• สื่อเยอรมันเผยแพร่ภาพของชอลซ์ รักษาการนายกรัฐมนตรีเยอรมัน ขณะกำลังพยายามเอื้อมมือไปคว้าแขนของแบร์บอค รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศ หลังจากเธอหุนหันออกจากห้องประชุม จากการที่ชอลซ์ปฏิเสธข้อเสนอให้ความช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติม

    แบร์บอคและบอริส พิสตอริอุส รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมัน พยายามกดดันให้ชอลซ์อนุมัติการช่วยเหลือทางการทหารชุดใหม่แก่เคียฟ มูลค่า 3 พันล้านยูโร แต่ชอลซ์บ่ายเบี่ยงมาตลอด
    สื่อเยอรมันเผยแพร่ภาพของชอลซ์ รักษาการนายกรัฐมนตรีเยอรมัน ขณะกำลังพยายามเอื้อมมือไปคว้าแขนของแบร์บอค รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศ หลังจากเธอหุนหันออกจากห้องประชุม จากการที่ชอลซ์ปฏิเสธข้อเสนอให้ความช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติม แบร์บอคและบอริส พิสตอริอุส รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมัน พยายามกดดันให้ชอลซ์อนุมัติการช่วยเหลือทางการทหารชุดใหม่แก่เคียฟ มูลค่า 3 พันล้านยูโร แต่ชอลซ์บ่ายเบี่ยงมาตลอด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • 04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน?

    พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว
    พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม
    พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก
    พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น
    พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง
    พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว
    พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน
    พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา
    พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย
    พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน
    พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้
    พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า
    พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย
    พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน
    พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง
    พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง
    พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย
    พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ
    พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย
    พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก
    พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง
    พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้
    พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ
    พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย
    พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น

    มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!

    หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์)
    04 เม.ย. 62
    16.53 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?”

    ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ

    ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์

    ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง

    ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม

    … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม )

    ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน

    ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” )

    ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน? พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้ พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย! หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์) 04 เม.ย. 62 16.53 น. ------------------------------------------------------------------------— Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?” ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์ ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม ) ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” ) ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่น 5 : ชินกันเซ็น

    วันก่อนผมมีโอกาสได้นั่งรถไฟชินกันเซ็นครับ

    ด้วยความที่ว่าห้องโดยสารของชินกันเซ็นนั้นสวยงาม สบาย และเงียบกริบราวกับว่าไม่ได้วิ่งอยู่ด้วยความเร็ว 300 กม./ชม.

    ผมนั่งหลับตาไปก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า “วิศวกรญี่ปุ่นมีความสามารถสร้างรถไฟได้ดีเลิศขนาดนี้ ถ้าได้สร้างเครื่องบินโดยสารขึ้นมา ก็จะต้องดีกว่าพวกโบอิ้งหรือแอร์บัสแน่นอน แล้วทำไมญี่ปุ่นถึงไม่สร้างล่ะ?“

    ว่าแล้วผมก็ไปหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับ
    .
    .
    .
    หลังจากญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ.1945นั้น ฝ่ายผู้ชนะที่นำโดยอเมริกานั้นได้บังคับให้ฝ่ายญี่ปุ่นลงชื่อในเอกสารยอมจำนน

    ซึ่งในเอกสารฉบับนี้มีรายละเอียดมากมาย และประเด็นที่สำคัญคือมาตรา 9 ที่ระบุว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถมีกองทัพได้อีกต่อไป รวมถึงให้ยุติการสร้างยานพาหนะที่เกี่ยวกับการสงคราม เช่น เรือ เครื่องบิน รถรบทุกชนิด

    โรงงานสร้างเครื่องบินรบทั้งหลาย เช่น มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้, นากาชิมาแอร์คราฟท์ และคาวาซากิแอร์คราฟท์ ต้องเลิกกิจการ

    ทั้งโรงงานและวิศวกรต้องเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์แทน

    กิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยีอากาศยานของญี่ปุ่นถูกแช่แข็งอยู่ราว 7 ปึ คือ 1945-1952 เพื่อกำราบไม่ให้จักรวรรดิญี่ปุ่นฟื้นขึ้นมาแผลงฤทธิ์ได้อีก

    อันนี้ก็ต้องบอกว่าเยอรมันก็โดนแบบเดียวกันกับญี่ปุ่นนี่ละครับ และเยอรมันนี่หนักกว่าด้วยซ้ำคือ ถูกแบ่งประเทศเป็นฝั่งตะวันตกกับตะวันออก

    ทีนี้ในปี 1952 ก็ได้เกิดสงครามเกาหลีขึ้น ฝ่ายอเมริกาและสหประชาชาติต้องการใช้ญี่ปุ่นเป็นฐานสำหรับส่งทหารไปรบเพื่อช่วยเกาหลีใต้

    เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปแบบนี้ ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นพันธมิตรกับอเมริกา อเมริกาจึงไม่สามารถปล่อยให้ญี่ปุ่นอยู่ในสภาพ “ผู้ถูกปกครอง” อันจะเป็นภาระแก่ตัวอเมริกาเองด้วยซ้ำ

    อเมริกาจึงได้ปลดล็อคข้อห้ามทั้งหลาย ทำให้ญี่ปุ่นสามารถมีกำลังตำรวจ มีกองกำลังป้องกันตนเองได้ สามารถสร้างเรือ เครื่องบินได้

    แต่ก็ยังไม่สามารถสะสมอาวุธหรือมีกองทัพแบบฟูลออปชั่นได้

    อุตสาหกรรมสร้างอากาศยานจึงเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเริ่มช้าแล้วเพราะโบอิ้งเขาพัฒนาไปไกลแล้ว
    .
    .
    .
    ในเวลานั้นญี่ปุ่นเลือกเส้นทางที่จะเอาดีทางสร้างรถยนต์และรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า

    ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องบินนั้น ถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีความสามารถที่จะทำได้ดี แต่ญี่ปุ่นเลือกที่จะเล่นบทฝ่ายสนับสนุนอเมริกา

    คือ มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้ กลายมาเป็นผู้ผลิตอะไหล่และปีกเครื่องบินให้โบอิ้งมาตลอด

    และอเมริกายังเคยออกไลเซนส์ให้ญี่ปุ่นสร้างเครื่องบินบางรุ่นให้ด้วย เช่น F-86

    สำหรับเครื่องบินรบไฮเทค อย่าง 6th generation นั้น ปัจจุบันมิตซูบิชิก็ไปจับมือกับอังกฤษและชาติยุโรปช่วยกันพัฒนาอยู่
    .
    .
    .
    ทีนี้บางคนคงเคยได้ยินเครื่องบิน “ฮอนด้าเจ็ท” ใช่ไหมครับ

    ฮอนด้าเจ็ทนั้นเป็นเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก แม้จะแบรนด์ฮอนด้าแต่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นบนแผ่นดินญี่ปุ่น

    เพราะฮอนด้าเลือกจะไปสร้างโรงงานอยู่ที่รัฐนอร์ธแคโรไลน่า สหรัฐอเมริกาโน่น

    เรื่องฮอนด้าเจ็ทนี้ก็เป็นประเด็นที่คนคลางแคลงใจว่า ผู้บริหารฮอนด้ากลัวอเมริกาจะจับตามองว่าเริ่มสร้างอากาศยานได้เองหรือเปล่า ก็จึงไปเปิดโรงงานที่อเมริกากันเสียเลย
    .
    .
    .
    ญี่ปุ่นมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งมันสมอง ความรู้ ความมุ่งมั่นและระบบซัพพลายเชนที่จะสร้างได้ทั้งเครื่องบินโดยสารและเครื่องบินรบครับ

    แต่ญี่ปุ่นเขาเลือกเส้นทางที่จะเป็นเด็กดีเป็นผู้ช่วยมือรองให้อเมริกา

    จะด้วยความกลัวระเบิดนิวเคลียร์ที่ฝังลึกในใจหรือเปล่าก็ไม่รู้

    แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 5 : ชินกันเซ็น วันก่อนผมมีโอกาสได้นั่งรถไฟชินกันเซ็นครับ ด้วยความที่ว่าห้องโดยสารของชินกันเซ็นนั้นสวยงาม สบาย และเงียบกริบราวกับว่าไม่ได้วิ่งอยู่ด้วยความเร็ว 300 กม./ชม. ผมนั่งหลับตาไปก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า “วิศวกรญี่ปุ่นมีความสามารถสร้างรถไฟได้ดีเลิศขนาดนี้ ถ้าได้สร้างเครื่องบินโดยสารขึ้นมา ก็จะต้องดีกว่าพวกโบอิ้งหรือแอร์บัสแน่นอน แล้วทำไมญี่ปุ่นถึงไม่สร้างล่ะ?“ ว่าแล้วผมก็ไปหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับ . . . หลังจากญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ.1945นั้น ฝ่ายผู้ชนะที่นำโดยอเมริกานั้นได้บังคับให้ฝ่ายญี่ปุ่นลงชื่อในเอกสารยอมจำนน ซึ่งในเอกสารฉบับนี้มีรายละเอียดมากมาย และประเด็นที่สำคัญคือมาตรา 9 ที่ระบุว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถมีกองทัพได้อีกต่อไป รวมถึงให้ยุติการสร้างยานพาหนะที่เกี่ยวกับการสงคราม เช่น เรือ เครื่องบิน รถรบทุกชนิด โรงงานสร้างเครื่องบินรบทั้งหลาย เช่น มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้, นากาชิมาแอร์คราฟท์ และคาวาซากิแอร์คราฟท์ ต้องเลิกกิจการ ทั้งโรงงานและวิศวกรต้องเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์แทน กิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยีอากาศยานของญี่ปุ่นถูกแช่แข็งอยู่ราว 7 ปึ คือ 1945-1952 เพื่อกำราบไม่ให้จักรวรรดิญี่ปุ่นฟื้นขึ้นมาแผลงฤทธิ์ได้อีก อันนี้ก็ต้องบอกว่าเยอรมันก็โดนแบบเดียวกันกับญี่ปุ่นนี่ละครับ และเยอรมันนี่หนักกว่าด้วยซ้ำคือ ถูกแบ่งประเทศเป็นฝั่งตะวันตกกับตะวันออก ทีนี้ในปี 1952 ก็ได้เกิดสงครามเกาหลีขึ้น ฝ่ายอเมริกาและสหประชาชาติต้องการใช้ญี่ปุ่นเป็นฐานสำหรับส่งทหารไปรบเพื่อช่วยเกาหลีใต้ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปแบบนี้ ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นพันธมิตรกับอเมริกา อเมริกาจึงไม่สามารถปล่อยให้ญี่ปุ่นอยู่ในสภาพ “ผู้ถูกปกครอง” อันจะเป็นภาระแก่ตัวอเมริกาเองด้วยซ้ำ อเมริกาจึงได้ปลดล็อคข้อห้ามทั้งหลาย ทำให้ญี่ปุ่นสามารถมีกำลังตำรวจ มีกองกำลังป้องกันตนเองได้ สามารถสร้างเรือ เครื่องบินได้ แต่ก็ยังไม่สามารถสะสมอาวุธหรือมีกองทัพแบบฟูลออปชั่นได้ อุตสาหกรรมสร้างอากาศยานจึงเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเริ่มช้าแล้วเพราะโบอิ้งเขาพัฒนาไปไกลแล้ว . . . ในเวลานั้นญี่ปุ่นเลือกเส้นทางที่จะเอาดีทางสร้างรถยนต์และรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องบินนั้น ถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีความสามารถที่จะทำได้ดี แต่ญี่ปุ่นเลือกที่จะเล่นบทฝ่ายสนับสนุนอเมริกา คือ มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้ กลายมาเป็นผู้ผลิตอะไหล่และปีกเครื่องบินให้โบอิ้งมาตลอด และอเมริกายังเคยออกไลเซนส์ให้ญี่ปุ่นสร้างเครื่องบินบางรุ่นให้ด้วย เช่น F-86 สำหรับเครื่องบินรบไฮเทค อย่าง 6th generation นั้น ปัจจุบันมิตซูบิชิก็ไปจับมือกับอังกฤษและชาติยุโรปช่วยกันพัฒนาอยู่ . . . ทีนี้บางคนคงเคยได้ยินเครื่องบิน “ฮอนด้าเจ็ท” ใช่ไหมครับ ฮอนด้าเจ็ทนั้นเป็นเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก แม้จะแบรนด์ฮอนด้าแต่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นบนแผ่นดินญี่ปุ่น เพราะฮอนด้าเลือกจะไปสร้างโรงงานอยู่ที่รัฐนอร์ธแคโรไลน่า สหรัฐอเมริกาโน่น เรื่องฮอนด้าเจ็ทนี้ก็เป็นประเด็นที่คนคลางแคลงใจว่า ผู้บริหารฮอนด้ากลัวอเมริกาจะจับตามองว่าเริ่มสร้างอากาศยานได้เองหรือเปล่า ก็จึงไปเปิดโรงงานที่อเมริกากันเสียเลย . . . ญี่ปุ่นมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งมันสมอง ความรู้ ความมุ่งมั่นและระบบซัพพลายเชนที่จะสร้างได้ทั้งเครื่องบินโดยสารและเครื่องบินรบครับ แต่ญี่ปุ่นเขาเลือกเส้นทางที่จะเป็นเด็กดีเป็นผู้ช่วยมือรองให้อเมริกา จะด้วยความกลัวระเบิดนิวเคลียร์ที่ฝังลึกในใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซาเออร์เคราท์ (Sauerkraut) รสแซ่บ..แบบไทยๆ

    คือ อาหารเยอรมันชนิดหนึ่ง แปลตรงตัวว่ากะหล่ำปลีเปรี้ยว
    เป็นการดองกะหล่ำปลีโดยแบคทีเรียที่ผลิตกรดแลกติกหลายชนิด เช่น Leuconostoc, Lactobacillus และ Pediococcus

    เซาเออร์เคราท์(เยอรมัน)ทำจากกะหล่ำปลีหั่นแล้วนำไปหมักกับเกลือ ใส่เม็ดผักชี ใบเบย์ ผลเอลเดอร์ ยี่หร่า ฮอร์สแรดิช ใบเซโวรี กานพลู และเครื่องเทศอื่น ๆ ตามชอบ

    วิธีทำ แบบไทยๆ ทำง่าย รวดเร็วกว่า โดย
    1. หั่นกะหล่ำปลีสด ต้นหอม หรือ คึนฉ่าย โรยเกลือเพื่อดึงน้ำออก ทุบ+ขยำให้ผักช้ำ ล้างน้ำ บีบแห้ง ใส่ขวดโหล
    2. ทุบพริก และ กระเทียม พอแตก แล้วใส่ลงไปในโหล แล้วเทน้ำซาวข้าวลงไปให้ท่วม ไล่อากาศออกให้หมด ปิดฝา
    3. ทิ้งไว้ 3 วัน เปิด กินได้

    นี่แหละ..คือ ผักรสเปรี้ยว ที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติก หรือ จุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ขจัดของเสีย และ เพิ่มภูมิคุ้มกัน

    อยากมีสุขภาพที่ดี อายุยืน 120 ปี ต้อง(เพิ่ม)จุลินทรีย์ในลำไส้ ด้วย Sauerkraut ทำเอง สะอาด อร่อย เป็นประจำ นะคะ
    เซาเออร์เคราท์ (Sauerkraut) รสแซ่บ..แบบไทยๆ คือ อาหารเยอรมันชนิดหนึ่ง แปลตรงตัวว่ากะหล่ำปลีเปรี้ยว เป็นการดองกะหล่ำปลีโดยแบคทีเรียที่ผลิตกรดแลกติกหลายชนิด เช่น Leuconostoc, Lactobacillus และ Pediococcus เซาเออร์เคราท์(เยอรมัน)ทำจากกะหล่ำปลีหั่นแล้วนำไปหมักกับเกลือ ใส่เม็ดผักชี ใบเบย์ ผลเอลเดอร์ ยี่หร่า ฮอร์สแรดิช ใบเซโวรี กานพลู และเครื่องเทศอื่น ๆ ตามชอบ วิธีทำ แบบไทยๆ ทำง่าย รวดเร็วกว่า โดย 1. หั่นกะหล่ำปลีสด ต้นหอม หรือ คึนฉ่าย โรยเกลือเพื่อดึงน้ำออก ทุบ+ขยำให้ผักช้ำ ล้างน้ำ บีบแห้ง ใส่ขวดโหล 2. ทุบพริก และ กระเทียม พอแตก แล้วใส่ลงไปในโหล แล้วเทน้ำซาวข้าวลงไปให้ท่วม ไล่อากาศออกให้หมด ปิดฝา 3. ทิ้งไว้ 3 วัน เปิด กินได้ นี่แหละ..คือ ผักรสเปรี้ยว ที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติก หรือ จุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ขจัดของเสีย และ เพิ่มภูมิคุ้มกัน อยากมีสุขภาพที่ดี อายุยืน 120 ปี ต้อง(เพิ่ม)จุลินทรีย์ในลำไส้ ด้วย Sauerkraut ทำเอง สะอาด อร่อย เป็นประจำ นะคะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • "โถ! พ่อพระ"
    เยอรมนียอมเสียสละส่งขีปนาวุธสำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศ IRIS-T ให้กับยูเครนโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะเติมเข้าคลังอาวุธของกองทัพเยอรมัน

    "เดิมทีขีปนาวุธเหล่านี้ได้รับคำสั่งซื้อจากกองทัพเยอรมัน แต่จะถูกส่งไปยังยูเครนก่อน เพื่อช่วยต่อต้านการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย" นายบอริส ปิสตอเรียส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีกล่าว

    “เราจะส่งมอบอาวุธเหล่านี้ให้ยูเครนก่อนที่จะเติมสต็อกของเรา” ปิสตอเรียสกล่าวเสริม แต่เขาไม่ได้ระบุจำนวนขีปนาวุธที่จะส่งไปยังยูเครน

    นอกจากนี้ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เยอรมนีจะส่งทหารอีก 200 นาย และฐานยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ของระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot ไปยังโปแลนด์เพื่อปกป้องศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของนาโต้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ส่งความช่วยเหลือทางทหารไปยังยูเครน รัฐมนตรีระบุ
    "โถ! พ่อพระ" เยอรมนียอมเสียสละส่งขีปนาวุธสำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศ IRIS-T ให้กับยูเครนโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะเติมเข้าคลังอาวุธของกองทัพเยอรมัน "เดิมทีขีปนาวุธเหล่านี้ได้รับคำสั่งซื้อจากกองทัพเยอรมัน แต่จะถูกส่งไปยังยูเครนก่อน เพื่อช่วยต่อต้านการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย" นายบอริส ปิสตอเรียส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีกล่าว “เราจะส่งมอบอาวุธเหล่านี้ให้ยูเครนก่อนที่จะเติมสต็อกของเรา” ปิสตอเรียสกล่าวเสริม แต่เขาไม่ได้ระบุจำนวนขีปนาวุธที่จะส่งไปยังยูเครน นอกจากนี้ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เยอรมนีจะส่งทหารอีก 200 นาย และฐานยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ของระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot ไปยังโปแลนด์เพื่อปกป้องศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของนาโต้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ส่งความช่วยเหลือทางทหารไปยังยูเครน รัฐมนตรีระบุ
    Like
    Haha
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี

    "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา

    มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย

    ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา

    มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย

    หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน”

    แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา

    ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12

    #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้

    พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย

    แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า

    คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย

    แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ

    เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย

    เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย

    ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย"

    สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้

    พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

    เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย

    การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น

    ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน

    แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน

    ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง”

    หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว

    เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด”

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ
    แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว”

    พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน

    เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว”

    หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส

    ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้

    มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง

    เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง

    เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว

    สวดคาถาว่า...

    เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา

    ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด

    ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้

    ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ

    หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่

    คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    หลวงปู่โง่น โสรโย
    จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน” แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้ พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย" สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้ พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง” หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด” พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว” พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว” หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้ มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว สวดคาถาว่า... เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้ ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่ คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ หลวงปู่โง่น โสรโย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี

    "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา

    มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย

    ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา

    มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย

    หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน”

    แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา

    ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12

    #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้

    พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย

    แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า

    คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย

    แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ

    เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย

    เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย

    ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย"

    สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้

    พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

    เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย

    การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น

    ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน

    แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน

    ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง”

    หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว

    เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด”

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ
    แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว”

    พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน

    เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว”

    หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส

    ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้

    มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง

    เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง

    เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว

    สวดคาถาว่า...

    เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา

    ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด

    ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้

    ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ

    หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่

    คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    หลวงปู่โง่น โสรโย
    จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน” แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้ พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย" สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้ พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง” หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด” พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว” พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว” หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้ มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว สวดคาถาว่า... เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้ ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่ คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ หลวงปู่โง่น โสรโย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4/1/68

    คนไทยว่าไง เยอรมันกับรัสเซียช่วยไทยแบบเหนือชั้นพร้อมหลักฐานว่าแคมโบเดียชี้เขตแดน

    cr:Trend World

    https://youtu.be/uEILOcuXSgI?si=ZRNewlODzi1iF7Py
    4/1/68 คนไทยว่าไง เยอรมันกับรัสเซียช่วยไทยแบบเหนือชั้นพร้อมหลักฐานว่าแคมโบเดียชี้เขตแดน cr:Trend World https://youtu.be/uEILOcuXSgI?si=ZRNewlODzi1iF7Py
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • "มาสิ!"

    ยูเครนเตรียมโจมตีมอสโกด้วยขีปนาวุธที่ผลิตขึ้นเอง

    ท่ามกลางความกังวลว่าทรัมป์อาจตัดความช่วยเหลือ รัฐบาลยูเครนกำลังมุ่งมั่นทำงานเพื่อพัฒนาอาวุธของตัวเองเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐ

    "ขีปนาวุธร่อนขนาดเล็กเทรมบิตา (Trembita) ของยูเครนสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาของยูเครนที่ต้องการยืนหยัดด้วยตนเองทางด้านการทหาร เนื่องจากประเทศกำลังพิจารณาที่จะเริ่มผลิตอาวุธชนิดนี้และอาวุธพิสัยไกลชนิดอื่นๆ ในเงื่อนไขหากจำเป็นต้องยุติการใช้อาวุธของสหรัฐ" บทความดังกล่าวระบุ

    จากวิดีโอ1- มีรายงานว่ากลุ่มอาสาสมัครชาวยูเครนกำลังพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธร่อนขนาดเล็ก Trembita ซึ่งขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์พัลส์เจ็ท (PJRE) ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน PuVRD กับขีปนาวุธร่อน V-1 (V-1) ของเยอรมัน โดยระบุว่า Trembita มีน้ำหนักเปิดตัว 100 กก. น้ำหนักหัวรบ 20 กก. ระยะการบินสูงสุด 140 กม. และความเร็วสูงสุด 400 กม./ชม.
    "มาสิ!" ยูเครนเตรียมโจมตีมอสโกด้วยขีปนาวุธที่ผลิตขึ้นเอง ท่ามกลางความกังวลว่าทรัมป์อาจตัดความช่วยเหลือ รัฐบาลยูเครนกำลังมุ่งมั่นทำงานเพื่อพัฒนาอาวุธของตัวเองเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐ "ขีปนาวุธร่อนขนาดเล็กเทรมบิตา (Trembita) ของยูเครนสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาของยูเครนที่ต้องการยืนหยัดด้วยตนเองทางด้านการทหาร เนื่องจากประเทศกำลังพิจารณาที่จะเริ่มผลิตอาวุธชนิดนี้และอาวุธพิสัยไกลชนิดอื่นๆ ในเงื่อนไขหากจำเป็นต้องยุติการใช้อาวุธของสหรัฐ" บทความดังกล่าวระบุ จากวิดีโอ1- มีรายงานว่ากลุ่มอาสาสมัครชาวยูเครนกำลังพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธร่อนขนาดเล็ก Trembita ซึ่งขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์พัลส์เจ็ท (PJRE) ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน PuVRD กับขีปนาวุธร่อน V-1 (V-1) ของเยอรมัน โดยระบุว่า Trembita มีน้ำหนักเปิดตัว 100 กก. น้ำหนักหัวรบ 20 กก. ระยะการบินสูงสุด 140 กม. และความเร็วสูงสุด 400 กม./ชม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้านอาหารเยอรมัน-บุฟเฟ่ต์, เชียงใหม่.
    Auf der Au Garden Germany buffet
    ร้านชื่อดัง หลากหลาย เมนู มื้อเช้า กลางวัน และค่ำ
    เหมาจ่าย อิ่มละ 190-280 บาท/หัว(ไม่รวมเครื่องดื่ม)

    https://maps.app.goo.gl/mKQe1z9tuRqupWit7
    ร้านอาหารเยอรมัน-บุฟเฟ่ต์, เชียงใหม่. Auf der Au Garden Germany buffet ร้านชื่อดัง หลากหลาย เมนู มื้อเช้า กลางวัน และค่ำ เหมาจ่าย อิ่มละ 190-280 บาท/หัว(ไม่รวมเครื่องดื่ม) https://maps.app.goo.gl/mKQe1z9tuRqupWit7
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์วิทยุพระราม199 สรุปยอดผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเหตุเพลิงไหม้โรงแรมดังย่านถนนข้าวสาร เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 7 ราย

    วันนี้ (30 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิทยุพระราม199 สรุปยอดผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเหตุเพลิงไหม้โรงแรมดังย่านถนนข้าวสาร ว่า ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 7 ราย ได้แก่

    1.เป็นชาวญี่ปุ่น เพศชาย ไม่ทราบชื่อและอายุ มีอาการสำลักควัน อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลพระราม 9

    2.เป็นชาวต่างชาติ เพศหญิง ไม่ทราบชื่อและอายุ ไม่ทราบสัญชาติ มีอาการหมดสติในที่เกิดเหตุ อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลกลาง พักรักษาตัวที่ห้อง CCU

    3.เป็นชาวไทย เพศชาย ไม่ทราบชื่อและอายุ มีอาการสำลักควัน ปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ ไม่ต้องการไปโรงพยาบาล

    4.เป็นชาวไทย เพศชาย อายุประมาณ 34 ปี มีอาการลำสักควัน อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว

    5.เป็นชาวเยอรมัน เพศชาย อายุประมาณ 34 ปี มีอาการถูกไฟลวกที่มือ อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง

    6.เป็นชาวเยอรมัน เพศหญิง อายุประมาณ 32 ปี กระโดดจากที่สูง มีอาการปวดหลังและสำลักควัน อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง

    7.เป็นเพศชายชาวจีน ไม่ทราบชื่อและอายุ หมดสติในที่เกิดเหตุ อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว พักรักษาตัวที่ห้อง ICU

    ผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย ได้แก่

    1.เป็นเพศหญิงชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อและอายุ ไม่ทราบสัญชาติ ถูกไฟคลอกเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

    2.เป็นเพศชายชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อและอายุ ไม่ทราบสัญชาติ หมดสติในที่เกิดเหตุ อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ เสียชีวิตที่โรงพยาบาล

    3.เป็นเพศชายชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อและอายุ ไม่ทราบสัญชาติ หมดสติในที่เกิดเหตุ อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เสียชีวิตที่โรงพยาบาล พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยภูเขาทอง

    #MGROnline #โรงแรมดัง #ย่านถนนข้าวสาร
    ศูนย์วิทยุพระราม199 สรุปยอดผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเหตุเพลิงไหม้โรงแรมดังย่านถนนข้าวสาร เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 7 ราย • วันนี้ (30 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิทยุพระราม199 สรุปยอดผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเหตุเพลิงไหม้โรงแรมดังย่านถนนข้าวสาร ว่า ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 7 ราย ได้แก่ 1.เป็นชาวญี่ปุ่น เพศชาย ไม่ทราบชื่อและอายุ มีอาการสำลักควัน อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลพระราม 9 2.เป็นชาวต่างชาติ เพศหญิง ไม่ทราบชื่อและอายุ ไม่ทราบสัญชาติ มีอาการหมดสติในที่เกิดเหตุ อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลกลาง พักรักษาตัวที่ห้อง CCU 3.เป็นชาวไทย เพศชาย ไม่ทราบชื่อและอายุ มีอาการสำลักควัน ปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ ไม่ต้องการไปโรงพยาบาล 4.เป็นชาวไทย เพศชาย อายุประมาณ 34 ปี มีอาการลำสักควัน อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว 5.เป็นชาวเยอรมัน เพศชาย อายุประมาณ 34 ปี มีอาการถูกไฟลวกที่มือ อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง 6.เป็นชาวเยอรมัน เพศหญิง อายุประมาณ 32 ปี กระโดดจากที่สูง มีอาการปวดหลังและสำลักควัน อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง 7.เป็นเพศชายชาวจีน ไม่ทราบชื่อและอายุ หมดสติในที่เกิดเหตุ อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว พักรักษาตัวที่ห้อง ICU • ผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย ได้แก่ 1.เป็นเพศหญิงชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อและอายุ ไม่ทราบสัญชาติ ถูกไฟคลอกเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2.เป็นเพศชายชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อและอายุ ไม่ทราบสัญชาติ หมดสติในที่เกิดเหตุ อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 3.เป็นเพศชายชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อและอายุ ไม่ทราบสัญชาติ หมดสติในที่เกิดเหตุ อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เสียชีวิตที่โรงพยาบาล พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยภูเขาทอง • #MGROnline #โรงแรมดัง #ย่านถนนข้าวสาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇩🇪 ประธานาธิบดีเยอรมัน Steinmeier กล่าวว่า X (Twitter) กำลังมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งและเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย

    "อิทธิพลภายนอกเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย, ไม่ว่าจะเป็นแบบลับๆ... หรือเปิดเผยและโจ่งแจ้ง, ดังที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม X"
    .
    JUST IN: 🇩🇪 German President Steinmeier says X (Twitter) is influencing elections & is a danger to democracy.

    "External influence is a danger to democracy, whether it is covert... or open and blatant, as is currently being practiced particularly intensively on the platform X."
    .
    12:43 AM · Dec 28, 2024 · 466.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1872699950645297472
    🇩🇪 ประธานาธิบดีเยอรมัน Steinmeier กล่าวว่า X (Twitter) กำลังมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งและเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย "อิทธิพลภายนอกเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย, ไม่ว่าจะเป็นแบบลับๆ... หรือเปิดเผยและโจ่งแจ้ง, ดังที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม X" . JUST IN: 🇩🇪 German President Steinmeier says X (Twitter) is influencing elections & is a danger to democracy. "External influence is a danger to democracy, whether it is covert... or open and blatant, as is currently being practiced particularly intensively on the platform X." . 12:43 AM · Dec 28, 2024 · 466.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1872699950645297472
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ผลการสำรวจล่าสุดในเยอรมนี "อลิซ ไวเดล" (Alice Weidel) หัวหน้าพรรคขวาจัด AfD (Alternative für Deutschland - พรรคฝ่ายขวาจัด) ได้รับความนิยมสูงสุด แซงขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยคะแนน 24% ขณะที่ "ฟรีดริช เมิร์ซ" จากพรรค CDU ตามมาอันดับสองด้วยคะแนน 20%

    ส่วนนายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ได้รับความนิยมเพียง 15% เท่านั้น

    เมื่อวันก่อน Elon Musk เพิ่งรีทวีตว่า "มีแต่พรรค AfD เท่านั้นที่จะช่วยเยอรมนีได้"

    สำหรับอลิซ ไวเดล จากพรรค AfD กล่าวว่า พรรคของเธอจะรณรงค์หาเสียงให้เยอรมันออกจากสหภาพยุโรปแบบ Brexit ของอังกฤษ ซึ่งเธอกล่าวโทษสหภาพยุโรปว่าเป็นสาเหตุของปัญหาผู้อพยพของเยอรมนี

    ขณะที่ ฟรีดริช เมิร์ซ ต้องการสนับสนุนยูเครนเพื่อทำสงครามกับรัสเซียต่อไป โดยยังสัญญาว่าหากเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ จะอนุญาตให้เยอรมันส่งขีปนาวุธทอรัส(Taurus)ให้กับยูเครนทันที
    ผลการสำรวจล่าสุดในเยอรมนี "อลิซ ไวเดล" (Alice Weidel) หัวหน้าพรรคขวาจัด AfD (Alternative für Deutschland - พรรคฝ่ายขวาจัด) ได้รับความนิยมสูงสุด แซงขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยคะแนน 24% ขณะที่ "ฟรีดริช เมิร์ซ" จากพรรค CDU ตามมาอันดับสองด้วยคะแนน 20% ส่วนนายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ได้รับความนิยมเพียง 15% เท่านั้น เมื่อวันก่อน Elon Musk เพิ่งรีทวีตว่า "มีแต่พรรค AfD เท่านั้นที่จะช่วยเยอรมนีได้" สำหรับอลิซ ไวเดล จากพรรค AfD กล่าวว่า พรรคของเธอจะรณรงค์หาเสียงให้เยอรมันออกจากสหภาพยุโรปแบบ Brexit ของอังกฤษ ซึ่งเธอกล่าวโทษสหภาพยุโรปว่าเป็นสาเหตุของปัญหาผู้อพยพของเยอรมนี ขณะที่ ฟรีดริช เมิร์ซ ต้องการสนับสนุนยูเครนเพื่อทำสงครามกับรัสเซียต่อไป โดยยังสัญญาว่าหากเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ จะอนุญาตให้เยอรมันส่งขีปนาวุธทอรัส(Taurus)ให้กับยูเครนทันที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk กล่าวว่านายกรัฐมนตรีเยอรมัน Scholz เป็นคนโง่ที่ไร้ความสามารถ และเรียกร้องให้เขาลาออก

    "Scholz ควรลาออกทันที คนโง่ที่ไร้ความสามารถ"

    (แล้วนางยกอุ๊งอิ๊งของไทย จะโง่เบอร์ไหนล่ะเนี่ย?)
    .
    JUST IN: Elon Musk says German Chancellor Scholz is an incompetent fool and calls for him to resign.

    "Scholz should resign immediately. Incompetent fool."
    .
    3:55 AM · Dec 21, 2024 · 623.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1870211430919663737
    Elon Musk กล่าวว่านายกรัฐมนตรีเยอรมัน Scholz เป็นคนโง่ที่ไร้ความสามารถ และเรียกร้องให้เขาลาออก "Scholz ควรลาออกทันที คนโง่ที่ไร้ความสามารถ" (แล้วนางยกอุ๊งอิ๊งของไทย จะโง่เบอร์ไหนล่ะเนี่ย?) . JUST IN: Elon Musk says German Chancellor Scholz is an incompetent fool and calls for him to resign. "Scholz should resign immediately. Incompetent fool." . 3:55 AM · Dec 21, 2024 · 623.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1870211430919663737
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายในเมืองแม็กเดเบิร์ก ประเทศเยอรมนี

    เมื่อปี 2023 ชาวซาอุดีอาระเบียรายหนึ่งพยายามแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับ พฤติกรรมของ Abdulmohsen ต่อตำรวจเบอร์ลินผ่านทางอีเมลและกล่องข้อความบนเว็บไซต์ นอกจากนี้นี้ยังพยายามส่งข้อความไปหา BAMF (Federal Office for Migration and Refugees) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับการขอสถานะผู้ลี้ภัยและผู้อพยพของรัฐบาลเยอรมนี โดยเตือนว่า Taleb Abdulmohsen ซึ่งเป็นไซออนิสต์ที่ต่อต้านอิสลาม ข่มขู่จะสังหารชาวเยอรมัน 20 คนโดยไม่เลือกหน้า! แต่เจ้าหน้าที่เยอรมันกลับเพิกเฉย และมองว่า Abdulmohsen เป็นเพียง "นักเคลื่อนไหวทางการเมือง" เท่านั้น เหตุการณ์นี้จะป้องกันได้ หากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด

    วิดีโอ1- แสดงให้เห็นผู้ก่อเหตุขณะถูกจับกุม

    จากการที่ผู้ก่อการร้ายขับรถยนต์พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่ตลาดคริสต์มาส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย รวมถึงเด็ก 1 ราย และบาดเจ็บทะลุ 100 รายไปแล้ว
    มีรายงานข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายในเมืองแม็กเดเบิร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 2023 ชาวซาอุดีอาระเบียรายหนึ่งพยายามแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับ พฤติกรรมของ Abdulmohsen ต่อตำรวจเบอร์ลินผ่านทางอีเมลและกล่องข้อความบนเว็บไซต์ นอกจากนี้นี้ยังพยายามส่งข้อความไปหา BAMF (Federal Office for Migration and Refugees) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับการขอสถานะผู้ลี้ภัยและผู้อพยพของรัฐบาลเยอรมนี โดยเตือนว่า Taleb Abdulmohsen ซึ่งเป็นไซออนิสต์ที่ต่อต้านอิสลาม ข่มขู่จะสังหารชาวเยอรมัน 20 คนโดยไม่เลือกหน้า! แต่เจ้าหน้าที่เยอรมันกลับเพิกเฉย และมองว่า Abdulmohsen เป็นเพียง "นักเคลื่อนไหวทางการเมือง" เท่านั้น เหตุการณ์นี้จะป้องกันได้ หากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด วิดีโอ1- แสดงให้เห็นผู้ก่อเหตุขณะถูกจับกุม จากการที่ผู้ก่อการร้ายขับรถยนต์พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่ตลาดคริสต์มาส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย รวมถึงเด็ก 1 ราย และบาดเจ็บทะลุ 100 รายไปแล้ว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หัวกระไดไม่แห้ง!!" ตัวแทนด้านเศรษฐกิจของเยอรมนีเข้าพบผู้นำซีเรีย

    โจลานี ผู้นำซีเรียที่มีสถานะผู้ก่อการร้ายติดตัว พร้อมด้วยเงินรางวัลนำจับ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พบกับคณะผู้แทนจากกระทรวงต่างประเทศเยอรมนีในกรุงดามัสกัส เพื่อหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การลงทุน และการเงินในซีเรีย

    “เราได้รู้จักลักษณะเฉพาะของเศรษฐกิจ การลงทุน และการเงินในภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี เราทำงานร่วมกับทีมในภูมิภาคและสื่อสารกับประชาชน เราได้เห็นการทำงานของเทศบาล แผนกในภูมิภาค และกระทรวงของรัฐบาลกลาง ประสบการณ์นี้จะช่วยให้เราสามารถดำเนินการอย่างเป็นระบบในการแก้ไขปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญในอนาคต” เจ้าหน้าที่เยอรมันกล่าวโฆษณาตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อหวังส่วนแบ่งผลประโยชน์ในซีเรีย

    ประเทศในสหภาพยุโรปต่างพยายามแย่งกันเสนอตัวเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากซีเรีย โดยไม่สนใจว่าผู้นำซีเรียคือผู้ก่อการร้ายอย่างเป็นทางการ "ประชาธิปไตย ก็แค่คำพูดสวยหรู เอาไว้หลอกบางประเทศให้หลงเชื่อว่ามันคือสิ่งสวยงาม"
    "หัวกระไดไม่แห้ง!!" ตัวแทนด้านเศรษฐกิจของเยอรมนีเข้าพบผู้นำซีเรีย โจลานี ผู้นำซีเรียที่มีสถานะผู้ก่อการร้ายติดตัว พร้อมด้วยเงินรางวัลนำจับ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พบกับคณะผู้แทนจากกระทรวงต่างประเทศเยอรมนีในกรุงดามัสกัส เพื่อหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การลงทุน และการเงินในซีเรีย “เราได้รู้จักลักษณะเฉพาะของเศรษฐกิจ การลงทุน และการเงินในภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี เราทำงานร่วมกับทีมในภูมิภาคและสื่อสารกับประชาชน เราได้เห็นการทำงานของเทศบาล แผนกในภูมิภาค และกระทรวงของรัฐบาลกลาง ประสบการณ์นี้จะช่วยให้เราสามารถดำเนินการอย่างเป็นระบบในการแก้ไขปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญในอนาคต” เจ้าหน้าที่เยอรมันกล่าวโฆษณาตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อหวังส่วนแบ่งผลประโยชน์ในซีเรีย ประเทศในสหภาพยุโรปต่างพยายามแย่งกันเสนอตัวเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากซีเรีย โดยไม่สนใจว่าผู้นำซีเรียคือผู้ก่อการร้ายอย่างเป็นทางการ "ประชาธิปไตย ก็แค่คำพูดสวยหรู เอาไว้หลอกบางประเทศให้หลงเชื่อว่ามันคือสิ่งสวยงาม"
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 เจ้าหน้าที่ FSB ของรัสเซียจับกุมพลเมืองรัสเซีย-เยอรมัน ซึ่งต้องสงสัยวางแผนวางระเบิดทางรถไฟในรัสเซีย, โดยได้รับคำสั่งจากหน่วยข่าวกรองยูเครน
    .
    JUST IN: 🇷🇺 Russian FSB arrests dual Russian-German citizen accused of plotting a railway bombing in Russia, allegedly under orders from Ukrainian special services.
    .
    8:26 AM · Dec 11, 2024 · 445.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1866655762371711420
    🇷🇺 เจ้าหน้าที่ FSB ของรัสเซียจับกุมพลเมืองรัสเซีย-เยอรมัน ซึ่งต้องสงสัยวางแผนวางระเบิดทางรถไฟในรัสเซีย, โดยได้รับคำสั่งจากหน่วยข่าวกรองยูเครน . JUST IN: 🇷🇺 Russian FSB arrests dual Russian-German citizen accused of plotting a railway bombing in Russia, allegedly under orders from Ukrainian special services. . 8:26 AM · Dec 11, 2024 · 445.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1866655762371711420
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมัน ประกาศยื่นคำร้องต่อรัฐสภาเพื่อขอลงมติไว้วางใจให้เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีในวันที่ 16 ธันวาคม นี้

    หากชอลซ์ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจ เขาจะสามารถเริ่มการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมครั้งใหม่ได้ทันที

    และหากการลงมติไว้วางใจไม่ผ่าน การเลือกตั้งจะมีกำหนดประมาณวันที่ 23 กุมภาพันธ์
    ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมัน ประกาศยื่นคำร้องต่อรัฐสภาเพื่อขอลงมติไว้วางใจให้เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีในวันที่ 16 ธันวาคม นี้ หากชอลซ์ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจ เขาจะสามารถเริ่มการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมครั้งใหม่ได้ทันที และหากการลงมติไว้วางใจไม่ผ่าน การเลือกตั้งจะมีกำหนดประมาณวันที่ 23 กุมภาพันธ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมันประกาศสนับสนุนยูเครนสุดหัวใจ!

    ฟรีดริช เมิร์ซ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมันจากพรรค CDU เดินทางมายูเครนเพื่อพบกับเซเลนสกี

    “สงครามในยูเครนจะต้องยุติโดยเร็วที่สุด ปูตินจะเข้าสู่การเจรจาก็ต่อเมื่อยูเครนเข้มแข็งและสามารถปกป้องตัวเองได้เท่านั้น เพื่อดูว่าสถานการณ์ในยูเครนเป็นอย่างไรและเราจะให้การสนับสนุนได้ขนาดไหน วันนี้ผมเดินทางมาเคียฟ”

    เพื่อการต้อนรับอันอบอุ่นและการแลกเปลี่ยนอันดี เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อสนับสนุนยูเครนในสิ่งที่จำเป็นเพื่อสิทธิในการป้องกันตัวเอง เพื่ออิสรภาพ เพื่อความสงบสุข สำหรับประชาชนชาวยูเครน”

    ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เซเลนสกีวางแผนที่จะหารือกับเมิร์ซ เรื่องการส่งมอบขีปนาวุธทอรัส(Taurus) หากเขาได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเยอรมนี ซึ่งก่อนหน้านี้เมิร์ซเคยประกาศว่าพร้อมส่งมอบ Taurus ไปยังยูเครนทันทีหากเขาชนะการเลือกตั้ง
    ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมันประกาศสนับสนุนยูเครนสุดหัวใจ! ฟรีดริช เมิร์ซ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมันจากพรรค CDU เดินทางมายูเครนเพื่อพบกับเซเลนสกี “สงครามในยูเครนจะต้องยุติโดยเร็วที่สุด ปูตินจะเข้าสู่การเจรจาก็ต่อเมื่อยูเครนเข้มแข็งและสามารถปกป้องตัวเองได้เท่านั้น เพื่อดูว่าสถานการณ์ในยูเครนเป็นอย่างไรและเราจะให้การสนับสนุนได้ขนาดไหน วันนี้ผมเดินทางมาเคียฟ” เพื่อการต้อนรับอันอบอุ่นและการแลกเปลี่ยนอันดี เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อสนับสนุนยูเครนในสิ่งที่จำเป็นเพื่อสิทธิในการป้องกันตัวเอง เพื่ออิสรภาพ เพื่อความสงบสุข สำหรับประชาชนชาวยูเครน” ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เซเลนสกีวางแผนที่จะหารือกับเมิร์ซ เรื่องการส่งมอบขีปนาวุธทอรัส(Taurus) หากเขาได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเยอรมนี ซึ่งก่อนหน้านี้เมิร์ซเคยประกาศว่าพร้อมส่งมอบ Taurus ไปยังยูเครนทันทีหากเขาชนะการเลือกตั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เอ็ม อภิดิศร์" ส่งทนายฟ้องหมิ่นประมาท ดาราสาว หลังศาลยกฟ้องคดีกล่าวหาละเมิดทางเพศเรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 3 ก.พ.ปีหน้า

    เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา นายอภิดิศร์ หรือเอ็ม อินทุลักษณ์ อายุ 36 ปี นักธุรกิจและเป็นหลานชายอดีต รมว.ต่างประเทศที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง คดีถูกกล่าวหาละเมิดทางเพศ นักแสดงหญิง ส่งผู้รับมอบอำนาจเดินทางไปยื่นฟ้องอดีตนักแสดงสาว ชื่อย่อ ณ. ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท

    คำฟ้องสรุปว่า โจทก์เคยเป็นซีอีโอและประธานบริษัท Aphi Enterpriseซึ่งประกอบธุรกิจหลายอย่าง โดยเฉพาะธุรกิจนำเข้าศิลปินเกาหลีมาจัดคอนเสิร์ตในประเทศไทย รวมถึงการติดต่อธุรกิจอื่นๆ เกี่ยวกับประเทศเกาหลีใต้ และธุรกิจนำเข้าที่จอดรถเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมัน

    จำเลยเป็นนักแสดงอิสระ ซึ่งได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับโจทก์
    ในฐานความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและอื่น ๆ จนกระทั้งศาลนี้ ได้มีคำพิพากษา ยกฟ้องโจทกในคดีนี้ ไม่มีความผิดข้อ 2 เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2565 จนถึงปัจจุบัน จำเลยนี้ได้กระทำความผิดอาญา อันเป็นความผิดหลายกรรมด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000117549

    #MGROnline #เอ็มอภิดิศร์ #หลานอดีตรมต #ดาราสาว #ศาล #ยกฟ้อง
    "เอ็ม อภิดิศร์" ส่งทนายฟ้องหมิ่นประมาท ดาราสาว หลังศาลยกฟ้องคดีกล่าวหาละเมิดทางเพศเรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 3 ก.พ.ปีหน้า • เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา นายอภิดิศร์ หรือเอ็ม อินทุลักษณ์ อายุ 36 ปี นักธุรกิจและเป็นหลานชายอดีต รมว.ต่างประเทศที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง คดีถูกกล่าวหาละเมิดทางเพศ นักแสดงหญิง ส่งผู้รับมอบอำนาจเดินทางไปยื่นฟ้องอดีตนักแสดงสาว ชื่อย่อ ณ. ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท • คำฟ้องสรุปว่า โจทก์เคยเป็นซีอีโอและประธานบริษัท Aphi Enterpriseซึ่งประกอบธุรกิจหลายอย่าง โดยเฉพาะธุรกิจนำเข้าศิลปินเกาหลีมาจัดคอนเสิร์ตในประเทศไทย รวมถึงการติดต่อธุรกิจอื่นๆ เกี่ยวกับประเทศเกาหลีใต้ และธุรกิจนำเข้าที่จอดรถเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมัน • จำเลยเป็นนักแสดงอิสระ ซึ่งได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับโจทก์ ในฐานความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและอื่น ๆ จนกระทั้งศาลนี้ ได้มีคำพิพากษา ยกฟ้องโจทกในคดีนี้ ไม่มีความผิดข้อ 2 เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2565 จนถึงปัจจุบัน จำเลยนี้ได้กระทำความผิดอาญา อันเป็นความผิดหลายกรรมด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000117549 • #MGROnline #เอ็มอภิดิศร์ #หลานอดีตรมต #ดาราสาว #ศาล #ยกฟ้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇩🇪 ประธานาธิบดีรัสเซีย ปูติน ตำหนิโฆษกชาวเยอรมันที่ถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษกับเขา

    "คุณเป็นตัวแทนของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี, คุณควรพูดภาษาเยอรมัน ทำไมคุณถึงถามฉันเป็นภาษาอังกฤษ? ลองคิดถึงอำนาจอธิปไตยของคุณดู"
    .
    JUST IN: 🇷🇺🇩🇪 Russian President Putin slams German speaker for asking him a question in English

    "You're representing the federal republic of Germany, you should speak German. Why are you asking me in English? Think about your sovereignty."
    .
    9:58 PM · Dec 4, 2024 · 2.5M Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1864323312286859619
    🇷🇺🇩🇪 ประธานาธิบดีรัสเซีย ปูติน ตำหนิโฆษกชาวเยอรมันที่ถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษกับเขา "คุณเป็นตัวแทนของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี, คุณควรพูดภาษาเยอรมัน ทำไมคุณถึงถามฉันเป็นภาษาอังกฤษ? ลองคิดถึงอำนาจอธิปไตยของคุณดู" . JUST IN: 🇷🇺🇩🇪 Russian President Putin slams German speaker for asking him a question in English "You're representing the federal republic of Germany, you should speak German. Why are you asking me in English? Think about your sovereignty." . 9:58 PM · Dec 4, 2024 · 2.5M Views https://x.com/BRICSinfo/status/1864323312286859619
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 845 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇩🇪👈🇨🇳‼️ หลังจากที่เธอวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำจีนอย่างรุนแรงและสอนบทเรียนเกี่ยวกับวิธีที่จีนควรปฏิบัติต่อรัสเซีย, แบร์บ็อคก็ถูกไล่ออกอย่างเย็นชาพร้อมกับนักข่าวชาวเยอรมันทุกคน‼️

    ฝ่ายจีนได้ยกเลิกการแถลงข่าวร่วมกันอย่างรวดเร็ว
    .

    🇩🇪👈🇨🇳‼️ After her harsh criticism of the Chinese leadership and lessons on how China should behave towards Russia, Baerbock was coldly thrown out with all the German journalists.‼️

    The Chinese side quickly canceled the joint press conference.
    .
    4:44 AM · Dec 4, 2024 · 446.2K Views
    https://x.com/onlydjole/status/1864063270006448623
    🇩🇪👈🇨🇳‼️ หลังจากที่เธอวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำจีนอย่างรุนแรงและสอนบทเรียนเกี่ยวกับวิธีที่จีนควรปฏิบัติต่อรัสเซีย, แบร์บ็อคก็ถูกไล่ออกอย่างเย็นชาพร้อมกับนักข่าวชาวเยอรมันทุกคน‼️ ฝ่ายจีนได้ยกเลิกการแถลงข่าวร่วมกันอย่างรวดเร็ว . 🇩🇪👈🇨🇳‼️ After her harsh criticism of the Chinese leadership and lessons on how China should behave towards Russia, Baerbock was coldly thrown out with all the German journalists.‼️ The Chinese side quickly canceled the joint press conference. . 4:44 AM · Dec 4, 2024 · 446.2K Views https://x.com/onlydjole/status/1864063270006448623
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจ "จอร์เจีย" เข้าสลายการชุมนุมอย่างโหดร้ายและรุนแรง ต่อการชุมนุมของประชาชนที่ปราศจากอาวุธ
    .
    แก้ไขข้อความ!!!! ที่นี่คือ "ฝรั่งเศส" ไม่ใช่ "จอร์เจีย"

    โซเชียลของจอร์เจียโพสต์ข้อความพร้อมคลิปวิดีโอเก่าที่เป็นของฝรั่งเศส

    ชาวโซเชียลในจอร์เจียส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการประท้วง และต่อต้านยุโรป เริ่มขุดภาพการสลายการชุมนุมของประเทศยุโรป หลังจากประเทศเหล่านี้ประณามเจ้าหน้าที่จอร์เจียว่ากระทำการรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม

    ชาวโซเชียลยังเตือนอีกว่าต่อไปจะเป็นเยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ แม้แต่อเมริกาเองก็ตาม! ที่มีภาพความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ไม่ได้น้อยไปกว่าใคร
    ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจ "จอร์เจีย" เข้าสลายการชุมนุมอย่างโหดร้ายและรุนแรง ต่อการชุมนุมของประชาชนที่ปราศจากอาวุธ . แก้ไขข้อความ!!!! ที่นี่คือ "ฝรั่งเศส" ไม่ใช่ "จอร์เจีย" โซเชียลของจอร์เจียโพสต์ข้อความพร้อมคลิปวิดีโอเก่าที่เป็นของฝรั่งเศส ชาวโซเชียลในจอร์เจียส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการประท้วง และต่อต้านยุโรป เริ่มขุดภาพการสลายการชุมนุมของประเทศยุโรป หลังจากประเทศเหล่านี้ประณามเจ้าหน้าที่จอร์เจียว่ากระทำการรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม ชาวโซเชียลยังเตือนอีกว่าต่อไปจะเป็นเยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ แม้แต่อเมริกาเองก็ตาม! ที่มีภาพความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ไม่ได้น้อยไปกว่าใคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • เยอรมันประกาศความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่เคียฟอีก 650 ล้านยูโร
    Scholz บอกข่าวดีนี้ในระหว่างการประชุมกับเซเลนสกี

    ซึ่งประกอบไปด้วย :
    - ระบบป้องกันภัยทางอากาศ IRIS-T
    - รถถัง Leopard 1
    - รถรบทหารราบ และรถถัง M84 / M80 รวม 60 คัน
    - กระสุนปืนใหญ่
    - โดรน
    - อุปกรณ์กันหนาวและอุปกรณ์ทำความร้อน

    อย่างไรก็ตาม สื่อยูเครนรายงานว่า ไม่มีรายชื่อของขีปนาวุธพิสัยไกล TAURUS ที่เซเลนสกีอยากได้
    เยอรมันประกาศความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่เคียฟอีก 650 ล้านยูโร Scholz บอกข่าวดีนี้ในระหว่างการประชุมกับเซเลนสกี ซึ่งประกอบไปด้วย : - ระบบป้องกันภัยทางอากาศ IRIS-T - รถถัง Leopard 1 - รถรบทหารราบ และรถถัง M84 / M80 รวม 60 คัน - กระสุนปืนใหญ่ - โดรน - อุปกรณ์กันหนาวและอุปกรณ์ทำความร้อน อย่างไรก็ตาม สื่อยูเครนรายงานว่า ไม่มีรายชื่อของขีปนาวุธพิสัยไกล TAURUS ที่เซเลนสกีอยากได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts