน้องกองทัพแหะ แหะ ยังไม่แก่ขนาดนี้นะ รูปนี้ทำไว้ ทำหนังสือเสียงเป็นตัวแทนคุณยายทับทอง ของน้องกองทัพ