• รวบแก๊งคอลเซนเตอร์เขมร ตร.ไซเบอร์รับคนไทยกลับแยกคนผิด ตั้งข้อหาหนัก
    .
    เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวออกมาจากทางกัมพูชาว่าจะมีการทยอยส่งตัวคนไทยที่เข้าไปทำงานกับแก๊งคอลเซนเตอร์กลับประเทศไทย ในเรื่องนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกลไกที่ต้องดำเนินการตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ / ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) โดยพบว่ามีผู้ที่เข้าข่าย กระทำความผิดในข้อหาการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและข้อหาอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมขออนุมัติหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แบ่งเป็น คนไทยกว่า 100 ราย ต่างชาติ 2 รายที่เรียกกันว่าบอสชาวจีน
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานว่าสำหรับการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการดำเนินการตามรายละเอียดดังนี้ 1.จากการซักถามปากคำและคัดแยกกลุ่มตามสถานที่ที่บุคคลเหล่านี้ไปทำงานใน ประเทศกัมพูชา สามารถจัดกลุ่มได้ จำนวน 8 กลุ่ม
    .
    ได้แก่ (1) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 2 จำนวน 23 คน มีพฤติการณ์หลอกให้ลงทุนในหุ้น
    (2) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 15 จำนวน 14 คน มีพฤติการณ์เป็นโรแมนซ์สแกม หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (3) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 18 จำนวน 18 คน มีพฤติการณ์เกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ M98
    .
    (4) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ B9 จำนวน 4 คน มีพฤติการณ์หลอกลวงด้วยการโทร หรือ call center โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน
    (5) ตึกภูมิตาสวน อาคาร 1 ชั้น ออฟฟิศ 6 จำนวน 27 คน (เป็นบุคคลตามหมายจับ 1 คน) มีพฤติการณ์หลอกลวงโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ (การไฟฟ้า/กรมบัญชีกลาง)
    .
    (6) ตึกภูมิตาสวน อาคาร 1 ชั้น ห้อง 9 จำนวน 6 คน (7) ยังระบุสถานที่ทำงานไม่ได้ ซึ่งอยู่ในบริเวณตึกภูมิตาสวน จำนวน 12 คน (เป็นบุคคลตามหมายจับ 6 คน) คงเหลือเป็นบุคคลที่เข้าสู่กระบวนการ NRM จำนวน 6 คน (😎 อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน มีพฤติการณ์เกี่ยวกับการชักชวนเล่นการพนันไฮโลออนไลน์
    .
    ในจำนวนทั้งหมด 112 คน ที่ได้ดำเนินการซักถาม ก่อนกระบวนการคัดกรองตามกระบวนการคัดกรองผู้เสียหายตามคดีค้ามนุษย์ NRM พบว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน ซึ่งผลการคัดกรองทั้งหมดจำนวน 112 คน ปรากฏว่า ไม่พบข้อบ่งชี้ว่าเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์แต่อย่างใด
    .
    จากการสืบสวนสอบสวนและพยานหลักฐานพบว่าคนไทยตามข้อ 1. ที่ทำงานในตึกภูมิตาสวนรวมจำนวน 100 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐาน ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ซ่องโจร,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และพบว่ามีหัวหน้า และคนติดตามซึ่งเป็นชาวจีน จำนวน 2 คนร่วมกระทำผิดด้วย ส่วนคนไทยที่ทำงาน อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน รวม 19 คน ยังไม่พบหลักฐานในการกระทำผิด
    .
    ข่าวแจ้งว่า วันที่ 3 มี.ค.2568 เวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวนของ บช.สอท. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับบุคคลตามข้อ 2. ต่อศาลอาญา รวมจำนวน 102 คน ในข้อหาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ซ่องโจร,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับบุคคลดังกล่าว ทั้งหมดรวม 102 คน แยกเป็นคนไทย จำนวน 100 คน และชาวจีน 2 คน
    .
    เวลาประมาณ 16.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. และ ภ.จว.สระแก้ว ได้นำหมายจับดังกล่าวมาแสดง และแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งเป็นคนไทย รวม 93 คน (ที่เหลืออีก 7 คน ได้มีการจับกุมตามหมายจับคดีอื่นไปก่อนแล้ว) และได้ทำบันทึกจับกุม รวมทั้งดำเนินการแจ้งการควบคุมตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ
    .
    และเวลาประมาณ 23.25 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้นำผู้ต้องหาตามหมายจับ ทั้งหมด 93 คน ออกจากสโมสรค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปยัง บช.สอท. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
    .
    ส่วนคนไทยที่ทำงาน อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน ซึ่งยังไม่พบหลักฐานในการกระทำผิด และไม่ได้ถูกออกหมายจับ ได้ส่งกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว
    .
    สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสระแก้ว ได้รับตัวไป เพื่อคุ้มครอง และส่งกลับภูมิลำเนาต่อไป
    .
    จากนั้น วันที่ 3 มี.ค.2568 เวลาประมาณ 23.40 น. ได้ปิดศูนย์คัดกรองตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ NRM ณ สโมสรค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ทั่วไปปกติ
    ..............
    Sondhi X
    รวบแก๊งคอลเซนเตอร์เขมร ตร.ไซเบอร์รับคนไทยกลับแยกคนผิด ตั้งข้อหาหนัก . เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวออกมาจากทางกัมพูชาว่าจะมีการทยอยส่งตัวคนไทยที่เข้าไปทำงานกับแก๊งคอลเซนเตอร์กลับประเทศไทย ในเรื่องนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกลไกที่ต้องดำเนินการตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ / ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) โดยพบว่ามีผู้ที่เข้าข่าย กระทำความผิดในข้อหาการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและข้อหาอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมขออนุมัติหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แบ่งเป็น คนไทยกว่า 100 ราย ต่างชาติ 2 รายที่เรียกกันว่าบอสชาวจีน . ทั้งนี้ มีรายงานว่าสำหรับการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการดำเนินการตามรายละเอียดดังนี้ 1.จากการซักถามปากคำและคัดแยกกลุ่มตามสถานที่ที่บุคคลเหล่านี้ไปทำงานใน ประเทศกัมพูชา สามารถจัดกลุ่มได้ จำนวน 8 กลุ่ม . ได้แก่ (1) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 2 จำนวน 23 คน มีพฤติการณ์หลอกให้ลงทุนในหุ้น (2) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 15 จำนวน 14 คน มีพฤติการณ์เป็นโรแมนซ์สแกม หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (3) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 18 จำนวน 18 คน มีพฤติการณ์เกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ M98 . (4) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ B9 จำนวน 4 คน มีพฤติการณ์หลอกลวงด้วยการโทร หรือ call center โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน (5) ตึกภูมิตาสวน อาคาร 1 ชั้น ออฟฟิศ 6 จำนวน 27 คน (เป็นบุคคลตามหมายจับ 1 คน) มีพฤติการณ์หลอกลวงโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ (การไฟฟ้า/กรมบัญชีกลาง) . (6) ตึกภูมิตาสวน อาคาร 1 ชั้น ห้อง 9 จำนวน 6 คน (7) ยังระบุสถานที่ทำงานไม่ได้ ซึ่งอยู่ในบริเวณตึกภูมิตาสวน จำนวน 12 คน (เป็นบุคคลตามหมายจับ 6 คน) คงเหลือเป็นบุคคลที่เข้าสู่กระบวนการ NRM จำนวน 6 คน (😎 อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน มีพฤติการณ์เกี่ยวกับการชักชวนเล่นการพนันไฮโลออนไลน์ . ในจำนวนทั้งหมด 112 คน ที่ได้ดำเนินการซักถาม ก่อนกระบวนการคัดกรองตามกระบวนการคัดกรองผู้เสียหายตามคดีค้ามนุษย์ NRM พบว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน ซึ่งผลการคัดกรองทั้งหมดจำนวน 112 คน ปรากฏว่า ไม่พบข้อบ่งชี้ว่าเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์แต่อย่างใด . จากการสืบสวนสอบสวนและพยานหลักฐานพบว่าคนไทยตามข้อ 1. ที่ทำงานในตึกภูมิตาสวนรวมจำนวน 100 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐาน ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ซ่องโจร,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และพบว่ามีหัวหน้า และคนติดตามซึ่งเป็นชาวจีน จำนวน 2 คนร่วมกระทำผิดด้วย ส่วนคนไทยที่ทำงาน อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน รวม 19 คน ยังไม่พบหลักฐานในการกระทำผิด . ข่าวแจ้งว่า วันที่ 3 มี.ค.2568 เวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวนของ บช.สอท. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับบุคคลตามข้อ 2. ต่อศาลอาญา รวมจำนวน 102 คน ในข้อหาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ซ่องโจร,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับบุคคลดังกล่าว ทั้งหมดรวม 102 คน แยกเป็นคนไทย จำนวน 100 คน และชาวจีน 2 คน . เวลาประมาณ 16.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. และ ภ.จว.สระแก้ว ได้นำหมายจับดังกล่าวมาแสดง และแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งเป็นคนไทย รวม 93 คน (ที่เหลืออีก 7 คน ได้มีการจับกุมตามหมายจับคดีอื่นไปก่อนแล้ว) และได้ทำบันทึกจับกุม รวมทั้งดำเนินการแจ้งการควบคุมตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ . และเวลาประมาณ 23.25 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้นำผู้ต้องหาตามหมายจับ ทั้งหมด 93 คน ออกจากสโมสรค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปยัง บช.สอท. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป . ส่วนคนไทยที่ทำงาน อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน ซึ่งยังไม่พบหลักฐานในการกระทำผิด และไม่ได้ถูกออกหมายจับ ได้ส่งกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว . สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสระแก้ว ได้รับตัวไป เพื่อคุ้มครอง และส่งกลับภูมิลำเนาต่อไป . จากนั้น วันที่ 3 มี.ค.2568 เวลาประมาณ 23.40 น. ได้ปิดศูนย์คัดกรองตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ NRM ณ สโมสรค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ทั่วไปปกติ .............. Sondhi X
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระบี่ไร้เทียมทาน Reincarnated (1978) ตอนที่ 6/60
    นำแสดงโดย :
    ฉีเส้าเฉียง 徐少強/顧冠忠 飾演 雲飛揚
    เหมียวเค่อซิ่ว 苗可秀 飾演 獨孤鳳
    หวีอันอัน 余安安 飾演 傅香君
    อู่เว่ยกั๋ว 伍衛國 飾演 傅玉書
    หม่าเหมี่ยนเอ๋อ 馬敏兒 飾演 倫婉兒
    กระบี่ไร้เทียมทาน Reincarnated (1978) ตอนที่ 6/60 นำแสดงโดย : ฉีเส้าเฉียง 徐少強/顧冠忠 飾演 雲飛揚 เหมียวเค่อซิ่ว 苗可秀 飾演 獨孤鳳 หวีอันอัน 余安安 飾演 傅香君 อู่เว่ยกั๋ว 伍衛國 飾演 傅玉書 หม่าเหมี่ยนเอ๋อ 馬敏兒 飾演 倫婉兒
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้เขียนบทความพิเศษเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและประเภทของการใช้ตราพระราชลัญจกร การสร้างตราพระราชลัญจกร และการใช้ตราพระราชลัญจกรของไทยต่อเนื่องหลายตอนต่อเนื่องในเว็บไซต์ https://mgronline.com
    ขอยกข้อความหนึ่งในตอนการใช้ตราพระราชลัญจกรล่าสุดว่า

    ".....กล่าวได้ว่าเอกสารสำคัญในสมัยโบราณของไทย มิได้มีการลงพระปรมาภิไธย แต่ใช้การประทับพระราชลัญจกรเพียงอย่างเดียว หากเป็นเอกสารสำคัญมาก ก็จะมีการประทับตราพระราชลัญจกรหลายองค์ ทั้งตราพระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินได้แก่ ตราพระราชลัญจกรมหาโองการ ตราพระราชลัญจกรไอยราพต และตราพระราชลัญจกรหงสพิมาน และประทับตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาลคือ พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ ที่ล้อมด้วยอักษรพระปรมาภิไธยด้วย

    พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ทรงใช้ลายพระนามคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงพระปรมาภิไธยเป็นภาษาละตินว่า SPPM. Mongkut Rex Siamensium โดยที่ SPPM ย่อมาจาก Somdet Phra. Poramenthra Maha Mongkut ส่วนคำภาษาละตินว่า Rex Siamensium แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า King of the Siam และภาษาไทยลงพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกทื่ทรงลงพระปรมาภิไธยและมีการประทับตราพระราชลัญจกรกำกับพระปรมาภิไธย และถือเป็นราชประเพณีปฏิบัติเช่นนี้มาจนกระทั่งปัจจุบัน ....."

    ที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9680000020433
    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้เขียนบทความพิเศษเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและประเภทของการใช้ตราพระราชลัญจกร การสร้างตราพระราชลัญจกร และการใช้ตราพระราชลัญจกรของไทยต่อเนื่องหลายตอนต่อเนื่องในเว็บไซต์ https://mgronline.com ขอยกข้อความหนึ่งในตอนการใช้ตราพระราชลัญจกรล่าสุดว่า ".....กล่าวได้ว่าเอกสารสำคัญในสมัยโบราณของไทย มิได้มีการลงพระปรมาภิไธย แต่ใช้การประทับพระราชลัญจกรเพียงอย่างเดียว หากเป็นเอกสารสำคัญมาก ก็จะมีการประทับตราพระราชลัญจกรหลายองค์ ทั้งตราพระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินได้แก่ ตราพระราชลัญจกรมหาโองการ ตราพระราชลัญจกรไอยราพต และตราพระราชลัญจกรหงสพิมาน และประทับตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาลคือ พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ ที่ล้อมด้วยอักษรพระปรมาภิไธยด้วย พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ทรงใช้ลายพระนามคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงพระปรมาภิไธยเป็นภาษาละตินว่า SPPM. Mongkut Rex Siamensium โดยที่ SPPM ย่อมาจาก Somdet Phra. Poramenthra Maha Mongkut ส่วนคำภาษาละตินว่า Rex Siamensium แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า King of the Siam และภาษาไทยลงพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกทื่ทรงลงพระปรมาภิไธยและมีการประทับตราพระราชลัญจกรกำกับพระปรมาภิไธย และถือเป็นราชประเพณีปฏิบัติเช่นนี้มาจนกระทั่งปัจจุบัน ....." ที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9680000020433
    MGRONLINE.COM
    ผู้จัดการออนไลน์ เว็บไซต์ข่าวชั้นนำของไทย แหล่งรวมข่าวสารที่ครบครัน
    ติดตามข่าวสารล่าสุด อัพเดทเหตุการณ์ปัจจุบัน รับรู้ข่าวสารด่วนทันที ไม่พลาดข่าวสารอัพเดท ข่าววันนี้ ติดตามข่าวอุบัติเหตุ อัพเดทข่าวการเมือง เศรษฐกิจ รับรู้ข่าวสารตลอด 24 ชม. ผู้จัดการออนไลน์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • บขส.เปิดเส้นทางสนามบิน ไปหัวหิน-พัทยา

    ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. จะเปิดให้บริการรถโดยสารระบบขนส่งเสริม (Feeder) เส้นทางจากท่าอากาศยานเชื่อมต่อไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างรถโดยสารสาธารณะกับท่าอากาศยาน กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในเมืองหลัก และเมืองรองหรือเมืองน่าเที่ยวภายในประเทศ นำร่อง 3 เส้นทาง ได้แก่

    1. ท่าอากาศยานดอนเมือง-พัทยา จ.ชลบุรี ระยะทาง 162 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 155 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 30 นาที ปลายทางถนนสุขุมวิท ขาออก ระหว่างพัทยาเหนือและพัทยากลาง

    2. ท่าอากาศยานดอนเมือง-หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 216 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 200 บาท ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 30 นาที เฉพาะเที่ยวไป รถจอดส่งผู้โดยสารที่หน้าวัดหัวหิน ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ทมอลล์ และสถานีเดินรถหัวหิน

    3. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา ระยะทาง 127 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 122 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ปลายทางถนนสุขุมวิท ขาออก ระหว่างพัทยาเหนือและพัทยากลาง

    สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถ และจองตั๋วโดยสารได้ทางเว็บไซต์ https://tcl99web.transport.co.th

    • จากสนามบินดอนเมือง เลือกจังหวัด "กรุงเทพมหานคร" เลือกต้นทาง "ท่าอากาศยานดอนเมือง"

    • จากสนามบินสุวรรณภูมิ เลือกจังหวัด "สมุทรปราการ" เลือกต้นทาง "สุวรรณภูมิ(สนามบิน)021344099"

    • จากพัทยา เลือกจังหวัด "ชลบุรี" เลือกต้นทาง "พัทยา(กลาง) 038231142"

    • จากหัวหิน เลือกจังหวัด "ประจวบคีรีขันธ์" เลือกต้นทาง "หัวหิน032-511230"

    จุดขึ้นรถที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จะอยู่ที่อาคาร Service Hall ชั้น 1 ติดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ด้านทิศเหนือของสนามบินดอนเมือง

    จุดขึ้นรถที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะอยู่ที่ประตู 8 ชั้น 1 อาคารผู้โดยสาร โทร. 0-2134-4099

    จุดขึ้นรถที่เมืองพัทยา เที่ยวกลับ อยู่ที่ถนนสุขุมวิท ฝั่งขาออก ระหว่างแยกพัทยาเหนือและแยกพัทยากลาง โทร. 0-3823-1142

    จุดขึ้นรถที่หัวหิน เที่ยวกลับ มี 2 จุด ได้แก่ สถานีเดินรถหัวหิน ถนนเพชรเกษม บริเวณแยกพุทธไชโย ซอยหัวหิน 91 ห่างจากสวนน้ำวานา นาวา ประมาณ 1 กิโลเมตร โทร. 0-3251-1230 และศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ทมอลล์

    การเปิดเส้นทางเดินรถดังกล่าว ผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ สามารถต่อรถทัวร์ไปหัวหินและพัทยาได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปขึ้นรถที่หมอชิต 2 อีกต่อไป รวมทั้งจากหัวหินไปดอนเมือง และจากพัทยาไปดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิโดยตรง ช่วยประหยัดเวลามากขึ้น

    สอบถามข้อมูลการเดินทางได้ที่ บขส. โทร. 0-2936-3660 หรือไลน์ @TCL99

    #Newskit
    บขส.เปิดเส้นทางสนามบิน ไปหัวหิน-พัทยา ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. จะเปิดให้บริการรถโดยสารระบบขนส่งเสริม (Feeder) เส้นทางจากท่าอากาศยานเชื่อมต่อไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างรถโดยสารสาธารณะกับท่าอากาศยาน กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในเมืองหลัก และเมืองรองหรือเมืองน่าเที่ยวภายในประเทศ นำร่อง 3 เส้นทาง ได้แก่ 1. ท่าอากาศยานดอนเมือง-พัทยา จ.ชลบุรี ระยะทาง 162 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 155 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 30 นาที ปลายทางถนนสุขุมวิท ขาออก ระหว่างพัทยาเหนือและพัทยากลาง 2. ท่าอากาศยานดอนเมือง-หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 216 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 200 บาท ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 30 นาที เฉพาะเที่ยวไป รถจอดส่งผู้โดยสารที่หน้าวัดหัวหิน ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ทมอลล์ และสถานีเดินรถหัวหิน 3. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา ระยะทาง 127 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 122 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ปลายทางถนนสุขุมวิท ขาออก ระหว่างพัทยาเหนือและพัทยากลาง สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถ และจองตั๋วโดยสารได้ทางเว็บไซต์ https://tcl99web.transport.co.th • จากสนามบินดอนเมือง เลือกจังหวัด "กรุงเทพมหานคร" เลือกต้นทาง "ท่าอากาศยานดอนเมือง" • จากสนามบินสุวรรณภูมิ เลือกจังหวัด "สมุทรปราการ" เลือกต้นทาง "สุวรรณภูมิ(สนามบิน)021344099" • จากพัทยา เลือกจังหวัด "ชลบุรี" เลือกต้นทาง "พัทยา(กลาง) 038231142" • จากหัวหิน เลือกจังหวัด "ประจวบคีรีขันธ์" เลือกต้นทาง "หัวหิน032-511230" จุดขึ้นรถที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จะอยู่ที่อาคาร Service Hall ชั้น 1 ติดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ด้านทิศเหนือของสนามบินดอนเมือง จุดขึ้นรถที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะอยู่ที่ประตู 8 ชั้น 1 อาคารผู้โดยสาร โทร. 0-2134-4099 จุดขึ้นรถที่เมืองพัทยา เที่ยวกลับ อยู่ที่ถนนสุขุมวิท ฝั่งขาออก ระหว่างแยกพัทยาเหนือและแยกพัทยากลาง โทร. 0-3823-1142 จุดขึ้นรถที่หัวหิน เที่ยวกลับ มี 2 จุด ได้แก่ สถานีเดินรถหัวหิน ถนนเพชรเกษม บริเวณแยกพุทธไชโย ซอยหัวหิน 91 ห่างจากสวนน้ำวานา นาวา ประมาณ 1 กิโลเมตร โทร. 0-3251-1230 และศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ทมอลล์ การเปิดเส้นทางเดินรถดังกล่าว ผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ สามารถต่อรถทัวร์ไปหัวหินและพัทยาได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปขึ้นรถที่หมอชิต 2 อีกต่อไป รวมทั้งจากหัวหินไปดอนเมือง และจากพัทยาไปดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิโดยตรง ช่วยประหยัดเวลามากขึ้น สอบถามข้อมูลการเดินทางได้ที่ บขส. โทร. 0-2936-3660 หรือไลน์ @TCL99 #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia และ Broadcom ยังคงทดลองใช้ชิปที่ผลิตโดยใช้กระบวนการ 18A ของ Intel การทดสอบนี้เริ่มต้นจากช่วงต้นปี 2024 โดยรายงานจาก Reuters ระบุว่าทั้งสองบริษัทกำลังทำความเข้าใจกับประสิทธิภาพและพฤติกรรมของกระบวนการ 18A ของ Intel

    กระบวนการผลิต 18A ของ Intel เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ RibbonFET และการจ่ายพลังงานผ่านด้านหลังชิปที่เรียกว่า PowerVia ซึ่งมีการเปรียบเทียบกับกระบวนการผลิต N2 ของ TSMC โดยกระบวนการ 18A ของ Intel จะมีความเร็วที่สูงกว่า ในขณะที่ N2 ของ TSMC จะมีความหนาแน่นมากกว่า

    แม้ว่าจะมีการทดลองใช้ชิปจากกระบวนการ 18A อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัญหาที่พบกับการสนับสนุนจากบริษัท IP บุคคลที่สามบางราย ซึ่งอาจทำให้การส่งมอบชิปสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการการผลิตชิปของ Intel ล่าช้าออกไปจนถึงกลางปี 2026

    Intel ได้เปิดเว็บไซต์ใหม่เพื่อแสดงกระบวนการ 18A และกำลังเตรียมเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Panther Lake สำหรับผู้บริโภคในช่วงกลางปี 2025

    สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ Broadcom และ Nvidia ยังคงให้ความสนใจและทดลองใช้กระบวนการผลิตนี้ โดยทั้งสองบริษัทกำลังพยายามเข้าใจและประเมินความสามารถของกระบวนการ 18A ในการผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพสูง

    นอกจากนี้ Intel ยังต้องการล็อกลูกค้ารายใหญ่สำหรับกระบวนการผลิตใหม่ของพวกเขาเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ และพวกเขาคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการสร้างกำ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-and-broadcom-continue-trialing-intel-18a-test-chips-report
    Nvidia และ Broadcom ยังคงทดลองใช้ชิปที่ผลิตโดยใช้กระบวนการ 18A ของ Intel การทดสอบนี้เริ่มต้นจากช่วงต้นปี 2024 โดยรายงานจาก Reuters ระบุว่าทั้งสองบริษัทกำลังทำความเข้าใจกับประสิทธิภาพและพฤติกรรมของกระบวนการ 18A ของ Intel กระบวนการผลิต 18A ของ Intel เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ RibbonFET และการจ่ายพลังงานผ่านด้านหลังชิปที่เรียกว่า PowerVia ซึ่งมีการเปรียบเทียบกับกระบวนการผลิต N2 ของ TSMC โดยกระบวนการ 18A ของ Intel จะมีความเร็วที่สูงกว่า ในขณะที่ N2 ของ TSMC จะมีความหนาแน่นมากกว่า แม้ว่าจะมีการทดลองใช้ชิปจากกระบวนการ 18A อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัญหาที่พบกับการสนับสนุนจากบริษัท IP บุคคลที่สามบางราย ซึ่งอาจทำให้การส่งมอบชิปสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการการผลิตชิปของ Intel ล่าช้าออกไปจนถึงกลางปี 2026 Intel ได้เปิดเว็บไซต์ใหม่เพื่อแสดงกระบวนการ 18A และกำลังเตรียมเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Panther Lake สำหรับผู้บริโภคในช่วงกลางปี 2025 สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ Broadcom และ Nvidia ยังคงให้ความสนใจและทดลองใช้กระบวนการผลิตนี้ โดยทั้งสองบริษัทกำลังพยายามเข้าใจและประเมินความสามารถของกระบวนการ 18A ในการผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ Intel ยังต้องการล็อกลูกค้ารายใหญ่สำหรับกระบวนการผลิตใหม่ของพวกเขาเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ และพวกเขาคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการสร้างกำ https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-and-broadcom-continue-trialing-intel-18a-test-chips-report
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวที่น่าสนใจจาก Tom's Hardware เกี่ยวกับการปิดตัวของบริษัท Efabless ที่ส่งผลกระทบต่อโครงการผลิตชิป Tiny Tapeout อย่างไม่แน่นอน

    Efabless เป็นบริษัทที่ทำให้กระบวนการสร้างชิปคอมพิวเตอร์เปิดกว้างสำหรับผู้ที่สนใจและนักพัฒนาขนาดเล็ก บริษัทนี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือในการพัฒนาและผลิตชิปที่เป็นที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ Efabless กำลังเผชิญกับปัญหาการเงินและไม่แน่ชัดว่าจะกลับมาได้หรือไม่ สิ่งนี้ส่งผลให้โครงการ Tiny Tapeout ที่พึ่งพาเทคโนโลยีของ Efabless ต้องอยู่ในสภาพไม่แน่นอน

    Tiny Tapeout เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการทำให้การออกแบบและผลิตชิปคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องง่ายและราคาถูกสำหรับผู้ที่สนใจและนักพัฒนาขนาดเล็ก โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างชิปของตัวเองได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากมาย

    Tiny Tapeout มีการจัดทำชิปที่สามารถออกแบบได้ในขนาดเล็กและสามารถผลิตได้ในราคาที่ไม่แพง โดยมีการใช้เทคโนโลยีการออกแบบดิจิทัลและการผลิตชิปที่ทันสมัย ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นการออกแบบชิปของตัวเองได้โดยใช้เครื่องมือที่มีให้ในเว็บไซต์ของ Tiny Tapeout และสามารถส่งการออกแบบเพื่อผลิตชิปจริงได้

    โครงการนี้ยังมีการสนับสนุนจาก Efabless ซึ่งเป็นบริษัทที่ช่วยในการพัฒนาและผลิตชิป โดยมีการจัดทำชิปที่มีขนาดเล็กและราคาถูกเพื่อให้ผู้ใช้สามารถทดลองและพัฒนาชิปของตัวเองได้อย่างง่ายดาย

    Tiny Tapeout ได้ออกมาพูดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ TT08 และ TT09 ที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ ขณะที่โครงการ TT08 ยังรอการบรรจุซิลิคอน โครงการ TT09 กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิตที่ SkyWater Technology และอาจไม่สามารถเสร็จสิ้นได้ Tiny Tapeout กำลังพยายามหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อที่จะสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ และยังมีแผนที่จะคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบหากไม่สามารถจัดส่งชิปได้

    การที่ Efabless ปิดตัวเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับชุมชนผู้พัฒนาที่ใช้บริการของบริษัทนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีชิปต้องใช้เวลาและพลังงานมากมายจากผู้ที่ร่วมโครงการ ดังนั้นการที่โครงการเหล่านี้ต้องอยู่ในสภาพไม่แน่นอนเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/efabless-shuts-down-fate-of-tiny-tapeout-chip-production-projects-unclear
    มีข่าวที่น่าสนใจจาก Tom's Hardware เกี่ยวกับการปิดตัวของบริษัท Efabless ที่ส่งผลกระทบต่อโครงการผลิตชิป Tiny Tapeout อย่างไม่แน่นอน Efabless เป็นบริษัทที่ทำให้กระบวนการสร้างชิปคอมพิวเตอร์เปิดกว้างสำหรับผู้ที่สนใจและนักพัฒนาขนาดเล็ก บริษัทนี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือในการพัฒนาและผลิตชิปที่เป็นที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ Efabless กำลังเผชิญกับปัญหาการเงินและไม่แน่ชัดว่าจะกลับมาได้หรือไม่ สิ่งนี้ส่งผลให้โครงการ Tiny Tapeout ที่พึ่งพาเทคโนโลยีของ Efabless ต้องอยู่ในสภาพไม่แน่นอน Tiny Tapeout เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการทำให้การออกแบบและผลิตชิปคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องง่ายและราคาถูกสำหรับผู้ที่สนใจและนักพัฒนาขนาดเล็ก โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างชิปของตัวเองได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากมาย Tiny Tapeout มีการจัดทำชิปที่สามารถออกแบบได้ในขนาดเล็กและสามารถผลิตได้ในราคาที่ไม่แพง โดยมีการใช้เทคโนโลยีการออกแบบดิจิทัลและการผลิตชิปที่ทันสมัย ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นการออกแบบชิปของตัวเองได้โดยใช้เครื่องมือที่มีให้ในเว็บไซต์ของ Tiny Tapeout และสามารถส่งการออกแบบเพื่อผลิตชิปจริงได้ โครงการนี้ยังมีการสนับสนุนจาก Efabless ซึ่งเป็นบริษัทที่ช่วยในการพัฒนาและผลิตชิป โดยมีการจัดทำชิปที่มีขนาดเล็กและราคาถูกเพื่อให้ผู้ใช้สามารถทดลองและพัฒนาชิปของตัวเองได้อย่างง่ายดาย Tiny Tapeout ได้ออกมาพูดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ TT08 และ TT09 ที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ ขณะที่โครงการ TT08 ยังรอการบรรจุซิลิคอน โครงการ TT09 กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิตที่ SkyWater Technology และอาจไม่สามารถเสร็จสิ้นได้ Tiny Tapeout กำลังพยายามหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อที่จะสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ และยังมีแผนที่จะคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบหากไม่สามารถจัดส่งชิปได้ การที่ Efabless ปิดตัวเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับชุมชนผู้พัฒนาที่ใช้บริการของบริษัทนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีชิปต้องใช้เวลาและพลังงานมากมายจากผู้ที่ร่วมโครงการ ดังนั้นการที่โครงการเหล่านี้ต้องอยู่ในสภาพไม่แน่นอนเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/efabless-shuts-down-fate-of-tiny-tapeout-chip-production-projects-unclear
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Efabless shuts down, fate of Tiny Tapeout chip production projects unclear
    Tiny Tapeout is exploring other avenues for project manufacturing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์" เผย อธิบดีดีเอสไอ ลงนามเห็นชอบให้อัยการพิเศษ ขอออกหมายจับ ‘หม่อง ชิตตู่‘ พร้อมพวก พบพฤติการณ์ค้ามนุษย์ทั้งในและนอกประเทศ

    วันนี้ (3 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.สิริวิชญ์ เกษมทรัพย์ ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์ ดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการขอออกหมายจับ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำกองกำลัง BGF กับพวก ตาม พ.ร.บ.การค้ามนุษย์ ว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้ลงนามความเห็นสรุปสำนวนส่ง อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 แล้วในวันนี้ โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานจากพฤติการณ์ของ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ และพวก ที่เกี่ยวข้องกับความผิดการค้ามนุษย์ ที่อยู่นอกประเทศต่อเนื่องกับภายในประเทศ ซึ่งในรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้

    พ.ต.ต.สิริวิชญ์ ยืนยันว่า พยานหลักฐานสามารถเอาผิดหม่อง ชิตตู่ และพวกที่มีคนไทยร่วมขบวนการอยู่ด้วย ประมาณ 10 รายแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะอยู่ในชั้นการพิจารณาของอัยการ แต่หากพบว่าใครกระทำความผิดก็จะดำเนินการอย่างไม่มีละเว้น

    #MGROnline #กองคดีการค้ามนุษย์ #อธิบดีดีเอสไอ #ดีเอสไอ #หม่องชิตตู่
    "ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์" เผย อธิบดีดีเอสไอ ลงนามเห็นชอบให้อัยการพิเศษ ขอออกหมายจับ ‘หม่อง ชิตตู่‘ พร้อมพวก พบพฤติการณ์ค้ามนุษย์ทั้งในและนอกประเทศ • วันนี้ (3 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.สิริวิชญ์ เกษมทรัพย์ ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์ ดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการขอออกหมายจับ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำกองกำลัง BGF กับพวก ตาม พ.ร.บ.การค้ามนุษย์ ว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้ลงนามความเห็นสรุปสำนวนส่ง อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 แล้วในวันนี้ โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานจากพฤติการณ์ของ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ และพวก ที่เกี่ยวข้องกับความผิดการค้ามนุษย์ ที่อยู่นอกประเทศต่อเนื่องกับภายในประเทศ ซึ่งในรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ • พ.ต.ต.สิริวิชญ์ ยืนยันว่า พยานหลักฐานสามารถเอาผิดหม่อง ชิตตู่ และพวกที่มีคนไทยร่วมขบวนการอยู่ด้วย ประมาณ 10 รายแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะอยู่ในชั้นการพิจารณาของอัยการ แต่หากพบว่าใครกระทำความผิดก็จะดำเนินการอย่างไม่มีละเว้น • #MGROnline #กองคดีการค้ามนุษย์ #อธิบดีดีเอสไอ #ดีเอสไอ #หม่องชิตตู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองปราบบุกทลายเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ SBOBET รวบ 13 ผู้ต้องหายึดเงินสด 7 ล้าน-ทรัพย์สินรวม 20 ล้านบาท พบเปิดมา 10 ปี เงินหมุนเวียน 1.6 พันล้าน เตรียมนำเฉลี่ยคืนเหยื่อ "อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย" ลูกค้า VIP ของเว็บฯ

    วันนี้ (3 มี.ค. ) ที่ กองปราบปราม ( บก.ป.) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. และ เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ตี่ลี่ ภาค 2 เซียนพนัน VIP ถังแตก ทลายเครือข่ายเว็บพนัน SBOBET” หลังนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.ปทุมธานี ก่อนสามารถจับกุม นายธนะพัฒน์ อายุ 58 ปี เอเยนต์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ SBOBET พร้อมทีมงานบริหารจัดการเว็บ ,แอดมิน ,บัญชีม้า และ บุคคลที่ได้รับผลประโยชน์ รวม 13 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ต้องที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจากคดีอื่น 1 ราย

    พร้อมกันนี้ยังได้ตรวจยึดของกลาง หลายรายการประกอบด้วย เงินสด 7 ล้านบาท รถยนต์ BMW X3 จำนวน 1 คัน รถยนต์ Toyota Alphard 1 คัน รถยนต์มิซูบิชิ ปาเจโร่ 1 คัน ตุ๊กตาแบร์บริค 5 ตัว พระเครื่อง 132 องค์ นาฬิกาหรู 3 เรือน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อาวุธปืน 2 กระบอก โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก รวม 49 เล่ม คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ไอแพด 3 เครื่อง เครื่องนับเงิน 1 เครื่อง เอกสารฝาก-ถอนเงิน และ เอกสารประกอบหลักฐานอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดกว่า 20 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020653

    #MGROnline #กองปราบ #เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ #SBOBET
    กองปราบบุกทลายเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ SBOBET รวบ 13 ผู้ต้องหายึดเงินสด 7 ล้าน-ทรัพย์สินรวม 20 ล้านบาท พบเปิดมา 10 ปี เงินหมุนเวียน 1.6 พันล้าน เตรียมนำเฉลี่ยคืนเหยื่อ "อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย" ลูกค้า VIP ของเว็บฯ • วันนี้ (3 มี.ค. ) ที่ กองปราบปราม ( บก.ป.) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. และ เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ตี่ลี่ ภาค 2 เซียนพนัน VIP ถังแตก ทลายเครือข่ายเว็บพนัน SBOBET” หลังนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.ปทุมธานี ก่อนสามารถจับกุม นายธนะพัฒน์ อายุ 58 ปี เอเยนต์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ SBOBET พร้อมทีมงานบริหารจัดการเว็บ ,แอดมิน ,บัญชีม้า และ บุคคลที่ได้รับผลประโยชน์ รวม 13 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ต้องที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจากคดีอื่น 1 ราย • พร้อมกันนี้ยังได้ตรวจยึดของกลาง หลายรายการประกอบด้วย เงินสด 7 ล้านบาท รถยนต์ BMW X3 จำนวน 1 คัน รถยนต์ Toyota Alphard 1 คัน รถยนต์มิซูบิชิ ปาเจโร่ 1 คัน ตุ๊กตาแบร์บริค 5 ตัว พระเครื่อง 132 องค์ นาฬิกาหรู 3 เรือน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อาวุธปืน 2 กระบอก โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก รวม 49 เล่ม คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ไอแพด 3 เครื่อง เครื่องนับเงิน 1 เครื่อง เอกสารฝาก-ถอนเงิน และ เอกสารประกอบหลักฐานอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดกว่า 20 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020653 • #MGROnline #กองปราบ #เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ #SBOBET
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • joตัดพ้อ เลิกโฟกัสที่จีกามิน เพราะสี่ป้า ปู และตัวโจเองก็เป็นเหยื๋อนะเว้ยเห้ยย มาดูมาเซฟพวกกรูด้วย 555
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    joตัดพ้อ เลิกโฟกัสที่จีกามิน เพราะสี่ป้า ปู และตัวโจเองก็เป็นเหยื๋อนะเว้ยเห้ยย มาดูมาเซฟพวกกรูด้วย 555 #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทรัมป์บ้า” กับ...การลอบสังหารครั้งที่ 4!!! โดย: ทับทิม พญาไท เนื่องจากอะไรมิอะไรมันน่าจะเริ่ม “ตกผลึก” ลงมามั่งแล้ว หรือน่าจะพอ “เดาทาง” ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้บ้างแล้วว่า น่าจะออกไปในแนวไหน? ลูกไหน? ไม่ได้ถึงขั้น “บ้า...จนเดาไม่ออก” เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตทบทวน ใคร่ครวญ ถึงความเพียรพยายามที่จะทำให้ “America Great Again” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ เอาไว้พอให้เห็นภาพคร่าวๆ ส่วนจะถูก-จะผิด จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็อย่าถึงกับได้ถือสา หาความ ถือเสียว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยนมุมมอง” ไปตามสภาพก็แล้วกัน...
    ประการแรก...ตั้งแต่การเชื้อเชิญ ชักชวน ให้ผู้นำ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “สี ทนได้”
    หรือ “สี จิ้นผิง” แห่งประเทศจีน มาร่วมมือกัน “ปรับลดค่าใช้จ่ายทางทหาร” ลงไปแบบครึ่ง-ต่อครึ่ง โดยผู้นำรัสเซียได้แสดงอาการตอบสนองอย่างไม่อิดเอื้อน-ลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้นำจีนยังคงเงียบๆ เฉยๆ แต่โดย “ภาพรวม” แล้ว ต้องถือเป็นการ “ริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์” เอามากๆ ส่วนประการสอง...ก็คือความพยายามลดค่าใช้จ่ายที่รกรุงรังของสหรัฐฯ เอง ถึงขั้นปิดฉากองค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง “USAID” เอาดื้อๆ หรือคิดจะหั่นงบประมาณประเภทสุรุ่ยสุร่ายของประเทศ ลงไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามเข็มมุ่งและเจตนาของนายใหญ่-นายใหม่ แห่งกระทรวง “DODGE” หรือ “The Department of Government Efficiency” อย่าง “นายElon Musk” ผู้ใกล้ชนิดสนิทสนมประธานาธิบดี อันแสดงให้เห็นถึงความพยายาม “รัดเข็มขัด” แบบชนิดแทบไม่ต้องสนใจว่าชาวอเมริกันรายใดจะหน้าเขียว-หน้าเหลือง กันไปถึงขั้นไหน...
    ตามมาด้วยประการที่สาม...ก็คือการคิดขาย “บัตรทอง” บัตรวีไอพีที่พร้อมจะมอบความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ มอบกรีนการ์ด เป็นเครื่องตอบแทน ใบละถึง 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 168 ล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยหวังจะได้อะไรกลับมา จากไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ ตามคำพูด คำสัมภาษณ์ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะถือเป็น “คำตอบ” ได้โดยชัดเจนโดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “บางทีเราอาจสามารถขายบัตรได้ราวๆ 1 ล้านใบ หรืออาจมากกว่านั้น และถึงขายได้แค่ 1 ล้านใบ เราจะได้เงินกลับมาถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าขายได้ 10 ล้านใบ ก็เท่ากับ 50 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วเรามีหนี้ประเทศอยู่แค่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น...มันเป็นเรื่องเยี่ยมไหมล่ะ!!!” พูดง่ายๆ ว่า...เป็นความพยายามที่น่าเห็นใจเอามากๆ สำหรับการคิดทุเลา เบาบาง “ปัญหาหนี้สิน” ที่ล้นทะลักคอหลอยย์ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง จนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนต่อพรรคไหนก็ตามที...
    ส่วนประการที่สี่...การคิดจะยึดแคนาดา ยึดเกาะกรีนแลนด์ หรือยึดคลองปานา แต่กลับหันไป “ถีบทิ้ง” ยุโรปซะดื้อๆ อันนี้...ยิ่งถือเป็นส่วนเสริม เพิ่มเติม ให้เห็นโดยชัดเจน ว่าในแต่ละประการดังที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า ความคิดที่จะทำให้ “America Great Again” ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะเป็นความ “Great” ความ “ยิ่งใหญ่” ภายใต้ “ขอบเขตที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ในแบบจ้าวโลก ประมุขโลก หรือผู้ที่สามารถควบคุมครอบครอง “โลกทั้งใบ” ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว หรือเท่ากับเป็นการยอมรับ “ความจริง” และ “ข้อเท็จจริง” ว่าโลกยุคใหม่ หรือยุคนี้ ไม่ใช่เป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” เหมือนเดิมๆ อีกต่อไป อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายMarco Rubio” ก็ยังได้ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่านี้ ดังที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา...
    และด้วยแนวคิด แนวทาง เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงาน “FSB” (The Russian Federal Security Service) ของรัสเซีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าโดยแนวคิดของผู้นำอเมริกานั้น...ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ หรือแสดงออกถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริง เป็นพื้นฐาน (pragmatism and a realistic vision of things) เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติ จะบรรลุเป้าหมาย เป้าประสงค์ ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? อันนี้...ก็ยังต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไป??? เพราะด้วยความเป็นประเทศ “จักรวรรดินิยม” และมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น...โอกาสที่จะ “Great Again” หรือ “Dead Again” คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าออกไป 50-50 หรือหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊า” อะไรประมาณนั้น...
    คือแค่เฉพาะประการแรก ในเรื่อง “ปัญหาหนี้สิน” ก็ต้องเรียกว่า...น่าจะรากเขียว-รากเหลืองกันไปอีกนาน โอกาสที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พรวดเดียวได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นไม่น่าจะง่าย!!! บรรดาข้าราชการชาวอเมริกันที่ตกงาน ว่างงานทั้งหลาย ชักเริ่มออกมา “ลงถนน” กันเต็มบ้าน เต็มเมือง ส่วนจะขาย “บัตรทอง” ให้ได้ถึง 10 ล้านใบ ก็ใช่ว่า...มหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกอยากจะเป็นพลเมืองอเมริกัน อยากได้กรีนการ์ด ชนิดมากมายมหาศาลถึงปานนั้นซะเมื่อไหร่??? และประการที่สองคือความพยายามที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของ “เงินดอลลาร์” ไม่ให้ตกต่ำ เสื่อมค่า ลงไปกว่านี้ ด้วยการอาศัย “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ถึงขั้นพร้อมประกาศว่าจะขึ้นภาษีต่อประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ “BRICS” ถ้าหากคิด “เทดอลลาร์” (De-Dollarization) หรือคิดแทนที่ดอลลาร์ด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ จะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริการะดับ 100-150 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การอาศัยอัตราภาษีเป็นเครื่องมือ ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว ต่อเฉพาะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายเดียวก็หาไม่ บรรดาอเมริกันชนที่อยู่ในฐานะ “ผู้บริโภค” หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาที่จะต้องหาทางแข่งขันกับ “ผู้ผลิต” รายอื่นๆ ย่อมมีสิทธิ์อ้วกแตก-อ้วกแตนเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นๆ หรือเพราะการขาดหาย ขาดแคลนของสินค้าประเภท “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งหลาย จนอาจต้องเจ๊ง-กับ-เจ๊ง ไปเป็นรายๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!!
    ยิ่งเป็นสินค้าจากประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีสัดส่วนการค้าถึง 1 ใน 5 ของโลกทั้งโลก มี “GDP” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เป็นตลาดสำหรับ “ผู้บริโภค” ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โอกาสที่จะเกิดการ “ยืมหอกสนองคืน” สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบรรดาอเมริกันชนหรือประเทศอเมริกาทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้เอาเลย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หนึ่งในผู้นำประเทศกลุ่ม “BRICS”
    อย่างผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ท่านเลยกล้าออกมาแสดงความเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ด้วยการประกาศว่า... “การคุกคามของผู้นำอเมริกาด้วยการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหยุดยั้งการหาทางเลือกอื่นๆ ในการค้าขาย-แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้เลย” หรือด้วยเหตุเพราะความเสื่อมถอย เสื่อมค่าของเงินดอลลาร์อเมริกันในฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวของมันเอง ที่ทำให้บรรดาประเทศทั้งหลายเลยต้องพยายามหาทางออก-ทางไป แทนที่จะแขวนชะตากรรมในอนาคตไว้กับสกุลเงินตราชนิดนี้ แบบทื่อมะลื่อไปเรื่อยๆ จนทำให้การ “De-Dollarization” มันได้กลายเป็น “ข้อเท็จจริง” เป็นแนวโน้มของโลก ที่มิอาจฝืน หรือมิอาจขัดขืนได้อีกต่อไป นั่นแล...
    ประการที่สาม...ก็คือ “ปัญหาภายใน” ของสังคมอเมริกัน ที่ยากจะเยียวยากันได้ง่ายๆ ไม่ว่าความเสื่อมทางศีลธรรมที่สร้างความตกตะลึงให้กับคอลัมนิสต์ชาวอเมริกันเอง อย่าง “นายTyler Durden” แห่ง “ZeroHedge” ที่ต้องนำรายละเอียดเอามาแจกแจงไว้ถึง 11 เรื่อง ไม่ว่าเหตุการณ์ว่าด้วยการปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ชนิดตู้สินค้าบนเส้นทางรถไฟถูกปล้นเพิ่มขึ้นกว่าปี ค.ศ. 2023 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ร้านอาหารดังๆ อย่าง “McDonald” ถึงกับต้องปิดตัวเองในย่านบรู๊คลินเพราะทนบรรดาวัยรุ่นอเมริกันไม่ไหว เด็กๆ ระดับอายุแค่ไม่กี่ปีถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ฯลฯ และนั่นยังไม่รวมไปถึงความรุนแรงจากการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ทางการเมือง ที่ทำให้กระทั่งประธานเสนาธิการทหารผิวสี อย่าง “พลเอกCharls Brown” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกขบวนการผิวสี หรือพวก “Black Lives Matter” (BLM) ที่เคยก่อความรุนแรงหลังชาวอเมริกันผิวดำ อย่าง “George Floyd” ถูกตำรวจเอาเข่ากดคอจนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ในช่วงปี ค.ศ. 2020 เลยต้องถูกปลดจากตำแหน่งซะดื้อๆ!!!
    และด้วยการแบ่งขั้วแบ่งข้างทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดความพยายาม “ลอบสังหารทรัมป์บ้า” มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกัน ไม่ว่าตั้งแต่การ “ยิงเฉี่ยวหู” ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเดือนก.ค.ปี 2024 แอบซุ่มอยู่สนามกอล์ฟของรีสอร์ต “Mar-a-Lago” ช่วงเดือนกันยาปีเดียวกัน แต่เผอิญเจ้าหน้าที่เห็นกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้เลยจับได้ไล่ทันก่อนลงมือ ส่วนครั้งที่สามถูกรวบตัวก่อนมุ่งตรงไปยังพื้นที่หาเสียงของ “ทรัมป์บ้า” ณ เมืองโคเรลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่พกปืนลูกซองติดตัวไปด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่คิดจะลดราวาศอก ในการเล่นงานพวก “Deep State” ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่ “America Great Again” หรือจะ “Dead Again” เลยน่าจะเป็นไปแบบที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละ ออกไปทาง 50-50 หรือถ้าหากไม่ “เจ๊ง” ก็คงได้แค่ “เจ๊า” เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ระดับคับโลก คับฟ้า ครอบโลก ครองโลก แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
    “ทรัมป์บ้า” กับ...การลอบสังหารครั้งที่ 4!!! โดย: ทับทิม พญาไท เนื่องจากอะไรมิอะไรมันน่าจะเริ่ม “ตกผลึก” ลงมามั่งแล้ว หรือน่าจะพอ “เดาทาง” ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้บ้างแล้วว่า น่าจะออกไปในแนวไหน? ลูกไหน? ไม่ได้ถึงขั้น “บ้า...จนเดาไม่ออก” เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตทบทวน ใคร่ครวญ ถึงความเพียรพยายามที่จะทำให้ “America Great Again” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ เอาไว้พอให้เห็นภาพคร่าวๆ ส่วนจะถูก-จะผิด จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็อย่าถึงกับได้ถือสา หาความ ถือเสียว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยนมุมมอง” ไปตามสภาพก็แล้วกัน... ประการแรก...ตั้งแต่การเชื้อเชิญ ชักชวน ให้ผู้นำ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” แห่งประเทศจีน มาร่วมมือกัน “ปรับลดค่าใช้จ่ายทางทหาร” ลงไปแบบครึ่ง-ต่อครึ่ง โดยผู้นำรัสเซียได้แสดงอาการตอบสนองอย่างไม่อิดเอื้อน-ลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้นำจีนยังคงเงียบๆ เฉยๆ แต่โดย “ภาพรวม” แล้ว ต้องถือเป็นการ “ริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์” เอามากๆ ส่วนประการสอง...ก็คือความพยายามลดค่าใช้จ่ายที่รกรุงรังของสหรัฐฯ เอง ถึงขั้นปิดฉากองค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง “USAID” เอาดื้อๆ หรือคิดจะหั่นงบประมาณประเภทสุรุ่ยสุร่ายของประเทศ ลงไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามเข็มมุ่งและเจตนาของนายใหญ่-นายใหม่ แห่งกระทรวง “DODGE” หรือ “The Department of Government Efficiency” อย่าง “นายElon Musk” ผู้ใกล้ชนิดสนิทสนมประธานาธิบดี อันแสดงให้เห็นถึงความพยายาม “รัดเข็มขัด” แบบชนิดแทบไม่ต้องสนใจว่าชาวอเมริกันรายใดจะหน้าเขียว-หน้าเหลือง กันไปถึงขั้นไหน... ตามมาด้วยประการที่สาม...ก็คือการคิดขาย “บัตรทอง” บัตรวีไอพีที่พร้อมจะมอบความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ มอบกรีนการ์ด เป็นเครื่องตอบแทน ใบละถึง 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 168 ล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยหวังจะได้อะไรกลับมา จากไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ ตามคำพูด คำสัมภาษณ์ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะถือเป็น “คำตอบ” ได้โดยชัดเจนโดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “บางทีเราอาจสามารถขายบัตรได้ราวๆ 1 ล้านใบ หรืออาจมากกว่านั้น และถึงขายได้แค่ 1 ล้านใบ เราจะได้เงินกลับมาถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าขายได้ 10 ล้านใบ ก็เท่ากับ 50 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วเรามีหนี้ประเทศอยู่แค่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น...มันเป็นเรื่องเยี่ยมไหมล่ะ!!!” พูดง่ายๆ ว่า...เป็นความพยายามที่น่าเห็นใจเอามากๆ สำหรับการคิดทุเลา เบาบาง “ปัญหาหนี้สิน” ที่ล้นทะลักคอหลอยย์ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง จนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนต่อพรรคไหนก็ตามที... ส่วนประการที่สี่...การคิดจะยึดแคนาดา ยึดเกาะกรีนแลนด์ หรือยึดคลองปานา แต่กลับหันไป “ถีบทิ้ง” ยุโรปซะดื้อๆ อันนี้...ยิ่งถือเป็นส่วนเสริม เพิ่มเติม ให้เห็นโดยชัดเจน ว่าในแต่ละประการดังที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า ความคิดที่จะทำให้ “America Great Again” ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะเป็นความ “Great” ความ “ยิ่งใหญ่” ภายใต้ “ขอบเขตที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ในแบบจ้าวโลก ประมุขโลก หรือผู้ที่สามารถควบคุมครอบครอง “โลกทั้งใบ” ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว หรือเท่ากับเป็นการยอมรับ “ความจริง” และ “ข้อเท็จจริง” ว่าโลกยุคใหม่ หรือยุคนี้ ไม่ใช่เป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” เหมือนเดิมๆ อีกต่อไป อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายMarco Rubio” ก็ยังได้ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่านี้ ดังที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา... และด้วยแนวคิด แนวทาง เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงาน “FSB” (The Russian Federal Security Service) ของรัสเซีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าโดยแนวคิดของผู้นำอเมริกานั้น...ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ หรือแสดงออกถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริง เป็นพื้นฐาน (pragmatism and a realistic vision of things) เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติ จะบรรลุเป้าหมาย เป้าประสงค์ ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? อันนี้...ก็ยังต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไป??? เพราะด้วยความเป็นประเทศ “จักรวรรดินิยม” และมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น...โอกาสที่จะ “Great Again” หรือ “Dead Again” คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าออกไป 50-50 หรือหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊า” อะไรประมาณนั้น... คือแค่เฉพาะประการแรก ในเรื่อง “ปัญหาหนี้สิน” ก็ต้องเรียกว่า...น่าจะรากเขียว-รากเหลืองกันไปอีกนาน โอกาสที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พรวดเดียวได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นไม่น่าจะง่าย!!! บรรดาข้าราชการชาวอเมริกันที่ตกงาน ว่างงานทั้งหลาย ชักเริ่มออกมา “ลงถนน” กันเต็มบ้าน เต็มเมือง ส่วนจะขาย “บัตรทอง” ให้ได้ถึง 10 ล้านใบ ก็ใช่ว่า...มหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกอยากจะเป็นพลเมืองอเมริกัน อยากได้กรีนการ์ด ชนิดมากมายมหาศาลถึงปานนั้นซะเมื่อไหร่??? และประการที่สองคือความพยายามที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของ “เงินดอลลาร์” ไม่ให้ตกต่ำ เสื่อมค่า ลงไปกว่านี้ ด้วยการอาศัย “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ถึงขั้นพร้อมประกาศว่าจะขึ้นภาษีต่อประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ “BRICS” ถ้าหากคิด “เทดอลลาร์” (De-Dollarization) หรือคิดแทนที่ดอลลาร์ด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ จะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริการะดับ 100-150 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การอาศัยอัตราภาษีเป็นเครื่องมือ ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว ต่อเฉพาะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายเดียวก็หาไม่ บรรดาอเมริกันชนที่อยู่ในฐานะ “ผู้บริโภค” หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาที่จะต้องหาทางแข่งขันกับ “ผู้ผลิต” รายอื่นๆ ย่อมมีสิทธิ์อ้วกแตก-อ้วกแตนเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นๆ หรือเพราะการขาดหาย ขาดแคลนของสินค้าประเภท “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งหลาย จนอาจต้องเจ๊ง-กับ-เจ๊ง ไปเป็นรายๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!! ยิ่งเป็นสินค้าจากประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีสัดส่วนการค้าถึง 1 ใน 5 ของโลกทั้งโลก มี “GDP” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เป็นตลาดสำหรับ “ผู้บริโภค” ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โอกาสที่จะเกิดการ “ยืมหอกสนองคืน” สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบรรดาอเมริกันชนหรือประเทศอเมริกาทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้เอาเลย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หนึ่งในผู้นำประเทศกลุ่ม “BRICS” อย่างผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ท่านเลยกล้าออกมาแสดงความเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ด้วยการประกาศว่า... “การคุกคามของผู้นำอเมริกาด้วยการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหยุดยั้งการหาทางเลือกอื่นๆ ในการค้าขาย-แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้เลย” หรือด้วยเหตุเพราะความเสื่อมถอย เสื่อมค่าของเงินดอลลาร์อเมริกันในฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวของมันเอง ที่ทำให้บรรดาประเทศทั้งหลายเลยต้องพยายามหาทางออก-ทางไป แทนที่จะแขวนชะตากรรมในอนาคตไว้กับสกุลเงินตราชนิดนี้ แบบทื่อมะลื่อไปเรื่อยๆ จนทำให้การ “De-Dollarization” มันได้กลายเป็น “ข้อเท็จจริง” เป็นแนวโน้มของโลก ที่มิอาจฝืน หรือมิอาจขัดขืนได้อีกต่อไป นั่นแล... ประการที่สาม...ก็คือ “ปัญหาภายใน” ของสังคมอเมริกัน ที่ยากจะเยียวยากันได้ง่ายๆ ไม่ว่าความเสื่อมทางศีลธรรมที่สร้างความตกตะลึงให้กับคอลัมนิสต์ชาวอเมริกันเอง อย่าง “นายTyler Durden” แห่ง “ZeroHedge” ที่ต้องนำรายละเอียดเอามาแจกแจงไว้ถึง 11 เรื่อง ไม่ว่าเหตุการณ์ว่าด้วยการปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ชนิดตู้สินค้าบนเส้นทางรถไฟถูกปล้นเพิ่มขึ้นกว่าปี ค.ศ. 2023 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ร้านอาหารดังๆ อย่าง “McDonald” ถึงกับต้องปิดตัวเองในย่านบรู๊คลินเพราะทนบรรดาวัยรุ่นอเมริกันไม่ไหว เด็กๆ ระดับอายุแค่ไม่กี่ปีถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ฯลฯ และนั่นยังไม่รวมไปถึงความรุนแรงจากการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ทางการเมือง ที่ทำให้กระทั่งประธานเสนาธิการทหารผิวสี อย่าง “พลเอกCharls Brown” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกขบวนการผิวสี หรือพวก “Black Lives Matter” (BLM) ที่เคยก่อความรุนแรงหลังชาวอเมริกันผิวดำ อย่าง “George Floyd” ถูกตำรวจเอาเข่ากดคอจนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ในช่วงปี ค.ศ. 2020 เลยต้องถูกปลดจากตำแหน่งซะดื้อๆ!!! และด้วยการแบ่งขั้วแบ่งข้างทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดความพยายาม “ลอบสังหารทรัมป์บ้า” มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกัน ไม่ว่าตั้งแต่การ “ยิงเฉี่ยวหู” ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเดือนก.ค.ปี 2024 แอบซุ่มอยู่สนามกอล์ฟของรีสอร์ต “Mar-a-Lago” ช่วงเดือนกันยาปีเดียวกัน แต่เผอิญเจ้าหน้าที่เห็นกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้เลยจับได้ไล่ทันก่อนลงมือ ส่วนครั้งที่สามถูกรวบตัวก่อนมุ่งตรงไปยังพื้นที่หาเสียงของ “ทรัมป์บ้า” ณ เมืองโคเรลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่พกปืนลูกซองติดตัวไปด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่คิดจะลดราวาศอก ในการเล่นงานพวก “Deep State” ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่ “America Great Again” หรือจะ “Dead Again” เลยน่าจะเป็นไปแบบที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละ ออกไปทาง 50-50 หรือถ้าหากไม่ “เจ๊ง” ก็คงได้แค่ “เจ๊า” เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ระดับคับโลก คับฟ้า ครอบโลก ครองโลก แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวใหม่จาก Tom's Hardware เกี่ยวกับโปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ Qualcomm, Snapdragon X2 ที่จะมาพร้อมกับคอร์ที่เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 18 คอร์ ข้อมูลนี้เผยแพร่โดยเว็บไซต์ WinFuture ของเยอรมัน ซึ่งยังระบุว่าโปรเซสเซอร์ SC8480XP รุ่นใหม่นี้ จะมีการผสานรวม RAM ขนาด 48GB ของ SK hynix และ SSD ขนาด 1TB บนระบบในแพ็คเกจ (SiP) รวมถึงการทดสอบระบบระบายความร้อนที่มีขนาด 120 มิลลิเมตร

    โปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับแล็ปท็อประดับไฮเอนด์และเดสก์ท็อป ด้วยคอร์ที่เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการประมวลผลหลายงานได้มากขึ้น

    นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีแผนที่จะเปิดตัวโปรเซสเซอร์นี้ในแบรนด์ใหม่ "Snapdragon X2 Ultra Premium" ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเสนอในงาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา

    การเพิ่มจำนวนคอร์ในโปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกที่สูง การทำงานที่ต้องการการประมวลผลหลายงาน หรือการใช้โปรแกรมที่ต้องการทรัพยากรสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/next-gen-snapdragon-x2-chips-for-pcs-to-boost-core-count-from-12-to-18-says-report
    มีข่าวใหม่จาก Tom's Hardware เกี่ยวกับโปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ Qualcomm, Snapdragon X2 ที่จะมาพร้อมกับคอร์ที่เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 18 คอร์ ข้อมูลนี้เผยแพร่โดยเว็บไซต์ WinFuture ของเยอรมัน ซึ่งยังระบุว่าโปรเซสเซอร์ SC8480XP รุ่นใหม่นี้ จะมีการผสานรวม RAM ขนาด 48GB ของ SK hynix และ SSD ขนาด 1TB บนระบบในแพ็คเกจ (SiP) รวมถึงการทดสอบระบบระบายความร้อนที่มีขนาด 120 มิลลิเมตร โปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับแล็ปท็อประดับไฮเอนด์และเดสก์ท็อป ด้วยคอร์ที่เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการประมวลผลหลายงานได้มากขึ้น นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีแผนที่จะเปิดตัวโปรเซสเซอร์นี้ในแบรนด์ใหม่ "Snapdragon X2 Ultra Premium" ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเสนอในงาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา การเพิ่มจำนวนคอร์ในโปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกที่สูง การทำงานที่ต้องการการประมวลผลหลายงาน หรือการใช้โปรแกรมที่ต้องการทรัพยากรสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/next-gen-snapdragon-x2-chips-for-pcs-to-boost-core-count-from-12-to-18-says-report
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Next-gen Snapdragon X2 chips for PCs to boost core count from 12 to 18, says report
    And the first 'Oryon v3' chip may be the previously flagged SC8480XP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ รีโพสต์ข้อความหนึ่งบนทรัตช์ โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ที่ระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน "ไม่มีทางเลือก" ยกเว้นแต่ยอมตามเงื่อนไขต่างๆ ของวอชิงตัน ในข้อตกลงแร่ เนื่องจากเคียฟไม่อาจอยู่รอดได้ในสงคราม หากปราศจากการสนับสนุนของอเมริกา
    .
    การรีโพสต์ความเห็นของ ไมเคิล แมคคูน มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เปิดศึกโต้เถียงกับ เซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) ทำให้แผนลงนามในข้อตกลงทรัพยากรแร่ระหว่างทั้ง 2 ประเทศพังครืนลง
    .
    "ทรัมป์เล่นเกมกับ 2 ฝ่าย ราวกับผู้เล่นหมากรุกชั้นเซียน ในท้ายที่สุดแล้ว เซเลนสกี จะไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่ยอมอ่อนข้อ หากปราศจากการสนับสนุนของสหรัฐฯ ยูเครนไม่อาจชนะในสงครามยืดเยื้อกับรัสเซีย" ทัมป์ รีโพสต์ข้อความนี้ บนทรัสต์โซเชียล "จริงๆ แล้ว ทรัมป์ กำลังปกป้องยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องลากสหรัฐฯ เข้าสู่สงคราม นำเสนอข้อตกลงที่ฉลาดเป็นเลิศ"
    .
    ศึกโต้เถียงกันระหว่าง ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ กับ เซเลนสกี ปะทะขึ้นหลังจากประธานาธิบดียูเครน เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับการรับประกันความมั่นคง และบอกว่า เครมลิน ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระตุ้นให้ฝ่ายสหรัฐฯ ตอบโต้เขาว่าไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ และเตือนสติให้เห็นว่าเขาอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ
    .
    ตามหลังศึกวิวาทะอันเผ็ดร้อน ทรัมป์ บอกว่า เซเลนสกี ไม่ใช่คนที่ต้องการสร้างสันติภาพ "ประธานาธิบดียูเครน กำลังมองหาอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้เสาะหา" พร้อมกล่าวอ้างอีกครั้งว่า เซเลนสกี "ต้องการ สู้ สู้ สู้ เพียงเท่านั้น"
    .
    เซเลนสกี ตอบโต้กลับความเห็นของทรัมป์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ อ้างว่ายูเครน พร้อมสำหรับสันติภาพ "แต่เราจำเป็นต้องอยู่ในสถานะที่ดี เราต้องการสันติภาพ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงมาพบประธานาธิบดีทรัมป์"
    .
    ในข้อความที่โพสต์ ทรัมป์ อ้างว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจของสหรัฐฯ ในยูเครน เพียงพอแล้วที่จะเป็นเครื่องรับประกันความมั่นคง เนื่องจากรัสเซียจะไม่สามารถคุกคามผลประโยชน์ทางธุรกิจเหล่านั้น "โดยปราศจากกระตุ้นการตอบโต้กลับครั้งใหญ่ในระดับนานาชาติ" ทรัมป์กล่าว "เพราะว่าการโจมตียูเครน จะหมายถึงการก่ออันตรายแก่ชีวิตชาวอเมริกา บางอย่างที่จะบีบให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องตอบโต้"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จำนวนหนึ่งและสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกัน ยังคงดาหน้ากันออกมาปกป้องทรัมป์ พร้อมกับส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซเลนสกี ตามหลังการโต้เถียงในห้องทำงานรูปไข่ โดยบางส่วนถึงขั้นชี้แนะว่า เซเลนสกี อาจจำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020444
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ รีโพสต์ข้อความหนึ่งบนทรัตช์ โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ที่ระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน "ไม่มีทางเลือก" ยกเว้นแต่ยอมตามเงื่อนไขต่างๆ ของวอชิงตัน ในข้อตกลงแร่ เนื่องจากเคียฟไม่อาจอยู่รอดได้ในสงคราม หากปราศจากการสนับสนุนของอเมริกา . การรีโพสต์ความเห็นของ ไมเคิล แมคคูน มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เปิดศึกโต้เถียงกับ เซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) ทำให้แผนลงนามในข้อตกลงทรัพยากรแร่ระหว่างทั้ง 2 ประเทศพังครืนลง . "ทรัมป์เล่นเกมกับ 2 ฝ่าย ราวกับผู้เล่นหมากรุกชั้นเซียน ในท้ายที่สุดแล้ว เซเลนสกี จะไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่ยอมอ่อนข้อ หากปราศจากการสนับสนุนของสหรัฐฯ ยูเครนไม่อาจชนะในสงครามยืดเยื้อกับรัสเซีย" ทัมป์ รีโพสต์ข้อความนี้ บนทรัสต์โซเชียล "จริงๆ แล้ว ทรัมป์ กำลังปกป้องยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องลากสหรัฐฯ เข้าสู่สงคราม นำเสนอข้อตกลงที่ฉลาดเป็นเลิศ" . ศึกโต้เถียงกันระหว่าง ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ กับ เซเลนสกี ปะทะขึ้นหลังจากประธานาธิบดียูเครน เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับการรับประกันความมั่นคง และบอกว่า เครมลิน ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระตุ้นให้ฝ่ายสหรัฐฯ ตอบโต้เขาว่าไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ และเตือนสติให้เห็นว่าเขาอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ . ตามหลังศึกวิวาทะอันเผ็ดร้อน ทรัมป์ บอกว่า เซเลนสกี ไม่ใช่คนที่ต้องการสร้างสันติภาพ "ประธานาธิบดียูเครน กำลังมองหาอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้เสาะหา" พร้อมกล่าวอ้างอีกครั้งว่า เซเลนสกี "ต้องการ สู้ สู้ สู้ เพียงเท่านั้น" . เซเลนสกี ตอบโต้กลับความเห็นของทรัมป์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ อ้างว่ายูเครน พร้อมสำหรับสันติภาพ "แต่เราจำเป็นต้องอยู่ในสถานะที่ดี เราต้องการสันติภาพ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงมาพบประธานาธิบดีทรัมป์" . ในข้อความที่โพสต์ ทรัมป์ อ้างว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจของสหรัฐฯ ในยูเครน เพียงพอแล้วที่จะเป็นเครื่องรับประกันความมั่นคง เนื่องจากรัสเซียจะไม่สามารถคุกคามผลประโยชน์ทางธุรกิจเหล่านั้น "โดยปราศจากกระตุ้นการตอบโต้กลับครั้งใหญ่ในระดับนานาชาติ" ทรัมป์กล่าว "เพราะว่าการโจมตียูเครน จะหมายถึงการก่ออันตรายแก่ชีวิตชาวอเมริกา บางอย่างที่จะบีบให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องตอบโต้" . พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จำนวนหนึ่งและสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกัน ยังคงดาหน้ากันออกมาปกป้องทรัมป์ พร้อมกับส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซเลนสกี ตามหลังการโต้เถียงในห้องทำงานรูปไข่ โดยบางส่วนถึงขั้นชี้แนะว่า เซเลนสกี อาจจำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020444 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 714 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รู้ยังใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่"

    ในขณะที่ทรัมป์เรียกเงินคืนจากยูเครน แต่กลับส่งความช่วยเหลือไปยังอิสราเอลไม่หยุดหย่อน

    รัฐบาลทรัมป์เพิ่งอนุมัติการขายอาวุธฉุกเฉินมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับอิสราเอล ด้วยขั้นตอนบายพาสที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา ทำให้การโอนย้ายระเบิดหลายหมื่นลูกเป็นไปอย่างรวดเร็ว

    ➤ การอนุมัติดังกล่าวรวมถึงระเบิดทำลายล้างสูง MK 84 และ BLU-117 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์กว่า 35,529 ลูก และระเบิด "บังเกอร์บัสเตอร์" (Bunker Buster) น้ำหนัก 2,000 ปอนด์ (I-2000) จำนวน 4,000 ลูก

    ➤ รัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอ ให้เหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็น "สถานการณ์ฉุกเฉิน" บนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้ต้องขายอาวุธให้กับรัฐบาลอิสราเอลทันที จึงยกเว้นข้อกำหนดการตรวจสอบของรัฐสภาภายใต้มาตรา 36(b) ของพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกอาวุธ
    "รู้ยังใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่" ในขณะที่ทรัมป์เรียกเงินคืนจากยูเครน แต่กลับส่งความช่วยเหลือไปยังอิสราเอลไม่หยุดหย่อน รัฐบาลทรัมป์เพิ่งอนุมัติการขายอาวุธฉุกเฉินมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับอิสราเอล ด้วยขั้นตอนบายพาสที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา ทำให้การโอนย้ายระเบิดหลายหมื่นลูกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ➤ การอนุมัติดังกล่าวรวมถึงระเบิดทำลายล้างสูง MK 84 และ BLU-117 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์กว่า 35,529 ลูก และระเบิด "บังเกอร์บัสเตอร์" (Bunker Buster) น้ำหนัก 2,000 ปอนด์ (I-2000) จำนวน 4,000 ลูก ➤ รัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอ ให้เหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็น "สถานการณ์ฉุกเฉิน" บนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้ต้องขายอาวุธให้กับรัฐบาลอิสราเอลทันที จึงยกเว้นข้อกำหนดการตรวจสอบของรัฐสภาภายใต้มาตรา 36(b) ของพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกอาวุธ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • จิตเป็นบุญกุศล ก็ทำไปมี 5 มี 10 บาท ก็โอนไปทำบุญ สะสมบุญ ให้ทำเองไม่มีใครทำให้เรานะ ยกเว้นเราจะฝากสิ่งของหรือเงินทองไป..
    จิตเป็นบุญกุศล ก็ทำไปมี 5 มี 10 บาท ก็โอนไปทำบุญ สะสมบุญ ให้ทำเองไม่มีใครทำให้เรานะ ยกเว้นเราจะฝากสิ่งของหรือเงินทองไป..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเก็บมุกในจีนโบราณ

    สวัสดีค่ะ ผ่านบทความยาวๆ กันมาหลายสัปดาห์ วันนี้มาคุยกันสั้นหน่อยเกี่ยวกับการเก็บมุก เพื่อนเพจที่ได้ดู <ม่านมุกม่านหยก> คงจะจำได้ถึงเรื่องราวตอนเปิดเรื่องที่นางเอกเป็นทาสเก็บมุก และในฉากดำน้ำเก็บมุกจะเห็นว่าทาสเก็บมุกทุกคนมีถุงทรายช่วยถ่วงให้ลงน้ำได้เร็วขึ้น แต่ทุกคนดำน้ำได้ลึกมากและอึดมากจนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าในสมัยก่อนเขาดำน้ำเก็บมุกกันอย่างนี้จริงๆ หรือ

    การดำน้ำเก็บมุกมีมาแต่สมัยใดไม่ปรากฏชัด แต่ไข่มุกเป็นของบรรณาการที่ต้องส่งเข้าวังมาแต่โบราณโดยในสมัยฉินมีการกล่าวถึงอย่างชัดเจน และในเอกสารสมัยราชวงศ์ฮั่นก็มีการกล่าวถึงการเก็บมุกในฝั่งทะเลตอนใต้ในเขตการปกครองที่เรียกว่า ‘เหอผู่’ ปัจจุบันคือแถบตอนใต้ของมณฑลก่วงซี ว่ากันว่าชาวบ้านในแถบพื้นที่นั้นไม่มีอาชีพอื่นเลยนอกจากเก็บมุก และเด็กเริ่มฝึกลงทะเลดำน้ำตั้งแต่อายุสิบขวบ

    การเก็บมุกในทะเลมีมาเรื่อยตลอดทุกยุคสมัย ยกเว้นในสมัยซ่งที่มีการประกาศห้ามลงทะเลเก็บมุกเพราะอันตรายเกินไปและมีการพัฒนามุกน้ำจืดและเรือเก็บหอยมุก แต่เมื่อพ้นสมัยซ่งก็กลับมาใช้คนลงทะเลเก็บมุกกันอีก โดยเฉพาะในสมัยหมิงการเก็บมุกทำกันอย่างขยันขันแข็ง มีคนเก็บมุกกว่าแปดพันคน จนทำให้จำนวนมุกที่เก็บได้มากสุดและจำนวนคนเก็บมุกตายมากสุดในประวัติศาสตร์จีน ทำเอามุกทะเลธรรมชาติร่อยหรอจนในสมัยชิงหันมาใช้ ‘มุกตะวันออก’ ซึ่งก็คือมุกน้ำจืดที่เก็บจากบริเวณแม่น้ำซงหัวทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

    ว่ากันว่ากรรมวิธีการดำน้ำเก็บมุกในทะเลไม่ได้เปลี่ยนไปมากตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของมัน แต่เอกสารบรรยายเกี่ยวกับวิธีการเก็บมุกมีน้อยมาก และเอกสารที่คนมักใช้อ้างอิงคือบันทึก ‘เทียนกงคายอู้’ (天工开物 /The Exploitation of the Works of Nature) ซึ่งเป็นหนังสือสมัยหมิงจัดทำขึ้นโดยซ่งอิงซิงเมื่อปีค.ศ. 1637 หนังสือเล่มนี้บรรยายถึงกว่า 300 อาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกรรมวิธีการผลิตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการเก็บมุกด้วย

    จริงๆ แล้ว ‘เทียนกงคายอู้’ เป็นเอกสารบรรยาย แต่ต่อมามีคนอิงเอกสารนี้จัดวาดเป็นภาพขึ้นในหลากหลายเวอร์ชั่น Storyฯ เอาเวอร์ชั่นที่คนส่วนใหญ่อ้างอิงเพราะใกล้เคียงกับคำบรรยายมากที่สุดมาให้ดู (รูปประกอบ 2)

    ‘เทียนกงคายอู้’ อธิบายไว้ว่า... เรือเก็บมุกจะรูปทรงอ้วนกว่าเรืออื่นและหัวมน บนเรือมีฟางมัดเป็นแผ่น เมื่อผ่านน้ำวนให้โยนแผ่นฟางลงไป เรือก็จะผ่านไปได้อย่างปลอดภัย... คนเก็บมุกลงน้ำพร้อมตะกร้าไผ่ เอวถูกมัดไว้กับเชือกยาวที่ถูกยึดไว้บนเรือ... คนเก็บมุกมีหลอดโค้งทำจากดีบุก ปลายหลอดเสียบเข้าที่จมูกและใช้ถุงหนังนิ่มพันรอบคอและซอกหูเพื่อช่วยหายใจ... คนที่ดำลงได้ลึกจริงๆ สามารถลงไปถึงสี่ห้าร้อยฉื่อ (ประมาณ 90-115 เมตร) เพื่อเก็บหอยมุกใส่ตะกร้า เมื่ออากาศใกล้หมดก็จะกระตุกเชือกให้คนข้างบนดึงขึ้นไป เมื่อขึ้นไปแล้วต้องรีบเอาผืนหนังต้มร้อนมาห่อตัวให้อุ่นเพื่อจะได้ไม่แข็งตาย

    ในหนังสือ ‘เทียนคายกงอู้’ ไม่ได้บรรยายไว้ว่าคนเก็บมุกแต่งกายอย่างไร แต่ข้อมูลอื่นรวมถึงภาพวาดหลายเวอร์ชั่นแสดงให้เห็นว่าในสมัยโบราณนั้น คนเก็บมุกใช้หินมัดไว้ที่เอวเพื่อถ่วงให้จมเร็วขึ้นและลงน้ำโดยไม่ใส่เสื้อผ้าเลย โดยปกติแล้วคนเก็บมุกออกเรือด้วยกันเป็นกลุ่มเล็กและจับคู่กันเช่นพ่อลูกหรือพี่น้องชายผลัดกันดึงเชือกผลัดกันดำลงไป

    แม้ว่าการบรรยายข้างต้นจะพอให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น แต่อย่างไรก็ดี เพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกเหมือน Storyฯ ว่าคำบรรยายในหนังสือยังมีประเด็นชวนสงสัยอีก เป็นต้นว่า ท่อหายใจกับถุงหนังต่อเข้ากันอย่างไร? กันน้ำได้อย่างไร? อากาศในถุงหนังคือคนเป่าเข้าไป? ฯลฯ แต่จนใจที่ Storyฯ หาข้อมูลเพิ่มเติมไม่พบ เพื่อนเพจท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็รบกวนมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g62771163/the-story-of-pearl-girl/
    https://www.epochtimes.com/gb/18/3/14/n10216310.htm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.epochtimes.com/gb/18/3/14/n10216310.htm
    https://news.bjd.com.cn/read/2021/07/23/134795t172.html
    https://baike.baidu.com/item/天工开物/29312
    https://core.ac.uk/download/pdf/323959493.pdf

    #ม่านมุกม่านหยก #มุกทะเลใต้ #การเก็บมุก #คนเก็บมุก #ไฉ่จู #สาระจีน
    การเก็บมุกในจีนโบราณ สวัสดีค่ะ ผ่านบทความยาวๆ กันมาหลายสัปดาห์ วันนี้มาคุยกันสั้นหน่อยเกี่ยวกับการเก็บมุก เพื่อนเพจที่ได้ดู <ม่านมุกม่านหยก> คงจะจำได้ถึงเรื่องราวตอนเปิดเรื่องที่นางเอกเป็นทาสเก็บมุก และในฉากดำน้ำเก็บมุกจะเห็นว่าทาสเก็บมุกทุกคนมีถุงทรายช่วยถ่วงให้ลงน้ำได้เร็วขึ้น แต่ทุกคนดำน้ำได้ลึกมากและอึดมากจนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าในสมัยก่อนเขาดำน้ำเก็บมุกกันอย่างนี้จริงๆ หรือ การดำน้ำเก็บมุกมีมาแต่สมัยใดไม่ปรากฏชัด แต่ไข่มุกเป็นของบรรณาการที่ต้องส่งเข้าวังมาแต่โบราณโดยในสมัยฉินมีการกล่าวถึงอย่างชัดเจน และในเอกสารสมัยราชวงศ์ฮั่นก็มีการกล่าวถึงการเก็บมุกในฝั่งทะเลตอนใต้ในเขตการปกครองที่เรียกว่า ‘เหอผู่’ ปัจจุบันคือแถบตอนใต้ของมณฑลก่วงซี ว่ากันว่าชาวบ้านในแถบพื้นที่นั้นไม่มีอาชีพอื่นเลยนอกจากเก็บมุก และเด็กเริ่มฝึกลงทะเลดำน้ำตั้งแต่อายุสิบขวบ การเก็บมุกในทะเลมีมาเรื่อยตลอดทุกยุคสมัย ยกเว้นในสมัยซ่งที่มีการประกาศห้ามลงทะเลเก็บมุกเพราะอันตรายเกินไปและมีการพัฒนามุกน้ำจืดและเรือเก็บหอยมุก แต่เมื่อพ้นสมัยซ่งก็กลับมาใช้คนลงทะเลเก็บมุกกันอีก โดยเฉพาะในสมัยหมิงการเก็บมุกทำกันอย่างขยันขันแข็ง มีคนเก็บมุกกว่าแปดพันคน จนทำให้จำนวนมุกที่เก็บได้มากสุดและจำนวนคนเก็บมุกตายมากสุดในประวัติศาสตร์จีน ทำเอามุกทะเลธรรมชาติร่อยหรอจนในสมัยชิงหันมาใช้ ‘มุกตะวันออก’ ซึ่งก็คือมุกน้ำจืดที่เก็บจากบริเวณแม่น้ำซงหัวทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ว่ากันว่ากรรมวิธีการดำน้ำเก็บมุกในทะเลไม่ได้เปลี่ยนไปมากตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของมัน แต่เอกสารบรรยายเกี่ยวกับวิธีการเก็บมุกมีน้อยมาก และเอกสารที่คนมักใช้อ้างอิงคือบันทึก ‘เทียนกงคายอู้’ (天工开物 /The Exploitation of the Works of Nature) ซึ่งเป็นหนังสือสมัยหมิงจัดทำขึ้นโดยซ่งอิงซิงเมื่อปีค.ศ. 1637 หนังสือเล่มนี้บรรยายถึงกว่า 300 อาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกรรมวิธีการผลิตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการเก็บมุกด้วย จริงๆ แล้ว ‘เทียนกงคายอู้’ เป็นเอกสารบรรยาย แต่ต่อมามีคนอิงเอกสารนี้จัดวาดเป็นภาพขึ้นในหลากหลายเวอร์ชั่น Storyฯ เอาเวอร์ชั่นที่คนส่วนใหญ่อ้างอิงเพราะใกล้เคียงกับคำบรรยายมากที่สุดมาให้ดู (รูปประกอบ 2) ‘เทียนกงคายอู้’ อธิบายไว้ว่า... เรือเก็บมุกจะรูปทรงอ้วนกว่าเรืออื่นและหัวมน บนเรือมีฟางมัดเป็นแผ่น เมื่อผ่านน้ำวนให้โยนแผ่นฟางลงไป เรือก็จะผ่านไปได้อย่างปลอดภัย... คนเก็บมุกลงน้ำพร้อมตะกร้าไผ่ เอวถูกมัดไว้กับเชือกยาวที่ถูกยึดไว้บนเรือ... คนเก็บมุกมีหลอดโค้งทำจากดีบุก ปลายหลอดเสียบเข้าที่จมูกและใช้ถุงหนังนิ่มพันรอบคอและซอกหูเพื่อช่วยหายใจ... คนที่ดำลงได้ลึกจริงๆ สามารถลงไปถึงสี่ห้าร้อยฉื่อ (ประมาณ 90-115 เมตร) เพื่อเก็บหอยมุกใส่ตะกร้า เมื่ออากาศใกล้หมดก็จะกระตุกเชือกให้คนข้างบนดึงขึ้นไป เมื่อขึ้นไปแล้วต้องรีบเอาผืนหนังต้มร้อนมาห่อตัวให้อุ่นเพื่อจะได้ไม่แข็งตาย ในหนังสือ ‘เทียนคายกงอู้’ ไม่ได้บรรยายไว้ว่าคนเก็บมุกแต่งกายอย่างไร แต่ข้อมูลอื่นรวมถึงภาพวาดหลายเวอร์ชั่นแสดงให้เห็นว่าในสมัยโบราณนั้น คนเก็บมุกใช้หินมัดไว้ที่เอวเพื่อถ่วงให้จมเร็วขึ้นและลงน้ำโดยไม่ใส่เสื้อผ้าเลย โดยปกติแล้วคนเก็บมุกออกเรือด้วยกันเป็นกลุ่มเล็กและจับคู่กันเช่นพ่อลูกหรือพี่น้องชายผลัดกันดึงเชือกผลัดกันดำลงไป แม้ว่าการบรรยายข้างต้นจะพอให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น แต่อย่างไรก็ดี เพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกเหมือน Storyฯ ว่าคำบรรยายในหนังสือยังมีประเด็นชวนสงสัยอีก เป็นต้นว่า ท่อหายใจกับถุงหนังต่อเข้ากันอย่างไร? กันน้ำได้อย่างไร? อากาศในถุงหนังคือคนเป่าเข้าไป? ฯลฯ แต่จนใจที่ Storyฯ หาข้อมูลเพิ่มเติมไม่พบ เพื่อนเพจท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็รบกวนมาเล่าสู่กันฟังนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g62771163/the-story-of-pearl-girl/ https://www.epochtimes.com/gb/18/3/14/n10216310.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.epochtimes.com/gb/18/3/14/n10216310.htm https://news.bjd.com.cn/read/2021/07/23/134795t172.html https://baike.baidu.com/item/天工开物/29312 https://core.ac.uk/download/pdf/323959493.pdf #ม่านมุกม่านหยก #มุกทะเลใต้ #การเก็บมุก #คนเก็บมุก #ไฉ่จู #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่ามกลางเสียงประณามไทย ทั้งจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนีและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) ในกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ จากการตรวจสอบข่าวเก่าๆพบว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้เคยปฏิเสธคำร้องจากรัฐบาลไทย ที่ขอให้ช่วยเหลือชาวอุยกูร์ 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยมานานกว่า 10 ปี โดยสาเหตุที่ไม่สู้เต็มใจ ก็คือกลัวจีนโกรธ จนตัดลดความช่วยเหลือและเงินบริจาค
    .
    เว็บไซต์ข่าว The New Humanitarian รายงานพาดหัวข่าว UN declined offers to assist Uyghur asylum seekers detained in Thailand ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2022 อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ระบุว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ ปฏิเสธรัฐบาลไทย ไม่ยอมเข้าช่วยเหลือผู้ขอลี้ภัยชาวอุยกูร์จากจีน 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
    .
    รายงานข่าวระบุว่าในบรรดาผู้ขอลี้ภัยเหล่านั้น มีอยู่ 5 คน ที่ต้องโทษจำคุก ที่เกี่ยวข้องกับความพยายามหลบหนีในปี 2020 ส่วนที่เหลือ 43 คน ถูกควบคุมตัวโดยปราศจากการตั้งข้อหาใดๆในสถานกักตัวคนต่างด้าว ซอนสวนพลู ในกรุงเทพฯ พวกเขาถูกห้ามติดต่อกัยครอบครัว ทนายความ หรือกระทั่งผู้ต้องขังคนอื่นๆ
    .
    เป็นเวลานานหลายปีที่ทาง UNHCR ยืนกรานว่ารัฐบาลไทยขัดขวางหน่วยงานของสหประชาชาติแห่งนี้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับอนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยและอำนวยความสะดวกพวกเขาในการย้ายไปตั้งรกรากในประเทศที่ 3
    .
    อย่างไรก็ตามรายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายใน ย้อนกลับไปในปี 2020 เผยว่ารัฐบาลของไทยได้เริ่มส่งคำร้องอย่างไม่เป็นทางการถึง UNHCR ตั้งแต่เกือบ 5 ปีก่อนหน้านั้น ให้แสดงบทบาทอย่างกระตือรือร้นในการคลี่คลายการคุมตัวชาวอุยกูร์เหล่านี้อย่างไม่มีกำหนด แต่พวกทางเจ้าหน้าที่ UNHCR คัดค้านที่จะทำเช่นนั้น
    .
    The New Humanitarian ระบุว่า UNHCR มอบความช่วยเหลือปกป้องชีวิตแก่ผู้แสวงหาลี้ภัยทั่วโลก แต่รายงานในปี 2023 ที่เผยแพร่โดยครงการสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์(UHRP - Uyghur Human Rights Project) ระบุว่าอิทธิพลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆของจีนเหนือประเทศเจ้าบ้านบางชาติ "บ่อนทำลายความพยายามทางการเมืองหรือด้านมนุษยธรรมใดๆที่จะรับรองและมอบการปกป้องอย่างเหมาะสมกับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" และเอกสารภายในบ่งชี้ว่าอิทธิพลของจีนยังแผ่ลามมาถึงหน่วงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ด้วย
    .
    "เอกสารแสดงให้เห็นว่า UNHCR ล้มเหวในการยึดถืออานัติในการปกป้องพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" The New Humanitarian รายงานในตอนนั้น อ้างคำสัมภาษณ์ของ จอห์น ควินลีย์ ผู้อำนวยการองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน Fortify Rights หลังจากได้เห็นเอกสาร "พวกผู้นำของ UNHCR ดูเหมือนจะไม่ทำงานเชิงรุก ในความพยายามหาทางออกสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูรณ์ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตในการถูกควบคุมตัวมานานหลายปี"
    .
    บาบาร์ บาลอช โฆษกของ UNHCR บอกกับ The New Humanitarian เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ว่าหน่วยงานแห่งนี้เดินหน้าหยิบยกประเด็นนี้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไทย "แต่ไม่อยู่ในขั้น ที่เราได้รับอนุญาตให้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ หรือประสานงานกับผู้รับผิดชอบคดี ในจุดประสงค์อำนวยความสะดวกหนทางคลี่คลายปัญหา หาไม่แล้ว มันจะสะท้อนความเข้าใจผิดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น"
    .
    เขาปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของ UNHCR ต่อคดีนี้ โดยอ้างว่ามันเป็นความลับ
    .
    รายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ฉบับหนึ่งระบุว่า "รัฐบาลไทยเพิ่มความพยายามมากขึ้น ขอให้ทาง UNHCR หาทางออกในประเด็นนี้" และมีความเป็นไปได้ที่ไทยอาจเปิดทางให้ UNHCR เข้าถึงผู้ต้องขังชาวอุยกูร์เหล่านั้น
    .
    อย่างไรก็ตามสำนักงานของ UNHCR ประจำประเทศไทย กลับมองข้อเสนอของ ไทย ด้วยความสงสัย "สำนักงานประจำประเทศไทย มองเรื่องนี้ว่า ไทย อาจใช้ UNHCR เป็นโล่เบี่ยงเบนความโกรธเคืองของจีน" เอกสารฉบับหนึ่งระบุ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ของ UNHCR ประจำในประเทศไทย จึงตัดสินใจในช่วงปลายปี 2020 ไม่แนะนำให้ตอบสนองเชิงรุกใดๆ
    .
    เอกสารฉบับหนึ่งเตือนถึง "ความเสี่ยงของผลกระทบในทาทางลบใดๆต่อปฏิบัติการของ UNHCR ในจีน และผลกระทบในแง่ของเงินทุนและการสนับสนุนที่มีต่อ UNHCR ในนั้นรวมถึงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับล่าง 10 ตำแหน่ง และโครงการต่างๆคิดเป็นมูลค่า 7.7 ล้านดอลลาร์
    .
    "หนึ่งในแง่มุมสุดช็อคของเอกสารนี้ก็คือ ดูเหมือน ไทย เป็นฝ่ายกดดันให้ UNHCR เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น แต่ทาง UNHCR หยุดชะงัก เพราะว่าพวกเขากลัวจีนจะโกรธ และลดความร่วมมือหรือลดเงินบริจาคที่มอบให้หน่วยงานแห่งนี้" ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรท์วอตช์ บอกกับ The New Humanitarian ในตอนนั้น หลังจากได้เห็นเอกสาร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020219
    ..................
    Sondhi X

    ท่ามกลางเสียงประณามไทย ทั้งจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนีและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) ในกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ จากการตรวจสอบข่าวเก่าๆพบว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้เคยปฏิเสธคำร้องจากรัฐบาลไทย ที่ขอให้ช่วยเหลือชาวอุยกูร์ 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยมานานกว่า 10 ปี โดยสาเหตุที่ไม่สู้เต็มใจ ก็คือกลัวจีนโกรธ จนตัดลดความช่วยเหลือและเงินบริจาค . เว็บไซต์ข่าว The New Humanitarian รายงานพาดหัวข่าว UN declined offers to assist Uyghur asylum seekers detained in Thailand ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2022 อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ระบุว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ ปฏิเสธรัฐบาลไทย ไม่ยอมเข้าช่วยเหลือผู้ขอลี้ภัยชาวอุยกูร์จากจีน 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยเป็นเวลานานกว่า 10 ปี . รายงานข่าวระบุว่าในบรรดาผู้ขอลี้ภัยเหล่านั้น มีอยู่ 5 คน ที่ต้องโทษจำคุก ที่เกี่ยวข้องกับความพยายามหลบหนีในปี 2020 ส่วนที่เหลือ 43 คน ถูกควบคุมตัวโดยปราศจากการตั้งข้อหาใดๆในสถานกักตัวคนต่างด้าว ซอนสวนพลู ในกรุงเทพฯ พวกเขาถูกห้ามติดต่อกัยครอบครัว ทนายความ หรือกระทั่งผู้ต้องขังคนอื่นๆ . เป็นเวลานานหลายปีที่ทาง UNHCR ยืนกรานว่ารัฐบาลไทยขัดขวางหน่วยงานของสหประชาชาติแห่งนี้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับอนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยและอำนวยความสะดวกพวกเขาในการย้ายไปตั้งรกรากในประเทศที่ 3 . อย่างไรก็ตามรายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายใน ย้อนกลับไปในปี 2020 เผยว่ารัฐบาลของไทยได้เริ่มส่งคำร้องอย่างไม่เป็นทางการถึง UNHCR ตั้งแต่เกือบ 5 ปีก่อนหน้านั้น ให้แสดงบทบาทอย่างกระตือรือร้นในการคลี่คลายการคุมตัวชาวอุยกูร์เหล่านี้อย่างไม่มีกำหนด แต่พวกทางเจ้าหน้าที่ UNHCR คัดค้านที่จะทำเช่นนั้น . The New Humanitarian ระบุว่า UNHCR มอบความช่วยเหลือปกป้องชีวิตแก่ผู้แสวงหาลี้ภัยทั่วโลก แต่รายงานในปี 2023 ที่เผยแพร่โดยครงการสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์(UHRP - Uyghur Human Rights Project) ระบุว่าอิทธิพลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆของจีนเหนือประเทศเจ้าบ้านบางชาติ "บ่อนทำลายความพยายามทางการเมืองหรือด้านมนุษยธรรมใดๆที่จะรับรองและมอบการปกป้องอย่างเหมาะสมกับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" และเอกสารภายในบ่งชี้ว่าอิทธิพลของจีนยังแผ่ลามมาถึงหน่วงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ด้วย . "เอกสารแสดงให้เห็นว่า UNHCR ล้มเหวในการยึดถืออานัติในการปกป้องพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" The New Humanitarian รายงานในตอนนั้น อ้างคำสัมภาษณ์ของ จอห์น ควินลีย์ ผู้อำนวยการองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน Fortify Rights หลังจากได้เห็นเอกสาร "พวกผู้นำของ UNHCR ดูเหมือนจะไม่ทำงานเชิงรุก ในความพยายามหาทางออกสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูรณ์ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตในการถูกควบคุมตัวมานานหลายปี" . บาบาร์ บาลอช โฆษกของ UNHCR บอกกับ The New Humanitarian เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ว่าหน่วยงานแห่งนี้เดินหน้าหยิบยกประเด็นนี้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไทย "แต่ไม่อยู่ในขั้น ที่เราได้รับอนุญาตให้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ หรือประสานงานกับผู้รับผิดชอบคดี ในจุดประสงค์อำนวยความสะดวกหนทางคลี่คลายปัญหา หาไม่แล้ว มันจะสะท้อนความเข้าใจผิดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น" . เขาปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของ UNHCR ต่อคดีนี้ โดยอ้างว่ามันเป็นความลับ . รายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ฉบับหนึ่งระบุว่า "รัฐบาลไทยเพิ่มความพยายามมากขึ้น ขอให้ทาง UNHCR หาทางออกในประเด็นนี้" และมีความเป็นไปได้ที่ไทยอาจเปิดทางให้ UNHCR เข้าถึงผู้ต้องขังชาวอุยกูร์เหล่านั้น . อย่างไรก็ตามสำนักงานของ UNHCR ประจำประเทศไทย กลับมองข้อเสนอของ ไทย ด้วยความสงสัย "สำนักงานประจำประเทศไทย มองเรื่องนี้ว่า ไทย อาจใช้ UNHCR เป็นโล่เบี่ยงเบนความโกรธเคืองของจีน" เอกสารฉบับหนึ่งระบุ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ของ UNHCR ประจำในประเทศไทย จึงตัดสินใจในช่วงปลายปี 2020 ไม่แนะนำให้ตอบสนองเชิงรุกใดๆ . เอกสารฉบับหนึ่งเตือนถึง "ความเสี่ยงของผลกระทบในทาทางลบใดๆต่อปฏิบัติการของ UNHCR ในจีน และผลกระทบในแง่ของเงินทุนและการสนับสนุนที่มีต่อ UNHCR ในนั้นรวมถึงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับล่าง 10 ตำแหน่ง และโครงการต่างๆคิดเป็นมูลค่า 7.7 ล้านดอลลาร์ . "หนึ่งในแง่มุมสุดช็อคของเอกสารนี้ก็คือ ดูเหมือน ไทย เป็นฝ่ายกดดันให้ UNHCR เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น แต่ทาง UNHCR หยุดชะงัก เพราะว่าพวกเขากลัวจีนจะโกรธ และลดความร่วมมือหรือลดเงินบริจาคที่มอบให้หน่วยงานแห่งนี้" ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรท์วอตช์ บอกกับ The New Humanitarian ในตอนนั้น หลังจากได้เห็นเอกสาร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020219 .................. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    23
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความล้มเหลวข้อตกลงแร่ธาตุที่ทุกฝ่ายต่างต้องการ ยกเว้น "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ

    - เซเลนสกี:
    การแสดงออกของเซเลนสกีด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวต่อหน้าสื่อมวลชน ในการเรียกร้องข้อเสนอเพิ่มเติมให้มีกองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯ เข้ามาในยูเครน ทั้งที่เซเลนสกี้รู้ดีว่าทรัมป์จะไม่เห็นด้วย บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีความคิดจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุ นอกจากนี้ การนำเสนอข่าวของสื่อในยูเครนถึงความไม่เป็นเอกภาพภายในรัฐบาลเซเลนสกี ที่หลายฝ่ายยังมีความเห็นไปคนละทาง สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่า เซเลนสกีเดินทางมาสหรัฐด้วยตัวของเขาเอง โดยที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ชมีกัล

    จากวิดีโอ เซเลนสกีกล่าวไว้าชัดเจนว่า “ผมไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อชาวรัสเซียได้ พวกเขาเป็นฆาตกร ปูตินและชาวรัสเซียคือศัตรูของเรา” คำพูดของเซเลนสกี บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่มีความคิดจะลงนามในข้อตกลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2022 ช่วงเริ่มต้นสงคราม หรือแม้แต่ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งภายหลังปูตินถึงกับบอกว่ารัสเซียถูกหลอกให้ลงนาม

    - "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ:
    โดยปกติแล้ว ในการลงนามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญระดับนี้ จะต้องได้รับการจัดการและตรวจสอบจนมั่นใจได้ว่ายินยอมพร้อมลงนามกันทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ก่อนที่จะมีการจัดการนัดประชุมของผู้นำประเทศเพื่อลงนามต่อไป

    แต่ครั้งนี้ นับเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ "มาร์โก รูบิโอ" ที่ตกเป็นเครื่องมือของเซเลนสกี ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อสามวันก่อนมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับยูเครนใกล้จะตกลงเรื่องแร่ธาตุหายากได้แล้ว ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาว่าเซเลนสกีจะมาเยือนทำเนียบขาว เพื่อเซ็นสัญญา ซึ่งรูบิโอ เป็นผู้ให้ข้อมูลนี้เอง

    จะเห็นว่าหลังจากการเจรจาล้มเหลว ไม่มีการลงนามใดๆเกิดขึ้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เป็นหน่วยงานแรกที่มีประกาศยุติการสนับสนุนโครงการฟื้นฟูโครงข่ายพลังงานของยูเครน ที่ออกมาสนองตอบต่อการกระทำของเซเลนสกี

    - เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ:
    ขณะเดียวกัน ทางฝั่งเจดี แวนซ์ รองปธน.สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่ตอบโต้เซเลนสกี จนนำไปสู่วิวาทะเดือด โดยปกติแล้ว ในระหว่างการประชุมทางการทูตต่อหน้าสื่อมวลชนแบบนี้ รองประธานาธิบดีมักจะไม่บทบาทในการพูดมากมายนัก เว้นแต่ว่าจะมีการนัดแนะกันไว้ก่อนแล้ว ซึ่งในครั้งนี้มันช่างตรงกับข้อสังเกตนี้อย่างมาก เพราะในสถานการณ์ช่วงเวลานั้น แวนซ์ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็ได้

    - โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ:
    แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า แร่ธาตุหายากไม่ใช่ว่าใครจะขุดกันได้ง่ายๆ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและจำเป็นต้องมีอุตสาหกรรมการขุดแร่ที่แข็งแกร่ง หรือมีประสบการณ์สูง

    เนื่องจากว่านี่คือแร่หายาก ไม่ใช่ทุกประเทศจะมี และถึงแม้ว่าจะมีแร่ แต่ก็มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่เทคโนโลยีอยู่ในระดับที่สามารถขุดออกมาแปรรูปเป็นสินค้าและคุ้มค่าในการลงทุน

    สหรัฐทำไม่ได้แน่นอน ซึ่งรวมทั้งยูเครนด้วย เพราะสภาพเศรษฐกิจของยูเครนยังไม่พร้อมกับเทคโนโลยีในการขุดแร่เหล่านั้น

    ทรัมป์รู้ดีถึงข้อเสียเปรียบตรงนี้ และนี่เป็นที่มาของเจดี แวนซ์ ในการยั่วยุเซเลนสกี

    - เมื่อเซเลนสกีเองก็ไม่ได้อยากลงนามในข้อตกลง ทรัมป์ก็ไม่อยากลงนามเช่นกัน คนที่อยากจะสร้างผลงาน มีคนเดียวคือ "รูบิโอ" ต้องกลายเป็นหมากของทั้งสองฝ่ายไปอย่างไม่เต็มใจนัก
    ความล้มเหลวข้อตกลงแร่ธาตุที่ทุกฝ่ายต่างต้องการ ยกเว้น "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ - เซเลนสกี: การแสดงออกของเซเลนสกีด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวต่อหน้าสื่อมวลชน ในการเรียกร้องข้อเสนอเพิ่มเติมให้มีกองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯ เข้ามาในยูเครน ทั้งที่เซเลนสกี้รู้ดีว่าทรัมป์จะไม่เห็นด้วย บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีความคิดจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุ นอกจากนี้ การนำเสนอข่าวของสื่อในยูเครนถึงความไม่เป็นเอกภาพภายในรัฐบาลเซเลนสกี ที่หลายฝ่ายยังมีความเห็นไปคนละทาง สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่า เซเลนสกีเดินทางมาสหรัฐด้วยตัวของเขาเอง โดยที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ชมีกัล จากวิดีโอ เซเลนสกีกล่าวไว้าชัดเจนว่า “ผมไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อชาวรัสเซียได้ พวกเขาเป็นฆาตกร ปูตินและชาวรัสเซียคือศัตรูของเรา” คำพูดของเซเลนสกี บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่มีความคิดจะลงนามในข้อตกลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2022 ช่วงเริ่มต้นสงคราม หรือแม้แต่ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งภายหลังปูตินถึงกับบอกว่ารัสเซียถูกหลอกให้ลงนาม - "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ: โดยปกติแล้ว ในการลงนามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญระดับนี้ จะต้องได้รับการจัดการและตรวจสอบจนมั่นใจได้ว่ายินยอมพร้อมลงนามกันทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ก่อนที่จะมีการจัดการนัดประชุมของผู้นำประเทศเพื่อลงนามต่อไป แต่ครั้งนี้ นับเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ "มาร์โก รูบิโอ" ที่ตกเป็นเครื่องมือของเซเลนสกี ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อสามวันก่อนมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับยูเครนใกล้จะตกลงเรื่องแร่ธาตุหายากได้แล้ว ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาว่าเซเลนสกีจะมาเยือนทำเนียบขาว เพื่อเซ็นสัญญา ซึ่งรูบิโอ เป็นผู้ให้ข้อมูลนี้เอง จะเห็นว่าหลังจากการเจรจาล้มเหลว ไม่มีการลงนามใดๆเกิดขึ้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เป็นหน่วยงานแรกที่มีประกาศยุติการสนับสนุนโครงการฟื้นฟูโครงข่ายพลังงานของยูเครน ที่ออกมาสนองตอบต่อการกระทำของเซเลนสกี - เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ: ขณะเดียวกัน ทางฝั่งเจดี แวนซ์ รองปธน.สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่ตอบโต้เซเลนสกี จนนำไปสู่วิวาทะเดือด โดยปกติแล้ว ในระหว่างการประชุมทางการทูตต่อหน้าสื่อมวลชนแบบนี้ รองประธานาธิบดีมักจะไม่บทบาทในการพูดมากมายนัก เว้นแต่ว่าจะมีการนัดแนะกันไว้ก่อนแล้ว ซึ่งในครั้งนี้มันช่างตรงกับข้อสังเกตนี้อย่างมาก เพราะในสถานการณ์ช่วงเวลานั้น แวนซ์ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็ได้ - โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ: แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า แร่ธาตุหายากไม่ใช่ว่าใครจะขุดกันได้ง่ายๆ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและจำเป็นต้องมีอุตสาหกรรมการขุดแร่ที่แข็งแกร่ง หรือมีประสบการณ์สูง เนื่องจากว่านี่คือแร่หายาก ไม่ใช่ทุกประเทศจะมี และถึงแม้ว่าจะมีแร่ แต่ก็มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่เทคโนโลยีอยู่ในระดับที่สามารถขุดออกมาแปรรูปเป็นสินค้าและคุ้มค่าในการลงทุน สหรัฐทำไม่ได้แน่นอน ซึ่งรวมทั้งยูเครนด้วย เพราะสภาพเศรษฐกิจของยูเครนยังไม่พร้อมกับเทคโนโลยีในการขุดแร่เหล่านั้น ทรัมป์รู้ดีถึงข้อเสียเปรียบตรงนี้ และนี่เป็นที่มาของเจดี แวนซ์ ในการยั่วยุเซเลนสกี - เมื่อเซเลนสกีเองก็ไม่ได้อยากลงนามในข้อตกลง ทรัมป์ก็ไม่อยากลงนามเช่นกัน คนที่อยากจะสร้างผลงาน มีคนเดียวคือ "รูบิโอ" ต้องกลายเป็นหมากของทั้งสองฝ่ายไปอย่างไม่เต็มใจนัก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) โดย WSJ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเหล่านี้อาจจะไปเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านเอไอของจีนให้ประเทศคู่แข่งรับรู้
    .
    ทางการปักกิ่งยังกลัวว่า พวกผู้บริหารเหล่านี้อาจจะถูกจับและถูกใช้เป็นชิปต่อรองในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เหมือนเช่นกรณีของ เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ที่เคยถูกแคนาดากักขังตามใบสั่งสหรัฐฯ มาแล้วในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง
    .
    ทำเนียบขาวและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (China’s State Council Information Office) ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ในประเด็นนี้
    .
    ผู้บริหารบริษัทเอไอชั้นนำของจีนและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์ เป็นต้น ต่างก็ได้รับคำสั่งให้งดเว้นการเดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของอเมริกา เว้นแต่จะมีความจำเป็นยิ่งยวดจริงๆ ตามรายงานของ WSJ
    .
    สำหรับผู้บริหารที่ตัดสินใจเดินทางจะต้องมีการแจ้งแผนการเดินทางให้รัฐบาลทราบล่วงหน้า และเมื่อกลับมาแล้วก็จะต้องแจ้งต่อทางการจีนว่าไปทำอะไร และพบใครมาบ้าง
    .
    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเอไอ DeepSeek ก็เคยปฏิเสธหนังสือเชิญไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเอไอที่กรุงปารีสเมื่อเดือน ก.พ. มาแล้ว ขณะที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปเอไอชั้นนำอีกรายหนึ่งก็ยกเลิกแผนเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2024 หลังได้รับใบสั่งจากปักกิ่ง ตามข้อมูลของ WSJ
    .
    จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในด้านเทคโนโลยีเอไอ โดยเมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดลเอไอหลายรุ่นที่อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดลเอไอของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และ Google โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากันหลายเท่า
    .
    เมื่อเดือน ก.พ. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมผู้นำภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน และเรียกร้องให้นักธุรกิจเหล่านี้ "แสดงพรสวรรค์" ออกตนออกมา และขอให้เชื่อมั่นในพลังของรูปแบบและตลาดจีน
    .
    คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000020106
    .......
    Sondhi X
    รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) โดย WSJ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเหล่านี้อาจจะไปเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านเอไอของจีนให้ประเทศคู่แข่งรับรู้ . ทางการปักกิ่งยังกลัวว่า พวกผู้บริหารเหล่านี้อาจจะถูกจับและถูกใช้เป็นชิปต่อรองในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เหมือนเช่นกรณีของ เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ที่เคยถูกแคนาดากักขังตามใบสั่งสหรัฐฯ มาแล้วในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง . ทำเนียบขาวและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (China’s State Council Information Office) ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ในประเด็นนี้ . ผู้บริหารบริษัทเอไอชั้นนำของจีนและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์ เป็นต้น ต่างก็ได้รับคำสั่งให้งดเว้นการเดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของอเมริกา เว้นแต่จะมีความจำเป็นยิ่งยวดจริงๆ ตามรายงานของ WSJ . สำหรับผู้บริหารที่ตัดสินใจเดินทางจะต้องมีการแจ้งแผนการเดินทางให้รัฐบาลทราบล่วงหน้า และเมื่อกลับมาแล้วก็จะต้องแจ้งต่อทางการจีนว่าไปทำอะไร และพบใครมาบ้าง . ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเอไอ DeepSeek ก็เคยปฏิเสธหนังสือเชิญไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเอไอที่กรุงปารีสเมื่อเดือน ก.พ. มาแล้ว ขณะที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปเอไอชั้นนำอีกรายหนึ่งก็ยกเลิกแผนเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2024 หลังได้รับใบสั่งจากปักกิ่ง ตามข้อมูลของ WSJ . จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในด้านเทคโนโลยีเอไอ โดยเมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดลเอไอหลายรุ่นที่อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดลเอไอของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และ Google โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากันหลายเท่า . เมื่อเดือน ก.พ. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมผู้นำภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน และเรียกร้องให้นักธุรกิจเหล่านี้ "แสดงพรสวรรค์" ออกตนออกมา และขอให้เชื่อมั่นในพลังของรูปแบบและตลาดจีน . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000020106 ....... Sondhi X
    SONDHITALK.COM
    หวั่นซ้ำรอยลูกสาวหัวเว่ย! จีนสั่ง ‘นักวิจัย-ผู้นำธุรกิจเอไอ’ หลีกเลี่ยงเดินทางไปสหรัฐฯ-ชาติพันธมิตร
    รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ)
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระบี่ไร้เทียมทาน Reincarnated (1978) ตอนที่ 5/60
    นำแสดงโดย :
    ฉีเส้าเฉียง 徐少強/顧冠忠 飾演 雲飛揚
    เหมียวเค่อซิ่ว 苗可秀 飾演 獨孤鳳
    หวีอันอัน 余安安 飾演 傅香君
    อู่เว่ยกั๋ว 伍衛國 飾演 傅玉書
    หม่าเหมี่ยนเอ๋อ 馬敏兒 飾演 倫婉兒
    กระบี่ไร้เทียมทาน Reincarnated (1978) ตอนที่ 5/60 นำแสดงโดย : ฉีเส้าเฉียง 徐少強/顧冠忠 飾演 雲飛揚 เหมียวเค่อซิ่ว 苗可秀 飾演 獨孤鳳 หวีอันอัน 余安安 飾演 傅香君 อู่เว่ยกั๋ว 伍衛國 飾演 傅玉書 หม่าเหมี่ยนเอ๋อ 馬敏兒 飾演 倫婉兒
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • ในขณะที่ทั้งโลกกำลังจับตาไปที่เหตุการณ์ระหว่างเซเลนสกีและทรัมป์:

    รัฐบาลทรัมป์เพิ่งอนุมัติการขายอาวุธฉุกเฉินมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับอิสราเอล ด้วยขั้นตอนบายพาสที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา ทำให้การโอนย้ายระเบิดหลายหมื่นลูกเป็นไปอย่างรวดเร็ว

    ➤ การอนุมัติดังกล่าวรวมถึงระเบิดทำลายล้างสูง MK 84 และ BLU-117 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์กว่า 35,529 ลูก และระเบิด "บังเกอร์บัสเตอร์" (Bunker Buster) น้ำหนัก 2,000 ปอนด์ (I-2000) จำนวน 4,000 ลูก

    ➤ รัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอ ให้เหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็น "สถานการณ์ฉุกเฉิน" บนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้ต้องขายอาวุธให้กับรัฐบาลอิสราเอลทันที จึงยกเว้นข้อกำหนดการตรวจสอบของรัฐสภาภายใต้มาตรา 36(b) ของพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกอาวุธ

    ➤ คาดว่าการส่งมอบจะเริ่มขึ้นในปี 2569
    ในขณะที่ทั้งโลกกำลังจับตาไปที่เหตุการณ์ระหว่างเซเลนสกีและทรัมป์: รัฐบาลทรัมป์เพิ่งอนุมัติการขายอาวุธฉุกเฉินมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับอิสราเอล ด้วยขั้นตอนบายพาสที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา ทำให้การโอนย้ายระเบิดหลายหมื่นลูกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ➤ การอนุมัติดังกล่าวรวมถึงระเบิดทำลายล้างสูง MK 84 และ BLU-117 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์กว่า 35,529 ลูก และระเบิด "บังเกอร์บัสเตอร์" (Bunker Buster) น้ำหนัก 2,000 ปอนด์ (I-2000) จำนวน 4,000 ลูก ➤ รัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอ ให้เหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็น "สถานการณ์ฉุกเฉิน" บนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้ต้องขายอาวุธให้กับรัฐบาลอิสราเอลทันที จึงยกเว้นข้อกำหนดการตรวจสอบของรัฐสภาภายใต้มาตรา 36(b) ของพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกอาวุธ ➤ คาดว่าการส่งมอบจะเริ่มขึ้นในปี 2569
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาถึงรูปที่ 8 ของ 12 กงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี วันนี้เราคุยกันถึงภาพที่แขวนในพระตำหนักเหยียนสี่กง

    ในละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> นั้น พระตำหนักเหยียนสี่กงเป็นที่พระทับของลิ่งเฟย (เว่ยอิงหลัว) ซึ่งก็คือฮองเฮาเซี่ยวอี๋ฉุน ฮองเฮาองค์ที่สามของเฉียนหลงฮ่องเต้ แต่... ในปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6 ซึ่งเป็นปีที่จัดทำกงซวิ่นถูกขึ้นนั้น ในละครเว่ยอิงหลัวเพิ่งเข้าวังเป็นนางกำนัลยังไม่ได้เป็นสนม (ในประวัติศาสตร์จริงเชื่อว่านางเข้าถวายตัวเป็นนางกำนัลในช่วงรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6-9 ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหรินในรัชศกเฉียนหลงปีที่ 10)

    Storyฯ หาไม่พบว่าในปีที่จัดทำกงซวิ่นถูนั้น พระตำหนักเหยียนสี่กงเป็นที่ประทับของพระองค์ใด แต่ภาพที่ถูกพระราชทานมายังพระตำหนักนี้คือภาพ ‘เฉาโฮ่วจ้งหนง’ (曹后重农图 / เฉาฮองเฮาให้ความสำคัญกับการเกษตร) แต่ภาพจริงสูญหายไปแล้ว ภาพที่แปะมาให้ดูเป็นภาพเรื่องราวเดียวกันจากสมัยองค์คังซี เป็นผลงานของช่างวาดหลวงเจียวปิ่งเจิน มีชื่อว่า ‘จิ้งย่วนจ้งกู่’ (禁苑种谷/ เพาะเมล็ดพืชในพระราชวัง)

    บุคคลที่ถูกกล่าวถึงในภาพก็คือเฉาฮองเฮาในจักรพรรดิซ่งเหรินจง (จักรพรรดิองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ซ่ง) เพื่อนเพจบางท่านอาจคุ้นเคยกับเรื่องราวของเฉาฮองเฮาจากละครเรื่อง <วังเดียวดาย> วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับสตรีผู้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในฮองเฮาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์จีนคนนี้ (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้)

    เฉาฮองเฮา (ค.ศ. 1016-1079) นามเดิมในละคร <วังเดียวดาย> คือเฉาตานซู แต่ Storyฯ หาข้อมูลไม่พบว่านี่ใช่นามเดิมที่ถูกต้องหรือไม่ ทราบแต่ว่านางมาจากตระกูลเรืองอำนาจ เป็นบุตรีของเฉาฉี่ซึ่งมีตำแหน่งเป็นขุนนางระดับสูงในกรมราชสำนักและเป็นหลานปู่ของแม่ทัพเฉาปินซึ่งเป็นหนึ่งในเรี่ยวแรงสำคัญในการก่อตั้งราชวงศ์ซ่ง

    ซ่งเหรินจงเดิมทีมีฮองเฮาอยู่แล้วคือกัวฮองเฮา แต่ภายหลังจากหลิวเอ๋อไทเฮาสิ้นชีพลง ซ่งเหรินจงสั่งปลดกัวฮองเฮาด้วยข้ออ้างว่านางไม่สามารถมีบุตรสืบสกุลให้ได้ เหล่าขุนนางจึงเสนอชื่อธิดาสกุลเฉาวัยสิบแปดปีผู้นี้เป็นฮองเฮา ว่ากันว่าซ่งเหรินจงไม่ชอบนาง แต่นางกลับเป็นที่ถูกใจของฮุ่ยหยางไทเฮา เพราะนางไม่สวยเย้ายวน ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ฮ่องเต้มัวเมาจนละเลยหน้าที่การงาน สุดท้ายนางได้รับการสถาปนาเป็นฮองเฮาในปีค.ศ. 1034

    ในบันทึกประวัติศาสตร์ซ่ง (宋史) จารึกถึงนางไว้ว่าเป็นคนมีเมตตาโอบอ้อมอารี ให้ความสำคัญกับการเกษตร มักปลูกธัญพืชและเลี้ยงหนอนไหมในวังเพื่อพัฒนาการเกษตร

    เฉาฮองเฮาถูกยกย่องว่าวางตนได้ดีเยี่ยม และนางระมัดระวังไม่ก้าวก่ายงานราชการ ไม่เคยพบปะกับคนในตระกูลเฉาตามลำพังให้เป็นที่สงสัยหรือเปิดโอกาสให้เป็นครหาได้ว่าตระกูลเฉาใช้อำนาจในทางที่ผิด แม้แต่ญาติของนางบางคนยังถึงขนาดขอลดตำแหน่งราชการลงหรือขอลาออกจากตำแหน่งสำคัญภายหลังจากที่นางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาแล้ว และตลอดเวลาที่นางดำรงตำแหน่งนี้ ตระกูลเฉาพยายามหลีกเลี่ยงไม่รับตำแหน่งขุนนางระดับสูงใดๆ นอกจากนี้ นางยังวางตัวอย่างสงบในวังหลัง ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร เคร่งครัดเรื่องกฎเกณฑ์ในวัง ฉลาดใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง จึงเป็นที่ยำเกรงและเคารพจากทั้งฝ่ายนอกและฝ่ายใน

    ซ่งเหรินจงไม่ได้รักและโปรดปรานนาง และมีหลายครั้งที่คิดจะปลดนางเพื่อยกกุ้ยเฟยคนโปรดขึ้นแทน แต่เพราะนางวางตัวได้ไร้ที่ติ อีกทั้งปกครองวังหลังได้ดี สุดท้ายซ่งเหรินจงจึงไม่ได้ปลดนางและยังต้องให้เกียรตินางเป็นอย่างดีอีกด้วย

    ต่อมาในรัชสมัยของจักรพรรดิซ่งอิงจง ซ่งอิงจงป่วยหนักภายหลังจากขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน นางในฐานะไทเฮาถูกเชิญให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนและออกว่าราชการหลังม่าน แต่มักหารือด้วยกับเหล่าขุนนาง ไม่ใช้อำนาจโดยพละการ จนงานราชการผ่านไปได้ด้วยดี หนึ่งปีให้หลังองค์ซ่งอิงจงหายป่วย เฉาไทเฮาก็คืนอำนาจบริหารบ้านเมืองให้ฮ่องเต้ บ้างว่านางเสนอคืนอำนาจเอง บ้างก็ว่านางถูกบีบโดยเหล่าขุนนาง ในรัชสมัยของซ่งอิงจงสี่ปีนี้ แม้ซ่งอิงจงมีความขัดแย้งกับนางมาโดยตลอดแต่ก็ไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่จนทำให้สถานะของนางคลอนแคลนหรือความยำเกรงในตัวนางหายไป

    ในรัชสมัยขององค์ซ่งเสินจง นางเป็นไทฮองไทเฮาก็ได้รับความเคารพรักอย่างมากจากซ่งเสินจง นางยังคงวางตัวอย่างระมัดระวังเช่นเดิม แต่ในรัชสมัยของซ่งอิงจงนี้ มีเรื่องราวที่นางมีบทบาทต่อชีวิตของคนสองคนในราชสำนักที่เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของจีน

    คนแรกก็คือ อัครมหาเสนาบดีหวางอันสือ เขาคือนักปฏิรูปด้านเศรษฐกิจและการปกครอง แต่แนวทางปฏิรูปของเขาทำไปได้ประมาณ 3-4 ปีก็ได้รับการต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ว่ากันว่าเฉาไทฮองไทเฮาก็เป็นหนึ่งในฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง แต่นางก็ชื่นชมในความสามารถของหวางอันสือ เมื่อสถานการณ์ราชสำนักตึงเครียดถึงขีดสุด ซ่งเสินจงเองก็หวั่นไหวกับความคิดที่จะล้มเลิกแผนปฏิรูปนี้ นางได้แนะนำซ่งเสินจงว่า หวางอันสือมีศัตรูในราชสำนักมากเกินไป หากต้องการรักษาชีวิตคนผู้นี้ไว้ ควรให้ออกจากราชการไปหลบพายุทางการเมืองสักพักแล้วค่อยกลับมาใหม่ แต่สุดท้ายหวางอันสือเลือกที่จะไม่มารับราชการอีกเลย (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงเรื่องที่เขาแต่งบทกกวี ‘เหมยฮวา’ มาแล้ว อ่านย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/672174234910872)

    อีกบุคคลหนึ่งคือซูซึ หรือซูตงปอ (กวีเอกสมัยนั้น) เขาถูกจำคุกเนื่องจากเขียนบทประพันธ์พาดพิงวิจารณ์เรื่องปฏิรูปข้างต้น ว่ากันว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตตกต่ำที่สุดของซูตงปอ ในช่วงเวลานั้น เฉาไทฮองไทเฮาป่วยหนัก ก่อนตายนางได้บอกกับซ่งเสินจงว่า ซูซึผู้นี้ เมื่อครั้งที่สอบราชบัณฑิตในรัชสมัยของซ่งเหรินจง ซ่งเหรินจงเคยบอกว่าเขาผู้นี้มีความสามารถพอที่จะเป็นถึงอัครเสนาบดีในอนาคตได้ และนางไม่อยากให้เขาต้องหมดอนาคตอยู่ในคุกด้วยเรื่องการเมือง สุดท้ายซูตงปอได้รับการปล่อยออกจากคุกและถูกลดตำแหน่งและให้ไปประจำที่เมืองหางโจว เรียกได้ว่า หากไม่ใช่เพราะนาง ชาวจีนอาจไม่มีโอกาสได้เห็นคุณงามความดีของขุนนางที่ชื่อซูซึที่หางโจว หรือผลงานวรรณกรรมอันมีค่าของซูตงปอต่อไปอีกเลย

    เมื่อนางสิ้นชีพลงด้วยวัยหกสิบสี่ปี องค์ซ่งเสินจงเศร้าโศกเป็นอย่างมาก เขาปรับระดับคนจากตระกูลเฉาขึ้นเป็นขุนนางระดับสูงกว่าสี่สิบคน และแต่งตั้งย้อนหลังให้เป็นฉือเซิ่งกวงเซี่ยนฮองเฮา เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดีของนาง

    ภาพ ‘เฉาโฮ่วจ้งหนง’ นี้บรรยายถึงกิจกรรมประจำวันของเฉาฮองเฮาตั้งแต่เมื่อครั้งเข้าวังใหม่ๆ ซึ่งก็คือการเพาะปลูกธัญพืชและเลี้ยงหนอนไหม และภาพนี้ถูกตีความว่าหมายถึงความขยันหมั่นเพียร

    ส่วนป้ายที่องค์เฉียนหลงพระราชทานไปคู่กับภาพนี้เขียนไว้ว่า ‘เซิ่นจ้านเวยอิน’ (慎赞徽音) แปลได้ประมาณว่า ความระมัดระวังตนนำมาซึ่งความเคารพยกย่อง เป็นประโยคที่สะท้อนได้ดีถึงชีวิตของสตรีที่อดทนและเฉลียวฉลาดคนนี้... เฉาฮองเฮาไม่ได้รับความรักความโปรดปรานจากสามี ไม่มีลูก และไม่เคยใช้ตระกูลเฉาเป็นฐานอำนาจ แต่ตลอดชีวิตในวังเกือบห้าสิบปีผ่านสามรัชสมัย นางกลับได้รับความเคารพยำเกรงด้วยคุณงามความดีและการวางตัวของนางเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://wapbaike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=114318e9a8c1c9eee79397a9
    https://www.sohu.com/a/394407332_100120829
    https://baike.baidu.com/item/清焦秉贞绘禁苑种谷图/386137
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.takungpao.com/culture/237140/2019/1207/387125.html
    http://www.guoxue.com/?p=42472
    https://www.duguoxue.com/ershisishi/12686.html
    https://www.soundofhope.org/post/472643?lang=b5
    https://www.silpa-mag.com/history/article_23090#google_vignette

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #เฉาฮองเฮา #ซ่งเหรินจง #วังเดียวดาย #หวางอันสือ #ซูตงปอ #เฉาโฮ่วจ้งหนง #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    มาถึงรูปที่ 8 ของ 12 กงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี วันนี้เราคุยกันถึงภาพที่แขวนในพระตำหนักเหยียนสี่กง ในละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> นั้น พระตำหนักเหยียนสี่กงเป็นที่พระทับของลิ่งเฟย (เว่ยอิงหลัว) ซึ่งก็คือฮองเฮาเซี่ยวอี๋ฉุน ฮองเฮาองค์ที่สามของเฉียนหลงฮ่องเต้ แต่... ในปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6 ซึ่งเป็นปีที่จัดทำกงซวิ่นถูกขึ้นนั้น ในละครเว่ยอิงหลัวเพิ่งเข้าวังเป็นนางกำนัลยังไม่ได้เป็นสนม (ในประวัติศาสตร์จริงเชื่อว่านางเข้าถวายตัวเป็นนางกำนัลในช่วงรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6-9 ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหรินในรัชศกเฉียนหลงปีที่ 10) Storyฯ หาไม่พบว่าในปีที่จัดทำกงซวิ่นถูนั้น พระตำหนักเหยียนสี่กงเป็นที่ประทับของพระองค์ใด แต่ภาพที่ถูกพระราชทานมายังพระตำหนักนี้คือภาพ ‘เฉาโฮ่วจ้งหนง’ (曹后重农图 / เฉาฮองเฮาให้ความสำคัญกับการเกษตร) แต่ภาพจริงสูญหายไปแล้ว ภาพที่แปะมาให้ดูเป็นภาพเรื่องราวเดียวกันจากสมัยองค์คังซี เป็นผลงานของช่างวาดหลวงเจียวปิ่งเจิน มีชื่อว่า ‘จิ้งย่วนจ้งกู่’ (禁苑种谷/ เพาะเมล็ดพืชในพระราชวัง) บุคคลที่ถูกกล่าวถึงในภาพก็คือเฉาฮองเฮาในจักรพรรดิซ่งเหรินจง (จักรพรรดิองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ซ่ง) เพื่อนเพจบางท่านอาจคุ้นเคยกับเรื่องราวของเฉาฮองเฮาจากละครเรื่อง <วังเดียวดาย> วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับสตรีผู้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในฮองเฮาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์จีนคนนี้ (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้) เฉาฮองเฮา (ค.ศ. 1016-1079) นามเดิมในละคร <วังเดียวดาย> คือเฉาตานซู แต่ Storyฯ หาข้อมูลไม่พบว่านี่ใช่นามเดิมที่ถูกต้องหรือไม่ ทราบแต่ว่านางมาจากตระกูลเรืองอำนาจ เป็นบุตรีของเฉาฉี่ซึ่งมีตำแหน่งเป็นขุนนางระดับสูงในกรมราชสำนักและเป็นหลานปู่ของแม่ทัพเฉาปินซึ่งเป็นหนึ่งในเรี่ยวแรงสำคัญในการก่อตั้งราชวงศ์ซ่ง ซ่งเหรินจงเดิมทีมีฮองเฮาอยู่แล้วคือกัวฮองเฮา แต่ภายหลังจากหลิวเอ๋อไทเฮาสิ้นชีพลง ซ่งเหรินจงสั่งปลดกัวฮองเฮาด้วยข้ออ้างว่านางไม่สามารถมีบุตรสืบสกุลให้ได้ เหล่าขุนนางจึงเสนอชื่อธิดาสกุลเฉาวัยสิบแปดปีผู้นี้เป็นฮองเฮา ว่ากันว่าซ่งเหรินจงไม่ชอบนาง แต่นางกลับเป็นที่ถูกใจของฮุ่ยหยางไทเฮา เพราะนางไม่สวยเย้ายวน ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ฮ่องเต้มัวเมาจนละเลยหน้าที่การงาน สุดท้ายนางได้รับการสถาปนาเป็นฮองเฮาในปีค.ศ. 1034 ในบันทึกประวัติศาสตร์ซ่ง (宋史) จารึกถึงนางไว้ว่าเป็นคนมีเมตตาโอบอ้อมอารี ให้ความสำคัญกับการเกษตร มักปลูกธัญพืชและเลี้ยงหนอนไหมในวังเพื่อพัฒนาการเกษตร เฉาฮองเฮาถูกยกย่องว่าวางตนได้ดีเยี่ยม และนางระมัดระวังไม่ก้าวก่ายงานราชการ ไม่เคยพบปะกับคนในตระกูลเฉาตามลำพังให้เป็นที่สงสัยหรือเปิดโอกาสให้เป็นครหาได้ว่าตระกูลเฉาใช้อำนาจในทางที่ผิด แม้แต่ญาติของนางบางคนยังถึงขนาดขอลดตำแหน่งราชการลงหรือขอลาออกจากตำแหน่งสำคัญภายหลังจากที่นางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาแล้ว และตลอดเวลาที่นางดำรงตำแหน่งนี้ ตระกูลเฉาพยายามหลีกเลี่ยงไม่รับตำแหน่งขุนนางระดับสูงใดๆ นอกจากนี้ นางยังวางตัวอย่างสงบในวังหลัง ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร เคร่งครัดเรื่องกฎเกณฑ์ในวัง ฉลาดใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง จึงเป็นที่ยำเกรงและเคารพจากทั้งฝ่ายนอกและฝ่ายใน ซ่งเหรินจงไม่ได้รักและโปรดปรานนาง และมีหลายครั้งที่คิดจะปลดนางเพื่อยกกุ้ยเฟยคนโปรดขึ้นแทน แต่เพราะนางวางตัวได้ไร้ที่ติ อีกทั้งปกครองวังหลังได้ดี สุดท้ายซ่งเหรินจงจึงไม่ได้ปลดนางและยังต้องให้เกียรตินางเป็นอย่างดีอีกด้วย ต่อมาในรัชสมัยของจักรพรรดิซ่งอิงจง ซ่งอิงจงป่วยหนักภายหลังจากขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน นางในฐานะไทเฮาถูกเชิญให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนและออกว่าราชการหลังม่าน แต่มักหารือด้วยกับเหล่าขุนนาง ไม่ใช้อำนาจโดยพละการ จนงานราชการผ่านไปได้ด้วยดี หนึ่งปีให้หลังองค์ซ่งอิงจงหายป่วย เฉาไทเฮาก็คืนอำนาจบริหารบ้านเมืองให้ฮ่องเต้ บ้างว่านางเสนอคืนอำนาจเอง บ้างก็ว่านางถูกบีบโดยเหล่าขุนนาง ในรัชสมัยของซ่งอิงจงสี่ปีนี้ แม้ซ่งอิงจงมีความขัดแย้งกับนางมาโดยตลอดแต่ก็ไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่จนทำให้สถานะของนางคลอนแคลนหรือความยำเกรงในตัวนางหายไป ในรัชสมัยขององค์ซ่งเสินจง นางเป็นไทฮองไทเฮาก็ได้รับความเคารพรักอย่างมากจากซ่งเสินจง นางยังคงวางตัวอย่างระมัดระวังเช่นเดิม แต่ในรัชสมัยของซ่งอิงจงนี้ มีเรื่องราวที่นางมีบทบาทต่อชีวิตของคนสองคนในราชสำนักที่เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของจีน คนแรกก็คือ อัครมหาเสนาบดีหวางอันสือ เขาคือนักปฏิรูปด้านเศรษฐกิจและการปกครอง แต่แนวทางปฏิรูปของเขาทำไปได้ประมาณ 3-4 ปีก็ได้รับการต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ว่ากันว่าเฉาไทฮองไทเฮาก็เป็นหนึ่งในฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง แต่นางก็ชื่นชมในความสามารถของหวางอันสือ เมื่อสถานการณ์ราชสำนักตึงเครียดถึงขีดสุด ซ่งเสินจงเองก็หวั่นไหวกับความคิดที่จะล้มเลิกแผนปฏิรูปนี้ นางได้แนะนำซ่งเสินจงว่า หวางอันสือมีศัตรูในราชสำนักมากเกินไป หากต้องการรักษาชีวิตคนผู้นี้ไว้ ควรให้ออกจากราชการไปหลบพายุทางการเมืองสักพักแล้วค่อยกลับมาใหม่ แต่สุดท้ายหวางอันสือเลือกที่จะไม่มารับราชการอีกเลย (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงเรื่องที่เขาแต่งบทกกวี ‘เหมยฮวา’ มาแล้ว อ่านย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/672174234910872) อีกบุคคลหนึ่งคือซูซึ หรือซูตงปอ (กวีเอกสมัยนั้น) เขาถูกจำคุกเนื่องจากเขียนบทประพันธ์พาดพิงวิจารณ์เรื่องปฏิรูปข้างต้น ว่ากันว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตตกต่ำที่สุดของซูตงปอ ในช่วงเวลานั้น เฉาไทฮองไทเฮาป่วยหนัก ก่อนตายนางได้บอกกับซ่งเสินจงว่า ซูซึผู้นี้ เมื่อครั้งที่สอบราชบัณฑิตในรัชสมัยของซ่งเหรินจง ซ่งเหรินจงเคยบอกว่าเขาผู้นี้มีความสามารถพอที่จะเป็นถึงอัครเสนาบดีในอนาคตได้ และนางไม่อยากให้เขาต้องหมดอนาคตอยู่ในคุกด้วยเรื่องการเมือง สุดท้ายซูตงปอได้รับการปล่อยออกจากคุกและถูกลดตำแหน่งและให้ไปประจำที่เมืองหางโจว เรียกได้ว่า หากไม่ใช่เพราะนาง ชาวจีนอาจไม่มีโอกาสได้เห็นคุณงามความดีของขุนนางที่ชื่อซูซึที่หางโจว หรือผลงานวรรณกรรมอันมีค่าของซูตงปอต่อไปอีกเลย เมื่อนางสิ้นชีพลงด้วยวัยหกสิบสี่ปี องค์ซ่งเสินจงเศร้าโศกเป็นอย่างมาก เขาปรับระดับคนจากตระกูลเฉาขึ้นเป็นขุนนางระดับสูงกว่าสี่สิบคน และแต่งตั้งย้อนหลังให้เป็นฉือเซิ่งกวงเซี่ยนฮองเฮา เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดีของนาง ภาพ ‘เฉาโฮ่วจ้งหนง’ นี้บรรยายถึงกิจกรรมประจำวันของเฉาฮองเฮาตั้งแต่เมื่อครั้งเข้าวังใหม่ๆ ซึ่งก็คือการเพาะปลูกธัญพืชและเลี้ยงหนอนไหม และภาพนี้ถูกตีความว่าหมายถึงความขยันหมั่นเพียร ส่วนป้ายที่องค์เฉียนหลงพระราชทานไปคู่กับภาพนี้เขียนไว้ว่า ‘เซิ่นจ้านเวยอิน’ (慎赞徽音) แปลได้ประมาณว่า ความระมัดระวังตนนำมาซึ่งความเคารพยกย่อง เป็นประโยคที่สะท้อนได้ดีถึงชีวิตของสตรีที่อดทนและเฉลียวฉลาดคนนี้... เฉาฮองเฮาไม่ได้รับความรักความโปรดปรานจากสามี ไม่มีลูก และไม่เคยใช้ตระกูลเฉาเป็นฐานอำนาจ แต่ตลอดชีวิตในวังเกือบห้าสิบปีผ่านสามรัชสมัย นางกลับได้รับความเคารพยำเกรงด้วยคุณงามความดีและการวางตัวของนางเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://wapbaike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=114318e9a8c1c9eee79397a9 https://www.sohu.com/a/394407332_100120829 https://baike.baidu.com/item/清焦秉贞绘禁苑种谷图/386137 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.takungpao.com/culture/237140/2019/1207/387125.html http://www.guoxue.com/?p=42472 https://www.duguoxue.com/ershisishi/12686.html https://www.soundofhope.org/post/472643?lang=b5 https://www.silpa-mag.com/history/article_23090#google_vignette #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #เฉาฮองเฮา #ซ่งเหรินจง #วังเดียวดาย #หวางอันสือ #ซูตงปอ #เฉาโฮ่วจ้งหนง #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจ้งข่าวต่างประเทศสั้นๆ 01/03/2025

    1. ล่าสุดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ในการไปเยือนสหรัฐของเซเลนสกีเพื่อลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯ เกิดการโต้เถียงระหว่างเซเลนสกี กับแวนซ์รองประธานาธิบดีฯและลุงทรัมป์ในห้องรูปไข่ แล้วลงเอยด้วยเซเลนสกีถูกลุงทรัมป์เอ็ดต่อหน้ากองทัพสื่อฯจนนั่งหน้าจ๋อย ..... โดนเอ็ด โดนชักสีหน้าใส่แบบไม่เหลือเกียรติศักดิ์ศรีของผู้นำประเทศ ประเทศนึงเลย (คลิปอยู่ในเม้นความยาวสิบนาที ดูเถอะ ดูบรรยากาศความเดือดก็น่าจะพอเห็นอะไรบ้างแล้ว)
    .
    เรื่องใหญ่แบบนี้เดี๋ยวสื่อบ้านเราคงรายงานแบบถอดเทปกัน ถ้าไม่รายงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็น่าเกลียดเกิน แต่จะสรุปใจความสั้นๆให้ว่า เซเลนสกีถูกลุงทรัมป์และแวนซ์ตำหนิต่อหน้าต่อตาแบบไม่ให้ราคาเลยว่า ...... "ไม่ได้รู้สึกขอบคุณสหรัฐ" "disrespectful" "attitude ของเซเลนสกีมีปัญหา" "เอาคนไปตุยทำบ้านเมืองเสียหายเพราะความเกลียดปูติน(เป็นการส่วนตัว)" "เซเลนสกีเอาโลกไปเสี่ยงต่อการเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม" "เซเลนสกีไม่มีอำนาจที่จะต่อรองอะไรได้เลย ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไร(แต่ชอบทำเรื่องเยอะ)" "ถ้าสหรัฐหยุดความช่วยเหลือวันนี้ยูเครนจะเสร็จรัสเซียในเวลารวดเร็ว" "การหยุดยิง สันติภาพไม่เกิดขึ้นก็เพราะเซเลนสกีเรื่องเยอะ" "ยังไม่ทันไร ยังไม่เริ่มคุย ไอนั่นก็ไม่เอาไอนี่ก็ไม่เอา" ฯลฯ
    .
    2. จากข้อ1 ...... ลุงทรัมป์เลยเปลี่ยนใจไม่ลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯกับเซเลนสกีแล้ว โดยบอกว่า
    เซเลนสกีไม่พร้อมสำหรับสันติภาพตราบใดที่มีสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วประชดด้วยว่าเซเลนสกีรู้สึกว่าการมีส่วนร่วมของสหรัฐจะทำให้เค้าได้เปรียบอย่างมากในการเจรจาฯ ลุงทรัมป์ไม่ได้ต้องการความได้เปรียบแต่ต้องการสันติภาพ
    เซเลนสกีแสดงความไม่เคารพสหรัฐในห้องรูปไข่ (ห้องทำงานของประธานาธิบดีฯ สัญลักษณ์แห่งอำนาจของสหรัฐ) เอาไว้เซเลนสกีพร้อมสำหรับสันติภาพแล้วค่อยกลับมา
    และได้ทำการยกเลิกการแถลงข่าวร่วมฯของผู้นำสั้งสอง
    ..... แล้วก็มีรายงานข่าวว่า เซเลนสกีถูกเชิญออกจากทำเนียบขาวแบบไม่ให้เกียรติ ..... ถ้าเป็นเรื่องจริง นั่นผู้นำประเทศหนึ่งนะ ไม่เหลือทรงเลย เฮ้อออออ เห็นใจชาวยูเครนจริงๆ 🥹🥹
    .
    นั่นแหละครับ เซเลนสกีไม่มีอานาจ ไม่มีอะไรที่จะเอาไปต่อรองได้เลย
    นอกจากชีวิตของชาวยูเครนแล้วก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ทุกอย่างต้องขอชาวบ้านมาตลอดสามปี ตลอดสามปีที่ผ่านมาเคยเห็นเค้าหยุดเดินสายขอชาวบ้านมั้ย?
    จะทำสงครามต่อไปได้แค่ไหนก็ต้องอาศัยความเมตตาจากประเทศอื่น
    แต่ก็ยังจะลากประเทศเข้าสู่สงครามที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่แรก สงครามเกิดแล้วก็ยังสามารถยุติได้ตั้งแต่ต้นๆ แต่ก็ไม่เอาอีก
    .
    ผ่านมาสามปี วันนี้ประเทศผู้สนับสนุนหลักที่เคยเมตตา เค้าไม่เมตตาเหมือนเดิมบอกให้หยุดสู้รบได้แล้ว ถ้าไม่หยุดก็ไปหาทางทำสงครามต่อเอาเอง แล้วจะไปยังไงต่อ?
    ผู้คนก็ตุยไปแล้ว ดินแดนก็เสียไปแล้ว จะทำสงครามต่อก็ไม่มีปัญญารบได้ด้วยตัวเอง แถมล่าสุดก็ไปโดนสหรัฐฉีกหน้าต่อหน้าโลกซะขนาดนั้น ...... แต่ส่วนตัวเชื่อว่ายังไงเซเลนสกีก็ต้องเดินตัวลีบๆไปขอร้องให้เค้าช่วยอยู่ดี
    เฮ้ออออ ถึงได้บอกว่า คนนี้เค้าเหมือนเด็กอมมือบทเวทีโลก
    ก่อนสงครามไปจนถึงช่วงต้นของสงคราม อำนาจต่อรองอยู่ที่เซเลนสกี แต่เค้าไม่ยอมเจรจาฯเอง ..... พอตอนนี้ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรแล้ว กลับมางอแงจะมีส่วนร่วมในการเจรจาฯ
    .
    ส่วนทางทรัมป์กับแวนซ์ เค้าเคยบอกว่าไม่ได้จะไปเอาเงื่อนไขของรัสเซียมาบังคับให้ยูเครนยอมรับ แต่ต้องการไปคุยกับรัสเซียก่อน แล้วค่อยมาคุยกับเซเลนสกี จะรับไม่รับ ทั้งสองฝ่ายค่อยมาต่อรองอีกที
    ก็เพราะเซเลนสกีเป็นแบบนี้แหละ ยังไม่ทันไรก็ตั้งเงื่อนไขเว่อร์ๆผ่านสื่อฯไว้ก่อน ไปเอาเซเลนสกีเข้ามาตั้งแต่แรก การเจรจายุติสงครามฯก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
    (หนึ่งในตัวอย่างของความเว่อร์เซเลนสกีที่เคยพูดไว้ สงครามจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียคืนดินแดนทั้งหมด ปลดอาวุธนิวเคลียร์ ลดขนาดกองทัพ และ ลดความสามารถทางทหารของตัวเอง ..... เอาแค่ข้อไหนข้อเดียวก็เป็นไปไม่ได้แล้ว)
    .
    ที่สำคัญ ลุงทรัมป์เค้าชัดมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เค้าอยู่ในฐานะตัวกลางที่จะยึดเอาตามสถานการณ์จริงในพื้นที่สู้รบ
    มันไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของลุงทรัมป์ที่ต้องไปทวงดินแดนที่เสียไปคืนให้ยูเครน (ที่เซเลนสกีงอแงมีปัญหาก็เพราะตรงนี้แหละ)
    ทางยูเครนเองก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ยิ่งไม่มีทางที่จะเอาชนะรัสเซียยึดดินแดนที่เสียไปคืนมาได้อยู่แล้ว
    ..... หยุดซะตอนนี้เลยดีกว่า ยูเครนจะเสียน้อยกว่าปล่อยให้สงครามยืดเยื้อออกไป เป็นการดีต่อชาวยูเครนเอง
    .
    3. ต้นเดือนที่ผ่านมา สหรัฐประสบความสำเร็จในการใช้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ที่ติดตั้งบนเรือรบสอยโดรนลงได้ ..... มีข่าวออกมาสองทาง ทางหนึ่งบอกว่าเป็นการทดสอบ ส่วนอีกทางบอกว่าสอยโดรนของฮูตีลงมาได้
    แต่ไม่ว่าอย่างไร เชื่อว่าในตอนนี้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ของสหรัฐสามารถนำมาใช้จริงในสนามรบได้แล้ว
    .
    4. มีข่าวว่าสหรัฐจะปิดคลังอาวุธลับในกรีซ ซึ่งเป็นคลังที่เก็บอาวุธเพื่อส่งเข้าไปในยูเครน
    .
    5. เมื่อวานนี้ เกาหลีใต้ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในส่วนที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว
    .
    6. นครนิวยอร์คเก็บค่า Congestion Charge จากรถยนต์ชนิดต่างๆในการเข้าเขตเศรษฐกิจที่มีการจราจรหนาแน่นในแมนแฮทตันในเดือนแรกได้เกือบ 50 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1.7 พันล้านบาท
    (Congestion Charge คือค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ ส่วนใหญ่ก็จะเรียกเก็บกันในเวลากลางวันหรือในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อจูงใจให้ผู้คนหันไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความหนาแน่นของรถยนต์ในพื้นที่นั้นๆ ..... เห็นผ่านๆตาว่าบ้านเราก็กำลังมีแนวคิดที่จะทำอยู่)
    .
    ภาพประกอบ ..... เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นทำเนียบขาว 🥹🥹

    ***เช่นเคย ขอความร่วมมืออย่าโยงมาการเมืองและนักการเมืองบ้านเรากันนะครับ ...... ถ้าทนไม่ไหวแนะนำให้แชร์ไปด่าที่กลุ่มหรือที่เฟสตัวเองครับ*** CR. https://www.facebook.com/share/1X94bYrs7p/?mibextid=wwXIfr ซิริอุส เป็นเรื่องของดวงดาว
    แจ้งข่าวต่างประเทศสั้นๆ 01/03/2025 1. ล่าสุดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ในการไปเยือนสหรัฐของเซเลนสกีเพื่อลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯ เกิดการโต้เถียงระหว่างเซเลนสกี กับแวนซ์รองประธานาธิบดีฯและลุงทรัมป์ในห้องรูปไข่ แล้วลงเอยด้วยเซเลนสกีถูกลุงทรัมป์เอ็ดต่อหน้ากองทัพสื่อฯจนนั่งหน้าจ๋อย ..... โดนเอ็ด โดนชักสีหน้าใส่แบบไม่เหลือเกียรติศักดิ์ศรีของผู้นำประเทศ ประเทศนึงเลย (คลิปอยู่ในเม้นความยาวสิบนาที ดูเถอะ ดูบรรยากาศความเดือดก็น่าจะพอเห็นอะไรบ้างแล้ว) . เรื่องใหญ่แบบนี้เดี๋ยวสื่อบ้านเราคงรายงานแบบถอดเทปกัน ถ้าไม่รายงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็น่าเกลียดเกิน แต่จะสรุปใจความสั้นๆให้ว่า เซเลนสกีถูกลุงทรัมป์และแวนซ์ตำหนิต่อหน้าต่อตาแบบไม่ให้ราคาเลยว่า ...... "ไม่ได้รู้สึกขอบคุณสหรัฐ" "disrespectful" "attitude ของเซเลนสกีมีปัญหา" "เอาคนไปตุยทำบ้านเมืองเสียหายเพราะความเกลียดปูติน(เป็นการส่วนตัว)" "เซเลนสกีเอาโลกไปเสี่ยงต่อการเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม" "เซเลนสกีไม่มีอำนาจที่จะต่อรองอะไรได้เลย ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไร(แต่ชอบทำเรื่องเยอะ)" "ถ้าสหรัฐหยุดความช่วยเหลือวันนี้ยูเครนจะเสร็จรัสเซียในเวลารวดเร็ว" "การหยุดยิง สันติภาพไม่เกิดขึ้นก็เพราะเซเลนสกีเรื่องเยอะ" "ยังไม่ทันไร ยังไม่เริ่มคุย ไอนั่นก็ไม่เอาไอนี่ก็ไม่เอา" ฯลฯ . 2. จากข้อ1 ...... ลุงทรัมป์เลยเปลี่ยนใจไม่ลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯกับเซเลนสกีแล้ว โดยบอกว่า เซเลนสกีไม่พร้อมสำหรับสันติภาพตราบใดที่มีสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วประชดด้วยว่าเซเลนสกีรู้สึกว่าการมีส่วนร่วมของสหรัฐจะทำให้เค้าได้เปรียบอย่างมากในการเจรจาฯ ลุงทรัมป์ไม่ได้ต้องการความได้เปรียบแต่ต้องการสันติภาพ เซเลนสกีแสดงความไม่เคารพสหรัฐในห้องรูปไข่ (ห้องทำงานของประธานาธิบดีฯ สัญลักษณ์แห่งอำนาจของสหรัฐ) เอาไว้เซเลนสกีพร้อมสำหรับสันติภาพแล้วค่อยกลับมา และได้ทำการยกเลิกการแถลงข่าวร่วมฯของผู้นำสั้งสอง ..... แล้วก็มีรายงานข่าวว่า เซเลนสกีถูกเชิญออกจากทำเนียบขาวแบบไม่ให้เกียรติ ..... ถ้าเป็นเรื่องจริง นั่นผู้นำประเทศหนึ่งนะ ไม่เหลือทรงเลย เฮ้อออออ เห็นใจชาวยูเครนจริงๆ 🥹🥹 . นั่นแหละครับ เซเลนสกีไม่มีอานาจ ไม่มีอะไรที่จะเอาไปต่อรองได้เลย นอกจากชีวิตของชาวยูเครนแล้วก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ทุกอย่างต้องขอชาวบ้านมาตลอดสามปี ตลอดสามปีที่ผ่านมาเคยเห็นเค้าหยุดเดินสายขอชาวบ้านมั้ย? จะทำสงครามต่อไปได้แค่ไหนก็ต้องอาศัยความเมตตาจากประเทศอื่น แต่ก็ยังจะลากประเทศเข้าสู่สงครามที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่แรก สงครามเกิดแล้วก็ยังสามารถยุติได้ตั้งแต่ต้นๆ แต่ก็ไม่เอาอีก . ผ่านมาสามปี วันนี้ประเทศผู้สนับสนุนหลักที่เคยเมตตา เค้าไม่เมตตาเหมือนเดิมบอกให้หยุดสู้รบได้แล้ว ถ้าไม่หยุดก็ไปหาทางทำสงครามต่อเอาเอง แล้วจะไปยังไงต่อ? ผู้คนก็ตุยไปแล้ว ดินแดนก็เสียไปแล้ว จะทำสงครามต่อก็ไม่มีปัญญารบได้ด้วยตัวเอง แถมล่าสุดก็ไปโดนสหรัฐฉีกหน้าต่อหน้าโลกซะขนาดนั้น ...... แต่ส่วนตัวเชื่อว่ายังไงเซเลนสกีก็ต้องเดินตัวลีบๆไปขอร้องให้เค้าช่วยอยู่ดี เฮ้ออออ ถึงได้บอกว่า คนนี้เค้าเหมือนเด็กอมมือบทเวทีโลก ก่อนสงครามไปจนถึงช่วงต้นของสงคราม อำนาจต่อรองอยู่ที่เซเลนสกี แต่เค้าไม่ยอมเจรจาฯเอง ..... พอตอนนี้ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรแล้ว กลับมางอแงจะมีส่วนร่วมในการเจรจาฯ . ส่วนทางทรัมป์กับแวนซ์ เค้าเคยบอกว่าไม่ได้จะไปเอาเงื่อนไขของรัสเซียมาบังคับให้ยูเครนยอมรับ แต่ต้องการไปคุยกับรัสเซียก่อน แล้วค่อยมาคุยกับเซเลนสกี จะรับไม่รับ ทั้งสองฝ่ายค่อยมาต่อรองอีกที ก็เพราะเซเลนสกีเป็นแบบนี้แหละ ยังไม่ทันไรก็ตั้งเงื่อนไขเว่อร์ๆผ่านสื่อฯไว้ก่อน ไปเอาเซเลนสกีเข้ามาตั้งแต่แรก การเจรจายุติสงครามฯก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ (หนึ่งในตัวอย่างของความเว่อร์เซเลนสกีที่เคยพูดไว้ สงครามจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียคืนดินแดนทั้งหมด ปลดอาวุธนิวเคลียร์ ลดขนาดกองทัพ และ ลดความสามารถทางทหารของตัวเอง ..... เอาแค่ข้อไหนข้อเดียวก็เป็นไปไม่ได้แล้ว) . ที่สำคัญ ลุงทรัมป์เค้าชัดมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เค้าอยู่ในฐานะตัวกลางที่จะยึดเอาตามสถานการณ์จริงในพื้นที่สู้รบ มันไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของลุงทรัมป์ที่ต้องไปทวงดินแดนที่เสียไปคืนให้ยูเครน (ที่เซเลนสกีงอแงมีปัญหาก็เพราะตรงนี้แหละ) ทางยูเครนเองก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ยิ่งไม่มีทางที่จะเอาชนะรัสเซียยึดดินแดนที่เสียไปคืนมาได้อยู่แล้ว ..... หยุดซะตอนนี้เลยดีกว่า ยูเครนจะเสียน้อยกว่าปล่อยให้สงครามยืดเยื้อออกไป เป็นการดีต่อชาวยูเครนเอง . 3. ต้นเดือนที่ผ่านมา สหรัฐประสบความสำเร็จในการใช้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ที่ติดตั้งบนเรือรบสอยโดรนลงได้ ..... มีข่าวออกมาสองทาง ทางหนึ่งบอกว่าเป็นการทดสอบ ส่วนอีกทางบอกว่าสอยโดรนของฮูตีลงมาได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เชื่อว่าในตอนนี้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ของสหรัฐสามารถนำมาใช้จริงในสนามรบได้แล้ว . 4. มีข่าวว่าสหรัฐจะปิดคลังอาวุธลับในกรีซ ซึ่งเป็นคลังที่เก็บอาวุธเพื่อส่งเข้าไปในยูเครน . 5. เมื่อวานนี้ เกาหลีใต้ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในส่วนที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว . 6. นครนิวยอร์คเก็บค่า Congestion Charge จากรถยนต์ชนิดต่างๆในการเข้าเขตเศรษฐกิจที่มีการจราจรหนาแน่นในแมนแฮทตันในเดือนแรกได้เกือบ 50 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1.7 พันล้านบาท (Congestion Charge คือค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ ส่วนใหญ่ก็จะเรียกเก็บกันในเวลากลางวันหรือในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อจูงใจให้ผู้คนหันไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความหนาแน่นของรถยนต์ในพื้นที่นั้นๆ ..... เห็นผ่านๆตาว่าบ้านเราก็กำลังมีแนวคิดที่จะทำอยู่) . ภาพประกอบ ..... เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นทำเนียบขาว 🥹🥹 ***เช่นเคย ขอความร่วมมืออย่าโยงมาการเมืองและนักการเมืองบ้านเรากันนะครับ ...... ถ้าทนไม่ไหวแนะนำให้แชร์ไปด่าที่กลุ่มหรือที่เฟสตัวเองครับ*** CR. https://www.facebook.com/share/1X94bYrs7p/?mibextid=wwXIfr ซิริอุส เป็นเรื่องของดวงดาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💕💗 แหวนคู่รักเงินแท้ 92.5%💙 Ornate couples RGC-019 🧡ประดับเพชร CZ💗 ปรับขนาดได้ ❤ พร้อมส่งงับ

    ✔️ ราคาคู่ละ 550 บาท จัดส่งฟรี

    🔷วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5%

    ขนาด : ฟรีไซส์ ปรับขนาดได้
    ผู้ชาย : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 18 mm (รอบนิ้ว 56.5 mm) ช่วงปรับขนาด 16.5-20 mm (รอบนิ้ว 51.5-63 mm)
    ผู้หญิง : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 16.5 mm (รอบนิ้ว 51.5 mm) ช่วงปรับขนาด 15.3-17.5 mm (รอบนิ้ว 48-55 mm)

    สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม
    Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ
    หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft

    🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว)

    #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    💕💗 แหวนคู่รักเงินแท้ 92.5%💙 Ornate couples RGC-019 🧡ประดับเพชร CZ💗 ปรับขนาดได้ ❤ พร้อมส่งงับ ✔️ ราคาคู่ละ 550 บาท จัดส่งฟรี 🔷วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5% ขนาด : ฟรีไซส์ ปรับขนาดได้ ผู้ชาย : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 18 mm (รอบนิ้ว 56.5 mm) ช่วงปรับขนาด 16.5-20 mm (รอบนิ้ว 51.5-63 mm) ผู้หญิง : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 16.5 mm (รอบนิ้ว 51.5 mm) ช่วงปรับขนาด 15.3-17.5 mm (รอบนิ้ว 48-55 mm) สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft 🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว) #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📢โปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 2 ขึ้น ลด 10% 🔴 🟡 🔵 ⚫️สร้อยข้อเท้าเงินแท้ 🟠 🟢 🟣มีให้เลือกช้อป 6 แบบ 🔸 วันนี้ - 5 มีนาคม 2568 จำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลยงับ 🛒

    ✔️ ราคาเส้นละ 320.- ซื้อ 2 ชิ้นลด 10% 🚗 ส่งฟรี

    ขนาด : ความยาวระบุไว้ที่รูปสินค้า

    🔶วัสดุเป็นเงินท้ 92.5%

    สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม
    Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ
    หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft

    🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว)

    #เครื่องประดับ #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    📢โปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 2 ขึ้น ลด 10% 🔴 🟡 🔵 ⚫️สร้อยข้อเท้าเงินแท้ 🟠 🟢 🟣มีให้เลือกช้อป 6 แบบ 🔸 วันนี้ - 5 มีนาคม 2568 จำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลยงับ 🛒 ✔️ ราคาเส้นละ 320.- ซื้อ 2 ชิ้นลด 10% 🚗 ส่งฟรี ขนาด : ความยาวระบุไว้ที่รูปสินค้า 🔶วัสดุเป็นเงินท้ 92.5% สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft 🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว) #เครื่องประดับ #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจากเพจเฟซบุ๊กSiamTownUS ระบุว่า อาจได้เห็น “หน้าทรัมป์” บนแบงก์ 250 ดอลลาร์แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : คองเกรสแมนจากเซาท์ คาโรไลน่า เสนอรัฐบาลผลิตธนบัตร 250 ดอลลาร์ โดยใช้ใบหน้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ อ้างเพื่อเป็นเกียรติในฐานะที่ทรัมป์แก้ไขปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จเว็บไซต์ของนิวส์วีค รายงานเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 ว่า โจ วิลสัน คองเกรสแมนจากรัฐ เซาท์ คาโรไลน่า ได้เสนอให้รัฐบาลทำการผลิตธนบัตรใหม่ ราคา 250 ดอลลาร์ ออกสู่ท้องตลาด โดยใช้ภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าเป็นการยกย่องและให้เกียรติ ในฐานะที่ทรัมป์ แก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ที่เกิดจากรัฐบาลของโจ ไบเดน หรือ “ไบเดน-ฟเลชั่น” ได้สำเร็จโดยโจ วิลสัน บอกว่าภายใต้การทำงานของรัฐบาลโจ ไบเดน นั้น สภาวะเงินเฟ้อสูงถึง 9.1 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงกลางปี 2022 ถือว่าสูงสุดนับจากต้นยุค 1980s เป็นต้นมาอย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาวะเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 3 เปอร์เซ็นต์ในช่วงต้นปี 2025 แต่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ยังกังวลกันว่า มาตรการกำแพงภาษีสินค้าจากแม็กซิโก และแคนาดา รวมถึงประเทศจีน จะส่งผลกระทบกับชาวอเมริกันมากแค่ไหนโดยรายงานของกระทรวงแรงงาน ฉบับล่าสุด ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมกราคม ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 18 เดือน เป็นเหตุให้ผู้บริโภคอเมริกันต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการซื้อหาสินค้าและบริการแทบทุกชนิดหากข้อเสนอ (ซึ่งยังไม่มีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรส) ของ โจ วิลสัน ผ่านความเห็นชอบ และมีการผลิตธนบัตร 250 ดอลลาร์ที่มีรูปของประธานาธิบดีทรัมป์ จริง จะทำให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งคนแรก รวมถึงเป็นประธานาธิบดีที่ยังมีชีวิตคนแรกในประวัติศาตร์ ที่ได้รับเกียรติให้ใช้ภาพบนธนบัตรที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย.
    รายงานจากเพจเฟซบุ๊กSiamTownUS ระบุว่า อาจได้เห็น “หน้าทรัมป์” บนแบงก์ 250 ดอลลาร์แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : คองเกรสแมนจากเซาท์ คาโรไลน่า เสนอรัฐบาลผลิตธนบัตร 250 ดอลลาร์ โดยใช้ใบหน้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ อ้างเพื่อเป็นเกียรติในฐานะที่ทรัมป์แก้ไขปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จเว็บไซต์ของนิวส์วีค รายงานเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 ว่า โจ วิลสัน คองเกรสแมนจากรัฐ เซาท์ คาโรไลน่า ได้เสนอให้รัฐบาลทำการผลิตธนบัตรใหม่ ราคา 250 ดอลลาร์ ออกสู่ท้องตลาด โดยใช้ภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าเป็นการยกย่องและให้เกียรติ ในฐานะที่ทรัมป์ แก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ที่เกิดจากรัฐบาลของโจ ไบเดน หรือ “ไบเดน-ฟเลชั่น” ได้สำเร็จโดยโจ วิลสัน บอกว่าภายใต้การทำงานของรัฐบาลโจ ไบเดน นั้น สภาวะเงินเฟ้อสูงถึง 9.1 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงกลางปี 2022 ถือว่าสูงสุดนับจากต้นยุค 1980s เป็นต้นมาอย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาวะเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 3 เปอร์เซ็นต์ในช่วงต้นปี 2025 แต่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ยังกังวลกันว่า มาตรการกำแพงภาษีสินค้าจากแม็กซิโก และแคนาดา รวมถึงประเทศจีน จะส่งผลกระทบกับชาวอเมริกันมากแค่ไหนโดยรายงานของกระทรวงแรงงาน ฉบับล่าสุด ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมกราคม ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 18 เดือน เป็นเหตุให้ผู้บริโภคอเมริกันต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการซื้อหาสินค้าและบริการแทบทุกชนิดหากข้อเสนอ (ซึ่งยังไม่มีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรส) ของ โจ วิลสัน ผ่านความเห็นชอบ และมีการผลิตธนบัตร 250 ดอลลาร์ที่มีรูปของประธานาธิบดีทรัมป์ จริง จะทำให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งคนแรก รวมถึงเป็นประธานาธิบดีที่ยังมีชีวิตคนแรกในประวัติศาตร์ ที่ได้รับเกียรติให้ใช้ภาพบนธนบัตรที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts